ปรากฏว่าเป็นการสลับคู่กัน คือ พระราชาวิวาห์กับ พระธิดา ส่วนพระโอรสวิวาห์กับพระมารดาของพระธิดา เหตุเกิดจากการคาดขนาดของรอยเท้าผิด
ลูกกลับเป็นเมียพ่อ แม่กับเป็นเมียลูกลูกกลับเป็นแม่เลี้ยงของผัวแม่ ตัวเอง และแม่กับเป็นลูกสะใภ้ของผัวลูกตัวเอง ต่อมาบุตรและธิดาก็ เกิดจากนางทั้งสอง และบุตรและธิดาของนางทั้งสองก็มีบุตรและธิดา ต่อ ๆ กันไป
เวตาลเล่าเพียงเท่านี้ก็หยุด ก็ตั้งค าถามถามพระวิกรมาทิตย์“ว่าจะนับญาติ กันอย่างไร” พระองค์ก็ทรงฟังปัญหาและทรงนึกตรองอยู่ชั่วครู่ และนึกขึ้นได้ว่า ต้องพาเวตาลไปส่งแก่โยคี โดยห้ามตอบค าถามหรือปัญหาของเวตาลจึงจะส าเร็จ เวตาลพยายามยั่วเย้าพระองค์ให้ตอบ แต่พระองค์ก็ไม่ตรัสตอบและกุมสติมั่นไม่ ตรัสตอบแต่อย่างใด
เนื้อเรื่อง “นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐”
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ เวตาลกล่าวว่า ครั้งนี้ข้าพเจ้าให้เกิดกระเหม่นตาซ้ายหัวใจเต้นแรง และตาก็มืดมัวเป็นลางไม่ดีเสียแล้ว แต่ข้าพเจ้าก็เล่าเรื่องจริงถวายอีก เรื่องหนึ่ง แลเพราะเหตุข้าพเจ้าเบื่อหน่ายการถูกแบกสะพายไปมาเป็น หลายเที่ยวแล้ว แม้พระองค์ไม่ทรงเบื่อเป็นผู้แบบข้าพเจ้าก็จริง ข้าพเจ้าจะ ตั้งปัญหาที่ยากทูลถามสักที ถ้าทรงตอบได้ พระปัญญาก็มากยิ่งกว่าที่ ข้าพเจ้าคิดว่าจะมีในพระราชาพระองค์ใด
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ ในโบราณกาลมีเมืองใหญ่เมืองหนึ่งชื่อกรุงธรรมปุระ พระราชาทรง นามท้าวมหาพล มีมเหสีซึ่งแม้มีพระราชธิดาจ าเริญวัยใหญ่แล้วก็ยังเป็น สาวงดงาม ถ้าจะเปรียบกับพระราชบุตรีก็คล้ายพี่กับน้องยิ่งกว่าแม่กับลูก ที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะพระราชธิดามีอาการแก่เกินอายุ ที่จริงเป็นด้วยพระ ราชมารดาเป็นสาวไม่รู้จักแก่แลความสาวของพระนางเป็นเครื่อง ประหลาดของคนทั้งหลาย
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ เมื่อท้าวมหาพลจะสิ้นบุญนั้น เกิดศึกขึ้นที่กรุงธรรมปุระ ข้าศึกมี ก าลังมากและช านาญการศึก ใช้ทั้งทองค าแลเหล็กเป็นอาวุธ คือใช้ ทองค าซื้อน ้าใจนายทหารและไพร่พลของพระราชาให้เอาใจออกห่างจาก พระองค์ แลใช้เหล็กเป็นอาวุธฆ่าฟันคนที่ซื้อน ้าใจไม่ได้
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ ข้าศึกใช้ทองค าบ้างเล็กบ้างเป็นอาวุธดังนี้ จนในที่สุดลี้พลของ ท้าวมหาพลหรอร่อยย่อยยับไป ท้าวมหาพลเห็นจะรักษาชีวิตพระองค์ไว้ ไม่ได้ด้วยวิธีรบก็คิดจะรักษาด้วยวิธีหนี จึ่งพาพระมเหสีและพระราชธิดา ออกจากกรุงไปในเวลาเที่ยงคืนจ าเพาะสามพระองค์ พระราชาทรงพานาง ทั้งสองเล็ดรอดพ้นแนวทับข้าศึกไป แล้วก็ตั้งพระพักตร์มุ่งไปยังเมืองซึ่ง เป็นเมืองเดิมของพระมเหสี หรอร่อย คือ ร่อยหรอ แปลว่า ค่อยหมดไปทีละน้อย
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ วันรุ่งขึ้นพระราชาทรงน านางทั้งสองเดินไปจนเวลาสาย ถึงสอง ทุ่งเห็นหมู่บ้านหมู่หนึ่งแต่ไกล ไม่ทรงทราบว่าเป็นหมู่บ้านโจร แต่สงสัยไม่ วางพระหฤทัย จึงตรัสให้พระมเหสีแลพระราชธิดาหยุดนั่งก าบังอยู่ใน แนวไม้ พระองค์ทรงถืออาวุธเดินตรงเข้าไปสู่หมู่บ้าน เพื่อจะหาอาหาร เสวยแลสู่นางทั้งสอง
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ ฝ่ายพวกภิลล์ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านนั้นประพฤติตัวเป็นโจรอยู่โดย ปกติ ครั้นเห็นชายคนเดียวแต่งตัวด้วยของมีค่าเดินเข้าไปเช่นนั้น ก็คุม กันออกมาจะเข้าชิงทรัพย์ในพระองค์ พระราชาท้าวมหาพลทรงเห็นดังนั้น ก็ทรงพระแสงธนูยิงพวกโจรล้มตายลงเป็นอันมาก ฝ่ายนายโจรได้ทราบ ว่าผู้มีทรัพย์มาฆ่าฟันพวกตนลงไปเป็นอันมากดังนั้น - ภิลล์แปลว่า ชาวป่า อาศัยอยู่ตามแถบเขาวินธัยในอินเดีย - คุมกัน แปลว่า รวมกลุ่มกัน
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ ก็กระท าสัญญาเรียกพลโจรออกมาทั้งหมดแล้วเขาล้อมรบ พระราชา ท้าวมหาพลองค์เดียวเหลือก าลังจะต่อสู้ป้องกันอาวุธพวกโจรได้ ก็สิ้นพระชนม์ในที่นั่น พวกภิลล์ก็ช่วยกันเข้าปลดเรื่องของมีค่าออกจาก พระองค์ แล้วพากันคืนเข้าสู่บ้านแห่งตน สัญญา คือ สัญญาณ
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ เผอิญมีพระราชาอีกพระองค์หนึ่งทรงนามท้าวจันทรเสน เสด็จ ออกยิงสัตว์ป่ากับพระราชบุตรจ าเพาะสองพระองค์ กษัตริย์ทั้งสองทรง ม้าไปตามแนวป่า เห็นรอยเท้าหญิงสองคนก็ทรงชักม้าหยุดดู พระราชบิดาตรัสว่า “รอยเท้าหญิงสองคนท าไมมีอยู่ในป่าแถบนี้” พระราชบุตรทูลว่า “รอยเท้าเหล่านี้เป็นรอยเท้าหญิงสองคน รอยเท้าชาย คง จะโตกว่านี้”
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ ฝ่ายพระมเหสีแลพระราชธิดาทรงแอบอยู่ในแนวไม้ เห็นพวกโจรเข้ากลุ้ม รุมรบพระราชาก็ตกใจเป็นก าลังแต่ไม่รู้จะท าอย่างไรได้ ครั้นเห็นพวกภิลล์ท าลาย พระชนม์พระราชาลงไปแล้ว สองนางพระองค์สั่นพากันหนีห่างออกไปจากหมู่บ้าน โจร ทางจะไปทางไหนหาทราบไม่ ความมุ่งมาดมีอยู่แต่ว่าจะหนีให้พ้นมือพวกภิลล์ ซึ่งเป็นคนชาติต ่าช้าเท่านั้น นางทั้งสองทรงก าลังน้อยแต่อ านาจความกลัวพาให้ เสด็จไปทางเป็นทาง ๔ โกรศ อ่อนเพลียพระก าลังทรงด าเนินต่อไปไม่ได้ ก็หยุดนั่ง พักอยู่ใต้ร่มไม้ริมทาง โกรศ อ่านว่า โกรด มาตราวัด ความยาวเท่ากับ ๕๐๐ คันธนูเรียงต่อกัน
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ พระราชาตรัสว่า “เจ้าของรอยเท้าเหล่านี้หญิงจริงอย่างเจ้าว่า แลน่าประหลาดที่มีหญิงมาเดินอยู่ในป่า แต่ถ้าจะพูดตามเรื่องในหนังสือ หญิงที่พระราชาพบในป่ามักจะงามกว่าหญิงที่จะหาได้ในกรุง เหมือน ดอกไม้ในป่าที่งามกว่าดอกไม้ในสวน เราจะตามนางทั้งสองนี้ไปถ้าพบ นางงามจริงดังว่า เจ้าจงเลือกเอาเป็นเมียคนหนึ่ง” หนังสือ ในเรื่องแปลว่าวรรณคดี
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ พระราชบุตรทูลตอบว่า “รอยเท้านางทั้งสองนี้มีขนาดไม่เท่ากัน แม้เท้ามีขนาดย่อมทั้งสองนางก็ยังใหญ่กว่ากันอยู่คนหนึ่ง ข้าพเจ้าจะ เลือกนางเท้าเล็กเป็นภริยาข้าพเจ้า เพราะคงจะเป็นสาวน้อยตามขนาด แห่งเท้า ส่วนนางเท้าเขื่องนั้นคงจะเป็นสาวใหญ่ขอพระองค์จงรับไปไว้ เป็นราชฉายา” เขื่อง แปลว่า ใหญ่
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ จันทรเสนตรัสว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงกล่าวดังนั้น พระราชมารดาของเจ้าสิ้นพระชนม์ไปไม่กี่วัน เจ้าจะ อยากมีแม่เลี้ยงเร็วเท่านี้เจียวหรือ”
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ พระราชบุตรทูลตอบว่า “ขอพระองค์อย่ารับสั่งเช่นนั้น เพราะ บ้านของผู้เป็นใหญ่ในครอบครัวนั้น ถ้าไม่มีแม่เรือนก็เป็นบ้านที่ว่าง อนึ่งพระองค์ย่อมจะทรงทราบคาถาซึ่งมูลเทวะบัณฑิตแต่งไว้ มีความว่า ชายผู้ไม่ใช่คนโง่ไม่ยอมคืนสู่เรือนซึ่งไม่มีนางที่รักผู้มีรูปงามคอยรับรองใน ขณะที่กลับถึงเรือนนั้น แม้เรียกว่าเรือนก็ไม่ใช่อื่น คือคุกซึ่งไม่มีโซ่เท่า นั้นเอง... มูลเทวะบัณฑิต แปลว่า มูลเทวะ เป็นชื่อตัวละครในนิทานสันสกฤตหลายเรื่องบางเรื่องเล่าว่า เป็นผู้รู้ศิลปวิทยา และมักกล่าวถ้อยค าเป็นคติสอนใจ
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ พระองค์ย่อมทรงทราบด้วยพระองค์เองว่า ความสุขแห่งบ้านซึ่ง อยู่เดี่ยวโดดนั้นมีไม่ได้ในบ้าน แลมีไม่ได้นอกบ้านเพราะไม่มีหวังจะได้ ความสุขเมื่อกลับมาสู่เรือนของตน” ท้าวจันทรเสน ทรงนิ่งตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตรัสตอบพระราช บุตรว่า “ถ้านางเท้าเขื่องมีลักษณะเป็นที่พึงใจ ข้าก็จะท าตามเจ้าว่า”
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ ครั้นกษัตริย์ทั้งสององค์ทรงกระท าสัญญาแบ่งนางกันดังนี้แล้ว ก็ทรงชักม้าตามรอยเท้านางเข้าไปในป่า สักครู่หนึ่งเห็นสองนางนั่งพักอยู่ใต้ ร่มไม้กษัตริย์สององค์ก็เสด็จลงมาจากม้าเข้าไปถามนาง ทั้งสองนางก็เล่า เรื่องให้ทรงทราบทุกประการ พระราชากับพระราชบุตรก็เชิญนางทั้งสองขึ้น หลังม้าองค์ละองค์ นางพระบาทเขื่องคือพระราชธิดาขึ้นทรงม้ากับท้าว จันทรเสน นางพระบาทเล็กคือพระมเหสีขึ้นทรงม้ากับพระราชบุตร สี่องค์ก็ เสด็จเข้ากรุง
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ กล่าวสั้น ๆ ท้าวจันทรเสนและพระราชบุตรก็ท าการวิวาหะทั้งสอง พระองค์ แต่กลับคู่กันไป คือพระราชบิดาทรงวิวาหะกับพระราชบุตรี พระราชบุตรทรงวิวาหะกับพระมเหสี แลเพราะเหตุที่คาดขนาดเท้าผิด ลูกกลับเป็นเมียพ่อ แม่กับเป็นเมียลูก ลูกกับเป็นแม่เลี้ยงของผัวแม่ตัวเอง แลแม่กลับเป็นลูกสะใภ้ของผัวแห่งลูกตน แลต่อมาบุตรและธิดาก็เกิดจาก นางทั้งสอง แลบุตรแลธิดาแห่งนางทั้งสองก็มีบุตรแลธิดาต่อ ๆ กันไป
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ เวตาลเล่ามาเพียงนี้ก็อยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อไปว่า บัดนี้ข้าพเจ้า จะตั้งปัญหาทูลถามพระองค์ว่า ลูกท้าวจันทรเสนที่เกิดจากธิดาท้าวมหาพล แลลูกมเหสีท้าวมหาพลที่เกิดกับพระราชบุตรท้าวจันทรเสนนั้น จะนับญาติ กันอย่างไร
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ พระวิกรมาทิตย์ได้ทรงฟังปัญหาเวตาลก็ทรงตรึกตรองเอาเรื่อง พ่อกับลูกแม่กับลูก แลพี่กับน้องมาปนกันยุ่ง แลมิหน าซ ้ามีเรื่องแม่เลี้ยงกับ แม่ตัวแลลูกสะใภ้กับลูกตัวอีกเล่า พระราชาทรงตีปัญหายังไม่ทันแตก พอ นึกขึ้นได้ว่าการพาเวตาลไปส่งให้แก่โยคีนั้น จะส าเร็จได้ก็ด้วยไม่ทรงตอบ ปัญหา จึงเป็นอันทรงนิ่งเพราะจ าเป็นแลเพราะสะดวก ก็รีบสาวก้าวทรง ด าเนินเร็วขึ้น ครั้นเวตาลทูลเย้าให้ตอบปัญหาด้วยวิธีกล่าวว่าโง่ จะรับสั่ง อะไรไม่ได้ ก็ทรงกระแอม
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ เวตาลทูลถามว่า “รับสั่งต่อปัญหาแล้วไม่ใช่หรือ” พระราชาไม่ทรงตอบว่ากระไร เวตาลก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วทูลถามว่า ”บางทีพระองค์จะโปรดฟังเรื่องสั้น ๆ อีก สักเรื่องหนึ่งกระมัง”
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ ครั้งนี้แม้กระแอมพระวิกรมาทิตย์ก็ไม่ทรงกระแอม เวตาลจึงกล่าวอีกครั้งหนึ่งว่า “เมื่อพระองค์ทรงจนปัญญาถึง เพียงนี้ บางทีพระราชบุตรซึ่งทรงปัญญาเฉลียวฉลาดจะทรง แก้ปัญหาได้บ้างกระมัง” แต่พระธรรมธวัชพระราชบุตรนิ่งสนิท ทีเดียว
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ (เมื่อพระวิกรมาทิตย์ทรงนิ่ง เวตาลได้พยายามกล่าวยั่วจะให้ พระองค์รับสั่งแต่ไม่ส าเร็จ เวตาลจึงกล่าวเตือนพระราชาว่าโยคีศานติศีล ต้องการลวงพระองค์ไปสังหาร โดยให้พระองค์กระท าอัษฎางคประณตต่อ หน้าเทวรูป จากนั้นเวตาลก็ออกจากศพที่สิงอยู่ พระวิกรมาทิตย์รีบเสด็จไป ที่ป่าช้าน าศพไปมอบให้โยคี...
เนื้อเรื่อง นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ เมื่อโยคีน าพระองค์ไปที่หน้าเทวรูปและ ขอให้ทรงกระท าอัษฎางคประณต พระราชาทรง ร าลึกได้ถึงค าเตือนของเวตาล จึงรับสั่งแก่โยคี ขอให้กระท าอัษฎางคประณตให้พระองค์ดูเพื่อจะ ได้ทรงท าตาม เมื่อโยคีกระท า พระวิกรมาทิตย์ก็ ทรงชักพระแสงดาบออกมาฟันศีรษะโยคีขาด กระเด็นไป
ขณะนั้นพระอินทร์และเทพ บริวารทั้งหลายได้เสด็จลงมาอวยชัย ให้พรพระวิกรมาทิตย์
บทวิเคราะห์
๑. เวตาล เป็นมนุษย์ชนิดหนึ่งคล้ายค้างคาวผี เป็นวิญญาณร้ายที่ วนเวียนอยู่ตามสุสานและคอยเข้าสิงในซากศพต่าง ๆ มันจะท าร้าย มนุษย์ที่เข้าไปรบกวน เหยื่อของเวตาล เมื่อถูกเข้าสิงท าให้มือและเท้า หันไปข้างหลังเสมอ เวตาลยังท าให้ผู้คนเป็นบ้า ฆ่าเด็ก และแท้งลูก แต่เวตาลยังมีข้อดีคือมันจะคอยดูแลหมู่บ้านของมันเอง
๑. เวตาล ลักษณะของเวตาล จะลูกตาสีเขียวเรือง ๆ ผมสีน ้าตาล หน้า สีน ้าตาล ตัวผอม เห็นซี่โครงเป็นซี่ ๆ ห้อยหัวลงมาท านองค้างคาว แต่เป็นค้างคาวตัวใหญ่ที่สุด เมื่อจับถูกตัวจะเย็นซีดเหนี่ยว ๆ เหมือนงูปรากฏเหมือนไม่มีชีวิต แต่หางซึ่งเหมือนหางแพะนั้น กระดิกได้เวตาลเป็นอมนุษย์ที่ช่างพูดและมีความสามารถสูงยิ่ง ใน การใช้โวหารเพื่อเสียดสี เยาะหยันและยั่วยุอารมณ์ของผู้ฟัง
๒. พระวิกรมาทิตย์ พระราชาพระองค์นี้ส่วนใหญ่จะรู้จักในนาม “พระวิกรมาทิตย์” หรือ “พระเจ้าจันทรคุปต์ วิกรมาทิตย์” พระนาม “วิกรมาทิตย์” เป็น พระสมัญญานามที่เรียกขานกษัตริย์หลายพระองค์ อย่างไรก็ตาม พระนามนี้เป็นที่รู้จักกันดีเนื่องจากวรรณกรรมภาษาสันสกฤตอันโด่งดัง เรื่องนิทานเวตาลได้ใช้พระนามนี้เป็นตัวละครหลักในเรื่อง
๒. พระวิกรมาทิตย์ ทรงเป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งในราชวงศ์คุปตะ ครองราชย์อยู่กรุงอุชเชยินี เป็นกษัตริย์ที่ทรงพระนามเลื่องลือ มีความสามารถทางด้านการศึกษาและการปกครองไพร่ฟ้าประชาชน ให้มีความสุข อีกทั้งเป็นคนที่เอื้อเฟื้อต่อการเรียนรู้“รัชกาลของ พระวิกรมาทิตย์เป็นช่วงเวลาที่วิชารุ่งเรืองที่สุด”
๓. นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ นิทานทุกเรื่องที่ต้องมีประเด็นปัญหาให้ตัดสินใจหรือแก้ไข แต่ในนิทานเรื่องที่ ๑๐ อันเป็นนิทานเรื่องสุดท้าย นิทานเรื่องนี้ เกี่ยวกับการเลือกคู่ครอง โดยมีรอยเท้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการ ตัดสินใจ ปรากฏว่าคาดขนาดรอยเท้าผิด...
๓. นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ “ท าให้ลูกกลับเป็นเมียพ่อ แม่กับเป็นเมียลูก” ซึ่งเป็น พฤติกรรมอันเบี่ยงเบนไปจากขนบธรรมเนียมที่สังคมก าหนดไว้ เกี่ยวกับการแต่งงาน และน าไปสู่ปัญหาว่าถ้ามีบุตรจะนับญาติกัน อย่างไร
๓. นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ นี่จึงแสดงโทษของการไม่ใช้ปัญญาให้รอบคอบในการ พิจารณาสิ่งต่าง ๆ ท าให้เกิดการตัดสินใจผิดพลาดซึ่งมีแนวคิด เดียวกับนิทานอีก ๙ เรื่องที่ให้แนวคิดว่า “การใช้ปัญญาในการ แก้ไขปัญหาเป็นเรื่องส าคัญ” และด้วยความกล้าความ มุ่งมั่นเพียร พยายาม ความมีสติและความอดกลั้นท าให้พระวิกรมาทิตย์สามารถ เอาชนะเวตาลได้ในที่สุด
แนวคิด ๑. อมนุษย์ที่มีคุณธรรมต ่าแม้จะมีฤทธิ์อย่างไรก็ย่อมแพ้ผู้มีคุณธรรมสูง ๒. ค าพูดที่กล่าวโดยไม่ใช้สติและปัญญาไตร่ตรองก่อน อาจน าความ หายนะหรือปัญหาซึ่งแก้ไขยากมาสู่ตนเองได้ ๓. การใช้ทั้งสติและปัญญาควบคู่กันคือหลักส าคัญในการน ามนุษย์ไปสู่ ความส าเร็จ ๔. ความอดทน ความอดกลั้นน าไปสู่ชัยชนะและความส าเร็จได้ (4/1)และ(4/2) (4/3)
ค่านิยม นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ สะท้อนค่านิยมในสังคม อินเดียในสมัยนั้นว่า การเลือกคู่ครองต้องพิจารณาความ เหมาะสมตามกฎบัญญัติทางสังคมและทางศาสนาด้วย (โดยเฉพาะเรื่องวรรณะ)
คุณค่าของเรื่อง ๑. เนื้อหาของนิทานสอนคติในการด าเนินชีวิต ๒. ท าให้ทราบเรื่องราวของนิทานจากวรรณคดีสันสกฤต ๓. นิทานเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่านิทานที่แสดงคติธรรม ก็สามารถให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินได้
คุณค่าของเรื่อง ๔. ค าถามที่เป็นปริศนาชวนให้คิดของเวตาลช่วยเพิ่ม สติปัญญาและไหวพริบของผู้อ่าน ๕. ตัวละครเอกทั้งสองของนิทานเวตาลเป็นตัวละครที่ น่าสนใจและมีความสมจริงเป็นอย่างยิ่ง
คุณค่าด้านสังคม ๑. ให้แง่คิดเกี่ยวกับความมุ่งมั่น อดทน อดกลั้นและความ เพียรพยายาม ๒. ให้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้สติปัญญาควบคู่กันไปในการ แก้ปัญหาต่าง ๆ ๓. ให้แง่คิดเกี่ยวกับผลเสียของการพูดโดยไม่ไตร่ตรอง
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑. เนื้อเรื่องสนุกสนานแปลกใหม่ส าหรับคนไทยแตกต่างจาก นิทานทั่วไป ๒. การด าเนินเรื่องเป็นไปตามล าดับเวลาไม่สับสน ท าให้ผู้อ่าน อยากติดตามเรื่องและเข้าใจเรื่องได้ง่าย ๓. การใช้ส านวนภาษาใช้ค าง่าย ๆ มีการอธิบายอย่างชัดเจน แฝงข้อคิดและค าคมที่น่าสนใจ
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๔. (น.ม.ส.) ทรงใช้ภาษาแสดงอารมณ์ของตัวละครในลักษณะ เยาะหยัน เสียดสี ยั่วยุอารมณ์ โดยแทรกอารมณ์ขันได้เป็นอย่าง ดี แสดงลีลาการเขียนที่ไม่เลียนแบบใครและไม่มีใครเลียนแบบได้ เป็นลักษณะเฉพาะที่เรียกกันว่า “ส านวน น.ม.ส.” ท าให้นิทาน เวตาลมีสีสันน่าอ่านมากขึ้น
ถ้อยค าส านวนที่คมคาย ๑. ปราชญ์ผู้มีความรู้ย่อมใช้เวลาของตนในเรื่องหนังสือ มิใช่ใช้ เวลาในการนอนแลการขี้เกียจอย่างคนโง่ ๒. ลิ้นคนนั้นตัดคอคนเสียมากต่อมากแล้ว ๓. ความสุขแห่งพ่อบ้านซึ่งอยู่เดี่ยวโดดนั้นมีไม่ได้ในบ้าน แลมี ไม่ได้นอกบ้านเพราะไม่มีหวังจะได้ความสุขเมื่อกลับสู่เรือน แห่งตน
ถ้อยค าส านวนที่คมคาย ๔. ข้าศึกมีก าลังมากและช านาญการศึก ใช้ทั้งทองค าแลเหล็ก เป็นอาวุธคือใช้ทองค าซื้อน ้าใจนายทหารและไพร่พลของพระราชา ให้เอาใจออกห่างจากพระองค์ แลใช้เหล็กเป็นอาวุธฆ่าฟันคนที่ ซื้อน ้าใจไม่ได้ ข้าศึกใช้ทองค าบ้างเหล็กบ้างเป็นอาวุธดังนี้ จนในที่สุดลี้พลของท้าวมหาพลหรอร่อยย่อยยับไป
สวัสดี