92 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยเรื่องการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระวิชาภูมิศาสตร์ เรื่องลักษณะทั่วไปของ ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) มีวัตถุประสงค์คือ (1) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนสาระวิชาภูมิศาสตร์ เรื่องลักษณะทั่วไปของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 โรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ สาระวิชาภูมิศาสตร์ เรื่องลักษณะทั่วไปของทวีป ออสเตรเลียและโอเชียเนีย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 โรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร โดยใช้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) โดยใช้กลุ่มตัวอย่างแบบ เจาะจงในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 โรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ที่กำลังศึกษาอยู่ในปีการศึกษา 2566 ทั้งหมดจำนวน 32 คน นวัตกรรมที่ใช้คือ การ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แผนการ จัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) จำนวน 7 แผน (รวมแผนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน) รวม 7 ชั่วโมง และแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ ที่มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ (r tt ) เท่ากับ 0.99 มีค่าความเชื่อมั่นสูง การวิเคราะห์ข้อมูล โดยหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และการทดสอบค่า t-test Dependent 5.1 สรุปผลการวิจัย 5.1.1 การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระวิชาภูมิศาสตร์ เรื่องลักษณะทั่วไปของทวีป ออสเตรเลียและโอเชียเนีย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 โรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร โดยใช้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) มีประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 97.58/80.21 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 5.1.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ สาระวิชาภูมิศาสตร์ เรื่องลักษณะทั่วไปของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 โรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) นักเรียนได้ค่าเฉลี่ยก่อนเรียน ( X ) เท่ากับ 12.03 คะแนน คิดเป็นรอยละ 40.10 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน ( X ) เท่ากับ 24.06 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 80.21 ซึ่งพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
93 5.2 อภิปรายผล จากการวิจัยเรื่องการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระวิชาภูมิศาสตร์ เรื่องลักษณะทั่วไป ของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) มีข้อควรนำมาอภิปรายผลดังนี้ 1. ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) สาระวิชาภูมิศาสตร์ เรื่องลักษณะทั่วไปของทวีป ออสเตรเลียและโอเชียเนีย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1/1 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 97.58/80.21 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ และสอดคล้องกับสมมติฐานการศึกษาข้อที่หนึ่ง ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้สามรถอนุมานได้ว่าเป็นเพราะแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยได้จัดทำขึ้นได้ผ่าน กระบวนการสร้างอย่างมีระบบและมีวิธีการที่เหมาะสม โดยเริ่มตั้งแต่การเลือกและเรียบเรียงเนื้อหา สาระ การศึกษาเอกสาร หลักสูตร คู่มือครู แบบเรียน และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการ สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม การวิเคราะห์เนื้อหา การกำหนดหน่วย การเรียนรู้ย่อย กำหนดความคิดรวบยอด จุดประสงค์การเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และการวัดผลการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นได้ผ่าน กระบวนการกลั่นกรอง ตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ที่ได้ทำการตรวจประเมินแผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 3 ท่าน และการ ทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้กับกลุ่มทดลองนักเรียนที่หลากหลาย ก่อนที่จะนำไปทดลองจริงกับ กลุ่มตัวอย่าง อีกทั้งในรูปแบบกระบวนการเรียนรู้ยังยังมีการปรับประยุกต์ใช้เทคนิคการเรียนรู้ให้ เหมาะสมกับผู้เรียนและคอยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจในการอยากรู้อยากเรียน มีการจัดกิจกรรม การเรียนรู้แบบกลุ่ม เพื่อให้ผู้เรียนได้และเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน และพัฒนาทักษะต่างๆ ดังที่ อาภรณ์ ใจเที่ยง (2550 : 23) ได้กล่าวไว้ว่า กลุ่มเรียนรู้ร่วมกัน (Learning Together : LT) กลุ่มเรียนรู้ร่วมกัน เป็นเทคนิคการจัดกิจกรรมที่ให้สมาชิกในกลุ่มได้รับผิดชอบ มีบทบาทหน้าที่ทุกคน เช่น เป็นผู้อ่าน เป็นผู้จดบันทึก เป็นผู้รายงานนาเสนอ เป็นต้น ทุกคนช่วยกันทำงาน จนได้ผลงานสำเร็จ ส่งและ นำเสนอผู้สอนอย่างมีคุณภาพ ทำให้นักเรียนได้เผชิญกับปัญหาที่ครูได้ตั้งคำถามได้ และนักเรียน สามารถเสาะแสวงหาคำตอบของกลุ่มของตัวเองได้อย่างอิสระ การแสวงหาคำตอบของกลุ่มของตัวเอง ได้อย่างอิสระนี้ จึงเป็นตัวกระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียนการสอนเป็นอย่างดี จนนำไปสู่ การหาคำตอบของปัญหานั้นได้ตามหลักการและเหตุผล เพราะครูไม่ได้ปิดกั้นแนวความคิดของการหา คำตอบของนักเรียน นอกจากนี้กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ยังมีการพัฒนาด้วย กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการและประเมินผลด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ เครื่องมือวัดกระบวนการทักษะการทำงานกลุ่ม การสร้างชิ้นงานและทักษะการนำเสนองาน ส่งผลให้ นักเรียนเกิดความรู้ แสวงหาคำตอบได้ด้วยตนเอง มั่นใจและกล้าที่จะลองคิดและลงมือทำด้วยตนเอง
94 ได้ช่วยเพื่อนในกลุ่มและความเข้าใจในเนื้อหาสาระได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ (2545 : 175) กล่าวถึงข้อดีของการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) ไว้ว่า เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ช่วยให้ผู้เรียนมีความเอาใจใส่รับผิดชอบตัวเองและกลุ่ม ร่วมกับผู้อื่น ส่งเสริมให้ผู้เรียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นผู้นำ ส่งเสริมให้ผู้เรียนที่มีความสามารถต่างกันได้ เรียนรู้ร่วมกัน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ฝึกและเรียนรู้ทักษะทางสังคมโดยตรงและผู้เรียนมีความสุข สนุกสนานกับการเรียนรู้ เช่นเดียวกันกับแนวคิดของ ชาญชัย ยมดิษฐ์ (2548 : 135) ได้กล่าวว่าข้อดี ของกระบวนการกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้นั้นนักเรียนทุกคนในกลุ่มจะมีความรับผิดชอบร่วมกันในการ ทำงานและการเรียนรู้ มีทักษะของการอยู่ร่วมกันในสังคม มีปฏิกิริยาต่อกันและกันนั้นได้เกิดการ เรียนรู้ในเจตคติ ค่านิยมและความรู้ซึ่งกันและกัน ได้ฟังความคิดเห็นจากคนอื่น ทำให้มีความคิด กว้างขวาง ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าวที่กล่าวมา ทำให้ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) สาระวิชาภูมิศาสตร์ เรื่องลักษณะทั่วไปของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1/1 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 97.58/80.21 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ ซึ่ง สอดคล้องกับงานวิจัยของ ธำรงกุล ธิสามี, ประภัสสร ปรีเอี่ยมและอรัญ ซุยกระเดื่อง (2563 : บทคัดย่อ) ที่ได้ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT เรื่อง ลักษณะ ทางกายภาพและสังคมของทวีปยุโรป ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนา กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT เรื่องลักษณะทางกายภาพ และสังคมของทวีปยุโรป ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แผนการจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT จำนวน 12 แผน ผลการวิจัยพบว่า กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค LT เรื่อง ลักษณะทางกายภาพ และสังคมของทวีปยุโรป ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่า ประสิทธิภาพเท่ากับ 85.63/80.00 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด และยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ ชนันพัฒน์ วรรณวิจิตร (2559 : บทคัดย่อ) ที่ได้ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรมวิชาหน้าที่ พลเมือง โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมวิชาหน้าที่พลเมือง โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค LT สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนแบบร่วมมือ เทคนิค LT จำนวน 5 แผน ผลการวิจัยพบว่า ชุดกิจกรรมวิชา หน้าที่พลเมือง โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค LT สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มี ประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 83.48/82.08 ซึ่งผ่านเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ และสอดคล้องกับงานวิจัย ของ สุปรียา ไผ่ล้อม (2560 : บทคัดย่อ) ที่ได้ทำการวิจัยเรื่อง การศึกษาผลการจัดการเรียนรู้และ ความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่องพลเมืองต้นแบบ โดยใช้วิธีสอนแบบร่วมมือ (Learning Together : LT) การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระ
95 การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง พลเมืองต้นแบบ โดยใช้วิธี สอนแบบร่วมมือ ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่ม สาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่องพลเมืองต้นแบบโดยใช้ วิธีสอนแบบร่วมมือ (Learning Together : LT) ผลการวิจัยพบว่า ผลการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง พลเมืองต้นแบบ โดยใช้วิธี สอนแบบร่วมมือ (Learning Together : LT) มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.26/82.37 ซึ่งสูงกว่า เกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระวิชาภูมิศาสตร์ เรื่องลักษณะทั่วไปของทวีป ออสเตรเลียและโอเชียเนีย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 ทั้งหมด 32 คน ใช้ แบบฝึกทักษะก่อนและหลังเรียน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 12.03 คะแนน คิดเป็นร้อย ละ 40.10 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 24.06 คะแนน ร้อยละ 80.21 เมื่อเปรียบเทียบความ แตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยพบว่า นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานการศึกษาข้อที่สองที่ตั้งไว้ ทั้งนี้สาม รถอนุมานได้ว่าเป็นเพราะการจัดรูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) เป็นลักษณะการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จัดรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความหลากหลายและ ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติสู่กระบวนการจริงในรูปแบบของ Active Learning ตามแนวคิดของ (สถาพร พฤฑฒิกุล, 2558) ได้เสนอแนวคิดไว้ว่า Active Learning เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด การสร้างสรรค์ทางปัญญา (Constructivism) ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้มากกว่าเนื้อหาวิชา เพื่อช่วย ให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ หรือสร้างความรู้ให้เกิดขึ้นในตนเอง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่าน สื่อหรือกิจกรรมการเรียนรู้ ที่มีครูผู้สอนเป็นผู้แนะนำ กระตุ้น หรืออำนวยความสะดวก ให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้ขึ้น โดยกระบวนการคิดขั้นสูง กล่าวคือ ผู้เรียนมีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมิน ค่าจากสิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมการเรียนรู้ ทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีความหมายและนำไปใช้ใน สถานการณ์อื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกันกับแนวคิดของไสว ฟักขาว (2542 : 151) ได้ อธิบายเทคนิคในการเรียนแบบร่วมมือแบบ LT (Learning Together) ไว้ว่า เป็นวิธีที่เหมาะสมกับ การสอนที่มีโจทย์ปัญหา การคำนวณ หรือ การฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ เป็นรูปแบบที่มีการกำหนด สถานการณ์และเงื่อนไขให้นักเรียนทำผลงานเป็นกลุ่ม ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแบ่งปัน เอกสารการแบ่งงานที่เหมาะสม และการให้รางวัลกลุ่ม และแนวคิดของ อาภรณ์ ใจเที่ยง (2550 : 23) ได้เรียกรูปแบบร่วมเรียนร่วมรู้ว่า กลุ่มเรียนรู้ร่วมกัน (Learning Together : LT) กลุ่มเรียนรู้ร่วมกัน เป็นเทคนิคการจัดกิจกรรมที่ให้สมาชิกในกลุ่มได้รับผิดชอบ มีบทบาทหน้าที่ทุกคน เช่น เป็นผู้อ่าน เป็นผู้จดบันทึก เป็นผู้รายงานนาเสนอ เป็นต้น ทุกคนช่วยกันทำงาน จนได้ผลงานสำเร็จ ส่งและ
96 นำเสนอผู้สอน สามารถกล่าวได้ว่ารูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) ที่ เป็นเทคนิคที่มีกระบวนการในการสอนเป็นกลุ่มเรียนรู้ร่วมกัน โดยเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนที่นักเรียนได้ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม สมาชิกในกลุ่มได้รับผิดชอบ มีบทบาทหน้าที่ทุกคน ทุกคน ช่วยกันทำงาน เพื่อให้ได้ผลงานกลุ่ม สมาชิกในกลุ่มแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกันแต่มีการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในขณะที่ทำงานนักเรียนมีการช่วยกันคิดและช่วยกันตอบคำถาม เพื่อให้กลุ่มได้รับ ความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้เนื่องจากการจัดกิจกรรมการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมี กระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม ใช้กิจกรรมที่หลากหลายช่วยให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติ กิจกรรมอย่างทั่วถึงและมากที่สุด เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ โดยผู้เรียนได้ ร่วมมือและช่วยเหลือกันเพื่อทำความเข้าใจ อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งเนื้อหาสาระ กระบวนการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม การสร้างสรรค์ผลงาน การนำเสนอผลงาน ตลอดจนการวิเคราะห์ และวิจารณ์ผลงานอย่างมีเหตุผล ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากการปฏิบัติกิจกรรม มีความรับผิดชอบทั้ง ตนเองและกลุ่ม มีความกระตือรือร้นในการเรียนและตั้งใจปฏิบัติกิจกรรม พยายามทำความเข้าใจกับ เนื้อหา การแก้ปัญหา สามารถสรุปข้อความรู้ด้วยตนเอง ทำให้บรรยากาศในการเรียนเป็นไปด้วยดี ปราศจากความกดดัน ส่งผลให้ผู้ที่เรียนอ่อนเกิดความมั่นใจว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนที่เก่ง กว่า ส่วนผู้เรียนที่เก่งจะได้รับความภาคภูมิใจและการยอมรับตนเอง ด้วยเหตุผลดังกล่าว ส่งผลให้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 ซึ่งสอดคล้อง กับผลงานวิจัยของ ธำรงกุล ธิสามี, ประภัสสร ปรีเอี่ยมและอรัญ ซุยกระเดื่อง (2563 : บทคัดย่อ) ที่ได้ ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT เรื่อง ลักษณะทางกายภาพและ สังคมของทวีปยุโรป ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนระหว่างก่อนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค LT เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิด เลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค LT มีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 และ สอดคล้องกับงานวิจัยของ ศิรินทิพย์ องค์ศรีตระกูล (2561 : บทคัดย่อ) ที่ได้ทำการวิจัยเรื่อง การ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติม ชุดภูมิใจในความเป็นไทยร่วมกับ วิธีการเรียนการสอนแบบ Learning Together (LT) การพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลเชิงทะเล (ตันติวิท) ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติม ชุดภูมิใจในความเป็นไทยร่วมกับวิธีการเรียนการสอนแบบ Learning Together (LT) เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา ได้แก่แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 20
97 ข้อ ผลการพัฒนา พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 1 สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติม ร่วมกับวิธีการเรียนการสอนแบบ Learning Together (LT) ซึ่งมีค่าดัชนี ประสิทธิผลทางการเรียน (EI.) เท่ากับ 0.7309 หรือคิดเป็นร้อยละ 73.09 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ ระดับ .05 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ สุปรียา ไผ่ล้อม (2560 : บทคัดย่อ) ที่ได้ทำการวิจัยเรื่อง การศึกษาผลการจัดการเรียนรู้และความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่องพลเมือง ต้นแบบ โดยใช้วิธีสอนแบบร่วมมือ (Learning Together : LT) การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง พลเมืองต้นแบบ โดยใช้วิธีสอนแบบร่วมมือ (Learning Together : LT) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการวิจัย พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 4 เรื่อง พลเมืองต้นแบบ โดยใช้วิธีสอนแบบร่วมมือ (Learning Together : LT) หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.3.1 ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ 1) การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) เป็นเทคนิคที่มี กระบวนการในการสอนที่ไม่ยุ่งยากและไม่ซับซ้อน แต่ต้องกำหนดวัตถุประสงค์การสอนให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าใจในรูปแบบการเรียนรู้และสามารถดำเนินกระบวนการให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ผู้สอนควรศึกษาและทำความเข้าใจขั้นตอนในการจัดกิจกรรมให้ชัดเจนหรือ การแบ่งหน้าที่ให้กับผู้เรียนได้เข้าใจว่าใครทำอะไร ยังไง และผู้สอนต้องเตรียมสื่อการสอนให้มีความ หลากหลายมากขึ้น 2) การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) เป็นการเรียนรู้แบบกลุ่ม เรียนรู้ร่วมกัน โดยจำนวนสมาชิกแต่ละกลุ่มควรสอดคล้องกับภาระงานที่มอบหมาย ในช่วง 6-8 คน ส่วนใหญ่เป็นเทคนิคการจัดกิจกรรมที่ให้สมาชิกในกลุ่มได้รับผิดชอบ มีบทบาทหน้าที่ทุกคน เช่น เป็น ผู้อ่าน เป็นผู้จดบันทึก เป็นผู้รายงานนำเสนอ เป็นต้น ทุกคนช่วยกันทำงาน จนได้ผลงานสำเร็จ ส่ง และนำเสนอผู้สอน ดังนั้นผู้สอนจะต้องคอยติดตามว่าผู้เรียนมีบทบาทหน้าที่ทุกคนหรือไม่ เพื่อให้ นักเรียนได้มีทักษะการเรียนรู้ทุกคนตามความถนัดชื่นชอบ 3) การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) จะช่วยให้ผู้เรียนมี ความรู้เกี่ยวกับทักษะทางสังคมโดยตรง (Social Skills) การอยู่ร่วมกันในสังคม ผู้เรียนจะมีปฏิสัมพันธ์ ต่อกันและกันได้เกิดการเรียนรู้ในเจตคติ ค่านิยมและความรู้ซึ่งกันและกัน รับฟังความคิดเห็นจากคน
98 อื่น ทำให้มีความคิดกว้างขวาง เหมาะสำหรับการสร้างอุปนิสัยให้กับนักเรียนเพื่อให้เกิดความรักใคร สามัคคีกัน 4) ข้อควรระวังถ้าหากผู้เรียนขาดการเอาใจใส่และความรับผิดชอบส่งผลให้ผลงาน กลุ่มและการเรียนรู้จะไม่ประสบผลสำเร็จทั้งกลุ่ม ดังนั้นผู้สอนจะต้องเตรียมการดูแลเอาใจใส่ กระบวนการเรียนอย่างสม่ำเสมอ 5.3.2 ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 1) ข้อควรระวัง ในการมอบหมายภาระงานกลุ่มบางครั้งใน 1 ชั่วโมง นักเรียนอาจจะ ยังทำงานไม่เสร็จภายในเวลาที่กำหนด ทำให้ต้องเลื่อนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนออกไปอีก 1 ชั่วโมง ส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอนในคาบเรียนปกติ ถ้าจะให้นักเรียนนำกลับไปทำที่บ้าน คงจะ ไม่ได้ผลไปตามคาด เพราะนักเรียนไม่ได้ทำเป็นกลุ่มอย่างที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้อย่างแน่นอน 2) การแจ้งผลการปฏิบัติกิจกรรมควรแจ้งผลทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการปฏิบัติ กิจกรรม แผนการเรียนรู้และแบบทดสอบหลังเรียนจะเป็นเครื่องมือในการสะท้อนผลในการวิจัย ที่ สำคัญเพื่อประเมินว่านักเรียนมีความสามารถและเข้าใจมากน้อยเพียงใด เพื่อให้สามารถนำข้อมูลไป ใช้พัฒนาตนเองต่อไป 3) ควรมีการศึกษารูปแบบการจัดเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) ร่วมกับ รูปแบบการเรียนรู้หรือเทคนิคอื่นด้วย เช่น รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ กระบวนการทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) หรือการจัดรูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคอื่น เช่น เทคนิคเอส.ที.เอ.ดี (STAD) เทคนิคจี.ไอ (G.I) (Group Investigation) และเทคนิคที.จี.ที (TGT) (Team Games Tournament) เป็นต้น 4) รูปแบบการจัดเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) นอกจาก สาระวิชาภูมิศาสตร์แล้ว สามารถนำรูปแบบการเรียนรู้นี้ไปปรับใช้ได้กับทุกสาระวิชาโดยเฉพาะการ พัฒนาผู้เรียนในรูปแบบภาคปฏิบัติ
99 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (2544). แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่9 พ.ศ. 2545 – 2549. กรุงเทพฯ : อรรถพลการพิมพ์. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). เอกสารชุดเทคนิคการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสำคัญที่สุดการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา กรมศาสนา. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กรมวิชาการ. (2545). ความคิดสร้างสรรค์ หลักการ ทฤษฎีการเรียนการสอนการวัดผลประเมินผล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. กรมวิชาการ. (2545). การเรียนรู้แบบร่วมมือ. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว. จิราภรณ์ ศิริทวี. (2542). “โครงงาน: ทางเลือกใหม่ของการสร้างปัญญาชน”. วารสารวิชาการ. 2(8) (สิงหาคม 2552): 33–38. ชนะเกียรติ สิงหมาตย์. (2562). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT เรื่องหน้าที่ ของชาวพุทธและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. ชนันพัฒน์ วรรณวิจิตร. (2559). การพัฒนาชุดกิจกรรมวิชาหน้าที่พลเมือง โดยใช้การเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค LT สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรม หาบัณฑิต คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. ดวงกมล สินเพ็ง. (2553). การพัฒนาผู้เรียนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ : การจัดการเรียนการสอนที่เน้น ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง : กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม. (พิมพ์ ครั้งที่ 2 : ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : บริษัท วี, พริ้นท์ (1991) จำกัด. ทิศนา แขมมณี. (2547). การวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ทิศนา แขมมณี. (2548). ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ทิศนา แขมมณี. (2548). ศาสตร์การสอน. (พิมพ์ครั้งที่ 4) กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ทิศนา แขมมณี. (2548). รูปแบบการเรียนการสอนทางเลือกที่หลากหลาย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
100 บรรณานุกรม (ต่อ) ธำรงกุล ธิสามี ประภัสสร ปรีเอี่ยม และอรัญ ซุยกระเดื่อง. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค LT เรื่อง ลักษณะทางกายภาพและสังคมของทวีปยุโรป ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 8 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2554): 313-325. นริศรา เหลาสา. (2559). การศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วย เทคนิค Learning Together (LT) รายวิชาหน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนิน ชีวิตในสังคม. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. นิลุบล ศิลปธนูชวนพิศ ชุมคงและพัศรเบศวณ์ เวชวิริยะสกุล, การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้ เทคนิค LT ร่วมกับเทคนิคผังกราฟิก เพื่อพัฒนา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะ กระบวนการกลุ่มของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2, (วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษามหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ สถาบันมหาวิทยาลัยทักษิณ, 2564). หน้า 1920-1934. ประดับศิลป์ ชากำนัน. (2556). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT ประกอบ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหา บัณฑิต คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. พชร มีกลาง. (2550). พฤติกรรมการสอนสังคมศึกษาระดับมัธยมศึกษา. สกลนคร : คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏสกลนคร. พิชญ์สินี ชมพูคำ. (2550). สถิติเพื่อการวิจัย. เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่. วัชรา เล่าเรียนดี. (2548). เทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้สำหรับครูมืออาชีพ. นครปฐม : โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. วันเพ็ญ จันทร์เจริญ. (2549). การเรียนการสอนปัจจุบัน. สกลนคร : สถาบันราชภัฏสกลนคร. วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2545). แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. (พิมพ์ครั้งที่ 4 ). กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช. วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2545). เทคนิคและกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544. กรุงเทพฯ : สุวีริยสาส์น.
101 บรรณานุกรม (ต่อ) วิลาสินี เวียงอินทร์. การส่งเสริมพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม โดยใช้เทคนิค LT ร่วมกับสื่อสังคม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหา บัณฑิต คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 2561). ศิริปิยะวรรณ ศิริโนนรัง. (2554). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ รูปแบบร่วมเรียนร่วมรู้ (Learning Together : LT) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. (วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษามหาบัณฑิต คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. หน้า 141-147. สนอง อินละคร. (2545). เทคนิควิธีการและนวัตกรรมที่ใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้น นักเรียนเป็นศูนย์กลาง. อุบลราชธานี : อุบลกิจออฟเซทการพิมพ์. ไสว ฟักขาว. (2552). หลักการสอนสำหรับการเป็นครูมืออาชีพ. กรุงเทพฯ: เอมพันธ์. สิรภพ ปภสฺสโร (ยุทธคราม). (2563). การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือในรายวิชาพุทธศาสนา ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดผ่องพลอยวิริยาราม แผนก สามัญศึกษา กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. สุคลธ์ สินธพานนท์และคณะ. (2545). การจัดกระบวนการเรียนรู้ : เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตาม หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์. สุภิญญา เธียรวรรณ. (2563). การพัฒนาพฤติกรรมกลุ่มโดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วย เทคนิค LT เรื่องทวีปยุโรป รายวิชาภูมิศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียน เทศบาลบ้านส่องนางใย. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. สุวิทย์ มูลคำ. (2546). 19 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์. สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ. (2545). 21 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิด. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์. สุนทร ฐิตรตโน (แก้วกองนอก). (2563). การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนรายวิชาหน้าที่พลเมืองวัฒนธรรม กับการดำเนินชีวิตในสังคมของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดโสมนัส กรุงเทพมหานคร. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสต รมหาบัณฑิต คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
102 บรรณานุกรม (ต่อ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา. (2547). ผลการประเมินคุณภาพ ภายนอกของการจัดการศึกษา. สืบค้นจาก www.onesqa.or.th สืบค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระ ภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และแนวการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กระทวงศึกษาธิการ. สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กระทวง ศึกษาธิการ. อมร เมยมงคล. (2558). ผลการพัฒนาชุดกิจกรรมเรื่องวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยใช้การ เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ปริญญา ครุศาสตรมหาบัณฑิต คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2553). หลักการสอน. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์ ออมฤทัย โอชา กนกวรรณ พุ่มชา มันทนา จันทร์อิน และคณะ. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน ทักษะความเข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรมและกระบวนการคิดข้าม วัฒนธรรม ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ ได้รับจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LTประกอบสื่อคอมพิวเตอร์ช่วย สอน. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ กำแพงเพชร, 2562). หน้า 1,092-1,099. Johnson, D., Johnson, R. (1975). Learning together and alone, cooperation, competition, and individualization. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall. Johnson, D.W. & Johnsom R. T. (1991). Learning together and alone. Englewood Cliffs NJ, Prentice-Hall.
103 ภาคผนวก
104 ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญที่ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ
105 รายชื่อผู้เชี่ยวชาญ 1) ว่าที่ ร.อ.ดร.วรันธร ทองบ่อ (ครูชำนาญการพิเศษ) : หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร อำเภอ เมือง จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี 2) นางสาววิไลรัตน์ ปรีดายุทธนา (ครูชำนาญการพิเศษ) : ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนประจักษ์ ศิลปาคาร อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี 3) นางบัวเงิน มหาเพชร (ครูชำนาญการพิเศษ) : ครูพี่เลี้ยงของผู้ทำการวิจัย ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียน ประจักษ์ศิลปาคาร อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี
106 ภาคผนวก ข เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย - แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค LT (Learning Together) - แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
107 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (ส21101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สาระการเรียนรู้ที่ 5 ภูมิศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 12 ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย เวลา 9 ชั่วโมง เรื่อง ทำเลที่ตั้ง และอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย เวลา 1 ชั่วโมง วันที่ เดือน พ.ศ.2566 นางสาวหอมไกล ศิริ ผู้สอน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ ส 5.1 เข้าใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซึ่งมีผลต่อ กันและกันในระบบของธรรมชาติ ใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ สรุป และใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิด การสร้างสรรค์วัฒนธรรม มีจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อการ พัฒนาที่ยั่งยืน ตัวชี้วัด ส 5.1 ม.1/1 วิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพของทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย และโอ เชียเนีย โดยใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์สืบค้นข้อมูล ส 5.2 ม.1/1 สำรวจและระบุทำเลที่ตั้งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในทวีป เอเชีย ทวีปออสเตรเลีย และทวีปโอเชียเนีย ส 5.2 ม1/2 วิเคราะห์ปัจจัยทางกายภาพและปัจจัยทางสังคมต่อทำเลที่ตั้งของ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย และโอเชียเนีย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะของทำเลที่ตั้ง และอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอ เชียเนียได้ถูกต้อง (K) 2. นักเรียนสามารถอภิปรายความคิดเห็นเกี่ยวกับทำเลที่ตั้ง และอาณาเขตของทวีป ออสเตรเลียและโอเชียเนียได้(P) 3. นักเรียนแสดงความสนใจต่อทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนียอย่างเหมาะสม (A)
108 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์/สมรรถนะ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. มีจิตสาธารณะ 5. ความสรมารถในการสื่อสาร 6. ความสรมารถในการคิด 7. ความสรมารถในการใช้เทคโนโลยี 4. สาระสำคัญ ทวีปออสเตรเลียมีเนื้อที่ประมาณ 7,741,200 กิโลเมตร เป็นดินแดนของเครือรัฐออสเตรเลีย เป็นทวีปที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ส่วนหมู่เกาะต่าง ๆ ในโอเชียเนีย ประกอบด้วยหมู่เกาะเมลานีเซียมี เนื้อที่ประมาณ 522,200 ตารางกิโลเมตร หมู่เกาะไมโครนีเซีย มีเนื้อที่ประมาณ 1,700 ตาราง กิโลเมตร และหมู่เกาะโบลินีเซียมีเนื้อที่ประมาณ 278,400 ตารางกิโลเมตร 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 ลักษณะทั่วไปของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย - ทำเลที่ตั้ง และอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย 6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค L.T (Learning Together) ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครู-นักเรียนกล่าวทักทายกัน 2. ให้นักเรียนดูภาพ ได้แก่ จิงโจ้ หมีโคอาลา ชนเผ่าอะบอริจิน โอเปร่าเฮ้าส์ พร้อมตั้งคำถาม ว่า “จากภาพดังกล่าว นักเรียนเคยเห็นสิ่งเหล่านี้หรือไม่คิดว่าจะพบเห็นได้ที่ใดและน่าจะอยู่ในทวีป อะไรบนโลกของเรา” (เคย/ไม่เคย ประเทศออสเตรเลีย ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย) 3. ครูเปิดวีดีโอเรื่อง “สารคดี สำรวจโลก ตอน มหัศจรรย์แห่งออสเตรเลีย” ให้นักเรียนชม
109 4. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนโดยใช้แผนที่กายภาพของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย โดย กล่าวว่า ถ้าลองสังเกตที่ตั้ง ขนาด และลักษณะทางกายภาพอื่น ๆ ของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย จากแผนที่กายภาพ จะเห็นได้ว่า ทวีปแห่งนี้มีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับทวีปอื่น และมีลักษณะเป็น เกาะขนาดใหญ่และหมู่เกาะอีกนับร้อยในมหาสมุทรบริเวณซีกโลกใต้ ขั้นที่ 2 สอน 5. ครูเปิด Power point นำเสนอเรื่องทำเลที่ตั้งและอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอ เชียเนีย โดยอธิบายเกี่ยวกับ อาณาเขตติดต่อของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย ภูมิภาคทาง ภูมิศาสตร์ของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย พร้อมกับครูตั้งประเด็นสอบถามนักเรียนเพื่อให้เกิด ความเข้าใจ 6. จากนั้นครูตั้งประเด็นคำถามให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นและทัศนะ เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้และความสนใจของผู้เรียน จากนั้นให้นักเรียนบันทึกลงในสมุดบันทึก ดังนี้ 6.1 เพราะเหตุใดทำเลที่ตั้งและอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนียจึง เรียกว่า “วงแหวนแห่งไฟ” (หมู่เกาะต่าง ๆ ที่เป็นแผ่นดินของทวีปออสเตรเลียและโอเชีย ตั้งอยู่บริเวณแนวมุดเกยของแผ่นเปลือกโลก) 6.2 ที่ตั้งและอาณาเขตส่งผลต่อลักษณะภูมิลักษณ์ของทวีปออสเตรเลียและโอ เชียเนียอย่างไร (ทำให้เกิดเทือกเขาเกรตดิไวดิง ทะเลสาบ แนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก เกาะต่าง ๆ และภูเขาไฟ)
110 ขั้นที่ 3 สรุป 7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับลักษณะที่ตั้ง และอาณาเขตของทวีป ออสเตรเลียและโอเชียเนีย แล้วร่วมกันตอบคำถามเชิงภูมิศาสตร์ โดยครูช่วยชี้แนะและอธิบายเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนเข้าใจ ขั้นที่ 4 ฝึกฝนผู้เรียน 8. ครูแจกและชี้แจงใบงานเรื่องทำเลที่ตั้งและอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย เพื่อให้นักเรียนทำเป็นการบ้าน 9. นักเรียนได้ฝึกกระบวนการทางภูมิศาสตร์ในการใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์สืบค้นข้อมูล รวบรวมข้อมูล จัดการข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้เกิดความถูกต้องและสามรถนำไปประยุกต์และ ปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ 10. นักเรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการคิด การสื่อสาร การทำงาน ความกล้าแสดงออก การ วิเคราะห์และการสรุปความคิดรวบยอดในการตอบคำถามระหว่างเรียน ขั้นที่ 5 นำไปใช้ 11. ครูตั้งประเด็นเพื่อให้นักเรียนได้เขียนอภิปรายแสดงความคิดเห็นกับนักเรียนลงในสมุด บันทึกแล้วครูตั้งประเด็นคำถามชวนคิดให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่อไปนี้ แล้วบันทึกลง ในสมุดบันทึก ส่งพ้อมกับใบงาน 11.1 นักเรียนคิดว่าจุดเด่นของทำเลที่ตั้งและอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอ เชียเนียคืออะไรเพราะอะไร 11.2 นักเรียนคิดว่าจุดด้อยของทำเลที่ตั้งและอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอ เชียเนียคืออะไรเพราะอะไร 11.3 ทำเลที่ตั้งและอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย มีความได้เปรียบ ทางด้านภูมิศาสตร์อะไรบ้าง 12. ครูแนะนำนักเรียนในการใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์สืบค้นข้อมูล รวบรวมข้อมูล จัดการ ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้เกิดความถูกต้องและสามรถนำไปประยุกต์และปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ได้ 13. นักเรียนสามารถนำประสบการณ์ในการในการพูด การคิดวิเคราะห์ การตอบคำถาม การ ทำงาน ไปประยุกต์และปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
111 7. สื่อ / แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2. สื่อแผนที่ทำเลที่ตั้งและอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย 3. สื่อภาพ จิงโจ้ หมีโคอาลา ชนเผ่าอะบอริจิน โอเปร่า 4. ใบงานเรื่องทำเลที่ตั้งและอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย 5. คลื่นอินเตอร์เน็ต 6. ทำเลที่ตั้งและอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย 7. สื่อวีดีโอเรื่อง “สารคดี สำรวจโลก ตอน มหัศจรรย์แห่งออสเตรเลีย” 8. กระบวนการวัดประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. นักเรียนสามารถอธิบาย ลักษณะของทำเลที่ตั้ง และอาณาเขตของทวีป ออสเตรเลียและโอเชียเนียได้ ถูกต้อง (K) ใบงานเรื่องทำเลที่ตั้ง และอาณาเขตของ ทวีปออสเตรเลียและ โอเชียเนีย คำถามใน ใบงาน ตรวจความถูก ต้องของคำตอบ ตอบถูกต้องร้อยละ 60 ขึ้นไป = ผ่านเกณฑ์ 2. นักเรียนสามารถอภิปราย ความคิดเห็นเกี่ยวกับทำเลที่ตั้ง และอาณาเขตของทวีป ออสเตรเลียและโอเชียเนียได้ (P) - อภิปรายแสดงความ คิดเห็น - สมุดบันทึก แบบ ประเมินผล การอภิปราย ประเมินผลการ อภิปราย ระดับพอใช้ขึ้นไป = ผ่านเกณฑ์ 3.นักเรียนแสดงความสนใจต่อ ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย อย่างเหมาะสม (A) การอภิปรายแสดง ความคิดเห็น แบบประเมิน การอภิปราย แสดงความ คิดเห็น ประเมินการ อภิปรายแสดง ความคิดเห็น ระดับพอใช้ขึ้นไป = ผ่านเกณฑ์
112 9. บันทึกผลหลังการสอน 1. ปัญหาที่เกิด ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................. ................... 2. วิธีการแก้ปัญหา ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................. ................... 3. ผลการแก้ปัญหา ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................. ................... (ลงชื่อ)................................................... (นางสาวหอมไกล ศิริ) ครูผู้สอน ............../................./............. 10. ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................. ................... (ลงชื่อ)................................................... (นางบัวเงิน มหาเพชร) ครูพี่เลี้ยง ............../................./.............
113 11. ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................. ................... (ลงชื่อ)..................................................... (ว่าที่ ร.อ.ดร.วรันธร ทองบ่อ) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ฯ ............../................./............. 12. ความคิดเห็นของผู้บริหาร/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................. ................... (ลงชื่อ)..................................................... (ดร.ชนากานต์ จันทร์มงคล) รองผู้อำนวยการกลุ่มงานบริหารวิชาการ ............../................./.............
114 แบบประเมินการทำกิจกรมด้วยกระบวนการทางภูมิศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ 12 ทวีปออสเตรเลีย และโอเชียเนีย คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตสังเกตความสนใจและความตั้งใจในการทำกิจกรรมระหว่างเรียนของนักเรียน แล้วทำ เครื่องหมาย ✓ ให้ระดับคะแนนลงใน ตารางที่ตรงกับพฤติกรรมของนักเรียนเลขที่ ชื่อ-สกุล นักเรียน รายการประเมิน รวม 21 คะแนน สรุปผลการประเมิน เริ่มทำงาน ที่ได้รับมอบหมายทันที ทำกิจกรรมด้วยความ สนุกสนานและเต็มที่ มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม อย่างสม่ำเสมอ ใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ใน การสืบค้นข้อมูล จัดการข้อมูลให้มีความ เหมาะสม จัดการข้อมูลให้มีความ เหมาะสม ตอบคำถามเชิงภูมิศาสตร์ได้ เหมาะสม 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 รวม ลงชื่อ......................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวหอมไกล ศิริ) ................/.................../................. เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 17 - 21 ดีมาก พอใช้ขึ้นไป = ผ่านเกณฑ์ 14 - 16 ดี 10 – 13 พอใช้ ต่ำกว่า 9 ปรับปรุง
115 แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ 12 ทวีปออสเตรเลีย และโอเชียเนีย คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียนของนักเรียน แล้วทำเครื่องหมาย ✓ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำ ดับ ที่ ชื่อ-สกุล นักเรียน รายการประเมิน รวม 15 คะแนน สรุป ผลการ ประเมิน การรับฟังความคิดเห็น การแสดงความคิดเห็น ความมีวินัย ตรงต่อเวลา ความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเสียสละ ผลสำเร็จของงาน 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 รวม ลงชื่อ......................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวหอมไกล ศิริ) ................/.................../................. เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 13 - 15 ดีมาก พอใช้ขึ้นไป = ผ่านเกณฑ์ 10 - 12 ดี 7 – 9 พอใช้ ต่ำกว่า 7 ปรับปรุง
116 แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม การมีส่วนร่วมในชั้นเรียน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ 12 ทวีปออสเตรเลีย และโอเชียเนีย คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม การมีส่วนร่วมในชั้นเรียนของนักเรียน แล้วทำเครื่องหมาย ✓ ให้ระดับคะแนนลงใน ตารางที่ตรงกับพฤติกรรมของนักเรียน ลำ ดับ ที่ ชื่อ - สกุลนักเรียน สนใจในการตอบคำถามร่วมแสดงความคิดเห็น มากกว่า 7 ครั้ง 5 - 6 ครั้ง 3 – 4 ครั้ง 1 – 2 ครั้ง ไม่มี ส่วนร่วม รวม ลงชื่อ......................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวหอมไกล ศิริ) ................/.................../................. หมายเหตุการตัดสินใช้เกณฑ์ฐานนิยม เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ มากกว่า 7 ครั้ง ดีมาก พอใช้ขึ้นไป = ผ่านเกณฑ์ 5 – 6 ครั้ง ดี 3 – 4 ครั้ง พอใช้ 1 – 2 ครั้ง ปรับปรุง ไม่มีส่วนร่วมเลย ควรพิจารณา
117 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชื่อ-สกุลนักเรียน.........................................................................................ชั้น..................เลขที่…………….. คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติ และบอกความหมายของเพลงชาติได้ 1.2 ปฏิบัติตนตามสิทธิหน้าที่ของนักเรียน ให้ความร่วมมือร่วมใจในการทำงาน กับสมาชิกในห้องเรียน 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน และชุมชน 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา และเป็นตัวอย่างที่ดีของศาสนิกชน 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียนและชุมชนจัดขึ้นชื่นชมในพระราชกรณียกิจ พระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ละอายและเกรงกลัวที่จะทำความผิด ทำตามสัญญา ที่ตนให้ไว้กับพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนด้าน ความซื่อสัตย์ 3. มีวินัย 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัวและโรงเรียน มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันมีความรับผิดชอบ 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ตั้งใจเรียน 4.2 เอาใจใส่ในการเรียน และมีความเพียรพยายามในการเรียน 4.3 เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ 4.4 ศึกษาค้นคว้า หาความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี ต่างๆแหล่ง การเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน และเลือกใช้สื่อได้ อย่างเหมาะสม 4.5 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบบางสิ่งที่เรียนรู้ สรุปเป็นองค์ความรู้ 4.6 แลกเปลี่ยนความรู้ด้วยวิธีการต่างๆ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน 5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินและสิ่งของของโรงเรียนอย่างประหยัด
118 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอย่างประหยัดและรู้คุณค่า 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงิน 6. มุ่งมั่นในการ ทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครองและครูทำงาน 8.2 มีจิตอาสาทำงานช่วยผู้อื่นและแบ่งปันสิ่งของให้ผู้อื่น 8.3 รู้จักดูแล รักษาทรัพย์สมบัติ และสิ่งแวดล้อมของห้องเรียนและชุมชน 8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ของโรงเรียน รวม ลงชื่อ......................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวหอมไกล ศิริ) ................/.................../................. เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 13 - 15 ดีมาก พอใช้ขึ้นไป = ผ่านเกณฑ์ 10 - 12 ดี 7 – 8 พอใช้ ต่ำกว่า 7 ปรับปรุง
119 แบบประเมินสมรรถนะ 5 ด้าน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชื่อ-สกุล...................................................................................ชั้น.....................เลขที่............... คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงใน ช่องที่ตรงกับระดับคะแนน สมรรถนะที่ประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1.1 มีความสามารถในการรับสาร-ส่งสาร 1.2 มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความเข้าใจของตัวเอง โดยใช้ ภาษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใช้วิธีการสื่อสารที่เหมาะสม 2. ความสามารถในการคิด 2.1 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพื่อการสร้างองค์ความรู้ 2.2 มีความสามารถในการคิดเป็นระบบ เพื่อการสร้างองค์ความรู้ 3. ความสามารถในการแก้ไขปัญหา 3.1 แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผล 3.2 แสวงหาความรู้เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหา 3.3 ตัดสินใจโดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อตนเองและผู้อื่น 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.1 ทำงานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยความสัมพันธ์อันดี 4.2 มีวิธีการแก้ไขความขัดแย้งอย่างเหมาะสม 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5.1 เลือกใช้ข้อมูลในการพัฒนาตนเองอย่างเหมาะสม 5.2 เลือกใช้ข้อมูลในการทำงานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม รวม รวม ลงชื่อ......................................................... ผู้ประเมิน นางสาวหอมไกล ศิริ) ................/.................../................. เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
120 คำชี้แจง : ให้นักเรียนศึกษาแผนที่ในหนังสือเรียนเพื่อตอบคำถามในช่องว่างให้ถูกต้อง ใบงาน เรื่อง ท าเลที่ตั้ง และอาณาเขตของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย ชื่อ-นามสกุล.........................................................................ชั้นม.1/.................เลขที่.......................
121 1. ทวีปออสเตรเลียมีประเทศเอกราชทั้งหมดกี่ประเทศ ก. 13 ประเทศ ข. 14 ประเทศ ค. 47 ประเทศ ง. 11 ประเทศ 2. “โอเชียเนีย” เป็นชื่อเรียกดินแดนเกาะต่างๆ ใน มหาสมุทรแปซิฟิก โดยแบ่งเป็นหมู่เกาะต่างๆ ยกเว้นข้อใด ก. หมู่เกาะเมลานีเซีย ข. หมู่เกาะไมโครนีเซีย ค. หมู่เกาะโปลินีเซีย ง. หมู่เกาะชวา 3. หากศึกษาภาพถ่ายดาวเทียมและมองเห็นสีน้ำตาอ่อน แสดงว่าบริเวณนี้หมายถึงอะไร ก. ทะเลสาบ ข. แนวปะการัง ค. ทะเลทราย ง. แนวแท่งดิน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ลักษณะทั่วไปของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย รายวิชา สังคมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน จำนวนข้อสอบ 30 ข้อ เวลา 30 นาที คำชี้แจง : ให้นักเรียนอ่านคำถามให้ชัดเจน และเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แล้วทำเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคำตอบ 4. จากภาพ ถ้านักเรียนอยู่ประเทศอินโดนีเชีย จะมองเห็นทวีปออสเตรเลียทางทิศใดในแผนที่ ก. ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ข. ทิศใต้ ค. ทิศตะวันออก ง. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 5. เทือกเขาที่สำคัญในออสเตรเลียคือเทือกเขาใด ก. เทือกเขาหิมาลัย ข. เทือกเขาเกรตดิไวดิง ค. เทือกเขาอูรัล ง. เทือกเขาแอลป์ 6.ลักษณะภูมิประเทศของทวีปออสเตรเลียส่วนใหญ่เป็น ทะเลทรายแห้งแล้ง ทะเลทรายใดบ้างไม่ได้อยู่ในทวีป ออสเตรเลีย ก. ทะเลทรายกิบสัน ทะเลทรายทานามิ ข. ทะเลทรายซิมป์สัน ทะเลทรายเกรตวิกตอเรีย ค. ทะเลทรายโกบี ทะเลทรายอาหรับ ง. ทะเลทรายสตูร์ทสตอนี ทะเลทรายเกรตแซนดี
122 7. ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนียประกอบด้วย เกาะที่มีขนาดแตกต่างกัน เกาะที่มีขนาดเล็กที่สุด เป็นที่ตั้งของประเทศใด ก. ชามัว ข. มาร์แชลล์ ค. นาอูรู ง. ตองกา 8. ยอดเขาที่สูงที่สุดในออสเตรเลียคือ…… ก. คอสซีอัสโก ข. คิมเบอร์ลีย์ ค. เอเวอร์เรสต์ ง. นัลลาบอร์ 9. จากภาพชายฝั่งทางตอนเหนือของออสเตรเลียมีอ่าว ขนาดใหญ่ คืออ่าวอะไร ก. อ่าวคาร์เพนแทเรีย ข. อ่าวเบงกอล ค. อ่าวไทย ง. อ่าวเปอร์เซีย 10. ช่องแคบที่อยู่ทางตอนใต้ของออสเตรเลีย มีชื่อว่าอะไร ก. ช่องแคบมะละกา ข. ช่องแคบทอร์เรส ค. ช่องแคบบาสส์ ง. ช่องแคบเกาหลี 11. เพราะสาเหตุใดชาวนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่จึงนิยมตั้งถิ่น ฐาน อยู่บนเกาะเหนือมากกว่าเกาะใต้ ก. เป็นเขตดินภูเขาไฟที่อุดมสมบูรณ์ ข. ภูมิอากาศดีกว่าเกาะใต้ ค. เป็นจุดแรกของการสร้างเมือง ง. มีระยะทางอยู่ใกล้ออสเตรเลีย 12. “เกรตแบร์ริเออร์รีฟ” เป็นเทือกเกาะปะการังใน ทะเลเปิดน้ำลึกและเป็นแหล่งปะการังที่ใหญ่ที่สุดของโลก สามารถพบได้ทางทิศในของออสเตรเลีย ก. ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ข. ทางทิศใต้ของออสเตรเลีย ค. ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ง. ทางทิศตะวันออกของออสเตรเลีย
123 13. ภูมิประเทศประเภทใดที่มีส่วนสนับสนุนให้ นักท่องเที่ยวเดินทางไปออสเตรเลีย ก. แนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ข. ทะเลสาบน้ำเค็ม ค. ภูเขาดินกลางทะเลทราย ง. อ่าวขนาดใหญ่รอบทวีป 14. ออสเตรเลียมีแม่น้ำสายสำคัญต่างๆ ต่อไปนี้ ยกเว้น ข้อใด ก. แม่น้เมอร์รีย์-ดาร์ลิง ข. แม่น้ำฟลินเดอร์ ค. แม่น้ำเดลี ง. แม่น้ำแยงซี 15. สัตว์ต่อไปนี้เป็นสัตว์ประจำถิ่นออสเตรเลียและโอเชีย เนีย ยกเว้นข้อใด ก. จิงโจ้ นกอีมู ข. โคอาลา วอมแบต ค. แพนด้า ลิงซ์ทะเลทราย ง. นกกีวี สุนัขป่าดิงโก 16. ออสเตรเลียมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม นักเรียนคิดว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ก. รัฐให้เสรีภาพในการรับวัฒนธรรมต่างถิ่น ข. ประชากรอพยพมาจากหลายภูมิภาคเพื่อเข้ามาตั้งถิ่น ฐาน ค. ความก้าวหน้าของระบบสื่อสารสนเทศ ง. วัฒนธรรมมีความหลากหลายเป็นทุนเดิม 17. เพราะเหตุใดประชากรในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ จึงใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ก. ชาวอังกฤษเป็นกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานใน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ข. เป็นภาษาที่สื่อสารได้ง่าย ค. เคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ง. เป็นถิ่นกำเนิดของภาษาอังกฤษ 18. ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย มีพื้นที่และเกาะ ขนาดเล็กใหญ่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีภูมิอากาศ หลากหลายแบบ โดยแบ่งได้ถึง 8 แบบ ยกเว้นภูมิอากาศ แบบใด ก. ภูมิอากาศแถบศูนย์สูตร ข. ภูมิอากาศแบบทะเลทราย ค. ภูมิอากาศแบบที่สูง ง. ภูมิอากาศแบบทุนดรา 19. เขตภูมิอากาศแบบทะเลทรายในตอนกลางค่อนไป ทางทิศตะวันตกของออสเตรเลีย มีอากาศร้อนและแห้ง แล้ง สามารถพบพืชพรรณประเภทใดต่อนี้ ก. ทุ่งหญ้า ไม้แคระ ไม้หนาม เช่น กระบองเพชร ไม้พุ่ม หนาม ข. พืชใบเล็กและมัน เช่น พืชสกุลส้ม มะกอก องุ่น ค. ป่ารกชัฏ เช่น ไม้สนชนิดต่างๆ เมเปิล เฟิน ง. ป่าดิบชื้น ไม้สูงชะลูด มีเถาวัลย์ เฟิน บอนสี ไม้แดง ไผ่ 20. การผลิตไวน์เหมาะกับภูมิอากาศแบบใดในประเทศ ออสเตรเลีย ก. ภูมิอากาศแบบสะวันนา ข. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น ค. ภูมิอากาศแบบกึ่งทะเลทราย ง. ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน
124 21. “เกรตอาร์ทีเชียนเบซิน” ในรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย คืออะไร ก. เกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์ ข. แหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ ค. ฟาร์มสัตว์เลี้ยงบนที่สูง ง. เขตดินภูเขาไฟ 22. พืชพรรณไม้ที่สำคัญในออสเตรเลียที่นำไปแปรรูป เป็นไม้อัด แผ่นไม้ รวมถึงกระดาษ และเฟอร์นิเจอร์ คือ ไม้อะไร ก. ยูคาลิปตัส ข. สักทอง ค. ประดู่ ง. กระบองเพชร 23. การประกอบอาชีพใดที่ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติ ของออสเตรเลียหมดลง อย่างรวดเร็ว ก. เหมืองทองคำ ข. เลี้ยงแกะ ค. ป่าไม้ ง. ล่าจิงโจ้ 24. ลักษณะภูมิประเทศของทวีปออสเตรเลียและโอ เชียเนียไม่ค่อยเหมาะแก่การเพาะปลูก ประชากรจึงหัน ไปทำปศุสัตว์แทน สัตว์ที่มีการเลี้ยงเป็นจำนวนมากคือ สัตว์ชนิดใด ก. หมู จิงโจ้ สุนัข ข. ปลา ไก่ เป็ด ค. แกะ โคเนื้อ โคนม ง. นกอีมู โคอาลา 25. “บูมเมอแรง” หมายถึงอะไร ก. ชนเผ่าพื้นเมืองของออสเตรเลีย ข. ไม้แกะสลักของชนเผ่าเมารี ค. อาวุธของชาวอะบอริจินี ง. อาหารพื้นเมืองของนิวซีแลนด์ 26. กลุ่มชนพื้นเมืองทีมีลักษณะผิวสีดำหรือคล้ำน้ำตาล ผมสีดำหยิก ปลายจมูกกว้าง จมูกแบน ใบหน้ารูปไข่ ริม ฝีปากหนา รูปร่างสันทัด คือกลุ่มเชื้อชาติใด ก. กลุ่มเมลานีเซีย ข. กลุ่มไมโครนีเซีย ค. กลุ่มอะบอริจินี ง. กลุ่มคอเคซอยด์ 27. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรมทำ ให้ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มีความเจริญในด้านข้อใด ก. ด้านการท่องเที่ยว ข. ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ค. ด้านเศรษฐกิจ ง. ถูกทุกข้อ
125 28. ออสเตรเลียมีสภาพเป็นเกาะและเป็นแผ่นดินเก่าแก่ ส่งผลต่อทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร ก. มีไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่ ข. มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ ค. มีสัตว์น้ำประจำถิ่นหลายชนิด ง. เป็นแหล่งผลิตแกะที่เก่าแก่ 29. เมืองหลวงของออสเตรเลีย คือเมืองใด ก. แคนเบอร์รา ข. ดาร์วิน ค. ซิดนีย์ ง. เมลเบิร์น 30. เพราะเหตุใด กรุงพอร์ตมอร์สบี ประเทศปาปัวนิวกินี จึงเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ ก. สภาพการเมืองมั่นคง ข. ชาวพื้นเมืองมีความเป็นมิตร ค. มีทำเลที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ง. มีอ่าวจอดเรือกำบังลมอย่างดี ลงชื่อ.................................................. (นางสาวหอมไกล ศิริ) ผู้ออกแบบทดสอบ ลงชื่อ.................................................. (นางบัวเงิน มหาเพชร) ผู้ตรวจทาน
126 เฉลยแบบทดสอบ เรื่อง ลักษณะทั่วไปของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย 1. ข. 11. ก. 21. ข. 2. ง. 12. ก. 22. ก. 3. ค. 13. ก. 23. ก. 4. ก. 14. ง. 24. ค. 5. ข. 15. ค. 25. ค. 6. ค. 16. ข. 26. ค. 7. ค. 17. ก. 27. ง. 8. ก. 18. ง. 28. ข. 9. ก. 19. ก. 29. ก. 10. ค. 20. ง. 30. ค.
127 ภาคผนวก ค ข้อมูลการหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและการวิเคราะห์ผล
128 ค่า IOC ของแผนการจัดการเรียนรู้ ตารางที่ ค.1 แสดงการคำนวณค่า IOC จากผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดของแผนการจัดการเรียนรู้ เรียน เรื่อง ลักษณะทั่วไปของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย จากผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด แผนการสอนที่ รายการ ผู้เชี่ยวชาญ ค่า IOC แปลผล คนที่1 คนที่2 คนที่3 1.ทำเลที่ตั้งและอาณาเขต ของทวีปออสเตรเลียและ โอเชียเนีย 1.มาตรฐานการเรียนรู้ 2.ตัวชี้วัด 3.สาระสำคัญ 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.สาระการเรียนรู้ 6.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 1 ใช้ได้ +1 +1 +1 1 ใช้ได้ +1 +1 +1 1 ใช้ได้ +1 +1 +1 1 ใช้ได้ +1 +1 +1 1 ใช้ได้ +1 +1 +1 1 ใช้ได้ +1 +1 +1 1 ใช้ได้ +1 +1 +1 1 ใช้ได้ 2.ลักษณะภูมิประเทศของ ทวีปออสเตรเลีย 1.มาตรฐานการเรียนรู้ 2.ตัวชี้วัด 3.สาระสำคัญ 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.สาระการเรียนรู้ 6.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 0 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 1 1 1 1 1 1 1 0.67 ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ 3.ลักษณะภูมิประเทศ หมู่ เกาะโอเชียเนีย 1.มาตรฐานการเรียนรู้ 2.ตัวชี้วัด 3.สาระสำคัญ 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.สาระการเรียนรู้ 6.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 0 +1 1 1 1 1 1 1 0.67 1 ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้
129 แผนการสอนที่ รายการ ผู้เชี่ยวชาญ ค่า IOC แปลผล คนที่1 คนที่2 คนที่3 4.ลักษณะภูมิอากาศ และ พืชพรรณธรรมชาติ ทวีป ออสเตรเลียและโอเชียเนีย 1.มาตรฐานการเรียนรู้ 2.ตัวชี้วัด 3.สาระสำคัญ 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.สาระการเรียนรู้ 6.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 0 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 1 1 1 1 1 1 0.67 1 ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ 5.ลักษณะ ทรัพยากรธรรมชาติของ ทวีปออสเตรเลียและโอเชีย เนีย 1.มาตรฐานการเรียนรู้ 2.ตัวชี้วัด 3.สาระสำคัญ 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.สาระการเรียนรู้ 6.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 0 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 1 1 1 0.67 1 1 1 1 ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ 6.ลักษณะประชากร สังคม และวัฒนธรรมของทวีป ออสเตรเลียและโอเชียเนีย 1.มาตรฐานการเรียนรู้ 2.ตัวชี้วัด 3.สาระสำคัญ 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.สาระการเรียนรู้ 6.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 1 1 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ 7.ลักษณะเศรษฐกิจของ ทวีปออสเตรเลียและโอเชีย เนีย 1.มาตรฐานการเรียนรู้ 2.ตัวชี้วัด 3.สาระสำคัญ 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้
130 แผนการสอนที่ รายการ ผู้เชี่ยวชาญ ค่า IOC แปลผล คนที่1 คนที่2 คนที่3 7.ลักษณะเศรษฐกิจของ ทวีปออสเตรเลียและโอเชีย เนีย 6.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 1 1 1 ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ สรุปผล จากตาราง ค.1 สรุปได้ว่าค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ แผนที่ 1-7 อยู่ระหว่าง 0.67-1.00 ทุกแผน สามารถนำไปใช้สอนได้
131 ค่า IOC ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ ตารางที่ ค.2 แสดงการคำนวณค่า IOC ความสอดคล้องคุณภาพของแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่อง ลักษณะทั่วไปของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย จากผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด ข้อที่ ผลการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ ∑ IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 9 +1 0 0 3 0.33 ตัดทิ้ง 10 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 11 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 12 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 13 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 14 0 +1 +1 2 0.67 ปรับปรุง 15 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 16 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 17 +1 0 0 3 0.33 ตัดทิ้ง 18 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 19 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 20 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 21 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 22 +1 0 0 3 0.33 ตัดทิ้ง 23 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 24 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้
132 ข้อที่ ผลการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ ∑ IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 25 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 26 0 +1 +1 2 0.67 ปรับปรุง 27 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 28 0 +1 +1 2 0.67 ปรับปรุง 29 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 30 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 31 +1 0 0 3 0.33 ตัดทิ้ง 32 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 33 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 34 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 35 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 36 0 +1 +1 2 0.67 ปรับปรุง 37 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 38 0 +1 0 3 0.33 ตัดทิ้ง 39 +1 0 +1 2 0.67 ปรับปรุง 40 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ สรุปผล จากตาราง ค.2สรุปได้ว่า ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้สาระวิชาภูมิศาสตร์ เรื่อง ลักษณะทั่วไปของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย จากผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 0.67–1.00 มีข้อที่เข้าเกณฑ์จำนวน 35 ข้อ สามารถนำไปใช้ได้ ไม่เข้าเกณฑ์มีจำนวน 5 ข้อ ได้แก่ข้อที่ 9,17,22,31และ38 ที่ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) อยู่ที่ 0.33 ไม่สามารถนำไปใช้ได้
133 ค่าความยากง่าย (p) ค่าอำนาจจำแนก(r) ตารางที่ ค.3 วิเคราะห์ค่าความยากง่าย(p) ค่าอำนาจจำแนก(r) ของแบบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่อง ลักษณะทั่วไปของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค L.T (Learning Together) ข้อที่ ความยากง่าย (p) แปลผล อำนาจจำแนก (r) แปลผล สรุปผล 1 0.43 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 2 0.47 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 3 0.39 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 4 0.39 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 5 0.32 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 6 0.52 ใช้ได้ 0.46 ใช้ได้ ใช้ได้ 7 0.43 ใช้ได้ 0.31 ใช้ได้ ใช้ได้ 8 0.39 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 9 0.47 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 10 0.43 ใช้ได้ 0.31 ใช้ได้ ใช้ได้ 11 0.43 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 12 0.44 ใช้ได้ 0.37 ใช้ได้ ใช้ได้ 13 0.43 ใช้ได้ 0.15 ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้ 14 0.43 ใช้ได้ 0.31 ใช้ได้ ใช้ได้ 15 0.31 ใช้ได้ 0.08 ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้ 16 0.43 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 17 0.40 ใช้ได้ 0.31 ใช้ได้ ใช้ได้ 18 0.39 ใช้ได้ 0.08 ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้ 19 0.47 ใช้ได้ 0.31 ใช้ไม่ได้ ใช้ได้ 20 0.47 ใช้ได้ 0.31 ใช้ได้ ใช้ได้ 21 0.43 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 22 0.36 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้
134 ข้อที่ ความยากง่าย (p) แปลผล อำนาจจำแนก (r) แปลผล สรุปผล 23 0.43 ใช้ได้ 0.08 ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้ 24 0.43 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 25 0.48 ใช้ได้ 0.38 ใช้ได้ ใช้ได้ 26 0.47 ใช้ได้ 0.31 ใช้ได้ ใช้ได้ 27 0.39 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 28 0.43 ใช้ได้ 0.15 ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้ 29 0.39 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 30 0.43 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 31 0.43 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 32 0.48 ใช้ได้ 0.46 ใช้ได้ ใช้ได้ 33 0.43 ใช้ได้ 0.31 ใช้ได้ ใช้ได้ 34 0.47 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ 35 0.51 ใช้ได้ 0.23 ใช้ได้ ใช้ได้ จาก ตรารางที่ ค.3 ผลการวิเคราะห์ค่าความยากง่าย (p) ค่าอำนาจจำแนก (r) ของแบบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ลักษณะทั่วไปของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย จำนวน 35 ข้อ มี ค่าความยากตั้งแต่ 0.31 ถึง 0.52 จำนวนข้อที่ใช้ได้ 35 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.08 ถึง 0.46 จำนวนที่ใช้ได้ 30 ข้อ และข้อที่ใช้ไม่ได้จำนวน 4 ข้อ ได้แก่ 13,15,18,23 และ 28
135 ตรารางที่ ค.4 แสดงคะแนนสอบจริง 30 ข้อ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ใช้ในการคัดเลือกข้อสอบ ซึ้งเรียงจากมากไปหาน้อย ดังตราราง คนที่ คะแนนรวม (X) 2 1 30 900 2 30 900 3 29 841 4 29 841 5 29 841 6 28 784 7 28 784 8 28 784 9 27 729 10 27 729 11 27 729 12 26 676 13 25 625 14 25 625 15 25 625 16 25 625 17 23 529 18 22 484 19 22 484 20 21 441 21 20 400 22 20 18
136 คนที่ คะแนนรวม (X) 2 23 20 400 24 20 400 25 20 400 26 18 324 27 18 324 28 17 289 29 17 289 30 17 289 31 15 225 32 14 196 รวม 709 18,011
137 ตรารางที่ ค.5 ผลวิเคราะห์ความเชื่อมั่น ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ลักษณะสังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจของทวีปแอฟริกาที่คัดเลือกมาแล้ว จำนวน 35 ข้อ โดยใช้ สูตร KR-20 ข้อที่ P Q p q 1 0.4 0.6 0.25 2 0.5 0.5 0.25 3 0.4 0.6 0.24 4 0.4 0.6 0.24 5 0.3 0.7 0.22 6 0.5 0.5 0.25 7 0.4 0.6 0.25 8 0.4 0.6 0.24 9 0.5 0.5 0.25 10 0.4 0.6 0.25 11 0.4 0.6 0.25 12 0.4 0.6 0.25 13 0.4 0.6 0.24 14 0.4 0.6 0.25 15 0.3 0.7 0.21 16 0.4 0.6 0.25 17 0.4 0.6 0.24 18 0.4 0.6 0.24 19 0.4 0.5 0.25 20 0.5 0.5 0.25 21 0.5 0.6 0.25 22 0.4 0.6 0.23 23 0.6 0.6 0.24 24 0.4 0.6 0.25 25 0.4 0.5 0.25
138 ข้อที่ P Q p q 26 0.4 0.5 0.25 27 0.5 0.6 0.24 28 0.5 0.6 0.24 29 0.4 0.6 0.24 30 0.4 0.6 0.25 31 0.4 0.6 0.25 32 0.5 0.5 0.25 33 0.4 0.6 0.25 34 0.5 0.5 0.25 35 0.5 0.5 0.25 9.74 การวิเคราะห์ข้อสอบแบบรายฉบับจะอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการวิเคราะห์ข้อสอบ นั่นคือ ค่าความ เชื่อมั่น (KR-20) โดยผู้วิจัยได้ใช้วิธีวิเคราะห์ของคูเดอร์ - ริชาร์ดสัน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหา ของการประมาณค่า ความเชื่อมั่นที่ใช้วิธีการแบ่งครึ่งแบบทดสอบที่แตกต่างกัน จะให้ค่าความเชื่อมั่น ที่แตกต่างกัน และใช้สำหรับ แบบทดสอบที่ให้คะแนนแบบ 0 , 1 เท่านั้นจำแนก ใช้สูตรของคูเดอร์ – ริชาร์ดสัน 20 (KR-20) โดยแบบทดสอบ แต่ล่ะข้อ ไม่จำเป็นต้องมีความยากง่ายเท่ากัน แต่ควรมีจำนวนแบบทดสอบอย่างน้อย 20 ข้อ โดยใช้สูตรคำนวณ − 20 = [ − 1 ][1 − ∑ 2 ] เมื่อ K-R20 เป็น สัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่นของของคูเดอร์ ริชาร์ดสัน เป็น สัดส่วนของผู้ตอบถูกในข้อที่ i เป็น สัดส่วนของผู้ตอบผิดในข้อที่ i = 1 - p 2 เป็น ความแปรปรวนของคะแนนรวม เป็น จำนวนแบบทดสอบ
139 กรณีต้องการทราบค่าความแปรปรวนของคะแนนรวม สามารถคำนวณโดยใช้สูตร ดังนี้ การคำนวณหาค่าความแปรปรวน ( 2 ) สูตรการคำนวณหา 2 = ∑ 2−(∑ ) 2 (−1) แทนค่า = 32(18011)− (709) 2 30(30−1) = (576352)− (502681) 30(29) = 26,809 870 2 = 30.81 ดังนั้น ค่าความแปรปรวนของคะแนนรวม เท่ากับ 30.81 การคำนวณหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบแบบปรนัย ด้วยสูตร KR-20 สูตรการคำนวณหา − 20 = [ −1 ][1 − ∑ 2 ] แทนค่า = [ 30 30 − 1 ][1 − 9.74 30.81] = (1.03)(1 − 0.31) = (1.03)(0.69) = 0.71 ดังนั้น ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบฉบับนี้ที่คำนวณด้วย KR-20 เท่ากับ 0.71 ภาพที่ 5 ภาพแสดงเกณฑ์การพิจารณาระดับค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ KR-20 เกณฑก์ารพจิารณาระดับคา่ความเชอื่ม่ันของแบบทดสอบ KR-20 ข้อสอบที่สร้างเอง ต้องมีค่า 0.70 ขึ้นไป ข้อสอบที่ผู้อื่นสร้างขึ้นแล้วตนน ามาใช้ต้องมีค่ามากกว่า 0.80 ขึ้นไป
140 ตารางที่ 9 การคัดเลือกข้อสอบ ข้อที ค่าที่ใช้พิจารณา ข้อที่ไม่เข้าเกณฑ์ ทั้ง 5 ข้อ ข้อที่ถูกคัดเลือก 30 ข้อ ค่า IOC ค่าความยาก (P) ค่าอำนาจจำแนก (R) 1 1.00 0.43 0.23 2 1.00 0.47 0.23 3 1.00 0.39 0.23 4 1.00 0.39 0.23 5 1.00 0.32 0.23 6 1.00 0.52 0.46 7 1.00 0.43 0.31 8 1.00 0.39 0.23 9 1.00 0.47 0.23 10 1.00 0.43 0.31 11 1.00 0.43 0.23 12 1.00 0.44 0.37 13 0.67 0.43 0.15 14 1.00 0.43 0.31 15 1.00 0.31 0.08 16 1.00 0.43 0.23 17 1.00 0.40 0.31 18 1.00 0.39 0.08 19 1.00 0.47 0.31 20 1.00 0.47 0.31 21 1.00 0.43 0.23 22 0.67 0.36 0.23 23 1.00 0.43 0.08
141 ข้อที ค่าที่ใช้พิจารณา ข้อที่ไม่เข้าเกณฑ์ ทั้ง 5 ข้อ ข้อที่ถูกคัดเลือก 30 ข้อ ค่า IOC ค่าความยาก (P) ค่าอำนาจจำแนก (R) 24 1.00 0.43 0.23 25 1.00 0.48 0.38 26 0.67 0.47 0.31 27 1.00 0.39 0.23 28 0.67 0.43 0.15 29 1.00 0.39 0.23 30 1.00 0.43 0.23 31 1.00 0.43 0.23 32 0.67 0.48 0.46 33 1.00 0.43 0.31 34 1.00 0.47 0.23 35 1.00 0.51 0.23