แผนการจดั การเรียนรู้ 23-24
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ รายวชิ า ค15101 คณติ ศาสตร์ 5
ระดับชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2561
หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 รูปสเ่ี หล่ียม เวลา 10 ชั่วโมง
เรอ่ื ง ชนดิ ของรูปสเี่ หลีย่ ม เวลา 2 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 3.1 อธบิ าย และวเิ คราะห์รปู เรขาคณิตสองมิติ และสามมติ ิ
มาตรฐาน ค 3.2 ใช้การนึกภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเกี่ยวกับปริภูมิ (spatial reasoning) และใช้แบบจาลอง
ทางเรขาคณติ (geometric model) ในการแก้ปญั หา
2. ตัวช้วี ดั
ค 3.1 ป 5/2 บอกลักษณะความสัมพันธ์ และจาแนกรูปส่ีเหลี่ยมชนิดตา่ งๆ
ค 6.1 ป 5/2 ใช้ความรู้ ทักษะ และกระบวน การทางคณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาใน
สถานการณต์ ่างๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/3 ให้เหตุผลประกอบการตดั สนิ ใจและสรปุ ผลได้อยา่ งเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/4 ใช้ภาษา และสญั ลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการส่ือสาร การสื่อความหมาย และการนาเสนอได้
อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/5 เชอ่ื มโยงความร้ตู ่างๆ ในคณติ ศาสตร์ และเชอื่ มโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตรอ์ นื่ ๆ
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
3.1.1 นกั เรยี นสามารถสามารถบอกลกั ษณะของรปู ส่ีเหล่ยี มชนดิ ต่างๆ ได้
3.1.2 นักเรยี นสามารถสามารถจาแนกชนดิ ของรปู สเ่ี หล่ียมได้
3.1.3 นกั เรยี นสามารถสามารถบอกลกั ษณะของเสน้ ทแยงมุมได้
3.2 ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P)
3.2.1 นักเรียนสามารถสรา้ งรูปสเ่ี หลี่ยมชนดิ ต่างๆ ได้
3.2.2 นักเรยี นสามารถวาดเส้นทแยงมุมของรปู สี่เหล่ียมชนิดตา่ งๆ ได้
3.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
3.3.1 นกั เรียนสามารถคิดอย่างสรา้ งสรรค์ และการคดิ เป็นระบบ
4. สาระสาคญั
4.1 การบอกลกั ษณะ ความสมั พันธ์ และจาแนกรูปสี่เหล่ยี มชนดิ ตา่ งๆ
4.2 การสร้างรูปสี่เหลี่ยมมมุ ฉาก
5. สาระการเรียนรู้
5.1 การบอกลกั ษณะ ความสมั พนั ธ์ และจาแนกรูปสีเ่ หล่ยี มชนดิ ต่างๆ
5.2 การสรา้ งรูปส่เี หล่ียมมมุ ฉาก
6. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
6.1 ความสามารถในการคดิ
- นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่าง
มีวิจารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ
6.2 ความสามารถในการแก้ปัญหา
- นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐาน
ของหลักเหตผุ ล คุณธรรมและข้อมลู สารสนเทศ
7. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
7.1 ใฝ่เรียนรู้
7.2 มุง่ มน่ั ในการทางาน
8. กจิ กรรมการเรียนรู้
8.1 ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรยี น
1) ครูเตรยี มความพรอ้ มนักเรียนก่อนเข้าสู่บทเรียนโดยการให้นกั เรยี นน่ังสมาธเิ ปน็ เวลา 2 นาที เพ่ือรวบรวม
สมาธิและสตขิ องนักเรียน
2) นาเข้าสู่บทเรียนโดยการทบทวนเร่ืองรูปส่ีเหลี่ยมให้แก่นักเรียน ครูหยิบสมุดข้ึนมา 1 เล่ม จากนั้นให้
นกั เรยี นร่วมกับตอบคาตอบถามของครู ดงั นี้
- สมุดในมือของครูเป็นรูปส่ีเหลี่ยมชนดิ ใด
- ลักษณะสาคญั ของรปู สเ่ี หลีย่ มชนิดนค้ี ืออะไร
- สง่ิ ของใดบา้ งที่ท่เี ปน็ รูปสีเ่ หล่ยี มชนิดเดยี วกับสมุดในมอื ของครู
3) ครเู ฉลยคาตอบและอธบิ ายเพิ่มเตมิ
8.2 ขั้นสอน/การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1) ครวู าดรูปสีเ่ หล่ยี มทม่ี ดี ้านตรงขา้ มเท่ากัน 1 รูปบนกระดาน จากนนั้ วาดเส้นลากผ่านจากมุมหนึ่งถงึ อกี มุม
หนึ่ง และถามนกั เรยี นว่า นกั เรียนร้หู รือไม่วา่ เส้นน้มี ีช่ือเรยี กว่าอยา่ งไร
2) ครอู ธบิ ายเรื่องเส้นทแยงมุม ซงึ่ เป็นเส้นตรงที่ลากจากมุมหนึ่งไปยังอีกมุมหนึง่ จากน้ันครูวาดเสน้ ตรงเพิ่ม
อกี 1 เสน้ แต่ไมไ่ ด้ลากผ่านมมุ ทง้ั 2 มมุ และถามนกั เรียนเพมิ่ เติมว่าเส้นตรงที่ครูวาดขน้ึ ใหมใ่ ชเ่ สน้ ทแยงมุมหรือไม่
3) นกั เรียนพจิ ารณาตามในหนังสอื เรยี นหนา้ 209 เรอื่ งการสรา้ งรปู สเี่ หล่ยี มมุมฉาก
4) ครูวาดรูปสี่เหล่ียมมุมฉากลงบนกระดาน 1 รูป และให้นักเรียนพิจารณาว่ารูปส่ีเหลี่ยมที่นักเรียนเห็นบน
กระดานเปน็ รปู สีเ่ หลี่ยมชนดิ ใด
5) ครเู พ่ิมช่ือของรปู สเี่ หลยี่ มลงไป และให้นกั เรยี นทดลองอา่ นช่ือของรปู สเี่ หลย่ี มน้ี
งค
กข
6) ครสู ่มุ เรียกนกั เรียนจากเลขทเ่ี พอื่ มาวาดเสน้ ทแยงมุมลงบนรูปสเ่ี หล่ียม กขคง
7) ครูเพม่ิ ความของเส้นตรง กข เทา่ กับ 4 ซม. และเส้นตรง ขค เท่ากบั 2 ซม. จากนน้ั ถามนักเรียนวา่ เส้นตรง
คง มคี วามยาวเท่าไหร่ เพราะเหตใุ ด และจากภาพน้ี นกั เรยี นรู้ความยาวของเส้นตรง งก หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
8) ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หัดในหนังสอื เรียนหน้า 210-211 เพ่อื ทบทวนความเขา้ ใจของนกั เรยี น
8.3 ขน้ั ฝกึ ปฏิบตั เิ พื่อพฒั นาผเู้ รียน สรปุ และอภปิ รายความรู้
1) ตรวจสอบความถูกต้อง ความเข้าใจของการทาแบบฝึกหดั
2) ตรวจสอบจาการตอบคาถาม การอภิปรายร่วมกนั ภายในชั้นเรียน
3) สงั เกตความสนใจ ความกระตือรือร้นในการเรยี นรู้
9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน คณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5
10. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
10.1 ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหัด เร่ือง การสรา้ งรูปส่เี หลี่ยม
11. การวดั และประเมนิ ผล
11.1 วิธกี ารวดั และประเมินผล
11.1.1 สงั เกตพฤติกรรม เชน่ การตอบคาถาม, ความกระตือรือรน้ ในการเรียน
11.1.2 ตรวจแบบฝกึ หัด
11.2 เคร่ืองมอื วดั และประเมินผล
11.2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้
11.2.2 แบบประเมินแบบฝึกหัด
11.3 เกณฑก์ ารวดั และประเมินผล
11.3.1 เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรม คะแนนเตม็ 12 คะแนน
การตอบคาถาม
3 หมายถึง ตอบคาถามทุกคร้ัง
2 หมายถงึ ตอบคาถามบางครง้ั
1 หมายถงึ ไม่ตอบคาถาม
ความกระตือรือรน้ ในการเรยี น
3 หมายถงึ มีความกระตือรือรน้ ในการเรียนตลอดท้ังชัว่ โมงเรยี น
2 หมายถึง มคี วามกระตือรอื ร้นในการเรียนบางคร้ัง
1 หมายถงึ ไมม่ ีความกระตอื รือร้นในการเรยี น
การซกั ถามที่ตรงประเดน็ น่าสนใจ
3 หมายถึง ซักถามตรงประเดน็ ทุกคร้งั
2 หมายถึง ซกั ถามตรงประเดน็ บางครั้ง
1 หมายถึง ไม่มีซักถามตรงประเดน็
แก้ไขงานท่บี กพร่องใหด้ ขี ึน้
3 หมายถงึ มีการแก้ไขงานที่บกพร่องใหด้ ีขึ้นในทุกคร้งั
2 หมายถงึ มกี ารแกไ้ ขงานทีบ่ กพร่องให้ดีขน้ึ บางครง้ั
1 หมายถึง ไมม่ ีการแก้ไขงานที่บกพร่องให้ดขี ึน้
11.3.2 เกณฑ์การให้คะแนนฝึกหดั คะแนนเต็ม 12 คะแนน
ความตรงต่อเวลา
3 หมายถึง ส่งงานตรงตามวนั เวลาท่กี าหนด
2 หมายถึง ส่งงานภายในสปั ดาห์ที่กาหนด
1 หมายถึง ส่งงานหลงั สปั ดาหท์ ก่ี าหนด 1 สัปดาห์
ความถกู ต้องของแบบฝึกหดั /ใบงาน
3 หมายถงึ ถูกต้อง และชัดเจนเกนิ 70%
2 หมายถึง ถูกต้อง และชดั เจนเกิน 40%
1 หมายถงึ ถกู ต้อง และชดั เจนตา่ กวา่ 40%
ความสะอาดของแบบฝึกหดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานสะอาด เรียบรอ้ ยดีมาก
2 หมายถงึ แบบฝกึ หดั /ใบงานสะอาด เรียบร้อยดี
1 หมายถงึ แบบฝึกหัด/ใบงานไมส่ ะอาด ไมเ่ รยี บร้อย
ความมีระเบยี บของแบบฝึกหดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานมรี ะเบยี บ เขียนตัวหนงั สือชัดเจน อา่ นง่าย
2 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานมรี ะเบียบ เขยี นตวั หนังสืออ่านงา่ ย
1 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานไม่มีระเบยี บ เขียนตวั หนังสอื ไม่ชดั เจน
เกณฑก์ ารประเมนิ ตอ้ งผา่ นเกณฑ์ 4 คะแนนขึน้ ไป
แผนการจดั การเรยี นรู้ 25
กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ รายวิชา ค15101 คณติ ศาสตร์ 5
ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2561
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 10 รปู ส่เี หลย่ี ม เวลา 10 ชั่วโมง
เรือ่ ง การสรา้ งรปู สเ่ี หล่ยี มมุมฉาก เวลา 1 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ค 3.1 อธบิ าย และวเิ คราะห์รปู เรขาคณิตสองมิติ และสามมติ ิ
มาตรฐาน ค 3.2 ใช้การนึกภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเกี่ยวกับปริภูมิ (spatial reasoning) และใช้แบบจาลอง
ทางเรขาคณิต (geometric model) ในการแกป้ ญั หา
2. ตัวชว้ี ดั
ค 3.1 ป 5/2 บอกลกั ษณะความสัมพนั ธ์ และจาแนกรปู สีเ่ หลีย่ มชนิดตา่ งๆ
ค 3.2 ป 5/2 สรา้ งรูปสเ่ี หลี่ยมมมุ ฉาก รปู สามเหลีย่ ม และรปู วงกลม
ค 6.1 ป 5/2 ใช้ความรู้ ทักษะ และกระบวน การทางคณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาใน
สถานการณต์ า่ งๆ ได้อยา่ งเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/3 ให้เหตผุ ลประกอบการตดั สนิ ใจและสรปุ ผลไดอ้ ย่างเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/4 ใช้ภาษา และสญั ลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการส่ือสาร การส่ือความหมาย และการนาเสนอได้
อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/5 เชื่อมโยงความร้ตู า่ งๆ ในคณิตศาสตร์ และเชอ่ื มโยงคณิตศาสตรก์ บั ศาสตร์อ่นื ๆ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
3.1.1 นักเรยี นสามารถสามารถบอกลักษณะของรปู ส่ีเหลี่ยมชนิดต่างๆ ได้
3.1.2 นกั เรยี นสามารถสามารถจาแนกชนิดของรูปสี่เหลีย่ มได้
3.2 ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P)
3.2.1 เมือ่ กาหนดความยาวมาให้ นักเรียนสามารถสรา้ งรูปสเ่ี หล่ยี มได้
3.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
3.3.1 นกั เรียนสามารถคิดอย่างสร้างสรรค์ และการคดิ เปน็ ระบบ
4. สาระสาคญั
การสร้างรูปสเี่ หลีย่ มมุมฉาก
5. สาระการเรยี นรู้
การสรา้ งรปู สเี่ หล่ยี มมมุ ฉาก
6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
6.1 ความสามารถในการคิด
- นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่าง
มีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ
6.2 ความสามารถในการแก้ปญั หา
- นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐาน
ของหลกั เหตผุ ล คณุ ธรรมและข้อมูลสารสนเทศ
7. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
7.1 ใฝเ่ รยี นรู้
7.2 มงุ่ มนั่ ในการทางาน
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
8.1 ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรยี น
1) ครูเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเข้าสู่บทเรียนโดยการให้นักเรียนฝึกสมองด้วยวิธีการ Brain Gym โดย
วิธีการท่ีนวดบริเวณฝ่ามอื ของตนเองข้างละ 20 วินาที เพ่อื ผ่อนคลายและรวบรวมสมาธิของนกั เรยี น
2) นาเขา้ สู่บทเรยี นโดยการทบทวนเร่ืองรูปส่เี หลี่ยมให้แก่นักเรยี น โดยครูหยิบส่ิงของจานวน 7 ชิ้น จากนั้น
ถามนกั เรยี นดว้ ยวิธกี ารสมุ่ ตามเลขที่ว่า สงิ่ ของทคี่ รูถืออยู่นัน้ เป็นส่ีเหลี่ยมชนิดใด และมีลกั ษณะอย่างไร ส่ิงของทค่ี รู
นามาใชป้ ระกอบการสอนมีดังน้ี
- สมุดนักเรียน - กรอบรูป - กลอ่ งดนิ สอ
- หนงั สือเรยี นวิชาคณิตศาสตร์ - โนต้ บุ๊ก - กล่องลูกแม็ค
- กลอ่ งใส่นาฬิกา
3) ครูให้เวลานักเรียน 20 วินาที ในการหาส่ิงของท่ีมีลักษณะเป็นรูปส่ีเหลี่ยม จานวน 3 ชิ้น จากนั้นให้
นักเรียนออกมานาเสนอหนา้ ชนั้ เรียนว่าสิ่งของทีต่ นเองนามานนั้ เปน็ สเ่ี หลยี่ มชนดิ ใด และมลี ักษณะอยา่ งไร
8.2 ขน้ั สอน/การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
1) ครูวาดรูปส่ีเหล่ียมท่ีไม่สมบูรณ์ 1 รูปลงบนกระดาน จากน้ันให้นักเรียนส่งตัวแทนมาวาดต่อเติมรูป
สีเ่ หล่ยี มให้สมบูรณ์ รปู ท่ีครวู าดคือดังน้ี
2) ครถู ามนักเรียนว่า รูปสเ่ี หลี่ยมทน่ี กั เรียนเหน็ บนกระดานเป็นรูปสีเ่ หล่ยี มชนดิ ใด และมลี กั ษณะอยา่ งไร
3) นักเรยี นพจิ ารณาตามในหนงั สือเรียนหนา้ 209 เร่ืองการสรา้ งรูปสี่เหลย่ี มมุมฉาก
4) ครูสร้างโจทยบ์ นกระดาน คือ “ให้นักเรียนสร้างรูปส่ีเหลี่ยมทม่ี ีความยาว 5 ซม. และความกว้าง 2 ซม.”
จากนัน้ รว่ มกนั อภิปรายวา่ สว่ นใดคือสว่ นของดา้ นยาว สว่ นใดคอื สว่ นของดา้ นกว้าง
5) ครูสร้างโจทย์บนกระดาน คือ “ใหน้ ักเรียนสร้างรูปส่ีเหลี่ยมที่มคี วามยาวด้านละ 5 ซม.” จากน้ันร่วมกัน
อภิปรายวา่ สี่เหล่ียมตามที่โจทยก์ าหนดนี้เปน็ ส่เี หล่ียมชนิดใด
8) ครูมอบหมายให้นักเรียนทาแบบฝกึ หัดในหนังสอื เรียนหนา้ 210-211 เพอ่ื ทบทวนความเขา้ ใจของนกั เรยี น
8.3 ข้นั ฝึกปฏบิ ตั ิเพื่อพฒั นาผเู้ รยี น สรุปและอภปิ รายความรู้
1) ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายวา่ รปู ส่เี หลี่ยมแต่ละชนดิ มลี กั ษณะแตกต่างกันอยา่ งไร
2) ครตู รวจสอบความถกู ต้อง ความเขา้ ใจของการทาแบบฝึกหดั
3) ครตู รวจสอบจากการตอบคาถาม การอภปิ รายรว่ มกันภายในชนั้ เรยี น
4) ครสู งั เกตความสนใจ ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ของนกั เรียน
9. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้
หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5
10. ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หดั เรือ่ ง การสร้างรูปส่ีเหลี่ยม
11. การวัดและประเมินผล
11.1 วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล
11.1.1 สังเกตพฤตกิ รรม เชน่ การตอบคาถาม, ความกระตือรอื รน้ ในการเรยี น
11.1.2 ตรวจแบบฝกึ หัด
11.2 เครอ่ื งมือวดั และประเมินผล
11.2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้
11.2.2 แบบประเมนิ แบบฝกึ หดั
11.3 เกณฑ์การวดั และประเมินผล
11.3.1 เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรม คะแนนเตม็ 12 คะแนน
การตอบคาถาม
3 หมายถึง ตอบคาถามทกุ ครั้ง
2 หมายถงึ ตอบคาถามบางคร้ัง
1 หมายถึง ไมต่ อบคาถาม
ความกระตือรือรน้ ในการเรียน
3 หมายถึง มีความกระตือรือรน้ ในการเรียนตลอดทง้ั ช่วั โมงเรียน
2 หมายถงึ มีความกระตือรือรน้ ในการเรียนบางคร้งั
1 หมายถึง ไมม่ ีความกระตอื รือร้นในการเรยี น
การซกั ถามทต่ี รงประเด็นน่าสนใจ
3 หมายถงึ ซักถามตรงประเด็นทุกครง้ั
2 หมายถงึ ซักถามตรงประเดน็ บางคร้ัง
1 หมายถึง ไมม่ ีซักถามตรงประเดน็
แก้ไขงานทบี่ กพร่องใหด้ ีข้นึ
3 หมายถึง มกี ารแกไ้ ขงานที่บกพร่องให้ดีข้ึนในทุกครง้ั
2 หมายถงึ มกี ารแกไ้ ขงานที่บกพร่องใหด้ ีข้ึนบางครงั้
1 หมายถงึ ไมม่ ีการแก้ไขงานทีบ่ กพร่องให้ดีขึ้น
11.3.2 เกณฑ์การให้คะแนนฝึกหัด คะแนนเต็ม 12 คะแนน
ความตรงต่อเวลา
3 หมายถึง ส่งงานตรงตามวัน เวลาท่กี าหนด
2 หมายถงึ ส่งงานภายในสปั ดาห์ท่กี าหนด
1 หมายถงึ สง่ งานหลังสปั ดาห์ท่ีกาหนด 1 สปั ดาห์
ความถูกตอ้ งของแบบฝกึ หดั /ใบงาน
3 หมายถึง ถูกต้อง และชัดเจนเกนิ 70%
2 หมายถึง ถกู ต้อง และชัดเจนเกิน 40%
1 หมายถงึ ถูกต้อง และชดั เจนต่ากวา่ 40%
ความสะอาดของแบบฝึกหดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝึกหัด/ใบงานสะอาด เรียบรอ้ ยดีมาก
2 หมายถงึ แบบฝกึ หดั /ใบงานสะอาด เรยี บรอ้ ยดี
1 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานไมส่ ะอาด ไมเ่ รยี บรอ้ ย
ความมีระเบียบของแบบฝึกหดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝึกหดั /ใบงานมีระเบียบ เขยี นตวั หนังสอื ชัดเจน อา่ นง่าย
2 หมายถึง แบบฝกึ หดั /ใบงานมรี ะเบยี บ เขยี นตัวหนังสืออ่านง่าย
1 หมายถึง แบบฝึกหดั /ใบงานไม่มรี ะเบียบ เขียนตวั หนงั สือไม่ชัดเจน
เกณฑ์การประเมนิ ตอ้ งผ่านเกณฑ์ 4 คะแนนขึ้นไป
แผนการจดั การเรียนรู้ 26 รายวชิ า ค15101 คณติ ศาสตร์ 5
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2561
ระดับช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 10 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 10 รูปส่ีเหล่ยี ม เวลา 1 ชัว่ โมง
เรอื่ ง ความยาวรอบรูปของรปู สี่เหลยี่ ม
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ค 3.1 อธิบาย และวเิ คราะห์รูปเรขาคณิตสองมติ ิ และสามมติ ิ
มาตรฐาน ค 3.2 ใช้การนึกภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเกี่ยวกับปริภูมิ (spatial reasoning) และใช้แบบจาลอง
ทางเรขาคณิต (geometric model) ในการแก้ปญั หา
2. ตัวชี้วัด
ค 2.2 ป 5/1 แกป้ ญั หาเกย่ี วกบั พ้ืนท่ี ความยาวรอบรปู ของรูปสีเ่ หลยี่ มมุมฉาก และรปู สามเหลีย่ ม
ค 3.1 ป 5/2 บอกลกั ษณะความสัมพนั ธ์ และจาแนกรูปส่เี หลย่ี มชนดิ ต่างๆ
ค 3.2 ป 5/2 สรา้ งรูปสเ่ี หลย่ี มมมุ ฉาก รูปสามเหล่ยี ม และรูปวงกลม
ค 6.1 ป 5/2 ใช้ความรู้ ทักษะ และกระบวน การทางคณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาใน
สถานการณต์ า่ งๆ ได้อย่างเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/3 ให้เหตุผลประกอบการตดั สนิ ใจและสรปุ ผลได้อยา่ งเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/4 ใช้ภาษา และสญั ลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร การสื่อความหมาย และการนาเสนอได้
อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/5 เชอื่ มโยงความรตู้ ่างๆ ในคณติ ศาสตร์ และเช่อื มโยงคณติ ศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ื่นๆ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
3.1.1 นกั เรียนสามารถสามารถบอกลักษณะของรปู สเี่ หลยี่ มชนิดตา่ งๆ ได้
3.1.2 นกั เรยี นสามารถสามารถจาแนกชนิดของรูปสเี่ หลีย่ มได้
3.2 ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P)
3.2.1 เม่อื กาหนดรูปสเ่ี หลยี่ มให้ นักเรยี นสามารถหาความยาวรอบรูปได้
3.2.2 นกั เรยี นสามารถแก้ปญั หาโจทยก์ ารหาความยาวรอบรปู ได้
3.3 ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
3.3.1 นักเรียนสามารถคิดอย่างสร้างสรรค์ และการคดิ เป็นระบบ
4. สาระสาคญั
การหาความยาวรอบรปู ของสีเ่ หลย่ี ม
5. สาระการเรียนรู้
การหาความยาวรอบรปู ของสีเ่ หลีย่ ม
6. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
6.1 ความสามารถในการคดิ
- นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่าง
มวี ิจารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ
6.2 ความสามารถในการแก้ปญั หา
- นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐาน
ของหลักเหตุผล คุณธรรมและขอ้ มูลสารสนเทศ
7. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
7.1 ใฝเ่ รยี นรู้
7.2 มุ่งมั่นในการทางาน
8. กิจกรรมการเรียนรู้
8.1 ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรยี น
1) ครูเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเข้าสู่บทเรียนโดยการให้นักเรียนฝึกสมองด้วยวิธีการ Medley Brain
Gym อย่างงา่ ย เพอ่ื รวบรวมสมาธิและสตขิ องนักเรยี นก่อนเขา้ สบู่ ทเรียน
2) นาเข้าสู่บทเรียนโดยการทบทวนเร่ืองรูปสี่เหลี่ยมให้แก่นักเรียน โดยครูให้นักเรียนยกตัวอย่างสิ่งของที่
เป็นรปู สเ่ี หลี่ยมแตล่ ะชนิด ชนดิ ละ 1 ช้นิ
3) ครูให้เวลานักเรียน 20 วินาที ในการหาส่ิงของท่ีมีลักษณะเป็นรูปสี่เหล่ียม จานวน 3 ช้ิน จากน้ันให้
นกั เรยี นออกมานาเสนอหน้าชนั้ เรยี นว่าสิ่งของท่ตี นเองนามาน้ันเป็นส่ีเหลย่ี มชนิดใด และมีลักษณะอย่างไร
8.2 ข้นั สอน/การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
1) ครูวาดรูปส่ีเหล่ียม 1 รูปลงบนกระดาน จากนั้นนาริบบ้ินมาทาบไปตามด้านของรูปส่ีเหลี่ยม จนวน
ครบรอบรูป ทาสัญลักษณบ์ อกตาแหนง่ เรม่ิ ต้นและตาแหนง่ ส้ินสดุ แลว้ ขงึ ริบบ้นิ ตงึ
2) ครูถามนักเรียนว่า ความยาวของรบิ บ้ินระหว่างจุดท่ีทาเคร่ืองหมายไว้นั้น มีความยาวเท่ากับรปู ส่ีเหล่ียม
หรอื ไม่ และยาวกรี่ อบของรูปส่ีเหล่ียม
3) ครอู ธิบายเพิม่ เติมว่าความยาว 1 รอบของรสู ่เี หลีย่ มน้นั เรียกว่าความยาวรอบรูปของรปู สีเ่ หลี่ยม
4) ครใู ห้นักเรยี นทกุ คนช่วยกนั วัดขนาดของรบิ บ้นิ และบนั ทึกผลเก็บไว้
5) นักเรยี นพิจารณาตามในหนังสือเรียนหน้า 212 เรอ่ื งความยาวรอบรูปของรูปส่เี หลยี่ ม
6) ครูอธิบายเพ่มิ เติมวา่ การหาความยาวรอบรูปของรปู ส่เี หล่ียมคอื การนาความยาวในแตล่ ะด้านมาบวกกัน
7) ครูให้เวลานกั เรียน 20 วินาทีในการหาส่ิงของที่เป็นรปู ส่ีเหล่ียม จากนั้นให้นักเรียนใช้ไม้บรรทัดวัดความ
ยาวรอบรูปของสง่ิ ของทน่ี ักเรียนเลือก
8) ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ หดั ในหนังสือแบบฝึกทักษะหนา้ 143-144 เพ่ือทบทวนความเขา้ ใจของ
นักเรยี น
8.3 ขั้นฝกึ ปฏบิ ัตเิ พ่ือพัฒนาผ้เู รียน สรปุ และอภิปรายความรู้
1) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายวา่ ความยาวรอบรปู สเ่ี หล่ยี มสามารถหาไดอ้ ย่างไร
2) ครใู หน้ ักเรียนยกตัวอยา่ งอุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการวดั ความยาวรอบรปู สเี่ หลย่ี ม
3) ครตู รวจสอบความถูกต้อง ความเขา้ ใจของการทาแบบฝึกหัด
4) ครตู รวจสอบจากการตอบคาถาม การอภปิ รายร่วมกนั ภายในช้นั เรียน
5) ครสู ังเกตความสนใจ ความกระตือรือร้นในการเรยี นรู้ของนกั เรยี น
9. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
9.1 หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน คณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5
9.2 หนังสือแบบฝึกทกั ษะรายวิชาพ้ืนฐาน คณิตศาสตร์ เล่ม 2 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5
10. ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ใหน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หดั เรอื่ ง ความยาวรอบรปู ส่ีเหลีย่ ม
11. การวดั และประเมินผล
11.1 วิธีการวดั และประเมนิ ผล
11.1.1 สังเกตพฤตกิ รรม เชน่ การตอบคาถาม, ความกระตือรือรน้ ในการเรียน
11.1.2 ตรวจแบบฝึกหดั
11.2 เครื่องมือวดั และประเมินผล
11.2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้
11.2.2 แบบประเมนิ แบบฝึกหดั
11.3 เกณฑก์ ารวดั และประเมินผล
11.3.1 เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรม คะแนนเต็ม 12 คะแนน
การตอบคาถาม
3 หมายถึง ตอบคาถามทกุ คร้ัง
2 หมายถงึ ตอบคาถามบางครั้ง
1 หมายถงึ ไม่ตอบคาถาม
ความกระตือรือรน้ ในการเรียน
3 หมายถึง มีความกระตือรือรน้ ในการเรียนตลอดทง้ั ช่วั โมงเรียน
2 หมายถงึ มีความกระตือรือรน้ ในการเรียนบางคร้งั
1 หมายถึง ไมม่ ีความกระตอื รือร้นในการเรยี น
การซกั ถามทต่ี รงประเดน็ น่าสนใจ
3 หมายถงึ ซักถามตรงประเด็นทุกครง้ั
2 หมายถงึ ซักถามตรงประเดน็ บางคร้ัง
1 หมายถึง ไมม่ ีซักถามตรงประเดน็
แก้ไขงานทบี่ กพร่องใหด้ ีขึ้น
3 หมายถึง มกี ารแกไ้ ขงานที่บกพร่องให้ดีขึน้ ในทุกครง้ั
2 หมายถงึ มกี ารแกไ้ ขงานที่บกพร่องใหด้ ีขึ้นบางครงั้
1 หมายถงึ ไมม่ ีการแก้ไขงานทีบ่ กพร่องให้ดีขึ้น
11.3.2 เกณฑ์การให้คะแนนฝึกหัด คะแนนเต็ม 12 คะแนน
ความตรงต่อเวลา
3 หมายถึง ส่งงานตรงตามวัน เวลาท่กี าหนด
2 หมายถงึ ส่งงานภายในสปั ดาห์ท่กี าหนด
1 หมายถงึ สง่ งานหลังสปั ดาห์ท่ีกาหนด 1 สปั ดาห์
ความถูกตอ้ งของแบบฝกึ หดั /ใบงาน
3 หมายถึง ถูกต้อง และชัดเจนเกนิ 70%
2 หมายถึง ถกู ต้อง และชัดเจนเกิน 40%
1 หมายถงึ ถูกต้อง และชดั เจนต่ากวา่ 40%
ความสะอาดของแบบฝึกหดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝึกหัด/ใบงานสะอาด เรียบรอ้ ยดีมาก
2 หมายถงึ แบบฝกึ หดั /ใบงานสะอาด เรยี บรอ้ ยดี
1 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานไมส่ ะอาด ไมเ่ รยี บรอ้ ย
ความมีระเบียบของแบบฝึกหดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝึกหดั /ใบงานมีระเบียบ เขยี นตวั หนังสอื ชัดเจน อา่ นง่าย
2 หมายถึง แบบฝกึ หดั /ใบงานมรี ะเบยี บ เขยี นตัวหนังสืออ่านง่าย
1 หมายถึง แบบฝึกหดั /ใบงานไม่มรี ะเบียบ เขียนตวั หนงั สือไม่ชัดเจน
เกณฑ์การประเมนิ ตอ้ งผ่านเกณฑ์ 4 คะแนนขึ้นไป
แผนการจัดการเรียนรู้ 27-28
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ รายวิชา ค15101 คณิตศาสตร์ 5
ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2561
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 10 รูปส่ีเหลย่ี ม เวลา 10 ช่ัวโมง
เรื่อง พืน้ ท่ีของรูปสี่เหลีย่ มมมุ ฉาก เวลา 2 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ค 3.1 อธบิ าย และวเิ คราะห์รปู เรขาคณิตสองมติ ิ และสามมติ ิ
มาตรฐาน ค 3.2 ใช้การนึกภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเกี่ยวกับปริภูมิ (spatial reasoning) และใช้แบบจาลอง
ทางเรขาคณติ (geometric model) ในการแก้ปัญหา
2. ตวั ชวี้ ัด
ค 2.1 ป 5/2 หาความยาวรอบรูปของรูปส่ีเหลีย่ ม และรปู สามเหล่ียม
ค 2.1 ป 5/3 หาพนื้ ทีข่ องรปู สเี่ หล่ยี มมมุ ฉาก และรูปสามเหลีย่ ม
ค 2.2 ป 5/1 แก้ปญั หาเกี่ยวกบั พ้นื ท่ี ความยาวรอบรูปของรูปสี่เหลยี่ มมุมฉาก และรปู สามเหลี่ยม
ค 3.1 ป 5/2 บอกลักษณะความสมั พนั ธ์ และจาแนกรูปสเี่ หลย่ี มชนิดตา่ งๆ
ค 3.2 ป 5/2 สร้างรปู สเี่ หลีย่ มมมุ ฉาก รปู สามเหล่ียม และรูปวงกลม
ค 6.1 ป 5/2 ใช้ความรู้ ทักษะ และกระบวน การทางคณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาใน
สถานการณ์ตา่ งๆ ได้อยา่ งเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/3 ให้เหตผุ ลประกอบการตัดสนิ ใจและสรปุ ผลไดอ้ ย่างเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/4 ใช้ภาษา และสญั ลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร การส่ือความหมาย และการนาเสนอได้
อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/5 เชือ่ มโยงความรตู้ ่างๆ ในคณิตศาสตร์ และเชื่อมโยงคณิตศาสตรก์ บั ศาสตร์อน่ื ๆ
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
3.1.1 นักเรียนสามารถจาแนกชนดิ ของรปู สีเ่ หลีย่ มได้
3.2 ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P)
3.2.1 เมอ่ื กาหนดรูปสีเ่ หล่ยี มให้ นักเรียนสามารถหาพนื้ ท่ีรูปสเ่ี หลย่ี มได้
3.2.2 นักเรยี นสามารถแก้ปญั หาโจทยก์ ารหาพ้ืนท่รี ูปสีเ่ หลย่ี มได้
3.3 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
3.3.1 นกั เรียนสามารถคิดอย่างสร้างสรรค์ และการคิดเปน็ ระบบ
4. สาระสาคญั
4.1 การหาพืน้ ทข่ี องรูปส่ีเหลีย่ มมุมฉาก
4.2 การแก้ปัญหาเกี่ยวกับพ้ืนที่ ความยาวรอบรูปของส่ีเหลี่ยมมุมฉากรูปส่ีเหลี่ยมเป็นรูปเรขาคณิตสองมิติท่ี
ประกอบ ด้วยดา้ น 4 ด้าน และมุม 4 มุม
5. สาระการเรียนรู้
5.1 การหาพ้ืนที่ของรูปส่ีเหลี่ยมมุมฉาก
5.2 การแก้ปัญหาเกี่ยวกับพื้นท่ี ความยาวรอบรูปของส่ีเหลี่ยมมุมฉากรูปส่ีเหลี่ยมเป็นรูปเรขาคณิตสองมิติที่
ประกอบ ดว้ ยดา้ น 4 ด้าน และมมุ 4 มมุ
6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
6.1 ความสามารถในการคิด
- นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่าง
มวี ิจารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ
6.2 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐาน
ของหลกั เหตผุ ล คณุ ธรรมและขอ้ มลู สารสนเทศ
7. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
7.1 ใฝ่เรยี นรู้
7.2 มุ่งมน่ั ในการทางาน
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
8.1 ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น
1) ครูเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเข้าสู่บทเรียน โดยการให้นักเรียนด้วยวิธีการ Brain Gym อย่างง่าย
ด้วยการร้องเพลง เจ้าคางคก ครูจะสาธิตเน้ือเพลงและท่าเต้นให้นักเรียนดูก่อน 1 รอบ จากน้ันให้นักเรียนปฏิบัติเอง
เพอ่ื เป็นการผ่อนคลาย และรวบรวมสตขิ องนกั เรยี นก่อนเข้าสู่บทเรยี น
2) นาเข้าสู่บทเรียนโดยการทบทวนเรื่องการหาเส้นรอบรูปส่เี หล่ียมให้แก่นักเรยี น โดยครูวาดรูปสี่เหลีย่ มลง
บนกระดาน 2 รูป ซ่ึงเป็นส่ีเหลย่ี มต่างชนิดกัน พร้อมกาหนดความยาวของรปู ให้ จากนั้นสุ่มนักเรียนตามเลขท่ีแล้ว
ให้นกั เรียนมาแสดงวธิ ีการหาความยาวรอบรปู บนกระดาน รปู ทีค่ รวู าดไดแ้ ก่
ก ขก ข
5 ซม.
ค 4 ซม. ง ค 10 ซม. ง
8.2 ข้ันสอน/การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
1) ครูอธิบายเร่ืองการหาพ้ืนที่ของรูปส่ีเหล่ียมจากรูปสี่เหล่ียม 2 รูปบนกระดาน ว่าการหาพื้นท่ีของรูป
สเ่ี หลย่ี มนน้ั คอื การหาพ้ืนท่ภี ายในของรปู สเี่ หลย่ี ม ซง่ึ รูปสีเ่ หลี่ยมแตล่ ะชนิดกม็ ีสูตรการหาทแ่ี ตกต่างกนั
2) ครอู ธบิ ายสูตรการหาพื้นทรี่ ปู สเี่ หลย่ี มจัตรุ สั ให้แกน่ ักเรยี น โดยสูตรการหาพ้ืนทีข่ องรูปส่เี หลี่ยมจัตุรัสคอื
ดา้ น x ดา้ น
3) ครอู ธิบายสูตรการหาพ้นื ท่รี ูปสี่เหลีย่ มผืนผา้ ใหแ้ ก่นักเรยี น โดยสูตรการหาพ้ืนทีข่ องรูปส่เี หล่ยี มผนื ผา้ คอื
กวา้ ง x ยาว
5) นักเรยี นพิจารณาตัวอยา่ งตามในหนงั สือแบบฝึกทักษะหนา้ 150 เรอื่ งการหาพน้ื ทข่ี องรปู สี่เหล่ียม
6) ครูยกตัวอย่างโจทย์ข้อท่ี 2 ในหนังสือแบบฝึกทักษะ หน้า 150 โจทย์คือ “กระจกบานหน่ึงกว้าง 90
เซนติเมตร ยาว 1.2 เมตร มีพ้ืนทเี่ ทา่ ไหร่” จากน้ันใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั ตอบคาถามจากโจทย์ คือ
- กระจกบานน้เี ปน็ รปู สเ่ี หล่ยี มชนิดใด
- กระจกบานน้ีมคี วามยาวรอบรูปเท่าใด
- กระจกบานน้ีตอ้ งใชส้ ตู รใดในการหาพ้นื ท่ี
7) ครูให้นักเรียนสังเกตหน่วยของกระจกท่ีโจทย์กาหนดให้ จะเห็นว่าหน่วยท้ัง 2 หน่วยมีความแตกต่างกัน
จากน้ันให้นกั เรียนพจิ ารณาวา่ จากโจทย์ข้อน้ีนักเรียนสามารถหาคาตอบไดเ้ ลยหรือไม่ หากไม่นักเรยี นจะมีวิธีการใด
ในการหาคาตอบ
8) นกั เรยี นแต่ละคนมาทาโจทยบ์ นกระดานตามความเข้าใจของตนเอง
9) ครูทาการเฉลยว่า นักเรียนไม่สามารถใช้สูตรการหาพื้นที่ได้ทันที นักเรียนต้องทาการแปลงหน่วยท้ัง 2
หน่วยให้เหมอื นกันก่อน โดยครูอธิบายเพม่ิ เติมเร่อื งวิธีการแปลงหนว่ ย โดย
จาก 1 เมตร = 100 เซนตเิ มตร
การแปลงหน่วยจากเซนติเมตร เมตร = เซนติเมตร/100 เมตร
การแปลงหนว่ ยจากเมตร เซนตเิ มตร = เมตร x 100 เซนตเิ มตร
10) ครูเพิ่มเติมวิธีการจาเร่ืองการแปลงหน่วยให้นักเรียนคือ “เล็กไปใหญ่ให้ใช้หาร หารท่ีไหน หารที่เล็ก”
“ใหญไ่ ปเล็กให้ใช้คูณ คูณทไ่ี หน คูณทใี่ หญ”่
11) จากนั้นให้นกั เรยี นมาแก้ไขค้ าตอบของตนเองบนกระดาน
12) ครูมอบหมายให้นักเรียนทาแบบฝึกหัดในหนังสือแบบฝึกทักษะหน้า 150-151 เพ่ือทบทวนความเข้าใจ
ของนักเรยี น
8.3 ขนั้ ฝึกปฏบิ ตั เิ พ่ือพัฒนาผูเ้ รยี น สรปุ และอภิปรายความรู้
1) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ วา่ มสี ตู รใดบ้างท่ีใช้ในการหาพื้นทร่ี ปู สีเ่ หลย่ี ม และแตล่ ะสูตรใช้ในการหา
พื้นทร่ี ปู ส่ีเหล่ยี มชนดิ ใด
2) ครตู รวจสอบความถกู ต้อง ความเขา้ ใจของการทาแบบฝึกหัด
3) ครตู รวจสอบจากการตอบคาถาม การอภิปรายรว่ มกันภายในชัน้ เรียน
4) ครสู งั เกตความสนใจ ความกระตือรอื ร้นในการเรียนรู้ของนักเรยี น
9. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้
9.1 หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5
9.2 หนงั สอื แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์ เลม่ 2 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5
10. ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หดั เรอื่ ง การหาพนื้ ทขี่ องรูปสเี่ หล่ยี ม
11. การวัดและประเมนิ ผล
11.1 วธิ ีการวดั และประเมินผล
11.1.1 สงั เกตพฤตกิ รรม เชน่ การตอบคาถาม, ความกระตือรอื รน้ ในการเรยี น
11.1.2 ตรวจแบบฝึกหัด
11.2 เคร่ืองมือวดั และประเมินผล
11.2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้
11.2.2 แบบประเมินแบบฝึกหดั
11.3 เกณฑ์การวัดและประเมินผล
11.3.1 เกณฑ์การใหค้ ะแนนพฤติกรรม คะแนนเต็ม 12 คะแนน
การตอบคาถาม
3 หมายถึง ตอบคาถามทกุ คร้ัง
2 หมายถึง ตอบคาถามบางคร้ัง
1 หมายถงึ ไม่ตอบคาถาม
ความกระตือรือรน้ ในการเรียน
3 หมายถึง มีความกระตือรือรน้ ในการเรียนตลอดทง้ั ช่วั โมงเรียน
2 หมายถงึ มีความกระตือรือรน้ ในการเรียนบางคร้งั
1 หมายถึง ไมม่ ีความกระตอื รือร้นในการเรยี น
การซกั ถามทต่ี รงประเดน็ น่าสนใจ
3 หมายถงึ ซักถามตรงประเด็นทุกครง้ั
2 หมายถงึ ซักถามตรงประเดน็ บางคร้ัง
1 หมายถึง ไมม่ ีซักถามตรงประเดน็
แก้ไขงานทบี่ กพร่องใหด้ ีขึ้น
3 หมายถึง มกี ารแกไ้ ขงานที่บกพร่องให้ดีข้ึนในทุกครง้ั
2 หมายถงึ มกี ารแกไ้ ขงานที่บกพร่องใหด้ ีข้ึนบางครงั้
1 หมายถงึ ไมม่ ีการแก้ไขงานทีบ่ กพร่องให้ดีขึ้น
11.3.2 เกณฑ์การให้คะแนนฝึกหัด คะแนนเต็ม 12 คะแนน
ความตรงต่อเวลา
3 หมายถึง ส่งงานตรงตามวัน เวลาท่กี าหนด
2 หมายถงึ ส่งงานภายในสปั ดาห์ท่กี าหนด
1 หมายถงึ สง่ งานหลังสปั ดาห์ท่ีกาหนด 1 สปั ดาห์
ความถูกตอ้ งของแบบฝกึ หดั /ใบงาน
3 หมายถึง ถูกต้อง และชัดเจนเกนิ 70%
2 หมายถึง ถกู ต้อง และชัดเจนเกิน 40%
1 หมายถงึ ถูกต้อง และชดั เจนต่ากวา่ 40%
ความสะอาดของแบบฝึกหดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝึกหัด/ใบงานสะอาด เรียบรอ้ ยดีมาก
2 หมายถงึ แบบฝกึ หดั /ใบงานสะอาด เรยี บรอ้ ยดี
1 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานไมส่ ะอาด ไมเ่ รยี บรอ้ ย
ความมีระเบียบของแบบฝึกหดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝึกหดั /ใบงานมีระเบียบ เขยี นตวั หนังสอื ชัดเจน อา่ นง่าย
2 หมายถึง แบบฝกึ หดั /ใบงานมรี ะเบยี บ เขยี นตัวหนังสืออ่านง่าย
1 หมายถึง แบบฝึกหดั /ใบงานไม่มรี ะเบียบ เขียนตวั หนงั สือไม่ชัดเจน
เกณฑ์การประเมนิ ตอ้ งผ่านเกณฑ์ 4 คะแนนขึ้นไป
แผนการจัดการเรียนรู้ 29-30
กล่มุ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ รายวิชา ค15101 คณิตศาสตร์ 5
ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2561
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 10 รูปส่ีเหลย่ี ม เวลา 10 ช่ัวโมง
เรื่อง พืน้ ท่ีของรูปสเี่ หลย่ี มมมุ ฉาก เวลา 2 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ค 3.1 อธบิ าย และวเิ คราะห์รปู เรขาคณิตสองมติ ิ และสามมติ ิ
มาตรฐาน ค 3.2 ใช้การนึกภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเกี่ยวกับปริภูมิ (spatial reasoning) และใช้แบบจาลอง
ทางเรขาคณติ (geometric model) ในการแก้ปัญหา
2. ตวั ชวี้ ัด
ค 2.1 ป 5/2 หาความยาวรอบรูปของรูปส่ีเหลีย่ ม และรปู สามเหล่ียม
ค 2.1 ป 5/3 หาพน้ื ทีข่ องรปู สเี่ หล่ยี มมมุ ฉาก และรูปสามเหลีย่ ม
ค 2.2 ป 5/1 แก้ปัญหาเกี่ยวกบั พ้นื ท่ี ความยาวรอบรูปของรูปสี่เหลยี่ มมุมฉาก และรปู สามเหลี่ยม
ค 3.1 ป 5/2 บอกลักษณะความสมั พนั ธ์ และจาแนกรูปสเี่ หลย่ี มชนิดตา่ งๆ
ค 3.2 ป 5/2 สรา้ งรปู สเี่ หลีย่ มมมุ ฉาก รปู สามเหล่ียม และรูปวงกลม
ค 6.1 ป 5/2 ใช้ความรู้ ทักษะ และกระบวน การทางคณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาใน
สถานการณ์ตา่ งๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/3 ใหเ้ หตผุ ลประกอบการตัดสนิ ใจและสรปุ ผลไดอ้ ย่างเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/4 ใช้ภาษา และสญั ลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร การส่ือความหมาย และการนาเสนอได้
อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
ค 6.1 ป 5/5 เชือ่ มโยงความรตู้ ่างๆ ในคณิตศาสตร์ และเชื่อมโยงคณิตศาสตรก์ บั ศาสตร์อน่ื ๆ
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
3.1.1 นกั เรยี นสามารถจาแนกชนดิ ของรปู สีเ่ หลีย่ มได้
3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (P)
3.2.1 เมอ่ื กาหนดรูปสีเ่ หล่ยี มให้ นักเรียนสามารถหาพนื้ ท่ีรูปสเ่ี หลย่ี มได้
3.2.2 นกั เรยี นสามารถแก้ปญั หาโจทยก์ ารหาพ้ืนท่รี ูปสีเ่ หลย่ี มได้
3.3 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
3.3.1 นกั เรียนสามารถคิดอย่างสร้างสรรค์ และการคิดเปน็ ระบบ
4. สาระสาคัญ
4.1 การหาพน้ื ท่ีของรปู สเี่ หลยี่ มมมุ ฉาก
4.2 การแก้ปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ ความยาวรอบรูปของสี่เหล่ียมมุมฉากรูปส่ีเหล่ียมเป็นรูปเรขาคณิตสองมิติที่
ประกอบ ดว้ ยด้าน 4 ด้าน และมมุ 4 มุม
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 การหาพืน้ ทขี่ องรูปสีเ่ หลย่ี มมมุ ฉาก
5.2 การแก้ปัญหาเกี่ยวกับพื้นท่ี ความยาวรอบรูปของส่ีเหลี่ยมมุมฉากรูปสี่เหล่ียมเป็นรูปเรขาคณิตสองมิติที่
ประกอบ ดว้ ยด้าน 4 ดา้ น และมุม 4 มมุ
6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
6.1 ความสามารถในการคดิ
- นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่าง
มวี จิ ารณญาณ และการคดิ เป็นระบบ
6.2 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
- นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐาน
ของหลกั เหตผุ ล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ
7. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
7.1 ใฝเ่ รยี นรู้
7.2 มุ่งมัน่ ในการทางาน
8. กิจกรรมการเรยี นรู้
8.1 ขัน้ นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น
1) ครูเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเข้าสู่บทเรียน โดยการให้นักเรียนด้วยวิธีการ Brain Gym อย่างง่าย
ด้วยการร้องเพลง ปรบมอื ซุปเปอร์ ซ่ึงเป็นการปรบมือ 5 ชุด โดยแตล่ ะชุดจะมคี วามแตกต่างกันคือ
ชุดที่ 1 จะปรบมอื รวั ทง้ั หมด 10 ครงั้
ชุดที่ 2 ปรบมอื รวั เช่นเดิมแต่ครั้งที่ 10 เปลย่ี นจากปรบมอื เป็นการปัดมือสวนกัน พร้อมพูดว่า “หวดื ”
ชดุ ท่ี 3 ปรบมือรัวเช่นเดมิ แต่ครั้งที่ 10 เปล่ียนเปน็ ตบตกั ตัวเอง พร้อมพดู วา่ “ตกั ”
ชุดที่ 4 ปรบมือรวั เช่นเดมิ แต่คร้ังท่ี 10 เปลยี่ นเป็นทาท่าเยส พรอ้ มพูดว่า “เยส”
ชดุ ท่ี 5 ปรบมือรัวเช่นเดิมแต่ครั้งท่ี 10 เปล่ียนเปน็ ทาท่าชมู ือขน้ึ พรอ้ มพูดวา่ “เฮ้”
เพื่อเป็นการผอ่ นคลายและรวบรวมสติ สมาธิของนกั เรียนก่อนเข้าสบู่ ทเรียน
2) นาเข้าสู่บทเรียนโดยการทบทวนเร่ืองการหาพื้นท่ีของรูปส่ีเหลี่ยมมุมฉากให้แก่นักเรียน โดยครูวาดรูป
สีเ่ หล่ียมลงบนกระดาน 2 รูป ซึ่งเป็นส่เี หล่ยี มต่างชนดิ กัน พรอ้ มกาหนดความยาวของรูปให้ จากน้นั ถามนักเรยี นว่า
จากรปู สเี่ หลยี่ มท่ีนักเรียนเหน็ บนกระดานเป็นรูปสี่เหล่ยี มชนดิ ใด มีลกั ษณะอยา่ งไร นักเรียนสามารถพื้นทีไ่ ด้อยา่ งไร
มสี ตู รวา่ อยา่ งไร รปู ที่ครวู าดได้แก่
ก ขก ข
5 ซม.
ค 3 ซม. ง ค 15 ซม. ง
8.2 ข้นั สอน/การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
1) ครูทบทวนสูตรการหาพื้นท่ีของรูปส่ีเหล่ียมจากรูปส่ีเหลี่ยม 2 รูปบนกระดาน โดยสูตรการหาพ้ืนท่ีรูป
สี่เหลยี่ มท้งั 2 ชนิดได้แก่
- การหาพนื้ ทีข่ องรปู สเ่ี หลีย่ มจตั ุรัส คือ
ด้าน x ดา้ น
- การหาพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผนื ผ้า คอื
กว้าง x ยาว
5) นักเรียนพจิ ารณาตัวอยา่ งตามในหนงั สอื แบบฝกึ ทักษะหนา้ 150 เรื่องการหาพน้ื ทข่ี องรูปส่ีเหลย่ี ม
6) ครูยกตัวอย่างโจทย์ข้อที่ 2 ในหนังสือแบบฝึกทักษะ หน้า 151 โจทย์คือ “ผ้าผืนหน่ึงเป็นรูป
ส่ีเหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 45 เซนติเมตร ยาว 1.5 เมตร ผ้าผืนน้ีมีพื้นท่ีกี่ตารางเซนติเมตร” จากน้ันให้นักเรียนร่วมกัน
ตอบคาถามจากโจทย์ คือ
- จากโจทย์กาหนดหน่วยของผา้ ผนื น้ีก่ีหน่วย อะไรบ้าง
- นกั เรยี นสามารถหาพืน้ ที่ของผา้ ผืนนี้ไดเ้ ลยหรือไม่ เพราะเหตุใด
- ผ้าผืนนี้ตอ้ งใชส้ ูตรใดในการหาพนื้ ท่ี
7) ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าผ้าผืนน้ีไม่สามารถหาพ้ืนที่ได้เลยเพราะเน่ืองจากหน่วยของผ้าผืนน้ีมีความแตกต่าง
กัน ดังนั้นนักเรียนต้องทาหน่วยของผ้าผืนน้ีให้เท่ากันก่อน โดยย้านักเรียนว่า “การหาพื้นที่ของรูปส่ีเหลี่ยมหน่วย
ของด้านทกุ ดา้ นตอ้ งเหมือนกนั ”
8) ให้นักเรียนสงั เกตหน่วยของผ้าผนื นี้ท่ีโจทย์กาหนดให้ จากน้ันพิจารณาว่าควรแปลงหน่วยเป็นเซนติเมตร
หรือเมตร
9) ครูเฉลยว่าควรแปลงหน่วยเป็นเซนติเมตร เพราะในโจทย์ถามว่า “ผ้าผืนน้ีมีพื้นท่ีกี่ตารางเซนติเมตร”
ดังน้ันนักเรียนควรแปลงหน่วยเป็นเซนติเมตรตามที่โจทย์ถาม โดยครูย้านักเรียนว่า “ก่อนการหาพื้นท่ีให้นักเรียน
อา่ นโจทย์ให้ละเอยี ดก่อน วา่ โจทยถ์ ามหาอะไร โจทย์ใหอ้ ะไรมาบา้ ง”
10) นักเรยี นร่วมกันทาโจทย์บนกระดานและตอบคาถามของครวู ่า “ผา้ ผนื นม้ี ีพน้ื ที่ก่ีตารางเซนติเมตร”
11) ครทู บทวนเรอ่ื งการแปลงหนว่ ยใหแ้ ก่นกั เรยี น ดงั นี้
จาก 1 เมตร = 100 เซนติเมตร
การแปลงหน่วยจากเซนตเิ มตร เมตร = เซนตเิ มตร/100 เมตร
การแปลงหน่วยจากเมตร เซนติเมตร = เมตร x 100 เซนตเิ มตร
12) ครูเพ่ิมเติมวิธีการจาเรื่องการแปลงหน่วยให้นักเรียนคือ “เล็กไปใหญ่ให้ใช้หาร หารที่ไหน หารที่เล็ก”
“ใหญไ่ ปเล็กให้ใชค้ ณู คณู ท่ีไหน คณู ที่ใหญ”่
13) ครูมอบหมายให้นักเรยี นทาแบบฝึกหดั ในหนงั สือเรียนหน้า 218 เพอ่ื ทบทวนความเขา้ ใจของนักเรียน
8.3 ข้นั ฝกึ ปฏบิ ัตเิ พ่ือพัฒนาผูเ้ รียน สรปุ และอภปิ รายความรู้
1) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ว่ามีสตู รใดบา้ งทใ่ี ช้ในการหาพืน้ ทร่ี ูปสเี่ หลย่ี ม และแตล่ ะสูตรใช้ในการหา
พื้นท่ีรปู สี่เหลย่ี มชนิดใด
2) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปว่าการแปลงหนว่ ยสามารถทาได้โดยวธิ ใี ดบา้ ง
3) ครตู รวจสอบความถูกต้อง ความเข้าใจของการทาแบบฝึกหดั
4) ครตู รวจสอบจากการตอบคาถาม การอภปิ รายรว่ มกันภายในชัน้ เรยี น
5) ครสู ังเกตความสนใจ ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ของนักเรียน
9. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
9.1 หนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 5
9.2 หนงั สือแบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้นื ฐาน คณิตศาสตร์ เลม่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5
10. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ให้นักเรยี นทาแบบฝึกหัด เรือ่ ง การหาพืน้ ท่ขี องรูปส่เี หล่ียม
11. การวดั และประเมนิ ผล
11.1 วธิ กี ารวดั และประเมินผล
11.1.1 สงั เกตพฤตกิ รรม เชน่ การตอบคาถาม, ความกระตือรือรน้ ในการเรยี น
11.1.2 ตรวจแบบฝึกหดั
11.2 เครอื่ งมือวดั และประเมินผล
11.2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้
11.2.2 แบบประเมินแบบฝกึ หัด
11.3 เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล
11.3.1 เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรม คะแนนเต็ม 12 คะแนน
การตอบคาถาม
3 หมายถงึ ตอบคาถามทุกครั้ง
2 หมายถงึ ตอบคาถามบางครัง้
1 หมายถึง ไม่ตอบคาถาม
ความกระตือรือรน้ ในการเรยี น
3 หมายถึง มีความกระตือรอื รน้ ในการเรียนตลอดทง้ั ช่ัวโมงเรยี น
2 หมายถึง มคี วามกระตือรือร้นในการเรียนบางครัง้
1 หมายถงึ ไม่มีความกระตือรือรน้ ในการเรียน
การซกั ถามทีต่ รงประเด็นนา่ สนใจ
3 หมายถงึ ซกั ถามตรงประเด็นทุกครั้ง
2 หมายถึง ซักถามตรงประเดน็ บางคร้ัง
1 หมายถงึ ไม่มีซักถามตรงประเดน็
แกไ้ ขงานที่บกพร่องใหด้ ีขึ้น
3 หมายถงึ มกี ารแก้ไขงานที่บกพร่องใหด้ ีข้ึนในทุกครง้ั
2 หมายถงึ มกี ารแก้ไขงานท่ีบกพร่องใหด้ ีขนึ้ บางคร้งั
1 หมายถงึ ไมม่ ีการแก้ไขงานทบ่ี กพร่องใหด้ ขี น้ึ
11.3.2 เกณฑ์การให้คะแนนฝกึ หดั คะแนนเต็ม 12 คะแนน
ความตรงต่อเวลา
3 หมายถึง ส่งงานตรงตามวนั เวลาท่กี าหนด
2 หมายถงึ สง่ งานภายในสปั ดาห์ทกี่ าหนด
1 หมายถึง สง่ งานหลงั สัปดาหท์ ี่กาหนด 1 สปั ดาห์
ความถกู ต้องของแบบฝกึ หดั /ใบงาน
3 หมายถึง ถูกต้อง และชัดเจนเกนิ 70%
2 หมายถงึ ถกู ต้อง และชดั เจนเกิน 40%
1 หมายถงึ ถกู ต้อง และชัดเจนตา่ กวา่ 40%
ความสะอาดของแบบฝึกหัด/ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หดั /ใบงานสะอาด เรียบร้อยดมี าก
2 หมายถึง แบบฝกึ หดั /ใบงานสะอาด เรียบรอ้ ยดี
1 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานไมส่ ะอาด ไม่เรียบรอ้ ย
ความมรี ะเบียบของแบบฝึกหัด/ใบงาน
3 หมายถึง แบบฝึกหดั /ใบงานมรี ะเบียบ เขียนตวั หนงั สอื ชดั เจน อา่ นง่าย
2 หมายถึง แบบฝึกหดั /ใบงานมีระเบียบ เขยี นตวั หนังสอื อ่านง่าย
1 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานไม่มรี ะเบยี บ เขียนตวั หนังสือไม่ชดั เจน
เกณฑ์การประเมนิ ต้องผ่านเกณฑ์ 4 คะแนนขึ้นไป
แผนการจัดการเรยี นรู้ 31-32 รายวิชา ค15101 คณิตศาสตร์ 5
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2561
ระดบั ช้ัน ประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 24 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 11 รูปสามเหลี่ยม เวลา 2 ชัว่ โมง
เร่อื ง ชนิดของรูปสามเหล่ยี ม
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ค 3.1 อธบิ าย และวเิ คราะห์รูปเรขาคณิตสองมิติ และสามมติ ิ
มาตรฐาน ค 3.2 ใช้การนึกภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเกี่ยวกับปริภูมิ (spatial reasoning) และใช้แบบจาลอง
ทางเรขาคณิต (geometric model) ในการแก้ปัญหา
2. ตัวชวี้ ดั
ค 3.1 ป 5/2 บอกลกั ษณะส่วนประกอบความสัมพันธ์ และจาแนกรปู สามเหล่ียมชนดิ ตา่ งๆ
ค 3.2 ป 5/2 สรา้ งรูปสเี่ หลีย่ มมมุ ฉากรปู สามเหล่ียม และรปู วงกลม
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
3.1.1 นักเรยี นสามารถจาแนกชนิดของรูปสามเหลยี่ มได้
3.1.2 นกั เรยี นสามารถบอกลักษณะของรูปสามเหลีย่ มได้
3.2 ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P)
3.2.1 นกั เรียนสามารถสรา้ งรูปสามเหลี่ยมได้
3.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
3.3.1 นักเรียนสามารถคิดอย่างสร้างสรรค์ และการคดิ เปน็ ระบบ
4. สาระสาคญั
การบอกลักษณะสว่ นประกอบความสมั พนั ธ์ และจาแนกรูปสามเหล่ียมชนิดตา่ งๆ
5. สาระการเรียนรู้
การบอกลักษณะสว่ นประกอบความสมั พนั ธ์ และจาแนกรูปสามเหลยี่ มชนิดตา่ งๆ
6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
6.1 ความสามารถในการคิด
- นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่าง
มวี จิ ารณญาณ และการคิดเปน็ ระบบ
6.2 ความสามารถในการแก้ปัญหา
- นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐาน
ของหลกั เหตผุ ล คณุ ธรรมและขอ้ มลู สารสนเทศ
7. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
7.1 ใฝ่เรียนรู้
7.2 มุง่ มน่ั ในการทางาน
8. กิจกรรมการเรยี นรู้
8.1 ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรียน
1) ครูเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเข้าสู่บทเรียน โดยการให้นักเรียนด้วยวิธีการ Brain Gym อย่างง่าย
ด้วยการให้นักเรียนนับเลขถอยหลังโดยเริ่มจาก 100 จนถึง 1 หากมีการนับผิดจะให้นักเรียนเร่ิมนับตั้งแต่ 100 ใหม่
อกี ครั้ง เพื่อเป็นการรวบรวมสติ สมาธิของนกั เรยี นกอ่ นเข้าส่บู ทเรียน
2) นาเข้าสู่บทเรยี นโดยให้นักเรยี นอา่ นชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ เพ่ือเปน็ การกระตุ้นให้นักเรยี นรับรู้วา่ ในวันนเ้ี รา
จะทาการเรยี นการสอนเรื่องอะไร
3) สุ่มนักเรียนตามเลขท่ีเพื่ออ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยนี้ ตามในหนังสือเรียนหน้า 219 เพื่อเป็น
การกระตุ้นให้นักเรียนรับรูว้ ่าเมอ่ื จบบทเรยี นนแ้ี ลว้ นักเรียนสามารถทาอะไรได้บา้ ง
8.2 ขั้นสอน/การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1) ครูถามนักเรียนว่าสิ่งของใดบ้างในชีวิตประจาวันของนักเรียนท่ีมีรูปร่างเป็นรูปสามเหลี่ยม โดยให้เวลา
นักเรียนคดิ 20 วินาที จากนนั้ เรียกถามรายบคุ คล ครบู อกกตกิ าเพม่ิ คอื “สิ่งของของนกั เรยี นแต่ละคนห้ามซา้ กนั ”
2) ครูยกตัวอย่างส่ิงของมีรูปร่างเป็นรูปสามเหลี่ยมที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจาวันเพ่ิมเติมจากท่ีนักเรียน
แสดงความคดิ เห็น เช่น ผ้าพันคอลกู เสอื กรวยไอศกรีม เป็นต้น
3) นักเรยี นพิจารณาตามในหนังสอื แบบเรยี นหนา้ 220 เร่ืองชนดิ ของรูปสามเหลี่ยม
4) ครใู หน้ ักเรียนร่วมกันอ่านข้อความในหนงั สอื เรียนหน้า 220 เรอื่ งรูปสามเหลย่ี มแบ่งตามลักษณะของด้าน
5) ครูให้นักเรียนสังเกตข้อความในกรอบสี่เหลี่ยมด้านล่างของหนังสือ พร้อมท้ังอธิบายเพ่ิมเติมว่า “การ
เรียกชื่อของรูปสามเหลี่ยมน้ัน เราจะเรียงตัวอักษรจากยอดของรูปสามเหล่ียมก่อน จากนัน้ เรียกลงมา จะเป็นเรียง
ตามเข็มนาฬกิ าหรอื ทวนเขม็ นาฬิกาก็ได้ แต่ต้องเรม่ิ ตน้ ดว้ ยตวั อกั ษรท่ีอย่ยู อดของรปู สามเหลยี่ มก่อนเสมอ”
6) ครูวาดรูปสามเหลี่ยม รูปลงบนกระดาน พร้อมตั้งช่ือให้รูปสามเหล่ียมนั้น จากนั้นถามนักเรียนว่า “รูป
สามเหลยี่ มทีน่ กั เรียนเหน็ มชี ือ่ เรยี กว่าอยา่ งไรได้บา้ ง”
ก
ขค
7) ครูเฉลยคาตอบว่ารูปสามเหลย่ี มบนกระดานสามารถเรียกชื่อได้ 2 ชื่อ ได้แก่ “รูปสามเหลี่ยม กขค หรือ
รปู สามเหลี่ยม กคข” โดยคาวา่ “รูปสามเหลยี่ ม” นักเรยี นสามารถใช้ลกั ษณะ แทนได้ จะไดว้ ่า
- กขค
- กคข
8) นกั เรียนพิจารณารูปสามเหล่ียมในหนงั สือเรยี นหน้า 221 ในส่วนของแบบฝกึ หดั ที่ 1 ครสู ุ่มถามตามเลขท่ี
ว่ารูปสามเหล่ียมท่ีนักเรียนเห็นในหนังสือนั้นเป็นรูปสามเหล่ียมชนิดใด และมีลักษณะอย่างไร โดยสุ่มถามนักเรียน
คนละข้อ
9) ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หัดในหนังสือเรียนหน้า 221 เพ่อื ทบทวนความเขา้ ใจของนกั เรยี น
8.3 ข้ันฝึกปฏิบตั ิเพื่อพฒั นาผเู้ รียน สรุปและอภปิ รายความรู้
1) ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ว่ารูปสามเหลย่ี มมชี นดิ อะไรบ้าง
2) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปว่ารูปสามเหล่ียมแตล่ ะชนิดมีลักษณะอยา่ งไร
3) ครตู รวจสอบความถูกต้อง ความเข้าใจของการทาแบบฝึกหัด
4) ครตู รวจสอบจากการตอบคาถาม การอภปิ รายรว่ มกนั ภายในช้ันเรยี น
5) ครสู งั เกตความสนใจ ความกระตือรอื รน้ ในการเรียนรู้ของนกั เรียน
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
หนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 5
10. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด เรือ่ ง ชนดิ ของรูปสามเหลย่ี ม
11. การวดั และประเมนิ ผล
11.1 วธิ กี ารวดั และประเมินผล
11.1.1 สงั เกตพฤตกิ รรม เชน่ การตอบคาถาม, ความกระตือรือรน้ ในการเรยี น
11.1.2 ตรวจแบบฝึกหดั
11.2 เครอื่ งมือวดั และประเมินผล
11.2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้
11.2.2 แบบประเมินแบบฝกึ หัด
11.3 เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล
11.3.1 เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรม คะแนนเต็ม 12 คะแนน
การตอบคาถาม
3 หมายถงึ ตอบคาถามทุกครั้ง
2 หมายถงึ ตอบคาถามบางครัง้
1 หมายถึง ไม่ตอบคาถาม
ความกระตือรือรน้ ในการเรยี น
3 หมายถึง มีความกระตือรอื รน้ ในการเรียนตลอดทง้ั ช่ัวโมงเรยี น
2 หมายถึง มคี วามกระตือรือร้นในการเรียนบางครัง้
1 หมายถงึ ไม่มีความกระตือรือรน้ ในการเรียน
การซกั ถามทีต่ รงประเด็นนา่ สนใจ
3 หมายถงึ ซกั ถามตรงประเด็นทุกครั้ง
2 หมายถึง ซักถามตรงประเดน็ บางคร้ัง
1 หมายถงึ ไม่มีซักถามตรงประเดน็
แกไ้ ขงานที่บกพร่องใหด้ ีขึ้น
3 หมายถงึ มกี ารแก้ไขงานที่บกพร่องใหด้ ีขึ้นในทุกครง้ั
2 หมายถงึ มกี ารแก้ไขงานท่ีบกพร่องใหด้ ีขึน้ บางคร้งั
1 หมายถงึ ไมม่ ีการแก้ไขงานทบ่ี กพร่องใหด้ ขี น้ึ
11.3.2 เกณฑ์การให้คะแนนฝกึ หดั คะแนนเต็ม 12 คะแนน
ความตรงต่อเวลา
3 หมายถึง ส่งงานตรงตามวนั เวลาท่กี าหนด
2 หมายถงึ สง่ งานภายในสปั ดาห์ทกี่ าหนด
1 หมายถึง สง่ งานหลงั สัปดาหท์ ี่กาหนด 1 สปั ดาห์
ความถกู ต้องของแบบฝกึ หดั /ใบงาน
3 หมายถึง ถกู ต้อง และชัดเจนเกิน 70%
2 หมายถงึ ถูกต้อง และชดั เจนเกนิ 40%
1 หมายถงึ ถกู ต้อง และชัดเจนต่ากวา่ 40%
ความสะอาดของแบบฝึกหัด/ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานสะอาด เรียบร้อยดมี าก
2 หมายถึง แบบฝึกหดั /ใบงานสะอาด เรียบรอ้ ยดี
1 หมายถงึ แบบฝกึ หดั /ใบงานไมส่ ะอาด ไม่เรียบรอ้ ย
ความมรี ะเบียบของแบบฝึกหัด/ใบงาน
3 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานมรี ะเบียบ เขียนตวั หนงั สอื ชดั เจน อา่ นง่าย
2 หมายถึง แบบฝึกหดั /ใบงานมีระเบียบ เขยี นตวั หนังสอื อ่านง่าย
1 หมายถงึ แบบฝึกหดั /ใบงานไม่มีระเบยี บ เขียนตวั หนังสือไม่ชดั เจน
เกณฑ์การประเมนิ ต้องผ่านเกณฑ์ 4 คะแนนขึ้นไป
แผนการจัดการเรยี นรู้ 33 รายวิชา ค15101 คณติ ศาสตร์ 5
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2561
ระดับชั้น ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 เวลา 24 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 11 รูปสามเหล่ียม เวลา 1 ชั่วโมง
เรือ่ ง ฐาน มมุ ท่ีฐาน มุมยอดและด้านประกอบมุมยอดของรูปสามเหลยี่ ม
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 3.1 อธิบาย และวิเคราะหร์ ปู เรขาคณิตสองมติ ิ และสามมติ ิ
มาตรฐาน ค 3.2 ใช้การนึกภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเกี่ยวกับปริภมู ิ (spatial reasoning) และใช้แบบจาลอง
ทางเรขาคณิต (geometric model) ในการแก้ปัญหา
2. ตัวชว้ี ัด
ค 3.1 ป 5/2 บอกลักษณะสว่ นประกอบความสมั พนั ธ์ และจาแนกรปู สามเหล่ียมชนดิ ตา่ งๆ
ค 3.2 ป 5/2 สร้างรปู สีเ่ หลี่ยมมมุ ฉาก รูปสามเหล่ยี ม และรปู วงกลม
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
3.1.1 เม่อื กาหนดรูปสามเหลยี่ มให้ นกั เรียนสามารถบอกฐาน มมุ ที่ฐาน มุมยอดและด้านประกอบมุมยอด
ของรปู สามเหล่ยี มได้
3.2 ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P)
3.2.1 นักเรียนสามารถสรา้ งรปู สามเหลย่ี มและกาหนดฐาน มุมทีฐ่ าน มมุ ยอดและดา้ นประกอบมมุ ยอดของ
รปู สามเหลีย่ มได้
3.3 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
3.3.1 นกั เรียนสามารถคิดอยา่ งสร้างสรรค์ และการคดิ เปน็ ระบบ
4. สาระสาคัญ
การบอกฐาน มมุ ทฐ่ี าน มุมยอดและดา้ นประกอบมุมยอดของรปู สามเหลี่ยม
5. สาระการเรียนรู้
การบอกฐาน มมุ ที่ฐาน มมุ ยอดและด้านประกอบมมุ ยอดของรูปสามเหล่ยี ม
6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
6.1 ความสามารถในการคิด
- นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่าง
มีวิจารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ
6.2 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- นกั เรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ท่ีเผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐาน
ของหลกั เหตุผล คุณธรรมและขอ้ มูลสารสนเทศ
7. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
7.1 มีวนิ ยั
7.2 ใฝ่เรียนรู้
7.3 มงุ่ มั่นในการทางาน
8. กจิ กรรมการเรียนรู้
8.1 ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรียน
1) ครเู ตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเขา้ สู่บทเรียน โดยการให้นักเรียนเล่นเกมตัวเลขอันตราย กติกาคือ ครู
จะกาหนดตัวเลข 1 ตัวเป็นตัวเลขอันตราย และกาหนดให้ว่าในแต่รอบการเล่นนักเรียนสามารถนับเลขได้ไม่เกินก่ีตัว
เช่น กาหนดเลขอันตรายคือเลข 54 นับไดค้ รั้งละไม่เกิน 5 ตัว โดยจะเร่ิมจากคนท่ีนั่งริมสดุ วนไปเรื่อยๆ จนถึงตัวเลข
อันตราย หากนกั เรียนคนใดนบั ตรงกบั ตัวเลขอันตรายจะถูกทาโทษ เชน่ กระโดดตบ 5 คร้งั เต้น 1 เพลง เป็นต้น เพื่อ
เป็นการผ่อนคลายและรวบรวมสติของนกั เรยี นก่อนเข้าสู่บทเรียน
2) นาเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนอ่านช่ือเรื่อง เพ่ือให้นักเรียนได้ทราบเรื่องท่ีตนกาลังจะเรียนต่อไป
8.2 ขนั้ สอน/การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
1) ครูทบทวนเรอ่ื งชนดิ ของรูปสามเหลย่ี มทแ่ี บ่งตามความยาวของด้าน และขนาดของมุม
2) ครูวาดรูปสามเหล่ียม 2 รูปลงบนกระดาน จากน้ันถามนักเรียนว่าสามเหล่ียมทัง้ 2 รูปนี้เป็นสามเหลี่ยม
ชนิดใดทง้ั ทแี่ บ่งตามความยาวของดา้ น และขนาดของมุม
3) ให้นกั เรียนบอกชอื่ ด้าน และชือ่ มุมของรูปสามเหลี่ยมทง้ั 2 รูปบนกระดาน
กด
ข คม จ
4) ครูให้นักเรียนรว่ มกันอ่านข้อความในหนังสือเรยี นหน้า 226 เร่ืองฐาน มุมท่ีฐาน มุมยอดและด้านประกอบ
มมุ ยอดของรปู สามเหล่ียม
5) ใหน้ ักเรยี นปิดหนังสือเรยี น จากนน้ั รว่ มกันอธบิ ายเรอ่ื งฐาน มุมที่ฐาน มุมยอดและด้านประกอบมุมยอด
ของรปู สามเหลยี่ มตามความเข้าใจของนกั เรียน
6) ครูสรปุ เรอื่ งฐาน มมุ ทฐี่ าน มมุ ยอดและด้านประกอบมมุ ยอดของรปู สามเหลี่ยมทถ่ี กู ต้องใหแ้ ก่นักเรียน
7) นักเรียนพิจารณารูปสามเหล่ียมโจทย์ข้อ 1-2 ในหนังสือเรียนหน้า 226 ในส่วนของแบบฝึกหัด ครูสุ่มถาม
ตามเลขทวี่ ่ารูปสามเหล่ียมท่นี ักเรยี นเหน็ ในหนังสอื นน้ั มชี ่ือฐาน มมุ ท่ฐี าน มมุ ยอดและดา้ นประกอบมมุ ยอดวา่ อยา่ งไร
8) ครูมอบหมายให้นักเรียนทาแบบฝกึ หัดในหนังสือเรียนหน้า 227 ข้อ 3-10 เพื่อทบทวนความเข้าใจของ
นักเรียน
8.3 ข้นั ฝึกปฏิบตั เิ พื่อพฒั นาผ้เู รยี น สรุปและอภปิ รายความรู้
1) ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ ลักษณะของฐาน มุมท่ีฐาน มมุ ยอดและดา้ นประกอบมุมยอด
2) ครูตรวจสอบความถกู ต้อง ความเขา้ ใจของการทาแบบฝกึ หดั
3) ครูตรวจสอบจากการตอบคาถาม การอภปิ รายร่วมกนั ภายในช้นั เรยี น
4) ครูสังเกตความสนใจ ความกระตอื รอื รน้ ในการเรยี นรู้ของนกั เรียน
9. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5
10. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ หัด เร่ือง ฐาน มุมทฐี่ าน มมุ ยอดและดา้ นประกอบมุมยอด
11. การวัดและประเมินผล
11.1 วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล
11.1.1 สงั เกตพฤติกรรม เชน่ การตอบคาถาม, ความกระตือรอื ร้นในการเรยี น
11.1.2 ตรวจแบบฝึกหัด
11.2 เคร่ืองมอื วดั และประเมินผล
11.2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้
11.2.2 แบบประเมนิ แบบฝึกหัด
11.3 เกณฑ์การวัดและประเมินผล
11.3.1 เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรม คะแนนเตม็ 12 คะแนน
การตอบคาถาม
3 หมายถงึ ตอบคาถามทกุ คร้ัง
2 หมายถงึ ตอบคาถามบางคร้ัง
1 หมายถึง ไมต่ อบคาถาม
ความกระตือรือรน้ ในการเรยี น
3 หมายถึง มคี วามกระตือรอื ร้นในการเรยี นตลอดทง้ั ชว่ั โมงเรยี น
2 หมายถงึ มีความกระตอื รอื รน้ ในการเรียนบางครง้ั
1 หมายถึง ไม่มคี วามกระตือรือรน้ ในการเรียน
การซกั ถามท่ตี รงประเด็นนา่ สนใจ
3 หมายถงึ ซกั ถามตรงประเดน็ ทุกคร้งั
2 หมายถงึ ซกั ถามตรงประเด็นบางคร้ัง
1 หมายถงึ ไมม่ ีซักถามตรงประเด็น
แกไ้ ขงานทบี่ กพร่องใหด้ ีขนึ้
3 หมายถงึ มกี ารแก้ไขงานทบี่ กพร่องใหด้ ขี ึ้นในทุกครัง้
2 หมายถงึ มกี ารแกไ้ ขงานท่ีบกพรอ่ งให้ดขี น้ึ บางครัง้
1 หมายถึง ไม่มีการแก้ไขงานทีบ่ กพร่องใหด้ ขี ึ้น
11.3.2 เกณฑก์ ารให้คะแนนฝึกหัด คะแนนเต็ม 12 คะแนน
ความตรงตอ่ เวลา
3 หมายถงึ สง่ งานตรงตามวัน เวลาท่กี าหนด
2 หมายถึง ส่งงานภายในสัปดาห์ท่กี าหนด
1 หมายถึง ส่งงานหลงั สัปดาหท์ ก่ี าหนด 1 สัปดาห์
ความถกู ตอ้ งของแบบฝึกหัด/ใบงาน
3 หมายถงึ ถกู ต้อง และชัดเจนเกิน 70%
2 หมายถึง ถูกตอ้ ง และชัดเจนเกนิ 40%
1 หมายถงึ ถูกต้อง และชัดเจนต่ากวา่ 40%
ความสะอาดของแบบฝกึ หดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานสะอาด เรียบรอ้ ยดีมาก
2 หมายถงึ แบบฝกึ หดั /ใบงานสะอาด เรยี บร้อยดี
1 หมายถงึ แบบฝึกหัด/ใบงานไม่สะอาด ไมเ่ รยี บร้อย
ความมีระเบยี บของแบบฝกึ หัด/ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานมรี ะเบยี บ เขียนตัวหนงั สือชัดเจน อา่ นงา่ ย
2 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานมรี ะเบียบ เขียนตวั หนังสืออา่ นงา่ ย
1 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานไม่มีระเบยี บ เขียนตวั หนังสอื ไม่ชดั เจน
เกณฑก์ ารประเมนิ ต้องผ่านเกณฑ์ 4 คะแนนขึน้ ไป
แผนการจัดการเรยี นรู้ 34 รายวิชา ค15101 คณติ ศาสตร์ 5
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2561
ระดับชั้น ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 เวลา 24 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 11 รูปสามเหล่ียม เวลา 1 ชั่วโมง
เรือ่ ง ฐาน มมุ ท่ีฐาน มุมยอดและด้านประกอบมุมยอดของรูปสามเหลยี่ ม
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 3.1 อธิบาย และวิเคราะหร์ ปู เรขาคณิตสองมติ ิ และสามมติ ิ
มาตรฐาน ค 3.2 ใช้การนึกภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเกี่ยวกับปริภมู ิ (spatial reasoning) และใช้แบบจาลอง
ทางเรขาคณิต (geometric model) ในการแก้ปัญหา
2. ตัวชว้ี ัด
ค 3.1 ป 5/2 บอกลักษณะสว่ นประกอบความสมั พนั ธ์ และจาแนกรปู สามเหล่ียมชนดิ ตา่ งๆ
ค 3.2 ป 5/2 สร้างรปู สีเ่ หลี่ยมมมุ ฉาก รูปสามเหล่ยี ม และรปู วงกลม
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
3.1.1 เม่อื กาหนดรูปสามเหลยี่ มให้ นกั เรียนสามารถบอกฐาน มมุ ที่ฐาน มุมยอดและด้านประกอบมุมยอด
ของรปู สามเหล่ยี มได้
3.2 ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P)
3.2.1 นักเรียนสามารถสรา้ งรปู สามเหลย่ี มและกาหนดฐาน มุมทีฐ่ าน มมุ ยอดและดา้ นประกอบมมุ ยอดของ
รปู สามเหลีย่ มได้
3.3 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
3.3.1 นกั เรียนสามารถคิดอยา่ งสร้างสรรค์ และการคดิ เปน็ ระบบ
4. สาระสาคัญ
การบอกฐาน มมุ ทฐ่ี าน มุมยอดและดา้ นประกอบมุมยอดของรปู สามเหลี่ยม
5. สาระการเรียนรู้
การบอกฐาน มมุ ที่ฐาน มมุ ยอดและด้านประกอบมมุ ยอดของรูปสามเหล่ยี ม
6. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น
6.1 ความสามารถในการคิด
- นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่าง
มวี ิจารณญาณ และการคดิ เป็นระบบ
6.2 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ท่ีเผชิญได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐาน
ของหลกั เหตุผล คณุ ธรรมและขอ้ มลู สารสนเทศ
7. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
7.1 ใฝเ่ รียนรู้
7.2 มุ่งม่ันในการทางาน
7.3 ความซ่ือสัตย์
8. กิจกรรมการเรียนรู้
8.1 ข้นั นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น
1) ครูเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเข้าสู่บทเรียน โดยการให้นักเรียนน่ังสมาธิเป็นเวลา 2 นาที จากน้ันให้
นักเรยี นเอานว้ิ โป้งนวดบรเิ วณขมับของตนเองนับ 1-60 เพ่อื เป็นการรวบรวมสติ สมาธิของนกั เรยี นก่อนเข้าสู่บทเรียน
2) นาเข้าสู่บทเรียนโดยการวาดรูปสามเหลี่ยม 3 รูปลงบนกระดาน จากนั้นให้นักเรียนว่ิงมาตั้งช่ือรูป
สามเหลี่ยม เขยี นช่ือฐาน มุมที่ฐาน มุมยอดและด้านประกอบมุมยอดของรูปสามเหลย่ี มบนกระดาน นกั เรยี นคนใด
วง่ิ ขึ้นมาเขียนไวที่สดุ และถกู ต้อง ครูจะใหด้ าว 5 ดาว โดยรูปสามเหลย่ี มทัง้ 3 รูปมีดงั น้ี
8.2 ขั้นสอน/การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
1) ครูให้นักเรียนพิจารณารูปสามเหล่ียมทั้ง 3 รูปบนกระดาน จากนั้นครูทาการเปลี่ยนบริเวณที่เป็นฐาน
แล้วใหน้ กั เรยี นร่วมกันหามุมท่ฐี าน มุมยอด และดา้ นประกอบมุมยอดของรูปสามเหลีย่ ม
2) ให้นักเรียนสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างฐาน มุมที่ฐาน มุมยอด และด้านประกอบมุมยอดของรูป
สามเหลีย่ ม ครสู รปุ ให้นักเรียนฟังวา่ เราอาจกาหนดด้านใดดา้ นหน่ึงของรปู สามเหลย่ี มให้เป็นฐานก็ได้
- มมุ ของรปู สามเหลีย่ มทอี่ ยู่มมุ ตรงขา้ มกับฐาน เรียกวา่ มุมยอด
- ด้านท่เี ป็นแขนท้ัง 2 ขา้ งของมุมยอด เรียกวา่ ดา้ นประกอบมุมยอด
- มมุ ท่เี หลอื อีก 2 มมุ เรยี กว่า มมุ ทฐี่ าน
3) ครูให้นักเรยี นร่วมกนั อ่านขอ้ ควรรูเ้ กย่ี วกบั รูปสามเหลยี่ มหน้าจว่ั ในหนงั สอื เรียนหน้า 228
4) นักเรียนพิจารณารูปสามเหล่ียมโจทย์ข้อ 1-4 ในหนังสือเรียนหน้า 228 ในส่วนของแบบฝึกหัด ครูสุ่มถาม
ตามเลขที่ว่ารปู สามเหลยี่ มทนี่ กั เรียนเหน็ ในหนงั สอื นัน้ มีชอ่ื ฐาน มมุ ท่ีฐาน มมุ ยอดและดา้ นประกอบมุมยอดว่าอย่างไร
5) ครูมอบหมายให้นักเรียนทาใบงาน เร่ือง ฐาน มุมที่ฐาน มุมยอดและด้านประกอบมุมยอด เพ่ือทบทวน
ความเขา้ ใจของนักเรียน
8.3 ข้นั ฝกึ ปฏิบตั เิ พอื่ พัฒนาผู้เรียน สรุปและอภปิ รายความรู้
1) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรปุ ลักษณะของฐาน มมุ ทฐี่ าน มมุ ยอดและดา้ นประกอบมมุ ยอด
2) ครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง ความเขา้ ใจของการทาแบบฝึกหดั
3) ครูตรวจสอบจากการตอบคาถาม การอภิปรายร่วมกนั ภายในชัน้ เรียน
4) ครูสังเกตความสนใจ ความกระตอื รอื ร้นในการเรยี นรู้ของนักเรยี น
9. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5
10. ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ใหน้ กั เรียนทาใบงาน เรอื่ ง ฐาน มุมท่ีฐาน มุมยอดและด้านประกอบมุมยอด
11. การวัดและประเมินผล
11.1 วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล
11.1.1 สงั เกตพฤตกิ รรม เช่น การตอบคาถาม, ความกระตือรือร้นในการเรียน
11.1.2 ตรวจแบบฝกึ หัด
11.2 เครื่องมือวัดและประเมนิ ผล
11.2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้
11.2.2 แบบประเมินแบบฝกึ หัด
11.3 เกณฑ์การวัดและประเมินผล
11.3.1 เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรม คะแนนเต็ม 12 คะแนน
การตอบคาถาม
3 หมายถงึ ตอบคาถามทกุ คร้ัง
2 หมายถงึ ตอบคาถามบางคร้ัง
1 หมายถึง ไมต่ อบคาถาม
ความกระตือรือรน้ ในการเรยี น
3 หมายถึง มคี วามกระตือรอื ร้นในการเรยี นตลอดทง้ั ชว่ั โมงเรยี น
2 หมายถงึ มีความกระตอื รอื รน้ ในการเรียนบางครง้ั
1 หมายถึง ไม่มคี วามกระตอื รือรน้ ในการเรียน
การซกั ถามท่ตี รงประเด็นนา่ สนใจ
3 หมายถงึ ซกั ถามตรงประเดน็ ทุกคร้งั
2 หมายถงึ ซกั ถามตรงประเด็นบางคร้ัง
1 หมายถงึ ไมม่ ีซักถามตรงประเด็น
แกไ้ ขงานทบี่ กพร่องใหด้ ีขนึ้
3 หมายถงึ มกี ารแก้ไขงานทบี่ กพร่องใหด้ ขี ึ้นในทุกครัง้
2 หมายถงึ มกี ารแกไ้ ขงานท่ีบกพรอ่ งให้ดขี น้ึ บางครัง้
1 หมายถึง ไม่มีการแก้ไขงานท่ีบกพร่องใหด้ ขี ึ้น
11.3.2 เกณฑก์ ารให้คะแนนฝึกหัด คะแนนเต็ม 12 คะแนน
ความตรงตอ่ เวลา
3 หมายถงึ สง่ งานตรงตามวนั เวลาท่กี าหนด
2 หมายถึง ส่งงานภายในสัปดาห์ท่กี าหนด
1 หมายถึง ส่งงานหลงั สัปดาหท์ ก่ี าหนด 1 สัปดาห์
ความถกู ตอ้ งของแบบฝึกหัด/ใบงาน
3 หมายถงึ ถกู ต้อง และชัดเจนเกิน 70%
2 หมายถึง ถูกตอ้ ง และชัดเจนเกนิ 40%
1 หมายถงึ ถูกต้อง และชัดเจนต่ากวา่ 40%
ความสะอาดของแบบฝกึ หดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานสะอาด เรียบรอ้ ยดีมาก
2 หมายถงึ แบบฝกึ หดั /ใบงานสะอาด เรยี บร้อยดี
1 หมายถงึ แบบฝึกหัด/ใบงานไม่สะอาด ไมเ่ รยี บร้อย
ความมีระเบยี บของแบบฝกึ หัด/ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานมรี ะเบยี บ เขียนตัวหนงั สือชัดเจน อา่ นงา่ ย
2 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานมรี ะเบียบ เขียนตวั หนังสืออา่ นงา่ ย
1 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานไม่มีระเบยี บ เขียนตวั หนังสอื ไม่ชดั เจน
เกณฑก์ ารประเมนิ ต้องผ่านเกณฑ์ 4 คะแนนขึน้ ไป
แผนการจัดการเรยี นรู้ 35 รายวชิ า ค15101 คณิตศาสตร์ 5
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2561
ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา 24 ชว่ั โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 11 รปู สามเหลย่ี ม เวลา 1 ช่วั โมง
เร่ือง ความสงู ของรูปสามเหลี่ยม
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพื้นฐานเก่ยี วกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของส่งิ ท่ีตอ้ งการวดั
มาตรฐาน ค 2.2 แก้ปญั หาเกย่ี วกบั การวดั
มาตรฐาน ค 3.1 อธิบาย และวิเคราะหร์ ูปเรขาคณติ สองมิติ และสามมิติ
มาตรฐาน ค 3.2 ใชก้ ารนกึ ภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเก่ยี วกับปริภูมิ (spatial reasoning) และใช้แบบจาลอง
ทางเรขาคณิต (geometric model) ในการแก้ปญั หา
2. ตวั ชวี้ ดั
ค 3.1 ป 5/2 บอกลักษณะสว่ นประกอบความสมั พันธ์ และจาแนกรูปสามเหล่ยี มชนดิ ต่างๆ
ค 3.2 ป 5/2 สรา้ งรปู สเ่ี หลย่ี มมุมฉาก รปู สามเหล่ยี ม และรปู วงกลม
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
3.1.1 นักเรยี นสามารถบอกช่ือเสน้ ตรงท่ใี ชว้ ัดความสงู ของรปู สามเหลยี่ มได้
3.1.2 นักเรียนสามารถบอกชอ่ื ฐาน มุมยอด และด้านประกอบมุมฉากได้
3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (P)
3.2.1 นักเรยี นสามารถหาความสงู ของรูปสามเหลี่ยมได้
3.2.2 นกั เรยี นสามารถสรา้ งมุมฉากจากรปู สามเหลยี่ มทก่ี าหนดใหไ้ ด้
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
3.3.1 นกั เรียนสามารถคดิ อย่างสรา้ งสรรค์ และการคดิ เปน็ ระบบ
4. สาระสาคัญ
การหาความสูงของรูปสามเหลี่ยม
5. สาระการเรยี นรู้
การหาความสูงของรปู สามเหลยี่ ม
6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
6.1 ความสามารถในการคดิ
- นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่าง
มีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ
6.2 ความสามารถในการแก้ปัญหา
- นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เผชิญได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐาน
ของหลักเหตผุ ล คุณธรรมและขอ้ มลู สารสนเทศ
7. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
7.1 มวี นิ ยั
7.2 ใฝเ่ รียนรู้
7.3 มุง่ มนั่ ในการทางาน
8. กิจกรรมการเรียนรู้
8.1 ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรียน
1) ครูเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเข้าสู่บทเรียน โดยการให้นักเรียนด้วยวิธีการ Brain Gym อย่างง่าย
ดว้ ยการให้นักเรยี นท่องสูตรคูณแม่ 2-12 เพอื่ เปน็ การรวบรวมสติ สมาธขิ องนักเรยี นก่อนเข้าสู่บทเรยี น
2) นาเข้าสู่บทเรียนโดยการวาดรูปสามเหลี่ยม 1 รปู ลงบนกระดาน จากนั้นถามนกั เรียนรูปสามเหล่ียมรูปนี้
เป็นรูปสามเหลย่ี มชนิดใด เมอื่ พิจารณาจากมุม เพราะเหตใุ ด โดยรูปสามเหลยี่ มทว่ี าด คอื
8.2 ขัน้ สอน/การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
1) ครูกาหนดชื่อให้แก่รูปสามเหล่ียม จากนั้นให้นกั เรียนพิจารณาว่าส่วนใดของรูปสามเหลี่ยมควรเป็นฐาน
และมุมใดคือมุมยอด ก
ขค
2) ครูอธิบายว่าความสงู ของรูปสามเหล่ียม คือ ความยาวของส่วนของเส้นตรงท่ีลากจากจุดยอดมมุ ของมุม
ยอดตง้ั ฉากกับฐาน โดยย้านักเรยี นวา่ “เส้นตรงนั้นต้องต้ังฉากกบั ฐาน”
3) ครูสุม่ เลขทน่ี ักเรียนใหม้ าเขียนคาตอบจากโจทยต์ ามทคี่ รกู าหนดใหบ้ นกระดาน โจทยค์ อื
- ฐาน คือ ......................................................
- มมุ ยอด คอื ................................................
- เส้นวัดความสงู คือ .....................................
4) นักเรียนพิจารณาตัวอย่าง เร่ือง ความสูงของรูปสามเหลี่ยมในหนังสอื เรียนหน้า 229 จากนั้นพิจารณารูป
สามเหลี่ยมทงั้ 3 แบบในหนังสือ
5) ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า หากสามเหลี่ยมใดไม่มีมุมฉาก ให้นักเรียนวาดเส้นต่อออกไปจนกว่าจะได้มุมฉาก
จากน้ันวัดความยาวของรูปสามเหลี่ยมจากเสน้ ทีเ่ ราสรา้ งขนึ้
6) ครูมอบหมายให้นักเรยี นทาแบบฝึกหัดในหนงั สือเรียนหน้า 229 ข้อ 1-6 เพอื่ ทบทวนความเข้าใจของนกั เรยี น
8.3 ข้นั ฝกึ ปฏบิ ัติเพือ่ พฒั นาผูเ้ รยี น สรุปและอภปิ รายความรู้
1) ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปว่าความสูงของรปู สามเหลี่ยมสามารถหาได้อย่างไร
2) ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ความเขา้ ใจของการทาแบบฝกึ หัด
3) ครูตรวจสอบจากการตอบคาถาม การอภปิ รายร่วมกันภายในช้ันเรียน
4) ครูสงั เกตความสนใจ ความกระตอื รือร้นในการเรียนรู้ของนักเรยี น
9. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
หนงั สอื เรียนรายวชิ าพื้นฐาน คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5
10. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหัด เรื่อง ความสงู ของรปู สามเหลี่ยม
11. การวัดและประเมินผล
11.1 วธิ กี ารวดั และประเมินผล
11.1.1 สังเกตพฤติกรรม เชน่ การตอบคาถาม, ความกระตือรอื ร้นในการเรียน
11.1.2 ตรวจแบบฝึกหัด
11.2 เคร่อื งมอื วดั และประเมินผล
11.2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้
11.2.2 แบบประเมินแบบฝึกหัด
11.3 เกณฑ์การวัดและประเมินผล
11.3.1 เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรม คะแนนเตม็ 12 คะแนน
การตอบคาถาม
3 หมายถงึ ตอบคาถามทกุ คร้งั
2 หมายถงึ ตอบคาถามบางคร้ัง
1 หมายถึง ไมต่ อบคาถาม
ความกระตือรือรน้ ในการเรยี น
3 หมายถึง มคี วามกระตือรอื ร้นในการเรยี นตลอดทง้ั ชว่ั โมงเรยี น
2 หมายถงึ มีความกระตอื รอื รน้ ในการเรียนบางครง้ั
1 หมายถึง ไม่มคี วามกระตือรอื ร้นในการเรียน
การซกั ถามท่ตี รงประเด็นนา่ สนใจ
3 หมายถงึ ซกั ถามตรงประเด็นทุกคร้งั
2 หมายถงึ ซกั ถามตรงประเด็นบางคร้ัง
1 หมายถงึ ไมม่ ีซักถามตรงประเด็น
แกไ้ ขงานทบี่ กพร่องใหด้ ีขนึ้
3 หมายถงึ มกี ารแก้ไขงานท่บี กพร่องใหด้ ขี ึ้นในทุกครัง้
2 หมายถงึ มกี ารแกไ้ ขงานที่บกพรอ่ งให้ดขี น้ึ บางครัง้
1 หมายถึง ไม่มีการแกไ้ ขงานทบี่ กพร่องใหด้ ขี ึ้น
11.3.2 เกณฑก์ ารให้คะแนนฝึกหัด คะแนนเตม็ 12 คะแนน
ความตรงตอ่ เวลา
3 หมายถงึ สง่ งานตรงตามวัน เวลาท่กี าหนด
2 หมายถึง ส่งงานภายในสัปดาห์ท่กี าหนด
1 หมายถึง ส่งงานหลงั สัปดาหท์ ีก่ าหนด 1 สัปดาห์
ความถกู ตอ้ งของแบบฝึกหัด/ใบงาน
3 หมายถงึ ถกู ต้อง และชดั เจนเกิน 70%
2 หมายถึง ถูกตอ้ ง และชัดเจนเกนิ 40%
1 หมายถงึ ถูกต้อง และชดั เจนตา่ กวา่ 40%
ความสะอาดของแบบฝกึ หดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานสะอาด เรียบรอ้ ยดีมาก
2 หมายถงึ แบบฝกึ หดั /ใบงานสะอาด เรยี บร้อยดี
1 หมายถงึ แบบฝึกหัด/ใบงานไม่สะอาด ไมเ่ รยี บร้อย
ความมีระเบยี บของแบบฝกึ หัด/ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานมรี ะเบยี บ เขียนตัวหนงั สือชัดเจน อา่ นงา่ ย
2 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานมรี ะเบียบ เขียนตวั หนังสืออา่ นงา่ ย
1 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานไม่มีระเบยี บ เขียนตวั หนังสอื ไม่ชดั เจน
เกณฑก์ ารประเมนิ ต้องผ่านเกณฑ์ 4 คะแนนขึน้ ไป
แผนการจัดการเรยี นรู้ 36 รายวชิ า ค15101 คณิตศาสตร์ 5
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2561
ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา 24 ชว่ั โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 11 รปู สามเหลย่ี ม เวลา 1 ช่วั โมง
เร่ือง ความสงู ของรูปสามเหลี่ยม
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพื้นฐานเก่ยี วกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของส่งิ ท่ีตอ้ งการวดั
มาตรฐาน ค 2.2 แก้ปญั หาเกย่ี วกบั การวดั
มาตรฐาน ค 3.1 อธิบาย และวิเคราะหร์ ูปเรขาคณติ สองมิติ และสามมิติ
มาตรฐาน ค 3.2 ใชก้ ารนกึ ภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเก่ยี วกับปริภูมิ (spatial reasoning) และใช้แบบจาลอง
ทางเรขาคณิต (geometric model) ในการแก้ปญั หา
2. ตวั ชวี้ ดั
ค 3.1 ป 5/2 บอกลักษณะสว่ นประกอบความสมั พันธ์ และจาแนกรูปสามเหล่ยี มชนดิ ต่างๆ
ค 3.2 ป 5/2 สรา้ งรปู สเ่ี หลย่ี มมุมฉาก รปู สามเหล่ยี ม และรปู วงกลม
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
3.1.1 นักเรยี นสามารถบอกช่ือเสน้ ตรงท่ใี ชว้ ัดความสงู ของรปู สามเหลยี่ มได้
3.1.2 นักเรียนสามารถบอกชอ่ื ฐาน มุมยอด และด้านประกอบมุมฉากได้
3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (P)
3.2.1 นักเรยี นสามารถหาความสงู ของรูปสามเหลี่ยมได้
3.2.2 นกั เรยี นสามารถสรา้ งมุมฉากจากรปู สามเหลยี่ มทก่ี าหนดใหไ้ ด้
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
3.3.1 นกั เรียนสามารถคดิ อย่างสรา้ งสรรค์ และการคดิ เปน็ ระบบ
4. สาระสาคัญ
การหาความสูงของรูปสามเหลี่ยม
5. สาระการเรยี นรู้
การหาความสูงของรปู สามเหลยี่ ม
6. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
6.1 ความสามารถในการคิด
- นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่าง
มีวจิ ารณญาณ และการคิดเป็นระบบ
6.2 ความสามารถในการแก้ปญั หา
- นกั เรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ท่ีเผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐาน
ของหลักเหตุผล คุณธรรมและขอ้ มูลสารสนเทศ
7. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
7.1 ใฝเ่ รียนรู้
7.2 ม่งุ มัน่ ในการทางาน
7.3 ความซอ่ื สตั ย์
8. กิจกรรมการเรียนรู้
8.1 ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น
1) ครูเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเข้าสู่บทเรียนโดยการให้นักเรียนฝึกสมองด้วยวิธีการ Medley Brain
Gym อย่างง่าย คือการร้องเพลงและให้นักเรียนทาท่าทางประกอบเพลง ในช่ัวโมงนี้ครูให้นักเรียนร้องเพลงเป็ด
ท่าทางประกอบคือให้นักเรียนหมุนมือไปตามจังหวะ หมุนไปตามทิศทางคือ ซ้าย ขวา ล่าง ล่าง เพ่ือผ่อนคลาย
และรวบรวมสมาธิ สติของนกั เรียนกอ่ นเข้าสู่บทเรียน
2) นาเข้าสู่บทเรียนโดยการวาดรูปสามเหลี่ยม 1 รูปลงบนกระดาน ซ่ึงเป็นรูปสามเหล่ียมมุมฉาก จากน้ัน
ถามนกั เรียนวา่ รูปสามเหลี่ยมนี้สว่ นใดเปน็ ฐาน และส่วนใดเป็นมุมยอด โดยรปู สามเหลีย่ มทวี่ าด คือ
ก
ข ค
8.2 ขั้นสอน/การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
1) นักเรยี นพิจารณาหากต้องการวัดความสูงของรปู สามเหล่ยี มบนกระดาน นกั เรยี นต้องวดั จากเส้นตรงใด
2) ครูสุ่มเลขที่นักเรียนข้ึนมา 2 เลขที่ จากนั้นให้นักเรียนทั้ง 2 คน มาเขียนคาตอบจากโจทย์ตามที่ครู
กาหนดให้บนกระดาน โดยแขง่ ขันกันหากนักเรยี นคนใดทาเวลาได้เร็วทส่ี ุด และถูกต้อง จะไดร้ ับดาวเพ่ิมไป 5 ดาว
โจทย์คอื
- ฐาน คือ ......................................................
- มมุ ยอด คอื ................................................
- เสน้ วดั ความสูง คอื .....................................
3) นักเรยี นพิจารณาตวั อยา่ ง เรอื่ ง ความสงู ของรปู สามเหลย่ี มในหนงั สือเรียนหนา้ 230
4) ครูทบทวนจากชั่วโมงเรียนท่ีผา่ นมาว่า หากสามเหล่ียมใดไม่มีมุมฉาก ใหน้ ักเรียนวาดเสน้ ต่อออกไปจนกว่า
จะไดม้ ุมฉาก จากน้ันวดั ความยาวของรูปสามเหล่ียมจากเส้นท่ีเราสรา้ งขนึ้
5) นกั เรยี นพจิ ารณาแบบฝึกหัดเร่ือง ความสงู ของรปู สามเหลี่ยมในหนังสอื เรยี นหน้า 230 ขอ้ 3 ครูให้นกั เรยี น
สงั เกตว่าหากมีการลากเส้นขึ้นมาใหมน่ กั เรยี นสามารถต้งั ช่ือให้มุมใหม่ได้ โดยในหนังสือเรียนมีการกาหนดชอ่ื มมุ มาให้
แลว้ แต่หากยังไม่มีการกาหนดชอ่ื มาให้ให้นักเรยี นสามารถตั้งเองไดต้ ามความเหมาะสม
6) ครูมอบหมายให้นักเรยี นทาแบบฝึกหัดในหนงั สอื เรยี นหนา้ 230 ขอ้ 1-6 เพอื่ ทบทวนความเข้าใจของนกั เรยี น
8.3 ขั้นฝกึ ปฏบิ ัตเิ พ่ือพัฒนาผ้เู รียน สรปุ และอภปิ รายความรู้
1) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปวา่ ความสงู ของรปู สามเหล่ยี มสามารถหาได้อยา่ งไร
2) ครูตรวจสอบความถกู ต้อง ความเขา้ ใจของการทาแบบฝึกหัด
3) ครูตรวจสอบจากการตอบคาถาม การอภปิ รายร่วมกันภายในชนั้ เรยี น
4) ครูสังเกตความสนใจ ความกระตือรือร้นในการเรยี นรู้ของนกั เรยี น
9. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้
หนังสอื เรียนรายวชิ าพื้นฐาน คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5
10. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหัด เรอ่ื ง ความสูงของรปู สามเหล่ียม
11. การวัดและประเมินผล
11.1 วิธีการวัดและประเมินผล
11.1.1 สงั เกตพฤติกรรม เชน่ การตอบคาถาม, ความกระตือรอื ร้นในการเรียน
11.1.2 ตรวจแบบฝกึ หัด
11.2 เครอ่ื งมอื วัดและประเมินผล
11.2.1 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้
11.2.2 แบบประเมนิ แบบฝกึ หัด
11.3 เกณฑ์การวัดและประเมินผล
11.3.1 เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรม คะแนนเตม็ 12 คะแนน
การตอบคาถาม
3 หมายถงึ ตอบคาถามทกุ คร้งั
2 หมายถงึ ตอบคาถามบางคร้ัง
1 หมายถึง ไมต่ อบคาถาม
ความกระตือรือรน้ ในการเรยี น
3 หมายถึง มคี วามกระตือรอื ร้นในการเรยี นตลอดทง้ั ชว่ั โมงเรยี น
2 หมายถงึ มีความกระตอื รอื รน้ ในการเรียนบางครง้ั
1 หมายถึง ไม่มคี วามกระตือรอื ร้นในการเรียน
การซกั ถามท่ตี รงประเด็นนา่ สนใจ
3 หมายถงึ ซกั ถามตรงประเด็นทุกคร้งั
2 หมายถงึ ซกั ถามตรงประเด็นบางคร้ัง
1 หมายถงึ ไมม่ ีซักถามตรงประเด็น
แกไ้ ขงานทบี่ กพร่องใหด้ ีขนึ้
3 หมายถงึ มกี ารแก้ไขงานท่บี กพร่องใหด้ ขี ึ้นในทุกครัง้
2 หมายถงึ มกี ารแกไ้ ขงานที่บกพรอ่ งให้ดขี น้ึ บางครัง้
1 หมายถึง ไม่มีการแกไ้ ขงานทบี่ กพร่องใหด้ ขี ึ้น
11.3.2 เกณฑก์ ารให้คะแนนฝึกหัด คะแนนเตม็ 12 คะแนน
ความตรงตอ่ เวลา
3 หมายถงึ สง่ งานตรงตามวัน เวลาท่กี าหนด
2 หมายถึง ส่งงานภายในสัปดาห์ท่กี าหนด
1 หมายถึง ส่งงานหลงั สัปดาหท์ ีก่ าหนด 1 สัปดาห์
ความถกู ตอ้ งของแบบฝึกหัด/ใบงาน
3 หมายถงึ ถกู ต้อง และชดั เจนเกิน 70%
2 หมายถึง ถูกตอ้ ง และชัดเจนเกนิ 40%
1 หมายถงึ ถูกต้อง และชดั เจนตา่ กวา่ 40%
ความสะอาดของแบบฝกึ หดั /ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานสะอาด เรียบรอ้ ยดีมาก
2 หมายถงึ แบบฝกึ หดั /ใบงานสะอาด เรยี บร้อยดี
1 หมายถงึ แบบฝึกหัด/ใบงานไม่สะอาด ไมเ่ รยี บร้อย
ความมีระเบยี บของแบบฝกึ หัด/ใบงาน
3 หมายถงึ แบบฝกึ หัด/ใบงานมรี ะเบยี บ เขียนตัวหนงั สือชัดเจน อา่ นงา่ ย
2 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานมรี ะเบียบ เขียนตวั หนังสืออา่ นงา่ ย
1 หมายถึง แบบฝกึ หัด/ใบงานไม่มีระเบยี บ เขียนตวั หนังสอื ไม่ชดั เจน
เกณฑก์ ารประเมนิ ต้องผ่านเกณฑ์ 4 คะแนนขึน้ ไป