The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความจริงไม่มีใครทุกข์ โดย พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-07-06 21:22:08

ความจริงไม่มีใครทุกข์ โดย พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส

ความจริงไม่มีใครทุกข์ โดย พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส

Keywords: ความจริงไม่มีใครทุกข์ โดย พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส

พระอาจารย​อ ำนาจ​โอภา​โส

พระอาจารย​อ ำนาจ โอภา​โส
บรรยายธรรมเร่อื ง “ความจ​ ริง​ไม​มี​ใคร​ทุกข”
ณ ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ าร การบนิ ไทย สวุ รรณภมู ิ เม่ือวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๒

www.phasornkaew.org 1 ผาซ​ อ นแ​ กว

พระอาจารย​อ ำนาจ​โอภา​โส

กอ นเร่มิ การบร​ รยาย​ธรรม พระอาจารยอ​ ำนาจ ไดให​ผรู วม​ฟงการบรรยาย​ชม DVD เร่อื ง
“ความจริงไม่มีใครทุกข์” โดยใน DVD มเ​ี นอื้ หาดังนี้ (คลกิ ที่น่ี เพื่อชม VDO อ​อนไลน)
....................................................................................................................................................

“ความจ​ ริงไ​ม​มี​ใครท​ กุ ข”
พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส

“ความทุกขมาจากไหน..?”

คนสวนใ​หญไ​มร ูที่มา​ของความ​ทกุ ข จงึ ค​ ดิ ว​ าทกุ ​ขม าจากผูอ่นื ​กระทำ บาง​คนก็คิดวา
ทกุ ขมาจากเ​รา​ทำเอง

“ทุกขม าจากความไมร ู ตามความเปน จริง”
“ชวี ิตคืออะไร..?”

หากเ​รา​ร​ูวา​ชีวิต​คืออ​ ะไร..? เราจ​ ะปฏบิ ัตติ​ อ​ชวี ติ อย​ า ง​ถกู ​วธิ ี ความ​จรงิ ในธรรมชาต​ิของ​
จกั รวาล มีแคร​ ปู ​และ​นาม เพราะ​รูป​คอื ม​ วลสารต​ า งๆ ทห่ี มุน​รอบ​ตัวเอง​ใน​ที่วา ง จึง​เกดิ ​สนาม​
พลังข​ องนามธรรม อยร​ู อบรปู ธรรมนน้ั สมมตุ เิ​รยี กว​ า “จติ ” ​คอื ธ​ รรมชาตแิ​ หงก​ ารรับรู
เพราะ​ธาตต​ุ า งๆ ทีร​ วมตวั อยดู ว ยกันไ​มค งท​ ่ี ความรับรทู ี​่เกดิ ข​ ้นึ ใน​ชอ งว​ า ง รสู ึก​
ถึงการจะแตก​สลาย จงึ ​เกิดค​ วาม​ตองการท​ จ่ี ะเตมิ เต็ม (โลภ​ะ) เกิดค​ วามรสู ึก​ขัดขวาง (โทสะ)
เกดิ ​ความไ​มร ูทแ่ี ฝง​ตัวม​ า (โมหะ)
เมอ่ื ​มนั ​มากอ ตัวกนั เขา เปน โครงสรางข​ องร​ หสั ​ดเี อ็นเ​อ ท่ีจะ​สมานตัว​ใหทรง​ตวั อยไู ด จึง​
พยายามท​ จี ะ​รักษาส​ ถานภาพนน้ั ดว ยก​ ารแสวง​หาสิ่งที่จะ​มาเ​ติมเ​ต็ม แก​ปญ หา​ความ​พรอง​ของ​
ธาตุ​ส่ี เกิดส​ ภาวะก​ าร​ดน้ิ รนข​ องนามธรรม ซึ่ง​เปน ปญหาพ​ น้ื ฐาน​ของสิ่ง​มีชวี ิต​ทั้งหลาย​ใน​โลกนี้
ผา​ซอนแ​ กว 2

พระอาจารย​อ ำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ณ​ ศูนยป์ ฏิบตั กิ าร การบนิ ไทย สวุ รรณภูมิ วนั ท่ี ๒๓ ก​ันยายน ๒๕๕๒

สงิ่ ทง้ั หลายไ​ม​มอี ยดู ว ยต​ ัว​ของม​ ันเอง ไมม​ ​ีความคงท่อ​ี ยู​อ ยา ง​เดิม แมแต​ขณะ​เดียว จงึ ​
เปน ส​ ภาวะ​ทีพ่ รอ มจ​ ะ​กอ ใ​ห​เกดิ ท​ ุกขแ​ กผ​ ไู มรเู ทา​ทนั
(ปฏิจจสมุปบาท)
ส่ิงตา งไมมตี ัวตนดวยตนเอง อาศยั เหตปุ จจยั เกดิ ข้นึ (อวชิ ชา)
เพราะความไมรตู ามความเปน จรงิ จงึ เกิดความคดิ ปรงุ แตง (สงั ขาร)
เพราะเกิดความคิดปรงุ แตง จงึ รบั รถู งึ ความรูส ึก (วิญญาณ)
เพราะการรบั รูถงึ ความคดิ นนั้ จึงสงผลถึงอารมณและบคุ ลิกภาพ (นามรูป)
บุคลกิ ภาพนัน้ สง ตอใหเ ครอ่ื งมอื การรบั รูท ำงาน (สฬายตนะ)
เพราะการรบั รูทำงาน จงึ เกดิ การกระทบระหวา งภายในภายนอก (ผัสสะ)
เพราะการกระทบ จึงทำใหเ กดิ อารมณส ุข-ทกุ ข และเฉยๆ (เวทนา)
อารมณทสี่ ุขก็อยากได อารมณท่ีทุกขก็อยากผลักไส (ตณั หา)
เพราะความอยาก จงึ เขา ไปยดึ กับสง่ิ ที่ตองการ (อปุ าทาน)
เพราะยดึ กบั สง่ิ ที่ตอ งการ จงึ ลงมือกอ พฤติกรรม (ภพ)
เม่ือกอ พฤติกรรมดหี รอื เลว จึงเกิดคำวา “เราดีหรือเลว” ขึน้ ในใจ (ชาต)ิ
แตส ง่ิ เหลา นั้นก็เสอ่ื มสลายไปตามเหตุปจ จัย (ชรา มรณะ)
แตเ พราะความไมรกู ห็ ลงปรงุ แตง แสวงหาส่ิงเหลา นัน้ วนเวียนซำ้ แลว ซำ้ เลา (อวิชชา
สังขาร วญิ ญาณ นามรปู สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา ตณั หา อปุ าทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ)
๑๒ อาการแหง ท​ ุกข ท่​คี นสว นใ​หญ​ย ัง​ยึดต​ ดิ ยัง​หาท​ างออก​ไมพบ และ​ประสบกบั ​
ปญ หาเ​พมิ่ ​ข้ึน ความ​ไมเ ขาใจ​เหต​ ปุ จั จยั ทเี่​ปนองคประกอบ​ใน​สายใย​ของ​ธรรมชาติ
หากเขา ใจ ปฏจิ จสมปุ บาท จะไมส งสยั ตอ อดตี ปจ จบุ นั อนาคต วา เรามหี รอื ไมอ ยา งไร
เพราะส​ งิ่ ต​ างๆ อาศัยส​ งิ่ ​อนื ๆ เกดิ ​ข้นึ จงึ ค​ งท​่ีอยไู มไ ด เรียก​วา “ทุกขลกั ษณะ” แตไ​ มม​ ี​
ผูทกุ ข (ความส​ ขุ ม​ อี ยกู อนแ​ ลว )

3 ผาซ​ อ นแ​ กว

พระอาจารยอ​ ำนาจ​โอภาโ​ส

การเคลื่อนไหวในกระแสของธรรมชาติน้ัน มคี​ วาม​สมั พนั ธ สง​ผลกร​ ะทบต​ อกนั อ​ ยาง​
ละเอียด​ซบั ซอ น ดวยปจ จยั อ​ นั ห​ ลากหลาย กระทบกระทัง่ เ​ชื่อม​ตอ กันเปน แพรัศมี สู​ผลอัน​
หลากหลาย
“ผลอันหลากหลาย เกดิ จากเหตปุ จจัยอนั หลากหลาย” พทุ ธพจน
เมือ่ มสี ตติ ามสงั เกตการทำงานของกายและใจ จะสามารถใชเหตปุ จจยั อยา งถูกวิธี
(วสิ ุทธิ ๗)
เพราะไมม ใี ครหนีผัสสะทางอายตนะตางๆ ได เม่อื เกิดการกระทบรเู ทาทนั ใจก็ปกติ
เรียกวา “สีลวสิ ุทธิ”
จิตจึงตั้งมน่ั ไมถ กู ครอบงำดวยอกศุ ลเรยี กวา “จติ ตวิสทุ ธ”ิ
จงึ เกิดความเหน็ ถกู ของรปู นามตามความเปนจริง เรียกวา “ทฏิ ฐวิ ิสุทธิ”
และเหน็ ปจจยั ของรูปและนาม จนหายสงสยั เรยี กวา “กงั ขาวิตรณวิสุทธ”ิ
สามารถเลอื กมุมมองอยา งถกู วธิ ี ของสง่ิ ทเ่ี กิดข้ึนกบั รูปและนาม เรียกวา
“มัคคามคั คญาณทสั สนวิสุทธ”ิ
เห็นลกั ษณะความเกิดดบั ในขนั ธ ๕ ยอมรบั ความเปนจริงดว ยใจเปน กลาง เรียกวา
“ปฏปิ ทาญาณทัสสวสิ ทุ ธ”ิ
จติ จึงไมป นเปอนดวยตัณหา และการหลงคดิ ปรุงแตง ทวนเขา สูก ระแสธรรมชาติเดมิ ท่ี
บริสทุ ธิ์ ซงึ่ มอี ยูกอ นแลว คือความสขุ หรอื พระนพิ พาน เรยี กวา “ญาณทัสสนวิสุทธ”ิ
เพราะ​สงิ่ ต​ า งๆ อาศัย​เหตป​ุ จ จัย​เกดิ ข​ ึน้ หาก​ผข​ู าดปญ ญา​ไมร ู กห็​ ลง​ผดิ สราง​เหตปุ​ จ จยั ​
แหง​ความท​ กุ ข
(ไดใ นสงิ่ ท่ีไมควรได คอื ทกุ ขใ จ - เสียในส่งิ ทไ่ี มค วรเสยี คอื สนั ติสขุ )
หากผมู ีสตปิ ญญารู จงึ เลือกสรา งเหตุปจจัยแหงความสขุ
........................................................................................

ผา​ซอนแ​ กว 4

พระอาจารย​อ ำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ณ​ ศนู ยป์ ฏิบตั ิการ การบนิ ไทย สุวรรณภูมิ วนั ท่ี ๒๓ ​กนั ยายน ๒๕๕๒

หลวงพ่อ : เอา ...​เป็น​ยงั ไง ดู​กนั หลบั ไ​หม พอเ​ห็น​ร่องรอยอะไร เข้าใจ​บ้าง​ไหม เม่อื กนี๊ ี้ ท​่ี
เรา​ดด​ู ีวีดี (DVD) เรียกวา่ หาก​เราเ​ข้าใจว​ า่ ชีวิต​คอื อ​ ะไร เห็น​ไหม เราจ​ ะ​ปฏบิ ตั ติ​ ่อช​ ีวติ ​อยา่ ง​ถกู วิธี
ทีน้​เี รา​ไม่เข้าใจ เรา​เกดิ ม​ า​ใน​ยุคร​ อยตอ่ ​ของ Instant มันเ​กดิ ม​ า​แบบคน​สำเรจ็ รปู ชง​ละลาย​หมด​
ทกุ อยา่ ง คอื เ​กดิ ม​ า​กพ็​ บ​ส่ิงท​ ีม่​ ีเ​ครื่องมือม​ า​พรอ้ ม​บริบูรณ์ รวมถงึ ​ม​โี ลก​ของ​สมมตุ เิ​ตม็ ไปหมด​
ดารดาษอ​ ยู่ข​ ้างหน้า ความจ​ ริงเ​นี่ย​โยม สัจจะ​นะม​ อี​ ยู่ ๒ อยา่ ง​นะ มี “​ปรมัตถส​ จั จะ” คอื ​ความ​
จรงิ ท​ ​เ่ี ปน็ ความจ​ ริง​แท้ กับค​ วาม​จรงิ ส​ มมตุ *ิ แต่พ​ วกเรา​พอ​เกดิ ​มา​ปั๊ป​ เรา​เจอแ​ ต่ค​ วาม​จรงิ ​
ใน​โลกข​ องส​ มมุต​ิ เลย​ถกู บ​ ังอ​ ยู่ เปรียบเทยี บ​วา่ ความ​จริง​แทน้​ ะ อยา่ ง​เชน่ ​เวลา​คนคน​หนึ่ง คดิ ​
ไม่ดีอ​ ารมณ​์จะ​ตอ้ งไ​ม่ดี อนั นีเ้​ปน็ ก​ ฎ​ของค​ วาม​จรงิ ​แท้ ไม่ว่า คน​คนน​ นั้ จ​ ะ​อย่ใู ​นฐ​ านะท​ าง​สังคม​
มี​ตำแหน่งทส่​ี ูงส่งส​ ักป​ านใดก​ แ็ ลว้ แตใ่​น​โลกข​ องส​ มมุติ แ​ ตก่​ ไ​็ ม่ส​ ามารถ​ทจ่ี ะ​เปล่ยี นค​ วาม​จรงิ ​แท้​
อนั นีไ​้ ป​ได้ คอื ​ถา้ ​สง่ิ น​ ้ี​มี สิ่งน​ ​้ีจะ​ตอ้ งม​ ี คอื ​ถ้าค​ ดิ ไ​มด่ ี​แล้วจะต​ อ้ งอ​ ารมณ​์ไมด่ ี หรือ​ไปพ​ ดู ​ไม่ดีก​ บั ​
พอ่ แม่ จะต​ อ้ ง​รสู้ ึกไมด่ ใ​ี น​ภายหลงั ​ รู้สกึ ว่าเ​รา​พดู ​ไม่ดี หรือ​รู้สกึ ​เสียใจ​ในภ​ ายหลงั จะ​เป็นอ​ ย่าง​
อนื่ ​ไป​ไมไ่ ด้ นอกจาก​เป็นอ​ ยา่ งน​ เ้​ี ท่าน้ัน

​ กฎน​ ​ี้ครอบคลุมท​ ั้งจ​ กั รวาล​นะ กฎท​ ​่ีถ้า​สงิ่ น​ ​ม้ี ี ส่งิ ​นจ​้ี ะ​ตอ้ งม​ ี จะ​เปน็ อ​ ย่าง​อนื่ ไ​ปไ​ม่ได้ จะ​
ต้อง​เป็น​อยา่ งน​ เ​้ี ทา่ น้นั เนย่ี เ​ขา​เรียกวา่ ความ​จริง​ใน​โลก​ของ ​ปรมัตถ​สัจจะ ส่วน​ความ​จริง​ใน​โลก​
ของ​สมมุติ ทบ​่ี อกวา่ คนน​ ี้แต่งต​ ัวดี ฐานะด​ ี นา่ จะม​ ​ีความส​ ุข​ท้ังชาติ มนั ​เป็นแ​ คค่​ ำ​สมมตุ โ​ิ ยม มัน​
เปน็ ไปไ​ม่ไดห้​ รอกท​ จ่ี ะ​ม​ีความ​สขุ ​ท้ังชาตจิ ากโ​ลก​ของ​สมมตุ ​ิ ตราบใด​ท​ย่ี งั ​คดิ ไ​ม่ดี อารมณ์​กไ็​มด่ ี
ถึง​จะ​มคี​ น​ยนื ​รอ​ให้ช​ ่อด​ อกมะลอ​ิ ยขู่ ​ ้างทาง มี​คน​กรด๊ี ​สง่ ​ชอ่ ดอก​ไมใ ห้เ​ต็มไปหมด แต่ถ​ า้ เ​ผลอค​ ดิ ​
ไม่ดี อารมณก์​ ต็​ ้อง​ไมด่ ี แตถ่​ ้า​คิด​ดี อารมณ์​กต​็ อ้ ง​ดี มค​ี วามส​ ุข​จะเ​ป็นอ​ ยา่ งอ​ ื่นไ​ปไ​ม่ไดเ้​หมือนกนั ​
นะ ไมว่ า่ จ​ ะอ​ ยู่ใ​นอ​ าภรณ์​อะไร​ก็แล้วแต่ นตี่​ อ้ งเ​ขา้ ​ใจความ​จรงิ ๒ สว่ นก​ ่อน​จะ​ได้ไ​มห่​ ลงทาง​มา​
ด.ู ..ทนี ​ี้เราเ​กิด​มา เ​รา​กค็ ดิ วา่ ไ​อส้​ ่ิง​ทรี่​ ับรู้ รู้สกึ เ​นย่ี มนั ​เป็น​เรา ไม่ใช่ห​ รอก​นะ จติ ไ​มใ่ ช่เ​รา จิตไ​ม่ได้​
มีม​ า​ก่อน เมื่อกข​๊ี นึ้ ต้นแ​ ล้ว ในจ​ ักรวาล​มัน​ม​ีแค่​ รปู และ​นาม นาม​เดิมข​ องมัน​คือส​ เปซ (Space)
คือ​ที่วา่ งใ​น​จักรวาลท​ ั้งหมด รูปก​ ค็​ อื ม​ วลสาร​ตา่ งๆ​ที่ มนั ​ไหลเวียน​เปลย่ี นแปลง ผสาน​ตัว​จากส​ ิ่ง​
หนง่ึ ไป​สู่อ​ ีก​สิ่ง​หนง่ึ เปล่ียนส​ ถานภาพ​ไปเ​รื่อย ไม่มี​ความค​ งท่ี เพราะ​ธาต​ุต้งั แต่ม​ วล​อนภุ าค​เน่ีย
มนั ไ​หลเวียนผ​ สม ม​ ันก​ ​็ตอ้ งก​ อ่ เ​กิดเ​ป็นอ​ ีกป​ ฏกิ ิริยาห​ น่งึ เหมือน​แสงตะวัน​เน่ีย ทม​ี่ ันฉ​ าย​กระทบ​
ธาตุ​ต่างๆ เช่นฉ​ ายก​ ระทบ​ธาตนุ​ ้ำ มัน​กต​็ ้องร​ ะเหย​เปล่ยี น​แปลงเปน็ ​ไอ มนั ​จะ​คง​ท่อี ย่ไู ​ม่ได้ห​ รอก

นำ้ ​เม่อื ​ถกู ​แสงอ​ าทิตย์ เพราะ​แสงอ​ าทติ ย์​มันก​ ​็ไม่ค​ งที่ มวล​ธาตุ​ก็​เหมอื นก​ นั ท​่ีมันเ​กาะ​

* สมมตุ ส​ิ จั จะ : (ผูเรียบเรยี ง) 5 ผาซ​ อ น​แกว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภา​โส

กลุ่ม​รวมตวั กนั ​อยู่ท​ ้งั หมดใ​นจ​ ักรวาล ​มัน​กต​็ ้องไ​หลเวียน​เปล่ียนแปลง​ไป​อยา่ ง​นี้ ไม่ม​ีความ​คงท​่ี
สกั ข​ ณะเ​ลย เมือ่ ส​ ิ่งเ​หล่าน​้ีมันม​ า​ถักทอก​ อ่ ตวั ก​ นั ตอนท่​ีภเู ขาไฟ​ระเบิด​ดนั ​เอาม​ วล​ก๊าซ​ต่างๆ ​ข้นึ ​
มาจากใ​ต้ไ​ป​ผวิ โลก ไ​ป​ถกู ม​ หาสมุทรท​ ก่​ี ำลัง​ม​ีเกลียว​คล่นื ป​ ะท​ุไหว​รนุ แรง ถูก​รงั สี​อลุ ตร้าไ​ว​โอเลต​
แสงอ​ าทิตย์ สาย​ลม ธาตท​ุ งั้ ๔ เน่ียก​ ำลงั ​เคลอ่ื นไหว รนุ แรง​ถักทอต​ อ่ ตัว​กนั เ​หมือน​แดนส​ นธยา​
เนอะ มวลอ​ นภุ าคต​ า่ งๆ ก​ม็ า​รอ้ ยเรยี งเ​ป็นร​ หสั ข​ อง​ดเี อน็ เอ (DNA) ไอ้ช​ ่องว่าง​เล็กๆ​ เน่ีย​โยม​
มนั เ​ลย​เกิด​การก​ ระทบ และเ​กดิ ก​ าร​เข้าไปร​ บั รู้ถ​ งึ ​ความรสู้ ึก​ของม​ วล​อนภุ าค​ตา่ งๆ​ เช่น ค​ วาม​
ร้อน​ มันก​ ​ร็ บั รถู้ ​ งึ ​ความ​รอ้ น พวกท​ ่เ​ี ป็นก​ ระแส​พลังงาน​ตอ่ ​เชอ่ื ม​กัน เหมอื นกบั ​กระแส​พลังงาน​
ไฟฟา้ อ​ ย่าง​น้ี ถ้าเ​ยน็ ม​ ัน​ก​็รบั ร้ถู ​ งึ ​ความ​เย็น ไอก้​ าร​รบั รเู้​นย่ี ​มันไ​ม่ใช่เ​ราร​ บั รู้น​ ะ​โยม พอเ​กดิ ​การ​
รบั ร้เู ​สร็จ เวลาท​ ​ี่ธาต​ุใดธ​ าตหุ​ น่ึง มัน​จะ​บกพร่อง​แตกสลาย มนั ​จะพ​ ยายาม​เขยอื้ น​ตวั ไ​ป ไป​ปรบั ​
สมดุล ​อย่าง​เชน่ ​ถา้ ​ขาดแ​ สงแดด ขาดค​ วามอ​ บอุ่น ธาตุ​น้ี ทร​่ี วมตวั ​เปน็ ร​ หัสน​ ี้ จะ​พยายาม​เคลื่อน​
ตวั ​ไป​ทมี​่ ​ีแสง เพ่ือเ​ติม​แสงสว่างค​ วามอ​ บอ่นุ ​เข้ามา หรือ​ไปเ​ติมธ​ าตุ​น้ำ หรือไ​ปเ​ติมม​ วลธ​ าต​ุก๊าซ​
ต่างๆ​ปฏิกริ ยิ าเ​คมต​ี า่ งๆ​เข้ามา ทเ​ี่ รา เหน็ ธ​ าตน​ุ ้ำ​เน่ีย ธาต​ุนำ้ เ​ปน็ แ​ รง​เหน่ียวนำ​ของ​ตัว​โมเลกุล
๒ ตัว คำว​ า่ ​เหนย่ี วนำโ​มเลกลุ ​มนั ​ก็​แสดงส​ ถานภาพ​ให้เ​ห็นแ​ ลว้ ว​ า่ มนั ​พยายามด​ ึงดูดเ​อาส​ ิง่ ​ตา่ งๆ
เข้ามาเ​พ่อื จะ​มาป​ รับส​ มดุล น่ี​คอื ล​ ักษณะ​ของธ​ าตนุ​ ้ำ ฉะนัน้ ​ไอร้​ หสั ​ต่างๆ มนั ​ก​็เรม่ิ ก​ ่อตวั ​มาเ​ปน็ ​
เซลล์ เซลลต​์ ่างๆ กพ​็ ยายาม copy ตวั อ​ อกม​ าจาก​สตั วเ​์ ซลล์​เดยี ว ​เปน็ ๒ เซลล์ ชอ่ งวา่ งใ​น​
ระหวา่ งเ​ซลลเ์​ดียว​ท่มี​ นั ​รบั รู้ข​ ึ้น เลยพ​ ัฒนาจาก​เซลล​์ทไ่ี​ว​ต่อแ​ สง เน่ีย​มันเ​กดิ ​การ​รบั แ​ สง และ​
สรา้ งเ​ซลลป์​ ระสาทตาข​ นึ้ เกิดก​ ารร​ ับ​ภาพ ​เรา​สมมุต​ิช่ือ​ขนึ้ เ​รยี กวา่ “จกั ขุวญิ ญาณ” วิญญาณ​
ไมไ่ ดม้​ ีม​ า​กอ่ น​เหน็ ไ​หม จักขว​ุ ญิ า​ญาณไ​ม่ไดม้​ ​ีมา​ก่อนใ​น​โลกน​ ี้ ไมใ่ ช่จ​ ักรวาล​เกิดขึน้ ก​ ม​็ ​ีดวงตา​เลย
เซลลท​์ ไ่ี หน​มันจ​ ะ​ไป​สรา้ งด​ วงตาไ​ดเ้​ลย โยม มันต​ ้อง​มก​ี าร​พัฒนาการ เหน็ ​ไหม จะ​เกดิ ​จติ ​การ​รบั รู้​
ต่างๆ เปลยี่ นช​ ือ่ ​ไป เรา​เป็นช​ าวพทุ ธเ​น่ีย​ไมใ่ ชไ่​ดย้ นิ ว​ ญิ ญาณ​ปั๊ป​เปน็ เรื่อง​ภูตผี ปศี าจ ดู​หนัง​ผี​
จนฝ​ งั หัวน​ ะ ไมส่​ ามารถ​เขา้ ​ใจความ​เปน็ จริง​ได้ หรอื ค​ ดิ เอา​เอง​ว่า ตาย​แลว้ ​วญิ ญาณ ออกจาก​ร่าง
ไป​เกิดเ​ป็น​นู่น​เปน็ ​นี่ น่​กี ค​็ ดิ เอา​เอง​นะ พระพทุ ธเจา้ ​ทา่ นก​ ​ไ็ มเ่ คยส​ อนแ​ บบนั้น เรา​สรุป​เอาจ​ าก​
การ​ด​ูหนงั ผ​ ​เี ปน็ ​ตัวอยา่ ง ไมไ่ ด้ฟ​ ัง​คำส​ อนท​ ถี่​ กู ต้อง เอาห​ นัง​ผีเ​ป็นส​ รณะ เชือ่ ตาม​หนงั ​ผท​ี ุกอยา่ ง
พอ​ตาย​แลว้ ว​ ญิ ญาณอ​ อกจาก​รา่ ง​ไป​เกดิ เ​ปน็ ​นู่น​เปน็ ​น่ี วญิ ญาณ​มา​หลอกหลอนผ​ ู้คนต​ ่างๆ เนย่ี ​
เขาเ​รียกวา่ ย​ ึดถอื ​หนงั ​ผเ​ี ปน็ ​สรณะ ไ​มไ่ ด้ย​ ึดถือธ​ รรมะ หรอื ​ความ​จริง​เปน็ ส​ รณะ เนี่ย​คำ​ว่า “​จติ ”
เหน็ ​ไหมโ​ยม เกิดขนึ้ ​แบบนน​ี้ ะ
“จิต” แปล​ว่า ธรรมชาต​ิของก​ ารร​ ับรู้ ถา้ หาก​ไม่ม​ีมวลสาร​ต่างๆ ไม่มี​ธาตุ​ตา่ งๆ ไม่ม​ีแสง​
ตา่ งๆ ให้ม​ ัน​รบั รู้ มัน​จะ​ไปร​ ับรอู้ ​ ะไรได้อ​ ยา่ งไร หรอื ม​ นั ​จะม​ ี​ตัวตน​ข้ึน​มา​ได้อ​ ย่างไร เห็น​ไหม​โยม
ผาซ​ อ น​แกว 6

พระอาจารยอ​ ำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ณ​ ศนู ยป์ ฏิบัติการ การบินไทย สุวรรณภูมิ วันที่ ๒๓ ​กนั ยายน ๒๕๕๒

มนั ​อาศัยร​ ปู ธรรมเ​กิดขน้ึ แล้วม​ นั ​เขา้ ไปร​ ับรู้ค​ วามรู้สกึ ​ในร​ ปู ธรรม​เหล่านัน้ เช่น ​รสู้ กึ ถ​ งึ ​ความ​รอ้ น
ช่องว่างน​ ่ันแหละ​โยม ช่องวา่ งต​ ง้ั แตม่​ วล​ดเี อน็ เอ (DNA) ช่องวา่ ง ๑ ใน ๑,๐๐๐,๐๐๐ มิล​* ทม่ี​ ัน​
ถกั ทอ​ต่อเนอ่ื ง​กลาย​เป็น​กระแสไฟฟา้ หรือก​ ระแสพ​ ลังงาน หรอื ​สนามพ​ ลงั งาน​ข้ึนม​ า แล้ว​รบั รู้
ถึง​ความร​ อ้ น รับรู้แ​ ล้วก็ รสู้ กึ รู้สกึ ​เรยี กวา่ “เวทนา” ถา้ ​ร้อนมากๆ​มัน​ไม่ส​ มดลุ ก​ ับ​สิง่ ท​ มี​่ ีส​ ภาพ​
เดมิ อ​ ยู่ ก​เ็ กดิ ​ความท​ กุ ข์ เยน็ ม​ ากๆ​ ไม่ส​ มดลุ ก​ บั ส​ ภาพ​เดมิ ​ทมี่​ ​ีอยู่ มันก​ ็ เกิด​ความ​ทุกข์ เรยี กว่า
“ทกุ ขเวทนา” แต่ถ​ ้าส​ มดลุ ​พอดีก​ เ็​รียกว่า “สขุ เ​วทนา” เวทนา​นกี​้ ็ไ​ม่ไดม้​ ​ีมา​กอ่ น ถา้ ​ไม่ม​ีผสั สะ​
เกดิ ขนึ้ จ​ ะ​มี​เวทนาไ​ป​ไดอ้​ ยา่ งไร พวกเรา​ลองดส​ู ปิ​ ัจจุบนั เ​รา​กม​็ ขี​ อ้ มลู เอา​ไวท้ ำ​งานวจิ ยั ​อยู่แ​ ล้ว
การป​ ฏบิ ตั ิ​ธรรมเ​ปน็ การส​ ังเกตข​ อ้ มลู ​ท่ีเ​กดิ ข้ึนต​ รง​ปัจจุบนั ข​ ณะ ทน่ี ่งั ​อยู่อ​ ากาศ​เยน็ ๆ​อย่าง​น้ีใ​คร​
เย็น อากาศ​มนั เ​ยน็ ​มา​กระทบก​ บั ช​ อ่ งวา่ ง เขา้ ไป​ใน​มวล​โมเลกุลเ​นย่ี ไอค​ วาม​เยน็ ​ก​ร็ ะเหย​มา​ผา่ น​
ช่องวา่ ง เ​ลย​รู้สกึ ​เยน็ รู้สกึ ​เยน็ ก​ เ็​กดิ ค​ วาม​สุข​ท่​มี ัน​พอดีๆ​ ถ้าเ​ขา​เปดิ ​แอรห​์ นาว​กว่า​นี่​ละ เอา​สกั
๑๙ องศาไ​ด้ไ​หม ก็​บอกวา่ ​ไม่คอ่ ยส​ บาย​มนั ​หนาวเ​กนิ ไป เรยี กวา่ ​ทกุขเ​์ นีย่ ​เห็น​ไหม หรือ​ถา้ ​เขา​
เปิด ๓๐ องศา เรียกวา่ ร​ อ้ น เกินไป เรียกวา่ ท​ กุ ข์ หรอื ​พอดี พอดี เรยี กว่าส​ ุข​เกิดจ​ าก​ผัสสะ แต่​
ไมม่ ีใครน​ ะ​โยม​มันเ​ข้าไป​พอดกี ับธ​ าตุ ที่ม​ นั ​สมดลุ กนั ​อย่าง​นเ้​ี รียกว่า เวทนา เหน็ ​ไหม​ไมม่ ​ีมา​กอ่ น
สักต​ ัว​หนึ่ง นก่ี​ ​็เปน็ อ​ าการข​ องจ​ ติ น​ ะ

จิตท​ ี่​รับรู้ จิต​ทร​่ี ้สู กึ แตไ่​มใ่ ชเ่​รา​นะ เขา​หรอื ​เราน​ ะ​เรียกจ​ น​คุ้นเคยเ​รยี กวา่ ​จิต เปน็ ตวั ​เป็น​
ตน ถา้ เ​ราแ​ ปล​ว่า​ธรรมชาติ​แห่งก​ ารร​ บั รู้ นา่ จะ​เข้า​ใจง่าย​ขึ้น​หน่อย จะไ​ด้เ​ปลยี่ น​ไอส้​ ญั ญาวิปลาส​
ท่ีค​ ลาด​เคลื่อน​ขา้ งใน จำ​เอา​ไว้ผ​ ดิ ไปจ​ ำเ​รอ่ื ง​จิต​ปัป๊ ​วญิ ญาณ จิต​ของ​เรา เปน็ ​ภตู ผปี ีศาจ ออกจาก​
รา่ ง​ไป​เกิดใหม่อ​ ยา่ ง​นู้น อย่าง​นี้ เนยี่ ม​ ัน​จำไว้ฝ​ งั หัว ตอ้ ง​ลบ ลบข้อมูลเ​ก่าๆ​ออก “สัญญาวิปลาส”
ทำให้เกดิ ​การค​ ิดผดิ เห็น​ผิด ตามม​ า เรยี กวา่ “จติ ​วิปลาส” “ทฏิ ฐว​ิ ปิ ลาส” “วิปลาส” แปลว​ ่า​
คลาดเ​คลอ่ื นน​ ะ​โยม ​ไม่ได้แ​ ปลว​ ่าบ​ ้า มนั ​คลาดเ​คลื่อน​จาก​ความ​จริง​ไป​หมดแล้ว รับรู้แ​ ล้ว รสู้ กึ ​
เกดิ ​อะไร​ตามม​ า

การบ​ ันทกึ ข​ อ้ มลู ​เอา​ไว้ เพอื่ จะใ​ช้ใ​นก​ าร​ตดั สนิ ใจ​ใน​คร้ัง​ต่อๆ​ ไป การ​บันทกึ ​ขอ้ มลู ​
เรียกวา่ ความ​จำ มชี ื่อเ​รียกว่า “สญั ญาข​ ันธ”์ หรอื ​กอง​แหง่ ​ความ​จำ เห็น​ไหม เรา​เลย​มค​ี วาม​
จำเ​ตม็ ไปหมด เรียกวา่ เรา​ม​ีความ​จำ​นะ จริงๆ ​ไม่ใช่เ​รา​หรอก จติ ม​ ัน​เลย​บนั ทึก​ข้อมลู ​หลงั จากที​่
มนั ร​ ับรไู้ ​ด้ รู้สกึ ไ​ด้ จำได้ เหน็ ​ไหม​ปฏิกิริยาท​ ำการ ทำงาน​ของ​มัน จำได้ จำ​อะไร จำ​วา่ ​ส่ิง​นี้ ถ้า​
เข้าไปใ​กล้ม​ ค​ี วามส​ ุข สง่ิ ​น้ถ​ี ้าเ​ข้าไป​ใกล้ม​ ี​ความท​ กุ ข์ ส่ิง​นอ้​ี ันตราย ส่งิ ​นี้ม​ ี​ประโยชน์ ส่งิ ​น้​ีมี​คุณ คือ​

* มิลลเิ มตร Millimeter : (ผเู รียบเรยี ง) 7 ผา​ซอนแ​ กว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภาโ​ส

รูปต​ า่ งๆ​ท​ี่เขา้ ไปก​ ระทบ รูป​น้​ีอันตราย รูป​น​้ีมป​ี ระโยชน์ รปู ​นม​้ี ​ีคณุ รปู ​น้สี​ บาย สถาน​ทน่ี ี​้สบาย
สถานท​ นี่ ี้ม​ ี​โทษ นึกออกไ​หม สตั วท์​ ุกชนิดจ​ ะ​ต้องบ​ นั ทกึ ​ขอ้ มลู ไ​วน้​ ะ​โยม เ​พือ่ จะ​รกั ษา​สถานภาพ​
การ​ทรงตัว​ไว้ ใหป้​ ลอดภัย หรอื ใ​ห้อ​ ยู่ไ​ด้ใ​น​ชั่ว​ขณะหนึ่ง เนี่ย​เกดิ ​การ​บันทึก​ขอ้ มลู ทีน้ี​การ​บันทกึ ​
ขอ้ มูล ​ใน​เมือ่ ม​ ัน​มีเครือ่ งมอื ใ​น​การ​รบั รูเ้ ยอะ การ​บนั ทกึ ​ขอ้ มลู ม​ นั ก​ เ็​ลย​เยอะต​ ามไ​ปใ​ชไ่ หม อยา่ ง​
ทเ่​ี รา​ได้ล​ ูกตาม​ าเ​น่ีย เรยี กวา่ ม​ นษุ ย์​สมบัติ มีล​ ูกตาแ​ ล้ว ทำให้ส​ ามารถ​เหน็ ​สิ่ง​ต่างๆ​ เต็มไปหมด
เห็นด​ อกไมห้ ลากหลาย แ​ ล้วบ​ นั ทึกข​ ้อมลู จ​ ำไว้ต​ ามท่เ​ี ขา​สมมตุ ขิ​ ้ึน​มานะ ดอก​นี​ช้ ือ่ ​ดอกกุหลาบ
ดอกน​ ีช้​ อ่ื ด​ อกบัว ดอก​นี​ช้ ่อื ด​ อกหญา้ ดอกบัวม​ ​ีคา่ ก​ ว่า ดอกหญา้ ​ตำ่ ตอ้ ย จริงห​ รือเปล่า? ไม่​
จริง​เหน็ ไ​หม สัญญาม​ นั ​ไปใ​ห้ค่า เสอ้ื ผ้าน​ ี​้สงู ส่ง เสอื้ ผ้าน​ ้ตี​ ำ่ ต้อย จรงิ ​หรอื เปลา่ ? ไม่จ​ ริง​โลก​
สมมุติ แตบ่​ ันทึก​เอาไ​ว้แ​ บบค​ ลาดเ​คล่อื นไปห​ มดแล้ว ไมเ่ หน็ ​ความ​เสมอภาค​ของ​มัน ไม่ว่า​จะ​
เป็นด​ อกบวั หรือ​ดอกหญา้ น​ ะ​โยม มนั ​ก็ นงั่ อ​ ยใู่​น​ห้องโถง​จักรวาล​เดยี วกัน อาศยั ​ธาตุ ๔ อาศัย​
แสงตะวันเ​ดยี วกนั อยดู่​ ว้ ยกันอ​ ย่าง​เสมอภาค​นะ อยา่ ง​เสมอภาค​ในค​ วาม​เป็นธ​ าตุ ๔ ซง่ึ ไ​มม่ ีใคร​
เปน็ เ​จา้ ของ
ไม่มสี​ ิ่ง​ใด​สูงส่ง-ต่ำต้อย​สูงส่ง-ต้ำต​ ่อย ​เกดิ ​จาก​ความคิดเ​น่ียแ​ หละ เปน็ ท​ ่ีมา​ของ​สงคราม
สงครามใ​นท​ ัศนคตทิ​ ี่ผ​ ดิ พ​ ลาด มา​บดบงั ศาสนาพทุ ธ หรือ​ธรรมชาติ​เดมิ ข​ อง​จิตเ​นี่ย​มัน​คือส​ นั ติสุข
ซ่งึ ม​ ีค​ วามเ​ปน็ กลาง​อยู่ก​ ่อน ความไ​ม่เ​ปน็ กลางม​ ัน​มาทหี ลัง โลก​ของ​ความ​ปรุงแต่ง จงึ ​ทำให้เกิด​
ความท​ ุกข์ใจ ใน​สง่ิ ท​ ​่ีไม่ค​ วร​ทกุ ข์ ในส​ ิ่งท​ ไ​่ี ม่ค​ วรไ​ดร้ ับ​ความท​ ุกข์​เลย เพราะ​ธรรมชาต​ิของ​ใจ​มนั ​มี​
ความส​ ุข​อยู่ก​ อ่ น เมื่อกี๊​ใน​ท้ายเ​ร่อื ง ในส​ ว่ นท้ายบ​ อกว่า ความ​สขุ ​มีอ​ ยู่ก​ ่อน​แล้ว คอื ธ​ รรมชาต​ิเดิม​
ของใ​จ​โยมล​ อง​คดิ ​สิ ธรรมชาติ​เดิมข​ องใ​จ​มนั ​ปกติอ​ ยกู่ ​ ่อนไ​หม หรอื ว่า​มันโ​กรธ​มา​ก่อน มนั ​ปกต​ิ
มาก​ ่อนต​ ่างหาก ความ​โกรธ​มาทีหลัง ความ​ไม่สบายใจ​มาทีหลงั ​เห็น​ไหม ความ​เกลียด​มาทหี ลัง
ความช​ งั ​มาทหี ลงั ความ​อิจฉาม​ าทีหลัง มาทีหลงั ​หมดเ​ลย เกิด​จาก​ความ​ปรงุ แตง่ ความ​ไม่ร​ เู้ ห็น​
ไหม ทเี​่ ข้าไป​ยดึ ​หวงแหนก​ ับ​ไอ้ร​ า่ งกาย จติ ใจ​คดิ ว่า​เปน็ ของ​เรา เลย​อยากใ​ห้ม​ นั ​มี​ความ​สุข​เนยี่
เรียกว่า คดิ ผดิ ห​ ลงผิด แล้วจ​ ำ​เอาไ​วผ้​ ิด เห็น​ไหม​โยม ความ​จำ​ทง้ั หลาย​แหลง่ ท​ ีเ่​ก็บข้อมลู ​ไว้ จรงิ ๆ​
แล้วเ​อา​ไว้เ​พ่อื ​การต​ ดั สนิ ใจ​ใน​การ​ใช้ชีวิต จะไ​ด้แ​ ก้ปัญหา หรือไม่ไ​ปส​ ู่ท​ ี​่อนั ตราย ความคดิ ​น​้ีเลย​
ชอื่ วา่ สังขารข​ ันธ์ รวมกนั ​เป็นเ​ทา่ ไหร่ ๕ กอง เรยี กวา่ ขันธ์ ๕ โยม​จำไว้น​ ะ
“ขนั ธ”์ แปล​วา่ ก​ องน​ ะ ไม่ไดแ้​ ปล​ว่าอ​ ะไรท​ ​่ีมัน​ลึกลบั ห​ รอก อย่าง​เราช​ อบม​ องวา่ ​
ศาสนาเ​ป็นเร่อื ง​ของค​ วาม​ศักดิ์สทิ ธิ์ หรือ เปน็ เรื่องล​ กึ ลบั ท่ไี​กล​เกนิ ​จากค​ วาม​เข้าใจ เป็นเร่ือง​
ผาซ​ อ นแ​ กว 8

พระอาจารย​อำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ​ณ ศูนย์ปฏิบตั กิ าร การบนิ ไทย สุวรรณภมู ิ วนั ท่ี ๒๓ ​กันยายน ๒๕๕๒

ของพ​ ระ ไมใ่ ชห่​ รอกโ​ยม เปน็ เรื่องข​ อง ธรรมชาติ กอง​แหง่ ​รปู ​เห็น​ไหม ก​็คือ เอาม​ วลสาร​ต่างๆ
มาก​ อง​รวมเ​ข้า ๑ กอง เรยี กว่า​รูปข​ นั ธ์อ​ ยา่ ง​นี้ เรา​ไดย้ นิ แ​ ตว่ า่ ​อยูใ่​นห​ นงั สือบ​ าลี เห็น​แตพ่​ ระ​ท่าน​
เทศน์ เราค​ ง​คิดวา่ ไ​ม่เ​ก่ยี วกบั เ​รา​หรอก จริงๆ ไม่ใช่ห​ รอก ทกุ คน​นะ​มข​ี นั ธ์ ๕ หมด แต่วา่ ​ไม่รู้จกั ​
เลยใ​ช้ผ​ ดิ ​วิธี หรอื ​ไม่เข้าใจ​เลยเ​ขา้ ไปย​ ดึ ม่ัน ถือมนั่ อย่าง​ผดิ ​วิธี จึง​กอ่ ค​ วามท​ ุกข์​แบบไ​ร้เดียงสา
อยา่ ง​ไม่ค​ วรจ​ ะต​ อ้ งท​ กุ ขเ​์ ลย​มา​สรปุ เรื่องข​ ันธ์ ๕ นดิ น​ งึ ​กอ่ นน​ ะ
“รูป​ขนั ธ์ กองแ​ ห่งร​ ูป” คอื ก​ าร​เจริญ​สติ ตาม​ด​ูกาย​ในก​ าย​ก​็เพอื่ จะเ​ห็น​การ​ทำงาน​ของ​
กายท​ ี่​ประกอบก​ ันเ​ปน็ กองแ​ ห่งร​ ูปน​ ัน่ เอง​โยม ว่า​ข้างใน​มันม​ ี​อะไร ตาม​ดู​กายใ​น​กาย เห็น​ไหม มี​
คำว​ า่ ตามด​ ู​กายใ​น​กายน​ ะ ไม่ใชต่​ าม​ดกู​ าย​นะ ตาม​ดูก​ าย​ในก​ าย คือ​อยา่ งน​ ้ี ใน​กาย​มอ​ี ะไร​บา้ ง ก​็ม​ี
ธาตตุ​ ่างๆ​ที่​มันไ​หลเวยี นเ​ปล่ยี นแปลงเ​คลอ่ื นไหว​อยูต่​ ลอดเ​วลา ไม่ค​ งท่ี ถ้า​พวกเราเ​ปน็ ​คนร​ นุ่ ใหม่​
หนอ่ ย​ก​็น่าจะเ​ขา้ ​ใจง่าย​ข้ึน กองแ​ ห่งร​ ูปประกอบ​ไปด​ ว้ ย​กลุ่ม​ก๊าซ​ต่างๆ เนย่ี คารบ์ อนไดออกไซด์
ไฮโดรเจน แ​ คลเซยี ม​ ธาตเ​ุ หล็กในก​ ระดกู ธาต​ุเหล็กในเ​ลือด คารบ์ อน​อะไร​ต่างๆ ตรงไหน
เรียกวา่ เ​รา​โยม เป็นธ​ าตุเหล็กเ​หรอ เป็นธ​ าตส​ุ งั กะสี ยูเรเนยี ม ​เรซาเ​นียมท​ ี่ไหน ทอ่ี ยู่เ​ป็นหน่งึ ​
กอง​เข้ามา​เนยี่ ม​ หาศาล เป็นกอง​ธาตทุ​ ง้ั น้นั เ​หน็ ​ไหม​โยม เนี่ยเ​ขา​เรยี กว่า​กอง​แหง่ ​รปู ถ้า​ดูแ​ ล้วจะ​
หา​เราไ​ม่เ​จอ​นะ เพราะว่า​เรา​คงไ​มใ่ ช่ธ​ าตุเหล็ก ไมใ่ ช่ส​ งั กะสี ไมใ่ ช่แ​ คลเซียม​แน่นอน แต่เ​พราะวา่ ​
มา​กอง​รวมกนั แ​ ล้วกห็​ ลงผิด มองเ​ป็นกลุ่ม​เป็นกอ้ น มองเ​ปน็ ​อัตตา มอง​เปน็ อ​ ตั ตาต​ วั ตน ทั้งๆ​ท่​ี
จรงิ ๆ แลว้ คำ​ว่า​“อนัตตา ไ​มใ่​ชต วั ตน”​ เพราะวา่ มนั ต​ ้อง​อาศยั ส​ ง่ิ อ​ ื่น​เปน็ ​ปจั จยั ​ประกอบ​กนั ​
เข้า ไม่ไดม้​ ​ีตวั ตนด​ ้วยต​ นเ​อง ถา้ ​ไม่มี​สง่ิ น​ ้ี จะ​มี​สิง่ ​น้​ีได้อ​ ย่างไร ใชไ่ หม มนั ​แคป่​ ระกอบป​ ระชมุ ​กนั ​
ชวั่ ขณะ แลว้ ท​ ี่​มัน​รวมตวั ​อยดู่ ​ ้วยกัน มันค​ งทไี​่ หม ไมม่ ี​ความ​คงท่ี ม​แี ตค่​ วาม​แปรปรวน ทกุ ขณะ​
เพราะวา่ ม​ ัน​อย่ใู ​น​กฎเ​ดยี ว​กับจ​ ักรวาล ถ้า​อาศยั ธ​ าต​ุขา้ งนอก อาศัย​แสงแดด​ขา้ งนอก ข้างนอก​
แปรปรวน ข้างในก​ ็​ต้องแ​ ปรปรวน
ถ้าอ​ าศยั ​สาย​ลมข​ ้างนอก ข้างนอกแ​ ปรปรวน ข้างใน​ก​็ต้อง​แปรปรวน ถา้ ​ข้างนอก​ไม่​
คงท่ี ข้างในก​ ็​ตอ้ ง​ไมค่​ งทโ​่ี ยม แต่เ​พราะค​ วาม​ไมร่ ู้ ท่ี​ไร้เดยี งสาน​ ี้แหละ มัน​ไป​อยาก​ใหค้​ งท่ี อยาก​
ให้ม​ นั เ​หมือนเดมิ เวลา​ไดส้​ งิ่ ​ตา่ งๆ หรอื ผ​ ัสสะส​ ิง่ ​ตา่ งๆ ขน้ึ ​มาแล้ว ความ​ไรเ้ ดียงสา​นี​้อยาก​ให้ม​ นั ​
เหมอื นเดมิ อยาก​ให้ม​ นั ​ถาวร อยากใ​ห้ม​ นั ​คงที่ เลย​ก่อ​ทุกข์ใจแ​ บบ​ไร้เดียงสา ถึง​บอกวา่ ความ​
จรงิ ​ไม่มีใคร​ทุกข​น์ ะ เม่อื ก​๊ีเราด​ ​ดู ีวีดี (DVD) จ่วั หวั ว​ ่า ความ​จรงิ ​ไมม่ ใี ครท​ ุกข์ และ​คนส​ ่วนใหญ่ก​ ็​
ไม่ร​ ู้ว่าท​ ุกข​น์ ​ี้มาจ​ ากไหน กค​็ ิดวา่ ปรากฏการณแ​์ ห่ง​ความ​ไมค่​ งท​ ่ีน​ี้เขา​เป็นผ​ ้กู ระทำ เขา​ทำให้เ​รา​

9 ผา​ซอนแ​ กว

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส

ทุกข์ ไม่ใชห่​ รอกโ​ยม ความไ​ม่ค​ งทม​่ี นั ​มี​ของม​ ัน​อยูแ่​ ลว้ ไม่มใี ครอ​ ยู่ใ​น​น้ัน น​ค่ี อื ​ความ​ไร้เดยี งสา​
นะ แลว้ ก็ต​ อ้ งไ​ป​จดั การ​คน​อื่นว​ า่ ถ้า​เธอ​เปลยี่ นแปลง ตาย​แน่ ฉนั ​จะ​ตอ้ ง​ฆ่าเ​ธอ​ท้ิง ทุกอยา่ ง​
กต​็ ้อง​เปลี่ยนแปลง​โยม หรอื ห​ าเร่ืองเ​จบ็ ตวั หรือว่าเ​สียใจ เดีย๋ วน้ี​คนๆ​ น้นั ไ​มเ่​หมือนเดมิ เขา​
เปล่ียนแปลงไ​ป​แลว้ รู้สึกเ​สียใจ​เข้าใจ​คำว​ า่ ​เสียใจ​ไหม หมื ​โอ๋...เขา้ ใจ​คำ​ว่า​เสียใจ​ไหม
โยม : เข้าใจ​ครับ
หลวงพอ่ : เข้าใจ​ว่า​ยังไง
โยม : เสยี ใจค​ ือค​ วามรสู้ ึก สภาวะ​ของค​ วามรสู้ กึ ท​ ม่ี นั ​มี​สภาวะ ซงึ่ ​เขา้ ไป​รู้ว่า ส่งิ ​น​ี้อารมณ์​
น้ี ผัสสะน​ ี้ คือ​สง่ิ ท​ ไี่​ป​เรยี กว​ า่ ความเ​สยี ใจ มัน​คือส​ งิ่ ​ที​่เกิดข้ึน เปน็ ​เพยี งส​ ภาวการณ์​ทเ​่ี กดิ ขน้ึ ​ครบั ​
หลวงพ่อ
หลวงพอ่ : โยม​ด​ใู หด้​ ๆี ​นะ เราไ​ม่เขา้ ใจ​คำ​หลายๆ ​คำ​ท​่ีเรา​ใช้ก​ นั เ​ลย เรา​เคย​ได้ยนิ บางท​ี
พวกน​ กั ปราชญห​์ รือ​ผู้ใหญ่​ เขามักจะ​บอกว่า​ “เสียอ​ ะไร​ก็เ​สยี น​ ะ อย่า​เสยี ใจ” เรา​ก็น​ ึก​วา่ ​มนั ​คง​
เป็นแ​ คค่​ ำ​ปลอบใจ​ท​ีไ่ พเราะ แต่ม​ นั เ​ป็นความ​จรงิ น​ ะ​โยม ใจม​ นั ​คือค​ วาม​เปน็ กลาง เหน็ ​ไหม​โยม
ด​ูให้ด​ นี​ ะ ใจ​มัน​คือ​ความ​เปน็ กลาง ซงึ่ ม​ ​ีอยกู่​ อ่ น จรงิ ไ​หม ใจ​ปกติ ใจเปน็ กลาง​อยู่ก​ ่อน ถึง​เรียกวา่ ​
ใจ เวลาท​ ี​เ่ ขาท​ ำ​อะไร​อยา่ งน​ ้ี เขาต​ ้องเ​รียกวา่ ต​ รงน้ี เนยี่ ​คอื ​ใจ ถ้า​เขา​เอา​ดา้ ย​ไป เขา​บอก ตรงน้ี​
เปน็ ใจ​ดา้ ย ตรงนใี้​จ​คอื อ​ ยู่ต​ รงกลาง คำว​ า่ “​ใจ”​ แปลว​ ่า​ตรงกลาง เวลา​คนอ​ น่ื เ​ปล่ียนแปลง เรา​
บอกวา่ ​เน่ยี ​เดย๋ี วนี​้คนน​ นั้ ​ไม่เ​หมอื นเดมิ ฉันเ​สยี ใจ เสีย​อะไร เสยี ​ความ​เป็นกลาง​โดยไ​ปป​ รงุ แตง่ ​
ไมช่ อบ เห็น​ไหม​โยม
เสียค​ วามเ​ปน็ กลาง​ไปป​ รงุ แตง่ ค​ วาม​ไมช่ อบ​ขน้ึ ​มา เรยี กว่า​เสยี ใจ เหน็ ภาพ​ไหม ถา้ ​
โยม​เขา้ ใจ​ว่า ใจค​ อื ​ธรรมชาต​ขิ องค​ วามเ​ปน็ กลาง ความ​ปรงุ แต่งไ​ม่ชอบม​ าทีหลัง ไม่น​ า่ จะ​ต้อง​
ไป​สญู เสยี ไ​อ้ค​ วาม​เปน็ กลางน​ ้​ีไป​เลย ใน​เม่ือท​ กุ สง่ิ ​ทกุ อยา่ ง​มนั ​ไมค่​ งที่​ มัน​ตอ้ งเ​ปลี่ยนแปลง
แลว้ ทำไม​จะ​ตอ้ งไ​ปป​ รงุ แต่ง​ไมช่ อบ ว่าเ​ขา​ไม่เ​หมือนเดมิ
ในเ​มือ่ ​กฎข​ อง​ความไ​ม่เ​หมือนเดมิ กฎข​ อง​ความ​ไมค่​ งทม่ี​ ัน​ม​ีอยตู่​ ลอดเ​วลา ถ​ า้ ​เขา้ ใจช​ ีวติ
ผาซ​ อ นแ​ กว 10

พระอาจารย​อ ำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ​ณ ศูนย์ปฏบิ ัตกิ าร การบนิ ไทย สุวรรณภมู ิ วันที่ ๒๓ ก​ันยายน ๒๕๕๒

เราจ​ ะ​สามารถ​ใช้ก​ ฎก​ ตกิ าข​ อง​ชวี ิต หรอื ธ​ รรมชาติอ​ ย่างถ​ กู วิธี ไม่ห​ าเร่อื ง​ทุกขใ์ จ ใน​สง่ิ ท​ ไ​ี่ ม่​
ควร​จำเปน็ ต​ ้องท​ กุ ขเ์​ลย ไมห่​ าเร่อื ง​เสยี ใจ ในส​ ง่ิ ท​ ่​ไี ม่จ​ ำเป็น​ต้องค​ วรส​ ูญเ​สยี ไป​เลย คอื ค​ วาม​
ปกติ หรือ ความ​เป็นกลางห​ รอื ​สนั ติสุข​ท่​ีมอี​ ยู่ก​ อ่ น หรือค​ วามส​ ุขท​ ​ีม่ อ​ี ยู่ก​ ่อน โยม​เห็น​ไหม ถ้า​
โยมแ​ สวง​หาความส​ ขุ ​จะไ​ม่เ​จอ​นะ จะ​ไม่เ​จอ​ความ​สขุ ถ้า​รอคอยค​ วาม​สขุ ​กไ็​ม่เ​จอ​นะ​โยม ความ​สุข​
นีไ้​ม่ต​ ้องร​ อคอย ความ​สุขน​ ​ไี้ ม่ต​ ้องแ​ สวง​หา ความ​สขุ ​น​้ีมอี​ ยูแ่​ ลว้ แตว่ า่ มัน​ถกู ​บงั มัน​ถูก​บดบัง ไป​
ด้วยค​ วาม​ปรุงแต่ง ซง่ึ น​ ำ​เอาค​ วาม​ทกุ ข​์เขา้ มา​โยม ปรุงแต่ง​ร้าย​ใจ​ก​็เศรา้ หมอง ใจ​เศร้าหมอง​อยู่ ​
ก่อนห​ รือ เหน็ ไ​หม ​ใจ​ไมไ่ ดเ้​ศรา้ หมองอ​ ยู่ก​ ่อน ใ​จ​เศรา้ หมอง​เพราะวา่ ​ปรงุ แต่งต​ า่ งหาก ถา้ หากวา่ ​
เรา​เจริญส​ ต​เิ ขา้ ใจ​ตรงนโ้ี​ยม จะ​พบว​ ่าความ​สขุ น​ ัน้ ไ​ม่ต​ อ้ ง​รอคอย ไมไ่ ดอ้​ ย่ไู ​กล​เกนิ ​เอื้อม และ​ไมไ่ ด้​
อยทู่ ี่​จุดหมาย​ดว้ ย​แตอ่​ ยตู่ ​ รงป​ จั จุบัน​ต่างหาก ปัจจบุ นั ​ของ​ใจท​ ป่ี​ กติ​อยกู่​ อ่ น
เมอ่ื ไหร่เ​ผลอ​ม​จี ิตใจ​เศรา้ หมอง รู้เ​ลยว​ า่ อันน​ี้ขาดสติแ​ ล้ว​ ความ​ทกุ ข​์มนั ​เลน่ งานต​ อน​
ขาดสติ เผลอไ​ป​ปรุงแตง่ แ​ ลว้ เ​อา​ความ​ปรุงแตง่ ม​ า​บงั ​ใจ แลว้ ก​็เขา้ ไป​ยดึ ก​ ับ​เน้ือเรอื่ งท​ ​ปี่ รุงแตง่
โยม​เหน็ ไ​หม ปรุงแต่ง​วา่ ​เขาผ​ ิดเ​รา​ไมช่ อบ ​กเ​็ กดิ ​ความ​เศร้าห​ มองใจ​สิ มี​อยทู่ ​ ไ่ี หน​ละ่ เปล่ยี นแปลง​
ไป​ตามเ​หตป​ุ ัจจยั เสอื่ ม​ไป​ตาม​เหตปุ​ ัจจยั ​แต่ละ​ขณะ ใน​การม​ ​ีปัญญา​ที่​เรียกว่า วปิ ัสสนา “ว”ิ
แปลว​ ่า “วเิ ศษ” “ป​ สั สน​ า” คือ “การเ​ห็น” การเ​ห็นอ​ ัน​วเิ ศษ คอื ก​ ารเ​ห็น​ความจ​ รงิ มนั ​
สามารถช​ ่วยชีวติ หรอื ว่าช​ ว่ ย​จติ ใจ ใหม้​ ี​ความ​สุข​หรือ ออก​มาจาก​ทุกข์​ได้ คอื ​การ​เห็นอ​ นั ​
วิเศษน​ ะ​โยม ไม่ไดไ้​ปเ​หน็ ​อะไร​ท่ีไหน สลบั ซบั ซ้อนเ​ลย แต่ว่า​ทศั นคตทิ​ ี่​วางไว้ม​ ันผ​ ิด​พลาด จาก​
สัญญา​ทวี​่ ิปลาส เห็น​ไหม จิต​วปิ ลาส ท​ ฏิ ฐ​ิวปิ ลาส​ เห็น​ผดิ ค​ ิดผิด​ มนั ​คลาด​เคลือ่ นไปห​ มด​เห็น​
ไหม หลวงพอ่ ​สุม่ ต​ วั อย่างจ​ ากก​ าร​ตอบ​ของโ​อ๋ เรา​จะเ​หน็ ภาพ​เลย​ว่า สว่ นใหญ่เ​รา​เปน็ ช​ าวพุทธ​ท่​ี
คลาด​เคล่อื น​จากค​ วาม​เป็นจรงิ ในห​ ลายๆ ​เร่ืองเ​ลย คำ​ว่า​จิตใจเ​รา​ก​็ไม่รู้ วา่ ​คอื อ​ ะไร มา​จากไหน
แลว้ ค​ ิดวา่ ​ของ​เราห​ รือค​ ำ​ว่า​เสยี ใจ เหน็ ไ​หม เราย​ ัง​ไม่ร​ ู้วา่ ​เสีย​อะไร​ไปเ​ลย คอื ​เสีย​ความ​เป็นกลาง​
ไป​ไง เสียค​ วาม​ปกติ เสียส​ ันติสขุ แ​ ต่ด​ ง้ั เดิม​ไปเ​นี่ยค​ อื ​ใจ ธรรมชาต​ิใจเ​ดิม พุทธเจ้า​ทา่ น คน้ พบ​ส่งิ ​
เหลา่ นน้​ี ะ ที่ท​ า่ น​ตรสั รู้ ทา่ นบ​ อกวา่ ​ส่ิง​น​ีม้ ​อี ย่แู ​ ลว้ (ท่าน​ไม่ได้ส​ ร้าง​มัน​ขนึ้ ​มา) กฎ​กตกิ า​ม​อี ย่แู ​ ลว้
ทา่ น​ก​็ร่างม​ ัน​ขึน้ ม​ า​มี​อยู่แ​ ล้ว​ท่าน​กไ็​ป​เห็น​แล้ว​ชี้​ว่า ​เธอจ​ ง​ด​สู ิ มันท​ ำงาน​อย่าง​นี​้ในธ​ รรมชาติ ถา้ ​
ดู​แล้วใ​ช้ม​ ันเ​ข้าใจ​อย่าง​ถูกวิธี ​เห็น​ไหม​โยม เพราะว่า​สงิ่ ​ทบ​่ี ิ๊ว​(Build) ขน้ึ ม​ า​ท้งั ​หลายแหล่น​ ะ มัน​
ต้อง​เส่ือมสลาย มนั ต​ อ้ ง​พัง​แนน่ อน​ เพราะวา่ ​มันไ​ม่ได้เ​ป็นส​ ่งิ ​ท่ม​ี อี​ ย่กู ​ ่อน อาศยั ​ปัจจยั อ​ น่ื เ​กิดขน้ึ
มนั จ​ ะ​คงที่​ถาวรไ​ป​ไดย้​ ังไงโ​ยม ธรรมชาต​ิเดมิ ​ต่างหาก ท่ีไ​มไ่ ด้ถ​ ูก​บิ๊ว​ขนึ้ ม​ า​ต่างหาก ซ่งึ ​มนั ​ตอ้ ง​
เปน็ อ​ ย่าง​น้นั เ​หน็ ​ไหม นพิ พาน​ถึงม​ ี​อมตะ มี​ความ​เป็น​อมตะ มคี​ วาม​เป็นอ​ มตะ​รส ม​ีรสชาติ​ทเี่​ปน็ ​

11 ผาซ​ อน​แกว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภาโ​ส

อมตะ หรือม​ รี​ สชาตท​ิ เี่​ปน็ ส​ นั ติสุขม​ ​ีสันตลิ​ ักษณะ เพราะ​มันเ​ป็นกลาง​อยูก่​ อ่ น ความ​ไม่เ​ปน็ กลาง​
มาทหี ลัง จะพ​ บ​วา่
ความส​ ุข​มนั ​ไม่ได้ไ​กลเ​กิน​เอ้อื มน​ ะ มี​อยู่ต​ ลอดเ​วลา​ถา้ ​เขา้ ใจ เหน็ ​ไหม เพราะฉะน้ัน​การ​
เก็บข้อมูลอ​ ยา่ ง​ถกู วิธี คือก​ าร​เจริญ​สตกิ​ ับช​ ีวติ ​ประจำวัน​เนีย่ แ​ หละ​โยม ตาม​ด​ูกาย​ในก​ าย​วา่ ​มนั ​
ทำงานอ​ ยา่ งไรเ​ปน็ การต​ าม​เกบ็ ข้อมูล แลว้ กท​็ ำง​านวิจยั เลย​มีช​ ื่อวา่ “สตสิ ัม​โพชฌงค”์ “ธรรม​
วิจยะสัมโ​พชฌงค”์ ​เป็นการ​ทำ​งานวจิ ยั จะ​วิจยั ​ไม่ได้เ​ดด็ ขาด ถ้าย​ งั ไมม ​ีข้อมูล แลว้ ​ขอ้ มูลน​ ้​ีคน​
อน่ื ​สง่ ม​ า​ให้​ อย่าเ​ชื่อ​นะ อย่าเ​ชื่อเ​พราะ​เช่อื ไ​มไ่ ด้​ จนกวา่ ​จะ​เก็บข้อมลู ​ด้วย​ตน​เอง พทุ ธเจ้า​จึง​
ตรัส​ว่า เม่อื ไหรท่​ ี​เ่ รา​สังเกตก​ ระบวนการ​แบบน้ี ว่า​เพราะ​ส่ิง​นม​้ี ​ีสิ่งน​ ถ้ี​ ึง​มี เหน็ ใ​นใจ​แบบนน​ี้ ะ คิด​
แบบนี้ อารมณถ์​ งึ เ​ปน็ อ​ ย่าง​น้​ีนะ เชน่ ค​ ิดไ​มด่ ีอ​ ารมณถ์​ งึ ​ไม่ดี คิด​ด​ีอารมณ​ถ์ ึง​ดี​มค​ี วาม​สขุ อย่าง​
น​้คี วามคดิ ​กไ​็ มไ่ ด้ม​ ี​ตวั ตน เพราะวา่ มคี​ วามจ​ ำ​แบบน้​ีจึงม​ ีค​ วามคิดแ​ บบนี้ ความ​จำก​ ​ไ็ ม่ไดม้​ ​ีตวั ตน
เพราะไ​ป​รบั รู้ส​ ิง่ แวดลอ้ มแ​ บบนี้​มา หรอื ข​ อ้ มลู แ​ บบน​มี้ า ถงึ ​ไดเ้​กิด​ความ​จำ-การ​รับรู้ ​ กไ​็ มไ่ ดม้​ ี​
ตัวตน ถ้าไ​มม่ ห​ี ู ไมม่​ ีเสียงจ​ ะ​เกิด​การร​ บั เ​สยี ง​ไดอ้​ ยา่ งไร ถา้ ​ไม่ม​ีลนิ้ พ​ ่อครวั ​ท้งั หลาย ก็​คง​ไม่ม​ี
งานเ​พราะไ​มม่ ล​ี ้นิ ใ​น​การร​ ับร​ ส โยม​เหน็ ​ไหม มนั ​ทำงาน​คู่ก​ ัน​อย่าง​นี้ ไม่มี​อะไร​สัก​อยา่ งท​ ่ม​ี ​ีตัวตน​
แบบน้ี จะ​เปน็ การเ​ข้าใจ​อย่าง​ถูกวิธกี​ ่อนน​ ะ ​นเ่​ี ริ่มเ​ก็บขอ้ มูล​แล้วก็​ทำง​านวิจัย
พทุ ธเจา้ ​ทา่ นจ​ งึ ​ตรสั ​ว่า ถ้า​เก็บขอ้ มลู ส​ งั เกต​แล้ว​ทำง​านวิจยั แบบน​ี้ไมเ่​กิน ๗ ปี จะ​ตอ้ ง​
มี​ปัญญาป​ ระจกั ษ์​หรอื เ​ข้าถึงส​ ภาวะ หรอื เ​ขา้ ใจ ธรรมะ​ระดับสงู ข​ ้นั ​ใด​ข้ันห​ นึ่งแ​ นน่ อน โยมล​ อง​
คิด​สิ วา่ ถ​ ้าต​ ามเ​กบ็ ข้อมูล อยา่ งน​ ้ี ๗ ปจ​ี ะ​ไดอ้​ ะไร​ขึน้ ม​ า ขอ้ มลู ​คง​เยอะน​ ะ งานวิจยั ​คงจะ​แม่นยำ
คงจะไ​ม่ต​ ้อง​เขา้ ไปถ​ าม​ใครอ​ ย่างท​ ่ี​ทา่ นบ​ อกเ​หมือนกนั ​วา่ ถ​ า้ ​เข้าใจ​อยา่ ง​น​้ีเหตุนีม้​ ​ผี ลน​ ีถ้​ งึ ​มี จะ​ไม่​
ต้องไ​ปเ​ชื่อ​ใครอ​ ีก​ตอ่ ไป โ​ยม​กม็​ ันป​ ระจักษ์​ด้วยต​ ัวเอง​ไง น​่ีเรยี กว่า​ปฏบิ ตั ​ิธรรม​นะ “ปฏิ​” แปล​
วา่ “เข้าไปป​ ระจักษ”์ “บต​ั ิ” แปลว​ ่า “สิง่ ท​ ​่ีเกดิ ขนึ้ ” ขา้ งหน้าข​ องก​ ายแ​ ละใ​จ​ตรงป​ จั จบุ ัน ซ่งึ ​
ม​หี ลกั ฐาน​รองรบั คือค​ ำพดู ​คนอ​ น่ื ​โยม มัน​ไมม่ ี​หลักฐาน​รองรับน​ ะ อย่าง​บอกว่า​เน่ีย กรรม​มนั ก​ ​็
คือ เธอ​เนีย่ ​เธอ​กำลังเ​สวย​กรรมอ​ ยตู่​ อนน้ี มี​กรรมม​ าก​เลย อยา่ ​เชื่อ​นะ ตอ้ ง​ดู​ด้วยต​ ัวเอง
​ถ้าหากว่า​เรา​มี​เจตนา​ดเี นีย่ เรยี กว่า​กรรมด​ ีโ​ยม ก็​ตอ้ งอารมณ​ด์ ี​ม​ีความ​สขุ ถ้า​เราม​ เ​ี จตนา​
ไมด่ ี อารมณก์​ ต​็ ้อง​ไมด่ ี นค่​ี อื ก​ รรม กรรม​คือเ​จตนา เปน็ ​ทตี่ ้งั ข​ อง​เวทนา ไม่ต​ ้องไ​ปเ​ชอ่ื ​ใคร​แล้ว​ทีน้ี
วา่ ​เราม​ กี​ รรม หรือเสวยก​ รรม​อะไรอ​ ยู่ กเ​็ หน็ ​อย่ตู ​ ่อหน้า ใช่ไหม ถ้า​คิดด​ ี​อารมณ์​ก็ต​ ้อง​ดี เนยี่ เสวย​
ผาซ​ อ นแ​ กว 12

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ณ​ ศนู ย์ปฏบิ ัติการ การบินไทย สวุ รรณภมู ิ วนั ที่ ๒๓ ​กนั ยายน ๒๕๕๒

ผลข​ อง​กรรม ดว้ ย​การ​ม​ีเจตนา​ฝ่ายด​ ี กรรมถ​ ึง​เรยี กวา่ ​เจตนา นถ่ี​ ้า​คน​ฉลาดท​ ำย​ ังไง หมื ​...จะ​ไป​
หาเรอื่ ง​คิด​ไมด่ ี​ทำอ​ ะไร หรือเ​อา​ความ​จำใ​นอดตี ท​ ผี่​ า่ นไ​ป​แล้ว ตาม​วุฒภิ าวะ ตาม​วัยท​ ี่​ไร้เดียงสา
ท่ี​อาจจะ​ผดิ ​พลาดไป​บ้าง จะ​เอา​กลบั ม​ าค​ ิดท​ ำ​อะไรโ​ยม เน่ีย เรยี กวา่ ไม่สมควร​ต้องไ​ด้ร​ บั ทุกข​์
แบบนนั้ ​เลย​ หรือไม่สมควรไ​ปต​ กนรกเ​ลย ไมม่ เี​หต​ุตอ้ งส​ มควร​เลย แต่เ​พราะข​ าด​ปญั ญา​แทๆ้ ​
เลยนะ ​กระโจนล​ ง​ไปใ​นส​ ่งิ ​ท​ไ่ี มค่​ วร​กระโจนล​ ง​ไป​เลยโ​ยม เอาเรือ่ ง​ทเ่ี​ศรา้ หมอง ท่ี​ผิดพ​ ลาด​
ในอดตี จากค​ วาม​ไมร่ ู้ ใน​วัยอ​ นั ไ​ร้เดยี งสา ตาม​วฒุ ิภาวะ อย่าง​เชน่ เด็กๆ​อาจจะ​เลน่ ​กันก​ ระเซา้ ​
เย้าแหย่ก​ ัน แกล้งก​ ัน หรือม​ ​ีความ​รัก​หวานแหวว หรอื ​อะไร​ก็​เแล้วแ​ ต่ มัน​กผ็​ ่าน​ไปต​ ามว​ ัยเ​วลา
ของว​ ุฒิภาวะ ในช​ ว่ งน​ ้นั ๆ​แตไ่​ม่ใช่เ​รา​นะโ​ยม มัน​คอื เ​หตปุ​ จั จยั ​ทเ่ี กิดด​ ับไ​ปต​ าม​เหต​ุปัจจัยใ​นอดีต
ของเ​หตป​ุ จั จยั ​เหลา่ นั้นๆ ​เอง
เพราะฉะนนั้ ค​ วาม​ไมร่ ู้เ​น่ยี จึง​ม​คี วาม​วา่ ความ​ไม่รใู้ ​นอดตี ความไ​มร่ ู้ใ​น​อนาคต ไมร่​ ู้ว่า​
อดีตเน่ีย ​เปน็ ​แค่เ​หตป​ุ ัจจัย​ของข​ นั ธ์ ๕ ไมใ่ ช่เ​รา​นะโยม ขนั ธ์ ๕ ในอดีต คือ​ความ​จำ​ในอดีต
ความรสู้ ึกใ​นอดตี นึกออกไ​หม เวทนาใ​นอดีต ไม่ใช่เ​รา เกดิ ​ดับ​ไป​ตามผ​ สั สะ ของ​อดีต​นนั้ ๆ​ไม่ม​ี
เราอ​ ยู่ใ​นน​ น้ั แตค่​ วาม​ไมร่ ู้ก​ ็ไ​ป​ควา้ เอาค​ วาม​จำน​ น้ั ​เอาก​ ลบั ​มา​คดิ ​ใหม่ เปน็ เรื่องไ​ม่ดี แล้วก็ เสวย​
อารมณเ​์ ศร้าหมอง​ตัวใหมน่​ ะ​โยม ไม่ใช่ท​ กุ ขต​์ ัวเกา่ ​นะ เอา​ความ​จำใ​นอดตี ม​ า​สร้างท​ ุกขเวทนา​
ตัวใหมอ่​ ยา่ ง​ไร้เดยี งสาเ​หน็ ​ไหม ถา้ ​โยม​เขา้ ใจ กรรม​นะ ไม่ต​ อ้ ง​ไป​ใหใ้​คร​แก้ก​ รรม​ให้ห​ รอกโ​ยม เรา​
ก็ฉ​ ลาดข​ น้ึ ม​ าส​ ิ จะ​ไปค​ ิดถึงเ​รอ่ื งท​ เ​่ี ศร้าหมองท​ ำ​อะไร ใน​เม่ือ​มนั ค​ นละเ​หตุ​ปจั จัย คนละ​วาระก​ ัน​
แล้ว ตอนนัน้ เ​รา​ยงั เด็ก แล้ว​สถานการณ์ ผสั สะ​มัน​เป็นอ​ ยา่ ง​นัน้ ก​็ปรุงแตง่ ตอบโต้ส​ ถานการณ์
หรือ​แอคช่ัน​ (Action) ไปต​ าม​สถานการณ์ อย่าง​นั้น แต่ไ​มค่​ วร​จะ​เอาก​ ลับ​นำมา​คดิ ใ​หม่ ให้ม​ นั ​
เศร้าหมอง วา่ ม​ ​เี รา​ในอดตี ไม่มเี​รา​ในอดตี ​นะ ม​ีแต่เ​หตป​ุ ัจจยั ​ทีเ่ กิดด​ บั เชน่ ​การ​รบั ร้ทู ​ าง​เสียง​ก​็
เกดิ ​ดบั ​ไป​แล้ว อย่าง​น้ี รบั รแู้ ​ ลว้ เ​กดิ ​ความรสู้ กึ เรยี กว่า​เวทนา ก​็ดบั ไ​ป​แล้วอ​ ยา่ ง​นี้ แต่ค​ วามไ​ม่รู้​
นะ นฉ​ี่ ลาดข​ ึ้นแ​ ล้ว​นะ มัน​จะส​ ามารถ ทีจ่ ะ​ต้องไ​ม่ไ​ปเ​สวยอารมณของ​กรรมเก่า พทุ ธเจา้ ​จึง​สอน​
อยา่ งน​ ้ี​นะ วิธ​ลี ะ​กรรมเก่า อยา่ ไ​ป​คดิ ถงึ อยา่ ​พดู ถงึ นกึ ออก​ไหม บางที​เราเ​อาเร่อื งท​ ถ่ี ูก​ทำรา้ ย​
ในอดีต หรือ​เขา​ว่า​เรา​ในอดีตม​ า​พดู รสู้ กึ ไ​หมโ​ยม ความโ​กรธ​จะ​เกดิ ขนึ้ ​ใหม่ โดย​ทเี่ อาอ​ าหาร​
เกา่ มาค​ ยุ้ เขย่ี เอามา​ดมื่ ​กนิ น่ีอ​ ันน้ไี​ร้เดียงสาเ​กินไปจ​ รงิ ​ไหม แล้ว​ยิ่ง​พดู ร​ ู้สกึ ​ไหมวา่ ​ยงิ่ อิน (In)​
ยิ่งอนิ ​ อารมณต​์ ัวใหม่ก​ ​็เกดิ ขนึ้ เ​ป็นความ​เศรา้ หมอง ไม่ใช่อ​ ารมณเ์​ก่า​นะ​โยม อารมณ์น​ ​ี่เกิดขนึ้ ​
สดๆ​รอ้ นๆ​โดยก​ าร​ทไี​่ ป​เอาอ​ ารมณ​์เก่า​ทเ​่ี ศร้าหมอง มา​ขบเค้ยี วเ​ป็นอ​ าหารว่าง ไมใ่ ช่อ​ าหารว่าง​
ท่​เี หมาะสม​นะ อาหารว่างท​ ​่ีเหมาะสม​กค็​ ือก​ ารร​ ะลึกถงึ ​สิ่ง​ทด่​ี ี เรยี กว่า​อนสุ ติ ๑๐ ไง เอา​ส่งิ ​ที่​

13 ผาซ​ อนแ​ กว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภา​โส

ดๆี ​มา​ระลึกถงึ ด​ ีกวา่ น​ฉ่ี ลาดอ​ ย่าง​นี​เ้ ห็น​ไหม​โยม ว่า พระพุทธเจ้าจ​ งึ ​ตรัสว​ า่ “​ ศาสนา​หรือค​ ำ​
สอน​ของท​ า่ น​เนยี่ ถาไมสามารถช่วยค​ นใ​หพ้​ ้นทุกข์ใ​น​ปัจจุบัน​ได้ คำส​ อนห​ รอื ศ​ าสนาน​ ้ี จะ​
ไมม่ ​ปี ระโยชนต์​ อ่ ม​ นษุ ยชาติ​เลยโ​ยม” แตค่​ ำส​ อน​น้ีส​ ามารถ​ช่วย​คนใ​ห้พ​ น้ ทกุ ข​ใ์ น​ปจั จุบนั หรอื ​
แกป้ ัญหาใ​น​ปจั จุบนั ​ได้จ​ รงิ หรือม​ ี​ของขวญั แ​ ห่ง​ความ​สุข​ใน​ปัจจบุ นั ไ​ด้จ​ รงิ จึง​มป​ี ระโยชน์ ไมใ่ ช่​
ศาสนาท​ ่​ีมคี​ ำ​สอน ลอยอยใู่​น​อากาศข​ องช​ าติหน้า​นะ หรือ​เบอ้ื งหลงั ​ความ​ตายนะ​โยม มันเ​กดิ ขึน้ ​
ตรงป​ จั จุบนั ต​ า่ งหาก แล้วใ​ชม้​ ัน​อย่าง​ถูกวิธี คือก​ ฎ​กตกิ าข​ อง​ความ​จริง​ทีต่​ อ้ งเ​ขา้ ใจ การ​เข้าใจ​ขันธ์
๕ นี่ เปน็ ​พน้ื ฐานข​ องช​ วี ติ ​นะ เพราะวา่ ​อยกู่ ​ บั เ​รา​ตลอด​เวลา เหน็ ​การ​ทำงานข​ อง​กายแ​ ละใจ แต่​
ใจ ก็ไ​ม่ใช่เ​ราน​ ะ เข้าใจ​ไหม โอ๋ ทไี​่ ม่ใช่เ​รา​เพราะว่า มนั ​อาศยั ​เหตป​ุ ัจจยั ​เกิดขน้ึ จะ​เปน็ เ​ราไ​ป​ได้​
อยา่ งไร
โยม : ครบั
หลวงพ่อ : “เรา​” เกิดจ​ ากค​ วามคดิ เหน็ ​ไหม​โยม จิต​มัน​คดิ ว่า​คำ​วา่ “ใจ​เรา” ขึ้น​มาเนีย่ ​
พวกท​ ี​่ดู​จติ ​จะ​เฉลียวใจ​ทัน จิตม​ ันค​ ิดค​ ำ​ว่า​“เรา” อ้าว...ไมใ่ ช่เ​รา​สกั หนอ่ ย น่​ีมนั อ​ าการ​ของ​จติ ค​ ดิ
พอ​เห็นม​ ันก​ ​็ดบั เหน็ ​ไหม​โยม จิต​กม็​ ​ีความเ​กิด​ดับ ไม่ได้เ​ป็น​ดวงเ​ดยี วด​ ว้ ยน​ ะ ไมใ่ ช่ว​ า่ ​ดวง​ในอดตี ​
นัน้ ​เปน็ เ​ราน​ ะ​โยม ดวงใ​นอดีต กด็​ บั ไ​ป​ตามเ​หตุป​ ัจจยั ข​ อง​อดตี นึกออก​ไหม ถ้า​โยม​เขา้ ใจ​วา่ จติ ​
คือ​ธรรมชาตแ​ิ หง่ ก​ าร​รู้ โยม​จะ​เหน็ ว่าม​ ัน​เกดิ ด​ ับอ​ ย่ตู ​ ลอดเ​วลา ทกุ ๆ​ขณะ ทุกๆ ขณะ แล้ว​บางท​ี
ก็ไ​ม่ส​ ามารถ ทำงานซ​ อ้ นๆ​กันไ​ด้ด​ ว้ ยน​ ะ อยา่ ง​เชน่ ถา้ หากว่า​โยมท​ อ่ ง พ​ ุทโธๆ​ ​ๆ​ๆ​อยา่ ง​นใี​้ นใจ
มนั ก​ ็จ​ ะ​ไม่ส​ ามารถ จะ​ไปพ​ ดู ค​ ำ​อืน่ ไ​ดว้​ ่า เขาว​ า่ เ​รา เขา​อจิ ฉาเ​รา พูดไม่ได้ห​ รอกโ​ยม เ​พราะวา่ ​
เราก​ ำลัง​ไป​ท่อง​พุทโธอ​ ยู่ น​่กี เ​็ ป็น​อุบาย​นะ อุบายใ​น​การท​ ำ​สมถะ​เพื่อให้ใ​จสงบ เพ่อื ​ยตุ ิ​บทบาท
ของต​ วั อ​ ื่น​ลง​ไป​เห็นภาพ​ไหม นเ​่ี พราะฉะนัน้ การ​ทำ​สมถะ หรือ ทำสมาธิ ทำไ​ป​เพ่อื อะไร​ก็​รู้ ทำ​
อย่างไรก​ ​็รู้ ทำแ​ ลว้ ​ไดอ้​ ะไร​กร็​ ู้ แต่ไ​มใ่ ช่เ​รา​นะโ​ยม มัน​เปน็ การ​เปลีย่ น​เหต​ุปัจจัย
ถา้ เ​หตนุ ​ม้ี ​ีผล​นี้ก​ ม​็ ี ถ้า​เหตนุ ดี​้ ับ ผลน​ ี้ก​ ด​็ บั นกึ ภาพ​ออก​ไหม ถ้า​ไป​เผลอ​คดิ เ​รื่องพ​ ยาบาท
เรื่องไ​ม่ดี ความ​เศร้าหมอง ความ​โกรธก​ ต็ าม​มา ความ​เศรา้ ​ใจความ​ทุกข์ใจ​ก็ตามม​ า ถ้า​เราเ​ปล่ียน​
เหตไ​ุ ป​ท่อง​พุทโธๆ​เห็น​ไหม เหตนุ ด้ี​ ับ เหตเุ​กา่ ด​ บั ค​ ือ​เหตข​ุ อง​ความ​หลง​คิด​เร่อื ง​ไมด่ ​ีดบั อารมณ์
ทเ​่ี ศรา้ หมอง​กด็​ บั ​ไปด​ ว้ ยส​ โิ​ยม แตไ่​มม่ ีใครท​ ่อง​พุทโธไ​ด้ต​ ลอดเ​วลา​ต่างหาก เรา​กเ​็ ลยต​ ้องเ​อามา​
เรียนรใู้ ​หม่ คอื ​ปรับ​พ้ืนฐาน​เสรจ็ ​ป๊บั เป็นส​ มถะไ​ด้ความส​ งบแ​ ลว้ เอามา​สังเกต​กระบวนการ​การ​
ผาซ​ อ น​แกว 14

พระอาจารยอ​ ำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ​ณ ศูนย์ปฏิบตั กิ าร การบินไทย สุวรรณภูมิ วันที่ ๒๓ ​กนั ยายน ๒๕๕๒

ทำงาน​ของม​ นั ว​ ่า พ​ อห​ ยดุ ท​ อ่ งพ​ ทุ โธ​เดีย๋ ว​มันก​ ค​็ ดิ ใ​หม่ ใชไ่ หม​โยม ไอค้​ วามคิด​ท่ี​ดับไ​ปเ​ม่ือกน๊ี ้ี
อาจจะ​คิด​เรอ่ื ง​อน่ื ​ทไ่ี​มไ่ ด้ต​ ง้ั ใจ มัน​กจ็​ ะล​ อยม​ า​ใหม่ ความคดิ ​น้​ีบังคบั ไ​มไ่ ด้เ​พราะอะไร เพราะ​ถ้า​
มนั ม​ ​ีหน่วย​ของค​ วาม​จำ​อยู่ เดยี๋ วค​ วามคดิ ​กต​็ อ้ งเ​อา​ความ​จำมา​ทำงาน เหมือน​เรา​เปดิ โ​นต้ บ​ ุค๊
(Notebook) ไวต้​ ลอดเ​วลา โดย​ดึงเ​อา เปดิ ​เอาห​ นว่ ย​โปรแกรมข​ อง​ความ​จำ ใหม้​ ันเ​คล่อื นไหว
ผ่านจ​ อ​ไป​เรื่อย​อยา่ ง​น้เี น่ีย ร่างกายเ​หมือนกัน​โยม มนั ​จำเป็นจ​ ะ​ต้องเ​ปิดไว้ต​ ลอดเ​วลา เพือ่ อะไร
ถ้าหากวา่ ไ​ฟไหมน้​ ่ี จะ​ไดเ้​ห็นไ​หม ถา้ ​เสียง​ฟ้าถ​ ลม่ ทลาย จะ​ไดย้ นิ ​ไหม โยมไ​ม่เ​ปดิ ไ​มไ่ ดจ้​ รงิ ​ไหม
ไมส่​ ามารถจ​ ะป​ ดิ ​เครอื่ งร​ ับรู้ ก​็ต้องเ​ปิดไวต้​ ลอด​เวลา มัน​เลยต​ อ้ งบ​ นั ทึก​ข้อมูล​ตลอดเ​วลา แล้วก​็
รบั รู้แ​ ลว้ แล้วกต็​ อ้ งค​ ิดอ​ ยู่เ​รอื่ ยๆ​ แวบ้ ๆ​ ​ แว้บๆ​ ​ ตาม​ข้อมูลท​ ่ี​เข้ามา เกดิ ​การ​ตัดสินใจใ​น​แตล่ ะ​
ขณะ แตล่ ะข​ ณะ เรียกวา่ “ความคดิ ” เพอ่ื ใหเ้​กิด​ความ​ปลอดภยั แกช่​ วี ติ ​รา่ งกาย
เพราะฉะน้นั พ​ อ​จติ ​มนั ​เผลอค​ ิดน​ ะ​โยมอย่า​ไป​ตกใจน​ ะว่า​เราป​ ฏิบัต​ิจะ​ตอ้ งน​ ่งิ ม​ ่ันคงถาวร
ไม่ใช่ เห็นค​ วามคิดท​ ​ี่กำลงั ท​ ำงาน เปน็ ส​ ง่ิ ถ​ ูกร​ ้ทู ​ ีนี้ ทแี รก​เราป​ รบั พ​ น้ื ฐาน เป็น​สมถะ​กอ่ น โยมแ​ ม่
จะ​ไป​เขา้ ​คอร์สแ​ ล้ว​ต้งั หลักใ​หด้​ ​นี ะ เรา​ทำ​สมถะ ทำ​ไป​เพ่อื อะไร ทำ​ไป​เพอื่ เ​คลยี รพ์​ ืน้ ท่ี โต๊ะ​เน่ยี
เหน็ ​ไหม ม​แี จกนั ​ดอกไม้ มย​ี า่ ม​มนี​ าฬิกา มแ​ี กว้ ม​ีไมค์ ม​ีเครื่อง​บนั ทึก​เสยี ง​อย่าง​น้ี ถ้าหากว่า​ขน​
ตาห​ ลวงพอ่ ​หลน่ ไ​ปเ​สน้ น​ ึง​จะเ​หน็ ​ไหม​เน่ยี เหน็ ไ​หม​โยม ไม่เหน็ ​หรอก​เนอะ ก​็โตะ๊ ม​ ัน​รกข​ นาดนี้​
เนอะ ถ้าร​ ก​มากกว่าน​ ีจ​้ ะ​เห็น​ไหม ย่ิง​ไมเ่ หน็ เ​ลย จติ ใจ​พวกเรา​กเ็​หมอื นกนั ถา้ หากวา่ ท​ ง้ั วนั เน่ีย​
มันเ​ผลอค​ ดิ วบั ๆ เต็มไปหมด เด๋ยี วค​ น​น้นั ​โทรศัพท​์เข้ามา เดยี๋ ว​คนน​ ้ี​เดนิ เ​ข้ามา​ถาม เดีย๋ ว​คน​น​ี้
เดนิ ม​ าส​ ัง่ งาน อะไร​ก​็ไมร่ มู้ ​ ัน​ปน​ไปห​ มด โยม​จะ​ไม่ส​ ามารถ​เหน็ ​การ​ทำงาน​มนั ​ได้อ​ ย่างล​ ะเอียด​
เพราะว่าม​ นั ​เยอะ​เกินไป พอเ​รา​มา​ทำ​สมถะ นึกออก​ไหม พอ​เราม​ า​ทอ่ งพ​ ทุ โธ​ของ​ตา่ งๆ ​ใน​จิตใจ​
เรา​มนั ถ​ ูกย​ ตุ ิ​บทบาทอ​ อกไป ความ​คดิ ถกู ย​ ุติ​บทบาทอ​ อกไป ความคิด​ท่ี​ไมช่ อบ​หรือ​ชอบ​กแ็ ลว้ แต่
ความคดิ ท​ ี​่ชอบ ก​ช็ อื่ ว่า “กาม​ฉันทะ​นวิ รณ”์ ท​ไ่ี ม่ชอบ​ทค​่ี ดิ ​ไม่ดี ชื่อว่า “พยาบาทน​ วิ รณ”์ หรือ​
ความ​ฟงุ้ ซ่านไ​ป​ในอดีต หรือ​ความฟ​ งุ้ ซา่ น​ไป​ในอ​ นาคต มันจ​ ะ​ยตุ บ​ิ ทบาทช​ ่ัวขณะ จติ ใจ​กจ​็ ะส​ งบ​
อยู่เ​ดย๋ี วน​ งึ ​โยม เหน็ ม​ ยั้ แล้ว​พอห​ ยุดท​ ่องพ​ ุทโธ​หรอื ​หยดุ ด​ ​ลู มหายใจ หยุด​ด​ูทอ้ งพอง​ยบุ หยุด​
สนใจต​ วั ​อืน่ เ​มอ่ื ไหร่ ความ​สงบ​ทไี่​ด้ม​ าแลว้ ​น้ี มนั อ​ าจจะ​ม​คี วามคิด​บางๆ ล​ อย​ผา่ นม​ า ความคิด​ที​่
ไมม่ ี แล้วก​ม็ ขี​ นึ้ ม​ า โยม​เหน็ ​มยั้ ม​ีแล้วค​ งอ​ ยูก่ บั ท​มี่ ั้ย ไม่อ​ ยกู่ บั ท่ี มันส​ ลาย​ไปอ​ ยา่ ง​น้ี เนี่ย​เรียกว่า
วิปัสสนา ทำส​ มถะเ​พือ่ จะ​เป็นบ​ าท​ฐาน คือท​ ำให้เกดิ ​ความ​สงบ สเปซ (space) ข้นึ ​มา​ชวั่ ขณะ
เพ่อื จะ​เหน็ ส​ ง่ิ ท​ ​เี่ กดิ ขึ้น​ใหม่อ​ ยา่ ง​ละเอยี ดท​ นั ขน​ตาห​ ลน่ ​ไปห​ นึ่ง​เสน้ เห็น​ละ ลอยม​ า​บางๆ​ เห็น​
เลย ถ้าอ​ ยา่ ง​นโ้ี​ยม​ไมเ่ หน็ ​แน่นอน เพราะว่า​มนั ​รก​ไปห​ มด นึกออก​ม้ัย เรา​ก​็เลยท​ ำไ​ป​เพื่ออะไร

15 ผาซ​ อ น​แกว

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส

ทำ​ไป​เพ่อื ​ยุต​ิบทบาทข​ องอ​ กศุ ลไ​ป​ซะ ทมี่​ ัน​รกรุงรงั ​ช่วั ขณะ​ออกไป​ก่อน จะ​ได้เ​หน็ ​ปรากฏการณ​์
ของจ​ ติ จะ​ได้เ​รยี นรกู้​ ับม​ นั ​ชดั ง​า่ ย​ข้ึน​มาห​ นอ่ ยอ​ ย่าง​น้ี
พอ​เผลอค​ ิดก​ ​็รแู้​ ล้วน​ ะ​ทนี เ้ี​นาะ​ เพราะว่า​ใจ​มนั ส​ งบ​นิดน​ ึงล​ ะ จะ​เหน็ ว่า​ความคิด​ทไี่​ม่มี
แลว้ กม​็ ี มแี​ ลว้ ไ​ม่อ​ ยกู่ ับท่ี ม​ีแล้วกห็​ ายไป แสดงวา่ ปญั ญา​จะ​เริ่มท​ ำงาน​แลว้ ​โยม เร่มิ ทำ​งานวจิ ยั
แสดงวา่ ธรรมชาตเ​ิ ดมิ ​ของม​ นั ​ไม่ได้ม​ ี​อะไร​มา​ก่อน เป็นความว​ ่าง ความ​มปี​ รากฏขึน้ ​มาทีหลงั
ความคิด​มาทหี ลงั ความคดิ ไ​มไ่ ดม้​ ี​มา​ก่อน เหน็ ม​ ย้ั โ​ยม เกดิ ขึ้น​บนค​ วาม​วา่ ง แลว้ ก​็หายไป​บน​
ความว​ า่ ง ทีน้​ีความ​ว่าง​ใน​ศาสนาพทุ ธ วางจ​ ากต​ วั ตน เพราะวา่ ​มนั เ​ป็นเ​หต​ุปัจจัย ว่าง​ด้วย​
ปัญญา​นะ ไมใ่ ชว่​ ่าม​ นั ​ว่าง​ไป​ท้งั หมดใ​น​จกั รวาล​นะโ​ยม มัน​มี​แต่ม​ ัน​ไมม่ ี มัน​ม​แี สงแดด มนั ​มส​ี าย​
ลม มัน​ม​ีลมหายใจ ม​ีทุกอยา่ ง แตไ่​ม่มใี ครเ​ป็นเ​จา้ ของ​สิง่ ​เหลา่ นั้น เรยี กว่า​มีแ​ ตไ่​มม่ ี ไมใ่ ช่ว​ ่า​วา่ ง​
จากแ​ สงแดดน​ ะโ​ยม... แตไ่​มม่ ีใคร​เปน็ เ​จา้ ของ ม​คี วาม​อบอุน่ ​ข้างใน ม​ีสายน้ำ​ภายใน มี​ลมหายใจ​
ท่​ไี หล​เข้า​ไหลอ​ อก แตล่​ ม​นี​ไ้ ม่ใช่ข​ องเ​รา มี​แตไ่​มม่ ี มี​โดยก​ ระบวนการ​เหตปุ​ จั จยั แตไ่​มม่ ใี คร​เป็น​
เจา้ ของ หรอื ​ไม่ใชต่​ ัวตนข​ องใ​คร ไมม่ ใี คร​สามารถ​ครอบครอง​ส่ิง​เหล่าน​้ีได้ ไม่มีใคร​ครอบครอง​
แสงแดดเ​อาไ​ว้ไ​ด้ นึกออกม​ ยั้ ลมหายใจ​เขา้ ไป​แลว้ จะ​ครอบครอง​เกบ็ ไ​ว้ โดย​จะไ​ม่ห​ ายใจออก
เปน็ ไป​ไมไ่ ด้ ใช่ม​ ั้ยโ​ยม
ดังนน้ั ก​ ารร​ บั แ​ ละก​ าร​ให้ การ​ดดู ซบั แ​ ละ​การ​แบ่งปัน เ​กดิ ขึน้ ​ตลอด​เวลา​ในช​ ีวติ เรา​
สามารถจ​ ะ​มค​ี วามส​ ุข​จาก​การร​ ับ​และ​การ​ให้ โดยเ​หตเุ​ง่อื นไข​ตวั ​น้ี​ดว้ ย​ความ​เสมอภาค ดว้ ย​
ความเ​สมอภาคก​ ัน​ใน​ธาตุ ๔ ด้วยม​ ี​ความ​เสมอภาค​กนั ​ใน​จติ เ​ดมิ ​แท้ หลวงพ่อ​เคย​บอกพดู ถึง​
ความเ​มตตา หรือ​ความ​ออ่ นนอ้ ม หรอื ค​ วามส​ ุข​เลก็ ๆ ​นอ้ ยๆ ​ทเี่​กิดข้นึ ใ​นช​ วี ติ ​ประจำวัน จาก​
การร​ ับ​และก​ ารใ​ห้ เอือ้ เฟอ้ื ซ​ ่ึงก​ นั แ​ ละ​กนั ใ​น​แตล่ ะวนั ในธ​ าตุ ๔ ซ่ึง​ไมม่ ใี คร​เป็นเ​จา้ ของ ขณะ​
เดียวกันก​ ​็ต้อง​เผชญิ หน้า​กบั ค​ วาม​เปลี่ยนแปลงอ​ ันไ​ม่ค​ งที่ ความ​ไมค่​ งที่​อนั ช​ ่ือวา่ ​ทกุ ขล​ ักษณะ​นะ​
โยม กจ็​ ะ​เกดิ ​ความร​ กั ความ​เคารพ​และค​ วาม​เมตตา...โยม ตอ่ ค​ วาม​ไม่ค​ งที่​ทกุ ชนิด เผชญิ หนา้ ​
ต่อ​ความไ​มค่​ งท่ี​อนั น้ี ด้วย​ความ​เข้าใจ​เขา​นะ​โยม ว่า​เขา​ต้องเ​ผชิญหนา้ ​กับ​ความ​ไมค่​ งท่ี และ​เขา​
รับมือ​ไมไ่ หว และเ​ขา​อ่อนแอเ​กนิ ไป บางทเ​ี ขาก​ ต​็ อ้ ง​แสดง​ความ​ก้าวรา้ ว แสดง​ความ​เหน็ แก่ตัว
แสดงค​ วาม​ทรุ นทรุ ายอ​ อกมา ถา้ ​เรา​เข้มแข็ง​กว่า ใช่ม​ ยั้ ​โยม เรา​กเ็​ข้าใจ​สิ​วา่ เขา​อ่อนแอช​ ว่ั ขณะ
เพราะ​เขา​รับมอื ต​ อ่ ท​ ุกขล​ กั ษณะ​ไม่ไหวท​ ีม่​ นั ​กำลงั ​มี​ความ​ไม่ค​ งที่ เจอ​เสยี ง​กระทบ​ห​ทู ร่​ี นุ แรง เขา​
รบั มือไ​มไ่ หว เขา​กด​็ น้ิ อ​ อกมา ใช่ม​ ้ัย แสดงอาการ​ด้นิ รน​ออกมา อยาก​พน้ ไป​จาก​ภาวะ​น้ี ชอื่ วา่ ​
ผา​ซอ นแ​ กว 16

พระอาจารยอ​ ำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ณ​ ศนู ยป์ ฏบิ ตั ิการ การบนิ ไทย สวุ รรณภูมิ วนั ที่ ๒๓ ก​นั ยายน ๒๕๕๒

“วภิ วตัณหา” หรอื ​อยากไดภ้​ าวะ​ท​ีด่ ีกวา่ น​ ้ี ชอ่ื วา่ “ภวตณั หา” เหน็ ​มัย้ โ​ยม ไม่มีใคร​อยู่ใ​นน​ ้นั น​ ะ
มนั ​คอื ก​ ารร​ บั มอื ​ตอ่ ท​ ุกขต​์ ่อส​ มุทยั แตถ่​ ้า​เขา้ ใจ​ว่า​ ภาวะ​ไม่ค​ ง​ที่น้​ีเกิดขนึ้ อ​ ย่าง​เสมอภาค​กับ​ทกุ ​
ชวี ิต ไมว่ า่ ท​ กุ ​สรรพสตั วก์​ ็แลว้ แต่น​ ะ มด​มัน​กต​็ อ้ ง​พยายาม​เดนิ ห​ าอาหาร แบก​นำ้ ตาล​ทรี่​ ่วง​จาก​
กาแฟ​ของ​เราท​ ​ี่ทำ​หลน่ ไ​ปเ​ม็ดส​ องเ​ม็ด แบกก​ ลบั เ​ข้าไป​ให้ค​ รอบครัวม​ ัน​กนิ อยา่ ง​น้ี เพราะว่าม​ ัน​
ต้อง​เผชญิ หน้าก​ บั ​ความไ​ม่ค​ งท่ใี​น​ธรรมชาติ แลว้ กต​็ ้องแ​ สวงหาส​ ่งิ ​เตมิ เต็มเ​รยี กว่า “ตัณหา”
เป็น​ปรากฏการณข์​ อง​ธรรมชาต​ินะ ถา้ ​เข้าใจ​แบบนี้ โยมจ​ ะ​เกดิ ค​ วาม​เมตตา จรงิ ​ม้ัย
เมตตา​ตอ่ ​ทุกขล​ กั ษณะท​ เ่​ี ขา​กำลงั เ​ผชิญหน้า​อยู่ แลว้ ก​็เคารพ​ต่อค​ วาม​เข้มแขง็ ​ตอ่ ท​ กุ ข​
ลักษณะ​ของ​ทกุ ช​ ีวิต คนในค​ รอบครัวเ​รา​กเ็​หมือนกนั ​นะ ใช่ม​ ย้ั ไม่ว่า​จะ​เปน็ พ​ อ่ แม่เ​รา พ่ีน้อง​
เรา มใี​คร​บา้ งท​ ่ี​ไมเ่​จอ​สง่ิ แ​ บบน้ี เขา​ต้องเ​จอก​ ับ​ความ​ไม่ค​ งท่ี ใช่ม​ ั้ย ดังนน้ั ภาวะ​ของ​ความ​ดิน้ รน​
ท่จี ะพ​ ้น​จาก​ความ​ไม่ค​ งท่ี หรอื ​แสวงหาภ​ าวะ​ท่ี​ดีกวา่ น​ ้ี สมบรู ณก์​ ว่าน​ ้ี หรือ “​ภวตัณหา” จ​ งึ ​
เกดิ ขน้ึ ต​ ลอดเ​วลาน​ ะ สำหรับช​ ีวิตท​ ่ี​ยงั ​ไมเ่ ขา้ ใจ​ความ​จรงิ ​ของท​ กุ ขท์​ ​ไ่ี มม่ ใี คร​ทุกข์
เม่ือกีด ู​ดวี ีดี (DVD) นะ จวั่ หัว​ว่า ความ​ทกุ ข์​มีแ​ ตไ่​ม่มีใครท​ กุ ข์ หรอื ​ไมม่ ใี คร​อยใู่ ​น​ความ​
ไมค่​ งทข​่ี อง​จกั รวาล​เหล่านนั้ โยม​นึกออกม​ ย้ั มัน​เป็นแ​ คม่​ วล​ธาตุ แต่ค​ วามไ​มร่ ู้ไ​ง มัน​เขา้ ไป​ยึด​ว่า​
ตรงนเี้​ปน็ ​เรา เหน็ ม​ ั้ย เขา้ ไปย​ ึด​กระแส​ของค​ วาม​ไม่ค​ ง​ท่นี ​้วี ่า​เรา จติ ใจ​เรา ร่างกาย​เรา ใช่ท​ ไ่ี หน
ถ้าเ​ขา้ ใจ​แบบน้ี เห็นม​ ย้ั โยม​จะอ​ ยูอ่​ ยา่ งม​ ค​ี วาม​สขุ หรืออ​ ยู่อ​ ย่าง​สรา้ งสรรค์ อยู่อ​ ย่าง​เออ้ื เฟือ้ ​
แบ่งปัน อยู่ด​ ้วยค​ วาม​เคารพ อยอู่ ​ ย่างม​ ีความ​เมตตา อยู่อ​ ยา่ ง​ใช้ว​ ินาท​ีแห่ง​ขันธ์ ๕ เอ้ือ เกอ้ื กลู ​
ใหม้​ ัน​เกดิ ว​ บิ ากใ​น​ฝ่าย​กศุ ลแ​ ก่ข​ นั ธ์ เข้าใจ​คำว​ ่า​กุศล​วิบาก​แกข่​ ันธ​์มย้ั คือ โ​ยมม​ ี​ขันธ์ ๕ มาแลว้ ​
เนีย่ ไมม่ ใี ครห​ ้ามค​ วาม​คดิ ได้น​ ะ มนั จ​ ะต​ อ้ งค​ ิดแ​ น่นอน ไมม่ ใี คร​หา้ ม​ความจ​ ำได้ ทุกครั้ง​ท​รี่ บั รู้ ​
มันจ​ ะต​ ้อง​จำ เพ่ือเ​อาไ​ว้ต​ ัดสินใจ​ใน​แตล่ ะ​ขณะข​ า้ งหน้า​ตอ่ ๆ​ไป ตามข​ อ้ มลู ​ที่​ต้อง​รับ​เข้าไป​อย่าง​
นี้ การ​ที่​อำนวยก​ ุศล​วิบากแ​ กข่​ ันธ์ก​ ็ค​ ือ แทนท่จี ะม​ ค​ี วามคิด แ​ ลว้ ไป​คิดเ​รอ่ื งไ​มด่ ี​ให้ม​ ัน​เจบ็ ตัว​
คิดเ​รือ่ ง​ดๆี ​ไมด่​ กี วา่ เ​หรอ จะไ​ด้ร​ ้สู ึก​ท่ด​ี ี จำเ​รอื่ งด​ ๆี ไ​ม่ด​ ีกว่าเ​หรอ จะไ​ดร้​ ู้สึกท​ ด่ี​ ี​ อันน้​ีเปน็ ​
สัมมาท​ ฏิ ฐเิ​บ้อื งตน้ น​ ะ​โยม คือค​ วามเหน็ ถ​ กู เ​บื้องตน้ ท่ีจะ​ใช้ข​ นั ธ์ ๕ อยา่ งถ​ กู วิธี ไมท่​ ำ​ตัวเอง​
เหมือน​เป็นศัตร​กู ับ​ตวั เอง อยู่ๆ​ กห​็ าเรอ่ื งท​ กุ ขใ์ จใ​หต้​ วั เอง ทำอ​ ยา่ ง​กบั ​ตัวเอง​เปน็ ศตั รต​ู อ่ ​
ตวั เอง เกลยี ดม​ ัน​หรือไง ถงึ ​ตอ้ ง​ใหม้​ นั ​ทุกข์ใจ​ซำ้ แ​ ลว้ ซ​ ้ำ​เลา่ โดยก​ าร​โยน​ความคดิ ท​ ไ่ี​มด่ ​ีใส่​
ไป เอาค​ วามจ​ ำ​ท่ไ​ี มด่ ​ีมา​คิด ทง้ั ท​ รี่ ักต​ วั เอง​นะโ​ยม แต่ท​ ำก​ ับ​ตวั เองเ​หมอื น​เปน็ ศตั รู ถา้ ​เขา้ ใจ​
แบบนี้​นะ ในส​ ัมมา​ทฎิ ฐิ​เบือ้ งต้นเ​น่ยี มัน​จะด​ ูแลส​ งิ่ ​ท่​ีมีอ​ ย่อู ยา่ ง​เข้าใจ ​และ​ใช้ส​ ่ิง​นี้​อยา่ ง​เอื้อเฟ้อื ​

17 ผา​ซอนแ​ กว

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส

แบง่ ปัน แทนท่ีจะร​ อเ​ป็น​ผรู้ ับค​ วาม​สุข ลุกข้นึ ม​ า​เปน็ ผ​ ้ใู ห้ค​ วาม​สุข​แทน แทนท่จี ะ​รอ​วา่ ​เม่ือไหร่​
ใคร​จะ​ยมิ้ ใ​หเ้​รา เมื่อไหรใ่​ครจ​ ะ​พดู ดๆี ก​ ับเ​รา ทำไมเ​รา​ไม่ล​ ุกขึ้น​มา​เปน็ ผ​ ู้ย​ ม้ิ ​ให้ก​ อ่ น ลุกข้ึน​มา​เปน็ ​
ผพู้ ​ ดู ดๆี ​ให้ก​ อ่ น โยม มัน​ยากม​ ย้ั ไมไ่ ดย้​ ากเ​ลย​นะ เหน็ ​มั้ย​เน่ีย เป็นการ​ใช้ข​ นั ธ์ ๕ อย่าง​อำนวย​
กุศล​วิบาก​แกข่​ นั ธ์ ท้ังต​ ่อต​ วั เราแ​ ละ​ตอ่ ผ​ ู้อื่น แล้วก​็จะ​เปน็ ​ของขวัญ​ของ​กนั ​และก​ นั ใน​ช่วง​ของ​
การเ​ดินท​ างใน​สังสารวฏั ​ทต​ี่ ้องเ​ผชญิ กับท​ กุ ขล​ กั ษณะร​ ว่ มกนั
เวลา​เราแ​ ผเ่ มตตา ถึงม​ ​ีคำว​ ่า​เพื่อนร​ ว่ มทุกขไ​์ ง ให้ก​ ับ​เพอื่ น​ร่วมทกุ ข์ เกิด​แกเ่​จ็บ​ตาย​
ด้วยกัน​ทงั้ หมด​ท้ังสนิ้ รกั ษาต​ นใ​ห้พ​ ้น​จาก​ทกุ ข์ภ​ ยั ​ทง้ั สิน้ ​เทอญ เอา​ตัว​ใหร้​ อดๆ ไ​ป​เถอะน​ ะ ภาวะ​
ของค​ วาม​ไมค่​ งท​่ีมีอ​ ยู่ต​ ลอดเ​วลา ไม่ร​ วู้ า่ ​จะ​ฝ่าฟันไ​ป​ไดห้​ รือเปลา่ กับ​สง่ิ ​ทีไ​่ มค่ าดคดิ ใ​น​ความไ​ม่​
คงท่ี เด๋ยี ว​หกู​ ม​็ าก​ ระทบเ​สยี ง เดยี๋ วภ​ าพ​ไมด่ ี​กม็​ าป​ รากฏ เด๋ียว​อปุ สรรค​ขดั ขวาง​ก็เ​กิดขึ้น​ขา้ งหน้า
ทำไงจ​ ะ​เอาตวั รอด​ไปไ​ดใ้​น​แตล่ ะช​ ีวิต เห็นม​ ั้ย​โยม มัน​มคี​ วาม​เมตตา​แบบนน​้ี ะ แต่ถ​ า้ ​เขา้ ใจ​และ​
จิตใ​จแข็งก​ ว่าอ​ ยา่ ง​นี้ กจ​็ ะ​เกิดแ​ สงสว่างแ​ หง่ ​ความ​แบง่ ปัน​ใน​ความ​เขา้ ใจ อยู่ด​ ้วยกนั ​ด้วยเ​ปน็ ​
ของขวัญ​ใน​แต่ละ​ขณะ ยมิ้ ​ให้แ​ กก่​ นั ​ตัง้ แตค่​ นใน​บา้ น ไป​ถึง​คนในท​ ที่ ำงาน เพราะ​มนั ​ไมไ่ ดย้​ าก​
อะไรใ​นก​ าร​ทีจ่ ะ​ให้ เพราะ​วา่ ความ​สุขม​ นั ​มี​อยกู่ ​ ่อนแ​ ล้ว ไมไ่ ด้ล​ งทนุ ​มนั ข​ ึ้นม​ า​หรอก​เนาะ​เพยี งแต่​
เขา้ ใจแ​ ละใ​ช้ม​ นั อ​ ยา่ ง​คุ้มคา่ ​นะ รวมถงึ ​ปรากฏการณข์​ อง​ธรรมชาติ​รอบตวั ​นะ หลวงพ่อ​บางท​ี
อยทู่​ ว่ี ัดน​ ะ มองไ​ปท​ ่เ​ี ฉลียงห​ นา้ ​ประตู เห็นแ​ สงแดดม​ นั ​ลอดผา่ นก​ ง่ิ ​ไม้ล​ งมา​ที่​พื้น เปน็ ​กระแจะๆ​
สวา่ ง มนั อ​ ศั จรรย์​นะ แคแ่​ สงแดดน​ ่ก​ี อ​็ ศั จรรย​์แลว้ ชวี ติ ​ทีม​่ ีข​ นั ธ์ ๕ มา​ทรี​่ ับรู้ ท่ี​เหน็ ​แสงแดด
ผิวกายท​ ​่ีถูก​แสงแดด ทำไมจ​ ะ​ตอ้ งไ​ป​กลัวม​ ัน มนั ​เป็น​ของขวัญ​ตรงป​ ัจจบุ ัน​ขณะ ​ทแ่ี​ สนจ​ ะ​งดงาม
ก​็เดนิ ​ออกไป​หา​แสงแดดก​ ไ็ ดน้​ ะ​โยม หรือ​มองเห็นก​ ่ิง​ไม้ท​ ี​่มนั ​เป็นกลาง มี​ธาตุ ๔ เหมอื นกนั เหน็ ​
ใบไมด้​ ้วยใจ​ท​่ีเปน็ กลาง มี​ธาตุ ๔ เหมือนกนั ทเี่​ขา​กำลงั ​บรรณาการ​ลมหายใจ ไหล​เข้า​ไหลอ​ อก
แบง่ ปนั ซ​ ึง่ ​กันแ​ ละก​ ัน ในส​ วน เราก​ เ็​ปน็ ​ส่วนหนึง่ ​ของ​สวน​เนาะ​เรา​ก​เ็ ปน็ ส​ วน​เหมอื นกนั เพราะ​
เรา​ก​ห็ ายใจ​ให้ใ​บไม้เ​หมอื นกนั ใบไม้ก​ ห​็ ายใจ​ให้เ​รา เรา​เป็นหน่งึ เ​ดียวกันใ​นส​ วน ในอ​ ทุ ยานแ​ หง่ ​
การ​แบง่ ปนั ตงั้ แต่ธ​ าตุ ๔ ไปจ​ นถึงห​ นว่ ย​ของค​ วามคดิ ค​ วามรู้สกึ ​ตา่ งๆ ทแ่​ี บ่งปนั แชร์ (Share)
กันอ​ ยู่ต​ ลอด​เวลาอ​ ยา่ ง​นี้
หลวงพอ่ ก​ ำลัง​พดู ถงึ ​คำ​ว่า​ของขวญั ข​ อง​กนั ​และ​กัน ซ่ึง​ไม่ใช่จ​ ินตนาการ ไมใ่ ช่ส​ ่งิ ​ทม่ี​ องโลก​
ในแ​ ง่ดี หรอื ​สรา้ งขน้ึ ม​ า แตค่​ ือโ​ลกแ​ หง่ ​ความเ​ป็นจริง​ต่างหาก แล้วจะ​อยู่อ​ ยา่ ง​ม​คี วาม​สขุ ​นะ
ความส​ ขุ ท​ ​่ีไม่ค​ วรส​ ญู เสยี คอื ค​ วามส​ ุข​ทม่ี​ ี​สนั ตสิ ขุ มี​ความ​เป็นกลาง มี​ความเ​สมอภาค หรือ​มี​ความ​
ผาซ​ อ นแ​ กว 18

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ​ณ ศนู ยป์ ฏบิ ัตกิ าร การบินไทย สุวรรณภมู ิ วันที่ ๒๓ ก​ันยายน ๒๕๕๒

เปน็ หน่ึงเ​ดยี วกัน​อยู่แ​ ล้ว หนง่ึ ​เดียวกันต​ ้งั แตต่​ รงไหน โยม​ดส​ู ิ ธาตุ ๔ เห็น​มัย้ ไหลเวยี น​เป็นหนึง่ ​
เดยี วกนั จากส​ ถาน​ที่หนึง่ จาก​ภาวะ​หนึ่งไ​ปส​ ู่ภ​ าวะ​หนึ่ง​ตลอดเ​วลา ไม่มใี คร​อยู่น​ น่ั มีแ​ ตค่​ วาม​
หนึง่ เดียว​ของค​ วาม​เปลยี่ นแปลงอ​ ย่างน​ ้​ขี อง​ธาตุ ๔ ถ้า​เอาร​ า่ งกาย​โยม​ท​เ่ี สยี ชีวติ ​แลว้ ไปโ​ยน
เม่ือวานหลวงพอ่ ไ​ป รพ.พระ​มงกุฎฯ​ ไมร่ ู้ม​ ี​คนเ​สยี ชีวติ ​นอน​อยู่ข​ ้างลา่ ง ​เขา​เอา​ผา้ คลุมไ​ว้ จรงิ ๆ​
อยากจะ​ไป​ดู​หนา้ เ​ขา​นะ วา่ ​เขาเ​ป็น​ใคร หนา้ ตาอ​ ย่างไร เพราะ​จริงๆ​ไมม่ ีใครไ​ง​โยม แตค่​ นอ​ าจจะ​
กลวั ​นะ แต่ม​ อง​ไปแ​ ล้ว​มนั ไ​มม่ ีใคร มัน​เป็นธ​ าตุ ๔ ท​ี่ถูกย​ ืมใ​ช้ช​ ัว่ คราว แลว้ ก​็คนื ไ​ป ถา้ หากวา่ ​เรา​
เอาไปโ​ยน​ใต้ต​ น้ ​กุหลาบ​ มันก​ ค​็ งจะ​ออกเ​ป็น​ดอกกหุ ลาบ ไป​โยนใ​ต้ต​ น้ ​มะมว่ ง​ก็​คงจะ​เปล่ยี น​
เป็นล​ กู มะมว่ ง แล้วถ​ ้า​เอา​ลูกมะมว่ งน​ ั้น​มา​ใหแ้​ มค่​ นห​ นง่ึ ​กนิ มนั ​กค็​ งจะ​เปน็ น​ ำ้ นม​ของ​แม่ ถ้า​ลูก​
กนิ น​ ำ้ นมข​ องแ​ ม่ มันก​ ​็คงจะเ​ปลย่ี นเ​ป็น​พลังงานใ​น​ตัว​ลกู ​คนใ​หม่อ​ กี ​ไม่มใี คร​ในค​ วาม​ไหลเวยี น​
สัมพันธ​์ท่เ​ี ป็นหนง่ึ เ​ดียวกนั ใน​กระบวนการ​ธรรมชาติ ในท​ กุ ๆ ​มวล​อนภุ าค โยม อันน้ี​แคพ่​ ูด​ใน​
สว่ นย่อยๆ​ นะ ​เปน็ การ​สมุ่ ​ตวั อยา่ ง ในส​ ่วนมห​ ​ภาคใหญ่ ก​็เปน็ แ​ บบเ​ดียวกัน อยู่ใ​นจ​ งั หวะ​และ​
ท่วงทำนองเ​ดยี วกัน อนั นเ​้ี ป็น​ปัญญาเ​หน็ ​ม้ัย ศาสนาพุทธ​เปน็ ศ​ าสนา​ของ​ปัญญาชน เปน็ ​ศาสนา​
ของ​ผ้รู ู้ ทำให้เกิดต​ ัวผ​ ูร้ ู้ ผู้ร้คู ​ อื ผ​ ทู้ ​ ่​ีเห็น​ความ​จรงิ หรือ​เขา้ ​ใจความ​จรงิ ​ตามค​ วามเ​ป็นจริง โยม ไมไ่ ด้​
มี​อะไร​มากกวา่ น​ ้นั ​นะ
เดี๋ยว​เราม​ าเรียน​เรอ่ื ง​เครอ่ื งมือห​ นอ่ ยน​ ะ วา่ ​ทำไง​จงึ ​จะ​พัฒนา​ตัวน​ ้ี​ข้นึ ​มา ​เพ่อื ใ​ชใ้​นช​ ีวติ ​
ประจำวนั ไ​ดอ้​ ย่าง​เทา่ ทัน บางทเ​ี รา​เข้าใจแ​ ลว้ ​ แตบ่ างท​ีก็ไ​ม่ส​ ามารถ​นำมาใช้ท​ ัน​นะ เหมือน​
เข้าใจแ​ ต่ท​ ำไ​ม่ได้ ก็ต​ อ้ งพ​ ฒั นา​ให้ม​ ัน​แขง็ แรง​ การพ​ ฒั นาใ​ห้ก​ ล้ามเน้ือแ​ ขง็ แรง​ก​็ต้องม​ ก​ี าร​
บรหิ าร เหมือนกับก​ าร​ที่เ​ราต​ ้องการ​ให.้ ..ร้สู ึกว่า ขา​เรา​อ่อนแรง เรา​ก็​ไปเ​ขา้ ​ห้อง​ฟติ เนส ไป​ว่งิ ​
บน​ลู่ รูส้ ึกวา่ แ​ ขน​เรา​ไมค่ ่อย​มแี​ รง เรา​กไ็​ป​ซือ้ ​เวท (Weight) ​เลก็ ๆ​ มา​ยก พ​ อเหมาะ​พอดกี บั ​
กำลังข​ อง​เรา สว่ น​ไหนไ​มแ่ ข็งแรง​เรา​กบ็​ รหิ ารส​ ่วนน​ ั้นข​ ้นึ ​มา กล้ามเน้อื ​แต่ละ​สว่ น​ไมไ่ ด้ม​ ​มี าก​ อ่ น
กล้ามเน้อื แ​ ห่ง​สติ กล้ามเนอ้ื ​แหง่ ป​ ัญญาก​ ็​เช่นเ​ดยี วกนั ไมม่ ​ีมา​กอ่ นน​ ะ​โยม สตไ​ิ ม่ได้ม​ ​ีมา​ก่อน สต​ิ
เปน็ อ​ นตั ตาเ​ชน่ ​เดยี วกนั ไม่ไดม้​ ี​มาก​ ่อน ถ้าเ​หตุม​ ี ถึง​จะม​ ี เหมือนกับ​กลา้ มเนือ้ ​ทัว่ ๆ ไ​ป ดงั น้นั ​
การบ​ ริหารก​ ล้ามเน้ือส​ ติ ตอ้ งเ​รมิ่ ตน้ น​ ะ เพื่อจะ​ได้เ​รียกใช้อ​ ย่าง​ทนั ทว่ งที ฝกึ ​กับ​ชวี ติ ​ประจำวนั ​
อย่างม​ ​ีรปู แบบ​กับแ​ บบฟ​ รีสไตล์ สองอ​ ย่าง เหมอื นเ​รา​ออกกำลงั กาย​ใน​ห้อง​ฟติ เนส กบั ​เรา​
ออกกำลงั กายก​ ับ​รดนำ้ ต​ ้นไม้ กบั ​การ​เดินข​ น้ึ ​บนั ได​บา้ น กบั ก​ าร​ล้าง​หอ้ งนำ้ ให้ม​ นั ​สมั พันธก์ นั
ไมใ่ ช่ว​ ่าเ​รา​จะเ​อา​เฉพาะ​เวลา​ออกกำลังกายใ​น​หอ้ ง​ฟติ เนส พอ​บอกวา่ ​ไป​รดน้ำต​ น้ ไม้ห​ นอ่ ย บอก​
ไม่เอา เมื่อย ขี้เกียจ​เดนิ เดี๋ยว​รอไ​ปเ​ดนิ บ​ น​ลู่ด​ ีกวา่ อนั น้​ีไรเ้ ดยี งสา​ไปม​ ้ัย​โยม นึกออกม​ ย้ั ว​ ่า พอ​

19 ผาซ​ อน​แกว

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภา​โส

จะ​ใหอ้​ อกกำลงั กายแ​ บบ​เดิน​รดนำ้ ​ต้นไม้ ไมเ่ อา ฉนั จ​ ะต​ ้องร​ อแ​ บบ​ออกกำลังกาย​เฉพาะ​ใน​ห้อง​
ฟิตเนส แล้วกเ​็ ดิน​บนล​ ู่เ​ทา่ นนั้ เดิน​ไปเ​ดินม​ า อยา่ ง​นไ​ี้ ร้เดยี งสา​นะ หรือ​บอก​ใหไ้​ป​กม้ ๆ ​เงยๆ​
บอก​ไมเ่ อา​เด๋ียว​จะ​ไปก​ ้มๆ​เงยๆ​ท่ี​ห้องฟ​ ิตเนส ถา้ ​ลา้ ง​ห้องน้ำ​ไม่เอา เดย๋ี วป​ วดหลัง
หลวงพอ่ เ​ลย​บอกวา่ การเ​จริญ​สตกิ​ เ็​หมือนกนั ​นะ ตอ้ ง​ใช้ท​ ้งั สอง​อย่าง ทั้ง​รูปแบบ​นยิ ม
กบั ธรรมช​ าตินิยม กบั ช​ ีวิต​ประจำวนั ​ให้ม​ ัน​สอดคลอ้ งกนั มาด​ แู​ บบ​รปู แบบน​ ิยมน​ ิดหนอ่ ย เพื่อ​
เข้าใจ​ แลว้ จะไ​ด้ใ​ช้กับใ​นฟ​ รสี ไตล​ห์ รือ​ธรรมช​ าตินยิ มไ​ด้ จะ​ได้ใ​ช้ด​ แู ลจ​ ติ ใจห​ รือ​เข้า​ใจความ​จริง​
แลว้ ใ​ช้ม​ นั ​ได้อ​ ยา่ ง​ถูกวธิ ี เพราะวา่ ​สต​ิเน่ีย​ม​ผี ลลพั ธเ์​ปน็ การ​อารกั ขา​จติ ..โยม หลวงพ่อ​บอกแ​ ลว้ ​
วา่ ความส​ ุขม​ ี​อยกู่ ​ ่อนแ​ ล้ว คือค​ วาม​ปกตทิ​ เ​่ี ป็นกลาง จิต​น่แี หละ​โยม ท่​ีคอย​ทำหนา้ ท่ี​ดูแลรักษา​
ความป​ กติ​ทเ่ี​ปน็ กลาง นี่​หน้าท่ีห​ รอื ผ​ ลลัพธ​์ของส​ ติเ​ลยน​ ะ เราจ​ งึ ​เหน็ วา่ อ้อ...ทำไม​สตถิ​ ึงเ​ปน็ ​
ทางส​ ายเอก​หรอื ​เป็น​ทางส​ าย​เดียว​ ทน่ี​ ำเ​ขา้ ไป​สคู่​ วามด​ บั ทกุ ข์ หรือค​ วามบ​ รสิ ุทธ​ิข์ องก​ าย​
และ​ใจ ทำให้เ​ข้าถงึ ​อริยมรรค หรอื ท​ ำใหเ้​ข้าถงึ พ​ ระนิพพาน ก็เพราะว่าจ​ ติ ​นม​้ี ี​หน้าท่ี​อารกั ขา​
จิต​ทีป่​ กต​อิ ยแู่ ​ ล้วน​ ีเ่ อง ความไ​ม่ปกต​มิ าทหี ลัง
เอ้า...ดู​เรอื่ ง​สต​นิ ิดหน่อยน​ ะ ​องค์ประกอบท​ ที่​ ำใหเ้ กิด​สตม​ิ ีอ​ ยู่ ๔ อย่าง ผลลพั ธม์​ นั ​คอื ​
การ​อารกั ขาจ​ ิต​นะ ถ้าหากผ​ ลลพั ธค์​ อื ก​ าร​อารักขา​จติ หนา้ ที่​ของ​มนั ​ก็​ต้องค​ อย​สอดส่อง คอย​
สอดส่องดูแลจ​ ติ ใจ​ไว้ส​ ิ ไมง่ ั้น​มัน​จะ​อารักขา​ไดอ้​ ยา่ งไร โยม​เห็น​มยั้ หน้าท่ี​มนั ค​ ือ​การ​คอยส​ อดสอ่ ง
คอยด​ แู ล คอยต​ าม​ดูก​ ารท​ ำงาน​ของจ​ ิตใจ ถา้ ​มนั ค​ อยต​ ามด​ ​กู าร​ทำงานข​ อง​จติ ใจ มนั ​ก​็ไมค่​ วร​
จะ​ตอ้ ง​เหมอ่ ลอยไ​ป​ท่ไี หน เพราะ​ถ้า​มนั ​เหมอ่ ลอย ก​็แสดงว่า​มนั ​ละทิ้ง​หน้าท่ี สตเ​ิ ลย​มี​ความ​ไม่​
เหมอ่ ลอย ไมล่​ ่องลอย​เป็น​ลักษณะ เหน็ ม​ ยั้ ​โยม งา่ ย​จะ​ตาย คน​ขาดสติ​ด​งู ่าย​มยั้ ดง​ู ่าย ก็​ตอ้ ง​
น่งั ​เหมอ่ ๆ​ลอยๆ​หนา้ ต​ อ้ งเ​บลอๆ​ คน​มคี​ วาม​ทกุ ข์​ด​งู า่ ย​มั้ย เพราะ​คนม​ ีค​ วาม​ทุกข์​คือ​คนข​ าดสติ
คนม​ ​ีความท​ กุ ข์​ก็​ต้องห​ นา้ ​เบลอๆ​โยม​คดิ วา่ ค​ น​หนา้ ​เบลอๆ​กำลงั ​มค​ี วาม​สุข​มัย้ เบลอๆ​เหมอ่ ๆ​
เศร้าหมอง หมอง​หมน่ ลอ่ งลอย ปล่อย​ใหค้​ วาม​ปรุงแต่ง​ฝ่ายไ​ม่ด​ีมัน​เขา้ มา​ครอบงำแ​ ล้วก​็ทกุ ขใ์ จ
เน่ยี ข​ าดสติ สตเิ​ลยม​ ​ีความ​ไม่ล​ อ่ งลอย​เปน็ ล​ กั ษณะ เ​พราะ​ถ้า​ลอยไ​ป​ มนั ​กจ็​ ะ​ไปเ​ผลอ​คว้า​เอา​
ความจ​ ำ​ที​่เศรา้ ใ​นอดีต อารมณใ์​นอดตี ความก​ ังวลถ​ งึ ​ตวั ตนใ​น​อนาคต​เขา้ มา​คดิ มนั ก​ ็​เศรา้ หมอง​
สิ หรือห​ ลงค​ ดิ ​เรอื่ ง​ทไ่ี​ม่ดี เขา​ว่า​เรา​อะไร​กแ็ ลว้ แต่น​ ะ ข้อ​แรก​ของส​ ตไ​ิ ม่ไดย้​ ากอ​ ะไร​นะ คอื ​ความ​
ไมเ่​หมอ่ ไมเ่​ผลอ ไมล่​ อ่ งลอย
ข้อ​ท่ี ๒ ของส​ ติ มท​ี ตี่ ้ังจ​ ะ​ไดไ้​มล่​ อย เวลา​เรา​มา​สมัครงาน​ทก​่ี าร​บนิ ไ​ทย​ใหมๆ่ ​ มา​สอบ​
ผา​ซอน​แกว 20

พระอาจารยอ​ ำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ​ณ ศนู ย์ปฏิบัติการ การบนิ ไทย สวุ รรณภมู ิ วันท่ี ๒๓ ก​ันยายน ๒๕๕๒

สัมภาษณน์​ ะ เ​ราเ​ตรยี ม​ตงั้ สติ กายอ​ ย่ไู ​หน อยทู่​ ่า​ไหน ทรงผม​เป็นย​ งั ไง ลกู ตา​เปน็ ย​ งั ไง ใจ​เผลอ​
คดิ ​อะไร หู​กระทบเ​สยี ง เขา​ถามม​ า​วา่ อ​ ะไร เรา​เตรยี มพรอ้ ม​ทุกขณะ​อยา่ ง​ตืน่ ตวั อยไู่ ​ปส​ กั พัก​เรา​
เริ่มไ​ม่ต​ ืน่ ตวั ​แลว้ เราเ​ร่ิม​ไมเ่​ตรยี มพรอ้ ม​แลว้ เรา​ไมต่​ อ้ ง​ตง้ั สติก​ ไ็ ด้ เพราะว่า​มัน​ผา่ น​นาที​วกิ ฤต​
ไป​แล้ว จรงิ ๆ ​นะโ​ยม ยงั มี​นาท​วี ิกฤตรออยขู่ ​ ้างหนา้ ​อีก​เยอะ อกี ​มากมาย ไม่ร​ วู้ ่า​เสียงแ​ บบไหน​
จะ​มา​กระทบ​หู ไมร่​ วู้ า่ ค​ ำ​นนิ ทา คำ​สรรเสรญิ ความ​ขัดแย้ง หรือ​คำส​ ั่ง​ท​่ีไร้อ​ ะไรต​ ่างๆ​จะเ​ขา้ มา​
เม่อื ไหรก่​ ไ​็ มม่ ใี คร​รู้ไ​ด้ ดงั นั้น การ​ต้ังสตเ​ิ ห็นไ​หม​โยม ขอ้ ท​ สี่ อง ม​ีทตี่ ้งั เรา​จำไว้น​ ะ ตอนที​เ่ รา​
มา​สอบ​สัมภาษณ์ เราก​ ​ต็ ้ังสติ นเี​่ รา​กต​็ งั้ สติ ดท​ู กี่​ าย เรา​กร​็ ้นู ​ ะ​ว่า​เวลา​มา​สอบส​ มั ภาษณ​์หรอื ​มา​
สมคั รงานท​ ีไ่ หน เรา​กร​็ ู้สกึ ขา​อยู่ไ​หน หัวเข่า​อย่ไู ​หน ปลายเทา้ ​อยู่ไ​หน เด๋ยี วนี​้เรา​ไมร่ ู้แ​ ล้ว หวั เข่า​
อยู่น​ ่ี ปลายข​ าไป​อยู่น​ ู่น นเ​ี่ ห็น​ม้ยั เ​รา​ก​็ทำ​ดูส​ ิ​ตรงป​ ัจจุบนั เ​นีย่ ตอน​เน๊ยี ​หัวเขา่ ​อยไู่ ​หน ปลายเทา้ ​
อยู่ท​ ไี่ หน มืออ​ ย่ตู ​ รงไหน คอตงั้ ต​ รงไหน ตรง​หรือเ​อียง นกึ ​วา่ ​กำลัง​ม​ีสายตาข​ อง...ไม่ใช่ส​ ายตา​
ของ​ผจู้ ดั การ​ท่ส​ี อบส​ มั ภาษณ์​นะ.. ม​ีสายตา​ของพ​ ญายม​หรอื ​มจั จุราช​มองอ​ ย่วู ​ ่า เ​ดี๋ยว​จะ​รอเ​ก็บ​
ไอ้ร​ ายน​ ีล้​ งนรกด​ กี วา่ เพราะว่า​ขาดสตไิ​ด้ท​ แี่ ล้ว เดยี๋ วส​ ่ง​ปัญหาไ​ป​นดิ น​ งึ ม​ ัน​ต้องห​ ลุด​แน่นอน
พอ​มนั ​หลุดท​ ำช่วั ป​ ๊ับเ​สร็จเ​รา กำลงั ​ดู​วา่ ถ​ กู ​สายตา​บางอย่าง​จอ้ ง​อยู่น​ ะ​โยม จ้องมอง​การ​ผิดพ​ ลาด​
ของเ​รา หรือถ​ ้าหากวา่ ม​ ี​ศัตรเ​ู จ้ากรรม​นายเวรจ​ ริง มนั ​จะ​เลน่ งาน​เราต​ อนไหน ตอน​เรา​มสี​ ติม​ ัน​
เลน่ งานเ​ราไ​ม่ไดแ้​ นน่ อนโยม มัน​ต้องร​ อ​เล่นงานต​ อนเ​ราข​ าดสติ​เทา่ นั้น
ภาษาไทย​เรา​ถึง​ม​ีคำ​วา่ ​ “ผซ​ี ้ำด้ำพ​ ลอย” ค​ อื ต​ อนทข​ี่ าดสต​แิ ลว้ หลวงพอ่ ​เคยเ​จอ​นะ
ขับรถอ​ อก​มาจากม​ หาวทิ ยาลยั ​มหดิ ล หลวงพ่ออ​ ยทู่ มี​่ หิดล สมยั ​กอ่ น​บวช ขบั รถ​ออกมา​กำลัง​จะ​
ข้ึนส​ ะพานบ​ รมร​ าช​ชนนี มร​ี ถ​คันน​ ึงถ​ ูกต​ ำรวจเ​รียก อยู่ต​ นี สะพาน แก​โกรธ​มาก​เลย แ​ ก​หัวฝดั ห​ ัว​
เหวยี่ งเถียงก​ ับ​ตำรวจ ขาดสติ พอต​ ำรวจ​ปลอ่ ย​ปับ๊ ​แกก​ ​เ็ ขา้ ​รถป​ ดิ ประตต​ู ้มู ​แก​ไม่ม​ อง​อะไรท​ ัง้ สิ้น​
เลย แกเ​หยียบ​คนั เร่งอ​ อก​พรวดไ​ปท​ ันทเี​ลยน​ ะ​โยม มา​ชนร​ ถ​หลวงพอ่ ​ตูม แก​ลงมา​แก​กว็​ า ทำไม​
ซวยอ​ ย่าง​น้ี ซวยซ​ ำ้ ซ้อน ซวยซ​ ้ำสอง เพราะอะไร หอื ก​็เพราะ​ขาดสต​ิไมใ่ ช่เ​หรอ​โยม ปญั หา​
เลก็ ม​ นั ​ก​็เป็น​ปญั หา​ใหญต่​ ่อไปเ​รอื่ ยๆ​ เห็น​มัย้ ​คำว​ ่า​ผซี​ ำ้ ดำ้ พ​ ลอย​ของ​ชาวบ้าน แปล​วา่ ม​ นั ​ถกู ​
ซ้ำเติม​ไป ความท​ ่​ีขาดสตแิ​ ละถ​ า้ หากวา่ ​มนั ​มสี​ ิ่ง​หนึ่ง ที่​มนั ไ​ม่ชอบเ​รา​อยู่ มัน​ก็​ตอ้ งร​ อจ​ งั หวะ​นี้​นะ​
โยม อนั นี​้ขาดสติถ​ ้า​ส่งน​ ี้ไ​ปม​ ัน​มองไม่เห็นแ​ น่ มนั ​ตอ้ ง​ตูม​แน่นอน ตงั้ สตใ​ิ หเ้​ปน็ น​ ะ อยา่ ​ประมาท​
นะ อย่าป​ ระมาทนะ​ มาล​ อง​ต้ัง​กนั ด​ ู เท้าก​ ระทบ​พนื้ ​อยู่ร​ ู้สกึ กระ​พริบตาอ​ ยู่ก​ ​็รูส้ ึก เนี่ย​รไู้​ป​
เพอ่ื อะไรโ​ยม ให้ต​ วั ร​ ู้ม​ นั ม​ ที​ ี่อยู่ เวลาต​ ัว​ไมร่ ทู้​ ำงาน​จะไ​ดเ้​ห็น ไมไ่ ด้ม​ ​ีอะไรม​ ากกว่าน​ ี้น​ ะ ให้ต​ วั ​
รู้ม​ ​ีทอ่ี าศยั ซ​ ะ ถา้ ต​ วั ไ​ม่รูเ้​ขา้ มา​จะไ​ด้เ​ห็น คน​สว่ นใหญ่โ​ยม ไมม่ ี​ตวั ​รู้ ท​่ีอาศัยอยู่ต​ รงนเ​้ี ลย มี​แต่​

21 ผาซ​ อ นแ​ กว

พระอาจารยอ​ ำนาจ​โอภา​โส

ตวั ​ไม่รู้ทท่ี ำงานต​ ลอด เช่นไ​มร่ ู้ก​ ็​แลว้ เ​ผลอ​คิด​ไปเ​รือ่ ยๆ​และก​ ็​ไม่รกู้​ ำลงั ​เผลอค​ ดิ อ​ ยู่ เผลอ​คิดไ​ม่ดี​
ก็ไ​ม่รวู้ ่าเผลอค​ ิด​ไมด่ ี เผลอค​ ดิ วา่ ​เขา​วา่ ​เรา​แลว้ กท​็ ุกข์ใจ และ​ก​็คิดว่าเ​ขา​ในเ​นื้อหาข​ อง​ความคิด​น่​ี
เปน็ ค​ นท​ ำให้เ​ราท​ ุกข​.์ .โยม น​่ีไม่ใ​ห้ค​ วามเ​ป็นธรรม​นะ จริงๆ​แล้ว​ไอ้ค​ วาม​ไม่รูน้​ ะ​ท​่ีเผลอค​ ดิ ​เข้ามา​
เนี่ย มันท​ ำใหท้​ ุกข​์ต่างหาก ไมใ่ ชเ่​ขา​นะโ​ยม ไม่ใช่ต​ วั ​ละครใน​ความคิด​ทำใหท้​ ุกข์ เน้ือเรื่อง​ทเี่​ผลอ​
คดิ ​อย่างข​ าดสติต​ ่างหาก​ทำใหท้​ ุกข์..โยม อนั นัน้ ไ​ม่ต​ ้องไ​ปแ​ ก้ปัญหา​จาก​คนอ​ ่นื ​เหน็ ม​ ยั้ ถา้ ​โยม​ไป​
แก้ปญั หาแ​ บบ​อยา่ ว​ า่ ช​ ้ัน​นะ หา้ ม​เด็ดขาดไ​มม่ ีทาง​หรอก ลับหลงั ​กห​็ า้ ม​ว่า​นะ ไม่มที าง​หรอก​โยม
แตม่​ นั เ​ผลอ​คิดว่าเ​ขา​วา่ ​เรา​แลว้ ไ​มค่ ดิ ​ต่อ ไมค่ ิดไ​ม่เ​อามา​เป็นเร่อื งค​ ดิ ม​ นั ​จะ​ทกุ ขใ์ จ​ได้อ​ ยา่ ง​ไง
บังคับ​ขา้ งนอกไ​ม่ได้ โยม​ดแู ลจ​ ิตใจด​ ีกวา่ เนี่ย​สติ​มนั ท​ ำหน้าที่​แบบนน​ี้ ะ ฉะนน้ั ​การ​ทม​่ี ี​
ท่ตี ง้ั แล้วค​ อย​เหน็ ไ​ว้ เผลอ​คิดป​ บ๊ั ร​ ู้ เผลอ​คดิ ป​ บ๊ั ​รู้ ถา้ รวู า ​คดิ แลวจ​ ะ​เป็นทุกข์​ แลว้ จะ​ไป​คดิ ต​ ่อ​
ทำอ​ ะไร ค​ ำส​ อน​ของพ​ ระพุทธเจา้ ​สามารถ​ชว่ ยใ​หพ้​ น้ ทกุ ข์ ใน​ปจั จบุ นั ข​ ณะตรงนนี้ ะ​โยม ช่วย​ให้​
พ้นทกุ ขใ​์ น​ปจั จบุ ัน​ตอนน้ี ไม่มีใคร​ทำใหเ้​รา​ทุกขใ์ จไ​ดน้​ ะ ถ้า​เรา​ไม่คดิ ​ไม่มีใครผ​ ลกั เ​ราใ​ห้ต​ กนรก​
ได้น​ ะ ถ้าเ​ราไ​มผ่​ ลกั ต​ ัวเรา​เอง ส่วนใหญพ่​ วกเรา​ชอบผ​ ลักต​ ัวเอง​มากกวา่ ​นะ อยา่ ง​เช่น คิดเ​ร่ือง​
ไม่ดี คดิ วา่ ​เขาว​ ่า​เรา คิดวา่ ​เขาท​ ำเ​รา คิดค​ ำว​ า่ เขา​ข้ึน​มา ไมม่ ีเ​ขา​อยู่ใ​นน​ ​ี้นะโ​ยม มมี​ ั้ย ม​ีเขา​อยู่ใ​น​
เราม​ ย้ั ทางโน้น ไมม่ น​ี ะ มแ​ี ต่ค​ วามคิด ว่าเ​ขา​อย่าง​นนู้ เขา​อยา่ ง​น​ใี้ นใจ
ถ้าโ​ยม​เหน็ ว่า ​น่​คี ือค​ วามคดิ ไ​มใ่ ช่ข​ องจ​ รงิ นี่​มสี​ ตเ​ิ ห็น เหน็ ​จิตแ​ ค่ห​ ยุดค​ ดิ ​ ไอ้ต​ วั ​น้​ีกห​็ าย​
แลว้ ไอ้ค​ วามท​ กุ ข์ใจ​ก็​หาย น่ีเ​รยี กว่า​อำนวย​กศุ ลว​ ิบาก​แก่ข​ นั ธ์ ให้ข​ ันธ์ ๕ มัน​ม​ีความ​สขุ ด​ กี ว่า
ไป​หาเร่อื ง​เศรา้ หมองท​ ำ​อะไร ใน​เมือ่ ​โลกน​ มี้​ นั ​บังคับไ​ม่ได้ และ​ความ​ไม่รู้ ก็​มากมาย​มหาศาล ท​ี่
ถกั ทอเ​น้ือ​หาความ​ปรงุ แตง่ ท​ ไี​่ ร้เดียงสาก​ เ​็ ตม็ ไปหมด โยม​วา่ ​จรงิ ​มั้ย...ทางโนน้ ถ้าหากว่า​โยม​
เกลียดค​ นท​ ่ี​สับสนแ​ ละ​หลงผดิ น​ ่ี หลวงพอ่ ​ว่าโ​ยม​คง​สับสนม​ ากกว่า​ใครๆ​ นะ (หวั เราะ) เพราะ​
ว่าความส​ บั สน​หลงผิดม​ ันม​ อี​ ยู่ท​ ่วั ไป แตถ่​ ้า​เรา​บอก เราเ​กลียด​พวก​น้ี​มาก​เลย เห็นแก่ตวั เกลียด​
คนเ​ห็นแกต่ วั เกลียดค​ นส​ ับสน เกลียดค​ นห​ ลงผดิ แสดงว่า คงจะ​สบั สน​มากกว่า​คน​อนื่ เ​ขา​เยอะ​
เลย เพราะโ​ลกน​ ้ม​ี ​แี ตค่​ วาม​ไมร่ ู้ท​ ่ี​ถักทอเ​ปน็ ก​ ระแส ถา้ ​รแู้ ​ ลว้ แล้ว​เขา้ ใจ​ขบวนการ​แบบนี​้ หรือ​
เวลาค​ ิดว่าเ​ขา​ว่าเ​ราเ​นยี่ ไมม่ ​เี รา​อยใู่​นเ​ขา​นะ​โยม ม​ีเรา​อยูใ่​นเ​ขา​มยั้ ไมม่ ี ไมม่ ี​เราอ​ ย่ใู ​นเ​ขา ไมม่ ี​
เขาอ​ ยใู่ ​นเ​รา เห็น​ความ​จริงแ​ บบน​ีต้ า่ งหาก ถึง​จะ​เอาตวั รอด น​ี่ตงั้ สตเิ​ปน็ แ​ ลว้ เห็นก​ าร​ทำงาน​ของ​
ใจ ​รู้จักว​ า่ ​นม​่ี นั แ​ ค่ต​ ัวค​ วามคิด เห็นจ​ ิต​คดิ ไ​ม่ใช่เ​รา​คิด ไมใ่ ช่เ​ราน​ ะ มนั ​คดิ ค​ ำ​ว่า​เราข​ ึ้น​มา ดต​ู รงนี​้
ใหเ้​ป็น​นะโ​ยม ถา้ ด​ ู​ตรงนีเ้​ป็นจ​ ะ​พบค​ วาม​สขุ ม​ หาศาล​แลว้ จะเ​กิด​พัฒนาการ
ผา​ซอน​แกว 22

พระอาจารยอ​ ำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ณ​ ศนู ยป์ ฏิบตั ิการ การบินไทย สวุ รรณภมู ิ วนั ท่ี ๒๓ ก​ันยายน ๒๕๕๒

มี​คนถ​ ามเ​มื่อก้ีน​ี้ว่า จะ​รู้ไ​ดอ้​ ยา่ งไรว​ า่ การ​ปฏบิ ัตข​ิ อง​เรา​กา้ วหนา้ รู้ไ​ดง้​่ายๆ จาก​การ​ที่​
ความท​ กุ ข​ม์ ัน​น้อยลง ความ​ฉลาด​ใน​การเ​ขา้ ใจ​กลไก​ของ​ความ​ทุกข์​มากขึน้ และ​ความ​ทกุ ขไ​์ ม่​
สามารถจ​ ะ​ก่อตัว​ได รแู้ ​ ลว้ ว​ า่ ​หนท​ างนี​้เปน็ ​หนทาง​อนั ​ประเสริฐ เปน็ ห​ นทาง​ทีพ​่ าไปใ​ห้พ​ ้นทุกข์​
ได้จ​ รงิ เวลาก​ ราบพระ​กราบ​ได้อ​ ย่างส​ นทิ ใจ กราบ​ขอบพ​ ระคุณใ​น​ความซ​ าบซง้ึ ​ต่อพ​ ระธรรม​คำ​
สง่ั สอน​ถา้ ไ​ม่ไดเ้​จอค​ ำ​ส่งั สอนอ​ ยา่ ง​นี้ ชีวติ ค​ งจะห​ ลง​ด่งิ ​เหว ผิด​พลาดไปอ​ กี ​เรื่อยๆ​และ​ก​ก็ ่อ​ทกุ ข์​
ใส่ต​ วั ​แบบ​ไรเ้ ดยี งสา น​่ีพบ​แลว้ ว​ า่ ความ​ออกจาก​ทุกข์ ทาง​ออกจาก​ทกุ ข์​อยตู่ ​ รงนี้น​ ี่เอง น่ี​โยมจ​ ะ​
ซาบซ้งึ ว​ ่า​ถา้ ไ​มม่ ี​คำส​ อน​แบบนเ​ี้ กิดข้นึ ​ในโ​ลก ชวี ติ ​เราห​ รือ​ชีวิต​ผ้อู ืน่ ท​ อี​่ ยรู่ ว่ มๆ​ กนั คงจะว​ า้ เหว่​
ขนาดไ​หน นจ​่ี ะ​เกิดค​ วาม​ซาบซึ้งแ​ ละ​เกิด​ความเ​มตตาต​ ่อกันแ​ ละ​กัน​นะ ด้วย​ความ​เคารพ ไม่ได้​
กราบ​ไป​ตาม​ประเพณี​แลว้ ​นะ​โยม มนั ก​ ราบ​อยา่ ง​ความ​ซาบซงึ้ ความ​ซาบซ้งึ ​แบบน้ี
นเ​ี่ พราะก​ าร​มี​สติเ​หน็ ม​ ย้ั พอเ​ผลอค​ ดิ ไ​มด่ ​ไี ม่เอา ผลลัพธ์​เป็นย​ ังไง​ล่ะ ก็​อารักขา​จติ ท​ ป​่ี กติ​
อยู่แ​ ลว้ น​ ่ีโ​ยม เห็นม​ ้ยั ข้อท​ ่ี ๓ ของ​สต​ิม​ีผลลัพธเ์​ปน็ การอ​ ารักขาจ​ ิต​ทีป่​ กตอ​ิ ยกู่​ ่อน โดยก​ าร​ม​ี
ตวั ท​ ่สี องม​ ี​หนา้ ท่ี​เหน็ เหน็ ​การท​ ำงาน​ของ​กาย​และ​ใจ ถา้ ​เผลอค​ ดิ อ​ ย่าง​น้ี ผล​เปน็ อ​ ยา่ งน​ ้ี เริ่ม​จำได้​
แล้ว จำได้ จำไดอ้​ ยา่ งถ​ ูกต้องแ​ มน่ ยำ​ไม่ใชเ่​ปน็ ส​ ญั ญาวิปลาส จำได้ว​ ่าม​ นั ​ไมใ่ ช่ต​ ัวตน​เป็นอน​ ัตต​
สัญญา เห็นวา่ ไ​ม่ใช่ต​ ัวตน หรือจ​ ำว​ า่ ​สง่ิ ​นไ้ี​ม่ค​ งที่ จะ​ห้าม​ใหค้​ งที​่เป็นไป​ไมไ่ ด้ เปน็ การ​จำท​ ​ีถ่ ูกตอ้ ง​
ทำให้ สตเ​ิ กิด ช่อื วา่ “ถริ ​สญั ญา” จำส​ ภาวะไ​ด้ อยา่ ง​นี้​เป็น “สัญญา​ขนั ธ”์ สัญญา​ขันธ์​ไมม่ ี​มา​
ก่อน​ไมใ่ ช่ต​ ัวตน อย่างน​ ​เี้ ป็น “สงั ขารข​ ันธ”์ เป็นค​ วามคิด คือค​ วามคดิ ​เกดิ ​ก​ร็ ู้เ​ป็นค​ วามคิด จำได้​
นะโ​ยม จำไดว้​ ่า​มนั ​เปน็ ค​ วามคดิ ​ไมใ่ ชเ่​รา แต่เ​พราะวา่ ​เคยเ​ห็น​ถกู ​มา​ก่อน​ไง นึกออก​ม้ยั น​ี่สตจิ​ ะ​
เกิดขึ้นเ​นอื งๆ แลว้ ตัว​ต่นื ตวั ร​ ้จู ​ ะ​ทำงาน​แบบก​ ระปร้กี ระเปร่า กระฉบั กระเฉง แบบ​อัตโนมตั ิ​
ท้ังวนั เผลอค​ ดิ ​ท​่ีไมด่ ปี​ ับ๊ ร​ ู้ อกศุ ลจ​ ะ​ครอบงำ​ใจไ​มไ่ ด้ กเ​็ ลย​เกิด​ความ​รู้สกึ ตวั ​ตาม​มา ถ้าม​ ​สี ตแ​ิ ลว้ ​
เกดิ ส​ ัมปชัญญะ และก​ เ​็ กิดค​ วามเ​พียร​อย่างถ​ กู วิธ​ีตาม​มา ทำงาน​ร่วมงาน ๓ ตัว ใน​สตปิ ฏั ฐาน
๔ ถ้าโ​ยม​ได้ส​ าม​ตวั น​ ไี​้ ปก​ บั ช​ วี ติ ​ประจำวัน รบั ประกัน​วา่ จ​ ะ​ต้อง​มคี​ วาม​สขุ แ​ ละ​ความ​ทกุ ข​์จะ​
ครอบงำ​ใจ​ไมค่ อ่ ยไ​ด้ อาจจะไ​ม่ค่อยไ​ดไ้​ป​กอ่ นน​ ะ จนถึง​ไมไ่ ด้เ​ลย
อ้าว​มาด​ ู​เร่อื งส​ ัมปชัญญะ​นิดหนอ่ ย ความร​ ู้สึกตัวม​ ัน​ตามหลัง​ตวั ส​ ตม​ิ า คือ​ถา้ ส​ ตเ​ิ หน็ ​การ​
ทำงานข​ องใ​จ ถา้ ​หลงค​ ดิ ​รวู้ า่ ​หลงค​ ดิ ​นะ​โยม​ช่อื ว่า “​ อสมั ​โมหะ​สัมปชญั ญะ” รูส้ กึ ตัวว​ า่ ​กำลัง​หลง
แต่ค​ น​ส่วนใหญ่ไ​มค่ อ่ ยร​ สู้ ึกตวั น​ ะ กำลงั ​หลงอ​ ยู่ แต่เ​มื่อไหรโ่​ยม​รูส้ ึกตวั ​วา่ ห​ ลง มัน​จะห​ าย​ป๊ับไ​ป​
ทนั ที เรยี กว่า ผรู้ ู้ ผู้ต​ ื่น มันต​ ่ืน​ตรงนน้ี​ ะ ม​ีใคร​เคยน​ อนหลบั ​ฝันก​ ลางคืน​มั้ย (เคย) เคย​ฝนั รา้ ย​

23 ผา​ซอ นแ​ กว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภาโ​ส

มย้ั ตืน่ เ​ช้า​มาม​ ันห​ ายไป​มัย้ (หาย​) เพราะ​มัน​ไม่ใช่ข​ องจรงิ เคย​คิดรา้ ย​มยั้ (เคย) เพราะ​รูส้ กึ ว่า​
นก​ี่ ำลังเ​ผลอ​คิดร้าย ตน่ื กห็​ าย​เหมอื นกนั ไ​ม่ใช่ข​ องจรงิ เห็น​มัย้ โ​ยม เรียกว่า ผูร้ ู้ ผตู้​ นื่ ผเู้​บกิ บาน
น่ี​เพราะเ​หน็ ​จิตค​ ิดรา้ ย​มนั ​เหมอื นกับ​ความ​ฝนั รา้ ย​ท​่สี ร้างม​ นั ​ขนึ้ ​มา จาก​ภาพมายา​ไม่ใช่ข​ องจริง
ตื่น​ปับ๊ ​ไมเ่ อา เห็น​ม้ัย​โยม มนั ​กต​็ ื่น​เบิกบานส​ ิ น​่ีเป็นผ​ ตู้ ​ ่นื ต่นื จิต​กต็​ นื่ บางคน​ตื่นอ​ ยา่ ง​ตอ่ เนือ่ ง
เพราะ​วา่ ความเ​ผลอพ​ อ​จะไ​หวตวั ​ปุบ๊ ท​ ำงานไ​มไ่ ด้ จิต​มันไ​ว​ขนาดนี้ แว้บ​ แวบ้ เหน็ ม​ ้ัย​โยม น่​ี
ความร​ สู้ ึกตัว​เลย​ตาม​มาจาก​การ​ทม่​ี ี​สต​นิ ะ เพราะ​สต​ิมนั ร​ ะลกึ ร​ ู้อ​ ย่ทู ่​ีกาย​และใ​จ​นะ ถา้ ​ใจ​หลง​
เม่ือไหรค่​ วามร​ ้สู ึกตวั จ​ ะ​เข้าไปท​ ำหน้าทเ่ี​ป็นป​ ัญญา เหน็ วา่ ไ​ม่ม​ีประโยชน์ คดิ ไ​ม่ดี​ม​ปี ระโยชน์​
มั้ย ม​มี ้ยั โ​ยม​ทางโนน้ คิดไ​มด่ ี ม​ีประโยชน​์ม้ยั ไม่มป​ี ระโยชน์ และ​จะ​คิดต​ ่อ​มัย้ เหม่อม​ ​ปี ระโยชน​์
มยั้ ? มปี​ ระโยชนม​์ ้ยั ..เหม่อ ไม่ม​ีประโยชน์​แลว้ ค​ วร​จะเ​หม่อม​ ัย้ ? ไม่ค​ วรแ​ ลว้ ​ถ้าท​ ำ​มั้ย? งง​มาก​เลย​
นะ ไม่ค​ วร​แตก่​ ย​็ ังท​ ำ​อยู่ โกรธม​ ​ีประโยชน​์ม้ยั ? แลว้ ​ทำม​ ้ัย? ทำ​อกี ​แล้วด้วย (หัวเราะ) หลวงพ่อ​
บอกแ​ ล้วม​ ัย้ โ​ยม​วา่ ท่ี​เราเ​ข้าใจแ​ ตท่​ ำ​ไมไ่ ด้ เพราะอะไร ตวั ก​ ำลังม​ นั ​ยังไ​ม่พ​ อ ร้วู า่ ​ไมด่ แ​ี ตเ่​อา​
ไม่อยู่ เพราะความค​ นุ้ เคย นเี​่ รา​ถึง​ตอ้ งม​ า​พัฒนา​บรหิ าร​กลา้ มเนอ้ื เข้า​หอ้ งฟ​ ิตเนส​นะ บรหิ าร​
กลา้ มเน้ือ​สติใ​นร​ ูปแบบ​บา้ ง ในแ​ บบฟ​ รีสไตล์​ธรรม​ชาตินยิ มบ​ ้าง
อ้าวม​ า​ด​ูนะ สัมปชญั ญะเ​ลยท​ ำหนา้ ท่ี ๔ ตวั เ​หมอื นกัน อย่าง​ท่ห​ี ลวงพอ่ ​เชค็ ​จาก​โยม​เน่ีย
คิด​ไม่ดไ​ี มม่ ี​ประโยชน์ เห็นม​ ้ัย ถ้า​สตม​ิ นั ​เข้าไปร​ ะลึก​ทใ​่ี จ​แลว้ สมั ปชัญญะ​มัน​ทำหน้าที่​เห็นว่า คดิ ​
ไม่ดีป​ ั๊บ สมั ปชญั ญะ​จะ​ทำหนา้ ทต​่ี ัดสินว​ ่า​ไม่ม​ีประโยชน์ นน่ั ​คือป​ ญั ญา​โยม ไม่มี​ประโยชน์​ดังนนั้ ​
มนั ต​ อ้ ง​มอี​ ะไร​ตวั น​ งึ การฝกึ บางท​ีเราก​ ็ต​ ้องฝ​ กึ ​ความ​อดทนบ​ ้าง​นะ คดิ ไ​ม่ดไี​มเ่ อา​ดีกว่า มนั ​ไม่ม​ี
ประโยชน์ จะค​ ิดต​ อ่ ​ มันจะ​หยุดท​ ันทอ​ี ยา่ งน​ โ้ี ยม แต่ถ​ า้ ​เราไ​มเ่ คย​ฝกึ เ​รา​เคยฝ​ กึ ​แต่จ​ ะ​ตามใจ​คดิ
คดิ ​ไม่ดจ​ี ะ​ต้อง​พูดไ​มด่ ท​ี กุ คร้ัง แลว้ ผ​ ลก​ ลบั ​มา​รู้สึกย​ ังไง ร้สู ึก​ยังไง? รสู้ กึ วา่ ​ไมด่ ี.​.โยม เหน็ ​มยั้ ถา้ ​
ทำ​อยา่ งน​ แ้ี​ ลว้ เหตุน้ีม​ ีผ​ ลน​ จ้ี​ ะ​ตอ้ งม​ ี ไม่มใี คร​ใน​โลกน​ ท​้ี ​่ีพูด​ไมด่​ ีแลว้ ส​ บายใจ ไมม่ ​ีหรอก​นะ ไมว่ ่า​
จะพ​ ูด​ไมด่ ​กี บั ใ​คร​กแ็ ล้วแต่ ถึงเ​รา​จะ​เป็นฝ​ ่ายถ​ กู ​แต่พ​ ดู ​ไม่ดอี​ อกไป​จะต​ ้องไ​มส่ บายใจ​อย่ดู ​ ี
นก​ี่ ารท​ ่​ีมสี​ ัมปชัญญะ มก​ี าร​รูส้ กึ ตัวเ​นีย่ และ​กบั ​การ​ม​ีสตท​ิ จ่​ี ำได้ว​ ่า ถ้า​พูด​ไม่ดต​ี อ้ ง​
รสู้ กึ ไม่ดใ​ี น​ภายหลัง จะไ​มป่​ ระมาท​ดว้ ย เหน็ ม​ ้ัยส​ ติ​เลยท​ ำหนา้ ท่ี หรอื ​อินทรียม​์ ค​ี วามเ​ป็นใหญ่​
กำจดั ​พวกค​ วาม​ประมาท สมั ปชญั ญะร​ ู้สกึ ตวั ข​ ้ึนม​ า​เน่ีย ไม่มีป​ ระโยชน์ ไม่เอา​นะ จะ​มกี​ ำลงั ​
แบบนี้น​ ะ ตอ้ ง​ฝกึ ถ้าไ​ม่เคย​ฝกึ จะ​ไม่ได้น​ ะ คอื ถ​ า้ ฝ​ ึก​ตามใจต​ ัวเอง มัน​เหมอื นเ​ลีย้ งลกู ​สิงโตเ​ล็กๆ​
ใน​หวั ใจ หลวงพอ่ จ​ ะ​บอกว่าเ​ลีย้ งลกู อ​ สุรกายก​ ็ไ​มก่ ลา้ พูด เพราะว่า​มัน​จะเ​หมือนจรงิ ​มากไป​
ผา​ซอนแ​ กว 24

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ​ณ ศนู ย์ปฏบิ ัตกิ าร การบินไทย สุวรรณภูมิ วันท่ี ๒๓ ก​ันยายน ๒๕๕๒

หน่อย (หวั เราะ) มัน​จะ​ค่อยๆ โตขน้ึ น​ ะ​โยม นึกออก​มย้ั ถ้าหากวา่ ​เราเ​คยต​ ามใจ อยาก​พูดไ​มด่ ​ี
ก​็ตอ้ ง​พดู ท​ กุ ครงั้ อ​ ยา่ ง​นี้น​ ะ ต่อไปพ​ อค​ ิดป​ บั๊ จ​ ะ​พุ่งพรวด​ออกไปอ​ ยา่ ง​น้นั ​เลย ใช่ม​ ั้ยโ​ยม แตถ่​ ้า​โยม​
บอกไ​มเ่ อา ไมม่ ป​ี ระโยชน​์มัน​จะ​หายไป ต่อไปพ​ อ​เผลอป​ ๊ับไ​มเ่ อา มันจ​ ะ​ออ่ นกำลัง มัน​จะ​ทำงาน​
ไม่ได้ นี​่มันท​ ำอ​ ย่างไร​ให้เ​กิดค​ วาม​เพียร ความเ​พยี ร​ตวั ​นี้​ไม่ได้เ​ดนิ ​นาน ยนื นาน นัง่ ​นาน หรือ​
เพียรไ​ป​อยู่ป่า อยู่ถ​ ำ้ ​นะ ความ​เพยี ร​ปดิ กั้นอ​ กศุ ลต​ วั ใหม่ เพราะ​ถ้า​อกุศล​จะ​ยา่ ง​มา ไมเ่ อา​มนั ก​ ​็
ทำงานไ​ม่ได้ส​ โ​ิ ยม ไม่ต​ อ้ งม​ า​เสียใจ​ภายหลงั พูด​ไมด่ ีไ​ป​ไดอ้​ ยา่ งไร เหน็ ​ม้ยั ช​ วี ิต​จะ​เร่ิมมคี​ วาม​สขุ
กลบั ​ไป​บ้านต​ อนเย็น​กม​็ ี​ความส​ ขุ พร่งุ นี้​เชา้ ​กม​็ ค​ี วาม​สุข เพราะ​ไม่ม​ไี อ้ต​ ัว​ทตี่​ ามม​ า​ว่า วนั น​้ีพดู ​
ไมด่ ี​มา​อกี แลว้ ไปท​ ะเลาะ​กบั เ​ขา​มาอ​ กี แลว้ ไป​เถยี ง​เขา​มา​อกี แลว้ ไม่มี​ตัวน​ ​้ีเหน็ ​มั้ยโ​ยม ก​็มค​ี วาม​
สุข​สิ เพราะง​้ัน​คนป​ ฏิบตั เ​ิ จรญิ ​สตม​ิ ันเ​ลย​สวยว​ นั สวย​คนื ​นะ สวย​ผุดผอ่ ง ขนึ้ ​มา​เร่ือยๆ​เพราะว่า​
ไอ้ค​ วามเ​ศรา้ หมอง​น่ี เมฆหมอก​แหง่ อ​ กศุ ล​นไี่​มม่ า​ปกปดิ ใ​จ และ​มันก​ ​ไ็ ม่ฉ​ าย​ผา่ น​สหี น้าแ​ ววตา​
ออกมา ถามว​ ่า​เวลาห​ นา้ บง้ึ ​นี่ มนั ห​ น้าบ้งึ ก​ อ่ น​แล้ว​คอ่ ย​โกรธ หรอื ว่า​โกรธ​แลว้ ถ​ ึง​หน้าบึ้ง อัน​ไหน​
มาก​ อ่ น...หา โกรธ​แลว้ กห​็ นา้ บง้ึ คดิ ไ​ม่ด​ ีแล้วถ​ งึ ​หน้าบ้งึ ใช่ม​ ั้ย​โยม เหน็ ​มย้ั ถ​ า้ โ​ยมม​ ี​สติ เหน็ ค​ ดิ ​ไมด่ ี​
ปบั๊ ไมเ่ อา หน้าจ​ ะบ​ ง้ึ ​ไปไ​ด้อ​ ยา่ งไร
หลวงพอ่ ​ไม่ไดม้​ า​แกลง้ ​หยอดค​ ำห​ วาน​นะ ว่า​ปฏิบตั ​ิแลว้ จะส​ วย​วัน​สวย​คืน เพราะ​ถ้า​
เห็นอ​ ย่าง​นี้ แล้ว​ไมท่​ ำ หนา้ ​มัน​จะ​บึง้ ไ​ป​ได้ไ​ง​ล่ะ และ​ถา้ หากว่า​วันนี้​หน้า​ไมบ่​ ึง้ พรงุ่ น้​ีหน้า​ไม่​
บึ้ง มนั น​ ่าจะส​ วย​ขึน้ ม​ ั้ย สวย​ข้ึนเ​หน็ ​มั้ย อกศุ ล กศุ ลธ​ รรม​ ท​ี่มนั เ​ข้ามา​ใหเ้​กิด​ความ​สุข​ความ​
อ่ิมเอิบ สายตา​ก​็จะ​เริ่มมปี​ ระกาย มี​ประกาย​สดใส มองอ​ ะไร​ก็เ​ร่มิ มี​ความส​ ขุ ​มากข้นึ คนุ้ เคย​
กบั ​การท​ ​่ีมีจ​ ติ ปกต​ิและ​ม​ีความส​ ุข​เบิกบาน เวลาม​ ค​ี วาม​ไม่เ​บกิ บาน ความข​ ุน่ มวั ​เศร้าหมอง​มา
มันจ​ ะ​เหมือนกับ​กำลงั ​ปว่ ย เหมือนกบั ก​ ำลังไ​มส่ บาย กำลัง​เปน็ ​โรค เปน็ โ​รคจติ (หวั เราะ) เป็น​
โรคทางจติ ​ใจ​นะ เห็นม​ ย้ั ​โยม...มนั ​จะ​ไม่เอา เ​ฮย้ ..อยๆู่ ​ ไป​ป่วย​ทำ​อะไร อยู่ๆ​ จะ​เปน็ โ​รคจติ ท​ ำ​
อะไร ในเ​มอ่ื จ​ ิต​มนั ​ปกตอ​ิ ยกู่ ​ อ่ น เหน็ ม​ ้ยั ไอ้ค​ วาม​คุ้นเคยต​ ่อฝ​ า่ ย​กุศล​มันก​ จ็​ ะ​ทำงาน​ต่อเน่ือง
และ​ไป​พบ​กบั ค​ วาม​สุข​ทส​่ี ูงข้นึ พฒั นา​ไป​สู่ค​ วาม​สุข​ทปี่​ ระณีต​เรอื งรอง​เพ่มิ ขึ้น​อย่าง​นี้ นีห่​ นา้ ท​่ี
ของส​ ติ​และส​ ัมปชญั ญะ กบั ค​ วาม​เพียร เพียร​ปิดกั้นอ​ กศุ ล​ตัวใหม่ เพียร​แบบนน​้ี ะ​โยม ไมต่​ อ้ ง​
ไป​อยู่ถ​ ำ้ อยู่ปา่ อยู่เ​ขา อดอาหาร อยปู่ ​ ่าช้า​อะไรห​ รอก อยู่ก​ ับ​ชีวิต​ประจำวนั ​น่ีแหละ เผลอค​ ิด​
ไมด่ ีป​ ั๊บ​ไมเ่ อา หรอื จ​ ะ​ไปเ​ผลอค​ ดิ เ​ร่ืองอ​ ดีต ควร​คิดม​ ย้ั เรื่อง​อดตี ​ทเี่​ศรา้ หมอง ไม่ค​ วร ตวั ​สติ​กับ​
สมั มาวายามะท​ ำหน้าทที​่ ำลาย​อกศุ ลเ​ก่า​ดว้ ย อยา่ งเ​รา​เคย​คิด​ไม่ดจ​ี ะต​ อ้ ง​พดู ​เรือ่ ง​ไมด่ ี ไมเ่ อา นี่​
นิสยั ท​ ่ไ​ี มด่ ี​เก่าๆ​จะห​ ายไป​ด้วยน​ ะ จะ​กลายเ​ปน็ ค​ นน​ า่ รกั เพราะวา่ ​ไมม่ ​ีเรอื่ งท​ ่​ีไม่ด​ีจะ​พดู ​มาแล้ว

25 ผาซ​ อ น​แกว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภา​โส

เพราะวา่ ​พอ​จะพ​ ูด​ปั๊บไ​มเ่ อา​โยมเ​หน็ ม​ ัย้ มัน​สามารถท​ ำลาย​อกศุ ลเ​ก่า ทำลาย​นสิ ัยเ​กา่ เพราะว่า​
มส​ี ติ แต่ถ​ า้ ค​ น​ขาดสตลิ​ ะ่ รู้สึกม​ ั้ย​ว่า ตงั้ แต่เ​กิดม​ า​ตัง้ แต่เ​ลก็ ๆ​เปน็ ค​ น​ขบี้ ่น ข​ห้ี งดุ หงิด ขีโ้ มโห อายุ​
มากขึ้นก​ ย​็ ัง​ไม่เ​ปลี่ยน จนถงึ ​อาย​วุ ัยชรา กไ​็ ม่เ​ปล่ียนน​ ะ​บางคน​ใชไ่ หม เป็นท​่ีรักใครข่​ อง​ลกู หลาน​
ม้ยั อ​ ยา่ งน​ ัน้ เราอ​ ยาก​เป็นค​ นแ​ ก่แ​ บบน้ัน​ไหม
ตอนน​้ีเร่ิมแ​ กห่​ รือยงั หา? โอ.้ .รกั ษาศลี ​สมบรู ณ์​ข้อ​แลว้ ​ไมโ่​กหก​พระ เปน็ ค​ นด​นี ะ อย่าง​
น้อยก​ ​็มค​ี วามด​ ี​ข้อห​ นึ่ง ที​ร่ ักษาศีล
นโ​่ี ยมเ​หน็ ​มย้ั การ​ปฏิบัตน​ิ ่ี​มัน​สนุกน​ ะ แล้วม​ ัน​ก​็เรยี บง่าย​ แลว้ ก​็มขี​ องขวญั ​เห็น​ไดจ้​ รงิ
ไม่ใช่ภ​ าพมายา ว่าม​ ัน​จะ​เป็นข​ องขวัญใ​นบ​ ัน้ ปลาย​ตอนต​ าย​แล้วจะไ​ด้ข​ ึ้น​สวรรค์ ไม่ใช่ห​ รอก มัน​
มค​ี วาม​สุขใ​น​ปจั จุบัน​น​ลี้ ่ะ​โยม...ตา่ งหาก แล้วค​ วาม​สุขแ​ บบน​้ี ก​็ไมใ่ ช่ค​ วามส​ ุข​ทหี่​ าย​ าก​อะไร แต่​
ไอ้ค​ วามท​ ุกข​์ตา่ งหาก​ทไ่ี​ม่ค​ วรจ​ ะ​ต้องไ​ดม้​ า และ​ความส​ ุข​แบบนต้ี​ า่ งหาก​ ทไ่ี​ม่ค​ วร​จะต​ ้องส​ ญู ​
เสยี ไป​เลย เพราะม​ นั ​มี​อยแู่ ​ ล้ว ไมต่​ ้องส​ รา้ งขึ้น​ดว้ ยเ​นอะ อันน​ี้เปน็ ​ของขวัญ​ทพ่ี​ วกเรา​สมควรจะ​
ไดร้ บั เรียกวา่ ​ได้รับ​ใน​สิง่ ​ทส่​ี มควรจะ​ได้รับ หรือค​ วาม​สุข​ทไี​่ มค่​ วร​จะ​ต้องส​ ูญ​เสยี ไป
มใ​ี คร​จะ​คยุ ​อะไรเ​บาๆ​ สลับบ​ ้างไ​หม หลวงพ่อ​พูดถึง​เรื่อง​สติ ทที​่ ำหนา้ ทรี​่ ่วมกัน ๓ ตัว
สติส​ ัมปชญั ญะ​และ​ความ​เพียร เปน็ การ​ทำงาน​ของส​ ตปิ ัฏฐาน ๔ สติปฏั ฐาน ๔ จะ​ม​หี ัวข้อ​
เหมือนกันท​ กุ อ​ ัน คือ มี​ความเ​พียร มีส​ ติ ม​ีสัมปชญั ญะ ตาม​ด​ูกาย​ใน​กาย ตาม​ดูก​ ายใ​นก​ าย​แล้ว​
เห็น​อะไร หรอื ต​ ามด​ ใู จ​ในใจ​แล้วเ​ห็นอ​ ะไร​ก็แล้วแต่ ทม่​ี นั ​เผลอ​ปรงุ ไ​มด่ ีไ​มเ่ อา ม​ีความ​เพยี ร​ตาม​
ด​ูกาย​ใน​กาย เวทนา​ใน​เวทนา จติ ใ​นจ​ ิต ธรรม​ในธ​ รรม กำจัด​อวชิ ชา​และโ​ทมนัส คอื ไ​อค้​ วาม​
ปรงุ แตง่ ​ดรี ้ายอ​ อกไป​ซะ เพราะ​มัน​ไม่ไดม้​ ​ีอยู่ก​ ่อน เหน็ ม​ ้ยั ! เลยใ​ช้ก​ าย​ตามก​ าร​ด​กู าย หรือ​ด​ู
เวทนา หรือจ​ ิต หรอื ธ​ รรม​เนย่ี เปน็ ท​ ่อี าศยั ใ​ห้ต​ ัว​รไู้ ​ด้ร​ ู้ เพ่อื ว​ ่า​เวลา​ตวั ไ​มร่ ู้ม​ ัน​ปรงุ แต่ง​ความ​ไม่​
ดขี ้ึนม​ าจ​ ะไ​ด้ไ​มเ่ อา เหน็ ม​ ยั้ ​โยม จะ​ได้ไ​ม่เ​ปน็ ​ท่ีอาศยั ​ของ​ตัณหา คือ​ความ​อยากท​ ไ่​ี ร้สาระ บางท​ี
รา่ งกาย​หรอื จ​ ติ ใจ​มัน​ไม่ค​ งท่ี เมือ่ ไรเ​รา​อยาก​ใหม้​ ันค​ งท่ี มนั ​จะเ​กดิ ​ความอ​ ยากท​ ่​ไี ร้เดยี งสา แล้ว​
ทำให้จ​ ิตใจ​รอ้ นรมุ่ ทุกขก์​ ระวนกระวาย กระสับกระสา่ ย​จาก​ความ​อยาก มัน​เป็นการ​สรา้ ง​ทกุ ข์​
ซ้อนท​ กุ ข​์อีก​ตัว​ข้นึ ​มา​อย่างไ​ร้เดยี งสา เพราะว่า​ร่างกาย​เราไ​ม่ค​ ง​ที่อยแู่ ​ ล้ว
อยา่ ง​คน​ปว่ ยเ​​น่ีย ร่างกาย​มนั ​ไม่ค​ งท่ี แตถ่​ ้าหากวา่ ​อยาก​หายป่วย ไมช่ อบ​ความป​ ่วย
ผา​ซอนแ​ กว 26

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ​ณ ศูนยป์ ฏบิ ตั กิ าร การบนิ ไทย สวุ รรณภูมิ วนั ท่ี ๒๓ ​กันยายน ๒๕๕๒

อยาก​พน้ จ​ ากค​ วาม​ปว่ ย จะ​เกิดค​ วามท​ ุกข์ใจอ​ กี ​ตวั ​หนง่ึ ​ข้นึ ​มา ซ่งึ ​ไมส่ มควร​ได้รบั ค​ วาม​ทุกขใ์ จ​
แบบน้​ีเลย เหน็ ไ​หม​โยม แต่เ​พราะ​ร่างกาย​มันไ​ม่ค​ งท่ี ก็​รกั ษา​ความ​ไม่ค​ งท​ขี่ อง​มัน​ไป ตามเ​หต​ุ
ปัจจยั อ​ ยา่ งเ​ชน่ มันข​ าด​ธาตร​ุ ้อน ขาดธ​ าตุ​เยน็ ก​็ทิ้งม​ นั ไ​ป​ซะ​ตามเ​หตุป​ ัจจยั แต่ไ​ม่จ​ ำเป็น​ตอ้ ง​
ไป​อยากใ​หม้​ นั ​คงทน​่ี ะ​โยม มัน​เปน็ ไปไ​ม่ได้ หรอื ส​ ง่ิ ​รอบข้าง แกว้ ​กาแฟ​แตกอ​ ยา่ งน​ ี้ ของ​มนั แ​ ตก​
ได้ บอกม​ ัน​ไมน่​ ่าแ​ ตก ไม่อ​ ยากใ​ห้ม​ ัน​แตก จะ​ทกุ ข์ใจ​เห็นไ​หม เรยี กวา่ ​ทุกขใ์ จ​อยา่ ง​ไร้เดยี งสา ไป​
สรา้ ง​ตณั หา​กับ​ภาวะ​ของค​ วามไ​ม่ค​ งทข​่ี ึ้น​มา อยาก​ใหม้​ นั ​คงที่ อยาก​ใหม้​ นั ​สมบรู ณแ์ บบ อยาก​ให้​
ทุกอย่าง​เหมือนเดิม “ทำไม? คน​คน​นี​้เขา​ไมเ่​หมือนเดมิ เ​ลย” แล้วก​ห็ าเรอื่ ง​ทุกขใ์ จ ไรเ้ ดยี งสา​มัย้
ใน​เมื่อท​ ุกอยา่ ง​ต้อง​ไม่ค​ งที่ ถา้ โ​ยม​เข้าใจ​แบบน​นี้ ะ จะ​มคี​ วาม​สขุ ​มาก​เลยน​ ะ
ถึงแม้วา่ จ​ ะม​ ​ีคนร​ กั ​ท​เ่ี ปล่ยี นใจน​ ะ กย​็ งั ม​ีความ​สขุ ​อยู่ เพราะอะไร​รูม้​ ย้ั โยมด​ ู ถา้ ​โยมเ​ข้าใจ​
กฎ​ของ​ธรรมชาตอ​ิ ยา่ ง​จริงๆ​เลย​นะ ว่า​ทุก​ชวี ติ เ​นย่ี มีธ​ าตุ ๔ ซึ่ง​ไมค่​ งที่ แลว้ ​ทุก​ชวี ิต​ก​็ปรารถนา​
สภาวะท​ ี่​มันส​ มบรู ณข์ ึน้ ม​ า​ในร​ า่ งกาย อยาก​ใหม้​ นั ดี เรยี กวา่ ตณั หา เห็น​มย้ั ตณั หา​น​กี่ ​็ทำใหเ้ กดิ
ภาวะ​ตัณหา วา่ อ​ ยากไดภ้​ าวะท​ ม​่ี นั ด​ กี วา่ น​ ้ี ทมี่​ ัน​สมบูรณก์​ วา่ ​น้ี ทม​่ี คี​ วาม​สุข​มากกว่า​น้ี
นะ! อะไร​กแ็ ลว้ แต่น​ ะ​โยม ท​ี่มนั เ​อ้อื ที่จะใ​ห้ช​ ่องทาง​ใหร้​ า่ งกาย​หรือ​จติ ใจ​เนยี่ ม​ คี​ วาม​
สขุ ทุกคนพ​ ร้อม​จะ​เปล่ยี นใจ ไม่ว่า​จะ​เป็นบ​ รวิ าร​ลกู น้อง คน​ใกล้ช​ ดิ เพอื่ นฝูง​กแ็ ลว้ แต่ เหน็ ​ไหม​
โยม ถ้าโ​ยม​เขา้ ใจ​แบบนี้ ถ้าหากม​ ​อี ะไรเ​ปลยี่ นแปลง​เกิดขนึ้ โยม​ยอมรับ​ไป​เลยว​ ่า เขา​อ่อนแอ​
ตอ่ ​ทุกข์ แลว้ เ​ขา​กต​็ ้องการ​ภาวะท​ ่​ดี กี ว่าน​ ี้ มนั ​เปน็ เรอ่ื งธ​ รรมดา ทเี่​ขาจ​ ะ​ต้อง​เปลี่ยนใจ เพียง​
แตว่ า่ ​ถา้ ต​ รงน้ี มค​ี วาม​สุขใ​ห้ม​ ากกว่า เขา​คงไ​ม่เ​ปล่ยี นไปไ​หนห​ รอก บางที​เราก​ ็​เผลอ รดน้ำ​ตน้ ไม้​
ดว้ ย​น้ำร้อน​ไป​บ้าง​เป็น​ครง้ั คราว มัน​เลย​ตาย ไม่ใชเ่​ขา​ทำ​หรอกน​ ะ เพราะ​ความไ​มเ่ ข้าใจ ถา้ ​เขา้ ใจ​
นะโ​ยม ​จะใ​ชช้ วี ิตอ​​ ย่รู ​ ว่ มกัน​อยา่ งม​ ​ีความ​สุข เปน็ ​ของขวัญ​ของ​กัน​และก​ ัน เปน็ ​แสงสว่าง​ของ​กัน​
และก​ นั
ทห​่ี ลวงพอ่ พ​ ดู ​เนยี่ เป็น​เพียงแคค่​ ำห​ วานภ​ าพลวงตา หรือสามารถ​ทำได้จ​ ริง “หนูน้อย
ทำได้จ​ รงิ ​ไหม?” ทำไดจ้​ ริงน​ ะ ท่วี า่ เ​ป็น​ของขวญั ​ของก​ นั แ​ ละ​กัน เป็น​แสงสวา่ ง​ของ​กนั ​และก​ ัน
ทำได้จ​ ริงไ​มใ่ ช่แ​ คภ่​ าษา​ทไ​ี่ พเราะ​หรือ​ภาพลวงตา จติ ใจ​น่​ีมนั ​รัก​อะไร “หนนู ้อย” จติ ใ​จรัก​อะไร
โยม : รกั ​สง่ิ ท​ ด​่ี งี าม​ทจี่ ะ​เขา้ มา​ค่ะ

27 ผา​ซอน​แกว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภา​โส

หลวงพอ่ : รัก​สิง่ ​ทด​่ี งี าม เหน็ ​มยั้ ​โยม ม​ีจิตด​ วง​ไหนบ​ ้าง​ท่ไ​ี ม่ร​ ัก​ส่งิ ด​ ีงาม จติ ​ท่อี ยใู่​น​สุนัข​
มนั ร​ กั ​สงิ่ ด​ งี ามไ​หม มนั ​รกั ค​ นดไี​หม มนั ร​ ักเ​จ้าของ​ท่ี​ดีไ​หม แน่นอน เห็น​มัย้ โ​ยม ไม่ม​ีจติ ​ดวง​ไหน​ที่​
ไมร่​ ัก​สิ่ง​ท่ี​ดีงาม ถา้ เ​ราอ​ ยากใ​หค้​ น​ทีอ่ ยูก่​ ับเ​รา​เขา​ม​ีความ​สขุ เรา​ทำส​ งิ่ ​แบบนน้ั ​หรือเปล่า
ท​่ีเมอื่ กีห ลวงพอ่ บ​ อก เอาน​ ำ้ รดต​ น้ ไม้ หรอื ​เรา​เอา​นำ้ เยน็ ​เอา​นำ้ ท​ ่ม​ี นั ​ศกั ด​์สิ ิทธิ​ที่​ชุ่มชืน่ ​
ฉ่ำ​เยน็ อะไรก​ นั ​แน่ จิต​ทกุ ด​ วง​มัน​รักค​ วามด​ งี าม เราร​ ดนำ้ ​ต้นไ​มต้ น้ น​ น้ั ด​ ้วยค​ วาม​ดีงาม​หรือเปล่า​
ล่ะ บอกว่า “ต้นไมท้​ ำไม​มัน​เห่ียว” เรา​ดซู วิ​ ่า​เรา​เอา​นำ้ ​อะไรไ​ปรด​ทกุ วนั น้ี ใชม่​ ั้ย เราร​ ัก​อะไรอ​ กี
‘จติ ’ นอกจาก​รักค​ วามด​ งี าม ทอี่ ยู่ท​ กุ วันนี​้ ใน​โลก​น้ี ตอ้ งการ​อะไร หรืออ​ ยากจะ​อยตู่​ อ่ ไป​ไหน​
ก็แลว้ แต่ ต้องการอ​ ะไร
โยม : ตอ้ งการ​ความ​สขุ ค​ ่ะ
หลวงพอ่ : ต้องการค​ วาม​สุข เหน็ ​มั้ย​โยม ม​ีจิต​ดวง​ไหน​บา้ ง​ท่​ีไม่ต​ ้องการ​ความส​ ุข ใน​
สัตว์ ในห​ ​มา ในแ​ มว ใน​นก ในผ​ เี สื้อ เห็นม​ ้ัย​โยม ต้องการ​ความ​สุข ดูซิ ทนี เ​้ี ราอ​ ยดู่​ ว้ ยกันโ​ดย​
ใหส้​ ง่ิ ​แบบน​หี้ รือเปลา่ ธรรมชาติข​ องจ​ ิต​ท่ีอยใู่ ​น​ตัว​อีกฝ​ า่ ย​หนึง่ ไม่ใช่เ​ขา​นะ​โยม มนั ​เปน็ ​ธรรมชาต​ิ
ของก​ ารร​ บั รู้ ซงึ่ ม​ นั ​ต้องการค​ วาม​สขุ แล้วม​ ัน​ก็​ต้องการ​ความ​ดี แล้ว​การ​อยู่ด​ ้วยกนั ​เราใ​หส้​ ่ิง​
แบบนนั้ ล​ ง​ไป​หรือเปลา่ เราใ​ห้ค​ วาม​สขุ ​ลง​ไป​หรอื เปล่า เราใ​ห้ค​ วาม​ดลี​ ง​ไปห​ รอื เปลา่ แตเ่​รา​กลับ​
มาร​ อ้ งขอ​วา่ ทำไม​ไมใ่​ห้ส​ ่งิ แ​ บบนั้นก​ บั เ​รา หรือว่าท​ ำไม​เขา​ไม่เ​หมอื นเดิม ถา้ ​เราใ​ห้ส​ ิ่ง​เหล่าน้ัน
รับประกนั ​โยม จิต​ทุกด​ วงม​ นั ร​ ัก​ความส​ ขุ และ​รัก​ความ​ดี ใช่ม​ ั้ย เพยี งแต่ว​ ่าความ​ไมเ่ ข้าใจ บางท​ี
เรา​กลับ​มาอ​ ย่ฝู ​ ่ายย​ ืนร​ อคอยค​ วามส​ ขุ มา​นั่งร​ อคอยค​ วาม​ดี หลวงพ่อ​ถงึ ​บอกวา่ ทำไม​เราไ​ม่​
ลุกขึน้ เ​ป็นฝ​ ่ายใ​ห้เ​สีย​เอง แล้วเ​รา​ก​ม็ ​ีความส​ ขุ ต​ รงน้นั เรา​ไม่เหน็ ​หรือว่า ถ้า​สิง่ น​ ้ี​มีส​ ่ิง​นี้​ก็​ตอ้ งม​ ี ใน​
เมอ่ื ส​ ง่ิ น​ ั้นๆ​ไดร้ บั ​ความส​ ขุ ​แลว้ สงิ่ น​ น้ั จ​ ะ​ด้นิ รน​ไปห​ าความ​ทกุ ข​์ไดอ้​ ยา่ งไร โยม! นึกออก​ไหม และ​
ถ้าเ​รา​เขา้ ใจ​กว่า ฉลาดก​ วา่ จะต​ ้องไ​ปก​ ลวั ​อะไร กับ​อะไรอ่ะ​กบั ​ความ​เปลี่ยนแปลงห​ รือ​ความ​ไม่​
แน่นอน เพราะว่าถ​ ้าหากวา่ ใ​หส้​ งิ่ ​ทเ่ี​ป็นความ​สขุ ให้ส​ งิ่ ​ท​ี่เปน็ ความ​ดี แต่ถ​ าม​ว่า ให้ส​ ิ่งท​ ี่​เป็นความ​
ด​ีมนั ​ดจี ริง​หรือเปลา่ หรือเ​ป็นเ​พยี งแค่ก​ าร​ลงทุน ด​ูให้ด​ นี​ ะ เรา​ลงทนุ ​อย่หู ​ รอื เปล่า แล้วเ​รา​กำลงั ​
รอผ​ ลลพั ธ์​ตอบแทน​อยเู่ ​หรือเ​ปล่า เรา​รอ​กำไรด​ ว้ ยห​ รอื เปลา่ ถงึ ​ได้ม​ า​นอ้ ยอกน​ ้อยใจ​วา่ ท​ ำดี​ไม่​
ไดด้ ี
เพราะวา่ ม​ ันเ​ปน็ การล​ งทนุ ท​ ​่ีรอคอย​ผลก​ ำไร​หรอื เปลา่ มัน​ไมใ่ ช่ค​ วาม​สขุ ​ของ​การ​ให้ค​ วาม​
ผา​ซอ นแ​ กว 28

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ณ​ ศนู ยป์ ฏบิ ตั ิการ การบินไทย สุวรรณภมู ิ วันที่ ๒๓ ก​ันยายน ๒๕๕๒

ดจี ริงๆ​ถ้าด​ ีจรงิ ๆ​โยม​มันก​ ​ต็ อ้ งไ​ม่ร​ อคอย​นะ ไมต่​ ้อง​รอคอยผ​ ล​กำไร ไม่ต​ ้องร​ อคอยผ​ ล​ตอบแทน
หลวงพ่อ​ยงั ​ไม่เคย​เหน็ ด​ อกไม้ท​ ีไ่ หน​ วงิ่ ไ​ป​หาน​ ก​เลย มี​แต่น​ กก​ ับผ​ ีเสอ้ื ​มนั ​หาด​ อกไม้เ​จอ​เสมอ
เพราะว่าม​ ัน​ม​ลี ะอองเกสรท​ ห่​ี อม​หวาน โบยบนิ ​ไป แล้ว​มนั ป​ ระกาศ​ศักยภาพ​ของ​ตวั ม​ ันเ​อง ของ​
คุณค่า​ใน​ตัวม​ ันเ​องอ​ อกมา​โดยไ​ม่ต​ อ้ งอ​ อกไป​วิ่ง​หา​ใคร แล้วก็​ไม่ต​ ้องไ​ปอ​ ้อนวอนว​ า่ ขอให้ใ​คร​
กลับ​มาหาด​ ว้ ยน​ ะ ถ้าหากว่าเ​รา​มค​ี ุณคา่ อ​ ยูใ่​นต​ ัว​นะโ​ยม
การใ​ชช้ วี ิต​มนั ​เปน็ ​ศลิ ปะ​มาก​นะ การ​ทีใ​่ ช้ธ​ รรมะ หรือ กฎ​ของ​ความ​จริง​มา​ใช้กบั ช​ วี ติ มนั ​
มคี​ วามล​ ะเอียดออ่ น​ทุก​แงม่ ุม ความ​เข้าใจ​ธรรมะ ทำให้ช​ วี ติ ​ไมไ่ ดอ้​ ยูอ่​ ยา่ ง​แหง้ แล้ง แตก่ ลับ​อยู่ ​
อย่างม​ ​ีสุนทรีย ทง้ั ใ​นก​ าร​เป็น​ของขวญั ข​ องก​ นั ​และ​กนั ในก​ าร​ที่จะ​มี​ความส​ ุข​ม​คี วาม​เบกิ บาน​ม​ี
ปญั ญา ไมไ่ ด้ส​ ร้างภ​ าพลวงตา​ของก​ าร​เป็นค​ นดม​ี ี​เมตตา แตม่​ ัน​เขา้ ใจ​แล้ว​เลยม​ เ​ี มตตาจ​ ริงๆ​ ข้นึ ​
มา แลว้ กเ​็ ลยม​ ​คี วาม​สุขจ​ รงิ ๆ​ขึ้น​มาด​ ้วย ไมไ่ ด้ส​ รา้ ง​ภาพมายา​วา่ ฉนั ​จะ​เป็นค​ นม​ ค​ี วามส​ ขุ ​นะ​โยม
เพราะค​ วามส​ ขุ น​ ี​ไ้ ม่ต​ ้องร​ อคอย ความส​ ุขม​ ​ีอยูแ่​ ลว้ เนอะ เป็น​ของขวัญ​เนอะ
แล้วก​ ารอ​ ยูร่​ ่วมกนั ​หลวงพ่อว​ า่ มนั ​ควร​ทะนุถนอมค​ วาม​สขุ ​แบบนด้ี​ ว้ ยน​ ะ ความ​สขุ ท​ ​่ี
เข้มแขง็ หรือม​ ติ รภาพ​ทเ​่ี ขม้ แข็ง มัน​เกดิ จ​ าก​ความ​ระมัดระวงั ​ด้วยค​ วาม​ดแู ลเ​อาใจใส่ซ​ ึ่ง​กัน​และ​
ทะนุถนอมส​ ง่ิ เ​หลา่ นน้ั แตส่​ ว่ นใหญพ่​ วกเรา​จะ​คบกัน​สัก​พกั หน่ึง รู้จกั ​กนั ​สัก​พกั หนง่ึ เรา​มกั จะ​
ขา้ มเ​ส้นเ​สมอ เข้าไป​ก้าวกา่ ย ชวี ิตข​ อง​แตล่ ะคนเ​น่ยี ​มี​อสิ รภาพใ​นต​ ัวเ​ขา มี​ศกั ยภาพ มี​ศักด์ศิ รี
ไมม่ ีใครบ​ ังคบั ​ใคร​ไดห้​ รอก​โยม บางท​ีเขา​อาจจะเ​สแสร้ง​ไปย​ อมๆ​นะ แตไ่​ม่มใี คร​เขา​ยอม​ใครจ​ ริง​
หรอก เพราะท​ กุ ​ชีวติ ม​ ีอ​ ิสรภาพ​ในต​ วั เอง​อยู่แ​ ล้ว ม​ีศักด์ศิ รใ​ี น​ตวั เอง​อยู่แ​ ล้ว
ฉะน้ันการท​ ่ีจะไ​ม่ข​ า้ ม​เส้นเ​ขา้ ไป​ก้าวก่าย ม​ ค​ี วาม​ระมัดระวงั ​ในม​ ติ รภาพ จะ​ทำให้​
มติ รภาพน​ ้นั เ​ข้มแข็งแ​ ละ​ยง่ั ยืน ถ้า​เราไ​ม่เ​ปลี่ยนน​ ้ำทพิ ย์อ​ ันศ​ กั ด์สิ ิทธ​ิ์ทคี่​ อยรดอ​ ย่เู ​สมอๆ​นะ ด้วย​
ความรสู้ ึกท​ ่ด​ี ี ความ​เอาใจใส่ หรือค​ วาม​ดี หรือค​ วาม​สุข​อย่าง​จรงิ ๆ​ พรอ้ มท่จี ะ​เป็นผ​ ใู้ ห้ มัน​จะ​
เป็นข​ องขวัญข​ อง​กนั แ​ ละ​กัน และ​กแ็​ บ่งปนั ค​ วามเ​ขา้ ใจ ถา้ ​เราเ​ขม้ แขง็ ​กวา่ คือ​เข้าใจ​ชวี ติ ​มากกวา่
และเ​ข้าใจท​ กุ ​ลักษณะ​ชวี ิต​ทกี​่ ำลัง​ประสบอ​ ยู่ และเ​รา​สามารถ​จดั การ​กบั ​ทกุ ขต์​ ัวน​ ี​้เป็น เรา​จะ​
ไม่โ​อดครวญ​กบั ​ตวั น​ ​ี้นะ​โยม ไม่โ​อดครวญก​ บั ค​ วาม​ไม่ค​ งทปี่​ รากฏ​นะ ยอมรบั ​ด้วยใจ​ที่​ตัง้ มนั่ ​
เปน็ กลาง แตเ่​วลา​ท​ใี่ ครเ​ขา​รบั มือไ​ม่ไหว เราพ​ ร้อมทจี่ ะ​ยน่ื มือเ​ขา้ ไป​แบง่ เบาภ​ าระ หรือ​แบง่ ปนั ​
ของขวญั แ​ หง่ แ​ สงสวา่ งแ​ ห่ง​ความ​เขา้ ใจ

29 ผาซ​ อน​แกว

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภา​โส

ถา้ ม​ ​ีคนๆ​ หน่งึ ​แบบนเ​้ี กดิ ขน้ึ ใ​น​บ้าน มันจ​ ะ​เป็นข​ องขวญั ​แหง่ ​บา้ น ถา้ ​คนค​ นน​ ้ี​เกดิ ขึ้น​ใน​
สงั คมก​ จ็​ ะ​เปน็ ​ของขวญั แ​ ห่ง​สงั คมน​ ้ัน ชมุ ชนน​ ัน้ โยมว​ า่ ​จรงิ ​ม้ัย แล้ว​ในบ​ ้าน​เราต​ อนน้ล​ี ะ ไม่ม​ ั้ย?
มม​ี ้ยั ? “ม”ี ใครล​ ่ะ? เราเ​อง​นะ อมื ..สุดยอด
หลวงพอ่ ​เคย​เหน็ ป​ ลาก​ รายๆ​อยเู่​หมือนกัน ทีแรก​นึกว​ า่ ​ทอดมนั ทแี่ ท้ป​ ลาก​ ราย​ดว้ ย ฮึๆ​
(เสียงห​ วั เราะ) คุยข​ ำๆ​ นดิ หน่อยน​ ะ คิดอ​ ยา่ ง​น​้ถี กู แ​ ล้ว​นะ อย่า​ไปร​ อ​ให้ค​ นอ​ ่นื เ​ป็นผ​ ใู้ ห้ แลว้ ก​็
รอคอย​ความส​ ุข​จากผ​ อู้ ืน่ ลกุ ข้ึนม​ าเ​ปน็ แ​ สงสวา่ ง ลุกขนึ้ ​มา​เป็น​แรงบันดาลใจ ลกุ ข้ึน​มา​ทำความ​
เข้าใจก​ บั ​ชีวิต อยาก​ใหล้​ ูกเ​ป็นค​ นดตี​ อ้ งท​ ำ​ตัวอย่าง​ใหเ้​ขา​เหน็ ว่า ความ​ด​ีมันเ​กิดขน้ึ ​ได้อ​ ยา่ งไร
ความเ​ขา้ ใจ​เกิด​จาก​อะไร ไมใ่ ช่อ​ ยากใ​ห้เ​ขาเ​ปน็ ค​ นดี แล้วม​ า​ทกุ ขใ์ จ​อยู่น​ ะ ควร​จะเ​ร่มิ ต้นจ​ าก​
ตวั เองน​ ะ เปน็ แ​ สงสว่าง​เปน็ แ​ รงบนั ดาลใจ หรือ​เป็นก​ ำลังใจ เปน็ ความ​เข้าใจ​ทฉ​่ี ายฉาน​ออก​
มาจากค​ วามเ​ข้า​ใจจริงๆ​ ซ่งึ ก​ ไ็​มไ่ ดย้​ ากอ​ ะไร ไม่ไดย้​ าก​อะไรเ​พราะวา่ ​อะไร หืม​! เพราะ​สามารถ​
สงั เกตได้ต​ ลอด​เวลาใ​น​ปจั จบุ นั ข​ อง​การท​ ำงาน​ของใ​จ ที่​มหี​ ลกั ฐาน​รองรับ เผลอ​คิดไ​มด่ ี​ปับ๊ ไ​มเ่ อา​
นะโ​ยม
โยม​จำ​คยี เ​์ วริ ด์ (Keyword) หวั ข้อ​หวั ใจ​ไวเ้​ลย​นะว​ ่า ความ​ทกุ ข์​หรอื ​ความ​เศรา้ ห​ มองใจ​
ไมไ่ ดม้​ ​ีอยู่ก​ ่อน เปน็ การ​ไดใ้​น​ส่งิ ​ทไี​่ ม่ค​ วร​ได้ ถา้ เ​กิด​ความ​เศรา้ หมอง​เกดิ ขึ้น และ​ให้จ​ ำไว้ว​ า่
เมอื่ ไรท่ี​เรา​เสยี ใจ เปน็ การ​เสยี ​ใน​สง่ิ ​ทไ​ี่ ม่ค​ วร​เสยี ใจ​ท​มี่ ​ีปกตม​ิ ​ีความส​ ขุ ​มอี​ ยู่ก​ ่อน ไ​ม่ค​ วร​จะ​ตอ้ ง​
สญู ​เสยี ไปเ​ลย เวลาไ​ปค​ ิดเ​ปรยี บเทยี บจ​ ำไวน้​ ะ จริงๆ​แล้ว​ความ​สขุ ​เน่ีย เปน็ ความ​สุข​ท​ีไ่ มม่ ​อี ะไร​
เปรยี บ เข้าใจใ​ช่ม​ ย้ั ​โยม เปน็ ​ผ้ใู หญ่เ​ข้าใจเ​นอะ ความ​สุข​ท่ี​ไม่มอ​ี ะไร​เปรยี บเ​ลย พวกเรา​เน่ีย​มี​ความ​
สุขท​ ไ่ี​ม่มอ​ี ะไร​เปรียบ​เลย แตเ่​มอ่ื ไร​ไป​เปรยี บเทยี บ​จะม​ ​ีความ​ทุกข์ ถ้า​ไมเ่​ปรยี บจ​ ะ​ไมม่ ี​ความ​ทุกข​์
หรอก​โยม จริงม​ ้ัย โยมล​ องคดิ ดใ​ู หด้​ ส​ี ิ
บางท​ีเราเ​ผลอ​ไปเ​ปรยี บเทียบ มันเ​ลยม​ ค​ี วามท​ กุ ข์ มัน​นา่ จะม​ คี​ วาม​สขุ ม​ ากกว่า​น้ีไ​ม่ไ​ป​
เปรียบกบั ​สิง่ อ​ น่ื ไป​เปรียบกบั อ​ ะไร​สกั อ​ ยา่ ง​หนึ่งน​ ะ ไป​เปรียบ​ว่า “ถ้า​ทำ​อย่างน​ ​้ีมันน​ ่าจะ​มค​ี วาม​
สขุ ​กว่าน​ ้​มี ย้ั ?” เนยี่ ..ไป​เปรยี บ​เอา ​มนั ​กเ​็ ลยส​ ญู เสยี ไ​อ้ค​ วามส​ ุขท​ ไ่ี​ม่มี​อะไร​เปรียบ​ไป​ซะ นึกออก​
ม้ัย! ถา้ ​ไม่ไ​ป​เปรียบกบั อ​ ะไร​ม​ีความส​ ขุ ​กวา่ ใช่ม​ ยั้ ? ไมเ่​ชอื่ ​โยม​ไป​ดกู ระจก​สิ สวย​ไมม่ ​ีอะไรเ​ปรียบ​
เลย เอา​บานเ​ลก็ ๆ​ หน่อยน​ ะ อยา่ ใ​ห้ค​ น​อืน่ ​เข้ามาอ​ ย่ใู ​น​กระจก​เรา​นะ ไปเ​ปรยี บกบั เ​ขา​นะ เห็น​
มย้ั ? อาจจะ​ไม่สบายใจ แต่ถ​ ้า​เราด​ ​แู ลว้ กย็​ อมรบั ​นะ
ผา​ซอ น​แกว 30

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ​ณ ศนู ยป์ ฏบิ ัตกิ าร การบินไทย สุวรรณภมู ิ วนั ที่ ๒๓ ​กันยายน ๒๕๕๒

คำ​ว่า ‘ยอมรบั ’ เนีย่ ไม่มีใคร​มาแ​ ทนทโี่​ยม​ได้ หรอื โ​ยม​ไป​แทนทใี่​คร​ไม่ได้ โยม​ว่า​จรงิ ​ม้ยั
จะ​ไป​ขอ​แลกค​ วาม​สขุ ​กบั ใ​คร ความท​ กุ ข​ก์ บั ​ใคร หรอื ​ถ้า​เรา​คดิ ว่า​เรา​มี​ความ​ทุกข์ แลว้ ​คดิ วา่ ค​ น​
อนื่ ​มี​ความ​สขุ ก​ ว่า โยมล​ อง​ไป​ขอแ​ ลกก​ บั ​เขาด​ ซู ิ หลวงพอ่ ​วา่ ​โยม​กไ​็ ม่อ​ ยาก​แลกห​ รอก โยม​กพ​็ อใจ​
กบั ​อัตภาพ​ท่​ีโยมไ​ด้รับจ​ ากส​ ่งิ แวดลอ้ ม จาก​คนร​ อบข้าง จาก​แมแ่​ บบน้ี จาก​พนี่ ้องแ​ บบนี้ จาก​
เพอื่ นแ​ บบน้ี จากก​ าร​มี​ลกู ​แบบนี้ จะไ​ป​ขอแ​ ลก​กบั ​คน​อน่ื ว​ ่า ฉนั ​ขอ​จะ​ไป​อยู่ก​ ับ​ครอบครัวน​ ้ี ไปข​ อ​
เปน็ แ​ ม่ข​ องค​ นๆ​นัน้ ​ไดม้​ ย้ั หรอื ​ไป​ขอเ​ป็น​ภรรยาข​ อง​คนๆ​นน้ั โดย​ท่​เี ราไ​ม่ร​ สู้ ึกน​ ะ​โยม มนั เ​ปน็ ไป​
ไม่ได้ห​ รอก เนย่ี ค​ วาม​สขุ ​ทไ​ี่ มม่ ี​อะไร​เปรียบ ถ้า​เรา​ยอมรับแ​ ลว้ ​เรา​เคารพใ​น​บทบาทส​ ง่ิ แวดลอ้ ม​
ทีเ่​กดิ ข้ึนท​ ำให้ไ​ด้ห​ ลอ่ หลอม​การเ​รียนรแู้ ​ บบนข​้ี ึ้น​มา ซ่ึง​พอเหมาะ​พอควร​แก่เ​หตุ​ปจั จยั อ​ ันน้ี ไม่ม​ี
เหต​ปุ ัจจยั ​อน่ื ​จะม​ า​แทนทเี่​หตปุ​ จั จัย​ตรงนไ้ี​ด้ ในแ​ ต่ละ​ขณะ ใน​แต่ละว​ นิ าท​ีของ​ปรากฏการณ์
โยม​วา่ ​จรงิ ไ​หม? จะเ​อาโ​ยม​ไปแ​ ทนที่ๆ​ ขั้วโลก​เหนือ เอา​คนข​ ้ัวโลก​เหนือ​มา​อย่ใู ​นก​ รงุ เทพฯ ได้​
มย้ั ? ไม่ได้ห​ รอกโ​ยม มนั พ​ อเหมาะ​พอควร​แก่เ​หตป​ุ ัจจัยใ​นแ​ ตล่ ะข​ ณะ จะ​เอาไปแ​ ทนที่ป​ ลาโลมา​
ได้ม​ ัย้ ปลา​พะยูน “ไมไ่ ด”้ ถ้า​มองแ​ บบนี​น้ ะ มันจ​ ะเ​กิด​ความ​พอ ความพ​ ึง​พอ ความรสู้ ึก​พอ และ​
ความเ​คารพอ​ ย่าง​ซาบซึง้ ต​ ่อ​ปรากฏการณ์ ทกี่​ ำลงั ​ถกั ทอ​โอบล้อม โอบกอดอ​ ยู่ร​ อบๆ​ ตัวเรา ใช้​
แตล่ ะ​ขณะอ​ ย่าง​การ​เป็น​ของขวัญด​ ้วย​รอยยม้ิ ด​ ้วยค​ วาม​เขา้ ใจ อยา่ ง​ตอ้ นรับ เพราะ​มันพ​ อเหมาะ​
พอดกี ับบ​ ทเรยี น​ของเ​หตปุ​ จั จัย​ใน​แตล่ ะ​ขณะ
หลวงพ่อ​พูดท​ ้ังหมดน​ ่ี เปน็ ธ​ รรมะ​กบั ช​ วี ิต​ประจำวัน​นะ เพ่อื ให้เ​รา​ต้อนรับข​ องขวญั ​รอบๆ​
ตวั ​ให้เ​ป็น และ​ทำตัว​เปน็ ​ของขวัญ ถา้ หากว่าเ​รา​เข้าใจ​แลว้ ว​ ่า จติ ​ทกุ ๆ​ ดวง​มธี​ รรมชาติ​ตอ้ งการ​
ความส​ ขุ ต้องการค​ วาม​ดี เรา​ลกุ ขนึ้ ม​ า​ตอบส​ ิ่งเ​หล่านั้น และ​เราจ​ ะ​ไดส้​ ่ิง​เหลา่ น้นั ต​ อบแทน มา​
โดยไ​ม่ต​ ้อง​ร้องขอ​หรือร​ อคอย เพราะวา่ ​ขณะท​ ท​่ี ำ​ไป​ก็​ม​ีความ​สุข​อยู่แ​ ลว้ เพราะว่า​อะไร กรรม​ม​ี
จริง​มย้ั เพราะวา่ เ​จตนา​ดก​ี ​ม็ ี​ความส​ ุข​แล้วโ​ยม ไม่ต​ อ้ ง​ไป​รอ​นะ หลวงพอ่ ​ว่า บางท​ีนะ​มัน​สูญเสยี ​
ตรงน​ไ้ี ป​นะ จรงิ ๆ​ เรา​ได้รบั โ​ชค หรอื ไ​ด้รับส​ ทิ ธแ​ิ ห่ง​ความ​สุขโ​ดยส​ มบูรณแ์ บบอ​ ยู่แ​ ล้ว​โยม เรา​
เนย่ี ! ท้ิงส​ ทิ ธข​ิ อง​เราไ​ป ดใู​ห้ด​ นี​ ะ
อย่างเ​ช่น เมือ่ เ​รา​มีเ​จตนา​ดี ทำด​ แี ล้ว​เรา​ก็ม​ คี​ วาม​สขุ แต่เ​รา​ทิง้ ส​ ทิ ธิ​น้​ีไป​ทำ​อะไร ไป​
รอคอย​เขาว​ า่ เม่ือไหรเ่​ขา​จะ​ชมเ​รา? เมือ่ ไหร่เ​ขา​จะ​ตอบแทนเ​รา? เมื่อไหร่เ​ขา​จะ​มส​ี ำนึก​ใน​
บุญคณุ อ​ ยา่ งน​ ้ี? เห็นม​ ย้ั โ​ยม? มนั ​ทง้ิ ส​ ิทธิ​ทไ​่ี ดร้ ับไ​ป ไป​หา​สทิ ธทิ​ ​ีไ่ ร้สาระ​อะไร​ก​็ไมร่ ้?ู นา่ เสียดาย
พระพทุ ธเจ้าจ​ งึ ​ตรสั ​วา่ เวลาใดท​ ี่ท​ ำดี ช่อื วา่ ฤ​ กษ์ดี ชอื่ ว่าม​ งคลด​ ี ช่อื วา่ เ​ช้าด​ ี อรณุ ​ดี ชอื่ ว่าม​ ​ี

31 ผา​ซอ นแ​ กว

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส

สทิ ธโิ ชค เหน็ ​มยั้ ​โยม? หลวงพอ่ เ​นน้ ​คำ​ว่า​สิทธโิ ชค สทิ ธิโชค​ทงั้ ห​ ลายแหล่จ​ ะ​หลั่งไหล​ตามกนั ​มา
คอื ​มสี​ ทิ ธิ​ในโ​ชคน​ ัน้ โ​ดยส​ มบรู ณ์ โดย​ไมม่ ีใคร​มาแ​ ยง่ ​ไป​ไดน้​ ั่นเองโ​ยม? ก็ค​ อื ท​ ำด​ แี ลว้ ก​็ต้อง​รสู้ ึก​
ด​ีสิ แต่เ​ราท​ ิง้ ​สิทธต​ิ ัวน​ ้​ีดว้ ยก​ าร​อะไร? (ไปร​ ้องขอ​สทิ ธิ​ทเ่ี​รา​ไม่ค​ วร​จะ​ไปร​ ้องขอ​เลย) เม่ือไหร่จ​ ะ​
ชมฉ​ นั ส​ ักที​นงึ ? เมอ่ื ไหร่จ​ ะ​มค​ี น​เยนิ ยอส​ รรเสรญิ ? เม่อื ไหร่จ​ ะ​ม​คี นร​ วู้ า่ ฉ​ นั ​เปน็ ​คนดี? ทำไม​ตอ้ ง​
รอ​ด้วย? ใน​เมอื่ ส​ ิทธ​ินีม้​ นั ​สมบูรณ​์อยใู่ ​น​ตัวม​ ัน​เอง​แล้ว​ใชม่​ ้ยั ​โยม? สิทธ​ทิ จ่ี ะ​ไดร้ บั ค​ วาม​สุข​จาก​
การ​ทำดี มันก​ ส็​ มบูรณ์​อยใู่​นต​ วั ​มันเ​องแ​ ลว้ ทีนเ​้ี รา​ก​็ทง้ิ ​ใน​สทิ ธ​อิ นั นี้ เสยี ​ใน​ส่ิง​ทไี่​มค่​ วรเ​สยี คือ​
ความส​ ขุ ​อันน้ี ไปแ​ สวงหา​สทิ ธิท​ ไ่ี​ม่มี​อยูจ่ ริง นกึ ออก​ม้ยั ? ไมจ่​ ำเป็น​ตอ้ งม​ ี​คนร​ ู้ ก​็ม​คี วาม​สุข​ใชม่​ ยั้ ​
หนูนอ้ ย? อ้าว...ใคร​มี​ปัญหา​ในก​ ารป​ ฏิบตั ิ? ใคร​ไมเ่ ขา้ ใจ​มมุ ​ไหน?
โยม : ม​ีม้ยั ​ครับ? ง้นั ​เดยี๋ ว​ผม​ขอค​ ุย​กับ​หลวงพ่อน​ ิด​นงึ ​นะค​ รบั หลวงพอ่ ​ครับ​พอด​ที ​่ี
หลวงพอ่ ​เทศน​ต์ อนต้น เขา้ ใจ​แลว้ ท​ ​่ีหลวงพอ่ ถ​ ามต​ อนต้น​ช่วั โมง​วา่ ความ​เสยี ใจค​ อื ​เข้าใจ​ว่า มนั ​
คอื ​เสยี ​จากค​ วาม​เปน็ ปกตข​ิ อง​ใจ​ใช่ม​ ย้ั ค​ รับ?
หลวงพอ่ : โยมก​ ​็คดิ ส​ ิว​ า่ ใจ​แปลว​ า่ ความ​เป็นกลาง ต้อง​เขา้ ใจ​ก่อน ใจ​คอื ค​ วาม​เปน็ กลาง
เราเ​สียค​ วาม​เปน็ กลาง เพราะ​เรา​ไปป​ รุงแต่ง​ความ​รา้ ยข​ นึ้ ม​ า ปรงุ แตง่ ​ความไ​ม่พอใจ เรา​กเ​็ ลย​
สญู เสียค​ วามป​ กต​ิท่ี​เป็นกลางไ​ป เรยี กวา่ ​เสียใจ ก็ค​ ือ​ใจ​ไป​เศร้าหมอง เสยี ​ความ​ปกติ ไปเ​อา​ความ​
โกรธ ไป​เอา​ความไ​ม่พอใจ​ใชม่​ ้ยั ข​ ้ึน​มา​อยา่ ง​น?ี้ ซึง่ ​ไมม่ ​ีอยู่ก​ ่อน ถ้า​เขา้ ใจ​นะ​วา่ ความ​ไมพ่ อใจ
ความโ​กรธ เกลยี ด​ทภ​ี่ าษา​ชาวบ้านช​ าวพุทธ​เรยี กวา่ “ก​ เิ ลส” เ​นีย่ ไมม่ ​ีอยกู่ ​ ่อน​โยม ไมม่ ​ีอยู่ก​ ่อน
มาทหี ลังจ​ าก​ความไ​มร่ ู้ จาก​ความ​ไมร่ ู้น​ ะ ไมใ่ ช่ค​ นไ​ม่รนู้​ ะ ไมใ่ ช่ค​ นโ​ง่ ความ​ไม่รู้ก​ ​็คือ​สภาวะ​หน่งึ ​
เหมือนกนั ไมใ่ ชม่​ ใี​คร​อยูใ่​นน​ ัน้ เ​หมอื นกนั ? ช่ือว่า​อวชิ ชา​คือค​ วาม​ไม่รู้
โยม : คอื ​ต้นเหตทุ​ ใ​ี่ น​ดวี ีดี (DVD) ตวั ​แรกเ​ลย​ที่เ​ป็น​อวิชชา ตัว​นนั้ ค​ อื ส​ ่งิ ​ทท่ี​ ำให้ม​ ัน​มว​ี งจร​
ทั้งหลายเ​กิดข้ึนม​ า อันน้นั ใ​ช่ม​ ัย้ ​ครับค​ อื อ​ วชิ ชา?
หลวงพ่อ : ความไ​มร่ ู้เ​นย่ี อวชิ ชาม​ ี​อยู่ ๘ ตัวน​ ะโ​ยม ถ้า​โยม​จะ​ม​ีตัว​รู้ โยม​ก​ต็ ้อง​รจู้ กั ​ว่า ตวั ​
ไม่รู้ม​ ันม​ ​หี น้าตาอ​ ย่าง​ไง​บ้าง? (ตวั ​ไม่รูม้​ ​อี ยู่ ๘ หนา้ ตา ต้องร​ จู้ กั ) เรยี กว่า​มนั ​โผล่มา จะไ​ด้ร​ จู้ กั ​วา่
อ้อ...ไอ้น​ หี น้าตาต​ วั น​ เ​ี้ รียกวา่ ​ตวั ​ไมร่ ู้ เรา​ไมร่ จู้ ัก เรา​นึก​ว่า เรา​ไม่รู้จกั ​อวิชชา​กแ็ ลว้ กัน พอตัว​ไม่รู้ ​
โผล่ข​ ้นึ ม​ า กน็​ กึ ​วา่ ไ​อต้​ ัว​น​้ีเป็นต​ วั ดี เป็นตวั ว​ เิ ศษ อย่า​วา่ แตต่​ อ้ นรับ​ขับ​สู้ พา​มัน​เข้า​มาสูห่​ ้องหับ​
ผาซ​ อ นแ​ กว 32

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ​ณ ศนู ย์ปฏิบัติการ การบนิ ไทย สวุ รรณภูมิ วันที่ ๒๓ ​กันยายน ๒๕๕๒

หวั ใจ ดแู ล​มันอ​ ยา่ ง​ดี ทีไ่ หนได้? กำลังต​ ้อนรับ​อวชิ ชา ให้อ​ วชิ ชา​เข้ามา​ครอบครอง​พนื้ ทีจ​่ ิตใจ เลย​
ต้อง​รู้จัก​มัน​บ้าง​กด็ เี​หมอื นกันเ​นาะ​อวชิ ชา ๘ ตัว
ตวั ​ท่ี ๑. เรียนก​ ันไ​หวม​ ย้ั ? พร้อมจ​ ะ​ฟังห​ รอื เปลา่ ? กลัว​วา่ ​เหนื่อย​เกนิ ​ม้ยั ? (ไม่เ​หน่อื ย​นะ) คอแหง้ ​
หรอื ยงั ? เดี๋ยว​หลวงพ่อด​ ม่ื ​นำ้ แ​ ทนใ​ห้ เพ่อื เ​ปน็ ​กำลงั ใจ​ให้พ​ วกเรา
โยม : พรอ้ มจ​ ะ​ฟัง​ต่อแ​ ลว้ ค​ รับ พรอ้ มแ​ ลว้ ​ครับ
หลวงพ่อ : คนส​ ่วนใหญน่​ ะ Concentrate (ตงั้ อกตัง้ ​ใจ) ไดไ้​ม่เ​กนิ ๔๕ นาท​ีหรอก สักพัก​
ก็จ​ ะเ​ร่ิมล​ า้ แ​ ลว้ เวลาล​ ้า​หลวงพอ่ ก​ ็​ต้องเ​ปลยี่ นเ​อาเร่อื ง​ขำๆ​ สบายๆ​ ใจ มา​เล่าแ​ บง่ ปนั บ​ า้ ง​นะ
เปลีย่ นบ​ รรยากาศก​ อ่ นจ​ ะ​ไป​คยุ อ​ วิชชา ๘ ตวั เปล่ียนบ​ รรยากาศ​ทพ​่ี วกเรา​สนใจ​กอ่ น เอาเร่ือง​
ตกหลุมร​ กั ​มย้ั ? เอา Fall in love นะ เดยี๋ ว​ดู​หนา้ ก​ ่อน อ้าว...หนู​คนน​ ี้​ออกมาร​ อ้ งเพลง I’ll al-
ways love you ของ ​วิทนยี ์​ฮส​ุ ตนั ด​ ว้ ย ​ประกอบ​ฉาก​หน่อย เพลง The Bodyguard เดี๋ยว​
ให้หาค​ น​รอ้ ง ร้องเพลง​นไี้​ดม้​ ย้ั ? รอ้ งเพลง​อะไรไดล้​ ะ่ ...? อา้ ว..มา​ฟังเ​รือ่ ง​ตกหลุม​รกั เรา​จะไ​ด้ใ​ช้​
ความ​รกั ​อย่างถ​ กู วิธี
ไอ้ก​ ารต​ กหลมุ ​รักน​ ่ี มนั ​มีอ​ งคป์ ระกอบป​ ระหลาด​นะ ม​ีอยู่ ๕ องคป์ ระกอบ​ ที่ทำงาน​
รว่ มกันอ​ ย่างข​ ัดแยง้ อ้าว...น่าจะ​กลมกลนื กลบั ข​ ดั แย้ง เนี่ย​เวลา​คนๆ​ นงึ ​ตกหลมุ ​รักเ​นีย่ มัน​
เหมอื น​ยาเสพตดิ ​ชนิดห​ นงึ่ มัน​ยง่ิ กวา่ ​การอพั ​(up)หรือ​การไ​ฮ(high)ดว้ ย​ยาเสพตดิ ​จาก​ภายนอก
คน​บางคน​เวลาส​ ูญเสยี ส​ ิ่งน​ ​้ีไป จ​ งึ ย​ อมฆ่าตัวตาย​ก็ย​ อม เหมอื น​คนต​ ดิ ยา คือ​ถา้ ​ไมไ่ ด้เ​สพยา​น้​ี
แลว้ อยไู่ ​มไ่ ด้แ​ ล้ว​ในโ​ลก ไปฆ​ า่ ตวั ตาย หรอื ​ต้องไ​ปอ​ อ้ นวอนใ​ห้อ​ กี ​ฝ่ายน​ งึ ​กลบั ​มา เพราะวา่ ​ถา้ ​
ไม่ได้เ​สพยา​นฉ้​ี นั ​ตาย​แน่ หรือ​ต้องไ​ป​ฆ่าอ​ ีกฝ​ า่ ย​หนึ่ง​ทิ้งใ​นนามของ​ความ​รักก​ ็ม​ น​ี ะ เพราะว่า​ถา้ ​
ไม่ใ​หค้​ วามส​ ขุ ฉ​ นั เธอ​สมควร​ตาย อยา่ ​ไปใ​ห้ค​ วาม​สขุ ​คน​อ่นื น​ ะ ตอ้ ง​ให้ฉ​ ันค​ นเ​ดยี ว​เท่าน้นั ดน​ู ะ​
วา่ ไ​อ้พ​ ิษ​ของ Fall in love หรือต​ กหลมุ ร​ ัก มัน​ประหลาดพ​ ิสดาร พวก​สรรพสัตว์​ไมม่ ​ีนะ​โยม มี​
มย้ั ? ผเี ส้อื ​ท่ีม​ นั ​ฆ่าตัวตาย ม​มี ยั้ ? เน่ยี ..มนุษย์​เนีย่ ม​ นั ​ไป​สรา้ ง​โลกใ​หม่ข​ ้นึ ​มา​หลากหลาย​ ท่​ีสตั ว์​
ไมส่​ ามารถจ​ ะ​สรา้ งไ​ด้ โลกข​ องส​ วรรคก์​ ็ดี โลก​ของ​นรก​ก็ดี โลกข​ อง​ภูตผปี ศี าจ​กด็ ี ม​ีผม​ี ย้ั ​โยม? ผ​ี
ของส​ ตั ว์ม​ ​ีมัย้ ? ผยี ุงม​ ​มี ยั้ ? (ไมม่ ​ีนะ) ไม่มี​ผียงุ ​มา​หลอก​เราใ​ช่ม​ ยั้ ? หรอื ว่า​เวลา​ง​ูไป​กนิ ​เขยี ด ถกู ​ผ​ี
เขยี ด​มาห​ ลอก แลว้ ​งวู​ ง่ิ ​แจ้น​เขา้ ป​ ่าม​ ​ีม้ยั ? หรอื ว่า​สิงโต​กนิ ​ควาย แล้ว​ถูก​ผี​ควายม​ า​หลอก สิงโต​ก็​

33 ผาซ​ อนแ​ กว

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส

ขวญั หน​ีดฝี ่อ กลัวผ​ ​ีควาย ไม่กล้า​กินค​ วาย​อีกต​ ่อไป (ไมม่ ​ีใช่ม​ ้ยั ​โยม?)
แต่ม​ นุษยป​์ ระหลาดม​ ย้ั ​โยม? มนั ​มา​สรา้ ง​ผไ​ี ดด้​ ้วย ฮึ! ผที ะเล​ยังม​ีเลย​ใช่ม​ ัย้ ? ร้จู กั ​ผที ะเล​
ม้ัยต​ รงนี้ รจู้ ักม​ ้ยั ? ไม่เคยเ​จอ​ผที ะเลเ​หรอ? เคย​ดูม​ ้ัย? ได้ด​ ูไทท​ านคิ ​มย้ั ? ไทท​ านิค​ได้ด​ ูม​ ั้ย​ตรงนี้?
ไท​ทานคิ ​นโ่ี​ยม มัน​เปน็ เรอ่ื งข​ องผ​ ีทะเล​นะ ส่วนแ​ ม่น​ าคพ​ ระโขนง​เนีย่ ​เป็นผ​ ​นี า ถ้า​โยมเ​ขา้ ใจ​เร่อื ง​
ขนั ธ์ ๕ นะ โยม​จะห​ าย​สงสัยเ​รอื่ งผี ผไี​ม่ไดม้​ ​ีมา​ก่อนใ​น​จักรวาล​นน​้ี ะ หลวงพอ่ ​บอกว่า พวก​ผ​ีแมลง
ผค​ี วาย ผอ​ี ะไรต​ า่ งๆ​ถงึ ไ​ม่มี มแ​ี ตพ่​ วกม​ นุษยท์​ มี่ า​สรา้ งผ​ ี​ขึน้ ​มาไ​ด้ เพราะว​ า่ ความ​เขา้ ไป​ยึดใ​น​
ขนั ธ์ ๕ เนี่ย มนั เ​ขม้ ขน้ ร​ นุ แรงก​ วา่ อยา่ งเ​ชน่ พวก​ควาย​เวลาท​ ม​่ี นั ​ข้าม​ลำ​ธารน้ำ​เพือ่ ทจ่ี ะ​ไปห​ า​
หญ้า​กนิ มฝ​ี ูง ม​ลี กู มเ​ี มยี ​ไป ถ้า​จระเขไ้​ปก​ ินล​ กู เ​มยี ​มัน มนั ก​ ​็เดินข​ ึ้นฝ่งั เดิน​ไปห​ า​หญา้ ​กนิ ​ต่อ มัน​
ไมเ่ คยเ​อา​ขาม​ าน​ ่งั ​เกย​เข่าห​ อ้ ย แล้วกน็​ ัง่ ​ร้องไหร้​ ำพึงรำพัน​ถึง​จระเข้ ไม่เคย หลวงพ่อ​ไม่เคยเ​หน็
ไอ้ค​ วามย​ ึดมนั่ ​กับ​ความ​ปรุงแตง่ เ​น่ยี มันไ​มค่ ่อยม​ ี​ความ​รุนแรง มนษุ ยใ์​ช้ข​ ันธ์ ๕ แล้ว​เขา้ ไป​ผูกพัน​
กบั ข​ ันธ์ ๕ ชือ่ อ​ ปุ าทาน​ขนั ธ์ ๕ ดผู​ ี​ใหด้​ ี​นะ เอา​ผีแ​ มน่​ าค​ก่อน ผที​ อ้ งนา​เดย๋ี วจ​ ะ​ไปส​ ู่ผ​ ที ะเล
ผีแ​ มน่​ าค​เห็น​มัย้ ? เพราะ​มีตาไ​ป​รบั ร​ ู้เรือ่ งพ​ ​มี่ าก ไป​รับ​รวู้ า่ ​พ่​มี าก​ใส่ร​ อ้ งเ​ท้า​ช้า​เพราะวา่ ​
อะไร? เพราะว่าอ​ ะไร​ถึง​ใส่ร​ ้อง​เทา้ ​ชา้ ​ใชไ้​ป​ซือ้ ก​ ๋วยเตีย๋ ว? พ​ี่มากข​ า กว่า​จะ​ใส่ร​ ้อง​เท้า​เสรจ็ ห​ ลาย​
คู่ แมน่​ าค​ก​็เลย​เสยี ใจ นอ้ ยใจ ทร​่ี ้องไหเ้​พราะ​เหตุ​นี้แหละ (หวั เราะ​) ไ​ปซ​ ้อื ​กว๋ ยเต๋ียว​ยัง​ไม่ก​ ลับม​ า​
อกี ใสร่ องเทา้ ​ก​็ยงั ไ​มเ่​สร็จซ​ กั กะท​ ​ีนึง (ดน​ี ะ..หนู​คน​นช​ี้ ่วย​เป็น​ลูกคู่แ​ ก้ง​ว่ ง) โยม​ดใ​ู ห้ด​ ีน​ ะ ม​ีลูกตา​
ไป​รบั รูเ้​รียกวา่ ​“วญิ ญาณ” เกดิ ค​ วามรู้สึก​เรียกวา่ “​เวทนา” เกิดค​ วามจ​ ำ​เรยี กว่า​“สญั ญา”
เกดิ ​ความคิดเ​รียกว่า​ “สงั ขาร” มรี​ า่ งกาย ๕ ตวั พอร​ า่ งกาย​ดับไ​ป แตกสลายไ​ป​ตาม​เหต​ุ
ปัจจยั ​ของก​ าล​เวลา แต่ต​ อนนน้ั ม​ ี​ความรู้สึก มคี​ วามรู้สกึ เ​จบ็ ปวด ตอน​ท่ีจะอ​ อกลูก มค​ี วามคิด
คิดถงึ พ​ ่ี​มาก ห่วงใย มเ​ี วทนา มค​ี วามรู้สึก ม​ีการร​ ับรู้ แลว้ กเ็​อาเร่อื งพ​ ​ีม่ ากม​ าจ​ ำ ม​ีสญั ญา พอ​
ตายป​ ป๊ั ​ ไอก้​ ระบวนการพ​ วก​นย้​ี งั ​ไมห่ ยุด​ทำงาน ทห​ี่ ลวงพอ่ ​บอกวา่ ​จติ ​มนั ​ทำงานด​ ้วย​ตัวเอง
หลังจากที​ร่ ปู ข​ ันธแ์​ ตกสลาย เพราะว่า​มนั ส​ ามารถ​ดึง​เอาห​ นว่ ยความจำ​มา​คดิ ใ​หม่ แลว้ ร​ ู้สกึ ​
ใหม่ไ​ดเ้​ห็น​มยั้ โ​ยม? แลว้ ก็เ​อาค​ วามจ​ ำเ​ร่ืองพม่ี ากม​ า​คิด กเ็​กดิ อ​ ารมณ์ท​ เ​่ี ศรา้ หมอง “เ​วทนา”
ความ​จำ​เรยี กว่า​“สญั ญา” ความคิดเ​รียกว่า “​สังขาร” และเ​กิด​“วิญญาณ​” แปล​วา่ ร​ ับรู้
เข้าไปร​ ับรู้อ​ ารมณน์​ ้ัน เกดิ ๔ ตวั ​นข​้ี ึน้ ​มา..โ​ยม ท​ ีท่ ำงาน​ดว้ ยต​ ัวเองไ​ด้ เห็นม​ ัย้ ? แต่เ​ราไ​มเ่ ข้าใจ
เรา​กเ็​รยี กส​ ่งิ น​ ้นั ​ว่าผ​ ี จริงๆ​คอื ​กระบวนการธ​ รรมชาตซิ​ ่งึ ​ไม่ Permanent ไมถ่ าวร ผแ​ี ม่น​ าค​
ถาวรม​ ยั้ ? ยงั มอ​ี ยู่ม​ ัย้ ? หมอผปี​ ลุกไ​ดม้​ ย้ั ? (ไม่ได)้ ใคร​ปลกุ ​ได?้ (ผ้กู ำกบั ​ภาพยนตร์​เท่าน้นั ) โยม​
ผาซ​ อ นแ​ กว 34

พระอาจารย​อำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ณ​ ศูนย์ปฏบิ ัติการ การบนิ ไทย สุวรรณภมู ิ วันที่ ๒๓ ก​นั ยายน ๒๕๕๒

เห็นภาพ​มั้ย ? เนี่ย​คือผ​ ​ีนา
อา้ ว...มา​ดผ​ู ที ะเล​ตอ่ กรณข​ี อง​คณุ โ​รสก​ บั ​คุณ​แจค๊ ใ​น​เรือไท​ทานคิ ​ เห็น​มั้ย? ดสู​ ​ิคุณ​โรส​
ตอนท่​ีเขา​เลา่ เ​รอ่ื งไทท​ านคิ ใ​ช่ส​ ัญญาข​ ันธม​์ ั้ยค​ วาม​จำ? ใช่เ​วทนา​มย้ั ม​ ​คี วาม​สขุ ​ตอนทเ่​ี ต้นรำ? ใช่​
ม้ยั ​นึกถึงเ​วทนา? แล้วเ​อามา​คดิ ​เรียกวา่ ส​ งั ขาร คิดถึง​ไหน? (คิดถงึ ​เรือไทท​ านคิ ท​ ​่ลี ่มไ​ป) เห็น​
มย้ั ​ วญิ ญาณก​ ารร​ ับรู้ ๔ ตัวน​ ะโ​ยม? แลว้ ​เขา​กต็​ ดั ​ภาพ​แชป ไ​ป เหน็ ม​ ั้ย? ตัด​ภาพ​ตอนที่​คณุ โ​รส​
ตาย แลว้ ก​เ็ ขา้ ไปแ​ พ​ลนภ​ าพ​ไปท​ ​ี่เรอื ไท​ทานคิ ​เห็น​ฟลอรเ์​ต้นรำ​ในเ​รอื ใ​ช่ม​ ้ยั ? เนยี่ ​คอื ส​ ญั ญา​ขนั ธ์
เวทนาข​ นั ธ์ สงั ขารข​ นั ธ​ค์ ือค​ วามคดิ และว​ ิญญาณ​เรยี กว่า​ผีทะเล แลว้ ​พวกเรา​จะเ​ป็น​ผอี​ ะไร? (ผี​
อากาศ) หายส​ งสัยม​ ย้ั ? ถา้ ​พวกเราด​ ู​ตวั เอง​ทุกวนั ​เรา​จะ​หาย​สงสัย หาย​สงสยั ​ว่า​ตายแ​ ลว้ จะ​ไป​
เป็นอ​ ะไร? เพราะ​เหตอ​ุ ะไร? ถ้าเ​หตนุ มี​้ ี ผล​นั้น​มี เรา​จำ​เรือ่ ง​อะไร​ไว้ล​ ่ะ? ถ้าอ​ ะไร​ทเี่​ศรา้ หมอง?
ลบล้างอ​ อกไป​นะ​โยม อยา่ ไ​ปส​ นใจ อยา่ ไ​ป​คดิ ถึงม​ นั อย่าไ​ป​เอามา​พูด ไม่ง้นั ​เดีย๋ วจ​ ะก​ ลาย​เป็น​
ผี​สบั สนน​ ะ แตถ่​ ้า​ฉลาดโ​ยม​เหน็ ม​ ้ัย? ถ้า​ยงั ​ต้องเ​ดนิ ท​ างใน​สังสารวฏั แตถ่​ ้าฉ​ ลาดก​ ว่าน​ ้นั ​กค็​ ือ
เหน็ ว่า​น่ี​เปน็ ​แคก่​ ระบวนการข​ ันธ์ ๕ “วาง” ไมย่​ ดึ ถือข​ นั ธ์ ๕ กระบวนการไ​ม่ย​ ึดถอื ข​ นั ธ์ ๕
เรียกว่าไ​ป “นพิ พาน”
นิพพานค​ ือก​ ารว​ าง​ความคดิ ​ปรุงแตง่ ​เหล่าน้ี บุคคลท​ ่​ปี รงุ แต่งฝ​ า่ ย​ดช​ี ื่อวา่ “ป​ ุญญาภิ​
สังขาร” จำเ​รื่องท​ ี่​ด​ีเอามาค​ ิด รู้สึก​ดมี ั้ย? (ดโ​ี ยม) ยิง่ ​ถ้าไ​ม่ม​ีรา่ งกายด​ ้วย​นะ รา่ งกาย​มัน​ตอ้ ง​
มาเ​มื่อย มาป​ วด มา​มนึ มาช​ า เมือ่ ร​ ่างกายน​ ​ไี้ ม่มี​ดว้ ย เอาค​ วาม​จำท​ ด​่ี ี เอาค​ วามคดิ ท​ ด​ี่ ม​ี า ไอ้​
ความส​ ขุ เ​วทนา​จะ​เรอื งรองกวา ห​ ลายเท่า เพราะม​ ัน​ไม่ถ​ ูก​บดบังด​ ้วย​ทุก​เวทนา​จากร​ ่างกาย ก​็
เลยเ​กดิ ​ส่ิงมชี ีวิตแ​ บบ​หนึ่ง​ขนึ้ ใ​น​จกั รวาล​เรยี กวา่ ​“เทวดา” ซงึ่ เ​อาค​ วามจ​ ำท​ ดี่​ มี​ า​คดิ เ​นย่ี โยม​
คิดส​ ิว​ ่า คนท​ ่​ีทำความด​ีในโ​ลกน​ ี้​มปี​ ริมาณค​ วาม​ด​ีทีก่​ ระทำล​ ง​ไปเ​ทา่ กนั ม​ ัย้ ? (ไม่เ​ท่า) บางคน​
เสียสละม​ าก บางคน​เสียสละ​น้อย บางคนเ​สียสละเ​ยอะ แลว้ กม​็ ี​ความส​ ขุ ม​ ากกว่า กับอ​ ีก​
แบบห​ น่งึ ​บางคนทมุ เ​ทอ​ ยา่ งน​ มี​้ ี​ความส​ ขุ ​มากกวา่ โยม​เห็น​มัย้ ? มัน​ก​็เลยม​ ​ีสวรรคห์​ ลายแบบ
หลายชัน้ ​ขึ้นม​ า ตาม​อณุ หภมู ิค​ วาม​สขุ ​เหน็ ​มั้ย? แต่ไ​มไ ด้ม​ ตี​ ัวตน​นะ เทวดาไ​มไ่ ด้ม​ ีต​ วั ตน
เหตุน้มี​ ี ผลน​ ​้ีจงึ ม​ ี แตถ่​ ้า​ไม่เอา กค​็ ือ​วาง กค​็ อื ไ​ป​พระนพิ พาน
ส่วนน​ รก​ล่ะ? ก​็คอื ​เอา​ความ​จำ​เร่ือง​ทไ่​ี ม่ดี​มา​คิดช​ ือ่ วา่ “​อปุญญาภ​ิสงั ขาร” ที​่สร้างขึ้น​มา​
ในฝ​ า่ ยไ​มด่ ี ท่​ีเศรา้ หมอง​ข้นึ ม​ า เหน็ ภาพห​ รือยงั ? ที่น​ี้กด​็ ​พู วกเรา​สิ เราจ​ ะ​ไปเ​ปน็ ผ​ แี​ บบไหน? จะ​

35 ผา​ซอนแ​ กว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภาโ​ส

ไป​เปน็ ​ผส​ี บั สน หรือจ​ ะ​ไป​เป็น​นางฟา้ เทวดา หรอื จ​ ะ​ไปพ​ ระนิพพาน จะ​ไป​เปน็ พ​ รหม ถา้ หากว่า​
เรา​สนใจแ​ บบน้ี ได้แ​ ตข่​ ่มๆ​ใจ​ไว้ ใหม้​ นั ​สงบนง่ิ อ​ ยา่ ง​น้ี พอ​ตายไ​ป​ภาวะ​แบบน​้ีก็​ตก​คา้ งอยู่ด​ ี​แหละ​
โยม มัน​เปน็ การป​ รุงแตง่ ​ของก​ าร​กดข​ ม่ ​เอา​ไว้ กเ​็ ลย​เกิด​พรหม​ข้นึ ​ในจ​ กั รวาล​น้ี ไมม่ ​ีมา​ก่อน สิง่ ​
เหลา่ นไ้​ี มไ่ ดม้​ ​ีมาก​ อ่ นท​ งั้ สนิ้ รวมถึงเ​ทวดา​ใน​แต่ละ​ช้นั หรือว่า​แต่ละ​ภูมภิ าค แต่ละ​ประเทศ
แต่ละ​ศาสนาเ​ลย​ไม่เ​หมือนกัน​เหน็ ​มั้ย? นางฟ้า​เทวดาข​ อง​ไทยเ​หมอื นกับข​ อง​ฝรงั่ ​มัย้ ? เหมอื นกัน​
มั้ย​สวรรคโ์​ยม? (ไม่เ​หมอื น) เหน็ ม​ ้ยั ? เพราะอะไร? ถา้ ​โยมเ​ขา้ ใจ​เรอ่ื งข​ อง​ขันธ์ ๕ ก็​คือ​การ​หอบหว้ิ ​
เอาส​ ัญญาข​ นั ธไ​์ ปไ​ง​โยม เขา​หอบห้ิวเ​อา​ความ​จำ​แบบ​นึงไ​ป​จริง​มั้ย? มี​ใครไ​ป​จำแ​ ทน​เขา​ได้ม​ ยั้ ?
เราจ​ ะ​จำ​แทนเ​ขา​ไดม้​ ้ัย? รู้สึก​แทนไ​ด้ม​ ั้ย? (ไมไ่ ด้เ​ดด็ ขาด​โยม) ถา้ โ​ยม​ไมม่ ี​สงิ่ ​นน้ั ไมไ่ ด้ท​ ำส​ ่งิ น​ ัน้
ไม่ส​ ามารถจ​ ะ​เอามา​จำได้
อยา่ ง​เช่น ถ้า​เราไ​ม่เคยฆ​ า่ ค​ น​เนย่ี เรา​จะ​เอาค​ วาม​จำเ​รอ่ื ง​ฆา่ ​คน แลว้ ก็​มคี​ วาม​เจบ็ ปวด​
จากก​ าร​ฆ่าค​ น​มาค​ ิดไดม้​ ยั้ ? (เป็นไป​ไมไ่ ดโ้​ยม..มันจ​ ะ​มไ​ี ป​ได้อ​ ย่างไ​ง?) แต่ถ​ ้า​อกี ​คน​นงึ ​เคยท​ ำ​
อยา่ ง​นี้​เปน็ ตน้ ​นะ อาจจะ​เผลอเ​อา​ความ​จำ​นน้ั ​มา แต่ถ​ า้ ​เขา​ฉลาด​กว่า​นน้ั เขา​ก​อ็ าจจะต​ ้องม​ ​ี
กำลงั ม​ ากกว่า ท่ีจะไ​ม่ถ​ ลำเขา้ ไป​ใน​ความคิดใ​นอดตี ท​ ผ​่ี ิด​พลาดไป หรือ​อาศยั ​ความคดิ ​ตัวใหม่
หรือ​ความรสู้ กึ ต​ ัวใหม่​ ท​เ่ี ปน็ ป​ จั จุบนั เ​สวย​อารมณ์​แทน​โดย​ไมเ่​ผลอ ไม่เ​ผลอถ​ ลำ​ไป​คว้าอ​ ดีต​
เร่ือง​ที​่เศร้าหมอง เปรียบเทียบเ​หมอื น​องคลุ มี​ าล​ท่ี​ฆ่า​คน​มาเ​ป็น​พันๆ ค​ น นกึ ออก​ม้ยั ​ทำไม​เขา​
ไมต่​ กนรก? (ก​เ็ พราะเ​ขา​ฉลาด เขาเ​ขา้ ใจ เขา​ก​็ไมถ่​ ลำ​ไปค​ ิดเ​ร่ือง​อดตี ส​ ิ) ให้ม​ ัน​เศรา้ หมอง​ไป​ทำ​
อะไร? ตอนนนั้ ไ​ม่รู้ ถกู อ​ าจารย​์อกี ​คน​หนงึ่ ส​ อน​มา​ว่า ให้ไ​ป​ฆา่ ​คน จะ​ได้ช​ ว่ ยเหลอื ​คนใ​ห้พ​ น้ ทกุ ข์
เปน็ ไปไดม้​ ้ยั ? เนี่ยเ​หน็ พ​ วกเ​น่ีย​ตาดำๆ ​ทุกข์ทรมานท​ ำงาน​กันล​ ำบาก อยาก​ให้เ​ขา​พ้นทกุ ข์ เลย​
ฆา่ ส​ ักพ​ นั ​คน เราจ​ ะ​ได้ๆ​บุญเ​ยอะๆ​ดมี​ ้ัย? ไม่ดี​เหรอ? ไม่เ​มตตา​สงสารพ​ วก​น​้ีบา้ ง​เลยเ​หรอ? ทุกข์​
จะ​ตายน​ ะเ​นี่ย (หัวเราะ)
เนย่ี ​เขา​ถูก​สอนม​ า​ผดิ เขาก​ ท​็ ำผดิ พอเ​ขา​เขา้ ใจ​เขา​ก็​ไมท่​ ำ​อย่าง​นน้ั ​แล้ว​เขา​ก็​ไมก่​ ลบั ไ​ป​
คิด​เรอื่ ง​แบบนัน้ อ​ ีกแล้วเ​หน็ ม​ ้ยั เขาม​ ี​จิตใจ​ทเ​่ี ขม้ แขง็ ​อย่กู ​ บั ​ปัจจบุ นั ก็​เสวย​อารมณข์​ อง​ความ​สขุ ​
น่ี ได้เ​ป็น​พระอรหนั ตด​์ ว้ ย ถึงฆ​ า่ ​คนม​ า​ตง้ั เ​ป็น​พนั ​คน
พระพุทธเจ้า​ถึง​ตรัส​ว่า​คำ​สอน​ของ​ท่าน​ถ้า​ไม่ส​ ามารถ​ช่วย​คน​ให้พ​ ้นทุกข์​ใน​ปัจจุบัน​ได้​
คำส​ อน​นน้ั ​จะ​ไมม่ ​ีประโยชน์ นี่​กรณศี กึ ษาน​ ะ​ จะเ​หน็ ​แล้วจะ​เขา้ ใจ ง้นั ​การ​ทเี​่ ป็นเ​ทวดา​ของ​ฝรงั่
ผาซ​ อ นแ​ กว 36

พระอาจารยอ​ ำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ​ณ ศูนย์ปฏบิ ตั กิ าร การบินไทย สวุ รรณภูมิ วันท่ี ๒๓ ก​ันยายน ๒๕๕๒

ของ​ไทย ของ​จนี ของแ​ ขก ของเ​กาหลี ไมเ่​หมือนกัน​เพราะ​เหตวุ ่า​หอบหิ้ว​เอาส​ ญั ญา​ขันธท​์ ไ่​ี ม่​
เหมอื นกัน​ไป​ตา่ งหาก เขาเ​หน็ ภาพข​ อง​อาคาร​แบบเ​รอเนซ​ องส์​ (Renaissance) อาคารแ​ บบ​
โกธคิ ​(Gothic) อาคาร​แบบบาร​ อ็ ก (Baroque) อะไร​ของ​เขา ใชไ่ หม​โยม เขา​ก​็เลย​หอบหิว้ ​เอา​
สัญญาแ​ บบนัน้ ​ไป​วา่ ม​ นั ​สวย หรอื พ​ อใจ​กบั ​ชดุ แ​ บบ​เจ้าสาว ชดุ ​ขาว​บานสะพรั่ง​อะไรอ​ ยา่ ง​น้ี ของ​
เรา​ก็​ชอบ​ชุดไ​ทย​ชอบอ​ ะไร​แหลมๆ​ทองๆ​วับๆ​แว้บ​ๆ​อยา่ ง​นี้ ชอบ​สายสะพาย
เคยเ​ห็นเ​ขา​ประกวดน​ างสาวไทย​กนั เหน็ ภาพ​มย้ั งัน้ ​สวรรคข์​ องไ​ทย ของจ​ นี ของ​ฝรัง่
ของแ​ ขก​ เลยไ​ม่เ​หมอื นกันด​ ้วยเ​หตุน้ี ไมไ่ ดม้​ ​ีตัวตนน​ ะ ​มนั ​แคก่​ ระบวนการข​ อง​ขันธ์ ๕ ที่​ยัง​
ทำงาน​สืบทอดต​ ่อ​โดย​การไ​ม่ต​ ้องใ​ชร้​ ปู ​แลว้ เหมอื น​ความฝ​ นั น​ ่ะ เวลา​โยมฝ​ นั โยม​กไ็​ม่ต​ ้อง​
ใช้ต​ าเ​หน็ ​รูป​แล้ว เอา​ความจ​ ำ​นีแ่ หละม​ าป​ ะติดปะตอ่ ม​ าส​ ะเปะสะปะ​ด้วยพ​ ลังงาน​กระแสไฟฟา้
แล้วกเ็​หน็ ภาพน​ ั้น ได้ยนิ เ​สียงน​ ้ัน​ขึน้ ม​ า เหมือนกนั อยา่ ง​น้​ีจะ​หายส​ งสัย​รวมถึง​การ​ปฏิบตั ดิ​ ว้ ย
การ​ปฏิบตั ​ิในป​ ลายทาง ก​ ็จ​ ะ​ไปว​ างไ​อ้ค​ วามฝ​ ันเ​นย่ี คอื ​ “สังขาร​นมิ ิต” คอื ​จติ ไ​ป​คิดข​ น้ึ ​มา​เปน็ ​
เนอื้ เร่อื งไ​มใ่ ช่ข​ องจรงิ ถ้าว​ าง​สังขารน​ มิ ติ ​ กจ็​ ะ​ไป​เห็นพ​ ระนิพพาน ซึง่ ​ไมม่ ี​นิมิต​ชอ่ื ว่า “อนมิ ติ ต​
วโิ มกข์” หรอื ไ​ม่ม​ีการ​ปรุงแตง่ ​ชือ่ วา่ “ว​สิ ังขาร” แล้ว​โยม ท้ังหมด​เปน็ ส​ ูตรข​ อง​ธรรมชาติ
ไมไ่ ดม้​ อ​ี ะไรน​ อกเหนือจ​ ากธ​ รรมชาติ แลว้ กไ็​ม่ไดม้​ อี​ ะไรท​ ถ่ี​ ูก​โมเมช​ ่นั ​ขึ้นม​ า​วา่ ​มี​ผสู้ รา้ งม​ ี​ผู้ ​
ดลบันดาล ไมม่ ี โยม ไม่มใี คร​อยใู่​น​นน้ั ต​ ่างหาก น่​ีคอื ​ความ​เปน็ จรงิ อา้ ว..ผา่ นไ​ป​แล้ว ไปผ​ ี​นา
ไป​ผีทะเล ท่วี ่า​จะ​เทศนเ​์ รอ่ื ง​ความ​รัก พอเ​ห็นภาพ​ไหม​ระหว่าง​ความ​รกั ​ของ​แม่น​ าค​กบั ​คณุ แ​ จค๊ ​
คุณ​โรส หรือพ​ วกเรา​ทต​ี่ กหลมุ ​รัก ถ้าใ​ช้ไ​ม่เ​ปน็ น​ ะ เ​ดยี๋ วก​ ต็​ อ้ งไ​ป​วนเวยี น​อยอู่ ​ ยา่ ง​น้นั เ​ป็นผ​ ผ​ี ูกพัน
ผีส​ ับสน แต่จ​ ริงๆ ใชใ้​ห้ถ​ กู วิธี​นะก​ ใ็​ชไ้ ด้ แถมเ​รือ่ ง​ความ​รกั ​หนอ่ ย​แลว้ กนั ​ไหนๆ​ พดู เ​กริน่ ​ไปแ​ ลว้
มอ​ี งค์ประกอบ​อยู่ ๕ อย่าง เคย​ตกหลุมร​ ักไ​หม​หนนู ้อย​ข้างหนา้ ...เคย ตก​มา​กีร่​ อบ เดย๋ี วก่อน..
ปีนขนึ้ ม​ าร​ ย​ึ งั ต​ อนนี้ ปีนข้ึนม​ าแล้ว​นะ ไมใ่ ชอ่​ ยกู่​ ้น​หลมุ ​นะ ตกม​ าก​ ​่ีรอบ.. ๓ รอบ โอ้โ​ห หนูค​ นน​ ้​ี
อาจจะห​ ลายร​ อบก​ วา่
โยม : ตอนน้ีต​ กหลมุ ร​ กั ต​ วั เอง​ค่ะ
หลวงพ่อ : ออ๋ ...รักต​ ัวเองอ​ ยู่ คนเ​น่ยี ...พวกเรา​ต้องระวังน​ ะ การ​เดิน​ทางในส​ งั สารวฏั ​
มาถึงช​ ่วงอาย​ุประมาณ​นี้ การ​เดินท​ างใน​สงั สารวัฏ​บางคนก​ ็​ตอ้ งการ​แรงบนั ดาลใจ ตอ้ งการ​
แสงสว่างน​ ำทาง ตอ้ งการเ​พื่อนร​ ่วม​เดนิ ทาง บางที​ควา้ ​ไมเ่​ปน็ มนั ​กลบั ​ไป​สร้าง​หลุมดำห​ รอื ​หลุม​

37 ผาซ​ อ น​แกว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภา​โส

อ่นื ข​ นึ้ ม​ าแ​ ทน พระพุทธเจ้า​ทา่ น​สอนไ​ว้น​ ะ วิธีเลอื ก​เพอื่ น​ร่วม​เดินทางอ​ ยา่ งถ​ กู วธิ ี เลอื ก​คนท​ ี่​
มีเหตุมีผลเ​สมอกนั ถ้าเ​ขาม​ ี​เหตุผล ถ้าเ​ขา​เชอื่ ใ​น​ผล​ของ​กรรม เขา​จะ​ไมก่ ล้า​ทำชว่ั ไม่วา่ ​เขา​อยู่ ​
ลบั หลงั เ​ราเ​ขาก​ ​็ไมก่ ลา้ ​ทำ เรา​ไม่ต​ อ้ งไ​ป​ห่วงห​ รอก​วา่ ​เขา​หายไป ๗ วนั เขา​จะ​ไป​ทำช่ัว​เพราะ​เขา​
กลัว เขา​กลัว​ผลข​ อง​ความช​ ัว่ ท​ ี่ท​ ำล​ งไ​ป เพราะ​เขา​จะต​ อ้ ง​มาจ​ ำเ​ร่อื งท​ ​ไ่ี มด่ ี แล้ว​ต้อง​มาร​ ู้สกึ ​ที่ไ​ม่ดี
นา่ สงสาร ไม่ใชว่​ า่ เ​ขา​ช่ัว เขาอ​ ่อนแอ แลว้ เ​ขา​ทนต​ ่อ​อำนาจ​ฝ่ายต​ ่ำไ​ม่ไหว แต่ถ​ า้ เ​ราเ​ลอื กค​ นถ​ ูก​
ตั้งแตท่​ ีแรก ว่า​ถ้าเ​ขา​มี​ความ​เช่ืออ​ ย่าง​ม​เี หตผุ ลแ​ บบนี​้วา่ ​มศี​ รทั ธา​เสมอกนั
“ศรัทธา”​ แปลว​ ่า ความเ​ชอ่ื อ​ ยา่ ง​มี​เหตผุ ลก​ ำจดั ค​ วาม​งมงาย ถา้ ​เขา​ไม่เ​ป็น​คนง​มงาย​
เขาเ​ปน็ ​คน​มเี​หตุผล เขาจ​ ะ​ไมก่ ลา้ ​ทำชว่ั ​เพราะ​เขา​จะ​ต้อง​มี​หริ ิโอตตัปปะ กลัว..กลัว​ผลข​ อง​ความ​
ช่ัว ละอาย ถ้า​ทำ​ไปแ​ ล้วจะ​ตอ้ งร​ บั ผ​ ล​เอง ถงึ ไ​ม่มใี คร​เห็น จรงิ ​ไหม​โยม ถึง​ไม่มใี คร​เห็น​ทำ​ไมด่ ี​ก็​
ต้องร​ ้สู กึ ไมด่ ี เม่อื ท​ ำความ​จำ​ไมด่ ี​เอา​ไวไ้​ม่คุม้ คา่ ก​ นั ทำ​ไม่ด​ีไปแ​ ค่ ๕ นาที ตอ้ ง​จำ​ไป​ทง้ั ชาติ ใคร​
อยากล​ งทนุ แ​ บบน้​บี ้าง ไม่ค​ ุม้ กันใ​ชไ่ หม​โยม หรือถ​ ้า​เกิดพ​ ลาดไป​ตอน​ตายด​ ัน​ไปค​ วา้ ​เอาค​ วาม​จำ​
ไมด่ ท​ี ​ี่ทำ​ไป ๕ นาทมี​ า​คิด ไปต​ กนรกเ​ป็นห​ มื่น​ปค​ี ุ้มคา่ ​ไหม การ​ลงทุน ไมค่ ้มุ เ​หน็ ​ไหม ดังน้นั ​การ​
ลงทุนม​ ​ีความเ​ส่ยี ง​ควรพ​ ิจารณา​ทกุ ครั้งก​ ่อน​การล​ งทนุ ​นะ เน่ีย​ถ้าเ​ราเ​ลอื กค​ นท​ ถ​ี่ กู ​โยมเ​หน็ ​ไหม
เนี่ยม​ นั จ​ ะ​เป็น​แสงสว่าง​เป็นเพอื่ นร​ ่วม​เดินทาง​อยา่ งถ​ ูกวธิ ี
ขอ้ ท​ ่ี ๑ เลือก​คนท​ ​่ีมีเหตุมผี ล​ม​ศี รัทธา​เสมอกนั แล้ว​ถาม​ตัวเรา​กอ่ นป​ จั จบุ ันเ​รา​เป็น​
คน​มเี หตมุ ผี ลอ​ ย่าง​ถกู วิธ​ดี ว้ ยไ​หม เรา​มี​ความ​ละอายใจ​ด้วยร​ ึเปล่า​โยม ก่อน​อยากจะ​ได้ส​ ง่ิ ​
แบบนัน้ เราล​ ่ะ​มคี​ ณุ สมบตั ​ิเพียงพอไ​หม เรา​อยากได้ด​ อกไมท้​ องคำม​ า​วาง​บน​ชวี ติ ​เรา แต่ต​ ัวเรา​
เป็นภ​ าชนะพ​ านท​ องคำ ​หรอื ​เรา​เป็นแ​ คจ่​ าน​สังกะสี​สำหรับ​ใสอ่​ าหาร​สุนขั ​ นึกออก​ไหม เรา​
ต้องป​ ระมาณต​ วั เราก​ อ่ น ใ​ช่ไหม ถา้ ​ตัวเรา​ทำ​ตัวเรา​มี​คุณค่า​เปน็ ภ​ าชนะ​ทง​ี่ ดงาม หลวงพอ่ ​กล้า​
รบั ประกัน​นะ ไ​ม่มีใคร​กลา้ ​เอา​อาหาร​สุนัขม​ าใ​ส่ในพ​ าน​ทองคำแ​ นน่ อน ใชไ่ หม​โยม บางท​เี รา​
ฝนั ใฝ่​อยากไดแ้​ ตส่​ ่งิ ​ทีด​่ ี​ แตต่​ ัวเรา​ไมเ่​ตรยี ม​พรอ้ มท่ีจะเ​ปน็ ภ​ าชนะ​ทจ่ี ะ​รองรับ​สิ่ง​ท​่ีดี งัน้ ​การ​ม​ี
ศรัทธาเ​สมอกนั ​เริม่ ต้นจ​ าก​ตัวเองม​ เี หตมุ ีผล​ขึน้ ม​ าก​ อ่ น แตถ่​ า้ ​เราเ​ปน็ ค​ น​งมงาย​ไขวค่ ว้า​แตเ่​รื่อง​ที​่
ไรส้ าระ​อยา่ ​หวงั ว​ า่ ​จะ​ไปเ​จอส​ ง่ิ ​ทด่ี​ ีงาม​ไปไ​ดอ้​ ยา่ งไร​เนอะ เรม่ิ ตน้ ใ​ห้ถ​ ูกวธิ ี​จาก​ตัวตน จาก​ความ​
ประพฤตข​ิ อง​ตัวเอง
ข้อ​ท่ี ๒ เลือกค​ นท​ ม​ี่ ​คี วาม​ประพฤติเ​สมอกนั เราไ​ม่โ​กหก​เขา​ก็​ไม่โ​กหก แต่ถ​ า้ ​เรา​
ผาซ​ อ นแ​ กว 38

พระอาจารยอ​ ำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ​ณ ศูนยป์ ฏบิ ัตกิ าร การบินไทย สวุ รรณภมู ิ วันที่ ๒๓ ก​นั ยายน ๒๕๕๒

โกหกแ​ ล้ว​เราอ​ ยากไดค้​ นไ​ม่โ​กหก​มัน​กไ​็ มค่ อ่ ยจ​ ะย​ ุตธิ รรม​นะ ถึง​เรมิ่ ต้น​จากต​ ัวเอง​นะ การม​ ี​ศีล​
เสมอกัน เราไ​ม่เ​บียดเบียนส​ ตั ว์ เราจ​ ะ​เจอ​คนป​ ระเภท​เดียวกนั ถา้ ​เราส​ ามารถ​คกุ เขา่ ​ตอ่ ส​ ุนขั ​
ข้างทาง คนท​ ีห่​ วิ โหยไ​ด้​ เราก​ ​็คงไ​ดค้​ น​ทเ่ี​ขา​ดูแลเ​รา​อยา่ งด​ ีเ​หมอื นกัน ถ้า​เรา​เหน็ ​ผู้ชายค​ นห​ นง่ึ ​ท่​ี
สามารถค​ กุ เข่า​ใหก้​ ับ​ลูกหมาจ​ รจัด​ใหอ้ าหาร​กิน​ไดโ้​ดยท​ ​่ีเขา​ไมร่​ ังแก​มนั เขา​ม​เี มตตา​ต่อม​ นั เขา​ก็​
คงจะ​เมตตา​ต่อเ​รา เพราะ​เราก​ ็​สวยก​ วา่ ล​ ูกสนุ ขั ต​ ้ัง​เยอะจ​ รงิ ​ไหม ใช่ร​ ึเปลา่ ​โยม ยงั ​สวย​กว่า​ลูกสนุ ขั ​
มั้ย? นา่ รักก​ ว่า​ม้ยั ? ไม่คอ่ ย​มั่นใจ​เหรอ? (เสยี ง​หลวงพ่อ​หวั เราะ) หลวงพ่อ​กำลงั ​เปรยี บเทยี บ​อยา่ ง​
นี้​จรงิ ๆ ​นะ ​แล้วโ​ยม​มอง​คน ​โยมก​ ็​มองออกอ​ ยู่แ​ ล้ว​ถา้ ​เขา​มคี​ วาม​เมตตาอ​ ย่าง​นี้ เขา​ก็ต​ อ้ งเ​มตตา​
ตอ่ ​ตวั เรา​ใช่ไหม มค​ี วาม​ประพฤตแิ​ บบนี​้ เขา​ก​็ต้องม​ ​ีความ​ประพฤต​ิต่อต​ ัวเรา แต่ถ​ ้าก​ ับ​พอ่ แม่เ​ขา​
เขา​ยังไ​มม่ คี​ วาม​กตญั ญแ​ู ล้วก​ ับเ​รา​เป็นใ​คร​รึ หรือ​กบั ​สรรพสัตวต​์ วั เล็ก​ตวั น​ อ้ ย เ​ขา​ยังร​ งั แก​มัน​ได้​
อยา่ งส​ นุกสนาน แลว้ ​เรา​ละ่ เขา​จะ​ไมม่ ี​ความ​สุข​จาก​การ​ท่เ​ี ห็น​เรา​ทกุ ขท์ รมาน​รึ ถ้า​เขา​พงึ พอใจ​
กบั ​การเ​ห็นค​ วามท​ ุกข​์ของค​ นอ​ ื่นเ​ปน็ ​เรอื่ งสนกุ ​นะ ก็​เลอื ก​ให้ถ​ กู ​สินะ อยา่ ง​เวลา​เขา​มา​เลา่ ว​ ่า​
เขาไ​ปเ​บยี ดเบียน​ใคร​มาแล้ว​เขาส​ ะใจ อยา่ ไ​ป​คบ​เลย​นะ มัน​ก​็ต้องม​ ีค​ วาม​สุขท​ ​่ไี ดเ้​บียดเบียนเ​รา​
เหมอื นกนั ​แหละ​น่า เลือก​ให้เ​ปน็ ​แลว้ ก​ บั ต​ ัวเอง ​ก็​เหมอื นกัน​ให้ม​ ัน​มคี​ ุณคา่ ​สมสว่ น​กัน ขอ้ ​ที่ ๒
ข้อท​ ี่ ๓ การเ​สยี สละ เรยี กว่าม​ ​ีจาคะเ​สมอกัน ใช่ไหม? ถ้าเ​ขา​เสยี สละว​ ตั ถ​ุสิ่งของ​
ภายนอกเ​พื่อ​ประโยชน์ข​ องส​ ว่ นรวม​ได้ เขา​ก็​คง​สละ​อารมณ์​เล็กๆ​ นอ้ ยๆ​ จาก​ความ​หงดุ หงิด​
รำคาญห​ รือจ​ ากก​ าร​ทเ่​ี รา​กระเง้ากระงอด เขาก​ ค​็ ง​ใหอ้ ภัย​เสียสละไ​ด้เ​หมอื นกนั ถา้ ​ขา้ งนอก​เขา​
ยังไ​ม่เคย​เสยี ​สละให้ใ​คร อย่าห​ วงั เ​ลย​อารมณ​น์ ามธรรม​ที​เ่ ขา​คิดวา่ ​เป็นเ​ขา เขา​จะ​สละ​ได้ คง​
เปน็ ไปไ​มไ่ ดห้​ รอก กค​็ งจะต​ อ้ งม​ เี​รอื่ งท​ ะเลาะ​เบาะ​แว้ง​ระหองระแหง​กัน​ทกุ วัน มนั ส​ ละ​อารมณ​์
ออก​ไมเ่​ปน็ เอาเร่อื ง​ไป​ซะท​ ุกอยา่ ง อะไรอ​ ย่างน​ ้ี อะไรก​ ระทบ​ปบ๊ั ต​ ้องเ​อาเร่อื ง อะไร​กระทบ​ปบ๊ั ​
ต้อง​เอาเรือ่ ง เพราะ​ไม่เคยส​ ละ​เห็น​ไหม เลือก​ให้เ​ป็น ​เลอื ก​คนท​ ่ม​ี ​ีจาคะส​ ละเ​สมอกัน ตัวเรา​ก​็
ต้อง​ฝกึ น​ ะ ฝึกก​ าร​เสยี สละ มา​สละ​อารมณฝ์​ า่ ยต​ ่ำใ​ห้ไ​ด้ แต่ถ​ า้ ​วัตถ​ุภายนอก​แบบนส​ี้ ละไ​ม่ได้ โยม​
อยา่ ​หวัง​นะ​ว่า​จะม​ า​สละอ​ ารมณ​์ภายใน​ไดใ้​ชม่​ ัย้ แม้แต่ค​ วาม​อาฆาตพยาบาทก​ ค็​ งส​ ละไ​ม่ได้เ​ช่น​
เดียวกัน
ข้อ​ที่ ๔ มป​ี ญั ญา​เสมอกนั ​ คยุ ก​ ันร​ ู้เรื่อง ในเ​รอ่ื งข​ อง​ความ​เป็นจรงิ ​เหมือน​ทหี​่ ลวงพ่อ​
คยุ ๆ​ อย่าง​นี้ เออฟ​ ัง​แล้วเ​ขา้ ใจ​แลว้ กค็​ ยุ ก​ นั ​กับ​คนในบ​ ้านอ​ ยา่ ง​นจ​้ี ะ​มีค​ วาม​สขุ ​นะ คยุ ​กนั ​
เรือ่ ง​ความ​ไมค่​ งท่​ีใน​กฎข​ องธ​ รรมชาติ ความ​เปน็ ทุกข์ จะ​มอง​กนั ด​ ว้ ยค​ วามเห็​นอก​เหน็ ใจ แ​ ละ​

39 ผา​ซอ น​แกว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภาโ​ส

ความเ​คารพ​ในค​ วาม​เข้มแข็ง ความเ​มตตา​ตอ่ ท​ ุกข์​ที่​ทกุ คนก​ ำลัง​ประสบ​อยู่ใ​น​บา้ น..โยม มนั ​
จะห​ นั หน้า​เข้าหา​กนั อ​ ย่าง​ม​คี วาม​สขุ น​ ะ จะเห็​นอกเ​หน็ ใจ​ดูแล​เอือ้ เฟื้อซ​ ึ่ง​กนั ​และ​กัน​ปัญญา​มนั ​
เสมอกัน มันไ​ม่ใช่ว​ ่าฉ​ ันจ​ ะ​ต้องเ​อาชนะ​เธอ​ใหไ้​ด้ มัน​เบยี ดเบยี น​กัน​อย่าง​ไร้เดียงสา ไมม่ ี​ความ​
เป็นเพือ่ น​ร่วมทกุ ขใ์​น​ความเหน​็ อก​เห็นใจ แลว้ ไปเ​อาชนะ​ระราน​กันใ​น​เรื่อง​ท​ไ่ี มม่ ีป​ ระโยชน​อ์ ะไร​
ข้นึ ​มาเ​ลย​เห็นไ​หม ๔ ขอ้ ใ​น​การเ​ลอื ก ส่วนก​ รณ​ีของค​ น​ท่ีจะไ​ป​ตกหลุม​เนี่ย อันท​ ่ี ๑ มนั ​มี​ความ​
เสยี สละด​ ้วย​นะ​โยม มนั เ​ป็น​แรงบนั ดาลใจท​ ​ใ่ี หญห่ ลวง ซ่งึ ​ชวี ิต​คน​เราแ​ ตล่ ะคนบ​ างทไ​ี มเ่ คย เกิด​
มาไ​ม่เคยเ​จอ​ใคร​มา​เสียสละ​อะไร​ให้แ​ ก่เ​รา​อย่าง​มากมาย เวลา​ทใ​่ี คร​สัก​คนห​ นึ่ง​มา​เสยี ​สละใหแ้​ ก่​
เราย​ อม​ลำบาก​ตรากตรำ​ในห​ นา้ ทก​่ี าร​งานท​ ง้ั ห​ ลายแหล่ ลุยนำ้ ​ขา้ ม​ทะเลข​ ับ​เคร่อื งบนิ ​มาหา​ตาม​
หนา้ ท่ีบ​ งั เอิญ​มาเ​จอกนั ​พอดท​ี ี่ส​ นามบนิ ถ้า​คนใ​ดค​ น​หนึ่ง​นะโ​ยมม​ า​เสีย​สละใหม้​ ากๆ​ เนยี่ จิตใจ​
ดวง​นัน้ น​ ะ่ ทีม​่ นั ร​ กั ​ความด​ เ​ี นีย่ มนั ​จะ​เร่ิม​รัก​ความ​ดข​ี อง​การ​เสียสละอ​ นั นน้ั และก​ าร​เสียสละ​
อันนัน้ ​นำ​ความส​ ขุ ม​ า​ให้ จิตใจก​ เ​็ รมิ่ ​รัก​ความส​ ขุ ​จาก​การ​ทเ​ี่ ขา​เสยี สละ​นำ​ความ​สุข​มา​ให้ เหน็ ​เขา​
หา​ของ​อย่าง​ยากลำบากม​ า​ให้ ทุ่มเท​อย่างย​ ากลำบาก​เพอื่ ท​ ำให้เ​รา​มคี​ วาม​สขุ มนั ​รัก​ความส​ ขุ ​
แล้วกร​็ กั ค​ วามด​ ี
อัน​ที่ ๑ ม​ีการ​เสยี สละ มันท​ ำให้เกดิ ค​ วาม​ศรทั ธา ความ​เช่อื ​อย่าง​ม​ีเหตุผล​ว่า​คนๆ น​ ด​้ี ูแล​
เรา ​ไมท่​ ำให้เ​รา​เจ็บปวด​เดือดรอ้ น นำค​ วาม​สขุ ​มาใ​ห้ ให้ค​ วาม​หว่ งใย​ให้ค​ วาม​ปลอดภยั ง้ันเ​รา​
คลอ้ ง​แขนเ​ราค​ ลอ้ ง​แขน​เอาค​ วามป​ ลอดภัยไ​ป เราไ​มไ่ ด้ค​ ลอ้ ง​แขน​เอาอ​ ันตรายไ​ป ไมว่ า่ ​คนๆ​นนั้ ​
จะ​หน้าตาย​ ังไง​เราก​ ็​ม​ีความภ​ มู ิใจ เพราะอะไร​เหมือน​อย่าง​ที​่บอก เรา​รกั ต​ วั เอง เขา​ก​ร็ กั ​ตัวเรา ไป​
ดว้ ยกนั ด​ ี​ไหมอ​ ยา่ ง​นี้ มนั ร​ กั ส​ ง่ิ เ​ดยี วกัน เราร​ ัก​ตัวเรา เขา​ก​ร็ ัก​ตวั เรา เรา​หว่ งใย​ตวั เรา เขา​ก​็ห่วงใย​
ตวั เรา โอ้..มัน​นา่ จะ​แสนวิเศษน​ ะ เห็นไ​หมโ​ยม..เนีย่ ​มนั ​เลยต​ าม​มา​ดว้ ยศ​ รัทธา คือ​ความเ​ช่อื ​ยา่ ง​
มเี​หตุผลว​ ่าส​ ิง่ น​ ้​เี ป็น​ส่งิ ​ที่ปลอดภัยเ​รยี กว่า​ศรัทธา
ศรัทธาม​ ัน​เลยเ​ป็นห​ งิ้ ข​ น้ึ ม​ า​ในห​ วั ใจ ห้งิ ​แหง่ ​ศรัทธา​เวลา​มอง​เขา้ ไป​ในก​ าร​กระทำ​ทด่​ี ี​ของ​
เขาเ​กดิ ​ความส​ ุขอ​ นั เ​รืองรอง ​เกดิ ​ความ​เช่ือมั่นแ​ ละ​ความ​ปลอดภัย ไม่ใช่เ​ขา​หายไป ๗ วัน เน่ยี ไป​
ทำช่วั ท​ ี่ไหน ถ้า​มนั ม​ ​ีศรทั ธาน​ ะ​โยม ม​ นั ​ไม่ห​ วาดระแวง​หรอก​ มันเ​ชือ่ มัน่ ​อยูเ่​สมอ​ใน​ความ​ด​แี ละ​
มองไ​ป​มองม​ า​กเ็​จอ​แตค่​ วาม​สขุ ​จาก​ความ​ดี เห็น​ไหม​มีศ​ รทั ธา มี​ปีติ แล้ว​เวลา​ทใ​ี่ ครท​ ำความดใ​ี ห้​
เราม​ ากๆ​รูว้ ่าเ​ขา​ตอ้ ง​อดนอนต​ ี ๑ ตี ๒ เพอื่ จะ​ทำ​บางสิง่ ​บางอย่าง​ช่วยเหลือ​หน้าทกี่​ าร​งาน​ของ​
เรา ภาระเ​ล็กๆ ​นอ้ ยๆ เ​พ่ือให้ล​ ลุ ว่ งไ​ป แล้ว​ตี ๕ เขาก​ ต​็ อ้ งร​ บี ไปท​ ำงาน​ท่ีอ่นื ต​ ่อ ถา้ ​เรา​ร้เู ​ข้า​เรา​
ผาซ​ อ น​แกว 40

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ณ​ ศูนยป์ ฏิบตั กิ าร การบนิ ไทย สวุ รรณภมู ิ วนั ที่ ๒๓ ​กันยายน ๒๕๕๒

จะร​ ู้สึกโ​อ้โ​ห เขาเ​สียสละเ​พื่อ​เรา​ต้งั ​เยอะ เรา​จะ​รู้สึกวา่ เรา​นี​่มีค​ วามส​ ำนกึ ผิด​ว่า​ทำใหเ้​ขา​ตอ้ ง​
ลำบากต​ รากตรำเ​พราะ​เรา
เป็น​อกี ต​ วั ​นะ​โยม​ทป่ี​ ระหลาดเ​ขา้ มา คือ​ความ​สำนึกผิด​ ร้สู ึกว่า​เราย​ งั ​ไมไ่ ด้ท​ ำดีๆ​ ให้เ​ขา​
มาก​เพยี งพอ​เลย แลว้ ก​ าร​ทเี่​ขาร​ ัก​เรา​เขา​ต้อง​ลำบาก​ตรากตรำ​มากมาย รู้สึก​สำนึกผิดเ​นี่ย​แต่เ​รา​
กย​็ ังโ​หยหา​ส่งิ ​ท​่ีเขา​จะ​ทำใหใ้​หม่น​ ะโ​ยม มนั เ​ลยข​ ัดแย้ง​แบบนน้ี​ ะ รสู้ ึก​สำนกึ ผิดแ​ ต่ก​ ย็​ ัง​อยากได้​
อีก มีอ​ ีก​ไหมอ​ ย่าง​นี้ อยา่ งเ​ธออ​ ย่าง​น​้มี ​ีอีกไ​หม ร้สู กึ ​ไมค่ อ่ ย​ดเ​ี ลย​แต่ว่าช​ อบ ชอบ​ท่จี ะ​ให้ใ​คร​ทำดๆี ​
ให้​เห็น​ไหม มี​เสียสละ มี​ปีติ ม​ศี รทั ธา มค​ี วามส​ ำนกึ ผิด แล้วก​็ม​ีความ​โหยหา เมอ่ื ​ได้รบั ​ความ​ดแู ล​
เอาใจใส่จ​ ิต​ก็จ​ ะ​หวนคิดถงึ แ​ บบนน้ั บ​ อ่ ยๆ​ อยู่ใ​น​ทที่ ำงาน​มค​ี นอ​ ่นื ​เบยี ดเบยี นเ​ชอื ดเฉือนค​ ดิ ถงึ ​คน​
รัก​ม​แี ต่ค​ วามห​ ่วงใย ม​แี ตค่​ ำ​ปลอบโยน ม​ีแตส่​ ่ิง​ท่​ดี มี​ า​ให้ คิดส​ ​ิโยม​มัน​ก็​เรมิ่ ห​ วนคดิ ถึง​สง่ิ ​เหล่านี้​
สิ จิตม​ นั ​ก็เ​รม่ิ ไ​ปไ​หนไ​ม่ร​ อด​ มันก​ เ็​รียกวา่ ​ตกหลมุ แ​ ล้ว​ทนี เ้​ี หน็ ​ไหม อยู่ท​ ี่ทำงาน​ก​็คดิ ถงึ อยา่ ง​นี้
แล้วเ​คย​ทำงานหนกั ​ตรากตรำ​เหงือ่ ไ​หลไคลย​ ้อย​ลำบาก เขา​ส่ง​ทชิ ชู่ใ​ห้แ​ ผน่ ห​ นึง่ ​เปน็ ย​ ังไง มัน​จะ​
เป็นท​ ิชชู่ศ​ ักดส์ิ ิทธ​์ิใช่ไหมโ​ยม เพราะ​มนั น​ ำ​เอา​ความ​หว่ งใย​ใช่ม​ ย้ั ถ้า​เขา​ไมส่​ ง่ ​ทิชชู่น​ นั้ ใ​ห้ ไป​ซื้อ​
ที่ศ​ ูนยก์ ารคา้ ม​ า​หนง่ึ ​กุรสุ ม​ ัน​จะ​ศักดิส์ ิทธไ​์ิ หม ไม่ เพราะ​มนั ​ไมม่ ค​ี วาม​หว่ งใย​อยใู่ ​น​น้นั ​โยมไ​ม่เห็น​
เหรอ ถา้ เ​ขา​สง่ ​ดอกไม้ม​ าใ​ห้ด​ อกห​ นึง่ ​ มันจ​ ะ​เปน็ ด​ อกไมท้​ ง​่ี ดงาม​ใช่ไหม ซึ่ง​ในต​ ลาดไ​ปซ​ ้อื ​มา​ก​่ี
กรุ ุสม​ นั ก​ ไ็​มง่ ามเ​ทา่ ไ​อ้ด​ อกน​ ั้น เพราะ​มนั ​เต็มไปดว้ ยค​ วาม​ปรารถนาด​ีใช่ไหม​โยม
ความห​ ว่ งใยห​ รอื ​มติ รไมตรห​ี รือค​ วามค​ ดิ ถงึ ​มัน​กจ​็ ะก​ ลายเ​ป็นด​ อกไม้ศ​ ักด์ิสิทธ์ิ ผล​ไม้​
ละ่ หอื ..ใช่ไหม​โยม แอปเปิ้ลส​ กั ล​ กู น​ งึ ​หรือส​ ้ม​ท​ถี่ ูก​ดูแลอ​ ย่างด​ ี หรอื ​องุ่นส​ กั เ​มด็ ​นงึ ​เหน็ ​ไหม มนั ​
จะ​กลายเ​ปน็ ผล​ไมท้​ ่ีห​ วาน​หอม​พเิ ศษข​ นึ้ ​มา เนยี่ ก​ ารอพั (up) การ​ไฮ (high) มัน​ถกู ​ยกระดบั ข​ ึน้ ​
จากอ​ ารมณแ์​ บบน้ี​โยม ซึง่ ​มันใ​สเ่​อาค​ วาม​หว่ งใย​ความ​รัก​และค​ วาม​ปรารถนาด​ีได้ ซ่งึ ​ไมส่​ ามารถ​
ซ้อื ​ได้ต​ ามซ​ ุป​เปอร์​มาร์เกต็ (super market) ท​ ชิ ชูก่​ ่ี​กุรสุ ​ก็​มต​ี งั ค​์ซือ้ ดอกไมซ้​ กั ​ปากคลองต​ ลาด​
เท่าไหรก่​ ม​็ ​ตี ังค์ซ​ ือ้ ผลไ​ม้ม​ ากมาย​กม็​ ี​ตงั คซ​์ ื้อ แตถ่​ ้า​ไมม่ ี​ส่งิ ​นน้ั ​โยม มัน​จะแ​ ห้ง​เปน็ เ​ศษกระดาษ​
เลย​นึกออก​ไหม กุหลาบม​ หาศาลก​ เ็​หมอื นกับ​เศษกระดาษท​ ​แี่ หง้ ​ตายซาก ​ทิชชู่เ​ปน็ ก​ ุรสุ มนั ​ก็​คง​
ไมไ่ ด้ใ​หค้​ วามห​ ่วงใยอ​ ะไร​ขน้ึ ม​ า​ในช​ วี ติ ​เรา ถึงจ​ ะ​มท​ี ชิ ช่ไู ​ว้ม​ ากมาย​จรงิ ​ไหม​โยม เนย่ี ​มนั ​คอื ก​ าร​
ตกหลุมร​ กั ​แล้วกถ​็ กู ​เทดิ ค​ ่าส​ ง่ิ น​ น้ั อัพ​ข้นึ ม​ า​ไฮ ข้นึ ม​ า ไมว่ ่า​โยม​จะ​ไปน​ ง่ั ​ท่ีไหน ใต้ต​ ้นไมก้​ ​็จะ​เปน็ ​
ใต้ต​ น้ ไมท้​ ี่​เปน็ ​วิมาน ดอกหญา้ ​ก​็จะ​งดงาม​ดารดาษ ดวงดาว​ก​็จะ​กลายเ​ปน็ ​อะไร​ละ่ เพดาน​
ทป​่ี ระดบั ​ดว้ ย​อัญมณี​หลากหลาย ถา้ ส​ ูญเสีย​สิง่ ​นี้​ไปเ​มื่อไหร่เ​ห็น​ไหม จิตใจ​มัน​จะแ​ หง้ ซ​ ดี เซยี ว

41 ผาซ​ อ น​แกว

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภา​โส

เพราะ​มัน​เคยเ​สวย​อารมณ์​ทถ่​ี ูกอัพ​ ถูกไ​ฮ ขน้ึ ​มาจาก​การ​ให้ค​ ุณคา่ หรอื ​จาก​ความด​ ูแล​เอาใจใส่​
จากค​ วามเ​มตตา​หรอื ค​ วาม​ดี มนั ไ​มม่ ี​สิ่ง​นัน้ อ​ กี แล้ว​มนั ​ก็​แหง้ ​ส​โิ ยม บางคนเ​ลยอ​ ยู่ไ​มไ่ ด้ อยู่ไ​ม่ได้ก​ ​็
หนีห​ า​วธิ ีอ​ ืน่ ​ทีจ่ ะอัพ​(up) ข้นึ ม​ า กไ็​ป​อะไร ยาเสพตดิ ไปก​ ิน​เหลา้ บ​ ้าง หรือ​ไป​ตอบสนอง​ตัณหา
แต่ย​ งั ไง​มนั ก​ ็​ไมม่ อ​ี ารมณ​์ที​่มนั ​เปย่ี ม​ท่วมท้น​ เทา่ กับ​อารมณ​์ของ​ความ​รกั จ​ ากค​ วาม​จริงใจ​จาก​
ความห​ ่วงใย​อย่าง​แท้จรงิ
เนย่ี ก​ ารต​ กหลมุ ร​ ัก พวก​นี​้จะ​ตอ้ งไ​ป​คา้ งเต่งิ ​อยู่บ​ นส​ วรรค์ช​ นั้ ​นงึ ​เนอะ เปน็ ​เทวดา​ชัน้ น​ งึ
ช้นั ป​ รนมิ ม​ ิตว​ สวัตตี เป็นท​ ีอ่ ยขู่ ​ องพ​ วก​ทพ​่ี อใจ​กบั ค​ วาม​สขุ ท​ ​ไี่ ดร้ ับ จ​ าก​เคย​อยเู่ ​คยท​ ำความด​ี
ใน​โลก อยู่ก​ ับ​คนท​ ่ดี​ ีๆ​ ในโ​ลก จะ​ไม่อ​ ยาก​ไป​นิพพาน พวก​น​มี้ ชี ่อื ​ชนั้ ​นี้ว​ ่า​ “เทวบตุ รมาร” เป็น​
มารอ​ กี ​ชนิดห​ นง่ึ เหมือนบ​ างทเี​รา​พอใจ​กับค​ วาม​สขุ รู้สึก​ไหม​เรา​ยงั ไ​ม่อ​ ยาก​ไปน​ ิพพาน เรา​ยงั ​
หว่ งใย​ความส​ ุข​กับค​ น​รกั อยากจะ​อยใู่ ​กลช้​ ิด​ยงั ​ไมอ่​ ยากจะ​วาง​สิ่ง​เหล่าน้มี​ ันเ​สยี ดาย เสียดาย​
สวนดอกไมท้​ ​่ีอตุ ส่าห์​ปลกู ไ​ว้ด​ ารดาษบ​ านสะพรง่ั ​แล้วเ​ดินห​ ันหลงั ​ให้ส​ วนดอกไม้น​ ​้ีโดยไ​ม่เ​หลยี ว​
กลับ​มาม​ องเ​ลยม​ ัน​ทำใจ​ไม่ได้ห​ รอกโ​ยม เขา​จึงม​ ​ีชอื่ ว่า​เทวบตุ รมาร ตอนท่​พี ระพุทธเจา้ ​จะ​ตรสั รู้ ​
เทวบตุ รมารน​ ้​ีจะ​มาป​ รากฏตัว​วา่ ไ​ม่เ​สียดาย​หรอื ​จะ​ไป​นิพพาน​เน่ีย ไม่เ​สยี ดาย​ความ​สุขท​ ี่ส​ ร้าง​
สมม​ า​มากมายเ​หลา่ นเี้​หรอ บรวิ าร คนร​ กั คนเ​อาใจใสค่​ น​ดูแล กามคณุ ทรพั ยส์​ มบัติ หรอื ​ความ​
สุข​ทาง​กามคณุ ๕ อันท​ ว่ มทน้ Fall in love เปน็ ​แบบนน​้ี ะต​ ้องระวงั ​นะ ใช้ใ​ห้เ​ปน็ น​ ะ อย่า​ใช้ใ​ห้​
เป็นแ​ บบ​ยาเสพตดิ ใชเ้​ป็น​แรงบันดาลใจ​ใน​ฝา่ ย​ดี
เด๋ียว​รออ​ า่ นหนังสือน​ ะ เรอื่ ง​ “อยกู่ ​ ับ​มาร” มาร​คอื “เ​ทวบตุ รมาร” มาร​คอื ​
“อภิสงั ขารมาร” ทห​่ี ลงค​ ิดป​ รุงแต่ง มาบ​ งั ความเ​ปน็ จริง ความเ​ปน็ จรงิ ​คือค​ วามป​ กติ เป็นกลาง
ออกไปน​ อกเรอื่ ง​แตก่​ ็ไ​ม่น​ อกเ​ห็น​ไหม ออกไปน​ อก​แล้วก็​เข้ามา​ข้างใน ​เรื่อง​ไม่พ​ ้นเ​รอื่ ง​ขันธ์ ๕
เหน็ ไ​หมโ​ยม ไมพ่​ น้ ​เร่อื งข​ นั ธ์ ๕ หรอก ถา้ เ​ข้าใจเ​ร่ือง​ขนั ธ์ ๕ จะใ​ชม้​ ัน​อย่าง​ถกู วิธี ถงึ ​เร่อื ง​ความ​
รกั ​นีก่​ อ็​ ยวู่ ​ นเวยี นเ​รอื่ งข​ ันธ์ ๕ ไมไ่ ด้ห​ นไี ป​จากไหน แลว้ ​ความ​รักเ​นี่ย​มันป​ ระหลาดท​ วี่ ่า มนั ​ไม่​
เหมือนกบั ห​ ลุมดำน​ ะ หลุมร​ ัก​เนย่ี ไ​ม่เ​หมือน​หลมุ ดำ หลมุ ดำ​มนั ​ดูดเ​อาไ​ดแ้​ คม่​ วลสาร​ใน​จกั รวาล​
ไป แต่ห​ ลุมร​ กั ม​ ัน​ดดู ​เอา​ขนั ธ์ ๕ ท้งั หมด โ​ยม​ว่าจ​ รงิ ​ไหม หนนู อ้ ย ๓ ครงั้ ​ตกหลุม​รกั ม​ า ๓ ครั้ง
มนั ด​ ูด​เอา​ขนั ธ์ ๕ ไป​หมดไ​หม​ตอนนนั้ ดใู​หด้​ น​ี ะ
อัน​ที่ ๑ มันด​ ูด​เอาส​ งั ขารข​ ันธ​์ “ความ​คิดถงึ ” ใชไ่ หม​โยม อนั ​ท่ี ๒ มัน​ดูด​เอา​สญั ญา​ขันธ์
ผาซ​ อน​แกว 42

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ณ​ ศนู ย์ปฏบิ ัตกิ าร การบินไทย สุวรรณภูมิ วันท่ี ๒๓ ก​ันยายน ๒๕๕๒

“​ความทรงจำ” จำ​แตเ่​ร่ืองเ​ขาอะ่ ​ ใชไ่ หม จำ​เสียง จำ​หน้า จำ​กิรยิ า​ท่าทาง จำ​ช่อดอกไม้ใ​นว​ ัน​
วาเลนไทน์ (Valentine’s day) ซง่ึ ต​ อนน้ีไ​มม่ แี​ ล้ว​เนอะ ดูด​อะไรอ​ ีก “​เวทนา​ความรู้สกึ ​ต่างๆ”​
วิญญาณ​ “การร​ บั รคู้​ อยส​ อดสอ่ ง” คอยส​ ายตา​มองเห็น​ไหม ทีเ่ หลอื ​รปู ​ขนั ธ​์ดดู เ​อาไปไ​หม..หมื ​
มี​ใครเ​คย​สญู เ​สยี รปู ​ขันธใ​์ ห้ค​ วามร​ กั ​บา้ ง​ไหม รสู้ กึ ไ​หมว​ ่า​มนั ​เปน็ ​ช่อดอกไม้ช​ น้ิ ​สุดท้าย ​ทีว่​ างอยู่​
หนา้ ​เทวาลัย​แห่งศ​ รัทธา เอา​ไว้ว​ างไ​ว้หน้า​วหิ าร​แหง่ ​ศรทั ธา​ก​ค็ ือ เรา​ศรทั ธา​ใน​ความ​ด​ีอนั น้ัน
รา่ งกายม​ นั เ​ป็น​แคข่​ องขวัญ​เหมอื นด​ อกไมช้​ ้ิน​หนึ่ง ท​ เ​่ี อาไปว​ าง​ไว้หนา้ ​วหิ าร​แหง่ ​ศรัทธา โดยไ​ม่​
เสยี ดาย​ใช่ไหม​โยม ม​ีใครเ​สียดาย​ไหม​เวลา​มค​ี วาม​รกั ไม่เคย​เสียดาย​รา่ งกาย ไมเ่ คย​เสียดาย​สงิ่ ​
ตา่ งๆ ​ท​ี่เป็น​รูป​ขันธท์​ หี​่ า​มาท​ ้ังหมด ไม่วา่ ​จะ​เปน็ ​ขนมหวาน ดอกไม้ พวงมาลยั หรอื เ​สอื้ ผา้ หรอื ​
อะไรท​ ัง้ ​หลายแหล่​ท่เี​อ้ืออาทรเ​ปน็ ​ของขวญั ซ​ ึง่ ​กัน​และก​ นั ด​ีไหม
ร้สู ึกวา่ เ​ทศนเ​์ ร่ืองส​ ต​ไิ มค่ อ่ ย​ม​ีคน​ฟัง​นะ มี​แต่ข​ าดสตเ​ิ วลา​ฟงั เทศน​์เรื่อง​ความ​รัก​นี่​มี​
สติ​กนั ม​ าก​เลย สาวๆ​ กลุ่ม​เนย่ี หลวงพอ่ เ​ทศนเ​์ รือ่ ง​สต​นิ ะน​ ัง่ ... พอ​เทศน​์เรือ่ ง​ความ​รักต​ น่ื ตวั ​มี​
สตใิ​น​การฟ​ งั ใช้ใ​ห้เ​ปน็ น​ ะ ใช้ใ​หเ้​ป็น​จะ​มปี​ ระโยชน์ ใช้อ​ ยา่ ง​เขา้ ใจ​ดว้ ย แตจ่​ ะ​เข้าใจ​ที​่หลวงพอ่ ​
เล่าน​ ​่ีเพราะอะไรร​ ู้ไ​หม มันเ​ปน็ การ​เขา้ ไปส​ ังเกต โยม เวลา​คนท​ ​ต่ี กหลุม​รกั ใ​หมๆ่ ​ จะ​สบั สน มนั ​
สังเกต​สภาวธ​ รรมไ​มอ่​ อกว​ ่า​ม​ตี ัว​อะไร​บา้ ง ทำไม​ชว่ งน​้ีเรา​สบั สนจ​ ัง เรา​หวนคดิ ​แตเ่​ร่ือง​แบบนี้ เรา​
หวนคิดแ​ ต่เ​รอ่ื ง​แบบนี้ ถ้า​โยม​มองอ​ อกจะเ​ห็นว่า​มนั เ​กดิ ​อะไรข​ น้ึ ถึง​ไปค​ ดิ ถึง​เรือ่ ง​แบบนัน้ กเ​็ วลา​
อารมณม์​ ัน​ถูกอพั ​(Up) ถูก​ไฮ (High) ขึ้นม​ า​นมี​่ ัน​เกดิ ​อะไรข​ ้นึ ทำไม​อารมณ​์มันร​ ู้สกึ ​อารมณ์​มนั ​
เรืองรอง​มัน​วูบๆ​ วาบๆ​ หรืออ​ ะไรม​ นั ด​ ​ูวิจติ รต​ ระการตา​สวยงาม​ไป​หมด​ใชไ่ หม? หรือ​ทำไม​จติ ​
มันห​ วนไ​ป​คดิ ถึง​นะ อ้อม​ ัน​ไป​คดิ ถึงก​ าร​เสียสละ คดิ ถึง​ความ​ดี คดิ ถึง​ความ​สขุ ​ทไ​่ี ด้รบั ​จากผ​ สั สะ​
เท่านเ้ี​อง โยม​ทำง​านวิจยั แ​ บบนเี​้ นอะ​แลว้ จะ​ใช้ม​ นั เ​ปน็ ​ประโยชน์ ใช้แ​ บบ​ไม่ต​ กหลุม จน​ไป​พบก​ บั ​
หลุม​ลกึ ไป​ถึงห​ ลมุ ​นรก พูด​ง่ายๆ แ​ บบ​ไปผ​ ูกพนั ​หว่ งใย​วา่ ​ถ้า​ไมม่ ​ีส่งิ ​น​ี้ตาย​แน่ เนยี่ ​มนั ​เลยม​ คี​ วาม​
ทกุ ขอ​์ กี ต​ ัว​หนงึ่ ท​ ่ี​เกิดขึน้ อ​ ย่างป​ ระหลาด ความท​ กุ ข​์อันน​ีช้ อื่ ว​ ่า “ความ​ทกุ ข​์ท่เี กิดจ​ าก​ความ​สุข”​
นึกออก​ไหม
ซึ่งจ​ รงิ ๆ ส​ มัยกอ่ นก​ อ่ นท​ ่เ​ี รา​จะต​ กหลุมร​ กั ​เน่ีย เราอ​ ยคู่​ นเ​ดยี ว​ได้ เราก​ ็​เดนิ ช​ ้อป​ปงิ้
(shopping) คน​เดียว กินข​ า้ วค​ น​เดียว อยู่ค​ นเ​ดยี ว​ก็ม​ ี​ความ​สขุ ด​ ี พอ​เรา​ไปม​ คี​ วาม​รกั เ​ม่อื ไหร่​
แล้วส​ ่งิ ​นั้น​หายไป จะก​ ลบั กลายเ​ป็นความท​ กุ ข์​ที่อย่คู ​ นเ​ดียว...อา้ ว เนีย่ ​เขา​เรยี ก​วา่ ความ​ทกุ ข์​
ท่เี กิดจ​ ากก​ ารส​ ญู เสียส​ งิ่ ท​ ่​ีเปน็ ความ​สุขไ​ป เรา​ไปใ​หค้ า่ แ​ ลว้ ​จติ ใจ​ก็​ไปแ​ ปะไ​ว้ข​ ้างนอก เขา​ถงึ ​

43 ผาซ​ อ น​แกว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภาโ​ส

เรยี กว่าใ​จลอย​ใจแตก​ไงโ​ยม มนั ​ไป​แปะ​อย่ขู ​ า้ งนอก​แล้วม​ นั ​พร้อม​ตกแ​ ตกกระจาย​อยเู่ ​สมอ มนั ​
ไมม่ าร​ วมอยู่ข​ ้างใน เมอ่ื กอ่ น​เรา​อยูค่​ นเ​ดยี ว เราร​ กั ​ตัวเอง​อย่างน​ ้ี ​ดแู ล​ตัวเองม​ นั ​อยูก่​ บั ต​ ัวเองเ​ห็น​
ไหม​โยม จะห​ าอาหาร จะ​เดินด​ ส​ู วนดอกไม้ จะ​ทำอ​ ะไร​มนั ​ดูแล​ตวั เองอ​ ยู่ พอ​เราไ​ปฝ​ ากค​ วาม​สขุ ​
ไว้ก​ บั ข​ ้างนอก พอส​ ิง่ ข​ ้างนอกม​ ันพ​ ลดั พรากเ​มื่อไหร่​มนั ​ก​็เกดิ ก​ ารล​ ้ม​พังครืน​ลง​ไปส​ ิ ง้นั ค​ วาม​รกั ​
ไม่ได้ท​ ำอ​ ยา่ ง​น้นั น​ ะ ไมไ่ ดไ้​ปย​ นื ​พิง​กับ​อกี ฝ​ า่ ยห​ นง่ึ ​พับ อีก​ฝ่ายก​ ต็​ อ้ งล​ ม้ พ​ งั ทลาย​ไปด​ ว้ ย อันนน้ั ​
เป็นความล​ ม้ ละลาย​ทางค​ วาม​รกั ไ​มใ่ ช่ค​ วาม​รกั จรงิ
พิธกี ร : ม​คี ำถ​ าม​ฝาก​มา​ตรงนส้ี​ อง​สาม​คำถ​ าม​จะ​ม​ีคล้ายๆ​กนั ​นะ​ครับ ถาม​เรอ่ื ง​ของ​จิต​
และว​ ญิ ญาณ​นะค​ รบั ห​ ลวงพ่อ ว​ า่ ​ม​ีความเ​หมือนห​ รือ​ต่างกนั ​ยังไง​ครับ
หลวงพอ่ : อะไรน​ ะ?
พธิ ีกร : จิตก​ ับว​ ิญญาณค​ รบั
หลวงพ่อ : จริงๆ วญิ ญาณ​มัน​ถกู เ​ปล่ียนช​ ือ่ ​ไป จรงิ ๆ จิต​มนั ​เปน็ ธ​ รรมชาต​ิรบั รู้ พอ​มา​
เป็นว​ ิญญาณ​มันถ​ กู ​เปล่ยี นช​ ่ือไ​ป​ตามเ​ซลลป​์ ระสาท​ตา่ งๆ อยา่ ง​เช่นเ​ปลี่ยน​ช่ือ​เป็นการ​รบั เ​สียง​
เรียกวา่ โสตว​ ิญญาณ แต่ไ​อ้ธ​ รรมชาติ Original ของ​จติ ​เนย่ี ท​ ​ีเ่ ป็นธ​ รรมชาต​ิกลางๆ​ เหมอื น​
กระแสไฟฟา้ ท​ เ่​ี ปน็ กลางๆ​ ทม​ี่ าจาก​เขื่อนม​ าจาก​อะไร​ก็แล้วแต่ แลว้ ก็​มา​เดินสาย​อยู่ อยา่ งน​ ้ี​มัน​
เปน็ ธ​ รรมชาตเิ​ปน็ กลางๆ​ไปเ​สียบปลกั๊ เ​ป็น​เครอื่ งเสียง​เนย่ี น​ ะ แลว้ ก​็กลายเ​ป็นการ​รับ​เสยี งอ​ ยา่ ง​
น้ี เอาไป​เสยี บปลั๊ก​ทีวี กก​็ ลายเ​ป็นภ​ าพ​อยา่ ง​น้ี จรงิ ๆ​ พลงั งาน​ของ​จิต​เปน็ พ​ ลังงาน​กลางๆ​ ที​่
เป็นแ​ ค่ธ​ รรมชาตขิ​ องก​ าร​รับรู้ ​เม่อื ไ​ปเ​ปล่ียนช​ ่อง​ของ​เครื่องมือ ​ก​็จะ​เปลีย่ นช​ ือ่ ไ​ปต​ ามน้ัน ​กจ​็ ะ​ม​ี
ชอ่ื ว่า จักขุวญิ ญาณ โสต​วิญญาณ ชวิ หาว​ ญิ ญาณ ฆาน​วญิ ญาณ อะไร​ตา่ งๆ​เป็นไปตาม​เครือ่ งมอื ​
หรอื ​สถานการณอ์​ ันน้นั มนั ​ต่างกนั ​แคต่​ รงนเ​ี้ อง แต่ม​ ัน​เป็นตวั ​เดยี วกนั ​เปลี่ยน​ช่ือ​ไปต​ ามก​ าร​รบั รู้ ​
เท่าน้ันเ​อง ถ้า​เราเ​ขา้ ใจ​อย่างน​ ​้ีนะจ​ ะ​ไม่ส​ งสยั งั้นไ​อก้​ าร​ทเ่​ี รา​ปฏบิ ตั ดิ​ ​ูจิตเ​นยี่ ​มนั ถ​ งึ ​คอย​สังเกตท​ ่ี​
ตัว​จิต เพราะว​ ่าไมไ่ ด้ไ​ป​สนใจ​ทหี่​ ู มนั ร​ ับ​เสียง​เสร็จป​ ับ๊ ม​ นั ​ตอ้ งส​ ่ง​อารมณ์​มา​ท่​ีจิตใ​นก​ าร​รับรู้อ​ กี ​
ทีหน่งึ มนั เ​หน็ ภาพม​ นั ​ก็​ต้องส​ ง่ อ​ ารมณ์​มา​ที่​จิตใ​น​การ​รบั ร​ ู้อยู่ด​ ี นึกออก​ไหม แตถ่​ า้ ​เราข​ าดสติ​
ถลำ​ไปต​ าม​ภาพถ​ ลำ​ไปต​ าม​เสียง​เม่อื ไหร่​กจ​็ ะห​ ลงผดิ ค​ ิดว่าม​ นั ​เป็นต​ ัวตน นึกออก​ไหม แตพ่​ อ​
มัน​สง่ ม​ าท​ ่ีน​่ีป๊บั ​พอม​ นั ​ปรุง​แบบใ​ด​แบบ​หนง่ึ ​กร​็ ู้ว่า​อนั นจี้​ ติ ​เร่ิม​คดิ ป​ รงุ แต่ง​แล้ว​เริม่ เ​ปล่ยี นไปอ​ กี ​
ผาซ​ อ นแ​ กว 44

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ​ณ ศนู ยป์ ฏิบตั กิ าร การบินไทย สุวรรณภมู ิ วนั ท่ี ๒๓ ​กนั ยายน ๒๕๕๒

ตวั ​แลว้ เปลย่ี นไปท​ ำงาน​อีกห​ นา้ ​ทห่ี นง่ึ พวกน​ ​้เี ขา​เรยี ก​อาการ​ของ​จติ ม​ีภาษา​หรอื ​ภาษา​เรยี กวา่ ​
“เจตสิก” คอื ​ส่ิงท​ ที่ ำงาน​รว่ มกบั จ​ ติ พัฒนาจาก​ไอ้จ​ ิต​มาเ​ป็นเ​จตสกิ ​อยา่ ง​น้ี เปน็ การ​ทำงาน​หรอื ​
เปน็ อ​ าการ เราเ​ลยไ​มค่ ่อย​เหน็ ต​ วั ​จติ เ​ดมิ ​แท้ นึกออกไ​หม ที​่ไมม่ ​ีสภาวะป​ นเปอ้ื นเ​รา​เห็น​แต่ต​ อนท​่ี
มนั ท​ ำงานเ​ป็นการ​รบั รู้แ​ ลว้ ห​ รือเ​ปน็ ​ความคดิ ​อย่าง​นี้
พอค​ ดิ ​เรยี กวา่ ​ “สงั ขาร” อย่างน​ ้ี พอส​ งั ขาร​มันค​ ิดก​ ็​มี “เ​วทนา” ​เขา้ ไป​รบั รูร้​ องรบั ​
อารมณ์ แต่ท​ ง้ั หมด​เนีย่ ​เรา​จะเ​ห็น​จิตส​ งั ขาร​ทค่​ี ดิ ​เน่ีย แสดง​ความ​เกดิ ​ดบั ใ​ห้ด​ ูก่อน​อยา่ ง​เช่น คิด​
ไมด่ ีอ​ ารมณไ์​ม่ด​ีก​็ดบั ​ไป คิดด​ ​อี ารมณด์ ี​กด็​ บั ไ​ป หรือ​คดิ ใ​นแง่พ​ อใจเ​กิด​ราคะ​กด​็ บั ไ​ป คิด​ในแง่​
ไมพ่ อใจ​เกิด​โทสะ​กด็​ ับไ​ป มันเ​อา​ตวั น​ ้ม​ี า​เปน็ ง​านวจิ ยั ​กอ่ นว​ า่ จ​ ิต​เนีย่ ​มันท​ ำงาน​เกิดด​ ับ เกิดด​ บั
เกดิ ด​ บั จนปัญญาม​ นั ส​ รุปว่า​ไอ้น​ ่ี​ไมม่ ​ตี วั ตนน​ ่ี เปน็ ของ​เกิด​ดบั พอ​มันไ​ม่สนใจ​ไอ้จ​ ิต​สังขาร​หรือ​
สงั ขารน​ ิมติ ​ตวั ​น้ี มัน​กจ​็ ะ​เขา้ ไปเ​หน็ จ​ ิตเ​ดมิ แ​ ท้​ ทเ​ี่ ปน็ ตวั ห​ นา้ ท​่ีรับรเู้​นี่ย​ ซึง่ ​ไม่ได้ม​ ชี อื่ นึกออก​
ไหม ไมม่ เี​ปลือกแ​ ต่วา่ ​ม​ีการ​เกดิ ด​ ับเ​หมอื นกัน แตว่ ่าไ​มม่​ ีชอื่ อย่าง​น​้ีเค้าเ​รียก​จติ ​เดิมแ​ ทท้​ ีเ่ กดิ ​ดับ​
วา่ ไมไ่ ดม้​ ​ตี วั ตน หรอื ​ไม่ม​ีเรา​อยใู่ ​นน​ ้นั ​ มนั เ​ป็น​กระบวนการ​เหมือนกัน​นะ ​ซึง่ ​จะ​ตอ้ งม​ ก​ี ำลัง​ของ​
ปญั ญา​ท่ี​เรยี กวา่ ​“วิปัสสนา” เ​นี่ยล​​ ะ
พิธกี ร : ครบั ขอบพ​ ระคณุ ​ครบั ห​ ลวงพ่อ มี​คำถ​ าม​หนึง่ ​เร่ือง​ของ​สติปฏั ฐาน ๔ ถาม​ว่า​ถ้า​
เลือก​ปฏบิ ัต​ิเพยี งข​ ้อใ​ด​ขอ้ ห​ นง่ึ จะ​สามารถ​ทจี่ ะ​หลุดพ้น​ไดไ้​หม​ครับ หรือวา่ ​จะ​ต้องป​ ฏบิ ตั ทิ​ ง้ั ๔
ข้อ
หลวงพอ่ : คือม​ นั เ​หมอื นกับว​ ่า ชวี ิตเ​นยี่ ม​ นั ​ม​ีขนั ธ์ ๕ อยเู่​น่ียโ​ยม คือม​ ันม​ ี​การ​รับรทู้​ าง​
ตา มค​ี วามรสู้ กึ เรยี กว่าเ​วทนา ม​ีการ​จำม​ ี​การ​คดิ เ​น่ยี เรา​จะ​เลือกส​ นใจ​แต่ต​ วั ใ​ดต​ วั ห​ นง่ึ ​เนีย่
มันเ​หมือน​เราป​ ฏิบตั ต​ิ ่อ​เครอ่ื งมือท​ มี​่ ​ีอยเู่ ​นี่ย ยากจนข​ ้นแค้น​ไป​หน่อย จรงิ ๆ ​แลว้ ​มัน​ทำงาน​
ตลอด​เวลาท​ ุกๆ​ ตัว ทำไมเ​ราจ​ ะ​ไม่สนใจ​อย่าง​เช่น​เราจ​ ะด​ เ​ู วทนา​ก็แล้วแต่ อย่าง​เช่น​จะด​ ู​เฉพาะ​
ตอน​เม่ือยต​ อน​ปวด​อยา่ งน​ ้ี ทำไม​เรา​ไม่ยอม​ดูตัว​อน่ื ไ​ป​ดว้ ย​ เหมือนกับ​วา่ ​เราข​ เ้ี กยี จ​เรยี นน​ ะ่ เรา​
จะ​เอา​เฉพาะค​ นท​ ​ป่ี รากฏเ​ท่านั้น​ถึงจ​ ะ​สนใจ​เทา่ นน้ั แลว้ ก็​ทอดท​ ิง้ ตวั ​อนื่ ​ท้ังที​ท่ ุกต​ ัวเ​นยี่ มันแ​ สดง​
ลกั ษณะเ​หมอื นกนั ห​ มด คือล​ กั ษณะ​ของค​ วามเ​กดิ ด​ บั แ​ ละไ​มใ่ ช่ต​ วั ตน นกึ ออก​ไหม ง้ัน​คนท​ ​ีเ่ ปิด​
ทัศนะก​ วา้ งห​ นอ่ ยห​ ลวงพ่อเ​ปรยี บเทียบเ​หมือน​จอม​ยทุ ธ​์ทมี่​ ี​กระบี่ใ​นใจอะ่ ​ คอื ​มนั ​ไม่ต​ อ้ งร​ อว​ า่ ​
เดย๋ี วม​ ี​ปัญหาป​ ั๊บ เดย๋ี วเ​รา​คอ่ ยก​ ลบั ไ​ป​เอา​หอกท​ บ​ี่ ้าน​มาส​ ้นู ​ กึ ออกไ​หม​โยม เด๋ยี ว​ไป​ต้ังตัว​ท่​ีบา้ น​

45 ผาซ​ อ นแ​ กว

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภา​โส

ไป​สวดมนตห์​ น้าห​ ง้ิ พ​ ระ​กอ่ นเ​พ่อื จะ​สู้ก​ เิ ลส มันย​ ืดเย้ือ​ชกั ชา้ ​ไป ทำไม​เราไ​ม่ส​ ามารถ​ใช้อ​ ปุ กรณ​์
ทุกอยา่ งเ​น่ยี ​ในก​ าร​เจริญส​ ต​ิ แลว้ ก็ส​ ามารถ​ใช้กับ​ทุกขณะ​กับ​ชีวิต​ประจำวนั โดย​จะต​ อ้ งไ​ป​รอ​
แค่ต​ วั ​เดยี ว​เท่านน้ั เ​อง​หรอื อย่าง​น้​ีเป็นต้นน​ ะ งั้น​การ​เจรญิ ​สตปิ ฏั ฐาน ๔ เนี่ย ถ้าฉ​ ลาด​ทกุ ​ตัว​มนั ​
ทำงานอ​ ยแู่​ ล้ว และ​ทกุ ต​ ัว​มันก​ ​็เอ้อื ซ​ ึง่ ก​ ันแ​ ละ​กันอ​ ยู่แ​ ล้ว คือ​มนั ​อาศัยก​ นั ​และก​ ัน​เกิดข้นึ อย่าง​
เวทนาเ​น่ยี โ​ยมถ​ ้า​มนั ​ไม่ม​ีผัสสะท​ าง​กายม​ นั ​จะม​ ี​เวทนา​ไป​ไดอ้​ ย่างไร​ นกึ ออก​ไหม งัน้ ​การ​ดูก​ าย​
มันก​ ็​จะ​เห็นเ​วทนา​ไปด​ ว้ ยอ​ ยู่ด​ เี​นอะ
อยา่ งเ​ช่น​เทา้ ​กระทบ​พื้น​กด็ ี ผวิ กายถ​ ูกอ​ ากาศ​กด็ ี เรา​จะร​ ้สู ึก​อยู่ด​ ถ​ี งึ ​เวทนา​วา่ ส​ ุข​หรือ​ทกุ ข์
หรือว่า​เฉยๆ นึกออก​ไหม เมอื่ ม​ ​เี วทนา​ปรากฏขนึ้ ​ทางใ​ด​ทาง​หนงึ่ หรอื ​ผัสสะเ​กิดขึ้นท​ าง​ใด​ทาง​
หนงึ่ มนั ก​ ็​จะ​ต้อง​ความ​เกดิ ​ปรงุ แต่งอ​ ย่ดู ​ โี​ยม ความคิด​นะค​ ือค​ ิดช​ อบห​ รอื ค​ ิดไ​มช่ อบ หรือ​คิดถงึ ​
รูปท​ ่เ​ี คยผ​ สั สะม​ าอ​ ย่างน​ ้ี​ มนั ​จะท​ ำงาน​กนั เ​ปน็ ​กระบวนการ​อยดู่ ​ ี แต่เ​ราจ​ ะ​ไป​รอ​ตัว​หนง่ึ ​แบบ​
ไร้เดียงสา หลวงพ่อว​ ่า​มัน​แห้งแล้งไ​ปน​ ดิ น​ งึ อยา่ งเ​ชน่ จิต​คิด​อยา่ ง​นี้ จิตค​ ิดป​ ั๊บก​ ็​ต้อง​มอี​ ารมณ์​
เกิดข้นึ ผ​ สมอ​ ยูแ่​ ลว้ อยา่ ง​เช่นค​ ดิ ไ​ม่ดอี​ ารมณ์​กต​็ ้อง​ไม่ดเ​ี หน็ ​ไหม ก็​เห็นเ​วทนา​ไปด​ ว้ ยอ​ ยูด่​ ี งั้นไ​อ้​
สง่ิ ที่คิด​นั้นก​ ็​เขา้ ไปเ​น่อื ง​อยูก่​ บั อยา่ งเ​ช่น ​คดิ ถงึ ร​ ปู อ​ ยากไ​ด้รปู ​อยา่ ง​นี้​เห็น​ไหม มนั ​ก​็เหมือนกบั ​ม​ี
รปู เ​ข้าไปผ​ สมอ​ ยู่ด​ ี แล้วม​ ัน​ก​อ็ าศยั ​รปู เ​กดิ ขึน้ ถ​ งึ ​ไดม้​ ​ีจิต​ตวั ​นี้ จติ ต​ วั ​นกี้​ ไ​็ ม่ม​ีตวั ตนเ​หมอื นกนั ​อยา่ ง​
นี้ มัน​กอ​็ ิงอ​ าศัยก​ นั อ​ ยู่ด​ ีละ ​โยม เพราะวา่ ​ไมม่ ​ีตัวใ​ดต​ วั ​หนึง่ ​ทท่ี ำงาน​แบบ​โดดๆ​ คือ​เวทนา​ก็​ไมไ่ ด้​
มต​ี ัวตน
ตามด​ กู​ ายใ​น​กาย ตามด​ ู​เวทนา​ใน​เวทนา แปล​วา่ ​ใน​เวทนา​น้นั ​ ก​็อาศยั ​สิง่ ​อนื่ เ​กิดข้ึนค​ อื ​
ผัสสะ ตามด​ ู​จติ ​ในจ​ ติ เ​หน็ ไ​หม อาการ​ของจ​ ติ ท​ ค่​ี ดิ ​เปน็ ​โทสะเ​ปน็ ร​ าคะ​หรือ​เปน็ ​โมหะ ก็​ตอ้ งอ​ าศัย​
สิ่งอ​ นื่ เ​กดิ ขึ้น​คือ​ความ​จำ​ใชไ่ หม ความ​จำ​ในร​ ูป ใน​รส ใน​กลนิ่ ในเ​สยี ง หรอื ​ความจ​ ำ​เร่อื งท​ ีผ่ า่ นมา
ถงึ ​จะ​นำมาค​ ิดได้ เมื่อ​คดิ ​แล้วกต​็ ้องเ​กิดเ​ปน็ ​เวทนา​อีกต​ ัว​หนึ่ง​ขน้ึ ม​ า เชน่ ​คดิ ไ​มด่ ​ีก็เ​กดิ ท​ กุ ขเวทนา​
อารมณ​์ไม่ดี คิดด​ ี​กจ็​ ะ​เกิด​สุขเ​วทนา​ฟๆู ​ ฟอ่ งๆ​ ขน้ึ ​มาอ​ ย่าง​นเี​้ ปน็ ต้น​เนอะ หรือ​ในธ​ รรม​านุปสั ส​
นาส​ ตปิ ฏั ฐาน​อย่างน​ ี้ม​ ัน​จะ​เปน็ ศ​ นู ย์รวม​ของส​ ติปัฏฐาน ๔ ทุกต​ วั คอื ​อนั ท​ ี่ ๑ เป็นการเ​ห็น​การ​
ทำงาน​ของข​ นั ธ์ ๕ เหน็ ไ​หม​นค่ี​ รอบคลมุ ห​ มดแล้ว หลวงพอ่ ​ถึง​บรรยาย​รวมๆ​เรือ่ งข​ ันธ์ ๕ เพราะ​
ขนั ธ์ ๕ เนี่ยโ​ยมส​ ามารถน​ ำไปแ​ จกแจง​เป็น​กาย เวทนา จติ ธรรม ได้ แตข่​ ันธ์ ๕ เนยี่ เ​ปน็ ศ​ ูนยร์ วม
เปน็ ศ​ นู ยร์ วมท​ ​่ีพระพทุ ธเจา้ ​บอกว่าก​ จิ ต​ ่อ​ทกุ ข์​ให้ร​ ู้ และ​วา่ ​โดยย​ อ่ ​อปุ าทาน​ขันธ์ ๕ เป็นทกุ ข์ กจิ ​
ต่อ​ทุกข​์ใหร้​ คู้​ ือ​ร้จู ักส​ ภาวะ​ของ​ขันธ์ ๕ นน่ั แหละ​คอื ส​ ตปิ ฏั ฐาน ๔ โยม รู้จัก​สภาวะ​ของ​ขนั ธ์ ๕
ผา​ซอน​แกว 46

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภา​โส : บรรยายธรรม ​ณ ศูนย์ปฏิบตั ิการ การบินไทย สวุ รรณภมู ิ วันที่ ๒๓ ​กันยายน ๒๕๕๒

น่นั แหละค​ ือ​วิปสั สนา
หลวงพอ่ ​กเ็​ลย​ว่าโ​ดย​องคร​์ วม​ทเ​่ี ปน็ เร่อื ง​ของข​ นั ธ์ ๕ เพราะ​มนั ​ครอบคลมุ ถ​ ึง​เรอื่ ง​การ​
เจรญิ ส​ ตปิ ัฏฐาน ๔ ในธ​ รรม​มา​นปุ ัสสน​ า​สติปฏั ฐาน​อยา่ ง​น้ี รูป​ขนั ธ​์ปรากฏ​ก็​รวู้ า่ ​นี่​รปู ข​ ันธ์ อย่าง​
เชน่ เ​วทนา​ปรากฏ​กร​็ ูว้ า่ ​เวทนา สัญญาป​ รากฏ​ก​็ร้วู ่า​น่สี​ ัญญา แต่ค​ นส​ ว่ นใหญ่ค​ วาม​จำ​เกิดขึ้น​ก​็
ไมร่​ ู้วา่ น​ ค​ี่ วาม​จำ อย่างเ​ชน่ จ​ ำผ​ ิด​วา่ เ​ขา​ว่าเ​รา ก​็ไม่ร​ วู้ า่ ​น่ีเ​ป็น​เพยี งแค่ค​ วาม​จำ ไม่ได้ม​ ี​เขา​จริงอยู่ ​
ใน​ความจ​ ำ​อนั นี้ หรอื ​ม​ีเราอ​ ยู่จริงใ​น​ความคดิ อ​ นั น้ี เปน็ ​แคส่​ ังขาร​ขนั ธ์ อันน​ี้เขา​เรียกว่า​รูจ้ ัก​
สภาวะ รจู้ ักล​ กั ษณะ​กค็​ อื ว่าม​ ัน​ไม่ได้ม​ ​ีตัวตนม​ า​ก่อน มัน​อาศัยส​ ิ่ง​อน่ื เ​กดิ ขนึ้ ​เปน็ การ​เห็น​ลักษณะ
แล้วม​ ันก​ ​ไ็ ม่ค​ งที่​มันเ​กิดด​ บั เ​ห็นไ​หม อนั นเี้​ขาเ​รียกวา่ ​เปน็ การ​ตามร​ ูใ้​นส​ ตปิ ัฏฐาน ๔ นะ
พระพทุ ธเจา้ ​จึง​สอนใหด้​ กู​ ายใ​น​กาย เกดิ ข้นึ ​เพราะอะไร​ก็​ร้หู ​ รือ เวทนา​ใน​เวทนา​เกดิ ขึ้น​
เพราะอะไรก​ ​ร็ ู้ ดับไ​ป​เพราะ​เหตอุ​ ะไรก​ ร​็ ู้ จติ ​ใน​จติ ​เกิดจ​ าก​อะไร​ก็​รู้ ดับ​เพราะ​เหตอุ​ ะไร​ก​็รู้ แล้ว​
สงิ่ เ​หล่านีม​้ ​ีอยู่เ​พ่ือ​รู้ไ​ว้เ​ท่านนั้ คือเ​พอื่ ​เอา​ไวเ้​ป็น​เครื่อง​เจริญ​ปัญญา ​ตัว​รูใ้​หส้​ กั แต่วา่ ​รดู้ ​ ว้ ย​
ใจเปน็ กลาง ถ้าเ​หน็ ​แบบนม​้ี นั ก​ จ็​ ะ​ละ​ไอค้​ วามป​ รุงแตง่ ​โทมนสั เ​รียกว่า​ละอ​ ภชิ ฌา​และโ​ทมนัส​
ใน​โลกอ​ อก​เสีย​ได้ คือใ​นร​ ปู น​ าม หรือไมเ่​ปน็ ท​ ่ีอาศัยข​ อง​ตณั หา​ก​ค็ ือ​ละต​ วั ส​ มุทยั ไม่เ​ป็นท​ ีอ่ าศัย​
ของท​ ฏิ ฐ​ิ กล​็ ะส​ ัก​กายท​ ิฏฐไิ​ปด​ ว้ ยโ​ยม ทง้ั ​ไมย่​ ดึ ถอื ​อะไร​ใน​โลก​ก็ล​ ะ​อปุ าทาน​ขันธ์ ๕ อีก​เห็น​ไหม
สติปฏั ฐาน ๔ น​เ้ี ลย​เป็นท​ าง​ที่จะไ​ป​สู่พ​ ระนิพพาน เพราะ​เปน็ การ​ละวาง​อุปาทาน​ขนั ธ์ ๕ หรือ
ตัณหา คอื ส​ มุทัย หรอื ล​ ะท​ ฏิ ฐ​ิ กค​็ อื ล​ ะ​สักก​ ายท​ ฏิ ฐิ​ใน​สงั โยชน์ ๑๐ ตงั้ แต่ต​ วั แ​ รก​ไป​เลย เนอะ
แตม่​ นั ต​ อ้ ง​เห็นค​ วาม​จรงิ ​ไง วา่ ​ไอ้น​ ี่​เปน็ ก​ ระบวนการ​เหต​ุปจั จยั ท​ ัง้ สน้ิ
พิธีกร : ครบั กช็​ ัดเจน​นะ​ครบั ว​ า่ ​ดูตวั ไ​หน​ก็ได้ เพราะ​ทุกสง่ิ ​ทงั้ ๔ เนย่ี ​เกิด​ขนึ้ อยแู่​ ลว้ ม​ ี​
อยู่แ​ ลว้ มค​ี ำถ​ าม​อกี ๒ คำถ​ าม​ครับ เรือ่ งค​ น​ทมี​่ ​ีเป้าหมาย​จะ​ปฏบิ ตั ิธ​ รรม​จน​พ้นทกุ ข​์ทางใ​จ ควร​
แตง่ งานห​ รือไมค่ ะ​ฝากถ​ าม​มานะ​ครบั
หลวงพ่อ : แคค่​ ิดน​ ​่กี ท​็ กุ ข์แ​ ล้วม​ ัง้ ยงั ​ไม่ไดแ้​ ต่ง​เลย แคค่​ ดิ จ​ ะ​แตง่ น​ ก​ี่ เ​็ ร่ิมท​ กุ ข์ (หลวงพ่อ​
หัวเราะ) มนั ​อยูท่ ี​ค่ ทู่​ ่ี​เลอื กอ่ะโ​ยม ทห​ี่ ลวงพอ่ บ​ อกอ่ะ​คือถ​ ้า​เป็นเ​คร่อื ง​สนบั ส​ ุนน​เปน็ กำลัง เปน็ ​
แสงสว่าง ไม่ไดเ้​ป็นภาระ ต้อง​ตกลงก​ นั ใ​หด้​ ​กี ่อน​นะ ก​ ่อนจ​ ะแ​ ต่งงาน​ว่า​เรา​มเ​ี ป้าหมาย​ที่จะ​
พน้ ทุกข์ไ​ป​พระนิพพาน ถ้า​เขา​ม​เี ป้าหมาย​เหมอื นกนั แ​ ละใ​ช้ช​ ว่ งเวลา​ที่อยดู่​ ้วยกนั ​ในโ​ลก ใชช้ ีวิต​
ร่วมกนั ​เป็นการแ​ บง่ ปนั ก​ าร​เรียนรู้ บางเร่ืองท​ ี​เ่ รา​ยัง​อาลยั อาวรณ์ หรือว่า​ยงั ​ไม่ช​ ัดเจน หรือยงั ​

47 ผา​ซอน​แกว

พระอาจารย​อำนาจ​โอภา​โส

รสู้ กึ ว่า​ยังต​ อ้ งการเ​รยี นรเู้ ​พิ่มข้ึน​อยา่ ง​เชน่ ใน​ความรสู้ กึ ​ของ​ความร​ กั ​อะไรอ​ ยา่ ง​น้ี เรา​ยังร​ ู้สกึ ย​ งั ​
อยากร​ ้สู กึ เ​ข้าใจ​มนั ​อกี น​ ิดน​ งึ ไ​มไ่ ดว้​ า่ ​คา้ งเต่ิงแ​ บบ​ไมเ่ ขา้ ใจ แลว้ ก็​ยัง​โหยหา​อยู่ ถา้ ​เขา้ ใจ​มัน​แลว้ ​
มันท​ ำงานอ​ ย่างน​ น้ี​ ีเ่ อง ไม่ม​ีอะไรไ​ปม​ ากกวา่ น​ แี​้ ล้ว มัน​เรยี กว่า​ ​ใจหาย​สงสยั เรยี กวา่ ​อาศัย​กนั ​
และก​ ันเ​รียนรไู้ ​ป​อย่างน​ ี้​ได้ แตไ่​ม่ใช่ว​ ่า​ไป​ยดึ ซ​ ่งึ ​กันแ​ ละ​กนั แลว้ ไป​กนั ​ไมร่​ อดท​ ้ังคู่ อยา่ ง​นี​้กไ​็ มค่​ วร​
ต้อง​ตกลงก​ ัน​ซะก​ ่อน ตกลงก​ นั ​ไดจ้​ ริงๆ ​นะ วา่ ​เราจ​ ะ​อยู่เ​รา​ม​เี ปา้ หมาย​ที่จะ​ไปน​ พิ พาน​นะ เธอ​มี​
เป้าหมายอ​ ย่างน​ ั้นเ​หมือนกนั ​ มา​แบง่ ปนั ก​ ารเ​รียนรรู้ ​ ่วมกัน​เปน็ เพอื่ น เป็นเพื่อนก​ นั ​ในร​ ะหวา่ ง​
เดนิ ทาง มปี​ ญั หา​อะไร​เราป​ รึกษา​กัน ม​ีความไ​ม่เขา้ ใจ​เรา​ปรกึ ษา​กนั หรอื ​แบ่งปัน​ความ​สขุ ​์ ความ​
ทุกข์ หรอื ก​ ารเ​รียนร้บู ​ างเร่อื ง กแ็ ล้วกนั เ​นอะ
หลวงพ่อ : หรอื ​การแ​ บง่ ปันค​ วามส​ ขุ ​ความ​ทุกข์ หรอื ​การ​เรียนรู้บ​ างเรื่อง​แล้วกนั ​นะ
อย่าง​เช่น​ความร​ ัก ความห​ อม​หวาน ของค​ วาม​รัก​อนั ​อบอวล มุม​ใดม​ ุมห​ นง่ึ เข้าใจ​แลว้ แ​ ค่น้นั ก​ .็ ..
แต่ถ​ า้ ย​ งั ​ไมเ่​รยี น บางที​มัน​ก็...ก็ไมแ่​ ล้วใ​จ กแ็ ลว้ แต่ก​ ำลงั ​ของแ​ ตล่ ะคนน​ ะ หลวงพอ่ ​ไมส่ ามารถ​จะ​
ไป​ชว่ ย​ยนื ยนั ไ​ด้ว​ า่ มนั ค​ วร​หรอื ไมค่​ วร มันต​ ้อง...มัน​ต้องใ​ช้ด​ ลุ พนิ ิจว​ จิ ารณญาณ ของ​การ​ลงทนุ
เพราะ​การล​ งทนุ ​ม​คี วาม​เส่ยี ง (หวั เราะ)
โยม : ครับ กเ​็ หมือน​ทห่ี​ ลวงพอ่ ​บรรยายไ​ปใ​นเ​ร่อื ง​ของ​ความ​รัก ก​็คง​ใช้ห​ ลักการ​นนั้
แลว้ อ​ ีกค​ ำ​ถาม​หนง่ึ ค​ รับ หลวงพ่อ ในเ​รื่อง​ของ... เห็น​ถาม​วา่ กลัว​อนาคตแ​ ละก​ ลัว​ตาย​จะ​แกไ้ ข​
อย่างไรคะ​
หลวงพอ่ : คนก​ ลัวต​ ายเ​น่ีย เพราะ​กลัวก​ าร​สญู เสีย​ผสั สะใ​น​กามคุณ ๕ กลวั ว​ า่ ​จะ​ไมไ่ ด้​
เห็นค​ นท​ ่ีรัก​อกี กลัว​จะ​ไม่ไดก้​ นิ อาหาร​ท​่ีอร่อย ทเี่​คยก​ ิน​มา กลัว​จะ​ไมไ่ ด้เ​ห็น​สวนดอกไมท้​ ี่ป​ ลูกไ​ว้​
หนา้ บ้าน มนั ก​ ลัวก​ าร​สูญเสยี ผ​ สั สะ ในก​ ามคุณ ๕ ทั้ง​หลายแหล่ มัน​คดิ วา่ ​ถ้าไ​ม่มี​ร่างกาย​น้​ีแลว้
กค็​ งจะ​ไม่ไดส้​ ง่ิ เ​หลา่ นอ้ี​ ีกแลว้ ห​ รือไ​ม่ไดส้​ วมกอด โอบกอดผ​ ัสสะ ไม่ได้ผ​ สั สะ ไม่ได้เ​ห็นท​ าง​ลกู ตา
ทางห​ ู ทางจ​ มูก ทาง​ลน้ิ ทาง​กาย สง่ิ เ​หล่าน้ีเ​ป็นตน้ กลัวส​ ่งิ ​เหลา่ น้ี กลัว​การ​สูญเสยี ก​็ไปด​ ู​ว่า ไอ้​
สิง่ ​ทเ​่ี รา​กลวั ​การส​ ญู เสยี เ​น่ีย มนั ​ม​ีคุณคา่ อ​ ยูจ่ รงิ ​หรือเปลา่ หรอื ​มี​ใครบ​ ้าง​ในโ​ลกน​ ี้ ทีเ่ ก็บ​ส่งิ ​เหลา่ น​้ี
ไว้ไ​ด้ต​ ลอดกาล ไม่ม​หี รอก มนั ม​ ีแ​ ต่ค​ วาม​ไม่ค​ งท่ี เป็นการ​ยึด​กบั ​ความ​ไมค่​ งที่ ที​เ่ จ็บปวด และ​กลวั ​
การไ​มค่​ งท่ี ซ่ึงม​ นั ​เปน็ ความ​ผิดป​ กตนิ​ ะ (หัวเราะ) เพราะ​กฎ​ของ​ธรรมชาติ​มันค​ ือค​ วาม​ไม่ค​ งที่ คือ​
ความเ​ปล่ยี นแปลง ซึง่ จ​ ะ​ตอ้ งต​ อ้ นรบั ม​ ัน​นะ และ​กต็​ อ้ ง​ยอมรับค​ วาม​จริง​ว่า ม​ีใครอ​ ยู่ใ​นน​ นั้ การ​
ผาซ​ อ น​แกว 48

พระอาจารย​อำนาจ​โอภาโ​ส : บรรยายธรรม ณ​ ศูนยป์ ฏิบัติการ การบินไทย สุวรรณภมู ิ วันที่ ๒๓ ก​ันยายน ๒๕๕๒

ไป​สรา้ งท​ ศั นะ​แบบน้ี มนั เ​ปน็ ทกุ ข์ซ​ ้อน​ทุกข์ คือค​ วาม​ไมค่​ งท่ี มัน​ก็​มอ​ี ย่แู ​ ลว้ แล้วไป​อยาก​ให้ม​ ัน​
คงที่ อยาก​ให้ม​ ัน​ไมเ่​ปลยี่ นแปลงเ​นย่ี โอโ้​ห มัน​หาเรอ่ื งท​ กุ ข์ใจ แบบ..แบบ​ไร้เดียงสา ต้อง..ต้อง​
เผชญิ หนา้ ก​ ับค​ วาม​จริง​นะ ยอมรบั ค​ วามจ​ รงิ และ​ใน​สง่ิ ​ท่​เี ขา้ ไป​ผูกพนั ​ท้งั ห​ ลายแหล่น​ ่ี ไม่ว่า​จะ​
กลับ​มา อีกก​ ่​ภี พ​ก​่ชี าติ อกี ก​ ค่​ี ร้ัง มันก​ ไ็​ม่ค​ งทเี​่ หมอื นเดิม ไม่มีวนั ​จบส้ิน
ถา้ ย​ งั ​พึงพอใจ​ส่งิ น​ ีอ้​ ยู่ คอื ไ​มร่ จู้ กั ​โทษข​ อง​มนั เพราะมนั ​คอื ​ความ​เสอ่ื ม คือความเปลีย่ น
แปลง คือค​ วามไ​มค่​ งท่ี ซ่ึงไ​ป​ฝาก​ความห​ วงั ไว้ไ​ม่ได้เ​ลย กับ​ความไ​ม่ค​ งที่ อยา่ ง​ลน้ิ ก​ ระทบล​ ้ิน​
อยา่ ง​เนี้ย มนั ​ก็​สลาย​ทันทที นั ใด จะไ​ปฝ​ าก​ความห​ วงั ไว้ ชอบ​แบบน​อ้ี ีก มนั ​ต้อง​ไป​เจอ​ความไ​ม่​
คงที่​อกี ความไ​ม่ค​ งท่ี แม้แตร่​ า่ งกาย​ธาตุ ๔ เนี่ย เปลี่ยนแปลงต​ ลอด​เวลา​อยู่แ​ ล้ว กลบั ม​ า​อกี ก​ ็​
ตอ้ ง​เจบ็ ปว่ ย เจ็บไข้ไ​ดป้​ ่วย ตอ่ ควิ โ​รงพยาบาล ตอก​บัตร รถตดิ เจอ​เสียงท​ ่​ไี มค่ าดคิด ซำ้ ​แล้วซ​ ้ำ​
เล่า แล้วกไ​็ มไ่ ดจ้​ าก​สิ่งเ​หลา่ นน้​ี ะ ไอ้ค​ วาม​ไดน้​ ะ มนั ​เปน็ การห​ ลง​เทดิ ​คา่ ช่อื อ​ ุปาทาน คดิ ว่า​มันม​ ี​
ค่า มัน​ไม่ได้ม​ คี​ ่า​อยจู่ รงิ ​หรอก มันเ​ปน็ ความว​ ิปลาส วิปลาส​มีอ​ ยู่ ๔ ตวั
อย่าง​เชน่ ว​ ปิ ลาสว​ า่ มันง​าม ท่จี รงิ ​มัน​ไมไ่ ด้ง​ามห​ รอก​นะ ไม่เ​ชื่อ​โยมล​ องเ​ปลยี่ นไปอ​ ยูก่​ บั ​
พวก​ลงิ ชิมแปนซดี​ ู แยง่ ต​ ัวผกู้ ​ นั ไอ้ต​ ัวเมียม​ นั ​แย่งต​ วั ผูก้​ นั ให้เ​ราไ​ป​แย่งด​ ้วย​เอา​ไหม หรือ ก​อรลิ ล​ ่า​
ตวั ผู้ ตวั เมยี ม​ ันช​ อบ เห็นไ​หม​มันไ​มไ่ ด้ง​าม​จริง​หรอกโ​ยม หรือ​ช้างน้ำ ปลา​พะยนู สงิ โตทะเล สุนัข​
จิง้ จอก หอย​ทาก ตวั อ​ ะไรก​ ็แล้วแตท่​ ่ี​มันห​ ลง​เทดิ ​คา่ ​ซ่งึ ​กัน​และ​กัน งาม แล้วก​็เข้าไป​คลอเคลยี
เผลอเ​พลิน เผลอเ​พลิน​อยู่ช​ ว่ั ขณะ มนุษย​ใ์ ช้ค​ ำ​ว่าเ​พลิดเพลิน ทจี่ ริง​มัน​เผลอเ​พลนิ โ​ยม เผลอ​
เพลินจ​ รงิ ๆ ถ้า​โยม​เหน็ ​สตั ว์ เราจ​ ะ​รวู้ ่า​มนั เ​ผลอเ​พลนิ ไปช​ วั่ ขณะ หลวงพ่อ​เคยอ​ ยู่ท​ีม่ หดิ ล​เน่ยี ตวั ​
ตะกวด​แถวน​ นั้ น​ ะ​เยอะม​ าก มนั ​เดนิ อ​ อกม​ าจาก​พุทธมณฑล บางท​ีมันก​ ็เ​ดินอ​ อกมา​ป้วนเป้ียน​จบี ​
กนั อะไรอ​ ยา่ ง​นี้ เสพ​กาม คลอเคลยี พวั พันก​ ัน​ไป เหน็ ​แลว้ ​มัน​กแ็ คค่​ วาม​เผลอ​เพลินโ​ยม ของ​
ความ​ไมร่ ู้เ​นีย่ แล้ว​มนั ​กไ็​ป​เทิด​ค่า​เนยี่ วา่ ไ​อร้​ า่ งกาย​ของ​ตัว​ตะกวดต​ วั ผู้ ตัวเมีย​เนยี่ ​สวย สำหรับ​
เราน​ ี่ สวย​ไหม ไมส่ วยเ​หรอ ของ​เราต​ ้อง​จระเขเ้​นอะ ใหญๆ่ ห​ น่อย (หวั เราะ) ตะกวดม​ นั ​ตัวเลก็ ​ไป
เห็นไ​หมโ​ยมว​ า่ มนั ไ​ป​เทิดค​ า่ ว​ ่า​สิง่ น​ ้นั ​สวย ข้างใน​นะ มนั ​เป็นธ​ าตุ ๔ เหมอื นกัน ขา้ งนอก​มนั ​แค่​
ปกป​ ดิ ไว้ช​ ่ัวขณะ ข้างใน​มนั เ​ป็น​ธาตุ ๔ อย่าง​เสมอภาคก​ นั แต่เ​หน็ ​อยา่ ง​น​ี้นะ​โยม มัน​ไม่เห็น​อะไร
จะม​ อี​ ะไรง​ามจ​ รงิ ​เลย มนั ​เป็น​แคธ่​ าตุ ๔ บางท​ีเราไ​ป​ไป​เทดิ ค​ ่า จดุ น​ นู้ จ​ ดุ น​ ี้​ข้ึน​มา เลก็ ๆ​ นอ้ ยๆ​
เรียกว่า​ไป​สนใจ​แต่ละ​ส่วนเ​ลก็ ๆ​ ขึน้ ​มา ผ้หู ญิง​กจ็​ ะ​เอาก​ ระจก​มา​ด​ูลกู ​กะ​ตาเ​นอะ (หวั เราะ) ไป​
เทิด​คา่ ​แตล่ ะส​ ว่ นม​ ัน​ขึน้ ม​ า..อมื สว่ น​อื่นๆ​ก​็เชน่ เ​ดียวกนั เ​นอะ ใน​ตวั ​ทก​่ี ลวั ​ตาย​เนี่ย เพราะวา่ ​มนั ​

49 ผา​ซอนแ​ กว

พระอาจารยอ​ำนาจ​โอภาโ​ส

ไป​วิปลาส
อนั ​ท่ี ๑ กค็​ อื นึกว​ ่าม​ ันง​าม นึกว​ า่ ​สิง่ ​ทไ่​ี ดม้​ า​มนั ง​าม จริง​มัน​คือธ​ าตุ ๔ ท่ี​แปลงร่าง ก​็
เลย​ช่อื ว่า​มหาภ​ ูตรปู เป็นภ​ ตู เปน็ ธ​ าตุ ๔ ทแี​่ ปลงร่าง เป็น​ส่งิ ​ตา่ งๆ ซงึ่ ​ข้างในแ​ ล้ว เป็น​ธาตุ ๔
เหมอื นกนั เป็นแ​ คเ่​ปลือกท​ ขี่​ ้นึ ​มา​บัง​อยู่ช​ ว่ั ขณะ แล้ว​สลาย​คืน​สธู่​ าตุ ๔
อนั ​ที่ ๒ ท​ว่ี ปิ ​ลาสนะ วปิ ลาส​ว่าเ​ปน็ ส​ ิง่ ​ท่งี​าม นกึ ​วา่ เ​ป็น​สภุ ะ​ จรงิ ๆ​ มัน​เป็นอ​ สภุ ะ​
คือส​ ิ่ง​ท่​ีไมไ่ ดง้​ามอ​ ยู่จรงิ อนั ​ที่ ๒ คือ คดิ ว่า​ส่งิ ท​ ​่ีไดม้​ าน​ ้ัน มัน​จะ​ม่ันคง แต่จ​ ริงๆ ​แลว้ ​มันม​ ​ีแต่​
ความเ​ปลย่ี นแปลง มันไ​มม่ ​ีความ​อยกู่ บั ที่ มนั ​เปล่ยี นแปลง​อยตู่ ​ ลอด​เวลา จะ​บอกว่า​จะ​ให้ค​ น​
นี้​เหมือนเดิม หลวงพ่อเ​ห็นห​ ลายค​ น​นะ ไมว่ า่ ​จะ​เป็นค​ น​สวย คน​หล่อใ​น​ทีว​ที ผี​่ า่ นๆ​ ไป​นะ โอ้​
โห พอ​ถงึ เวลา “โห...เดยี๋ วนเี​้ ปลย่ี นไปถ​ งึ ​ขนาดน​้ีเลย​เชียว​หรอื ​เน่ยี ” ช่วั ​ขณะหน่งึ มนั ​แค่เ​ป็น​
ปรากฏการณท​์ ​ี่เกดิ ข้นึ ช​ ว่ั ขณะ แลว้ ​มนั ก​ ็ส​ ลายไ​ปๆ​มนั ​ม​ีความ​เปล่ียนแปลง อย่าไ​ป​คิดวา่ ม​ ัน​จะ​
ไมเ่​ปล่ียนแปลง เปลี่ยนแปลงแ​ น่นอน
อนั ​ท่ี ๓ คิดวา่ ม​ นั ​จะไ​ดค้ วามส​ ุข ไม่ม​ีความ​สุขห​ รอก มี​แตค่​ วามไ​มค่​ งท่ี เรียกวา่ ​ทุกข​
ลักษณะ ทุกข​ลักษณะ​คือค​ วามไ​ม่ค​ งทข่ี​ อง​ทุกส​ รรพสงิ่ มนั ​จะค​ งทถี​่ าวร เปน็ ไป​ไม่ได้ ความ​ไม่​
คงที่ ชอ่ื วา่ ​ทุกข​ลกั ษณะน​ ะ ไม่ใช่ท​ กุ ขเวทนาน​ ะ ไมใ่ ช่ว​ า่ ​เมอื่ ยว​ า่ ​ปวด​นะโ​ยม คำ​วา่ ​ทุกข์ ทุกขใ์​น​
อริยสัจ​เนย่ี หรอื ท​ ุกขใ์​นไ​ตรลกั ษณเ์​น่ยี ทุกข​ งั ​เน่ยี แปลว​ ่า​“ทกุ ขล​ กั ษณะ”​ทมี​่ นั ​ไม่สามารถ​
คงจะท​ ่ีอยไู่ ​ด้ หรือท​ รงตวั ​ด้วยต​ วั เองไ​มไ่ ด้ เพราะว่าอ​ าศยั ส​ ิง่ ​อน่ื ​ประกอบขึ้น มัน​เลยท​ รงตัว​
ดว้ ยต​ ัวเอง​อยู่ไ​ม่ได้ นกึ ออกไ​หม ไม่ว่า​อะไรก​ แ็ ลว้ แต่ รส​ท​ี่สมั ผัสล​ น้ิ ​อย่าง​น้ี มนั ​ไมส่ ามารถ​ทรงตวั ​
อยไู่ ​ด้ เพราะวา่ ม​ นั อ​ าศัย​เหตป​ุ ัจจยั ​ประกอบก​ นั ​เข้า แลว้ ​มันก​ ​็เลยไ​มม่ ี​ตัวตนด​ ว้ ย คือเ​ปน็ ​อนัตตา
แต่ก​ ็​วิปลาสค​ ิดวา่ ​มนั เ​ป็น​อตั ตา คดิ ว่าม​ ันเ​ป็นของ​ตวั ตน จริงม​ ัน​ไม่ใช่ข​ อง​ตวั ตน เพราะ​มัน​อาศยั ​
ปัจจัยอ​ นื่ ​ประกอบก​ นั เ​ขา้ เห็น​มย้ั มัน​เลย​ไม่มี​ตัวตนด​ ว้ ยต​ นเ​อง มอง​ภาพแ​ บบน​น้ี ะ มัน​ก​จ็ ะ​ละไ​อ้​
ความรูส้ กึ ข​ องก​ ารท​ เ่​ี ข้าไปย​ ึด การเ​ข้าไป​อยาก การ​เข้าไปเ​สยี ดาย หรอื ​วา่ การ​กลัว​ตาย กลวั ​อะไร​
ตา่ งๆ​ข้นึ ม​ า​เนี่ย กลวั ​สูญเสยี ส​ ง่ิ ​น้ี จริงๆ​มันส​ ูญเสยี อ​ ยู่ท​ ุกขณะ​อยแู่​ ล้ว​นะ​โยม จาก​ความ​สลายไ​ป​
ทุกขณะๆ​ของ​มนั
โยม : ครับ ก็​ต่อไปก​ ​ค็ งจะเ​ปน็ ​คำถ​ าม​สุดทา้ ยน​ ะค​ รบั เพราะวา่ ​ก​จ็ วนเ​วลา​แล้ว ก​็พอด​ี
เปน็ ค​ ำ​ถามเ​รอ่ื งข​ องส​ ภาวะ ถาม​มาว​ า่ ​ในขณะท​ี่เรา​นอนหลับ และ​มี​ความ​รสู้ ึกวา่ ม​ีความคิด​
ผา​ซอ น​แกว 50


Click to View FlipBook Version