ผใู้ ดมปี รกติประพฤตธิ รรมด้วยกาย ด้วยวาจา หรอื ดว้ ยใจ
บณั ฑิตท้งั หลายย่อมสรรเสริญผู้นนั้ ในโลกนี้นั่นเทยี ว
ผู้น้นั ละโลกนไ้ี ป ย่อมบันเทิงในสวรรค”์
110
27
มหาสบุ นิ ชาดก
ผลแหง่ พระสุบิน
พระบรมศาสดาเมื่อประทบั อยู่ ณ พระเชตวันมหาวหิ าร ทรง
ปรารภมหาสุบนิ ๑๖ ข้อ ตรสั พระธรรมเทศนานว้ี า่
วันหน่งึ พระเจา้ โกศลมหาราชเสด็จเข้าสู่นทิ รารมยใ์ นราตรีกาล
ในปัจฉิมยาม ทอดพระเนตรเห็นพระสุบินนิมิตรอันใหญ่
หลวง ๑๖ ประการ ทรงตระหนกพระทัยต่ืนพระบรรทม AUDIO 27
111
ทรงพระดำริว่า
“เพราะเราเห็นสุบินนมิ ติ รเหล่าน้ี จักมอี ะไรแก่เราบ้างหนอ”
พระองค์ทรงสะดุ้งต่อมรณภัย ทรงประทับเหนือพระแท่นที่ไสยาสน์น่ัน
แลจนล่วงราตรีกาล ครัน้ รุ่งเชา้ พวกพราหมณ์ปโุ รหิตเขา้ เฝา้ กราบทูลถามวา่
“ขา้ แต่พระมหาราชเจา้ พระองค์บรรทมเป็นสุขหรอื พระเจา้ ขา้ ”
“ท่านอาจารยท์ ง้ั หลาย เราจักมีความสุขได้อยา่ งไร เม่ือคนื นเ้ี วลาใกลร้ ่งุ
เราเห็นสุบนิ นิมิตร ๑๖ ขอ้ ตัง้ แตเ่ ห็นสบุ นิ นิมิตรเหล่านัน้ แล้ว เราถึงความ
หวาดกลัวเปน็ กำลงั ”
“ข้าแต่มหาราชเจา้ โปรดตรัสเล่าเถดิ พระเจา้ ขา้ พวกขา้ พระองค์สดบั
แล้ว จักทำนายถวายได้”
พระองคจ์ งึ ตรสั เล่าพระสุบินทท่ี รงเห็นแล้วใหพ้ วกพราหมณฟ์ งั
“เพราะเหตเุ หน็ สบุ ินเหลา่ น้ี จกั มีอะไรแกเ่ ราบ้าง”
พวกพราหมณพ์ ากนั สลดั มือ พระองคร์ ับสัง่ ถามวา่
“เพราะเหตุไร พวกท่านจึงพากนั สลัดมือเลา่ ”
“ข้าแต่พระมหาราชเจา้ พระสุบินทง้ั หลายรา้ ยกาจนกั ”
“พระสบุ ินเหลา่ นั้นจักมผี ลเป็นประการใด”
112
“จกั มีอันตรายใน ๓ อยา่ งเหล่านี้ คือ อันตรายแก่ราชสมบัติ ๑ อนั ตราย
คือ โรคจะเบยี ดเบียน ๑ อันตรายแกพ่ ระชนม์ ๑ อย่างใดอยา่ งหน่งึ ”
“พอจะแกไ้ ขได้ หรือแก้ไขไมไ่ ด”้
“ขอเดชะ พระสุบนิ เหลา่ น้ีหมดทางแก้ไขเป็นแน่แท้ เพราะรา้ ยแรงยงิ่ นัก
แต่พวกข้าพระองค์ท้ังหลายจักกระทำให้พอแก้ไขได้ ถ้าพวกหม่อมฉันไม่
สามารถจะแกไ้ ขพระสุบินเหล่านไี้ ดแ้ ล้ว ขนึ้ ชอ่ื ว่าความเปน็ ผู้สำเรจ็ การศกึ ษา
จกั อำนวยประโยชนอ์ ะไร”
“ท่านอาจารย์ทั้งหลาย จักกระทำอยา่ งไรเลา่ ถึงจกั ให้คืนคลายได”้
“ข้าแตม่ หาราชเจ้า พวกขา้ พระองคต์ อ้ งบูชายญั ด้วยวัตถุอย่างละ ๔ ทุก
อย่าง พระเจ้าขา้ ”
พระราชาทรงสะดุง้ พระทยั ตรัสวา่
“ท่านอาจารยท์ ัง้ หลาย ถา้ เชน่ นน้ั เราขอมอบชีวิตไว้ในมอื ของพวกทา่ น
เถดิ พวกทา่ นรีบกระทำความสวสั ดีแกเ่ ราเร็ว ๆ เถิด”
พวกพราหมณพ์ ากนั รา่ เริง ยนิ ดีในใจวา่
“พวกเราตอ้ งไดท้ รัพยม์ าก จักตอ้ งไดข้ องเคย้ี วกนิ มาก ๆ”
แลว้ พากนั กราบทลู ปลอบพระราชาว่า
“ข้าแต่มหาราชเจา้ อยา่ ไดท้ รงวติ กเลย พระเจ้าขา้ ”
113
แลว้ พากนั ออกจากราชนเิ วศน์ จดั ทำหลุมบชู ายัญท่ีนอกพระนคร จบั ฝูง
สตั ว์ ๔ เทา้ มากเหล่า มัดเขา้ ไวท้ หี่ ลักยัญ รวบรวมฝูงนกเขา้ ไวเ้ สร็จแลว้ เทีย่ ว
กันขวกั ไขวไ่ ปมา กล่าววา่ “เราควรจะได้ส่ิงนี้ ๆ”
คร้ังน้ันแล พระนางมัลลิกาเทวีทรงทราบเหตุนั้น ก็เข้าเฝ้าพระราชา
กราบทลู ถามว่า
“ขา้ แต่มหาราชเจ้า พวกพราหมณพ์ ากันเทย่ี วขวักไขวไ่ ปมา มีเรือ่ งอะไร
หรือเพคะ”
พระราชาตรัสวา่
“แน่ะนางผู้เจรญิ เธอมวั แตส่ ุขสบายจงึ ไม่รู้วา่ อสรพิษมนั สญั จรอยู่ใกล้ ๆ
หูของพวกเรา”
“ข้าแต่มหาราช เรอื่ งนัน้ คอื อะไรเพคะ”
“เราฝันร้ายถึงปานน้ี พวกพราหมณ์พากันทำนายว่า อันตรายใน ๓
อย่าง ไม่อย่างใดอยา่ งหนึ่งก็จักปรากฏ เพ่ือบำบัดอันตรายเหล่านน้ั ตอ้ ง
บชู ายัญ จึงต้องสญั จรไปมาอยบู่ อ่ ย ๆ”
“ขา้ แต่มหาราชเจา้ กผ็ ทู้ ีเ่ ปน็ ยอดพราหมณ์ในโลก พร้อมทงั้ เทวโลก ทลู
กระหมอ่ มไดท้ ลู ถามถึงการแกไ้ ขพระสบุ ินแลว้ หรอื เพคะ”
“นางผ้เู จรญิ พระผูเ้ ป็นยอดพราหมณใ์ นโลก พร้อมท้ังเทวโลกนน้ั เปน็
ใครกนั เลา่ ”
114
“ทูลกระหม่อมไม่ทรงรู้จักมหาพราหมณ์โคดมผู้ตถาคต หมดกิเลส
บริสทุ ธ์ิแลว้ เปน็ สพั พญั ญู เป็นบคุ คลผูเ้ ลศิ ในโลก พร้อมท้งั เทวโลก ดอกหรือ
เพคะ
พระผมู้ ีพระภาคเจ้าพระองคน์ ้นั คงทรงทราบเหตุในพระสบุ ินแนน่ อน ขอ
เชิญทูลกระหม่อมเสด็จพระราชดำเนินไปกราบทลู ถามเถดิ เพคะ”
“ดีละ เทวี”
แลว้ เสด็จไปยงั พระวหิ าร ถวายบงั คมพระบรมศาสดา แล้วประทับน่ังอยู่
พระศาสดาทรงเปล่งพระสุรเสียงอันไพเราะ ตรสั ถามว่า
“มหาบพิตร เหตุไรเลา่ มหาบพิตรจึงเสดจ็ มาดจุ มีราชกิจดว่ น”
“ข้าแตพ่ ระองค์ผเู้ จรญิ เมื่อใกล้รงุ่ หม่อมฉันเหน็ มหาสบุ ิน ๑๖ ขอ้ สะดงุ้
กลวั บอกเลา่ แก่พวกพราหมณ์ พวกพราหมณ์ทำนายวา่ พระสบุ นิ ร้ายแรงนัก
เพื่อระงบั สุบินเหล่านั้น ต้องบชู ายญั ดว้ ยยัญญวตั ถอุ ย่างละ ๔ ครบทกุ อย่าง
แลว้ พากันเตรียมบูชายัญ ฝงู สัตวเ์ ป็นอันมากถูกมรณภยั คุกคาม
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์เป็นบุคคลผู้เลิศในโลก ทั้งเทวโลก
เญยยธรรมท่ีเขา้ ไปกำหนดอดตี อนาคต ปัจจบุ ัน ทีย่ งั ไม่มาถึงซ่ึงครรลองใน
ญาณมขุ ของพระองคน์ นั้ มิได้มีเลย
ขา้ แตพ่ ระผู้มพี ระภาคเจ้า ขอพระองคไ์ ด้ทรงพระกรุณา โปรดทำนายผล
แหง่ สบุ นิ ของหมอ่ มฉนั เหล่าน้นั เถดิ พระเจ้าพุทธข้า”
115
“ขอถวายพระพร เป็นเชน่ นน้ั ทเี ดยี วมหาบพิตร ในโลก ทั้งเทวโลก เวน้
ตถาคตเสียแล้ว ผู้อ่ืนที่จะได้ช่ือว่าสามารถรู้เหตุหรือผลของพระสุบินเหล่านี้
ไม่มเี ลย ตถาคตจักทำนายใหม้ หาบพิตร ก็แตว่ า่ มหาบพิตรจงตรสั บอกพระ
สุบิน ตามทำนองท่ที รงเหน็ นนั้ เถิด”
“ดีละ พระพทุ ธเจ้าขา้ ”
พระเจา้ โกศลเริม่ กราบทูลพระสบุ ินตามทำนองทท่ี รงเห็นอยา่ งถถ่ี ว้ น โดย
ทรงวางหวั ข้อไว้ดงั นว้ี ่า
โคอสุ ภุ ราชทง้ั หลาย ๑ ต้นไมท้ ั้งหลาย ๑ แมโ่ คท้ังหลาย ๑ โคทัง้ หลาย
๑ ม้า ๑ ถาดทอง ๑ สนุ ัขจ้งิ จอก ๑ หม้อน้ำ ๑ สระโบกขรณี ๑ ขา้ วไมส่ ุก ๑
แก่นจันทน์ ๑ น้ำเต้าจม ๑ ศิลาลอย ๑ เขียดขยอกงู ๑ หงส์ทองล้อมกา ๑
เสือกลัวแพะ ๑ แลว้ ตรัสวา่
“ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ หม่อมฉันเหน็ สบุ นิ ขอ้ ท่ี ๑ อยา่ งนก้ี ่อนว่า
โคผู้ สเี หมือนดอกอญั ชัน ๔ ตวั ต่างคิดว่าจักชนกัน พากันวิ่งมาสทู่ ้อง
พระลานหลวงจากทิศทั้ง ๔ เม่อื มหาชนประชมุ กนั คิดว่า พวกเราจักดูโคชน
กัน ต่างแสดงทา่ ทางจะชนกัน บรรลือเสยี งคำรามล่นั แลว้ ไมช่ นกนั ต่างถอย
ออกไป
หมอ่ มฉนั เหน็ สุบนิ นเ้ี ป็นปฐม อะไรเปน็ ผลของสุบินน้ี พระพทุ ธเจ้าขา้ ”
“มหาบพติ ร ผลของสบุ นิ ข้อนี้ จกั ไม่มใี นชวั่ รชั กาลของมหาบพติ ร ในชัว่
ศาสนาของตถาคต แตใ่ นอนาคต เมือ่ โลกหมุนไปถึงจดุ เสื่อม ในรัชกาลของ
116
พระราชาผกู้ ำพร้า ผมู้ ิได้ครองราชย์โดยธรรม และในกาลของหม่มู นษุ ยผ์ ไู้ ม่
ต้ังอยู่ในธรรม เมอ่ื กศุ ลธรรมลดนอ้ ยถอยลง อกศุ ลธรรมหนาแนน่ ขน้ึ ในกาล
ที่โลกเส่อื ม ฝนจกั แลง้ และตีนเมฆจกั ขาด ข้าวกลา้ จกั แห้ง ทุพภกิ ขภยั จักเกิด
เมฆทัง้ หลายตั้งขนึ้ จากทิศท้งั ๔ เหมือนจะย้อยเมด็ พอพวกผูห้ ญงิ รบี เก็บข้าว
เปลอื ก เป็นต้น ทเี่ อาออกผึ่งแดดไวเ้ ข้าภายในรม่ เพราะกลัวจะเปียก เมือ่ พวก
ผชู้ ายตา่ งถือจอบถอื ตะกรา้ พากันออกไปเพือ่ จะกอ่ คันกัน้ นำ้ เมฆกต็ ัง้ เคา้ จะ
ตก ครางกระห่ึม ฟา้ แลบ แล้วกไ็ ม่ตกเลย ลอยหายไป เหมือนโคตัง้ ท่าจะชน
กนั แลว้ ไม่ชนกนั ฉะนน้ั
นี้เป็นผลของสุบินน้นั แตไ่ ม่มอี ันตรายไร ๆ แก่มหาบพติ ร เพราะเร่อื งนนั้
เป็นปจั จยั มหาบพติ รเหน็ สุบนิ นป้ี รารภอนาคต ฝ่ายพวกพราหมณอ์ าศยั การ
เลยี้ งชวี ิตของตน จึงทำนายดงั น้ี”
พระบรมศาสดาครั้นตรสั บอกผลแห่งสุบนิ ดว้ ยประการฉะน้ีแล้ว ตรัสว่า
“เชิญตรัสเล่าสบุ ินขอ้ ที่ ๒ เถดิ มหาบพิตร”
“ข้าแต่พระองค์ผ้เู จรญิ หม่อมฉันไดเ้ หน็ สบุ ินขอ้ ท่ี ๒ อย่างน้ีวา่
ต้นไมเ้ ล็ก ๆ และกอไผ่ แทรกแผน่ ดนิ พอถึงคบื หน่งึ บ้าง ศอกหนึง่ บ้าง
เพยี งแคน่ ้กี ผ็ ลดิ อกออกผลไปตาม ๆ กัน
น้ีเป็นสุบินข้อท่ี ๒ ที่หม่อมฉันได้เห็น อะไรเป็นผลของสุบินนี้
พระพุทธเจา้ ข้า”
117
“มหาบพิตร ผลแม้ของสุบินข้อน้ีก็จักมีในกาลที่โลกเสื่อม เวลามนุษย์
มีอายุน้อย ด้วยว่าสัตว์ทั้งหลายในอนาคตจักมีราคะกล้า กุมารีมีวัยยังไม่
สมบูรณ์ จักสมสูก่ ะบรุ ุษอื่น เปน็ หญงิ มรี ะดู มีครรภ์ พากนั จำเรญิ ดว้ ยบุตร
และธดิ า ความท่ีกุมารเี หล่านัน้ มีระดู เปรยี บเหมอื นต้นไมเ้ ลก็ ๆ มีดอก กมุ ารี
เหล่านัน้ จำเรญิ ด้วยบุตรและธิดา กเ็ หมือนตน้ ไม้เลก็ ๆ มีผล
ภัยแม้มนี มิ ติ รนี้เปน็ เหตุ ไม่มแี กม่ หาบพิตรดอก
เชญิ ตรสั เล่าข้อที่ ๓ ตอ่ ไปเถดิ มหาบพิตร”
“ขา้ แต่พระองค์ผเู้ จรญิ หม่อมฉันได้เห็น แมโ่ คใหญ่ ๆ พากันดมื่ นมของ
ฝูงลกู โคทีเ่ พิง่ เกิดในวันนน้ั
น้เี ป็นสบุ นิ ข้อท่ี ๓ ของหมอ่ มฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบนิ นนั้ พระพุทธเจา้
ขา้ ”
“มหาบพิตร แมผ้ ลของสบุ นิ นี้ก็จักมใี นอนาคตเหมือนกัน จักมีผลในเวลา
ที่มนุษย์ทั้งหลายพากันละทิ้งเชษฐาปจายิกกรรม คือความเป็นผู้ประพฤติ
ออ่ นน้อมตอ่ ผู้ใหญ่ เพราะในอนาคต ฝูงสตั ว์จกั มิได้ตั้งไวซ้ ่งึ ความยำเกรงใน
มารดาบิดา หรอื ในแม่ยายพ่อตา ต่างแสวงหาทรัพย์สนิ ดว้ ยตนเองทง้ั นั้น เมื่อ
ปรารถนาจะใหข้ องกินของใชแ้ ก่คนแก่ ๆ ก็ให้ ไมป่ รารถนาจะใหก้ ไ็ มใ่ ห้ คน
แก่ ๆ พากันหมดท่พี ง่ึ หาเลย้ี งตนเองก็ไมไ่ ด้ ตอ้ งงอ้ พวกเดก็ ๆ เลย้ี งชีพ เป็น
เหมือนแมโ่ คใหญ่ ๆ พากันด่ืมนมลกู โคทเี่ กดิ ในวนั น้นั
แมภ้ ยั มีสบุ ินน้เี ป็นเหตุ กไ็ ม่มแี กม่ หาบพติ ร
118
เชญิ ตรสั เล่าสุบนิ ขอ้ ที่ ๔ ตอ่ ไปเถดิ มหาบพิตร”
“ข้าแตพ่ ระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันเหน็ ฝูงชนไม่เทียมโคใหญ่ ๆ ทีเ่ คยพา
แอกไป ซงึ่ สมบรู ณ์ดว้ ยรา่ งกายและเร่ียวแรง เข้าในระเบียบแห่งแอก กลับไป
เทียมโครุ่น ๆ ที่กำลังฝกึ เขา้ ในแอก โครนุ่ ๆ เหลา่ น้นั ไม่อาจพาแอกไปได้ ก็
พากันสลดั แอกยืนเฉยเสยี เกวียนทัง้ หลายก็ไปไม่ได้
นเี้ ปน็ สบุ ินขอ้ ท่ี ๔ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลของสุบินนี้ พระพทุ ธเจ้า
ขา้ ”
“มหาบพิตร ผลของสบุ ินแม้ข้อน้ีกจ็ กั มีในรัชสมยั ของพระราชาผูไ้ มต่ ้งั อยู่
ในธรรมในอนาคตเหมือนกัน ด้วยวา่ ในภายหนา้ พระราชาผู้มบี ญุ น้อย มิได้
ดำรงในธรรม จักไมพ่ ระราชทานยศแก่มหาอำมาตยผ์ ู้เป็นบณั ฑิต ฉลาดใน
ประเพณี สามารถที่จะยังสรรพกิจใหล้ ลุ ่วงไปได้ จกั ไม่ทรงแตง่ ตง้ั อำมาตย์
ผู้ใหญ่ ผู้เป็นบัณฑิต ฉลาดในโวหาร ไว้ในท่ีวินิจฉัยคดีในโรงศาล แต่
พระราชทานยศแกค่ นหน่มุ ๆ ตรงกนั ขา้ มกบั ท่ีกลา่ วแลว้ นนั้ แต่งตง้ั บุคคล
เช่นนน้ั ไวใ้ นตำแหนง่ ผวู้ นิ ิจฉัยอรรถคดี คนหนุ่มพวกน้ันไม่รู้ทั่วถึงราชกจิ และ
การอนั ควรไมค่ วร ไม่อาจดำรงยศนน้ั ไว้ได้ ทง้ั ไมอ่ าจจดั ทำราชกิจให้ลุลว่ งไป
ได้ เมือ่ ไม่อาจ ก็จักพากันทอดทิ้งธุระการงานเสีย
ฝา่ ยอำมาตยท์ ี่เป็นบณั ฑิต เป็นผใู้ หญ่ เม่อื ไมไ่ ด้ยศ ถงึ จะสามารถท่ีจะให้
กิจทง้ั หลายลลุ ว่ งไป ก็จักพากนั กล่าววา่ พวกเราต้องการอะไรด้วยเร่อื งเหลา่
น้ี พวกเรากลายเป็นคนภายนอกไปแลว้ พวกเดก็ หนมุ่ เขาเปน็ พวกอยูว่ งใน
เขาคงรู้ดี แลว้ ไมร่ กั ษาการงานทเี่ กดิ ขึน้
119
เม่ือเปน็ เช่นน้ี ความเสอ่ื มเท่านัน้ จกั มีแกพ่ ระราชาเหล่านนั้ ดว้ ยประการ
ท้ังปวง เป็นเสมอื นเวลาที่คนจบั โคร่นุ ๆ กำลังฝึก ยังไมส่ ามารถจะพาแอกไป
ได้ เทียมไว้ในแอก และเสมอื นเวลาไมจ่ ับเอาโคใหญ่ ๆ ผเู้ คยพาแอกไปได้ มา
เทียมแอก ฉะนนั้
แม้ภยั มีสุบนิ นเ้ี ป็นเหตุ ก็ย่อมไมม่ แี กม่ หาบพติ ร
เชญิ ตรัสบอกสบุ ินข้อที่ ๕ เถดิ มหาบพิตร”
“ข้าแต่พระองคผ์ ู้เจรญิ หม่อมฉันได้เหน็ ม้าตัวหน่งึ มปี ากสองข้าง ฝูง
ชนพากันใหห้ ญ้าทปี่ ากทั้งสองข้างของมนั มันเคย้ี วกนิ ด้วยปากท้งั สองข้าง
นีเ้ ป็นสบุ ินข้อที่ ๕ ของหม่อมฉนั อะไรเปน็ ผลของสบุ ินนี้ พระพุทธเจา้
ขา้ ”
“มหาบพติ ร ผลของสบุ ินแมน้ ก้ี จ็ กั มใี นรชั กาลของพระราชาผไู้ มด่ ำรงใน
ธรรมในอนาคตเหมอื นกนั ดว้ ยว่า ในกาลภายหนา้ พวกพระราชาโง่เขลา ไม่
ดำรงธรรม จกั ทรงแตง่ ตงั้ มนษุ ย์โลเล ไม่ประกอบดว้ ยธรรม ไวใ้ นตำแหน่ง
วนิ ิจฉัยคดี คนเหล่าน้ันเป็นพาล ไม่เอือ้ เฟื้อในบาปบญุ พากนั นง่ั ในโรงศาล
เม่ือให้คำตัดสินก็จักรับสินบนจากมือของคู่คดีท้ังสองฝ่ายมากิน เป็นเหมือน
ม้ากนิ หญ้าดว้ ยปากท้ังสอง ฉะน้ัน
ภัยแม้มสี บุ นิ นีเ้ ป็นเหตุ ก็ย่อมไม่มแี กม่ หาบพติ รดอก
เชิญตรสั บอกสุบนิ ขอ้ ท่ี ๖ เถดิ มหาบพิตร”
120
“ขา้ แต่พระองคผ์ เู้ จริญ หมอ่ มฉนั เหน็ มหาชนขดั ถู ถาดทอง ราคาต้งั แสน
กษาปณ์ แล้วพากันนำไปให้หมาจิ้งจอกแก่ตัวหน่ึง ด้วยคำว่า เชิญท่าน
ปัสสาวะใส่ในถาดทองนี้เถิด หมาจิ้งจอกแก่นั้นก็ถ่ายปัสสาวะใส่ในถาดทอง
นัน้
นเ้ี ป็นสุบินข้อท่ี ๖ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสบุ นิ ขอ้ นี้ พระพุทธเจ้า
ขา้ ”
“มหาบพิตร ผลของสุบินนี้ก็จักมใี นอนาคตเหมือนกัน ดว้ ยว่า ในกาล
ภายหน้า พวกพระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมทรงรังเกียจกุลบุตรผู้สมบูรณ์ด้วย
ชาติเสีย แล้วไม่พระราชทานยศให้ จักพระราชทานให้แก่คนท่ีไม่มีสกุล
เทา่ น้ัน เมอื่ เปน็ เชน่ นี้ สกลุ ใหญ่ ๆ จักพากันตกยาก สกลุ เลว ๆ จักพากนั เป็น
ใหญ่ กเ็ มอ่ื พวกมสี กุลเหลา่ นั้นไม่อาจเลยี้ งชีวิตอย่ไู ด้ จกั คดิ ว่า เราต้องอาศัย
พวกเหล่าน้เี ลีย้ งชีวติ สบื ไป แล้วก็พากนั ยกธิดาให้แกผ่ ไู้ ม่มสี กุล การอยู่ร่วม
กับคนพวกไม่มีสกุลของกุลธิดาเหล่าน้ันก็จักเป็นเช่นเดียวกับถาดทองรอง
ปสั สาวะหมาจิ้งจอก
ภยั แมม้ สี บุ นิ น้เี ปน็ เหตุ ก็ย่อมไมม่ แี กม่ หาบพติ ร
เชิญตรัสบอกสบุ นิ ขอ้ ที่ ๗ เถดิ มหาบพติ ร”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นอย่างนี้ บุรุษผู้หน่ึงฟั่นเชือก
แล้วหย่อนไปที่ใกลเ้ ท้าแม่หมาจ้งิ จอกโซตัวหน่ึงนอนอยู่ใตต้ ่งั ทีบ่ ุรุษนง่ั กดั กิน
เชือกนัน้ เขาไมไ่ ดร้ เู้ ลยทีเดยี ว
121
น้เี ปน็ สบุ นิ ข้อที่ ๗ ของหมอ่ มฉนั อะไรเปน็ ผลแหง่ สุบินขอ้ นี้ พระพุทธเจ้า
ขา้ ”
“มหาบพิตร ผลแมข้ องสุบนิ ข้อน้ีกจ็ กั มีในอนาคตเหมือนกัน ด้วยวา่ ใน
กาลภายหน้า หมู่สตรีจักพากันเหลาะแหละโลเลในบุรุษ ลุ่มหลงในสุรา
เอาแตแ่ ตง่ ตวั ชอบเท่ียวเตร่ตามถนนหนทาง เหน็ แก่อามิส เปน็ หญิงทุศีล มี
ความประพฤติช่ัวช้า พวกนางจักกลุ้มรุมกันแย่งเอาทรัพย์ท่ีสามีทำงาน มี
กสิกรรมและโครักขกรรม เป็นตน้ สั่งสมไวด้ ้วยยาก ลำบากลำเคญ็ เอาไปซ้ือ
สรุ าด่มื กบั ชายชู้ ซื้อดอกไมข้ องหอมและเครอื่ งลูบไล้มาแต่งตน คอยสอดส่อง
มองหาชู้ โดยส่วนบนของบ้านท่ีมิดชิดบ้าง โดยท่ซี ่งึ ลบั ตาบา้ ง แม้ขา้ วเปลือก
ท่เี ตรียมไวส้ ำหรับหว่านในวนั ร่งุ ข้ึนกเ็ อาไปซอ้ ม จัดทำเปน็ ขา้ วต้ม ข้าวสวย
และของเคีย้ ว เป็นต้น มากนิ กัน เป็นเหมอื นนางหมาจ้ิงจอกโซทีน่ อนใตต้ ั่ง
คอยกดั กนิ เชอื กท่เี ขาฟนั่ แล้ว หย่อนลงไวใ้ กล้ ๆ เทา้ ฉะนน้ั
ภัยแมม้ สี ุบนิ นี้เปน็ เหตุ กย็ ังไม่มีแก่มหาบพิตร
เชญิ ตรัสเลา่ สุบินขอ้ ท่ี ๘ เถดิ มหาบพิตร”
“ข้าแต่พระองคผ์ ้เู จริญ หมอ่ มฉันไดเ้ ห็น ตุ่มนำ้ เต็มเปี่ยมลูกใหญใ่ บหนงึ่
ตง้ั อย่ทู ี่ประตูวงั ล้อมดว้ ยตุ่มเปน็ อันมาก วรรณะทัง้ ๔ เอาหม้อตกั นำ้ จากทศิ
ท้งั ๔ และทิศนอ้ ยทงั้ หลาย มาใสล่ งต่มุ ทีเ่ ต็มแล้วนั่นแหละ นำ้ กเ็ ตม็ แลว้ เต็ม
อกี จนไหลลน้ ไป แมค้ นเหล่านั้นก็ยงั เทนำ้ ลงในต่มุ ท่ีเตม็ น้นั อย่เู ร่ือย ๆ แตไ่ มม่ ี
ผู้ทีจ่ ะเหลียวแลดูต่มุ ท่ีว่าง ๆ เลย
122
นีเ้ ปน็ สบุ ินขอ้ ที่ ๘ ของหมอ่ มฉัน อะไรเปน็ ผลของสบุ นิ น้ี พระพทุ ธเจา้
ข้า”
“มหาบพติ ร ผลแห่งสบุ นิ นี้จกั มใี นอนาคตเหมอื นกัน ด้วยว่า ในกาลภาย
หน้า โลกจักเสื่อม แว่นแคว้นจักหมดความหมาย พระราชาทั้งหลายจัก
ตกยาก เปน็ กำพร้า องคใ์ ดเปน็ ใหญ่ องคน์ น้ั จักมีพระราชทรพั ย์เพียงแสน
กษาปณใ์ นทอ้ งพระคลัง พระราชาเหล่าน้นั ตกยากถึงอย่างนี้ จักเกณฑ์ให้ชาว
ชนบททุกคนทำการเพาะปลกู ให้แก่ตน พวกมนุษย์ถูกเบียดเบียน ตอ้ งละท้ิง
การงานของตน พากนั เพาะปลกู ปพุ พนั พืช (อาหาร มีข้าวสาลี เปน็ ตน้ ) และ
อปรนั พชื (ของว่างหลงั อาหาร มถี ั่ว งา เป็นตน้ ) ใหแ้ ก่พระราชาทัง้ หลาย
เท่านน้ั ต้องช่วยกนั เฝา้ ช่วยกันเก็บเก่ยี ว ชว่ ยกันนวด ชว่ ยกันขน ช่วยกัน
เค่ยี วน้ำอ้อย เปน็ ต้น และชว่ ยกันทำสวนดอกไม้ สวนผลไม้ พากันขนปุพพัน
พืชเป็นต้นทีเ่ สร็จแลว้ ในทีน่ ้นั ๆ มาบรรจุไว้ในยุ้งฉางของพระราชาเท่านน้ั แม้
ผทู้ ี่จะมองดูยงุ้ ฉางเปลา่ ๆ ในเรือนทงั้ หลายของตนจักไมม่ เี ลย จกั เปน็ เช่นกับ
การเติมน้ำใส่ต่มุ ท่ีเตม็ แลว้ ไมเ่ หลยี วแลตมุ่ เปลา่ ๆ บ้างเลย น่ันแล
ภยั แมม้ สี บุ ินน้เี ปน็ เหตุ จะยงั ไมม่ ีแก่มหาบพติ ร
เชิญตรัสเลา่ สบุ ินข้อท่ี ๙ เถดิ มหาบพิตร”
“ขา้ แตพ่ ระองคผ์ ู้เจรญิ หมอ่ มฉันไดเ้ ห็นสระโบกขรณสี ระหนง่ึ ดารดาษ
ไปดว้ ยปทุม ๕ สี ลึก มที า่ ขึ้นลงรอบด้าน ฝูงสตั ว์สองเท้า ส่เี ท้า พากนั ลงด่ืม
นำ้ ในสระน้นั โดยรอบ
123
น้ำที่อยู่ในท่ีลึกกลางสระนั้นขุ่นมัว ในท่ีซึ่งสัตว์สองเท้าสี่เท้าพากันย่ำ
เหยียบกลบั ใสสะอาดไม่ขุน่ มวั หมอ่ มฉันไดเ้ หน็ อยา่ งนี้
นเ้ี ปน็ สบุ ินข้อท่ี ๙ ของหม่อมฉัน อะไรเปน็ ผลของสบุ นิ น้ี พระพทุ ธเจ้า
ขา้ ”
“มหาบพิตร ผลแห่งสุบินนี้จกั มีในอนาคตเหมอื นกัน ด้วยวา่ ในกาลภาย
หน้า พระราชาท้ังหลายจักไม่ต้ังอยู่ในธรรม ลุอคติด้วยอำนาจความพอใจ
เป็นต้น เสวยราชสมบัติ จักไม่ประทานการวินิจฉัยอรรถคดีโดยธรรม มี
พระหฤทัยมงุ่ แตส่ ินบน โลเลในทรพั ย์ ขึ้นช่ือว่าคณุ ธรรม คอื ความอดทน
ความเมตตา และความเอน็ ดูของพระราชาเหล่านนั้ จักไม่มใี นหม่ชู าวแวน่
แควน้ จกั เป็นผกู้ ักขฬะ หยาบคาย คอยแตเ่ บียดเบียนหมมู่ นุษย์ เหมือนหบี
ออ้ ยดว้ ยหีบยนต์ จกั กำหนดใหส้ ว่ ยตา่ ง ๆ บังเกิดขน้ึ เก็บเอาทรพั ย์
พวกมนษุ ยถ์ ูกรีดสว่ ยอากรหนกั เขา้ ไม่สามารถจะให้อะไร ๆ ได้ พากัน
ทิ้งคาม นิคม เป็นต้นเสีย อพยพไปสปู่ ลายแดน ตัง้ หลักฐาน ณ ท่นี ั้น ชนบท
ศนู ยก์ ลางจักว่างเปลา่ ชนบทชายแดนจกั เปน็ ปกึ แผ่นแนน่ หนา เหมือนนำ้
กลางสระโบกขรณขี ุ่น น้ำทฝี่ ่ังรอบ ๆ ใส ฉันใด ก็ฉนั น้นั
ภยั แม้มีสบุ ินนเี้ ป็นเหตุ ก็ยอ่ มไมม่ ีแก่มหาบพติ ร
เชิญตรสั เลา่ พระสุบนิ ขอ้ ท่ี ๑๐ เถิด มหาบพิตร”
“ขา้ แต่พระองค์ผูเ้ จริญ ขา้ พระองค์ได้เหน็ ข้าวสุก ทคี่ นหุงในหมอ้ ใบ
เดยี วกนั แท้ ๆ แตห่ าสุกท่ัวกันไม่ เปน็ เหมอื นผู้หงุ ตรวจดแู ลว้ ว่าไม่สุก เลย
แยกกันไว้เป็น ๓ อยา่ ง คอื ขา้ วหน่ึงแฉะ ข้าวหน่ึงดิบ ขา้ วหนึ่งสุกดี
124
นี้เป็นสุบินข้อท่ี ๑๐ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินข้อนี้
พระพทุ ธเจา้ ขา้ ”
“มหาบพิตร ผลแมข้ องสุบินข้อนจี้ ักมใี นอนาคตเหมือนกนั ดว้ ยวา่ ใน
กาลภายหน้า พระราชาทง้ั หลายจักไม่ดำรงในธรรม เม่อื พระราชาเหล่านั้นไม่
ดำรงในธรรมแลว้ ขา้ ราชการกด็ ี พราหมณแ์ ละคฤหบดีกด็ ี ชาวนิคมชาว
ชนบทกด็ ี รวมถงึ มนุษยท์ ้งั หมด นบั แต่สมณะและพราหมณ์ จกั พากนั ไม่ตงั้
อย่ใู นธรรม แม้เทวดาทั้งหลายก็จกั ไม่ทรงธรรม
ในรัชกาลแห่งอธมั มกิ ราชท้ังหลาย ลมทง้ั หลายจกั พัดไม่สม่ำเสมอ พัด
แรงจัด ทำใหว้ ิมานในอากาศของเทวดาสนั่ สะเทือน เมือ่ วมิ านเหล่าน้นั ถกู ลม
พัดสั่นสะเทอื น ฝงู เทวดากพ็ ากันโกรธ แลว้ จักไมใ่ ห้ฝนตก ถึงจะตกกจ็ ะไม่ตก
กระหน่ำทัว่ แวน่ แควน้ มฉิ ะนั้น จกั ไม่ตกให้เปน็ อุปการะแกก่ ารใด การหว่าน
ในทที่ ้งั ปวงจกั ไมต่ กกระหนำ่ ท่วั ถึง แม้ในชนบท แม้ในบา้ น แม้ในตระพังแห่ง
หนง่ึ แมใ้ นสระลกู หน่ึง เหมอื นกันกบั ในแคว้น ฉะน้ัน เม่ือตกตอนเหนือของ
ตระพงั กจ็ กั ไม่ตกในตอนใต้ เมื่อตกในตอนใต้ จกั ไม่ตกในตอนเหนือ ขา้ วกล้า
ในตอนหนึ่งจักเสียเพราะฝนชุก เมื่อฝนไม่ตกในส่วนหน่ึง ข้าวกล้าจัก
เหี่ยวแหง้ เมือ่ ฝนตกดีในส่วนหนึ่ง ข้าวกล้าจักสมบูรณ์
ข้าวกลา้ ที่หว่านแลว้ ในขอบขัณฑสีมาของพระราชาพระองค์เดียวกัน จกั
เป็น ๓ สถาน ด้วยประการฉะน้ี เหมอื นขา้ วสุกในหมอ้ เดียว มผี ลเปน็ ๓
อยา่ ง ฉะนัน้
ภัยแม้มสี ุบินน้ีเปน็ เหตุ จะยังไมม่ ีแก่มหาบพิตร
125
เชญิ ตรสั เล่าสบุ ินขอ้ ท่ี ๑๑ ต่อไปเถดิ มหาบพิตร”
“ข้าแต่พระองคผ์ ูเ้ จรญิ หม่อมฉันได้เห็นคนทง้ั หลายเอา แกน่ จันทน์ มี
ราคาตั้งแสนกษาปณ์ ขายแลกกบั เปรยี งเนา่
นี้เป็นสุบินข้อท่ี ๑๑ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินน้ีเล่า
พระพทุ ธเจ้าขา้ ”
“มหาบพิตร แมผ้ ลแหง่ สุบินนี้ กจ็ ักมีในอนาคต เมอ่ื ศาสนาของตถาคต
เสื่อมโทรมน่นั แล ดว้ ยวา่ ในกาลภายหนา้ พวกภกิ ษุอลัชชีเห็นแกป่ จั จยั จักมี
มาก พวกเหล่าน้ันจักพากันแสดงธรรมเทศนาที่ตถาคตกล่าวติเตียนความ
ละโมบในปัจจยั ไว้ แกช่ นเหลา่ อนื่ เพราะเหตุแหง่ ปจั จยั ๔ มจี วี ร เปน็ ตน้ จกั
ไม่สามารถแสดงให้พ้นจากปัจจัยทง้ั หลาย แลว้ ตั้งอยู่ในฝา่ ยธรรม นำสัตว์ให้
พน้ จากทุกข์ มุ่งตรงสพู่ ระนพิ พาน
ชนทง้ั หลายก็จะฟงั ความสมบูรณ์แหง่ บท และพยัญชนะ และสำเนยี งอัน
ไพเราะอย่างเดียวเท่าน้ัน แล้วจักถวายเอง และยังชนเหล่าอื่นให้ถวายซ่ึง
ปจั จัยทัง้ หลายมีจวี ร เปน็ ต้น อันมีคา่ มาก
ภิกษุทงั้ หลายอกี บางพวก จกั พากันน่งั ในทต่ี ่าง ๆ มีทอ้ งถนน สแี่ ยก และ
ประตวู ัง เป็นต้น แล้วแสดงธรรมแลกรูปยิ ะ มีเหรียญกษาปณ์ คร่ึงกษาปณ์
เหรียญบาท เหรยี ญมาสก เปน็ ต้น โดยประการฉะน้ี
ก็เปน็ การเอาธรรมทตี่ ถาคตแสดงไวม้ ีมลู ค่าควรแก่พระนพิ พาน ไปแสดง
แลกปัจจัย ๔ และรูปยิ ะมเี หรยี ญกษาปณ์และเหรียญครงึ่ กษาปณ์ เปน็ ต้น
126
จักเป็นเหมือนฝูงคนเอาแก่นจันทน์มีราคาต้ังแสน ไปขายแลกเปรียงเน่า
ฉะนน้ั
ภยั แม้มสี ุบนิ นเี้ ป็นเหตุ กย็ งั ไม่มแี ก่มหาบพิตร
เชิญตรัสเล่าสบุ ินขอ้ ท่ี ๑๒ ต่อไปเถิด มหาบพติ ร”
“ข้าแตพ่ ระองค์ผเู้ จรญิ หมอ่ มฉนั ไดเ้ ห็น กะโหลกน้ำเตา้ จมนำ้ ได้
นี้เป็นสุบินข้อท่ี ๑๒ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้เล่า
พระพทุ ธเจ้าขา้ ”
“มหาบพิตร ผลแหง่ สุบินนกี้ จ็ ักมีในอนาคตกาล เมอ่ื โลกหมนุ ไปถงึ จดุ
เสอื่ มในรัชกาลของพระราชาผู้ไม่ต้ังอยู่ในธรรม
ด้วยว่าในคร้ังนั้น พระราชาท้ังหลายจักไม่พระราชทานยศแก่กุลบุตรผู้
สมบูรณด์ ้วยชาติ จกั พระราชทานแก่ผู้ไม่มสี กลุ เทา่ นน้ั พวกนนั้ จักเปน็ ใหญ่
อกี ฝา่ ยหนึง่ จักยากจน ถ้อยคำของพวกไมม่ ีสกุลดจุ กะโหลกน้ำเต้า ดูประหนงึ่
หยัง่ รากลงแนน่ ในทีเ่ ฉพาะพระพกั ตร์พระราชาก็ดี ท่ีประตวู ังกด็ ี ทปี่ ระชมุ
อำมาตย์กด็ ี ทโี่ รงศาลก็ดี จกั เป็นคำไมโ่ ยกโคลง มีหลกั ฐานแนน่ หนาดี
แม้ในสงั ฆสันนิบาต (ท่ีประชุมสงฆ)์ เลา่ ในกิจกรรมท่สี งฆพ์ ึงทำและคณะ
พึงทำกด็ ี ทัง้ ในสถานท่ดี ำเนินอธกิ รณ์เกยี่ วกบั บาตร จีวร และบริเวณ เปน็ ตน้
ก็ดี ถ้อยคำของคนชั่วทุศีลเท่าน้ันจักเป็นคำนำสัตว์ออกจากทุกข์ได้ มิใช่
ถ้อยคำของภกิ ษุผู้ลชั ชี เมอื่ เปน็ เช่นนี้ ก็จกั เป็นเหมือนกาลท่ีกะโหลกน้ำเต้า
จมลงแมด้ ว้ ยประการทง้ั ปวง
127
ภยั แมม้ ีสบุ ินนี้เปน็ เหตุ ก็ยังไมม่ แี ก่มหาบพติ ร
เชญิ ตรัสเล่าสุบินท่ี ๑๓ เถดิ มหาบพิตร”
“ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จริญ หมอ่ มฉันไดเ้ ห็น ศลิ าแทง่ ทบึ ใหญ่ ขนาดเรอื น
ยอด ลอยนำ้ เหมอื นดงั เรอื
น้ีเป็นสุบินข้อท่ี ๑๓ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้เล่า
พระพุทธเจ้าข้า”
“มหาบพติ ร ผลแห่งสุบินแมน้ ีก้ ็จักมใี นกาลเช่นน้ันเหมือนกัน ดว้ ยวา่ ใน
คร้ังน้ัน พระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมทั้งหลายจักพระราชทานยศแก่คนไม่มี
สกลุ พวกนน้ั จักเปน็ ใหญ่ พวกมีสกุลจกั ตกยาก ใคร ๆ จักไมท่ ำความเคารพ
ในพวกมสี กุลนน้ั จกั กระทำความเคารพในพวกท่เี ป็นใหญ่ฝา่ ยเดยี ว ถอ้ ยคำ
ของกุลบุตรผู้ฉลาดในการวินิจฉัย ผู้หนักแน่นเช่นกับศิลาทึบ จักไม่หยั่งลง
ดำรงม่ันในทีเ่ ฉพาะพระพกั ตร์ของพระราชา หรอื ในทป่ี ระชุมอำมาตย์ หรือ
ในโรงศาล เมื่อพวกนัน้ กำลงั กล่าว พวกนอกนจ้ี กั คอยเยาะเย้ยว่า พวกน้พี ดู
ทำไม
แม้ในที่ประชุมภิกษุ พวกภิกษุก็จักไม่เห็นภิกษุผู้มีศีลเป็นท่ีรัก ผู้ควร
ทำความเคารพว่า เปน็ สำคญั ในฐานะต่าง ๆ ดงั กล่าวมาแล้ว ทงั้ ถอ้ ยคำของ
ภิกษุผู้มีศีลเป็นท่ีรักเหล่านั้น ก็จักไม่หนักแน่นมั่นคง จักเป็นเหมือนเวลาท่ี
ศลิ าทัง้ หลายเลอ่ื นลอย ฉะนน้ั
ภยั แมม้ สี บุ ินนเี้ ป็นเหตุ กย็ ังไมม่ ีแกม่ หาบพิตร
128
เชิญตรสั เลา่ พระสบุ ินขอ้ ท่ี ๑๔ เถดิ มหาบพติ ร”
“ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ หมอ่ มฉนั ไดเ้ หน็ ฝงู เขยี ดตวั เลก็ ๆ ขนาดดอก
มะซาง วิง่ ไล่กวดงูเหา่ ตวั ใหญ่ ๆ กดั เนอื้ ขาดเหมอื นตดั ก้านบัว แลว้ กลืนกิน
นี้เป็นสุบินข้อท่ี ๑๔ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินน้ีเล่า
พระพุทธเจ้าข้า”
“มหาบพิตร ผลแหง่ แม้สุบนิ ข้อนีก้ ็จกั มีในอนาคต เมอ่ื โลกเสอ่ื มโทรมดุจ
กนั ด้วยว่าในครั้งน้ัน พวกมนษุ ย์จะมีราคะจริตแรงกล้า ชาติชว่ั ปลอ่ ยตัว
ปล่อยใจตามอำนาจของกเิ ลส จักต้องเป็นไปในอำนาจแห่งภรรยาเด็ก ๆ ของ
ตน
ผคู้ น มที าสและกรรมกร เปน็ ตน้ ก็ดี สตั ว์พาหนะ มีโคกระบือ เปน็ ต้น
ก็ดี เงินทองกด็ ี บรรดามใี นเรอื นทุกอยา่ ง จักต้องอยูใ่ นครอบครองของพวก
นางท้งั น้นั เม่อื พวกสามีถามถงึ เงินทองโนน้ ๆ วา่ อยู่ท่ีไหน หรอื ถามถงึ
จำนวนส่ิงของวา่ มีท่ีไหนกด็ ี พวกนางจักพากันตอบวา่ มันจะอยทู่ ่ไี หน ๆ ก็
ช่างเถดิ กงการอะไรที่ท่านจะตรวจตราเลา่ ทา่ นเกดิ อยากร้สู งิ่ ทมี่ ีอย่แู ละไมม่ ี
อย่ใู นเรือนของเราละหรือ แลว้ จกั ดา่ ดว้ ยประการตา่ ง ๆ ท่ิมตำเอาดว้ ยหอก
คือปาก กดไวใ้ นอำนาจ ดังทาสและคนรบั ใช้ ดำรงความเปน็ เจา้ เป็นใหญข่ อง
ตนไว้สบื ไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จักเป็นเหมือนเวลาที่ฝูงเขียดขนาดดอกมะซางพากัน
ขยอกกินฝงู งูเหา่ ซง่ึ มพี ิษแลน่ เรว็ ฉะน้ัน
ภัยแมม้ ีสุบินน้ีเปน็ เหตุ กจ็ กั ไมม่ แี กม่ หาบพิตรดอก
129
เชิญตรัสบอกสุบนิ ข้อท่ี ๑๕ เถดิ ”
“ขา้ แต่พระองคผ์ เู้ จรญิ หมอ่ มฉนั ได้เหน็ ฝงู พญาหงษท์ อง ท่ไี ด้นามว่า
ทอง เพราะมขี นเปน็ สที อง พากันแวดล้อมกาผูป้ ระกอบดว้ ยอสัทธรรม ๑๐
ประการ เทีย่ วหากินตามบา้ น
นี้เป็นสุบินข้อที่ ๑๕ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินน้ีเล่า
พระพทุ ธเจา้ ข้า”
“มหาบพิตร ผลแห่งสุบินนี้ก็จักมีในอนาคต ในรัชกาลของพระราชาผู้
ทรุ พลนั่นแหละ ด้วยวา่ ในภายหนา้ พระราชาท้งั หลายจักไมฉ่ ลาดในศิลปะ มี
หัสดีศิลปะ เป็นต้น ไม่แกล้วกล้าในการยุทธ ท้าวเธอจักไม่พระราชทาน
ความเปน็ ใหญใ่ ห้แกพ่ วกกุลบตุ รทม่ี ชี าติเสมอกนั ผู้รังเกยี จความวิบตั ิแหง่ ราช
สมบัติของพระองค์อยู่ จักพระราชทานแก่พวกพนักงานเคร่ืองสรงและพวก
กลั บก เปน็ ตน้ ซ่งึ อยู่ใกลบ้ าทมูลของพระองค์ พวกกุลบุตรผู้สมบูรณด์ ว้ ยชาติ
และโคตร เม่ือไม่ได้ที่พึ่งในราชสกุลก็ไม่สามารถเลี้ยงชีวิตอยู่ได้ จักพากัน
ปรนนบิ ตั ิบำรงุ ฝูงชนทีไ่ ม่มีสกุล มีชาตแิ ละโคตรทราม ผู้ดำรงอสิ ริยยศ จัก
เป็นเหมอื นฝูงพญาหงษท์ องแวดลอ้ มเป็นบริวารกา ฉะนน้ั
ภยั แมม้ ีสุบินน้เี ป็นเหตุ ก็ยงั ไมม่ แี กม่ หาบพติ ร
เชิญตรัสเล่าสุบนิ ข้อท่ี ๑๖ ตอ่ ไปเถดิ มหาบพิตร”
“ขา้ แต่พระองค์ผู้เจรญิ ในกาลก่อน ๆ เสอื เหลอื งพากนั กัดกนิ ฝงู แกะ แต่
หม่อมฉนั ไดเ้ ห็น ฝงู แกะพากันไลก่ วดฝงู เสอื เหลอื ง กัดกินอยู่มมุ่ ม่ำ ๆ ทีนน้ั
130
เสอื อื่น ๆ คอื เสอื ดาว เสือโคร่ง เหน็ ฝงู แกะอย่หู ่าง ๆ ก็สะดงุ้ กลวั ถึงความ
สยดสยอง พากันวงิ่ หนหี ลบเข้าพุ่มไม้และปา่ รก ซุกซอ่ นเพราะกลัวฝงู แกะ
นี้เป็นสุบินข้อท่ี ๑๖ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินน้ีเล่า
พระพุทธเจ้าข้า”
“มหาบพติ ร ผลแหง่ สบุ ินแม้น้กี จ็ ักมใี นรัชกาลแหง่ พระราชาผู้ไมต่ ง้ั อย่ใู น
ธรรมในอนาคตเหมือนกัน ดว้ ยวา่ ในคร้งั นน้ั พวกไม่มสี กุลจักเป็นราชวลั ลภ
เปน็ ใหญเ่ ปน็ โต พวกคนมีสกุลจกั อับเฉาตกยาก ราชวัลลภเหลา่ นนั้ พากันยงั
พระราชาให้ทรงเชอ่ื ถอื ถอ้ ยคำของตน มีกำลงั ในสถานท่ีราชการ มีโรงศาล
เป็นตน้ ก็พากนั รกุ เอาท่ีดินไรน่ าเรอื กสวน เปน็ ตน้ อันตกทอดสบื มาของพวก
มีสกลุ ทั้งหลายวา่ ทเ่ี หล่านเ้ี ปน็ ของพวกเรา เมือ่ พวกผ้มู สี กุลเหลา่ นน้ั โตเ้ ถียง
ว่า ไม่ใช่ของพวกท่าน เป็นของพวกเรา แล้วพากันมาฟ้องร้องยังโรงศาล
เป็นตน้ พวกราชวัลลภกพ็ ากันบอกให้เฆี่ยนตดี ว้ ยหวาย เป็นตน้ จบั คอไสออก
ไป พรอ้ มกบั ข่มขู่คกุ คามว่า พ่อเจา้ ไมร่ ู้ประมาณตน มาหาเรือ่ งกับพวกเรา
เด๋ียวจกั ไปทลู พระราชาใหล้ งพระราชอาญาต่าง ๆ มีตดั ตีน ตดั มือ เปน็ ตน้
พวกผ้มู ีสกุลกลัวเกรงพวกราชวัลลภ ตา่ งกย็ นิ ยอมให้ท่ที างท่เี ป็นของตน
ว่า ท่ีทางเหลา่ นี้ถา้ เป็นของทา่ น กเ็ ชญิ ครอบครองเถิด แล้วพากนั กลบั บ้าน
เรือนของตน นอนหวาดผวาไปตาม ๆ กัน
แม้ภิกษุผู้ช่ัวช้าทั้งหลายเล่า ก็จักพากันเบียดเบียนภิกษุผู้มีศีลเป็นท่ีรัก
ตามชอบใจ พวกภิกษุผู้มีศีลเป็นท่ีรักเหล่านั้นไม่ได้ท่ีพำนัก ก็พากันเข้าป่า
แอบแฝงอย่ใู นที่รก ๆ
131
ข้อท่กี ลุ บุตรผู้มชี าตสิ กลุ ท้งั หลาย และภกิ ษุผู้มีศลี เปน็ ทีร่ ักท้ังหลาย ถูก
คนชาติช่ัวและถูกภิกษุผู้ลามกท้ังหลายเข้าไปประทุษร้ายอย่างนี้ จักเป็น
เหมอื นกาลท่ีพวกเสอื ดาวและเสือโคร่งทั้งหลาย พากนั หลบหนเี พราะกลัวฝงู
แกะ ฉะนนั้
ภยั แม้มสี บุ นิ นี้เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่มหาบพติ ร ด้วยสบุ นิ นีท้ ่ีมหาบพิตร
เห็นแล้ว ปรารภอนาคตท้ังนั้น แต่พวกพราหมณ์มิได้ทำนายสุบินนั้นด้วย
ความจงรักภักดีในพระองค์โดยถูกต้อง เทา่ ทีถ่ ูกทีค่ วร ทำนายไปเพราะอาศัย
การเล้ยี งชีพ เพราะเห็นแก่อามิสวา่ พวกเราจักไดท้ รัพยก์ นั มาก ๆ”
ครนั้ ทรงทำนายผลแห่งสบุ นิ ใหญ่ ๆ ๑๖ ข้อ อย่างนแ้ี ลว้ ตรัสวา่
“ดูกรมหาบพิตร มิใช่แต่ในบัดน้ีเท่านั้นที่มหาบพิตรได้เห็นสุบินเหล่าน้ี
แม้พระราชาท้ังหลายแต่ก่อน ๆ ก็ได้ทรงเห็นแล้วเหมือนกัน แม้พวก
พราหมณก์ ถ็ อื เอาสุบินเหล่านีน้ ับเข้าในยอดยัญพิธีอยา่ งน้ีเหมอื นกัน ภายหลงั
อาศัยคำแนะนำทพ่ี วกบณั ฑิตพากนั กราบทูล จึงถามพระโพธิสัตว์
แม้ท่านโบราณบณั ฑติ ทงั้ หลาย เม่อื ทำนายสุบนิ เหลา่ นแ้ี กพ่ ระราชาเหลา่
นน้ั กพ็ ากันทำนายทำนองน้ีแหละ”
เมอ่ื พระเจา้ ปเสนทโิ กศลทลู อาราธนา พระผูม้ พี ระภาคจึงทรงนำเอาเรือ่ ง
ในอดีตมาสาธก ดังต่อไปน้ี
132
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธสิ ัตว์กำเนิดในตระกลู อุทิจจพราหมณ์ เจรญิ วยั แล้วบวชเปน็ ฤษี ให้
อภิญญาสมาบัติเกิดแลว้ ไดป้ ระลองฌานอยใู่ นหมิ วนั ตประเทศ
ในครั้งนั้น ณ พระนครพาราณสี พระเจา้ พรหมทัตทรงเห็นพระสบุ นิ เหลา่
นี้โดยทำนองน้ีเหมือนกัน มีพระดำรัสถามพวกพราหมณ์ พวกพราหมณ์
ปรารภจะบูชายญั อย่างนีเ้ หมือนกัน บรรดาพราหมณ์เหลา่ นนั้ ทา่ นปโุ รหติ มี
ศษิ ยเ์ ปน็ บัณฑิตฉลาด กลา่ วกะอาจารยว์ า่
“ทา่ นอาจารย์ครับ คมั ภรี ์พระเวทย์ทั้ง ๓ ทา่ นอาจารยใ์ หผ้ มเรียนจบแล้ว
ในพระเวทยท์ ั้ง ๓ คัมภรี น์ ัน้ ขอ้ ท่ีว่า การฆา่ คนหนึ่งแล้ว ทำใหเ้ กิดความ
สวสั ดแี กอ่ ีกคนหนง่ึ ไม่มเี ลยมิใช่หรอื ขอรับ”
“พอ่ คุณ ดว้ ยอบุ ายนท้ี รพั ยจ์ ำนวนมากจักเกิดแกพ่ วกเรา สว่ นเจา้ ชะรอย
อยากจะรักษาพระราชทรพั ยก์ ระมงั ”
“ท่านอาจารย์ครบั ถ้าเชน่ นั้น พวกทา่ นจงทำงานของพวกท่านไปเถิด
กระผมจกั ทำอะไรในสำนักของพวกทา่ นได”้
แลว้ มานพนนั้ ก็เดนิ เรอ่ื ยไปจนถึงพระราชอทุ ยาน
ในวนั น้ันเอง แมพ้ ระบรมโพธสิ ตั ว์กร็ ูเ้ หตุนั้น คิดวา่
“วันนี้ เม่ือเราไปถึงถิ่นมนษุ ย์ ความพ้นจากการจองจำจกั มีแก่มหาชน”
ดังนี้แล้ว จึงเหาะมาทางอากาศ ลงท่ีอุทยานนั่งเหนือแผ่นศิลาอันเป็น
มงคล ประหนง่ึ รปู ท่หี ลอ่ ดว้ ยทอง ฉะนน้ั
133
มาณพเข้าไปหาพระโพธิสตั ว์ ไหว้แลว้ น่งั ณ ส่วนข้างหน่งึ ได้ทำการ
ต้อนรับพระโพธิสัตว์ แม้พระโพธิสัตว์ก็ได้ทำการปฏิสันถารอย่างไพเราะกับ
เขาแลว้ ถามว่า
“เป็นอย่างไรเล่าหนอ พ่อมาณพ พระราชายังจะเสวยราชสมบัติโดย
ธรรมอยู่หรอื ”
“ขา้ แตพ่ ระคุณเจ้าผเู้ จริญ พระราชายังได้พระนามวา่ ธรรมกิ ราชอยดู่ อก
ครับ กแ็ ต่วา่ พวกพราหมณก์ ำลงั ชกั จงู พระองคใ์ ห้วิง่ ไปผิดทาง พระราชาทรง
เห็นพระสุบนิ ๑๖ ข้อ ตรสั บอกแกพ่ วกพราหมณ์ พวกพราหมณก์ ลา่ ววา่
พวกเราจักตอ้ งบชู ายัญ แลว้ เตรยี มการทนั ที
พระคุณเจ้าผู้เจริญขอรับ การที่พระคุณเจ้าทำให้พระราชาทรงเข้า
พระทยั ว่า ขึ้นชือ่ ว่าผลแห่งสุบินน้ี เปน็ อย่างนี้ แลว้ ช่วยใหม้ หาชนพ้นจากภัย
จะมิควรหรือขอรับ”
“พ่อมาณพ เราเองกไ็ ม่รูจ้ กั พระราชา พระราชาเลา่ กม็ ิไดท้ รงรู้จกั เรา ถ้า
พระองคเ์ สดจ็ มาถาม ณ ท่ีนี้ เราพึงบอกแกพ่ ระองค์ได”้
“ข้าแตพ่ ระคณุ เจ้าผู้เจรญิ กระผมจักนำพระองคเ์ สดจ็ มา ขอพระคุณเจ้า
ไดโ้ ปรดน่งั รอการมาของกระผม สักครหู่ นึ่งนะขอรบั ”
มานพขอใหพ้ ระโพธิสัตว์ปฏิญญาแล้ว ก็ไปสู่พระราชสำนัก กราบทลู วา่
134
“ข้าแต่มหาราชเจ้า ดาบสผเู้ ท่ยี วไปในอากาศไดอ้ งค์หน่ึง ลงมาในอุทยาน
ของพระองค์ กล่าวว่า จกั ทำนายผลของพระสุบนิ ทพ่ี ระองคท์ รงเห็น กำลงั รอ
พระองคอ์ ยู่”
พระราชาทรงสดบั คำของมาณพน้ัน ก็รีบเสด็จไปพระอทุ ยานดว้ ยบรวิ าร
เปน็ อันมากทันที ทรงไหว้พระดาบสแลว้ ประทบั นั่ง ณ ท่ีควรส่วนขา้ งหนึง่
แล้วมีพระดำรสั ถามว่า
“ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ได้ยินว่า พระคุณเจ้าทราบผลแห่งสุบินท่ี
หมอ่ มฉันเห็นหรือ”
“ขอถวายพระพร มหาบพิตร อาตมภาพทราบ”
“ถ้าเช่นน้นั นมิ นตพ์ ระคุณเจา้ ทำนายเถดิ ”
“ขอถวายพระพร มหาบพติ ร อาตมภาพจะทำนายถวาย เชิญมหาบพิตร
ตรสั เลา่ พระสุบินตามที่ทรงเห็นให้อาตมภาพฟังก่อนเถดิ ”
“ดีละ พระคณุ เจ้าผู้เจรญิ ”
“โคอุสุภราช ๑ ต้นไมท้ ้งั หลาย ๑ แมโ่ คทงั้ หลาย ๑ โคทง้ั หลาย ๑ ม้า ๑
ถาดทอง ๑ นางสุนขั จิ้งจอก ๑ ตมุ่ น้ำ ๑ สระโบกขรณี ๑ ข้าวไม่สุก ๑ จันทน์
แดง ๑ นำ้ เตา้ จม ๑ ศลิ าลอย ๑ เขียดขยอกงู ๑ หงส์ทองลอ้ มกา ๑ เสอื ดาว
เสอื โคร่งกลัวแพะจริง ๆ ๑”
แล้วตรัสบอกสุบินตามนิยมทีพ่ ระเจ้าปเสนทิโกศลตรสั บอกน่ันเอง
135
แม้พระโพธิสัตว์ก็ทำนายผลแห่งสุบินเหล่านั้นโดยพิสดารตามทำนองท่ี
พระศาสดาทรงทำนายในบัดนแี้ หละ
ในท่สี ุด ถวายพระพรดว้ ยตนเองดงั นี้ว่า
“ดกู รมหาบพิตร ผลแห่งพระสุบินเหล่าน้นั มีดังนี้ คอื การบชู ายัญท่กี ำลัง
ดำเนินไปเพอื่ ปัดเปา่ พระสุบนิ เหล่าน้ัน ยอ่ มดำเนินไปผิดหลักเกณฑ์
เพราะเหตวุ ่า ผลแหง่ สบุ นิ เหลา่ นจ้ี กั มใี นกาลท่ีโลกถงึ จดุ เส่ือม คือ
ในกาลที่ตา่ งถือเอาขอ้ ทีม่ ใิ ช่เหตุ วา่ เป็นเหตุ
ในกาลทท่ี ิ้งเหตุเสยี ว่ามใิ ช่เหตุ
ในกาลทถ่ี ือเอาขอ้ ทไี่ มจ่ ริง ว่าเปน็ จรงิ
ในกาลทลี่ ะท้ิงขอ้ ท่จี ริงเสีย วา่ ไม่เปน็ จริง
ในกาลท่ีพวกอลชั ชมี มี ากขึ้น และในกาลท่พี วกลัชชีลดนอ้ ยถอยลง
ยงั ไม่มใี นยุคนี้ หมายความวา่ ผลของพระสุบินเหลา่ นี้ยังไม่มใี นบัดน้ี คอื
ในรชั กาลของมหาบพิตร หรือในศาสนาของตถาคตน้ี ในยคุ นี้ คอื ในช่ัวบรุ ษุ
ปจั จุบันนี้
เพราะเหตุนนั้ การบชู ายัญท่ีกำลังดำเนินไปเพือ่ ปัดเปา่ ผลแห่งพระสุบนิ
เหล่านจ้ี ึงเป็นไปโดยคลาดเคล่อื น เลกิ การบูชายญั นน้ั เสียเถิด ภยั หรือความ
สะด้งุ อนั มีพระสุบนิ นเ้ี ป็นเหตุ ยังไมม่ แี ก่มหาบพติ ร”
136