...เราไมเ่ คยคิดว่า
ชีวติ จะเดินมาถงึ จุดนี้
แตเ่ ป็นเพราะการปฏบิ ัตมิ นั พาไป...
ค�ำปรารภ
หลวงตามหาบวั ญาณสมั ปนั โน วัดปา่ บา้ นตาด หนังสอื ธรรมะมาใหอ้ ่าน เป็นหนงั สือเล่มเล็กๆ
ท่านเทศนค์ วามหมายของค�ำว่า “ตปะธรรม” ไว้ว่า พอได้อ่านแล้วมนั ก็เกิดประกายข้นึ มา จึงเขยี น
จดหมายไปขอหนังสือที่เขามีอยู่มาอ่านเพิ่ม
“ตปะธรรมเคร่อื งแผดเผากเิ ลสทที่ า่ นวา่ เผาศพ พออ่านแล้วหนังสือบอกให้ปฏิบัติ เราก็เลย
กิเลส คือเผาด้วยตปะธรรม สติ ปญั ญา ศรัทธา ความ ปฏิบัติตาม มันก็เลยลุกเป็นไฟข้ึนมาเร่ือยๆ
เพยี ร ทกุ อยา่ งเปน็ ตปะธรรมท้ังนน้ั ธรรมกเ็ ปน็ เหมอื น จนกระท่ังได้ออกบวช ได้ไปแสวงหาท่ีปฏิบัติ
กับไฟแผดเผาไปตามสภาวธรรม อะไรจะมากย่ิงกว่า แล้วก็ได้ไปอยู่กับครูบาอาจารย์ เวลาไปก็ไม่ได้
สภาวธรรมท่ัวแดนโลกธาตุ สภาวธรรมอยู่ตรงไหน กำ� หนดเปน็ ขน้ั เปน็ ตอนแตม่ นั เปน็ ไปของมนั เอง
ธรรมจะรู้ไปตามน้ันๆ เหมือนไฟได้เช้ือ เผาไปเร่ือย เพราะมันมีเช้ืออยู่ตรงไหน ไฟมันก็จะไหม้ไป
รู้ไปเร่ือย เผาเข้าไปๆ จนกระท่ังอะไรๆ ก็พังลงไปๆ เร่ือยๆ จนกระท่ังไมเ่ หลือเช้ือ”
แล้วก็ผ่านไปๆ สุดท้ายก็พังทลายหมด ไม่มีเช้ือเลย
ไฟก็ดับ เช้ือก็หมด ตปะธรรมเคร่ืองแผดเผากิเลส จึ ง นั บ ว่ า เ ป็ น ว า ส น า ข อ ง พ ว ก เ ร า
หมายความว่าอย่างน้ัน” ชาวพุทธท่ีได้มีโอกาสพบเจอกับท่านผู้เป็น
บัณฑิต ผู้เป็นเช้ือสายธรรมของหลวงตามหา-
ความหมายของธรรมขา้ งต้นนี้ สามารถอธบิ าย บัว ญาณสัมปนั โน อีกรูปหน่งึ ซ่งึ ท่านได้สบื ต่อ
ถึงความเป็นมาของท่านพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต ปฏิปทาครูบาอาจารย์ และเปรียบดังร่มโพธ์ิ
ได้อยา่ งชัดเจน ซ่งึ ท่านเคยเล่าไว้ว่า ร่มไทรแก่พวกเราชาวพุทธในยุคปจั จุบัน
“ความที่มันมีเช้ือ มันก็พยายามว่ิงหาไฟอยู่ หนงั สอื “เปดิ ใจเปดิ ธรรม” น้ี เกดิ ขน้ึ เพ่อื
พอถงึ เวลาเรยี นจบ เราไมไ่ ดก้ ระตอื รอื รน้ หาเงนิ หาทอง นอ้ มบชู าในพระคณุ ของทา่ นพระอาจารยส์ ชุ าติ
เท่าไร เราเพียงแต่หาอย่างเดียว คืออะไรท�ำให้เรามี อภิชาโต และยังหวังให้เป็นแนวทางและสร้าง
ความสุข เราต้องการความสขุ ใจ มนั มีเช้อื อยูแ่ ล้ว แต่ กำ� ลงั ใจใหแ้ กผ่ ปู้ ฏิบตั ิท่ีกำ� ลงั ด�ำเนนิ กา้ วตามใน
ไม่รู้ว่าไอ้ตัวท่ีท�ำให้เราสุขใจน้ันอยู่ที่ไหน แต่เราก็รู้ว่า เสน้ ทางท่ีท่านเคยเดินผา่ นมา
การมีครอบครัวมีอะไรต่างๆ อย่างที่โลกเขามีกันน้ัน
มันไม่ใช่ทาง ก็เลยต้ังใจอ่านหนังสือเกี่ยวกับทางด้าน คณะศิษยานุศิษย์
ปญั ญา แล้วก็คยุ กับคนน้นั คนนี้ พอดีมคี นแนะน�ำเอา ธนั วาคม ๒๕๖๒
จดุ ทีท่ �ำให้เกดิ ปัญญาขึ้นมา
คอื การเห็นความจรงิ ของชวี ติ
การเห็นความเสือ่ ม
มันก็เลยท�ำใหต้ ัดง่าย
สารบญั ชีวิตฆราวาส
วิธขี องพระพทุ ธเจ้า
๑ ตัดสินใจออกบวช
๖๑ พ่อแมค่ รูอาจารย์
๙๕ ปล่อยลงสู่กระแส
๑๐๙ เปดิ ใจเปดิ ธรรม
๑๕๗ แสงเดือนแสงดาว
๑๙๑
๒๐๙
ตอนเปน็ ฆราวาสมนั กต็ อ้ งอยแู่ บบฆราวาส จะไปอยแู่ บบพระได้ไง
เราก็เป็นคนธรรมดา เพียงแต่ว่ามันล้ิมรสแล้ว มันรู้ผิดรู้ถูกแล้ว
มนั ก็ไมเ่ อาแลว้ พอรวู้ า่ ไมใ่ ชม่ นั ก็ไมเ่ อาแลว้ แตต่ อนเปน็ เดก็ มนั ก็
อยากจะลองทกุ อยา่ ง
พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต
ชวี ติ ฆราวาส ๑เรากเ็ ป็นคนธรรมดา
(จากซ้าย) คุณสมชาย เรืองธนสาร (คณุ พอ่ ) คุณกัลยา เรอื งธนสาร (น้องสาว)
คณุ สุรินทร์ เรอื งธนสาร (คณุ แม)่ พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต (ในวัยเด็ก)
2
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
โยมพ่อ-โยมแม่
“คณุ พอ่ (คณุ สมชาย เรอื งธนสาร) มากินกาแฟก็จะบอกเขาว่า “ช่วยสอน
เป็นชาวสุพรรณบุรี คุณย่ามีลูกสาว หน่อยซิ” คุณพ่อก็เลยพออ่านออก
๓ คน ลูกชาย ๒ คน มีคุณพ่อเป็นลูก เขยี นได้ พอคณุ พอ่ เปน็ หนมุ่ อายุได้ ๑๕
คนโต ตอนน้ี (พ.ศ. ๒๕๖๒) คณุ อาที่ยงั หรือ ๑๖ ปี เขาก็เร่ิมไปพเนจร ลงเรือ
มีชีวิตอยู่คือน้องสาวคุณพ่อ ๒ คน คือ เขา้ กรุงเทพฯ ไปหางานท�ำ สมยั น้นั จาก
อาหยี่โกวอยู่จังหวัดสุพรรณบุรี และ สุพรรณบุรีไปกรุงเทพฯ จะน่ังเรือไป
อาโซย๋ โกวอยทู่ แ่ี หลมฉบงั จงั หวดั ชลบรุ ี ก็ไปศึกษาหางานท�ำตามที่ต่างๆ จนได้
อาเจก็ กบั อาตว่ั โกวเสยี ไปแลว้ อาหยโี่ กว มาเจอคณุ แม่ (คณุ สุรินทร์ เรอื งธนสาร)
กับอาโซ๋ยโกวก็มมี าหาเราที่นบี่ า้ ง ท่ีกรุงเทพฯ ต่อมาก็ได้แต่งงานกัน
คณุ ปคู่ ณุ ยา่ มาจากเมอื งจนี เพราะ คุณแม่เป็นคนกรุ งเทพฯ เป็น
ใบเกดิ ของเราเขากใ็ ชว้ ่า “แซอ่ ๊ึง” ต่อมา คนไทยแต่มีเช้ือสายเป็นคนจีนกวางตุ้ง
คณุ พอ่ เปล่ียนไปใชน้ ามสกุล โดยอาศยั อาศัยอยู่แถววงเวียนโอเดียน เพราะ
ใ ช้ น า ม ส กุ ล ข อ ง น้ อ ง ช า ย ข อ ง อ า เ จ็ ก คุณตาคุณยายเปิดร้านขายของอยู่แถว
นามสกุล “เรืองธนสาร” โอเดียน คณุ แมเ่ รยี นหนงั สอื ท่ีกรุงเทพฯ
เรยี นโรงเรยี นจนี เขาเกง่ ภาษาจนี ต อนอยู่
ชีวิตคุณพ่อเขาล�ำบาก เพราะ กรุงเทพฯ เขาเคยท�ำงานเปน็ ผชู้ ว่ ยหมอ
คุณปู่เสียต้ังแต่คุณพ่อยังเด็ก ช่วงน้ัน คนไทย แต่ไม่ใช่เป็นนางพยาบาลนะ
คุณย่าขายกาแฟอยู่ในตลาด คุณพ่อก็ แต่เป็นคนช่วยหมอรับแขก คุณหมอ
ต้องช่วยคุณย่า ท�ำให้เขาไม่มีโอกาสได้ ช่ือพรหมทัศน์ เขาอยู่ท่ีโรงพยาบาล
เรยี นหนงั สอื ไมไ่ ดไ้ ปโรงเรยี น แตค่ ณุ พอ่ หวั เฉียว แล้วคุณหมอก็มาเปดิ คลินกิ อยู่
เป็นคนขวนขวาย เขาจะให้คนที่มากิน แถวส่พี ระยา
กาแฟช่วยสอนเขาอ่านหนังสือ เรียน
หนังสือ ให้สอน ก.ไก่ ข.ไข่ เวลามีคน
3
ถือก�ำเนิด
เราเกิดวันอาทิตย์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๐ (ตรงกับวันแรม ๔ ค่�ำ
เดือน ๑๑ ปีกุน) ท่ีโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ถนนสาทร เพราะสมัยน้ันคุณพ่อไป
เช่าบ้านอยู่แถวท่าน้�ำสาทร ต่อมาคุณลุงซ่ึงเป็นน้องชายของคุณย่าเขามีงานอยู่
แถวหาดใหญ่ คณุ พอ่ กเ็ ลยไปหางานท�ำแถวหาดใหญ ่ ไปหาท�ำงานเปน็ พวกพอ่ ครวั
หลังจากน้ันคุณพ่อก็ย้ายจากหาดใหญ่ไปที่ตั นหยงมัส จ.นราธิวาส ไปขายโจ๊ก
ขายอยูใ่ กล้กับสถานรี ถไฟ
ช่วงที่เราเกิดใหมๆ่ คณุ พ่อก็เลยส่งคณุ แมก่ ับเราไปอยูก่ ับคุณยา่ ที่สุพรรณบุรี
แตเ่ ปน็ ชว่ งสน้ั ๆ นะ หลงั จากนน้ั กย็ า้ ยมาอยทู่ ป่ี กั ษใ์ ตก้ บั คณุ พอ่ พอโตขน้ึ มาสกั หนอ่ ย
เรากเ็ ขา้ เรยี นชน้ั มลู (ระดบั อนบุ าล) ทต่ี นั หยงมสั ระยะหนง่ึ พอเราอายไุ ดส้ กั ๔ ขวบ
คุณพ่อก็ส่งเราไปอยู่ที่บ้านคุณย่า ซ่ึงอยู่ในตลาดตัวเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี คร้ังนี้
ฝากให้อยู่กับคุณย่ายาวเลย เพราะช่วงน้ันคุณพ่อคุณแม่เขาต้องท�ำงานตลอด
ไมค่ ่อยมเี วลาเลี้ยงดเู รา
ช่วงท่ีคุณพ่อคุณแม่มาฝากเราให้อยู่กับคุณย่า เราก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร
เพราะคณุ ยา่ เล้ียงเราเหมอื นลกู เขา เราก็เลยถือคุณย่าเปน็ พ่อแมไ่ ป เราเปน็ หลาน
คนเดียวที่อยู่บ้านคุณย่านานท่ีสุด เพราะพ่ีน้องคนอ่ืนเขามีบ้านของเขาอยู่กันเอง
ตอนนน้ั ทอี่ ยบู่ า้ นเดยี วกนั กม็ เี รา มอี าหยโี่ กว อยกู่ บั คณุ ยา่ รวมเปน็ ๓ คน ตอนทเี่ รา
ไปอยู่กับคุณย่าน้ัน เขาเลิกขายกาแฟแล้ว แต่ยังมีท�ำขนมขายอยู่บ้างเป็นช่วงๆ
เป็นพวกขนมของคนจีน พวกขนมก้วยอะไรแบบน้ี เวลาไหว้เจ้าไหว้อะไร ย่าเขา
ก็จะท�ำขนมขาย ท�ำบะจ่างบ้าง ท�ำอะไรต่างๆ บ้างขายอยู่ ตอนน้นั เรายังเป็นเด็ก
ก็ไมไ่ ด้ช่วยอะไร เท่าท่ีจ�ำได้เราจะเล่นซะมากกว่า ตอนน้นั ท�ำงานพวกนย้ี ังไมเ่ ปน็
สมัยท่ีอยู่สุพรรณฯ เราก็จะพูดเหน่อเหมือนคนแถวน้ัน มาพูดหายเหน่อก็
ตอนที่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ แล้ว
4
คุณสรุ นิ ทร์ เรอื งธนสาร (คุณแม)่
กบั พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต (ในวยั เด็ก)
วัยเดยี งสา
สมัยก่อนเราก็เล่นเหมือนเด็กทั่วไปเล่นกัน เราไปหัด
วา่ ยน้ำ� ในแมน่ ้ำ� ตอนแรกๆ วา่ ยไมเ่ ปน็ กห็ ดั วา่ ยไปกอ่ น ตอนหลงั
กว็ า่ ยได้สมยั นน้ั เดก็ ๆเขาจะชอบรอใหม้ เี รอื พว่ งมาแลว้ กไ็ ปเกาะ
เรอื พว่ งกนั เรอื พว่ งกจ็ ะเปน็ พวกเรอื บรรทกุ ขา้ ว ทนี เ้ี วลาเรอื มนั
แล่นมา มันก็จะแล่นไม่เร็วมาก เราก็ว่ายน้�ำไปแล้วก็ไปเกาะ
เชือก ถ้ามเี รอื อีกขบวนกลับมา ก็เกาะกลับมา
พวกยิงนกตกปลามีเพ่ือนเขาท�ำกันแต่เราไม่ท�ำ เพราะ
เราไมช่ อบ มคี วามรู้สึกว่าไมส่ บายใจ คิดถึงตัวปลา คิดถึงตัวนก
เราท�ำไม่ลง แต่เล่นไพ่น่ีเล่นอยู่ แต่ไม่ได้เล่นด้วยสตางค์นะ
ใชส้ ตางค์เทียม โดยเอาซองบุหรม่ี าสมมตุ ิเปน็ เงนิ พวกซองบุหร่ี
กรุงทอง เกล็ดทอง พระจันทร์ เราก็ไปเก็บตามถังขยะ แล้วก็
เอามาพบั ใหม้ นั เรยี บรอ้ ย แล้วก็มาสมมตุ ิว่าเปน็ เงินแทน แล้วก็
เลน่ กนั แลว้ กแ็ ทงกนั ได้ แลว้ กย็ งั มเี ลน่ ลอ้ ตอ๊ กบา้ ง วธิ กี ารเลน่ คอื
จะมีไม้กระดานแผ่นหน่ึง แล้วเราก็ใช้เหรียญให้มันกล้ิงลงไป
แล้วก็ดวู ่าของใครจะกลิ้งได้ไกลกว่ากัน คนท่ีกลิ้งได้ไกลกว่าก็มี
สิทธิ์ที่จะเอาเหรียญไปตีให้ถูกจนไปถึงคนที่ใกล้กว่า ถ้าตีถูก
คนน้นั ก็ต้องแพ้ ก็ต้องจ่าย
เท่าที่จ�ำได้ ตอนเด็กๆ เวลาเล่นหรอื ท�ำอะไร เราไมไ่ ด้เปน็
หวั โจกนะ เราไปรว่ มเลน่ กบั เขา ไมไ่ ดเ้ ลน่ เปน็ กลมุ่ ใหญ่ จะเลน่ กนั
แค่ ๒-๓ คน เวลาไปเล่นก็จะไปเล่นกับเด็กใกล้ๆ บา้ น
6
สมัยเด็กๆ
เรากเ็ อาซองบหุ รม่ี าเล่นกนั
ซองบุหร่ีนีร้ าคาเท่านี้
ซองบุหร่ีนีร้ าคาเทา่ นัน้
โอ้ย ขยันเดนิ ไปตามถงั ขยะ
ไปหาซองบุหร่ี
ฝาเบยี รก์ เ็ คยเลน่
ตอนนั้นกเ็ ลน่
เหมือนจรงิ เหมือนจัง
เห็นของพวกนเ้ี ป็นสมบัติ
นอนกอดมนั เลย กลัวมนั หาย
สุพรรณบรุ ใี นอดีต
ค่าขนม
สมัยอยู่สุพรรณบุรี เวลาอยู่ว่างๆ มันก็ไม่อยากอยู่เฉยๆ เราอยากจะหาเงิน
พิเศษของเราเอง เพราะคุณพ่อคณุ แมเ่ ขาไมไ่ ด้ฝากเงินไว้ใหย้ า่ ตอนน้นั คุณย่าเขา
ไมม่ เี งนิ ใหค้ ่าขนม เขาใหแ้ ต่เงนิ ไปโรงเรยี นวันละ ๕๐ สตางค์ เราอยากจะได้เงนิ เพมิ่
ก็เลยต้องหางานท�ำเอาเอง ทีน้ีก็เห็นมีช่องที่จะหาเงินได้ ตอนเช้าต่ืนตี ๕ เราก็ไป
รับปาท่องโก๋มาขายก่อนจะไปโรงเรียน แล้ววันเสาร์อาทิตย์ก็ไปรับพวกขนมจีบ
พวกล็อตเตอร่ี ใบตรวจล็อตเตอร่ี ไปขายตามตลาด มนั ก็มรี ายได้พเิ ศษที่จะมาซ้ือ
ขนมซ้อื อะไร แต่ไมไ่ ด้ถึงกับแร้นแค้นท่ีต้องไปท�ำงาน ไปท�ำงานเพราะอยากได้เงิน
ค่าขนมพิเศษ และความท่ีคุณย่าเป็นคนยากจน ล�ำบาก ท�ำให้เขาค่อนข้างจะ
ประหยัดเพ่อื เก็บเงินเก็บทองไว้ บางทีเราอยากกินก๋วยเตี๋ยว ขอคุณย่าทีไรเขาก็จะ
ใหก้ นิ แต่ขา้ วต้มกบั จับฉา่ ยที่บา้ น เรากเ็ ลยต้องหาเงนิ เอง พอได้ยนิ ว่าขายปาท่องโก๋
แล้วได้เงินก็เลยหางานท�ำพิเศษ แต่ไม่ได้กดดันหรือโดนบังคับอะไร ท�ำด้วยความ
สมคั รใจ ท�ำด้วยความยนิ ดี มคี วามสุข
ช่วงท่ีอยู่กับคุณย่า เวลาถึงเทศกาลกินเจ เราก็จะใส่ชุดขาว แล้วคุณย่าก็จะ
พาเรากินเจ และพาไปดงู ิ้วที่โรงเจตลอด ๗ วัน ๗ คืนด้วย
สมัยน้ันเวลาเราอยากจะดูหนัง ก็ต้องไปรออยู่ท่ีหน้าทางเข้าโรงหนัง พอมี
ผใู้ หญ่เดินเขา้ มา เราก็จะขอเกาะกับเขาไปด้วย (หวั เราะ) บางคนก็ใหเ้ กาะ บางคน
ก็ไม่ให้เกาะ ถ้าไม่รู้จักจะไปเกาะก็ไม่ได้ บางทีไปรอจนกระท่ังหนังฉายก็ไม่ได้ดู
วันน้ันมันก็คอพับกลับบ้าน ก็อาจจะมีเสียใจนิดหน่อย ผิดหวังนิดหน่อย แต่พอ
ผา่ นไปแล้วก็บอกกับตัวเองว่า เดี๋ยวพรุง่ นเ้ี อาใหม่ (หวั เราะ) ชีวิตมนั เปน็ อย่างน้นั
มันคล้ายๆ ว่ามันด้ินรนของมันไปเอง แต่ไม่ได้ไปแบบลักขโมย ไปท�ำอะไรผิดศีล
ผดิ ธรรมอะไร
8
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
9
เล่าเรยี นเขยี นอ่าน
เร่ืองเรียนหนังสือ ตอนแรกเรา พอเราจบป.๑ คุณย่าอยากให้ไป
เข้าโรงเรียนเอกชนที่สุพรรณบุรีก่อน เรียนภาษาจีน เลยต้องย้ายโรงเรียนไป
โรงเรียนนี้อยู่ใกล้บ้าน อยู่ใกล้ตลาด เริ่มเรียนป.๑ ใหม่อีกคร้ังที่โรงเรียนจีน
เป็นโรงเรียนไทย ช่ือโรงเรียนสามัคคี ที่ โ ร ง เ รี ย น น้ี เ ข า ไ ม่ ไ ด้ ส อ น ภ า ษ า จี น
ศกึ ษา อย่างเดียว จะมีสอนภาษาไทยด้วย
ตอนเรียนภาษาจีน ครูจะสอนให้หัด
สมยั เรยี นช้ันป. ๑ ท่ีน่ี เราจ�ำได้ว่า เขียนด้วยพู่กันจีน ตอนน้ันเราก็เลย
เราเคยเขา้ วดั ชว่ งนนั้ เพราะทโ่ี รงเรยี นน้ี พอเขียนภาษาจีนได้อยู่ และพูดภาษา
ทุกวันพระ ครูจะพาเด็กเข้าวัดไปฟัง จีนได้ แต่ตอนนี้พูดภาษาจีนไม่ได้แล้ว
เทศน์ฟังธรรม ไปถือศีล ไปสมาทาน แต่พอฟังได้บา้ ง
ศีลกัน แต่สมัยนี้ไม่มีแล้วเร่ืองราว
เหล่านี้ เพราะถูกอิทธิพลของวัตถุดูด พอเราย้ายมาอยู่โรงเรียนใหม่
ไปหมด หลงไปกับการหาความสุขทาง เ ร า ก็ ไ ม่ เ ค ย เ ข้ า วั ด อี ก เ ล ย ไ ม่ เ ค ย
ด้านวัตถุกัน ใสบ่ าตร เพราะทางบา้ นเขากไ็ มไ่ ดน้ บั ถอื
ศาสนาอะไร คุณพ่อเป็นคนท่ีไม่เช่ือ
เร่อื งศาสนาแต่เขากเ็ ปน็ คนท�ำบุญ ถ้ามี
พระมา เขาก็ใสบ่ าตรให้ และเขาก็ชอบ
ช่วยเหลือคน ถ้ามีใครเดือดร้อนมา
ขอความช่วยเหลือ เขาก็จะช่วยเหลือ
แต่ตัวเขาไม่เคยเข้าวัด และก็ไม่เคยพา
ครอบครัวเข้าวัดด้วย เลยดูเหมือนคน
ไมม่ ศี าสนา
10
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ต่อมาคุณพ่อคุณแม่ก็ย้ายจาก โรงเรียนอัญสัมชัญ ศรีราชา แล้ว
ปักษ์ใต้มาท�ำงานที่พัทยาเหนือ เพราะ เ ข า ก็ ส อ บ เ อ น ท ร า น ส์ ไ ด้ เ ข้ า เ รี ย น ท่ี
พ่ีชายของคุณแม่เป็นคนรับเหมาท�ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ารุ่นเดียว
พวกระบบประปาทพ่ี ทั ยา เขากเ็ ลยชวน กับสมเด็จพระเทพฯ (สมเด็จพระ-
ให้ย้ายมาท�ำงานที่นี่ คุณพ่อก็เลยไป กนิษฐาธริ าชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ-
หัดพวกงานก่อสร้าง พวกงานช่างไม้ รตั นราชสดุ าฯ)
ช่างปูน แล้วเขาก็ได้งานสร้างบ้านพัก
ตากอากาศให้กับคนกรุงเทพฯ เม่ือ ต อ น ที่ เ ร า ย้ า ย ม า อ ยู่ ท่ี พั ท ย า
คุณพ่อได้ต้ังรกรากที่พัทยาแล้ว เขาก็ เราเพิ่งจบ ป.๓ ที่โรงเรียนจีนจาก
ไปรับเราจากสุพรรณบุรีมาอยู่ด้วยกัน สุพรรณบุรี ตรงกับช่วงปิดเทอมพอดี
ที่พัทยา ตอนน้ันคุณพ่อยังไม่รู้ว่าจะให้เราเรียน
ท่ีไหน พอดีมคี รูจากโรงเรยี นเซเว่นเดย์
น้ อ ง ส า ว ข อ ง เ ร า ( คุ ณ กั ล ย า มาพักที่บ้านพักตากอากาศที่คุณพ่อ
เรืองธนสาร) อายุห่างเรา ๙ ปี เราเกิด สรา้ งไวใ้ หค้ นมาพกั ผอ่ น กเ็ ลยไดร้ ูจ้ กั กบั
พ.ศ. ๒๔๙๐ เขาเกิด พ.ศ. ๒๔๙๙ ครูคนนี้ ครูเขาก็เลยชวนให้มาเรียนที่
น้ อ ง ส า ว เ กิ ด ท่ี โ ร ง พ ย า บ า ล หั ว เ ฉี ย ว เซเว่นเดย์ท่ีกรุงเทพฯ เรียนเป็นภาษา
กรุงเทพฯ หมอท่ีคุณแมเ่ คยท�ำงานด้วย อั ง ก ฤ ษ คุ ณ พ่ อ เ ร า เ ป็ น ค น ที่ ม อ ง
เป็นคนท�ำคลอดให้ น้องสาวเราอยู่กับ การณ์ไกล เขาคิดว่าเรียนหนังสือเป็น
คุณพ่อคุณแม่ตลอดที่พัทยา เพราะ ภาษาอังกฤษ อนาคตมันน่าจะดี เขาก็
ช่วงน้ันคุณพ่อได้ต้ังรกรากท่ีพัทยาแล้ว เลยตัดสินใจส่งเราไปเรียนที่โรงเรียน
เขาเรียนหนังสือที่โรงเรียนเซนต์ปอล เซเว่นเดย์ (โรงเรียนแอ๊ดเวนตีสเอกมยั )
คอนแวนต์ ศรีราชา และก็มาต่อที่ กรุงเทพฯ
11
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
เซเวน่ เดย์
โดยปกติเวลาจะเข้าเรียนท่ีโรงเรียนเซเว่นเดย์ครั้งแรก ผู้ปกครองจะต้อง
เสียค่าแป๊ะเจ๊ียะให้กับทางโรงเรียน แต่กรณีของเราเป็นกรณีพิเศษ คือไม่ต้องเสีย
ค่าแป๊ะเจี๊ยะ เพราะอาศัยรู้จักกับคุณครูท่ีแนะน�ำมา เราเข้าไปเรียนท่ีโรงเรียน
เซเว่นเดย์ ปี พ.ศ. ๒๕๐๑
เวลาย้ายมาเรยี นท่ีโรงเรียนเซเว่นเดย์ เราก็ต้องมาเร่มิ เรียน ป.๑ ใหมอ่ ีกคร้งั
เปน็ Grade ๑ เพราะไมเ่ คยเรยี นภาษาอังกฤษมาก่อน ท้ังท่ีตอนนน้ั เราต้องเรยี นอยู่
ป.๕ แล้ว แต่ก็ต้องไปเร่ิม ป.๑ ใหม่อีก แต่ก็เป็นธรรมดา เพราะคนท่ีมาเข้าเรียน
ที่โรงเรียนเซเว่นเดย์ใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะไม่มีพ้ืนฐานภาษาอังกฤษจากโรงเรียนอ่ืน
มาก่อน จึงท�ำใหต้ ้องมาเรมิ่ เรยี นต้ังแต่เบ้ืองต้นใหม่ ก็จะมเี ด็กโตหลายคนที่ต้องมา
เร่มิ เรียน Grade ๑ ใหม่ เราก็เลยไมเ่ หน็ เปน็ เร่ืองแปลกอะไร แล้วพอปที ่ี ๒ เขาก็
ใหเ้ ราข้ามช้ันไปเรียน Grade ๓ พอเรยี นจบ Grade ๓ โรงเรยี นมปี ญั หา เน่อื งจาก
กระทรวงศกึ ษาฯ มาตรวจสอบพบว่าโรงเรียนนเ้ี ปน็ โรงเรียนเถ่ือน เพราะไมม่ กี าร
จดทะเบยี นใหถ้ ูกต้อง
ตอนแรกๆ โรงเรียนเซเว่นเดย์น้ีเป็นโรงเรียนเล็กๆ ไม่ได้มีการจดทะเบียน
กับทางกระทรวงศึกษาฯ เพราะเขาจะสอนให้กับพวกลูกของหมอมิชชั่นนารีที่
เป็นชาวต่างชาติที่ท�ำงานในโรงพยาบาลมิชช่ัน หรือลูกของพวกเซเว่นเดย์เท่าน้ัน
โดยโรงเรียนนี้จะสอนในระบบของอเมริกัน ต่อมาคนต่างชาติและคนไทยก็รู้จัก
โรงเรียนน้ีมากข้ึน เขาก็เลยชวนกันมาเรียนท่ีน่ี มันก็เลยกลายเป็นโรงเรียนใหญ่
ขน้ึ มา พอกระทรวงศกึ ษาฯ มาตรวจสอบและพบวา่ โรงเรยี นนไ้ี มไ่ ดเ้ ปดิ อยา่ งถกู ตอ้ ง
ตามกฎหมาย เขาก็เลยส่ังปิดโรงเรียน จ�ำไม่ได้ว่าส่ังปิดก่ีเดือน ตอนหลังโรงเรียน
ได้จดทะเบียนอยา่ งถกู ต้องเปน็ แบบโรงเรียนอาชีวะ
13
ภาพสมัยเรียนอยู่ Grade ๓ ท่โี รงเรยี นแอด๊ เวนตสี เอกมยั (เซเวน่ เดย)์
เราต้องเร่ิมเรียน ป.๑ ใหม่ในโรงเรียนน้ี
เม่อื เทียบกบั เดก็ ในวยั เดยี วกันแลว้
เราจงึ เรยี นช้ากวา่ คนอื่นมาก
เพราะตอ้ งเรียน ป.๑ ซ้ำ� ถึง ๓ รอบ
14
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
เราจ�ำได้ว่า โรงเรียนนี้ก่อนที่จะจดทะเบียน เราจะเรียนแค่คร่ึงวัน และไม่มี
เคร่ืองแบบ เป็นเหมือนโรงเรียนนานาชาติ และแต่ละช้ันเรียนจะมีแค่ห้องเดียว
ไมไ่ ดแ้ ยกนกั เรยี นชายกบั นกั เรยี นหญงิ แตพ่ อโรงเรยี นจดทะเบยี นเปน็ แบบโรงเรยี น
อาชวี ะแล้ว ต้องเรยี นเต็มวัน และต้องใส่เคร่อื งแบบของโรงเรียน คือเส้ือเช้ติ สีขาว
และกางเกงขายาวสกี รมทา่ และใหแ้ ยกนกั เรยี นชายกบั นกั เรยี นหญงิ ใหอ้ ยกู่ นั คนละ
โซน ผู้หญิงอยู่โซนหน่ึง ผู้ชายอยู่อีกโซนหน่ึง ช้ันหน่ึงก็เลยมีสองห้อง ห้องหน่ึงก็
ประมาณ ๒๐ กว่าคน เปน็ ผหู้ ญงิ ๒๐ กว่าคน ผชู้ าย ๒๐ กว่าคน ช่วงเวลาพกั เท่ียง
พักกลางวัน เวลาเล่นกีฬา หรือเล่นอะไร ก็จะมารวมกัน ส่วนใหญ่ก็จะรูจ้ ักกันหมด
เพราะเคยเรยี นหนงั สอื หอ้ งเดียวกันมาก่อน สนทิ สนมกัน เจอกันทุกวัน
เน่อื งจากหยุดเรยี นไปหลายเดือน พอโรงเรยี นกลบั มาเปดิ ใหม่ เขากเ็ ลยใหเ้ รา
ข้ามช้นั จาก grade ๓ ไปอยู่ grade ๖ ตอนที่เรยี นก็ไมไ่ ด้รูส้ กึ ยากเยน็ อะไร มนั ยาก
ตรงที่ภาษาเท่าน้นั เอง แต่ความสามารถน้ี ชว่ งน้นั เราควรจะอยู่ ป.๗ ป.๘ ไปแล้ว
นอกจากนี้ ทางกระทรวงศึกษาฯ เขาก็บังคับให้นักเรียนโรงเรียนเซเว่นเดย์
ต้องมีความรู้ด้านภาษาไทยอย่างน้อยในระดับช้ัน ป.๔ เราก็เลยต้องไปลงเรียน
สอบเทียบวิชาภาษาไทยของระดับช้ัน ป.๔ ตอนน้นั ไปสอบท่ีโรงเรยี นอ�ำนวยศลิ ป์
กอ่ นท่ีไปจะสอบเทียบ ท่ีโรงเรยี นเซเว่นเดยเ์ ขาจะมคี รูมาติวสอนภาษาไทยในระดับ
ป.๔ ให้ เราจ�ำได้ว่าต้องเรยี นภาษาไทย ป.๔ ควบค่ไู ปปหี น่งึ ม้งั แต่ไมไ่ ด้เรยี นแบบ
เต็มเวลานะ เปน็ เหมอื นเรยี นพเิ ศษอย่างน้ี เรยี นแค่ช่วงกลางวัน
สมัยเรียนหนังสือท่ีน่ี ครูจะบังคับให้นักเรียนสมัครซ้ือนิตยสาร Times กับ
Reader Digest มาอ่าน เพ่อื ใหน้ กั เรียนได้เรียนรู้เพ่มิ เติมเก่ียวกับ Current Event
หรือข่าวสารต่างๆ ท�ำให้เราโชคดี ได้เรียนรู้ข้อมูลต่างๆ และประกอบกับเราเป็น
คนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว เห็นหนังสือวางไว้ตรงไหนก็จะชอบหยิบมาอ่าน มันก็
เลยมคี วามรู้ของมนั เองโดยท่ีไมต่ ้องไปถามใคร
15
มรณานุสติปรากฏ
ตอนอายุ ๑๒ ปี เราได้ไปรว่ มงานศพ ว่า เราก็ต้องตาย พ่อก็ต้องตาย
ข อ ง พี่ ช า ย ข อ ง เ พ่ ื อ น ที่ เ รี ย น เ ซ เ ว่ น เ ด ย์ แม่ก็ต้องตาย คนท่ีเรารักอะไรก็
ด้วยกัน เขาไปตายที่อเมริกา จมน้�ำตายใน ต้ องตายไปหมด มันคิ ดไปจน
สระน้ำ� สาเหตุอะไรไมท่ ราบ พอตายแล้วก็ กระท่ังมันปลงในใจ มันเตรียมรับ
เอาศพกลบั มาท�ำพธิ ที ่ีโบสถ์ เพราะเขาเปน็ กับความจรงิ แล้วมนั ก็ฝงั ใจ แต่มนั
เซเว่นเดย์ ทีน้ีงานศพของชาวคริสต์ เขาก็ ก็ไม่มาท�ำให้ใจเราหดหู่ มันก็ยัง
จะเปดิ ฝาโลงศพใหผ้ ทู้ ี่ไปรว่ มงานแสดงการ ด� ำ เ นิ น ชี วิ ต ห น้ า ที่ ข อ ง มั น ต่ อ ไ ป
คารวะศพ เป็นคร้ังแรกที่เราเห็นคนตาย เรียนหนังสือต่อไป มีอะไรท�ำก็ท�ำ
เห็นซากศพ แต่มันไม่น่าเกลียดน่ากลัว ต่อไป มนั ยังไมม่ ี impact จนขนาด
เขาแต่ งกายซะดี คื อใส่สูทผูกเน็คไท ท่ีว่าไมอ่ ยากจะท�ำงาน ไมอ่ ยากจะ
ดูสะอาดเรียบร้อย หน้าเขาก็มีแต่งหน้า เรียนหนงั สือหรืออะไร มนั ยงั ไมถ่ ึง
ทาอะไรไป แต่หน้าตามันดูเหมือนตุ๊กตา ขนาดน้นั แต่มนั ยงั มี background
มากกว่า ดูเป็นหุ่น แล้วจิตของเราตอนน้ัน ไว้อยู่ว่า น่ีแหละต่อไปก็ต้องตาย
มันก็พิจารณาข้ึนมาว่า ต่อไปร่างกายของ แบบนที้ กุ คน
เราก็ต้องเป็นแบบน้ี ต่อไปพ่อแม่ของเรา
ก็ต้องเป็นอย่างนี้ คนที่เรารักคนท่ีเราห่วง จรงิ ๆแลว้ ของอยา่ งนม้ี นั ตอ้ ง
มันก็ต้องเป็นอย่างนี้ มันคิดของมันไปเอง เคยเรียนมาก่อน อยู่ดีๆ ถ้าไม่มี
แปลก มันไม่มีใครเคยสอน ก็เลยท�ำให้ ใครสอนมนั ไมค่ ิดหรอก มนั อาจจะ
หตู าสว่าง เคยฝึกดมู รณานุสติมาก่อน คิดอยู่
บอ่ ยๆ อยูเ่ ร่อื ยๆ แล้วจิตเราก็เปน็
ต้ังแต่เราเกิดมาก็ไม่มีใครเคยแนะน�ำ จิตวิเวก ไมค่ ่อยอยากจะยุง่ กับใคร
หรือพูดถึงเร่ืองความตาย พอเราไปเห็น ไม่อยากคลุกคลีกับใคร น่ีมันเป็น
คนน้ีเข้าป๊ ับ มันก็เลยคิดขยายความไปเลย นสิ ัยของมันท่ีติดมา มนั ก็เลยเปน็
ของมนั โดยอัตโนมตั ิ
16
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ตอนที่ดูก็ไม่ได้ดูแล้วรู้สึกหดหู่ใจ
หรอื อะไร แต่มนั กลับดูแบบปญั ญา คือ
ดูแบบว่า อ๋อ ร่างกายของคนเราก็มี
แค่เน้ีย แต่ตอนน้ันก็ยังไม่ได้รู้จักเร่ือง
จติ นะ ไมไ่ ดแ้ ยกแยะเร่อื งจติ ยงั ไมร่ ูอ้ ะไร
เพยี งแตร่ ูว้ า่ เออ้ รา่ งกายนเ้ี ดย๋ี วมนั กต็ อ้ ง
เปน็ อยา่ งนด้ี ว้ ยกนั ทกุ คน จะวา่ กลวั ตาย
มันก็ยังกลัวอยู่ ถ้าคิดถึงความตายก็ยัง
กลัวอยู่ แต่อย่างนอ้ ยมนั ก็มปี ญั ญาเหน็
แลว้ ว่ายงั ไงกต็ ้องตาย มนั กเ็ ลยตัดความ
ห่วงความอาลัยกับคนต่างๆ ได้เยอะ
แล้วมันก็เอาไปคิดอยู่เร่ือยๆ มันไม่ได้
เหน็ เพยี งแค่หนเดียว เวลากลับมาบา้ น
กค็ อยคดิ อยเู่ ร่อื ยๆ วา่ ตอ่ ไปคนทเี่ รารูจ้ กั
หรอื คนท่ีเรารกั เราอะไรกต็ ้องจากกนั ไป
เวลาดแู ล้วมนั เหมือนกับเป็นการร้อื ฟ้ นื ความจ�ำเก่าว่า
นี่ละ่ คอื ความจริง ความรู้นี้มนั อย่ลู กึ ๆ ในใจ
บางคร้งั บางคราวมนั ก็จะโผลข่ ้นึ มาเตอื น แตไ่ มถ่ ึงกับท�ำให้เรา
หมดก�ำลังจติ กำ� ลังใจทจี่ ะอยู่ต่อไป เรากย็ งั สามารถด�ำเนนิ ชวี ติ ไปได้
อยากปกติ แตเ่ หมอื นมภี มู ิค้มุ กนั เหมือนฉดี วัคซนี ไว้ ถา้ เกดิ ตอนนั้น
เสยี คุณพ่อคณุ แม่ไป กอ็ าจจะเสยี ใจบ้าง แต่จะไมถ่ ึงกบั กินไมไ่ ด้
นอนไม่หลบั เศรา้ โศกเสยี ใจมากขนาดนั้น
เพราะเหมือนกับเราร้ลู ่วงหนา้ อย่กู ่อนแล้ว จิตใจก็ไมว่ นุ่ วาย
17
ใครจะมาไถบ่ าปให้ได้
สมยั กอ่ นจะมขี อ้ ตกลงกนั ระหวา่ งโรงเรยี นเซเวน่ เดยก์ บั นกั เรยี น คอื เขาบงั คบั
ใหน้ กั เรยี นต้องไปเขา้ โบสถ์ทกุ วันเสาร์ สมยั นน้ั ท่ีโรงเรยี นยงั ไมม่ โี บสถ์ ก็เลยต้องไป
เข้าโบสถ์ท่ีโรงพยาบาลมิชช่นั ซ่ึงอยู่แถวสะพานขาว ตอนเรียนท่ีนี่ก็เลยมีศาสนา
ครสิ ต์เปน็ ศาสนาของเรา
ตอนไปเข้าโบสถ์ เราก็ได้ฟงั เร่อื งพระเจ้าสรา้ งโลก และเร่อื งอะไรต่างๆ ของ
ศาสนาครสิ ต์ มนั ก็เลยซมึ ซบั มาเร่อื ยๆ และชว่ งท่ีเรยี นอยู่ ถ้านกั เรยี นคนไหนสมคั ร
เปน็ เซเว่นเดย์ ที่โรงเรยี นเขาจะใหส้ ทิ ธพิ์ เิ ศษคือลดค่าเล่าเรยี นให้ เราก็คิดว่ามนั ก็ดี
นห่ี ว่า ก็เลยตัดสนิ ใจสมคั รเปน็ เซเว่นเดยต์ อนอายุประมาณ ๑๕ หรอื ๑๖ ปนี แ่ี หละ
พอสมคั รไปแล้ว เขาจะมคี นมาสอนพิเศษให้ มาอบรมส่ังสอนเร่อื งวิถีชีวิตของชาว
ครสิ ต์ใหเ้ รา
พอถึงเวลาท่ีจะท�ำพิธอี าบน้�ำช�ำระบาปเพ่ือเป็น
เซเว่นเดย์ เขาก็ถามว่า “คุณพร้อมหรือยัง”
เราก็ตอบว่า “ไม่ค่อยพรอ้ มแล้ว” เขาก็ถามว่า
“ทำ� ไมละ่ ”เราตอบวา่ “ในใจลกึ ๆแลว้ มนั ไมค่ อ่ ย
ศรัทธาเร่ืองท่ีพระเยซูจะมาไถ่บาปให้เราได้
เพราะบาปของเรา พระเยซูจะมารู้ได้ไงว่า
เราท�ำอะไรไปบ้าง แล้วจะไถ่บาปให้กับเราได้
จรงิ ๆ เหรอ เหตผุ ลมนั ไมล่ งตัว นเ่ี รายงั รบั ไมไ่ ด้
เพราะบาปของเรา ใครจะมาไถ่ใหไ้ ด้”
18
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
สุดท้ายเราก็เลยไมไ่ ด้เปน็ แต่ก็มเี พ่อื นบางคนเขาก็สมคั รเปน็ เซเว่นเดย์ หรือ
บางคนเขาก็เปน็ เซเว่นเดยเ์ พราะพอ่ แมเ่ ขาเปน็ มาอยู่แล้ว
เร่ืองเก่ียวกับศาสนาคริสต์น้ี เราได้ศึกษามาพอสมควร จึงท�ำให้รู้ว่าศาสนา
ครสิ ต์เขาสอนยงั ไง ความดีที่เขาสอนใหท้ �ำมี ๓ ข้อ คือ สอนใหท้ าน สอนใหเ้ มตตา
ต่อเพ่ือนมนษุ ยท์ ้ังหลาย แล้วก็ใหร้ กั ษาศลี และเขาก็บอกว่าคนเราจะหลุดพน้ จาก
บาปจากกรรมได้น้ัน เราต้องเช่ือในพระเยซู เพราะพระเยซูเป็นลูกของพระเจ้าท่ี
ส่งมาให้ไถ่บาปแก่พวกเรา และถ้าเราต้องการท่ีจะกลับไปอยู่กับพระเจ้า ในสมัย
ที่พระเยซูกลับลงมาจากสวรรค์ เราก็ต้องเช่ือพระเยซู เพราะพระเยซูบอกไว้ว่า
ตอนน้ีเราตายเพียงช่ัวคราว ไม่ได้ตายจริง ดังน้ันเวลาชาวคริสต์ตาย เขาจึงฝังไว้
ไมม่ กี ารเผา แลว้ สกั วันหน่งึ พระเยซูจะมาเปดิ ปา่ ชา้ เพ่อื ปลกุ คนท่ีนอนอยูใ่ นปา่ ชา้ นี้
ลกุ ข้นึ มาเพ่อื พากลับข้นึ ไปสวรรค์เพ่อื ไปอยูก่ ับพระเจ้าตลอดอนนั ตกาล แต่ก่อนที่
พระเยซูจะมาได้ ชาวคริสต์ทุกคนจะต้องน�ำข่าวน้ีไปกระจายให้คนท้ังหลายใน
โลกนไี้ ด้รูก้ นั ใหม้ ากท่ีสดุ กอ่ น เวลาพระเยซูลงมาจากสวรรค์แลว้ พระเยซูจะปลกุ ให้
ผู้คนที่ตายไปแล้วต่ืนข้ึนมา แล้วเขาก็จะเอาแต่คนท่ีเช่ือพระเยซูกลับไปสวรรค์
คนที่ไม่เช่ือก็จะถูกไฟเผาตายหมดแบบถาวร น่ีคือเป้าหมายของศาสนาคริสต์
ดังน้ันจึงมีชาวคริสต์มาเผยแผ่ธรรมะให้พวกชาวเขาชาวป่าชาวอะไรต่างๆ เพราะ
เขาต้องการใหท้ กุ คนได้ทราบขา่ วนนี้ น่ั เอง หลักการนเ้ี ราฟงั แล้วก็รูส้ กึ ว่าค่อนขา้ งท่ี
จะไมม่ เี หตมุ ผี ล ไมน่ า่ เช่อื ถือ แต่หลกั การอ่ืนของศาสนาครสิ ต์ คือเร่อื งการท�ำดีได้ดี
สอนไมใ่ หฆ้ า่ สตั วต์ ัดชวี ิต ไมใ่ หป้ ระพฤตผิ ดิ ประเวณี สอนใหม้ คี วามเมตตาชว่ ยเหลอื
คนท่ีตกทุกขไ์ ด้ยาก เราจะเช่ือในหลักการนม้ี ากกว่า
19
รู้รบั ผิดชอบตัวเอง
ช่วงท่ีเรียนเซเว่นเดย์ เราย้ายที่พักหลายที่ เพราะว่าไม่มีบ้านอยู่กรุงเทพฯ
บา้ นแรกท่ีเราไปอยู่ เปน็ บา้ นของเศรษฐชี าวจีนฮอ่ งกง แต่มาท�ำมาหากนิ ที่เมอื งไทย
รู้สึกจะเป็นเจ้าของบริษัทขายยา เป็นตัวแทนของบริษัทเมอร์คชาร์ปแอนด์โดม
ขายยาของฝรง่ั บา้ นเขาอยทู่ ่ีซอยประสานมติ ร พอดเี ขามาใหค้ ณุ พอ่ เราปลกู บา้ นให้
ท่ีพทั ยา และได้ทราบว่าเขาก็มลี กู เรยี นท่ีเซเว่นเดยเ์ หมอื นกัน จังหวะมนั มา ธรรมะ
จัดสรร ลูกจะได้เรียนเซเว่นเดย์ แล้วก็มารูจ้ ักคนท่ีมลี ูกเรยี นเซเว่นเดยด์ ้วย คณุ พ่อ
ก็เลยขอฝากเราให้ไปอยู่บ้านน้ีเลย ตอนน้ันก็เลยอาศัยไปอยู่บ้านเขาและอาศัยไป
โรงเรียนกับเขาไปด้วย อยู่กับเขาเทอมหน่งึ หรอื ปหี น่งึ นแ่ี หละ
จากบ้านพักที่อยู่ซอยประสานมิตร คุณพ่อก็ให้เราย้ายมาอยู่ที่ถนนนเรศ
เพราะพ่อเขามีเช่าห้องพักไว้เวลามากรุงเทพฯ เวลามาเขาก็จะมาอยู่ห้องนี้
เจ้าของบ้านเช่าจะอยู่ช้ันบน แล้วห้องท่ีคุณพ่อเราเช่าจะอยู่ช้ันล่าง เราก็พักอยู่
ห้องที่คุณพ่อเราเช่าทิ้งไว้ แล้วเขาก็ท้ิงเงินให้ใช้ส�ำหรับอาทิตย์หน่ึงไว้เป็นค่ารถ
ไปโรงเรียน ค่าซ้ืออาหารกินเอง หรือค่าอะไรต่างๆ ตอนน้ันเราอยู่คนเดียวก็ต้อง
ไปโรงเรยี นเอง ตอนเชา้ เราจะเดนิ ไปขน้ึ รถทถ่ี นนสพ่ี ระยาไปลงทส่ี ามยา่ น แลว้ กข็ น้ึ
รถจากสามย่านมาที่ซอยเอกมัย จากปากซอยเอกมัยก็ต่อสามล้อเข้าไปท่ีโรงเรียน
ตอนน้นั มสี ามล้อขีก่ ่อน ต่อมาก็มสี ามล้อตุ๊กต๊กุ
เราอยูแ่ บบนน้ั นะ ไมไ่ ด้อยูก่ บั พอ่ แมต่ ลอดเวลา บางทีคณุ พอ่ เขา้ มากรุงเทพฯ
กจ็ ะพาเราไปดหู นงั บา้ งอะไรบา้ ง แต่กเ็ ปน็ ระยะสน้ั ๆ แค่วันสองวัน เรากเ็ ลยไมม่ ใี คร
มาคอยเอาอกเอาใจหรือคอยส่ังคอยสอนอะไร เราต้องท�ำอะไรเองทุกอย่างตาม
ก�ำลังของเรา ท�ำให้เราต้องรู้จักหน้าท่ีของตัวเองตลอดเวลา ถึงเวลาต้องต่ืนเอง
ถึงเวลากนิ ขา้ ว ถึงเวลาต้องไปโรงเรยี น ต้องท�ำการบา้ น ไมม่ ใี ครมาบอก มนั รูข้ องมนั
อยู่ในตัว มนั คิดของมนั เอง มนั ท�ำของมนั เองโดยอัตโนมตั ิ มนั ก็แปลกนะ เราก็อยู่
20
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
คนเดียวได้ เด็กคนเดียวไมเ่ คยรอ้ งหม่ รอ้ งไห้ งอแง เขาใหไ้ ปอยู่ท่ีไหนก็ไปอยูต่ ามที่
เขาใหไ้ ป ไมต่ ่อต้านไมอ่ ะไรเลย ท�ำได้ท้ังน้นั เปน็ คนสนั โดษ
เราอยทู่ หี่ อ้ งเชา่ นไี้ ดส้ กั ประมาณปหี นง่ึ มง้ั หลงั จากนน้ั คณุ พอ่ กใ็ หย้ า้ ยมาพกั ที่
โรงเรยี นจีน โรงเรยี นนอ้ี ยู่ในซอยกัปตันบุช ใกล้ๆ กับไปรษณียก์ ลาง โรงเรียนนเี้ ปน็
โรงเรยี นทค่ี ณุ แมเ่ คยเรยี นมากอ่ น คณุ แมเ่ ขารูจ้ กั ครูใหญ่ และหลานเจา้ ของโรงเรยี น
กแ็ ต่งงานกบั พสี่ าวของคณุ แม่ คณุ แมก่ เ็ ลยขอใหเ้ รามาอยูท่ ี่นแี่ ค่กนิ นอนแต่ไมเ่ รยี น
หนังสือกับเขา เขาก็ยอมให้อยู่ ช่วงอาศัยอยู่ท่ีน่ันก็มีเด็กท่ีเรียนเซเว่นเดย์ด้วยกัน
ท่ีมบี า้ นอยู่แถวส่พี ระยา แถวเยาวราช ก็เลยได้เหมาแท็กซี่คันหน่งึ น่งั ได้ ๕-๖ คน
ยดั กันไปโรงเรยี น ก็แชรค์ ่ารถแท็กซกี่ ัน โดยจ่ายค่าแท็กซเ่ี ดือนละ ๑๐๐ บาท ไปสง่
เฉพาะตอนเช้าขาเดียว รถแท็กซี่จะเร่ิมรับจากหัวทางแล้วก็แวะมาเร่ือยๆ จนมา
ถึงซอยแถวถนนนเรศ แล้วก็ไปสง่ ถึงโรงเรียนเซเว่นเดย์ท่ีซอยเอกมยั
เราพักอยู่ที่โรงเรียนจีนก็น่าจะนาน
สักปีสองปี แล้วก็ย้ายอีก ทีน้ีย้ายมาอยู่ใกล้
โรงเรยี นเซเว่นเดย์ มาอยูท่ ี่ซอยสขุ ุมวิท ๖๑
กเ็ พราะคณุ พอ่ เราบงั เอญิ ไปรูจ้ กั กบั คณุ คนนี้
ทเ่ี ขาเปน็ เจา้ ของทด่ี นิ ทพี่ ทั ยา แลว้ คณุ พอ่ จะ
ช่วยขายท่ีดินให้เขาเพ่ือจะได้สร้างบ้านพัก
ตากอากาศใหก้ ับคนที่ซ้ือท่ีดิน คุณพ่อก็เลย
ขอฝากเราให้อยู่ท่ีบ้านของเขา เราอยู่ท่ีน่ี
จนเรียนจบเลย อยูป่ ระมาณสกั ๔-๕ ปมี ้งั
แต่ละบ้านที่เราอยู่ เราก็ต้องท�ำตาม
กฎระเบียบของบ้านเขา บ้านสุดท้ายนี้
เราต้องอยู่แบบคนใช้ คืออยูก่ ับคนใช้ กินอาหารกับคนใช้ บางทีเขาก็ใชใ้ หเ้ ราชว่ ย
ท�ำงานบ้าน ชว่ ยรดน้ำ� ต้นไม้ ช่วยตัดหญ้า หรือไมก่ ็ใชใ้ หไ้ ปซ้อื ของที่ตลาด เวลาไป
21
ก็ขี่จักรยานไป บางทีมีรถเข้า-ออก ก็ไปช่วยเปิดประตูบ้าน แล้วท่ีบ้านนี้เขาก็มี
อุปการะเด็กคนหน่งึ จากพทั ยา เปน็ เด็กผชู้ ายเหมอื นกัน ก็เลยอยู่ด้วยกัน เด็กคนน้ี
เจา้ ของบา้ นเขารบั อปุ การะทกุ อยา่ ง ท้งั คา่ การศกึ ษา คา่ ใชจ้ า่ ยอ่นื ๆ แตข่ องเราอาศยั
เขาแค่อยู่กินนอน สว่ นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว คุณพอ่ เราเปน็ คนออกให้
เราอยู่ในสภาพท่ีไม่น่าปรารถนาเยอะแยะ เราไม่ได้อยู่กับพ่อ
กับแม่ เราไปอยูบ่ ้านคนนู้นคนน้ี แต่เราก็ยอมรับกับสภาพของ
เราได้ทกุ สภาพ ไมเ่ คยขอเปล่ียนท่ี ไม่เคยขออะไร พอ่ ให้ไปอยู่
กับใครเราก็ไปอยู่ อยูค่ นเดียวก็อยู่ มันก็ปรับของมันไป แต่เรา
ไมไ่ ด้ทกุ ขก์ ับมนั บางคนท่ีเขาทกุ ขเ์ พราะเขารบั ไมไ่ ด้ เขาอยาก
กลับไปอยู่กับพ่อแม่ อยู่กับพ่อแม่มันสุขกว่า พ่อแม่เขาเอาอก
เอาใจ เวลาไปอยู่กับคนอ่ืน ไม่มีใครมาเอาอกเอาใจเราหรอก
แต่ส�ำหรับตัวเรา เรายอมรับ เราไม่เคยคิดค้านกับสภาพท่ีเขา
มอบให้เราเป็น เราก็เป็นไปตามสภาพ
ช่วงที่เรียนก็จะมีค้างค่าเล่าเรียนเขาบ้าง แต่ค้างไม่นาน ท่ีน่ันเขาต้องจ่าย
เป็นเดือน สมัยน้ันเดือนละ ๓๐๐ บาท ก็ถือว่าแพง เพราะค่าเทอมของโรงเรียน
รัฐบาลน้ีจะไม่กี่สิบบาท จนกระท่ังเจ้าของบ้านที่เราอาศัยเขาอยู่ เขาเป็นอาจารย์
ที่จุฬาฯ เขาก็บอกว่า ไปเรยี นโรงเรียนแพงๆ ท�ำไม เขาไมร่ บั รองวิทยฐานะ พอจบ
แล้วจะไปท�ำอะไรได้ เขาอยากจะชวนให้เราออกจากโรงเรียนเลย เพราะรู้มาว่า
โรงเรียนเซเว่นเดย์เป็นโรงเรียนไม่มีการรับรองวิทยฐานะ เด็กท่ีเรียนจบจากที่นี่
ไมส่ ามารถจะไปต่อได้ นอกจากจะไปเรียนต่อท่ีเมอื งนอก
22
เราเป็นคนไม่ค่อยโกรธ ไม่รู้จะพูดยังไง มันไม่มีอะไรจะโกรธ
เพราะเรายอมรบั กบั สภาพ ใครจะไมช่ อบเรา เรากไ็ ม่ไปโกรธเขา
ไม่รู้มันจะไปโกรธอะไร ไม่มีความรู้สึกติดค้างอะไรด้วย หรือ
มันอาจจะมีบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นปัญหาอะไร หรือถ้าไม่พอใจ
ก็ต่างคนต่างอยู่ไปถ้ารู้ว่าไปด้วยกันไม่ได้ เพราะเราก็ชอบอยู่
คนเดยี วของเราอยแู่ ลว้ เราไมค่ อ่ ยมคี วามรสู้ กึ เรอ่ื งความโกรธ
อะไร เพราะมันอย่คู นเดียวเป็นหลัก
ท�ำงานพิเศษระหวา่ งเรียน
ตอนเรียนที่นี่เราก็ยังหาท�ำงานพิเศษเพ่ือเป็นเงินค่าขนมเหมือนตอนท่ีเรา
เป็นเด็กอยู่ที่สุพรรณบุรี หลังเลิกเรียนแล้ว เราจะท�ำงานเป็นภารโรงที่โรงเรียน
คือล้างหอ้ งน้ำ� กวาดพ้นื เก็บขยะ ท�ำวันละ ๑ ช่วั โมงก่อนจะกลับบ้าน ทางโรงเรยี น
เขาก็จ่ายเงินเปน็ ค่าแรงใหก้ ับเรา
พอเราเรียนถึง Grade ๙ คุณพ่อก็มาเปดิ ร้านอาหารที่พทั ยาอยูแ่ ถวริมทะเล
ขายอาหารไทย อาหารฝร่ัง เพราะมีพวกฝร่ัง GI มาอยู่เยอะ ช่วงน้ันวันจันทร์
ถึงวันศุกร์ เราเรียนหนังสือท่ีกรุงเทพฯ พอถึงเย็นวันศุกร์ เราจะน่ังรถกลับมาท่ี
พัทยามาช่วยคณุ พ่อท�ำงานท่ีร้านอาหาร ท�ำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ แล้วคุณพ่อก็
จ่ายเงินพิเศษใหเ้ ราเปน็ ค่าท�ำงาน
ตอนท่ีเรียนเซเว่นเดย์ เพ่ือนท่ีรู้จักกันก็ไม่มีใครเอาฐานะมาเป็นเกณฑ์
กค็ บกนั เหมอื นเปน็ เพ่อื นเรยี นดว้ ยกนั เราไมไ่ ดม้ ฐี านะดเี หมอื นพวกเขา แตพ่ วกเขา
ก็ไมไ่ ด้ดูถกู อะไร แต่เรากลับเปน็ คนท่ีไมอ่ ยากไปเข้ากับเขา ยง่ิ ใครมฐี านะ เราก็ไม่
อยากจะเข้าไปใกล้
พระอาจารยส์ ชุ าติและเพ่อื นสมยั เรียนโรงเรียนแอ๊ดเวนตีสเอกมยั (เซเว่นเดย)์
24
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
เด็กหัวไว
ตอนท่ีเรียน เราเปน็ คนเรียนหนงั สือปานกลาง ไมเ่ ก่ง เพราะเปน็ คนไมข่ ยัน
แต่เราเป็นคนหัวไว เร่ืองค�ำนวณน้ีมันอยู่ในหัวเราตลอดเวลา มันไม่ล�ำบากอะไร
เราฟังครูพูดในหอ้ งก็เขา้ ใจ เราท�ำการบ้านเองได้ ไมต่ ้องดูหนงั สือซ้�ำอะไร เราชอบ
วิชาคณิตศาสตร์กับวิชาวิทยาศาสตร์ เพราะมันเป็นตรรกะ แต่วิชาอ่ืนที่ต้องใช้
ความจ�ำ เชน่ วิชาประวัติศาสตร์ มนั ต้องมใี หจ้ �ำช่อื นนู้ ช่ือน้ี อยา่ งนก้ี ็จะยากหนอ่ ย
เพราะตอ้ งคอยทอ่ ง แตเ่ ราเปน็ คนมวี นิ ยั เรารูว้ า่ เราตอ้ งทำ� อะไร มกี ารบา้ นกต็ อ้ งทำ�
ถึงเวลาสอบก็ต้องสอบให้ได้ เรามีวินัยในตัวของเรา เราก็ต้องท�ำหน้าที่ของเราไป
แต่ไมถ่ ึงกับเครยี ดกับมนั ว่าต้องได้ที่ ๑ ได้อะไร คือจะเปน็ คนท่ีท�ำไปตามหนา้ ที่
เราเรยี นจบ Grade ๑๒ ภายใน ๘ ปี เพราะมกี าร pass ชน้ั ๓ รอบ จาก Grade ๑
ไป Grade ๓ จาก Grade ๓ ไป Grade ๖ และจาก Grade ๑๐ ก็ข้นึ Grade ๑๒ เลย
สรุปคือเราเข้าเรยี นที่นป่ี ี ๒๕๐๑ แล้วก็จบในปี ๒๕๐๙
ภาพจากหนงั สอื รนุ่ ตอนเรียนจบจากโรงเรียนแอด๊ เวนตีสเอกมยั (เซเวน่ เดย์)
25
ท�ำงาน-เก็บเงนิ ไปเรียนต่อ
พอเรยี นจบจากเซเว่นเดยแ์ ลว้ สว่ นใหญเ่ พ่อื นๆ เขากไ็ ปเรยี นต่อเมอื งนอกกนั
เพราะตอนนน้ั ทางกระทรวงเขาไมร่ บั รองวิทยฐานะของโรงเรยี นเซเว่นเดย์ จบแลว้
ไมม่ สี ทิ ธไ์ิ ปสอบเอนทรานซเ์ ขา้ จฬุ าฯ ห รอื ธรรมศาสตร ์ ส ว่ นใหญค่ นทเี่ รยี นโรงเรยี นน้ี
พอ่ แมเ่ ขามฐี านะดี เขาก็จะสง่ ลกู ไปเรยี นต่อเมอื งนอก มเี ราคนเดียวท่ีฐานะไมด่ ี
พอเราเรยี นจบ เราก็กลับไปอยูท่ ่ีพทั ยากับพอ่ แม่ ตอนนน้ั คณุ พอ่ เขาก็ไมไ่ ด้มี
โปรแกรมจะทำ� อะไรกบั เรา เขากท็ �ำงานกอ่ สรา้ งของเขาไปคนเดียว เพราะไมไ่ ด้เปน็
บรษิ ทั กอ่ สรา้ งใหญอ่ ะไร สมยั นน้ั เขาสรา้ งบา้ นธรรมดา เปน็ งานรบั เหมาเลก็ ๆ นอ้ ยๆ
ไม่ได้มีเคร่ืองไม้เคร่ืองมือมากมาย แล้วเขาก็เห็นว่าเราเป็นเด็กไม่มีความรู้ความ
สามารถในแนวน้ี เขาก็เลยไมม่ คี วามคิดใหเ้ รามาท�ำงานชว่ ยเขา
ในยุคน้ันภาษาอังกฤษเป็นวิชาท่ีมีประโยชน์ ก็พอดีมีบริษัทต่างประเทศ
เข้ามาสร้างสนามบินอู่ตะเภา และต้องการคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ และจังหวะ
ธรรมะจัดสรรอีก เพราะคณุ พอ่ เขาสรา้ งบา้ นพกั ตากอากาศใหค้ นเชา่ ลกั ษณะที่พกั
มนั เปน็ รสี อรท์ เปน็ ท่ีพกั ผอ่ น มนั สะดวกสบายกว่าอยูท่ ่ีสตั หบี พวกฝรง่ั ที่มาท�ำงาน
ท่ีสนามบนิ อู่ตะเภาก็เลยมาเชา่ บา้ นพกั ตากอากาศที่พอ่ ของเราทำ� ไว้ที่พทั ยา เราก็
คิดไปเองว่าจะมงี านเปดิ ชอ่ งใหเ้ ราไหม เรากเ็ ลยถามเขาว่า “จะไปท�ำงานที่อู่ตะเภา
ได้ไหม” เขาบอกว่า “ได้ ลองดูซิ” เราก็เลยอาศัยรถเขาไป ไปกับเขาน่ันแหละไป
สมัครงาน พอเขารู้ว่าเราเป็นภาษาอังกฤษและพิมพ์ดีดได้ เขาก็จัดการให้เราได้
งานท�ำโดยไม่ต้องไปเข้าแถวต่อคิวสมัคร เขาเอาใบสมัครมาให้กรอกเลย ได้เส้น
ฝร่ังดี กรอกเสร็จก็ท�ำงาน เขาจ้างเราเข้าไปท�ำงานต�ำแหน่ง Typist (นักพิมพ์ดีด)
ใน Warehouse (โกดังสินค้า) พอเขาเห็นเราพูดภาษาอังกฤษดี บางทีเขาก็ใช้เรา
ไปเป็นล่าม หรือบางทีก็ให้เราไปซ้ือของให้เขาในตลาดท่ีสัตหีบเพราะขาดของ
และต้องใช้กะทันหนั เช่น ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย เปน็ ต้น เขาก็ใหเ้ งินเราไปซ้อื ใหเ้ รา
26
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
“เริ่มงานเวลาเจ็ดโมงเช้า
และเลิกงานตอนเย็นห้าโมงครึ่ง
ไดเ้ งินวันละประมาณรอ้ ยบาท
ตอนนัน้ ท�ำงาน ๖ วนั ต่อสปั ดาห์
วันจันทรถ์ งึ วันเสาร์
แต่ถา้ อาทิตย์ไหนรา่ งกายยังสูไ้ หว
ก็จะท�ำวันอาทิตยด์ ้วย
เพราะจะไดค้ ่าแรงสองเทา่
ดว้ ยความทีอ่ ยากจะไปเรียนตอ่ ต่างประเทศ
อยากไปสัมผัสกบั โลกทีไ่ มเ่ คยเห็น
จงึ ต้องทำ� งานอย่างกระเสอื กกระสนเพื่อเกบ็ เงินเอง”
สนามบนิ อตู่ ะเภา จ.ชลบุรี
27
ขับรถไปซ้ือของให้เขาเหมือนเราเป็นคนซ้ือของให้เขาอย่างไม่เป็นทางการ เพราะ
ช่วงน้ันก็เพิ่งเร่ิมต้นใหม่ๆ แผนกจัดซ้ือยังไม่มา พอท�ำงานมาได้สัก ๖-๗ เดือน
ทางเจ้าหนา้ ที่จัดซ้ือก็มา เขาก็รบั หนา้ ท่ีนไ้ี ป
สมัยน้ันท�ำงานรายได้ดี เขาให้เป็นช่ัวโมง วันหน่ึงท�ำงาน ๑๐ ช่ัวโมง
๘ ช่ัวโมงแรก เปน็ rate ปกติ แล้วอีก ๒ ช่ัวโมง เปน็ OT. (Overtime) ก็รวมเปน็
๑๑ ช่ัวโมง เพราะ OT. เขาให้ ๑.๕ เท่า ถ้าท�ำงาน ๒ ช่ัวโมง ก็เท่ากับได้ ๓ ช่วั โมง
ก็เท่ากับวันหน่งึ ท�ำ ๑๐ ช่ัวโมง แต่ได้ ๑๑ ช่ัวโมง ตอนน้นั ค่าแรงเริ่มต้ังแต่ช่ัวโมงละ
๘ บาท ตกประมาณวันละ ๑๐๐ บาท เขาก็มคี ่าเบย้ี เลี้ยงใหว้ ันละ ๑๕ บาท เปน็ ค่า
อาหาร กพ็ อดเี ราไมม่ คี า่ ใชจ้ า่ ยอะไรเพราะเราอยบู่ า้ น กนิ ขา้ วบา้ น เงนิ สว่ นใหญท่ ไี่ ด้
ก็เลยใหแ้ มช่ ว่ ยฝากธนาคารให้
เราเป็นลูกที่ไม่เคยอยู่กับพ่อแม่นาน เราได้อยู่ด้วยกันกับพ่อแม่ก็ตอนมา
ท�ำงานอยูท่ ี่สนามบนิ อู่ตะเภาน้ี อยูแ่ ค่ช่วงส้ันๆ ปเี ศษๆ ถึงแมอ้ ยู่บา้ นเดียวกันแต่ก็
ไมค่ ่อยได้เจอกัน เพราะตอนเช้าเราก็ไปท�ำงาน ตอนเย็นกลับมาก็นอน เลยไมค่ ่อย
มเี วลาได้พูดจาหรือท�ำกิจกรรมอะไรต่างๆ ร่วมกันมากเท่าไร
ช่วงที่เราท�ำงานอยู่ท่ีอู่ตะเภา ส่วนใหญ่เพ่ือนๆ ที่เซเว่นเดย์เขาก็ไปเรียนต่อ
ตา่ งประเทศกนั แลว้ เพราะพอ่ แมเ่ ขามเี งนิ ถา้ เราอยากจะไปเรยี นตอ่ เมอื งนอกจรงิ ๆ
พอ่ แมเ่ ราก็ไมม่ ปี ญั ญาส่ง เพราะพอ่ แมเ่ ราไมเ่ คยไปเมอื งนอก เขาไมร่ ูว้ ่าการจะไป
เมืองนอกไปยังไง ต้องใช้เงินเท่าไร เขาก็เลยไม่ได้พูดอะไร และเขาก็เห็นว่าเรามี
งานท�ำแล้วเราก็ดูแฮปป้ ีดี แต่ในความคิดของเราเร่ืองไปเรียนเมืองนอก จะว่า
อยากไปมนั ก็ไมเ่ ชงิ แต่จะว่าไมอ่ ยากไปมนั ก็ไมเ่ ชงิ เพราะจรงิ ๆ แล้วมนั ไมม่ ที างไป
มันก็เลยไม่รู้จะคิดยังไง เราไม่ได้คิดผิดหวังหรือเสียใจท่ีไม่ได้ไปเหมือนคนอ่ืน
เขาได้ไปก็เร่ืองของเขา ส่วนชีวิตของเราน้ี พอดีธรรมะจัดสรรมันมาให้มีงานท�ำ
มนั ก็ดี ก็เลยได้ลองท�ำดู
28
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
เราทำ� งานอยทู่ ส่ี นามบนิ อตู่ ะเภาไดป้ ระมาณปเี ศษๆกเ็ กบ็ เงนิ ได้๓๐,๐๐๐บาท
เราเหน็ ว่าพอมหี นทางที่จะไปเรยี นต่อเมอื งนอกได้ กเ็ ลยลองไปค้นหามหาวิทยาลยั
ที่ต่างประเทศดู สมัยน้ันยังไม่มีอินเตอร์เน็ต เลยต้องหาข้อมูลท่ีห้องสมุด
พอวันหยุดเราก็เข้ามากรุงเทพฯ ไปที่ห้องสมุดของอเมริกัน เขาเรียกว่า USIS
(The United State Information Service) สมยั น้นั อยู่ที่ถนนพฒั นพ์ งศ์ เราก็ไปหา
หนงั สือของมหาวิทยาลัยต่างๆ ในอเมรกิ า ก็เลยเหน็ ว่ามหาวิทยาลัยของรัฐนรี้ าคา
ถูกกว่ามหาวิทยาลัยเอกชน และถ้าเป็นแบบ City College ของรัฐนี้ มันถูกที่สุด
หน่วยกิตละ ๕ เหรียญเท่าน้ันเอง ค่าเล่าเรียนเทอมหน่ึงก็ประมาณ ๗๕ เหรียญ
สมัยน้ันอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลล่าร์ เท่ากับ ๒๐ บาท ถ้า ๗๕ เหรียญ ก็แค่
๑,๕๐๐ บาท ฉะน้นั ค่าเล่าเรยี นตอนน้นั ไมม่ ปี ญั หา มนั ถูก ก็เลยลองสมคั รที่ City
College ก่อน ตอนน้นั ก็ได้สองที่ ที่หน่งึ เขารบั ในเทอม Spring แต่อีกที่หน่งึ เขารับ
เทอม Fall ทเ่ี ขารบั ชว่ ง Spring คอื ที่ San Montreal อยทู่ างเหนอื ของ San Francisco
แต่เราไปไมท่ ัน เพราะว่าเรายงั ไมพ่ รอ้ ม เราก็เลยต้องไปเขา้ เทอม Fall ของ Fresno
ชว่ งกอ่ นจะสง่ ใบสมคั ร เรากไ็ ปสอบโทเฟล (Toefl) กอ่ น เราเรยี นเซเว่นเดยม์ า
ภาษาอังกฤษมันก็ล่ืนอยู่แล้ว สอบโทเฟลป๊ ับก็ได้เลย ก่อนท่ีจะขอวีซ่า ต้องได้รับ
ใบ I-20 จากมหาวิทยาลัยก่อน สมัยน้ันยังไม่ค่อยมีคนไทยไปเรียนต่างประเทศ
ไปท่ีอเมรกิ ามนี อ้ ยมาก และท่ี City College ที่ Fresno น้ี รูส้ กึ ว่าจะมเี ราเปน็ คนไทย
คนแรกม้งั ที่ไปเรียน พอส่งใบสมคั รไปป๊ บั พอเขาดูเกรดใชไ้ ด้ เขาก็ส่ง I-20 มาให้
เราก็เลยไปขอวีซ่า
ตอนท�ำวีซ่าก็ง่าย เพราะมีเพ่ือนท�ำงานเก่ียวกับพวกวีซ่าอยู่แล้ว คนน้ีไม่ใช่
เพ่ือนที่เซเว่นเดย์ เป็นเพ่ือนของเพ่ือนท่ีเซเว่นเดย์อีกที แต่มาสนิทในกลุ่มด้วย
เขาท�ำงานด้านนี้ เขาก็เลยท�ำให้ ทกุ อย่างธรรมะมนั จัดสรรไป
29
ถ่ายภาพท่สี นามบินดอนเมืิอง กรงุ เทพฯ
ในวนั ออกเดนิ ทางไปศกึ ษาต่อตา่ งประเทศ
ถามทางไปเรอ่ื ยๆ ไม่ได้ปรึกษาใคร
มันอยู่ในหัวสมอง แล้วมันคิดของมนั เอง
มันทำ� ของมันไปเอง
พอ่ แม่ไม่ร้เู รอ่ื งหรอกวา่ เราท�ำอะไร
30
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
เปดิ หเู ปิดตา
พอใกลจ้ ะเปดิ เทอมท่ี Fresno ชว่ งต้นเดือนสงิ หาคม เรากเ็ ลยลาออกจากงาน
เพ่ือเตรียมตัวเดินทาง แล้วประมาณกลางเดือนสิงหาหรือปลายสิงหาคมน่ีแหละ
เราก็ออกเดินทางไปอเมรกิ า ตรงกับปี ๒๕๑๐
กอ่ นจะไปเรากบ็ อกคณุ พอ่ คณุ แม่ เขากร็ บั รูว้ า่ เราพอมเี งนิ ทจ่ี ะอยไู่ ดป้ ระมาณ
๑ ปี ตอนนน้ั เกบ็ เงนิ ไดป้ ระมาณ ๓๐,๐๐๐ บาท จา่ ยคา่ ตว๋ั เคร่อื งบนิ ไป ๑๐,๐๐๐ บาท
เหลืออีก ๒๐,๐๐๐ บาท ก็ไปตายเอาดาบหนา้ เอา
กอ่ นเดินทางเรามบี อกเพ่อื นแค่สองสามคน แต่ขา่ วมนั กก็ ระจายไป ตอนวันที่
เดินทางเลยมีเพ่ือนฝูงมาส่งกันเยอะแยะไปหมด คุณพ่อก็เลยเป็นโต้โผรับจ่ายเงิน
ค่าเคร่ืองด่ืมในร้านอาหารเพ่อื เลี้ยงสง่ ลูก
พอเราขน้ึ เคร่อื งบนิ มนั กเ็ รม่ิ เหงาเพราะคนทรี่ ูจ้ กั หายไปหมด ต อนอยบู่ นเคร่อื ง
นไ่ี มร่ ู้จักใครเลย ก็เลยรู้สึกว้าเหว่ข้นึ มาช่ัวครู่ เพราะไมเ่ คยข้นึ เคร่ืองบิน ไมเ่ คยไป
แบบนคี้ นเดียวมาก่อน แต่ก็เปน็ ไมน่ าน สักพกั มนั ก็หาย
ไปอเมรกิ าครง้ั แรก ซ้อื ต๋ัวของ JL. (Japan Airline) ราคา ๕๐๐ เหรยี ญ สมยั นน้ั
ค่าเงิน ๑ US. dollar เท่ากับ ๒๐ บาท ก็ตกอยูท่ ี่ ๑๐,๐๐๐ บาท เส้นทางบนิ จาก
กรุงเทพฯ ไปแวะฮ่องกง แล้วแวะโอซาก้า จากน้ันก็เปล่ียนเคร่ืองที่โตเกียวเพ่ือท่ี
จะไปฮอนโนลลู ู และส้ินสดุ ท่ีแอลเอ
ที่เราแวะฮอ่ งกงเพราะเคยได้ยนิ มาว่ามนั เปน็ อยา่ งนัน้ เปน็ อยา่ งนี้ กเ็ ลยอยาก
ไปดู จริงๆ แล้วมันไม่มีสาเหตุท่ีต้องแวะหรอก อยากไปแวะเอง คือมันว่ิงตรงไป
ญปี่ นุ่ เลยกไ็ ด้ แตเ่ ราอยากจะไปดวู า่ ฮอ่ งกงมนั เปน็ ยงั ไง เรากเ็ ลยไปคา้ งสกั คนื สองคนื
เทา่ นน้ั มคี นเลา่ ใหฟ้ งั วา่ คนไทยสว่ นใหญจ่ ะพกั อยแู่ ถวถนน Nathan Road มโี รงแรม
31
ที่คนไทยไปพัก คนที่น่ันก็รู้จักคนไทย เราก็พักอยู่แถว
downtown ของฮ่องกง ตอนอยู่ที่ฮ่องกงมันก็เหงา
เพราะอยู่โรงแรมคนเดียว เดินดูคนเดียว แต่ก็ไมไ่ ด้ซ้ือ
ของอะไร ก็เดินดเู ที่ยวคนเดียว
จากฮ่องกงก็ไปโอซาก้า เพราะมีเพ่ือนท่ีเรียน ถนนนาธาน ประเทศฮ่องกง
เซเว่นเดยเ์ ขาไปอยูท่ ี่นน่ั กเ็ ลยแวะไปอยูก่ บั เขา ๒-๓ คืน เมอื งโอซาก้า ประเทศญ่ีปนุ่
ใหเ้ ขาพาเที่ยวโอซาก้า เพราะไหนๆ จะไปท้ังที่ก็เปดิ หู
เปดิ ตามนั กเ็ ลยแวะไปเอากำ� ไรสกั หนอ่ ย พอถึงโอซากา้
เพ่ือนคนไทยเขาก็มีคนญี่ปุ่นเป็นล่ามให้เป็นไกด์ให้
ช่วงน้ันเพ่ือนเราก็พอพูดญ่ีปุ่นได้แล้ว เพราะเขาไป
ฝึกงานที่น่ัน พ่อเขาท�ำงานเก่ียวกับอิเล็กทรอนิกส์กับ
บริษัทญ่ีปุ่น เขามีร้านอยู่ที่บ้านหม้อ ขายพวกอะไหล่
อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพ่ือนคนน้ีเขาไม่ได้ไปอเมริกา
เขาก็เลยไปฝกึ งานท่ีญี่ปุน่ แทน
(พอเราไปถงึ อเมรกิ าแลว้ เพ่อื นคนนเี้ ขากอ็ ยากจะไปอเมรกิ าดว้ ย เรากเ็ ลยเอา
ใบสมคั รสง่ มาใหเ้ ขา เขากรอกใบสมคั รแลว้ กม็ าเรยี นท่ี Fresno กบั เรา แตเ่ ราไปกอ่ น
เขาปหี น่งึ จากน้นั เขาถึงตามมา แล้วก็ไปเชา่ อพาร์ทเมน้ ท์อยู่ด้วยกันที่ Fresno)
ต่อจากนน้ั เรากน็ ง่ั เคร่อื งจากโอซากา้ มาโตเกยี วเพ่อื จะมาเปลยี่ นเคร่อื งต่อไป
ที่ฮอนโนลูลู พอดีวันน้นั มนั มไี ต้ฝนุ่ เคร่อื งบนิ จากโอซาก้าจะไปโตเกียวเลยออกช้า
ไปกว่าก�ำหนด ๓-๔ ช่ัวโมง
ขณะน่ังอยู่บนเคร่ืองบินช่วงที่เคร่ืองมันยังโคลงเคลง แอร์โฮสเตสเขาก็ต้อง
มาน่ัง เขาก็เลยมาน่ังข้างๆ เราพอดี ก็เลยได้คุยกัน เขาอายุเท่าๆ กับเราม้ัง อายุ
ประมาณ ๒๐ ปี เขาก็เพง่ิ มาเริ่มท�ำงานใหม่ ก็เลยคยุ กันไป เราก็เล่าใหเ้ ขาฟังว่าเรา
32
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
จะไปเรียนหนงั สือต่อท่ีอเมรกิ า จะไปลงที่ฮอนโนลลู ู ก่อนจะลงเคร่อื งเขาก็บอกว่า
เสยี ดาย คณุ ไมไ่ ด้มาพกั ท่ีโตเกยี ว เพราะถ้ามาพกั ที่โตเกยี ว เขาจะพาเที่ยว เรากเ็ ลย
ขอท่ีอยูเ่ ขา เขาก็ใหท้ ี่อยู่แต่ไมม่ เี บอร์โทรศพั ท์
เคร่ืองบินจากโอซาก้าไปถึงที่โตเกียวตอนทุ่มกว่าๆ เราไปเปลี่ยนเคร่ืองบิน
ท่ีจะไปฮอนโนลูลูไมท่ ัน เพราะเคร่อื งบนิ มนั ออกตอน ๒ ท่มุ เราก็เลยต้องพกั อยูท่ ่ี
โตเกยี ว ๑ คืน ตอนนน้ั ทางสายการบนิ รบั ภาระจัดที่อยูท่ ่ีกนิ ให้ พอดีชว่ งนน้ั โรงแรม
ที่เขาจัดใหผ้ โู้ ดยสารอยู่มนั เต็ม ไมม่ โี รงแรมว่าง มแี ต่โรงแรมโอกูระ ซ่ึงเปน็ โรงแรม
๕ ดาว แบบโอเรียนเต็ล โชคดีมเี ราคนเดียวท่ีได้อยู่โรงแรมน้ี แล้วพอไปถึงโรงแรม
โอกูระก็โชคดีอีก เขาบอกว่าห้องธรรมดาเต็ม มีแต่ห้อง Suite เขาก็ถามว่าจะเอา
Suite แบบญ่ีปุ่น หรือ Suite
แบบอเมรกิ ัน เราเลยเลือกเปน็
แบบ Suite อเมริกัน ดีกว่า
เพราะไมร่ ู้ว่า Suite แบบญปี่ ุน่
เปน็ ยงั ไง กลัวจะเปน็ แบบนอน
กับพ้ืน นอกจากน้ีเขายังให้ต๋ัว
เป็นค่าอาหาร ๓ ม้ือ ม้ือแรก
เป็นม้ือเย็นตอนที่เข้า ต่อมาก็ เมอื งโตเกียว ประเทศญ่ีปุ่น
เปน็ ม้อื เช้าในวันรุง่ ข้นึ และม้อื สุดท้ายตอนเยน็ ก่อนจะข้นึ เคร่ือง
เรามาถึงที่โรงแรมโอกูระประมาณสี่ทุ่ม ก็เลยถามเจ้าหน้าที่โรงแรมว่า
จะติดต่อคนอยูใ่ นโตเกยี วได้อยา่ งไรถ้ามแี ต่ที่อยูแ่ ต่ไมม่ เี บอรโ์ ทรศพั ท์ เขากบ็ อกว่า
ให้ส่งโทรเลขไป ก็เลยส่งข้อความโทรเลขไปว่า ตอนน้ีเราอยู่ที่โรงแรมน้ีเพราะ
ตกเคร่อื งบนิ มเี วลาว่าง ๑ วัน และได้บอกเบอรห์ อ้ งที่พกั ไป พอตอนเชา้ เขากม็ าเลย
เขากพ็ าไปเที่ยวกรุงโตเกยี ว ๑ วัน หลงั จากนน้ั กม็ ตี ิดต่อกนั ครง้ั สองครง้ั พอเราเรยี น
หนงั สือแล้วก็ไมไ่ ด้ติดต่อ แต่ก็รู้จักช่อื ตอนหลังก็พยายาม search หา ก็หาไมเ่ จอ
33
ชวี ติ คือการผจญภยั
เม่ือไปถึงท่ีอเมริกาแล้ว เทอมแรกเราก็ไปอยู่บ้านแบบ Guest House เป็น
บ้านของคนแก่ที่เปดิ ใหน้ กั เรียนเชา่ อยู่ เขาก็มอี าหารใหก้ ินเชา้ เยน็ แต่อาหารเท่ียง
ไปหากินเอง ยกเว้นวันเสารอ์ าทิตย์ เขาจะหยุด เราต้องไปหากินเองท้ังวัน ตอนน้นั
เขาคดิ เดอื นละ ๘๐ เหรยี ญ เปน็ คา่ บา้ นพกั กบั คา่ อาหาร ตอ่ มาเรากย็ า้ ยไปอยบู่ า้ นเชา่
ที่ใหม่ ราคาค่าเชา่ จะถกู กว่าแต่ไมม่ อี าหารให้ เราแชรอ์ ยูก่ ับเพ่อื นหลายคน
ปแี รกท่ีอยูอ่ เมรกิ าเราไมไ่ ด้ท�ำงาน เพราะมเี งินสำ� รองอยู่ ๒๐,๐๐๐ บาท แล้ว
ตอนหลังคุณพ่อก็ส่งไปให้อีกเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท หรือประมาณเดือนละ
๑๕๐ เหรียญ เราก็เลยพอถไู ถอยู่ไปได้ มนั ก็เลยไมต่ ้องท�ำงาน
แตพ่ ออยไู่ ปสกั พกั เวลาไปไหนมนั ไมส่ ะดวก รถเมลก์ ไ็ มค่ อ่ ยมี กเ็ ลยตอ้ งซ้อื รถ
เพราะวา่ มนั จำ� เปน็ ตอ้ งใช้ ถา้ ไมม่ รี ถมนั ลำ� บาก กเ็ ลยเอาเงนิ สำ� รองมาซ้อื รถ ตอนนน้ั
ซ้ือรถเก่า เป็นรถ sport sunbeam ตอนน้ันมีเงินอยู่ ๑,๐๐๐ เหรียญ ซ้ือรถมา
๕๐๐ เหรียญ ก็ยังเหลือเงินอีก ๕๐๐ เหรียญ พอซ้ือรถมา มันก็เริ่มเสียนู้นเสียนี่
โอ้ย ปวดหวั จนท�ำใหเ้ งนิ สำ� รองเกอื บจะหมด เพราะต้องมาจ่ายค่าซอ่ มรถ เรากเ็ รม่ิ
คิดแล้วว่าต้องหางานท�ำแล้ว จะอยู่แบบนไ้ี มไ่ ด้ พอปดิ เทอมช่วงซมั เมอร์ เราก็เลย
ลงไปหางานท�ำท่ีแอลเอ เพราะท่ีแอลเอเปน็ เมอื งใหญ่ มนั หางานท�ำง่าย ตอนน้นั ก็
ทำ� งานในโรงหนงั โรงละครบา้ ง แจกใบปลวิ บา้ ง แลว้ พอเปดิ เทอมกย็ งั หางานอยา่ งอ่นื
ท�ำอีก แต่งานล้างจานนไี่ มย่ อมท�ำ
เราใช้รถคันน้ีอยู่ปีกว่าๆ จ่ายค่าซ่อมไปมากกว่าค่ารถที่ซ้ืออีก เราก็เลยยอม
ขายไปถกู ๆ ขายไป ๓๐๐ เหรยี ญ แล้วพอได้เงินมาก็เอาไปดาวนร์ ถคันใหม่ เปน็ รถ
Volk เต่า ปี ๑๙๖๙ ตอนน้นั อาศยั เพ่อื นคนไทยเขามงี านท�ำแล้วเขามเี ครดิต ก็เลย
ใส่เปน็ ช่ือเขา ใหเ้ ขาเปน็ คนซ้อื เราก็ผอ่ นกับเขามาทุกเดือน แล้วเขาก็ผอ่ นใหท้ าง
ธนาคารอีกทีหน่งึ เพ่อื นคนนเี้ ขาดีมาก เปน็ คนมเี มตตา ไมเ่ คยรูจ้ ักกันแต่ไปเจอกัน
34
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ที่น่ัน ก่อนที่จะซ้ือรถ Volk คันนี้ เขาก็เห็นเราขับรถเก่าๆ วันหน่ึงเดินผ่านโชว์รูม
เขาก็ถามเราว่า “เอาไหม” เราก็ว่า “เอาก็เอา” (หวั เราะ) เขาบอกว่าจะเปน็ คนรับ
ประกันให้ เขาเปน็ คนไฟแนนซ์ให้ แล้วเราผอ่ นผา่ นเขาอีกทีหน่งึ
พอเราซ้อื รถคนั ใหมแ่ ลว้ มนั กม็ คี า่ ใชจ้ า่ ยมากขน้ึ เพราะตอ้ งแบง่ เงนิ ไปจา่ ยคา่
ผอ่ นรถเดือนละ ๗๐ เหรยี ญ แล้วไหนจะค่าน้ำ� มนั รถ แล้วก็ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ� ค่าไฟ
และค่าอะไรต่างๆ อีก ก็เลยเหลือเงินสำ� หรบั ค่าอาหารแค่ ๓๐ เหรียญ ใช้ได้วันละ
เหรียญส�ำหรับเป็นค่าอาหาร คือกินได้ม้ือเดียว เราเลยได้เป็นกรรมฐานถือธุดงค์
โดยไมร่ ู้สกึ ตัว ตอนน้นั เราก็บอกตัวเองว่า มเี หรียญเดียวก็เหรยี ญเดียววะ ก็กินมนั
ม้อื เดียวเลย ยอมอด (หวั เราะ) มนั ไมไ่ ด้คิดไปขอเงินใคร ไมไ่ ด้เขียนจดหมายมาขอ
เงนิ เพม่ิ จากทางบา้ นด้วย เพราะเราไมอ่ ยากรบกวนเขา เหน็ เขาท�ำงานหนกั แลว้ เรา
จะมาอยูส่ บายได้ไง เขาใหม้ าแค่น้ี ส่วนที่เหลือเราก็ต้องด้ินรนหาเอง เพราะตอนที่
เราตัดสนิ ใจมาเรยี นที่อเมรกิ าน้ี เรากต็ ้ังใจแลว้ ว่าเราจะไมข่ อ เราไมอ่ ยากจะรบกวน
ทางบา้ น
สมัยน้ันมีอาหารแบบ All you can eat ในราคาหนึ่งเหรียญ
เรากเ็ ลยตอ้ งรอไปกนิ ตอนเยน็ มนั ทเี ดยี ว ชว่ งตอนเชา้ ตอนกลางวนั
บางทีเราก็ซ้ือนมกล่องหรือซ้ือเฟรนฟรายส์ ราคา ๑๐ เซนต์
กินประทังชวี ิตไปก่อน ตอนน้ันเราก็ไมค่ ่อยไหว เรียนหนังสอื อยู่
มันก็หิวจนตาลาย มันหิวมาก เรียนหนังสือก็ไม่รู้เร่ืองเพราะมัน
มนึ ๆ แตเ่ รากส็ ู้ เราถอื วา่ ชวี ติ เปน็ การผจญภยั เอา้ ยงั อยไู่ ดก้ อ็ ยไู่ ป
เรากินวันละม้ืออยูป่ ระมาณสองสามเดือน แปลก มันก็ทนได้นะ
เลยท�ำให้เวลามาปฏิบัติ เร่ืองกินมันเลยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร
ดงั นน้ั เวลาเรามปี ญั หาอะไร มนั กแ็ กข้ องมนั ไป มนั คดิ เอง ไมไ่ ดไ้ ป
ปรกึ ษาใคร ไม่ได้ไปถามใคร แก้ของเราไปเองทกุ อยา่ ง
35
พอซ้อื รถคันใหมแ่ ล้ว เราก็เลยไปสมคั รสง่ ของใหก้ ับคนพิการ คนพกิ ารท่ีน่นั
เขาจะผลิตไมก้ วาดหรอื อะไรอยา่ งน้ี แล้วจะมคี นมารบั ไปขาย พอเขาได้ออเดอรม์ า
ก็จะหาคนไปส่ง เขาก็เลยจ้างเราไปส่งของให้ตามออเดอร์ท่ีเขาได้มา โดยเขาให้
เปน็ ค่า commission เวลาไปสง่ ของ ชว่ งน้นั รายได้มนั ก็ไมค่ ่อยได้เปน็ กอบเปน็ ก�ำ
และไม่ค่อยแน่นอน ท�ำให้เงินไม่พอใช้ จนในที่สุดก็เลยต้องยอมล้างจาน ได้งาน
ล้างจานอย่างง่ายดาย ตอนแรกท่ีไม่อยากท�ำงานน้ีเพราะรู้สึกว่ามันเสียศักด์ิศรี
และเราก็ไมเ่ คยท�ำงานอยา่ งนมี้ าก่อนด้วย
ร้านอาหารที่ไปท�ำนี้ เขาขายท้ังอาหารและไอศกรีม ผลดีของการท�ำงาน
ลา้ งจานท่ีน่ี คือเขาจะใหพ้ นกั งานกนิ อาหารฟรที ่ีรา้ น ๓ ชว่ ง คือชว่ งกอ่ นเรม่ิ ท�ำงาน
เขาจะให้น่ังกินแบบเป็นลูกค้าเลยนะ สามารถไปสั่งกินได้เลย แล้วพอท�ำงานไป
๔ ช่ัวโมง เขาก็ให้หยุดพักกินข้าวได้ และเวลาเลิกงานก็ยังให้กินอีกช่วงหน่ึง แต่
ถ้าเราไม่กินที่ร้าน ก็เอาใส่ถุงกลับไปกินที่บ้านก็ได้ มันก็ดีเลย เร่ืองของอาหาร
ก็เลยหมดปัญหาไป ตอนน้ันท�ำงานได้ค่าแรงช่ัวโมงละ ๑.๖๕ เหรียญต่อช่ัวโมง
เปน็ อัตราค่าแรงข้ันต่�ำ
จากงานล้างถ้วยล้างชาม ต่อมาเขาก็ขยับต�ำแหน่งให้เราเป็นคนท�ำ
ไอศกรีม แล้วต่อมาก็ให้เป็นกุ๊ก งานกุ๊กก็ง่าย แค่ทอดไข่ดาว หมูแฮม ท�ำแซนวิช
ท�ำแฮมเบอร์เกอร์ อาหารพวกน้ีส่วนใหญ่มันจะเป็นแบบก่ึงส�ำเร็จรูปอยู่แล้ว
เพียงแต่โยนเข้าไปในเตา และเราก็เอามาผสมกันประกอบกันเท่าน้นั เอง มนั ก็ง่าย
ไมย่ าก พอเปน็ ก๊กุ เขาก็ใหค้ ่าแรงช่ัวโมงละ ๒.๕๐ เหรียญ
เราท�ำงานเฉพาะเย็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพราะวันธรรมดาต้องไปเรียน
หนังสือ เราเข้างานตอน ๕ โมงเย็น และเลิกงานตอนตี ๑ อาทิตย์หน่ึงท�ำงาน
๒๔ ช่ัวโมง ช่วั โมงละ ๒.๕๐ เหรยี ญ อาทิตยห์ น่งึ ก็ได้ ๖๐ เหรียญแล้ว ก็ถือว่าได้
เยอะพอสมควร แล้วท่ีรา้ นก็ใหข้ า้ วกินฟรดี ้วย มนั ก็เลยโอเค เราท�ำงานนจ้ี นกระท่ัง
เรียนจบเลย
36
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
สมัยท่ีเราไปเรียนหนังสือเมืองนอกท่ี
สหรฐั อเมรกิ า แลว้ ตอ้ งไปทำ� งานทร่ี า้ น
ขายไอตมิ โอ๊ย ได้กินไอตมิ ฟรี ใหมๆ่
ไปกินน้ี โอ้โห้ กินวันละไม่รู้ก่ีถ้วย
พอกนิ ไปสกั ๒-๓ อาทติ ยน์ ี้ ไมอ่ ยาก
จะกินแล้ว เบอ่ื แล้ว เพราะของในโลก
นม้ี นั เปน็ อยา่ งน้ี ของมนั ไมม่ มี นั กไ็ ม่ได้
พอมีแล้วมนั ก็เบื่อ มมี ากเกินไปก็เบ่ือ
มนั ไมด่ ดู ดม่ื ใจ มนั ไม่อ่มิ เอมใจ
37
การศกึ ษาที่อเมรกิ า
เราเลือกเรยี นวิศวะ เพราะเราชอบวิชาค�ำนวณ เราไมช่ อบพวกวิชาท่องจ�ำ
ปีแรกไปถึงก็ไปเรียน City College ก่อน แล้วความที่เราไม่ได้เรียนหนังสือ
มาปหี น่งึ เขาก็เลยใหส้ อบทบทวนความจ�ำใหม่ ปรากฏว่าวิชาเคมคี ะแนนไมค่ ่อยดี
ก็ต้องเรียนใหม่ ส่วนวิชาภาษาอังกฤษเขาก็ใหเ้ รยี นเพิ่มเติมเก่ียวกับเร่ืองการเขียน
เพ่ือให้มันเข้าร่องเข้ารอยกว่าน้ี แล้วก็ยังมีบางวิชาที่ต้องลงเรียนวิชานี้ก่อนถึงจะ
เรยี นวชิ านไี้ ด้ อยา่ งเราเรยี นวศิ วะ กต็ อ้ งมเี รยี นเกย่ี วกบั พวกวาดเขยี น พวกเขยี นแบบ
มาก่อน เพราะที่อเมริกาเขาเรียนวิชานี้ต้ังแต่ High School มาแล้ว แต่ตอนเรา
เรียนที่เซเว่นเดย์ มันไม่ได้เรียนมา เขาก็เลยให้เราต้องไปหัดเรียนมาก่อน แล้วก็มี
อีกหลายวิชาท่ียังไม่ได้เรียนเตรียมมา บวกกับบางวิชาท่ีเรายังไม่แข็งพอ เขาก็ให้
ลงเรยี นใหม่ เราก็เลยต้องเรยี น ๕ ปี ท�ำใหเ้ รียนจบช้าไปหนอ่ ย
ชว่ งทเ่ี รยี นเรากจ็ ดั เลอื กวชิ าเรยี นเอง เชน่ วชิ าหนง่ึ บางทเี รยี น ๓ วนั ตอ่ อาทติ ย์
เรยี นวันจันทร์ พธุ ศกุ ร์ หรอื บางวิชากเ็ รยี นเฉพาะวันอังคารกบั วันพฤหสั เรากเ็ รยี น
ไปตามเวลาตามคาบของมนั พอถึงเวลาก็ต้องเขา้ หอ้ งเรียน และจะมชี ่วง ๑๐ นาที
ใหเ้ ปลยี่ นหอ้ ง สมมตุ ิเรมิ่ เรยี น ๑๓.๐๐ น. พอเวลา ๑๓.๕๐ นาที กจ็ ะหยุดใหน้ กั เรยี น
๑๐ นาที สำ� หรับเดินไปหอ้ งเรียนต่อไป ช่วงน้นั เราก็ไมไ่ ด้เรยี นแบบต่อเน่อื งหลาย
ชว่ั โมง เพราะวนั หนง่ึ ลงเรยี นไว้ ๓ วชิ า แลว้ แตว่ า่ เราจะเรยี นหนกั หรอื เรยี นเบา ถา้ มี
ชว่ งเวลาว่าง เรากจ็ ะไปเขา้ หอ้ งสมดุ ไปนง่ั อ่านหนงั สอื หรอื ไปนง่ั ท�ำอะไร ถ้าวันไหน
มีการบ้านก็ต้องท�ำให้เสร็จก่อน เพราะเวลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วจะไม่ได้
เเตะมันเลย เพราะต้องไปท�ำงาน ท�ำงานเร่ิม ๕ โมงเย็น เลิกงานก็ตี ๑ กลับบ้าน
ก็เกือบตี ๒ พอตอนเช้ากว่าจะต่ืนก็ ๑๐ โมง ๑๑ โมง และเดี๋ยวตอนเย็นก็ต้อง
ไปท�ำงานอีกแล้ว ช่วงน้ันมันก็ไม่ได้เหน่ือยมากแต่มันไม่มีเวลา เพราะมันถูกงาน
ถกู การเรยี นบบี ไปหมด เลยไมม่ เี วลาไปเท่ียวไปเล่นอะไร แต่มนั ก็ดีไปอย่าง เพราะ
38
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ท�ำงาน พอมีเวลาว่าง เดียวกับเขา ตอนเรยี นที่นนู้ เราไมเ่ คยมี
เราก็จะเริ่มรู้สึกเหงา ไม่รู้จะท�ำอะไร เร่อื งกับใคร ไมเ่ คยทะเลาะวิวาทกับใคร
ไมร่ ูจ้ ะไปไหน เพราะเราไมค่ ่อยสนทิ กับ ไมเ่ คยแสดงออก ต่างคนต่างอยูไ่ ป เขาก็
ใคร ถงึ แมว้ า่ จะมเี พ่อื น กเ็ ปน็ เพ่อื นแบบ อยูข่ องเขา เราก็อยูข่ องเรา กล่มุ ของเรา
พบปะสังสรรค์กันช่ัวคร้ังช่ัวคราว มนั ก็ จะเปน็ พวกคนเอเชยี หรอื พวกคนผวิ ดำ�
แค่รู้จักกันในหอ้ งเรียนเฉยๆ หรือบางที กลุ่มคนผิวขาวเขาก็ไม่มายุ่งกับคนผิวสี
ก็ไม่ได้คุยกัน มันไม่สนิทกันเหมือน เขาจะแยกกล่มุ กันอยู่
ตอนอยู่ High School
ช่วงหลังที่เรามาเช่าบ้านแชร์กัน
อยู่กับเพ่ือนที่ เรียนด้ วยกันท่ี มหา-
วิทยาลัย มนั ก็เปน็ แบบต่างคนก็ต่างอยู่
เพียงแต่ใช้บ้านท่ีอยู่เป็นที่หลับนอน
เท่าน้ันเอง แต่ไม่ได้ท�ำกิจกรรมร่วมกัน
เราก็ไปเรียนหนังสือของเรา ไปท�ำงาน
ของเรา เ ขากท็ ำ� งานของเขา เ รยี นหนงั สอื
ของเขา ต่างคนต่างอยู่ เวลาส่วนใหญ่
ก็จะอยู่กับตัวเอง ส�ำหรับเรารู้สึกว่า
ท�ำอะไรคนเดียวนี้มันสนุกกว่า มันไม่
เร่ืองมาก ไม่มากเร่ือง เพราะมากคนก็
มากเร่ือง มนั ก็เลยเปน็ นสิ ัยอยา่ งน้นั
ตอนอยู่ที่อเมริกาเราก็เจอเร่ือง Fresno City College, USA
เหยียดผวิ เพราะมนั เปน็ ธรรมชาติของ
เขาอยูแ่ ลว้ คือเขากร็ ู้ เขาแยกผวิ ว่าคนนี้
เปน็ คนจีน คนนเ้ี ปน็ คนมดื เปน็ คนอะไร
เขาไม่รังเกียจแต่เขาก็ไม่ถือว่าเป็นกลุ่ม
39
วิชาของกิเลส วชิ าของธรรม
ต้ังแต่เรียนจบจากเซเว่นเดย์มา เราไม่ได้สนใจเร่ืองศาสนาเลย ตอนอยู่ท่ี
อเมรกิ าเราจงึ เปน็ คนไมม่ ศี าสนา และแนวความคดิ ชว่ งนนั้ จะไปในทางทนั สมยั หนอ่ ย
คือเช่ือในทางวิทยาศาสตร์มากกว่า ท�ำให้เราไม่เคยเข้าวัดเข้าโบสถ์ มีแต่ท�ำงาน
กับเรียนหนงั สือ อาจจะมเี ที่ยวนดิ หนอ่ ย เช่นชว่ งวันหยุด บางคร้งั ก็จะไปชายทะเล
หรอื ท่ีธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะไปคนเดียว มรี ถคันหน่งึ ก็ขับไปท่ีปา่ เมอื งท่ีเราอยู่มนั
ใกล้ปา่ Yosemite มพี อ่ แมข่ องเพ่อื นเขาท�ำงานเปน็ ผจู้ ัดการอยู่ที่น่นั บางทีก็ไปอยู่
กบั เขา บางทเี สารอ์ าทติ ยก์ ไ็ ปทำ� งานทนี่ น่ั เปน็ เดก็ เกบ็ ถว้ ยเกบ็ ชาม เขาจะมรี ถมารบั
ที่มหาวิทยาลยั ใครอยากจะไปกไ็ ปได้ หรอื ถ้าชว่ งไหนมนั เบ่อื สดุ ๆ บางทีเรากข็ บั รถ
ลงไปแอลเอไปหาเพ่อื นคนไทย หรอื ไมก่ ็ไปทางชายทะเล
ชีวิตมันก็อยู่กับการต่อสู้เอาตัวรอด ต้องเล้ียงปากเลี้ยงท้อง หาวิชาความรู้
เพ่ือท่ีจะพัฒนาชีวิตให้สุขสบายข้ึน แต่มันก็เป็นไปทางกายภาพทางร่างกายกับ
ไปทางกิเลส คือถ้ามรี ายได้ มนั ก็จะตอบสนองกิเลสตัณหาความอยากได้ไป แต่มนั
ไม่ได้เป็นการพัฒนาทางด้านจิตใจเลย การพัฒนาทางจิตใจนี้ก็ต้องมาเจอ
พระพทุ ธศาสนาท่ีสอนใหท้ �ำทาน ใหร้ ักษาศลี ใหภ้ าวนา ซ่งึ ในสมยั น้นั ไมเ่ คยมอี ยู่
ในความคิดเลย แต่มนั ก็มดี ีอยู่อย่างที่ว่ามนั มนี สิ ยั เดิมฝงั อยู่ คือเร่อื งการชว่ ยเหลือ
ผอู้ ่นื การแบง่ ปนั ผอู้ ่นื เร่อื งเหลา่ นม้ี นั มอี ย ู่ สว่ นเร่อื งศลี กม็ อี ย ู่ คอื วา่ มนั กไ็ มค่ อ่ ยคดิ ที่
อยากจะเบยี ดเบยี นใคร สว่ นเร่อื งภาวนาน้ี รูส้ กึ จะมกี เ็ ฉพาะนสิ ยั คอื ชอบอยคู่ นเดยี ว
อยู่ตามล�ำพัง อยู่กับธรรมชาติ ไม่ค่อยชอบท่ีจะปาร์ตี้ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ บางทีก็ไป
Yosemite National Park, USA
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
เหมอื นกัน เช่นบางทีก็มเี พ่อื นชวนไป Friday Night คือในเมอื ง Fresno ใกล้ๆ กับ
มหาวทิ ยาลยั มนั จะมบี าร์ พอวนั ศกุ รต์ อนเยน็ เขาจะเปดิ Happy Hour ราคาเคร่อื งด่มื
ลดคร่ึงหน่ึง และจะมีพวก Snack พวกกับแกล้ม พวกขาไก่หรืออะไรให้กินฟรี
แต่เราก็ไม่ได้ไปบ่อยเพราะต้องท�ำงาน มันเลยไม่มีเวลาที่จะเท่ียว และเงินที่จะ
เที่ยวมนั ก็ไมม่ มี าก ชีวิตมนั เลยวนเวียนอยู่กับแค่การเรยี นกับการท�ำงาน มนั ก็เลย
ท�ำใหไ้ มเ่ สยี คน
เราเปน็ ฮปิ ป้ กี ็เปน็ มาจากอเมริกา ไปติดเช้ือท่ีน่นั มา ก่อนที่ไปอเมรกิ า เราจะ
เปน็ พวกแฟน Beatles แฟน Elvis แฟน Cliff Richard เพราะช่วงเรียนโรงเรยี น
เซเว่นเดย์ก็ฟังแต่เพลงภาษาอังกฤษ พอเราไปอยู่ที่อเมริกาก็เลยเปล่ียนจาก
Beatles เปน็ ฮปิ ป้ ี พวกยาเสพติดก็เริ่มเสพมาจากที่อเมรกิ า แต่เราไมไ่ ด้เสพแบบ
เปน็ เร่อื งเปน็ ราว พอดบี า้ นทเี่ ราพกั มนั อยดู่ ว้ ยกนั หลายคน กจ็ ะมคี นนน้ั คนนเ้ี ขา้ ออก
อยเู่ ร่อื ยๆ แลว้ กม็ เี พ่อื นเอากญั ชามาใหส้ บู บางทกี ส็ บู กบั เขาไป ตอนนน้ั ไมไ่ ดเ้ สพมาก
เสพแบบทดลอง เพราะชว่ งนน้ั ใหค้ วามสำ� คญั กบั การเรยี น เพราะเรยี นปสี ดุ ทา้ ยแลว้
มนั ใกล้จะจบแล้ว
พอเรียนจบแล้ว เราไม่ได้อยู่รอรับปริญญา เราให้เขาส่งใบปริญญามาให้ที่
บา้ นแทน
การที่เราตัดสินใจมาอเมริกาในคร้ังนี้ เราไม่เคยมีความรู้สึกว่าคิดผิด มันมี
ประโยชน์ เราถือว่าเราได้ไปเที่ยว ไปศกึ ษา ไปดตู ่างประเทศ ไปดูวิธกี ารอยู่การกิน
ของคนต่างประเทศ ไปดูสถานท่ีที่เราไม่เคยเห็น การได้ไปดูสิ่งเหล่านี้ถือว่าเราได้
ก�ำไรแล้ว เราไม่ได้ต้ังเป้าหมายว่าจะต้องจบปริญญา ถ้าจบก็ดี ไม่จบก็ไม่เป็นไร
เพราะเราไมไ่ ดห้ วงั อะไรกบั มนั การไดม้ ากถ็ อื วา่ ไดก้ ำ� ไรแลว้ รูส้ กึ วา่ ไดเ้ ทย่ี วระยะยาว
แล้วก็ได้เจอท้ังคนท่ีมีเมตตากับคนไม่มีเมตตา คนที่มีเมตตาเขาก็มีเมตตาจริงๆ
เขาเห็นเราเหงาอยู่คนเดียว เขาก็ชวนเราไปท�ำกิจกรรมร่วมกับเขา ส่วนคนที่ไม่มี
เมตตา เขาก็ไมแ่ ยแสไมส่ นใจ ตัวใครตัวมนั ไป ก็เลยมที ้ังสองรูปแบบ
41
ชีวติ เรากเ็ หมอื นเดนิ ทางมาตลอด
ไม่มีบา้ นเป็นของตวั เอง
สมบตั กิ เ็ หมือนกระเป๋าใบเดียว
สมัยทเี่ ริม่ ออกจากสหรฐั ฯ
ก็มเี ป้อยู่ใบเดยี ว
สะพายเป้ไปใบหนึ่ง
มันดคี ือไมม่ ีสมบตั ติ ิดตัว
เวลาท�ำอะไรเลยทำ� ให้ตดั สนิ ใจไดง้ า่ ย
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ทอ่ งโลกกวา้ ง
พอเราเรียนจบแล้ว มันก็เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก ก็เลยอยากจะ
กลับบา้ น เพราะอยู่อเมรกิ ามา ๕ ปแี ล้ว และรถ Volk ที่ซ้ือเงินผอ่ น พอเรียนจบก็
ผอ่ นเสรจ็ พอดี เรากเ็ ลยขายต่อใหก้ บั เพ่อื นชาวฮอ่ งกง ขายไป ๑,๐๐๐ เหรยี ญ กเ็ ลย
มเี งิน ๑,๐๐๐ เหรียญนกี้ ลับบ้าน แต่ก่อนจะกลับก็ขอแวะเที่ยวยุโรปสกั หนอ่ ย
ช่วงน้ันเขาจะมีพวกนักเรียนจัดทัวร์กัน ค่าเคร่ืองบินมันจะถูกประมาณ
คร่งึ หน่งึ อยา่ งอเมรกิ าไปยุโรปกป็ ระมาณ ๑๖๐ เหรยี ญ เปน็ ชารเ์ ตอรไ์ ฟลท์ แต่เปน็
แบบโลว์คอส คือมันไม่มีบริการอะไร จะมีให้แค่อาหารกล่อง และพอไปถึงยุโรป
ก็เดินทางโดยรถไฟ โดยก่อนเดินทางก็ซ้ือต๋ัวรถไฟ Euro pass ไว้ เปน็ ต๋ัว ๑ เดือน
ราคา ๑๐๐ เหรียญ เดินทางช้ัน ๒ เดินทางได้ประมาณ ๑๓ ประเทศในยุโรป
ตอนตน้ กไ็ ปกบั เพ่อื นนกั เรยี นฝรงั่ ทเี่ รยี นท่ี Fresno ไปดว้ ยกนั ๔-๕ คน เรมิ่ ตน้
ตีต๋ัวจากเมอื ง Oakland, San Francisco ไปลงที่เมอื ง Brussels ประเทศ Belgium
เราไปกับพวกเขาได้ไมก่ ่ีวัน เราก็ร�ำคาญ เพราะคนมากแล้วมนั ยุ่งยาก เดินทางไม่
คล่องตัว คนน้นั จะเอาอย่างน้นั คนนจ้ี ะเอาอย่างน้ี กว่าจะสรุปอะไรได้สักข้อหน่งึ
รูส้ ึกว่ามนั ต้องโหวตอยูเ่ ร่ือยๆ เราก็เลยขอฉายเดี่ยวดีกว่า ไปคนเดียว ท�ำอะไรเรา
ก็มีสิทธ์ิ ๑๐๐% ถ้าไปกับเพ่ือนก็ต้องมารอลงคะแนนลงมติว่าจะไปไหน ไปอะไร
แล้วท�ำอะไรก็ต้องรอกัน มนั ไมถ่ กู จรติ เรา พอเราเปลี่ยนมาเที่ยวคนเดียวมนั ก็ดีนะ
เวลาน่งั เคร่ืองบิน เวลาน่งั รถไฟ เวลาไปพกั ที่ไหน หรือเวลาไปไหนนี้ มนั จะมเี พ่อื น
ตลอดทางเลย พอเจอเพ่ือนใหม่เราก็สามารถที่จะเปล่ียนพบปะคนโน้นคนนี้ได้
แตถ่ า้ ไปกบั เพ่อื น เวลาตอ้ งไปไหน ถา้ ทง้ิ คนนไ้ี วเ้ ดย๋ี วกโ็ ดนหาวา่ ทงิ้ เพ่อื นอกี นสิ ยั เรา
กเ็ ลยติดไปไหนมาไหนคนเดียว ท�ำอะไรคนเดียวรูส้ กึ ว่ามนั คลอ่ งแคลว่ ว่องไวสะดวก
สบาย มอี ิสรภาพ ๑๐๐% ไมต่ ้องมาหว่ ง ไมต่ ้องมาเกรงใจกัน
43