The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รูปเล่มงานวิจัยศักดิ์ศรีความป็นมนุษย์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sittipan28, 2022-09-18 23:52:06

วิจัยมนุษยนิยม

รูปเล่มงานวิจัยศักดิ์ศรีความป็นมนุษย์

ลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่อุทยานจำนวน 3 คน ถูกฟ้องว่ามีความผิดใน 6 ข้อ
กล่าวหารวมถึงการฆาตกรรมและอำพรางศพของนายพอละจี ในเดือนมกราคม อัยการยกฟ้องจำเลย
ทั้ง 4 คนในข้อหาที่ร้ายแรงท่ีสุด รวมถึงฆาตกรรม และฟ้องพวกเขาเพียงแค่ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดย
มชิ อบกรณไี มส่ ง่ ตวั นายพอละจีให้กบั เจ้าหนา้ ทตี่ ำรวจหลงั จากควบคุมตัวนายพอละจี

ค. การทรมานและการปฏบิ ัติหรือการลงโทษด้วยวธิ กี ารท่ีโหดร้าย ไร้มนษุ ยธรรม หรือทำลาย
ศักดศ์ิ รีอื่นๆ

ตัวแทนจากองค์กรนอกภาครัฐและองค์กรด้านกฎหมายรายงานว่า บางครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และทหารทรมานและซ้อมผู้ต้องสงสัยเพื่อให้รับสารภาพ และหนังสือพิมพ์รายงานคดีหลายคดีท่ี
ประชาชนกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอื่น ๆ ใช้ความรุนแรง ในเดือน
เมษายน นายยุทธนาและนายณัฐพงษ์ ซ้ายซา สองพี่น้องถูกเจ้าหน้าที่ทหารชุดปราบปรามยาเสพติด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจับกุมในจังหวัดนครพนมและนำตัวไปยังค่ายทหารเพื่อสอบสวน ในเวลา
ตอ่ มานายยทุ ธนาถกู นำตวั ส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตทีน่ น่ั ขณะทน่ี ายณัฐพงษถ์ ูกพบว่าได้รับบาดเจ็บ
สาหัสในสถานที่อื่น เจ้าหน้าที่ทหาร 7 นายรับสารภาพว่าได้ทำร้ายชายทั้งสองคนขณะสอบสวนเพื่อ
บังคับให้ยอมรับว่าค้ายาเสพติด ณ เดือนพฤศจิกายน เจ้าหน้าทีต่ ำรวจและคณะกรรมการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติยังคงสบื สวนคดีน้อี ยู่

มีรายงานจำนวนมากระบวุ ่า มีการกระทำเหยียดหยามให้อับอายและทารุณทางกายในหน่วย
ทหาร ในเดือนมีนาคม แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลรายงานว่า มีการกระทำทารุณอย่างกว้างขวาง
และยาวนานในกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ต่อทหารท่ีรกั ร่วมเพศและขา้ มเพศ มีรายงานเก่ยี วกับทหาร
เกณฑ์ที่เสียชวี ิตไม่นานหลังจากเข้ารับการเกณฑ์ เช่น นายเสรี บุตรวงศ์ ซึ่งเสียชีวิตท่ีโรงพยาบาลแห่ง
หนึ่งในกรุงเทพมหานครหลังจากเข้ากรมทหารได้ 10 วันในเดือนกันยายน เจ้าหน้าที่ทหารระบุสาเหตุ
การเสยี ชวี ติ วา่ เกิดจากหัวใจเตน้ ผิดจงั หวะ

สภาพเรือนจำและสถานกักกัน พบว่ามีผู้ต้องขังในเรือนจำและสถานกักกันสูงกว่า
ความสามารถรองรับได้ประมาณร้อยละ 50 ณ เดือนพฤศจิกายน มีผู้ต้องขังในเรือนจำและสถาน
กักกัน 346,170 คน แต่สถานที่ถูกออกแบบให้รองรับจำนวนผู้ต้องขังได้สูงสุดเพียง 210,000 ถึง
220,000 คน เรือนจำและสถานกักกันบางแห่งมีสถานที่นอนไม่เพียงพอ และยังคงมีรายงานว่ามี
สภาพแออดั มากและอากาศถ่ายเทไมด่ ี และปัญหาท่ีรา้ ยแรงคอื การขาดบรกิ ารทางการแพทย์ บางครั้ง
ทางการจะส่งตัวนักโทษหรือผู้ต้องขังที่ป่วยหนักไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดหรือโรงพยาบาลของรัฐ
เจา้ หน้าทีร่ ฐั ดำเนินการอย่างมีประสิทธภิ าพเพ่อื ปอ้ งกนั การถ่ายทอดเชอ้ื โควิด-19

93

ง. การจบั กมุ หรอื การกักกันตามอำเภอใจ
คำสั่ง คสช. ฉบับหนึ่งให้ทหารมีอำนาจคุมขังบุคคลโดยไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหาได้สูงสุด 7 วัน
โดยไม่ต้องมีการพิจารณาโดยศาล พระราชกำหนดฉุกเฉินในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้อำนาจทางการ
ในการคมุ ขงั บคุ คลไดน้ านสงู สดุ 30 วันโดยไม่ตอ้ งตง้ั ข้อกลา่ วหา
จ. การปฏเิ สธการพจิ ารณาคดีอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม
กรมราชทัณฑ์รายงานว่า จนถึงเดือนพฤศจิกายน มีผู้รอการพิจารณาคดีหรือจำคุกภายใต้
กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ห้ามวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ประมาณ
23 ราย กลุม่ สทิ ธมิ นษุ ยชนอา้ งว่า บคุ คลหลายรายถกู ดำเนินคดแี ละตัดสนิ ลงโทษในความผิดฐานหมิ่น
พระบรมเดชานุภาพเนอื่ งจากเหตุผลทางการเมือง ทางการออกหมายจับผู้ประทว้ งและผู้สนบั สนุนการ
ประท้วงมากกว่า 30 รายในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลังมีการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์
โดยเปิดเผยมากขึ้นระหว่างการชุมนุมในเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ในเดือนธันวาคม
ศาลอาญายกฟอ้ งนางพฒั น์นรี ชาญกิจ มารดาของนายสิรวชิ ญ์ “จา่ นวิ ” เสรธี วิ ัฒน์ นักเคล่ือนไหวทาง
การเมือง ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่มีอายุ 4 ปี โดยพิจารณาว่าคำตอบ “จ้า” คำเดียวที่เธอ
โพสต์ในบทสนทนาทางเฟซบุ๊กซึ่งวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ไม่มีเจตนาหมิ่นสถาบัน
พระมหากษัตริย์
องค์กรสิทธิมนุษยชนในประเทศและระหว่างประเทศกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่รัฐสมรู้ร่วมคิดใน
กรณีการสูญหายของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหว โดยมีรายงานว่ามือปืนสวมหน้ากาก
ลักพาตัวเขาไปในเดอื นมิถุนายนทปี่ ระเทศกมั พูชา ก่อนหน้านั้นทางการไทยออกหมายจับนายวันเฉลิม
ซึ่งลี้ภัยอยู่ในกัมพูชาหลังเหตุการณ์รัฐประหาร พ.ศ. 2557 ฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบใน
บ้านเมืองผ่านทางหน้าเฟซบุ๊กของเขา ทางการกัมพูชาเริ่มการสืบสวนสอบสวน โดยมีรายงานว่าเป็น
การกระทำตามการร้องขอของรัฐบาลไทย และในเดือนกันยายน ได้ออกผลการตรวจสอบเบื้องต้นว่า
ไม่มีหลักฐานว่ามีการลักพาตัวเกิดขึ้น สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การ
สหประชาชาติแสดงความห่วงใยว่า การลักพาตัวนายวันเฉลิมที่มีการรายงานนั้น “อาจเป็นการถูก
บังคบั ให้สูญหาย” องค์กรนอกภาครฐั อา้ งว่า มีผูเ้ ห็นตา่ งชาวไทยจำนวนอย่างน้อย 8 คนเปน็ เหย่ือของ
การสูญหายในลักษณะดังกล่าวนับตั้งแต่เหตุการณร์ ัฐประหาร พ.ศ. 2557 ในเดือนพฤศจกิ ายน พี่สาว
ของนายวันเฉลมิ เดินทางไปยังพนมเปญเพอ่ื ยื่นหลกั ฐานในคดดี งั กล่าว

94

มีรายงานจำนวนมากซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงคุกคามพลเมืองที่วิพากษ์วิจารณ์
รัฐบาลอย่างเปิดเผย รวมทั้งไปพบหรือสอดส่องที่บ้านหรือสถานที่ทำงานของบุคคลนั้น ในเดือน
กรกฎาคม นายทิวากรณ์ วิถีตน อ้างว่าเขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารสอบสวนหลายครั้งที่บ้าน
หลังจากโพสต์รูปภาพตนเองสวมเสื้อยืดที่มีข้อความวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ในภายหลัง นาย
ทิวากรณ์ถูกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล 6 คนและเจ้าหน้าที่ทหาร 1 นายจากกองอำนวยการรักษาความ
มั่นคงภายในราชอาณาจักรนำตัวไปยังโรงพยาบาลจิตเวชเพื่อรับการรักษาเป็นเวลา 14 วัน ในเดือน
มิถุนายน นายบุญเกื้อหนุน “ฟรานซิส” เป้าทอง นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล รายงานว่ามีเจ้าหน้าที่
ตำรวจ 4 นายมาที่บ้านหลายครั้งเพื่อเตือนเขาเกี่ยวกับปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการ
ชุมนุมที่เขาจัด อีกทั้งขอให้เขาระบุตัวผู้นำการชุมนุมคนอื่นๆ ในเดือนตุลาคม เขาและผู้ชุมนุมอีก 2
คนถูกกล่าวหาว่าพยายามกระทำรุนแรงต่อพระราชินี เนื่องจากมีส่วนในเหตุการณ์ที่ทำให้ขบวนเสด็จ
ของพระราชินีล่าช้าขณะขบวนเข้าไปใกล้กับสถานที่ชุมนุม โดยข้อกล่าวหาดังกล่าวมีบทลงโทษสูงสุด
คือจำคุกตลอดชีวติ

ช. การใชอ้ ำนาจในทางมชิ อบอืน่ ๆ ในการจดั การปัญหาขดั แยง้ ภายในประเทศ

การสังหาร: กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหากองกำลังของรัฐบาลว่ากระทำการวิสามัญฆาตกรรม
บคุ คลทตี่ ้องสงสยั ว่ามีส่วนเกย่ี วข้องกบั การกอ่ ความไม่สงบ ข้อมูลของศนู ยเ์ ฝา้ ระวงั สถานการณ์ภาคใต้
ซ่งึ เป็นองคก์ รนอกภาครัฐ ระบขุ ้อมลู ณ เดือนกันยายนวา่ มเี หตกุ ารณ์วสิ ามัญฆาตกรรมโดยกองกำลัง
รักษาความมั่นคง 8 ครั้ง ซึ่งส่งผลให้มีผู้ต้องสงสัยว่าก่อความไม่สงบเสียชีวิต 22 ราย เจ้าหน้าที่รัฐยืน
กรานว่า ผู้ต้องสงสัยในแต่ละคดีขัดขืนการจับกุม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้กำลังรุนแรงจนถึงแก่
ความตาย ซึ่งครอบครัวของผตู้ ้องสงสัยและกลุม่ สทิ ธิมนุษยชนออกมาโตแ้ ย้งประเดน็ ข้ออา้ งดังกลา่ ว

การเคารพสทิ ธเิ สรภี าพของพลเมอื ง

องค์กรสื่อและนักวิชาการวิจารณ์คำสั่งของตำรวจที่รั่วไหลออกมา ซึ่งเป็นคำสั่งให้ตรวจสอบ
สำนกั ขา่ วออนไลน์ และหน้าเฟซบุ๊กของกลมุ่ ชุมนมุ ตอ่ ตา้ นรฐั บาลซึ่งเป็นท่ีรจู้ กั เพอื่ ตรวจหาการละเมิด
กฎหมายภายใต้ “สถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง” ในเดือนตุลาคม ซึ่งห้ามไม่ให้กระจายหรือเผยแพร่
ข้อมูลที่ส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศและความสงบเรียบร้อยของประชาชน สุดท้าย ศาลไม่รับฟัง
คำร้องเพื่อปิดสำนักข่าว 4 แห่งและหน้าเฟซบุ๊กดังกล่าวซึ่งปัจจุบันยังดำเนินการและเปิดใช้งานอยู่
นอกจากนี้ ในเดือนกันยายน รัฐมนตรีว่ากระกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ออกคำสั่งให้
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กระจายโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แจ้ง

95

ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและสัญญาณมือถือระงับบัญชีของผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการประท้วง
นอกจากนี้ รัฐมนตรยี งั ประกาศว่า มี URL 300,000 รายการท่อี าจเข้าขา่ ยละเมดิ พระราชกำหนด

โดยทั่วไปแล้ว บุคคลและกลุ่มบุคคลสามารถแสดงความคิดเห็นได้โดยสันติทางอินเทอร์เน็ต
แม้ว่ายังคงมีข้อจำกัดด้านเนื้อหาหลายประการ ภาคประชาสังคมรายงานว่า รัฐบาลใช้การดำเนินคดี
หรือการข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีเป็นเครื่องมือในการปราบปรามการแสดงความคิดเห็นทางออนไลน์
ทางการตั้งเป้าดำเนินคดีกับบุคคลที่แสดงความคิดเห็นทางสื่อสังคมออนไลนใ์ นหลายหัวข้อ ตั้งแต่การ
พูดคุยถึงเรื่องการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ไปจนถึงการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การวิจารณ์
การปฏิบตั ิงานของรฐั บาล การรายงานเกย่ี วกบั เหตกุ ารณอ์ ้ือฉาวของรฐั บาลและการเตือนเกี่ยวกับการ
สอดแนมของรัฐบาล

มหาวิทยาลัยรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมัน่ คงเข้ามาในมหาวิทยาลัยอยู่เป็นประจำเพ่อื
เฝ้าสังเกตการณ์การบรรยายและการเข้าร่วมกิจกรรมของนิสิตนักศึกษา มีหลายกรณีที่ทางการจับกุม
นิสติ นักศึกษาจากการใช้เสรภี าพในการพดู และการแสดงความคดิ เห็น มหาวิทยาลัยรายงานว่า ยังคงมี
การตรวจสอบเนือ้ หาของตนเองก่อนเผยแพร่อยู่

ม ี ก า ร ช ุ ม น ุ ม ป ร ะ ท ้ ว ง โด ย ส ัน ต ิ ข นา ด ใ ห ญ่ หล า ย ค ร ั้ ง ต ั้ ง แ ต ่เ ด ือ น กร กฎ า ค ม จน ถ ึ ง เด ือน
พฤศจิกายน แม้กระนั้น รัฐบาลได้จำกัดเสรีภาพในการชุมนุมกันอย่างสงบและการจัดตั้งสมาคม
ตลอดจนจับกุมและตั้งข้อหากับผู้นำการชุมนุมจำนวนหลายสิบคนภายใต้พระราชกำหนดฉุกเฉินว่า
ดว้ ยโรคโควิด-19 กฎหมายการยยุ งปลกุ ปน่ั และกฎหมายอื่นๆ

รัฐบาลจำกัดเสรีภาพในการเดินทางภายในประเทศของชาวเขาและชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ที่ไม่มี
สัญชาติไทยแต่ถือบัตรประจำตัวที่รัฐบาลออกให้ รวมถึงผู้ที่ลงทะเบียนไว้ว่าเป็นบุคคลไร้สัญชาติ
ทางการห้ามผู้ถือบัตรเหล่านี้เดินทางออกนอกเขตจังหวัดที่อาศัยอยู่โดยไม่ได้รับอนุญาตล่วงห น้าจาก
นายอำเภอ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับหรือต้องโทษจำคุก 45-60 วัน ส่วนผู้ที่ไม่มีบัตรไม่ได้รับอนุญาตให้
เดินทางเลย องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ตำรวจตามจุดตรวจในประเทศมักเรียกเก็บสินบน
เพื่อแลกกับการอนุญาตให้บุคคลไร้สัญชาติเดินทางจากจังหวัดหนึ่งไปยังอีกจังหวัดหนึ่ง สำนักงาน
ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุว่า ข้อจำกัดเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่มีผลในช่วง
ปีนี้มีบทบาทสำคัญในการจำกัดการเดินทางภายในประเทศ เช่น หน่วยงานรัฐประจำจังหวัดกำหนด
ข้อจำกัดในการเดินทางที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ซึ่งมีผลกับทุกคน ไม่ใช่แต่เพียงคนไร้สัญชาติ
เท่าน้นั

96

นอกจากนี้ World Report 2021: ประเทศไทย (2564) ได้ระบุว่า การทรมานเป็นปัญหาท่ี
เรื้อรังในประเทศไทย แต่ถึงปัจจุบันประมวลกฎหมายอาญายังไม่กำหนดฐานความผิดให้กับการ
ทรมาน แม้กองทัพและตำรวจจะให้สัญญาอย่างเปิดเผยตลอดมา แต่ที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าใน
การฟ้องคดีต่อเจ้าหน้าทีท่ หาร ซึ่งมีส่วนรับผิดชอบกับการทรมานและสงั หารยุทธนา ซ้ายซา ซึ่งถูกจบั
ในระหว่างการปราบปรามยาเสพติด และถูกควบคุมตัวที่ค่ายทหารในจังหวัดนครพนมเมื่อวันที่ 17
เมษายน 2563

ประเทศไทยลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลสูญหายเมื่อปี
2555 แต่ไม่ได้ให้สัตยาบันรับรอง ประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้กำหนดให้การบังคับบุคคลให้สูญหาย
เป็นความผิดทางอาญา

คณะทำงานแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการบังคับให้สูญหายหรือโดยไม่สมัครใจแห่ง
สหประชาชาติมีข้อมลู การบังคับบุคคลให้สูญหาย 82 กรณี ในประเทศไทย ที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2523
และ 2558 รวมทั้งทีเ่ กิดขึน้ กับสมชาย นีละไพจิตร ทนายความมสุ ลมิ ท่ีมีช่ือเสียง ในช่วงหลายปีทีผ่ ่าน
มา นกั เคลอ่ื นไหวฝา่ ยตรงข้ามรัฐบาลเก้าคนซึ่งหลบหนกี ารดำเนนิ คดีในประเทศไทย ตกเปน็ เหย่ือการ
บังคับให้สูญหายในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีอย่างน้อยสองคน ได้แก่ ชัชชาญ บุปผาวัลย์ และไกรเดช
ลอื เลิศ ซงึ่ ถูกสังหารอย่างโหดเหย้ี มและท้ิงศพไว้ในแมน่ ้ำโขง หลงั ถูกลกั พาตัวในประเทศลาวเมื่อเดือน
ธันวาคม 2561 ในวันที่ 4 มิถุนายน วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธ์ิ นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยที่ลี้ภัยตก
เป็นเหย่อื การบังคบั ให้สญู หายทกี่ รงุ พนมเปญ เมอื งหลวงของกมั พชู า

ทางการประเทศไทยมีส่วนร่วมกับการปฏิบัติที่สนับสนุนการทรมานและการบังคับบุคคลให้
สูญหาย รวมทั้งการควบคุมตัวบุคคลอย่างเป็นความลับของหน่วยงานปราบปรามยาเสพติ ด การ
ควบคุมตัวบุคคลอย่างเป็นความลับของกองทัพ กรณีผู้ต้องสงสัยความผิดด้านความมั่นคง และผู้ต้อง
สงสยั วา่ กอ่ ความไม่สงบในจงั หวดั ชายแดนใต้

แม้จะมีพยานหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่ทหาร มีส่วนรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บล้มตายมากสุดใน
ระหว่างการเผชิญหน้าทางการเมืองในปี 2553 รวมทั้งการปราบปรามแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน
เผด็จการแห่งชาติ (คนเสื้อแดง) ซึ่งส่งผลให้มผี ู้เสียชีวิตอย่างน้อย 99 คน และบาดเจ็บกว่า 2,000 คน
แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทหารหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรี
อภสิ ิทธิ์ เวชชาชวี ะ ในข้อหาฆ่าคนตายหรอื ทำให้ผ้ปู ระท้วงหรือประชาชนท่ัวไปไดร้ บั บาดเจ็บเลย

97

รัฐบาลได้ละเลยไม่สอบสวนทางอาญา เมื่อเกิดการสังหารนอกกระบวนการกฎหมายใน
ระหว่างปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะการสังหารบุคคลกว่า 2,800 คนในระหว่าง
“สงครามปราบปรามยาเสพตดิ ” ของอดีตนายกรัฐมนตรที ักษิณ ชนิ วัตรเมื่อปี 2546

หนงั สอื พมิ พม์ ตชิ น (2564) ได้นำเสนอแงค่ ดิ ของนกั วชิ าการดา้ นสิทธมิ นษุ ยชนในหัวข้อ “ใช้
อำนาจตามอำเภอใจ สิทธิมนุษยชนไทยในขนั้ วิกฤต” ดังน้ี

องั คณา นีละไพจิตร เจ้าของรางวลั แมก็ ไซไซปี 2562 มองภาพกวา้ งของสถานการณ์ด้านสิทธิ
มนุษยชนไทยว่าอยู่ใน “วิกฤต”

“ดิฉันพยายามมองวิกฤตด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยในหลายด้าน เรื่องแรก เห็นว่า
รัฐประหารที่เกิดขึ้น ทุกครั้งที่ผ่านมาได้สร้างความขัดแย้งในประเทศไทยมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยัง
ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนษุ ยชนอย่างร้ายแรง อย่างการบังคับบุคคลสูญหาย นอกจากนี้ ถ้าสังเกตดู
ตั้งแต่รัฐประหาร 49 ความขัดแย้งทางการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ประชาชนแบ่งกลุ่ม
ความคิด มีเรื่องเสื้อเหลือง เสื้อแดง จนขยายวงกว้างมากขึ้น กลายเป็นความขัดแย้งทางการเมือง
นำไปสู่การปราบปรามประชาชนปี 53 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ในปี 57 หลัง
รัฐประหารโดย คสช. มีกลุม่ บคุ คลทีไ่ ม่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ ถูกไล่ล่า ต้องลี้ภัยไปตา่ งประเทศ
ในหลายคนนั้นกลายเป็นบุคคลสาบสูญ มีกรณีที่ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด ทารุณ รัฐบาลไทยไม่เคยมีการ
สบื สวนสอบสวน เปดิ เผยขอ้ เท็จจริงและนำคนผดิ มาลงโทษ”

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีประเด็น “ฟ้องปิดปาก” และ “ข่าวปลอม” ที่ชวนสงสัยในความหลาย
มาตรฐาน นอกจากนี้ ในยุค คสช.ยังออกกฎหมายมากมาย ซ้ำนำกฎหมายทไ่ี ม่ถกู ใช้นานแลว้ มาปดั ฝนุ่

เจ้าของรางวัลแม็กไซไซระบุว่า ในด้านการคุกคามประชาชน มีการฟ้องปิดปากมากขึ้น
ในขณะที่รัฐบาลล้มเหลวในการปฏิรูปตำรวจและทหาร ในช่วง คสช.มีการออกกฎหมายเยอะมาก
และไม่สอดคล้องหลักสทิ ธิมนุษยชน หลายฉบับใช้มาแต่โบร่ำโบราณ ที่เคยยุติการใช้ไปแล้ว ก็กลับถูก
นำมาใช้สร้างความหวาดกลวั ไมว่ ่า จะเป็นมาตรา 116 และ 112

“กฎหมายเหล่านี้ในอดีต สุดท้ายมักยกฟ้อง แต่ก็เป็นภาระกับประชาชนอย่างมาก นอกจาก
การคุกคามด้วยกฎหมายยังมีการลดทอนความน่าเชื่อถือของคนที่เห็นต่างจากรัฐ ทั้งนักกิจกรรมทาง
การเมือง และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน มีการสร้างข่าวปลอม ข่าวเท็จ และวาทกรรมที่ว่า มีการรับ
เงนิ ตา่ งชาต”ิ

98

อย่างไรก็ตาม สาระสำคัญตอนหนึ่งระบุถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยใน
ปัจจุบนั ซึง่ โพสต์ทเู ดย์ (2561) ไดส้ รุปนำเสนอไวด้ ังน้ี

สิ่งที่ยังไม่ประสบความสำเร็จและต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถด้านสิทธิมนุษยชน จาก
รายงานฉบับนี้ระบุว่า “มิติป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน” ได้แก่ กลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสถูก
ละเมิดสิทธิมนษุ ยชนและมีสดั ส่วนที่จะเพิ่มขึ้น คือ กลุ่มเด็ก สตรี ผู้สงู อายุ คนพิการ ผู้ป่วย HIV/AIDS
ผู้ใช้แรงงาน คนจน เกษตรกร ผู้ต้องหา ผู้ต้องขัง และผู้บริโภค ซึ่งจะต้องมีการดำเนินงานให้
ความสำคัญในการปอ้ งกนั การถูกละเมิด

สำหรับกลมุ่ ทม่ี สี ดั สว่ นการถกู ละเมิดลดลง ไดแ้ ก่ กลุ่มผปู้ ว่ ย กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ กลุม่ แรงงานต่าง
ดา้ ว กลุม่ ผพู้ น้ โทษและผเู้ สยี หายในคดีอาญา ส่วนประเด็นสทิ ธมิ นษุ ยชน พบวา่ ดา้ นที่มกี ารละเมดิ
สิทธเิ พม่ิ ข้ึน คอื ด้านอาชพี และแรงงาน ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ด้านท่ีอยู่อาศัย ดา้ น
กระบวนการยุตธิ รรม ด้านสิทธิชุมชน และด้านการเมอื งการปกครอง

สว่ นด้านท่ลี ะเมิดสิทธลิ ดลง ไดแ้ ก่ ด้านการศกึ ษา วฒั นธรรม ศาสนา และการเรยี นรู้ ดา้ น
สาธารณสุข และด้านเสรภี าพการสือ่ สาร

เช่นเดียวกับ “มิติคุ้มครองสิทธิมนุษยชน” ได้แก่ ข้อร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชนในแต่
ละด้าน จากการรายงานขององค์กรเครือข่ายสิทธมิ นษุ ยชนท่ีเพิ่มข้ึน ได้แก่ ด้านการเมืองการปกครอง
ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านเสรีภาพการสื่อสารและสื่อมวลชน ด้านกระบวนการ
ยุตธิ รรม และด้านสทิ ธิชุมชน

ส่วนข้อร้องเรียนที่มีสัดส่วนลดลง ได้แก่ ด้านการศึกษา วัฒนธรรม ศาสนาและการเรียนรู้
ดา้ นอาชีพและแรงงาน ด้านสาธารณสขุ และด้านทอ่ี ยอู่ าศยั สำหรับผูถ้ ูกละเมิดสทิ ธมิ นษุ ยชนในแตล่ ะ
ด้านที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการฟื้นฟูและเยียวยานั้น จากการรายงานขององค์กรเครือข่ายสิทธิ
มนุษยชน มีสัดส่วนลดลง คิดเป็นร้อยละ 26 ที่จะต้องเร่งให้ทุกหน่วยงานให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิด
การละเมดิ สิทธิมนษุ ยชน

มิติพัฒนาองค์กรเครือข่ายทุกภาคส่วนให้มีศักยภาพในการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
พบว่า มีเจ้าหน้าทขี่ องรฐั ทถ่ี ูกรอ้ งเรยี น เกีย่ วกบั การเลอื กปฏิบตั ิมีจำนวนเพม่ิ ขึ้น โดยพบว่า ประเด็นท่ี
เจ้าหน้าที่ถูกร้องเรียนเพิ่มมากขึ้น คือ ด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ อัยการ) ด้านสาธารณสุข
รวมถึงการเลือกปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่รัฐสังกัดกระทรวง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งไม่ได้ระบุ
ประเด็นสทิ ธิมนษุ ยชน

ขณะที่ข้อท้วงติงจากองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามกติกาและอนุสัญญา
ระหว่างประเทศด้าน สิทธิมนษุ ยชน จากการรายงานสิทธิมนุษยชนของ Human Rights Watch ยังมี

99

ปัญหาอยู่หลายประการที่องค์กรระหว่างประเทศให้ข้อท้วงติง และเสนอแนะให้เร่งดำเนินการแก้ไข
ได้แก่เรื่อง การเมืองการปกครอง กระบวนการ ยุติธรรม และแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะประเด็นท้า
ทายที่ควรเร่งดำเนินการ ได้แก่ การดำเนินการปกป้องคุ้มครอง สิทธิมนุษยชนด้านสิทธิทางการเมือง
เสรีภาพในการแสดงออก กระบวนการยุติธรรม (โทษประหารชีวติ การทรมาน การจับกุมโดยพลการ)
สทิ ธผิ ้ลู ภ้ี ยั ทางการเมือง

โดยพบว่า ข้อท้วงติงของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 100
เมื่อเทียบกับจำนวนข้อท้วงติงในปี พ.ศ. 2555 สำหรับประเด็นที่มีการท้วงติงทุกปี และควรให้
ความสำคัญแก้ไขเป็นพิเศษ คือ ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านการศึกษาวัฒนธรรม ศาสนาและการ
เรียนรู้ ดา้ นอาชีพและแรงงาน ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม

เมื่อเปิดดู “สถิติข้อร้องเรียนการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน” จากข้อมูลเรื่องร้องเรียนการถูก
ละเมิดสิทธิมนุษยชน และเรื่องที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติหยิบยกเพื่อตรวจสอบใน
ปงี บประมาณ พ.ศ. 2553-2558 มี 4,755 เรอ่ื ง โดยจำแนกขอ้ มลู ตามประเภทสิทธิที่มีการรอ้ งเรยี นวา่
ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน พบว่า มีการกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเภทสิทธิในกระบวนการ
ยุติธรรม จำนวน 899 เรื่อง คิดเป็น 21.70% รองลงมา เป็นเรื่องสิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน จำนวน
733 เร่อื งคดิ เป็น 17.69%

ท้ังน้ี ในปี 2559 ทีผ่ ่านมา มี 800 เร่ือง พบว่า มกี ารกระทำการละเมดิ สทิ ธมิ นุษยชนมากที่สดุ
คือ สิทธิในกระบวนการยุติธรรม จำนวน 208 เรื่อง คิดเป็น 26% รองลงมาเป็นเรื่องสิทธิพลเมือง 87
เรอ่ื ง คดิ เป็น 10.88%

ปัญหาสทิ ธมิ นุษยชนมบี ทบาทตอ่ การพัฒนาประเทศอยา่ งมาก เพราะเปน็ หลกั สากลที่ทั่วโลก
ให้การยอมรับที่มุ่งหวังให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อประชาชนทั่วโลก นั่นคือความท้าทายที่สะท้อน
ปญั หาให้เห็นว่าเมอื่ รัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้วจะทำไดม้ ากน้อยขนาดไหน

ทั้งนี้สำหรับผลกระทบหากไม่ได้มีการดำเนินงานในเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างจริ งจังน้ัน
สถานการณ์ในประเทศ ทำให้การละเมิดสทิ ธิมนุษยชนอาจมีแนวโน้ม และอาจทวีความรุนแรงมากขึน้
ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม สุดท้ายจะส่งผลกระทบถึงความ มั่นคงและความสขุ
ในชีวิตของประชาชน และในระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบทางด้านภาพลกั ษณข์ องประเทศไทย การ
ต่อรองหรือ การถูกกีดกันทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และทางการเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงส่งผล
กระทบต่อเป้าหมายการพฒั นาที่ยงั่ ยนื (SDGs) ของประเทศได้

100

มติชนออนไลน์ (2564) ได้รายงานว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ เรื่อง“สิทธิ
มนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ให้ประกาศ เป็นวาระแห่งชาติ
เรียบร้อยแล้วนั้น นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวง
ยุติธรรม กล่าวว่า สาระสำคัญทิศทางวาระแห่งชาติ มีหลักการหรือคอนเซ็ป ดังนี้ “ถอดรหัสวาระ
แห่งชาติ 4+3+2+1 = Goal กุญแจสู่สังคมสันติสุข” โดยมีเป้าหมาย ต้องการทำให้ “สังคมไทยเป็น
สังคมที่ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อนำไปสู่
สงั คมสนั ตสิ ขุ ” มี กรอบระยะเวลา 2 ปี นับตัง้ แตป่ ีงบประมาณ พ.ศ. 2561-2562 สำหรับทิศทางหรือ
กลยุทธ์และกลวิธีที่สำคัญ คือ 4+3+2+1 = Goal หมายถึง 4: สร้าง คือ 1. สร้างความตระหนัก
จติ สำนกึ สิทธิ หนา้ ท่ี และการเคารพสทิ ธผิ ูอ้ ่ืน 2. สร้างระบบการตดิ ตาม เฝ้าระวงั การละเมิดสิทธดิ ้วย
พลังเครือข่าย เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ทันท่วงที 3. สร้างวัฒนธรรมแห่งการเคารพและคุ้มครอง
สิทธิมนุษยชนซึ่งกันและกัน และ 4. สร้างเสริมการพัฒนาเครือข่ายทุกภาคส่วนให้มีศักยภาพในการ
ทำงานดา้ นสทิ ธมิ นุษยชน

นางสาวปิติกาญจน์ กล่าวอีกว่า สำหรับ 3: ปรับปรุง นั้น คือ 1. ปรับปรุงระบบฐานข้อมูล
แสดงผลงานและสถานการณ์ การละเมิดสิทธิที่เป็นรูปธรรม ครอบคลุมระดับพื้นที่จังหวัด เพื่อมุ่งไป
แก้ไขปัญหาการละเมิด 2. ปรับทัศนคติ ของเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่เป็นเรื่อง
ตรวจสอบ แต่เป็นสิ่งดีๆ ที่จะสนับสนุนการทำงานและ สร้างสังคมสงบสุข และ 3. ปรับปรุงและ
พัฒนากฎหมายที่ยังละเมิดเสนอรัฐบาลพิจารณาแก้ไข ทั้งนี้ ในส่วนของการขับเคลื่อน 2 อย่างนั้น
ประกอบด้วย 1. ขับเคลื่อนองค์กรหรือจงั หวัดต้นแบบดา้ นสิทธมิ นุษยชน สำหรับ ใช้ถอดบทเรียนการ
ทำงานให้หน่วยงานอืน่ ขยายผลต่อยอด และ 2. ขับเคลื่อนแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สู่การปฏิบัติใน
มิติเสริมสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน และอีก 1 ลด คือ ลด
ปัญหาการละเมิดสิทธิมนษุ ยชนในแต่ละปอี ยา่ งต่อเนอ่ื งเป็นรปู ธรรม

นางสาวปิติกาญจน์ กล่าวดว้ ยว่า สำหรับผลดแี ละผลกระทบในประเด็นดังกล่าว โดยผลดีหาก
มีการประกาศวาระแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชนนั้นในระดับประชาชน ประชาชนได้รับรู้และตระหนัก
ในสิทธิ หน้าที่ ไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น ทำให้สังคมมีความมั่นคง และมีความสุข อยู่กันอย่างสันติสุข
ส่วนระดับสังคม หน่วยงานต่างๆ เห็นความสำคัญของการนำแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ไปสู่การ
ปฏิบัติ และเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในด้านสิทธิมนุษยชน และร่วมมือกันป้องกัน คุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ทำให้สถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนมีแนวโน้มลดลง สร้างวัฒนธรรมให้คนค ำนึงถึงสิทธิ
มนษุ ยชน เนื่องจากเป็นเรอ่ื งที่เก่ียวข้องและเกี่ยวพนั กับทุกภาคส่วน เพียงแตน่ ำมิติด้านสิทธิมนุษยชน
มาเพม่ิ

101

ประสิทธิภาพ ในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และระดับประเทศนั้นการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ของประเทศไทยพัฒนา ก้าวหน้าทัดเทียมระดับสากล ตลอดจนประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีในด้าน
สทิ ธิมนุษยชนและไดร้ ับการยอมรับจากนานาประเทศ

อาจจะสรุปได้ว่า สิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของการความตระหนัก จิตสำนึก สิทธิ หน้าที่ และ
การเคารพสิทธิผู้อื่น ต้องตระหนักว่าคนเราเกิดมาย่อมมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เสมอเหมือนกัน
ไม่ว่าจะมีสถานภาพทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองแตกต่างกันหรือไม่ จากยุคแรกเริ่มที่มนุษย์
กำเนิดข้ึน มนุษย์ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดจากภัยต่างๆ ทั้งภัยที่เกิดจากสิงห์สาราสัตว์ และภัย
ธรรมชาติ เช่น ไฟไหม้ ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว พายุ ฯลฯ มนุษย์พบว่า การอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
เปน็ เหล่าจะสามารถปกป้องภยั ต่างๆ ได้ในระดบั หนง่ึ สังคมแรกๆ ของมนุษย์จึงอบุ ัตขิ ้ึนในฐานะที่เป็น
เครื่องมือในการนำพามนุษย์โดยรวมไปสู่เป้าหมายเพื่อความอยู่รอดปลอดภัย และยังสามารถ
สนองตอบต่อการสบื ต่อชาติพนั ธุ์อกี ดว้ ย

รัฐเกิดข้ึนจากการรวมตวั กนั ของมนษุ ยห์ ลายๆ กล่มุ หลายเชือ้ ชาติ จงึ ตอ้ งทำหนา้ ทีใ่ นฐานะท่ี
เป็นเครื่องมือในการนำพาชีวิตของมนุษย์แต่ละคนไปสู่เป้าหมายร่วมกัน คือ ความกินดี อยู่ดี และ
ความกินดีจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการจัดการด้านทรัพยากรบนฐานของความเป็นธรรม กล่าวได้ว่า
ความยากไร้ของคนในชาติไม่ได้เกิดจากการที่ชาตินั้นไร้ซึ่ งทรัพยากรที่จะนำมาสนองตอบต่อความ
ต้องการหรือความหิวโหยของผู้คน แต่เกิดจากการที่ทรัพยากรของสังคมไปกระจุกตัวอยู่ในมือของ
กลุ่มคนไม่กี่กลุ่ม ในทำนอง “คนรวยกระจุก คนจนกระจาย” เท่ากับเป็นการลดทอนค่าของศักดิ์ศรี
ของความเปน็ มนษุ ย์ของคนในสงั คมลง

ชุตินันท์ สงวนประสิทธ์ิ (2564) รายงานว่า เมื่อสินทรัพย์ของคนทั้งประเทศไทยมากกว่า
77% ไปกระจกุ ตัวอยูก่ บั คนรวยทีส่ ุดของไทยท่มี สี ัดสว่ นเพยี ง 10% ของประชากรทั้งหมด ก็ทำให้ไทย
กลายเป็นประเทศทีม่ ีความเหลือ่ มลำ้ ด้านความมั่งค่ังมากท่สี ุดในโลก

แต่ปญั หาความเหลอ่ื มล้ำทส่ี ง่ ผลต่อเศรษฐกจิ จนเกดิ ปญั หา ‘รวยกระจุก จนกระจาย’ มีทม่ี า
อยา่ งไร และควรเริม่ แก้ไขท่จี ดุ ไหน

KKP Research ระบุว่า ความเหลื่อมล้ำของไทยมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นไปเร่ือยๆ สะท้อนจาก
สัดส่วนสินทรัพย์ที่ถือครองโดยคน 1% ที่รวยที่สุดเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดระหว่างปี 2551-2561
และในมติ ิการเติบโตของรายได้ ขอ้ มูลสะทอ้ นชัดเจนว่ากลุ่มคนรายได้สงู มรี ายได้ที่เตบิ โตสงู ข้ึนเร็วกวา่

102

คนรายได้น้อย ทำให้เศรษฐกิจไทยช่วงที่ผ่านมาโตแบบไม่ทั่วถึง เกิดภาวะ ‘รวยกระจุก จนกระจาย’
ขณะเดียวกันความเหล่ือมล้ำทางรายได้ของไทยในความเป็นจริงอาจสูงกว่าตัวเลขทางการ ซ่ึงปัจจุบนั
มักอ้างอิงจากข้อมูลแบบสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยกลุ่มตัวอย่างที่อยู่ในแบบ
สำรวจมีแนวโน้มเป็นกลุ่มคนรายได้น้อยและไม่รวมคนรายได้สูง ทำให้ตัวเลขความเหลื่อมล้ำต่ำกว่า
ความเป็นจริง

ที่สำคัญแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของไทยปรับตัวดีขึ้น แต่เกิดจากเหตุผล
ที่ไม่ยัง่ ยืนในมุมมองระยะยาว เพราะส่วนหนึง่ มาจากเงินชั่วคราว ซึ่งเปน็ เงินชว่ ยเหลือจากภาครฐั และ
เงนิ โอนเพอื่ เล้ียงดูครอบครวั ซ่ึงไม่สะทอ้ นผลิตภาพของแรงงานทเี่ พม่ิ ข้ึนโดยตรง

ดังนั้นหากจะแบ่งปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเหลื่อมล้ำสูง สามารถแบ่งได้ 4 ปัจจัย
ไดแ้ ก่

1. คนไทยกว่า 31% ทำงานในภาคเกษตร แต่กลับเจอราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้การ
เติบโตของรายไดอ้ ยใู่ นระดับตำ่ ทำใหค้ วามเหลือ่ มลำ้ กวา้ งข้ึน

2. ความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส ทั้งมิติโอกาสทางการศึกษา กลุ่มคนรายได้น้อยจะเข้าถึง
การศึกษาที่ดีได้น้อย สิทธิแรงงานอยู่ในระดับต่ำ ค่าแรงที่เติบโตช้ากว่าเศรษฐกิจ นอกจากนี้นโยบาย
ของรัฐยังซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำ เช่น แรงงานไม่มีอำนาจต่อรอง กำไรที่กระจุกตัวอยู่ในบริษัทขนาด
ใหญ่ทำใหร้ ายเล็กแขง่ ขนั ยาก และภาครัฐยังขาดมาตรการสวัสดกิ ารเพือ่ ช่วยเหลือคนรายได้น้อยอย่าง
เปน็ ระบบ

3. สถานการณ์โควิด-19 กระทบรายได้กลุ่มเปราะบางท่ีมีรายไดน้ ้อยมากกวา่ กลุ่มที่มรี ายได้
สูงกว่า ขณะที่แรงงานนอกระบบมีจำนวนมาก (54% ของแรงงานทั้งหมด) แต่ขาดรัฐสวัสดิการที่
เขม้ แข็ง

4. ประเทศไทยทกี่ ำลังจะกา้ วเข้าสูส่ งั คมสูงอายุจะยง่ิ ทำใหค้ วามเหลื่อมลำ้ แยล่ ง

นอกจากนี้จดุ สำคญั คือ ประเทศไทยขาดกลไกท่ีช่วยลดความเหลอ่ื มล้ำ เพราะระบบการเมือง
ที่ขาดประสิทธิภาพ โดยสถาบันการเมืองไม่เชื่อมโยงกับความรับผิดต่อส่วนรวม ซึ่งก่อให้เกิดปัญหา
ต่อเนอ่ื ง เช่น เสรภี าพของสื่อไทยอยู่อนั ดับ 113 จาก 141 ประเทศ และความปลอดภัยของประชาชน
และการคอร์รัปชั่นได้คะแนนทค่ี ่อนขา้ งต่ำ

103

อยา่ งไรก็ตาม การแกป้ ญั หาความเหลื่อมลำ้ ยงั ต้องเรง่ ให้เร็วที่สดุ โดยแบ่งเปน็ 5 สว่ น ได้แก่
1. กลไกทางเศรษฐกิจท่ีเออื้ ต่อการแข่งขันทเ่ี สรแี ละเปน็ ธรรม ทีเ่ ปดิ โอกาสใหท้ ุกคนแข่งขนั
บนความเทา่ เทยี ม
2. กลไกทางภาษีในการกระจายรายได้และความมั่งคั่ง โดยใช้ระบบภาษีรายได้ในอัตรา
ก้าวหนา้
3. กลไกสวัสดิการของรัฐ ที่ทำให้คนเข้าถึงการศึกษา บริการทางสาธารณสุข สินเชื่อ ที่มี
ความเทา่ เทียมกันมากข้ึน และมโี ครงขา่ ยความคุ้มครองทางสงั คม (Social Safety Net) ทเ่ี ขม้ แข็ง
4. กลไกบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็ง ป้องกันการทุจริตคอร์รัปช่ันท้ังทางตรงและคอร์รัปช่ัน
เชงิ นโยบาย เพ่ือลดความเหลอื่ มล้ำในดา้ นการเข้าถงึ อำนาจทางการเมือง
5. กลไกกระจายอำนาจทางการเมืองและการคลัง โดยมีการจัดสรรทั้งอำนาจทางการเมือง
และอำนาจทางการคลังไปสู่รัฐบาลท้องถ่นิ อย่างเหมาะสม
นอกจากรัฐมหี น้าทใ่ี นการสรา้ งความ “กนิ ด”ี ใหก้ ับคนในสังคมโดยรวมแลว้ จะต้องทำหน้าที่
สร้าง “ความอยู่ดี” นั่นคือ การสร้างสภาพแวดล้อมของสังคมให้เอื้อต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ด้วย
ไม่ได้หมายความว่าสังคมใดมีการพัฒนาเศรษฐกิจสูง รายได้ประชาชาติต่อหวั ต่อคนสูงแลว้ ความอยู่ดี
ของคนในสังคมก็จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ การที่รัฐมีความสามารถในการลดความเหลื่อมล้ำทาง
เศรษฐกิจลงได้สำเร็จในระดับหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าความเหลื่อมล้ำทางสังคมในมิติอื่นๆ จะลดลง
ตามไปด้วย

อำนาจ มงคลสืบสกุล (2564) ได้สรุปว่า รากเหง้าปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่ได้มีเพียงแค่ปัจจัย
ทางเศรษฐกจิ เพยี งอยา่ งเดียวเทา่ น้ัน แทท้ จ่ี รงิ แล้วความเหลอ่ื มล้ำเกดิ จากปัจจัยตา่ งๆ เชน่ การกำเนิด
ชาติพันธุ์ ผิวสี เพศสภาพ ถิ่นที่อยู่อาศัย อายุ สังคม โอกาส และรวมถึงความเหลื่อมล้ำในศักดิ์ศรีของ
ความเป็นมนุษย์ ปัญหาทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจตามมา และถ้า
หากปัจจยั ดงั กล่าวยิ่งมีมากเท่าไร ความเหล่ือมลำ้ ยิ่งมคี วามทวคี ูณมากยิง่ ขน้ึ ความเหลื่อมล้ำที่เราเห็น
ได้ชัดในปัจจุบัน เช่น เรื่องการศึกษาที่เด็กได้รับโอกาสและการศึกษาไม่เท่าเทียมกันกล่าวคือเด็กที่มี
ฐานะครอบครวั ดีจะได้เรียนในสถาบันการศึกษาช้ันนำ เดก็ ท่ีมีฐานะยากจนแทบไมม่ ีโอกาสที่จะเข้าถึง
ระบบการศึกษาที่ดี ในด้านการบริการทางสาธารณสุขเช่นกัน ในยุคที่การรักษาหรือการบริการทาง
สาธารณสุขมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น คนที่จะมีโอกาสได้รับบริการที่ดีมีคุณภาพคือคนรวยเท่านั้นที่สามารถ
เข้าถึงได้ ส่วนคนธรรมดาทั่วไปจะไดร้ ับการรักษาหรือบรกิ ารในอีกระดับ และการจัดสวัสดิการของรัฐ
ที่ปัจจุบันยังเป็นการจัดสวัสดิการแบบไม่ถ้วนหน้า เช่น ในกลุ่มคนพิการ เด็ก หรือผู้สูงอ ายุที่ได้รับ

104

ความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 กลุ่มคนเหล่านี้ต้องออกมา
เรียกร้องรัฐจึงมีการจัดสวัสดิการเพ่ิม เปรียบเสมือนได้ว่าเป็นการสงเคราะห์มากกวา่ ซึ่งปัญหาที่กลา่ ว
มานี้ถือได้ว่าเป็นความท้าทายว่ารัฐจะมีวิธีการจัดการกับปัญหาเหล่าน้ีอย่างไร และภายในอีก 20 ปี
ขา้ งหนา้ ยุทธศาสตร์ของประเทศไทยเราจะบรรลเุ ปา้ หมายในการแกไ้ ขปญั หาความเหล่ือมล้ำหรือไม่

โกวิทย์ พวงงาม (2564) ได้ให้ทัศนะในทำนองเดียวกันว่า เราอาจจะต้องยอมรับความจริง
ประการหนึ่งว่าสังคมไทยยังมีความเหลื่อมล้ำในหลายๆ ด้านและหลายๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วน
รายได้ระหว่างคนรวยกับคนจน การมีช่องว่างระหว่างบุคคลในมิติต่างๆ เป็นต้นว่า ช่องว่างในการ
เข้าถงึ การบริการการศกึ ษา การเข้าถงึ ทรัพยากร การเข้าถึงสทิ ธ์ิในการรับบรกิ ารตา่ งๆ และการเข้าถึง
บริการสาธารณสุขที่แตกต่างกัน เป็นต้น อาทิ มีตัวอย่างการเข้าถึงแพทย์ต่อประชากรระหว่างคนใน
กรุงเทพฯ และประชาชนในเมืองใหญ่กับคนในชนบท พบว่า สัดส่วนแพทย์ต่อประชากรของคนใน
กรุงเทพและเมอื งใหญอ่ ยทู่ ่ี 1 ตอ่ 722 คน ขณะทสี่ ัดส่วนแพทยโ์ ดยเฉลีย่ อยทู่ ่ี 1 ตอ่ 2,131 คน

นอกจากนี้ยังมีความเหลื่อมลำ้ ในมิติการถอื ครองที่ดิน พบว่า กลุ่มทีถ่ อื ครองทีด่ ิน ร้อยละ 10
ถือครองที่ดินในประเทศมากที่สุด และมีส่วนแบ่งการถือครองที่ดินมากกว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่ทั้ง
ประเทศ ส่วนผู้ถือครองที่ดินอีกร้อยละ 40 ถือครองที่ดินน้อยที่สุด มีส่วนแบ่งการถือครองที่ดินเพียง
ร้อยละ 1.2 ของที่ดินทั้งหมดเท่านั้น นอกจากนี้มีคนไทยถึงร้อยละ 90 ที่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง
น้อยกว่า 1 ไร่ และคนไทยเพียงรอ้ ยละ10 มีที่ดินทำกนิ มากกว่า 100 ไร่ และทีส่ ำคัญท่ีสุดยังมีจำนวน
ครัวเรอื นทีไ่ ม่มีท่ีดินทำกนิ เป็นของตนเองถงึ 749,599 ครัวเรอื น

ข้อมูลตัวเลขท่ีถูกนำเสนอมาบางสว่ นนี้เปน็ ตัวสะท้อนว่า สังคมไทยยังมีความเหล่ือมล้ำและมี
ช่องว่าง แม้ว่ามีข้อวิพากษ์และข้อโต้เถียงกันถึงตัวเลขความเหลื่อมล้ำก็ตามว่าเป็นตัวเลขเก่าหรือ
ตัวเลขใหม่อย่างไรก็ตาม แต่มีข้อสรุปที่ต้องยอมรับความจริงข้างต้นว่า เรายังมีช่องว่างและมีความ
เหลื่อมล้ำ รวมถึงยังมีคนจนที่ต้องการรับความช่วยเหลืออีกจำนวนหนึ่ง อย่างน้อยก็มีตัวเลขอยู่
ระหว่าง 7 ล้าน ถึง 12 ล้านคน แม้ว่าบางตัวชี้วัดความเหล่ือมล้ำเรามาอธิบายวา่ ได้พัฒนาให้ดีข้ึนเป็น
ลำดับกต็ าม แต่เราก็ยังมีปัญหาว่า “รวยกระจกุ จนกระจาย” ซึ่งเป็นประเด็นท่มี ีข้อวิพากษ์วิจารณ์กัน
อยู่ตลอดเวลา ทั้งในแง่ปัญหาคนจนและคนด้อยโอกาสประเภทต่างๆ ที่ถูกเสนอให้รัฐแก้ปัญหา
ประเดน็ เหลา่ นม้ี าอยา่ งยาวนานร่วม 20 ปี

แม้รัฐบาลและส่วนราชการจะมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและช่องว่าง
ของประชาชนในมิติต่างๆ ก็ตาม เราก็ยังพบว่า “ช่องว่างและความเหลื่อมล้ำยังคงดำรงอยู่” แต่กลับ
ทำให้กลุ่มทุน กลุ่มคนรวยที่มีโอกาสได้ครอบครองปัจจัยที่มีโอกาสมากขึ้นๆ เป็นลำดับ แต่มาตรการ

105

และวิธีการต่างๆ ที่รัฐบาลและส่วนราชการวางยุทธศาสตร์และใส่โครงการต่างๆ เข้าไปเพื่อแก้ปัญหา
ความยากจน ความเหลื่อมล้ำดังกล่าวไว้มากมายก็ตาม กลับเห็นว่ายังทำได้ไม่มากนักปัญหาต่างๆกย็ งั
ดำรงอยู่ ซง่ึ เปน็ โจทย์ท่ีจะตอ้ งทบทวนกลไกและเครื่องมือต่างๆ ในการแกไ้ ขปัญหา

ทั้งนี้เพราะ เห็นว่าประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาโดยใช้กลไกและวิธีการแบบเดิมๆ นั้น ไม่ว่า
จะเปน็ กลไกรัฐบาล กลไกการรวมศนู ยอ์ ำนาจในการแกป้ ัญหา และกลไกส่วนราชการต่างๆ พบวา่ ขาด
ประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาและทำให้ ปัญหาความเหลื่อมล้ำและช่องว่างก็ยังคงวกวนอยู่เช่นเดมิ
ข้อเสนอที่สำคัญเห็นว่ามีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ โดยการกระจายอำนาจให้แก่
ทอ้ งถิ่นแก้ปัญหาแทนการรวมศูนยอ์ ำนาจ

เราจึงอาจสรุปจากมุมมองของเจตน์ ศิรธรานนท์ (2561) ที่สรุปว่า จะเห็นได้ว่าปัญหาการ
ละเมิดสิทธิมนษุ ยชนด้านตา่ งๆ เป็นปัญหาที่ ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อจัดการกับปัญหาให้
ลดน้อยลงและหมดไปจากสังคมไทย เพื่อให้สามารถนำไปสู่การใช้ชีวิตที่ดีขึ้น ในขณะที่ประเทศไทย
เป็นหนึ่งในสิบประเทศที่ก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจเสรีอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา แต่
ประเทศไทยกลับมีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนมากขึ้นทุกๆ วัน ดังนั้นการจะทำให้ปัญหาดังกล่าวลดลง
ได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หน่วยงาน ภาครัฐ และองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องควร
กำหนดนโยบาย วางแผน จัดตั้งศูนย์บริการให้คำแนะนำปรึกษาให้ครอบคลุมทุกจังหวัด พัฒนาระบบ
ประเมินนโยบายและมาตรการ โดยต้องมีระบบติดตาม ประเมินผลเพื่อกำหนดตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ใน
ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ปัญหาการละเมดิ สิทธิ มนษุ ยชนที่กำลังเกาะกมุ ประเทศไทยอยู่ใน
ขณะนี้นั้นจะสามารถบรรเทาลงได้ หรือหากมีการบูรณาการที่เต็มศักยภาพ ปัญหานี้อาจหมดไปจาก
ประเทศไทยได้ในที่สุดเช่นกัน ความเหล่ือมล้ำเป็นปัญหาหนึ่งของประเทศที่ยากต่อการนำหลักสิทธิ
มนุษยชน และสิทธิเสรีภาพตามมาตรฐานสากลมาใช้ในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม การที่รัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติสิทธิเสรีภาพไว้ถึง 25 มาตรา ในหมวดที่ 3 และบัญญัติไว้ในมาตรา
213 ให้ผู้ถูกละเมิดสทิ ธหิ รือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุม้ ครองไว้ สามารถใชส้ ทิ ธิยืน่ คำรอ้ งผ่านผู้ตรวจการ
แผ่นดินได้ น่าจะเป็นช่องทางที่การละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ ดังกล่าวน่าจะลดน้อยลงในอนาคต เมื่อมี
คดีถูกนำขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนญู มากขึ้น น่าจะทำให้วาระแห่งชาติ ในเรื่องสิทธิมนุษยชนรวมถึงแผนสิทธิ
มนุษยชนฉบับท่ี 3 ซ่งึ จะถกู ปรับเปน็ ฉบับที่ 4 ในปี พ.ศ. 2562 สามารถบรรลวุ ัตถุประสงค์ได้ในทสี่ ุด

106

บทท่ี 8
สรุปผลการวจิ ยั และการอภิปรายผล

สรุปผลการวิจยั
สรปุ ผลการวจิ ยั เพ่ือตอบวตั ถุประสงคท์ ว่ี างไว้ คอื
1. เพ่ือศึกษาแนวคิดเรื่องมนุษยนิยม
2. เพอ่ื ศกึ ษาแนวคิดเรือ่ งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
3. เพือ่ ศกึ ษาแนวคดิ เร่ืองสทิ ธิมนษุ ยชน
4. เพอ่ื ศกึ ษาสถาบนั ของรัฐไทยท่ีทำหนา้ ทีเ่ กีย่ วกบั ศกั ด์ิศรีของความเป็นมนุษย์และสทิ ธิ

มนษุ ยชน
5. เพื่อศึกษาสถานการณ์ที่ข้องเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชนใน

สังคมไทย

วตั ถปุ ระสงคก์ ารวิจยั ขอ้ แรก เพ่ือศึกษาแนวคดิ เรอ่ื งมนุษยนิยม
ผลการวิจัยพบว่า มนุษยนิยมเป็นแนวคิดที่ถือว่ามนุษย์เป็นสิ่งหนึ่งในธรรมชาติ มีศักดิ์ศรี มีค่า
และมีความสามารถที่จะพัฒนาตนเองโดยอาศัยเหตุผลและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องอาศัย
อำนาจเหนือธรรมชาติ เป็นแนวคิดที่การยึดถือคุณค่าและความสำคัญของความเป็นมนุษย์ มนุษย์มี
สิทธทิ ่ีจะค้นหาซึง่ สจั จะและความดงี าม สามารถกำหนดชะตาชีวิต ของตนเอง ความเปน็ มนุษย์มิใช่ถูก
กำหนดโดย ชาติกำเนิดหรือฐานะทางสังคมที่ติดตัวมา รวมความแล้วแนวความคิดมนุษยนิยมได้สร้าง
ความเชื่อมั่นข้ึนในตัวของมนุษย์อุดมคติและความบันดาลใจ แม้แนวคิดนี้จะแยกย่อยออกได้หลาย
แนวคิด แต่พื้นฐานที่เป็นความเชื่อร่วมกันคือ ประการแรก เชื่อในศักยภาพของมนุษย์ในการแสวง
ความจริงและคำตอบในปัญหาต่างๆ มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพในการเข้าใจความจริงหรือความรู้ต่าง ๆ
ไมม่ ีใครสามารถอา้ งได้วา่ เป็นเจ้าของความรู้หรือความจริงสูงสดุ ทมี่ นุษยผ์ ู้อน่ื ไมส่ ามารถเข้าใจเพยี งคน
เดียวหรือกลุ่มบุคคลเดียว เช่น ความรู้ความสามารถพิเศษในการติดต่อกับพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธ์ิ
ประการท่ีสอง เชื่อในหลักเหตุผลและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ประการที่สาม เชื่อว่า ความหมาย
คุณค่า และเป้าหมายของมนุษย์สามารถพบได้ในชีวิตปัจจุบันไม่ใช่ตายไปแล้ว ประการที่สี่ เชื่อว่า
มนุษย์มีเสรภี าพในการกระทำสิง่ ต่างๆ แต่มนุษย์ต้องมีความรับผดิ ชอบต่อสิ่งที่ตนเองกระทำ ประการ
ที่ห้า เชื่อในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่คิดค้นโดยมนุษย์เพื่อตอบสนองความต้อง การและ

107

การแก้ปัญหาในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ประการสุดท้าย เชื่อในระบอบประชาธิปไตย หลักสิทธิ
มนุษยชน และการมเี สรีภาพทเ่ี ท่าเทียมกนั ของมนุษย์

สรุปได้ว่า หลักมนุษยนิยม (Humanism) มีวิวัฒนาการมาจากทฤษฎีกลุ่มที่เน้นการพัฒนา
ตามธรรมชาติ แต่จะมีความเป็นวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น คือเป็นกระบวนการมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ
เป็นทฤษฎีที่เชื่อมั่นในตัวของมนุษย์ ซึ่งนักคิดกลุ่มมนุษยนิยมจะให้ความสำคัญของการเป็นมนุษย์
และมองมนุษย์ว่ามีคุณค่า มีความดีงาม มีความสามารถ มีความต้องการ และมีแรงจูงใจภายในที่จะ
พัฒนาศักยภาพของตน หากบุคคลได้รับอิสรภาพและเสรีภาพที่เพียงพอ มนุษย์จะพยายามพัฒนา
ตนเองไปสู่ความเปน็ มนุษยท์ สี่ มบูรณ์

วัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่สอง เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ผลการวิจัยพบว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นคำท่ียากจะหานิยามความหมายได้ แม้กระท้ังใน
ปัจจุบันน้ี เพราะความเป็นมาของศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์มีที่มาทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน
ออกไป คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ให้คำนิยามของศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ ว่าหมายถึง
การให้คุณค่าของมนุษย์ในสังคม ซ่ึงคุณค่าของคนน้ันมีท้ังในฐานะธรรมชาติของมนุษย์ เช่น การรัก
ชวี ิต ความกลวั เพศ อายุ เชอื้ ชาตสิ ุขภาพ สภาพทางรา่ งกายและคุณค่าของคนตามฐานะตำแหน่งทาง
สังคม เช่น ฐานะทางเศรษฐกิจ บทบาททางสังคม สถานภาพทางสังคมการดำรงตำแหน่งสังคม แต่
พบวา่ ในเชงิ หลกั การนัน้ นักวชิ าการไดส้ รปุ ความหมายของศกั ดศ์ิ รีความเป็นมนุษย์ (Human Dignity)
ว่าหมายถึง คุณค่าของมนุษย์ที่มีความเกี่ยวข้อง หรือขึ้นอยู่กับความเป็นมนุษย์ โดยในฐานะมนุษย์ทกุ
คนได้รับคุณค่าความเป็นมนุษย์โดยไม่ต้องคำนึงถึงเพศ เชื้อชาติ ศาสนา วัย ฐานะ หรือตำแหน่ง ใน
ความเข้าใจทว่ั ไป การให้คุณค่ามนษุ ยน์ ั้น คุณคา่ หรอื ศกั ดิ์ศรขี น้ึ อย่กู ับฐานะทางเศรษฐกิจ บทบาททาง
สังคม การดำรงตำแหน่งทางสังคม เมื่อเข้าใจอย่างนี้ มนุษย์คนใดรวย หรือมีบทบาททางสังคมมาก
หรือมีตำแหน่งใหญ่โตก็จะมีคุณค่ามาก คนจนหรือคนที่ไม่มีบทบาททางสังคม ไม่มียศหรือตำแหน่ง
ใดๆ ก็จะมีคุณค่าน้อย ซึ่งหากเรามองเช่นนี้การปฏิบัติตนต่อคนเหล่านั้นก็จะแตกต่างกันด้วย และจะ
เป็นความเชอ่ื ท่ีจะนำมาซ่ึงการละเมิดศักดิ์ศรขี องความเป็นมนุษย์ หรือการเหยยี ดหยาม ลดทอน หรือ
การปฏิบัติต่อคนเหมือนไม่ใช่มนุษย์ หรือลดฐานะมนุษย์เป็นเพียงวัตถุสิ่งของ มองคนจนว่าเป็นพวกที่
ไร้ค่า มองพวกท่ีไรก้ ารศึกษาวา่ เปน็ พวกหนกั แผน่ ดิน เป็นตน้

108

วัตถุประสงคก์ ารวิจยั ขอ้ ทส่ี าม เพือ่ ศึกษาแนวคิดเรื่องสทิ ธิมนษุ ยชน
ผลการวิจัยพบว่า สิทธิมนุษยชนเป็นแนวคิดหน่ึงท่ีเชื่อกันว่าเป็นสิทธิของมนุษย์ทุกคนบนโลกท่ี
ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และเป็นสากล ไร้พรมแดน ไม่สามารถถ่ายโอนกันได้ ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ชนชาติ
ประเทศ เพศ ผิวพรรณ ภาษา ศาสนา วฒั นธรรม สติ ปญั ญา ความสามารถ ฐานะทางเศรษฐกจิ ที่จะ
ดำเนินชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี มีอิสระ เสรีภาพ เสมอภาค มีชีวิตที่ดี มีสิทธิแสวงหาวัตถุปัจจัยมาดำรงชีพ
ได้รับการยอมรับจากสังคมและการปฏิบัติจากรัฐอย่างเหมาะสม ดังนั้นจึงไม่มีบุคคล องค์กร หรือ
แม้แต่รฐั ท่จี ะมาล่วงละเมิดความเปน็ มนุษยไ์ ด้
ส่ิงจำเปน็ ท่ที ำใหเ้ รามีชวี ิตอยูร่ อดนอกจากปจั จยั สีท่ ่ไี ดแ้ ก่ อาหาร เสื้อผา้ ยารักษาโรค และ ท่ี
อยู่อาศัยแล้ว คือ การศึกษา การมีงานทำ การไม่ถูกทรมาน และได้รับความเป็นธรรมเมื่อถูกกล่าวหา
ว่าทำผิดกฎหมาย เราเรียกว่า สิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคนที่ต้องไดร้ ับในฐานะท่ีเป็นมนุษย์ ซึ่งจะทำ
ให้มนุษย์อยู่รอดและสามารถพัฒนาตนเองได้ ว่าเป็น “สิทธิมนุษยชน” ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
และอยู่เหนือกฎหมายและอำนาจใดๆ ของรัฐทุกรัฐ สิทธิเหล่านี้ได้แก่ สิทธิในชีวิต ห้ามฆ่าหรือทำร้าย
ต่อชีวิต ห้ามการค้ามนุษย์ ห้ามทรมานอย่างโหดร้าย คนทุกคนมีสิทธิในความเชื่อ มโนธรรมหรือลัทธิ
ทางศาสนา มเี สรภี าพ ในการแสดงความคิดเหน็ และแสดงออก สทิ ธิมนุษยชนเหล่านไี้ มต่ ้องมีกฎหมาย
มารองรับ สิทธิเหล่านี้ก็ดำรงอยู่ เช่น แม้ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าการฆ่าคนเป็นความผิดตามกฎหมาย
แต่ คนทุกคนสำนึกรู้ได้เองว่า การฆ่าคนนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม เป็นบาปในทางศาสนา หรือการที่คนใน
ชาติไม่ได้รับอาหารที่เพียงพอแก่การยังชีพ ซึ่งไม่ถือว่ามีใครทำผิดกฎหมาย แต่เป็นการละเมิดสิทธิ
มนุษยชนทร่ี ฐั บาลมีหนา้ ทตี่ อ้ งจดั การให้คนในชาติไดร้ ับอาหารอยา่ งเพยี งพอแก่การมชี ีวติ รอด
โดยสรุป อาจกล่าวได้ว่า หลักสิทธิมนุษยชนมีพื้นฐานบนความเชื่อ 6 ประการ คือ ประการ
แรก เชื่อว่าทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นสิทธิติดตัวทุกคนตามธรรมชาติตั้งแต่เกิด ประการท่ี
สอง เชื่อว่าคนทุกคนมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน และไม่มีการเลือกปฏิบัติเกิดขึ้น ประการที่สาม
เชื่อว่าสิทธิมนุษยชนเป็นของคนทุกคนโดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา เพศ อายุ อาชีพ สถานะทาง
เศรษฐกิจหรือสังคม สุขภาพ และความคิดเห็นด้านต่างๆ ประการที่สี่ เชื่อว่า สิทธิมนุษยชนเป็นองค์
รวมแยกเป็นส่วนๆ ไม่ได้ และแต่ละส่วนจะเกี่ยวพันกัน ประการที่ห้า เชื่อว่าการมีส่วนร่วมและการ
เป็นส่วนหนึ่งของสิทธินั้นๆ หมายความว่า ประชาชนแต่ละคน หรือกลุ่มประชาชน หรือประชาสังคม
ย่อมมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการเข้าถึงและได้รับประโยชน์จากสิทธิพลเมืองและการเมือง และสิทธิ
ทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และประการสุดท้าย เชื่อว่า หลักการนี้เราสามารถตรวจสอบได้
และเป็นไปตามหลกั นิตธิ รรม

109

วัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่สี่ เพื่อศึกษาสถาบันของรัฐไทยที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของ
ความเปน็ มนษุ ย์และสทิ ธิมนุษยชน

ผลการวิจัยพบว่า สถาบันหลักที่สำคัญยิ่งในฐานะที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศที่ได้
กำหนดกติกาของสังคม โดยเฉพาะเพื่อปกป้อง คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ของประชาชน คือ รัฐธรรมนูญ ซึ่งปรากฏว่า ในการจัดทำรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ ผู้ที่เกี่ยวข้องจะ
คำนึงถึงการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็นประการสำคัญเสมอมา เพราะมองว่าสิทธิ
และเสรีภาพเป็นเกียรติยศและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และประเทศที่ปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยนั้น หากละเลยหรือไม่คุ้มครองเรื่องเหล่านี้แล้วย่อมส่งผลต่อเกียรติภูมิของประเทศชาติ
ตามไปด้วย การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึง
เปน็ หลักการสำคัญอยา่ งย่ิงที่จะตอ้ งนำมาบัญญัตไิ วใ้ นทกุ ๆ รัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้ให้การรับรองศักดิ์ศรีความเปน็ มนุษย์
สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล (มาตรา 4) และการได้รับความคุ้มครองด้านสิทธิและ
เสรีภาพ เสมอกันของบุคคลภายใต้กฎหมาย (หมวด 3 มาตรา 27) โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั ร
ไทย ได้กำหนด ขอบข่ายของการให้ความคุ้มครองด้านสิทธิและเสรีภาพของประชาชนผ่าน 4 หมวด
อันได้แก่ หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย หมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย หมวด 5
หน้าที่ของรัฐ และหมวด 6 นโยบายแห่งรัฐอันประกอบด้วยสิทธิมนุษยชนในด้านต่างๆ ที่สำคัญ
กลา่ วคือ

(1) ด้านกระบวนการยุติธรรม การให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับ
ความปลอดภัยในด้านร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สินซึ่งครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการสืบสวนสอบสวน
การดำเนินคดี การพิจารณาตดั สินคดี การกักขัง การลงโทษ การบำบัดฟน้ื ฟูผตู้ อ้ งขงั โดยมีมิติของการ
ใหค้ วามคมุ้ ครองสทิ ธิเหยือ่ ผ้ตู ้องหา ผู้ต้องขงั และผู้ต้องโทษ

(2) ด้านสาธารณสุข การให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
อนามัยและความปลอดภัย ของประชาชน ซึ่งมีทั้งในมิติของการป้องกัน แก้ไขปัญหา และการ
ช่วยเหลือเยียวยา ในการให้ความคุ้มครองสิทธิ ในด้านดังกล่าว รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้
กำหนดบทบาทหน้าที่ของรัฐในการสนับสนุนและส่งเสริม ด้านทรัพยากรเพื่อให้ประชาชนมีสิทธิใน
การไดร้ บั บรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ

110

(3) ด้านการศึกษา การให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในการ
ได้รับการศึกษา การพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญ คือ
เด็กและเยาวชน ในการ ให้ความคุ้มครองสิทธิในด้านดังกล่าวรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้
กำหนดบทบาทหน้าที่ของรัฐในการสนับสนุนในดา้ นทรัพยากรและการชว่ ยเหลอื เยียวยาผู้ยากไร้ อาทิ
การดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับ การศึกษาเป็นเวลาสิบสองปีตั้งแตก่ อ่ นวัยเรียนจนจบการศกึ ษาภาค
บังคับอย่างมีคุณภาพแบบให้เปล่า หน้าท่ี ของรัฐในการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุน
ทรัพย์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและเพื่อ เสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพ
ครู เปน็ ตน้

(4) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
ของประชาชนในฐานะเจา้ ของประเทศ ที่เกีย่ วข้องกับสิทธิในการจัดการ บำรุงรักษา และใชป้ ระโยชน์
จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ต้องเป็นไปอย่างยั่งยืน โดย
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้กำหนดหน้าที่ของรัฐในการจัดให้ผู้มีส่วนได้เสียประชาชนและ
ชมุ ชนท่ีเกย่ี วขอ้ งมีส่วนร่วมในการแสดง ความคดิ เห็น ใหข้ ้อเสนอแนะ กอ่ นการดำเนนิ การของรัฐหรือ
ที่รัฐจะอนุญาตให้ผู้ใดดำเนินการ ซึ่งการให้ ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้านทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่งิ แวดล้อมในลกั ษณะดังกล่าวถอื ว่าเป็นการให้ ความคมุ้ ครองทีเ่ ปน็ คูข่ นานกับสิทธิทางการเมอื งการ

(5) ด้านท่อี ยู่อาศยั การใหค้ วามคมุ้ ครองสิทธมิ นุษยชนขน้ั พ้นื ฐานท่ีเกี่ยวข้องกับการดำรงชวี ิต
วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ซึ่งครอบคลุมสิทธิด้านท่ีอยู่อาศยั ที่ดินทำกิน การสืบทอดมรดก การครอบครอง
การบริหาร จัดการและการถ่ายโอนทรพั ย์สิน เสรภี าพในการประกอบอาชพี การเดินทางและเลือกถ่ิน
ฐานที่อยู่อาศัย โดยในมิติดังกล่าวรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้ให้การคุ้มครองในลักษณะของ
การจำกัดขอบขา่ ย การใชอ้ ำนาจของรัฐซ่ึงต้องเปน็ ไปเพอื่ ความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรยี บรอ้ ย หรือ
สวัสดภิ าพของประชาชน หรือการผงั เมือง หรือเพ่ือรกั ษาสถานภาพของครอบครัว หรอื เพ่อื สวัสดิภาพ
ของผูเ้ ยาว์

(6) ด้านการขนส่ง การจัดสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการให้บริการและสร้างความเสมอ
ภาคของประชาชน ทุกกลุม่ ในการใชบ้ ริการโครงสรา้ งพน้ื ฐานดา้ นคมนาคมขนสง่ ของรัฐ โดยรฐั จะต้อง
จัดให้มีมาตรการหรือกลไก ที่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคด้านต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นด้านการรู้ข้อมูลที่เป็นจริง ด้านความปลอดภัย ด้านความเป็นธรรมในการทำสัญญา หรือ
ด้านอน่ื ใดอนั เป็นประโยชนต์ อ่ ผบู้ รโิ ภค

111

(7) ด้านเศรษฐกิจ การให้ความคุม้ ครองสทิ ธมิ นษุ ยชนในการจัดระบบเศรษฐกจิ ในรัฐธรรมนญู
กำหนดให้ ประชาชนมีโอกาสได้รับประโยชน์จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกันอย่าง
ทั่วถึง เป็นธรรม และยั่งยืน สามารถพึ่งพาตนเองได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขจัดการ
ผูกขาดทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม และพัฒนาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของ
ประชาชนและประเทศ รวมถึง การส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครอง และสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบ
สหกรณ์ประเภทต่างๆ และกิจการวิสาหกิจ ขนาดย่อมและขนาดกลางของประชาชนและชุมชน
ตลอดจนการพัฒนาประเทศ จะต้องคำนึงถึงความสมดุล ระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุกับการพัฒนา
ดา้ นจิตใจและความอยเู่ ย็นเปน็ สขุ ของประชาชนประกอบ

(8) ด้านการเมืองการปกครองและความมัน่ คง การให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนขัน้ พื้นฐาน
ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิทางการเมือง ซึ่งมีขึ้น เพื่อจำกัดและตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ ไม่ว่าจะเป็น
ทางตรงโดยประชาชนหรือทางอ้อมโดยองค์กร หรือผู้แทนโดยสิทธิทางการเมือง ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทยไดใ้ หก้ ารรับรองจะเปน็ เรอื่ งการมสี ว่ นร่วม ของประชาชน ชมุ ชน และผู้มีสว่ นได้เสีย
ในกระบวนการทางการเมือง ซึ่งมีตั้งแต่ระดับล่างในเรื่องสิทธิ ในการเข้าถึงข้อมูล รับทราบข้อมูลไป
จนถึงระดับสูงในเรื่องการให้ข้อเสนอแนะ การปรึกษา การวางแผนร่วมกัน กับภาครัฐก่อนที่จะมีการ
ตดั สนิ ใจในเชงิ นโยบายและลงมอื ปฏบิ ัติ

(9) ด้านสิทธิชุมชน วัฒนธรรม และศาสนา การอนุรักษ์ ฟื้นฟู หรือส่งเสริมภูมิปัญญา ศิลปะ
วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารีตประเพณี อันดีงามทั้งของท้องถิ่นและของชาติ การจัดการ
บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ
อย่างสมดลุ และย่ังยืนตามวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ รวมถึง การเข้าชื่อเพ่ือเสนอแนะตอ่ หน่วยงานของ
รัฐให้ดำเนินการใดอันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือชุมชน หรืองดเว้นการดำเนินการใดอันจะ
กระทบต่อความเปน็ อยู่อยา่ งสงบสขุ ของประชาชนหรอื ชมุ ชน และ

(10) ด้านข้อมูลข่าวสาร เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การให้ความคุ้มครองสิทธิ
มนุษยชนขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการติดต่อสื่อสาร สิทธิในการรับทราบ เข้าถึงข้อมูล
ข่าวสาร ตลอดจนสิทธิในการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ใช้เพื่อส่งวิทยุ กระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์
และโทรคมนาคม นอกจากนี้ สิทธิในด้านดังกล่าวถือว่ามีความเชื่อมโยงกับ สิทธิทางการเมือง
เนื่องจากการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนจะเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมต้องอาศัย

112

ข้อมูล ข้อเท็จจริง การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเป็นพื้นฐานในการมีส่วนร่วมในกระบวนการ ทาง
การเมืองการปกครอง

สถาบันของรัฐทท่ี ำหนา้ ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั สทิ ธมิ นุษยชนท่สี ำคญั ประกอบด้วย

1. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (National Human Rights Commission of
Thailand) เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบด้วย ประธานกรรมการ
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตาม
คำแนะนำของวุฒิสภา จากผู้ซึ่งมีความรู้หรือประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของ
ประชาชนเป็นที่ประจักษ์ ทั้งนี้ โดยต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของผู้แทนจากองค์การเอกชนด้านสิทธิ
มนษุ ยชนดว้ ย

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีวาระการดำรงตำแหน่งเจ็ดปีนับแต่วันท่ี
พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว วาระละ 7 ปี โดยมีสำนักงาน
คณะกรรมการสทิ ธิมนษุ ยชนแห่งชาติ เป็นหนว่ ยงานขา้ ราชการฝ่ายรัฐสภาสามัญ

2. กรมคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรีภาพ กระทรวงยตุ ิธรรม

ตามกฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ.
2545 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 ฉ แห่งพระราชบัญญัติระเบยี บบริหารราชการแผ่นดิน(ฉบับ
ท่ี 4) พ.ศ. 2543 รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยตุ ิธรรมออกกฎกระทรวงไวด้ ังตอ่ ไปน้ี

ใหก้ รมคุม้ ครองสิทธแิ ละเสรีภาพ มภี ารกิจเกีย่ วกบั สิทธแิ ละเสรีภาพท่ีประชาชนพึงไดร้ ับตาม
กฎหมาย โดยการจัดวางระบบและส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับกรมคุ้มครองสิทธิและ
เสรีภาพตลอดจนการดำเนินการให้พยาน ผู้เสียหาย และจำเลยในคดีอาญา ได้รับการคุ้มครอง
ช่วยเหลือ เยียวยาในเบื้องต้น เพื่อให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองและดูแลจากรัฐอย่างทั่วถึงและเท่า
เทียมกัน

3. กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรม เป็นหน่วยงานที่จะทำหน้าที่อบรมสั่งสอน
ศึกษาวิจัย และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเพื่อให้สาธารณชน โดยเฉพาะนักเรียนและ
นักศึกษาไดร้ บั รแู้ ละช่วยกนั ส่งเสริมและคุ้มครองสทิ ธิมนษุ ยชน

113

4. กระทรวงมหาดไทย มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของบุคคลตั้งแต่เกิดจนตาย เช่น จด
ทะเบียน คนเกิด จดทะเบียนบ้าน และย้ายบ้าน ทำบัตรประจำตัวประชาชน จดทะเบียนคนตาย เป็น
ต้น

5. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ในการคุ้มครองมิให้มีการละเมิดสิทธิมนุษย์ชน
และ ดำเนินคดกี ับบุคคลทล่ี ะเมิดสทิ ธิมนษุ ยชน

6. หน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ ที่ใช้อำนาจในการส่งเสริม และดูแลเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เปน็ ครง้ั คราว เช่น กรมพัฒนาสังคมและสวัสดกิ าร กรมป่าไม้ กรมทีด่ นิ เปน็ ตน้

นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานของเอกชนอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งหน่วยงานขนาดเล็ก และขนาด
ใหญ่ บางหน่วยงานเกิดจากการรวมตัวกันของคนไทยด้วยกันเอง เช่น สภาสตรีแห่งชาติ มูลนิธิเด็ก
และสมาคมส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ เป็นต้น ส่วนองค์การบางองค์การของเอกชนก็ได้รับการสนับสนุน
จากต่างประเทศให้เคลื่อนไหวเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เช่น องค์การสงเคราะห์ผู้ลี้ภยั
องคก์ ารสง่ เสรมิ สิทธิมนุษยชนแหง่ ประเทศไทย เป็นตน้

วัตถุประสงค์การวิจัยข้อห้า เพื่อศึกษาสถานการณ์ที่ข้องเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของความเป็น
มนษุ ย์และสิทธมิ นษุ ยชนในสังคมไทย

ผลการวิจัยพบว่า ปฏิญญาสากลว่าด้วยสทิ ธมิ นุษยชน (Universal Declaration of Human
Rights) ซึ่งได้รับการรับรองโดยมติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (General Assembly)
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) ซึ่งเป็นพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิ
มนุษยชนทุกฉบับที่มีอยู่ในปัจจุบัน และประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศสี่สิบแปดประเทศแรกที่ให้
การรับรองปฏิญญาสากลฉบับนี้ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน จึงถือเป็น เอกสารสำคัญในการ
กำหนดกรอบมาตรฐานสำหรับการออกแบบระบบการให้ความคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชนในปัจจุบนั
และแม้ตัวปฏิญญาสากลฯ จะเป็นรูปแบบของเอกสารเชงิ หลักการที่มาจากขอ้ ตกลงร่วมกนั ทีม่ ไิ ด้ มีผล
ผูกพันทางกฎหมาย แต่ก็ถือเป็นจารีตประเพณีระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ว่า
มีสถานะเสมือนเป็นกฎหมายระหว่างประเทศอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของ
ประชาชน เป็นหลักกฎหมายทั่วไปที่ได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศที่รัฐต้องปฏิบัติ
โดยไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้น จึงเห็นได้ว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศไทยในช่วงหลัง โดยเฉพาะ
นับตั้งแต่ ฉบบั พ.ศ. 2540 ได้มีการพัฒนาเพ่ือรองรับการใหค้ วามคุ้มครองดา้ นสิทธิมนุษยชนท่ีมีความ
สอดคล้องกบั มาตรฐานสากลมากยง่ิ ข้นึ

114

แต่กลับพบว่าประเทศไทยในขณะนี้ คือ วิกฤตสิทธิมนุษยชนและวิกฤตรัฐธรรมนูญ
โดยเฉพาะการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ต่ำกว่าบรรทัดฐานกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน
2 ฉบับหลัก คือ กฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) และ
กฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (ICESCR) ซึ่งถ้าไม่ยับยั้ง
ร่วมกัน ผลพวงของการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางจะนำไปสู่รัฐที่ล้มเหลวหรือ Failed
State ได้

เราอาจสรุปสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยได้จากรายงานของสถานทูต
สหรัฐอเมริกา ที่ ได้รายงานด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี พ.ศ. 2563 ในส่วนของสถานการณ์ของ
ประเทศไทยไว้ว่า ปัญหาสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ ได้แก่ มีรายงานการสังหารที่ผิดกฎหมายหรือตาม
อำเภอใจโดยรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล การทรมานและเหตุการณ์การปฏิบัติหรือลงโทษด้วย
วิธีการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือทำลายศักดิ์ศรีโดยเจ้าหน้าที่ของทางการ การจับกุมและคุมขัง
โดยพลการโดยเจ้าหน้าที่รัฐ นักโทษการเมือง การแก้แค้นโดยมีเหตุจูงใจทางการเมือง ซึ่งรวมถึงข้อ
กล่าวหาว่ามีการบังคับบุคคลซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกประเทศให้สูญหาย การแทรกแซงทางการเมืองใน
กระบวนการพิจารณาคดี การจำกดั เสรภี าพการแสดงออก ส่ือ และอินเทอรเ์ น็ตอยา่ งเครง่ ครดั ซึง่ รวม
ไปถึงการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ที่วิจารณ์รัฐบาล การตรวจสอบเนื้อหาก่อนเผยแพร่ การปิดก้ัน
เว็บไซต์ และกฎหมายหมิ่นประมาททางอาญา การแทรกแซงสิทธิในการชุมนุมอย่างสงบและเสรีภาพ
ในการสมาคม รวมถึงการคกุ คามนักเคลื่อนไหวด้านสทิ ธิมนุษยชนและผู้ที่วิจารณ์รัฐบาล การส่งกลับผู้
ลี้ภัยที่เผชิญภัยอันตรายต่อชีวิตหรือเสรีภาพ การใช้ความรุนแรงต่อเด็ก การจำกัดการมีส่วนร่วม
ทางการเมือง การกระทำทุจริตอย่างร้ายแรง การค้ามนุษย์ การละเมิดสิทธิของผู้ลีภ้ ัยและแรงงานต่าง
ดา้ ว และการจำกดั เสรีภาพในการสมาคมของผ้ใู ช้แรงงานอยา่ งมีนัยสำคญั

อภปิ รายผลการวจิ ยั

จากรายงานของสถานทูตสหรัฐอเมริกา ที่ได้รายงานด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี พ.ศ. 2563
ในส่วนของสถานการณข์ องประเทศไทยเรื่องการแทรกแซงสิทธิในการชุมนมุ อย่างสงบและเสรีภาพใน
การสมาคม นั้น สอดคล้องกับงานวิจัยของ พัชร์ นิยมศิลปะ (2564, หน้า 38) ที่ศึกษาการจำกัด
เสรภี าพในการชุมนุมโดยสงบในประเทศไทย ท่พี บว่า...

“การที่การคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมในประเทศไทยไม่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งแนวทางใน
การพิพากษาคดีของตุลาการไทยไม่เป็นไปในแนวเดียวกันก็เนื่องจากระบบกฎหมายที่คุ้มครอง

115

เสรีภาพในการชมุ นุมภายในประเทศไทยไม่สอดคล้องกับหลักสากล ทำให้หลักสากล แนวคำพิพากษา
ศาลระหว่างประเทศและคำวินิจฉัยขององค์กรระหว่างประเทศไม่มีอิทธิพลในการชี้นำการตรวจสอบ
ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ปัญหาความไม่สอดคล้องนี้เกิดจากปัญหา 4
ประการ ได้แก่ (1) กฎหมายภายในของไทยรับรองเสรีภาพในการชุมนุมไม่เท่ากับบทบัญญัติตาม
ICCPR (2) มีการใช้กฎหมายอื่นมาบังคับควบคู่ไปกับ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะโดยไม่คำนึงถึงหลัก
สากล (3) กฎหมายเปิดชอ่ งให้เจ้าหน้าทีม่ ดี ุลยพนิ จิ มาก และ (4) กฎหมายไม่ได้กำหนดให้เจา้ หนา้ ที่รฐั
ตอ้ งใชว้ ธิ ีใดในการตรวจสอบการแทรกแซงเสรภี าพในการชมุ นุม”

และสอดคล้องกับข้อสังเกตจากงานวิจัยของ ธนกฤต ธีรประภารักษ์ (2564, หน้า 214) ที่ได้
ศึกษาเรื่อง มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนแก่บุคคลผู้เรียกร้อง
สทิ ธิทางการเมือง พบว่า...

“พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะพ.ศ. 2558 ที่เหมือนว่าจะสอดรับกับรัฐธรรมนูญแหง่
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แต่ในความเป็นจริงแล้วพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ
พ.ศ. 2558 นี้ยังมิได้สนับสนุนความเป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง เนื่องจากการจำกัดสิทธิในหลาย
ด้านของผู้ชุมนุมสาธารณะและแกนนำการชมุ นุม เช่น การตีกรอบกำหนดสถานที่ในการชุมนมุ การ
ดำเนนิ กจิ กรรมในการชุมนุม ยงั จำกัดซ่ึงสิทธิเสรีภาพไมส่ อดคลอ้ งกบั เจตนารมณแ์ ห่งรัฐธรรมนูญเมื่อ
เปรียบเทียบกับหลายประเทศที่มีพระราชบัญญัตินี้เช่นกัน หากการชุมนุมนั้นเป็นการชุมนุมโดยสงบ
และปราศจากอาวุธ สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
2560 สามารถถูกระงับยับยั้งได้ในหลายช่องทางตามมาตรการภาครัฐจะนำมาใช้ ซึ่งหากผู้นำการ
ชุมนุมยังฝา่ ฝืนไม่ยุตกิ ารชุมนุม ภาครัฐสามารถบงั คับใช้กฎหมายอาญามาดำเนนิ คดีกบั บรรดาผู้ชุมนุม
หรือแกนนำการชุมนมุ ได้ทันที ดังน้นั ควรแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช
2560 เกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมโดยให้การเรียกร้องสิทธิทางการเมืองเป็นเหตุที่ไม่อาจ
ออกหมายอาญาหรือดำเนินคดแี ก่บคุ คลผู้เรยี กร้องสทิ ธทิ างการเมืองได”้

ปัญหาสิทธิมนุษยชนของเด็กและเยาวชนนั้น ประเทศไทยได้ประกาศใช้แผนสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2562-2566) โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนใน
ภาพรวมของประเทศให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสรมิ และคุ้มครองสทิ ธิมนุษยชนของประเทศไทยให้

116

ก้าวหน้าทัดเทียมระดับสากล และแผนสิทธิมนุษยชนรายกลุ่ม ในส่วนของกลุ่มเด็กและเยาวชน เน้น
การบงั คับใช้กฎหมายทเี่ ก่ยี วกบั สทิ ธิประโยชนข์ องเด็ก เรง่ ปราบปรามปัญหาการใชแ้ รงงานเด็ก

แตจ่ ากรายงานประจำปี Ending Violence in Childhood ท่ีจดั ทำข้ึนโดย Know Violence
in Childhood ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่เคลื่อนไหวเรื่องการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก รายงานนี้
ระบุว่าสำหรับประเทศไทย พบว่าเด็ก 56% หรือนับเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งของประชากรเด็กอายุ
ระหว่าง 1-18 ปี ถูกทำโทษด้วยการทำร้ายร่างกายและการล่วงละเมิดทางเพศ มีข้อมูลจากศูนย์
เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน เปิดเผยว่าในปี พ.ศ.2556-2562 มีทั้งหมด 1,186 กรณี
มี 482 กรณที ี่บุคคลอนื่ กระทำทารุณกับเดก็ ซึ่งถอื ว่าเปน็ จำนวนมากที่สุด บคุ คลอนื่ ในท่ีนย้ี ังรวมไปถึง
เจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้ความรุนแรงต่อเด็ก รองลงมาเป็นกรณีเด็กกระทำกับเด็กด้วยกัน 464 กรณี คนใน
ครอบครัวทำกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของเด็กหรือแม้แต่ญาติผู้ใหญ่ที่ฝากเล้ียง 135 กรณี สาเหตุ
หลกั ๆ ทท่ี ำให้เด็กถกู ทารุณกรรม สาเหตุแรก ตวั พ่อแม่เด็ก เชน่ พอ่ แม่ที่มอี ายุนอ้ ยไมพ่ ร้อมมีลกู ทำให้
มีปัญหาในครอบครัว สภาพจิตใจไม่ปกติ ทำให้ไม่รักและใส่ใจลูกเท่าที่ควร และสุดท้ายเมื่อมีปัญหาก็
หันไปใช้กำลังกับลูก สาเหตุต่อมาคือเกิดจากตัวเด็กเองเช่น เด็กเลี้ยงยากหรือซนก็จะทำให้ผู้ปกครอง
ไม่พอใจลงมือทำร้ายร่างกายเด็กและสาเหตุสุดท้าย เกิดจากสิ่งแวดล้อมที่บีบบังคับ เช่น ครอบครัว
ยากจน ขาดเสาหลักค้ำจุนครอบครัว ทำให้เกิดความเครียดและหันไประบายกับลูก และมี 105 กรณี
ที่ครหู รือบุคลากรการศึกษากระทำกับเดก็ ( เฝาซี ลา่ เตะ๊ , 2564)

นอกจากนี้ ในภาพรวม พบว่าปัญหาสิทธิ มนุษยชนของประเทศไทยยังไม่ได้รับการแก้ไข
อย่างจริงจัง สอดคล้องกับข้อค้นพบจากงานวิจัยของธัญญา จันทร์ตรง และกุลทิพย์ ศาสตระรุจิ
(2557, หน้า 86) ที่ศึกษาเรื่อง นักข่าวพลเมืองกับการใช้สื่อออนไลน์ในการขับเคลื่อนด้านสิทธิ
มนุษยชนในสงั คมไทย พบวา่ ...

“ ในมุมมองของนักข่าวพลเมืองในสังคมไทยต่างมองว่าปัญหาสิทธิมนุษยชนนั้นเป็นเร่ืองท่ี
ใหญ่เกยี่ วขอ้ งกับสิทธิเสรีภาพ คุณค่า ศักดิศ์ รีความเป็นมนษุ ยค์ วามไมเ่ สมอภาค การไม่ไดร้ บั ความเท่า
เทียมกันทางกฎหมาย และกำลังเป็นปัญหาที่ทุกคนในสังคมควรจะตระหนักถึง และช่วยกันป้องกัน
แก้ไข ซงึ่ เปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกับการรายงานสถานการณส์ ิทธิมนษุ ยชนรายปขี องประเทศไทย โดยฮวิ
แมนไรท์วอทช์ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 (ฮิวแมนไรท์วอทช์ รายงานสถานการณ์สิทธิ
มนุษยชนรายปีของประเทศไทย, 2556) พบว่าปัญหาสิทธิ มนุษยชนของประเทศไทยยังไม่ได้รับการ
แก้ไขอย่างจริงจังในรัฐบาลสมัยปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 1) การดำเนินการเอาความผิดกับผู้ท่ี
รับผิดชอบต่อความรุนแรงทางการเมืองเมื่อปี พ.ศ. 2553 2) การจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก 3)

117

ความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4) การละเมิดสิทธิของผู้ลี้
ภยั และแรงงานตา่ งดา้ ว”

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐไทยจะมีกฎหมายรัฐธรรมนูญในหลายมาตราที่ออกมาปกป้อง
คุ้มครองสิทธิมนุษยชนมาตั้งแต่ฉบับปี พ.ศ. 2540 แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการบังคับใช้
กฎหมาย องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ในเรื่องนี้ คือ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเองเสนอมาตรการต่างๆ
ออกมา แต่ก็ไม่มีสภาพบังคับใช้ทางกฎหมาย ประสิทธิผลจึงเกิดขึ้นไม่ได้ สอดคล้องกับข้อค้นพบจาก
งานวจิ ยั ของโกเมศ สุบงกช (2561, หนา้ 105) ที่วา่ ...

“จากการดำเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในการตรวจสอบการละเมิด
สิทธิมนุษยชนที่ผ่านมาพบว่า มีเรื่องร้องเรียนที่จะต้องติดตามผลการดำเนินการตรวจสอบตาม
มาตรการการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นจำนวนมาก สาเหตุสำคัญคือ มาตรการการ
แก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการไม่มีสภาพบังคับในทางกฎหมาย ทำให้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่สนใจในมาตรการการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิ ทธิ
มนุษยชน หรืออาจกล่าวได้ว่าบุคคล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ให้ความสำคัญต่อมาตรการที่
คณะกรรมการกำหนด โดยปจั จุบันคณะกรรมการเปน็ เพยี งองค์กรทมี่ อี ำนาจในการตรวจสอบ และทำ
ความเห็น หรือข้อเสนอแนะให้มีการดำเนินการ ซึ่งจะมีการดำเนินการหรือไม่อย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับ
การตัดสนิ ใจขององคก์ รอนื่ ท่ีมีอำนาจในการวินจิ ฉัยช้ขี าด”

และสอดคล้องกับทัศนะของ กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ (2564) ที่ชี้ให้เห็นว่า คณะกรรมการ
สิทธิมนุษยชนแหง่ ชาติ (กสม.) เป็นหนึ่งในองค์กรอสิ ระตามรัฐธรรมนูญ มีอำนาจหน้าท่ีตรวจสอบการ
ละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้วเสนอมาตรการแก้ไขต่อบุคคลหรือหน่วยงานของรัฐ หากหน่วยงานท่ี
เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการให้รายงานต่อรัฐสภา หรือเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจหน้าที่ให้คุณ
ให้โทษต่อเจ้าหน้าที่รวมทั้งหน่วยงานของรัฐได้เหมือนองค์กรอิสระอ่ืนๆ เช่น คณะกรรมการ ป.ป.ช.
เปน็ ต้น ทำให้เจ้าหนา้ ทแ่ี ละหน่วยงานของรัฐไม่ให้ความสำคญั กบั ขอ้ เสนอแนะของ กสม.เทา่ ทค่ี วร

ข้อเสนอแนะ
ขอ้ เสนอแนะจาการวจิ ัย

1. รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง กำกับดูแล
กระบวนการนำนโยบายสิทธิมนุษยชนไปปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนสิทธิมนุษยชนและแผนปฏิบัติการ
สิทธิมนุษยชนอยา่ งเขม้ งวด ในทกุ ระดับ

118

2. รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลคุณธรรมและจริยธรรมของข้าราชการอย่าง
เคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีการใช้อำนาจไปละเมิดสิทธิ เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของพลเมือง รวมทั้งมี
บทลงโทษทร่ี นุ แรง

3. รัฐบาลควรสนับสนุนให้เกิดการเข้ามีส่วนร่วมโดยการรวมกลุ่มกันของประชาชน ทำ
หน้าที่เป็นตวั แทนกลุ่มในการนำเสนอข้อร้องเรียน ปัญหา และแนวทางแก้ไขปญั หาที่เกี่ยวข้องกับการ
ถกู ละเมิดสิทธมิ นษุ ยชน

4. ควรจัดตั้งศาลสิทธิมนุษยชนเป็นศาลชำนัญพิเศษเฉพาะคดีสิทธิมนุษยชน ดำเนินการ
ตามกระบวนพิจารณาคดีสิทธิมนุษยชนที่ได้รับรองสิทธิไว้ในรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และพันธกรณี
ระหว่างประเทศที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตาม และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้ประเทศไทย
เป็นประเทศคุ้มครองสิทธมิ นุษยชน
ข้อเสนอแนะในการวิจยั ครั้งต่อไป

ควรให้มีการศึกษาปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนรายกลุ่มในสังคมไทย เพื่อจะได้ทราบที่มา
ของปญั หา และแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกดิ ข้ึน

119

บรรณานุกรม

เกียรตวิ รรณ อมาตยกุล. (2531). นีโอฮิวแมนนิสทางเลือกสุดท้ายของคนรุน่ ใหม่. กรงุ เทพฯ: ภาพ
พมิ พ์

กลุ พล พลวนั . (2546). ศักดิ์ศรคี วามเป็นมนุษยก์ บั เสรีภาพทางวิชาการ, คน้ เมื่อ 27 กรกฎาคม 2564
จาก http://www.tech.ago.go.th/dlaw/documents/New/kulpolHMR7.pdf

โกเมศ สบุ งกช. (2561). ปัญหาเกย่ี วกบั สภาพบังคับทางกฎหมายในกระบวนการตรวจสอบการละเมดิ
สิทธมิ นุษยชน โดยคณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาต.ิ วารสารกระบวนการยุติธรรม,
12(2). 105-123.

โกวิทย์ พวงงาม. (2561). การแก้ไขปญั หาความเหลอ่ื มลำ้ โดยท้องถ่นิ . คน้ เมอ่ื 23 กันยายน 2564
จาก https://siamrath.co.th/n/56971

กฤษณะ บวรรตั นารักษ.์ (2564). ประเทศไทยกบั สิง่ ท้าทายด้านมนุษยชน. ค้นเมือ่ 30 กนั ยายน
2564. จาก https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2923787

คณะกรรมาธิการประชาสมั พนั ธ์และเผยแพร่ สภารา่ งรฐั ธรรมนูญ. (2550). ข้อพิจารณาสำคัญเพือ่
การลงประชามตริ ่างรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช 2550. กรงุ เทพฯ: สำนัก
การพมิ พส์ ำนกั งานเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร.

คณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแห่งชาต.ิ (2550). ปฎญิ ญาสากลวา่ ด้วยสทิ ธมิ นษุ ยชน. กรงุ เทพฯ: สำนกั งาน
คณะกรรมการสทิ ธมิ นุษยชนแหง่ ชาติ.

คณะกรรมการสทิ ธิมนษุ ยชนแห่งชาติ. (2564). ความเปน็ มาของคณะกรรมการสทิ ธิมนษุ ยชน
แห่งชาต.ิ คน้ เมือ่ 25 สงิ หาคม 2564 จาก http://www.nhrc.or.th/AboutUs/The-
Commission/ Background-and-History-2.aspx

จรญั โฆษณานันท.์ (2545). สทิ ธิมนุษยชนไรพ้ รมแดน: ปรชั ญา กฎหมาย และความเป็นจรงิ ทาง
สังคม. กรงุ เทพมหานคร: สำนกั พมิ พ์นิตธิ รรม.

ใจรตั น์ จตรุ ภทั รพร. (2541). มนุษย์ในทรรศนะของปรชั ญามนษุ ยนยิ มใหม่. เชียงใหม:่
มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่.

ไชยนั ต์ กลุ นติ .ิ (2557). ความเบ้อื งตน้ เก่ยี วกับการคุ้มครองศกั ดศ์ิ รคี วามเป็นมนษุ ยโ์ ดยศาลรฐั ธรรมนญู ,
กรุงเทพฯ: สถาบันรฐั ธรรมนญู ศกึ ษา สำนักงานศาลรฐั ธรรมนูญ.

ชุตนิ นั ท์ สงวนประสทิ ธิ์. (2564). 4 เหตุความเหลอื่ มล้ำไทยทีไ่ มไ่ ด้เกิดจากความจน แต่ทำให้คนไทย
จนลงเรอื่ ยๆ, ค้นเมือ่ 22 กนั ยายน 2564 จาก https://thestandard.co/4-causes-of-
inequality-in-thailand/

120

ทวรี ัตน์ นาคเนียม. (2542). ปฏญิ ญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษย.์ วารสารราชทัณฑ์ 47(3), 21-35.
ทมี งานทรปู ลูกปญั ญา. (2558). แนวคิดมนุษยนิยม. ค้นเมอื่ 4 กันยายน 2564 จาก...

http://www.trueplookpanya.com/new/asktrueplookpanya/questiondetail/
14960
ท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย. (2564). แจง้ ผลการพิจารณาศึกษาเรือ่ ง แนวทางการแกไ้ ข
ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการลอบประทษุ รา้ ยประชาชน. ค้นเม่ือ 6 กนั ยายน
2564 จาก http://www.dusit.ac.th/wp-content/uploads/2021/06/2035-2564-
%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0
%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%B
4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B
5%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A
3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%9
7%E0%B8%A2.pdf
ธนกฤต ธรี ประภารกั ษ์. (2564). มาตรการทางกฎหมายเกยี่ วกับการคุ้มครองตามหลักสทิ ธิมนุษยชน
แกบ่ คุ คลผู้เรยี กร้องสทิ ธทิ างการเมอื ง. วารส่ารวชิ าการ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั พระนคร. 7(2),
214-226.

ธญั ญา จนั ทรต์ รง และกลุ ทิพย์ ศาสตระรุจ.ิ (2557). นกั ขา่ วพลเมอื งกับการใชส้ ือ่ ออนไลนใ์ นการ
ขับเคลอื่ นดา้ นสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย. วารสารมหาวิทยาลยั ฟารอ์ สี เทอรน์ , 7(2), 86-98.

นัฐพงศ์ บญุ ธรรม. (2558). แนวคดิ แบบมนุษยนยิ มกบั ชีวติ ทางการเมอื ง. ค้นเมื่อ 5 กันยายน 2564
จาก https://www.gotoknow.org/posts/538401

บรรเจิด สิงคะเนต.ิ (2547). หลกั พ้ืนฐานของสทิ ธิเสรีภาพ และศักดศ์ิ รคี วามเปน็ มนุษย์ ตาม
รฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2540”, พิมพค์ ร้งั ท่ี 2, กรงุ เทพฯ: วิญญูชน.

บ้านจอมยทุ ธ.์ (2557). การใชเ้ หตผุ ลแนวมนุษยน์ ิยม. ค้นเมอื่ 4 กันยายน 2564 จาก
https://www.baanjomyut.com/library_2/extension2/guidelines_for_the_
rationaluseofhuman_west/05.html

121

บญุ สงค์ ทองอนิ ทร.์ (2561). บทวเิ คราะหร์ ัฐธรรมนญู . คน้ เมอื่ 10 กันยายน 2564 จาก
https://www.senate.go.th/assets/portals/93/fileups/253/files/Analysis/62/11_6
2.pdf

บรู ณ์ ฐาปนดุล. (2559). หลกั สิทธมิ นุษยชนในที่ทำงาน. เอกสารวชิ าการส่วนบุคคล, สำนักงานศาล
รัฐธรรมนญู .

ประชาไท. (2562). วัชรฤทยั บญุ ธนิ นั ท์: สทิ ธมิ นุษยชน ศกั ด์ศิ รคี วามเปน็ มนษุ ย์และมมุ มองของสังคมไทย
ค้นเม่อื 9 กนั ยายน 2564 จาก https://prachatai.com/journal/2019/12/85473

เฝาซี ลา่ เต๊ะ. (2564). ละเมิดสทิ ธิหนทู ำไม? ค้นเม่ือ 30 กนั ยายน 2564 จาก
https://www.amnesty.or.th/latest/blog/865/

พัชร์ นิยมศลิ ปะ. (2564). การจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบในประเทศไทย. วาสารกฎหมาย
จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั 39(1). 35-58.

พรี ะศักด์ิ พอจิต. (2559). สิทธิมนุษยชนในหลายมิติ, กรงุ เทพมหานคร: สถาบนั รฐั ธรรมนูญศกึ ษา
สำนกั งานศาลรัฐธรรมนญู .

โพสต์ทูเดย.์ (2561). เปดิ สถานการณส์ ทิ ธิมนษุ ยชน แรงงาน-ส่ิงแวดลอ้ ม-ถูกละเมดิ เพมิ่ . คน้ เมือ่ 1
กันยายน 2564 จาก https://www.posttoday.com/politic/analysis/533800

มติชนออนไลน์. (2560). อธบิ ดกี รมคมุ้ ครองสทิ ธิฯ เดินหน้ากลยทุ ธ์ แผน 2 ปี หลังรฐั บาลประกาศ
“สิทธิมนุษยชน”เปน็ วาระแหง่ ชาต.ิ คน้ เมอื่ 26 สิงหาคม 2564 จาก
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_741063

มติชนออนไลน.์ (2563). วกิ ฤตสิทธมิ นุษยชนไทย ความไมล่ งลอ็ กในมาตรฐานโลกบนการเมอื งร้อน
วันม็อบไมแ่ ผ่ว. ค้นเมอื่ 25 สิงหาคม 2564 จาก
https://www.matichon.co.th/prachachuen/news_2480367

รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช 2540. (2540). ราชกจิ จานเุ บกษา. เล่ม 114, ตอน
55ก, 1-99.

รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. (2550). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ 124, ตอน
47ก.,1–127.

รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช 2560. (2560). ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม 134, ตอน
40, 1-90.

122

ระพี แสงสาคร. (2555). การสงั เคราะห์งานวิจัยเก่ยี วกบั แนวคิดมนุษยนยิ มและมนษุ ยนยิ มใหม่
สำหรบั การประยุกต์ใชใ้ นสังคมไทย. ค้นเมอื่ 5 กันยายน 2564 จาก...
http://human.cmu.ac.th/home/research/nrsdb/prop/25550229.pdf

ราชบัณฑติ ยสถาน. (2540). พจนานกุ รมศัพท์ปรชั ญาอังกฤษ-ไทย ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน,
กรงุ เทพมหานคร: ผู้แต่ง.

วชั รฤทัย บุญธนิ นั ท.์ (2562). สทิ ธมิ นุษยชน ศักดศิ์ รีความเปน็ มนษุ ย์ และมุมมองของสงั คมไทย. ค้น
เมือ่ 6 กนั ยายน 2564 จาก https://prachatai.com/journal/2019/12/ 85473)

วกิ พิ ีเดยี สารานุกรมเสรี. (2564). มนุษยนยิ ม. คน้ เมอ่ื 12 กนั ยายน 2564 จาก
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%
A9%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1

สถาบนั พระปกเกลา้ . (2564). สิทธิเสรีภาพและศกั ด์ิศรคี วามเป็นมนษุ ย.์ ค้นเม่ือ 6 กันยายน 2564
จาก https://kpi.ac.th/knowledge/research/data/107?page=7

สถานทตู สหรฐั อเมรกิ า. (2563). รายงานด้านสทิ ธมิ นษุ ยชนประจำปี พ.ศ. 2563-ประเทศไทย. ค้น
เมอ่ื 12 สงิ หาคม 2564 จากhttps://th.usembassy.gov/th/our-relationship-
th/official-reports-th/2020-human-rights-reports-thailand-th/

สมคดิ เลศิ ไพฑรู ย.์ (2550). ความเปน็ มาและเจตนารมณข์ องรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย
พทุ ธศกั ราช 2550. คน้ เม่ือ 15 สิงหาคม 2564 จาก https://so06.tci-
thaijo.org/index.php/kpi_journal/ article/view/244689/165891

สมบัติ จนั ทรวงศ.์ (2548). จอหน์ ล็อค กับสทิ ธิในการปราบรฐั บาลที่เปน็ ขบถ. ค้นเม่ือ 5 กนั ยายน
2564 จาก https://mgronline.com/

สรวชิ ญ์ วงษส์ ะอาด. (2557). แนวความคดิ เร่ืองสิทธิในทรรศนะของจอห์น ล็อค, ค้นเมอ่ื 9 กนั ยายน
2564 จาก https://www.gotoknow.org/posts/566107

สิทธ์ิ บตุ รอินทร.์ (2532). มนษุ ยชน. กรงุ เทพมหานคร: โอเด้ียนสโตร์.
สิทธพิ นั ธ์ พทุ ธหนุ . (2524). ลัทธอิ นาธปิ ไตย. กรงุ เทพมหานคร: สำนักพมิ พเ์ คล็ดไทย.
สนุ ศิ รา ภาคสขุ . (2557). ทฤษฎีมนษุ ยนิยม. คน้ เมือ่ 5 กนั ยายน 2564 จาก

http://worldcivil14.blogspot.com/2014/02/humanism.html

123

เสนห่ ์ จามรกิ . (2543). สทิ ธิมนษุ ยชนในสังคมไทย. สืบค้นเมื่อ 12 สงิ หาคม 2564 จาก
http://www.nhrc.or.th/getattachment/e4304eb0-9091-40b7-a851-
bf92e49e1d1c/.aspx

สำนักงานคณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาต.ิ (2564ก). แผนปฏิบัติการด้านสทิ ธิมนุษยชน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ภายใตแ้ ผนสทิ ธิมนษุ ยชนแห่งชาตฉิ บับที่ 4. ค้น
เมอ่ื 29 สงิ หาคม 2564 จาก http://docs.nhrc.or.th/uploads/78510-nhrc-action-
plan-64-65.pdf

สำนักงานคณะกรรมการสิทธมิ นุษยชนแหง่ ชาต.ิ (2564ข). แผนสิทธมิ นุษยชนแห่งชาติ ฉบับท่ี 4
(พ.ศ. 2562 –2565). ค้นเม่ือ 25 สิงหาคม 2564 จาก
http://rlpd.go.th/rlpdnew/images/rlpd_16/plan4/plan4_-_final.pdf

สำนักงานคณะกรรมการสิทธมิ นุษยชนแห่งชาต.ิ (2564ค). แผนปฏบิ ตั กิ ารด้านสิทธมิ นุษยชน, คน้ เมือ่
11 กันยายน 2564, จาก http://docs.nhrc.or.th/uploads/78510-nhrc-action-plan-
64-65.pdf

เออ้ื อารีย์ อง้ิ จะนิล. (2561). ทฤษฎที ่ีเกยี่ วขอ้ งกบั การใหร้ ฐั เข้าถงึ และไดม้ าซ่ึงขอ้ มูลที่บคุ คลสื่อสารถึง
กัน: การสรา้ งสมดุลระหวา่ งการคุ้มครองสทิ ธสิ ว่ นบุคคลและความม่นั คงของรัฐ. คน้ เมอ่ื 27
กรกฎาคม 2564 จาก https://www.kpi.ac.th/media/pdf/ research/with-
cover_058a35dbc6e23d029806a09c4547555f.pdf

อำนาจ มงคลสืบสกลุ . (2564). ความเหลื่อมล้ำในสงั คมไทยกบั สิทธิมนษุ ยชน: ความเปราะบางของสังคม
ในสถานการณป์ จั จบุ นั . คน้ เมื่อ 22 กนั ยายน 2564, จาก http://ucl.or.th/?p=3472

Bitesize, Crime and punishment. (n.d). ค้นเมอื่ 18 กันยายน 2564 จาก
https://www.bbc.co.uk/bitesize/guides/z9c4srd/revision/3)

Herrick, J. (2005). Humanism: An Introduction. N.Y.: Prometheus Books
Scott, J. (1990). A matter of record: Documentary sources in social research.

Cambridge: Polity press.
The West’s Encyclopedia of American Law. (1997). 2nd edition, Vol 6. St. Paul, MN:

West Publishing.
World Report 2021: ประเทศไทย. (2564). คน้ เมอ่ื 12 สงิ หาคม 2564 จาก

https://www.hrw.org/th/world-report/2021/country-chapters/377444

124


Click to View FlipBook Version