The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการเรียนรู้ รายวิชาธุรกิจและการเป็นผู

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yenly1600, 2024-03-25 01:34:33

แผนการเรียนรู้ รายวิชาธุรกิจและการเป็นผู

แผนการเรียนรู้ รายวิชาธุรกิจและการเป็นผู

8. กิจการใดไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ก. ธนาคารไทยพาณิชย์ ง. โรงรับจำนำเม๊งหงวน ข. บริษัทไทยประกันชีวิต จ. บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ค. บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์(บ้านและที่ดิน) 9. กฎหมายกำหนดให้ลูกจ้างทำงานตามปกติ โดยทั่วไปไม่เกินกี่ชั่วโมงต่อวัน ก. 6 ชั่วโมง ข. 7 ชั่วโมง ค. 8 ชั่วโมง ง. 9 ชั่วโมง จ. 10 ชั่วโมง 10. กรณีให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาต่อจากเวลาทำงานปกติไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงต้องจัดให้ลูกจ้างพักก่อนเริ่มทำงาน ล่วงเวลาไม่น้อยกว่ากี่นาที ก. 5 นาที ข. 10 นาที ค. 15 นาที ง. 20 นาที จ. 30 นาที


5. เอกสารอ้างอิง - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ 6. ภาคผนวก เฉลยแบบฝึกหัดท้ายหน่วยที่ 6 1. ค 6. จ 2. ง 7. ง 3. ก 8. จ 4. ก 9. ค 5. ก 10. ง


ใบมอบหมายงาน ที่ 6 หน่วยที่ 6 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 9-10 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 6 ชม. ชื่อเรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ประกอบการ 1. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับการจดทะเบียนพาณิชย์ของผู้ประกอบการ 1.2 แสดงความรู้เกี่ยวกับกฎหมายภาษีตามประมวลรัษฎากร 1.3 แสดงความรู้เกี่ยวกับการจดทะเบียนสิทธิบัตร 1.4 แสดงความรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า 1.5 แสดงความรู้กฎหมายแรงงาน 1.6 แสดงความรู้เกี่ยวกับกฎหมายประกันสังคม 2. สมรรถนะ - อธิบายกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ประกอบการ 3. รายละเอียดของงาน 3.1 ให้นักเรียนอ่านกรณี “แพนด้าพาโชค” แล้วแสดงความคิดเห็นว่าเหตุการณ์นี้เหมาะสมหรือไม่ อย่างไรบ้าง กรณีศึกษา “หลังจากน้องปลายฟ้าเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลเงินสด 1 ล้าน รถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส 1 คัน และ แพคเกจท่องเที่ยวประเทศจีนอีก 3 วัน 4 คืน น้องปลายฟ้าและคุณยายก็ต้องทุกข์ใจกับภาษีที่ต้องชำระให้ สรรพากรตั้งแต่วันที่รับรางวัล สรรพากรชี้แจงว่ารางวัลที่ได้ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 5% ทำให้เงินที่ได้เหลือเพียง 9 แสนกว่า และนำไปฝากธนาคาร หลังจากนั้นสรรพากรท้องที่ก็มาแจ้งว่าต้องเสียภาษีเพิ่มเติมในสิ้นปีอีกประมาณ 2 แสนบาท คุณยายไม่เข้าใจในการเสียภาษีและไม่รู้เรื่องอีกทั้งมีข่าวทางสื่ออย่างแพร่หลายในลักษณะต่าง ๆ ทำนองว่าเป็นการรังแกคุณยายกับหลาน และได้ร้องเรียนกับรัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้อง และสื่อต่าง ๆ ให้เข้ามาดูแล แต่ก็ ไม่ได้ผลในที่สุดคุณยายและน้องปลายก็ต้องจ่ายภาษีตามที่รัฐเรียกร้องโดยกรมสรรพากร” 3.2 ให้นักเรียนเขียนลงในกระดาษที่จัดเตรียมไว้ 3.3 นำเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อมร่วมกันอภิปราย 4. กำหนดเวลาส่งงาน ส่งงานในสัปดาห์ถัดไป 5. แนวทางในการปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนทบทวนในบทเรียนที่ 6 2. ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 3. ตอบคำถามลงในกระดาษที่เตรียมไว้ 4. ส่งงานตามเวลาที่กำหนดไว้ 6. แหล่งข้อมูลค้นคว้าเพิ่มเติม 1. หนังสือวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ 2. ห้องสมุด 3. Website


7. การประเมินผล 1. ส่งตามกำหนดระยะเวลาที่กำหนด 2. เกณฑ์ผ่าน 50 % ขึ้นไป


กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลกระทบเพื่อความสมดุล พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม ด้านสิ่งแวดล้อม - การอยู่ร่วมกับผู้อื่น - ค่าใช้จ่ายที่สูงเพิ่มมากขึ้น - การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม - ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด รูปแบบแผนธุรกิจ ความมีเหตุผล 1. การทำงานต้องใช้หลักความรู้ ในการปฏิบัติงาน 2. อย่าใช้ความรู้สึกและอารมณ์ ในการทำงาน ความพอประมาณ 1. ทำอะไรที่เรียบง่าย ประหยัด 2. พอเหมาะพอควรตามศักยภาพ ของตนเอง การมีภูมิคุ้มกัน 1. การทำงานต้องให้เกิดประโยชน์ สูงสุด 2. สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ 3. บูรณาการวิธีการทำงานได้ เงื่อนไขด้านความรู้และทักษะ 1. มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ รูปแบบแผนธุรกิจ 2. อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ รูปแบบแผนธุรกิจได้ เงื่อนไขด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1. มีความคิดสร้างสรรค์ 2. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ 3. อดทน


แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 7 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 11-14 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ท-ป-น 1-2-2 . ชื่อหน่วยการเรียนรู้ รูปแบบแผนธุรกิจ ทฤษฎี 4 ชม. ปฏิบัติ 8 ช.ม. 1. สาระสำคัญ แผนธุรกิจเป็นเครื่องมือของธุรกิจที่ผู้ประกอบการสามารถใช้ในการกำหนดขั้นตอน และวางแผนการดำเนิน ธุรกิจอย่างมีระบบ และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ พันธกิจและเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ โดยแผนธุรกิจ ที่ดีนั้นควรจะมีความถูกต้อง ชัดเจนและกระชับ ครอบคลุมเนื้อหาที่สำคัญ ง่ายต่อการเข้าใจ และต้องมีความเป็นไป ได้ในการนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ 2. สมรรถนะประจำหน่วย - เขียนแผนธุรกิจ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 อธิบายความหมายและความสำคัญของแผนธุรกิจ 3.2 แสดงความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของแผนธุรกิจ 3.3 จัดทำปกหน้า สารบัญ และคำนำ 3.4 จัดทำบทสรุปผู้บริหาร 3.5 จัดทำประวัติกิจการ หรือภาพรวมของกิจการ 3.6 วิเคราะห์สถานการณ์ 3.7 จัดทำแผนการตลาด 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความหมายและความสำคัญของแผนธุรกิจ 4.2 องค์ประกอบของแผนธุรกิจ 4.3 ปกหน้า สารบัญ และคำนำ 4.4 บทสรุปผู้บริหาร 4.5 ประวัติกิจการ หรือภาพรวมของกิจการ 5.6 การวิเคราะห์สถานการณ์ 5.7 แผนการตลาด 5. กิจกรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ที่ 11-14) ขั้นนำ 1. ครูกล่าวถึงการประกอบกิจการของร้านค้าปลีกทั่วไปที่ดำเนินโดยกิจการเจ้าของคนเดียวที่มีอยู่ทั่วไป ของประเทศไทย จำเป็นต้องจดทะเบียนพาณิชย์ตามกฎหมายที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนด 2. ครูกล่าวถึงผู้มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์คือ บุคคลธรรมดาคนเดียวหรือหลายคน (ห้างหุ้นส่วน สามัญ) หรือนิติบุคคล รวมทั้งนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาในประเทศไทย ซึ่งประกอบกิจการอันเป็นพาณิชยกิจตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด


ขั้นสอน 1. ครูกล่าวถึงแผนธุรกิจเป็นแผนที่มีความสำคัญมากจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจ ทำให้ ผู้ประกอบการมีเป้าหมายชัดเจน กำหนดแนวทางของความคิดและช่วยให้ผู้ประกอบการมีความมั่นคงต่อการใช้ ทรัพยากร และนำไปสู่เป้าหมาย 2. ครูอภิปรายแผนธุรกิจว่าเป็นเครื่องมือที่แสวงหาเงินทุนจากผู้ร่วมลงทุน จากกองทุนร่วมลงทุน จากสถาบันการเงินต่างๆ 3. ผู้เรียนยกตัวอย่างให้รายละเอียดของกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การจัดหาเงินทุน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาดและอื่นๆ ในการบริหารกิจการ และใช้เพื่อกำหนดการปฏิบัติงานที่ต่อเนื่องในอนาคตของกิจการ ขั้นสรุป 4. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาทั้งหมด 6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ - เอกสารที่เกี่ยวข้อง - Internet 7. หลักฐานการเรียนรู้ 7.1 หลักฐานความรู้ 1. แผนจัดการเรียนรู้ 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน 7.2 หลักฐานการปฏิบัติงาน 1. บันทึกการสอนของผู้สอน 2. ใบเช็ครายชื่อนักเรียน 3. การตรวจประเมินผลงานนักเรียน 8. การวัดและประเมินผล 8.1 วิธีการ 1. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. ประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน-หลังเรียน 3. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8.2 เครื่องมือ 1. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8.3 เกณฑ์ 1. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม คือ ปานกลาง (50 % ขึ้นไป) 2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน – หลังเรียน มีเกณฑ์ผ่าน 50% 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมิน ตามสภาพจริง


9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 9.1 ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 9.2 ปัญหาที่พบ 9.3 แนวทางแก้ปัญหา


ใบความรู้ที่ 7 หน่วยที่ 7 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 11-14 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 12 ชม. ชื่อเรื่อง รูปแบบแผนธุรกิจ 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1) ความหมายและความสำคัญของแผนธุรกิจ 2) องค์ประกอบของแผนธุรกิจ 3) ปกหน้า สารบัญ และคำนำ 4) บทสรุปผู้บริหาร 5) ประวัติกิจการ หรือภาพรวมของกิจการ 6) การวิเคราะห์สถานการณ์ 7) แผนการตลาด 1.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1) อธิบายความหมายและความสำคัญของแผนธุรกิจ 2) แสดงความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของแผนธุรกิจ 3) จัดทำปกหน้า สารบัญ และคำนำ 4) จัดทำบทสรุปผู้บริหาร 5) จัดทำประวัติกิจการ หรือภาพรวมของกิจการ 6) วิเคราะห์สถานการณ์ 7) จัดทำแผนการตลาด 2. สมรรถนะ - เขียนแผนธุรกิจ 3. เนื้อหาสาระ 3.1 ความหมายและความสำคัญของแผนธุรกิจ แผนธุรกิจ (Business Plan) หมายถึง เครื่องมือที่ผู้ประกอบการใช้กำหนดขั้นตอน และวางแผนการ ดำเนินธุรกิจอย่างมีระบบ และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ได้แก่ กำไรหรืออื่น ๆ ที่คาดหวังเอาไว้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการนำเสนอต่อหุ้นส่วน หรือสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการ พิจารณาร่วมลงทุน หรือการพิจารณาเงินกู้ ลักษณะของแผนธุรกิจที่ดีควรมีลักษณะดังนี้ 1) มีความถูกต้อง ชัดเจนและกระชับ 2) ครอบคลุมเนื้อหาที่สำคัญ 3) เนื้อหาง่ายต่อการเข้าใจ 4) มีความเป็นไปได้จริงต่อการปฏิบัติตามแผน


3.2 องค์ประกอบของแผนธุรกิจ องค์ประกอบของแผนธุรกิจ ผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึง “แผนธุรกิจ” เป็นอันดับแรกซึ่งจะเป็น ประโยชน์ต่อการดำเนินงานในอนาคตของตนเอง สถาบันการเงิน และผู้ลงทุนภายนอกที่จะเป็นแหล่งเงินทุนให้แก่ กิจการได้โดยแผนธุรกิจจะบอกให้ทราบว่าปัจจุบันธุรกิจอยู่ตรงไหน และในอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้าง ตาม องค์ประกอบดังนี้ 1) ปกหน้า สารบัญ และคำนำ 2) บทสรุปผู้บริหาร 3) ประวัติกิจการ หรือภาพรวมของกิจการ 4) การวิเคราะห์สถานการณ์ 5) แผนการตลาด 6) แผนการบริหารจัดการและแผนการดำเนินงาน 7) แผนการผลิต 8) แผนการเงิน 9) แผนฉุกเฉิน 10) ภาคผนวก 3.3 ปกหน้า สารบัญ และคำนำ ตัวอย่างของปกหน้า สารบัญ และคำนำ ปกหน้า เป็นสิ่งแรกที่ผู้อ่านแผนธุรกิจจะเห็น จึงควรมีชื่อของธุรกิจรวมทั้งที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร สัญลักษณ์ของธุรกิจ นอกจากนั้นอาจจะมีชื่อที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ประกอบการอยู่ ด้วย เพื่อความสะดวกในการติดต่อกลับ สารบัญ มีไว้เพื่อความสะดวกในการค้นหารายละเอียดของแผนธุรกิจได้เร็วขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์ ในการเจรจาต่อรองกับบุคคลภายนอก เพราะยืนยันข้อมูลโดยอ้างอิงเอกสารซึ่งกันและกันได้ง่ายขึ้น คำนำ เป็นส่วนที่อยู่ถัดจากหน้าปกใน ผู้เขียนรายงานแผนธุรกิจจะเป็นผู้เขียนเอง โดยกล่าวถึง วัตถุประสงค์และขอบเขต รวมถึงปัญหาอุปสรรคในการจัดทำแผนธุรกิจตลอดจนคำขอบคุณผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ ในการรวบรวมข้อมูลหรือการเขียนแผนธุรกิจ (ถ้ามี) โดยให้ลงท้ายด้วยชื่อผู้จัดทำแผนธุรกิจและวันที่กำกับ เขียนปกหน้า สารบัญและคำนำ


3.4 บทสรุปผู้บริหาร บทสรุปผู้บริหาร ซึ่งเป็นส่วนที่มีความสำคัญที่สุด เพราะเป็นการสรุปรายละเอียดสั้นๆ ของแผนธุรกิจ ทั้งหมดที่ได้ดำเนินการ และเป็นเอกสารที่สมบูรณ์ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีโอกาสเกิดขึ้นจริงได้สามารถใช้โอกาสในตลาดให้ เป็นประโยชน์ได้อย่างไร ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องเขียนให้เกิดความน่าเชื่อ มีความเป็นไปได้“บทสรุปผู้บริหาร” ควรเขียนให้สั้น และกะทัดรัด ถึงแม้ว่าบทสรุปผู้บริหารจะจัดไว้อันดับแรก แต่ให้เขียนเป็นอันดับสุดท้ายในการ เขียนแผนทั้งหมด ดังนี้ 1) แนวคิดและขอบเขตของธุรกิจ 2) โอกาสของธุรกิจ 3) กลุ่มตลาดเป้าหมาย 4) สภาวะการแข่งขัน 5) ความคุ้มค่าเชิงธุรกิจ (ผลกำไร) 6) ทีมผู้บริหาร 7) ข้อเสนอแนะ 3.5 ประวัติกิจการ หรือภาพรวมของกิจการ ความหมายการวิเคราะห์สถานการณ์โดยการวิเคราะห์สถานการณ์(Current Situation Analysis) หรือ “SWOT ANALYSIS” คือ การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของธุรกิจ แบ่งออก 2 ส่วน ได้แก่ 3.5.1 การวิเคราะห์สถานการณ์ภายใน (Internal Situation Analysis) เป็นการตรวจสอบ ความสามารถ ความพร้อมของกิจการด้านต่างๆ ที่เป็นจุดแข็ง (Strengths) และจุดอ่อน (Weaknesses)เป็น การศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากการกระทำกิจการเอง ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินงานทั้งด้านบวก เรียกว่า “จุดแข็ง” หรือด้านลบเรียกว่า “จุดอ่อน” เป็นปัจจัยที่สามารถควบคุมได้เนื่องจากทราบปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างดีหากมีการวางแผนบริหารจัดการที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ก็สามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งของ ธุรกิจได้ 3.5.2 การวิเคราะห์สถานการณ์ภายนอก เป็นการประเมินสภาพแวดล้อมที่ผู้ประกอบการไม่ สามารถควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงได้ในลักษณะที่เป็นโอกาส (Opportunities) หรืออุปสรรค (Threats) ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการควรจะเริ่มวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ได้แก่ 3.5.1 กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหรือตลาดเป้าหมาย (Target Group หรือ Market Group) 3.5.2 การแข่งขัน (Competition) 3.5.3 ค่านิยมทางวัฒนธรรมของสังคม เช่น การใช้สินค้าที่มียี่ห้อ 3.5.4 เทคโนโลยี(Technology)


3.5.5 เศรษฐกิจ (Economic) 3.5.6 กฎหมาย กฎ และระเบียบต่างๆ (Political & Legal) 3.5.7 กลุ่มผู้จำหน่ายวัตถุดิบ กลุ่มผู้ผลิต (Suppliers) การวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่กำลังดำเนินงานอยู่ในด้านบวกเรียกว่า “โอกาส” และด้านลบเรียกว่า “อุปสรรค” กิจการสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลง ภายนอกที่เกิดขึ้นได้เพื่อให้กิจการสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้แก่ 3.6 การวิเคราะห์สถานการณ์ วิเคราะห์ SWOT ดังนี้ 3.7 แผนการตลาด การเขียนแผนการตลาด โดยแผนการตลาด (Marketing Plan) คือ การกำหนดแนวทางและทิศทางในการ ดำเนินงานทางการตลาดให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และสัมพันธ์กับกลยุทธ์ทางการตลาดที่กำหนดไว้ โดยตรวจสอบและประเมินผลกิจกรรมทางการตลาดไว้ล่วงหน้าได้ สิ่งสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจคือการมองด้าน การตลาด ผู้ประกอบการต้องมองให้ออกว่าผู้บริโภคต้องการอะไร แล้วผลิตสินค้าหรือบริการเพื่อสนองความ ต้องการนั้น กำไรที่เกิดขึ้นนั้นคือผลงานจากการทำให้ผู้บริโภคได้รับความพึงพอใจสูงสุด


3.7.1 ผู้เรียนเขียนวิสัยทัศน์(Vision) ซึ่งหมายถึง ภาพรวมของกิจการที่ต้องการจะเป็นในอนาคต โดยมีพื้นฐานอยู่บนความเป็นจริงในปัจจุบัน โดยจะนำเสนอจุดมุ่งหมายของผู้ประกอบการเกี่ยวกับการทำธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยจุดมุ่งหมายที่เฉพาะเจาะจง สามารถวัดค่าได้ดำเนินการให้บรรลุผลได้เป็นเหตุเป็นผลและตั้งอยู่ บนพื้นฐานของความเป็นจริงและมีกรอบระยะเวลาเป็นเครื่องกำหนด ดังคำสุภาษิตที่ว่า “ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง” 3.7.1 ครูอธิบายและให้ผู้เรียนเขียนพันธกิจ (Mission) หมายถึง งานที่ต้องทำเพื่อให้บรรลุ วิสัยทัศน์ของกิจการ โดยจะอธิบายความเป็นไปได้ของธุรกิจ/โครงการ ซึ่งครอบคลุม 5 ประการ คือ 1) สินค้าและบริการของกิจการคืออะไร 2) ลูกค้าของกิจการเป็นใคร 3) คุณค่าที่กิจการมอบให้แก่ลูกค้าเป็นอย่างไร 4) ขณะนี้กิจการเป็นอย่างไร 5) ต่อไปกิจการควรจะเป็นอย่างไร 3.7.2 ครูอธิบายและให้ผู้เรียนเขียนเป้าหมาย (Goal) คือ การกำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการจาก พันธกิจของกิจการ โดยเขียนเป็นข้อๆ แบ่งเป็นเป้าหมายระยะสั้น (1 ปี) ระยะปานกลาง (3-5 ปี) และระยะยาว (5 ปีขึ้นไป) ซึ่งเป้าหมายแต่ละระยะเวลาควรสอดคล้องกัน สามารถวัดผลได้และระบุเวลาที่แล้วเสร็จอย่างชัดเจน 3.7.3 เขียนแผนการตลาด โดยผู้ประกอบการต้องทราบและเข้าใจเรื่องดังต่อไปนี้ 1) เป้าหมายทางการตลาดที่ต้องการคือเรื่องอะไรบ้าง 2) ใครคือลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย 3) จะนำเสนอสินค้า/บริการอะไรให้กลุ่มเป้าหมาย ในราคาเท่าใด และวิธีการใด 4) จะสร้างและรักษาความพึงพอใจให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ด้วยวิธีการใดบ้าง 5) ถ้าสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้จะแก้ไขอย่างไร


3.7.4 ผู้เรียนวางแผนด้านการตลาด “STP&4P’s” โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1) การแบ่งส่วนตลาด (Segmentation) 2) การกำหนดลูกค้าเป้าหมายว่ากลุ่มไหนที่จะเลือก (Targeting) 3) การสร้างภาพพจน์ในใจของลูกค้า (Positioning) 4) ส่วนประสมทางการตลาด (4 P’s) ได้แก่ สินค้าหรือบริการ (Product) ราคา (Price) ช่องทางการจำหน่าย (Place) และการส่งเสริมทางการตลาด (Promotion) 5) ส่วนประสมทางการตลาดยุคใหม่ (4 C’s) เป็นการมองด้านความต้องการของ ผู้บริโภคและควรนำมาใช้ในแผนปฏิบัติการทางการตลาดด้วย ดังนี้ - Consumer Need คือ ขายสินค้าตามความต้องการของลูกค้า - Customer Benefits คือ ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ - Convenience คือ เป็นสินค้าที่สะดวก - Communication คือ การรับรู้ข่าวสารสินค้า


4. แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ แบบฝึกทักษะหน่วยที่ 7 จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 1.”ลักษณะของธุรกิจ เป็นธุรกิจกระบวนการขายไม่ยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งจำหน่ายสินค้าแปรรูปสมุนไพรหลากหลาย สะดวกต่อการใช้และเป็นที่ต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่” หมายถึงข้อใด ก. บทสรุปผู้บริหาร ง. แนวคิดและขอบเขตของธุรกิจ ข. โอกาสของธุรกิจ ค. กลุ่มตลาดเป้าหมาย ค. สภาวะการแข่งขัน 2. “กลุ่มผู้ซื้อเครื่องดื่มสมุนไพรที่เน้นคุณภาพสินค้าเพื่อสุขภาพ ได้แก่ หญิงที่มีสถานภาพแต่งงาน อายุ 20 ถึง 49 ปี ขนาดครอบครัว ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป รายได้/ครัวเรือน 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป” จากข้อความข้างต้นมีความสอดคล้องกับข้อใด ก. โอกาสของธุรกิจ ง. คู่แข่งขัน ข. ตลาดเป้าหมาย จ. ขอบเขตของธุรกิจ ค. แนวคิดของธุรกิจ 3.“ผู้บริโภคใส่ใจการดูแลสุขภาพมากขึ้น รัฐบาลสนับสนุนอย่างเต็มที่ จึงสร้างยอดขายและเสริมสร้างรายได้เพิ่มขึ้น .................” หมายถึงข้อใด ก. แผนการตลาด ง. แผนการผลิต ข. แนวโน้มทางการตลาด จ. จุดแข็งของธุรกิจ ค. โอกาสของธุรกิจ 4.“สร้างรายได้และความเข้มแข็งให้ชุมชน มีผลตอบแทนการลงทุนสูง....” จากข้อความนี้สัมพันธ์กับข้อใด ก. โอกาสทางธุรกิจ ง. จุดแข็งของธุรกิจ ข. ความคุ้มค่าเชิงธุรกิจ จ. การสร้างยอดขาย ค. การสร้างตลาดเป้าหมาย 5.ข้อใดเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก. นโยบายของบริษัท ง. ผลิตภัณฑ์ ราคา สถานที่จัดจำหน่าย ข. การส่งเสริมการตลาด จ. ลูกค้า คู่แข่งขัน ค. การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 6.ข้อใดเป็นปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ ก. กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ง. การแข่งขัน ข. ค่านิยมการใช้สินค้ามียี่ห้อ จ. สภาวะเศรษฐกิจ ค. 4P’s 7.คำกล่าวที่ว่า “ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง” ตรงกับข้อใด ก. แผนธุรกิจ ง. แผนการตลาด ข. วิสัยทัศน์ จ. พันธกิจ ค. เป้าหมาย


8.ข้อใดเป็นการกำหนดกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ก. มีผลิตภัณฑ์สีเขียว เหลือง แดง ชมพู ข. จำหน่ายสินค้าที่ร้าน 7 Eleven ค. เป็นสปอนเซอร์ให้กับการแข่งขันฟุตบอล ง. “The Mall ลดกระหน่ำ” หรือ “Central Midnight Sale” จ. “เร่เข้ามา เร่เข้ามา ของดีราคาถูก ชุดละ 30, 4 ชุด 100” 9.ข้อใดไม่ใช่วิธีการและกิจกรรมที่ใช้ในการส่งเสริมการขาย ก. “เร่เข้ามา เร่เข้ามา ของดีราคาถูก ชุดละ 30, 4 ชุด 100” ข. “สบู่สมุนไพรขนาดใหม่ เพียง 29 บาทเท่านั้น” ค. “The Mall ลดกระหน่ำ” หรือ “Central Midnight Sale” ง. เมื่อซื้อสินค้า 2 ชิ้น จะแถมให้ 1 ชิ้น จ. จัดทำป้ายโฆษณาบนทางด่วน หรือบนรถประจำทาง 10.ถ้ากิจการสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย แต่เก็บเงินจากลูกหนี้ไม่ได้จะส่งกระทบอย่างไร ก. ทำให้เงินสดหมุนเวียนขาดสภาพคล่อง ข. ทำให้สินค้าผลิตไม่ทันตามคำสั่งซื้อเนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบ ค. ทำให้มีสินค้าในคลังเหลือมาก ง. ทำให้มีต้นทุนการผลิต/การจัดการสูงกว่าที่คาดไว้ จ. ทำให้เกิดการชะงักการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรม


5. เอกสารอ้างอิง - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ 6. ภาคผนวก เฉลยแบบฝึกหัดท้ายหน่วยที่ 7 1. ง 6. ค 2. ข 7. ข 3. ค 8. ก 4. ข 9. จ 5. จ 10. ก


ใบมอบหมายงาน ที่ 7 หน่วยที่ 7 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 11-14 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 12 ชม. ชื่อเรื่อง รูปแบบแผนธุรกิจ 1. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1.1 อธิบายความหมายและความสำคัญของแผนธุรกิจ 1.2 แสดงความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของแผนธุรกิจ 1.3 จัดทำปกหน้า สารบัญ และคำนำ 1.4 จัดทำบทสรุปผู้บริหาร 1.5 จัดทำประวัติกิจการ หรือภาพรวมของกิจการ 1.6 วิเคราะห์สถานการณ์ 1.7 จัดทำแผนการตลาด 2. สมรรถนะ - เขียนแผนธุรกิจ 3. รายละเอียดของงาน 3.1 แบ่งกลุ่มประมาณ 5-6 คน เพื่อระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันเพื่อจัดทำแผน ธุรกิจของกิจการ 3.2 แต่ละกลุ่มตัดสินใจเลือกจัดทำแผนธุรกิจกลุ่มละ 1 กิจการ โดยเป็นธุรกิจที่สนใจ มีความรักและชอบ ในอาชีพนั้น แล้วศึกษาองค์ประกอบต่อไปนี้เพื่อจัดทำแผนธุรกิจ 1) ปกหน้า สารบัญ และคำนำ 2) บทสรุปผู้บริหาร 3) ประวัติกิจการ หรือภาพรวมของกิจการ 4) การวิเคราะห์สถานการณ์ 5) แผนการตลาด 6) แผนการบริหารจัดการและแผนการดำเนินงาน 7) แผนการผลิต 8) แผนการเงิน 9) แผนฉุกเฉิน 10) ภาคผนวก 4. กำหนดเวลาส่งงาน ส่งงานในสัปดาห์ถัดไป 5. แนวทางในการปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนทบทวนในบทเรียนที่ 7 2. ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 3. ตอบคำถามลงในกระดาษที่เตรียมไว้ 4. ส่งงานตามเวลาที่กำหนดไว้


6. แหล่งข้อมูลค้นคว้าเพิ่มเติม 1. หนังสือวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ 2. ห้องสมุด 3. Website 7. การประเมินผล 1. ส่งตามกำหนดระยะเวลาที่กำหนด 2. เกณฑ์ผ่าน 50 % ขึ้นไป


กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลกระทบเพื่อความสมดุล พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม ด้านสิ่งแวดล้อม - การอยู่ร่วมกับผู้อื่น - ค่าใช้จ่ายที่สูงเพิ่มมากขึ้น - การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม - ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด หลักเบื้องต้นในการ บริหารงานคุณภาพฯ ความมีเหตุผล 1. การทำงานต้องใช้หลักความรู้ ในการปฏิบัติงาน 2. อย่าใช้ความรู้สึกและอารมณ์ ในการทำงาน ความพอประมาณ 1. ทำอะไรที่เรียบง่าย ประหยัด 2. พอเหมาะพอควรตามศักยภาพ ของตนเอง การมีภูมิคุ้มกัน 1. การทำงานต้องให้เกิดประโยชน์ สูงสุด 2. สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ 3. บูรณาการวิธีการทำงานได้ เงื่อนไขด้านความรู้และทักษะ 1. มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับหลัก เบื้องต้นในการบริหารงาน คุณภาพ 2. อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ หลักเบื้องต้นในการบริหารงาน คุณภาพได้ เงื่อนไขด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1. มีความคิดสร้างสรรค์ 2. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ 3. อดทน


แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 8 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 15-16 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ท-ป-น 1-2-2 . ชื่อหน่วยการเรียนรู้หลักการเบื้องต้นในการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิตในองค์กร ทฤษฎี 2 ชม. ปฏิบัติ 4 ช.ม. 1. สาระสำคัญ การบริหารงานคุณภาพในองค์กรเป็นกระบวนการบริหารงานที่ประกอบด้วยนโยบาย วัตถุประสงค์ การวางแผนงาน ระบบการบริหารจัดการ ระบบการตรวจสอบหรือการประเมินผล และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า พนักงานและของสังคม ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับหลักการบริหารงานคุณภาพ และเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น และประยุกต์ใช้หลักการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิต 2. สมรรถนะประจำหน่วย - เขียนหลักการเบื้องต้นในการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิตในองค์กร 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับการบริหารงานคุณภาพเบื้องต้น 3.2 แสดงความรู้เกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 การบริหารงานคุณภาพเบื้องต้น 4.2 การเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น 5. กิจกรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ที่ 15-16) ขั้นนำ 1. ครูกล่าวถึง “คุณภาพ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง ลักษณะเด่นของ บุคคลหรือสิ่งของ จากความหมายนี้สรุปได้ว่า คุณภาพ (Quality) หมายถึง การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพเป็นไป ตามข้อกำหนดที่ต้องการ โดยสินค้าหรือบริการนั้นต้องสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าและมีต้นทุน การผลิตที่ เหมาะสม เช่น คุณภาพของสินค้า ได้แก่ รูปร่างสวยงาม เชื่อถือได้ทนทาน เหมาะสมกับการใช้งานและชื่อเสียง ของสินค้า ส่วนคุณภาพการบริการ ได้แก่การสร้างความประทับใจให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ เป็นต้น แบ่งได้ดังนี้ 1) เหมาะสมกับมาตรฐาน 2) เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย 3) เหมาะสมกับต้นทุน 4) เหมาะสมกับความต้องการที่แฝงเร้น 2. ผู้เรียนยกตัวอย่างธุรกิจที่ได้รับคุณภาพ ขั้นสอน 3. ครูอธิบายการบริหารงานคุณภาพเบื้องต้น ขั้นสรุป 4. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาทั้งหมด


6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ - เอกสารที่เกี่ยวข้อง - Internet 7. หลักฐานการเรียนรู้ 7.1 หลักฐานความรู้ 1. แผนจัดการเรียนรู้ 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน 7.2 หลักฐานการปฏิบัติงาน 1. บันทึกการสอนของผู้สอน 2. ใบเช็ครายชื่อนักเรียน 3. การตรวจประเมินผลงานนักเรียน 8. การวัดและประเมินผล 8.1 วิธีการ 1. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. ประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน-หลังเรียน 3. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8.2 เครื่องมือ 1. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8.3 เกณฑ์ 1. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม คือ ปานกลาง (50 % ขึ้นไป) 2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน – หลังเรียน มีเกณฑ์ผ่าน 50% 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมิน ตามสภาพจริง


9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 9.1 ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 9.2 ปัญหาที่พบ 9.3 แนวทางแก้ปัญหา


ใบความรู้ที่ 8 หน่วยที่ 8 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 15-16 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 6 ชม. ชื่อเรื่อง หลักการเบื้องต้นในการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิตในองค์กร 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1) การบริหารงานคุณภาพเบื้องต้น 2) การเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น 1.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1) แสดงความรู้เกี่ยวกับการบริหารงานคุณภาพเบื้องต้น 2) แสดงความรู้เกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น 2. สมรรถนะ - เขียนหลักการเบื้องต้นในการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิตในองค์กร 3. เนื้อหาสาระ 3.1 การบริหารงานคุณภาพเบื้องต้น การบริหารงานคุณภาพเบื้องต้น โดยคุณสมบัติของคุณภาพ สามารถพิจารณาได้ดังนี้ 3.1.1 คุณภาพของผลิตภัณฑ์สามารถพิจารณาได้ดังนี้ a สมรรถนะ a ลักษณะเฉพาะ a ความเชื่อถือได้a ความสอดคล้องตามที่กำหนด a ความทนทาน a ความสามารถในการให้บริการ a ความสวยงาม a การรับรู้คุณภาพ หรือชื่อเสียงของสินค้า 3.1.2 คุณภาพของงานบริการ สามารถพิจารณาได้ดังนี้ a ความเชื่อถือได้a การตอบสนองความต้องการ a ความสามารถ a การเข้าถึงได้ a ความสุภาพ a การติดต่อสื่อสาร a ความน่าเชื่อถือ a ความปลอดภัย a ความเข้าใจลูกค้า a สามารถรู้สึกได้ในบริการ การบริหารคุณภาพ (Quality Management) หมายถึง การบริหารงานที่เกี่ยวกับ การจัดการทุกอย่างใน องค์กรให้มีคุณภาพตามนโยบายคุณภาพขององค์กร รวมถึงโครงสร้างองค์กร ความรับผิดชอบ วิธีการ กระบวนการ กิจกรรม แผนงานและทรัพยากรที่จะนำมาใช้ในองค์กร เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสินค้า หรือบริการที่ผลิตออกมาจะมี คุณภาพสอดคล้องกับข้อกำหนดและความต้องการของลูกค้า และให้มี ผลตอบแทนตามเป้าหมายการลงทุนขององค์กร


สัญลักษณ์คุณภาพ เช่น หลักการพื้นฐานของการบริหารงานคุณภาพที่สำคัญ ได้แก่ 1) การให้ความสำคัญกับลูกค้า ธุรกิจทุกประเภทจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับความต้องการของ ลูกค้า และดำเนินการให้บรรลุความต้องการของลูกค้า รวมทั้งพยายามทำให้เหนือความคาดหวังของลูกค้า โดยมี หลักการว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการและคาดหวัง ซึ่งต้องตอบสนองสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้ดีที่สุด เช่น การประกัน สินค้า การร้องเรียน เป็นต้น 2) ความเป็นผู้นำ ผู้นำจะต้องแสดงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรอย่างชัดเจน ต้องมีภาวะผู้นำ และสร้างบรรยากาศในการทำงานที่จะเอื้ออำนวยให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน เพื่อให้บรรลุผลตาม เป้าหมาย โดยภาวะผู้นำก็คือ ความสามารถในการชักนำ โน้มน้าวให้คนคล้อยตาม มีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถ นำคนให้ปฏิบัติกิจกรรมให้ลุล่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยมีหลักการเน้นให้ผู้นำองค์กรมีภาวะ ผู้นำ แสดงการเป็นผู้นำในการทำงาน 3) การมีส่วนร่วมของบุคลากร การที่บุคลากรมีส่วนร่วมในองค์กร จะทำให้ทุกคนได้ใช้ ความสามารถให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด บุคลากรต้องเอาใจใส่ในงานที่ตนได้รับมอบหมายไว้ โดยมี หลักการคือ เน้นที่พนักงานทุกฝ่ายจะต้องอาศัยความร่วมมือทุกระดับ และต้องมีการพัฒนาความสามารถอย่าง สม่ำเสมอ


4) กระบวนการดำเนินงาน หมายถึง การนำเอาทรัพยากรหรือปัจจัยการผลิตป้อนเข้าสู่ระบบการ ทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยมีหลักการที่เน้นให้มองงาน กระบวนการและกิจกรรมต่างๆ ที่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม แก่สินค้าหรือเป็นกระบวนการสนับสนุน จะอยู่ในรูปของกระบวนการที่มีทั้งปัจจัยนำเข้า (Input) และปัจจัยนำออก (ผลผลิต = Output) 5) การบริหารที่เป็นระบบ การจัดการกระบวนการต่างๆ อย่างเป็นระบบ จะช่วยให้องค์กรบรรลุ เป้าหมายอย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ โดยนำกระบวนการต่างๆ มาเรียงลำดับและสัมพันธ์กันซึ่งจะ ก่อให้เกิดเป็นระบบ โดยหลักการคือการกำหนดระบบความสัมพันธ์ของปัจจัยและกระบวนการดำเนินงานเพื่อให้ องค์กรตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 6) การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เป็นกระบวนการที่เกิดวงจรบริหารงานระบบคุณภาพ PDCA ได้แก่ การวางแผนการดำเนินงาน การดำเนินงาน การปรับปรุงแก้ไข และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เพิ่ม ประสิทธิภาพขึ้น ซึ่งควรถือเป็นเป้าหมายถาวรขององค์กร


7) การตัดสินใจบนพื้นฐานของความเป็นจริง การตัดสินใจที่ถูกต้อง และเกิดประสิทธิภาพต่อการ บริหารงานต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงที่ถูกต้องและการวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นระบบต้องมีข้อมูลหรือ ข้อเท็จจริงสนับสนุน ซึ่งข้อมูลได้จากการเก็บและนำมาวิเคราะห์ทางสถิติเพื่อใช้เป็นเครื่องมือ การตัดสินใจบน พื้นฐานของความเป็นจริง การตัดสินใจที่ถูกต้อง และเกิดประสิทธิภาพต่อการบริหารงานต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ ความจริงที่ถูกต้องและการวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นระบบต้องมีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงสนับสนุน ซึ่งข้อมูลได้จากการเก็บ และนำมาวิเคราะห์ทางสถิติเพื่อใช้เป็นเครื่องมือ 8) ความสัมพันธ์กับผู้ขายเพื่อประโยชน์ร่วมกัน การสร้างสัมพันธภาพกับผู้ส่งมอบควรอยู่บน พื้นฐานของความเสมอภาคด้านผลประโยชน์เพราะต่างต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ถ้าองค์กรและผู้ส่งมอบมีความ เข้าใจ และมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ย่อมส่งผลให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน และจะช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้าง คุณค่าร่วมกันของทั้งสองฝ่าย โดยมีหลักการที่เน้นการได้รับผลประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย 3.2 การเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น การเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น โดยการเพิ่มผลผลิต (Productivity) หมายถึง กระบวนการในการปฏิบัติงานให้ ได้ผลผลิตซึ่งอาจเป็นสินค้าหรือบริการ หรืองานที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของลูกค้า ด้วยวิธีการในการลด ต้นทุนลดการสูญเสียทุกรูปแบบ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม การพัฒนาศักยภาพของ คนและการใช้เทคนิควิธีการทำงานต่างๆ เข้ามาช่วยประสิทธิผล (Efficiency) หมายถึง ความสามารถการบรรลุ จุดมุ่งหมายโดยใช้ทรัพยากรต่ำสุด คือ ใช้วิธีการให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรที่สิ้นเปลืองน้อยที่สุด โดยมีเป้าหมาย คือ ประสิทธิผล


กิจกรรมเพื่อความปลอดภัย (Safety Control Circles=SCC) หมายถึง การร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อการ ค้นหาภัยอันตรายและแก้ไขป้องกันอุบัติเหตุและการสร้างเสริมความปลอดภัยในการทำงาน วางแผนและดำเนินงานโดยใช้กิจกรรม 5 ส วางแผนและดำเนินงานโดยใช้เทคนิค PDCA คือ วงจรคุณภาพที่ใช้ในการบริหาร การวางแผน และการ ปฏิบัติเพื่อให้เกิดการปรับปรุงการทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกคนรู้จักการวางแผนก่อนที่จะนำไปปฏิบัติเมื่อ ปฏิบัติแล้ว ต้องมีการตรวจสอบหาข้อบกพร่องเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป วางแผนและดำเนินงานกิจกรรมข้อเสนอแนะ (Suggest System) คือ การเปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับ มาร่วมกันในการบริหาร โดยนำเสนอความคิดเห็นของตนเองต่อฝ่ายบริหาร ซึ่งมี2 ลักษณะ คือ 1. แนวคิดหรือ วิธีการแก้ไขปัญหา และ 2. ชี้ให้เห็นปัญหาหรือจุดอ่อนของการทำงาน วางแผนและดำเนินงานโดยใช้เทคนิค QCC (Quality Control Cycle) หมายถึง การควบคุมคุณภาพด้วย กิจกรรมกลุ่ม โดยการควบคุมคุณภาพ คือ การบริหารงานด้านวัตถุดิบ กระบวนการผลิตและผลผลิต ให้ได้คุณภาพ ตามความต้องการของลูกค้า ผู้เกี่ยวข้องหรือข้อกำหนดตามมาตรฐานที่ตั้งไว้เพื่อป้องกันและลดปัญหาการสูญเสีย วัตถุดิบ ต้นทุนผลิต เวลาการทำงาน และผลผลิต


วางแผนและดำเนินงานกิจกรรมการบริหารงานโดยยึดวัตถุประสงค์Management by Objective (MBO) เทคนิคการบริหารงานที่ให้โอกาสสมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดวัตถุประสงค์ขององค์กรและให้ทุกคน ปฏิบัติงานโดยยึดวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กรเป็นหลัก


4. แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ แบบฝึกหัดท้ายหน่วยที่ 8 จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 1.ข้อใดไม่ใช่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “คุณภาพ” ก. เหมาะสมกับมาตรฐาน ง. เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย ข. เหมาะสมกับต้นทุน จ. เหมาะสมกับความต้องการที่แฝงเร้น ค. เหมาะสมกับราคาสินค้าและบริการ 2.คุณภาพของผลิตภัณฑ์ สามารถพิจารณาได้จากข้อใด ก. ความเข้าใจลูกค้า ง. ความสุภาพ ข. ความน่าเชื่อถือ จ. การเข้าถึงได้ ค. ความสวยงามและทนทาน 3.คุณภาพของงานบริการ สามารถพิจารณาได้จากข้อใด ก. สมรรถนะ ง. ลักษณะเฉพาะ ข. ความทนทาน จ. ความสวยงาม ค. การรับรู้คุณภาพ หรือชื่อเสียงของสินค้า 4.คำกล่าวที่ว่า “เมื่อหัวนำ หางก็ต้องตาม” สอดคล้องกับหลักการบริหารงานคุณภาพข้อใด ก. การให้ความสำคัญกับลูกค้า ง. ความเป็นผู้นำ ข. การมีส่วนร่วมของบุคลากร จ. กระบวนการดำเนินงาน ค. การบริหารที่เป็นระบบ 5.ข้อใดเป็นการประยุกต์ใช้หลักการบริหารงานคุณภาพที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า ก. กำหนดกระบวนการบริหารงานให้เกิดผลตามเป้าหมาย ข. กำหนดจุดเชื่อมโยงหรือประสานงานระหว่างหน่วยงาน ค. ฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงาน ง. กำหนดนโยบายเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า จ. สร้างแรงจูงใจ ให้บุคลากรมีส่วนร่วม 6.“วิสัยทัศน์: การท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ขณะที่การทำธุรกิจที่บ้านผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมี แนวโน้มที่สูงขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น” จากข้อความนี้สอดคล้องกับหลักการบริหารงานคุณภาพข้อใด ก. การให้ความสำคัญกับลูกค้า ง. ความเป็นผู้นำ ข. การมีส่วนร่วมของบุคลากร จ. การตัดสินใจบนพื้นฐานของความเป็นจริง ค. กระบวนการดำเนินงาน 7.การประยุกต์ใช้หลักการบริหารงานคุณภาพที่เน้นการมีส่วนร่วมของบุคลากรคือข้อใด ก. สร้างการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ข. กำหนดกระบวนการบริหารงานให้เกิดผลตามเป้าหมาย ค. กำหนดแผนการประเมินผลงาน และเกณฑ์การประเมินผลที่ชัดเจน ง. มีการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ จ. การตัดสินใจควรใช้ข้อมูลจาการวิเคราะห์ ประสบการณ์และสัญชาติญาณ


8.ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยในการเพิ่มผลผลิต ก. นโยบายสาธารณูปโภค ฐานภาษี ข. ทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรบุคคล ค. ค่านิยมการใช้สินค้าภายในประเทศ ง. การตรงต่อเวลา จ. การสร้างความเป็นธรรมให้องค์กร 9.ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบในการเพิ่มผลผลิต ก. คุณภาพ และต้นทุน ข. การส่งมอบ และความปลอดภัยในการทำงาน ค. ขวัญกำลังใจและสิ่งแวดล้อมในการทำงาน ง. ทุน แรงงาน วิธีปฏิบัติการ จ. จรรยาบรรณในการดำเนินการทางธุรกิจ 10.ถ้าใช้คนที่มีความรู้ความสามารถทำงานในสิ่งที่ชอบและมีความถนัด จะทำให้งานนั้นมีประสิทธิภาพและมีความ พร้อมที่จะทำงานที่ได้อย่างเต็มที่สอดคล้องกับข้อใดมากที่สุด ก. Right Man ง. Right Job ข. Right Tool จ. Right Place ค. Right Place


5. เอกสารอ้างอิง - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ 6. ภาคผนวก เฉลยแบบฝึกหัดท้ายหน่วยที่ 8 1. ค 6. ง 2. ค 7. ก 3. ค 8. จ 4. ง 9. ง 5. ง 10. ก


ใบมอบหมายงาน ที่ 8 หน่วยที่ 8 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 15-16 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 6 ชม. ชื่อเรื่อง หลักการเบื้องต้นในการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิตในองค์กร 1. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับการบริหารงานคุณภาพเบื้องต้น 1.2 แสดงความรู้เกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น 2. สมรรถนะ - เขียนหลักการเบื้องต้นในการบริหารงานคุณภาพและเพิ่มผลผลิตในองค์กร 3. รายละเอียดของงาน 3.1 ให้นักเรียนอ่านกรณีศึกษาการบริหารงานอย่างมีคุณภาพต่อไปนี้ กรณีศึกษา คุณส่องหล้าเป็นพนักงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งในปัจจุบันพนักงานทุก คนก็มักจะมีปัญหาส่วนตัวอย่างมาก เช่น รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ทะเลาะกับแฟน บริษัทบัตรเครดิตตามทวงเงิน ป่วย เครียดกับปัญหาต่าง ๆ อีกมากมาย โดยปกติคุณส่องหล้าเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ให้บริการลูกค้าเป็นอย่างดี เป็นคน สนุกสนาน ทำงานกับบุคคลอื่นได้ดี มีกิริยาวาจาสุภาพ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ดีมาก ต่อมาคุณส่องหล้า เปลี่ยนไปจากเดิม หัวหน้างานจึงเรียกเข้าไปพบ และสอบถามว่าเป็นอะไรจึงปฏิบัติหน้าที่ไม่ดีเท่ากับที่ผ่านมา หัวหน้างานจึงได้ทราบว่าเธอมีปัญหาส่วนตัว และได้ตักเตือนไปว่าให้เธอแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน เพราะจะส่งผลกระทบกับงานอาชีพนั้น ซึ่งเธอก็เข้าใจดีและรับปากว่าต่อไปนี้จะปรับปรุงตัวเองใหม่ให้ดีกว่าเดิม 3.2 ให้นักเรียนตอบคำถาม “อยากทราบว่าคุณส่องหล้า ควรจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้การปฏิบัติงานดี เหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิม” 3.3 เขียนคำตอบลงในกระดาษที่เตรียมไว้ให้ 4. กำหนดเวลาส่งงาน ส่งงานในสัปดาห์ถัดไป 5. แนวทางในการปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนทบทวนในบทเรียนที่ 8 2. ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 3. ตอบคำถามลงในกระดาษที่เตรียมไว้ 4. ส่งงานตามเวลาที่กำหนดไว้ 6. แหล่งข้อมูลค้นคว้าเพิ่มเติม 1. หนังสือวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ 2. ห้องสมุด 3. Website 7. การประเมินผล 1. ส่งตามกำหนดระยะเวลาที่กำหนด 2. เกณฑ์ผ่าน 50 % ขึ้นไป


กรอบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นเรื่อง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลกระทบเพื่อความสมดุล พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม ด้านสิ่งแวดล้อม - การอยู่ร่วมกับผู้อื่น - ค่าใช้จ่ายที่สูงเพิ่มมากขึ้น - การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม - ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด การประยุกต์ใช้ ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงในการเป็น ผู้ประกอบการ ความมีเหตุผล 1. การทำงานต้องใช้หลักความรู้ ในการปฏิบัติงาน 2. อย่าใช้ความรู้สึกและอารมณ์ ในการทำงาน ความพอประมาณ 1. ทำอะไรที่เรียบง่าย ประหยัด 2. พอเหมาะพอควรตามศักยภาพ ของตนเอง การมีภูมิคุ้มกัน 1. การทำงานต้องให้เกิดประโยชน์ สูงสุด 2. สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ 3. บูรณาการวิธีการทำงานได้ เงื่อนไขด้านความรู้และทักษะ 1. มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงในการเป็นผู้ประกอบการ 2. อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ การประยุกต์ใช้ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงในการเป็น ผู้ประกอบการได้ เงื่อนไขด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1. มีความคิดสร้างสรรค์ 2. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ 3. อดทน


แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 9 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 17-18 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ท-ป-น 1-2-2 . ชื่อหน่วยการเรียนรู้การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการเป็นผู้ประกอบการ ทฤษฎี 2 ชม. ปฏิบัติ 4 ช.ม. 1. สาระสำคัญ ผู้ประกอบการที่พอเพียงจะคำนึงถึงความมั่นคงและยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจ มากกว่าการแสวงหา ผลประโยชน์ ดังนั้น จึงต้องมีความรอบรู้ในธุรกิจที่ตนดำเนินงานอยู่และมีการศึกษาข้อมูลข่าวสารตลอดเวลา เพื่อให้สามารถทันต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มีความรอบคอบในการตัดสินใจแต่ละครั้ง เพื่อป้องกันข้อบกพร่อง เสียหายไม่ให้เกิดขึ้น และมีความรอบคอบในการตัดสินใจแต่ละครั้งเพื่อป้องกันข้อบกพร่องไม่ให้เกิดขึ้น และต้องมี คุณธรรม คือ มีความซื่อสัตย์สุจริตในการประกอบอาชีพ ไม่ผลิตหรือซื้อขายสินค้าที่ก่อโทษหรือสร้างปัญหาให้กับ คนในสังคมและสิ่งแวดล้อม มีความขยันหมั่นเพียร อดทนในการพัฒนาธุรกิจ ไม่ให้บกพร่องและก้าวหน้าไปอย่าง ต่อเนื่อง โดยมีการพัฒนาประสิทธิภาพ การผลิตปรับปรุงสินค้าและคุณภาพให้ทันกับความต้องการของตลาดและ การเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยี ขณะเดียวกันต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทุกขั้นตอนของการ ดำเนินธุรกิจ 2. สมรรถนะประจำหน่วย - การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการเป็นผู้ประกอบการ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินธุรกิจ 3.2 ประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการวางแผนและดำเนินงาน 3.3 เสนอแนะแนวทางการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำเนินชีวิต 3.4 แสดงความรู้เกี่ยวกับการทำบัญชีครัวเรือน 3.5 แสดงความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 การประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินธุรกิจ 4.2 การประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการวางแผนและดำเนินงาน 4.3 แนวทางการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำเนินชีวิต 4.4 การทำบัญชีครัวเรือน 4.5 ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย


5. กิจกรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ที่ 17-18) ขั้นนำ 1. ครูกล่าวถึงเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้ถึงการดำรงและปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ ระดับบุคคล ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและการบริหารประเทศให้ดำเนินไปบน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ซึ่งเป็นเศรษฐกิจของทุกคนและ ทุกอาชีพ ซึ่งการนำไปปฏิบัติก็ต้องเหมาะสมกับอาชีพของตนเองด้วย 2. ครูแนะนำให้ผู้เรียนที่เป็นผู้ประกอบการจึงควรจะดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็น แนวความคิดที่มากกว่าการมุ่งเน้นธุรกิจและสังคม เพราะเป็นแนวความคิดที่คำนึงถึงความมีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตความรอบคอบ ให้เกิดความสมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านวัตถุสังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอก ขั้นสอน 3. ครูอธิบายการประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินธุรกิจ ขั้นสรุป 4. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาทั้งหมด 6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ - เอกสารที่เกี่ยวข้อง - Internet 7. หลักฐานการเรียนรู้ 7.1 หลักฐานความรู้ 1. แผนจัดการเรียนรู้ 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน 7.2 หลักฐานการปฏิบัติงาน 1. บันทึกการสอนของผู้สอน 2. ใบเช็ครายชื่อนักเรียน 3. การตรวจประเมินผลงานนักเรียน 8. การวัดและประเมินผล 8.1 วิธีการ 1. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. ประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน-หลังเรียน 3. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์


8.2 เครื่องมือ 1. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2. แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8.3 เกณฑ์ 1. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม คือ ปานกลาง (50 % ขึ้นไป) 2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน – หลังเรียน มีเกณฑ์ผ่าน 50% 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมิน ตามสภาพจริง


9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 9.1 ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 9.2 ปัญหาที่พบ 9.3 แนวทางแก้ปัญหา


ใบความรู้ที่ 9 หน่วยที่ 9 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 17-18 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 6 ชม. ชื่อเรื่อง การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการเป็นผู้ประกอบการ 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1) การประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินธุรกิจ 2) การประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการวางแผนและดำเนินงาน 3) แนวทางการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำเนินชีวิต 4) การทำบัญชีครัวเรือน 5) ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย 1.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1) ประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินธุรกิจ 2) ประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการวางแผนและดำเนินงาน 3) เสนอแนะแนวทางการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำเนินชีวิต 4) แสดงความรู้เกี่ยวกับการทำบัญชีครัวเรือน 5) แสดงความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย 2. สมรรถนะ - การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการเป็นผู้ประกอบการ 3. เนื้อหาสาระ 3.1 การประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินธุรกิจ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินธุรกิจสามารถพิจารณาได้ดังต่อไปนี้ 3.1.1 พิจารณาจากความสามารถในการพึ่งตนเอง ที่เน้นความสมดุลทั้ง 3 คุณลักษณะ คือ พอประมาณ มีเหตุมีผลและมีภูมิคุ้มกัน มาประกอบการตัดสินใจเรื่องต่างๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบ ระมัดระวัง พิจารณาถึงความพอดีพอเหมาะ พอควรและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุมทั้ง 5 ประการ คือ 1) ด้านจิตใจ มีจิตใจเข้มแข็ง ฝึกฝนตนเองได้มีจิตสำนึกที่ดีเอื้ออาทร ประนีประนอมและนึกถึง ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก 2) ด้านสังคม มีความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รู้รักสามัคคีสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวและ ชุมชน รู้จักผนึกกำลัง มีกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากรากฐานที่มั่นคงแข็งแรง 3) ด้านเศรษฐกิจ ดำรงชีวิตอยู่อย่างพอดีพอมีพอกิน สมควรตามอัตภาพ และฐานะของตน ประกอบอาชีพสุจริต (สัมมาอาชีวะ) ด้วยความขยันหมั่นเพียร อดทนใช้ชีวิตเรียบง่าย โดยไม่เบียดเบียนตนเองและ ผู้อื่น มีรายได้สมดุลกับรายจ่าย รู้จักการใช้จ่ายของตนเองและครอบครัวอย่างมีเหตุผลเท่าที่จำเป็น ประหยัด รู้จัก การเก็บออมเงินและแบ่งปันผู้อื่น 4) ด้านเทคโนโลยีรู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการและภูมินิเวศ พัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม


5) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบสามารถ เลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดความยั่งยืนสูงสุด 3.1.2 พิจารณาความรู้คู่คุณธรรม มีการศึกษาเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (ทั้งทฤษฎีและ การปฏิบัติจริง) ในวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดำรงชีวิต โดยใช้สติปัญญาในการตัดสินใจต่างๆ อย่างรอบรู้ รอบคอบ และมีเหตุผลที่จะนำความรู้ต่างๆ มาปรับใช้อย่างมีขั้นตอนและระมัดระวัง ในการปฏิบัติมีความตระหนัก ในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความเพียรความอดทน และใช้สติปัญญาอย่างชาญฉลาดในการดำเนินชีวิตบน ทางสายกลาง 3.2 การประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการวางแผนและดำเนินงาน การประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการวางแผนและดำเนินงานพอประมาณ มีเหตุผล สร้างภูมิคุ้มกันและมีบทบาทในการช่วยเหลือกันภายในประเทศ การบริหารจัดการด้วยความพอเพียงนั้น จะต้อง เริ่มที่เป้าหมาย ได้แก่ 3.2.1 ความสามารถในการบริหารงาน โดยต้องสอดคล้องกับโลกภายนอกโดยไม่ขยายตัวเกินกว่ากำลัง ที่มีอยู่ หรือต้องมีประสิทธิผลในทางการตลาดหรือการตามทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นซึ่งต้องมีสติและความรู้ 3.2.2 ต้องแสวงหาความรู้กับสร้างความเข้มแข็งหรือเพิ่มความขยันขันแข็งในการทำงานโดยมีการ ติดตามเทคนิควิทยาการ แล้วรู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีและเอามาประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ในการผลิตและการทำงาน ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นหรือก็คือการเพิ่มผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ 3.2.3 การมีเป้าหมายด้านคุณภาพชีวิต คือการรู้จักใช้จ่ายบริโภคตามความจำเป็นและอย่างมีเหตุผล เพื่อชีวิตที่อยู่ดีมีสุข ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีการเรียนรู้โดยมีความสุขสมดุลทั้งกายและใจพร้อมกับมีการออมเพื่อ ความปลอดภัยด้วย 3.3 แนวทางการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำเนินชีวิต แนวทางการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำเนินชีวิต โดยการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคล ย่อมต้องอาศัยหลักและแนวคิดเพื่อให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งอาจจะได้รับการปลูกฝังมาจากสถาบัน ครอบครัว (ปู่ย่า ตา ยาย พ่อ แม่) สถาบันการศึกษา สถาบันทางสังคม เป็นต้น 3.4 การทำบัญชีครัวเรือน การทำบัญชีครัวเรือน โดยการทำบัญชีครัวเรือน คือ การจดบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขปัจจัยในการ ดำรงชีวิตของตนเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศ ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกจะเป็นตัวบ่งชี้อดีต ปัจจุบัน และ อนาคตของชีวิต สามารถนำข้อมูลอดีตมาบอกปัจจุบันและอนาคตได้ข้อมูลที่ได้ที่บันทึกไว้จะเป็นประโยชน์ต่อการ วางแผนชีวิตและกิจกรรมต่างๆ ในชีวิต ครอบครัว ชุมชน และประเทศได้ รูปแบบการบันทึกการทำงานหรือทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพ ความเป็นอยู่ของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ไม่ได้กำหนดรูปแบบที่ตายตัว ให้ยืดหยุ่นได้ตามสภาพความเป็นอยู่ที่เหมาะสม และการใช้งานนั้น ซึ่งอาจบันทึกในรูปแบบและหัวข้อต่อไปนี้ 1) การบันทึกเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ เพื่อจะได้ทราบว่าในการทำงาน จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้าง จำนวนเท่าใด ถ้าจำเป็นจะต้องซื้อจะเสียค่าใช้จ่ายมากน้อยเพียงใด


2) การบันทึกการปฏิบัติงาน เป็นการบันทึกข้อมูลในการปฏิบัติงาน เพื่อจะได้ทราบว่าการ ปฏิบัติงานในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์มีงานอะไรบ้าง มีปัญหาในการดำเนินงานอย่างไร และได้แก้ปัญหานั้น อย่างไรควรมีการลงชื่อผู้ปฏิบัติงานด้วย 3) การบันทึกบัญชีรายรับ-รายจ่าย มีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นแหล่งข้อมูลที่ต้องการใช้ ในการกำหนดรายได้-รายจ่าย การจัดทำแผนงบประมาณและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง


3.5 ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย โดยภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย (Wisdom) คือ ความรู้ความชำนาญ วิธีการหรือ เทคโนโลยีที่มีการสืบทอดต่อกันมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน รวมทั้งงานสร้างสรรค์ของกลุ่มคนในชุมชนบนพื้นฐาน วัฒนธรรม และสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อประโยชน์ของกลุ่ม โดยสะท้อนความคิดและความคาดหวังของชุมชนนั้น ด้วยเป็น การแสดงออกซึ่งเอกลักษณ์ทางสังคมและวัฒนธรรม มาตรฐานและคุณค่าของชุมชน อาจใช้ภาษาหรือไม่ใช้ภาษา หรือผสมผสานระหว่างใช้ภาษาและไม่ใช้ภาษาเป็นสื่อ ประเภทของภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย เป็นองค์ความรู้ของกลุ่มบุคคลในท้องถิ่น รวมถึงงานศิลปวัฒนธรรม พื้นบ้านที่มีอยู่ในทุกภาคของประเทศ ภูมิปัญญาท้องถิ่น สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1) ภูมิปัญญาประเภทองค์ความรู้ของกลุ่มบุคคลท้องถิ่น เช่น การผลิตอาหารและเครื่องดื่ม การผลิตผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร การผลิตผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้และการผลิตผลิตภัณฑ์จากไม้หิน โลหะ แก้ว เซรามิค ดินเผา เครื่องหนัง เป็นต้น 2) ภูมิปัญญาประเภทงานศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เช่น เรื่องเล่าพื้นบ้าน กวีนิพนธ์พื้นบ้าน ปริศนา พื้นบ้าน เพลงพื้นบ้าน ดนตรีพื้นบ้าน ละครพื้นบ้าน จิตรกรรมพื้นบ้าน ประติมากรรมพื้นบ้าน หัตถกรรมพื้นบ้าน


4. แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ แบบฝึกหัดท้ายหน่วยที่ 9 จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 1. เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่เน้นในเรื่องใดมากที่สุด ก. การประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ง. การดำเนินไปในทางสายกลาง ข. ความสามารถในการพึ่งตนเอง จ. ความมีความรู้ และการมีคุณธรรม ค. ความรอบรู้และมีภูมิคุ้มกันตนเอง 2. ข้อใดไม่ใช่การพิจารณาจากความสามารถในการพึ่งตนเอง ก. พอประมาณ ง. มีเหตุผลและภูมิคุ้มกัน ข. รอบคอบ ระมัดระวัง จ. ความพอดี ค. รักษาความสัตย์ อดทนอดกลั้น 3. คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและนำมาปฏิบัติได้แก่ข้อใด ก. การรักษาความสัตย์ ง. การรู้จักข่มใจตนเอง ข. ความอดทน อดกลั้น และอดออม ค. รู้จักละวางความชั่วและรู้จักสละ ค. ถูกทุกข้อ 4. ข้อใดไม่ใช่หลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจแบบเศรษฐกิจพอเพียง ก. มีตลาดที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยง ง. ให้ความสำคัญกับการสร้างกำไรสูงสุด ข. การดำเนินธุรกิจที่ตนเองมีความรู้จริง จ. มีเหตุผลในการขยายตลาด ค. มีความซื่อสัตย์สุจริตในการประกอบการ 5.ข้อใดไม่ใช่การบริหารจัดการด้วยความพอเพียงนั้นจะต้องเริ่มที่เป้าหมาย ก. ความสามารถบริหารงาน ง. ต้องแสวงหาความรู้กับสร้างความเข้มแข็ง ข. การมีเป้าหมายด้านคุณภาพชีวิต จ. ต้องรู้จักพึ่งตนเอง ค. ข้อ 1-2-4 ถูกต้อง 6.ข้อใดที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการรู้จักใช้เงินให้เหมาะสม ก. รายได้จากการประกอบการธุรกิจ ง. เลือกประกอบอาชีพเพื่อหารายได้ ข. การบริโภคปัจจัยสี่อย่างเหมาะสม จ. ไม่ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน เล่นการพนัน ค. การทำบัญชีครัวเรือน 7.ข้อใดไมใช่ประโยชน์ของการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ก. ทำให้ทราบว่ามีทรัพย์สิน หนี้สิน และทุนจำนวนเท่าใด ข. เป็นหลักฐานในการตรวจสอบตัวเงินสดกับยอดบัญชีว่าถูกต้องหรือไม่ ค. ช่วยให้มีการบริหาร ควบคุม การทำงบประมาณอย่างถูกต้อง ง. ช่วยเป็นหลักฐานในการบริหารงาน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอีก จ. ช่วยคำนวณผลการดำเนินงานว่ามีกำไรหรือขาดทุนอย่างไร 8.ภูมิปัญญาฯ ประเภทงานศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ก. ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ง. การผลิตผลิตภัณฑ์จากไม้ หิน โลหะ ข. การผลิตผลิตภัณฑ์จากเซรามิค จ. การฟ้อนรำพื้นบ้าน ละครพื้นบ้าน ค. การผลิตผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้


9.ข้อใดเป็นการเลือกสรรภูมิปัญญาที่สูญหายไปแล้วมาทำให้มีคุณค่าและสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในท้องถิ่น ก. การค้นคว้าวิจัย ง. การอนุรักษ์ ข. การฟื้นฟู จ. การพัฒนา ค. การถ่ายทอด 10.ข้อใดสอดคล้องกับคำว่า “การถ่ายทอด” ก. ศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลภูมิปัญญาของไทยด้านต่างๆ ของท้องถิ่น ข. ปลุกจิตสำนึกให้คนในท้องถิ่นตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น ค. เลือกสรรภูมิปัญญาที่สูญหายแล้วมาทำให้มีคุณค่าและสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในท้องถิ่น ง. ริเริ่มสร้างสรรค์และปรับปรุงภูมิปัญญาให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์ จ. นำภูมิปัญญามาเลือกสรรกลั่นกรองด้วยเหตุและผลอย่างรอบคอบแล้วสื่อสารให้คนได้รับรู้ เกิด ความเข้าใจ ตระหนักในคุณค่า คุณประโยชน์และปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม


5. เอกสารอ้างอิง - หนังสือตำราเรียนวิชาการเป็นผู้ประกอบการ 6. ภาคผนวก เฉลยแบบฝึกหัดท้ายหน่วยที่ 9 1. ง 6. ก 2. ค 7. ค 3. ค 8. จ 4. ง 9. ข 5. ค 10. จ


ใบมอบหมายงาน ที่ 9 หน่วยที่ 9 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สอนครั้งที่ 17-18 รหัสวิชา 2001-1003 ชื่อวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เวลา 6 ชม. ชื่อเรื่อง การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการเป็นผู้ประกอบการ 1. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1.1 ประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินธุรกิจ 1.2 ประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการวางแผนและดำเนินงาน 1.3 เสนอแนะแนวทางการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำเนินชีวิต 1.4 แสดงความรู้เกี่ยวกับการทำบัญชีครัวเรือน 1.5 แสดงความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย 2. สมรรถนะ - การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการเป็นผู้ประกอบการ 3. รายละเอียดของงาน 3.1 ให้นักเรียนนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการวางแผนและดำเนินงานของธุรกิจได้ อย่างไรบ้าง 3.2 เขียนคำตอบลงในกระดาษที่เตรียมไว้ให้ 4. กำหนดเวลาส่งงาน ส่งงานในสัปดาห์ถัดไป 5. แนวทางในการปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนทบทวนในบทเรียนที่ 9 2. ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 3. ตอบคำถามลงในกระดาษที่เตรียมไว้ 4. ส่งงานตามเวลาที่กำหนดไว้ 6. แหล่งข้อมูลค้นคว้าเพิ่มเติม 1. หนังสือวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ 2. ห้องสมุด 3. Website 7. การประเมินผล 1. ส่งตามกำหนดระยะเวลาที่กำหนด 2. เกณฑ์ผ่าน 50 % ขึ้นไป


Click to View FlipBook Version