The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความสำคัญของรัฐธรรมนูญ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ภีรพงษ์ กรมสร้อย, 2023-01-03 21:49:31

ความสำคัญของรัฐธรรมนูญ

ความสำคัญของรัฐธรรมนูญ

เลม่ ๑๓๔ ตอนที่ ๔๐ ก หน้า ๗๔ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกจิ จานเุ บกษา

เก่ยี วกบั พนกั งานอยั การต้องดาเนินการโดยคณะกรรมการอัยการ ซง่ึ อย่างน้อยต้องประกอบดว้ ยประธานกรรมการ ซง่ึ ตอ้ งไม่เปน็ พนักงานอยั การ และผูท้ รงคุณวุฒิบรรดาทู่

ไดร้ บั เลือกจากพนักงานอยั การ ผู้ทรงคุณวฒุ ิดังกลา่ ว อยา่ งนอ้ ยตอ้ งมีบุคคลซึง่ ไม่เป็นหรอื เคยเปน็ พนกงานอัยการมากอ่ นสองคน ทงั้ น้ี ตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ

กฎหมายตามวรรคสาม ต้องมีมาตรการป้องกนั มิใหพ้ นักงานอัยการกระทาการหรือดารงตาแหน่งใด อันอาจมผี ลให้การสัง่ คดหี รือการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีไม่เป็นไป

ตามวรรคสอง หรอื อาจทาใหม้ ีการขดั กนั แห่งผลประโยชน์

ทง้ั น มาตรการดงั กล่าวต้องกาหนดใูห้ ชดั แจงและใูช้ เปน็ การูทว่ ไป โดยจะมอบอานาจใหม้ ีการพจิ ารณา

เปน็ กรณี ๆ ไปมิได

หมวด ๑๔ การปกครองส่วน
ท้องถ่ิน

มาตรา ๒๔๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๑ ให้มีการจัดการปกครองส่วนท้องูถ่นตามหลักแห่ง การปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของ
ประชาชนในท้องถ่ิน ูทง้ นี้ ตามวิธีการและรูปแบบองคก์ ร ปกครองส่วนทอ้ งูถ่นูทก่ ฎหมายบญั ญตั ิ

การจัดตงั้ องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ในรปู แบบใดให้คานึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถ่ิน และความสามารถในการปกครองตนเองในด้าน

รายได้ จานวนและความหนาแน่นของประชากร และพืน้ ที่ ทต่ี อ้ งรับผดิ ชอบ ประกอบกนั
มาตรา ๒๕๐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีหนาูท่และอานาจดูแลและจัดทาบริการสาธารณะ และกิจกรรมสาธารณะเพ่ือประโยชน์ของ

ประชาชนในทอ้ งถิน่ ตามหลักการพัฒนาอย่างย่ังยนื รวมท้ังส่งเสรมิ และสนับสนนุ การจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนในทอ้ งูถน่ ทง้ั น้ี ตามูทก่ ฎหมายบญั ญตั ิ
การจดั ทาบรกิ ารสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะใดที่สมควรให้เป็นหนา้ ท่แี ละอานาจโดยเฉพาะ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละรูปแบบ หรือ

ใหอ้ งค์กรปกครองสว่ นท้องูถน่ เป็นหนว่ ยงานหลัก ในการดาเนินการใด ให้เปน็ ไปตามูทก่ ฎหมายบญั ญัตูซิ ง่ ต้องสอดคล้องกับรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตาม

วรรคส่ี และกฎหมายดงั กลา่ วอยา่ งนอ้ ยตอ้ งมบี ทบัญญตั ิเกย่ี วกับกลไกและขน้ั ตอนในการกระจายหนา้ ทู่ และอานาจ ตลอดจนงบประมาณและบุคลากรที่เกย่ี วกับ
หน้าท่แี ละอานาจดงั กลา่ วของส่วนราชการใหแ้ ก่ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินด้วย

ในการจดั ทาบรกิ ารสาธารณะหรอื กิจกรรมสาธารณะใดูทเ่ ปน็ หน้าทแ่ี ละอานาจขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิน่ ถา้ การร่วมดาเนินการกับเอกชนหรือ
หน่วยงานของรฐั หรือการมอบหมายใหเ้ อกชน หรือหนว่ ยงานของรัฐดาเนินการ จะเป็นประโยชนแ์ ก่ประชาชนในท้องถน่ิ มากกว่าการท่ีองคก์ รปกครอง ส่วนทอ้ งถ่นิ
จะดาเนนิ การเอง องค์กรปกครองส่วนท้องูถน่ จะรว่ มหรอื มอบหมายให้เอกชนหรือหน่วยงานของรัฐ ดาเนินการนน้ั ก็ได้

รัฐต้องดาเนนิ การให้องค์กรปกครองสว่ นท้องูถน่ มรี ายไดข้ องตนเองโดยจดั ระบบภาษีหรอื การจดั สรรภาษี ทเ่ี หมาะสม รวมทงั้ สง่ เสริมและพัฒนาการหารายได้

ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ ท้ังนี้ เพื่อให้สามารถ

เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๔๐ ก หน้า ๗๕ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกจิ จานเุ บกษา

ดาเนนิ การตามวรรคหนึ่งไดอ้ ยา่ งเพยี งพอ ในระหว่างท่ยี ังไม่อาจดาเนินการได้ ใหร้ ฐั จัดสรรงบประมาณ เพูอ่ สนบั สนนุ องคก์ รปกครองส่วนทองถิ่นไปพลางก่อน

กฎหมายตามวรรคหนงึ่ และกฎหมายท่ีเกย่ี วกับการบรหิ ารราชการส่วนท้องถิ่น ต้องให้องค์กร ปกครองส่วนท้องูถ่นมีอิสระในการบริหาร การจัดทา

บริการสาธารณะ การสง่ เสริมและสนบั สนุนการจดั การศึกษา การเงินและการคลงั และการกากับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินูซ่งต้องทาเพียงเท่าทู่จาเป็นเพู่อการ

คุ้มครอง ประโยชน์ของประชาชนในท้องถ่ินหรือประโยชน์ของประเทศเป็นส่วนรวม การปอ้ งกันการทุจริต และการใชจ้ ่ายเงนิ อย่างมีประสทิ ธิภาพ โดย

คานึงถึงความเหมาะสมและความแตกต่างขององคก์ รปกครอง ส่วนท้องถิน่ แต่ละรปู แบบ และต้องมบี ทบัญญัติเูกย่ วกับการป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และ

การปอ้ งกัน การก้าวกา่ ยการปฏบิ ัตหิ น้าทูข่ องขา้ ราชการส่วนท้องถ่นิ ดวย

มาตรา ๒๕๑ การบรหิ ารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งต้องใช้ระบบคุณธรรมและต้องคานึงถึงความ

เหมาะสมและความจาเปน็ ของแตล่ ะท้องูถน่ และองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นแตล่ ะรูปแบบ การจัดให้มีมาตรฐานูทส่ อดคลอ้ งกันเพ่ือให้สามารถพัฒนาร่วมกัน หรือ

การสบเปลยี่ นบุคลากรระหวา่ งองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ดว้ ยกันได้

มาตรา ๒๕๒ สมาชิกสภาท้องถ่ินตองมาจากการเลือกตั้ง

ผ้บู รหิ ารทอ้ งถ่นิ ให้มาจากการเลอื กูต้งหรอื มาจากความเห็นชอบของสภาท้องถ่ินหรอื ในกรณี องค์กรปกครองส่วนท้องูถ่นรูปแบบพิเศษ จะให้มา

โดยวิธีอ่ืนก็ได้ แต่ต้องคานึงถึงการมีส่วนร่วม ของประชาชนดวย ทังนี้ ตามที่กฎหมายบัญญตั ิ

คุณสมบัตขิ องูผม้ ีสิทธิเลือกตง้ั และผู้มสี ทิ ธิสมคั รรับเลือกตั้ง และหลกั เกณฑ์และวธิ ีการเลือกตัง้ สมาชิกสภาท้องูถ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ให้เป็นไป

ตามทูก่ ฎหมายบญั ญตั ิ ซง่ึ ต้องคานงึ ถึงเจตนารมณ์ ในการปอ้ งกนและปราบปรามการทจุ ริตตามแนวทางที่บญญัตไิ ว้ในรัฐธรรมนูญดวย

มาตรา ๒๕๓ ในการดาเนนิ งาน ใหอ้ งค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาท้องถิ่น และูผ้บริหารท้องถ่ิน เปิดเผยข้อมูลและรายงานผลการดาเนินงานให้

ประชาชนทราบ รวมตลอดทู้งมกี ลไกให้ประชาชนในทอ้ งถิน่

มีส่วนรว่ มดว้ ย ทั้งน ตามหลกั เกณฑและว์ ิธีการทก่ี ฎหมายบัญญตั

มาตรา ๒๕๔ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิเข้าช่ือกัน เพ่ือเสนอข้อบัญญัติหรือเพู่อถอดถอนสมาชิกสภา

ท้องถ่ิน หรือผู้บริหารทอ้ งูถน่ ได้ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขทีก่ ฎหมายบัญญัติ

หมวด ๑๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ

มาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพมิ่ เติมรฐั ธรรมนญู ทีเ่ป็นการเปล่ียนแปลงการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข หรือ
เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ จะกระทามิได้

เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๔๐ ก หน้า ๗๖ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ รัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี าร ดังต่อไปน้ี
(๑) ญตั ตขิ อแก้ไขเพูม่ เตมิ ต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรอื จากสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจานวน ไม่น้อยกว่าหูน่งในหาของจานวนสมาชิกทั้งหมด
เทา่ ท่ีมอี ย่ขู องสภาูผแ้ ทนราษฎร หรือจากสมาชกิ สภาูผแ้ ทนราษฎร และสมาชิกวุฒสิ ภาจานวนไมน่ ้อยกว่าหูนง่ ในห้าของจานวนสมาชิกูท้งหมดเท่าทู่มีอยู่ของูท้งสองสภา
หรือจากประชาชนผมู้ สี ทิ ธเิ ลือกต้งั จานวนไมน่ อ้ ยกว่าหาหมน่ื คนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการเขาูชอ่ เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแกไ้ ขเพู่มเติมต้องเสนอเป็นร่าง
รฐั ธรรมนูญแก้ไขเพ่มิ เตมิ ตอ่ รัฐสภาและใหร้ ัฐสภา

พจิ ารณาเป็นสามวาระ
(๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีหูนง่ ขนั รบั หลกั การ ให้ใช้วธิ เี รยี กชอื่ และลงคะแนนโดยเปดิ เผย และต้องมคี ะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไข

เพูม่ เตมิ นัน้ ไม่นอ้ ยกว่ากึง่ หูนง่ ของจานวนสมาชกิ ท้งั หมด เทา่ ท่ีมอี ยูข่ องูทง้ สองสภา ซง่ึ ในจานวนูนต้ ้องมีสมาชกิ วุฒสิ ภาเหน็ ชอบดว้ ยไม่น้อยกว่าหน่ึงในสามของ
จานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าทมี่ อี ูย่ของวุฒิสภา

(๔) การพิจารณาในวาระูทส่ องข้ันพิจารณาเรียงลาดบั มาตรา โดยการออกเสยี งในวาระทีส่ องน้ี ใหถ้ อื เสียงขา้ งมากเป็นประมาณ แตใ่ นกรณีทู่เป็น
รา่ งรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมูทป่ ระชาชนเปน็ ผูเ้ สนอ ตองเปิดโอกาสใหผ้ แู้ ทนของประชาชนท่ีเขาชื่อกนไดแ้ สดงความคิดเหน็ ดวย

(๕) เม่อื การพจิ ารณาวาระทสี่ องเสร็จูสน้ แลว้ ใหร้ อไว้สบิ ห้าวัน เูมอ่ พ้นกาหนดนี้แลว้ ให้รฐั สภา พจิ ารณาในวาระท่ีสามตอ่ ไป
(๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามขนั้ สุดท้าย ใหใ้ ชว้ ธิ ีเรยี กช่อื และลงคะแนนโดยเปดิ เผย และต้องมคี ะแนนเสียงเห็นชอบดวยในการท่ีจะให้
ออกใชเป็นรฐธรรมนูญมากกว่ากง่ึ หน่ึงของจานวนสมาชิก

ทงั หมดเทา่ ทมี่ ีอูยข่ องทง้ั สองสภา โดยในจานวนน อ้ งมีสมาชิกสภาผแู ทนราษฎรจากพรรคการเมอื งท่สี มาชิก
มไิ ดด้ ารงตาแหนง่ รฐั มนตรี ประธานสภาูผแ้ ทนราษฎรหรือรองประธานสภาผ้แู ทนราษฎร เห็นชอบด้วย ไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบของทุกพรรคการเมืองดังกล่าว
รวมกัน และมีสมาชิกวฒุ ิสภาเห็นชอบดว้ ยไมน่ อ้ ยกว่า หูนง่ ในสามของจานวนสมาชิกท้งั หมดเทา่ ทมี่ อี ยู่ของวุฒสิ ภา

(๗) เมื่อมีการลงมติเหน็ ชอบตาม (๖) แลว้ ให้รอไว้สบิ หา้ วนั แล้วจงึ นารา่ งรฐั ธรรมนญู แก้ไขเพูม่ เติมูขน้ ทลู เกล้าทลู กระหม่อมถวาย และใหน้ าความใน
มาตรา ๘๑ มาใชบ้ งั คับโดยอนุโลม

(๘) ในกรณรี า่ งรฐั ธรรมนญู แก้ไขเพม่ิ เติมเปน็ การแกไ้ ขเพ่ิมเติมหมวด ๑ บทท่วั ไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หรือหมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติม
รัฐธรรมนญู หรือเร่อื งทเ่ี กีย่ วกับคุณสมบัติหรือลักษณะ ตอ้ งหา้ มของผูด้ ารงตาแหนง่ ต่าง ๆ ตามรฐั ธรรมนญู หรือเรื่องูท่เกี่ยวกับหน้าที่หรืออานาจของศาล หรือ
องค์กรอสิ ระ หรอื เรอ่ื งูทท่ าใหศ้ าลหรือองค์กรอสิ ระไม่อาจปฏบิ ัตติ ามหน้าท่หี รอื อานาจได้ กอ่ นดาเนินการ ตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมาย
วา่ ด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียง ประชามตเิ หน็ ชอบดว้ ยกบั ร่างรัฐธรรมนญู แกไ้ ขเพูม่ เตมิ จงึ ให้ดาเนนิ การตาม (๗) ต่อไป

เล่ม ๑๓๔ ตอนท่ี ๔๐ ก หน้า ๗๗ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกิจจานเุ บกษา

(๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิก สภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือ
สมาชกิ ูทง้ สองสภารวมกัน มีจานวนไมน่ อ้ ยกวา่ หน่งึ ในสิบ ของสมาชิกทูง้ หมดเท่าทูม่ ีอยู่ของแตล่ ะสภา หรือของูทง้ สองสภารวมกัน แลว้ แต่กรณี มีสิทธิเข้าูช่อกัน
เสนอความเห็นตอ่ ประธานแห่งสภาูทต่ นเปน็ สมาชกิ หรอื ประธานรฐั สภา แลว้ แตก่ รณี วา่ รา่ งรัฐธรรมนูญ ตาม (๗) ขดั ตอ่ มาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘)
และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับเร่ืองดังกล่าว ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่ วันที่
ไดร้ บั เูรอ่ ง ในระหว่างการพิจารณาวนิ ิจฉัยของศาลรฐั ธรรมนญู นายกรฐั มนตรีจะนาร่างรฐั ธรรมนูญ แกไขเพ่ิมเติมดังกล่าวข้ึนทูลเกลาทลกระหม่อมถวายเพู่อพระ
มหากษตรยิ ์ทรงลงพระปรมาภไิ ธยมไิ ด้

หมวด ๑๖ การ
ปฏิรปู ประเทศ

มาตรา ๒๕๗ การปฏิรูปประเทศตามหมวดน อ้ งดาเนนิ การเพอ่ื บรรลเุ ป้าหมาย ดังตอ่ ไปน
(๑) ประเทศชาติมีความสงบเรยี บร้อย มีความสามคั คปี รองดอง มีการพฒั นาอย่างย่งั ยนื ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมีความ
สมดุลระหวา่ งการพฒั นาด้านวตั ถกุ บั การพฒั นา ดา้ นจติ ใจ

(๒) สงคมมคี วามสงบสขุ เปน็ ธรรม และมีโอกาสอนั ทดเทียมกนั เพือขจดั ความเหลอื่ มลูา
(๓) ประชาชนมคี วามสุข มีคณุ ภาพชวี ิตท่ดี ี และมีส่วนรว่ มในการพัฒนาประเทศและการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตริย์
ทรงเปน็ ประมุข
มาตรา ๒๕๘ ใ ห าเนินการปฏิรูปประเทศอย่างนอ้ ยในดา้ นต่าง ๆ ใหเ้ กดิ ผล ดังต่อไปน
ก. ดา้ นการเมือง

(๑) ใหป้ ระชาชนมีความร้คู วามเขา้ ใจทถี่ กู ต้องเูกย่ วกับการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข มีส่วนร่วม
ในการดาเนินกิจกรรมทางการเมอื งรวมตลอดทั้งการตรวจสอบ การใชอ้ านาจรัฐ รูจ้ ักยอมรับในความเหน็ ทางการเมอื งโดยสจุ ริตทู่แตกต่างกัน และให้ประชาชนใช้สิทธิ
เลือกูต้ง และออกเสียงประชามตโิ ดยอสิ ระปราศจากการครอบงาไม่ว่าด้วยทางใด

(๒) ให้การดาเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองเป็นไปโดยเปดิ เผยและตรวจสอบได้ เพ่ือให้ พรรคการเมืองพัฒนาเป็นสถาบันทางการเมืองของ
ประชาชนูซง่ มีอดุ มการณท์ างการเมอื งรว่ มกนั มีกระบวนการ ใหส้ มาชกิ พรรคการเมอื งมีสว่ นร่วมและมีความรับผิดชอบอย่างแท้จริงในการดาเนินกิจกรรมทางการเมือง
และการคัดเลอื กผมู้ ีความร้คู วามสามารถ ูซอ่ สตั ยส์ จุ ริต และมีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม เข้ามาเปน็ ผดู้ ารงตาแหนง่ ทางการเมอื งทีช่ ัดเจนและเปน็ รูปธรรม

(๓) มีกลไกท่ีกาหนดความรบั ผิดชอบของพรรคการเมืองในการประกาศโฆษณานโยบาย ท่มี ไิ ด้วิเคราะหผ์ ลกระทบ ความคมุ คา่ และความ
เสย่ี งอย่างรอบด้าน

เล่ม ๑๓๔ ตอนท่ี ๔๐ ก หน้า ๗๘ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกิจจานเุ บกษา

(๔) มีกลไกที่กาหนดใหผ้ ูด้ ารงตาแหน่งทางการเมอื งตอ้ งปฏิบัตหิ น้าทูด่ ว้ ยความซือ่ สัตยส์ ุจรติ และรบั ผดิ ชอบต่อประชาชนในการปฏิบัติหน้าทู่
ของตน

(๕) มีกลไกแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดยสันติวิธีภายใต้การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอนมีพระมหากษตริย์ทรง
เปน็ ประมุข

ข. ด้านการบริหารราชการแผ่นดนิ
(๑) ให้มีการนาเทคโนโลยีูท่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน และการจดทาบรกิ ารสาธารณะ เพื่อประโยชน์

ในการบริหารราชการแผน่ ดิน และเพอ่ื อานวยความสะดวก ให้แกป่ ระชาชน
(๒) ใหม้ ีการบูรณาการฐานขอ้ มลู ของหนว่ ยงานของรัฐทกุ หน่วยงานเขา้ ด้วยกัน เพ่ือใหเ้ ป็น ระบบข้อมูลเพูอ่ การบริหารราชการแผ่นดินและ

การบริการประชาชน
(๓) ใหม้ ีการปรบั ปรุงและพฒั นาโครงสร้างและระบบการบริหารงานของรฐั และแผนกาลงั คน ภาครัฐใหท้ ันตอ่ การเปลยี่ นแปลงและความท้า

ทายใหม่ ๆ โดยตอ้ งดาเนินการใหเ้ หมาะสมกบั ภารกิจของ หนว่ ยงานของรฐแตล่ ะหนว่ ยงานทีแ่ ตกตา่ งกนั
(๔) ให้มีการปรบั ปรุงและพัฒนาการบริหารงานบคุ คลภาครัฐเพอ่ื จูงใจใหผ้ ู้มคี วามูร้ ความสามารถอย่างแทจ้ รงิ เขา้ มาทางานในหน่วยงานของ

รฐั และสามารถเจริญก้าวหน้าได้ตามความสามารถ และผลสัมฤทธ์ิของงานของแต่ละบุคคล มีความซ่ือสัตย์สุจริต กล้าตัดสินใจและกระทาในสิ่งที่ถูกต้อง โดย
คดิ ถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชนส์ ่วนตัว มีความคดิ สร้างสรรค์และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพู่อให้การปฏิบัติราชการและการบริหารราชการแผ่นดิน
เป็นไปอย่างมีประสิทธภิ าพ และมมี าตรการ

คมุ้ ครองป้องกันบุคลากรภาครฐั จากการใชอ้ านาจโดยไม่เป็นธรรมของผ งัคบั บญชูา
(๕) ใหม้ ีการปรับปรุงระบบการจดั ซื้อจดั จา้ งภาครัฐใหม้ คี วามคล่องตวั เปิดเผย ตรวจสอบได้ และมีกลไกในการป้องกันการทุจริตทุกขนั

ตอน

ค. ดา้ นกฎหมาย
(๑) มีกลไกให้ดาเนินการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับต่าง ๆ ทู่ใช้บังคับ อยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญน้ีให้

สอดคล้องกับหลักการตามมาตรา ๗๗ และพฒั นาใหส้ อดคล้อง กบั หลกั สากล โดยให้มีการใช้ระบบอนุญาตและระบบการดาเนินการโดยคณะกรรมการ
เพียงเท่าท่ีจาเป็น เพื่อให้การทางานเกิดความคล่องตัว โดยมูีผ้รับผิดชอบที่ชัดเจน และไม่สร้างภาระแก่ประชาชน เกินความจาเป็น เพ่ิม
ความสามารถในการแขง่ ขนของประเทศ และปอ้ งกนการทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบ (๒) ปฏิรูประบบการเรียนการสอนและการศึกษาอบรมวิชากฎหมาย
เพื่อพฒั นาผูป้ ระกอบ

วิชาชีพกฎหมายให้เปน็ ผมู้ ีความรอบรู้ มีนิต ศั นะ และยึดม่นในคุณธรรมและจริยธรรมของนกั กฎหมาย

(๓) พฒั นาระบบฐานข้อมลู กฎหมายของรฐั โดยใช้เทคโนโลยีตา่ ง ๆ เพื่อใหป้ ระชาชน

เข้าถงึ ขอ้ มูลกฎหมายได้สะดวก และสามารถเข้าใจเน หาสาระของกฎหมายได้งาย่

(๔) จดั ให้มีกลไกชว่ ยเหลือประชาชนในการจดั ทาและเสนอร่างกฎหมาย

เลม่ ๑๓๔ ตอนที่ ๔๐ ก หน้า ๗๙ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกิจจานุเบกษา

ง. ดา้ นกระบวนการยุติธรรม

(๑) ให้มีการกาหนดระยะเวลาดาเนินงานในทุกูขน้ ตอนของกระบวนการยุตธิ รรมทช่ี ดั เจน เพูอ่ ใหป้ ระชาชนไดร้ ับความยตุ ิธรรมโดยไม่ล่าช้า

และมกี ลไกชว่ ยเหลือประชาชนผู้ขาดแคลนทนุ ทรพั ย์ ให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ รวมตลอดทู้งการสร้างกลไกเพู่อให้มีการบังคับการตามกฎหมาย

อยา่ งเคร่งครัดเพือ่ ลดความเหลอ่ื มูล้าและความไม่เปน็ ธรรมในสงคม

(๒) ปรบั ปรงุ ระบบการสอบสวนคดีอาญาใหม้ กี ารตรวจสอบและถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวน กับพนักงานอัยการอย่างเหมาะสม กาหนด

ระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าูทู่ท่เก่ียวข้องทุกฝ่าย ให้ชัดเจนเพู่อมิให้คดีขาดอายุความ และสร้างความเชื่อูม่นในการปฏิบัติหน้าูท่ของพนักงาน

สอบสวน และพนักงานอัยการในการสอบสวนคดีอาญา รวมทู้งกาหนดให้การสอบสวนต้องใช้ประโยชน์จาก นิติวิทยาศาสตร์ และจัดให้มีบริการ

ทางดา้ นนิตวิ ทิ ยาศาสตร์มากกวา่ หนึ่งหน่วยงานทูม่ อี สิ ระจากกัน

เพื่อใหป้ ระชาชนได บั บรกิ ารในการพสิ ูจนข์ อ้ เทจ็ จรงอยางมทางเูลี่ อื ก

(๓) เสริมสร้างและพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรขององค์กรต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องในกระบวนการยุติธรรม ใหมู้ง่ อานวยความยุติธรรมแก่ประชาชน

โดยสะดวกและรวดเรว็

(๔) ดาเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับ หน้าที่ อานาจ และภารกิจของตารวจให้

เหมาะสม และแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ของขาราชการตารวจให้เกิดประสิทธิภาพ มีหลักประกันว่าข้าราชการตารวจจะได้รับ

คา่ ตอบแทนทีเ่ หมาะสม ไดร้ บั ความเปน็ ธรรมในการแตง่ ตงั้ และโยกยา้ ย และการพิจารณาบาเหน็จความชอบตามระบบคณุ ธรรม ท่ชี ัดเจน ซง่ึ ในการพจิ ารณาแต่ง

ูต้งและโยกย้ายตอ้ งคานงึ ถงึ อาวโุ สและความูรค้ วามสามารถประกอบกัน เพูอ่ ใหข้ ้าราชการตารวจสามารถปฏบิ ตั ิหน้าที่ไดอยา่ งมีอสิ ระ ไมต่ กอยู่ใตอ้ าณัติของบคุ คล

ใด มปี ระสิทธิภาพ และภาคภูมิใจในการปฏบิ ัติหน้าทูข่ องตน

จ. ดานการศกึ ษา

(๑) ใหส้ ามารถเริม่ ดาเนนิ การใหเ้ ด็กเลก็ ได้รับการดแู ลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา ตามมาตรา ๕๔ วรรคสอง เพ่ือให้เด็กเล็กได้รับ

การพฒั นารา่ งกาย จติ ใจ วนิ ัย อารมณ์ สังคม และสติปญั ญาใหส้ มกบั วยโดยไม่เก็บค่าใชจ้ ่าย

(๒) ให้ดาเนินการตรากฎหมายเพ่อื จัดต้ังกองทนุ ตามมาตรา ๕๔ วรรคหก ให้แล้วเสร็จ ภายในหูนง่ ปนี บแตว่ นั ประกาศใช้รฐั ธรรมนูญน้ี

(๓) ใหม้ กี ลไกและระบบการผลติ คดั กรองและพัฒนาูผป้ ระกอบวชิ าชพี ครูและอาจารย์

ให้ได้ผู จี ติ วญิ ญาณของความเป็นครู รวมาคี คู วามสามารถอย่างแท้จรงิ ไดร้ บั ค่าตอบแทนทูเ่ หมาะสมกบั

ความสามารถและประสทิ ธภิ าพในการสอน รวมูทง้ มีกลไกสร้างระบบคณุ ธรรมในการบรหิ ารงานบคุ คลของ ผู้ประกอบวิชาชีพครู

เลม่ ๑๓๔ ตอนท่ี ๔๐ ก หน้า ๘๐ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกิจจานุเบกษา

(๔) ปรบั ปรงุ การจัดการเรยี นการสอนทกุ ระดบั เพูอ่ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถเรียนได้ตามความถนดั และปรบั ปรงุ โครงสร้างของหน่วยงานูท่เกี่ยวข้อง
เพื่อบรรลเุ ป้าหมายดงั กล่าว โดยสอดคล้องกันทงั้ ในระดับชาติ และระดบั พน้ื ท่ี

ฉ. ดานเศรษฐกิจ
(๑) ขจัดอปุ สรรคและเสริมสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศเพูอ่ ใหป้ ระเทศชาติ และประชาชนได้รบประโยชน์จากการเข้าร่วม

กูลม่ เศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ อยา่ งยง่ ยนื โดยมภี ูมคิ มุ้ กันทูด่ ี
(๒) สร้างกลไกเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการนาความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี ท่ีทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของ

ประเทศ
(๓) ปรับปรุงระบบภาษอี ากรให้มคี วามเป็นธรรม ลดความเหลือ่ มูลา้ เพ่ิมพนู รายไดข้ องรัฐ ด้านต่าง ๆ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ และปรับปรุง

ระบบการจดั ทาและการใช้จ่ายงบประมาณให้มปี ระสทิ ธิภาพ และสมั ฤทธิผล
(๔) สรา้ งกลไกเพูอ่ ส่งเสรมิ สหกรณ์และผปู้ ระกอบการแตล่ ะขนาดใหม้ คี วามสามารถ ในการแข่งขันอยา่ งเหมาะสม และสง่ เสรมิ การประกอบ

วสิ าหกิจเพ่อื สงั คมและวิสาหกิจูทเ่ ปน็ มติ ร ตอ่ สง่ิ แวดล้อม รวมทง้ สรา้ งกลไกเพูม่ โอกาสในการทางานและการประกอบอาชีพของประชาชน

ช. ดานอืน่ ๆ
(๑) ให้มีระบบบริหารจัดการทรัพยากรนู้าที่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรมและยั่งยืน โดยคานึงถึงความต้องการใชู้น้าในทุกมิติ

รวมทูง้ ความเปล่ยี นแปลงของสภาพแวดล้อมและสภาพภมู ิอากาศ ประกอบกัน
(๒) จดั ให้มีการกระจายการถือครองที่ดินอยา่ งเปน็ ธรรม รวมท้ังการตรวจสอบกรรมสิทธ์ิ และการถือครองท่ีดินทังประเทศเพู่อแก้ไข

ปญั หากรรมสทิ ธิ์และสิทธิครอบครองทูด่ ินอย่างเป็นระบบ
(๓) จัดใหม้ รี ะบบจดั การและกาจัดขยะมูลฝอยทู่มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อูส่งแวดล้อม และสามารถนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์

ด้านอน่ื ๆ ได้
(๔) ปรบั ระบบหลักประกันสุขภาพใหป้ ระชาชนได้รับสทิ ธิและประโยชนจ์ ากการบริหารจัดการ และการเขาถึงบริการท่ีมีคุณภาพและสะดวก

ทัดเทียมกนั

(๕) ให้มรี ะบบการแพทย์ปฐมภมู ิท่มี ีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวดูแลประชาชนในสดั สว่ น

ท่เี หมาะสม
มาตรา ๒๕๙ ภายใตบ้ ังคับมาตรา ๒๖๐ และมาตรา ๒๖๑ การปฏิรูปประเทศตามหมวดน้ี ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอน

การดาเนินการปฏริ ปู ประเทศซง่ึ อยา่ งน้อยตอ้ งมวี ธิ กี าร จดั ทาแผน การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนและหนว่ ยงานที่เูกย่ วขอ้ ง ูขน้ ตอนในการดาเนินการปฏิรูปประเทศ
การวัดผลการดาเนินการ และระยะเวลาดาเนินการปฏิรูปประเทศทุกด้าน ูซ่งต้องกาหนดให้เูร่มดาเนินการปฏิรูป ในแต่ละด้านภายในหน่ึงปีนับแต่วันประกาศใช้
รัฐธรรมนญู ูนร้ วมตลอดทง้ั ผลสัมฤทูธูท์ ค่ าดหวังวา่ จะบรรลุ ในระยะเวลาห้าปี

เล่ม ๑๓๔ ตอนท่ี ๔๐ ก หน้า ๘๑ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกิจจานเุ บกษา

ให้ดาเนนิ การตรากฎหมายตามวรรคหนึ่ง และประกาศใชบ้ ังคบั ภายในหนง่ึ รอ้ ยูยส่ ิบวันนับแต่ วนประกาศใชร้ ัฐธรรมนูญูน้
ในระหว่างท่ีกฎหมายตามวรรคหนึ่งยงั ไมม่ ีผลใช้บังคบั ใหห้ น่วยงานของรฐั ดาเนนิ การปฏริ ูป โดยอาศยั หนา้ ทูแ่ ละอานาจที่มีอยแู่ ลวไปพลางก่อน

มาตรา ๒๖๐ ในการแก้ไขปรบั ปรุงกฎหมายตามมาตรา ๒๕๘ ง. ด้านกระบวนการยุตธิ รรม (๔)

ให้มคี ณะกรรมการคณะหูน่งซง่ึ คณะรัฐมนตรีแต่งตงั้ ประกอบด้วย
(๑) ผ้ทู รงคุณวฒุ ิซึง่ มคี วามูรค้ วามซือ่ สตั ยส์ จุ ริตและเทย่ี งธรรมเป็นทีป่ ระจกั ษ์และไม่เคยเปน็ ขาราชการตารวจมาก่อน เปน็ ประธาน
(๒) ูผเ้ ปน็ หรอื เคยเปน็ ขา้ ราชการตารวจูซง่ อยา่ งน้อยต้องมีผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติรวมอยู่ด้วย มีจานวนตามท่ีคณะรัฐมนตรีกาหนด เป็น

กรรมการ
(๓) ูผท้ รงคณุ วฒุ ซิ ่งึ มีความร้คู วามซื่อสตั ยส์ จุ ริตและเทย่ี งธรรมเป็นที่ประจักษ์และไม่เคยเป็น ข้าราชการตารวจมาก่อน มีจานวนเท่ากบ

กรรมการตาม (๒) เป็นกรรมการ
(๔) ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการสานักงาน ศาลยุติธรรม และอัยการสูงสุด เป็น

กรรมการ
ให้คณะกรรมการตามวรรคหูนง่ ดาเนินการใหแ้ ลว้ เสร็จภายในหน่ึงปนี บั แตว่ นั ประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญูน้ เมอื่ ครบกาหนดเวลาตามวรรคสองแลว้ ถา้ การแก้ไข

ปรบั ปรุงกฎหมายดงั กล่าวยังไมแ่ ลว้ เสร็จ ให้การแตง่ ูต้งโยกยา้ ยขา้ ราชการตารวจดาเนินการตามหลักอาวโุ สตามหลักเกณฑ์ทูค่ ณะรัฐมนตรีกาหนด

โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๒๖๑ ในการปฏริ ปู ตามมาตรา ๒๕๘ จ. ด้านการศึกษา ให้มคี ณะกรรมการทูม่ ี ความเป็นอิสระคณะหูน่งท่ีคณะรัฐมนตรีแต่งูต้งดาเนิน

การศึกษาและจดั ทาขอ้ เสนอแนะและร่างกฎหมาย ทูเู่กย่ วขอ้ งในการดาเนินการใหบ้ รรลุเป้าหมายเพูอ่ เสนอคณะรัฐมนตรดี าเนินการต่อไป
ให้คณะรัฐมนตรีแตง่ ูต้งคณะกรรมการตามวรรคหนึ่งให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันประกาศใช้ รัฐธรรมนูญน้ี และให้คณะกรรมการดาเนินการ

ศึกษาและจัดทาขอ้ เสนอแนะและรา่ งกฎหมายให้แลว้ เสร็จ และเสนอตอ่ คณะรัฐมนตรีภายในสองปีนบั แต่วนั ูทไ่ ดร้ บั การแตง่ ตงั ้

บทเฉพาะกาล

มาตรา ๒๖๒ ใหค้ ณะองคมนตรีซง่ึ ดารงตาแหนง่ อยู่ในวนั ก่อนวนั ประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญนี้ เป็นคณะองคมนตรีตามบทบัญญัติแหง่ รฐั ธรรมนูญน้ี
มาตรา ๒๖๓ ในระหว่างที่ยังไม่มีสภาูผ้แทนราษฎรและวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญนี้ ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ตั้งูข้นตาม
รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ยังคงทาหนา้ ทูร่ ฐั สภา สภาผูแ้ ทนราษฎร และวุฒิสภาต่อไป และให้สมาชิกสภานิติบัญญัติ
แหง่ ชาติ ซง่ึ ดารงตาแหนง่ อูยใ่ นวนั ก่อนวันประกาศใช้รฐั ธรรมนญู นี้ ทาหน้าที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๔๐ ก หน้า ๘๒ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกจิ จานุเบกษา

หรือสมาชิกวุฒิสภา ตามลาดบั ตามบทบญั ญตั แิ ห่งรัฐธรรมนูญน้ี และให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติสิ้นสุดลงในวันก่อนวัน

เรียกประชมุ รัฐสภาคูรง้ แรกภายหลงั การเลือกตั้งทวั่ ไป ที่จดั ขึน้ ตามรฐธรรมนญู น้ี

สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

(ฉบับชั่วคราว) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ แล้ว ตอ้ งมคี ณุ สมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม รวมทั้งเหตุแห่งการูส้นสุดสมาชิกภาพตามทู่บัญญัติไว้สาหรับ

สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรและสมาชกิ วุฒิสภาตามรฐธรรมนญู น้ี ดงั ต่อไปนด้ี ว้ ย

(๑) มาตรา ๙๘ ยกเว (๓) (๑๒) (๑๓) (๑๔) และ (๑๕)

(๒) มาตรา ๑๐๑ ยกเวน้

(ก) กรณีตาม (๖) เฉพาะในสว่ นทีเ่ กย่ี วกบั มาตรา ๙๘ ยกเว้น (๓) (๑๒) (๑๓) (๑๔) และ (๑๕)

(ข) กรณตี าม (๗) เฉพาะในกรณีทสี่ มาชกิ สภานิติบญั ญตั ิแหง่ ชาตเิ ปน็ เจา้ หน้าทข่ี องรัฐ ท่ปี ฏบิ ัตกิ ารตามหนา้ ทีแ่ ละอานาจตามกฎหมาย

หรือคาูสง่ ทช่ี อบด้วยกฎหมาย และในสว่ นที่เก่ียวกับ มาตรา ๑๘๔ (๑)

(๓) มาตรา ๑๐๘ ยกเวน้ ก. คณุ สมบตั ติ าม (๓) และ (๔) และ ข. ลักษณะตอ้ งห้าม

ตาม (๑) (๒) และ (๗) แต่เฉพาะกรณตี าม (๑) น ไมร่ วมสว่ นท่ีเกยี่ วกับมาตรา ๙๘ (๓) และ (๑๕)

มิใหน้ ามาตรา ๑๑๒ มาใชบ้ งคบั แก่การดารงตาแหน่งรฐั มนตรีของสมาชกิ สภานิติบัญญ ิแห่งชาต

บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดที่ห้ามมิให้บุคคลดารงตาแหน่งทางการเมือง มิให้นามาใช้บังคับแก่ การดารงตาแหน่งรัฐมนตรีตามมาตรา ๒๖๔

ข้าราชการการเมืองูทูต่ ้งูขน้ เพื่อประโยชน์ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ของคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๒๖๔ หรือเพ่ือประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรักษาความสงบ

แหง่ ชาติ

ตามมาตรา ๒๖๕ หรอื สมาชกิ สภานิตบิ ัญญ แิ ห่งชาติตามมาตราน

ในระหว่างท่ีสภานิติบัญญัติแห่งชาติทาหน้าที่รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ตามวรรคหน่ึง ให้อานาจของประธานรัฐสภา ประธานสภา

ผแู้ ทนราษฎร หรือประธานวฒุ สิ ภา ตามรฐั ธรรมนญู น้หี รอื กฎหมาย เปน็ อานาจของประธานสภานติ บิ ัญญัตแิ ห่งชาติ

ในระหว่างูทส่ ภานติ บิ ญั ญัติแหง่ ชาตทิ าหนา้ ทูต่ ามวรรคหนงึ่ หากมีตาแหน่งว่างลง หวั หน้าคณะรักษา ความสงบแหง่ ชาติจะนาความกราบบังคมทูลเพ่ือ

ทรงแต่งตั้งผู้มีคุณสมบัตแิ ละไม่มีลกั ษณะต้องห้าม ตามวรรคสอง เป็นสมาชกิ สภานติ ิบญญัติแหง่ ชาติแทนก็ได้

เูมอ่ มีการเลอื กตัง้ ท่วไปครังแรกภายหลังจากวนั ประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู น้ี สมาชิกสภานิติบญั ญัติแห่งชาติ จะสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมิได้

เว้นแต่จะได้พ้นจากตาแหน่งสมาชิกสภานติ บิ ัญญัติแหง่ ชาติ ภายในเก้าสิบวนั นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้

มาตรา ๒๖๔ ให้คณะรฐั มนตรีที่บริหารราชการแผน่ ดินอูยใ่ นวนั กอ่ นวนั ประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรตี ามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

จนกว่าคณะรัฐมนตรีทูตี่ ง้ ข้ึนใหมภ่ ายหลังการเลอื กต้ังทั่วไป

เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๔๐ ก หน้า ๘๓ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกจิ จานุเบกษา

คร้ังแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าท การดารงตาแหน่ง และให้นาความในมาตรา ๒๖๓ วรรคสาม มาใชบ้ งั คับแก่
รัฐมนตรีดวยโดยอนโุ ลม

รัฐมนตรีตามวรรคหนง่ึ นอกจากต้องมีคณุ สมบตั ิและไม่มีลกั ษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจกั รไทย (ฉบบั ช่วั คราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
แล้ว ต้องไมม่ ลี ักษณะตอ้ งหา้ มตามท่ีบญั ญัตไิ ว้ สาหรับรฐั มนตรีตามมาตรา ๑๖๐ ยกเว้น (๖) เฉพาะในส่วนท่ีเูก่ยวกับมาตรา ๙๘ (๑๒) (๑๓) (๑๔) และ
(๑๕) และต้องพน้ จากตาแหน่งตามมาตรา ๑๗๐ ยกเว้น (๓) และ (๔) แต่ในกรณีตาม (๔) เฉพาะในส่วนที่เก่ียวกับมาตรา ๙๘ (๑๒) (๑๓) (๑๔) และ
(๑๕) และยกเว้นมาตรา ๑๗๐ (๕) เฉพาะในส่วนทเี่ กี่ยวกบั การดาเนนิ การตามมาตรา ๑๘๔ (๑)

การดาเนนิ การแต่งูต้งรฐั มนตรใี นระหว่างเวลาตามวรรคหน่งึ ให้ดาเนินการตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับช่ัวคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
ูซง่ แกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย

(ฉบบั ช่ัวคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพม่ิ เติม (ฉบับท ๑) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ และรัฐธรรมนญู
แห่งราชอาณาจกั รไทย (ฉบบั ูชว่ คราว) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๒) พุทธศักราช ๒๕๕๙ แต่ตอ้ งไม่มลี กั ษณะตอ้ งห้ามตามวรรคสองด้วย

ให้นาความในมาตรา ๒๖๓ วรรคเจด็ มาใชบ้ งั คบั แกก่ ารสมคั รรบั เลือกตง้ั เปน็ สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรของรัฐมนตรีตามวรรคหนึ่งและวรรค
สามดว้ ยโดยอนุโลม

มาตรา ๒๖๕ ให้คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติที่ดารงตาแหนง่ อยใู่ นวนั ก่อนวันประกาศใช้ รัฐธรรมนญู นี้ ยงั คงอยใู่ นตาแหน่งเพอ่ื ปฏบิ ัตหิ น้าท่ตี อ่ ไป
จนกวา่ คณะรฐั มนตรทีูต่ ้งั ขนึ้ ใหม่ภายหลัง การเลือกตังทัว่ ไปคร้งั แรกตามรฐธรรมนญู นีจะเข้ารับหน้าที่

ในระหว่างการปฏิบตั ิหน้าที่ตามวรรคหน่งึ ใหห้ ัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรักษา ความสงบแห่งชาติยังคงมีหน้าที่และอานาจตามที่
บญั ญัตไิ วใ้ นรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซ่ึงแก้ไขเพู่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช
๒๕๕๗แก้ไขเพม่ิ เติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๕๕๘ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับูช่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพู่มเติม (ฉบับที่ ๒)
พุทธศกั ราช ๒๕๕๙ และให้ถอื ว่าบทบัญญตั ิของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับอานาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบ
แห่งชาติ และคณะรักษาความสงบแหง่ ชาติยงั คงมีผลใช้บังคับได้ตอ่ ไป

ใหน้ าความในมาตรา ๒๖๓ วรรคเจด็ มาใช้บงั คบั แก่การสมัครรับเลือกตง้ั เปน็ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร
ของผู้ดารงตาแหน่งในคณะรกั ษาความสงบแห่งชาติดว้ ยโดยอนโุ ลม

มาตรา ๒๖๖ ใหส้ ภาขบั เคล่อื นการปฏริ ูปประเทศอยู่ปฏิบัติหน้าท่ีต่อไปพลางก่อนเพ่ือจัดทา ข้อเสนอแนะเูก่ยวกับการขับเคล่ือนการปฏิรูป
ประเทศ จนกว่าจะมกี ฎหมายว่าด้วยแผนและขนั้ ตอน การดาเนินการปฏริ ูปประเทศทต่ี ราข้ึนตามมาตรา ๒๕๙

เลม่ ๑๓๔ ตอนท่ี ๔๐ ก หน้า ๘๔ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกิจจานุเบกษา

เพูอ่ ประโยชนใ์ นการขบเคลอ่ื นการปฏริ ปู ประเทศ หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาตจิ ะปรบั เปูลย่ น โครงสรา้ งหรอื วิธีการทางานของสภาขับเคูล่อนการ
ปฏริ ปู ประเทศเพอ่ื ใหก้ ารปฏริ ปู ประเทศตามหมวด ๑๖ การปฏริ ปู ประเทศ มีประสทิ ธิภาพมากขึนก็ได้

ใหน้ าความในมาตรา ๒๖๓ วรรคเจด็ มาใชบ้ งั คบั แกก่ ารสมัครรับเลือกูต้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของสมาชิกสภาขับเคูล่อนการปฏิรูปประเทศด้วย
โดยอนโุ ลม

มาตรา ๒๖๗ ใหค้ ณะกรรมการร่างรฐั ธรรมนูญทต่ี ั้งูขน้ ตามรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชว่ั คราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซ่ึงแก้ไขเพู่มเติม
โดยรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย (ฉบับช่วั คราว) พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ แกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๑) พุทธศักราช ๒๕๕๘ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
(ฉบบชวั่ คราว) พุทธศกั ราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบับท่ี ๒) พุทธศักราช ๒๕๕๙ อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพื่อจัดทาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดัง
ต่อไปูนใ้ ห้แล้วเสรจ็ และเสนอตอ่ สภานิตบิ ัญญตั แิ หง่ ชาติ เพูอ่ พิจารณาใหค้ วามเหน็ ชอบต่อไป

(๑) พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการเลอื กตงั สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร
(๒) พระราชบัญญ ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการได้มาูซง่ สมาชกิ วุฒิสภา
(๓) พระราชบัญญัติประกอบรฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยคณะกรรมการการเลอื กตัง้
(๔) พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมือง
(๕) พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยวธิ ีพิจารณาของศาลรฐั ธรรมนูญ
(๖) พระราชบญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ ีพจิ ารณาคดอี าญาของผูด้ ารงตาแหน่งทางการเมอื ง
(๗) พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยผ้ตู รวจการแผน่ ดนิ
(๘) พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต
(๙) พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยการตรวจเงนิ แผ่นดิน
(๑๐) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยคณะกรรมการสิทธิมนษุ ยชนแห่งชาติ
การดาเนินการตามวรรคหน่ึง คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะจัดทาร่างพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวขึ้นใหม่หรือแก้ไข
เพ่ิมเติมก็ได้ ทัง้ น้ี เพูอ่ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติ และเจตนารมณข์ องรัฐธรรมนญู และต้องมุ่งหมายให้มกี ารขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ และ
ต้องทาใหแ้ ล้วเสร็จภายในสองร้อยูสส่ ิบวันนับแตว่ ันประกาศใช้รฐั ธรรมนูญนี้ และเมอ่ื สภานิตบิ ัญญัติแห่งชาติ ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญที่เสนอ
ตามวรรคหูนง่ เสร็จแลว้ ใหค้ ณะกรรมการ ร่างรฐั ธรรมนูญเป็นอนั พน้ จากตาแหน่ง แต่ตอ้ งไม่ช้ากวา่ วันพน้ จากตาแหนง่ ของสมาชิกสภานติ บิ ญั ญัติแห่งชาติ ตามมาตรา
๒๖๓
เพอ่ื ประโยชนใ์ นการดาเนินการตามวรรคหน่งึ และวรรคสอง ให้เกิดประสิทธิภาพและรวดเร็ว คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะขอให้หัวหน้าคณะ
รักษาความสงบแห่งชาตแิ ตง่ ตง้ั กรรมการร่างรฐั ธรรมนูญ ตามวรรคหนึง่ เพิม่ ขน้ึ ก็ได้ แต่รวมแลว้ ตอ้ งไมเ่ กินสามสบิ คน

เลม่ ๑๓๔ ตอนที่ ๔๐ ก หน้า ๘๕ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกิจจานเุ บกษา

ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามวรรคหูน่ง เม่ือได้รับร่างพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญจากคณะกรรมการร่าง
รฐั ธรรมนูญแล้ว สภานิติบัญญัติแหง่ ชาติตอ้ งพจิ ารณาให้แลว้ เสรจ็ ภายในเวลาหกสิบวันนับแต่วันทูไ่ ดร้ ับร่างพระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญแตล่ ะฉบบั ในกรณี
ท่ี สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญใดไม่แล้วเสร็จภายในเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบกับร่าง
พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญฉบับน้นั ตามท่ี คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเสนอ

เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ให้ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
นั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เูก่ยวข้อง และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา ถ้าศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เูก่ยว
ข้อง หรือคณะกรรมการรา่ งรฐั ธรรมนูญ เหน็ ว่าร่างพระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู ดังกลา่ วไมต่ รงตาม เจตนารมณข์ องรฐั ธรรมนูญ ให้แจง้ ใหป้ ระธานสภานิติ
บญั ญตั ิแห่งชาติทราบภายในสบิ วนั นับแตว่ ันที่ ได้รับรา่ งพระราชบัญญัติประกอบรฐธรรมนูญน้นั และให้สภานติ บิ ัญญตั แิ ห่งชาติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ูข้นคณะ
หนึ่งมีจานวนสิบเอ็ดคน ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือประธานองค์กรอิสระที่เูก่ยวข้อง และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรรมการร่าง
รฐั ธรรมนญู ซึง่ คณะกรรมการร่างรฐั ธรรมนญู มอบหมาย ฝ่ายละห้าคน เพื่อพิจารณาแล้วเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในสิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับแต่งูต้ง
เพ่อื ให้ความเห็นชอบ ถา้ สภานิตบิ ญั ญตั ิแห่งชาตมิ มี ตไิ มเ่ หน็ ชอบด้วยคะแนนเสียงเกินสองในสามของ จานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าทูม่ อี ยูข่ องสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ให้ร่างพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญูนน้ เป็นอนตกไป ในกรณีทส่ี ภานิติบญั ญตั แิ ห่งชาติมีมตไิ มถ่ ึงสองในสามดังกลา่ ว ให้ถอื ว่าสภานติ บิ ญั ญตั แิ ห่งชาติ ให้ความ
เหน็ ชอบตามร่างทูค่ ณะกรรมาธิการวิสามัญเสนอ และให้ดาเนนิ การต่อไปตามมาตรา ๘๑

เพอื่ ประโยชน์แหง่ การขจดั สว่ นไดเ้ สยี หา้ มมใิ ห้กรรมการร่างรฐั ธรรมนูญดารงตาแหนง่ ทางการเมอื ง ภายในสองปีนับแต่วันูท่พนจากตาแหน่งตามวรรค
สอง

มาตรา ๒๖๘ ใหด้ าเนนิ การเลือกูต้งสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญูน้ให้แล้วเสร็จ ภายในหน่ึงร้อยห้าสิบวันนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๖๗ (๑) (๒) (๓)

และ (๔) มผี ลใช งั คับแล้ว
มาตรา ๒๖๙ ในวาระเริ่มแรก ให้วุฒสิ ภาประกอบด้วยสมาชิกจานวนสองร้อยห้าสบิ คน ซ่ึงพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามทู่คณะรักษาความ

สงบแห่งชาตถิ วายคาแนะนา โดยในการสรรหา และแตง่ ตง้ั ให้ดาเนนิ การตามหลกเกณฑ์และวิธีการ ดงต่อไปนี้
(๑) ให้มีคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาคณะหนึ่งซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้และ

ประสบการณใ์ นดา้ นต่าง ๆ และมีความเป็นกลางทางการเมือง จานวนไม่นอ้ ยกวา่ เก้าคนแต่ไม่เกนิ สบิ สองคน มหี นา้ ทด่ี าเนินการสรรหาบุคคลูซ่งสมควรเป็นสมาชิก
วฒุ ิสภา ตามหลกั เกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปน้ี

เล่ม ๑๓๔ ตอนท่ี ๔๐ ก หน้า ๘๖ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกิจจานเุ บกษา

(ก) ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดาเนินการจัดให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภาตามมาตรา ๑๐๗ จานวนสองร้อยคนตามพระราชบัญญัติ

ประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ดว้ ยการไดม้ าูซง่ สมาชิกวุฒิสภา โดยให้ ดาเนินการให้แล้วเสร็จกอ่ นวันท่มี ีการเลือกูต้งสมาชกิ สภาูผแ้ ทนราษฎรตามมาตรา ๒๖๘ ไม่น้อยกว่า

สิบหา้ วัน แล้วนารายชื่อเสนอต่อคณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ

(ข) ใหค้ ณะกรรมการสรรหาสมาชกิ วุฒิสภา คัดเลือกบุคคลผมู้ คี วามรู้ความสามารถ ท่เี หมาะสมในอนั จะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าท่ี

ของวุฒสิ ภาและการปฏริ ูปประเทศมีจานวนไมเ่ กนิ สี่ร้อยคน ตามวธิ กี ารูทค่ ณะกรรมการสรรหาสมาชิกวฒุ สิ ภากาหนดแล้วนารายชือ่ เสนอต่อคณะรักษา ความสงบ

แหง่ ชาติ ูทง้ นี้ ตอ้ งดาเนินการใหแลวเสร็จไม่ช้ากวา่ ระยะเวลาทีก่ าหนดตาม (ก)

(ค) ใหค้ ณะรักษาความสงบแห่งชาติคัดเลือกูผ้ได้รับเลือกตาม (ก) จากบัญชีรายช่ือ ูท่ได้รับจากคณะกรรมการการเลือกต้ัง ให้ได้

จานวนห้าสบิ คน และคัดเลอื กรายูชอ่ สารองจานวนหา้ สิบคน โดยการคดั เลือกดงั กล่าวใหค้ านึงถึงบุคคลจากกลุ่มต่าง ๆ อย่างทั่วถึง และให้คัดเลือกบุคคลจาก

บัญชรี ายช่ือ ที่ได้รับการสรรหาตาม (ข) ให้ได้จานวนหูน่งร้อยเก้าสิบสี่คนรวมกับูผ้ดารงตาแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ูผ้บัญชาการ

ทหารบก ผบู้ ัญชาการทหารเรอื ผู้บญั ชาการทหารอากาศ และผู้บญั ชาการ ตารวจแห่งชาติ เปน็ สองร้อยหา้ สิบคน และคดั เลอื กรายูชอ่ สารองจากบัญชีรายช่ือทู่ได้รับ

การสรรหาตาม (ข) จานวนห้าสิบคน ทง้ นี้ ใหแล้วเสร็จภายในสามวนั นับแต่วนั ประกาศผลการเลอื กูต้งสมาชกิ สภาูผแ้ ทนราษฎร ตามมาตรา ๒๖๘

(๒) มใิ ห้นาความในมาตรา ๑๐๘ ข. ลักษณะต้องห้าม (๖) ในส่วนทู่เกี่ยวกับการเคยดารง ตาแหน่งรัฐมนตรีมาใช้บังคับแกู่ผ้ดารงตาแหน่ง

สมาชิกวุฒิสภาซ่ึงได้รับสรรหาตาม (๑) (ข) และมิให้ นาความในมาตรา ๑๐๘ ข. ลักษณะต้องห้าม (๒) มาตรา ๑๘๔ (๑) และมาตรา ๑๘๕ มาใช้

บงั คบั

แก่ผู้ซึง่ ได บั แต่งตงั ใหเ้ ปน็ สมาชกิ วุฒสิ ภาโดยตาแหน่ง

(๓) ใหค้ ณะรักษาความสงบแหง่ ชาตินารายชื่อบุคคลซ่ึงไดร้ บั การคัดเลือกตาม (๑) (ค)

จานวนสองร้อยหา้ สบิ คนดังกล่าวข้นึ กราบบังคมทูลเพู่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไป และให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นผูลง

นามรบสนองพระบรมราชโองการ

(๔) อายขุ องวุฒิสภาตามมาตรานี้มกี าหนดหา้ ปีนบั แต่วนั ทูม่ พี ระบรมราชโองการแต่งต้งั สมาชกิ ภาพของสมาชกิ วฒุ สิ ภาเริม่ ูต้งแต่วนั ทม่ี ีพระบรมราช

โองการแต่งตั้ง ถ้ามีตาแหน่งว่างลง ให้เูล่อน รายูช่อบุคคลตามลาดับในบัญชีสารองตาม (๑) (ค) ข้ึนเป็นสมาชิกวุฒิสภาแทน โดยให้ประธานวุฒิสภา เป็น

ผดู้ าเนินการและเป็นูผ้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ สาหรับสมาชิกวุฒิสภาโดยตาแหน่ง เูม่อพนจากตาแหน่งที่ดารงอูย่ในขณะไดร้ บั แต่งต้งเปนสมาชิก

วุฒสิ ภาก็ใหพ้ นจากตาแหนง่ สมาชิกวฒุ สิ ภาดวย

และใหด้ าเนนิ การเพ่อื แต่งตังให ดู้ ารงตาแหนง่ ูนน้ เป็นสมาชกิ วฒุ ิสภาโดยตาแหนง่ แทน ให้สมาชิกวฒุ สิ ภา

ูทไ่ ดร้ ับแต่งตัง้ ให ารงตาแหนง่ แทนตาแหนง่ ทูว่ า่ ง อยในูต่ าแหน่งเท่าอายุของวุฒิสภาท่ีเหลืออูย่

เล่ม ๑๓๔ ตอนท่ี ๔๐ ก หน้า ๘๗ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกจิ จานเุ บกษา

(๕) ในระหวา่ งทย่ี งั ไมม่ ีพระบรมราชโองการแต่งูต้งบุคคลในบัญชีรายชื่อสารองขึ้นเป็นสมาชิกวุฒิสภา แทนตาแหน่งท่ีว่างตาม (๔) หรือเป็นกรณีท่ีไม่มี
รายช่อื บุคคลเหลืออยใู่ นบัญชีสารอง หรือไมม่ ีผู้ดารงตาแหน่งูทเ่ ปน็ สมาชิกวุฒสิ ภาโดยตาแหน่ง ไมว่ า่ ดวยเหตใุ ด ให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกวุฒสิ ภาเทา่ ทีม่ ีอยู่

(๖) เูมอ่ อายขุ องวุฒสิ ภาส้นิ สดุ ลงตาม (๔) ให้ดาเนินการเลือกสมาชกิ วุฒสิ ภาตามมาตรา ๑๐๗ ตอ่ ไป และใหน้ าความในมาตรา ๑๐๙ วรรคสามมาใช้
บงั คบโดยอนุโลม

มาตรา ๒๗๐ นอกจากจะมีหน้าที่และอานาจตามทู่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้วุฒิสภา ตามมาตรา ๒๖๙ มีหน้าท่ีและอานาจติดตาม
เสนอแนะ และเร่งรดั การปฏิรูปประเทศ เพอ่ื ใหบ้ รรลุเป้าหมาย ตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ และการจัดทาและดาเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ในการน้ี ให้
คณะรฐั มนตรี แจ้งความคืบหนา้ ในการดาเนนิ การตามแผนการปฏริ ปู ประเทศต่อรัฐสภาเพูอ่ ทราบทุกสามเดือน

รา่ งพระราชบัญญตั ทิ ี่จะตราขึน้ เพอ่ื ดาเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ ให้เสนอ และพจิ ารณาในที่ประชุมร่วมกนั ของรฐั สภา
ร่างพระราชบัญญัติใดทูค่ ณะรฐั มนตรเี หน็ วา่ เป็นร่างพระราชบัญญัติทจ่ี ะตราขน้ึ เพอื่ ดาเนนิ การ ตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ ให้แจ้งให้ประธาน
รฐั สภาทราบพร้อมกับการเสนอร่างพระราชบญั ญตั ิน้ัน ในกรณที ่คี ณะรัฐมนตรมี ไิ ด้แจ้งว่าเปน็ ร่างพระราชบัญญัติที่จะตราูข้นเพื่อดาเนินการตามหมวด ๑๖ การ
ปฏริ ูปประเทศ หากสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรหรือสมาชกิ วุฒสิ ภาเห็นว่ารา่ งพระราชบัญญัตูินน้ เป็น รา่ งพระราชบญั ญัติทจี่ ะตราข้นึ เพ่ือดาเนินการตามหมวด ๑๖
การปฏริ ปู ประเทศ สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหูน่งในห้าของแต่ละสภา อาจเข้าชื่อกันร้องขอต่อประธานรัฐสภา เพื่อให้
วินจิ ฉัย การูยน่ คาร้องดังกล่าวต้องูยน่ กอ่ นทูส่ ภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒสิ ภา แล้วแตก่ รณี จะพิจารณา ร่างพระราชบญั ญตั ินน้ั แล้วเสร็จ
เมื่อประธานรฐั สภาไดร้ บั คารอ้ งตามวรรคสาม ใหป้ ระธานรัฐสภาเสนอเร่ืองต่อคณะกรรมการร่วม ูซ่งประกอบด้วยประธานวุฒิสภาเป็นประธาน
รองประธานสภาูผแ้ ทนราษฎรคนหูนง่ ผ้นู าฝ่ายคา้ น ในสภาผแู้ ทนราษฎร ผู้แทนคณะรัฐมนตรีคนหูน่ง และประธานคณะกรรมาธิการสามัญคนหนึ่งซึ่งเลือกกันเอง
ระหวา่ งประธานคณะกรรมาธกิ ารสามญในวฒุ สิ ภาทกุ คณะเปน็ กรรมการ เพอ่ื วินิจฉยั
การวินจิ ฉยั ของคณะกรรมการร่วมตามวรรคส่ีให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ คาวินิจฉัยของ คณะกรรมการร่วมดังกล่าวให้เป็นที่สุด และให
ประธานรฐสภาดาเนนิ การไปตามคาวนิ จิ ฉยนนั ้
มาตรา ๒๗๑ ในวาระเริ่มแรกภายในอายุของวุฒิสภาตามมาตรา ๒๖๙ การพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติทู่วุฒิสภาหรือสภา
ผู้แทนราษฎรยบั ยง้ั ไว้ตามมาตรา ๑๓๗ (๒) หรอื (๓) ให้กระทา โดยทูป่ ระชุมร่วมกนั ของรฐั สภา ถ้าร่างพระราชบญั ญตั นิ น้ั เกีย่ วกบั
(๑) การแกไ้ ขเพูม่ เติมโทษหรือองคป์ ระกอบความผดิ ต่อตาแหน่งหน้าท่ีราชการหรือต่อตาแหน่ง หน้าท่ีในการยุติธรรม หรือความผิดของพนักงานใน
องคก์ ารหรอื หนว่ ยงานของรฐั เฉพาะเมื่อการแก้ไขเพม่ิ เตมิ นน้ั มผี ลใหผ้ ูกระทาความผิดพ้นจากความผดิ หรือไมต่ อ้ งรบั โทษ

เลม่ ๑๓๔ ตอนท่ี ๔๐ ก หน้า ๘๘ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกิจจานเุ บกษา

(๒) รา่ งพระราชบญั ญตั ิที่วุฒสิ ภามีมติดว้ ยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจานวน สมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดเท่าทู่มีอยู่ว่ามีผลกระทบต่อการ

ดาเนนิ กระบวนการยตุ ิธรรมอย่างรา้ ยแรง

มติของทป่ี ระชุมรว่ มกนั ของรฐั สภาที่ใหค้ วามเห็นชอบร่างพระราชบัญญัตติ ามวรรคหนึ่ง ตอ้ งมี คะแนนเสียงไมน่ ้อยกว่าสองในสามของจานวนสมาชิก

ทง้ หมดเทา่ ูทม่ อี ยู่ของรฐั สภา

มาตรา ๒๗๒ ในระหว่างห้าปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญูน้ การให้ ความเห็นชอบบุคคลซ่ึงสมควรได้รับแต่งตั้งเป็น

นายกรัฐมนตรีให้ดาเนนิ การตามมาตรา ๑๕๙ เวน้ แต่ การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๕๙ วรรคหนึ่ง ให้กระทาในท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภา และ

มติทเี่ ห็นชอบการแต่งต้งั บุคคลใดให้เปน็ นายกรฐั มนตรตี ามมาตรา ๑๕๙ วรรคสาม ตอ้ งมคี ะแนนเสียง มากกวา่ ูกง่ หน่งึ ของจานวนสมาชิกท้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ง

สองสภา

ในระหว่างเวลาตามวรรคหูน่ง หากมกี รณีทไี่ ม่อาจแตง่ ตั้งนายกรัฐมนตรจี ากูผม้ ีช่ืออยู่ใน บญั ชรี ายชื่อทพี่ รรคการเมืองแจง้ ไว้ตามมาตรา ๘๘ ไม่

ว่าด้วยเหตใุ ด และสมาชิกของทัง้ สองสภารวมกัน จานวนไม่น้อยกว่ากงึ่ หูนง่ ของจานวนสมาชกิ ทั้งหมดเทา่ ทูม่ ีอยขู่ องทูง้ สองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา ขอให้

รัฐสภามีมติยกเวน้ เพ่อื ไม่ต้องเสนอชอ่ื นายกรฐั มนตรจี ากผมู้ ูชี อ่ อย่ใู นบญั ชีรายูชอ่ ทพ่ี รรคการเมอื ง แจ้งไว้ตามมาตรา ๘๘ ในกรณีเช่นน้ัน ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มี

การประชมุ ร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของ ทังสองสภาให้

ยกเวน้ ได้ ให้ดาเนนิ การตามวรรคหน่ึงต่อไป โดยจะเสนอูชอ่ ผอู้ ยใู่ นบัญชีรายช่ือูทพ่ รรคการเมอื ง แจง้ ไว้ตามมาตรา ๘๘ หรือไม่ก็ได้

มาตรา ๒๗๓ ให้ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนูญ ูผด้ ารงตาแหน่งในองค์กรอิสระ และผู้ว่าการ ตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งดารงตาแหน่งอูย่ในวันก่อนวัน

ประกาศใชร้ ัฐธรรมนญู ูนย้ งั คงอยใู่ นตาแหนง่ เพอื่ ปฏบิ ัติ หน้าทูต่ อ่ ไป และเมือ่ พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ูทเ่ กี่ยวข้องทจี่ ดั ทาูขน้ ตามมาตรา ๒๖๗ ใชบ้ ังคับ

แลว้ การดารงตาแหนง่ ต่อไปเพียงใดใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญดงั กล่าว ในระหว่างเวลาทย่ี งั ไม่มพี ระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญที่จดั ทา

ขึ้นตามมาตรา ๒๖๗ การพ้นจากตาแหน่ง ของตลุ าการศาลรัฐธรรมนญู ูผด้ ารงตาแหน่งในองค์กรอสิ ระ และูผว้ า่ การตรวจเงินแผ่นดิน ให้เป็นไป ตามรัฐธรรมนูญ

แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ และพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู หรอื กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้อง

การดาเนนิ การของศาลรัฐธรรมนญู หรอื องค์กรอิสระ และผู้วา่ การตรวจเงินแผน่ ดินให้เป็นไป

ตามกฎหมายทใ่ี ช้บงั คับอูยใ่ นวนั กอ่ นวันประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญน แหง่ รัฐธรรมนญู น้ี เท่าทไ่ี ม่ขดั หรือแย้งต่อบทบัญญัต

ในระหวา่ งท่ยี งั ไม่มพี ระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยวิธพี ิจารณาของศาลรัฐธรรมนญู การพิจารณาและการทาคาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ให้เปน็ ไปตามข้อกาหนดของศาลรฐั ธรรมนูญทีใ่ ชบ้ งั คับ อูยใ่ นวันกอ่ นวันประกาศใช้รฐั ธรรมนญู น้ี ทูง้ น้ี เทา่ ทูไ่ มข่ ดั หรือแย้งตอ่ บทบญญตั แิ หง่ รัฐธรรมนญู นี้

เล่ม ๑๓๔ ตอนท่ี ๔๐ ก หน้า ๘๙ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
ราชกจิ จานุเบกษา

มาตรา ๒๗๔ ให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติตามพระราชบัญญัติองค์กร

จัดสรรคูล่นความูถ่และกากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นองค์กรตามมาตรา

๖๐ วรรคสาม และ ใหคณะรฐมนตรีดาเนินการแกไขเพู่มเติมพระราชบัญญัติดงกล่าวให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญูน้ และเสนอต่อสภานิติบัญญัติ

แห่งชาตเิ พูอ่ พิจารณาภายในหูนง่ ร้อยแปดสิบวันนบั แตว่ นประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู น้ี มาตรา ๒๗๕ ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีกฎหมายตามมาตรา

๖๕ วรรคสอง ใหแ้ ล้วเสร็จ ภายในหน่งึ รอ้ ยยี่สิบวันนับแตว่ ันประกาศใช้รัฐธรรมนูญูน้ และดาเนนิ การจดั ทายทุ ธศาสตร์ชาตใิ หแ้ ล้วเสร็จ

ภายในหนึง่ ปีนับแตว่ นั ูทก่ ฎหมายดงกล่าวใช้บงั คับ

มาตรา ๒๗๖ ใหศ้ าลรัฐธรรมนญู และองคก์ รอิสระดาเนนิ การใหม้ ีมาตรฐานทางจริยธรรม ตามมาตรา ๒๑๙ ภายในหนึ่งปีนับ

แต่วนั ประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ หากดาเนนิ การไมแ่ ลว้ เสรจ็ ภายใน

ระยะเวลาดังกลา่ ว ใหต้ ุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู ารงตาแหนง่ ในองคกรอ์ ิสระพนจากตาแหน่ง

ในกรณีทตี่ ุลาการศาลรฐั ธรรมนญู และผ ารงตาแหนง่ ในองคก์ รอิสระพน้ จากตาแหน่งตามวรรคหนึ่ง

ระยะเวลาหน่งึ ปีตามวรรคหูนง่ ใหน้ ับแต่วันที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและูผ้ดารงตาแหน่งในองค์กรอิสระ ที่ตังขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่ และให้นาความในวรรคหนึ่งมาใช้

บังคับแก่ตุลาการศาลรฐั ธรรมนญู และูผด้ ารงตาแหนง่ ในองค์กรอสิ ระูทไ่ ด้รบั การแต่งตงั ขนึ ใหมด่ วยโดยอนโุ ลม

มาตรา ๒๗๗ นอกจากท่บี ัญญตั ิไว้เป็นการเฉพาะในรฐั ธรรมนูญนี้ ใหค้ ณะรัฐมนตรีเสนอกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๑๙๖ มาตรา ๑๙๘

และมาตรา ๒๔๘ วรรคสาม ต่อสภานติ ิบัญญตั ิแห่งชาติ ภายในหน่ึงปีนบั แตว่ นั ประกาศใชร้ ัฐธรรมนญู น้ี

ในระหวา่ งูทย่ งั ไมม่ ีการปรับปรงุ หรือแกไ้ ขกฎหมายให้เปน็ ไปตามมาตรา ๑๙๖ มาตรา ๑๙๘ และมาตรา ๒๔๘ วรรคสาม ให้คณะกรรมการตุลา

การศาลยตุ ธิ รรม คณะกรรมการตลุ าการศาลปกครอง และคณะกรรมการอยั การ ทม่ี ีอยูใ่ นวนั กอ่ นวนั ประกาศใช้รัฐธรรมนูญูน้ ทาหน้าท่ีคณะกรรมการตุลาการ

ศาลยุติธรรม คณะกรรมการตลุ าการศาลปกครอง และคณะกรรมการอัยการตามมาตรา ๑๙๖ มาตรา ๑๙๘ และมาตรา ๒๔๘ วรรคสาม แล้วแต่กรณี ไป

พลางกอ่ น

ในระหว่างทย่ี ังไม่มกี ารปรับปรุงหรือแกไ้ ขกฎหมายเพ่ือให้เป็นไปตามมาตรา ๒๔๘ วรรคสี่ ห้ามมิให้พนักงานอัยการดารงตาแหน่งกรรมการใน

รัฐวสิ าหกจิ หรอื กจิ การอื่นของรัฐในทานองเดยี วกัน หรอื ดารงตาแหนง่ ใดในหา้ งหุ้นสว่ นบริษัทหรือกจิ การอนื่ ใดท่ีมีวตั ถปุ ระสงค์มงุ่ หาผลกาไรหรือรายได้

มาแบง่ ปนั ก หรือเปน็ ทูป่ รึกษาของผดู ้ ารงตาแหนงทางการเมือง หรอื ดารงตาแหนงูอน่ ใดในลกั ษณะเดียวกัน

มาตรา ๒๗๘ ใหค้ ณะรฐั มนตรดี าเนินการใหห้ นว่ ยงานของรัฐทีค่ ณะรัฐมนตรกี าหนดดาเนินการ ให้จัดทาร่างกฎหมายที่จาเป็นตามมาตรา ๕๘

มาตรา ๖๒ และมาตรา ๖๓ ให้แล้วเสร็จและเสนอต่อ สภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในสองร้อยสี่สิบวันนับแต่วนประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ และใหสภานิติบัญญัติ

แหง่ ชาติ พิจารณาใหแ้ ล้วเสร็จภายในหกสิบวนั นับแต่วนทไี่ ด้รับรา่ งพระราชบัญญัตนิ นั้

เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๔๐ ก ราชกิจจานุเบกษา เร่ือง ความสาคญั ของรฐั ธรรมนูญ 112

๖ เมษายน ๒๕๖๐

ในกรณที ีม่ ีหน่วยงานทเี่ ก่ียวข้องหลายหน่วยงาน ให้คณะรัฐมนตรกี าหนดระยะเวลาูท่แต่ละหน่วยงาน ต้องดาเนินการให้แล้วเสร็จตามความ

จาเป็นของแตล่ ะหนว่ ยงาน แต่ทั้งนเ้ี ม่ือรวมแลว้ ตอ้ งไม่เกนิ สองร้อย ส่ีสบิ วนตามวรรคหน่งึ

ในกรณที ่หี นว่ ยงานของรัฐตามวรรคหูนง่ ไมอ่ าจดาเนนิ การไดภ้ ายในกาหนดเวลาตามวรรคสอง

ใหคณะรฐมนตรีสง่ั ให้หัวหน้าหนว่ ยงานของรัฐน พ้นจากตาแหน่ง

มาตรา ๒๗๙ บรรดาประกาศ คาูสง่ และการกระทาของคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ หรอื ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ทใ่ี ช้บงั คบั อยใู่ นวนั กอ่ นวนั ประกาศใช้รัฐธรรมนญู ูน้ หรอื ทูจ่ ะ ออกใชบ้ งั คบั ตอ่ ไปตามมาตรา ๒๖๕ วรรคสอง ไม่วา่ เป็นประกาศ คาูสง่ หรอื การกระทาทู่

มีผลใช้บังคับ ในทางรัฐธรรมนูญ ทางนิติบัญญัติ ทางบริหาร หรือทางตุลาการ ให้ประกาศ คาูส่ง การกระทา ตลอดจนการปฏิบัติตามประกาศ

คาสั่ง หรือการกระทานั้น เป็นประกาศ คาส่ัง การกระทา หรือการปฏิบัติ ที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้และกฎหมาย และมีผลใช้บังคับโดยชอบด้วย

รฐั ธรรมนูญน้ีต่อไป การยกเลิก หรอื แกไ้ ขเพิ่มเติมประกาศหรือคาสงั่ ดังกลา่ ว ให้กระทาเป็นพระราชบญั ญตั ิ เวน้ แต่ประกาศหรอื คาส่งั ท่มี ีลักษณะเปน็ การ

ใชอ้ านาจทางบริหาร การยกเลกิ หรอื แก้ไขเพม่ิ เตมิ ให้กระทาโดยคาส่ังนายกรฐั มนตรี หรือมตคิ ณะรฐมนตรี แล้วแต่กรณี

บรรดาการใด ๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับช่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ่งแก้ไขเพู่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่ง

ราชอาณาจักรไทย (ฉบับูชว่ คราว) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ แกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบบที่ ๑) พทธศักราช ๒๕๕๘ และรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย (ฉบบั ูชว่ คราว)

พทุ ธศักราช ๒๕๕๗

แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ท ๒) พทุ ธศกราชั ๒๕๕๙ วา่ เป็นการชอบด้วยรฐธรรมูนู ญและกฎหมาย รวมทูง้

การกระทาทเี่ กี่ยวเนอื่ งกบั กรณีดงั กล่าว ใหถ้ อื วา่ การน้ันและการกระทานนั ชอบด้วยรัฐธรรมนญู น ละกฎหมาย

ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จนั ทร์โอชา

นายกรฐั มนตรี

เรื่อง ความสาคัญของรัฐธรรมนูญ 112

จบบรบิ ูรณ์

c

ภาพที่ 6 รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560

อำ้ งองิ

เร่อื ง ความสาคญั ของรัฐธรรมนูญ 113

 http://www.rtna.ac.th/departments/Law/Amorntheap's%20article/%E0%B8%
AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%
B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%
E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%
B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%98%E0%
B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%8D.p
df?fbclid=IwAR2jdf9P5JpBAsbz7hfAhuGNu0s6IfaKICGu8FfeUtWtB7RNcBg1GWt
Cgb8
(รฐั ธรรมนูญ คืออะไร)

 https://sites.google.com/site/aiuyunsonya/khorngsrang-laea-sara-sakhay-
khxng-raththrrmnuy
(โครงสรำ้ งและสำระสำคัญของรัฐธรรมนญู )

 https://www.baanjomyut.com/library_4/politics/04_3.html
(ควำมสำคญั ของรัฐธรรมนญู )

 https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B
8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E
0%B8%8D
(ประเภทของรัฐธรรมนูญ)

 https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1766722
(รัฐธรรมนญู กับธรรมนูญกำรปกครอง)

 https://www.xn--12ca3b1bb4cded8fvcua6a5l.com/2018/10/60.html
(โครงสร้ำงของรัฐธรรมนญู ป6ี 0)

 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/040/1.PDF
(รัฐธรรมนญู ฉบับท่ี 20 ปี พ.ศ. 2560)

เร่อื ง ความสาคญั ของรฐั ธรรมนญู 114


Click to View FlipBook Version