The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Rättänächäi Öömsin, 2020-12-17 00:06:29

วิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม2000-1501

แผนการจัดการเรยี นรมู งุ่ เน้นสมรรถนะ
ชื่อวิชาหนา้ ทพ่ี ลเมอื งและศลี ธรรม รหัสวชิ า 2000-1501

ทฤษฎี 2 ปฏิบตั ิ 0 หน่วยกิต 2
หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี
หมวดวชิ าสงั คม สาขาวิชาสามญั สมั พันธ์

จดั ทาโดย
นายรตั นชยั ออมสนิ

วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาขอนแกน่
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา

กระทรวงศึกษาธิการ

แผนการจัดการเรยี นรู้

หลักสูตร ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ปวช.) พทุ ธศักราช 2556

วิชา คณิตศาสตร์หน้าที่พลเมืองและศลี ธรรม รหัสวชิ า 2000-1501

ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563

ลงชอื่ …………………………………………………..ครูผู้สอน
(นายรัตนชัย ออมสนิ )

ลงชอ่ื …………………………………………………………หวั หนา้ แผนกวิชาสามัญสมั พนั ธ์
(นางณภทั ร เมณฑกานวุ งษ์)

…………./…………………../…………….

ลงชอ่ื …………………………………………………………..รองผ้อู านวยการฝ่ายวชิ าการ
(นายจักรกฤษณ์ ทิพเลิศ)

…………./…………………../…………….

ลงชอ่ื …………………………………………………………..ผ้อู านวยการ

(นางอนงค์ลักษณ์ พลู สุวรรณ)
…………./…………………../…………….

ฝา่ ยวิชาการ วิทยาลัยอาชวี ศึกษาขอนแกน่
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

คำนำ
แผนการจัดการเรียนรู้วิชาหน้าท่ีพลเมืองและศีลธรรม รหัสวิชา 2000-1501 เล่มนี้ ตั้งใจจัดทาขึ้น
เพ่ือเป็นเอกสารประกอบการสอน และศึกษาค้นคว้าในวิชา หน้าท่ีพลเมืองและศีลธรรม ตามหลักสูตร
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ของสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ แผนการ
จัดการเรียนรู้เล่มน้ี ประกอบด้วยเนื้อหา 14 หน่วย ได้แก่สถาบันทางสังคม และสถาบันครอบครัว การจัด
ระเบียบทางสังคมและการขัดเกลาทางสังคม สังคมไทย วัฒนธรรมไทย คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและภูมิ
ปัญญาไทย การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิทธิและหน้าท่ีของ
พลเมืองดีตามระบอบประชาธิปไตย พลเมืองดีตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศาสนากับการดาเนิน
ชีวิต พุทธประวัติ วันสาคัญองค์ประกอบทางพระพุทธศาสนาและเรื่องน่ารู้จากพระไตรปิฎก หลักธรรมและ
ปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา หน้าที่ชาวพุทธและศาสนิกชนตัวอย่าง มารยาทชาวพุทธ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ศาสนาคริสต์ และศาสนาอสิ ลาม

นายรัตนชัย ออมสนิ
ผจู้ ดั ทา

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1

วชิ า หน้าท่พี ลเมอื งและศีลธรรม รหสั วชิ า 2000-1501 ครผู ู้สอน นายรัตนชัย ออมสนิ

หนว่ ยที่ 1 ช่อื หนว่ ย ปฐมนเิ ทศ/สถาบันทางสงั คมและสถาบนั ครอบครวั จานวน 2 ชว่ั โมง

จดุ ประสงค์รายวชิ า

๑. มีความร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสงั คม สทิ ธิหน้าท่ขี องพลเมืองดี

และหลักธรรมของศาสนา

๒. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมืองดตี ามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ

๓. ตระหนกั ถงึ การดารงชวี ติ ที่ถูกตอ้ งดีงามในฐานะศาสนิกชนและพลเมืองดี

สมรรถนะรายวิชา

๑. แสดงความรเู้ กย่ี วกับสถาบนั ครอบครัวและสถาบันทางสังคม สทิ ธหิ น้าท่ีพลเมืองดี และหลกั ธรรม

ของศาสนา

๒. นาหลักศาสนา หลักธรรม และหลกั กฎหมาย มาประยกุ ต์ใช้เพอ่ื การเปน็ พลเมอื งดี

สาระสาคญั

โดยธรรมชาติมนษุ ย์จะอยรู่ ว่ มกนั เปน็ สังคม เพอื่ อาศัยซ่ึงกันและกันชว่ ยเหลือเกอ้ื กูล ร่วมกันแกป้ ญั หา

ในการดาเนินชีวิต และสนองความต้องการของมนุษย์ จึงได้มีการกาหนดวิธีการปฏิบัติต่อกันในลักษณะที่จะ

กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ ตนเอง และสังคม

สังคมมนุษย์ทุกสังคม จะมีโครงสร้างทางสังคม ซ่ึงประกอบด้วยกลุ่มสังคมและสถาบันสังคม ทาให้

สังคมมีระบบระเบียบในการอยู่ร่วมกัน และมีการตอบสนองติดต่อสัมพันธ์กันตามสถานภาพ บทบาทและ

หน้าที่ เพ่ือตอบสนองความต้องการของสมาชิกในสังคม และทาให้สังคมคงอยู่สืบต่อไป สถาบันทางสังคมที่

สาคัญประกอบด้วย สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา สถาบันเศรษฐกิจ และสถาบัน

การเมืองการปกครอง เม่ือสถาบันทางสังคมดังกล่าวทาหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะทาให้สังคมมีความ

มั่นคง และเจรญิ เติบโตอย่างย่ังยนื

ผลการเรียนรู้ท่คี าดหวัง

๑. รู้และเข้าใจความหมายและองค์ประกอบของสังคมมนุษย์และสาเหตุท่ีมนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นสังคม

มีทศั นคตทิ ด่ี ตี อ่ การอย่รู ว่ มกนั เป็นสงั คม

๒. รแู้ ละเข้าใจความหมายและองคป์ ระกอบโครงสรา้ งทางสังคมท่จี ะทาใหส้ ังคมมีความสงบสุข

มนั่ คงและ เจรญิ รงุ่ เรอื ง

๓. รู้และเข้าใจความหมายสถาบันทางสังคมที่สาคัญ เห็นความสาคัญของการปฏิบัติตนตามแบบอย่าง

พฤติกรรมของสถาบนั ทางสังคม

๔. มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ทีค่ รสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่ือง

๑. ความมมี นษุ ยสมั พันธ์ ๒. ความมีวินัย

๓. ความรบั ผิดชอบ ๔. ความซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต

๕. ความเชอ่ื มัน่ ในตนเอง ๖. การประหยัด

๗. ความสนใจใฝร่ ู้ ๘. การละเว้นส่งิ เสพตดิ และการพนัน

๙. ความรักสามคั คี ๑๐. ความกตัญญูกตเวที

สาระการเรยี นรู้

ปฐมนเิ ทศ

จุดประสงค์การเรยี นรู้ ผลการเรียนรูท้ ่ีคาดหวงั และระเบยี บปฏบิ ตั ใิ นการเรียนหนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑

๑. สงั คมมนษุ ย์

๒. โครงสร้างทางสังคม

๓. สถาบันทางสงั คมทีส่ าคัญ

กจิ กรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ ๑

ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรียน

๑. ครูพดู คยุ กบั นักเรียน ถึง ลักษณะเนื้อหารายวิชา
ขั้นสอน

๒. นักเรยี นฟังคาชี้แจงสังเขปรายวชิ า หนา้ ทีพ่ ลเมืองและศลี ธรรม และการวัดประเมินผล
๓. เปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นได้ซกั ถามขอ้ ปญั หา รวมท้งั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับรายวชิ านี้
๔. นกั เรียนทาแบบทดสอบ

ขน้ั สรปุ และการประยุกต์
๕. นักเรยี นสลับกันตรวจแบบทดสอบ หรือใหต้ รวจแบบทดสอบด้วยตนเองเพอื่ ทดสอบความซ่ือสตั ย์

โดยดูเฉลยจากแผ่นใส เสร็จแลว้ ส่งครู
๖. ให้นักเรียนบันทึกความดี โดยครูช้ีแจงวิธกี ารบนั ทึกความดี ในแต่ละสัปดาห์ให้นักเรียนบันทึกความดี

ตามความจริงเมื่อบันทึกเสร็จแล้วให้รวมจานวนข้อที่นักเรียนปฏิบัติไปแสดงลงในกราฟ นักเรียนจะ

เหน็ พัฒนาการความดีของตนเอง
๗. ครูชี้แจงเม่ือนักเรียนจบวิชาแล้ว นักเรียนจะได้ประกาศนียบัตรท้ายเล่ม โดยครูจะเป็นผู้ลงนามด้วย

ตนเอง ประกาศนียบัตรน้ีจะเป็นเคร่ืองกระตุ้นให้นักเรียนตั้งใจทาความดี และให้นักเรียนเก็บ
ประกาศนียบัตรไวใ้ นแฟ้มสะสมผลงานตอ่ ไป

ชัว่ โมงที่ ๒

ข้นั นาเขา้ ส่บู ทเรียน

๑. ครูพดู คยุ กบั นักเรียนเกย่ี วกับ คากลา่ วที่ว่า “มนุษย์เปน็ สตั วส์ ังคม” นักเรยี นและครรู ่วมกันอภปิ ราย
๒. ครสู รปุ ความหมายของคาวา่ สังคมมนุษย์ และองคป์ ระกอบของสงั คมมนุษย์
๓. ครูและนักเรียน สรปุ ถงึ สาเหตุ ทมี่ นษุ ย์อยู่ร่วมกันเป็นสังคม
ขน้ั สอน
๔. ครอู ธิบายความหมายของโครงสร้างทางสงั คม และองคป์ ระกอบทางสังคม
๕. ครแู ละนักเรียนร่วมกัน แสดงความเห็นเกยี่ วกบั สถาบันทางสงั คมท่สี าคญั
ขน้ั สรปุ และประยกุ ต์
๖. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ เกย่ี วกับหน้าที่ของสถาบันทางสงั คม
๗. ใหน้ ักเรียนทาคาถามท้ายหน่วยการเรยี นรู้ และใบงาน

๘. ครเู ฉลยคาตอบที่ถูกตอ้ ง จากแผน่ ใส
๙. ใหน้ กั เรยี นบนั ทกึ ความดี
สื่อและแหล่งการเรียนรู้
๑. หนังสอื เรยี น วิชาหน้าทีพ่ ลเมืองและศลี ธรรม ของบริษทั สานักพิมพเ์ อมพันธ์ จากดั

๒. สอื่ PowerPoint วิชาหนา้ ที่พลเมอื งและศีลธรรม
หลกั ฐาน

๑. การตรวจใบงาน กิจกรรม คาถาม

๒. การเชค็ ช่อื เรียนในรายวชิ า
๓. บันทึกความดี

การวดั ผลและการประเมนิ ผล
วิธวี ัดผล
๑. สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล

๒. ประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่
๓. สังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ

๔. ตรวจคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรู/้ ใบงาน
๕. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้
๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง

ประสงค์
๗. ตรวจบันทกึ ความดี

เครอ่ื งมือวัดผล
๑. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
๒. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ (โดยครู)

๓. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยนกั เรียน)
๔. คาถามทา้ ยหน่วยการเรียนร/ู้ ใบงาน จากหนังสือเรยี นวิชาหนา้ ทพ่ี ลเมอื งและศีลธรรม

๕. แบบประเมินผลการเรยี นรู้
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน

ร่วมกนั ประเมิน

๗. บนั ทึกความดี
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

๑. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ต้องไม่มชี อ่ งปรับปรงุ
๒. เกณฑผ์ ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (๕๐ % ขึน้ ไป)
๓. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ คือ ปานกลาง (๕๐ % ข้นึ ไป)

๔. ตอบคาถามทา้ ยหน่วยการเรียนรูแ้ ละทาใบงานได้ทกุ ใบงานจึงจะถือว่าผา่ นการประเมิน
๕. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ เกณฑ์ผา่ น คือ พอใช้ (๕๐ % ขนึ้ ไป)

๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการ
ประเมนิ ตามสภาพจริง

๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ
ผลการบันทึกความดีด้วยการนาข้อมูลบนั ทึกความดีในแตล่ ะครัง้ มาเขียนกราฟแสดงจะเหน็

พัฒนาการความดขี องตนเองลงในแบบพฒั นาความดที อ่ี ยดู่ า้ นหลงั ของหนา้ ปกหนังสอื เรยี น
กจิ กรรมเสนอแนะ

ให้นักเรยี นบนั ทกึ ความดีและนาผลไปลงในแผนพัฒนาการความดี

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2-3

วชิ า หน้าทพ่ี ลเมืองและศลี ธรรม รหสั วิชา 2000-1501 ครูผูส้ อน นายรตั นชยั ออมสิน

หนว่ ยท่ี 2 ชอ่ื หน่วย การจดั ระเบยี บทางสังคมและการขดั เกลาทางสังคม จานวน 4 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์รายวิชา

๑. มีความร้คู วามเข้าใจเกย่ี วกบั สถาบนั ครอบครวั และสถาบนั ทางสังคม สิทธหิ นา้ ที่ของพลเมือง

ดแี ละหลกั ธรรมของศาสนา

๒. ปฏบิ ัตติ นเปน็ พลเมอื งดตี ามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมุข

๓. ตระหนกั ถึงการดารงชีวิตทถ่ี กู ต้องดีงามในฐานะศาสนกิ ชนและพลเมืองดี

สมรรถนะรายวิชา

๑. แสดงความรู้เกี่ยวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าท่ีพลเมืองดี และ
หลักธรรมของศาสนา

๒. วิเคราะห์หลักการของวัฒนธรรม คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงเพื่อใช้ในการดารงชีวิต

๓. นาหลักศาสนา หลักธรรม และหลักกฎหมาย มาประยุกตใ์ ช้เพ่ือการเป็นพลเมืองดี

สาระสาคัญ

สังคมมีกระบวนการท่ีทาใหส้ มาชิกในสังคมมีแนวทางให้ถือปฏิบัติต่อกนั และกันและมีความประพฤติ

ไปตามกฎระเบียบแบบแผนความสมั พันธร์ ะหวา่ งกนั ไปตามทศิ ทางทส่ี ังคมกาหนดด้วยกระบวนการจัดระเบียบ

ทางสังคม ซึ่งประกอบด้วยบรรทัดฐานทางสังคม สถานภาพทางสังคม บทบาททางสังคมและการควบคุมทาง

สังคม รวมทั้งการให้สมาชกิ ในสังคมได้รับการอบรมส่งั สอนตามกระบวนการขดั เกลาทางสงั คม เพื่อใหบ้ ุคคลที่

เข้ามาอยู่ในสังคมได้เรียนรู้แบบแผนการประพฤติปฏิบัติและการมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นซ่ึงจะช่วยให้

สมาชิกในสังคมสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปล่ียนแปลงทางสังคมท่ีเกิดข้ึนอยา่ งต่อเนอ่ื งและเรียนรทู้ ่ีจะอยู่

ร่วมกนั ในสงั คมไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั

๑. รู้และเข้าใจความหมายและความสาคัญของการจัดระเบียบทางสังคม มีทัศนคติท่ีดีต่อการปฏิบัติ

ตามกฎระเบียบแบบแผนของสงั คม

๒. รู้และเข้าใจองค์ประกอบของการจัดระเบียบทางสังคม และปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกันในสังคม

ตามบรรทดั ฐานทางสงั คม ทส่ี งั คมกาหนดขึน้

๓. ร้แู ละเขา้ ใจการขดั เกลาทางสังคม และความสาคญั ในการพัฒนาตนเอง ให้สามารถอยู่รว่ มในสังคม

ท่มี ีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธภิ าพ

๔. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผ้สู าเรจ็ การศึกษา

สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ที่ครสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง

๑. ความมมี นุษยสมั พันธ์ ๒. ความมวี ินยั

๓. ความรับผดิ ชอบ ๔. ความซอื่ สัตย์สุจรติ

๕. ความเช่ือมัน่ ในตนเอง ๖. การประหยดั

๗. ความสนใจใฝ่รู้ ๘. การละเวน้ สิง่ เสพตดิ และการพนนั

๙. ความรักสามัคคี ๑๐. ความกตญั ญูกตเวที

สาระการเรียนรู้

๑. ความหมายและความสาคัญของการจดั ระเบียบทางสงั คม

๒. องค์ประกอบของการจัดระเบียบทางสงั คม

๓. การขดั เกลาทางสังคม

กิจกรรมการเรยี นรู้

ชั่วโมงที่ ๑-๒

ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน
๑. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายถึงสภาพสังคมในปัจจบุ ันโดยรว่ มกนั อภิปรายวา่ หากสังคมไม่มี

การจัดระเบยี บ จะเกิดปัญหาอะไรบา้ ง
๒. ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน
ข้นั สอน
๓. ครูอธิบายความหมาย ความสาคัญ และคุณลกั ษณะทีก่ ่อใหเ้ กิดการจัดระเบียบทางสังคม
ข้นั สรุปและการประยุกต์
๔. ครู และนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความหมาย ความสาคัญ และคณุ ลกั ษณะท่ีก่อใหเ้ กิดการจัดระเบียบ

ทางสงั คม
๕. ครใู ห้นักเรียนทาใบงานและบันทึกความดี

ช่ัวโมงท่ี ๓-๔

ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรยี น

๑. ครทู บทวนเรือ่ งการจัดระเบยี บทางสังคม โดยสุ่มเรียกนักเรยี นเป็นรายบคุ คล
ขน้ั สอน

๒. ครูอธิบายองค์ประกอบของการจดั ระเบียบทางสงั คม
๓. ครอู ธบิ ายถึง การขัดเกลาทางสังคม

ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์

๔. ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงาน ทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ และบนั ทึกความดี
ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้

๑. หนงั สอื เรียน วิชาพลเมืองและศีลธรรม ของบริษทั สานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ จากดั
๒. ส่อื PowerPoint วิชาหนา้ ท่พี ลเมอื งและศีลธรรม
หลกั ฐาน

๑. การตรวจใบงาน กจิ กรรม คาถาม
๒. การเชค็ ช่ือเขา้ เรียนในรายวชิ า

๓. บนั ทึกความดี
การวัดผลและการประเมินผล

วิธวี ัดผล

๑. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล

๒. ประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่
๓. สังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
๔. ตรวจคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรียนร/ู้ ใบงาน
๕. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง

ประสงค์
๗. ตรวจบันทกึ ความดี

เครือ่ งมือวัดผล
๑. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
๒. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ (โดยคร)ู
๓. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยนักเรยี น)
๔. คาถามทา้ ยหนว่ ยการเรยี นร/ู้ ใบงาน จากหนงั สอื เรยี นวชิ าหนา้ ทพี่ ลเมืองและศีลธรรม
๕. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน

ร่วมกันประเมิน
๗. บันทกึ ความดี
เกณฑ์การประเมนิ ผล
๑. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไม่มีชอ่ งปรบั ปรงุ
๒. เกณฑผ์ ่านการประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (๕๐ % ขึ้นไป)
๓. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุม่ คอื ปานกลาง (๕๐ % ขน้ึ ไป)
๔. ตอบคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรู้และทาใบงานได้ทุกใบงานจึงจะถือวา่ ผ่านการประเมนิ
๕. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผ่าน คอื พอใช้ (๕๐ % ข้ึนไป)
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กับการ

ประเมินตามสภาพจรงิ
๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ

ผลการบันทึกความดีด้วยการนาข้อมูลบันทึกความดใี นแต่ละครั้งมาเขียนกราฟแสดงจะเหน็
พัฒนาการความดีของตนเองลงในแบบพัฒนาความดที อี่ ย่ดู ้านหลังของหน้าปกหนังสือเรยี น
กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นกั เรียนทาบนั ทึกความดแี ละนาผลไปลงในแผนพัฒนาการความดี

แผนบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง การจัดการเรียนรูท้ ่ี 4

วิชา หนา้ ทพ่ี ลเมืองและศลี ธรรม รหสั วชิ า 2000-1501 ครผู สู้ อน นายรัตนชยั ออมสิน

หนว่ ยท่ี 3 ชอ่ื หน่วย ภูมปิ ญั ญาไทย จานวน 2 ชว่ั โมง

จุดประสงค์รายวชิ า

๔. มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าท่ีของพลเมืองดีและ
หลกั ธรรมของศาสนา

๕. ปฏบิ ัตติ นเปน็ พลเมอื งดตี ามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข

๔. ตระหนักถึงการดารงชีวิตที่ถกู ต้องดีงามในฐานะศาสนกิ ชนและพลเมืองดี
สมรรถนะรายวชิ า

๑. แสดงความรู้เกยี่ วกับสถาบนั ครอบครวั และสถาบนั ทางสังคม สทิ ธิหน้าท่พี ลเมอื งดี และหลักธรรม
ของศาสนา

๓. นาหลักศาสนา หลักธรรม และหลักกฎหมาย มาประยุกต์ใชเ้ พ่อื การเป็นพลเมืองดี

สาระสาคัญ

สังคมไทยมพี น้ื ฐานมาจากสังคมเกษตร สังคมพระพุทธศาสนา สังคมที่เทิดทูนสถาบนั พระมหากษัตริย์

สังคมท่ีเป็นสังคมชนช้ันท่ีมีโครงสร้างแบบหลวมๆ และยังยึดขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นหลักและไม่นิยม

ความเปลี่ยนแปลง แต่ความเจริญทางเทคโนโลยีและการส่ือสารในปัจจุบันเป็นผลให้สังคมไทยมีการ

เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม บรรพบุรุษไทยได้ส่งต่อความเจริญงอกงาม วิถีการปฏิบัติตนเป็น

วัฒนธรรมไทยเป็นมรดกของสังคมสืบต่อมาจนถึงปัจจบุ นั สังคมไทยไดม้ ีการปรบั เปลีย่ นตามสภาพสิ่งแวดล้อม

ทาให้เกิดค่านิยมไทยซ่ึงเป็นรากฐานสาคัญในการพัฒนาตนเอง สังคม และประเทศ ซ่ึงมีท้ังส่ิงดีงามท่ีคนไทย

ควรปฏิบัติ และคา่ นิยมทางประเพณี คนไทยควรปรับเปลยี่ นแก้ไขและร่วมกันสร้างค่านิยมท่ีสาคญั เพอื่ รว่ มกัน

สรา้ งความเจริญใหแ้ กป่ ระเทศชาติต่อไป

อย่างไรก็ตาม สังคมไทยได้ส่ังสมความรู้ ความสามารถและสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาวิกฤตในการ

ดารงชีวิตและการพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมของทอ้ งถนิ่ และชาติ เกดิ เปน็ ภูมิปญั ญาไทยในปจั จุบนั น้ี

ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั

๑ รู้และเข้าใจความหมาย และลกั ษณะของสงั คมไทย มที ัศนคติที่ดีในการอยรู่ ่วมกับผู้อน่ื ในสังคม

๒. รู้และเข้าใจความหมาย ความสาคัญ ประเภทและองค์ประกอบของวัฒนธรรมไทย มีแนวทางการ

ประพฤติปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสม

๓. รู้และเข้าใจความหมายและความสาคัญของคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และภูมิปัญญาไทย ได้แนวทาง

ในการพัฒนาตนเอง สงั คม และประเทศชาติ

๔. มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของผ้สู าเรจ็ การศึกษา

สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ทีค่ รูสามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง

๑. ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ ๒. ความมวี ินัย

๓. ความรบั ผิดชอบ ๔. ความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ

๕. ความเชือ่ มัน่ ในตนเอง ๖. การประหยัด
๗. ความสนใจใฝร่ ู้ ๘. การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั

๙. ความรกั สามคั คี ๑๐. ความกตญั ญูกตเวที
สาระการเรียนรู้

๑. สงั คมไทย
๒. วฒั นธรรมไทย
๓. คุณธรรม จริยธรรม

๔. คา่ นิยม
๕. ภูมิปัญญาไทย

กจิ กรรมการเรียนรู้

ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น (การสร้างศรัทธา)
๑. ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายถึง ลักษณะของสังคมไทย วัฒนธรรมไทย คุณธรรม จริยธรรม

คา่ นยิ ม และภูมปิ ญั ญาไทย
ข้นั สอน
๒. แบ่งผเู้ รยี นเป็น ๔ กลุ่ม แต่ละกลุ่มเลอื กสืบคน้ เนอ้ื หาดังนี้

กลมุ่ ท่ี ๑ สังคมไทย

กลุ่มท่ี ๒ วฒั นธรรมไทย

กลมุ่ ท่ี ๓ คา่ นิยม

กลมุ่ ที่ ๔ ภมู ปิ ัญญาไทย

๓. แต่ละกลมุ่ ไดร้ ับมอบหมายใหถ้ อดรหัสเรอ่ื งทีต่ นเองได้ศกึ ษาเขา้ กับหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

๔. ให้แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอหน้าชัน้ เรียนตามหวั ข้อโดยใชเ้ วลากลุ่มละ ๑๕ นาที
ขัน้ สรปุ และการประยกุ ต์

๖. ตวั แทนกลมุ่ ออกมานาเสนอเน้อื หา โดยเปิดโอกาสใหก้ ลมุ่ อื่นซักถาม

๗. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความสาคัญ

๘. ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงาน และ แบบประเมนิ ผลการเรียนรแู้ ละบนั ทกึ ความดี
สื่อและแหล่งการเรยี นรู้

๑. หนังสอื เรยี น วิชาหนา้ ที่พลเมืองและศลี ธรรม ของบรษิ ัท สานกั พมิ พ์เอมพนั ธ์ จากัด

๒. ใบงาน
๓. บนั ทึกความดี

๔. สื่อ PowerPoint วชิ า หน้าทพ่ี ลเมืองและศีลธรรม

หลักฐาน
๑. การตรวจใบงาน กจิ กรรม คาถาม

๒. การเชค็ ช่อื เข้าเรียนในวิชา
๓. บันทกึ ความดี

๔. บนั ทกึ พฒั นาการความดี

การวัดผลและการประเมินผล
วธิ วี ดั ผล
๑. สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
๒. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่
๓. สงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุม่
๔. ตรวจคาถามท้ายหน่วยการเรียนรู/้ ใบงาน
๕. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้
๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์
๗. ตรวจบนั ทกึ ความดี

เครอ่ื งมือวัดผล
๑. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล
๒. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม (โดยครู)
๓. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม (โดยนักเรียน)
๔. คาถามท้ายหนว่ ยการเรยี นร/ู้ ใบงาน จากหนังสือเรยี นวิชาหน้าท่พี ลเมอื งและศีลธรรม
๕. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน

รว่ มกันประเมิน
๗. บันทึกความดี

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
๑. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มชี ่องปรับปรุง
๒. เกณฑ์ผ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่ คือ ปานกลาง (๕๐ % ขึ้นไป)
๓. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (๕๐ % ขน้ึ ไป)
๔. ตอบคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรียนรู้และทาใบงานไดท้ ุกใบงานจงึ จะถอื วา่ ผ่านการประเมิน
๕. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผา่ น คอื พอใช้ (๕๐ % ขนึ้ ไป)
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กับการ

ประเมินตามสภาพจริง
๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ

ผลการบันทึกความดดี ้วยการนาข้อมลู บนั ทึกความดีในแต่ละครั้งมาเขียนกราฟแสดงจะเหน็
พัฒนาการความดขี องตนเองลงในแบบพัฒนาความดีที่อย่ดู ้านหลงั ของหนา้ ปกหนังสือเรยี น

กจิ กรรมเสนอแนะ
ใหน้ ักเรียนทาบนั ทกึ ความดแี ละนาผลไปลงในแผนพัฒนาการความดี

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5

วชิ า หน้าทพ่ี ลเมืองและศลี ธรรม รหสั วชิ า 2000-1501 ครูผู้สอน นายรัตนชยั ออมสนิ

หนว่ ยท่ี 4 ชอ่ื หน่วย การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข 2 ชว่ั โมง

จุดประสงค์รายวิชา

๒. ปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมืองดตี ามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมุข

๓. ปฏบิ ตั ติ นเป็นศาสนิกชนทด่ี ตี ามหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนนับถอื

๔. ตระหนักถงึ การดารงชีวิตท่ถี กู ตอ้ งดงี ามในฐานะศาสนกิ ชนและพลเมอื งดี

สมรรถนะรายวิชา

๑. แสดงความรเู้ ก่ียวกบั สถาบนั ครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าท่พี ลเมืองดี และหลกั ธรรม

ของศาสนา

๒. วิเคราะห์หลักการของวัฒนธรรม คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ

พอเพียงเพอื่ ใชใ้ นการดารงชวี ิต

๓. นาหลกั ศาสนา หลกั ธรรม และหลักกฎหมาย มาประยุกตใ์ ช้เพื่อการเป็นพลเมืองดี

สาระสาคัญ

ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุขมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๕

เปน็ การปกครองโดยประชาชน เพ่ือประชาชน อานาจอธิปไตยจึงเปน็ ของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ทรง

ใชอ้ านาจอธิปไตยผ่านทางรัฐสภาคณะรัฐมนตรี และศาลตามที่บัญญัตไิ ว้ในรัฐธรรมนูญ สถาบัพระมหากษัตริย์

มีความสาคัญอย่างยิ่งต่อสังคมไทย ทรงมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ แก้ปัญหาความทุกข์และเสริมสร้าง

ความสุขให้แก่ประชาชนในทุกด้าน คนไทยทุกคนจะต้องร่วมกันธารงรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมี

พระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ ใหม้ ีความม่นั คงถาวรตลอดไป

ผลการเรียนรู้ทีค่ าดหวงั

๑. อธบิ ายหลักการสาคัญของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุขได้

๒. เปรียบเทยี บรูปแบบของรฐั ได้

๓. สรปุ ฐานะและพระราชอานาจของพระมหากษัตรยิ ไ์ ด้

๔. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทคี่ รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง

๑. ความมมี นษุ ยสัมพันธ์ ๒. ความมีวินัย

๓. ความรบั ผิดชอบ ๔. ความซื่อสตั ย์สุจรติ

๕. ความเชอ่ื มน่ั ในตนเอง ๖. การประหยัด

๗. ความสนใจใฝร่ ู้ ๘. การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั

๙. ความรกั สามัคคี ๑๐. ความกตัญญูกตเวที

สาระการเรยี นรู้

๑. การปกครองระบอบประชาธิปไตย

๒. รปู แบบของรัฐ

๓. การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ
๔. ฐานะและพระราชอานาจของพระมหากษตั รยิ ์

กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้ันนาเขา้ ส่บู ทเรียน

๑. ครูใช้ประเด็นคาถามว่า “นักเรียนมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพ” เพ่ือให้นักเรียน
อภิปรายและแสดงความคดิ เห็นร่วมกนั ครเู ชือ่ มโยงกับหลักการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย

ขั้นสอน

๒. ครูอธิบายเรื่องรูปแบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ๓ แบบ ได้แก่ แบบรัฐสภา
แบบประธานาธิบดี และแบบก่งึ รฐั สภากึ่งประธานาธิบดี โดยใชส้ ื่อการสอนประเภทต่าง ๆ

๓. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อธบิ ายสรุปรูปแบบการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยของไทย
๔. ครูฉายวีดิทัศน์เร่ืองพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกคนร่วมอภิปรายถึง

คุณธรรมความดีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว

ขนั สรปุ และการประยุกต์
๕. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปความรกั และความเสยี สละของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวที่ทรงมตี ่อ

ประชาชน
๖. ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน ทุกคนช่วยกนั เฉลย นักเรียนตรวจคาตอบของตนเอง บันทกึ ไว้

เพื่อวเิ คราะห์และเปรียบเทียบกบั ผลคะแนนของแบบทดสอบก่อนเรียน

๗. ให้นักเรียนทาใบงาน และแบบทดสอบทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรู้
สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้

๑. หนังสือเรยี น วิชาหน้าท่พี ลเมอื งและศีลธรรม ของบริษทั สานักพิมพเ์ อมพนั ธ์ จากดั
๒ ใบงาน
๓. บนั ทึกความดี

๔. แบบประเมินตนเอง
๕. ส่ือ PowerPoint วิชาหน้าทพ่ี ลเมอื งและศลี ธรรม

หลักฐาน
๑. การตรวจใบงาน กิจกรรม คาถาม
๒. การเช็คชอ่ื เขา้ เรยี น

๓. บันทกึ ความดี
๔. บันทึกพฒั นาการความดี

การวดั ผลและการประเมินผล
วธิ ีวดั ผล
๑. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล

๒. ประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่
๓. สงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่

๔. ตรวจคาถามท้ายหน่วยการเรยี นร/ู้ ใบงาน
๕. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง

ประสงค์

๗. ตรวจบนั ทึกความดี
เคร่อื งมือวดั ผล

๑. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
๒. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ (โดยคร)ู

๓. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยนกั เรียน)
๔. คาถามท้ายหน่วยการเรียนร/ู้ ใบงาน จากหนังสือเรยี นวชิ าหนา้ ทีพ่ ลเมอื งและศีลธรรม
๕. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้

๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน
ร่วมกันประเมิน

๗. บนั ทึกความดี
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
๑. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไมม่ ชี อ่ งปรับปรุง

๒. เกณฑ์ผ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (๕๐ % ขน้ึ ไป)
๓. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (๕๐ % ข้ึนไป)

๔. ตอบคาถามท้ายหนว่ ยการเรยี นรู้และทาใบงานไดท้ กุ ใบงานจึงจะถอื ว่าผา่ นการประเมิน
๕. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ เกณฑ์ผ่าน คอื พอใช้ (๕๐ % ขนึ้ ไป)
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กับการ

ประเมินตามสภาพจริง
๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ

ผลการบันทึกความดดี ้วยการนาข้อมลู บนั ทึกความดีในแตล่ ะครัง้ มาเขียนกราฟแสดงจะเหน็
พัฒนาการความดขี องตนเองลงในแบบพัฒนาความดที ่ีอยดู่ ้านหลงั ของหน้าปกหนงั สอื เรียน
กจิ กรรมเสนอแนะ

ให้นกั เรยี นทาบันทกึ ความดแี ละนาผลไปลงในแผนพฒั นาการความดี

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 6

วชิ า หนา้ ทีพ่ ลเมืองและศลี ธรรม รหัสวิชา 2000-1501 ครผู ูส้ อน นายรตั นชัย ออมสนิ

หน่วยที่ 5 ชอ่ื หนว่ ย สิทธแิ ละหนา้ ท่ขี องพลเมืองดตี ามระบอบประชาธิปไตย จานวน 2 ชัว่ โมง

จุดประสงคร์ ายวชิ า

๑. มคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั สถาบนั ครอบครวั และสถาบันทางสังคม สิทธิหนา้ ทข่ี องพลเมอื งดแี ละ

หลักธรรมของศาสนา

๒. ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดตี ามระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ

๓. ปฏบิ ตั ิตนเป็นศาสนกิ ชนทด่ี ีตามหลักธรรมของศาสนาที่ตนนบั ถือ

๔. ตระหนกั ถงึ การดารงชวี ติ ทถ่ี กู ต้องดีงามในฐานะศาสนิกชนและพลเมืองดี

สมรรถนะรายวชิ า

๑. แสดงความรเู้ กย่ี วกับสถาบนั ครอบครัวและสถาบันทางสงั คม สิทธหิ น้าท่พี ลเมืองดี และหลักธรรม

ของศาสนา

๓. นาหลักศาสนา หลกั ธรรม และหลักกฎหมาย มาประยกุ ตใ์ ชเ้ พือ่ การเปน็ พลเมอื งดี

สาระสาคญั

การประพฤตปิ ฏบิ ัติตนเปน็ พลเมอื งดีตามวถิ ีประชาธิปไตย ประกอบดว้ ยการปฏิบัติตนตามสถานภาพ

บทบาท สิทธิ เสรภี าพ และหน้าท่ี โดยยดึ หลกั กฎหมาย ไมล่ ะเมิดสทิ ธเิ สรีภาพของบคุ คลอ่ืน เป็นการปฏบิ ตั ิตน

อย่างถูกต้องในฐานะของพลเมืองดี อีกทั้งต้องสนับสนนุ ส่งเสริมให้บุคคลอ่ืนมีค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม ท่ี

ถูกตอ้ งดีงามซงึ่ ถือปฏิบตั ิตนเปน็ พลเมืองดดี ว้ ย จงึ จะนาสันติสขุ มาสสู่ ังคมได้

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง

๑. รู้และเข้าใจสิทธขิ องพลเมือง

๒. อธบิ ายแนวทางการคุ้มครองสิทธขิ องพลเมือง

๓. บอกบทบาทหน้าที่ของเยาวชนในฐานะพลเมืองของประเทศ

๔. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทคี่ รูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง

๑. ความมมี นษุ ยสัมพนั ธ์ ๒. ความมีวนิ ัย

๓. ความรบั ผดิ ชอบ ๔. ความซื่อสตั ย์สจุ รติ

๕. ความเชอ่ื มน่ั ในตนเอง ๖. การประหยัด

๗. ความสนใจใฝ่รู้ ๘. การละเวน้ สิ่งเสพตดิ และการพนนั

๙. ความรักสามัคคี ๑๐. ความกตัญญกู ตเวที

สาระการเรยี นรู้

๑. สิทธขิ องพลเมือง

๒. เสรีภาพของพลเมือง

๓. บทบาท หน้าทขี่ องเยาวชนในฐานะพลเมอื งของประเทศ

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น
๑. ให้นักเรยี นดภู าพ บคุ คลสาคญั และให้นกั เรียนชว่ ยกันบอกสิทธิ และสถานภาพตา่ งๆ ของบุคคล

ดงั กล่าว
ขั้นสอน (วธิ ีสอนแบบ Jigsaw)

๒. ให้นักเรียนทาใบงาน จากน้ันครูและนักเรียนช่วยกันเฉลยใบงาน นักเรียนแลกเปล่ียนกันตรวจ
คาตอบครอู ธิบายเรื่อง สิทธขิ องพลเมือง และเสรภี าพของพลเมือง โดยใช้ส่ือการสอนประเภทต่าง


๓. ครูจัดการเรียนรู้เรื่อง สถานภาพและบทบาท โดยการศึกษาจากกรณีตัวอย่าง ตามข้ันตอน
ต่อไปนี้
 แบง่ นกั เรียนเปน็ กลุ่มยอ่ ย กล่มุ ละ ๕-๖ คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง อ่อน เลือกหวั หนา้

และเลขานกุ ารกลมุ่
 ครใู หน้ กั เรยี นทกุ กล่มุ ทากจิ กรรมดงั น้ี

▪ ให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มศึกษาค้นคว้าตัวอย่างของบุคคลท่ีมีบทบาทสอดคล้องกับ

สถานภาพมากรณีละ ๑ ตัวอย่าง อาจเป็นบุคคลใกล้ชิดหรือบุคคลในข่าว และสรุปไว้เป็น
ข้อมูลเพอื่ นามาอภปิ รายในกล่มุ
▪ สมาชิกแต่ละคนนาข้อสรุปของตนเองมาร่วมกันอภิปรายและวิเคราะห์ตามประเด็น
ดังต่อไปนี้

- การท่บี ุคคลมบี ทบาทสอดคล้องกบั สถานภาพส่งผลต่อสงั คมอยา่ งไร
- ผลกระทบทางสังคมต่อกรณที บี่ ุคคลมบี ทบาทขัดแย้งกับสถานภาพเป็นอยา่ งไร
▪ หลังจากน้นั ใหบ้ นั ทกึ ไว้เปน็ ข้อสรุปของกลมุ่
 ทุกกลุ่มนาข้อสรุปของกลุ่มตนเองมาอภิปรายร่วมกันในที่ประชุมใหญ่ของชั้นเรียน เพื่อ
แลกเปล่ียนความคิดเห็นและหาข้อสรปุ รว่ มกัน
 ระดมสมองเพ่ือหาแนวทางในการส่งเสริมให้นกั เรียนทุกคนปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามสถานภาพ

และบทบาทของตนเอง แลว้ ทาเป็นใบปลวิ เพ่ือเผยแพร่ไปยงั นักเรยี นคนอ่นื ๆ ในโรงเรยี น

ขน้ั สรปุ และการประยกุ ต์
๔. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปสาระสาคญั และแนวคิดท่ไี ด้จากการทากิจกรรม

๕. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้เกิดการตระหนักในการปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทและ
สถานภาพของตนเองให้ถูกตอ้ ง

๖. นัดหมายนักเรยี นไปศึกษาค้นควา้ ท่แี หลง่ เรยี นรู้ตา่ ง ๆ แลว้ สรปุ ในชัว่ โมงถดั ไป
สื่อและแหล่งการเรยี นรู้

๑. หนงั สอื เรยี น วชิ าหนา้ ทพ่ี ลเมอื งและศลี ธรรม ของบรษิ ัท สานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ จากัด

๒ ใบงาน
๓. บันทึกความดี

๔. แบบประเมนิ ตนเอง
๕. สื่อ PowerPoint วิชาหน้าที่พลเมืองและศลี ธรรม
หลกั ฐาน

๑. การตรวจใบงาน กิจกรรม คาถาม
๒. การเชค็ ช่ือเข้าเรยี น

๓. บันทกึ ความดี
๔. บนั ทกึ พัฒนาการความดี
การวัดผลและการประเมนิ ผล

วธิ วี ดั ผล
๑. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล

๒. ประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
๓. สงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่
๔. ตรวจคาถามท้ายหนว่ ยการเรียนรู้/ใบงาน

๕. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง

ประสงค์
๗. ตรวจบันทกึ ความดี
เครื่องมอื วดั ผล

๑. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
๒. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่ (โดยครู)

๓. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยนักเรยี น)
๔. คาถามท้ายหนว่ ยการเรียนรู้/ใบงาน จากหนังสอื เรยี นวชิ าหนา้ ท่พี ลเมืองและศีลธรรม
๕. แบบประเมินผลการเรยี นรู้

๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน
รว่ มกนั ประเมนิ

๗. บันทกึ ความดี
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
๑. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไมม่ ีชอ่ งปรับปรุง

๒. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (๕๐ % ขึ้นไป)

๓. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (๕๐ % ขึ้นไป)
๔. ตอบคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรียนรู้และทาใบงานได้ทุกใบงานจึงจะถือว่าผา่ นการประเมนิ

๕. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ ่าน คอื พอใช้ (๕๐ % ข้ึนไป)
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กับการ

ประเมนิ ตามสภาพจริง
๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ

ผลการบันทึกความดีด้วยการนาข้อมูลบนั ทึกความดใี นแต่ละครัง้ มาเขียนกราฟแสดงจะเหน็

พัฒนาการความดขี องตนเองลงในแบบพัฒนาความดีท่อี ยดู่ า้ นหลงั ของหน้าปกหนงั สือเรียน
กิจกรรมเสนอแนะ

ให้นกั เรยี นทาบนั ทกึ ความดีและนาผลไปลงในแผนพฒั นาการความดี

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 7

วชิ า หน้าทพ่ี ลเมอื งและศีลธรรม รหัสวชิ า 2000-1501 ครผู ้สู อน นายรัตนชัย ออมสนิ

หน่วยท่ี 6 ชือ่ หน่วย พลเมอื งดีตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง จานวน 2 ชว่ั โมง

จุดประสงค์รายวิชา

๑. มีความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกับสถาบนั ครอบครัวและสถาบันทางสังคม สทิ ธิหน้าที่ของพลเมอื งดแี ละ

หลกั ธรรมของศาสนา

๒. ปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมืองดีตามระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ

๓. ปฏิบตั ติ นเป็นศาสนกิ ชนท่ดี ตี ามหลักธรรมของศาสนาท่ตี นนบั ถอื

๔. ตระหนกั ถงึ การดารงชวี ติ ที่ถกู ตอ้ งดีงามในฐานะศาสนิกชนและพลเมืองดี

สมรรถนะรายวิชา

๑. แสดงความรู้เก่ยี วกับสถาบันครอบครวั และสถาบันทางสังคม สิทธหิ นา้ ท่ีพลเมอื งดี และหลกั ธรรม

ของศาสนา

๒. วิเคราะห์หลักการของวัฒนธรรม คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ

พอเพยี งเพอ่ื ใชใ้ นการดารงชีวติ

๓. นาหลกั ศาสนา หลักธรรม และหลักกฎหมาย มาประยกุ ตใ์ ช้เพื่อการเป็นพลเมืองดี

สาระสาคญั

พลเมืองดี คอื พลเมืองทมี่ ีคณุ ภาพ มคี วามรู้ ความสามารถ มสี ่วนรว่ มในการสรา้ งความเจรญิ ก้าวหน้า

ใหก้ บั บา้ นเมือง มีความรบั ผดิ ชอบ การปฏิบัตติ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงคือวธิ หี นง่ึ ของการปฏิบัติตน

เพ่ือให้เป็นพลเมอื งดี

ผลการเรยี นรทู้ ีค่ าดหวัง

๑. บอกหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้

๒. ปฏิบัติหน้าทพี่ ลเมอื งดตี ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้

๓. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ท่ีครูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง

๑. ความมีมนุษยสัมพนั ธ์ ๒. ความมวี ินยั

๓. ความรับผดิ ชอบ ๔. ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต

๕. ความเชือ่ มั่นในตนเอง ๖. การประหยดั

๗. ความสนใจใฝร่ ู้ ๘. การละเว้นสิ่งเสพติดและการพนัน

๙. ความรักสามคั คี ๑๐. ความกตัญญูกตเวที

สาระการเรียนรู้

๑. หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

๒. พลเมืองดีตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ นาเข้าสู่บทเรยี น

๑. ครูและนักเรียนสนทนาเก่ียวกบั ปรัชญาหรอื แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นแนวพระราชดาริ
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ที่พระราชทานแก่พสกนิกรมาตั้งแต่
พุทธศักราช ๒๕๑๗ โดยทรงเน้นถึงแนวทางสาคัญของเศรษฐกจิ พอเพียง ความตอนหนึ่งว่า “...

การพัฒนาประเทศ จาเป็นตอ้ งทาตามลาดับขั้นตอ้ งสรา้ งพน้ื ฐานคือ ความพอมี พอกนิ พอใช้ ของ
ประชาชนส่วนใหญเ่ ปน็ เบ้อื งต้นกอ่ น...” และทรงยา้ อกี ครง้ั หนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งสาคัญต่อจิตสานึกของ

คนทงั้ ประเทศ
๒. นักเรียนยกตัวอย่างคาวา่ “พอเพยี ง” ตามความเขา้ ใจของตนเอง
๓. ครูอภิปราย “(คาว่าพอเพียง) ...ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว

จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างน้ันมันเกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอาเภอจะต้องมีความพอเพียง
พอสมควร บางสง่ิ บางอยา่ งผลติ มากกวา่ ความต้องการ (ที่จะเอาไวบ้ ริโภคเอง) ก็ขายได้ แตข่ ายใน

ท่ีไม่ห่างไกลนักไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก...” “...ปัจจุบันน้ีจะปฏิบัติเศรษฐกิจพอเพียง ๑๐๐
เปอร์เซ็นต์คงทาไม่ได้ ปฏิบัติเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงครอบครัวละเศษหนึ่งส่วนส่ีก็น่าจะพอ
...” (ทาให้ได้หนงึ่ ส่วนแล้วคอ่ ยขยายเท่าท่กี าลังสามารถจะทาได)้ การปฏิบัตเิ ศรษฐกจิ พอเพียงวิธี

หนึ่ง คือ ผลิตไว้ใช้ “...คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เม่ือมีความโลภน้อย ก็
เบียดเบยี นคนอนื่ นอ้ ย...”

๔. นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนประมาณ ๑๐ นาที แล้วสลบั กันตรวจ
ขัน้ สอน
๕. ครอู ธิบายหลกั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงโดยเปดิ วดี ีทศั น์ใหน้ ักเรยี นดู

๖. ครูบอกแนวการปฏิบัตทิ ี่เห็นเป็นรปู ธรรม เกิดมาจากการยึดม่ันในระบบพอเพียงกอ่ น เมื่อยึดมั่น
หรือมีฐานที่มั่นคงแล้ว การจะลงมือปฏิบัติก็ต้องให้สอดคล้องกับความตั้งใจ หรืออุดมการณ์น้ัน

จากแนวพระราชดาริ สามารถแยกออกเปน็ แนวปฏิบตั ิได้ ดังนี้
๑) ผลิตไว้ใช้ เมื่อจะผลิตบางส่ิงบางอย่างควรเริ่มต้นจากการผลิตสาหรับครอบครัวก่อน ให้

พอเพยี งตอ่ การดารงชพี ของคนในครอบครัวตนเอง

๒) ผลิตไว้ขาย เมื่อผลิตเพียงพอต่อความต้องการในครอบครัวแล้ว หากผลผลิตท่ีได้เหลือหรือ
เกนิ ความจาเป็นสามารถจัดสรรหรอื แปรให้เป็นรายได้ โดยการนาออกจาหนา่ ย ขายออก แต่

ควรเร่ิมต้นจากการขายในบริเวณชุมชนของตนเอง ซึ่งไม่ต้องใช้ต้นทุนเพิ่ม เช่น ค่าขนส่ง ค่า
เสยี เวลา
๓) ไม่โลภมากจนเบียดเบียนผู้อ่ืน ผู้ดารงชีวิตแบบพอเพียง จะต้ังอยู่ในความไมเ่ บียดเบียนแมม้ ี

ความปรารถนาต้องการก็ไม่เกินประมาณมากนัก คือไมโ่ ลภจนกลายเป็นลุ่มหลง ไม่จงใจทา
ให้ผอู้ น่ื เดอื ดร้อนเพียงเพราะเหน็ ว่าตนจะได้กาไร

๗. ครูใช้เทคนิคการอภิปรายเป็นคณะ (Conference) เป็นการชุมนุมอภิปรายระหว่างนักเรียนเพอื่
แลกเปล่ียนความคิดเห็นและประสบการณ์ โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิเป็นวิทยากรผู้ดาเนินการ
อภิปรายเรือ่ งเศรษฐกจิ พอเพียงใหน้ ักเรียนฟงั

๘. นักเรียนแบ่งกลุม่ จัดทาแผน่ พับและออกแบบประชาสมั พนั ธ์ให้ความรูเ้ รอื่ ง เศรษฐกิจพอเพียงกับ
แนวทางการดาเนินชีวิตตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ให้ชุมชนเห็นความสาคัญและเกิด

ความรว่ มมือปฏบิ ัตติ นตามหลักธรรมเศรษฐกจิ พอเพียง
๙. เปดิ โอกาสให้นกั เรยี นแสดงข้อคิดเหน็ ซกั ถามปญั หาตา่ ง ๆ เม่อื จบการอภปิ ราย อาจจะมปี ระเด็น

สาคญั เพื่อนาเสนอครู และเพ่ือนร่วมช้นั เรียนซงึ่ อาจมีการแกป้ ัญหาต่อไป (ถา้ มี)
๑๐.นักเรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมดงั น้ี

๑) แบง่ กลุม่ กลุ่มละ ๕-๖ คน

๒) นักเรียนพิจารณาถึงปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ส่งผลที่ดีต่อนักเรียนและบุคคลใน
ครอบครวั

๑๑.นกั เรียนทาใบงาน
ขัน้ สรุปและการประยกุ ต์
๑๒.ครูและนกั เรียนสรปุ จากการพิจารณาแนวคดิ หรอื ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มหี ลกั การสาคัญ

๒ ประการ ที่ทาให้เกิดผลเชิงประจักษ์ ได้แก่ (๑) ความพอประมาณ (๒) ความมีเหตุผล ซึ่งเป็น
หลักอาศัยกนั และกันทาใหเ้ กดิ ภาวะ “พอเพียง” ข้ึน

๑๓.นกั เรยี นทาคาถามท้ายหนว่ ยการเรยี นรู้
สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้

๑. หนงั สือเรียน วิชาหน้าทพ่ี ลเมืองและศลี ธรรม ของบริษทั สานกั พมิ พเ์ อมพันธ์ จากดั

๒ ใบงาน
๓. บันทึกความดี

๔. แบบประเมนิ ตนเอง
๕. สอื่ PowerPoint วชิ าหนา้ ทพี่ ลเมอื งและศลี ธรรม
หลักฐาน

๑. การตรวจใบงาน กิจกรรม คาถาม
๒. การเชค็ ช่ือเขา้ เรยี น

๓. บันทึกความดี
๔. บนั ทึกพัฒนาการความดี
การวดั ผลและการประเมนิ ผล

วิธีวดั ผล
๑. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล

๒. ประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ
๓. สงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
๔. ตรวจคาถามท้ายหน่วยการเรยี นร/ู้ ใบงาน

๕. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้
๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง

ประสงค์
๗. ตรวจบันทกึ ความดี
เครอ่ื งมือวดั ผล

๑. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล

๒. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ (โดยครู)
๓. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยนกั เรยี น)

๔. คาถามทา้ ยหนว่ ยการเรยี นร/ู้ ใบงาน จากหนงั สือเรยี นวิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม
๕. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้

๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน
รว่ มกนั ประเมิน

๗. บันทกึ ความดี

เกณฑ์การประเมินผล
๑. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไม่มีช่องปรับปรงุ

๒. เกณฑ์ผา่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (๕๐ % ขน้ึ ไป)
๓. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (๕๐ % ข้ึนไป)
๔. ตอบคาถามทา้ ยหน่วยการเรยี นรูแ้ ละทาใบงานไดท้ ุกใบงานจึงจะถอื วา่ ผ่านการประเมนิ

๕. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ เกณฑ์ผ่าน คอื พอใช้ (๕๐ % ขึ้นไป)
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กับการ

ประเมินตามสภาพจรงิ
๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ

ผลการบันทึกความดีด้วยการนาข้อมูลบนั ทึกความดใี นแต่ละครัง้ มาเขียนกราฟแสดงจะเหน็

พัฒนาการความดขี องตนเองลงในแบบพัฒนาความดที ีอ่ ย่ดู า้ นหลังของหน้าปกหนงั สือเรยี น
กจิ กรรมเสนอแนะ

ใหน้ กั เรียนทาบันทึกความดแี ละนาผลไปลงในแผนพัฒนาการความดี

แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 8

วชิ า หนา้ ท่พี ลเมอื งและศีลธรรม รหัสวชิ า 2000-1501 ครผู ู้สอน นายรตั นชัย ออมสนิ

หน่วยท่ี 7 ชอ่ื หน่วย พลเมืองดตี ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จานวน 2 ชวั่ โมง

จุดประสงคร์ ายวชิ า

๑. มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าที่ของพลเมืองดี

และหลักธรรมของศาสนา

๓. ปฏิบตั ติ นเปน็ ศาสนิกชนที่ดตี ามหลักธรรมของศาสนาทีต่ นนับถือ

๔. ตระหนกั ถึงการดารงชวี ติ ท่ถี ูกตอ้ งดีงามในฐานะศาสนกิ ชนและพลเมอื งดี

สมรรถนะรายวชิ า

๑. แสดงความรู้เก่ียวกับสถาบนั ครอบครวั และสถาบนั ทางสังคม สิทธิหน้าทีพ่ ลเมอื งดี และหลกั ธรรม

ของศาสนา

๓. นาหลกั ศาสนา หลักธรรม และหลักกฎหมาย มาประยกุ ต์ใช้เพอื่ การเปน็ พลเมืองดี

สาระสาคญั

ศาสนาเป็นสิ่งจาเป็นแก่ชีวิต ศาสนาทาให้มนุษย์สามารถอยู่ได้ตามลาพังโดยปราศจากความกลัว

คาสอนในศาสนาต่าง ๆ มีความสาคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาบุคคลให้มีทัศนคติที่ดีงาม มีคุณธรรมประจาตน

และแนวทางปฏิบัติอันถูกต้อง ศาสนาจะช่วยพัฒนาปรับปรุงความคิดและการกระทาต่าง ๆ ของบุคคลให้มี

คุณภาพมากย่ิงข้ึน รวมถึงการแก้ปัญหาและข้อบกพร่องของตนเองได้ จนสามารถบรรลุความสาเร็จในชีวิต

และพ้นจากความทุกข์ ผู้ที่พัฒนาตนเองแล้วย่อมมีศักยภาพและคุณภาพมีหลักปฏิบัติอันถูกต้องและมีความ

พร้อมในการสร้างประโยชน์สุขแก่สังคมส่วนรวม คาสอนของศาสนาจึงมีเป้าหมายให้ผู้ศึกษาและปฏิบัติตาม

สามารถพฒั นาตนเองและสังคมได้

ผลการเรียนรูท้ คี่ าดหวงั

๑. อธิบายความหมาย จุดกาเนิด ความสาคัญของศาสนากับการดาเนินชวี ิต และลักษณะของศาสนาได้

๒. บอกศาสนาสาคัญของโลกได้

๓. อธบิ ายประเภทของศาสนาได้

๔. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ท่คี รูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรอื่ ง

๑. ความมีมนษุ ยสัมพนั ธ์ ๒. ความมีวินยั

๓. ความรับผดิ ชอบ ๔. ความซอ่ื สัตย์สุจริต

๕. ความเชือ่ มัน่ ในตนเอง ๖. การประหยัด

๗. ความสนใจใฝ่รู้ ๘. การละเว้นสิง่ เสพติดและการพนัน

๙. ความรักสามคั คี ๑๐. ความกตญั ญกู ตเวที

สาระการเรยี นรู้

๑. ความหมายของศาสนา

๒. จุดกาเนิดของศาสนา

๓. ความสาคัญของศาสนากบั การดาเนนิ ชวี ิต
๔. ลักษณะของศาสนา
๕. ศาสนาสาคัญของโลก
๖. ประเภทของศาสนา
กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรียน (การสรา้ งศรทั ธา)
๑. ครูพูดคุยกับนกั เรียนเก่ยี วกบั เร่ืองศาสนาเพื่อเป็นการสรา้ งศรัทธาให้เกดิ ขึ้นแก่ผเู้ รยี นว่าโดยทั่วไป

มนษุ ยไ์ มว่ ่าชาตใิ ดภาษาใด ล้วนเป็นคนมศี าสนาแทบทัง้ สน้ิ และศาสนาที่ตนนบั ถือย่อมกาหนดไว้
แล้วต้ังแต่เกิดมา พ่อแม่ และปู่ย่า ตายาย เคยนับถือศาสนาอะไร ลูกท่ีเกิดมาในครอบครัวก็นบั ถือ
ศาสนาน้ันด้วย แม้ว่าคนจานวนหน่ึงอาจไม่มีศาสนา หรือนับถือศาสนาหนึ่งมาต้ังแต่เกิด อาจ
เปลี่ยนไปนับถืออีกศาสนาหน่ึงก็ได้ แต่มีน้อย คนจานวนมากเกิดในศาสนาใดก็อยู่ในศาสนาน้ัน
และตามปกตกิ ต็ ายอยู่ในศาสนาน้ัน

๒. นักเรยี นแขง่ ขันกันทายปญั หา โดยแบ่งกล่มุ ๓-๔ กลุ่ม (ตามความเหมาะสม) ใหต้ วั แทนเขยี นตอบ
ในกระดาษ หรือออกมาเขยี นตอบบนกระดานหน้าชนั้ เรยี น โดยครูอา่ นคาถามจากบตั รคาถาม ให้
แต่ละกลุ่มสลับกันภายในกลุ่มออกมาเขียนตอบคนละหน่ึงขอ้ ครูกล่าวคายกยอ่ งชมเชยกลุ่มท่ี
ตอบได้คะแนนมากที่สุดเม่ือเฉลยแต่ละขอ้ ให้เขยี นคะแนนแต่ละกล่มุ บนกระดาน

ขนั้ สอน
๓. นกั เรยี นทาแบบประเมินผลการเรียนรู้
๔. ครูกลา่ วความนาเก่ียวกับพระพทุ ธศาสนา ซงึ่ ศาสนาเปน็ เรอื่ งของความเช่อื ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใด

ล้วนมีวัตถุประสงค์ส่งเสริมความเข้าใจดี มีสันติต่อกัน มุ่งขจัดความแตกร้าวระหว่างมนุษยชาติ
ต้องการให้มีสันติสุขเกิดขึ้นในโลก ทุกศาสนาจึงมีพิธี ศิลปะและประเพณีเก่ียวกับศาสนาที่เป็น
การแสดงออกแห่งความเช่ือตามแต่ศาสนาของตน จากนั้นครูอธิบายความหมายของศาสนา
ความสาคัญของศาสนา ลักษณะของศาสนา ประเภทของศาสนาและศาสนากับการดาเนินชีวิต
โดยนารูปภาพพระพทุ ธศาสนามาแสดงให้นกั เรียนดูประกอบ การดาเนินชีวิตของประชาชนควร
จะต้องยึดหลกั ธรรมะ ไมว่ ่าจะอยู่ในฐานะและบทบาทใด เพราะธรรมะจะทาใหง้ านท่ที าอยู่สาเร็จ
ตามความมุง่ หวัง ท้งั ยงั ชว่ ยแกไ้ ขปัญหาและอปุ สรรคต่าง ๆ ได้ การปฏิบัติตามหลักธรรมะนั้นมิได้
มีเพียงหลักธรรมคาสอนในพระพุทธศาสนาเท่าน้นั ทกุ ศาสนาต่างก็มคี าสอนทต่ี ้องการให้ประชาชน
ทกุ คนเป็นคนดี อย่ดู ้วยกันอยา่ งมคี วามสุข และมนษุ ย์ทุกคนต้องมีทพ่ี ่งึ ทางใจ เพอ่ื สรา้ งความมั่นใจ
ให้กับชวี ติ
๕. นักเรียนตอบคาถามเก่ียวกับความหมายของศาสนา ความสาคัญของศาสนา และศาสนามี
ความสาคัญตอ่ ชีวิตอย่างไรบ้าง

ขน้ั สรุปและการประยุกต์
๖. นักเรียนสลับกันตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หรือให้ตรวจด้วยตนเองเพื่อทดสอบความ
ซ่ือสัตย์โดยดูเฉลยจากแผ่นใส เสร็จแลว้ ส่งครู
๗. ใหน้ กั เรยี นทาใบงาน

สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
๑. หนังสอื เรยี น วิชาหนา้ ทพี่ ลเมืองและศลี ธรรม ของบริษัท สานกั พมิ พ์เอมพนั ธ์ จากัด
๒. บตั รคาถาม
๓. ส่ือ PowerPoint วชิ าหนา้ ทพี่ ลเมอื งและศลี ธรรม

หลักฐาน
๑. การตรวจใบงาน กิจกรรม คาถาม
๒. การเช็คชอ่ื เข้าเรยี นในวิชา
๓. บนั ทึกความดี

การวัดผลและการประเมินผล
วิธีวัดผล
๑. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
๒. ประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ
๓. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่
๔. ตรวจคาถามท้ายหนว่ ยการเรยี นรู้/ใบงาน
๕. ตรวจบัตรคาถาม/แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์
๗. ตรวจบันทกึ ความดี

เคร่อื งมือวัดผล
๑. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
๒. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ (โดยคร)ู
๓. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยนกั เรยี น)
๔. คาถามท้ายหนว่ ยการเรียนรู/้ ใบงาน จากหนงั สอื เรยี นวชิ าหนา้ ทีพ่ ลเมอื งและศีลธรรม
๕. บตั รคาถาม/แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน

รว่ มกนั ประเมนิ
๗. บันทกึ ความดี
เกณฑ์การประเมนิ ผล
๑. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไมม่ ีชอ่ งปรับปรุง
๒. เกณฑผ์ ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (๕๐ % ขนึ้ ไป)
๓. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ คือ ปานกลาง (๕๐ % ขน้ึ ไป)
๔. ตอบคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรียนรู้และทาใบงานได้ทุกใบงานจงึ จะถือวา่ ผา่ นการประเมิน
๕. ตอบคาถามจากบตั รคาถามได้ ๕ คาถาม/แบบประเมินผลการเรียนรู้ เกณฑ์ผ่าน คือ พอใช้

(๕๐ % ข้นึ ไป)
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการ

ประเมินตามสภาพจรงิ
๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ

ผลการบันทึกความดดี ้วยการนาข้อมูลบนั ทึกความดใี นแตล่ ะครัง้ มาเขียนกราฟแสดงจะเหน็
พัฒนาการความดีของตนเองลงในแบบพัฒนาความดีที่อยดู่ า้ นหลงั ของหนา้ ปกหนังสือเรียน
กิจกรรมเสนอแนะ

ใหน้ กั เรียนทาบนั ทึกความดแี ละนาผลไปลงในแผนพฒั นาการความดี

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9

วิชา หน้าทพ่ี ลเมืองและศีลธรรม รหัสวชิ า 2000-1501 ครูผู้สอน นายรัตนชัย ออมสนิ

หน่วยที่ 8 พทุ ธประวตั ิ วนั สาคญั องค์ประกอบทางพระพทุ ธศาสนา และเรอ่ื งนา่ ร้จู ากพระไตรปฎิ ก 2 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์รายวชิ า

๑. มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าที่ของพลเมืองดี

และหลักธรรมของศาสนา

๓. ปฏิบัตติ นเป็นศาสนิกชนทด่ี ตี ามหลกั ธรรมของศาสนาทต่ี นนับถอื

๔. ตระหนกั ถึงการดารงชวี ิตทถ่ี ูกต้องดีงามในฐานะศาสนิกชนและพลเมอื งดี

สมรรถนะรายวชิ า

๑. แสดงความรู้เกย่ี วกับสถาบนั ครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธหิ น้าที่พลเมืองดี และหลักธรรม

ของศาสนา

๓. นาหลักศาสนา หลักธรรม และหลักกฎหมาย มาประยกุ ต์ใชเ้ พ่อื การเปน็ พลเมืองดี

สาระสาคญั

พระพุทธประวัติในหน่วยน้ีเป็นการแสดงให้เห็นถึงพระประวัติของพระพุทธเจ้าต้ังแต่ประสูติ จนถึง

ปรินิพพาน แสดงให้เห็นวา่ ตลอดพระชนม์ชีพ พระพุทธเจ้าได้ทรงสร้างคุณูปการต่าง ๆ ให้กับมนุษยชาติ และ

หลักธรรมท่ีทรงแสดงไว้เป็นเวลานานกว่า ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว ยังคงทันสมัยมาจนทุกวันน้ี วันสาคัญทาง

พระพุทธศาสนาคอื วนั สาคัญในพุทธประวัติองค์ประกอบของพระพุทธศาสนามี ๓ ประการ คือ พระพทุ ธคณุ ๙

พระธรรมคณุ ๖ และพระสังฆคณุ ๙ เร่ืองนา่ ร้จู ากพระไตรปฎิ กในท่นี ้ีคอื พทุ ธพยากรณ์ ๑๘ ประการ

ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวัง

๑. อธิบายพทุ ธประวัตไิ ด้

๒. อธบิ ายวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนาได้

๓. บอกองค์ประกอบของพระพุทธศาสนาได้

๔. บอกคัมภีร์สาคัญและเรอ่ื งนา่ รู้จากพระไตรปิฎกได้

๕. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ที่ครสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่ือง

๑. ความมมี นษุ ยสมั พันธ์ ๒. ความมีวนิ ยั

๓. ความรับผิดชอบ ๔. ความซื่อสัตยส์ จุ รติ

๕. ความเช่ือมน่ั ในตนเอง ๖. การประหยัด

๗. ความสนใจใฝร่ ู้ ๘. การละเวน้ ส่ิงเสพติดและการพนนั

๙. ความรกั สามัคคี ๑๐. ความกตญั ญกู ตเวที

สาระการเรยี นรู้

๑. พระพุทธประวตั ิโดยสงั เขป

๒. ศกึ ษาพทุ ธประวัตจิ ากพระพุทธรปู ปางตา่ ง ๆ

๓. วนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา

๔. องค์ประกอบของพระพทุ ธศาสนา
๕. คัมภรี ์สาคัญทางพระพุทธศาสนา

๖. เร่ืองนา่ รจู้ ากพระไตรปิฎก
กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้นั นาเขา้ สู่บทเรยี น (การสร้างศรทั ธา)
๑. ครูสนทนากับนักเรียนเกย่ี วกบั พุทธประวัติ
๒. ครูถามนกั เรียนถึงศาสนาที่นักเรยี นนับถือโดยการสมุ่

๓. ครเู นน้ ใหน้ กั เรยี นให้ความสาคญั กับคาสอนซ่ึงเป็นหวั ใจของพระพทุ ธศาสนา คอื การไม่ทาชั่วทัง้ ปวง
ทาแตค่ วามดี และทาจติ ให้บริสุทธิ์ การจะเป็นคนดไี ด้นัน้ ก็จะต้องปฏิบัตติ ามหลักคาสงั่ สอน และ

หลักธรรมสาคัญของพระพุทธศาสนาซึ่งปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก เช่น ความเช่ือเร่ืองกรรม
อริยสจั ๔ ไตรลักษณ์ เป็นตน้
ขั้นสอน

๔. ครูอธิบายเก่ียวกับการตรัสรู้และการก่อตัวพระพุทธศาสนาในชมพูทวีป หลักธรรมสาคัญของ
พระพทุ ธศาสนา วนั สาคัญ ใหน้ ักเรียนไดเ้ รยี นร้เู พื่อประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาวัน

๕. นักเรยี นทาใบงาน
๖. ครูสมุ่ ถามนักเรียนเก่ยี วกับพระพทุ ธรูปประจาวันเกดิ ของตน
๗. ครูอธิบายถึงคัมภีรส์ าคัญทางพระพุทธศาสนา

๘. ให้นกั เรยี นศกึ ษาเรือ่ งน่ารจู้ ากพระไตรปฎิ ก
๙. ครูสุ่มถามนักเรียนเก่ียวกับความเห็นจากการศึกษาเร่ืองน่ารู้จากพระไตรปิฎก ว่าสัมพันธ์กับ

เหตุการณใ์ นสงั คมปัจจบุ นั หรือไมอ่ ย่างไร
ขั้นสรปุ และการประยกุ ต์
๑๐. นักเรยี นบันทกึ ความดี และนาผลการบันทึกความดไี ปพลอ็ ตกราฟ เพอื่ ดูพัฒนาการความดีตอ่ ไป

สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้
๑. หนงั สอื เรียน วิชาหนา้ ท่พี ลเมืองและศีลธรรม ของบรษิ ัท สานกั พิมพเ์ อมพนั ธ์ จากดั

๒. กจิ กรรมส่งเสริมการเรียนรู้
๓. แบบประเมินผล
๔. ใบงาน

๕. บันทึกความดี
๖. แบบประเมนิ ตนเอง

๗. สอื่ PowerPoint วิชาหน้าทพี่ ลเมอื งและศีลธรรม
หลกั ฐาน

๑. การตรวจใบงาน กจิ กรรม คาถาม

๒. การเชค็ ช่อื เขา้ เรยี น
๓. บนั ทกึ ความดี

๔. บันทกึ พฒั นาการความดี
การวดั ผลและการประเมินผล

วิธวี ัดผล

๑. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล

๒. ประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่
๓. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่

๔. ตรวจคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรียนรู้/ใบงาน
๕. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้

๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์

๗. ตรวจบันทกึ ความดี

เคร่อื งมอื วดั ผล
๑. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล

๒. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยคร)ู
๓. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ (โดยนกั เรียน)
๔. คาถามทา้ ยหนว่ ยการเรยี นร/ู้ ใบงาน จากหนังสือเรยี นวชิ าหนา้ ท่ีพลเมืองและศีลธรรม

๕. แบบประเมินผลการเรียนรู้
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน

รว่ มกันประเมิน
๗. บันทึกความดี
เกณฑ์การประเมินผล

๑. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
๒. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (๕๐ % ขึ้นไป)

๓. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (๕๐ % ขน้ึ ไป)
๔. ตอบคาถามท้ายหนว่ ยการเรยี นรแู้ ละทาใบงานไดท้ กุ ใบงานจึงจะถอื ว่าผ่านการประเมิน
๕. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผา่ น คอื พอใช้ (๕๐ % ขึ้นไป)

๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการ
ประเมินตามสภาพจรงิ

๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ
ผลการบันทึกความดีด้วยการนาข้อมูลบันทึกความดีในแตล่ ะครั้งมาเขียนกราฟแสดงจะเหน็
พัฒนาการความดีของตนเองลงในแบบพัฒนาความดีที่อยู่ดา้ นหลังของหนา้ ปกหนังสือเรียน

กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นกั เรยี นทาบันทึกความดแี ละนาผลไปลงในแผนพัฒนาการความดี

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 10

วิชา หนา้ ทพ่ี ลเมอื งและศลี ธรรม รหัสวชิ า 2000-1501 ครผู ้สู อน นายรัตนชัย ออมสิน

หนว่ ยท่ี 8 ช่อื หน่วย สอบกลางภาค จานวน 2 ช่ัวโมง

สาระสาคญั
การสอบกลางภาคเปน็ การวัดความรูแ้ ละความเข้าใจในหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1-8

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 11

วชิ า หน้าทีพ่ ลเมืองและศลี ธรรม รหสั วิชา 2000-1501 ครผู สู้ อน นายรตั นชัย ออมสิน

หนว่ ยท่ี 9 ชอื่ หน่วย หลักธรรมและหลกั ปฏบิ ตั ิทางพระพุทธศาสนา จานวน 2 ชัว่ โมง

จุดประสงคร์ ายวชิ า

๑. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าท่ีของพลเมืองดี

และหลกั ธรรมของศาสนา

๓. ปฏบิ ัติตนเปน็ ศาสนกิ ชนทด่ี ีตามหลักธรรมของศาสนาท่ีตนนบั ถอื

๔. ตระหนกั ถึงการดารงชวี ิตที่ถูกต้องดงี ามในฐานะศาสนิกชนและพลเมืองดี

สมรรถนะรายวิชา

๑. แสดงความร้เู ก่ยี วกับสถาบนั ครอบครวั และสถาบนั ทางสงั คม สิทธหิ น้าทีพ่ ลเมอื งดี และหลกั ธรรม

ของศาสนา

๓. นาหลักศาสนา หลกั ธรรม และหลกั กฎหมาย มาประยุกตใ์ ช้เพื่อการเปน็ พลเมืองดี

สาระสาคญั

หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หรือคาสอนทางพระพุทธศาสนาปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกมีอยู่

เป็นจานวนมาก แต่หลักธรรมท่มี คี วามสาคญั มากทส่ี ดุ ทางพระพทุ ธศาสนา คอื อริยสัจ ๔

ส่วนหลักปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา คือไม่ทาความช่ัวทั้งปวง ทาแต่ความดี ทาจิตของตนให้ผ่องใส

ท้งั หมดเริ่มตน้ ที่การสวดมนต์ และทาสมาธิ

ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง

๑. อธบิ ายหลกั ธรรมสาคญั ทางพระพุทธศาสนาได้

๒. สามารถสวดมนตภ์ าษาบาลแี ลว้ แปลเป็นภาษาไทยได้

๓. สามารถกล่าวคาแผเ่ มตตาให้ทง้ั ตนเองและผู้อนื่ ได้

๔. ปฏบิ ตั วิ ิธกี ารบริหารจิตตามหลักพระพทุ ธศาสนาได้

๕. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ทีค่ รสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง

๑. ความมีมนษุ ยสัมพนั ธ์ ๒. ความมีวนิ ยั

๓. ความรบั ผดิ ชอบ ๔. ความซอ่ื สัตย์สจุ รติ

๕. ความเช่ือมัน่ ในตนเอง ๖. การประหยดั

๗. ความสนใจใฝร่ ู้ ๘. การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนัน

๙. ความรักสามัคคี ๑๐. ความกตญั ญูกตเวที

สาระการเรยี นรู้

๑. หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา

๒. ทกุ ข(์ ธรรมที่ควรรูเ้ ทา่ ทนั )

๓. สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)

๔. นโิ รธ (ธรรมท่คี วรบรรลุ)

๕. มรรค (ธรรมท่คี วรเจรญิ )
๖. หลกั ปฏบิ ตั ิทางพระพทุ ธศาสนา
กิจกรรมการเรยี นรู้

ช่วั โมงท่ี ๑

๑. ครแู ละนักเรยี นช่วยกนั ยกตัวอย่างหลกั ธรรมสาคัญทางพระพุทธศาสนาที่สามารถนาไปปรบั ใช้ใน
ชีวิตจริง
ขัน้ สอน
๒. นักเรียนจดั กลุม่ อภปิ รายยอ่ ย ๔ กลมุ่ ตามหัวข้อดงั นี้

๑) กลุม่ ที่ ๑ ศึกษาเรอื่ งทุกข์
๒) กลุม่ ท่ี ๒ ศึกษาเรื่องสมทุ ัย
๓) กลุ่มท่ี ๓ ศกึ ษาเร่อื งนโิ รธ
๔) กลมุ่ ท่ี ๔ ศกึ ษาเรอ่ื งมรรค
๓. แต่ละกลุ่มศึกษาเน้ือหาจากหนังสือเรียนและอภิปรายวิเคราะห์คุณธรรมที่ควรประยุกต์ใช้เป็น
แบบอยา่ ง
๔. นกั เรียนออกมาเสนอผลงานกล่มุ ครสู งั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่
ขน้ั สรปุ และการประยกุ ต์
๕. นกั เรียนอภิปรายเพ่ือหาขอ้ สรุปรว่ มกัน
๖. นกั เรยี นทาแบบทดสอบท้ายหนว่ ยการเรยี นรแู้ ละใบงาน ตรวจแบบทดสอบและตรวจใบงานด้วย
ตนเองเพ่อื ทดสอบความซอ่ื สัตย์
๗. ใหน้ ักเรียนบนั ทกึ ความดี และนาผลการบันทึกความดีไปพล็อตกราฟ เพอ่ื ดพู ัฒนาการความดีของ
ตนตอ่ ไป

ช่ัวโมงท่ี ๒

ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรียน
๑. ครูและนักเรียนเล่าถึงการเข้าไปฝึกจิตในวัดหรือสถานธรรมต่าง ๆ ซ่ึงการฝึกจิตให้มีสมาธิไม่
วอกแวกหว่ันไหว เป็นภาวะที่จิตแนบแน่นอยู่กับส่ิงใดสิ่งหนึ่งนาน ๆ เป็นภาวะท่ีจิตมีคุณภาพและ
สมรรถภาพ ซง่ึ มลี กั ษณะสาคัญ คอื แข็งแรง มพี ลงั ราบเรียบ สงบ สดใส เบิกบาน ออ่ นโยนไม่กระดา้ ง ไม่
เครยี ด ไมห่ ว่ัน ไม่ข่นุ มัวไมส่ ับสน ไม่เรา่ รอ้ นกระวนกระวาย จิตทมี่ ีภาวะเชน่ น้ี ทางพระพุทธศาสนา ถอื
ว่า “เปน็ จิตที่เหมาะแกก่ ารใช้งาน” จะทาการส่ิงใดยอ่ มสาเร็จหรอื บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์
๒. นักเรียนยกตวั อย่างการบรหิ ารจติ โดยการตัง้ สมาธิ โดยทวั่ ไปมี ๒ ประเภท ได้แก่

(๑) สมาธิที่มีโดยธรรมชาติ เช่น เมื่ออ่านหนังสือ ใจจะจดจ่ออยู่กับเร่ืองที่อ่าน มีความสุขเพลิดเพลิน
สมาธิชนิดน้ีเป็นสมาธิท่ีมีโดยธรรมชาติ แต่จะมีหรือเกิดขึ้นก็เม่ือต้ังใจเอาใจจดจ่อ เม่ือเลิกต้ังใจ
สมาธกิ จ็ ะไมม่ ี
(๒) สมาธิที่ต้องพัฒนา คือ สมาธิท่ีเกิดจากการปฏิบัติตามวิธที ี่ได้รับจากการฝึก สมาธิชนิดนี้เม่ือ
ฝึกฝนแล้ว จะมีพลังมากกว่าเดิมสามารถนาไปใช้ในกิจการต่าง ๆ ในชีวิตประจาวันได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ

ข้ันสอน (วิธสี อนแบบ Jigsaw)
๓. ครอู ธิบายเนือ้ หาการบริหารจิตโดยใชส้ ่ือวีดีทัศนเ์ ปิดประกอบการเรียน เพือ่ สอ่ื ความหมายง่ายขึ้นโดย

วิธีบริหารจิตตามหลักพระพทุ ธศาสนา วิธีบริหารจิตมีหลายวิธี ข้ึนอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะเลือกใชว้ ิธี
ใด เช่นเดียวกับการบรหิ ารร่างกาย บางคนอาจจะเลือกวธิ ีออกกาลังกายอยา่ งช้า ๆ เช่น เดิน ราตะบอง

โยคะ แตบ่ างคนอาจเหมาะกับวธิ อี อกกาลงั อย่างเรว็ ๆ เช่น วง่ิ แอโรบิก
๔ ครูอธบิ ายและสาธิตการสวดมนต์ และการสวดมนต์แปล
๕. แบ่งกลุม่ นักเรียนตามความเหมาะสม ปฏิบตั ิการสวดมนต์แปลตามท่ีไดเ้ รียนมา

๖. นักเรียนจัดกลุ่มเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลุ่มละ ๔ คน แต่ละกลุ่มศึกษาการบริหารจิต การสวดมนต์ และ
การสวดมนต์แปล

ข้นั สรุปและการประยุกต์
๗. ครูชีแ้ นะใหน้ กั เรียนเห็นคุณค่า และความสาคัญของการการแผ่เมตตา คือ การตงั้ ความปรารถนา

ดีหรือแผ่ความรู้สึกเป็นมิตรไปยังเพ่อื นมนษุ ย์และอมนษุ ย์ท้ังหลาย ได้แก่ เทวดา และสรรพสัตว์

ให้มีความร่มเย็นเป็นสุข การแผ่เมตตานิยมทาหลังจากสวดมนต์หรือเจริญสมาธิเสร็จ การแผ่
เมตตาท่จี ะใหเ้ กิดผลตอ่ การพัฒนาจติ ควรแผ่เมตตาให้ตนเองกอ่ น แลว้ จงึ แผ่เมตตาให้ผู้อ่นื

๗. ทดลองฝกึ ให้นกั เรียนแผ่เมตตาใหต้ นเอง และแผ่เมตตาใหค้ นอื่น
สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้

๑. หนงั สอื เรยี น วชิ าหน้าทพ่ี ลเมืองและศลี ธรรม ของบริษัท สานกั พิมพ์เอมพนั ธ์ จากัด

๒. ใบงาน
๓. บนั ทกึ ความดี

๔. แบบประเมินตนเอง
๕. สอื่ PowerPoint วชิ าหนา้ ท่พี ลเมอื งและศีลธรรม
หลกั ฐาน

๑. การตรวจใบงาน กจิ กรรม คาถาม
๒. การเชค็ ช่ือเข้าเรยี น

๓. บันทกึ ความดี
๔. บนั ทึกพฒั นาการความดี
การวดั ผลและการประเมนิ ผล

วธิ ีวดั ผล
๑. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล

๒. ประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ
๓. สังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
๔. ตรวจคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรียนรู/้ ใบงาน

๕. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้
๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง

ประสงค์
๗. ตรวจบนั ทึกความดี
เครือ่ งมือวดั ผล

๑. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล

๒. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ (โดยครู)
๓. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยนกั เรยี น)

๔. คาถามท้ายหนว่ ยการเรยี นร/ู้ ใบงาน จากหนังสือเรยี นวชิ าหนา้ ที่พลเมืองและศีลธรรม
๕. แบบประเมินผลการเรียนรู้

๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน
ร่วมกันประเมิน

๗. บนั ทึกความดี

เกณฑ์การประเมินผล
๑. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไมม่ ีชอ่ งปรบั ปรงุ

๒. เกณฑ์ผา่ นการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (๕๐ % ข้ึนไป)
๓. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (๕๐ % ขน้ึ ไป)
๔. ตอบคาถามท้ายหน่วยการเรียนรู้และทาใบงานไดท้ กุ ใบงานจงึ จะถือว่าผา่ นการประเมิน

๕. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ เกณฑ์ผ่าน คอื พอใช้ (๕๐ % ขึ้นไป)
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการ

ประเมินตามสภาพจริง
๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ

ผลการบันทึกความดดี ้วยการนาข้อมูลบนั ทึกความดใี นแตล่ ะครัง้ มาเขียนกราฟแสดงจะเหน็

พัฒนาการความดีของตนเองลงในแบบพฒั นาความดีทีอ่ ยู่ดา้ นหลังของหนา้ ปกหนังสือเรยี น
กจิ กรรมเสนอแนะ

ใหน้ ักเรยี นทาบันทกึ ความดแี ละนาผลไปลงในแผนพฒั นาการความดี

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12

วิชา หน้าทพ่ี ลเมืองและศีลธรรม รหสั วิชา 2000-1501 ครูผสู้ อน นายรตั นชยั ออมสนิ

หน่วยที่ 10 ชอื่ หนว่ ย หนา้ ท่ีชาวพทุ ธและศาสนิกชนตัวอยา่ ง จานวน 2 ช่วั โมง

จุดประสงค์รายวชิ า

๑. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าที่ของพลเมืองดี

และหลักธรรมของศาสนา

๓. ปฏบิ ัติตนเป็นศาสนกิ ชนท่ดี ีตามหลกั ธรรมของศาสนาท่ตี นนบั ถือ

๔. ตระหนักถงึ การดารงชวี ิตทีถ่ กู ตอ้ งดงี ามในฐานะศาสนกิ ชนและพลเมืองดี

สมรรถนะรายวชิ า

๑. แสดงความรู้เกยี่ วกับสถาบันครอบครวั และสถาบันทางสงั คม สิทธหิ น้าทีพ่ ลเมอื งดี และหลักธรรม

ของศาสนา

๓. นาหลกั ศาสนา หลักธรรม และหลกั กฎหมาย มาประยกุ ตใ์ ชเ้ พือ่ การเป็นพลเมอื งดสี าระสาคญั

สาระสาคัญ

หน้าที่ชาวพุทธเป็นคุณสมบัติท่ีดีของชาวพุทธท่ีจะต้องสร้างศรัทธาให้เกิดมีในตน เรียนรู้ระเบียบท่ี

ถกู ตอ้ งในการไปวดั ตลอดจนการประกอบพิธกี รรมและปฏบิ ตั ิตนท่เี หมาะสมตอ่ พระสงฆ์

ศาสนิกชนตัวอยา่ งในท่นี ี้ประกอบด้วยพระภกิ ษุ และอุบาสก ที่ทาคณุ ประโยชน์ใหแ้ กพ่ ระพทุ ธศาสนา

และประเทศชาติ

ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวงั

๑. ปฏบิ ัตติ นเป็นศาสนิกชนทด่ี ี

๒. วิเคราะหข์ อ้ คิดและแบบอย่างการดาเนินชีวิตจากประวตั สิ าวก ศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง

๓. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ท่ีครสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง

๑. ความมมี นษุ ยสมั พนั ธ์ ๒. ความมีวินยั

๓. ความรับผิดชอบ ๔. ความซอ่ื สัตยส์ ุจริต

๕. ความเชื่อมั่นในตนเอง ๖. การประหยัด

๗. ความสนใจใฝร่ ู้ ๘. การละเว้นส่งิ เสพติดและการพนัน

๙. ความรกั สามคั คี ๑๐. ความกตัญญูกตเวที

สาระการเรียนรู้

๑. คุณสมบตั ทิ ดี่ ขี องชาวพุทธ

๒. การสรา้ งศรทั ธาใหเ้ กิดมใี นตน

๓. การเรยี นรรู้ ะเบยี บปฏบิ ัตใิ นการไปวดั

๔. วธิ ีปฏบิ ัติในการประกอบพิธีกรรมทวี่ ดั ในโอกาสต่าง ๆ

๕. วิธปี ฏบิ ัติตนทเ่ี หมาะสมต่อพระสงฆ์

๖. ศาสนิกชนตวั อยา่ ง

กิจกรรมการเรยี นรู้
ขัน้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
๑. ครูกล่าวถึงหน้าที่ชาวพุทธ คือ ส่ิงที่ชาวพุทธทั่วไปต้องเรียนรู้ เพ่ือจะได้ทราบและปฏิบัติตนได้
ถูกต้อง
๒. นักเรียนยกตัวอย่างชาวพุทธท่ียกย่องนับถือในสังคมมาเป็นตัวอย่าง เพื่อเช่ือมโยงเข้าสู่เนื้อหา
การเรียนการสอนตอ่ ไป
ขั้นสอน (วิธีสอนแบบ Jigsaw)
๓. ครูอภิปรายหน้าท่ีชาวพุทธและมารยาทชาวพุทธ โดยเปิดวีดีทัศน์งานอุปสมบท และการทาบุญตัก
บาตรของชาวพุทธโดยทว่ั ไป

๔. ครูให้นกั เรียนจดั กลมุ่ เปน็ กลุม่ ย่อย กลุ่มละ ๓-๔ คน เรยี กว่า กลุม่ บา้ น ไปจนครบชั้นเรียน
๕. สมาชิกในกลมุ่ จะได้รับใบงานคนละ ๑ ใบ แลว้ ให้

• สมาชิก แยกจบั กล่มุ เป็นกล่มุ ผ้เู ชยี่ วชาญ ศึกษาค้นควา้ เรอื่ งวธิ ปี ฏิบตั ิตนตอ่ พระสงฆ์
• สมาชิก แยกจบั กลุ่มเป็นกลมุ่ ผู้เช่ียวชาญ ศกึ ษาค้นควา้ เร่ืองศาสนกิ ชนตวั อย่าง วธิ ีปฏิบัติตน
ในการประกอบพธิ กี รรมทีว่ ัดในโอกาสตา่ ง ๆ
๖. สมาชิกกลมุ่ ผู้เชี่ยวชาญแต่ละกลุ่มต้งั ประธานกลมุ่ และเลขานุการกล่มุ ศึกษาคน้ คว้า แลว้ บันทึกลงใน
ใบงานทไ่ี ด้รับแจก ประธานกลุ่มสงั เกตพฤติกรรม
ขน้ั สรุปและการประยกุ ต์
๗. นกั เรยี นแต่ละคนในกล่มุ ผู้เชย่ี วชาญ กลับมายงั กลุ่มบา้ นเดมิ ท่ตี นอยู่ แล้วผลดั กันอภปิ รายขอ้ ท่ีตน
สรปุ มาแลว้ ใหเ้ พ่อื นในกล่มุ บ้านฟงั ผลดั เปลยี่ นกันพูดตามลาดบั
๘. นักเรียน และครูช่วยกันสรุปอีกคร้ังหน่ึง และเลือกศาสนิกชนตัวอย่างท่ีคนศรัทธา พร้อมสรุป
เหตผุ ล
๙. นักเรียนทาใบงานและทาแบบประเมินผล ครูเฉลยให้นักเรียนตรวจเอง และประเมินตนเองจาก
แบบสรปุ ผลการประเมินผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวังและประเมนิ ตนเองจากแบบประเมนิ ตนเอง เพอ่ื
ทดสอบความซื่อสตั ย์
๑๐.ให้นกั เรยี นบันทกึ ความดี
สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้
๑. หนงั สอื เรยี น วิชาหนา้ ท่พี ลเมืองและศีลธรรม ของบรษิ ัท สานกั พิมพ์เอมพันธ์ จากดั
๒. ใบงาน
๓. บันทึกความดี
๔. แบบประเมนิ ตนเอง
๕. ส่ือ PowerPoint วชิ า หนา้ ทีพ่ ลเมอื งและศลี ธรรม
หลกั ฐาน

๑. การตรวจใบงาน กิจกรรม คาถาม
๒. การเช็คชือ่ เขา้ เรยี นในวชิ า

๓. บนั ทกึ ความดี
๔. บันทึกพัฒนาการความดี

การวดั ผลและการประเมินผล
วิธวี ดั ผล
๑. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล

๒. ประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุม่
๓. สังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ

๔. ตรวจคาถามทา้ ยหน่วยการเรยี นร้/ู ใบงาน
๕. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง

ประสงค์
๗. ตรวจบนั ทึกความดี

เครอ่ื งมือวดั ผล
๑. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล
๒. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ (โดยครู)

๓. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยนักเรยี น)
๔. คาถามทา้ ยหน่วยการเรยี นร/ู้ ใบงาน จากหนังสอื เรยี นวชิ าหนา้ ทพ่ี ลเมืองและศีลธรรม

๕. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน

รว่ มกนั ประเมนิ

๗. บันทึกความดี
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

๑. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรับปรงุ
๒. เกณฑผ์ ่านการประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (๕๐ % ข้ึนไป)
๓. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่ คือ ปานกลาง (๕๐ % ขึ้นไป)

๔. ตอบคาถามท้ายหน่วยการเรียนรแู้ ละทาใบงานไดท้ กุ ใบงานจึงจะถอื วา่ ผา่ นการประเมิน
๕. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ เกณฑ์ผ่าน คอื พอใช้ (๕๐ % ขึ้นไป)

๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการ
ประเมนิ ตามสภาพจริง

๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ

ผลการบันทึกความดีด้วยการนาข้อมูลบันทึกความดใี นแต่ละครัง้ มาเขียนกราฟแสดงจะเหน็
พัฒนาการความดีของตนเองลงในแบบพัฒนาความดีท่อี ยดู่ า้ นหลังของหน้าปกหนังสอื เรียน

กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นกั เรียนทาบนั ทึกความดีและนาผลไปลงในแผนพัฒนาการความดี

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13

วชิ า หน้าท่ีพลเมืองและศลี ธรรม รหัสวชิ า 2000-1501 ครูผูส้ อน นายรตั นชัย ออมสนิ

หนว่ ยที่ 11 ชอ่ื หน่วย มารยาทชาวพทุ ธ จานวน 2 ชว่ั โมง

จดุ ประสงค์รายวิชา

๑. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวสถาบนั กบั ครอบครัวและสถาบนั ทางสงั คม สทิ ธหิ นา้ ที่ของพลเมืองดแี ละ

หลักธรรมของศาสนา

๓. ปฏบิ ัติตนเปน็ ศาสนกิ ชนทดี่ ีตามหลกั ธรรมของศาสนาท่ตี นนบั ถือ

๔. ตระหนักถึงการดารงชีวติ ทีถ่ กู ต้องดงี ามในฐานะศาสนกิ ชนและพลเมืองดี

สมรรถนะรายวิชา

๑. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สถาบนั ครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหนา้ ท่พี ลเมืองดี และหลกั ธรรม

ของศาสนา

๓. นาหลกั ศาสนา หลักธรรม และหลักกฎหมาย มาประยุกตใ์ ชเ้ พื่อการเป็นพลเมอื งดี

สาระสาคญั

มารยาทชาวพุทธ และมารยาทชาวไทยเป็นของคู่กัน ดังนั้น มารยาทชาวพุทธก็คือมารยาทชาวไทยที่

ควรปฏิบัตนิ น่ั เอง

ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวงั

๑. ปฏบิ ตั ิตามแบบอยา่ งมารยาทไทยได้

๒. ปฏบิ ตั กิ ารนัง่ การยนื่ การเดนิ การไหว้ และการกราบได้ถูกต้อง

๓. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รูสามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเรื่อง

๑. ความมมี นษุ ยสัมพันธ์ ๒. ความมวี ินัย

๓. ความรับผิดชอบ ๔. ความซ่อื สตั ย์สจุ รติ

๕. ความเชอื่ ม่นั ในตนเอง ๖. การประหยดั

๗. ความสนใจใฝ่รู้ ๘. การละเวน้ ส่งิ เสพติดและการพนัน

๙. ความรักสามคั คี ๑๐. ความกตัญญูกตเวที

สาระการเรยี นรู้

๑. มารยาทชาวพุทธ ๒. การนง่ั

๓. การยนื ๔. การเดิน

๕. การไหว้ ๖. การกราบ

กิจกรรมการเรยี นรู้

ข้นั นาเข้าสบู่ ทเรยี น

๑. ครแู ละนักเรยี นกล่าวถงึ ความสาคัญของมารยาทในสงั คมไทย

ขนั้ สอน (วธิ สี อนแบบปฏิบัติกลุ่มยอ่ ย)
๒. นักเรียนจัดกลุ่มแต่ละกลุ่มเลือกประธาน และเลขานุการกลุ่มแบ่งกลุ่มปฏิบัติเก่ียวกับมารยาททาง

พุทธ
๓. ประธานกล่มุ สงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่มของสมาชิกในกลุ่มพร้อมทง้ั บนั ทึกผลการ

ปฏิบตั ิตามใบงานสง่ ครู
ขั้นสรปุ และการประยุกต์
๔. สรุปผลการปฏบิ ตั ติ ามสภาพจรงิ

๕. นกั เรียนทาแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และประเมนิ ตนเองเพอ่ื ทดสอบความซื่อสตั ย์
๖. นกั เรียนบันทกึ ความดี

สอื่ และแหลง่ การเรียนรู้
๑. หนังสอื เรียน วิชาหนา้ ทีพ่ ลเมอื งและศลี ธรรม ของบรษิ ัท สานักพิมพเ์ อมพนั ธ์ จากัด
๒. ใบงาน

๓. บนั ทึกความดี
๔. แบบประเมินตนเอง

๕. ส่ือ PowerPoint วชิ าหน้าทพ่ี ลเมืองและศีลธรรม
หลักฐาน

๑. การตรวจใบงาน กจิ กรรม คาถาม

๒. การเช็คชือ่ เขา้ เรียนในวชิ า
๓. บันทึกความดี

๔. พฒั นาการความดี
การวดั ผลและการประเมินผล

วธิ ีวัดผล

๑. สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
๒. ประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่

๓. สังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่
๔. ตรวจคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรียนร/ู้ ใบงาน
๕. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้

๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์

๗. ตรวจบันทกึ ความดี
เคร่ืองมอื วัดผล
๑. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล

๒. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยคร)ู
๓. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ (โดยนักเรียน)

๔. คาถามท้ายหน่วยการเรยี นร/ู้ ใบงาน จากหนังสอื เรียนวชิ าหน้าท่พี ลเมืองและศีลธรรม
๕. แบบประเมินผลการเรยี นรู้
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน

ร่วมกนั ประเมนิ

๗. บันทกึ ความดี
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

๑. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรงุ
๒. เกณฑ์ผา่ นการประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (๕๐ % ขน้ึ ไป)

๓. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (๕๐ % ข้นึ ไป)
๔. ตอบคาถามทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้และทาใบงานได้ทุกใบงานจงึ จะถอื ว่าผา่ นการประเมิน
๕. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผา่ น คอื พอใช้ (๒๖-๓๕ คะแนน)

๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ

๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ
ผลการบันทึกความดดี ้วยการนาข้อมลู บันทึกความดใี นแตล่ ะครั้งมาเขียนกราฟแสดงจะเหน็
พัฒนาการความดีของตนเองลงในแบบพัฒนาความดีทอี่ ยูด่ ้านหลังของหนา้ ปกหนงั สอื เรยี น

กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นกั เรียนทาบันทึกความดีและนาผลไปลงในแผนพฒั นาการความดี

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 14

วิชา หนา้ ท่พี ลเมอื งและศีลธรรม รหสั วชิ า 2000-1501 ครูผสู้ อน นายรตั นชยั ออมสิน

หนว่ ยท่ี 12 ชื่อหนว่ ย ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู จานวน 2 ชัว่ โมง

จดุ ประสงค์รายวชิ า

๑. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าท่ีของพลเมืองดี

และหลักธรรมของศาสนา

๓. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ศาสนกิ ชนที่ดตี ามหลักธรรมของศาสนาท่ตี นนับถอื

๔. ตระหนักถึงการดารงชวี ติ ท่ีถูกต้องดงี ามในฐานะศาสนกิ ชนและพลเมอื งดี

สมรรถนะรายวิชา

๑. แสดงความร้เู ก่ียวกบั สถาบันครอบครัวและสถาบนั ทางสังคม สิทธิหนา้ ทพี่ ลเมืองดี และหลักธรรม

ของศาสนา

๓. นาหลกั ศาสนา หลักธรรม และหลักกฎหมาย มาประยกุ ตใ์ ช้เพื่อการเปน็ พลเมืองดี

สาระสาคัญ

ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู เป็นศาสนาท่ไี ม่มีศาสดา มีรากฐานจากคติศรัทธา ความเชอื่ ที่หลากหลายและ

พัฒนาการท่ียาวนานหลายพันปี มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรม ความเชื่อ พิธีกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย รวมท้ัง

ประเทศตา่ ง ๆ ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ปรากฏหลักฐานทางอารยธรรมในประเทศกลุ่มอาเซยี น

ผลการเรียนรู้ทีค่ าดหวงั

๑. อธบิ ายถงึ หลักธรรมของศาสนาพราหมณ-์ ฮินดไู ด้

๒. วิเคราะห์ถงึ อารยธรรมอนิ เดียในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ได้

๓. วเิ คราะหถ์ งึ อทิ ธิพลของวัฒนธรรมอนิ เดยี ท่ีมีตอ่ วฒั นธรรมไทยได้

๔. บอกความสาคญั ของบคุ คลสาคญั ของศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู

๕. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ท่คี รูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรอ่ื ง

๑. ความมีมนษุ ยสมั พันธ์ ๒. ความมวี ินยั

๓. ความรบั ผดิ ชอบ ๔. ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ

๕. ความเช่อื มั่นในตนเอง ๖. การประหยัด

๗. ความสนใจใฝ่รู้ ๘. การละเว้นสง่ิ เสพตดิ และการพนนั

๙. ความรกั สามคั คี ๑๐. ความกตญั ญูกตเวที

สาระการเรียนรู้

๑. หลักธรรมของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

๒. อารยธรรมอินเดยี ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้

๓. อิทธิพลของวัฒนธรรมอินเดยี ทม่ี ีต่อวฒั นธรรมไทย

๔. บุคคลสาคญั

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นาเข้าสูบ่ ทเรียน
๑. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายถึงวฒั นธรรมอินเดยี ในประเทศไทย

๒. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปถงึ วฒั นธรรมอนิ เดีย
ขนั้ สอน

๓. แบง่ กลุ่มผเู้ รียนออกเปน็ ๔ กลมุ่ ตามความเหมาะสม
กลมุ่ ท่ี ๑ อภิปรายถงึ หลักธรรมสาคัญของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
กลมุ่ ที่ ๒ อภปิ รายถึงอารยธรรมอนิ เดยี ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้

กลุ่มท่ี ๓ อภปิ รายถงึ อารยธรรมอนิ เดียทมี่ ีต่อวัฒนธรรมไทย
กลุ่มท่ี ๔ อภิปรายถึงบคุ คลสาคัญในประเทศไทย

ขั้นสรปุ และการประยกุ ต์
๕. แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลงาน
๖. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปผลการอภิปราย

๗. นักเรียนทาแบบประเมินผลการเรียนรู้ และประเมินตนเองเพ่อื ทดสอบความซ่อื สตั ย์
๘. นกั เรยี นบันทกึ ความดี และสรปุ เร่อื งทีป่ ระทับใจ

สอื่ และแหลง่ การเรียนรู้
๑. หนงั สอื เรียน วชิ าหน้าทีพ่ ลเมืองและศลี ธรรม ของบรษิ ัท สานกั พิมพเ์ อมพนั ธ์ จากัด
๒. ใบงาน

๓. บันทกึ ความดี
๔. แบบประเมินตนเอง

๕. สื่อ PowerPoint วชิ าหนา้ ที่พลเมอื งและศลี ธรรม
หลักฐาน

๑. การตรวจใบงาน กิจกรรม คาถาม

๒. การเช็คชือ่ เข้าเรียน
๓. บนั ทกึ ความดี

๔. บนั ทึกพฒั นาการความดี
การวัดผลและการประเมินผล

วิธวี ัดผล

๑. สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
๒. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ

๓. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่
๔. ตรวจคาถามทา้ ยหน่วยการเรยี นร้/ู ใบงาน
๕. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้

๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์

๗. ตรวจบันทกึ ความดี
เคร่ืองมือวัดผล
๑. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล

๒. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยครู)

๓. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ (โดยนกั เรียน)
๔. คาถามท้ายหนว่ ยการเรยี นร/ู้ ใบงาน จากหนังสอื เรยี นวิชาหนา้ ทีพ่ ลเมืองและศีลธรรม

๕. แบบประเมินผลการเรียนรู้
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน

รว่ มกนั ประเมนิ
๗. บนั ทกึ ความดี
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

๑. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไม่มชี อ่ งปรับปรงุ
๒. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (๕๐ % ขนึ้ ไป)

๓. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (๕๐ % ขึ้นไป)
๔. ตอบคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรแู้ ละทาใบงานไดท้ กุ ใบงานจึงจะถอื ว่าผ่านการประเมิน
๕. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผา่ น คอื พอใช้ (๕๐ % ขึ้นไป)

๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กับการ
ประเมินตามสภาพจริง

๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ
ผลการบันทึกความดดี ้วยการนาข้อมูลบันทึกความดใี นแต่ละครัง้ มาเขียนกราฟแสดงจะเหน็
พัฒนาการความดขี องตนเองลงในแบบพฒั นาความดีท่ีอย่ดู ้านหลงั ของหนา้ ปกหนังสือเรยี น

กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนทาบนั ทกึ ความดีและนาผลไปลงในแผนพฒั นาการความดี

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 15

วชิ า หน้าท่ีพลเมืองและศีลธรรม รหัสวชิ า 2000-1501 ครผู ู้สอน นายรตั นชัย ออมสิน

หนว่ ยท่ี 13 ชื่อหน่วย ศาสนาคริสต์ จานวน 2 ช่วั โมง

จดุ ประสงค์รายวชิ า

๑. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าท่ีของพลเมืองดี

และหลกั ธรรมของศาสนา

๓. ปฏบิ ตั ติ นเป็นศาสนกิ ชนท่ีดตี ามหลกั ธรรมของศาสนาทตี่ นนบั ถอื

๔. ตระหนกั ถงึ การดารงชีวติ ที่ถกู ตอ้ งดีงามในฐานะศาสนกิ ชนและพลเมืองดี

สมรรถนะรายวชิ า

๑. แสดงความรู้เกี่ยวกับสถาบนั ครอบครัวและสถาบนั ทางสังคม สทิ ธหิ นา้ ทพี่ ลเมอื งดี และหลักธรรม

ของศาสนา

๓. นาหลักศาสนา หลกั ธรรม และหลักกฎหมาย มาประยุกต์ใช้เพ่อื การเป็นพลเมืองดี

สาระสาคญั

ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาท่ีนับถือพระเจ้าองค์เดียว มีหลักคาสอนที่สาคัญ ความรักและวิธีปฏิบัติตาม

บัญญัติ ๑๐ ประการ มีจดุ หมายปลายทางคอื การได้กลบั ไปอยกู่ บั พระผูเ้ ป็นเจ้านิรันดร์

การศึกษาศาสนาคริสต์ จึงเป็นศาสนาสาคัญในกลุ่มอาเซียน จาเป็นในการเตรียมความพร้อม

เข้าสู่ประชาคมอาเซยี นอกี ดว้ ย

ผลการเรยี นรูท้ ค่ี าดหวงั

๑. อธบิ ายประวตั ศิ าสดาของศาสนาครสิ ตโ์ ดยสังเขป

๒. อธิบายหลกั คาสอนของศาสนาและวธิ ปี ฏบิ ัติในศาสนาคริสต์

๓. ตระหนักถงึ หลักคาสอนของศาสนา อทิ ธพิ ลของศาสนาคริสตใ์ นเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้

๔. อธบิ ายถึงการเผยแผ่ครสิ ต์ศาสนาและการรับวทิ ยาการตะวันตกในประเทศไทย

๕. อธบิ ายถึงอทิ ธิพลของศาสนาคริสต์ต่อสงั คมไทย

๖. บอกความสาคัญของบุคคลสาคัญของศาสนาครสิ ตไ์ ด้

๗. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ที่ครูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเรอ่ื ง

๑. ความมีมนษุ ยสมั พนั ธ์ ๒. ความมวี ินัย

๓. ความรบั ผิดชอบ ๔. ความซือ่ สัตย์สุจรติ

๕. ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง ๖. การประหยดั

๗. ความสนใจใฝ่รู้ ๘. การละเว้นส่ิงเสพตดิ และการพนนั

๙. ความรกั สามัคคี ๑๐. ความกตัญญูกตเวที

สาระการเรยี นรู้

๑. ประวตั ิศาสนา

๒. ประวตั ิศาสดา

๓. ประเภทของศาสนาคริสต์
๔. นิกายของศาสนาครสิ ต์

๕. หลักคาสอนของศาสนา
๖. วธิ ปี ฏิบัตใิ นศาสนา

๖. คมั ภีรท์ างศาสนา
๗. พิธกี รรมทางศาสนา
๘. ศาสนาคริสต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

๙. การเผยแผค่ ริสต์ศาสนาและการรับวทิ ยาการตะวนั ตกในประเทศไทย
๑๐.บุคคลสาคัญ

กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน
๑. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายถึงศาสนาครสิ ตใ์ นประเทศไทย

๒. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปความสาคัญของศาสนาคริสต์
ขน้ั สอน

๓. แบ่งกลมุ่ ผู้เรยี นออกเป็น ๔ กลมุ่ ตามความเหมาะสม
กลมุ่ ท่ี ๑ อภปิ รายถึงหลักคาสอนของศาสนาคริสต์
กลุม่ ที่ ๒ อภปิ รายถงึ คมั ภรี ส์ าคัญและพิธีกรรมของศาสนาครสิ ต์

กล่มุ ท่ี ๓ อภิปรายถึงวิทยาการตะวนั ตกในประเทศไทย
กลมุ่ ท่ี ๔ อภปิ รายถึงบคุ คลสาคัญในประเทศไทย

ขน้ั สรุปและการประยุกต์
๕. แต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอผลงาน
๖. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปผลการอภิปราย

๗. นกั เรยี นทาแบบประเมินผลการเรียนรู้ และประเมนิ ตนเองเพอ่ื ทดสอบความซ่ือสัตย์
๘. นกั เรียนบนั ทึกความดี และสรุปเร่อื งทปี่ ระทับใจ

ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้
๑. หนงั สอื เรียน วชิ าหนา้ ท่พี ลเมอื งและศีลธรรม ของบริษัท สานักพมิ พเ์ อมพันธ์ จากัด
๒. ใบงาน

๓. บันทกึ ความดี
๔. แบบประเมนิ ตนเอง

๕. สือ่ PowerPoint วชิ าหนา้ ทพี่ ลเมืองและศลี ธรรม
หลกั ฐาน

๑. การตรวจใบงาน กิจกรรม คาถาม

๒. การเช็คชื่อเข้าเรียน
๓. บันทกึ ความดี

๔. บันทกึ พฒั นาการความดี
การวัดผลและการประเมนิ ผล

วิธีวัดผล

๑. สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล

๒. ประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่
๓. สังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่

๔. ตรวจคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรียนร้/ู ใบงาน
๕. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้

๖. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์

๗. ตรวจบันทึกความดี

เครอื่ งมือวัดผล
๑. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล

๒. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ (โดยครู)
๓. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุม่ (โดยนักเรียน)
๔. คาถามทา้ ยหน่วยการเรยี นร/ู้ ใบงาน จากหนังสอื เรยี นวิชาหน้าท่พี ลเมอื งและศีลธรรม

๕. แบบประเมินผลการเรียนรู้
๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและนักเรียน

ร่วมกันประเมิน
๗. บันทกึ ความดี
เกณฑก์ ารประเมินผล

๑. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไม่มชี อ่ งปรบั ปรงุ
๒. เกณฑ์ผา่ นการประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (๕๐ % ขึ้นไป)

๓. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (๕๐ % ข้นึ ไป)
๔. ตอบคาถามท้ายหนว่ ยการเรียนรู้และทาใบงานได้ทุกใบงานจงึ จะถือวา่ ผา่ นการประเมนิ
๕. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผ่าน คือ พอใช้ (๕๐ % ข้ึนไป)

๖. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการ
ประเมนิ ตามสภาพจริง

๗. การบันทึกความดีไม่มีเกณฑ์ ให้นักเรียนบันทึกตามสภาพจริง แต่นักเรียนจะสามารถทราบ
ผลการบันทึกความดดี ้วยการนาข้อมลู บนั ทึกความดใี นแต่ละครัง้ มาเขียนกราฟแสดงจะเหน็
พัฒนาการความดีของตนเองลงในแบบพฒั นาความดที ีอ่ ยดู่ ้านหลังของหนา้ ปกหนังสอื เรยี น

กจิ กรรมเสนอแนะ
ใหน้ กั เรยี นทาบันทกึ ความดแี ละนาผลไปลงในแผนพฒั นาการความดี

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 16 ครูผู้สอน นายรัตนชยั ออมสนิ
วชิ า หน้าท่ีพลเมอื งและศีลธรรม รหสั วิชา 2000-1501 จานวน 2 ช่ัวโมง
หนว่ ยที่ 14 ชอ่ื หน่วย ศาสนาอสิ ลาม

จดุ ประสงค์รายวชิ า

๑. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าท่ีของพลเมืองดี

และหลกั ธรรมของศาสนา

๓. ปฏิบัตติ นเปน็ ศาสนกิ ชนทด่ี ตี ามหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนนับถือ

๔. ตระหนกั ถงึ การดารงชวี ติ ทถี่ ูกตอ้ งดีงามในฐานะศาสนกิ ชนและพลเมืองดี

สมรรถนะรายวชิ า

๑. แสดงความรู้เก่ียวกับสถาบนั ครอบครัวและสถาบันทางสังคม สทิ ธิหนา้ ทีพ่ ลเมืองดี และหลักธรรม

ของศาสนา

๓. นาหลักศาสนา หลกั ธรรม และหลกั กฎหมาย มาประยกุ ต์ใช้เพอ่ื การเป็นพลเมืองดี

สาระสาคัญ

ศาสนาอสิ ลาม เป็นศาสนาที่เชอ่ื ในพระเจ้าองค์เดียว เชือ่ ในคมั ภรี ์อัลกุรอาน เชอื่ ในการทาความดี ไม่

ใฝท่ ารา้ ยผอู้ ื่น ยดึ หลกั สันตภิ าพ ใฝค่ วามสงบ เพอื่ ใหส้ ามารถอยู่ร่วมกับศาสนาอ่นื ในโลกอย่างสนั ติ

ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาท่ีมีผู้นับถือมากที่สุดในโลกรวมท้ังประเทศในกลุ่มอาเซียน การศึกษา

ศาสนาอิสลามอย่างถูกตอ้ งเปน็ วิธใี นการเตรยี มพรอ้ มเขา้ สู่ประชาคมอาเซยี น

ผลการเรยี นร้ทู ีค่ าดหวัง

๑. อธิบายประวตั ิศาสดา บญั ญตั ิศาสนา ประเภทของศาสนาอิสลามโดยสงั เขป

๒. ตระหนกั ถึงหลักคาสอนของศาสนา อิทธพิ ลของศาสนาอสิ ลามในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้

๓. อธิบายถงึ อิทธิพลของศาสนาอิสลามตอ่ สังคมไทย

๔. บอกความสาคญั ของบคุ คลสาคัญของศาสนาอิสลามได้

๕. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา

สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ท่ีครูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง

๑. ความมีมนษุ ยสมั พันธ์ ๒. ความมวี ินัย

๓. ความรับผิดชอบ ๔. ความซ่อื สตั ย์สจุ ริต

๕. ความเชื่อม่ันในตนเอง ๖. การประหยัด

๗. ความสนใจใฝ่รู้ ๘. การละเว้นสิง่ เสพตดิ และการพนนั

๙. ความรกั สามคั คี ๑๐. ความกตญั ญกู ตเวที

สาระการเรียนรู้

๑. ประวัตศิ าสนา

๒. ประวตั ศิ าสดา

๓. ประเภทของศาสนาอิสลาม

๔. นิกายของศาสนาอิสลาม

๕. หลักคาสอนของศาสนาอสิ ลาม
๖. การเขา้ มาของศาสนาอิสลามในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้

๗. ศาสนาอิสลามในประเทศไทย
๘. อทิ ธิพลของศาสนาอิสลามตอ่ สังคมไทย

๙. บคุ คลสาคัญ
กิจกรรมการเรยี นรู้

ขัน้ นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น

๑. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายถงึ อิทธิพลของศาสนาอสิ ลามต่อสังคมไทย
๒. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ถงึ ความสาคญั ของศาสนาอสิ ลาม

ขั้นสอน
๓. แบ่งกลมุ่ ผเู้ รียนออกเปน็ ๔ กลมุ่ ตามความเหมาะสม

กลุ่มที่ ๑ อภิปรายถึงหลกั คาสอนของศาสนาอิสลาม

กล่มุ ที่ ๒ อภปิ รายถึงการเขา้ มาของศาสนาอิสลามในประเทศไทย
กลุ่มที่ ๓ อภิปรายถึงอทิ ธพิ ลของศาสนาอสิ ลามท่ีมีตอ่ วฒั นธรรมไทย

กลุ่มท่ี ๔ อภิปรายถงึ บคุ คลสาคญั ในประเทศไทย
ข้นั สรปุ และการประยกุ ต์
๕. แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลงาน

๖. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปผลการอภิปราย
๗. นักเรียนทาแบบประเมินผลการเรียนรู้ และประเมนิ ตนเองเพอ่ื ทดสอบความซอ่ื สตั ย์

๘. นกั เรยี นบันทึกความดี และสรุปเรอื่ งที่ประทับใจ
สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้

๑. หนงั สอื เรยี น วชิ าหน้าท่ีพลเมอื งและศีลธรรม ของบรษิ ทั สานกั พมิ พเ์ อมพันธ์ จากดั

๒. ใบงาน
๓. บนั ทกึ ความดี

๔. แบบประเมนิ ตนเอง
๕. สอ่ื PowerPoint วิชาหนา้ ที่พลเมอื งและศลี ธรรม
หลกั ฐาน

๑. การตรวจใบงาน กิจกรรม คาถาม
๒. การเช็คชื่อเขา้ เรยี น

๓. บนั ทึกความดี
๔. บันทึกพฒั นาการความดี
การวัดผลและการประเมินผล

วิธีวัดผล
๑. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล

๒. ประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
๓. สงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
๔. ตรวจคาถามทา้ ยหนว่ ยการเรียนร/ู้ ใบงาน

๕. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้


Click to View FlipBook Version