แผนการจัดการเรียนรู้แบบฐานสมรรถนะ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประเภทวิชา พาณิชยกรรม สาขาวิชา การตลาด รหัสวิชา 20001 - 1003 วิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ จัดทำโดย นางสาวศรีไพล อิ่มสำราญ สาขาวิชาการตลาด วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ เป็นแผนการจัดการเรียนรู้วิชาการเป็นผู้ประกอบการ (20001-1003) หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ใน รายวิชาการเป็นผู้ประกอบการ ที่ใช้เป็นเอกสารประกอบการสอนของผู้สอน ที่จัดการเรียนการสอนระดับชั้น ปวช. ในการจัดแผนการจัดการเรียนรู้จัดทำเป็นรายหน่วย 9 หน่วย มีกำหนดสมรรถนะรายวิชา นางสาวศรีไพล อิ่มสำราญ
สารบัญ หน้า ลักษณะรายวิชา 1 หน่วยการเรียนรู้ 2 ตารางวิเคราะห์หลักสูตร 3 กำหนดการสอน 4 หน่วยที่ 1 การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7 แผนการจัดการเรียนรู้ 8 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 10 ใบความรู้ 11 แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ 17 เอกสารอ้างอิง 19 ภาคผนวก 19 ใบมอบหมายงาน 20 หน่วยที่ 2 การออม กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 21 แผนการจัดการเรียนรู้ 22 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 24 ใบความรู้ 25 แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ 33 เอกสารอ้างอิง 35 ภาคผนวก 35 ใบมอบหมายงาน 36 หน่วยที่ 3 การลงทุน กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 37 แผนการจัดการเรียนรู้ 38 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 41 ใบความรู้ 42 แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ 52 เอกสารอ้างอิง 54 ภาคผนวก 54 ใบมอบหมายงาน 55
สารบัญ(ต่อ) หน้า หน่วยที่ 4 การเป็นผู้ประกอบการ กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 57 แผนการจัดการเรียนรู้ 58 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 60 ใบความรู้ 61 แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ 65 เอกสารอ้างอิง 67 ภาคผนวก 67 ใบมอบหมายงาน 68 หน่วยที่ 5 การจัดหาและการวางแผนทางการเงิน กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 70 แผนการจัดการเรียนรู้ 71 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 73 ใบความรู้ 74 แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ 80 เอกสารอ้างอิง 82 ภาคผนวก 82 ใบมอบหมายงาน 83 หน่วยที่ 6 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ประกอบกร กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 84 แผนการจัดการเรียนรู้ 85 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 88 ใบความรู้ 89 แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ 95 เอกสารอ้างอิง 97 ภาคผนวก 97 ใบมอบหมายงาน 98
สารบัญ(ต่อ) หน้า หน่วยที่ 7 รูปแบบแผนธุรกิจ กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 100 แผนการจัดการเรียนรู้ 101 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 103 ใบความรู้ 104 แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ 110 เอกสารอ้างอิง 112 ภาคผนวก 112 ใบมอบหมายงาน 113 หน่วยที่ 8 หลักการเบื้องต้นในการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิตในองค์กร กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 115 แผนการจัดการเรียนรู้ 116 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 118 ใบความรู้ 119 แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ 135 เอกสารอ้างอิง 127 ภาคผนวก 127 ใบมอบหมายงาน 128 หน่วยที่ 9 ประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการเป็นผู้ประกอบการ กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 129 แผนการจัดการเรียนรู้ 130 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 133 ใบความรู้ 134 แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ 138 เอกสารอ้างอิง 140 ภาคผนวก 140 ใบมอบหมายงาน 141
ลักษณะรายวิชา หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประเภทวิชา พาณิชยกรรม สาขาวิชา การตลาด สาขาวิชา การตลาด รหัสวิชา 20001 - 1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ทฤษฎี 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ ปฏิบัติ 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ จำนวน 2 หน่วยกิต จุดประสงค์รายวิชา 1. เข้าใจเกี่ยวกับหลักการวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ หลักการจัดการการเงิน หลักการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิตเบื้องตน้และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2. สามารถจัดทำแผนธุรกิจอย่างง่าย โดยประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการ บริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิต 3. มีเจตคติที่ดีต่อการเป็นผู้ประกอบการและมีกิจนิสัยในการทางานด้วยความรับผิดชอบรอบคอบ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการวางแผนเป้าหมายชีวิตดวยวงจรควบคุมคุณภาพ ธุรกิจและการเป็น ผู้ประกอบการหลักการจัดการการเงิน หลักการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น และ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2. จัดทำแผนธุรกิจอย่างง่าย 3. ประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการวางแผนและดำเนินงาน 4. ประยุกต์ใช้หลักการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิตในการวางแผนและดำเนินงาน คำอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับการวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ การออมและการ ลงทุน ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ การจดหาและวางแผนทางการเงิน กฎหมายที่เกี่ยวกับธุรกิจและ การเป็นผู้ประกอบการรูปแบบและการจัดทำแผนธุรกิจ หลักเบื้องต้นในการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิต ในองค์กร และการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ
หน่วยการเรียนรู้ หน่วย ที่ หน่วยการเรียนรู้ เวลาเรียน (ชม.) ทฤษฎี ปฏิบัติ รวม 1 การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคมคุณภาพ 1 2 3 2 การออม 1 2 3 3 การลงทุน 2 4 6 4 การเป็นผู้ประกอบการ 2 4 6 5 การจัดหาและการวางแผนทางการเงิน 2 4 6 6 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ประกอบการ 2 4 6 7 รูปแบบแผนธุรกิจ 4 8 12 8 หลักการเบื้องต้นในการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิตในองค์กร 2 4 6 9 ประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการเป็นผู้ประกอบการ 2 4 6 รวม 18 36 54
ตารางวิเคราะห์หลักสูตร รหัสวิชา 20001 - 1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ทฤษฎี 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ ปฏิบัติ 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ จำนวน 2 หน่วยกิต พฤติกรรม ชื่อหน่วยการเรียนรู้ พุทธิพิสัย ทักษะพิสัย จิตพิสัย รวม ลำดับ จำนวนชั่วโมง ความรู้ ความข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมินค่า 1.การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคมคุณภาพ 2 1 1 - - - 2 2 8 4 3 2.การออม 4 2 2 - - - 2 2 12 3 3 3.การลงทุน 4 2 2 - - - 2 2 12 3 6 4.การเป็นผู้ประกอบการ 6 4 2 - - - 2 2 16 2 6 5.การจัดหาและการวางแผนทางการเงิน 4 2 2 - - - 2 2 12 3 6 6.กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ประกอบการ 2 1 1 - - - 1 2 8 4 6 7.รูปแบบแผนธุรกิจ 6 4 4 - - - 2 4 20 1 12 8.หลักการเบื้องต้นในการบริหารงานคุณภาพและ 2 1 1 - - - 1 2 6 4 6 เพิ่มผลผลิตในองค์กร 9.ประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 1 1 1 - - - 1 2 6 4 6 ในการเป็นผู้ประกอบการ รวม 31 18 16 - - - 15 20 100 54 ลำดับความสำคัญ 1 3 4 - - - 5 2
กำหนดการสอน หน่วย ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้/รายการสอน สมรรถนะประจำหน่วย สัปดาห์ ที่ ชั่วโมง ที่ 1 การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจร - วางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุม 1 1-3 ควบคมคุณภาพ คุณภาพ 1.1 การวางแผนด้วยวงจรการควบคุม คุณภาพ 1.2 การนำ PDCA ไปใช้ 1.3 การวางแผนเป้าหมายชีวิต 1.4 การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วย วงจรควบคุมคุณภาพ 2 การออม - วางแผนการออม 2 4-6 2.1 ความหมาย ความสำคัญ และ ประโยชน์ของการออม 2.2 เป้าหมายในการออม 2.3 ปัจจัยสำคัญในการออม 2.4 การวางแผนการออม 3 การลงทุน - วางแผนการลงทุน 3-4 7-12 3.1 ความหมายและลักษณะ การลงทุน 3.2 การลงทุนทางการเงิน 3.3 ผลตอบแทนจากการลงทุน 3.4 หลักการลงทุน 3.5 การลงทุนโดยฝากเงินกับ ธนาคารพาณิชย์ 3.6 การลงทุนในตราสารหนี้ 3.7 การลงทุนในตราสารทุน 3.8 การลงทุนโดยทำประกันชีวิต 3.9 การลงทุนในกองทุน 3.10 การลงทุนประกอบธุรกิจ
หน่วย ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้/รายการสอน สมรรถนะประจำหน่วย สัปดาห์ ที่ ชั่วโมง ที่ 4 การเป็นผู้ประกอบการ - เป็นผู้ประกอบการ 5-6 13-18 4.1 ความหมายของผู้ประกอบการ 4.2 คุณลักษณะพื้นฐานของ ผู้ประกอบการ 4.3 แนวทางในการเป็นผู้ประกอบการ 4.4 การวิเคราะห์การผู้ประกอบการ 5 การจัดหาและการวางแผนทางการเงิน - จัดหาและวางแผนทางการเงิน 7-8 19-24 5.1 การวางแผนทางการเงิน 5.2 หลักการวางแผนทางการเงิน 5.3 การจัดการทางการเงิน 6 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการ - อธิบายกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ 9-10 25-30 เป็นผู้ประกอบการ การเป็นผู้ประกอบการ 6.1 การจดทะเบียนพาณิชย์ของ ผู้ประกอบการ 6.2 กฎหมายภาษีตามประมวล รัษฎากร 6.3 การจดทะเบียนสิทธิบัตร 6.4 เครื่องหมายการค้า 6.5 กฎหมายแรงงาน 6.6 กฎหมายประกันสังคม
หน่วย ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้/รายการสอน สมรรถนะประจำหน่วย สัปดาห์ ที่ ชั่วโมง ที่ 7 รูปแบบแผนธุรกิจ - เขียนแผนธุรกิจ 11-14 31-42 7.1 ความหมายและความสำคัญของ แผนธุรกิจ 7.2 องค์ประกอบของแผนธุรกิจ 7.3 ปกหน้า สารบัญ และคำนำ 7.4 บทสรุปผู้บริหาร 7.5 ประวัติกิจการ หรือภาพรวมของ กิจการ 7.6 การวิเคราะห์สถานการณ์ 7.7 แผนการตลาด 8 หลักการเบื้องต้นในการบริหารงาน - เขียนหลักการเบื้องต้นในการบริหารงาน 15-16 43-48 คุณภาพและเพิ่มผลผลิตในองค์กร คุณภาพและเพิ่มผลผลิตในองค์กร 8.1 การบริหารงานคุณภาพเบื้องต้น 8.2 การเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น 9 ประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจ - การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 17-18 49-54 พอเพียงในการเป็นผู้ประกอบการ ในการเป็นผู้ประกอบการ 9.1 การประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงในการดำเนินธุรกิจ 9.2 การประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงในการวางแผนและ ดำเนินงาน 9.3 แนวทางการนำปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงไปใช้ในการดำเนินชีวิต 9.4 การทำบัญชีครัวเรือน 9.5 ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย
กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลกระทบเพื่อความสมดุล พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม ด้านสิ่งแวดล้อม - การอยู่ร่วมกับผู้อื่น - ค่าใช้จ่ายที่สูงเพิ่มมากขึ้น - การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม - ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด การวางแผนเป้าหมาย ชีวิตด้วยวงจรควบคุม คุณภาพ ความมีเหตุผล 1. การทำงานต้องใช้หลักความรู้ ในการปฏิบัติงาน 2. อย่าใช้ความรู้สึกและอารมณ์ ในการทำงาน ความพอประมาณ 1. ทำอะไรที่เรียบง่าย ประหยัด 2. พอเหมาะพอควรตามศักยภาพ ของตนเอง การมีภูมิคุ้มกัน 1. การทำงานต้องให้เกิดประโยชน์ สูงสุด 2. สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ 3. บูรณาการวิธีการทำงานได้ เงื่อนไขด้านความรู้และทักษะ 1. มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วย วงจรควบคุมคุณภาพ 2. อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วย วงจรควบคุมคุณภาพได้ เงื่อนไขด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1. มีความคิดสร้างสรรค์ 2. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ 3. อดทน
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 1 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 1 รหัสวิชา 20001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ท-ป-น 1-2-2 . ชื่อหน่วยการเรียนรู้ การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ ทฤษฎี 1 ชม. ปฏิบัติ 2 ช.ม. 1. สาระสำคัญ การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ ทำให้แต่ละบุคคลมีการวางแผนที่ดีให้กับตนเองและ ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในชีวิต รวมทั้งช่วยลดความสับสนในการทำงาน ลดการใช้ทรัพยากรให้มีความ พอดี และลดความสูญเสียในรูปแบบต่างๆ สามารถทำให้การทำงานมีการตรวจสอบเป็นระยะ ส่งผลให้การ ปฏิบัติงานมีความรัดกุมและรอบคอบ อีกทั้งยังมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว 2. สมรรถนะประจำหน่วย - วางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับการวางแผนด้วยวงจรการควบคุมคุณภาพ 3.2 แสดงความรู้เกี่ยวกับการนำ PDCA ไปใช้ 3.3 แสดงความรู้เกี่ยวกับการวางแผนเป้าหมายชีวิต 3.4 แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 การวางแผนด้วยวงจรการควบคุมคุณภาพ 4.2 การนำ PDCA ไปใช้ 4.3 การวางแผนเป้าหมายชีวิต 4.4 การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ 5. กิจกรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ที่ 1) ขั้นนำ 1. ครูผู้สอนชี้ให้ผู้เรียนได้เห็นความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการ จะช่วยทำให้ผู้เรียนมีทักษะและ ประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจของตนเองได้มากขึ้น สามารถสร้างอาชีพและมีรายได้มากขึ้น 2. ครูเน้นให้ผู้เรียนเห็นว่า วงจร PDCA ได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้ให้ ความสำคัญกับพื้นฐานการบริหารงานให้เกิดคุณภาพ 2 อย่าง คือ การสื่อสารและความร่วมมือร่วมจากทุกคนใน หน่วยงาน โดยผู้บริหารเป็นผู้กำหนดแผนงาน แต่จะสื่อสารผ่านช่องทางหัวหน้างานและพนักงานตามลำดับขั้น เป้าหมายจะถูกกำหนดขึ้นตามความเหมาะสมที่เป็นไปได้ 3. ครูแนะนำให้ผู้เรียนนำวงจร PDCA สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับชีวิตของแต่ละบุคคลได้ทุกเรื่อง เช่น การตั้งเป้าหมายการทำงานในแต่ละวัน การตั้งเป้าหมายในวัยเกษียณ การตั้งเป้าหมายออมเงินส่วนบุคคล เป็นต้น 4. ผู้เรียนยกตัวอย่างการนำวงจร PDCA มาประยุกต์ใช้ได้กับชีวิตของบุคคลและองค์กร
ขั้นสอน 5. ครูผู้สอนอธิบายการวางแผนด้วยวงจรการควบคุมคุณภาพ โดยใช้แผ่นใสประกอบพร้อมยกตัวอย่าง กรณีศึกษาและสื่ออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบเพื่อสื่อความหมายสาระสำคัญของเนื้อหาให้เข้าใจยิ่งขึ้น โดย PDCA คือ วงจรการควบคุมคุณภาพ หรือ วงจรเดมิ่ง 6. ครูแสดงความรู้เกี่ยวกับการนำ PDCA ไปใช้ โดยวงจรการควบคุมคุณภาพสามารถนำมาใช้ในการ ดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้ ขั้นสรุป 7. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาทั้งหมด 6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ - เอกสารที่เกี่ยวข้อง - Internet 7. หลักฐานการเรียนรู้ 7.1 หลักฐานความรู้ 1. แผนจัดการเรียนรู้ 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน 7.2 หลักฐานการปฏิบัติงาน 1. บันทึกการสอนของผู้สอน 2. ใบเช็ครายชื่อนักเรียน 3. การตรวจประเมินผลงานนักเรียน 8. การวัดและประเมินผล 8.1 วิธีการ 1. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. ประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน-หลังเรียน 3. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8.2 เครื่องมือ 1. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8.3 เกณฑ์ 1. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม คือ ปานกลาง (50 % ขึ้นไป) 2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน – หลังเรียน มีเกณฑ์ผ่าน 50% 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมิน ตามสภาพจริง
9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 9.1 ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 9.2 ปัญหาที่พบ 9.3 แนวทางแก้ปัญหา
ใบความรู้ที่ 1 หน่วยที่ 1 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 1 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 3 ชม. ชื่อเรื่อง การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1) การวางแผนด้วยวงจรการควบคุมคุณภาพ 2) การนำ PDCA ไปใช้ 3) การวางแผนเป้าหมายชีวิต 4) การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ 1.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1) แสดงความรู้เกี่ยวกับการวางแผนด้วยวงจรการควบคุมคุณภาพ 2) แสดงความรู้เกี่ยวกับการนำ PDCA ไปใช้ 3) แสดงความรู้เกี่ยวกับการวางแผนเป้าหมายชีวิต 4) แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ 2. สมรรถนะ - วางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ 3. เนื้อหาสาระ 4.1 การวางแผนด้วยวงจรการควบคุมคุณภาพ PDCA คือ วงจรการควบคุมคุณภาพ หรือ วงจรเดมิ่ง ประกอบด้วย
P=Plan คือ การวางแผนงานจากวัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่ได้กำหนดขึ้น D=Do คือ การปฏิบัติตามขั้นตอนในแผนงานที่เขียนไว้อย่างเป็นระบบและมีความ ต่อเนื่อง C=Check คือ การตรวจสอบผลการดำเนินงานแต่ล่ะขั้นตอนของแผนงานว่ามีปัญหาอะไร เกิดขึ้น จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขแผนงานในขั้นตอนใด A=Action คือ การปรับปรุงแก้ไขส่วนที่มีปัญหา หรือถ้าไม่มีปัญหาใดๆ ก็ยอมรับแนว ทางการปฏิบัติตามแผนงานที่ได้ผลสำเร็จ เพื่อนำไปใช้ในการทำงานครั้งต่อไป 4.2 การนำ PDCA ไปใช้ ความรู้เกี่ยวกับการนำ PDCA ไปใช้ โดยวงจรการควบคุมคุณภาพสามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต ให้ประสบความสำเร็จได้ดังนี้ 4.2.1 การวางแผน (Plan) คือ การวางแผนชีวิต โดยจะต้องทราบว่าตนเองนั้นอยากทำอะไร ต้องการอะไร แล้วจึงตั้งเป้าหมาย และวิธีการในการดำเนินชีวิตให้ชัดเจนซึ่งเป้าหมายของชีวิตแต่ละคนจะมีความ แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้การวางแผนครอบคลุมถึงการกำหนดเรื่องที่ต้องการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ซึ่งรวมถึงการ พัฒนาสิ่งใหม่ๆ การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน ฯลฯ พร้อมกับพิจารณาว่ามีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูล ใดบ้างเพื่อการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนั้น โดยระบุวิธีการเก็บข้อมูลให้ชัดเจน จะต้องวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมได้ แล้วกำหนดทางเลือกในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง การวางแผนช่วยให้คาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต และช่วยลด ความสูญเสียต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ซึ่งช่วยให้รับรู้สภาพปัจจุบันพร้อมกับกำหนดสภาพที่ต้องการให้เกิดขึ้นใน อนาคต ด้วยการผสานประสบการณ์ความรู้และทักษะโดยการวางแผนมีดังนี้ 1) การวางแผนเพื่ออนาคต เป็นการวางแผนสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหรือกำลังจะเกิดขึ้น บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถควบคุมได้แต่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า 2) การวางแผนเพื่อการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เป็นการวางแผนเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพที่เกิดขึ้นใน ปัจจุบันเพื่อสภาพที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถควบคุมผลที่เกิดขึ้นได้ด้วยการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปัจจุบัน ลำดับขั้นในกระบวนการวางแผนประกอบด้วย 1. การกำหนดวัตถุประสงค์ 2. พัฒนาข้อตกลงที่เป็นตัวกำหนดขอบเขตในการวางแผน 3. พิจารณาข้อจำกัดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการวางแผน 4. พัฒนาทางเลือก 5. ประเมินทางเลือก เพื่อเลือกสิ่งที่เป็นไปได้สูงสุด 6. เปลี่ยนแปลงแผนสู่การปฏิบัติ การวางแผนที่ดี เพื่อให้ผู้เรียนนำไปประกอบธุรกิจ ดังนี้
ประโยชน์ของการวางแผน ซึ่งการวางแผนงานจะช่วยทำให้มีการเตรียมความพร้อมเมื่อได้ ปฏิบัติงานจริง ดังนี้ 1) การศึกษา เป็นการวางแผนศึกษาข้อมูล วิธีการในการประกอบอาชีพธุรกิจ เช่น ความ ต้องการของตลาด ข้อมูลวัตถุดิบ ข้อมูลทรัพยากรที่มีอยู่หรือเงินทุน 2) การเตรียมงาน เป็นการวางแผนการเตรียมงานด้านสถานที่ การออกแบบผลิตภัณฑ์ ความ พร้อมของบุคลากร อุปกรณ์เครื่องจักร วัตถุดิบ 3) การดำเนินงาน เป็นการวางแนวทางการปฏิบัติงานของแต่ละฝ่าย เช่น ฝ่ายการตลาด ฝ่ายผลิต ฝ่ายการเงินและบัญชีเป็นต้น 4) การประเมินผล เป็นการวางแผนหรือเตรียมการประเมินผลงานอย่างเป็นระบบ เช่น ประเมินจากยอดจำหน่าย ประเมินจากการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า เป็นต้น 4.2.2 การปฏิบัติตามแผน (DO) คือ การทำตามแผนที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ด้วยความตั้งใจมุ่งมั่น พยายามทั้งนี้การปฏิบัติเป็นการลงมือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามทางเลือกที่ได้กำหนดไว้ในขั้นตอนการวางแผน ซึ่ง ต้องตรวจสอบระหว่างการปฏิบัตินั้นว่าได้ดำเนินไปในทิศทางที่ตั้งใจหรือไม่ พร้อมกับสื่อสารให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ และติดตามการปฏิบัตินั้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้และหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ในระหว่างการปฏิบัติเพื่อจะมั่นใจได้ว่าการปฏิบัติตามแผนที่วางไว้นั้นเกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด 4.2.3 การตรวจสอบ (Check) คือ การประเมินเป้าหมายชีวิตที่วางแผนไว้ว่าสามารถปฏิบัติได้สำเร็จ หรือไม่ และต้องปรับปรุงหรือแก้ไขอย่างไรบ้างจึงจะทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งนี้การตรวจสอบเป็นการ ประเมินผลที่ได้รับจากการปฏิบัติ(DO) โดยการตรวจสอบทำให้ทราบว่าในการปฏิบัตินั้นสามารถบรรลุเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้หรือไม่ สิ่งสำคัญก็คือ ต้องรู้ว่าจะตรวจสอบอะไรบ้างและมีความสม่ำเสมอมากน้อย เพียงใด ข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบจะเป็นประโยชน์ในขั้นตอนต่อไป ในการตรวจสอบผลการดำเนินงาน ควรมีหลักดังนี้ 1) ตรวจสอบจากเป้าหมายที่กำหนดไว้ 2) มีเครื่องมือที่เชื่อถือได้ 3) มีเกณฑ์การตรวจสอบที่ชัดเจน 4) มีกำหนดเวลาการตรวจสอบที่แน่นอนและชัดเจน 5) บุคลากรที่ตรวจสอบนั้นต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย จึงดำเนินงานต่อไปได้ 4.2.3 การปรับปรุงแก้ไข (Act) คือการนำเอาผลการประเมินมาปรับปรุง และ/หรือพัฒนาวิธีการทำ ให้ชีวิตประสบความสำเร็จมากขึ้น ทั้งนี้เป็นการดำเนินงานให้เหมาะสมซึ่งจะพิจารณาผลที่ได้จากการตรวจสอบซึ่ง มี2 กรณีคือ ผลที่เกิดขึ้นเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ถ้าผลที่เกิดขึ้นเป็นไปตามแผนที่ วางไว้ก็จะนำแนวทางหรือกระบวนการปฏิบัตินั้นมาจัดทำให้เป็นมาตรฐานพร้อมทั้งหาวิธีที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่ง อาจจะบรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่าเดิมและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า รวมทั้งทำให้คุณภาพดีขึ้นก็ได้ถ้าหากไม่เป็นไปตาม แผนที่วางไว้ก็ควรจะนำข้อมูลที่รวบรวมไว้มาวิเคราะห์และพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป 4.3 การวางแผนเป้าหมายชีวิต เป้าหมายในชีวิต (Life Goals) หมายถึง สิ่งที่ตนเองให้ความสำคัญ และปรารถนาจะให้เกิดขึ้นใน อนาคต และเป็นแรงจูงใจให้ตนเองมีพลังมุ่งไปสู่อนาคต การมีเป้าหมายในชีวิตจะช่วยให้มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างมี ความหมาย มีความหวังและมีทิศทางที่จะมุ่งไปสู่อนาคต เพราะการมีเป้าหมายจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าบุคคลนั้นต้องการ อะไรบ้าง จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เพื่อใคร และเพื่อที่จะทำอะไร
การวางแผนเป้าหมายชีวิต หมายถึง การตั้งเป้าหมายชีวิตของบุคคลที่ได้วางแผนไว้ด้วยวิธีการที่ เหมาะสมเพื่อนำตนเองไปสู่เป้าหมายของชีวิตในอนาคต เป็นการวางเป้าหมายไว้ว่าจะต้องตั้งตัวสร้างฐานะให้ได้ โดยเรียนให้จบและประกอบอาชีพที่สุจริต ซึ่งการวางเป้าหมายในชีวิตของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันไปเพื่อให้การ ดำเนินชีวิตมีคุณภาพ ได้แก่ การวางแผนเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย การวางแผนเกี่ยวกับการศึกษา การวางแผน เกี่ยวกับอาชีพ เช่น แพทย์วิศวกร ตำรวจ ทหาร นักธุรกิจ เกษตรกรรม ชาวนา ชาวไร่ เป็นต้น การวางแผน เกี่ยวกับการใช้จ่ายในแต่ละเดือน การวางแผนที่จะปฏิบัติความดีการดำเนินชีวิตให้อยู่ในกรอบศีลธรรม การ วางแผนเกี่ยวกับการสร้างครอบครัวในอนาคต เป็นต้น วางแผนเป้าหมายชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นที่บุคคลทุกคนต้องให้ความสำคัญในการรู้จักวางแผนชีวิต ของตนเองอย่างมีขั้นตอน มีวิธีการที่เหมาะสมกับสถานะของบุคคล และพยายามดำเนินการโดยปฏิบัติทุกวิถีทางที่ จะนำพาชีวิตให้ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อดำเนินชีวิตที่มีการวางแผนแล้วเกิดปัญหาและอุปสรรค บุคคลนั้นก็ สามารถหาจุดบกพร่องที่เกิดขึ้น แล้วนำมาพิจารณาทบทวนขั้นตอน เพื่อแก้ไข พัฒนาปรับปรุงให้ชีวิตของบุคคลมี คุณภาพ และเกิดประสิทธิภาพในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข หากทุกชีวิตมีการวางแผนเพื่อเป้าหมายของชีวิต ก็ จะส่งผลให้ประสบความสำเร็จในชีวิตแบ่งเป้าหมายชีวิตของบุคคลได้3 ระดับ คือ 1) การวางแผนเป้าหมายชีวิตขั้นต้น เป็นการวางแผนตั้งเป้าหมายของชีวิตโดยมุ่งมั่นฝึกฝนตนเอง ให้บรรลุเป้าหมายชีวิตว่าจะต้องเรียนให้จบ มีอาชีพ มีฐานะที่ดีให้ได้ด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น การประพฤติตน เป็นคนดีและตั้งเป้าหมายว่าจะประกอบอาชีพอะไร เช่น ครูพยาบาล ตำรวจ ทหาร ชาวนาหรืออื่นๆ 2) การวางแผนเป้าหมายชีวิตขั้นกลาง เป็นการตั้งเป้าหมายของชีวิตว่าต้องพยายามตั้งตัวและสร้าง ฐานะของตนเอง มีชีวิตคู่ มีชีวิตครอบครัวที่ดีไม่ย่อท้อ รู้จักการสร้างคุณค่าให้ชีวิตด้วยการขยันตั้งใจทำความดีเอื้อ อาทร มีเมตตาต่อผู้อื่น ซึ่งเป็นเป้าหมายชีวิตสูงสุด 3) การวางแผนเป้าหมายชีวิตขั้นสูงสุด เป็นการตั้งเป้าหมายของชีวิตที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อ ตนเอง และบุคคลอื่น คือการตั้งใจดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนหน้าที่การงาน ชีวิต ครอบครัว และตั้งใจปฏิบัติธรรมโดยการตั้งใจทำความดีหมั่นให้ทาน รักษาศีลฝึกสมาธิเพื่อให้จิตใจผ่องใส เกิด ปัญญา เพื่อรักษาเป้าหมายของชีวิตให้มั่นคงทุกด้าน ถ้าทุกคนไม่มีการวางแผนเป้าหมายชีวิตแล้ว ก็ยากที่จะทำให้ ตนเองประสบความสำเร็จได้เป้าหมายเป็นเครื่องมือชี้ทิศทางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ ละคนอาจมีเป้าหมายแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอาชีพ รายได้ความรับผิดชอบในครอบครัวของแต่ละบุคคล 4.4 การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ เป้าหมายของบุคคลมีดังนี้ 1) เป้าหมายที่ไม่เป็นตัวเงิน ได้แก่ วัฒนธรรมประเพณีสังคม การเมือง กฎหมาย ความรู้สึก เป็นต้น อาจจะมีความสำคัญมากกว่าตัวเงินก็ได้ 2) เป้าหมายที่เป็นตัวเงิน เป็นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับเงินโดยตรง ซึ่งทำให้แต่ละบุคคลนั้นมีความ เป็นอยู่ดีขึ้น หากมีการวางแผนการเงินที่ดีจะทำให้เป้าหมายของแต่ละบุคคลประสบความสำเร็จได้
ความแตกต่างของเป้าหมายที่เป็นตัวเงินและเป้าหมายที่ไม่เป็นตัวเงิน ดังนี้ สิ่งที่ต้องพิจารณาในการกำหนดเป้าหมายชีวิต ดังนี้ 1) ตั้งเป้าหมายที่แน่นอนและชัดเจน ควรคำนึงถึงผลที่จะได้รับว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือ วัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่ 2) เป้าหมายต้องมีความเป็นไปได้ควรมีการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน หากคิดว่าเหมาะสมและ สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้จึงลงมือปฏิบัติ การกำหนดเป้าหมายในลักษณะนี้จึงไม่มีความเป็นไปได้คือไม่ สอดคล้องกับความเป็นจริงได้ 3) เป้าหมายนั้นควรจัดลำดับก่อนหลังให้แน่นอน กระบวนการวางแผนชีวิต มี4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 การตั้งเป้าหมายชีวิต เป็นแนวทางในการวางแผนการดำเนินชีวิตของตนเองเพื่อให้บรรลุได้ ตามเป้าหมายที่ต้องการ เช่น ต้องการเรียนให้จบการศึกษาสูงสุดในชีวิต ต้องกำหนดว่าจะจบการศึกษาเมื่อไหร่ จะประกอบอาชีพอะไร จะหารายได้เท่าไหร่ และหามาได้อย่างไร เป็นต้น ขั้นที่ 2 การวางแผนเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติเมื่อได้ตั้งเป้าหมายแล้ว ก็ต้องมีการกำหนด แผนงานเพื่อระบุวิธีที่ต้องปฏิบัติตามแผน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เช่น เมื่อจบการศึกษาแล้วก็ต้องเลือกอาชีพใด อาชีพหนึ่ง ที่จะสร้างรายได้เพื่อนำมาเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยอาจวางแผนเลือกอาชีพไว้มากกว่า 1 อาชีพ ก็ได้ ขั้นที่ 3 ประเมินทางเลือก ควรมีการประเมินว่าควรจะตัดสินใจเลือกอาชีพใดที่เหมาะสมกับตนเอง มากที่สุดโดยเน้นที่ความสนใจและชอบในอาชีพนั้น รวมทั้งสามารถที่จะสร้างรายได้ให้ชีวิตของตนเองมีความสุขอยู่ ได้อย่างพอเพียง เช่น เลือกประกอบอาชีพทำร้านอาหาร นำรายได้ส่วนหนึ่งมาเก็บไว้เป็นเงินออมเพื่อใช้ในวัย เกษียณ อีกส่วนหนึ่งอาจจะนำมาใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายในร้านอาหาร เป็นต้น ขั้นที่ 4 การตัดสินใจ หากการวางแผนตามขั้นที่ 1 ถึงขั้นที่ 3 เป็นไปตามเป้าหมาย ก็สามารถ ตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพได้แต่หากไม่ประสบความสำเร็จก็ต้องยกเลิกหรือถ้าต้องการที่จะประกอบอาชีพอื่นๆ ก็ต้องปรับเปลี่ยนการวางแผนทางการประกอบอาชีพใหม่
หลักการวางแผนเป้าหมายชีวิต โดยก่อนจะเริ่มต้นทำสิ่งใดก็ควรจะกำหนดเป้าหมายที่ต้องการไว้ล่วงหน้า เสมอ เพราะเป้าหมายเป็นเครื่องมือที่กำหนดทิศทางให้ทราบว่าสิ่งที่คาดหวังและต้องการทำให้สำเร็จได้นั้นมี เพียงใด การวางแผนเป้าหมายในชีวิตจึงควรจะต้องกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้บรรลุผลสำเร็จ แต่เป้าหมายที่ดีนั้นควรจะกำหนดตามหลัก SMART ดังนี้
4. แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ แบบฝึกหัดหน่วยที่ 1 จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดเป็นเป้าหมายชีวิตที่เป็นตัวเงินทั้งหมด ก. แอนซื้อตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่น ง. ออมทำประกันชีวิต ข. อ้อยนำหนังสือไปถวายพระ จ. เอมแต่งงานกับเศรษฐีเยอรมัน ค. มอมแมมไหว้พ่อแม่ก่อนไปโรงเรียน 2. ข้อใดไม่ใช่เป้าหมายชีวิตทีเป็นตัวเงิน ก. ช่อผกาซื้อพันธบัตรรัฐบาล ง. คุณยิ่งลักษณ์ซื้อหุ้นสามัญของ ปตท. ข. สุภาวดีทำประกันสังคม จ. ลีน่าจังจะสมัครผู้ว่า กทม. ค. มิตซูโอะไปขุดทองที่กาญจนบุรี 3. การวางแผนเป้าหมายในวัยใด จะอยู่ระหว่างการเริ่มสร้างครอบครัว ก. อายุ 20 ปี ง. อายุ 21-30 ปี ข. 31-45 ปี จ. 46-50 ปี ค. 51 ปีขึ้นไป 4. “ถ้าจะกำหนดเป้าหมายว่าอีก 3 ปี ถ้าเรียนจบ ปวช.3 แล้วจะทำงานทำเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัว” สอดคล้องกับหลักการวางแผนเป้าหมายชีวิตในข้อใด ก. Specific ง. Measurable ข. Acceptable จ. Realistic ค. Timely 5. “R=Realistic” หมายถึงข้อใด ก. มีความชัดเจน และเฉพาะเจาะจง ง. วัดผลและประเมินผลได้ ข. สามารถยอมรับได้ จ. เป้าหมายต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ค. เป้าหมายนั้นต้องมีการกำหนดเวลาแน่นอน 6. การกำหนดเป้าหมายชีวิตนั้นถ้าไม่มีระยะเวลาแน่นอนจะทำให้ความมุ่งมั่นลดลง หมายถึงข้อใด ก. A=Acceptable ง. S = Specific ข. M=Measurable จ. T=Timely ค. R=Rewarding 7. ข้อใดสอดคล้องกับ R-Rewarding ก. ความคุ้มค่ากับการปฏิบัติ ง. เป็นการเพิ่มศักยภาพของผู้ปฏิบัติ ข. ความชัดเจน และเฉพาะเจาะจง จ. วัดผลและประเมินผลได้ ค. ยอมรับได้ 8. “......เป็นการตรวจสอบจากเป้าหมายที่กำหนดไว้” จากข้อความนี้สอดคล้องกับข้อใด ก. P ง. A ข. C จ. R ค. D
9. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการตรวจสอบในวงจร PDCA ก. ตรวจสอบจากเป้าหมายที่กำหนดไว้ ง. มีเครื่องมือที่เชื่อถือได้ ข. มีเกณฑ์การตรวจสอบที่ชัดเจน จ. มีเวลาตรวจแน่นอนและชัดเจน ค. ผู้ที่ตรวจสอบต้องเป็นบุคคลภายนอก 10. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการวางแผน ก. การศึกษาข้อมูล ง. การเตรียมงาน ข. การดำเนินงาน จ. การประเมินผล ค. มีเครื่องมือที่เชื่อถือได้
5. เอกสารอ้างอิง - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ 6. ภาคผนวก เฉลยแบบฝึกหัดท้ายหน่วยที่ 1 1. ง 6. จ 2. จ 7. ก 3. ง 8. ข 4. ก 9. ข 5. จ 10. ข
ใบมอบหมายงาน ที่ 1 หน่วยที่ 1 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 1 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 3 ชม. ชื่อเรื่อง การวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ 1. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับการวางแผนด้วยวงจรการควบคุมคุณภาพ 1.2 แสดงความรู้เกี่ยวกับการนำ PDCA ไปใช้ 1.3 แสดงความรู้เกี่ยวกับการวางแผนเป้าหมายชีวิต 1.4 แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการวางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ 2. สมรรถนะ - วางแผนเป้าหมายชีวิตด้วยวงจรควบคุมคุณภาพ 3. รายละเอียดของงาน 3.1 ให้นักเรียนเขียนเป้าหมายในชีวิตสูงสุดว่าต้องการที่จะทำอะไรบ้างในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยกำหนด เป้าหมายไว้ 5 เรื่อง พร้อมทั้งลำดับขั้นในกระบวนการวางแผนประกอบด้วย 1) การกำหนดวัตถุประสงค์เป้าหมายของชีวิต 2) พัฒนาข้อตกลงที่เป็นตัวกำหนดขอบเขตในการวางแผนของชีวิต 3) พิจารณาข้อจำกัดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการวางแผนชีวิต 4) พัฒนาทางเลือกในการดำเนินชีวิต 5) ประเมินทางเลือก เพื่อเลือกสิ่งที่เป็นไปได้สูงสุดของชีวิต 6) เปลี่ยนแปลงแผนสู่การปฏิบัติจริง 3.2 ให้นักเรียนเขียนลงในกระดาษที่จัดเตรียมไว้ 3.3 นำเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อมร่วมกันอภิปราย 4. กำหนดเวลาส่งงาน ส่งงานในสัปดาห์ถัดไป 5. แนวทางในการปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนทบทวนในบทเรียนที่ 1 2. ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 3. ตอบคำถามลงในกระดาษที่เตรียมไว้ 4. ส่งงานตามเวลาที่กำหนดไว้ 6. แหล่งข้อมูลค้นคว้าเพิ่มเติม 1. หนังสือวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ 2. ห้องสมุด 3. Website 7. การประเมินผล 1. ส่งตามกำหนดระยะเวลาที่กำหนด 2. เกณฑ์ผ่าน 50 % ขึ้นไป
กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลกระทบเพื่อความสมดุล พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม ด้านสิ่งแวดล้อม - การอยู่ร่วมกับผู้อื่น - ค่าใช้จ่ายที่สูงเพิ่มมากขึ้น - การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม - ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด การออม ความมีเหตุผล 1. การทำงานต้องใช้หลักความรู้ ในการปฏิบัติงาน 2. อย่าใช้ความรู้สึกและอารมณ์ ในการทำงาน ความพอประมาณ 1. ทำอะไรที่เรียบง่าย ประหยัด 2. พอเหมาะพอควรตามศักยภาพ ของตนเอง การมีภูมิคุ้มกัน 1. การทำงานต้องให้เกิดประโยชน์ สูงสุด 2. สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ 3. บูรณาการวิธีการทำงานได้ เงื่อนไขด้านความรู้และทักษะ 1. มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ออม 2. อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ การออมได้ เงื่อนไขด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1. มีความคิดสร้างสรรค์ 2. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ 3. อดทน
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 2 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ท-ป-น 1-2-2 . ชื่อหน่วยการเรียนรู้ การออม ทฤษฎี 1 ชม. ปฏิบัติ 2 ช.ม. 1. สาระสำคัญ การออมเป็นการเก็บสะสมเงินรายได้ในส่วนต่าง ๆ ไว้ใช้จ่ายในอนาคตรวมถึงการสะสมสิ่งที่มีค่าเป็นตัวเงินและมี ประโยชน์ต่อครอบครัว ซึ่งเป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคงให้กับตนเอง และก่อให้เกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การ ออมจึงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะมีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ครอบครัวและชุมชน จึงถือว่า การออมเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 2. สมรรถนะประจำหน่วย - วางแผนการออม 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของการออม 3.2 แสดงความรู้เกี่ยวกับเป้าหมายในการออม 3.3 แสดงความรู้เกี่ยวกับปัจจัยสำคัญในการออม 3.4 แสดงความรู้เกี่ยวกับการวางแผนการออม 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของการออม 4.2 เป้าหมายในการออม 4.3 ปัจจัยสำคัญในการออม 4.4 การวางแผนการออม 5. กิจกรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ที่ 1) ขั้นนำ 1. ผู้เรียนแต่ละคนบอกเป้าหมายในชีวิตของตนเองว่าภายใน 3-5 ปีนี้ต้องการจะตั้งเป้าหมายให้ชีวิตของ ตนเองอย่างไรบ้าง 2. ครูแนะนำให้ผู้เรียนจดบันทึกเป้าหมายของผู้เรียนแต่ละคนไว้ในสมุดบันทึกส่วนตัว และเมื่อถึงกำหนดที่ ตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้วลองพิจารณาดูว่าประสบความสำเร็จกี่ข้อ และข้อที่ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายนั้นมี ปัญหาใดบ้าง ขั้นสอน 3. ครูอธิบายความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของการออม ขั้นสรุป 4. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาทั้งหมด
6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ - เอกสารที่เกี่ยวข้อง - Internet 7. หลักฐานการเรียนรู้ 7.1 หลักฐานความรู้ 1. แผนจัดการเรียนรู้ 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน 7.2 หลักฐานการปฏิบัติงาน 1. บันทึกการสอนของผู้สอน 2. ใบเช็ครายชื่อนักเรียน 3. การตรวจประเมินผลงานนักเรียน 8. การวัดและประเมินผล 8.1 วิธีการ 1. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. ประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน-หลังเรียน 3. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8.2 เครื่องมือ 1. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8.3 เกณฑ์ 1. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม คือ ปานกลาง (50 % ขึ้นไป) 2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน – หลังเรียน มีเกณฑ์ผ่าน 50% 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมิน ตามสภาพจริง
9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 9.1 ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 9.2 ปัญหาที่พบ 9.3 แนวทางแก้ปัญหา
ใบความรู้ที่ 2 หน่วยที่ 1 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 2 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 3 ชม. ชื่อเรื่อง การออม 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1) ความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของการออม 2) เป้าหมายในการออม 3) ปัจจัยสำคัญในการออม 4) การวางแผนการออม 1.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1) แสดงความรู้เกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของการออม 2) แสดงความรู้เกี่ยวกับเป้าหมายในการออม 3) แสดงความรู้เกี่ยวกับปัจจัยสำคัญในการออม 4) แสดงความรู้เกี่ยวกับการวางแผนการออม 2. สมรรถนะ - วางแผนการออม 3. เนื้อหาสาระ 3.1 ความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของการออม
3.2 เป้าหมายในการออม ตารางกำหนดเป้าหมาย กำหนดเป้าหมายในการออมเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องกำหนดจำนวนเงินที่จะออม ซึ่งมีวิธีคำนวณ แบบง่ายๆ คือ นำรายจ่ายหักออกจากรายรับ
ตารางแสดงรายรับ-รายจ่ายตามตารางดังนี้ 3.3 ปัจจัยสำคัญในการออม ซึ่งโดยทั่วไปการออมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นมีรายได้มากกว่าการจ่าย และต้องอาศัยปัจจัยสำคัญในการออม ดังนี้ 3.3.1 ผลตอบแทนที่ได้รับ ถ้าผลตอบแทนในการออมเพิ่มขึ้นก็จะจูงใจให้บุคคลมีการออมเพิ่มมาก ขึ้นเท่านั้น 3.3.2 มูลค่าของอำนาจซื้อของเงินในปัจจุบัน ผู้ออมจะตัดสินใจออมเงินมากขึ้น หลังจากพิจารณา ถึงอำนาจซื้อของเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันว่าจะมีความแตกต่างจากมูลค่าของเงินในอนาคต 3.3.3 รายได้ส่วนบุคคลสุทธิผู้ที่มีรายได้แน่นอนทุกเดือนในจำนวนที่ไม่สูงมากจำนวนเงินออมที่กันไว้ อาจเป็นเพียงจำนวนน้อยตามอัตราส่วนของรายได้ที่มีอยู่ 3.3.4 ความแน่นอนของจำนวนรายได้ในอนาคตหลังเกษียณอายุถ้าทุกคนทราบว่าเมื่อใดก็ตามที่แต่ ละบุคคลไม่มีความสามารถหารายได้ต่อไป ก็จะไม่มีปัญหาการเงินเกิดขึ้น เนื่องจากหน่วยงานที่ทำงานอยู่อาจมี นโยบายช่วยเหลือในวัยชราหลังเกษียณอายุ หรือภายหลังออกจากงานก่อนกำหนด
ปัญหาในการออมเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งของประเทศ เนื่องจากชาวไทยจำนวนมากจะมีอายุ ยืนประมาณ 80-90 ปีแต่ส่วนมากก็ยังไม่มีการออมอย่างเพียงพอเพราะแต่ละคนก็จะมีปัญหาเรื่องการออม และ ท้อแท้ที่จะพยายามออมต่อไป ปัญหาในการออมเงินที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการไม่ตั้งใจ หรือไม่มีความอดทนเพียงพอ ของแต่ละบุคคล จึงทำให้ไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้ 3.4 การวางแผนการออม วางแผนในการออม ซึ่งการวางแผนการออม (Saving Plan) เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้บุคคลประสบ ความสำเร็จตามเป้าหมายในชีวิต ซึ่งแต่ละบุคคลควรจัดสรรรายได้ของตนเองเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายปัจจุบัน และเป็นเงิน ออมในอนาคตเป็นจำนวนเท่าใด สิ่งที่สำคัญในการวางแผนการออมคือการประมาณรายได้และรายจ่าย เช่น บุคคล ต้องการซื้อบ้านจะต้องวางแผนการออมโดยกำหนดจำนวนเงินและระยะเวลาที่สะสมเงินออมเพื่อให้ได้ตามจำนวนที่ ต้องการ เงินออมยังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินในยามฉุกเฉิน แสดงให้เห็นว่าการออมเป็นรูปแบบของ การลงทุนอย่างหนึ่ง ทุกคนจึงควรบริหารเงินออมอย่างรอบคอบ รูปแบบของการวางแผนการออม ดังนี้ 1. การฝากเงินกับธนาคาร (Deposit) 2. การประกันชีวิต (Life Insurance) 3. การออมทรัพย์กับสหกรณ์ 4. การซื้อพันธบัตรรัฐบาล 5. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund: PVD) ปัญหา ในการออม
การคำนวณเงินออมเพื่อเกษียณอายุซึ่งทุกคนควรเตรียมความพร้อมในอนาคตด้วยตนเอง จึงต้องมี เงินออมไว้จำนวนหนึ่งเพื่อใช้จ่าย จึงต้องสำรวจตนเองว่าปัจจุบันอายุเท่าไร สุขภาพเป็นอย่างไร พฤติกรรมการใช้ จ่ายเป็นอย่างไร มีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะนำมาพิจารณาวางแผนว่าในอนาคตต้องมีเงินออม จำนวนเท่าใดจึงจะพอใช้ซึ่งไม่มีสูตรที่แน่นอน แต่ก็พอประมาณได้ดังนี้ วิธีที่ 1 พิจารณาจากเงินออมที่มีอยู่ในมือปัจจุบัน ซึ่งจะมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินได้ทั้งปี คูณด้วยอายุในปัจจุบันของตนเอง วิธีที่ 2 พิจารณาจากเงินออมที่มีณ วันที่เกษียณอายุโดยให้นำจำนวนปีที่มีชีวิตอยู่หลังเกษียณคูณด้วย ค่าใช้จ่ายต่อเดือน การวางแผนเกษียณอายุ โดยการวางแผนเกษียณอายุ มีเป้าหมายที่จะแสดงถึงความมั่นคงทางการเงิน ความสะดวกสบายและมาตรฐานการดำรงชีวิตที่ดีทั้งปัจจุบันและอนาคต ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้นก็ คือผู้ที่มีการวางแผนไว้อย่างรอบคอบซึ่งเป็นการเพิ่มความมั่นคงให้กับตนเองและครอบครัว ซึ่งขั้นตอนของการ วางแผนมีดังนี้ 1. กำหนดเป้าหมายหรือสิ่งที่ต้องการหลังเกษียณอายุแล้ว เช่น รายได้ที่ได้รับ บ้าน รถยนต์ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นแนวทางวางแผนวัยเกษียณและอาจจะเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมที่เปลี่ยนแปลง 2. กำหนดจำนวนเงินสะสมที่ต้องการเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายภายหลังเกษียณอายุและเป็นแนวทางที่จะ นำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายได้เงินตามที่ต้องการ 3. การจัดทำโครงการลงทุนที่สร้างเงินทุนที่ได้สะสมไว้ให้มีครบตามจำนวนที่ต้องการ และควร พิจารณาว่าควรนำเงินออมเหล่านี้ไปลงทุนอะไรได้บ้างเพื่อให้เงินที่มีอยู่เพิ่มมากขึ้น
วิธีวางแผนทางการเงินสำหรับการเกษียณอายุ โดยมีหลักในการคำนวณดังนี้ 1) ตั้งเป้าหมาย 2) คำนวณเงินรวม 3) ตรวจสอบปริมาณเงินออมในปัจจุบัน 4) ศึกษาวิธีเตรียมเงินออมสำหรับเกษียณ หลักวางแผนเกษียณอายุ ดังนี้ 1) การหาระยะเวลาแห่งช่วงชีวิต ในปัจจุบันช่วงชีวิตโดยเฉลี่ยของผู้ชายคือ 72 ปี และของผู้หญิง คือ 75 ปีแต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้น สามารถยืดอายุของคนไปได้อีก 20 ปีจากค่าเฉลี่ยนั้น 2) ระดับเงินเฟ้อที่มีแนวโน้ม หรือคาดว่าน่าจะเป็นไปในช่วงเวลาของการเกษียณอายุซึ่งทำให้ เงินออมที่หามาได้ในแต่ละปีด้อยค่าไป 3) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเริ่มอายุมาก โดยทั่วไปทุกคนต้องการเงินประมาณ 70–75% ของรายได้ก่อนการเกษียณอายุ เพื่อเอาไว้ใช้จ่ายเมื่อยามเกษียณอายุซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิถี ชีวิตของแต่ละคนที่วางแผนเอาไว้ ปัญหาในการวางแผนเกษียณอายุดังนี้ 1) เริ่มต้นวางแผนเกษียณอายุช้าเกินไป 2) จำนวนเงินที่สะสมแต่ละปีก่อนเกษียณน้อยเกินไปไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังเกษียณ 3) นำเงินทุนที่ได้สะสมไว้นี้ไปลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประมาณรายได้และรายจ่ายเพื่อเกษียณอายุ ซึ่งบุคคลที่มีการวางแผนเงินไว้ล่วงหน้าเพื่อเป็นทุนสำรองไว้ ใช้จ่ายในวัยชราเกษียณ ย่อมจะได้รับความสะดวกสบาย จึงควรวางแผนการเงินไว้อย่างรอบคอบเพื่อเกษียณอายุ ประกอบด้วย 1) การกำหนดความต้องการใช้เงินหลังเกษียณ 2) การประมาณรายได้หลังวัยเกษียณอายุ 3) การจัดหาเงินสำรองไว้สำหรับส่วนที่ขาด 4) แหล่งที่มาของรายได้หลังเกษียณอายุ แนวทางในการแก้ปัญหาหลังการเกษียณอายุ 1) รายได้และรายจ่าย เมื่อเกษียณแล้วรายได้ต่างๆ ก็ลดน้อยลง มีแต่รายได้ที่เกิดจากเงินออม เงินประกันสังคมและอื่น ๆ หากไม่วางแผนการใช้จ่ายให้ดี หรือยังติดยึดอยู่กับตำแหน่งฐานะเดิม แม้เกษียณแล้วก็ พยายามทำตนให้เหมือนเดิมอยู่ ก็ย่อมจะก่อให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจได้ ดังนั้นผู้เกษียณจึงต้องทำใจ อย่ายอมให้ สังคมมาเป็นผู้กำหนด หรืออย่านำตัวไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น แนวทางในการแก้ปัญหา ต้องมีการวางแผนการเงินไว้ล่วงหน้า ดูรายรับรายจ่ายให้สมดุลกัน รู้จัก ทำบัญชีหรือควบคุมค่าใช้จ่ายให้รัดกุม รู้จักประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือยใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น เช่น เสื้อผ้าเครื่องสำอาง อาหารบางชนิด เหล้า บุหรี่ หรือการเที่ยว เป็นต้น หากต้องส่งเสียลูกเรียน ต้องผ่อนบ้านหรือผ่อนรถ เป็นต้น ก็ควร มีการวางแผนตั้งแต่ก่อนเกษียณ เพื่อมิให้เกิดความเครียดจนกลายเป็นปัญหาครอบครัว ควรปรึกษาสมาชิกใน ครอบครัวตั้งแต่เริ่มต้น ว่าจะทำอะไรต่อไปหลังเกษียณแล้ว 2) เวลา เมื่อออกจากงานจะทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่จะใช้เวลาทำในสิ่งที่ตนเอง อยากทำ อย่าปล่อยให้ว่างเพราะอาจจะก่อให้เกิดความสูญเสียหลายอย่าง ทั้งจิตใจและรายได้ แนวทางในการแก้ปัญหา ต้องรู้จักเลือกใช้เวลาให้เกิดประโยชน์
3) สภาพจิตใจ การเกษียณอายุจะทำให้บุคคลได้รับความกระทบกระเทือนด้านจิตใน เนื่องจาก รายได้ลดลงอย่างรวดเร็ว เงินบำเหน็จบำนาญ เงินสะสม เงินเลี้ยงชีพ จะช่วยให้สภาพจิตใจดีขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจอารมณ์ของผู้สูงอายุอาจเกิดจากมีเวลาว่างมากเกินไป เพราะเกษียณอายุจากการ ทำงานแล้วจึงรู้สึกว่าตัวเองถูกลดคุณค่าลง ความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวเริ่มมีน้อยลง ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว และเศร้าซึม อาจเป็นผลมาจากความเจ็บป่วยและการเสื่อมของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้มีอารมณ์แปรปรวน ง่าย หงุดหงิด ใจน้อย โกรธง่าย เป็นต้น แนวทางในการแก้ปัญหา ไม่ควรแยกตัวออกจากสังคม หรือเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน ควรใช้เวลา ว่างไปทำงานอดิเรกที่ชอบ หัดเต้นรำ ฝึกใช้คอมพิวเตอร์ เป็นอาจารย์สอนพิเศษ เป็นต้น อาจนำไปสู่การ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอาชีพและให้ประสบการณ์ใหม่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน 4) สภาพร่างกาย เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณสุขภาพย่อมทรุดโทรมลง ควรรักษาสุขภาพให้ดีอาจทำ ประกันสุขภาพไว้ก็ได้ แนวทางในการแก้ปัญหา ผู้เกษียณอายุควรหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยอาจจะไปตามฟิต เนต ศูนย์การค้าหรือสวนสาธารณะ การไปออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วย จิตใจแจ่มใส รู้สึกดี และทำให้ได้เพื่อนใหม่ๆ หากเป็นวัยเดียวกันก็พูดคุยปรึกษาปัญหาที่คล้ายกันได้ เพียงแต่ต้องยอมรับซึ่งกัน และกันเพราะเพื่อนแต่ละสถานที่ ก็จะมีบุคลิกลักษณะแตกต่างกันไป แต่ถ้าชอบสมาคมก็จะมีความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ซึ่งเพื่อนกลุ่มออกกำลังกาย หลายคนก็กลายมาเป็นเพื่อนเที่ยวได้ ผู้เกษียณอายุควรดูแลความสะอาด และควรแต่งตัวให้สวยงามและเหมาะสม จะทำให้ได้รับการยอมรับ ทำให้จิตใจสดชื่น สบายใจ เป็นการสร้างขวัญ และกำลังใจให้ตนเองได้ รูปแบบการออมเพื่อการเกษียณของประเทศไทย โดยธนาคารโลก (World Bank) ได้นำเสนอ แนวคิดเกี่ยวกับระบบการออมเพื่อเกษียณอายุหรือระบบบำเหน็จบำนาญ เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางสังคมของ ประเทศที่เรียกว่า “สามเสาหลักของระบบเงินออมเพื่อวัยเกษียณ” (Three Pillars หรือ The Multi Pillar of Old Age Security) โดยยึดหลักการสร้างระบบบำนาญสมดุลและรองรับภาระในอนาคตที่จะต้องเลี้ยงดูผู้ เกษียณอายุได้ในระดับที่เหมาะสมและไม่เพิ่มภาระภาษีให้กับประชาชนของประเทศ ขณะเดียวกันช่วยสร้างรายได้ ของประเทศโดยใช้เงินออมของคนในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุน รูปแบบการออมเพื่อการเกษียณของประเทศไทยปัจจุบัน ได้ขยายขอบเขตความคุ้มครอง ครอบคลุมประชากรโดยทั่วไปนอกเหนือจากข้าราชการ เพื่อสร้างความสามารถในการพึ่งพอตนเองในวัยเกษียณ ให้แก่ประชาชน ตามทฤษฎีระบบเงินออมของธนาคารโลก โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการซึ่งสามารถเข้าถึงระบบ บำนาญที่เป็นหลักประกันได้ทั้ง 3 เสาหลักได้แก่ เสาหลักที่ 1 รัฐจัดให้ เป็นระบบบำนาญภาคบังคับที่รัฐบาลของแต่ละประเทศจัดให้แก่ประชาชน เรียกว่า Pay-as-you-go (PAYG) ซึ่งจะกำหนดผลประโยชน์ที่จะจ่ายให้แก่สมาชิกแน่นอน (Defined Benefit) จนกระทั่งเสียชีวิต โดยจ่ายจากเงินภาษีที่เก็บจากประชาชนมาจัดสรรเป็นงบประมาณ เพื่อสร้างหลักประกันเพื่อ การชราภาพขั้นพื้นฐานของประเทศ ซึ่งกำหนดผลประโยชน์ขั้นต่ำของรายได้ให้เพียงพอแก่การยังชีพ ที่ควรจะต้อง ไม่ต่ำกว่าเส้นความยากจน (Poverty Line) เสาหลักที่ 2 ภาคบังคับ เป็นระบบเงินออมภาคบังคับ (Mandatory System) ที่รัฐบาลบังคับให้ ประชาชนออมขณะทำงาน อาจบริหารโดยเอกชนหรือหน่วยงานอิสระของรัฐ มีเงินกองทุนและมีการส่งเงินสะสม ของสมาชิก และมีการสมทบจากนายจ้างเข้ากองทุนในบัญชีของสมาชิกแต่ละคน ส่วนใหญ่จะกำหนดให้มีการนำส่ง เงินสะสมเข้ากองทุนในอัตราที่แน่นอน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะยกระดับรายได้ของผู้เกษียณให้สูงกว่าเส้นความ ยากจนเพื่อให้มีรายได้ที่ดีขึ้นตามมาตรฐานการดำรงชีวิตอย่างปกติ
เสาหลักที่ 3 ภาคสมัครใจ เป็นระบบการออมภาคสมัครใจ (Voluntary System) และรัฐบาลให้ การส่งเสริม ซึ่งมีการบริหารโดยภาคเอกชน มีเงินกองทุนและมีการส่งเงินสะสมของสมาชิกในจำนวนที่แน่นอน ใน บางกรณีอาจมีเงินสมทบจากนายจ้างเข้ากองทุนในบัญชีของแต่ละคน โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ออมมีทางเลือกในการ ออมเงินไว้ใช้ในยามเกษียณมากขึ้น มีความเพียงพอของเงินออมในการดำรงชีวิตในอนาคต ในการเข้าถึงความ สะดวกสบายและการดูแลรักษาพยาบาลที่สูงกว่ามาตรฐาน ระบบการออมเพื่อการเกษียณ หรือระบบบำนาญ คือ ระบบการจัดการเพื่อจ่ายเงินสำหรับวัย เกษียณให้แก่ผู้มีสิทธิรับเงินเมื่อครบอายุเกษียณ และมีวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้ ให้แก่ผู้สูงอายุหลังเกษียณ มิให้มีมาตรฐานการดำรงชีพที่ตกต่ำเมื่อเข้าสู่ภาวะที่ไม่มีรายได้นอกจากนี้ยังอาจรวมถึง การจัดสิทธิประโยชน์อื่นเพิ่มเติมด้วย เช่น เงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภาพ เจ็บป่วย และเงินช่วยเหลือทายาทในกรณี ผู้มีสิทธิรับบำนาญเสียชีวิต เป็นต้น ทั้งนี้กองทุนการออมเพื่อการเกษียณของประเทศไทย มีดังนี้ 1) กองทุนประกันสังคม (Social Security Fund 2) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (Government Pension Fund) 3) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) 4) กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund) 5) กองทุนการออมแห่งชาติ(National Savings Fund)
4. แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ แบบฝึกหัดหน่วยที่ 2 จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 1. วิไรรัมภามีเงินเดือน 22,000 บาท จ่ายค่าเช่าบ้าน 5,000 บาท ค่าผ่อนรถยนต์ 7,000 บาท และค่าใช้จ่าย อื่นอีก 4,000 บาท อยากทราบว่าเธอจะมีเงินออมอยู่เท่าใด ก. 22,000 บาท ง. 6,000 บาท ข. 10,000 บาท จ. 18,000 บาท ค. 11,000 บาท 2. ประชาชนโดยทั่วไปมักจะนิยมสะสมสิ่งต่างๆ ไว้เป็นเงินออมตามข้อใด ก. จันทร์กระพ้อชอบสะสมทองคำและถ้วยชามสังคโลก ข. เพียงขวัญชอบสะสมพระเครื่อง และที่ดิน ค. มารตีชอบสะสมทองคำและที่ดิน ง. กรองแก้วชอบสะสมเงินสดและเสื้อผ้าแฟชั่น จ. สร้อยฟ้าชอบสะสมปืนและเพชร 3. ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการออม ก. สร้างหลักประกันความมั่นคงให้กับญาติพี่น้อง ข. มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ค. ทำให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ง. สร้างความเป็นอยู่ของประชาชน ครอบครัวและชุมชนให้ดีขึ้น ค. เป็นไปได้ทุกกรณี 4. ข้อใดเป็นประโยชน์ของการออมด้านสังคม ก. ปรุงฉัตรนำเงินเดือนส่วนหนึ่งไปผ่อนบ้าน ข. รสรินออมเงินวันละ 1 บาท เพื่อนำไปช่วยเหลือคนพิการ ค. รณพีร์คิดประดิษฐ์ลวดลายเทียนเข้าพรรษาในปีนี้ ง. พุฒิพัฒน์เก็บเงินวันละ 20 บาท เพื่อนำไปจ่ายค่าอุปกรณ์การเรียน จ. จันทรามีความซื่อสัตย์ และจริงใจต่อเพื่อนทุกคน 5. ข้อใดเป็นเป้าหมายของการออม ก. พลอยต้องการเก็บเงินบางส่วนไว้ใช้จ่ายในวัยเกษียณ ข. เพลงต้องการเก็บเงินไว้ใช้ในด้านการศึกษา ค. แพทต้องการสร้างหลักประกันชีวิตให้ตนเองด้วยการออมเงิน ง. พีร์ซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพื่อไว้เป็นมรดกให้ลูกหลาน จ. เป็นไปได้ทุกกรณีที่กล่าวมา 6. ข้อใดไม่ใช่ปัญหาในการออม ก. เอมมีซื้อสิ่งของทุกอย่างที่อยากได้ ข. ช่วงนี้มีภาวะเงินเฟ้อทำให้กระต่ายซื้อรถยนต์ไม่ได้ ค. ใบเตยป่วยกะทันหันจึงถอนเงินฝากประจำมาใช้จ่ายก่อน ง. กระแตตกบันไดจึงนำเงินที่เก็บไว้ในกรณีฉุกเฉินมาใช้จ่าย จ. เป็นไปได้ทุกกรณี
7.ข้อใดเป็นการออมเพื่อความมั่นคง ก. นัธนำเงินที่เก็บไว้มาใช้จ่ายซ่อมแซมบ้าน ข. หนุ่มนำเงินที่เก็บไว้ไปซื้อหุ้นของ ปตท. ค. เจมส์นำเงินที่เก็บไว้ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ง. ภูรินำเงินที่เก็บไว้ไปซื้อทองคำ จ. น้ำฝนนำเงินที่เก็บไว้ไปใช้จ่ายในวัยชรา 8.ข้อใดให้คำจำกัดความคำว่า “เกษียณ” ได้ถูกต้อง ก. สิ้นไป ง. ครบกำหนดอายุรับราชการ ข. สิ้นกำหนดเวลารับราชการ จ. เออรี่รีไทร์ (Early Retired) ค. ข้อ 1-2-3 ถูกต้อง 9.จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าหลังเกษียณอายุชายไทยจะมีชีวิตโดยเฉลี่ยอยู่ไปได้อีกประมาณกี่ปี ก. 3-5 ปี ง. 10-15 ปี ข. 5-7 ปี จ. 15-20 ปี ค. 7-10 ปี 10.จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่าหลังเกษียณอายุหญิงไทยจะมีชีวิตโดยเฉลี่ยอยู่ไปได้อีกประมาณกี่ปี ก. 15-20 ปี ง. 5-7 ปี ข. 10-15 ปี จ. 2-5 ปี ค. 7-10 ปี
5. เอกสารอ้างอิง - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ 6. ภาคผนวก เฉลยแบบฝึกหัดท้ายหน่วยที่ 2 1. ง 6. ง 2. ค 7. ก 3. ก 8. ค 4. ข 9. ง 5. จ 10. ก
ใบมอบหมายงาน ที่ 2 หน่วยที่ 2 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 2 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 3 ชม. ชื่อเรื่อง การออม 1. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของการออม 1.2 แสดงความรู้เกี่ยวกับเป้าหมายในการออม 1.3 แสดงความรู้เกี่ยวกับปัจจัยสำคัญในการออม 1.4 แสดงความรู้เกี่ยวกับการวางแผนการออม 2. สมรรถนะ - วางแผนการออม 3. รายละเอียดของงาน 3.1 ให้นักเรียนให้กำหนดเป้าหมายการออมของแต่ละคน และอุปสรรคต่อปัจจัยการออมดังนี้ เป้าหมายการออม ปัจจัยสำคัญในการออม อุปสรรคในการออม 3.2 ให้นักเรียนเขียนลงในกระดาษที่จัดเตรียมไว้ 3.3 นำเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อมร่วมกันอภิปราย 4. กำหนดเวลาส่งงาน ส่งงานในสัปดาห์ถัดไป 5. แนวทางในการปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนทบทวนในบทเรียนที่ 2 2. ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 3. ตอบคำถามลงในกระดาษที่เตรียมไว้ 4. ส่งงานตามเวลาที่กำหนดไว้ 6. แหล่งข้อมูลค้นคว้าเพิ่มเติม 1. หนังสือวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ 2. ห้องสมุด 3. Website 7. การประเมินผล 1. ส่งตามกำหนดระยะเวลาที่กำหนด 2. เกณฑ์ผ่าน 50 % ขึ้นไป
กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลกระทบเพื่อความสมดุล พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม ด้านสิ่งแวดล้อม - การอยู่ร่วมกับผู้อื่น - ค่าใช้จ่ายที่สูงเพิ่มมากขึ้น - การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม - ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด การลงทุน ความมีเหตุผล 1. การทำงานต้องใช้หลักความรู้ ในการปฏิบัติงาน 2. อย่าใช้ความรู้สึกและอารมณ์ ในการทำงาน ความพอประมาณ 1. ทำอะไรที่เรียบง่าย ประหยัด 2. พอเหมาะพอควรตามศักยภาพ ของตนเอง การมีภูมิคุ้มกัน 1. การทำงานต้องให้เกิดประโยชน์ สูงสุด 2. สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ 3. บูรณาการวิธีการทำงานได้ เงื่อนไขด้านความรู้และทักษะ 1. มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ลงทุน 2. อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ การลงทุนได้ เงื่อนไขด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1. มีความคิดสร้างสรรค์ 2. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ 3. อดทน
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 3 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 3-4 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ท-ป-น 1-2-2 . ชื่อหน่วยการเรียนรู้ การลงทุน ทฤษฎี 2 ชม. ปฏิบัติ 4 ช.ม. 1. สาระสำคัญ การลงทุน เป็นการใช้ทรัพยากรในลักษณะต่างๆ โดยหวังจะได้รับผลตอบแทนกลับคืนมา มากกว่าที่ลงทุน ไปในอัตราที่พอใจภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยทั่วไปหมายถึงการใช้เงินลงทุน เช่น การลงทุนในการประกอบ อาชีพ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนในบ้านและที่ดิน การลงทุนทองคำ ฯลฯ โดยมีวัตถุประสงค์ของการ ลงทุน เพื่อจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ โดยเงินที่นำมาลงทุนนั้นอาจจะได้มาจากสถาบัน การเงินหรือแหล่งเงินทุนอื่น ๆ ที่ผู้ประกอบการมีความสามารถจะหามาได้ 2. สมรรถนะประจำหน่วย - วางแผนการลงทุน 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับความหมายและลักษณะการลงทุน 3.2 แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนทางการเงิน 3.3 แสดงความรู้เกี่ยวกับผลตอบแทนจากการลงทุน 3.4 แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการลงทุน 3.5 แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนโดยฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ 3.6 แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในตราสารหนี้ 3.7 แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในตราสารทุน 3.8 แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนโดยทำประกันชีวิต 3.9 แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในกองทุน 3.10 แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนประกอบธุรกิจ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความหมายและลักษณะการลงทุน 4.2 การลงทุนทางการเงิน 4.3 ผลตอบแทนจากการลงทุน 4.4 หลักการลงทุน 4.5 การลงทุนโดยฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ 4.6 การลงทุนในตราสารหนี้ 4.7 การลงทุนในตราสารทุน 4.8 การลงทุนโดยทำประกันชีวิต 4.9 การลงทุนในกองทุน 4.10 การลงทุนประกอบธุรกิจ
5. กิจกรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ที่ 3-4) ขั้นนำ 1. ครูกล่าวถึงการลงทุนคือ การใช้สอยทรัพยากรในลักษณะต่างๆ โดยหวังจะได้รับผลตอบแทนกลับมา มากกว่าที่ลงไปในอัตราที่พอใจภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยทั่วไปหมายถึงการใช้เงินลงทุน 2. ผู้เรียนยกตัวอย่างการลงทุน เช่น การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนในบ้านและที่ดิน การลงทุน ทองคำ ฯลฯ ซึ่งการลงทุนก็มีความเสี่ยงยิ่งเสี่ยงมากยิ่งได้ผลตอบแทนมาก ยิ่งเสียงน้อยยิ่งได้ผลตอบแทนน้อย ขั้นสอน 3. ครูสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนแบบ TAI (Team Assisted Individualization) เพื่อเน้นการเรียนแต่ ละบุคคล ให้มีความรู้ ความเข้าใจและนำทักษะการเรียนรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อความหมายและลักษณะการ ลงทุน 4. ครูอธิบายการลงทุน และเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างกัน เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจให้มากขึ้น ขั้นสรุป 5. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาทั้งหมด 6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ - เอกสารที่เกี่ยวข้อง - Internet 7. หลักฐานการเรียนรู้ 7.1 หลักฐานความรู้ 1. แผนจัดการเรียนรู้ 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน 7.2 หลักฐานการปฏิบัติงาน 1. บันทึกการสอนของผู้สอน 2. ใบเช็ครายชื่อนักเรียน 3. การตรวจประเมินผลงานนักเรียน 8. การวัดและประเมินผล 8.1 วิธีการ 1. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. ประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน-หลังเรียน 3. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
8.2 เครื่องมือ 1. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8.3 เกณฑ์ 1. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม คือ ปานกลาง (50 % ขึ้นไป) 2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน – หลังเรียน มีเกณฑ์ผ่าน 50% 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมิน ตามสภาพจริง
9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 9.1 ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 9.2 ปัญหาที่พบ 9.3 แนวทางแก้ปัญหา
ใบความรู้ที่ 3 หน่วยที่ 3 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 3-4 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 6 ชม. ชื่อเรื่อง การลงทุน 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1) ความหมายและลักษณะการลงทุน 2) การลงทุนทางการเงิน 3) ผลตอบแทนจากการลงทุน 4) หลักการลงทุน 5) การลงทุนโดยฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ 6) การลงทุนในตราสารหนี้ 7) การลงทุนในตราสารทุน 8) การลงทุนโดยทำประกันชีวิต 9) การลงทุนในกองทุน 10) การลงทุนประกอบธุรกิจ 1.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1) แสดงความรู้เกี่ยวกับความหมายและลักษณะการลงทุน 2) แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนทางการเงิน 3) แสดงความรู้เกี่ยวกับผลตอบแทนจากการลงทุน 4) แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการลงทุน 5) แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนโดยฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ 6) แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในตราสารหนี้ 7) แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในตราสารทุน 8) แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนโดยทำประกันชีวิต 9) แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในกองทุน 10) แสดงความรู้เกี่ยวกับการลงทุนประกอบธุรกิจ 2. สมรรถนะ - วางแผนการลงทุน 3. เนื้อหาสาระ 3.1 ความหมายและลักษณะการลงทุน การลงทุนแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ 1) การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีตัวตน (Tangible Investment) 2) การลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน (Intangible Investments)
3.2 การลงทุนทางการเงิน การลงทุนทางการเงิน (Financial Investments) หมายถึง การที่ผู้ลงทุนนำเงินที่มีอยู่ไปซื้อ หลักทรัพย์ต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดรายได้กับผู้ลงทุน โดยจะทำผ่านตลาดการเงิน มีวัตถุประสงค์เพื่อจะได้รับผลตอบแทน ในรูปดอกเบี้ย (Interest) เงินปันผล (Dividend) กำไรจากการซื้อขายหุ้น (Capital Gain) และสิทธิพิเศษอื่นๆ แหล่งที่มาของการลงทุน ซึ่งการตัดสินใจลงทุน จำเป็นต้องค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อศึกษาถึงความเป็นไป ได้แม้ว่าผู้ลงทุนตัดสินใจไปแล้วก็ตาม การประเมินการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ลงทุน เพราะมีทางเลือกให้ ตัดสินใจหลายวิธีสามารถหาข้อมูลการลงทุนได้ดังนี้ 3.2.1 แหล่งข้อมูลภายในกิจการ เช่น งบการเงิน รายงานทางการเงิน โครงการต่างๆ รวมทั้งการ วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน เป็นต้น 3.2.2 การให้คำปรึกษาด้านการลงทุนจากหน่วยงานอื่น เช่น ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ การสัมมนา เป็นต้น 3.2.3 หน่วยงานที่เสนอบริการข่าวสารทางการเงินและข้อมูลการลงทุน เช่น ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็น ต้น 3.2.4 ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนที่เสนอลงในสิ่งตีพิมพ์ต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์เป็นต้น 3.2.5 เอกสารและข้อมูลที่ได้จากนายหน้า และตัวแทน เป็นต้น 3.3 ผลตอบแทนจากการลงทุน ผลตอบแทนจากการลงทุนโดยยกตัวอย่างประกอบพร้อมแสดงสื่อเพื่อเชื่อมโยงให้ผู้เรียนได้เข้าใจง่าย ยิ่งขึ้น การลงทุนมีความสัมพันธ์กับผลตอบแทน (Returns) และความเสี่ยง (Risks) สาเหตุของการ ลงทุนเนื่องจากคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้แต่บางครั้งไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย จึงต้องอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ผลตอบแทนจากการลงทุนมีหลายรูปแบบ ได้แก่ 3.3.1 รายได้ตามปกติ(Current Income) ได้แก่ ดอกเบี้ย เงินปันผลในกรณีที่บุคคลซื้อพันธบัตร หรือลงทุนในหุ้นต่างๆ ซึ่งกำหนดเวลาก็จะได้รับดอกเบี้ยหรือเงินปันผลตามที่ระบุไว้ 3.3.2 กำไรจากการซื้อขายหุ้น (Capital Gains) ในกรณีหุ้นสามัญที่บุคคลลงทุนซื้อไว้มีราคาสูงขึ้น เมื่อขายออกไปแล้วจะได้กำไร 3.3.3 ค่าเช่า (Rent) ในการลงทุนซื้อทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม ที่อยู่อาศัยอื่นๆ เมื่อ นำไปให้ผู้อื่นเช่าก็จะมีรายได้ค่าเช่า ซึ่งเป็นรายได้ที่กลับคืนมาสู่เจ้าของ
3.3.4 ผลตอบแทนอื่นๆ (Others) เช่น ซื้อหุ้นสามัญจะมีสิทธิออกเสียงเลือกคณะกรรมการบริษัท และถ้าถือหุ้นไว้มากจะมีโอกาสได้รับเลือกเป็นผู้บริหารซึ่งสามารถกำหนดนโยบายบริษัทได้หรือสิทธิในการซื้อขาย หุ้นใหม่ในราคาพิเศษ เป็นต้น ผู้ลงทุนควรนึกถึงผลตอบแทนที่จะได้รับเป็นอัตรากี่เปอร์เซ็นต์โดยคำนึงถึงอัตราเงิน เฟ้อไว้ด้วย เพราะมีผลกระทบต่อผลตอบแทนในการลงทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนควรให้ความสนใจกับอัตราตอบแทนที่ แท้จริง (Real rate of return) มากกว่าอัตราผลตอบแทนปกติ(Nominal rate of return) เช่น การลงทุนเสนอ ให้ผลตอบแทน (Nominal rate of return) 10% ซึ่งคาดคะเนว่าอัตราเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นปีละ 6% ดังนั้น ผลตอบแทนแท้จริงที่ได้รับจะเป็น 4% เท่านั้น 3.4 หลักการลงทุน หลักการลงทุน เพื่อให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด ก็ควรจะมีหลักในการลงทุน ดังนี้ 1) ความปลอดภัยของเงินลงทุน 2) เสถียรภาพของรายได้ 3) ความเจริญเติบโตของเงินลงทุน 4) ความคล่องตัวในการซื้อขาย 5) การกระจายเงินลงทุน 6) หลักเกี่ยวกับภาษี 3.5 การลงทุนโดยฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ การลงทุนโดยฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ ธนาคารพาณิชย์หมายถึง การประกอบธุรกิจประเภทรับ ฝากเงินที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถาม หรือเมื่อสิ้นระยะเวลาอันได้กำหนดไว้และใช้ประโยชน์จากเงินนั้น เช่น การให้ กู้ยืม ซื้อขายหรือเก็บเงินตามตั๋วหรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด ซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศ ทั้งนี้จะประกอบ ธุรกิจประเภทอื่นๆ อันเป็นประเพณีของธนาคารพาณิชย์ด้วยก็ได้สำหรับธนาคารพาณิชย์เป็นธนาคารที่ได้รับ อนุญาตให้ประกอบการธนาคารพาณิชย์รวมถึงสาขาของธนาคารต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการ ธนาคารพาณิชย์ด้วยการฝากเงินเป็นการลงทุนทีมี่ความเสี่ยงต่ำเพราะมีรัฐบาลรับประกัน หากรัฐบาลไม่รับประกัน เงินฝากความเสี่ยงก็จะมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกว่าจะฝากเงินกับธนาคารใด หน้าที่ของธนาคารพาณิชย์มีหน้าที่ให้บริการด้านการเงินต่างๆ ดังนี้ 3.5.1 การรับฝากเงิน อาจจะแบ่งการรับฝากเงินของธนาคารพาณิชย์ได้ดังนี้ 1) เงินฝากกระแสรายวัน (Current Account หรือ Ahecking Account) หรือเงินฝากเผื่อ เรียก (Demand Deposit) 2) เงินฝากออมทรัพย์(Savings Deposit) 3) เงินฝากประจำ (Time Deposit) 3.5.2 การให้กู้ยืม อาจแบ่งได้3 ลักษณะ 1) การให้กู้ยืมโดยตรง (Loan) 2) การให้เบิกเงินเกินบัญชีหรือ O.D. (Overdraft) 3) การซื้อลดตั๋วเงิน (Discounting Bill) 3.5.3 การโอนเงิน มีหลายลักษณะ ได้แก่ การโอนเงินภายในท้องถิ่นเดียวกัน และการโอนเงินจาก ท้องถิ่นหนึ่งมายังอีกท้องถิ่นหนึ่ง หรือการโอนเงินจากประเทศหนึ่งมายังอีกประเทศหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการโอนไป เพื่อตัวเองหรือโอนไปให้บุคคลอื่นก็ตาม ธนาคารสามารถให้บริการได้หลายรูปแบบด้วยกัน เช่นแบบธรรมดา เป็น การโอนผ่านด้วยเช็คหรือดราฟต์ธนาคาร และการโอนเงินแบบเร็วทันใจเป็นการโอนเงินทางโทรศัพท์ทางไกล และ การโอนโดยผ่านศูนย์คอมพิวเตอร์แบบออนไลน์
3.5.4 การเรียกเก็บเงิน เป็นหน้าที่เกี่ยวเนื่องกับการโอนเงิน ธนาคารจะเรียกเก็บเงินตามเช็ค ตั๋วเงิน หรือดราฟต์ที่ครบกำหนด ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าเพื่อที่ลูกค้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเก็บเงิน ด้วยตนเอง เพราะธนาคารส่วนมากมีตัวแทนหรือสาขาอยู่ในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งในต่างประเทศด้วย ทำให้สามารถ เรียกเก็บเงินได้โดยสะดวกรวดเร็วและประหยัด 3.5.5 การให้เช่าตู้นิรภัย ปกติธนาคารจะมีห้องมั่นคงไว้เพื่อเก็บรักษาของมีค่าของธนาคาร และ เพื่อให้ลูกค้าเช่าสำหรับเก็บของมีค่าหรือของสำคัญๆ โดยลูกค้าสามารถทำสัญญาเช่าตู้นิรภัยเพื่อเก็บทรัพย์สินอันมี ค่า เช่น เครื่องเพชร ทองรูปพรรณ โฉนด สัญญาต่างๆ 3.5.6 การซื้อขายเงินตราต่างประเทศ หมายถึง การที่ธนาคารทำหน้าที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา ต่างประเทศ เมื่อประชาชนต้องการเงินตราต่างประเทศก็ซื้อได้จากธนาคารพาณิชย์ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ถ้าผู้ใด ต้องการขายเงินตราต่างประเทศที่ตนมีในครอบครอง ก็สามารถนำไปขายให้แก่ธนาคารพาณิชย์ได้ 3.5.7 การบริการอื่นๆ ธนาคารพาณิชย์ยังให้บริการอื่นๆ แก่ลูกค้าอีก เช่น บริการบัตรเครดิต บริการ หนังสือค้ำประกัน บริการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจและการลงทุน บริการรับชำระค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น 3.6 การลงทุนในตราสารหนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ โดยตราสารหนี้(Debt Instrument) คือ ตราสารทางการเงินที่ผู้ออก เรียกว่า ผู้กู้(ลูกหนี้) มีข้อผูกพันทางกฎหมายจะจ่ายผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยและเงินต้นหรือประโยชน์อื่นๆ ให้แก่ผู้ซื้อเรียกว่า ผู้ให้กู้(เจ้าหนี้) เมื่อครบเวลาที่กำหนด จะมีทั้งระยะสั้น ปานกลางและระยะยาว แบ่งออก 2 แหล่ง คือ 3.6.1 ตราสารหนี้ภาครัฐ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ตั๋วเงินคลัง ตรา สารหนี้ภาครัฐจะมีความเสี่ยงต่ำ และมีอัตราผลตอบแทนต่ำ โดยจะมีอายุการลงทุนระยะยาว เพื่อมิให้เป็นภาระ ของรัฐในการบริหารและจัดการหนี้ยกเว้นตั๋วเงินคลัง ซึ่งรัฐบาลออกเพื่อใช้ในการกู้ยืม เงินระยะสั้นไม่เกิน 180 วัน หรือเพื่อรักษาสภาพคล่องส่วนเกินในตลาดเงิน เพื่อรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น 3.6.2 ตราสารหนี้ภาคเอกชน ได้แก่ 1) หุ้นกู้(Debenture) มีลักษณะและคุณสมบัติตามสถานะของการเป็นเจ้าหนี้ 2) หุ้นกู้มีประกัน (Secured Debt) มีการค้ำประกันหนี้โดยบุคคลที่สาม หรือมีการวาง หลักทรัพย์ไว้เป็นประกันการชำระหนี้ผู้ลงทุนทรงสิทธิของความเป็นเจ้าหนี้เหนือกว่าเจ้าหนี้รายอื่น 3) หุ้นกู้ไม่มีประกัน (Non-secured Debt) ปลอดการค้ำประกัน และปลอดหลักทรัพย์ที่วาง ไว้เป็นประกันการชำระหนี้ผู้ลงทุนทรงสิทธิของความเป็นเจ้าหนี้ด้อยกว่าหุ้นกู้มีประกัน 4) หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ(Senior Debt) ผู้ลงทุนทรงสิทธิของความเป็นเจ้าหนี้เท่าเทียมกับเจ้าหนี้ รายอื่น แต่ด้อยกว่าหุ้นกู้มีประกัน 5) หุ้นกู้ด้อยสิทธิ(Subordinated Debt) ผู้ลงทุนทรงสิทธิของความเป็นเจ้าหนี้เป็นรอง เจ้าหนี้รายอื่นที่ไม่ด้อยสิทธิคือได้รับชำระหนี้คืนหลังสุด 6) ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) คือ ตราสารการเงินระยะสั้น ที่บุคคลรายหนึ่งสั่งให้บุคคล อีกรายหนึ่ง จ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในตั๋วแลกเงินนั้น ให้แก่บุคคลอีกรายหนึ่ง ในวันที่กำหนดบนหน้าตั๋วแลก เงินนั้น ตั๋วแลกเงินสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ในตลาดเงิน ส่วนใหญ่จะมีธนาคารหรือสถาบันการเงินค้ำประกัน หรือรับรอง หรือรับอาวัล หรือสลักหลังอย่างไม่มีเงื่อนไข