หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
ภาคธุดงควตั ร
อภนิ หิ าร พระเคร่ืองและคาถาอาคม
พระครูวิมลคุณากร ( ศุข เกสโร )
วดั ปากคลองมะขามเฒ่า อ. วดั สิงห์ จ. ชยั นาท
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงป่ ูศุขกราบลาอาจารยเ์ ชย เพอ่ื ขอลา เหตุผลอีกประการ
หน่ึงคือ ทน่ี ่ีสภาพการผกู พนั กบั นางสมบญุ ก็เป็นเหตุหน่ึงที่
ท่านคดิ วา่ อาจทาใหจ้ ิตใจไม่มน่ั คง จึงเลือกทางแสวงหาความ
สงบโดยไม่ยดึ ถือส่ิงใดเป็นท่ีพกั พงิ ดุจราชสีห์ ท่องไปในโลก
กวา้ ง กราบลาพระประธานในโบสถ ตวั ลูกขออทุ ิศชีวติ ใหก้ บั
พระพทุ ธศาสนา ยดึ มน่ั ในศีลทาน ภาวนา และกาสาวพสั ตร์
จนตลอดชีวติ แมก้ ารอยใู่ นเพศบรรพชิตจะทาใหถ้ ึงแก่ชีวติ
ในป่ าดงพงไพร หรือในวดั ท่ีจาพรรษา ก็จะขอถวายชีวติ เป็น
พทุ ธบชู า โดยไม่เสียดายสงั ขารแตอ่ ยา่ งใด ขอพระพทุ ธคุณได้
โปรดปกปักรักษาใหร้ อดจากอนั ตรายท้งั ปวงทุกประการ
แลว้ เดินทางจากวดั โพธ์ิทองล่างมุ่งหนา้ สู่ป่ าเขาภาคกลาง
ระหวา่ งทางที่รอนแรมมาก็พบทางสามแพง่ ไดพ้ บกบั พระ
ธุดงคส์ ององคก์ บั ท่านเป็ นสาม มาพบกนั โดยบงั เอิญ ทกั ทาย
ปราศรัยจึงรู้วา่ เป็นผปู้ ลีกวเิ วกหาความสงบของสมาธิจิต
เช่นเดียวกนั จึงตกลงร่วมเดินทางดว้ ยกนั ต้งั มนั่ วา่ ถา้ พบ
อาจารยท์ ่ใี ดก็ตามก็จะไมม่ อบตวั เป็นศิษย์
หลงั จากรอนแรมมาไดร้ ะยะหน่ึงกถ็ ึงเชิงเขาลูกใหญ่ มองข้นึ
ไปยอดเขาเห็นผา้ เหลืองปลิวไสว อยบู่ ริเวณปากถ้า พระธุดงค์
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
ตา่ งสรุปตรงกนั วา่ ตอ้ งเป็นสานกั ผเู้ รืองวชิ าคมพานกั อยู่ จงึ
ตกลงกนั วา่ จะปักกรดท่ีเชิงเขา แลว้ ค่อยเดินทางข้นึ ตอนรุ่งเชา้
เม่ือทกุ องคเ์ กบ็ กลดสมั ภาระต่าง ๆ เรียบรอ้ ยแลว้ ตา่ งกพ็ ากนั
เดินตามทางธรรมชาติทีต่ อ้ งแหวกสุมทมุ พมุ่ ไมไ้ ต่ระดบั เขา
ไปที่ถ้าทม่ี องเห็นบา้ งไม่เห็นบา้ ง เพราะบางจดุ กเ็ ป็ นไมใ้ หญ่
ข้ึนคลุมแตก่ ต็ อ้ งคอยดูปากถ้าอยเู่ รื่อย ๆ จนกระทงั่ ถึงหนา้ ถ้า
พบกับภกิ ษุชราองคห์ น่ึงกาลงั นงั่ สมาธิญาณอยู่ จึงต่างพากนั
นงั่ รอนมสั การอยพู่ กั หน่ึง จนกระทงั่ พระภกิ ษชุ ราลืมตา และ
เอ่ยถาม มีกิจอนั ใดหรือถึงไดอ้ ุตส่าห์ปี นป่ ายกนั ข้ึนมาบนถ้าน้ี
ปกติแลว้ ไม่มีใครกลา้ ปี นข้ึนมาหรอก มนั เส่ียงอนั ตราย แสดง
วา่ ทุกทา่ นมีความกลา้ และแกร่ง
มีธุระอนั ใดหรือจงบอกมา พระธุดงคท์ ้งั สาม วา่ กาลงั
แสวงหาอาจารยผ์ ทู้ รงความรู้ไดถ้ ่ายทอดวชิ าดา้ นคาถาอาคม
เพอื่ จะมอบตวั เป็นศษิ ย์
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
พระภกิ ษชุ รากว็ า่ ไดก้ ารละ รออยทู่ ีน่ ี่แหละเดี๋ยวออกมา ให้
มนั รูก้ นั ไปวา่ ใครจะเรียน แลว้ ก็เดินเขา้ ถ้าไป พระศขุ ไดบ้ อก
กบั ผรู้ ่วมทางวา่ ให้เตรียตวั ไว้ อยา่ ตื่นตกใจหากมีอะไรไม่
คาดคดิ เกิดข้นึ เพราะคาพดู ของภกิ ษชุ ราน้นั มีเลสนยั อยู่
ทนั ใดน้นั กลิ่นสาปเสือโชยมาพรอ้ มกบั เสียงคารามดงั ข้ึน
ปรากฏเสือลายพาดกลอนตวั เขื่อง พงุ่ ออกมาจากในถ้าอยา่ ง
รวดเร็ว พระศุขยนื่ น่ิง อะไรจะเกิดกใ็ หม้ นั เกิด สละแลว้ เพอ่ื
พระพทุ ธศาสนา แตเ่ พอ่ื นภกิ ษุ ตา่ งตกใจพากนั วง่ิ เตลิดออก
จากปากถ้าอยา่ งไม่คดิ ชีวติ
หลงั จากเสือสงบมาเลียหนา้ ตาพระศุข สกั พกั กว็ ง่ิ กลบั เขา้ ไป
ในถ้า สกั ครู่พระภกิ ษุชราก็เดินออกมาพร้อมกบั ถามถึงเพอ่ื น
ภิกษหุ ายไปไหน ท่านบอกวา่ หนีเสือไปแลว้ แลว้ ทา่ นล่ะไม่
หนีไปกบั เขารึ ท่านบอกแลว้ วา่ ทา่ นสละชีวติ เพอื่ พระศาสนา
จงึ ไม่เกิดความกลวั ต่ออุปสรรคใด ๆ ท่จี ะบรรลุนิพพาน ใน
ร่างของพระสาวก ภกิ ษุชราจงึ เห็นความมุ่งมนั่ และศรทั ธาใน
พทุ ธศาสนาอยา่ งจริงจงั จงึ ไดส้ อนวชิ านารายณ์แปลงรูป ดว้ ย
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
การนง่ั สมาธิใหเ้ กิดฌาณข้นั อภญิ ญา แลว้ โนม้ นาอานาจจิต
แปลงร่างเป็นเสือ จระเข้ เป็นเด็ก เป็นคนแก่
เดนิ บนผิวน้า เมื่อคร้ังทา่ นธุดงคใ์ นป่ าแห่งหน่ึง ไดพ้ บกบั
ภิกษอุ งคห์ น่ึง กาลงั รอขา้ มลาน้า ระหวา่ งการสนทนา ท่าน
บอกวา่ น้าเช่ียวเหลือเกินครับ น่าจะรอเรือแพชาวบา้ นผา่ นมา
หรือเดินไปหาพน้ื ทแ่ี คบ แลว้ เดินขา้ มน่าจะดีกวา่ ทา่ นขอบใจ
แลว้ กช็ ้ีใหพ้ ระศุขแหงนหนา้ ดูนกบนิ เป็นฝงู แตพ่ อหนั
กลบั มาพระภกิ ษหุ ายไป แต่กลบั ไปอยอู่ ีกฝั่งของลาน้าเดินลบั
เขา้ ป่ าไป
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
พระศุขจงึ เดินเลาะชายฝั่งจนเยน็ จึงไดพ้ บกบั แพชาวบา้ นผา่ น
มาจงึ ขออาศยั เขา้ ลาน้า และข้นึ ไปปักกลดที่ริมน้าตรงน้นั เลย
คืนน้นั เองเกิดมีเสือลายพาดกลอนเดินวนเวยี นรอบ ๆ กลด
พระศขุ จึงสวดแผเ่ มตตาใหส้ ตั วโ์ ลก เกิดมีเสืออีกตวั หน่ึง
ใหญก่ วา่ มาไล่ตวั เล็กแทนแลว้ กเ็ ดินรอบกลดแทนในลกั ษณะ
คอยปกป้องคุม้ ครองพระผทู้ รงศีลบริสุทธ์ิ
เช้าวนั รุ่งขึน้ ท่านก็เกบ็ สมั ภาระแลว้ เดินทางตอ่ โดยเดินตาม
รอยเสือใหญ่เมื่อคนื เพราะอยากรู้วา่ เสือมาทางไหน อยทู่ ี่ใด
ไม่นานกพ็ บพระภิกษุองคน์ ้นั นง่ั อยรู่ ะหวา่ งวงลอ้ มของ
ชาวบา้ นทกี่ าลงั ถวายอาหาร พระภิกษุจึงเรียกให้เขา้ มาร่วมวง
ฉนั อาหารทีช่ าวบา้ นถวายดว้ ยกนั ฉนั เสร็จใหศ้ ลี ใหพ้ รจน
ชาวบา้ นกลบั ไปหมดแลว้ พระศุขไดเ้ รียนถามวา่ ท่านกาหนด
ฌาณอยา่ งไรจึงสามารถเดินบนผวิ น้าได้ ภิกษชุ ราไดเ้ ห็น
เจตนาของพระศขุ จงึ ไดแ้ นะนาวิธีเขา้ ถึงสมาธิการเดินบนผวิ
น้าจนกระทงั่ พระศขุ สามารถทาไดอ้ ยา่ งรวดเร็วดว้ ยสมาธิอนั
แก่กลา้
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
ฉันอาหารทพิ ย์ เขตติดตอ่ เพชรบรู ณ์พจิ ติ ร ไดย้ นิ ถึงถ้าววั แดง
ซ่ึง ในปัจจบุ นั ไม่เคยมีใครไดพ้ บเห็น เนื่องจากกลายสภาพ
เป็นเมืองลบั แล ผมู้ ีวาสนาเท่าน้นั ทีส่ ามารถเห็นและเขา้ ไปได้
พระธุดงคศ์ ุขเดินทางมาเสาะหาเมืองน้ี เพอ่ื แสวงหาวชิ า
ความรูอ้ ยา่ งไม่มีท่สี ิ้นสุด ทราบท่ไี หนมีผทู้ รงวชิ าความรูท้ า่ น
ก็จะเสาะหาจนพบ และเล่าเรียนวิชาอาคม เม่ือท่านข้ึนไปถึง
ถ้าววั แดง ทา่ นไดข้ ออาราธนาเป็นศิษยพ์ ระธุดงคท์ ่อี ยใู่ นถ้า
แห่งน้ี
ซ่ึงทา่ นไม่ขดั ขอ้ ง แต่ ณ ท่ีน้ีไม่มีสปั ปายะ ผลไมก้ ็ไม่มี ตอ้ ง
หาบณิ ฑบาตรจากภมู ิเทวดาเทา่ น้นั หาไม่แลว้ จะอยไู่ ม่ได้ ผทู้ ี่
สามารถตอ้ งเป็นผมู้ ีศลี สะอาด ธุดงควตั รหมดจด พระศุขได้
ทาตาม และไดอ้ อกบิณฑบาตรกบั ภมู ิเทวดาและไดอ้ าหาร
ทิพยม์ าถวายพระภกิ ษุชรา แตพ่ ระภิกษุชรากย็ งั ใหไ้ ปตกั น้า
สาหรบั ฉนั ระหวา่ งทางเดินไปตกั น้าพบกบั เสือใหญ่
ขวางทางอยพู่ ร้อมบริวารอีกสามส่ีตวั คารามลน่ั อยู่ พระศขุ ได้
แผเ่ มตตาเหมือนท่เี คยปฏบิ ตั ิ สกั พกั กเ็ ห็นเสือกลายเป็นหุ่นก่ิง
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
ไม้ ทา่ นจึงตกั น้าใส่บาตรไปถวายภกิ ษุชราได้ จนเป็นที่
มนั่ ใจของภิกษุชราวา่ ผทู้ ่ีจะเรียนวชิ ามีคุณสมบตั พิ รอ้ มจึงได้
ถ่ายทอดวชิ า เสกใบไมใ้ หเ้ ป็นส่ิงต่างๆ ที่ตอ้ งการเช่นเสก
ใบไมใ้ หเ้ ป็นผลไม้ เป็นเสือ เป็นกุง้ ปลาแต่เวลาฉนั กลายเป็น
ใบไมก้ ็มี บางคร้งั เอาดินมาป้ันหุ่นยนตแ์ ลว้ ขไี่ ปบางกอก แค่
ชวั่ ยามหน่ึงก็กลบั มาพรอ้ มกบั สิ่งของสาหรับพระภิกษุ ศษิ ย์
สานกั ป่ ูเฒ่าถ้าววั แดง มีอีกสององคไ์ ดแ้ ก่หลวงพอ่ เงนิ วดั บาง
คลาน หลวงพอ่ เดิมวดั หนองโพ
เวลาผ่านไปกว่าสามสิบปี สภาพของพระธุดงคย์ อ่ มมีสภาพ
ไม่ตา่ งจากการนุ่งห่มผา้ ข้รี ิ้ว เพราะพระธุดงคไ์ ม่สามารถท่ีจะ
บิณฑบาตรสบงจวี รได้นอกจากมีผมู้ ีจิตศรทั ธาถวาย จงึ ทาให้
จวี รท่านมีรอยปะชุนทวั่ ไปหมด แต่ราษขี องพระผทู้ รงศลี ยงั
ฉายใหเ้ ห็นถึงประกายใหเ้ ป็นทน่ี ่าเคารพน่านบั ถือกราบไหว้
ตลอดระยะเวลาเดินธุดงคท์ ี่ผา่ น มีหลายคร้ังท่ีชาวบา้ นออ้ น
วอนใหอ้ ยแู่ ละจะสรา้ งวดั ให้ หรือขอใหเ้ ป็นสมภารท่ีวดั ใน
หมู่บา้ น ท่านกไ็ ดป้ ฏิเสธอยา่ งมีเมตตาวา่ อยา่ เลยเราเป็ นพระ
ธุดงค์ ไม่แสวงหาที่อยเู่ ป็นหลกั แหล่ง ถึงเวลาออกพรรษาก็
ตอ้ งธุดงคไ์ ป จะเป็นภาระใหญ้ าตโิ ยมเป็นกงั วลเปล่า ๆ ตอ้ ง
เสียเวลาทามาหากินเพอ่ื ฉนั องคเ์ ดียว
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
วดั ธรรมมามูลวรวหิ าร
หาเงินสร้างพระอุโบสถวดั ปากคลองมะขามเฒ่า หลวงป่ ศู ขุ
ไดส้ ร้างพระพมิ พเ์ น้ือตะกว่ั ซ่ึงเป็นวสั ดุหางา่ ย โดยชาวบา้ น
ช่วยกนั ทา แกะพมิ พก์ นั เองตามประสาชาวบา้ น หลวงป่ ศู ุขลง
เหล็กจารกากบั ไวท้ ุกองค์ เพอื่ ตอบแทนผทู้ ่ีบริจาคเงินสรา้ ง
พระอุโบสถ จงึ ขนานนามพระรุ่นน้ีวา่ พมิ พช์ าวบา้ น ใน
งานวัดเขาธรรมมามลู (เรียกตามคนชยั นาท) หลวงพ่อ
ธรรมจกั ร ท่ีอยฝู่ ั่งตรงขา้ ม เป็นฝ่ังจงั หวดั ชยั นาท จะเป็ นแหล่ง
คา้ ขาย และเวลามีงานจะมีคนจากจงั หวดั ตา่ ง ๆ นง่ั เรือสองช้นั
มาจอดทีห่ นา้ วดั จนแน่นขนดั หลวงป่ ูศขุ จึงนาเรือไปบอกบุญ
เรี่ยรายเงนิ สร้างพระอุโบสถกบั ผมู้ าเทยี่ วงานท่ีวดั เขาฯ (เรียก
ตามชาวบา้ น) โดยทาบุญหน่ึงบาทจะไดพ้ ระหน่ึงองค์ ปรากฏ
วา่ มีนกั เลงดีนาไปทดลองยงิ ตามประสาของนกั เลงเพอื่ ให้
แน่ใจวา่ ขลงั ขนาดไหน ผลกค็ อื กระบอกปืนแตก เท่าน้นั เอง
พอมีคนรูข้ า่ วกม็ าทาบูญกนั อยา่ งมากมายจนพระหมด หลวง
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
พอ่ ศขุ ไดเ้ งินไปสร้างพระอุโบสถอยา่ งเพยี งพอ หลวงป่ จู ึงถือ
วา่ หลวงพอ่ วดั เขาฯ มีพระคุณกบั ทา่ นมาก ภายหลงั ท่านก็
เดินทางมาปลุกเสกวตั ถุมงคลของวดั เขาธรรมมามูล เป็น
ประจาทุกคร้ัง
วิชาบังไพร
มีชาวเหนือทางจงั หวดั อุตรดิตถ์ เดินทางมาคา้ ขายโดยมี
ชา้ งเป็นพาหนะประมาณ ๘-๙ เชือก แต่สินคา้ ที่ขายกนั น้นั
ไม่ทราบแน่ชดั วา่ เป็นอะไรแน่ สมยั น้นั ปรากฏวา่ การ
คมนาคมไม่สะดวกราบรื่นเพราะสองขา้ งทาง เตม็ ไปดว้ ย
ป่ าดงดิบ พอ่ คา้ กลุ่มน้ีมีประมาณ ๑๕ คน เดินทางจาก
อุตรดิตถ์ ผา่ นสุโขทยั กาแพงเพชร นครสวรรค์ อุทยั ธานี
จนถึงชยั นาท พอ่ คา้ เหล่าน้นั ไดพ้ ากนั พกั แรมอยทู่ ่ีใตถ้ ุน
ศาลาวดั ปากคลองมะขามเฒ่า แต่แลว้ บรรดาพอ่ คา้ น้ีได้
ปล่อยชา้ งใหก้ ินใบไผใ่ บหญา้ อยู่ ตามบริเวณวดั ๒-๓
วนั แลว้ ก็ชา้ ง ๘-๙ เชื่อกนี่เองไปเหยยี บยา่ ตน้ ไมข้ องหลวง
พอ่ ท่ปี ลูกไว้ เช่น กลว้ ย ผกั พริก มะเขอื และไมด้ อก
หลากสีตา่ ง ๆ บางทีโดนชา้ งเหยบี และกใ็ ชง้ วงเอาใบกลว้ ย
มากินจนแหลกลาญเสียหาย
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
ความจริงหลวงพอ่ กม็ ิไดเ้ อ่ยวา่ ประการใด บรรดาชาวบา้ น
แถวน้นั ก็จูงลูกเด็กเล็กแดงมายนื ดูชา้ งอยใู่ นวดั จานวน
มาก เพราะมีท้งั ชา้ งสีดอ ชา้ งพงั ชา้ งพลาย และลูกชา้ งอีก
ราว ๒-๓ เชือก ขณะน้นั เป็นเวลา ๑๖.๓๐ น. .น พวกเล้ียง
ชา้ งทีม่ าน้นั พากนั หุงขา้ วปลาอาหารอยใู่ ตถ้ ุนศาลา กะวา่ รุ่ง
ข้นึ จะพากนั เดินทางลงใต้ คอื ผา่ นจงั หวดั สิงหบ์ ุรี ระหวา่ ง
ทหี่ ุงขา้ วกนั อยนู่ ้นั ชาวบา้ นก็ไดย้ นิ กลุ่มชาวเหนือที่กาลงั
น่ึงขา้ วกนั อยนู่ ้นั พากนั บ่นวา่ ขา้ วไม่พอกินกนั อีกคนหน่ึง
จงึ พดู วา่
"จะไปยากอะไร นกพริ าบอยบู่ นหลงั คาโบสถเ์ ป็นฝงู ๆ ปื น
เรากม็ ี หนา้ ไม้ กม็ ี จดั การเอาเลย"
ชาวบา้ นแห่งวดั มะขามเฒ่าไดฟ้ ังดงั น้นั จงึ ช่วยกนั หา้ ม
ปราม อธิบายให้ฟังทวั่ ๆ กนั วา่ การกระทาดงั น้นั จะผดิ
เจตนารมณ์ของหลวงพอ่ หลวงพอ่ เคยหา้ มไวน้ านแลว้ วา่
ไม่ใหย้ งิ นกภายในบริเวณวดั แมว้ า่ จะเป็นการพดู ทกั ทว้ งที่
ละมุนละม่อมเพยี งไร เขาก็หาฟังเสียงไม่ คนหน่ึงควา้ ปื น
แกป๊ ข้นึ ประทบั บ่ายงิ ไปยงั นกพริ าบฝงู น้นั สบั นก
ดงั เชี๊ยะ ๆ ต้งั หลายคร้ังหลายครา พยายามยงิ เท่าไหร่ลูกปื น
ก็หาออกไปสงั หารชีวติ นกพริ าบแมแ้ ตต่ วั เดียว
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
พวกทีห่ มายมน่ั จะกินเน้ือนกพริ าบใหจ้ งได้ ก็พยายาม
ตอ่ ไป คอื เปลี่ยนเป็นหยบิ หนา้ ไมอ้ อกไปยงิ แตเ่ ม่ือยงิ ทีไร
ลูกศรก็ตกจากร่องหนา้ ไมท้ กุ ที เป็นทน่ี ่าประหลาดใจแก่ผู้
พบเห็นตาม ๆ กนั รอ้ นถึงชายฉกรรจว์ ยั กลางคนผหู้ น่ึง
ท่าทางภมู ิฐานเอาเรื่อง เปล่งเสียงออกมาอยา่ งเกร้ียวกราด
ตามอารมณ์ดีเดือดวา่
ขลวั ตาวดั น้ีมีอะไรดีหรือวะ ชะ ชะ
พดู แลว้ ก็ควา้ ไดข้ วานส้นั คมกริบเล่มหน่ึง ฟันลงทหี่ นา้
แขง้ เสียงดงั ฉาด ๆ กระเดน็ ออกมาเป็นฟืนหุงขา้ ว ทาให้
ผคู้ นที่ตา่ งมุงดูอยบู่ งั เกิดความพศิ วงเป็นกาลงั เพราะเห็น
ขวานกระทบหนา้ แขง้ กระเดน็ ออกมาเป็นทอ่ นฟืนได้
ชาวเหนือผเู้ ล้ียงชา้ งยงิ่ แลเห็นผคู้ นสนใจในอาคมของตนก็
ยง่ิ กาเริบใจ วางท่าหนกั ข้ึนไปอีก แสดงอาการถากหนา้ แขง้
ตอ่ ไปไม่หยดุ ย้งั ในทีส่ ุดก็ไดฟ้ ื นเป็ นกองใหญ่
ขณะน้นั มีชาวบา้ นคนหน่ึงวง่ิ ตะลีตะลาน ไปรายงานกบั
หลวงพอ่ วดั ปากคลองมะขามเฒ่าวา่ บดั น้ี มีคนดีมาจาก
เหนือแสดงอาการถากหนา้ แขง้ ใหเ้ ป็นฟื นหุงขา้ วก็
ได้ สรา้ งความตืน่ เตน้ ใหแ้ ก่ใคร ๆ ทีไ่ ดพ้ บเห็นยงิ่ นกั
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
หลวงพอ่ ถามโพล่งออกมาวา่ ใครวะ คนดีคนเก่ง
ชาวบา้ นตอบวา่ คนเล้ียงชา้ งครับหลวงพอ่
หลวงพอ่ ไดฟ้ ังคาตอบชดั แจง้ ดีแลว้ ก็พดู ดว้ ยเสียงอนั ดงั
ฉุนเฉียววา่ เอ ไม่ไดก้ ารเสียแลว้ ไอห้ ่าพวกน้ี บงั อาจมาถาก
เสาศาลาของกู เดี๋ยวเหอะ กาแหงใหญ่แลว้ พวกน้ี
ขณะน้นั เป็ นเวลาพลบค่าพอดี หลวงพอ่ จึงคดิ จะทาการดดั
สนั ดานพวกน้ีใหเ้ ขด็ หลาบเสียบา้ ง ไม่รูจ้ กั วา่ ใครเป็ น
ใคร มนั ไม่รูจ้ กั กู ดีละ เพราะทา่ นทราบวา่ จวนถึงเวลาที่
พวกเล้ียงชา้ งจะตอ้ งตอ้ นชา้ งไปผกู แลว้ สุมไฟใหน้ อน
หลวงพอ่ เดินลงจากุฏิพรอ้ มดว้ ยกะลามะพรา้ วซีกหน่ึง เดิน
ไปลานหญา้ หนา้ กุฏิ หยดุ บริกรรมร่ายคาถาเรียกฝงู ชา้ งให้
มารวมกนั จากแรงฤทธ์ิอิทธิเดชของเวทมนตห์ ลวงพอ่ ชา้ ง
กถ็ ูกลมพดั ปลิวเหลือตวั เท่าแมลงวนั ตกอยตู่ รงหนา้ แลว้
ท่านกเ็ อากะลาครอบลง เอาเทา้ เหยยี บตรึงดว้ ยพระคาถาอนั
ศกั ด์ิสิทธ์ิ เป่ าลงบนกะลาครอบน้นั จากน้นั หลวงพอ่ ก็เดิน
กลบั เขา้ ไปในกุฏิ
ส่วนพวกเล้ียงชา้ งน้นั เล่า หลงั จากกิจขา้ วปลาอาหารจนอ่ิม
หนาสบายใจดีแลว้ กน็ ึกข้นึ ไดว้ า่ ยงั ไม่ไดต้ อ้ นชา้ งใหเ้ ขา้
นอน แตเ่ ม่ือมุ่งหนา้ ไปยงั ที่ชา้ งอยกู่ ห็ าเห็นชา้ งแมส้ กั เชือก
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
ไม่ ชา้ งหายไปไหนหมด ทุกคนพบกบั ปัญหาทคี่ าดไม่ถึง
แลว้ กอ็ อกคน้ หากนั ไป จนกระทงั่ อ่อนใจ หนักเขา้ ถึงกบั
ร้องไหข้ ้นึ ไปกราบเทา้ หลวงพอ่ พลางปรบั ทุกขใ์ หท้ ่านฟัง
ถา้ ชา้ งถูกขโมยไปแลว้ พวกเขาก็กลบั บา้ นไม่ได้ พวกเขา
วา่ อยา่ งน้ี หลวงพอ่ ฟังแลว้ ก็เลยถือโอกาสสง่ั สอนวา่
เรามาทามาหากิน กจ็ งทามาหากินโดยซ่ือสตั ยส์ ุจริต
อยา่ ไดค้ ดิ เบียดเบียนคนอื่น ใหเ้ กิดความเดือดรอ้ นจะไดเ้ อา
เงนิ ไปฝากลูกฝากเมีย แต่น่ีพวกมึงกาแหงมากศาลาของกู
สร้างตอ้ งเสียเงนิ แต่มึงเอาขวานมาถากศาลากูเสียหาย
พวกเล้ียงชา้ งต่างฟังกนั เงยี บไม่ยอมปริปากประการใด หลวง
พอ่ ก็พดู ต่อไปวา่
ศาลาของกเู สียหายอยา่ งน้ี มึงตอ้ งเอาเงินมาเปล่ียนทาเสาศาลา
ใหก้ ใู หด้ ี เหมือนเดิม กูถึงจะคนื ชา้ งใหพ้ วกมึง
พวกเล้ียงชา้ งเหล่าน้นั จาใจตอ้ งยอมรบั ผดิ เพราะตนผดิ จริง ๆ
แลว้ มอบเงนิ ใหก้ บั หลวงพอ่ ใหพ้ อกบั การเปลี่ยนเสาศาลาให้
มีสภาพดีเหมือนเดิม เม่ือหลวงพอ่ ไดร้ ับเงนิ แลว้ กพ็ ดู วา่
มีงตามมาทางน้ี แลว้ พรุ่งน้ีมึงตอ้ งไปนะ ตน้ ไมข้ องกูฉิบหาย
หมดเห็นไหม
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
พวกเล้ียงชา้ งคอ่ ย ๆ เดินตามหลวงพอ่ มา จนกระทง่ั ถึงที่ชา้ ง
ถูกกะลาครอบเอาไว้ น่ีชา้ งของมึง กูเอากะลาครอบเอาไว้
ยิงไม่ออก
มีอยคู่ ราวหน่ึงพระองคเ์ จา้ วบิ ลู ยพ์ รรณฯ ไดน้ าพระเครื่องเก่า
องคห์ น่ึงมาถวายแก่กรมหลวงชุมพรฯ แลว้ ทูลวา่ พระเครื่อง
องคน์ ้นั มีความศกั ด์ิสิทธ์ิเป็นยอด ตกทอดมาต้งั แต่วงั หนา้
เน่ืองจากพระองคช์ อบพสิ ูจนห์ รือทดลองใหเ้ ห็นจริง จงึ ให้
มหาดเล็กนาพระเครื่ององคน์ ้นั ไปแขวนที่ปลายไม้ จากน้นั
พระองคจ์ งึ มีพระบญั ชาใหน้ าวาเอกพระยาพลพยหุ รักษ์ เป็นผู้
ทดลองยงิ พระเคร่ืององคน์ ้นั โดยใชป้ ื น ร.ศ. บรรจกุ ระสุนที่
เลือกแลว้ เป็ นอยา่ งดี ท่ามกลางผยู้ นื ดูการทดลองจานวนมาก
จากการยงิ ๓ นดั ผลปรากฏวา่ ปื นกระบอกน้นั ไม่มีเสียง
ระเบิดท้งั สามนดั คงมีเสียงสบั นกกระทบตดู ชนวนลูกปื นดงั
แชะ แชะ แชะ อนั หมายความวา่ กระสุนดา้ นและไม่ทางาน
เสด็จในกรมทรางมีบญั ชาใหห้ นั ลากลอ้ งปื นไปทางอื่นและยงิ
ใหม่ ปรากฏวา่ กระสุนเดิมท้งั ๓ นดั ส่งเสียงดงั สนน่ั แสดง
วา่ กระสุนไม่ดา้ น
นบั ต้งั แต่คร้ังน้นั กรมหลวงชุมพรฯ จึงมีความเช่ือถือในพลงั
อานาจศกั ด์ิสิทธ์ิของไสยศาสตร์และ พทุ ธานุภาพ พรอ้ มกนั
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
น้นั ไดเ้ ริ่มเสาะแสวงหาอาจารยด์ ี เพอื่ ศกึ ษาวชิ าไสยศาสตร์
จากผทู้ รงคุณต่าง ๆ
คร้นั ชื่อเสียงกิตติคุณของหลวงป่ ศู ุขมีมากข้นึ กม็ ีความสน
พระทยั ความคิดใคร่จะไปทดลองดูใหเ้ ป็ นท่ีประจกั ษแ์ ก่ตา
วา่ เป็ นอยา่ งไร หากมีโอกาสเม่ือใดกจ็ ะไปพบหลวงป่ ูศุขใหจ้ ง
ได้ ในคร้งั น้นั กรมหลวงชุมพรฯ เสด็จไปตากอากาศ
ภาคเหนือและเสด็จกลบั ดว้ ยเรือทหารล่องลงมาทางแม่น้า
เจา้ พระยา แต่แทนทจ่ี ะล่องกลบั ถึงกรุงเทพฯ พระองคท์ รง
รบั สง่ั ใหเ้ รือกลไฟที่จูงเรือประเทียบล่องลงมาตาม ลาน้าทา่
จนี อนั แม่น้าทา่ จนี น้นั แยกจากแม่น้าเจา้ พระยาท่ชี ยั นาท ไหล
ลงสู่อ่าวไทยทเี่ มืองสมุทรสาคร มีความยาวถึง ๒๐๐ กม. และ
เสน้ ทางสายแม่น้าทา่ จีนน้ี ไดไ้ หลผา่ นวดั ปากคลองมะขาม
เฒ่าดว้ ย เมื่อเรือพระทีน่ ง่ั ล่องมาถึงวดั กบ็ งั เอิญใหเ้ รือมีอนั
ขดั ขอ้ งโดยไม่ทราบสาเหตุ แมจ้ ะพยายามแกไ้ ขเครื่องยนต์
อยา่ งไรก็ไม่สาเร็จ(ภายหลงั เชื่อวา่ อาจเป็ นการสาแดง
อิทธิฤทธ์ิหลวงป่ ศู ขุ ) ในท่สี ุดกเ็ ลยตอ้ งชะลอเรือท้งั หมดเขา้
ไปจอดทศ่ี าลาวดั ปากคลองมะขามเฒ่า ขณะที่เรือประเทยี บ
และเรือกลไฟเขา้ มาเทียบอยทู่ ศ่ี าลาท่าน้า พระองคท์ รงแลเห็น
เดก็ ลูกศษิ ยว์ ดั กาลงั ชุลมุนอยกู่ บั การตดั หวั ปลีเอามากองท่ีขา้ ง
ศาลาทลี ะหวั สองหวั จนเรือเขา้ เทียบศาลาทา่ น้านน่ั แหละจึง
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
เห็นหวั ปลีกองโตข้ึน ขณะเสด็จในกรมทรงยนื บนเรือมองดู
การกระทาของเด็กวดั เหล่าน้นั ดว้ ยความฉงนพระทยั ไดม้ ี
พระภกิ ษุชรารูปหน่ึงเดินตรงเขา้ มาทก่ี องหวั ปลี ท่าทางเคร่ง
ขรึม ท่านมองรอบ ๆ กองหวั ปลีอยู่ ๒-๓ อึดใจ แลว้ จงึ หยอ่ น
ร่างนง่ั บนกองหวั ปลีน้นั พระภิกษรุ ูปน้นั นง่ั หลบั ตาภาวนาอยู่
ครู่หน่ึง จากน้นั ทา่ นก็หยบิ หวั ปลีข้นึ มาเป่ าลูบไลไ้ ปมา
จากน้นั ท่านเหวยี่ งหวั ปลีลงพ้นื แลว้ เสด็จในกรมตลอดจน
ทหารขา้ ราชบริพารตอ้ งตกตะลึง เพราะหวั ปลีน้นั เม่ือตกถึง
พ้นื กลายเป็นกระต่ายสีขาวนวล กระโดดโลดเตน้ อยไู่ ปมา
ภกิ ษุรูปเดิมหาไดห้ ยดุ เสกเป่ าหวั หลี ทา่ นทาอยา่ งต่อเนื่อง หวั
ปลีกลายเป็ นกระตา่ ยขาวหลายตวั วง่ิ อยบู่ นศาลา และพ้นื ดิน
เตม็ ไปหมด เมื่อเห็นเหตอุ ศั จรรยเ์ ช่นน้ี กรมหลวงชุมพรฯ
พรอ้ มดว้ ยนายทหารและขา้ ราชบริพารท้งั ปวงในทนี่ ้นั ก็เขา้
ไปแสดงอาการคารวะตอ่ พระภิกษุรูปน้นั โดยทวั่ หนา้ กนั
คร้นั กระตา่ ยวงิ่ มาหาท่านทีละตวั ทา่ นก็เอามือลูบคลาไปมา
สกั ครู่ แลว้ ปล่อยวางลงกบั พ้นื กระต่ายกก็ ลบั เป็นหวั ปลีอยา่ ง
เดิม และทาอยอู่ ยา่ งน้นั ทุกตวั จนกลายเป็นหวั ปลีกองโต
เหมือนเดิม
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
กรมหลวงชุมพรฯ ไดส้ อบถามพดู คุยกบั หลวงพอ่ องคน์ ้นั จงึ
ทราบวา่ พระภกิ ษทุ ี่อยเู่ บ้ืองหนา้ ทา่ นก็คอื หลวงป่ ศู ขุ วดั ปาก
คลองมะขามเฒ่า ที่พระองคไ์ ดย้ นิ ชื่อเสียงมาชา้ นานนน่ั เอง
และหลวงป่ ูศุขกร็ ู้วา่ ผทู้ ่ีอยเู่ บ้อื งหนา้ คอื พระราชโอรสแห่ง
พระพทุ ธเจา้ หลวงฯ กรมหลวงชุมพร การพดู คุยกนั วนั น้นั
เป็ นทถี่ ูกอธั ยาศยั กนั ท้งั ๒ ฝ่าย เสดจ็ ในกรมจึงอยากพกั อาศยั
อยทู่ ว่ี ดั ปากคลองมะขามเฒ่า สกั หลายวนั หลวงป่ ศู ุขกม็ ิไดว้ า่
กระไร ยกศาลาท่าน้าใหเ้ ป็นทจ่ี อดเรือ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
พระภกิ ษชุ รา และโอรสของเจา้ เหนือหวั ไดเ้ ริ่มข้ึนแลว้
เสกทหารกลายเป็ นจระเข้
วนั รุ่งข้นึ เสด็จในกรมไดข้ ้นึ ไปสนทนากบั หลวงป่ ศู ุขบนกฏุ ิ
การสนทนาในวนั น้นั ส่วนมากกว็ นเวยี นอยกู่ บั ฤทธ์ิอาคมเสก
หวั ปลีใหเ้ ป็นกระตา่ ย หลวงป่ ศู ขุ ก็เล่าบอกตามความเป็ นจริง
ในทางที่ตนเองยดึ ถือปฏบิ ตั ิ
ยง่ิ พดู คุยกนั มากเสดจ็ ในกรมกย็ งิ่ รู้วา่ หลวงป่ ศู ขุ มีอาคม
มากมาย ท้งั ยงั สามารถเสกคนให้เป็นจระเขไ้ ดอ้ ีกดว้ ย ในตอน
หน่ึงของการสนทนา หลวงป่ ศู ขุ ไดส้ อบถามกรมหลวงชุมพร
ฯ ปรารถณาจะใคร่ชมคนกลายเป็นจระเขห้ รือไม่ เสด็จใน
กรมและขา้ ราชบริพารทีน่ ง่ั อยตู่ า่ งตอบเป็นเสียงเดียวกนั วา่
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
อยากเห็นคนกลายเป็นจระเข้ เม่ือทกุ คนอยากดูการเสกคน
เป็นจระเข้ หลวงป่ ศู ขุ จงึ บอกใหเ้ สด็จในกรมคดั เลือกคน
รูปร่างล่าสนั แขง็ แรง พระองคจ์ ึงคดั เลือกพลทหารมาไดค้ น
หน่ึงช่ือ จอ๊ ก
จากน้นั หลวงพอ่ สง่ั ใหเ้ อาเชือกเสน้ ใหญ่มดั ท่ีเอวของพล
ทหารจอ๊ กอยา่ งแน่นหนา แลว้ พาไปทส่ี ระน้าแห่งหน่ึงในวดั
ใหพ้ ลทหารผนู้ ้นั นงั่ คุกเขา่ ลงขา้ งสระ แลว้ สงั่ ใหห้ ลบั ตาพนม
มืออยนู่ ่ิง ๆ ส่วนตวั หลวงป่ ูจบั ปลายเชือกไวแ้ น่น พลาง
บริกรรมคาถาอยคู่ รู่หน่ึง แลว้ กเ็ ป่ าพรวดลงไปทศ่ี ีรษะพร้อม
กบั ใชฝ้ ่ามือที่ไมไ่ ดจ้ บั ปลายเชือกตบลงที่กลางหลงั พรอ้ มกบั
ผลกั พลทหารจอ๊ กตกลงไปในสระน้าเสียงตูมใหญ่
สายตาทุกคู่จอ้ งเป็นจุดเดียว กรมหลวงชุมพรฯ ยนื มองร่างพล
ทหาร ทอ้ งน้าแตกกระจายเป็นวงกวา้ ง คร้ันน้าสงบลงจงึ แล
เห็นร่างของจระเขต้ วั โตอยใู่ นน้า ส่วนหวั มีเชือกผกู ตดิ ตวั
แหวกวา่ ยวนเวยี นสะบดั หากฟาดน้าอยไู่ ปมา
ทกุ คนในท่ีน้นั ต่างอศั จรรยใ์ นความขมงั เวทยข์ องหลวงป่ ูศุข
ส่วนกรมหลวงชุมพรฯ ทรงทอดพระเนตรดูลูกนอ้ งกลายเป็น
จระเข้ แหวกวา่ ยอยใู่ นสระน้าดว้ ยใจระทกึ ร่างของจระเข้
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
พยายามตะเกียกตะกายเพอื่ จะดาด่ิงลงกน้ สระ ติดแตว่ า่ ถูก
ล่ามเชือกอยู่ โดยเหล่าทหารเขา้ ช่วยหลวงป่ ดู ึงเอาไว้
หลวงป่ ูศขุ ไดก้ ล่าวกบั เสด็จในกรมวา่ ท่านจะใหล้ ูกนอ้ งกลบั
เป็ นคนหรือจะใหเ้ ป็นจระเขอ้ ยอู่ ยา่ งน้นั กรมหลวงชุมพร
ฯ ไดต้ รัสตอบวา่ ตอ้ งการใหเ้ ขากลบั เป็นมนุษยอ์ ยา่ งเดิม
หลวงป่ ูศุขจงึ ใหพ้ วกทหารช่วยกนั ดึงเชือกใหห้ วั จระเขโ้ ผล่
ข้นึ มาพร้อมกบั สง่ั กาชบั วา่ อยา่ ปล่อยใหเ้ ชือกหลุดมือหรือ
ขาด หากจระเขห้ ลุดไปแลว้ มนั จะดาลึก ลงกบดานท่กี น้ สระ
โอกาสทีจ่ ะทาใหค้ ืนร่างเป็นมนุษยจ์ ะยากข้นึ พวกทหารจึง
ช่วยกนั ดึงร้ังเชือกกนั สุดแรง กลายเป็นการชกั เยอ่ ระหวา่ งคน
กบั จระเข้ ส่วนหลวงป่ ศู ขุ ท่านเดินกลบั กฏุ ิ ครู่ใหญ่ก็เดินถือ
บาตรน้ามนตต์ รงมายงั ขอบสระทจี่ ระเข้ กาลงั ตะเกียกตะกาย
หนี จากน้นั ท่านไดบ้ ริกรรมคาถากากบั น้ามนตอ์ ยอู่ ึดใจแลว้
ทา่ นไดส้ งั่ ดว้ ยเสียงอนั ดงั วา่ เอา้ ออกแรงดึงข้นึ มา
หน่อย ทหารทุกคนทาตาม ออกแรงดึงใหร้ ่างจระเขล้ อยบน
ผวิ น้า หลวงป่ ศู ขุ จึงเอาน้ามนตท์ ่ีเสกแลว้ เทราดบนหวั จระเข้
ความอศั จรรยเ์ กิดข้นึ เป็นคารบสอง ร่างจระเขท้ ีด่ ิ้นรนและ
ฟาดหางไปมาน้นั คอ่ ย ๆ มีอาการสงบลง แลว้ ร่างท่ีขรุขระ
ของจระเขก้ ก็ ลายเป็นผวิ เน้ือของมนุษยท์ ีละนอ้ ยอยา่ งตอ่ เนื่อง
จนกลายเป็ นทหารคนเดิมในเวลาตอ่ มา
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
กรมหลวงชุมพรฯ มองดูทหารผนู้ ้นั ดว้ ยความอศั จรรยใ์ นเป็ น
ทีส่ ุด เรื่องท่ีพระองคไ์ ม่เคยพบเห็นในชีวติ กไ็ ดม้ าเห็นทวี่ ดั
ของหลวงป่ ศู ุข (เป็นท่นี ่าเสียดายที่สระประวตั ิศาสตร์แห่งน้ี
ไดถ้ ูกถมเป็ นพ้นื ดินราบและส่วนหน่ึงของสระ ไดป้ ลูกสร้าง
ตกึ เจา้ อาวาสวดั ปากคลองมะขามเฒ่าองคต์ อ่ ๆ มา)
อน่ึง จากหนังสือพระประวตั พิ ระเจ้าบรมวงศ์เธอ พลเรือเอก
กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศกั ด์ิ โดยชยั มงคล อุดมทรัพย์ ได้
บนั ทึกไวเ้ ป็นความตอนหน่ึง ดงั น้ี
จากการบอกเล่าของพลทหารจอ๊ ก ภายหลงั ร่างกลบั กลายเป็ น
คนวา่ ขณะทตี่ นลงไปในสระกม็ ิไดร้ ู้สึกตวั วา่ ตวั เองเป็น
จระเขแ้ ต่อยา่ งใด เพยี งแต่รู้สึกวา่ ตวั เองมีพละกาลงั มหาศาล
ผดิ ปกตเิ ทา่ น้นั และแหวกวา่ ยน้าดว้ ยจติ ใจคึกคะนองฮึก
เหิม ในเวลาดาผดุ ดาวา่ ยท้งั ที่มองตวั เองแลว้ ก็มีร่ายกาย
เหมือนคนทุกอยา่ ง
วชิ าเสกคนให้เป็นจระเขข้ องคุณทวี เยน็ ฉ่า ผศู้ ึกษาวชิ าไสย
ศาสตร์คนหน่ึงของเมืองไทย กล่าวไวว้ า่ “จระเขว้ ชิ า” ก็
คือ “คน” ซ่ึงแก่กลา้ วชิ าอาคม และมีเหตุใหก้ ลายร่างเป็น
จระเข้ เพราะความเรืองวชิ าอาคมของตนเอง จะเป็นดว้ ยเหตุ
บงั เอิญหรืออะไรกต็ ามที ทาใหไ้ ม่สามารถรดน้ามนตล์ งไปท่ี
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
ตวั จระเขไ้ ด้ บคุ คลผนู้ ้นั ก็จะกลายเป็นจระเขต้ อ่ ไปจนกวา่ จะ
แกม้ นตก์ ากบั หรือมนตอ์ าถรรพณ์ได้
ดงั เช่นตานานจระเขค้ น จากจงั หวดั พิจิตรอนั เป็นแดน
อาถรรพณ์ตน้ กาเนิดนิทานพน้ื บา้ นอนั ลอื ลนั่ เรื่องไกรทอง
และชาละวนั นนั่ เอง
มีเรื่องเล่าจากนายเนตร แพงกล่ิน ท่ีเคยบวชเรียนอยทู่ ว่ี ดั ปาก
คลองมะขามเฒ่า ไดเ้ ล่าถึงคนกลายเป็ นจระเขแ้ ลว้ มาใหห้ ลวง
ป่ ูศุขช่วยแกอ้ าถรรพณ์ใหว้ า่ ณ ทา่ เรือทอง (อยวู่ ดั ปากตลอง
มะขามเฒ่า) มีการลงอาถรรพณ์ไวเ้ รียกวา่ มนตส์ กดทอ้ งน้า
หากจระเขว้ ชิ ามาถึงท่าเรือทองน้ี จะตอ้ งลอยหวั โผล่
ข้นึ มา ไม่สามารถดาน้าไดอ้ ีกต่อไป คราวน้ีพวกญาติจะนา
น้ามนตห์ ลวงป่ ูศุขไปราดท่หี วั จระเขว้ ิชาก็จะกลายเป็ นคน
ตามเดิม โดยจะนอนแน่น่ิงเกยต้นื ริมตลิ่งอยู่
บางทีมีเร่ืองทุลกั ทุเลไม่อาจราดน้ามนตท์ ีห่ วั จระเขไ้ ด้ เพราะ
ความกลวั ของบรรดาญาติ หรืออะไรก็ตามแต่ บางทเี ป็น
เดือน ๆ เป็นปี ๆ กม็ ี
จระเขว้ ชิ าเมื่อถูกราดดว้ ยน้ามนตแ์ กอ้ าถรรพณ์ แลว้ จะ
กลายเป็ นคนนิ่งเงียบ ไม่ยอมพดู จา ญาตจิ ะช่วยกนั ประคองไป
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
หาหลวงป่ ูศุขท่ีกฏุ ิ ทา่ นก็จะทาพธิ ีแกอ้ าถรรพณ์รกั ษาให้ นาน
อยปู่ ระมาณ ๗-๘ วนั จึงจะพดู ได้
ในบนั ทึกของนายเนตร แพงกล่ิน ยงั กล่าวอีกวา่ “เคยเห็นมี
การรักษาจระเขว้ ชิ าน้ีประมาณ ๓-๔คร้งั เท่าน้นั จดุ สงั เกต
จระเขว้ ชิ าปากจะส้นั มีรูปร่างเหมือนหวั ปลี
ศิษย์เอกของหลวงป่ ูศุข
ตลอดชีวติ ของหลวงป่ ศู ขุ วดั ปากคลองมะขามเฒ่า น้นั มีลูก
ศษิ ยม์ ากหลาย แตผ่ ทู้ ี่นบั เนื่องไดว้ า่ เป็น “ศษิ ยเ์ อก” มีเพยี ง
ท่านเดียวเทา่ น้นั คอื กรมหลวงชุมพรเกตอุดมศกั ด์ิ
ทน่ี บั เป็นศษิ ยเ์ อกมิใช่เพราะกรมหลวงชุมพรฯ มีเช้ือเจา้ หรือ
เป็นโอรสของรัชกาลที่ 5 แต่ที่นบั เป็นศษิ ยเ์ อกกเ็ พราะศิษย์
คนน้ีรักและเคารพอาจารยอ์ ยา่ งยอมตายถวายชีวติ กบั อาจารย์
จะสงั่ อยา่ งไรกท็ าตามได้ รับถา่ ยทอดวชิ าจากอาจารยไ์ วไ้ ด้
มากทส่ี ุด และทาตามอาจารยไ์ ดใ้ นการแสดงอิทธิฤทธ์ิและ
อภนิ ิหาร
มีบนั ทึกจากคนเฒา่ คนแก่ยนื ยนั วา่ เสด็จในกรมฯ ไดร้ บั การ
ถ่ายทอดวทิ ยาคมจากหลวงป่ ศู ุขไวม้ ากทส่ี ุดเหนือกวา่ ศิษยค์ น
ใด และมีความผกู พนั กนั อยา่ งลึกซ้ึงดุจบดิ ากบั บตุ ร
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
บนั ทกึ ของนายผลกล่าวอีกวา่ มีอยคู่ ร้ังหน่ึงมีเรือโยงผา่ น
มาและรูว้ า่ เป็ นเรือของหลวงป่ ูศขุ เขากจ็ ะหยอ่ นเชือกลง
มาใหเ้ พลาเรือของหลวงป่ ศู ุขมีโซ่ส้นั เพียงนิดเดียว ซ่ึง
แสดงวา่ เกียรติคุณของทา่ นในขณะน้นั เป็นท่รี ูจ้ กั กนั มาก
หลายคร้งั ทห่ี ลวงป่ ูศุขไดร้ บั การนิมนตจ์ าก เสด็จในกรม
ใหไ้ ปพานกั ทีว่ งั ของพระองคท์ ี่นางเล้ิง โดยเสด็จในกรม
ไดจ้ ดั ที่พกั ใหห้ ลวงป่ ูศุขพกั อยกู่ ลางสระน้า พระและลกู
ศษิ ยท์ ต่ี ามหลวงป่ ูมาจะอยชู่ ้นั ล่าง ส่วนหลวงป่ ูศขุ จะอยู่
ช้นั บน ท่พี านกั แห่งน้ีเป็ นทสี่ อนและทดลองวชิ าระหวา่ ง
อาจารยก์ บั ศษิ ย์ นายผล แกว้ นพรัตน์ ไดเ้ ล่าวา่ เคยเห็น
หลวงป่ ศู ุขและกรมหลวงชุมพรฯ ไดท้ ดลองวชิ าควายธนู
ในกุฏิเหลืองกลางสระน้ีซ่ึงเป็ นทตี่ ่ืนตาตน่ื ใจยง่ิ นัก
ในบนั ทึกของนายผลยงั ไดเ้ ล่าอกี วา่ ไดต้ ามหลวงป่ ูศุขเขา้
กรุงเทพฯ และพานกั ท่ีวงั เสดจ็ ในกรมหลายคร้งั ซ่ึง
ขณะน้นั เขายงั เป็นเดก็ ซุกซน ลงไปวา่ ยน้าในสระแลว้ ข้ึน
ไปนง่ั อยบู่ นใบบวั ขนาดใหญ่ บวั วคิ ตอเรีย จนถูกหลวง
ป่ ูศุขเอ็ดเอา ระหวา่ งที่พานกั อยนู่ ้นั นายผลเคยตดิ ตาม
เสด็จในกรมไปเท่ยี วยา่ นสาเพง็ พระองคเ์ สดจ็ โดยนุ่ง
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
กางเกงถลกขาขา้ งหน่ึง มือถอื ออ้ ยเค้ยี วออ้ ยและเสด็จไป
เรื่อย ๆ เพราะในช่วงน้นั เป็นหนา้ ร้อน
มีเรื่องเล่าบอกต่อ ๆ กนั มาถึงเสด็จในกรมพระองคท์ รง
โปรดการใชว้ ถิ ีชีวติ กลางแจง้ พระองคเ์ สด็จมาวดั ปาก
คลองมะขามเฒ่าบอ่ ย ๆ ส่วนใหญแ่ ลว้ พระองคจ์ ะเสดจ็ มา
ทางเรือ บางคร้งั ก็มีเรือติดตามมาดว้ ยหลายลา ในการ
เสด็จมาของพระองคน์ ้นั บางคร้งั พระองคจ์ ะนาหม่อม
และโอรสมาดว้ ย ซ่ึงกม็ ีหลกั ฐานลายพระหตั ถใ์ นสมุด
เซ็นเยย่ี มของวดั ปากคลองมะขามเฒ่า
บ่อยคร้งั ทกี่ รมหลวงชุมพรฯ จะทรงคุยกบั หลวงป่ ศู ขุ จนถึง
ด่ืน ในคราวประทบั ที่วดั ปากคลองมะขามเฒา่ อยเู่ ป็นเดือน
ซ่ึงนอกจากจะมาศึกษาวชิ าไสยศาสตร์แลว้ พระองคย์ งั ถือ
โอกาสพกั ผอ่ นพระวรกายและคลุกคลีกบั ราษฎร ในบางคร้งั
พระองคก์ ็ทรงพระสาราญโดยเสวย “ไอเ้ ป้” ซ่ึงเป็นน้าขาวที่
ข้นึ ช่ือมากแถบอุทยั ธานี มีเร่ืองเล่าเก่ียวกบั ไอเ้ ป้วา่ วนั หน่ึง
เสดจ็ ในกรมฯ พบกบั นายยอด พระองคท์ รงถามนายยอด
วา่ “อา้ ยยอด อา้ ยน้าหวาน ๆ ขม ๆ มีทไ่ี หนวะ” นายยอดรีบ
ทูลบอก “มีตรงน้ีเองกระหม่อม” เสด็จในกรมทรงบอก มึง
เอาใส่กามาใหก้ ตู รงตน้ กระจะทกุ วนั นะ นายยอดกระทา
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
ตามทรี่ บั สง่ั กใู หม้ ึงวนั ละบาทจดั หาไอเ้ ป้มาไวท้ ีต่ น้ กระจะ
ทกุ วนั แตแ่ ลว้ วนั หน่ึง พระองคเ์ สดจ็ มาไม่พบกาทใ่ี ส่ไอเ้ ป้ จงึ
สงั่ ใหค้ นไปตามหาอา้ ยยอด คร้ันไดพ้ บจงึ ตรัสถาม “วนั น้ี
ทาไมไม่นากาน้ามาให”้ นายยอดจงึ ทลู ตอบพระองค์
วา่ “ตารวจจบั คนทาช่ือตาป่ันไปเสียแลว้ ” เสดจ็ ในกรมจึง
เขยี นจดหมายใหม้ หาดเล็กถือไปที่อาเภอ เพอื่ ไปรบั ตวั ตา
ปั่น ดีประเสริฐ คนทาไอเ้ ป้กลบั มาจากตารวจ
ได้วิชาหายตัวอย่ใู นขวดโหลทานา้ มนต์
คร้งั หน่ึงกรมหลวงชุมพรฯ ไดเ้ สด็จไปศึกษาวทิ ยาคมกบั
หลวงป่ ูศขุ ท่ีวดั ปากคลองมะขามเฒ่า ขณะทีพ่ ระองคส์ นทนา
กบั พระอาจารยส์ องต่อสองอยนู่ ้นั พอดีมีพอ่ คา้ ชาวจนี ผหู้ น่ึง
ไดแ้ วะมากราบหลวงป่ ู พอ่ คา้ จีนรายน้ีเป็นชาวเกาะไหหลา
เจา้ ของเรือบรรทกุ สินคา้ ท่ลี ่องมาจอดอยทู่ ี่ ท่าเรือกรุงเทพฯ
เม่ือเขา้ ไปกราบหลวงป่ ูศขุ แลว้ กอ็ อกปาก ขอน้ามนตจ์ าก
หลวงป่ ศู ุขเพอ่ื นาไปพรมเรือเดินทะเลให้ เป็นสิริมงคล
ปลอดภยั ในการเดินทาง และเจริญรุ่งเรืองในการคา้ ขาย แต่
ตอนท่ีพอ่ คา้ จีนรายน้ีเขา้ ไปกราบหลวงป่ นู ้นั กะเร่อกะร่าเขา้
ไปไม่รูว้ า่ ผทู้ นี่ ง่ั อยกู่ บั หลวงป่ ูน้นั เป็นใคร เวลาน้นั เสดจ็ ใน
กรมนงั่ ถือขวดโหลแกว้ ใส่น้าอยู่ เมื่อไม่รูว้ า่ เป็นใครก็ไม่มี
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
ความคารวะเสด็จในกรม แลว้ พอ่ คา้ จนี ก็ออกปากขอน้ามนต์
จากหลวงป่ ูศขุ ทางฝ่ายหลวงป่ ูก็พดุ ดุเอาวา่
ไม่มีสมั มาคารวะ เจา้ นายกาลงั เสด็จเซ่อซ่าเขา้ มาไดไ้ ง
เสดจ็ ในกรมไดย้ นิ หลวงป่ กู ล่าวดุพอ่ คา้ จนี รายน้นั พระองคจ์ ึง
ตรัสขดั ข้นึ วา่ โธ่หลวงพอ่ ก็ ในเมื่อสตั วผ์ ยู้ ากท่ีไหน ๆ พากนั
มาหาหลวงพอ่ ดว้ ยกนั ท้งั น้นั หลวงพอ่ ช่วยสงเคราะห์เขาไป
เถอะ
หลวงป่ ศู ขุ ฟังเสียงขดั ของเสด็จในกรมอยา่ งน้นั กม็ ีท่าทางไม่
พอใจทีเ่ สด็จในกรมมาขดั คอต่อหนา้ พอ่ คา้ จนี (แต่บางคน
วเิ คราะหว์ า่ เป็นการแกลง้ ทาโกรธเพอ่ื จะลองวชิ าใหพ้ ระองค์
ไดเ้ ห็น) ขณะท่ีพอ่ คา้ จนี ก็ถอื ขวดโหลใส่น้าเตรียมพรอ้ ม
เพอ่ื ใหห้ ลวงพอ่ เสกน้ามนตใ์ ห้ ทนั ใดส่ิงไม่คาดคดิ ก็
เกิดขนึ้ หลวงป่ ูศุขผดุ ลกุ ขนึ้ ยืนแล้วเปลือ้ งอังสะออก ท้งั เสด็จ
ในกรมและพ่อค้าจนี ก็แลเห็นหลวงป่ ูศุขกระโดดลงไปน่ังอยู่
ในขวดโหลของพ่อค้าจนี รายน้ัน ขวดโหลใบเลก็ แต่มรี ่างย่อ
ของหลวงป่ ูศุขนั่งแช่น้าอยู่ในน้ัน เป็ นทอี่ ัศจรรย์นัก
การเขา้ ไปอยใู่ นขวดโหลเกิดข้นึ รวดเร็วจนใคร ๆ จบั ตาดูไม่
ทนั วา่ ท่านหายตวั และยอ่ ตวั ลงไปตอนไหน ท่านนง่ั แช่น้าใน
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
ขวดโหลอยคู่ รู่หน่ึงจึงกระโดดออกจากขวดโหล พอ่ คา้ จนี ยก
มือขย้ตี าตวั เองดว้ ยความฉงน ส่วนหลวงป่ ูศขุ เดินไปหยบิ องั
สะมาครองเช่นเดิม แลว้ กลบั มานง่ั ลงเบ้ืองหนา้ ของเสดจ็ ใน
กรมและพอ่ คา้ จีน
นา้ มนต์เสร็จแล้ว เอาไปสิ
หลวงป่ ศู ุขบอก พอ่ คา้ ชาวจีนกร็ ีบปิ ดฝาขวดน้ามนตแ์ ลว้
กราบลาหลวงป่ ูไป ปล่อยใหเ้ สด็จในกรมและหลวงป่ ูศุขได้
สนทนากนั ตอ่ ไป
ชาวจีนผนู้ ้ีเมื่อไดน้ ้ามนตไ์ ปใชส้ มใจนึก กล็ ่องเรือไปคา้ ขายที่
กรุงเทพฯ ไดก้ าไรเกินคาด ขากลบั ข้นึ มาจากกรุงเทพฯ จงึ ซ้ือ
ลิ้นจกี่ ระป๋ อง มาถวายหลวงป่ ู บงั เอิญตอนน้นั หลวงป่ ูจาวดั อยู่
พอดี และเป็ นท่ที ราบกนั ดีวา่ เม่ือหลวงป่ ูจาวัดน้นั ห้ามไม่ให้
ใครมาปลกุ เดด็ ขาด นอกจากเป็นเวลาฉนั เพลหรือฉนั ยา โดย
อนุญาตใหเ้ ด็กวดั ใชไ้ มเ้ คาะท่ีฝากฏุ เิ ป็นสญั ญาณ
เม่ือกรมหลวงชุมพรฯ กลบั จากการเรียนวชิ ากบั หลวงป่ ูศุขมา
ใหม่ ๆ ไดม้ ีบญั ชาใหห้ ม่อมทุกทเ่ี คยมาวดั ปากคลองมะขาม
เฒ่า กบั เสดจ็ ในกรมจานวน ๘ คน ดงั ปรากฏในรายนามใน
สมุดเยย่ี มของขนุ เธียรแพทย์ มารวมกนั แลว้ ใหห้ าขวดโหลใส่
น้าสะอาดมาใบหน่ึง คร้ันแลว้ สง่ั ใหห้ ม่อมทุกคนหลบั ตาและ
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
กล้นั ลมหายใจจนเตม็ กล้นั แลว้ จงึ ลืมตาข้นึ มาใหม่ หม่อมทกุ
คนจึงไดเ้ ห็นตอ่ หนา้ ต่อตาวา่ พระองคป์ ระทบั ทรงพระสรวล
อยภู่ ายในขวดโหลน้นั อยา่ งสาราญพระอารมณ์
เมื่อหม่อมท้งั ๘ ไดอ้ ึดใจอีกคร้งั และหลบั ตาลงพรอ้ มกนั อีก
คร้ัง ต่างกไ็ ดเ้ ห็นเสด็จในกรมทรงออกมายนื อยขู่ า้ งโตะ๊ ทว่ี าง
ขวดโหลเป็นร่างปกติพรอ้ มกนั น้นั ตรสั วา่ เป็นวชิ าท่เี รียนมา
จากหลวงพอ่ ศขุ วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
เสือมาทดสอบจติ
เรื่องน้ีหลวงพอ่ เจริญ ธมมถิโร ไดเ้ ล่าใหฟ้ ังว่า คร้ังหน่ึง
กรมหลวงชุมพรฯ เสด็จมาที่วดั ปากคลองมะขามเฒ่าพรอ้ ม
ดว้ ยหม่อมของทา่ นหลายคน
ในคร้ังน้นั เสด็จในกรมไดเ้ ดินเขา้ ไปชมภายใน พระอุโบสถ
ซ่ึงพระองคไ์ ดเ้ ขียนภาพไวท้ ่ผี นงั ดา้ นใน ทางดา้ นทศิ
ตะวนั ตก เป็นภาพแม่พระอุมา หลงั จากท่ีพระองคไ์ ดเ้ ขา้ ไป
ชมเรียบรอ้ ยแลว้ จงึ เดินออกมาขา้ งนอก พระอโุ บสถ ทนั ใด
น้นั เอง พอพระองคเ์ ดินเล้ียวพน้ มุมพระอุโบสถเทา่ น้นั ก็
ปรากฏร่างของเสือตวั ใหญต่ วั หน่ึง ยนื ผงาดแยกเข้ยี วคาราม
เขา้ ใส่พระองคด์ ว้ ยเสียงอนั ดงั แห่งเจา้ ป่ า ในวินาทีแรกเสดจ็
ในกรมทรงตกพระทยั ชะงกั งนั บรรดาหม่อมนอ้ ย ๆ ของ
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
พระองคต์ า่ งรอ้ งว้ดี วา้ ยดว้ ยความกลวั พากนั กระถดถอยหนี
จา้ ละหวน่ั แต่พระองคก์ ็ชายชาติเช้ือทหาร เป็นศษิ ยม์ ีครู เป็น
พระราชโอรสของพระเจา้ แผน่ ดิน เม่ือทรงระลึกไดเ้ ช่นน้ีจึง
บอกเดินต่อไปทา่ มกลางสายตาของเหล่าหม่อม เสือตวั น้นั ได้
กา้ วถอย พอพน้ พระอุโบสถเสือใหญ่ตวั น้นั กห็ ายลบั ไป
กรมหลวงชุมพรฯ เดินตามทางตอ่ ไปดว้ ยอิริยาบถปกติจนถึง
ถาน(สว้ ม) ของหลวงป่ ศู ขุ ก็พบจีวรหลวงป่ ูพาดอยขู่ า้ งฝา
ถานอนั ทาดว้ ยไม้ ทนั ใดน้นั หลวงป่ ูไดเ้ ดินออกมาพรอ้ มกบั
ยมิ้ ให้ กรมหลวงชุมพรฯ ก็ทรงยม้ิ ตอบพร้อมกบั ยกมือข้นึ
นมสั การ
กรมหลวงชุมพรฯ ไดร้ บั การถ่ายทอดวชิ าทุกชนิดทท่ี า่ นสน
พระทยั มียกเวน้ ๔ อยา่ งเทา่ น้นั เพราะอาจารยข์ องทา่ นสงั่
หา้ มไว้ วชิ าดงั กล่าวประกอบดว้ ย
1. ทางคด บางแห่งเรียก กระสุนคด วชิ าน้ีนบั วา่ มีอนั ตราย
อยา่ งสูง ถา้ ตกอยกู่ บั คนไม่ดี เพราะวชิ าน้ีเสกลูกปื นเพยี งลูก
เดียวยงิ เขา้ ไปในกองทพั ขา้ ศึก ทหารจะลม้ ตายท้งั
กองทพั วชิ าน้ีหลวงป่ ศู ขุ เคยทาใหพ้ ระองคเ์ ห็นเมื่อคร้งั หลวง
ป่ รู บั นิมนตไ์ ปพกั ท่วี งั นางเล้ิง โดยหลวงป่ เู สกลูกปื นลูกเดียว
ยงิ ใบบวั ในสระทะลุทุกใบ(คนั กระสุนวเิ ศษทีใ่ ชย้ งิ น้ีทาจาก
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
ไมท้ ี่ถกู ฟ้าผา่ โดยหลวงป่ ทู า ข้ึนดว้ ยมือท่านเอง ปัจจุบนั อยทู่ ี่
วดั ศรีวิชยั วฒั นาราม จงั หวดั ชยั นาท )
2. วชิ าเสกข้ีเถา้ เป็ นไฟประลยั กลั ป์ เมื่อนาข้ีเถา้ ไฟมาปลุกเสก
แลว้ สาดออกไปทางทิศใดจะบงั เกิดไฟอาคม ดวงใหญ่ไหม้
ลุกลามใหญ่โตทางทศิ น้นั ขา้ ศกึ ศตั รูไม่อาจผา่ นและดบั ไฟได้
หากข้ีเถา้ อาคมตกลงในเมืองไหน บา้ นเมืองน้นั จะพนิ าศ
เป็ นจุณ
3. เสกขา้ วสารใหเ้ ป็นภูเขา เมื่อนาขา้ วสารมาบริกรรมปลุก
เสกแลว้ ขวา้ งไปทางทิศใดจะเกิดเป็นภูเขาใหญ่ข้ึน ในทศิ ทาง
น้นั ซ่ึงวชิ าน้ีจะทาใหบ้ งั เกิดแผน่ ดินไหว กระแสน้าไหลบ่า
ทว่ มฉบั พลนั บงั เกิดภเู ขาไฟระเบิด และมีพายรุ ้ายต่าง ๆ พดู
ง่าย ๆ ธรรมชาติจะเปล่ียนแปลงไปอยา่ งส้ินเชิง ผคู้ นใน
ทศิ ทางน้นั จะเดือดร้อนทกุ หยอ่ มหญา้
4. เสกทรายใหเ้ ป็นน้า วชิ าน้ีเมื่อบริกรรมเสกทรายแลว้ สาด
ซดั ออกไปจะปรากฏเป็นน้า เป็นหว้ ยหนองคลองบึงจนถึง
แม่น้าใหญ่ จะบงั เกดิ ฝนตกหนัก ฟ้าผ่า และอุทกภัยต่าง ๆ ใน
บริเวณน้ันได้ วชิ าน้ีหลวงป่ ศู ขุ กล่าววา่ สามารถทาใหเ้ มืองท้งั
เมืองจมอยใู่ ตน้ ้าได้
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
วชิ าพเิ ศษท้งั ๔ อย่างนี้ สอนให้ใครไม่ได้ นอกน้ัน หลวง
ป่ ูศุขสามารถสอนให้กรมหลวงชุมพรฯ ได้ท้งั สิ้น
เรียนวชิ าวเิ ศษ ระเบิดน้า
จากบนั ทกึ ของนายแพทยส์ านวน ปาลวฒั น์วไิ ชย ทีอ่ อก
สอบถามชาวบา้ นคนเก่าแก่ท่ีมีชีวติ อยู่ เพอื่ เขียนถึงการเรียน
วชิ าขมงั เวทของเสด็จในกรมกบั หลวงป่ ศู ขุ ไดบ้ นั ทึกไวเ้ ป็น
ใจความดงั น้ี
ระเบดิ นา้ ทาตระกรุด
อนั การเรียน “ระเบิดน้า” ของกรมหลวงชุมพรฯ น้ี นายแฉลม้
เอี่ยมรอด คนเก่าแก่ไดเ้ ล่าวา่ ได้มกี ารเรียนระเบดิ นา้ กนั ใน
เดือน 4 หลงั จาก นายแฉล้ม บวชได้ประมาณ 4 พรรษา ตก
ประมาณ เดือนมีนาคม 2464
คราคร้งั น้นั กรมหลวงชุมพรฯ ไดฝ้ ึกเรียนระเบิดน้ากบั หลวง
ป่ ูศขุ ที่โบสถน์ ้าหนา้ วดั โดยเสด็จในกรมนงั่ บริกรรมอยบู่ น
โบสถน์ ้าพกั หน่ึง กก็ ระโดดไปในน้าตูมใหญ่ แตก่ รมหลวง
ชุมพรฯ สามารถทนอยใู่ ตน้ ้าไดเ้ พยี ง 4 อึดใจใหญ่เทา่ น้นั
แลว้ พระองคก์ ท็ รงโลดข้ึนมาบนผวิ น้า จนผวิ น้าแตกกระจาย
จากน้นั พระองคท์ รงกล่าวกบั หลวงป่ วู า่ ทนไมไ่ หว
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
ผลการทดสอบเรียนระเบิดน้าในวนั แรกไม่อาจเป็นผลสาเร็จ
ได้ ในวนั รุ่งข้ึนกรมหลวงชุมพรฯ ไดข้ อทดสอบผลการเรียน
อีกคร้ังหน่ึง คราวน้ีพระองคม์ ีความต้งั ใจสูงแบบยอมตาย
ถวายชีวติ กบั วชิ าพเิ ศษน้ีทเี ดียว
ฝ่ายหลวงป่ ศู ขุ ก็เอาจริงเช่นกนั แตท่ ่านกม็ ีความเส่ียงเพราะ
ศิษยท์ ่านน้ีมิใช่ สามญั ชนหากเป็นถึง โอรสของ
พระมหากษตั ริย์ ทวา่ ศษิ ยก์ บั อาจารยต์ า่ งก็ใจถึง ดว้ ยกนั โดย
หลวงป่ ูน้นั ถึงกบั เตรียมไมถ้ ่อค้าเรือไวอ้ นั หน่ึง ไมถ้ ่อน้ีทา่ น
ยมื มาจากเรือบรรทกุ ขา้ วทจ่ี อดอยหู่ นา้ วดั หลวงป่ ูบอกวา่ ถา้
โผล่ข้นึ มาอีกจะเอาไมถ้ ่อค้าคอ ปรากฏวา่ ในการทดสอบคร้ัง
ที่ 2 เสดจ็ ในกรมสามารถผา่ นการทดสอบไดส้ าเร็จ คอื ทนอยู่
ในน้าไดถ้ ึง 3 ชม.จึงข้นึ บก
ในบนั ทกึ ยงั เล่าวา่ หลวงป่ ูศุขปล้ืมใจมากทีศ่ ษิ ยเ์ อกเรียนวชิ าน้ี
ไดส้ าเร็จ ทา่ นไดค้ ุยใหช้ าวบา้ นและมคั นายกฟังวา่ การทก่ี รม
หลวงชุมพรเรียนคร้ังน้ีสาเร็จ เพราะไดฝ้ ึกจิตไดส้ ูงแลว้ นน่ั เอง
การเรียนระเบดิ น้า น้ีทาในตอนกลางวนั หลงั จากทีห่ ลวงป่ ู
ฉนั เพลแลว้ โดยมีชาวบา้ น มคั คทายก และพระเณรทว่ี ดั ร่วม
ดูอยปู่ ระมาณ 3-220 คน รวมท้งั พระภกิ ษุแฉลม้ (นายแฉลม้
เอ่ียมรอด( ผเู้ ล่าดว้ ย ) ในบนั ทึกของนายแพทยส์ านวน
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
ปาลวฒั นว์ ไิ ชย ยงั กล่าวอีกวา่ ไดม้ ีโอกาสคุยกบั นายเช้ือ แตง
ฉ่า ไดก้ รุณาเล่าใหฟ้ ังวา่ ตนเคยเห็นกรมหลวงชุมพรฯ เรียน
ระเบดิ น้ากบั หลวงป่ ูศขุ ดว้ ยตาตนเอง ดงั น้ี
ตอนน้นั ตวั ผเู้ ล่ารูว้ า่ กรมหลวงชุมพรฯ เสด็จมาทีว่ ดั ปาก
คลองมะขามเฒ่า เพราะผใู้ หญบ่ า้ นบอกเม่ือตนไปท่ีวดั กเ็ ห็น
กรมหลวงชุมพรฯ ซ่ึงสกั ตามตวั จนดูดาไปหมด ไดถ้ ือ
ดอกไมธ้ ูปเทยี นเดินตามหลวงป่ ูไปทแี่ พโบสถน์ ้า
เม่ือพธิ ีเร่ิมข้ึนกรมหลวงชุมพรฯ ลงไปทแี่ พโบสถน์ ้าต่อหนา้
หลวงป่ ศู ขุ ผเู้ ป็นอาจารยซ์ ่ึงนง่ั บริกรรมอยู่ คร้นั แลว้ พระองค์
ท่านไดก้ ระโดดลงไปในน้า ดาผดุ ดาโผล่อยหู่ ลายคร้ัง คร้งั
สุดทา้ ยหลวงป่ จู บั พระเศียรกรมหลวงชุมพรฯ กดลงไปในน้า
คราวน้ีเสดจ็ ในกรมจมหายลงไปในน้านานมากเป็นชว่ั โมง ๆ
จนนายเช้ือเองคดิ วา่ เสด็จในกรมตอ้ งส้ินพระชนมแ์ น่คราวน้ี
ทวา่ ท่าทสี ีหนา้ ของหลวงป่ ูมีแต่ความมนั่ ใจในตวั เองเป็น
อยา่ งสูง ไม่ไดม้ ีความวติ กกงั วลแมแ้ ตน่ อ้ ย เวลาผา่ นไปจนพธิ ี
เสร็จ กรมหลวงชุมพรฯ โผล่ข้ึนมาแลว้ ปี นข้นึ แพโบสถน์ ้า ทา
ใหน้ ายเช้ือ หายใจโล่งอก
หลวงป่ ศู ุขไดเ้ ดินข้นึ ฝั่งไปทกี่ ุฏิ มีเสด็จใจกรมเดินตามและพา
กนั ข้ึนไปบนกฏุ ิ
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
ยงั มีเร่ืองการเรียนระเบิดน้าของกรมหลวงชุมพรฯ อีกเร่ือง
หน่ึง จะเป็ นการเรียนระเบดิ น้าข้นั ตน้ หรืออยา่ งไรก็สุดจะ
สนั นิษฐานได้ เพราะเป็นเรื่องของการเล่าตอ่ ๆ ดงั น้ี
นางหีบ สุขทอง เป็นผเู้ ล่ามีใจความวา่ คราวน้ัน นางหีบได้
คลอดบุตรและกาลงั อยไู่ ฟในตอนกลางวนั สามี ของตนชื่อ
นายยอด ไดท้ ราบจากผใู้ หญ่อุ่น ศภุ รตั น์ วา่ ตอนกลางคืนกรม
หลวงชุมพรฯ จะเรียนระเบดิ น้า จึงไดช้ วนกนั ไปแอบดู
หลวงป่ ูศุขและกรมหลวงชุมพรฯ ฝึกเรียนกนั ในตอนเท่ียงคืน
วนั เพญ็ เดือน 22 มีทหารควบคุมทางเขา้ ทกุ ทางไม่อนุญาตให้
ใครเขา้ ไปดู หลวงป่ เู ดินนากรมหลวงชุมพรฯ ลงไปในน้า
ตรงตน้ มะเดื่อหนา้ วดั ทางทิศใต้ กรมหลวงชุมพรฯ ถือเทียน
๗ เล่ม พนมมอื หลวงป่ ศู ขุ เอาบาตรครอบพระเศียรกรมหลวง
ชุมพรฯ แลว้ กดลงไปในน้า
อนั วชิ า “ระเบดิ น้า” น้ีก็เป็นวชิ าเดียวกบั ท่ไี กรทองใชล้ งไป
ปราบชาละวนั จระเขใ้ หญศ่ กั ด์ิสิทธ์ิ ในตานานทอ้ งถิ่นไทย
นน่ั เอง คอื การจดุ เทียนส่องลงไปใตน้ ้าโดยเทยี นไม่ดบั
วา่ กนั วา่ น้าจะระเบดิ เป็นช่องลงไปในบาดาล ผสู้ าเร็จวชิ าน้ี
เดินไปในน้าหายใจดุจบนบก ไม่มีอนั ตรายใดๆ
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒา่
เป็ นทค่ี าดกนั วา่ การที่กรมหลวงชุมพรฯ ตอ้ งการเรียนวชิ าน้ี
เพอ่ื คิดช่วยชาติบา้ นเมืองในยามคบั ขนั โดยใชย้ ทุ ธวธิ ีลงไป
ในน้าระเบิดเรือรบขา้ ศึก
ผ้าเจยี ดของพระอาจารย์
การเรียนพทุ ธาคมของเสดจ็ ในกรมเป็นไปดว้ ยดีจนคนทวั่ ไป
ยอมรับวา่ กรมหลวงชุมพรฯ ทรงมีกฤติยาคมสูงส่งหาใคร
เทยี บเสมอไดใ้ นยคุ น้นั
ในกองทพั เรือยคุ น้นั ไม่วา่ จะเป็นผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา ขา้ ราช
บริพาร จนถึงลูกศษิ ยท์ เ่ี ป็ นนกั เรียนนายเรือ รู้กนั วา่ พระองค์
ทรงโปรดการลองวชิ า และชีวติ ของพระองคเ์ ตม็ ไปดว้ ยความ
ผาดโผนมหศั จรรยย์ งิ่ นกั
ในสมยั ท่พี ระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี
6 ครองราชยอ์ ยนู่ ้นั เป็ นยคุ ทกี่ ีฬามวยไทยเฟ่ืองฟู ค่ายมวย
ตา่ ง ๆ ผดุ ข้นึ มากมาย ทางราชสานกั จงึ จดั ใหม้ ีการแขง่ ขนั กีฬา
มวยไทยข้นึ ในกรุงเทพฯ เพอื่ หาเงินบารุงสมทบทนุ ซ้ือปื นให้
กองเสือป่ าทว่ั ประเทศ
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รับสั่งใหน้ ายแม็ค เศียรเสวี นาย
เสือป่ าใหญ่ เป็นผจู้ ดั การหาเงนิ สมทบมีประกาศเรียกนกั มวย
หลวงป่ ศู ขุ เกสโร วดั ปากคลองมะขามเฒ่า
ฝีมือดีจากทุกภาคทกุ หวั เมืองใหเ้ ขา้ มาอยรู่ วมกนั โดยพกั อยทู่ ่ี
สโมสรเสือป่ า ใกลเ้ ขาดินวนา และในสมยั น้นั เอง ไดม้ ีนกั มวย
จากโคราช ฝีมือยอดเยยี่ มมีชื่อเสียงเขา้ มาร่วมอยดู่ ว้ ย คือ นาย
ทบั จาเกาะ และนายยงั หาญทะเล
โดยเฉพาะนายยงั หาญทะเล มีชื่อเสียงดีเป็นพเิ ศษ นกั มวยคน
น้ีเป็นชาวนครราชสีมา บา้ นอยตู่ าบลหวั ทะเล ฝีมือในการชก
มวยจดั วา่ สูงมาก เพราะเคยชกนกั มวยจีนช้นั ครูถึงแก่ความ
ตายไปถึง ๒ คน
แต่ขา่ วบางกระแสกล่าววา่ นายยงั หาญทะเล เป็ นศษิ ยเ์ อกของ
เสดจ็ ในกรม เนื่องจากนายยงั เคยรับราชการทหารเรือ เพราะ
ความมีช้นั เชิงในเร่ืองหมดั มวยตดิ ตวั มาดว้ ย เสดจ็ ในกรมจงึ
ทรงโปรดปราน นายยงั เหนือกวา่ ใคร ๆ
ผ้าประเจยี ดอาคม
ในคราวเสด็จประพาสเรือรบหลวง เก่ียวกบั การฝึกภาค
ทะเล นายยงั คนน้ีกต็ ิดตามไปดว้ ย ขณะเรือรบหลวงกาลงั
แล่นฝ่าคลื่นกลางทะเลลึกในอ่าวไทยในวนั หน่ึง ก็มีเสียงเป่ า
แตรเรียกทหารประจาการเขา้ แถว แลว้ เสด็จในกรมทรง
ดาเนินตรวจพลบนดาดฟ้าเรือ จากน้นั ทรงมีรับสง่ั ใหเ้ รือรบ
หลวงทอดสมอลอยลากลางทะเล ในโอกาสน้ี เสดจ็ ในกรม