The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by faity24112535, 2023-07-12 03:05:07

นิทานเวตาล ม.4

นิทานเวตาล ม.4

นิทานเวตาล นิทานเรื่องที่ นิทานเรื่องที่๑๐


อมนุษย์ที่มีลักษณะของสัตว์ หลายอย่างผสมกัน เรียกกันว่า ”เวตาล”


รูปคล้ายค้างคาว...สูงประมาณ ๒ ถึง ๓ ฟุต กว้างฟุต ครึ่ง หน้าตั้งแต่อกถึงหลังครึ่งฟุตถึงหนึ่งฟุต ผมบนหัว ยาวแลดูดก ขนที่ตัวยาวแลยืนเหยียด หัวกลม หน้ารูป ไข่ ตากลมแลถลน จมูกยาวเป็นขอเหมือนปากเหยี่ยว ปากอ้า แก้มตอบ คางแลขาตะไกรกว้าง ฟันเป็นซ่อม แขนแลมือสั้น ขาสั้น ท้องพลุ้ย เล็บคม ปีกมีแรงมาก ลักษณะของเวตาล


ผู้แต่ง พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ (น.ม.ส.) พระนามเดิม พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส นามแฝง (น.ม.ส.) น ามาจากพยัญชนะตัว สุดท้ายของพระนาม ทรงนิพนธ์ เรื่อง นิทานเวตาลขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๑


ลักษณะค าประพันธ์ ร้อยแก้วประเภทนิทาน นิทานซ้อนนิทาน มีค าประพันธ์แทรกบ้างบางตอน จุดประสงค์: เพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน


ที่มาของเรื่อง เวตาลมาจากวรรณคดีอินเดีย เรื่อง เวตาลปัญจวิงศติ แปลว่า นิทานเวตาล ๒๕ เรื่อง ซึ่งเล่าขานโดยกวีชื่อ ศิวทาส และ ได้เล่าขานกันต่อมากกว่า ๒,๕๐๐ ปีล่วงมาแล้ว


ที่มาของเรื่อง เวตาลปัญจวิงศติ ที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบันมีทั้งฉบับภาษา สันสกฤตและฉบับภาษาอินเดีย สมัยที่อินเดียตกเป็นอาณานิคม ของอังกฤษได้มีการแปลนิทานเรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษอีกหลาย ส านวน


ที่มาของเรื่อง น.ม.ส. ทรงน าฉบับภาษาอังกฤษของ ริชาร์ด เอฟ เบอร์ตัน ๙ เรื่อง ที่ชื่อ (Vikram and the Vampire or Tales of Hindu Devilry) และส านวนของผู้อื่นอีก ๑ เรื่อง มาแปล เป็นภาษาไทยรวม ๑๐ เรื่อง


ที่มาของเรื่อง ที่ทรงเลือกแปลฉบับของ เบอร์ตัน เพราะทรงเห็น ว่า “สนุกกว่าฉบับอื่น ถ้าจะเปรียบกับเครื่องเพชรพลอยที่ท าเป็น วัตถุส าหรับประดับกายก็เหมือนกับพลอยแขกอย่างดีซึ่งช่างฝรั่งเอา ไปฝังในเรือนทองค าอันมีรูปแลลายงดงามถูกตาผู้ที่ไม่ใช่แขก ผู้อ่าน มิใช่ฝรั่งก็เห็นดีอย่างฝรั่งได้”


ที่มาของเรื่อง ในการเรียบเรียงนิทานเวตาล น.ม.ส. ทรงใช้ วิธีการตกแต่งนิทานชุดนี้ให้มีสีสันน่าอ่านโดยไม่ขัดต่อ ความคิดของคนไทย ดังที่ทรงอธิบายไว้ในค าน าว่า...


ที่มาของเรื่อง “ฉบับภาษาไทยนี้ถ้าจะเอาเทียบกับฉบับที่แปลตรงมาจาก สันสกฤตหรือหินที (ฮินดี) จะเห็นผิดกันมาก เพราะในฉบับอังกฤษมี ส านวนความคิดแลโวหารของเบอร์ตันปะปนอยู่ก็มากชั้นหนึ่งแล้ว ซ ้า ในภาษาไทยมี น.ม.ส. ปนลงไปอีกชั้นหนึ่งเล่า” กล่าวได้ว่านิทาน เวตาลเป็นงานประพันธ์ที่แสดงลีลาการเขียนร้อยแก้วของ น.ม.ส. ได้อย่างดีชิ้นหนึ่ง


ที่มาของเรื่อง นิทานเวตาลเป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงการที่เวตาลเล่านิทาน หลอกล่อพระวิกรมาทิตย์ตั้งแต่เวลาหัวค ่าจนใกล้สว่าง นิทานเรื่องนี้ กวี “ศิวทาส” แต่งไว้เป็นภาษาสันสกฤตตั้งแต่โบราณกาล ต่อมา “โสมเทวะ” กวีชาวแคล้นกัษมีระได้น ามาเรียบเรียงขึ้นใหม่และรวมเข้า ไว้ในหนังสือรวมนิทานโบราณของอินเดียเล ่มส าคัญ คือ “กถาสริตสาคร” (ตอนที่ ๗๕ – ๙๙ )


สรุปต้นก าเนิดของนิทานเวตาล ๑. ฉบับเดิมเรียกว่า ”เวตาลปัญจวีศติ” ๒. เป็นวรรณคดีอินเดียโบราณ ๓. ผู้แต่งนิทานเวตาลชื่อ ศิวทาส ๔. โสมเทวะ รวบรวมนิทานได้ ๓๐๐ เรื่อง


สรุปความเป็นมาของไทย ๑. ผู้แต่งคือ พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่น พิทยาลงกรณ์(น.ม.ส) ๒. แปลมาจากเซอร์ ริชารด์ เอฟ เบอร์ตัน ๙ เรื่อง จาก เอช.ทอนว์นีย์อีก ๑ เรื่อง รวม ๑๐ เรื่อง


โครงเรื่อง นิทานเวตาล เป็นเรื่องการโต้ตอบเกี่ยวกับปัญหา ระหว่างพระวิกรมาทิตย์กษัตริย์แห่งกรุงอุช เชยินีกับเวตาล ปีศาจที่มีร่างกายกึ่งมนุษย์ กับค้างคาวซึ่งจะน าเข้าไปสู่นิทานย่อยต่าง ๆ ที่แทรกอยู่ในเรื่องใหญ่


นิทานของเวตาลเป็นการเล่าเพื่อทดสอบปัญญา และความอดทนอดกลั้นของพระวิกรมาทิตย์ (4/3)


ต้นเรื่อง


มียักษ์ตนหนึ่งเตือน พระวิกรมาทิตย์ว่าจะโยคีปลอมตัว มาฆ่าพระองค์ ดังนั้นจงระวังตัวไว้


โยคีศานติศีล ผู้ผูกอาฆาตพระบิดาของพระวิกรมาทิตย์และประสงค์จะเอาชีวิตของ พระองค์แทน โดยโยคีท าอุบายปลอมตนเป็นพ่อค้าน าผลไม้ที่ซ่อนทับทิมล ้าค่าไว้ ภายในมาถวายพระราชาทุกวันจนได้ทับทิมกองใหญ่


วันหนึ่งพระองค์ท าผลทับทิมตกลงพื้น จึงพับว่าในผลทับทิมมีทิบทิมมีค่า มากมาย


พระวิกรมาทิตย์ให้สัญญาว่าจะกระท าการตอบแทนตามที่ พ่อค้าประสงค์ ศานติศีลจึงเผยตัวว่าเป็นโยคีก าลังท าพิธีอย่างหนึ่ง อยู่ในป่าช้าริมแม่น ้าโคทาวรีและต้องการให้พระราชาไปน าศพที่ แขวนอยู่บนต้นอโศกในป่าช้าอีกแห่งหนึ่งมาเพื่อให้ประกอบพิธี ส าเร็จ พระวิศกรมาทิตย์ทรงรักษาสัญญาแม้จะทราบแม้ว่าศานติศีล ก าลังตั้งพิธี จะท าร้ายพระองค์


เมื่อพระวิกรมาทิตย์และพระราชาบุตรไปถึงต้นอโศก ทรงเห็นศพที่แขวนบนกิ่งอโศกนั้นลืมตาโพรง ก็ทรงทราบ ทันทีว่าตัวที่ห้อยอยู่นั่นคือเวตาลซึ่งเข้ามาสิงศพ


พระองค์ทรงปีนขึ้นไปฟันกิ่งไม้นั้นจนเวตาลตกลงมา แต่ครั้งทรงจับตัวไว้และตรัสกับเวตาล เวตาลกับลอย ขึ้นไปห้อยบนต้นไม้ดั้งเดิม


เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง พระราชาก็มิได้ทรงละความ เพียร จนในครั้งที่เจ็ดเวตาลจึงยอมให้พระองค์จับใส่ ย่าม ก่อนจะออกเดินทางไปพบโยคีศานติศีล เวตาลได้ กล่าวกับ พระวิศกรมาทิตย์ว่า...


“พระองค์ผู้เป็นพระราชาทรงจ าภาษิตโบราณว่า ลิ้นคนนั้น ตัดคอคนเสียมากต่อมากแล้ว... ในเวลาเดินทางนั้น ข้าพเจ้าจะเล่า นิทานเล่น ปราชญ์ผู้มีความรู้ย่อมใช้เวลาของตนกับหนังสือ มิใช่ใช้ เวลาใน การนอนแลการขี้เกียจอย่างคนโง่ ในเวลาเล่านิทานนั้น ข้าพเจ้าจะตั้งปัญหาถามพระองค์ และพระองค์ตรัสสัญญาข้อนี้ เสียก่อนข้าพเจ้าจึงจะยอมไปด้วย...


คือเมื่อข้าพเจ้าตั้งปัญหา ถ้าพระองค์ตอบจะเป็นด้วย กรรมในปางก่อนบันดาลให้ตอบ หรือด้วยแพ้ความฉลาดของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าล่อให้ทรงแสดงความเย่อหยิ่งว่ามีความรู้ก็ตาม ถ้าตรัส ตอบปัญหาข้าพเจ้าเมื่อใดข้าพเจ้าจะกลับไปอยู่ของข้าพเจ้า...


ต่อเมื่อพระองค์ไม่ตอบปัญหา เพราะได้สติหรือ ด้วยความโง่เขลาของพระองค์ก็ตาม ข้าพเจ้าจึงจะ ยอมไปด้วย ข้าพเจ้าขอทูลแนะน าเสียแต่ในบัดนี้ว่า ...


“พระองค์จงสงบความเห็นใน พระหฤทัยว่าเป็นผู้มีความรู้ เมื่อเกิด มาเป็นคนโง่แล้วก็จงยอมโง่เสียเถิด มิฉะนั้น พระองค์จะไม่ได้ประโยชน์ ซึ่งนอกจากข้าพเจ้าแล้ว ไม่มีใคร อ านวยได้”


ค าพูดของเวตาลนี้ นอกจากจะเป็นการแนะน าให้ผู้อ่าน นั้นทราบว่าเวตาลท าหน้าที่เป็นตัวเดินเรื่อง และเป็นผู้เล่านิทานย่อย เรื่องต่าง ๆ แล้วยังแสดงให้เห็นลักษณะส าคัญของเวตาลว่าเป็นผู้ที่ช่าง พูดและมีความสามารถสูงยิ่งในการใช้โวหารเพื่อเสียดสีเยาะเย้ยและยั่วยุ อารมณ์ผู้ฟัง


ฝ่ายพระราชาเมื่อได้ฟังค าดูหมิ่นของ เวตาล แม้ทรงขัดเคือง แต่ก็อดกลั้น ไว้มิได้ตรัสตอบ เวตาลจึงเริ่มต้นเล่า นิทานถวายโดยอ้างว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งสิ้น


พระวิกรมาทิตย์และเวตาล นิทานทั้ง ๑๐ เรื่อง กล่าวถึงชีวิตของคนในวรรณะต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวรรณะกษัตริย์ (นักรบ) วรรณะแพทย์ (พ่อค้า) แม้จะมีเนื้อเรื่องแตกต่างกันแต่นิทานทุกเรื่องมีประเด็นปัญหาให้ต้อง ขบคิด แก้ไข ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับการเลือกคู่ครอง ลักษณะนิสัย ต่าง ๆ เช่น ความดี-ความชั่ว ความโง่- ความฉลาดของมนุษย์


พระวิกรมาทิตย์และเวตาล ถึงพฤติกรรมหรือเหตุการณ์บางอย่างซึ่งยากจะหาค าตอบ หรือวิธีแก้ไขได้ดังตัวอย่างเช่น นิทานเรื่องที่ ๖ เล่าถึงบุตรีของ พราหมณ์ผู้มีอายุอยู่ในวัยที่สมควรจะวิวาห์ บิดา มารดา และพี่ชายของ นางต่างตกลงยกนางให้ชายที่แต่ละคนพอใจ ขณะที่ชายหนุ่มทั้งสาม ก าลังแสดงความรู้ประชันกัน บุตรีของพราหมณ์ถูกงูกัดตาย ชายคนที่ หนึ่งเก็บกระดูกของนางไว้


พระวิกรมาทิตย์และเวตาล ชายคนที่สองเก็บเถ้าถ่านที่เผาศพนาง ส่วนชายคนที่สามไป เรียนวิชาชุบชีวิตคนตายให้ฟื้น เมื่อชายทั้งสามคนมาพบกันอีกครั้ง ชาย คนที่สามจึงได้ท าพิธีชุบชีวิตนางขึ้นจากกระดูกและเถ้าถ่านที่ชายคนที่ หนึ่งและสองรักษาไว้ เมื่อนางฟื้นขึ้นมาชายหนุ่มทั้งสามโต้เถียงกันว่า ผู้ใดควรมีสิทธิ์ จะได้นางเป็นภรรยา


พระวิกรมาทิตย์และเวตาล เวตาลเล่าถึงเหตุผลของชายทั้งสามแล้วทูลยั่วให้พระวิกรมา ทิตย์ตัดสิน พระราชาอดพระทัยไม่ได้จึงส่งตอบโดยแสดงเหตุผลอัน น่าฟัง นิทานเรื่องอื่น ๆ ยกเว้นเรื่องที่ ๑๐ ก็ล้วนมีลักษณะคล้ายคลึง กันนิทานเรื่องที่ ๖


พระวิกรมาทิตย์และเวตาล กล่าวคือ แม้ปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องหรือค าถามของเวตาลจะ ยากเย็นซับซ้อนเพียงไร แต่ก็พอมีทางแก้ไขหรือตัดสินได้ เวตาลจึงยั่ว ยุความอยากอธิบายของพระวิกรมาทิตย์ได้ส าเร็จ


พระวิกรมาทิตย์และเวตาล เมื่อประกอบกับการใช้วิธีการกล่าวค าสบประมาทพระองค์ พระวิกรมาทิตย์จึงระงับความอยากพูดไว้ไม่ได้ ท าให้พระองค์ต้อง เดินทางกลับไปจับตัวเวตาลที่ต้นอโศกครั้งแล้วครั้งเล่า


พระวิกรมาทิตย์และเวตาล สมดังค าที่เวตาลได้เตือนพระองค์ไว้ว่า “ลิ้นคนนั้นตัดคอ คนเสียมากต่อมากแล้ว” อย่างไรก็ตาม การที่พระวิกรมาทิตย์สามารถ แก้ปัญหาในนิทานทั้ง ๙ เรื่องได้ แสดงให้เราเห็นว่าหากมนุษย์รู้จักใช้ ปัญญาคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนและรอบด้าน แม้ปัญหาจะยากเย็น ซับซ้อน เพียงใดก็สามารถแก้ไขหรือท าความเข้าใจได้เสมอ


พระวิกรมาทิตย์และเวตาล การพยายามเวียนกลับไปจับตัวเวตาลในป่าช้าอันน่า สะพรึงกลัวโดยปราศจากความหวั่นเกรง ย่อท้อ หลังจากที่ทรงพลาด พลั้งกล่าวค าพูดออกไปทุกครั้ง ยังสะท้อนให้เราเห็นจิตใจอันกล้าหาญ มุ่งมั่น และความเพียรอันแรงกล้า ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่น่าชื่นชมยิ่งของ พระวิกรมาทิตย์


“นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐” เนื้อเรื่องย่อ


เวตาลเล่านิทานให้พระวิกรมา ทิตย์ซึ่งมีพระธรรมธวัชพระราช บุตรเสด็จตามด้วย เวตาลเรื่อง นิทานว่า


ณ เมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ชื่อกรุงธรรมปุระ มีพระราชานามว่า ท้าวมหาพล พระมเหสีเป็น ผู้หญิงที่งดงามมากแม้พระธิดาจะเป็นสาวที่งาม มากแล้วพระมะเหสีก็งามไม่แพ้กัน พ่อ แม่ ลูก


ต่อมาบ้านเมืองเกิดศึกสงครามขึ้น ท้าวมหาพลแพ้สงครามในครั้งนี้


ท้าวมหาพลพาพระมเหสีและพระธิดาหนีรอนแรมไปถึงหมู่บ้าน แห่งหนึ่ง ท้าวมหาพลให้หญิงทั้งสองซ่อนตัวในป่า พระองค์เอง เสด็จไปในหมู่บ้านเพื่อหาอาหาร


หมู่บ้านที่ท้าวมหาพลไปนั้นเป็นหมู่บ้านโจร โจรได้จับพระองค์ฆ่าแล้วชิงเอาทรัพย์สินของมีค่าไป


ฝ่ายมเหสีและพระธิดาที่แอบอยู่ ในป่า เห็นพวกโจรเข้าท าร้ายพระราชา จนสิ้นพระชนม์ด้วยความกลัว สอง นางจึงพากันเตลิดหนีไป


เผอิญมีพระราชานามว่าจันทรเสนกับ พระโอรสพากันเสด็จมาล่าสัตว์ในป่า กษัตริย์ทรงม้าตามแนวป่าก็เห็นรอยเท้า คนสองรอยจึงหยุดดู


เมื่อเห็นรอยเท้าใกล้ ๆ จึงพิจารณาว่า น่าจะเป็นรอยเท้าผู้หญิง รอยหนึ่งมี ขนาดเล็ก และอีกรอยเท้ามีขนาดใหญ่ พระราชาและพระโอรสจึงสัญญากันว่า…


พระราชาจะเลือกหญิงเจ้าของรอยเท้า ใหญ่เป็นภรรยาเพราะน่าจะเป็นของสาว ใหญ่ ส่วนพระโอรสจะรับหญิงรอยเท้า เล็กเป็นภรรยาเพราะน่าจะเป็นของสาว น้อยตามขนาดของเท้า


เมื่อทั้งสองกษัตริย์ได้ท าสัญญาแบ่งนาง กันเรียบร้อย ก็ชักม้าไปตามรอยเท้าเข้า ไปในป่า


สักครู่หนึ่งก็เห็นนางทั้งสองนั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จลงมาจากม้าแล้ว ถามไถ่ นางทั้งสองก็เล่าเรื่องให้ทราบทุก ประการ


Click to View FlipBook Version