The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการสอนพิเศษ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Lutfee Dawloh, 2022-05-28 00:36:15

เอกสารประกอบการสอนพิเศษ

เอกสารประกอบการสอนพิเศษ

ภาพรวมเนื้อหา

1

การเคลอื่ นที่แนวตรง

2

1. เด็กคนหนง่ึ วง่ิ เปน็ เส้นตรงไปทางขวา 10 เมตร ในเวลา 3 วนิ าที จากน้นั ก็หนั กลับแลว้ ว่งิ เป็นเสน้ ตรงไปทางซา้ ยอีก
5 เมตร ในเวลา 2 วนิ าที อตั ราเร็วเฉล่ยี ของเด็กคนนีเ้ ปน็ ไปตามข้อใด
1. 1 เมตรต่อวินาที
2. 3 เมตรตอ่ วนิ าที
3. 5 เมตรต่อวินาที
4. 8 เมตรต่อวนิ าที

2. จากข้อทีผ่ า่ นมา ขนาดของความเรว็ เฉลยี่ ของเดก็ คนนเี้ ป็นไปตามข้อใด
1. 1 เมตรตอ่ วินาที
2. 3 เมตรต่อวนิ าที
3. 5 เมตรต่อวินาที
4. 8 เมตรต่อวนิ าที

3. ตอนเริม่ ต้นวตั ถุอยหู่ ่างจากจุดอ้างองิ ไปทางขวา 2.0 เมตร เมือ่ เวลาผ่านไป 10 วนิ าที พบว่าวตั ถอุ ยหู่ า่ งจาก
จดุ อา้ งอิงไปทางซา้ ย 3.0 เมตร จงหาความเรว็ เฉลย่ี ของวตั ถนุ ี้
1. 0.5 เมตรต่อวินาที ทางขวา
2. 0.5 เมตรต่อวนิ าที ทางซา้ ย
3. 1.0 เมตรตอ่ วนิ าที ทางขวา
4. 1.0 เมตรตอ่ วนิ าที ทางซา้ ย

4. เดก็ คนหนึ่งออกกาลงั กายดว้ ยการว่งิ ด้วยอตั ราเร็ว 4 เมตรต่อวินาที เปน็ เวลา 1 นาที แลว้ เดนิ ดว้ ยอตั ราเรว็ 2
เมตรต่อวนิ าที อีก 1 นาที จงหาอตั ราเรว็ เฉล่ียในชว่ งเวลา 2 นาทีน้ี
1. 3.0 m/s
2. 3.5 m/s
3. 4.0 m/s
4. 4.5 m/s

3

5. A กับ B ว่ิงออกกาลงั กายจากจุดๆ หนง่ึ ด้วยอตั ราเรว็ สม่าเสมอ 10 เมตรตอ่ วินาที และ 15 เมตรตอ่ วนิ าที
ตามลา่ ดบั เมอ่ื เวลาผ่านไป 30 วินาที A กับ B จะอยหู่ า่ งกันกเ่ี มตร

6. คนขบั รถคนั หนึ่ง ขบั มาด้วยอตั ราเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชว่ั โมง แล้วเห็นสัญญาณให้ หยุดรอเขาจงึ เหยียบเบรกเพอื่
หยดุ รถ พบวา่ ระยะหยดุ ของเขาคือ 20 เมตร โดยแบ่งเปน็ ระยะคดิ (คอื เริ่มต้ังแต่มองเหน็ จนกระท่ังเท้าเรมิ่ แตะเบรก)
8 เมตร และระยะเบรก 12 เมตร ถา้ เขาก่าลงั ขบั รถคนั นี้มาดว้ ยอตั ราเร็ว 100 กิโลเมตรตอ่ ชัว่ โมง ระยะคดิ ของเขา
เปน็ ก่เี มตร
1. 20
2. 30
3. 32
4. 48

7. เด็กคนหนง่ึ ว่ิงตรงไปด้วยความเรง่ 3 เมตรตอ่ วินาที2 ถา้ เขาเริ่มต้นวิ่งจากหยุดน่ิง อกี 10 วินาทีตอ่ มา เขาจะมี
ความเรว็ เท่าใด
1. 2 m/s
2. 10 m/s
3. 15 m/s
4. 30 m/s

8. รถคันหน่งึ แลน่ มาด้วยความเร็ว 108 กโิ ลเมตร/ชั่วโมง ก่อนถึงไฟแดงคนขับ เหยียบเบรก และท่าให้รถหยุดตรง
ตา่ แหน่งไฟแดงโดยใช้เวลา 10 วินาที ความเร่งเฉล่ยี ของรถในชว่ งเหยียบเบรกมคี า่ กีเ่ มตร/วนิ าที2
1. 3
2. 5
3. –3
4. –5

4

9. จากคาถามข้อทผ่ี า่ นมา ณ จุดเริม่ ต้นรถหยดุ นง่ิ ภายในเวลา 10 วินาที รถยนตค์ ันนี้ เคล่ือนท่ไี ด้ระยะทางก่เี มตร
1. 15
2. 30
3. 150
4. 300

10. วตั ถุ A และ B มมี วลเท่ากัน ตกจากทีส่ งู 0.5 และ 1.0 เมตร ตามล่าดบั ในขณะท่ีเหรยี ญตกเกือบถึงพนื้ ข้อใด
กล่าวไม่ถูกต้อง
1. วัตถุ B มีความเรง่ มากกวา่ วตั ถุ A
2. วตั ถุ B มีความเรง่ น้อยกว่าวตั ถุ A
3. วัตถุ B มคี วามเรง่ เท่ากบั วัตถุ A
4. มขี ้อที่ไม่ถกู มากกวา่ 1 ข้อ

11. เมื่อโยนลกู เทนนิสขน้ึ ในแนวด่ิง ถ้าไม่คดิ แรงต้านของอากาศ ความเร่งของลกู เทนนสิ จะมีทิศเขา้ สศู่ นู ย์กลางของ
โลกเม่ือใดบ้าง

ก. เมอ่ื ลูกเทนนสิ กาลงั เคล่ือนทีข่ น้ึ
ข. เมอ่ื ลูกเทนนสิ อย่ทู ีต่ ่าแหน่งสูงสดุ
ค. เมอ่ื ลกู เทนนิสกาลงั ตกลงจากต่าแหน่งสงู สดุ
1. ข. เทา่ นนั้
2. ก. ข. และ ค.
3. ข. และ ค. เทา่ น้ัน
4. ก. และ ค. เทา่ นัน้

5

12. ถา้ ปล่อยให้วัตถุตกลงในแนวด่งิ อยา่ งเสรี หากวัตถุนน้ั ตกกระทบพื้นดินใน เวลา 10 วนิ าที ถามวา่ วัตถุกระทบดนิ
ด้วยความเรว็ เท่ากับก่เี มตร/วนิ าที
1. 4.9 m/s
2. 9.8 m/s
3. 49 m/s
4. 98 m/s

13. เม่อื โยนก้อนหินข้นึ ไปในแนวดง่ิ ดว้ ยความเรว็ 4.9 เมตรตอ่ วินาที ใช้เวลานานก่ีวนิ าที ก้อนหนิ จึงจะมีความเร็ว
เป็นศูนย์
1. 0.5
2. 1.0
3. 2.0
4. 4.0

14. ถา้ ยิงก้อนหนิ ข้นึ ไปในแนวดง่ิ ด้วยความเรว็ ตน้ 98 เมตร/วนิ าที ก้อนหินจะถึงจดุ สงู สุดใช้เวลานานกี่วินาที
1. 5
2. 10
3. 29.8
4. 49

15. ข้อใดต่อไปนไ้ี มไ่ ด้ทาใหก้ ารเคลอ่ื นท่ีของวัตถุเปน็ การตกแบบเสรี กา่ หนดให้การเคล่ือนทที่ ุกข้อไมค่ ดิ แรงต้าน
อากาศ
1. ผูกถุงทรายเข้ากบั สปรงิ ในแนวดิง่ ซ่งึ ตรงึ ไว้กบั เพดาน ดึงถงุ ทรายลงแลว้ ปล่อย
2. ขว้างลูกบอลลงจากดาดฟ้าตกึ
3. ลกู มะพร้าวหล่นลงจากยอดมะพรา้ วลงมาในแนวดงิ่
4. ขวา้ งกอ้ นหินจากยอดหนา้ ผาออกไปในแนวระดับ

6

การเคลื่อนแบบโปรเจคไทล์

16. ขอ้ ใดใกลเ้ คียงกบั การเคลื่อนท่แี บบโพรเจกไทล์มากที่สุด
1. เคร่ืองบนิ ขณะบนิ ขน้ึ จากสนามบิน
2. เด็กเลน่ สะพานลน่ื
3. ลูกเทนนิสท่ีถกู ตีออกไปข้างหน้า
4. เครื่องรอ่ นขณะรอ่ นลง

7

17. ยิงลูกปืนออกไปในแนวระดบั ทา่ ใหล้ กู ปืนเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ ตอนทลี่ ูกปนื กา่ ลังจะกระทบพน้ื ข้อใด
ถูกต้องที่สดุ ( ไมต่ ้องคดิ แรงต้านอากาศ )
1. ความเร็วในแนวระดับเป็นศูนย์
2. ความเรว็ ในแนวระดับมีขนาดมากกว่าตอนทถี่ ูกยิงออกมา
3. ความเรว็ ในแนวระดบั มีขนาดนอ้ ยกวา่ ตอนท่ีถกู ยิงออกมาแตไ่ มเ่ ป็นศนู ย์
4. ความเร็วในแนวระดบั เทา่ กับความเรว็ ตอนตน้ ท่ีลกู ปืนถูกยิงออกมา

18. วัตถุเคล่อื นท่ีแบบโพรเจคไทล์ขณะท่วี ัตถุอยู่ที่จุดสูงสุด ข้อใดตอ่ ไปนี้ถูกตอ้ ง
1. ความเรว็ ของวัตถุมีค่าเปน็ ศนู ย์
2. ความเรง่ ของวตั ถุมีคา่ เป็นศูนย์
3. ความเร็วของวตั ถุในแนวด่ิงมคี ่าเปน็ ศูนย์
4. ความเรว็ ของวตั ถุในแนวราบมคี ่าเป็นศนู ย์

19. เมื่อวัตถเุ คลอื่ นที่ข้ึนไปถงึ ตา่ แหน่งสูงสุดของการเคลอื่ นที่แบบโพรเจกไทล์ อตั ราเร็วของวัตถจุ ะเปน็ อยา่ งไร
1. มีค่าเทา่ กับอัตราเรว็ แนวราบเม่ือเร่มิ เคล่ือนที่
2. มคี า่ เท่ากบั อตั ราเรว็ แนวด่งิ เม่อื เร่ิมเคลื่อนที่
3. มคี ่าเปน็ ศนู ย์
4. มีค่าเทา่ กับจุดอนื่ ๆ ของการเคล่อื นท่ี

20. การเคลอื่ นทใ่ี นข้อใดไม่เป็นการเคลอ่ื นท่ีแบบโพรเจกไทล์
1. ชตู้ ลูกบาสเกต็ บอลลงห่วง
2. ขวา้ งก้อนหินในแนวระดบั
3. ยิงลูกธนเู ข้าเป้าตาววั
4. ขบั รถยนตเ์ ขา้ โคง้

8

การเคลอ่ื นที่แบบวงกลม

21. รถไตถ่ ังเคล่อื นทีด่ ้วยอตั ราเร็วสมา่ เสมอและวิ่งครบรอบได้ 4 รอบ ในเวลา 8 วินาที หากคดิ ในแงค่ วามถี่ของการ
เคล่ือนท่ี ความถจ่ี ะเปน็ เท่าใด
1. 2.0 Hz
2. 1.5 Hz
3. 0.5 Hz
4. 0.4 Hz
22. การเคล่ือนทใี่ ดท่ีแรงลพั ธ์ที่กระท่าต่อวตั ถมุ ีทิศต้ังฉากกับทิศของการเคลื่อนทต่ี ลอดเวลา
1. การเคลื่อนที่แบบโพรเจคไทล์
2. การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย
3. การเคลือ่ นท่ีในแนวตรง
4. การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลมด้วยอัตราเรว็ คงตวั

9

23. ผูกเชอื กเข้ากบั จุกยาง แลว้ เหวย่ี งให้จกุ ยางเคล่ือนท่ีเป็นวงกลมในแนวระดบั เหนือศีรษะด้วยอัตราเรว็ คงตวั ข้อใด
ถกู ต้อง
1. แรงทกี่ ระทา่ ต่อจุกยางมีทิศเขา้ สู่ศนู ย์กลางวงกลม
2. แรงท่ีกระทา่ ต่อจกุ ยางมที ิศเดียวกับความเรว็ ของจุกยาง
3. จุกยางมคี วามเร็วคงตัว
4. จกุ ยางมคี วามเร่งเปน็ ศูนย์

24. เมอ่ื นามวล m กอ้ นเล็กๆ มาผกู ดว้ ยเชอื กที่มคี วามยาวพอเหมาะ แลว้ แกว่งเป็นวงกลมเหนอื ศรี ษะด้วยความเรว็
เชิงมุมคงที่ ถ้าเชือกทผ่ี กู มวลขาดทันทีในขณะท่ีกาลงั แกวง่ อยู่ มวล m จะเคล่อื นท่ีอย่างไร

ก. เคล่ือนท่ีออกตามแนวเส้นสมั ผัสวงกลมท่ีกาลังแกวง่ อยู่
ข. เคล่ือนท่ีออกตามแนวรัศมีของวงกลมท่ีกาลงั แกวง่ อยู่
ค. เคลอ่ื นที่เปน็ ทางโค้งโพรเจคไทล์
ข้อใดถกู ต้องทีส่ ุด
1. ก. เท่านัน้
2. ข. เท่านนั้
3. ก. และ ค.
4. ข. และ ค.

25. ลูกแก้วมวล 1 กิโลกรัม เคลื่อนท่ีขน้ึ รางโค้งตีลังกาอันมีรศั มี 1 เมตร ดว้ ยความเร็วคงทดี่ งั แสดงในรปู ขณะท่ี
ลูกแก้วอยู่ท่ีจดุ สูงสุดของรางแรงในขอ้ ต่อไปนี้ ทท่ี ่าหน้าท่เี ป็นแรงสูศ่ นู ยก์ ลาง
1. แรงดันพน้ื
2. น่า้ หนกั ของลูกแกว้
3. แรงดนั พืน้ ลบน้่าหนักของลูกแกว้
4. แรงดันพ้ืนบวกกบั น้่าหนกั ของลูกแก้ว

10

การเคลื่อนท่ีแบบซิมเปิลฮาร์มอนิคอยา่ งง่าย

26. ขอ้ ใดต่อไปนไี้ มไ่ ด้ทาให้วัตถมุ ีการเคลอื่ นทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย
1. แขวนลกู ตุ้มดว้ ยเชอื กในแนวดงิ่ ดึงลูกตมุ้ ออกมาจนเชอื กทา่ มุมกับแนวดิ่งเลก็ น้อย แล้วปล่อยมอื
2. ผูกวตั ถกุ ับปลายสปริงในแนวระดบั ตรงึ อีกดา้ นของสปริงไว้ ดึงวตั ถุใหส้ ปริงยืดออกเล็กนอ้ ย แลว้ ปล่อย มือ
3. ผกู วัตถกุ ับปลายสปรงิ ในแนวดิง่ ตรงึ อกี ด้านของสปรงิ ไว้ ดงึ วัตถใุ หส้ ปรงิ ยดื ออกเล็กน้อย แล้วปลอ่ ยมือ
4. แขวนลกู ตมุ้ ดว้ ยเชอื กในแนวดง่ิ ผลกั ลูกตมุ้ ใหแ้ กว่งเป็นวงกลมในแนวราบ โดยเสน้ เชอื กท่ามมุ คงตวั กบั แนวดิ่ง

27. ลูกตุ้มนาฬิกากา ลังแกว่งกลับไปกลับมาแบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่ายท่ีต่าแหน่งสมดุลของการแกวง่ ลกู ตมุ้ นาฬิกามี
สภาพการเคลื่อนที่เปน็ อย่างไร
1. ความเร็วสูงสดุ ความเร่งต่าสุด
2. ความเรว็ ต่าสุด ความเร่งต่าสุด
3. ความเรว็ สงู สดุ ความเรง่ สูงสดุ
4. ความเร็วตา่ สดุ ความเรง่ สูงสุด

11

28. ลูกต้มุ ของนาฬิกาแขวนผนงั เรือนหนึ่งแกวง่ ดว้ ยความถี่ 1 รอบ/วนิ าที เรม่ิ ตน้ แกวง่ ณ เวลาเที่ยงตรง เม่อื นาฬิกา
บอกเวลาบา่ ยโมงสิบห้านาทลี กู ตมุ้ จะแกว่งไปทั้งหมดกร่ี อบ
1. 75
2. 115
3. 4,500
4. 6,900

29. ถา้ การแกวง่ ของนอ็ ตแบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่ายจากตา่ แหน่ง A ไป B ใชเ้ วลา 1.0 วนิ าที คาบการแกวง่ จะมคี ่าก่ี
วินาที

30. ลกู ต้มุ นาฬิกาแกว่งแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย พบวา่ ผ่านจดุ ต่าสุดทุกๆ 1 วินาที ความถขี่ องการแกว่งของลูกตุ้มนี้
เปน็ ไปตามขอ้ ใด
1. 0.5 เฮิรตซ์
2. 1.0 เฮริ ตซ์
3. 2.0 เฮริ ตซ์
4. 4.0 เฮริ ตซ์

31. ขอ้ ความใดถูกต้องเก่ียวกับคาบของลกู ตุ้มอย่างงา่ ย
1. ไมข่ น้ึ กับความยาวเชอื ก
2. ไม่ขึ้นกบั แรงโนม้ ถ่วงของโลก
3. ไมข่ ้ึนกบั มวลของลกู ตมุ้
4. มีคาบเท่าเดิมถา้ ไปแกวง่ บนดาวองั คาร

12

สนามแมเ่ หลก็

1. จากแผนภาพแสดงลกั ษณะของเส้นสนามแมเ่ หล็กที่เกิดจากแทง่ แมเ่ หล็กสองแท่ง ขอ้ ใดต่อไปน้ี เป็นข้วั แม่เหล็ก
เหนือ
1. A และ C
2. A และ D
3. B และ C
4. B และ D

13

2. โดยปกติเขม็ ทิศจะวางตวั ตามแนวทศิ เหนือ - ใต้ 2.
เมือ่ นาเข็มมาวางใกล้ ๆ กบั กึ่งกลางแท่งแมเ่ หล็ก
ทต่ี าแหน่งดังรปู เข็มทิศจะช้ีในลกั ษณะใด

1.

3. 4.

3. ข้อใดต่อไปน้ีแสดงสนามแมเ่ หลก็ โลกได้ถกู ( ข้างบนเป็นขั้วเหนอื ภมู ิศาสตร์ )
1. 2.

3. 4.

4. ขอ้ ใดกล่าวถึงสนามแม่เหลก็ โลกไดถ้ ูกต้องที่สุด
1. สนามแม่เหลก็ โลก ช่วยปอ้ งกันไมใ่ ห้นวิ ตรอนในลมสุริยะทาลายชนั้ บรรยากาศของโลก
2. สนามแม่เหลก็ โลก มคี วามเข้มสูงบริเวณเส้นศนู ย์สูตร
3. สนามแมเ่ หล็กโลก เปน็ สนามแมเ่ หลก็ ทม่ี ีค่าคงตัว
4. ขว้ั โลกเหนือ ทางภมู ศิ าสตรม์ สี ภาพเปน็ ขว้ั ใต้ของสนามแมเ่ หลก็ โลก

14

5. ไอออนบวกไฮโดรเจน (H+) ว่ิงผ่านแท่งแม่เหล็กสองแท่งดงั รูป ข้อใดอธิบายการเคลอ่ื นท่ขี องไอออนดงั กล่าวได้
ถูกต้อง
1. ไอออนจะวง่ิ โค้งไปทางซ้ายของกระดาษ
2. ไอออนจะวิ่งโค้งไปทางขวาของกระดาษ
3. ไอออนจะวง่ิ โค้งออกจากระดาษ
4. ไอออนจะวงิ่ โคง้ เข้าไปในกระดาษ

6. อนภุ าคบตี าลบเคล่ือนท่ีเข้าไปในทิศขนานกบั สนามแมเ่ หลก็ ซ่ึงมที ศิ พุง่ เข้ากระดาษ แนวการเคล่ือนทข่ี องอนภุ าคบี
ตาลบจะเป็นอย่างไร
1. วิ่งต่อไปเป็นเสน้ ตรงดว้ ยความเร็วคงตวั
2. เบนไปทางขวา
3. วิ่งต่อไปเป็นเสน้ ตรงและถอยหลังกลับในท่สี ดุ
4. เบนไปทางซา้ ย

7. เสน้ ลวดวางตวั อยู่ในสนามแมเ่ หลก็ และมีกระแสไฟฟา้ ไหลข้นึ ดังรปู จะถูกแรงของสนามแม่เหล็กกระทาไปในทศิ
ตามข้อใดต่อไปนี้
1. ทศิ ออกจากกระดาษ
2. ทิศเขา้ ไปในกระดาษ
3. ทศิ ไปทางซา้ ย
4. ทิศไปทางขวา

8. เครอ่ื งมือใดต่อไปนี้ ทาหน้าท่เี ปลยี่ นพลังงานไฟฟา้ ให้เป็นพลังงานกล
1. ไดนาโม
2. มอเตอร์
3. เครื่องอัดไฮโดรรกิ
4. แมนอมิเตอร์

15

สนามไฟฟา้

9. ถ้าประจบุ วกและประจลุ บถกู นาไปวางในสนามไฟฟ้าสม่าเสมอ E⃗ ระหว่างแผน่ ตัวนาสองแผน่ ท่วี างขนานกัน รปู ใด
ทแ่ี สดงทศิ ทางการเคลื่อนทข่ี องประจุทั้งสองได้ถูกต้อง
1. 2.
3. 4.

16

10. วางอนุภาคโปรตอนลงในบรเิ วณซึง่ มเี ฉพาะสนามไฟ ฟ้าทีม่ ที ิศไปทางขวาดงั รูปอนภุ าคโปรตอนจะมีการเคล่อื นที่
เปน็ ไปตามขอ้ ใด
1. เคลอ่ื นที่เปน็ เส้นโค้ง เบนขน้ึ ข้างบน
2. เคลื่อนท่เี ปน็ เส้นโคง้ เบนลงขา้ งล่าง
3. เคลื่อนทเ่ี ปน็ เสน้ ตรงขนานกับสนามไฟฟา้ ไปทางขวา
4. เคลอ่ื นท่ีเปน็ เส้นตรงขนานกบั สนามไฟฟา้ ไปทางซา้ ย

11. จุด A และ B อยู่ภายในเสน้ สนามไฟฟ้าที่มีทศิ ตามลกู ศรดังรูป ข้อใดต่อไปนี้ ถูกต้อง
1. วางประจุลบลงท่ี B ประจุลบจะเคลอ่ื นไปท่ี A
2. วางประจบุ วกลงที่ B ประจบุ วกจะเคลื่อนไปท่ี A
3. สนามไฟฟา้ ที่ A สงู กว่าสนามไฟฟ้าท่ี B
4. สนามไฟฟา้ ท่ี A ต่ากว่าสนามไฟฟ้าที่ B

12. ยงิ อนภุ าคโปรตอนเข้าไปในแนวตั้งฉากกบั สนามไฟฟ้าสม่าเสมอท่ีมที ศิ พงุ่ ออกจากกระดาษเสน้ ทางการเคล่ือนท่ี
ของโปรตอนจะเปน็ อยา่ งไร
( g แทนทิศสนามไฟฟา้ พงุ่ ออก และต้งั ฉากกับกระดาษ )
1. เบนขึ้น
2. เบนลง
3. เบนพ่งุ ออกจากกระดาษ
4. เบนพงุ่ เข้าหากระดาษ

17

13. ในรูปซ้าย X และ Y คือเสน้ ทางการเคล่ือนท่ีของอนภุ าค 2 อนุภาคท่ีถูกยิงมาจากจุด P ไปทางขวาเข้าไปใน
บริเวณท่ีมีสนามแม่เหล็ก (ดรู ปู ซา้ ย) ถ้านาอนภุ าคท้ังสองไปวางลงในบรเิ วณที่มีสนามไฟฟ้าดังรูปขวา หากไมค่ ิด
น้าหนักอนุภาคจะเกิดอะไรขึ้น
( ด แทนสนามแมเ่ หล็กท่ีมีทิศพ่งุ เขา้ และต้งั ฉากกับกระดาษ )

1. ท้งั X และ Y ตา่ งก็เคลือ่ นทขี่ ึ้นดา้ นบน
2. ท้งั X และ Y ตา่ งกอ็ ย่นู ง่ิ กับที่
3. X เคลื่อนที่ขนึ้ ดา้ นบน ส่วน Y เคลอื่ นท่ลี งดา้ นล่าง
4. X เคล่ือนท่ีลงดา้ นล่าง สว่ น Y เคล่อื นทีข่ ึน้ ดา้ นบน

14. A , B และ C เป็นลูกพธิ 3 ลกู ท่ที าใหเ้ กดิ ประจุไฟฟ้าโดยการถู ซ่ึงไดผ้ ลดังน้ี A และ B ผลกั กัน สว่ น A และ C
ดูดกนั ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง
1. A และ B มีประจุลบ แต่ C มีประจบุ วก
2. A และ C มปี ระจบุ วก แต่ B มีประจลุ บ
3. B และ C มีประจลุ บ แต่ A มีประจุบวก
4. A และ C มีประจุลบ แต่ B มีประจบุ วก

18

สนามโนม้ ถว่ ง

15. หนิ ก้อนหน่งึ บนโลกมีน้าหนัก 49 นิวตนั ขณะที่ความเรง่ โน้มถว่ งที่ผวิ โลกมีขนาดเท่ากบั 9.8 เมตร/วินาที2 มวล
ของวตั ถุก้อนนีจ้ ะมีขนาดเท่ากับกกี่ ิโลกรัม
1. 0.5
2. 1.0
3. 5.0
4. 10.0

16. เมื่ออยบู่ นดวงจนั ทรช์ ่งั นา้ หนักของวตั ถุท่ีมีมวล 100 กิโลกรัม ได้ 160 นวิ ตนั ถา้ ปลอ่ ยให้วตั ถตุ กทบี่ นผวิ ดวง
จนั ทร์ วตั ถจุ ะมีความเรง่ เท่าใด
1. 0.8 m/s2
2. 1.6 m/s2
3. 3.2 m/s2
4. 6.4 m/s2

19

17. ความเร่งโน้มถว่ งของดวงจนั ทร์มคี ่าแตกตา่ งจากความเร่งโนม้ ถว่ งของโลก เพราะเหตุใด
1. อัตราเรว็ ของดวงจันทรข์ ณะเคลอื่ นที่รอบโลกแตกต่างจากอตั ราเร็วของโลกขณะ เคลื่อนที่รอบดวงอาทติ ย์
2. รศั มวี งโคจรของดวงจนั ทร์รอบโลกไมเ่ ท่ากับรัศมวี งโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
3. มวลของดวงจนั ทร์น้อยกว่ามวลของโลก
4. ไมม่ ขี ้อใดถูก

18. จากการอ่านตาช่งั ท่ีระดับน้าทะเล ชายคนหนง่ึ หนกั 60 กโิ ลกรมั ถา้ ชายคนนี้ ยนื บนตาชงั่ บนยอดเขาเอเวอเรสต์
ซึ่งสูงจากระดบั นา้ ทะเล 8,850 เมตร ตวั เลขจากตาชง่ั ในข้อใดถูกต้อง
1. เทา่ กับ 60 กิโลกรมั
2. นอ้ ยกว่า 60 กโิ ลกรมั
3. มากกวา่ 60 กโิ ลกรมั
4. ไมส่ ามารถบอกได้เน่ืองจากไม่ทราบคา่ ความเรง่ โน้มถ่วง

19. แรงข้อใดต่อไปน้ีเปน็ แรงประเภทเดียวกนั กบั แรงท่ีทาใหว้ ตั ถุตกลงสูพ่ ้นื โลก
1. แรงท่ที าให้รถยนตเ์ ลย้ี วบนถนนโค้งได้
2. แรงทท่ี าให้อิเลก็ ตรอนอยู่ในอะตอมได้
3. แรงทท่ี าใหโ้ ปรตอนหลายอนุภาคอยรู่ วมกนั ในนิวเคลียสได้
4. แรงที่ทาใหด้ าวเทยี มอยู่ในวงโคจรรอบโลก

20. ในเรอื่ งของสนาม ข้อความใดผิด
1. สนามโนม้ ถว่ งมีเฉพาะแรงดูด
2. สนามไฟฟา้ มีท้งั แรงดดู และแรงผลกั
3. สนามแมเ่ หล็ก ทาใหเ้ กิดแรงกับประจุท่ีเคลอื่ นทเ่ี ท่านนั้
4. สนามไฟฟา้ ทาให้เกดิ แรงกับประจุท่ีหยุดนง่ิ เท่าน้นั

20

ชนดิ ของคลน่ื

1. ถา้ กระทุ่มน้าเป็นจงั หวะสม้าเสมอ ใบไม้ทีลอยอยหู่ า่ งออกไปจะเคลือนทีอยา่ งไร
1. ใบไม้เคลือนทีขึน – ลง อยู่ทตี า้ แหน่งเดิม
2. ใบไมเ้ คลือนทีไปด้านข้าง
3. ใบไมเ้ คลือนทีออกห่างไปมากขนึ
4. ใบไม้เคลือนทีเขา้ มาหา

2. คลืนในเส้นเชือกกา้ ลังเคลือนทีจากซา้ ยไปขวา A และ B เป็นจดุ สองจุดบนเสน้ เชือก เมือเวลาหนึงรูปรา่ ง ของเส้น
เชือกเปน็ ดงั รปู ถ้าเวลาผ่านไปอีกเล็กน้อย จุด A และ B จะเคลอื นทีอย่างไร
1. ทัง A และ B จะเคลือนทีไปทางขวามือ
2. A ตา้ กว่าเดมิ B สงู กวา่ เดมิ
3. A สูงกว่าเดิม B ตา้ กวา่ เดิม
4. ทงั A และ B อยทู่ ีเดิม

21

3. คลืนกลตามยาวและคลนื กลตามขวาง ถกู นิยามขนึ โดยดูจากปจั จยั ใดเป็นหลกั
1. ประเภทของแหลง่ กา้ เนิด
2. ความยาวคลืน
3. ทศิ การสันของอนุภาคตัวกลาง
4. ความเร็วของคลนื

4. ขอ้ ใดต่อไปนีถกู ต้องเกียวกับคลนื ตามยาว
1. เปน็ คลนื ทีไมต่ ้องอาศยั ตัวกลางในการเคลือนที
2. เปน็ คลนื ทอี นุภาคของตัวกลางมีการสันตังฉากกับการเคลือนทขี องคลืน
3. เป็นคลนื ทอี นุภาคของตวั กลางมกี ารสนั ในแนวเดยี วกบั การเคลือนทีของคลืน
4. เปน็ คลนื ทีเคลือนทไี ปตามแนวยาวของตัวกลาง

5. คลนื ในข้อใดตอ่ ไปนี ขอ้ ใดเปน็ คลืนแม่เหล็กไฟฟา้ ทังหมด
1. คลืนเสยี ง , คลนื วทิ ยุ , คลืนไมโครเวฟ
2. คลนื นา้ , คลืนในเสน้ เชือก , คลืนดล
3. คลืนในสปรงิ , คลืนนา้ , แสง
4. แสง , ไฟฟ้ากระแสสลบั , รงั สีแกมมา

6. คลืนใดต่อไปนีเป็นคลืนทตี ้องอาศัยตวั กลางในการเคลือนที
ก. คลนื ในเสน้ เชอื ก
ข. คลนื แสง
ค. คลนื เสียง

คา้ ตอบทีถูกต้องคือ
1. ขอ้ ก. และ ค.
2. ขอ้ ข. และข้อ ค.
3. ขอ้ ก. เท่านัน
4. ทัง ก. ข. และ ค.

22

องคป์ ระกอบของคลื่น

7. เสียงความถี 500 Hz มอี ตั ราเร็วในอากาศ 300 เมตรตอ่ วนิ าที มีความยาวคลนื กี เมตร
1. 0.6
2. 1.6667
3. 15
4. 150000
8. ลูกบอลลูกหนึงตกลงน้าและสนั ขนึ ลงหลายรอบ ท้าให้เกิดคลืนผิวน้าแผ่ออกไปเป็นรปู วงกลม เมือผา่ นไป 5 วินาที
คลืนน้าแผ่ออกไปได้รัศมสี ูงสุดประมาณ 10 เมตร โดยมรี ะยะระหวา่ งสนั คลนื ทีติดกนั เท่ากับ 1 เมตร จากขอ้ มลู
ดงั กล่าว ลกู บอลสันขนึ ลง ดว้ ยความถปี ระมาณเท่าใด
1. 0.5 Hz
2. 1.0 Hz
3. 2.0 Hz
4. 4.0 Hz

23

สมบัตขิ องคล่นื

9. ห้องประชุมหรือโรงภาพยนตร์ มกั บเุ พดานห้องดว้ ยกระดาษชานอ้อย ติดผ้ามา่ นทีผนังห้อง และปูพรมทีพืน ทังนี
เพอื ช่วยลดเสียงทีเกิดจากสมบัติขอ้ ใด
1. การแทรกสอดของเสียง
2. การบตี เสียง
3. การสะท้อนของเสียง
4. การหักเหของเสยี ง
10. เครอื งโซนารใ์ นเรือประมงไดร้ ับสัญญาณสะท้อนจากท้องทะเล หลังจากสง่ สญั ญาณไปเปน็ เวลา 0.6 วินาที ถา้
อตั ราเรว็ เสยี งในนา้ เป็น 1500 เมตรต่อวนิ าที ทะเลมีความลึกเทา่ กับข้อใด
1. 150 เมตร
2. 300 เมตร
3. 450 เมตร
4. 600 เมตร

24

11. สมบตั ิข้อใดของคลืนอัลตราซาวด์ ทนี า้ มาใชป้ ระโยชนใ์ นการตรวจหาความลกึ ของมหาสมุทรและหาแหล่งปลา
1. หักเห
2. สะท้อน
3. เลยี วเบน
4. แทรก

12. คลืนเคลอื นทีจากตวั กลางหนงึ ไปยังอกี ตัวกลางหนึง ปรมิ าณใดต่อไปนี จะมีคา่ คงตัว
1. อัตราเร็ว
2. แอมพลจิ ูด
3. ความถี
4. ความยาวคลืน

13. คลนื เคลือนทีจากตัวกลางทหี นงึ ไปยงั ตวั กลางทีสอง พบว่าอตั ราเรว็ ของคลืนเพิมขนึ สา้ หรับตัวกลางทสี อง
ขอ้ ความใดถูกต้อง
1. ความถีเพิมขึน
2. ความถีลดลง
3. ความยาวคลืนเพิมขนึ
4. ความยาวคลนื ลดลง

14. เมอื คลืนเดนิ ทางจากนา้ ลึกสู่น้าตนื ข้อใดต่อไปนีถกู
1. ความถีคลืนในนา้ ลึกมากกวา่ ความถีคลืนในน้าตนื
2. ความถคี ลืนในน้าลึกนอ้ ยกวา่ ความถคี ลืนในน้าตนื
3. อัตราเรว็ คลืนในนา้ ลึกน้อยกว่าอัตราเรว็ คลืนในน้าตนื
4. ความยาวคลืนในนา้ ลกึ มากกว่าความยาวคลืนในน้าตนื

25

15. การเกดิ ฟ้าแลบปกติจะได้ยนิ เสยี งฟ้ารอ้ งตามมาเสมอ แตใ่ นบางครงั ทีเกดิ ฟ้าแลบ อาจไมไ่ ดย้ นิ เสยี งฟา้ ร้อง
เนืองจากสาเหตุใด
1. การหักเหของคลืนเสยี ง
2. การสะท้อนของเสียง
3. การแทรกสอดของเสียง
4. การเลยี วเบนของเสียง

16. สมบตั ติ ามข้อใดของคลืนเสียงทเี กยี วข้องกบั การเกิดบีต
1. การแทรกสอด
2. การหกั เห
3. การเลยี วเบน
4. การสะท้อน

17. หากทา่ นยนื แอบอยู่ข้างกาแพงตึกแหง่ หนึง ทา่ นจะยงั สามารถได้ยนิ เสยี งจากแหลง่ ก้าเนิด ซงึ อยู่หนา้ ตึกได้ แมว้ ่า
แหลง่ ก้าเนดิ นนั จะอยู่ไม่ตรงกับทา่ นก็ตาม เหตุการณ์นเี กียวขอ้ งกบั สมบตั ิข้อใดของเสียง
1. การแทรกสอดของเสยี ง
2. การเลยี วเบนของเสียง
3. การหกั เหของคลืนเสยี ง
4. การสะท้อนของเสยี ง

26

เสยี งและการไดย้ ิน

18. มนุษย์อวกาศสองคนปฏิบัตภิ ารกิจบนพืนผวิ ดวงจันทร์ สือสารกนั ดว้ ยวธิ ใี ด สะดวกทสี ุด
1. คลืนวิทยุ
2. คลนื เสียงอลั ตราซาวด์
3. คลืนเสียงธรรมดา
4. คลนื เสยี งอนิ ฟราซาวด์

27

19. ปัจจยั ใดต่อไปนีมีผลต่ออัตราเร็วเสยี งในอากาศ
1. ความถี
2. อณุ หภมู ิ
3. ความหนาแน่นของตัวกลาง
4. มีคาตอบทีถูกมากกว่า 1 ขอ้

20. คนทัวไปจะไดย้ ินเสยี งทีมีความถี 10 เฮิรตซ์ และระดับความเข้มเสยี ง 80 เดซิเบล ไดห้ รอื ไมเ่ พราะเหตใุ ด
1. ไดย้ นิ เพราะระดับความเข้มสียงอย่ใู นช่วงปกติ
2. ได้ยนิ เพราะความถีเสียงอยู่ในช่วงทหี ูคนปกติสามารถรับรู้ได้
3. ไมไ่ ดย้ ิน เพราะระดบั ความเข้มสียงมีค่าต้าเกินไป
4. ไมไ่ ด้ยิน เพราะความถีเสียงมีค่าต้ากว่าความถที หี ูคนปกตสิ ามารถรบั รไู้ ด้

21. (แนว O-Net) ข้อใดถกู ต้อง
1. คา้ งคาวอาศยั คลนื เสยี งในยา่ นอตั ราโซนกิ ในการบอกทศิ ทางการจบั เหยือ
2. คลืนเสียงในยา่ นอัลตราโซนิกสามารถใช้ท้าความสะอาดเครอื งมือแพทย์
3. เสียงทมี ีความถีในยา่ นอินฟราโซนกิ จะมีความถีต้ากวา่ ความถีทีมนษุ ย์สามารถไดย้ ิน
4. มีขอ้ ทีถกู มากกว่า 1 ขอ้

28

คล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า

22. สนามไฟฟา้ ทีเปน็ สว่ นหนึงของคลืนแสงนัน มีทิศทางตามข้อใด
1. ตงั ฉากกับทังสนามแม่เหล็ก และทิศการเคลอื นทีของแสง
2. ตังฉากกับสนามแมเ่ หล็ก แต่ขนานกับทศิ ของการเคลือนทีของแสง
3. ขนานกบั ทศิ ทางการเคลือนทีของแสง
4. ขนานกบั สนามแม่เหลก็ แตต่ งั ฉากกบั ทิศการเคลือนทีของแสง

23. เหตุใดคลนื แม่เหล็กไฟฟ้า จงึ จดั เปน็ คลืนตามขวาง
1. เพราะสนามแมเ่ หลก็ และสนามไฟฟ้ามีทิศตังฉากกับทิศการเคลอื นทีของคลนื
2. เพราะสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟา้ มีทศิ เดยี วกับทิศการเคลอื นทีของคลืน
3. เพราะสนามแมเ่ หลก็ มีทิศตังฉากกบั สนามไฟฟ้า
4. เพราะสนามแมเ่ หล็กและสนามไฟฟา้ มีทิศตรงข้ามกับทิศการเคลือนทขี องคลืน

29

24. ขอ้ ใดไม่ถูกต้องเกียวกบั คลืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
1. คลนื แม่เหลก็ ไฟฟา้ ทุกชนิดมีอัตราเร็วในสญุ ญากาศเท่ากัน
2. มคี ลนื แม่เหล็กไฟฟา้ บางชนิดต้องอาศัยตวั กลางในการเดินทาง
3. เมอื คลนื แม่เหล็กไฟฟา้ เดินทางในตวั กลางทีเปลยี นไป อัตราเรว็ ของคลนื จะเปลียนไป
4. คลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าเป็นคลืนทีมที งั สนามไฟฟา้ และสนามแมเ่ หล็ก

25. ข้อใดเรียงลา้ ดบั คลนื แม่เหลก็ ไฟฟ้าจากคลืนทีมีความถีสูงไปความถตี า้ ได้ถกู ต้อง
1. อินฟาเรด รงั สีเอกซ์ แสงทีมองเหน็ ได้ รงั สีอลั ตราไวโอเลต คลนื วทิ ยุ
2. รงั สีอลั ตราไวโอเลต รงั สีเอกซ์ อนิ ฟาเรด คลืนวทิ ยุ แสงทีมองเห็นได้
3. รังสเี อกซ์ รงั สอี ัลตราไวโอเลต แสงทีมองเหน็ ได้ อินฟราเรด คลนื วิทยุ
4. คลนื วทิ ยุ แสงทมี องเหน็ ได้ อนิ ฟราเรด รงั สเี อกซ์ รงั สีอลั ตราไวโอเลต

26. คลืนใดในข้อต่อไปนีทมี คี วามยาวคลืนสนั ทีสดุ
1. คลืนวิทยุ
2. รงั สเี อกซ์
3. คลืนไมโครเวฟ
4. คลืนแสงทีตามองเห็น

27. ข้อใดเปน็ การเรยี งลา้ ดบั คลืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ จากความยาวคลนื นอ้ ยไปมากที ถูกต้อง
1. อินฟราเรด ไมโครเวฟ รงั สีแกมมา
2. รังสแี กมมา อนิ ฟราเรด ไมโครเวฟ
3. รงั สีแกมมา ไมโครเวฟ อินฟราเรด
4. ไมโครเวฟ อนิ ฟราเรด รงั สีแกมมา

30

28. ถ้าส่งคลืนวทิ ยจุ ากสถานีวิทยไุ ปยังดาวศุกรด์ ้วยความถี 100 เมกะเฮริ ตซ์ ใช้เวลา 7 นาที จงหาระยะทางทีดาว
ศุกรอ์ ยู่ห่างจากโลกขณะนัน
1. 21 x 108 กโิ ลเมตร
2. 21 x 108 เมตร
3. 1.26 x 108 เมตร
4. 1.26 x 108 กโิ ลเมตร

29. สถานวี ิทยเุ อเอม็ แหง่ หนึงสง่ กระจายคลนื วทิ ยุทีมคี วามถี 1000 กโิ ลเฮริ ตซ์ จงหาความยาวคลืนในหนว่ ยเป็นเมตร
กา้ หนดใหค้ วามเรว็ ของคลืนวทิ ยุเท่ากับ 3.0 x 108 เมตร/วินาที
1. 3
2. 30
3. 300
4. 3000

30. รังสอี ะไรทใี ชใ้ นการถา่ ยภาพอวัยวะในร่างกาย
1. รงั สแี กมมา
2. รังสีแอลฟา
3. รงั สเี อกซ์
4. รังสอี นิ ฟราเรด

31. ขอ้ ใดผิดเกียวกับคลนื แม่เหล็กไฟฟา้
1. เป็นคลนื ตามขวาง
2. เคลือนทีได้โดยไม่อาศยั ตัวกลาง
3. คลืนวทิ ยุเอเอ็มมคี วามถคี งที
4. คลนื วิทยุสะท้อนในชันเรดิโอสเฟยี ร์

31

กมั มันตภาพรงั สี

32

1. นิวเคลียสของตะกัว่ คือ 208 Pb จงหาจานวนโปรตอนและนิวตรอนของตะก่วั น้ี
82
1. โปรตอน 126 ตวั นิวตรอน 82 ตวั

2. โปรตอน 82 ตวั นวิ ตรอน 126 ตวั

3. โปรตอน 126 ตวั นิวตรอน 208 ตวั

4. โปรตอน 208 ตวั นิวตรอน 82 ตวั

2. อนภุ าคใดในนิวเคลยี ส 29326 U และ 29304 Th ท่ีมจี านวนเท่ากนั
1. โปรตอน
2. อิเลก็ ตรอน
3. นวิ คลอี อน
4. นิวตรอน

3. ข้อใดถูกต้องเกย่ี วกบั ไอโซโทปสองไอโซโทปของธาตุชนิดเดียวกนั
1. มเี ลขอะตอมเท่ากนั
2. มจี านวนนวิ ตรอนเท่ากนั
3. มจี านวนนิวคลอี อนเท่ากนั
4. มีเลขมวลเท่ากัน

4. ในธรรมชาตธิ าตอุ อกซเิ จนมี 2 ไอโซโทป คอื 16 O และ 18 O ขอ้ ใดต่อไปน้ีถูก
8 8
1. แต่ละไอโซโทปมจี านวนนิวตรอนต่างกนั

2. แต่ละไอโซโทปมจี านวนโปรตอนเท่ากับจานวนนวิ ตรอน

3. แตล่ ะไอโซโทปมจี านวนอเิ ล็กตรอนตา่ งกัน

4. แต่ละไอโซโทปมจี านวนโปรตอนต่างกนั

33

5. รังสีในขอ้ ใดที่มีอานาจในการทะลุทะลวงผา่ นเน้อื สารได้น้อยท่สี ุด
1. รังสเี อกซ์
2. รังสีบีตา
3. รงั สแี กมมา
4. รังสีแอลฟา

6. ถ้านาแผน่ อะลูมิเนยี มหนาไปกน้ั ทางเดนิ ของรงั สีแกมมา รังสบี ตี า และรังสแี อลฟา รงั สชี นดิ ใดท่สี ามารถทะลผุ ่าน
แผ่นอะลูมเิ นียมได้
1. รังสแี กมมาและรงั สีบตี าเท่านนั้
2. รังสบี ตี าเทา่ นน้ั
3. รังสีบตี าและรงั สแี อลฟาเท่านัน้
4. รังสแี กมมาเทา่ น้นั

7. ขอ้ ความใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้องเกย่ี วกับรงั สีแอลฟา รังสบี ีตา และรังสีแกมมา
1. รงั สแี อลฟามปี ระจุ +2
2. รงั สแี อลฟามีมวลมากทส่ี ุดและอานาจทะลุทะลวงผา่ นสูงท่ีสดุ
3. รงั สบี ีตามปี ระจุ –1 และมีมวลน้อย
4. รงั สแี กมมามีอานาจทะลทุ ะลวงสงู ท่สี ุด

8. อนุภาคแอลฟา อนุภาคบตี า รังสแี กมมา เม่อื เคลอื่ นท่ีในสนามแมเ่ หลก็ ข้อใดจะเกิดการเบย่ี งเบน
1. อนภุ าคแอลฟา
2. อนภุ าคบตี า
3. รังสีแกมมา
4. อนภุ าคแอลฟาและบตี า

34

9. การเคลอ่ื นที่ของรังสสี ามชนิดผ่านประจลุ บ ดังรูป ข้อใดเรียงลาดับรงั สี A – B – C ได้ถูกต้อง
1. บีตา  แอลฟา  แกมมา
2. แอลฟา  แกมมา  บีตา
3. แอลฟา  บีตา  แกมมา
4. บีตา  แกมมา  แอลฟา

10. นิวเคลยี สของเรเดียม -226 มีการสลายดงั สมการข้างลา่ ง X คอื อะไร

226 Ra 22826 Rn + X
88

1. อนุภาคโพซิตรอน
2. อนุภาคแอลฟา
3. รังสแี กมมา
4. อนภุ าคบตี า

11. จากปฏิกิรยิ านวิ เคลียร์ 14 N + 1 H + 15 N + X X คืออนภุ าคใด
7 1 7
1. นวิ ตรอน

2. อิเล็กตรอน

3. โปรตอน

4. โพซติ รอน

12. นิวเคลยี ส 14 C สลายตัวแลว้ ได้นวิ เคลียส 14 N รังสีไดจ้ ากการสลายตัวของ 14 C คือรงั สีอะไร
6 7 6
1. บีตา

2. แกมมา

3. เอกซ์

4. แอลฟา

35

13. นวิ เคลียสของเรเดียม-226 ( 226 Ra ) มกี ารสลายโดยการปล่อยอนภุ าคแอลฟา 1 ตวั และรังสีแกมมาออกมา
88
จะทาให้กลายเปน็ ธาตุใด
234
1. 92 X

2. 23900 X

3. 222 X
86

4. 21884 X

14. ธาตุกมั มนั ตรังสชี นดิ หนึ่งมีเวลาครง่ึ ชีวิต 10 วัน ถา้ เก็บธาตุน้นั จานวน 24000 อะตอม ไว้ 30 วัน จะเหลือธาตนุ ั้น
ก่อี ะตอม
1. 1500
2. 3000
3. 6000
4. 12000

15. ไอโอดีน-128 มีค่าคร่ึงชวี ิต 22 นาที ถ้าเร่ิมต้นมีไอโอดีน-128 อยู่ 200 มลิ ลิกรมั ไอโอดีน-128 จะลดลงเหลือ 50
มิลลกิ รัม เม่ือเวลาผ่านไปกี่นาที

16. ไอโซโทปกัมมนั ตรงั สีของธาตุไอโอดนี -128 มคี ร่งึ ชวี ิต 25 นาที ถา้ มีไอโอดนี -128 ท้ังหมด 400 กรัม จะใชเ้ วลา
เท่าไรจงึ จะเหลือไอโอดีน-128 อยู่ 50 กรัม
1. 1 ชั่วโมง 15 นาที
2. 1 ชั่วโมง 30 นาที
3. 1 ชว่ั โมง 40 นาที
4. 3 ชว่ั โมง 20 นาที

36

พลงั งานนวิ เคลียร์

17. แรงระหวา่ งอนภุ าค ซึง่ อยู่ภายในนิวเคลียสประกอบด้วยแรงใดบ้าง
1. แรงนวิ เคลียร์
2. แรงไฟฟ้า
3. แรงดึงดดู ระหวา่ งมวล
4. ถกู ทกุ ข้อ

37

18. โปรตอนและนิวตรอนสามารถอยู่รวมกนั เปน็ นวิ เคลยี สไดด้ ้วยแรงใด
1. แรงโน้มถ่วง
2. แรงนวิ เคลยี ร์
3. แรงดงึ ดูดระหว่างมวล
4. แรงดึงดดู ระหว่างไฟฟ้า

19. เหตุใดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในปจั จุบัน จึงต้องสรา้ งใกลแ้ หล่งนา้ ธรรมชาติ
1. เพอ่ื ใหม้ ีน้าเพยี งพอต่อการดบั ไฟ กรณีไฟไหมเ้ ตาปฏิกรณ์ปรมาณู
2. ใช้น้าปริมาณมากในการทาให้เกดิ ปฏิกริ ิยาลกู โซ่ของปฏิกิรยิ านิวเคลยี ร์
3. ต้องใชน้ ิวตรอนจานวนมากจากน้าในการเรมิ่ ปฏกิ ิริยานิวเคลยี ร์
4. เพราะต้องใช้น้าปรมิ าณมากในการระบายความร้อนจากเตาปฏกิ รณ์

20. ข้อใดถกู ต้องเก่ียวกบั ปฏิกิริยานวิ เคลยี ร์ฟวิ ชัน (fusion)
1. เกิดจากนิวเคลียสของธาตุเบาหลอมรวมกันเป็นธาตุหนัก
2. เกิดจากการทีน่ ิวเคลยี สแตกสลายตัว
3. เกดิ ทอ่ี ุณหภมู ิตา่
4. ไม่สามารถทาให้เกิดบนโลกได้

21. ข้อใดกลา่ วถึงปฏิกิรยิ านิวเคลยี รไ์ ม่ถูกต้อง
1. ปฏิกิรยิ าฟชิ ชันให้พลงั งานต่อปฏกิ ริ ยิ ามากกวา่ ปฏิกิริยาฟวิ ชัน
2. ปฏกิ ริ ยิ าฟชิ ชนั ใหร้ ังสที อ่ี ันตรายมากกว่าปฏกิ ริ ิยาฟวิ ชนั
3. ปฏกิ ริ ิยาฟชิ ชันผลิตและควบคุมงา่ ยกวา่ ปฏิกิริยาฟวิ ชนั
4. ปฏิกิริยาฟิชชันเหลอื กากรังสีนอ้ ยกว่าปฏกิ ิรยิ าฟิวชนั

38

ขอ้ สอบเสรมิ

1. ชายผู้หนงึ่ ขับรถยนต์เขา้ หาสัญญาณไฟจราจรที่สี่แยกแห่งหนงึ่ ขณะที่รถยนตม์ ีความเรว็ 30 เมตร/วนิ าที
สัญญาณไฟเปลยี่ นจากสีเขียวเปน็ สเี หลือง หากชายผ้นู ัน้ ใช้เวลา 1.0 วินาที ก่อนจะเหยยี บเบรกและหากอัตรา
หน่วงสูงสดุ ของเบรกเป็น 2 เมตร/วนิ าที2 จงหาระยะน้อยทีส่ ุดทรี่ ถยนต์อยู่ห่างจากสญั ญาณไฟซ่ึงรถจะหยดุ ได้
ทันพอดี
1. 30 เมตร
2. 225 เมตร
3. 195 เมตร
4. 255 เมตร

2. เดก็ คนหนง่ึ ขน้ึ ไปบนอาคารซงึ่ สงู จากพนื้ ดิน 25 เมตร ยืน่ มือออกนอกอาคารเลก็ น้อยแล้ว โยนก้อนหนิ ขน้ึ ไป
ในอากาศตรงๆ ด้วยความเรว็ ต้น 20 เมตร / วนิ าที นานเท่าไรหลังจาก โยนวัตถุจงึ จะตกถึงพ้นื ดนิ
1. 2 วนิ าที
2. 3 วนิ าที
3. 4 วนิ าที
4. 5 วนิ าที

39

3. จะตอ้ งดีดโพรเจกไทล์ m ด้วยความเรว็ ตน้ (ในแนวระดับ) เท่าไรจึงจะลงหลมุ พอดี (9วชิ า59)

1

1. (2hg)2L

1

2. (hg)2L

1

3. (2gh)2L

1

4. (2(h2+gL))2L

1

5. (2gL)2h

4. คาบการส่นั ของมวลตดิ ปลายสปริงในแนวดิง่ จะเป็นอยา่ งไร ถ้าเพมิ่ มวลเป็น 4 เทา่ ของมวลเดมิ (PAT2
มี.ค.58)
1. เป็น 0.25 เท่าของคาบเดิม
2. เป็น 0.5 เทา่ ของคาบเดมิ
3. เป็น 2 เท่าของคาบเดิม
4. เป็น 4 เทา่ ของคาบเดิม

40

5. ใชส้ ปรงิ เบาค่าคงตวั สปริง k แขวนก้อนมวล m ไว้ใหอ้ ยู่น่งิ ในแนวดงิ่ จากน้ันดงึ ก้อนมวลใหข้ ยับต่ากวา่
ระดับสมดลุ เล็กน้อย และปลอ่ ยให้เคลื่อนท่กี ลับเอง กอ้ นมวลจะใชเ้ วลานานเทา่ ไรจึงเคลื่อนที่กลบั มาถึง
ต่าแหน่งสมดุลอีกครั้ง (9วชิ า 60)

1. 2π√mk 2. π √mk
2

3. 2π √mk 4. 2π√mk
3

5. 2π √mk
5

6. การทดลองโดยใช้ถาดคลน่ื ทม่ี นี ้่าลกึ สมา่ เสมอ วดั ระยะห่างระหวา่ งสันคล่นื 5 สันทีอ่ ยู่ถดั กนั ไดร้ ะยะทาง 10
เซนติเมตร ถา้ คลื่นผิวน้่ามอี ัตราเร็ว 20 เซนติเมตรต่อวนิ าที จงหาความถ่ีของคล่นื

1. 2 Hz

2. 4 Hz

3. 8 Hz

4. 4 Hz

41

7. (แนว En) คลนื่ น่า้ เคลื่อนท่ีจากน่้าตื้นไปยังน้า่ ลกึ ถ้ามุมตกกระทบและมมุ หักเหเทา่ กบั 30 และ 45 องศา
ตามลา่ ดับ และความยาวคลน่ื ในน้า่ ตืน้ เท่ากับ 5 เซนตเิ มตร จงหาความยาวคลนื่ ในน่า้ ลกึ ในหน่วยเซนตเิ มตร
1. 2.8
2. 5.0
3. 7.0
4. 15.0

8. สมชายเหน็ พลแุ ตกกลางอากาศเหนือศีรษะขึน้ ไป 40 เมตร ขณะเดยี วกันวีระซงึ่ อยู่หา่ งจากสมชาย 30 เมตร
ก็เหน็ พลเุ ชน่ กนั ความเข้มเสยี งพลุทวี่ รี ะและสมชายไดย้ ินเป็นอัตราส่วนเท่าใด (PSU 56)
1. 0.56
2. 0.64
3. 0.75
4. 0.80

9. สารกัมมันตรงั สีชนดิ หน่ึงมีคา่ ครึ่งชวี ิต 100 วินาที ถ้าเรม่ิ ตน้ มสี ารชนิดนจ้ี านวน 100 กรมั เม่อื เวลาผ่านไป
250 วนิ าที จะเหลือสารชนิดน้ีประมาณก่ีกรัม (PAT2 เม.ย.57)
1. 23.5
2. 19.8
3. 17.7
4. 14.3

42

CONVERSATION (O-NET, GAT, 9 ญ)

Part Conversation นน ทง ช ข งก ทด บ งก นนจ part นทก ช
จ ปนก น น นช ตป จ นท ป ด จ ก ก ถ นก ณ์ต่ ง นช ตป จ น
ถ นก ณ์ ดน at a restaurant, at a hospital, asking direction, on a phone, at a school/college

with friend, at an apartment, in a class room, at a police station, at a company, in an
office, at a library,

Conversation ค คก ข้ ์ ้ งต้ ง ค ์ ด กถง

1. Situation ถง จท ์จ ้ ่ ้ กต น้ งต้ ง ค ์ ่ ก นทน นน ถ นก ณ์ น ปน บบ น ชน่ ก นทน น

้ ง น, ้ ง ด, ้ น , งพ บ ท คญ ่ ป บกบบ บทก นทน บบคน ท บ งท ป้

้ ก ่ ป คน ช้ ด้ ต่บ งท น ช้ ด้ ค่กบบ บทข งป ท ต่บ งค ง นบ บทก นทน ข งฝ ง นจ ก ปน

ค่ /ค ่ พ ด้

2. Speaker & Conversation Partner ก นทน ปนค่ ก ่ ต่ คน บทบ ท ช่น ค + นก น, กค้ + ผ้

้บ ก , + คน ข้ พ พ กนจ พนธ์กบข้ ถด ค Status ถ น

3. Status ถ น ข งค่ นทน ผ้ ่ นทน นก ่ ทง ด ท บ ่ ค ค กบ ค ถ น จ ปนต ก นด ดบ

ท ช้ ่ ค จ ปน บบท งก ่ ปนท งก ทน ต้ งค ชคถงค ต งนด้

4. Positive or Negative? พ ด sense ค ทผ้ นทน ก ้ ด้ ่ น ปน ชง บ ชงบ ก ช่น พ น 2

คด ่ ท นน่ จ บตก ช ข งท พ นจ พดกบ พ นคนน กค ปนค พด น ชงบ ก ค ้ก ง จ ปนก ดง

ค น จ ่ ชค่ พดท sense ค ตก ซ ต

5. Concept / Character ข งก นทน ถ ต บต้ งต งป ดนกบ งทถ ต บ ค ต บนนจ ต้ ง ก ณ ปน

ค ต บทก ชบ พ ่ ้ น นนต้ งด กจน ้ ้ นด ก พ บ งท จ จ ค ต บท ข้ ต 2 ค ต บท ก ่ ด้ ่ จ ต บ

ข้ นด ้ ค น ซปน ช้ตดช้ ์ ช่ ด้ นน่ น

ค คก
น้ ถด ป................................................

English Clinic NARA where knowledge never ends

ถ กข์ ข

how are you ?
How do you do ? ( ก ช้ พบกนค ง ก ท งก นก ต บก บนนกต้ งต บ how do you do?

How are you doing? ( ต บ กจ ต บ ่ I m going good ell

How are you going? ต บ im going ell it s good

How have you been? How is everything?
How are things (with you)?
How is it going? How is life treating you/going?
Ho s our famil ? What have you been up to? ( บบ ่ ด้ จ กนน น)

What sup ( ช้กบ พ น นท

คก ข ต่ ง /ข ค ช่

Can could ou can ou lend me some mone ) Could you give me a hand?
Could you spare a couple of minutes?
Can you do me a favor?

Do ou min

ถ ่ กด ข 3

What s happened What s the matter What s rong

What s going on What seem to be the problem? ( ก ช้ถ คน ข้)

คข

I m sorr I beg your pardon. I (do) apologize.
Pardon me.
My apology. Excuse me. I apologi e for
I must apologize to you for ....................
I m sorr it s m fault

Please accept our (sincerest) apologies.

ช้ ต ค ข

Never mind. No problem. Don t orr about it
That all right. Forget about it. It s that s ok
It doesn t matter (your) apology accepted.

ค ข คณ

Thanks/ thank you. Many thanks (million thanks.) That s er kind of ou
I really appreciate it. Thanks a lot. Thanks a million.
I can t thank ou enough You e been very helpful.

English Clinic NARA where knowledge never ends

ต ค ข คณ Not at all. No problem.
It s m pleasure m pleasure That s all right
You re elcome Anytime.
Don t mention it
No need to thanks me.

ถช

What do you do? How do you earn your life? What is your job?

What do you do for living? What is your career? What is your occupation?

How do you make your living? What sort of work do you do?(คณท ง นป ท น)

what line of work are you in? (คณท ง น ง น น)

ถค what do you think about What are ou thought on
ho do ou feel about Ho do ou like
What do ou think of
Ho do ou find

ดงค / ด้

I couldn t agree more You can say that again. You bet.
Dead right.
Definitely/absolutely/exactly ou re right You are telling me.
That exactly what I think
I ll sa I agree with you. 4

Exactly Absolutely

่ ด้ I afraid I disagree with you. I can t agree ith ou

I couldn t agree less I think ou re rong I ouldn t do sa that
I don t think so
Not really. No way. Over my dead body.

ค ช้ ดงค จ ด

I m sorr to hear that. That s too bad That s terrible
Sorry for your lost. What a shame. How unfortunate.
I e got the blues I feel really down. I feel miserable.

ช้ก ่ ข ้ ชคด Hope you break a leg. Best of luck.

Keep my fingers crossed.
good luck

English Clinic NARA where knowledge never ends

ช้ ้ก ง จ

Don t orr about it It will be alright. I m al a s on our side.

Don t let it bother ou Come on. Cheer up.

Look on the bright side. Every cloud has a silver lining. Nothing lasts forever.

There's a light at the end of the tunnel.

ดงค ด จ are you kidding me? Do you mean it?

You are kidding! ( ้ น่ น่ )

What a big surprise! Unbelievable! Really?

ค่ ป่
ตบ
Would ou like
would / Do you mind?

What s on our mind I m broke ou
eat out can t stand
by the way. count on 5
I d lo e to brush up
under the weather it s m treat I ll pa
are you kidding? Put up with
look forward to + Ving/N take a break
what if down and out
back and forth it s m treat

จ Well, I d better be going Nice talking to you.

Would you excuse me? Anyway, I should get going
I hope we get a chance to talk.
Sorr but I m afraid I need to I m sorr to cut ou off but I actuall gotta ha e to go

Offering and Inviting ( / ชญช ) ( ่ ช้ Do ou like
นก น ก ช ชญ ช้ Would ou like

ชน่ Would you like a cup of coffee?

Would you like to come for dinner tomorrow evening?

ก ต้ งก บ ง งบ ง ่ ง ้ ช้ I d like ซง ปนก พด ่ ง พ ช่น

I d like some information about hotels please
I d like to tr on this jacket please

English Clinic NARA where knowledge never ends

ก ่ ก ง ค ข (Expressions to show happy feeling)

I am over the moon. I m dead chuffed

He couldn t be happier She s on cloud nine

I m ha ing a hale of a time She s ha ing the time of her life

นวน น ก รชวย ล (Expressions to ask for assistance)

Can you give me a hand with this? Can I ask a favor?

I wonder if you could help me with this? I can t manage Can ou help

Give me a hand with this, will you? Lend me a hand with this, will you?

Could you spare a moment?

ก ร น น ชกชวน What about the mo ie
Ho about going to a mo ie Let s go to a mo ie
Wh don t ou go to a mo ie
You should go to a mo ie

ก รต บตกลง ก ร ดงว นดวย Deal Of course.
I agree with you. I couldn t agree more Absolutely. Exactly.
Definitely. Certainly. That sounds great.
I think ou re right That s right Sure. Sure thing.
It sounds wonderful. Why not.

6

ก ร มต บตกลง ก รปฎ ธ ก ร ม นดวย

I don t think so I m not sure Surely not. Absolutely not.

I m afraid I can t Thanks but No way Not at all.

English Clinic NARA where knowledge never ends

ค่

It s none of our business ่ ช่ งข งคณ ( ่ พ)

Hit the books ต / ่ น นง In a row ตดกน ( ช่น three days in a row)

Up to my neck ง่ ่ Hit the sack ก บ ปน น

Break a leg ข ้ ชคดน Give someone a call / a ring ท

Hold on / hang on กค ่ (ถ ), ทน ้ Put someone through น ท พท์

What a shame! น่ ด จง Shame on you! น้ ่

Drop someone a line ข นจด ... Running a temperature ่ บ

Window shopping ดนดข ง Save place จ งท ้

Can t be bothered ข ก จท ้ Let s call it a da นนพ คน่ กน ถ น

Don t beat around the bush ่ ้ ค้

This is on me. นฉน ง ง Don t be a chicken ่ปด ก

Pass away ช ต (ค พ) Run into, come across พบ จ ด บง ญ

7

Well ช้ ก นก่ นพด Do my best ท ้ดท ด

You can t miss it ง่ ก ( ช้กบก บ กท ง) Rain cats and dogs ฝนตก นก ก

Give someone a ride / liftขบ ถ ป ง่ It s up to ou ้ ต่คณ

Figure out ค ต บ I don t mind ง งก ด้

Around the clock ต ด Piece of cake ง่ ก

In a wink นช พ บต How come? ท

Get hold of ท Hang up ง

Calm down จ น Go out, dateคบ กน

Break up กกน Catch up with ต ทน

In time ทน On time ต ง

Tie the knot ตง่ ง น Tight schedule ต งง น น่น

Ripped off ถก กง Keep an eye on ฝ้ / จบต ง

English Clinic NARA where knowledge never ends

Nature s calling ป ดป Out of order / ช้ก ่ ด้

Run out of ด On and off ปนค งค

Guess what? ้ /ดซ I see! ฉน ข้ จ ้

Drop by ข้ ป go Dutch ช ์ค่ ช้จ่

let s go hal es บง่ กนจ่ take a risk ง งด

out of hand / control ค บค ่ ด้ pick some up ป บ...

make up one s mind ตด น จ see eye to eye with นพ้ งกน

cost an arm and a leg ค พง ก he line is busy / engaged. ่ ่ ง

Hang in there! ้ต่ ป ่ พ้ Something will never do ช้ง น ่ ด้

Have something in common บ ง ่ ง นกน

Take advantage of someone ป บ That sounds great. ฟงด ป

What s the weather like? ก ปน ่ ง Here you go. / Here you are. ช้ นข ง ้คน น

Behind schedule ท ง น ท่ น ทก นด ้ Anything to drink? ต้ งก ค งด 8
Do you have time? คณพ จ บ้ ง Do you have the time? ต นน ก ง ้

Certainly. / Of course. ด้ / ด้ Make sense ต ผ

Go ahead. / ชญค บ / ่ Come up with คด, ธ ก้ ข, ค้นพบ

It serves you right! น น้ / ค ้ ( ่ พ ่ค ช้ต บข้ บ)

You deserve it. คณ ค ด้ บ น ( ช้ ด้ทงค บ ก บ)

My lips are sealed. ปดป ก ง บ นท / ่ ปด ผ ค บ

Think outside the box คดน กก บ ่ ง ้ ง ค์

Get the most out of ช้ป ชน์จ ก... ้ กท ด / ช้ ้ค้ ค่ ท ด

What + (adj.) + noun! ช่ ง... ช่นน ช่น What a good student! (ช่ ง ปนนก นทด ช่นน)

How + adjective! ช่ ง... ช่นน ช่น How wonderful! (ช่ ง จ ์ ชน่ น)

How much does it cost? / What is the price? / What is the cost? / How much is it? ค ท่ ่

Grab a bite ท น งท้ ง In ages/ an ages ปน นน

English Clinic NARA where knowledge never ends


Click to View FlipBook Version