โรคภัยไข้เจ็บน่ีแหละกรรมซ้อนกรรม ท่านท้ังหลายอย่าได้ท้ิงพิเภกซ่ือ
คือ สติสมั ปชัญญะ ตัวสตินี้ฆ่ายักษ์ตายหมด ตัวสติจะเปน็ คนบอก
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้ให้จิตไปฆ่ายักษ์ในตัวได้ ถ้าท่านมีสติครบวงจรแล้ว ทำ�อะไร
กจ็ ะส�ำ เรจ็ หมดจงึ เปรยี บตวั สตเิ ปน็ พเิ ภกตวั จติ เปน็ หนมุ านซงึ่ เปน็ ลงิ
จิตคนเรานีว้ อ่ งไวเหมอื นลงิ อยไู่ ม่สขุ
การก�ำ หนดใหห้ ายใจลกึ ๆก�ำ หนดทลี่ น้ิ ป่ีถา้ เรามสี มาธดิ ี
มสี ตดิ อี ยแู่ ล้วเพียงแตก่ �ำ หนด “หนอ” มันก็หายแลว้
ค�ำ วา่ “หนอ” เปน็ การรง้ั จติ และสตใิ หเ้ ขา้ ผนวกบวกกนั
50 พอเข้าผนวกกันแล้ว มันจะบอกออกมาเลยว่าเราไปโกรธเขาทำ�ไม
มนั เสยี สมองเขากไ็ มร่ เู้ รอ่ื งวา่ เราโกรธเราไปโกรธเขาน้ีเปน็ การท�ำ ลาย
ตัวเอง เอาโกรธไว้ในใจ การงานเสียหายหมด ทำ�ให้โรคภัยไข้เจ็บ
แทรกซอ้ น เสียใจกท็ �ำ ให้โรคแทรกซอ้ น
ทา่ นอย่าทิ้งตวั สติหรือพิเภก ถามพเิ ภกดู พอกำ�หนดได้
ตัวปัญญาท่ีมีอยู่กับตัวเราเองก็จะบอกเองว่าเสียใจเพราะอะไร
เพราะลูกไม่เรียนหนังสือ และจะแก้ไขได้อย่างไร ถ้าใครไม่มี
กรรมฐาน ก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ ไม่ต้องไปหาวิชาการจากที่ใด เม่ือมี
ปัญหาเกิดกับตนเองก็ต้องแก้ด้วยตัวเอง เหตุเกิดจากที่ไหนต้องแก้
ทีต่ น้ เหตุ อยา่ ไปแกท้ ีป่ ลายเหตุ
.... การกำ�หนดสติให้กำ�หนดติดต่อกัน อย่าให้ขาดสาย โรคภัยไข้เจ็บ
ถา้ ลมหายใจออกดี อารมณท์ า่ นกจ็ ะดดี ว้ ย ทา่ นจะไมม่ โี รคภยั ไขเ้ จบ็
ถ้าท่านหายใจเข้าออก มีแต่อารมณ์ร้าย ขาดสติในการกำ�หนด 51
พองหนอยุบหนอทุกเวลาแล้ว ความร้ายก็จะเข้ามาแทรก ทำ�ให้
อารมณ์เราไม่ดี ถ้าอารมณ์ร้ายแล้วท่านจะเสียใจในภายหลัง จะคิด ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
แต่เร่ืองไม่ดี และมีแนวโน้มท่ีจะคิดไปในทางที่เสียหาย จะทำ�อะไร
ก็ไม่มีการไตร่ตรอง จึงได้ของไม่ดีมาแทรกในจิตใจ ของดีก็มลาย
หายไป ตรงน้ีสำ�คัญมาก คนไม่อยากสร้างความดีกัน เพราะเขาทน
ความลำ�บากไม่ได้ คนช่วั จงึ มีมากกว่าคนดี
ปฏบิ ตั กิ รรมฐาน ชว่ ยให้สุขภาพร่างกายดี
โดย พระธรรมสิงหบรุ าจารย์
ถ้าทำ�กรรมฐานติดต่อกันไปจะได้รับคติดังนี้ ....
มีประโยชนใ์ นการพัฒนาบุคลกิ ภาพ ๓ ประการ
๑. มคี วามเข้มแข็งอดทน หนักแน่นมน่ั คง ทง้ั กายทง้ั ใจ
๒. มีสุขภาพจิตดี
๓. ทำ�ให้สุขภาพร่างกายดี รักษาโรคบางอย่างได้ เช่น
โรคคิดมาก โรคนอนไม่หลับ โรคหวาดระแวง โรคความดันโลหิต
สูงต่ำ� และโรคหัวใจจะไม่เป็น ถ้าท่านเจริญกรรมฐานดังกล่าวแล้ว
ทุกประการ
โรคภัยไข้เจ็บกรรมฐานไม่ใชก่ ารตดั กรรม
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้โดย พระธรรมสงิ หบรุ าจารย์
จำ�ไว้เลย กรรมฐานไม่ใช่ตัดกรรม กรรมฐานแปลว่า
ตอ้ งใช้หนีก้ รรม จะไดห้ มดหน้กี ันในชาติน้ี ชาตหิ น้าอยา่ ได้เปน็ หนี้
ต่อไปอีกเลย ถ้าอาตมาไม่นั่งกรรมฐานจะไม่รู้ว่าจะต้องคอหัก
ใช้หนี้นก นกมาทวงต้องให้มันนะ เพราะไปหักคอมัน เด๋ียวน้ี
อาตมาเลกิ กินนก ใครมาถวายไมฉ่ ันหรอก เตา่ กเ็ หมือนกัน น่ีแหละ
52 กรรมฐาน คือ การใชห้ นกี้ รรมเก่าในครง้ั อดีตทผี่ ่านมา สรา้ งความดี
ใช้หนี้กรรมเก่า เรยี กวา่ กรรมฐาน แต่ถ้าเรามาน่ังจ้ิม ๆ จำ�้ ๆ จะไป
ใช้ได้อย่างไร ต้องไปใช้ในเมืองนรก ต้องตกนรกเป็น ๑๐๐ ปี จำ�ไว้
อย่าคิดว่าเป็นเร่ืองเหลวไหล .... อาตมาก็ขอให้มามืดกลับไปสว่าง
แล้วท่านยังกลับไปมืดอีกหรอื บางคนไมร่ ้อู ะไร คิดว่าน่ังกรรมฐาน
แล้วจะไปสวรรค์นพิ พาน นุ่งขาวหนอ่ ยคดิ ว่าไดบ้ ุญแลว้ จะกลับได้
บาปไป ข้างนอกขาวข้างในดำ�
บางคนเช่ือผิด ๆ ว่ากรรมฐานทำ�ให้ตัดกรรมได้ ถ้าตัด
กรรมได้ ไปฆ่าใครเขามาก็ตัดกรรม ไม่ต้องใช้หนี้หรือ หนี้วัตถุ
หนเี้ งนิ หนที้ องใชห้ มดได้แตห่ นบ้ี ญุ คณุ ใชไ้ มห่ มดอยา่ งเดก็ สมยั ใหม่
เถยี งพอ่ เถยี งแม่ เถยี งค�ำ ไมต่ กฟาก เพราะหยอ่ นศลี ธรรม ไมส่ วดมนต์
ไหวพ้ ระ ไมม่ พี ระอย่ใู นใจ
กรรมฐานแกก้ รรมไดอ้ ยา่ งไร
โดย พระธรรมสงิ หบุราจารย์ (๑๓ พ.ค. ๒๕๓๒)
ขอเจรญิ พร บรรดาญาตพิ น่ี อ้ งและคณะอาจารยว์ ทิ ยาลยั โรคภัยไข้เจ็บ
ครธู นบรุ แี ละผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมทกุ ทา่ น ขอเจรญิ สขุ นกั ศกึ ษาทม่ี าปฏบิ ตั ิ
ธรรมทกุ คน 53
วนั นจ้ี ะแสดงธรรมะในเรอื่ งกฎแหง่ กรรมและกรรมฐาน ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
แกก้ รรมไดอ้ ยา่ งไร ขอใหท้ ่านทงั้ หลายไดต้ ัง้ ใจฟังธรรมสืบไป
ค�ำ วา่ กฎแหง่ กรรม แปลวา่ อะไร กฎ แปลวา่ ดนั และผลกั
กรรม แปลวา่ การกระท�ำ แตล่ ะราย แตล่ ะรปู ไมเ่ หมอื นกนั ท�ำ ดกี ด็ นั
ไปทางดี ทำ�ช่ัวกด็ ันไปทางชัว่
กฎ ตวั นี้ คอื กฎแห่งธรรมชาติ กฎ แปลวา่ กดลงไปและ
ดนั ขนึ้ มา ถา้ หากเรามคี ณุ ธรรมไดอ้ บรมมาดแี ลว้ มนั จะดนั และผลกั
ไปในทางดีให้มปี ัญญา
ถา้ การกระท�ำ ของเราไมส่ มสว่ นควรกนั ไมส่ มเนอื้ สมน�ำ้
เพราะจติ ใจทอ่ี บรมมาไมด่ ี มนั จะดนั ไปในทางทไี่ มด่ แี ละกดใหจ้ มลง
ให้ต่�ำ ลงไปโผล่ไมข่ ้นึ
โรคภัยไข้เจ็บ อาตมาประสบมามากหลาย บางคนไม่สนใจในเร่ือง
กรรมดีกรรมชั่ว ต้องการอายุม่ันขวัญยืน ต้องการให้มีความ
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้สวยงาม ผิวพรรณผ่องใส ต้องการให้สุขภาพอนามยั ดี และต้องการ
ให้กิจการสำ�เร็จตามเป้าหมาย แต่เขาไม่ได้สร้างเหตุผลที่จะส่งผล
ใหอ้ ายยุ นื กลบั ไปท�ำ ใหอ้ ายสุ นั้ ไปฆา่ สตั วต์ ดั ชวี ติ เบยี ดเบยี นชวี ติ เขา
อาฆาต เคยี ดแคน้ ผกู พยาบาทรษิ ยา รบั รองผนู้ น้ั จะอายสุ นั้ พลนั ตาย
ตง้ั แตอ่ ายยุ ังน้อย
พระทา่ นสอนไวว้ า่ “กจิ โฺ ฉ มนสุ สฺ ปฏลิ าโภ” การเกดิ เปน็
มนษุ ยแ์ สนจะยาก ล�ำ บากเหลอื เกนิ ทจี่ ะเกดิ มาโสภาภาคย์ มหี นา้ ตาดี
54 ยิ่งหายากที่สุด ท่านต้องมีญาณมา มีปัญญามา มีวิชามา มีความรู้
ของมนษุ ย์ คอื มีคณุ สมบตั มิ นษุ ย์ครบ คือ คุณธรรม มีศลี ๕ ครบ
จึงจะมาเกิดเปน็ มนษุ ย์ท่โี สภาได้
บางคนมีศีลมาไม่ครบ มีคุณสมบัติไม่ครบ เกิดมา
ขี้ร้ิวข้ีเหร่ บางคนเกิดมาง่อยเปลี้ยเสียขา บางคนตาบอดหูหนวก
บางคนแถมยังปัญญาออ่ นอีก บางคนเฒา่ แก่ชราเปน็ อัมพาต
บางคนมีทานดีมาแต่ชาติก่อน ก็เกิดมาเป็นลูก
มหาเศรษฐมี ่ังมศี รสี ขุ แต่เมอื่ ชาติก่อนเขาไดท้ �ำ การเบยี ดเบียนสตั ว์
มาชาตนิ จี้ งึ สามวนั ดสี ว่ี นั ไข้ เขา้ โรงพยาบาลไมพ่ กั มเี งนิ กช็ ว่ ยไมไ่ ด้
บางคนไม่ได้สร้างเหตุแห่งปัญญามา ถึงเกิดเป็นลูก โรคภัยไข้เจ็บ
เศรษฐี เงินก็ซื้อวิชาไม่ได้ เงินก็ช่วยลูกเรียนเป็นดอกเตอร์ไม่ได้
เพราะเหตุใด เพราะทำ�บุญมาไม่ครบ บางคนบ้านใหญ่โตราวกับวัง 55
แตก่ ินขา้ วกบั น�ำ้ ตาไม่เว้นแตล่ ะวนั
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
ทา่ นทง้ั หลายโปรดทราบเรอื่ งสงั ขท์ องเปน็ ปรศิ นาธรรม
หกเขย คือ หน้าโง่ โง่ทางอายตนะ ตาโง่ ไม่มีกำ�หนดเห็นหนอ
เหน็ ดว้ ยโง่ ๆ ไมเ่ ห็นลึกซ้งึ ไม่เหน็ นสิ ยั ใจคอคน ดูคนไมเ่ ป็น
ดคู นใหด้ ูหน้า ดูผา้ ให้ดเู นอ้ื
ดเู ส่อื ให้ดูลาย ดชู ายใหด้ ูพ่อ
จะไดไ้ มย่ อ่ ท้อใจ!
ทา่ นทั้งหลาย เพง่ิ เร่ิมเขา้ มาปฏิบัตไิ ม่กีช่ ัว่ โมง จงึ อาจจะ
ไม่ลึกซึง้ ถึงขนั้ ทีด่ หู น้าดตู ากจ็ ะรไู้ ด้ ดูคนให้ดูหน้า ดโู หงวเฮง้
การแนะแนวไม่ใช่มาถึงวัดสอนบุญบาป ทำ�บุญไป
สวรรค์ ทำ�บาปไปนรกเท่านั้น ต้องสอนแนะแนวถึงกรรมฐาน
แกก้ รรมไดอ้ ยา่ งไรใครเอาไปใชป้ ฏบิ ตั เิ ปน็ ประจ�ำ จะแกก้ รรมไดจ้ รงิ ๆ
ถ้าใช้ไม่จริงก็เหมือนถ้วยชา เขาให้มาแล้วเอาไปใส่ตู้ไว้ ไม่ค่อยใช้
ใหเ้ ป็นประโยชนเ์ ลย
โรคภัยไข้เจ็บ ตัวเราน้ีมีประโยชน์มาก แต่ใช้ตัวไม่เป็น ไปใช้ในเร่ือง
ไร้สาระเสยี มาก ไม่ใชใ้ หเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ตวั เอง เกดิ มาเสยี ชาติเกิด
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้ ไม่ประเสริฐล้ำ�เลิศ ไหน ๆ จะตายจากโลกไปก็จะต้องมีความดี
ติดตัวไปด้วย และทิ้งความดีไว้ในโลกมนุษย์ คือ ความดีเป็นตรา
ถ้าใครทำ�กรรมฐานได้ลึกซึ้ง จะรู้เหตุผลของชีวิตได้อย่างดีท่ีสุด
เป็นประโยชน์แก่ชีวิตประจำ�วัน แก้ไขปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ดว้ ยกรรมฐาน
บางคนชอบไปหาหมอดู หมอดูบอกว่าต้องสอบได้
ที่หน่ึง แต่ปรากฏว่าสอบตก หมอดูว่า สอบตกกลับสอบได้
56 เพราะเราขยัน เราต้องสร้างความดีให้กับดวง หาใช่ดวงทำ�ให้เราดี
ไม่ต้องสร้าง อยู่เฉย ๆ ดีได้อย่างไร มันต้องเกิดจากการกระทำ�
คอื กฎแหง่ กรรมนั่นเอง
การสร้างความดีใหก้ ับดวงกค็ อื สรา้ งศีล สมาธิ ปญั ญา
ให้เกิดขึ้นแก่ตัวเรา แล้วเราจะอบอวลทวนลม ผู้ท่ีมีสมาธิจะเป็น
คนขยันหม่ันเพียร และเป็นผู้มีปัญญา คนท่ีมีปัญญาแหลมลึก
แหลมหลักตอ้ งมสี ามคม
คมกริบ ไว้ภายในจิต ไม่บอกใคร แสดงออกในเม่ือ
มคี วามจำ�เปน็ จะต้องใช้
คมคาย มนั ยงั เป็นหลมุ เปน็ บ่อ ไมเ่ สมอ กเ็ อาบุ้งมาแทง โรคภัยไข้เจ็บ
อยา่ งน้เี ปน็ ตน้
57
คมสนั มนั ตอ้ งใชข้ วานตอกย�ำ้ ลงไป จงึ จะเขา้ เรยี บรอ้ ยดี
นี่มนั มใี นลักษณะศีล สมาธิ ปญั ญา ครบ ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
ศีล คือ สถาปนิก ออกรปู แบบพืน้ ฐานใหค้ นชอบ
สมาธิ คอื วศิ วกร รูว้ าระจิต รู้จกั นำ�้ หนกั รจู้ ักช่งั ตวงวัด
รู้จักวาระจิตของคนในฐานะเช่นไร ควรทำ�กับเขาอย่างไร รู้จัก
กาลเทศะ รจู้ กั บาป รจู้ กั บญุ รจู้ กั คณุ รจู้ กั โทษ รจู้ กั สงิ่ ทเี่ ปน็ ประโยชน์
และไมเ่ ปน็ ประโยชนท์ ีว่ ศิ วกร
ปญั ญา คอื นายชา่ ง ลงมอื ท�ำ ทนั ที มไิ ดร้ อรแี ตป่ ระการใด
ถา้ ใครเปน็ ทงั้ สถาปนกิ วศิ วกรและนายชา่ งแลว้ รบั รอง
คนนัน้ เอาตวั รอดปลอดภัยในอนาคต
บางคนเกดิ มาแตช่ าตกิ อ่ นนสิ ยั ดมี ปี ญั ญาในโลกมนษุ ยน์ ี้
เขาจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ถึงจะเกิดในบ้านยากจนก็สามารถ
เป็นรัฐมนตรี หรือเป็นใหญ่เป็นโตได้ เพราะสติปัญญาที่สร้างมา
แต่ชาติก่อน
โรคภัยไข้เจ็บ คนเราก็มีทั้งถูกและแพง มีทั้งเก๊และดี มีทองคำ�
กม็ ที องชบุ มหี ลวงพอ่ ทวดกม็ หี ลวงพอ่ เทยี บ คนดหี ายากคนเกเ๊ ยอะ
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้มีน้อยเหลือเกินท่ีจะดีเด่นเห็นชัดและเห็นไกล อย่างน้ีหายาก
ตอ้ งอดทน ต้องฝกึ ฝน
ท่านทั้งหลายเอ๋ย จิตนี้ฝึกได้ขยันก็ได้ ฝึกให้ทำ�งานก็ได้
ฝึกให้ขี้เกียจก็ได้
การเจริญวิปัสสนากรรมฐานจะรำ �ลึกชาติได้
รู้กฎแห่งกรรมที่ผ่านมา จะแก้ปัญหากรรมท่ีเกิดขึ้นเฉพาะหน้า
58 ในกจิ ประจำ�วันของเราได้
ถา้ ใครเจรญิ วปิ สั สนากรรมฐานโดยตอ่ เนอื่ งสรา้ งความดี
ใหต้ ดิ ตอ่ กนั สรา้ งความดีถกู ตวั บคุ คลถกู สถานที่ถกู เวลาตอ่ เนอ่ื งกนั
เสมอต้นเสมอปลายแล้ว คนนั้นจะได้รับผลดี ๑๐๐% และจะเอาดี
ในชาติน้ไี ด้แน่นอน ไมต่ อ้ งรอดถี ึงชาตหิ นา้
สำ�คัญที่ทำ�ความดีผิดสถานที่ผิดตัวบุคคล และผิด
กาลเวลาดว้ ย ไม่ใช่กาลเวลาทจ่ี ะต้องทำ�ไปแลว้ ไปท�ำ ไมใ่ ช่กาลเวลา
ทจ่ี ะพดู แล้วไมพ่ ดู มนั ก็เสียหาย
ถ้าเรานั่งสมาธิอยู่หายใจยาว ๆ มีกรรมฐานเป็นการ
พกั ผ่อนในรา่ งกายในตัว เช่น ๑ นาทหี ายใจ ๑๘ ครั้ง ก�ำ ลงั นอนหลบั
เหลือ ๑๕ คร้งั ถ้าเราท�ำ สมาธปิ กติเหลอื ๑๕ ครั้ง ก็เหมอื นไดห้ ลับ โรคภัยไข้เจ็บ
ไปแลว้ มันไม่ออ่ นเพลยี ละเห่ียใจแตป่ ระการใด มนั จะเขา้ ภาวะปกติ
อย่างดียิ่ง จะมีพลังจิตสูง ต่อสู้กับเหตุการณ์และปัญหาได้ ด้วยการ 59
ฝกึ ฝนกรรมฐานน่ีแหละ
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
เพราะฉะนน้ั กรรมฐาน แปลวา่ การกระท�ำ ใหฐ้ านกายนี้
เป็นท่ีต้ังของสติ พอท่านท้ังหลายทำ�จนได้ดวงตาเห็นธรรมวิเศษ
บางประการ ได้ศลี สมาธิ ลกึ ซึ้งในจิตใจ ทา่ นจะเห็นความดใี นจิต
รำ�ลึกถึงบุพการีได้ สามารถรำ�ลึกชาติได้ จะไม่ลืมพ่อ
ลืมแม่ ปู่ย่าตายาย ครูบาอาจารย์ จะสนิทสนมกลมกลืนกัน
กับครูบาอาจารย์ผมู้ ีพระคณุ ท้ังหลาย
นักปราชญ์ท่านสอนไว้ว่า ถ้าเราให้อะไรใครจะไม่นับ
ไม่จำ� แต่ใครให้อะไรเรา แม้น้ำ�ถ้วยเดียว เราก็กำ�หนดจดจำ�ไว้ได้
เราจะไมล่ มื บญุ คณุ ของเขา อยา่ งนจี้ ะเกดิ ขนึ้ กบั นกั กรรมฐานทซ่ี ง้ึ ใจ
เพราะเหตุท่ีเราไม่หวังผลตอบแทน แล้วบุญกุศล
จะสนองแก่เราเอง เงินไหลนอง ทองไหลมา จะคิดอ่านทำ�อะไร
ก็ได้ผลสำ�เร็จตามเป้าหมายทุกประการ มีแต่ความเจริญ จะได้อยู่
ในแวดวงสิ่งแวดล้อมที่ช่ืนใจ ไม่มีการทะเลาะวิวาทกัน จะมีแต่
สิ่งท่ีเป็นมงคลในบ้านน้ี
โรคภัยไข้เจ็บ อนั นบี้ างคนท�ำ ไดย้ าก เพราะสนั ดานท�ำ ไมไ่ ด้ นสิ ยั ไมใ่ ห้
รปู ร่างก็ดี ๆ นะ แตน่ ิสัยไม่ให้
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
บางคนเข้าใจว่าคนอื่นคงเหมือนเรา และเราเหมือน
คนอื่นเขา เหมือนไม่ได้! เพราะแตกต่างด้วยกฎแห่งกรรม
เหมอื นกันไม่ได!้
การแต่งกายก็ไม่เหมือนกัน บางคนชอบทรงนั้นทรงน้ี
ถ้าเคยชอบอย่างไร ไปใช้อย่างอื่นมันก็ไม่พอใจ ไม่สบายใจ เป็นท่ี
การฝึก เราเคยทำ�อย่างนี้แล้วไปทำ�อย่างน้ันมันก็ทำ�ไม่ได้ ก็ธรรมดา
60 เพราะกฎแหง่ กรรมนมี้ นั แยกประเภทของสรรพสตั ว์เหมอื นกนั ไมไ่ ด้
กฎแห่งกรรมสน้ั ๆ มาจากไหน อาตมาทบทวนได้แลว้
ขอฝากท่านทั้งหลายไว้ด้วย เราจะดูได้จาก “เห็นหนอ รู้หนอ
คิดหนอ เข้าใจหนอ” และกำ�หนดกิเลสได้ในตัวเรา ธาตุ อายตนะ
จะโงห่ รอื ฉลาดอย่ทู ี่ อายตนะ ๖ อยู่ที่....อินทรยี ์ หน้าทนี่ ี้เอง ตา หู
จมูก ลน้ิ กาย จิต จะโง่หรือไม่โง่ อยทู่ ่ตี รงน้ี
จะฉลาดหรือมีปัญญาอยู่ที่ตา หู ทำ�ได้จริงหรือเปล่า
กำ�หนดตอ่ เน่อื งหรือเปล่า เปลา่ เลย มนั กไ็ มไ่ ด้ กไ็ ดแ้ ค่นน้ั ทีก่ ำ�หนด
ก็ไม่รดู้ ว้ ย และร้ไู ม่จริง
ท่ที ่านทั้งหลายทำ�น่กี ็ตอ้ งการเอาเป็นนสิ ยั ปัจจยั เพอื่ ทำ� โรคภัยไข้เจ็บ
ตอ่ เนอื่ งตอ่ ไปในอนาคต เพอ่ื แกป้ ญั หาปจั จบุ นั จากการก�ำ หนดตา หู
จมกู ลน้ิ กาย ใจนเ่ี อง นมี่ นั อยตู่ รงนี้ มนั โงห่ รอื ฉลาดมนั อยตู่ รงนเ้ี อง 61
ขนั ธ์ ๕ รูปนามก็อยตู่ รงนเ้ี อง
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
เพราะฉะนั้นการกระทำ�ของแต่ละท่านน้ี เราดูได้จาก
ตวั เรา สงั เกตไดจ้ ากตวั เรา เจรญิ กุศลภาวนามีหนว่ ยกิตครบ เราจะ
รู้ได้เองว่าตัวเรามีปาณาติบาตติดตัวมา ๖๐% เราจะต้องรับใช้หน้ี
ในชาตินแ้ี น่
รับใช้หนี้อะไร ก็หมายความว่าเราจะต้องโดนรถชน
เราจะต้องโดนฆ่าตาย เราจะต้องโดนใส่ร้าย มันจะบอกเราเองก่อน
ที่จะไปบอกคนอื่นเขา อันนี้อาตมาก็ได้ประสบมาเป็นต้น เช่น
มีปาณาติบาตฆ่าสัตว์ติดตัวมา ๖๐% เรารู้แจ้งแก่ใจ รู้วันตาย
วา่ จะตอ้ งตายอยา่ งไร รถชนตาย โดนยงิ ตาย โดนอบุ ตั เิ หตตุ าย เปน็ ตน้
จะโดนง่อยเปล้ียเสียขา โดนทรมาน โดนหนอนกิน
จนชีวิตหาไม่ มนั จะบอกเหตกุ ารณช์ ดั ในตัวเรากอ่ น
ในเม่ือบอกตัวเราได้ ดูคนอื่นมันก็บอกได้ เราอ่าน
ภาษาอังกฤษทน่ี ี่จบ ไปอา่ น เอ บี ซี ทไ่ี หน มนั ก็ตอ้ งผสมสระ ผสม
อักษรเขา้ แลว้ กแ็ ปลความหมายของศพั ทไ์ ด้ นั่นแหละเชน่ เดยี วกัน
โรคภัยไข้เจ็บ เราจะรู้ได้ว่าเห็นหนอ คนน้ีมีปาณาติบาตติดมา ก็จะรู้
ไดเ้ ลยวา่ กฎแหง่ กรรมคนนจี้ ะตอ้ งเปน็ อมั พาต คนนตี้ อ้ งไปอบุ ตั เิ หตุ
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้คนนไ้ี ปโดนรถชนตาย มนั บอกชดั นะ มปี ระโยชนม์ ากส�ำ หรบั ผทู้ �ำ ได้
มันมปี ระโยชนอ์ ยา่ งน้ี
ถ้าเราเจริญกรรมฐาน เราจะรู้กฎแห่งกรรมได้ตอนมี
เวทนา คนไหนอดทนตอ่ เวทนาได้ ก�ำ หนดผา่ นเวทนาได้ เราจะรู้ได้
ว่าทุกข์ทรมานท่ีผ่านน้ันไปทำ�กรรมอะไรไว้ มันจะมีกรรมอะไรมา
แทรกซ้อน มันจะบอกเราเอง อนั น้มี ีตัวอย่างที่อาตมาประสบการณ์
มามากมาย เชน่ อทนิ นาทาน
62
เบียดเบยี นทรพั ยเ์ ขามานะ แลว้ ก็ไปเบยี ดเบยี นสัตว์ดว้ ย
ทุกอย่างเอาหมด มักได้มักง่าย รุกหัวคันไร่คันนา ลักเงินลักทอง
โจรกรรมเล็ก ๆ น้อย สะสมหน่วยกิตนิสัยไม่ดี นิสัยเคยชินในการ
ลักขโมย ไปเบยี ดเบยี นทรัพย์
เหมอื นเศรษฐมี เี งนิ แลว้ ไปบา้ นเหนอื บา้ นใต้ กต็ อ้ งหยบิ
มดี เขามา หยิบโนน่ ใส่พกใสห่ อ่ มาจนได้ คือ นสิ ยั สันดาน มเี งินแลว้
ยังต้องไปลักของเขาอีก ไปเบียดเบียนเขาอีก เบียดเบียนคนจนอีก
ทำ�นองน้ีเป็นตน้
ก ฎ แ ห่ ง ก ร ร ม จ ะ บ่ ง บ อ ก อ อ ก ม า เ ป็ น ดุ จ เ ค รื่ อ ง โรคภัยไข้เจ็บ
คอมพิวเตอร์ว่า คนนี้ได้เงินได้ทองมาแล้วต้องถูกโจรกรรม ต้องถูก
คนลัก ตีชิงวิ่งราว มิฉะน้ันไฟจะไหม้บ้าน ไม่เคยผิดแม้แต่รายเดียว 63
อาตมาเคยทายไว้ คนนี้ระวงั นะโยมเคยถกู โจรกรรมไหมโยม? ไม่ถูก
เลยคะ่ ระวงั อนั เดยี วคอื ไฟไหมบ้ า้ นหมดเนอื้ ประดาตวั แลว้ กจ็ รงิ ดว้ ย ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
อันนเี้ หน็ ไดช้ ัด
นแี่ หละทา่ นทงั้ หลาย ท�ำ ใหม้ นั จรงิ จะเหน็ จรงิ ท�ำ ไมจ่ รงิ
จะเห็นจริงได้อย่างไร ต้องเห็นจากตัวเราออกมาข้างนอก เรารู้ตัว
ว่าเรามีเวรมีกรรมประการใด ก็ใช้หน้ีโดยไม่ปฏิเสธทุกข้อหา
จติ อโหสกิ รรมได้ ยินดรี บั เวรรับกรรมได้ โดยไม่มีปัญหาใด ๆ
กาเมสุมิจฉาจาร ถ้าเรารู้ตัวเอง น่ังเจริญกุศลภาวนา
มนั จะบอกวา่ อดีตชาติ ไปปู้ย่ปี ู้ยำ�เขามา ชสู้ าวนานาประการ ผัวเขา
เมียเขา นานาชนิด มขี อ้ คดิ หลายอย่าง
มาในชาติน้ี เราก็มาลำ�บากลำ�บนในครอบครัว
หาความสุขไม่ได้เลย มีสามีก็เป็นของเขาหมด มีภรรยาก็มีชู้หมด
และครอบครัวต้องหายนะ ทะเลาะวิวาทกัน ไม่ใช่คู่สร้างคู่สม
กลายเป็นคู่วิวาทกัน และจะต้องแตกแยกหย่าร้างกันไป ถึงจะมีลูก
ดว้ ยกนั แลว้ มที ง้ั เขยสะใภแ้ ลว้ กต็ าม จะตอ้ งแยกกนั ไปตามกาลเวลา
จากการกระท�ำ ของเราแน่นอนท่ีสุด
โรคภัยไข้เจ็บ บางท่านเป็นผู้ชายแท้ ๆ ปู้ยี่ปู้ยำ�ผู้หญิง ทำ�ให้เขาช้ำ�อก
ช�้ำ ใจหลายชาตทิ ผี่ า่ นมา เกดิ มาในชาตนิ ตี้ อ้ งเกดิ มาเปน็ ผหู้ ญงิ โสเภณี
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้ กอ่ นจะตายตอ้ งใหห้ นอนกนิ เสยี กอ่ น มจี รงิ ทจ่ี ดไวห้ ลายราย ถา้ ทา่ น
ไม่เชอ่ื ลองไปท�ำ ดูนะ มคี วามหมายอยา่ งนี้
นอกเหนือจากน้ัน หลอกลวงโลกหวังเอาลาภเขา
หลอกลวงเขาตลอดรายการ พดู เทจ็ พดู สอ่ เสยี ด พดู ค�ำ หยาบ เพอ้ เจอ้
เลี้ยวลดคดเค้ียวติดวิญญาณมาในชาติน้ี รับรองอย่าปฏิเสธ ไม่ช้า
เราตอ้ งโดนหลอกเอาเงนิ ไป โดนหลอกเอาโนน่ ไป โดนหลอกเอานไี่ ป
อย่างแน่นอน ใครเป็นผู้หลอก ผู้ใกล้ชิด ญาติมิตรหรือเพ่ือนฝูง
64 เขามาเกดิ จะตอ้ งสนองงานในกฎแหง่ กรรม กม็ าหลอกเอาของเราไป
และเราไม่ต้องติดตามของนั้นแน่นอนท่ีสุด เพราะเราไปหลอก
เขามาก่อนอยา่ งนี้เป็นต้น
สรุ าเมรยั เครอ่ื งดองของเมานานาชนดิ ทกุ ประการ ถา้ เรา
นงั่ ภาวนาเราจะรตู้ วั เองวา่ อดตี ชาตเิ ราเสพยานมี้ าไหม ถา้ ตดิ มา ๖๐%
รับรองว่า เราน้ีจะไม่ต้องเรียนอะไรเลย เรียนไม่ไหวแล้ว และเป็น
โรคปัญญาอ่อน ไปเรียนอะไรก็ไม่จบหลักสูตรมัธยมศึกษาแน่นอน
และเป็นความจริงดว้ ย
เราตอ้ งแกก้ รรมของเราเสยี ออ๋ !ปาณาตบิ าตเมอื่ ชาตกิ อ่ น โรคภัยไข้เจ็บ
ตดิ มา เรายงั ไม่งอ่ ยเปล้ยี เสยี ขาในขณะนี้ เราจะต้องรบั สนองผลงาน
ในโอกาสหนา้ เราก็รีบบ�ำ เพ็ญกศุ ล ดว้ ยการแก้กรรมด้วยการปฏิบตั ิ 65
กรรมฐาน
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
เราก็มาบำ�เพ็ญทานศีลและภาวนา สวดมนต์เป็นนิจ
อธิษฐานจิตเป็นประจำ� อโหสิกรรมเสียก่อนและเราก็แผ่เมตตา
ใหส้ รรพสตั วท์ ง้ั หลาย ทเี่ ราไปสรา้ งกรรมมาครงั้ อดตี รบู้ า้ ง ไมร่ บู้ า้ ง
รู้เท่าทันหรือไม่เท่าทันก็ตาม ถ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์เช่นน้ีแล้ว
ขอสรรพสตั วท์ งั้ หลายจงอโหสกิ รรมใหแ้ กข่ า้ พเจา้ มนั กจ็ ะนอ้ ยลงไป
ยกตัวอยา่ งอาตมาเปน็ ต้น
อาตมารู้ตัว ๖ เดือน ก็ขออโหสิกรรมทุกวัน ว่าเรา
ก็ไปหักคอนกมามากหลาย เราก็บอกว่า พ่อนกเอ๊ยตอนท่ีข้าพเจ้า
เป็นเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่าเอาโทษเราเลย ขอให้โทษเราลดลงไป
ให้อภยั โทษเถิด เหมอื นให้การกับศาลรับสภาพฉะนน้ั
ศาลจะเมตตาเราท่ีให้ความสะดวกในการพิจารณา
ของศาล จึงลดโทษลงไปอีก ๖๐% เราอาจจะรอดจากความตายได้
เลยก็เตรียมให้รถชนคอหักหมุนได้ แล้วก็กลับมาใช้เวรกรรม
ใหส้ นิ้ สดุ ในชาตนิ ช้ี าตเิ ดยี วเทา่ นน้ั ผอ่ นจากหนกั เปน็ เบาได้ คอื มไิ ด้
ปฏเิ สธทกุ ขอ้ หาดว้ ยกรรมฐานแกก้ รรมไดอ้ ยา่ งน้ีโดยรตู้ วั ของเราเอง
โรคภัยไข้เจ็บ ญาตโิ ยมผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมทกุ ทา่ น ถา้ มเี วทนาตอ้ งสู้ ก�ำ หนด
ให้ได้ ปวดท้อง ปวดขา หรือปวดตรงไหน ปวดหนอ ตายให้ตาย
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้ เดย๋ี วทา่ นจะเหน็ กรรม เมอ่ื อดตี ชาตทิ า่ นท�ำ อะไรไว้ ทา่ นจะโลง่ ใจนะ
ท่านจะดีใจเดี๋ยวท่านจะได้แก้กรรมด้วยการแผ่เมตตา อโหสิกรรม
ข้าพเจา้ จะไมป่ ฏิเสธกรรมทุกข้อหา นีก่ รรมฐานแก้กรรมอยา่ งนี้
บางทีเรามีเวทนาหน่อยเลิกเลย ไม่รู้จะแก้อย่างไร
ครูอาจารย์เขาบอกกำ�หนด ปวดหนอ ๆ นักศึกษาวิทยาลัยครู
พระนครศรีอยุธยามาน่ังปฏิบัติ เดี๋ยวน้ีจบปริญญาโทเป็นอาจารย์
ท่ีขอนแก่นไปแล้ว ปวดหนอ ๆ ปวดหนักเข้ามาบอกแม่ยุพิน
66 บอกหนูไม่หาย แม่ยุพินให้กำ�หนดต่อไป พอวันที่ ๓ นึกขึ้นได้
เมื่ออยู่ช้ันประถมสองประถมสามหักขาเขียด หักท้ังเป็น ใส่เกลือ
ทง้ั เปน็ ก�ำ หนดหนกั เขา้ ใหอ้ โหสกิ รรม แผเ่ มตตาใหส้ ตั วเ์ สยี นแี่ หละ
กรรมฐานแกก้ รรมกเ็ ลยเบาลงไปและหายวบั ไปกบั ตาไมป่ วดขาอกี ตอ่ ไป
เขาบอกว่าไปหักขาขวาเขียดและปวดขาขวามาตลอด
พออโหสิกรรมว่าไม่ปฏิเสธ เราไปหักขาเขามาจริง เราปวดอย่างน้ี
เขากต็ อ้ งปวดอยา่ งนนั้ แหละ เรากต็ อ้ งใชห้ นด้ี ว้ ยการปวดไป ทรมาน
พอสมควรแก่เวลา และเรากำ�หนดจิตแผ่เมตตา ต่อเมื่อออกจาก
กรรมฐาน อโหสิกรรมเสีย นี่เรียกว่า กรรมฐานแก้กรรมอย่างน้ี
สามารถจะไมป่ วดอกี ต่อไปแล้ว
บางคนปวดตา บอกว่าไม้แทงตา ไม้แหลมมาแทงตา โรคภัยไข้เจ็บ
ปวดเหลือเกิน กำ�หนดเข้าโยมไม่มีใครไปแทง กำ�หนดเสีย นึกถึง
คณุ พระพุทธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นคนขา้ งวดั น้เี อง แต่ไม่เคย 67
ทำ�กรรมฐาน เด๋ียวภาพนิมติ ออกมาทนั ที
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
โยมคนน้ีอายุ ๗๐ กว่าแล้ว ภาพนิมิตออกมาว่า เมื่อยัง
แขง็ แรงอยู่ มาลกั หนอ่ ไมว้ ดั น้ี หนอ่ ไหนทเี่ อาไมไ่ ด้ เอาไมแ้ หลมแทง
ใหม้ นั เสยี แทงหนอ่ ไมว้ ดั เลย ตวั เองกต็ อ้ งปวดตาอยา่ งนี้ พอรชู้ ดั เขา้
กข็ ออโหสกิ รรม พระสงฆอ์ นโุ มทนาและกห็ ายปวดตาจนชวี ติ หาไม่
น่ีกรรมฐานแกก้ รรมอย่างนน้ั
บางคนไม่รู้พอปวดก็เลิกไปเลย ไม่เอาแล้ว ชอบสบาย
รับรองท่านจะไม่รู้กฎแห่งกรรม เดี๋ยวจะว่าอาตมาหลอกไม่ได้นะ
อาตมาผา่ นมาแลว้ นะ ขอฝากผ้ปู ฏิบัตธิ รรมไวด้ ว้ ย
เป็นคนจริงหรือเปล่า ถ้าจริงต้องได้ผลแน่ อย่างหนูท่ี
วิทยาลยั ครพู ระนครศรอี ยธุ ยา เจริญวัยชันษาพอดี
ผู้ที่ไมไ่ ด้รับราชการครู แต่เรียนวิชาครูไมจ่ �ำ เป็นต้องเขา้
ครเู สมอไป เพราะวชิ าครเู ปน็ หลกั ส�ำ คญั มาก เปน็ ศนู ยก์ ลางอนั ส�ำ คญั
ท่เี รียนเข้าไว้ สามารถจะเลื่อนยศตำ�แหนง่ ได้
โรคภัยไข้เจ็บ มีจ่าทหารคนหนึ่ง มีฝึกกรรมฐานที่นี่ สอบวิชาครู
ไดป้ รญิ ญาตรี บดั นเ้ี ลอื่ นเปน็ นายรอ้ ยโทแลว้ อาตมาชว่ ยบอกเจา้ กรม
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้กรมยุทธศกึ ษาทหารบก เด๋ียวน้เี ปน็ รอ้ ยเอกไปอกี คนหนึง่
อย่างท่านท้ังหลายเป็นทหาร เป็นฝ่ายอะไรก็ตาม
มปี ระโยชนน์ ะแตท่ า่ นไมน่ ง่ั กรรมฐานจรงิ กไ็ มท่ ราบประโยชนต์ วั เอง
อันน้ีช่วยไม่ได้ น่ีเห็นว่าคนเข้างานได้หมดแล้ว บรรจุได้หมด
เจรญิ กรรมฐาน เป็นผลงานกฎแห่งกรรม แกก้ รรมได้
คนที่เป็นหน้ีเขา ยังใช้หนี้ไม่หมด สร้างความดีไม่ข้ึน
68 หากินไม่ขึ้น บางคนหาเงินโดยค้าขายรำ่�รวยจริง แต่เก็บไม่อยู่
ทำ�อย่างไรกไ็ มอ่ ยู่ ไม่ร้ไู หลออกไปทางไหนหมด
อาตมาก็ดูให้ บอกให้มาน่ังกรรมฐานเสีย แก้กรรมน้ี
ก็ได้ความว่าสร้างเวรสร้างกรรมมามากยังใช้ไม่หมด พอใช้เวร
ใช้กรรมหมด อโหสิกรรมแผ่เมตตา บำ�เพ็ญกุศลเสร็จเรียบร้อย
ทีน้ีเงินเก็บอยู่ละ เป็นเศรษฐีได้ นี่กลายเป็นคนมีเงินมีทองไปแล้ว
นแ่ี หละใชห้ นใี้ ครไมห่ มดไมเ่ จรญิ หรอก ท�ำ ไมข่ น้ึ ขอฝากไวส้ น้ั ๆ นะ
บางคนมาถามว่า “ฉนั มเี วรมีกรรมอะไร”
“มาน่งั กรรมฐานซโิ ยม จะได้ร้”ู
“โอ๊ย ฉันไม่มีเวลา ไมว่ ่าง”
แต่เวลาไปคุยบ้านเหนือบ้านใต้ว่างดีนัก คุยนินทากัน โรคภัยไข้เจ็บ
น่ันแหละว่าง ไปสร้างความชั่วว่าง แต่สร้างความดีไม่มีใครว่าง
ถูกต้องแล้วน่าเห็นใจ เพราะคนเราจะดีเหมือนกันทุกคนไม่ได้ 69
แลว้ แตว่ าสนาบารมีคนทไ่ี มม่ บี ญุ วาสนามนั ท�ำ ยากอาตมากเ็ หน็ ใจดว้ ย
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
คนเราท่ีจะดึงมาสร้างความดีดึงยาก เพราะดู
เหตุการณ์แล้ว คนนั้นไม่มีบุญ ไม่มีวาสนา เขาจึงทำ�ยาก อย่าไปว่า
เขาเลย เพราะไมม่ ีวาสนา ทำ�อยา่ งไรกท็ ำ�ไม่ข้นึ และท�ำ ไมไ่ ดด้ ว้ ย
.... บางคนหาเงินหาทองรำ่�รวยจริง ๆ ได้มาเก็บไม่อยู่
ต้องไหลออกไปจนได้ มีเรื่องให้ไหลออกไป ก็เพราะเรา
ใชก้ รรมไม่หมด มันต้องใช้กรรมอยตู่ ลอดไป อย่าไปเสียใจ
ไม่ต้องไปหาหมอดู เราก็เป็นพิเภกเสียเอง คือ สติเป็น
พิเภก หนมุ านเปน็ ลงิ คอื จิตใจ ลกั ษณ์ราม คอื ธรรมะท่ปี ระทับใจ
ขาวผ่องบรสิ ุทธใ์ิ จ คอื พระลักษณ์ นา่ รกั น่าเอ็นดู นา่ บชู า เขยี วชอุ่ม
เปน็ พมุ่ ไสว อทิ ธพิ ลของบญุ กศุ ล ดลบนั ดาลใหจ้ ติ ใจชมุ่ ชน่ื เปน็ เรอ่ื ง
การกระทำ�ของกรรม เพราะคนไม่มีบุญวาสนาทำ�อย่างนี้ไม่ได้
ต้องฝืนใจ คนที่จะดีได้ต้องฝืนใจได้ ถ้าฝืนใจไม่ได้รับรองเอาดีไม่
ได้ ไปเกดิ อยทู่ ไ่ี หนกเ็ อาดไี มไ่ ด้ จะไปบวชเปน็ พระเปน็ ชกี เ็ อาดไี มไ่ ด้
โรคภัยไข้เจ็บ ดีไม่ได้แน่เพราะฝืนใจไม่ได้ ล่องไปตามกระแสลมและ
สายธาร ตามอารมณต์ ามใจตวั เองตลอดมาช้านานแลว้ จึงเอาดีไมไ่ ด้
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้ดงั เหตทุ ่กี ล่าวมานี้ มคี วามหมายอยา่ งน้ัน
เร่ืองที่จะเล่าสู่กันฟังมีมาก มีหลายเรื่องก็จริง แต่หมด
เวลาแลว้ ขอแนะน�ำ โยมผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมทกุ ทา่ น จงอตุ สา่ หต์ ง้ั ใจอดทน
เดินจงกรมนงั่ ปฏบิ ัติคู่กนั ไป
อย่างที่คุณหมอชลอ คู่กับแม่ใหญ่มาช้านานน้ัน
ก่อนที่จะเข้าผลสมาบัติได้ ๘๔ ชั่วโมง รำ�ลึกชาติได้ว่าตัวเอง
70 เกิดที่บ้านมอญ จังหวัดราชบุรี ไปฆ่าเขาตายที่นำ้�ตกเอราวัณ
พอเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว เข้าผลสมาบัติ ลืม! อาตมาจดไว้ครบ
และเขาตอ้ งไปตายตรงน้นั ทเี ดยี ว
.... ขอฝากไว้ด้วยเป็นกฎแห่งกรรม ทำ�อะไรขอให้
ทำ�ให้จริง ๆ ได้ผลจริงและสมค่า สมปรารถนาทุกประการ
ด้วยกฎแห่งกรรม ทช่ี ี้แจงแสดงมาในวันนี้
มสี กั วันหนง่ึ ไหม! ในชวี ติ ของท่าน?
โดย พระธรรมสงิ หบุราจารย์
ความจริงแท้ที่เราจะพบแน่นอนในชีวิตของเรา โรคภัยไข้เจ็บ
มีอยู่ ๕ ประการ
71
๑. เกิดจรงิ
๒. แกจ่ ริง ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
๓. เจ็บจรงิ
๔. ตายจริง
๕. พลัดพรากจากกันจริง
พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ชัดเจนมาก จงพิจารณาให้เกิด
ประโยชน์ ปลุกกระตุ้นเตือนจิตให้เรามีสติ ว่าเราเกิดมาในโลกนี้
แล้วต้องเสื่อมลงทุกวัน ความเจ็บไข้ได้ป่วย ความไม่เป็นปกติของ
ร่างกายสังขารเป็นธรรมชาติ ขอให้ญาติโยมทั้งหลายอย่าตั้งอยู่ใน
ความประมาท ในท่สี ดุ ความตายจะตอ้ งมาถึงเราทกุ คนแนน่ อน
โรคภัยไข้เจ็บ พระพุทธเจ้าทรงสอนชาวโลกให้พ้นจากความทุกข์
อย่าสร้างทุกข์ให้ตัวเอง อย่าทำ�ตัวเองและคนอื่นให้เดือดร้อน
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้อ ย่ า เ บี ย ด เ บี ย น ซึ่ ง กั น แ ล ะ กั น เ ร า อ ยู่ ไ ด้ ส บ า ย โ ด ย
ไมเ่ อารดั เอาเปรยี บใคร มีความสงบสขุ น่นั เอง
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ได้รับผลกรรมจากการ
กระท�ำ ของตนทง้ั นน้ั ไมม่ ใี ครเลยทจ่ี ะไมม่ กี รรม กรรมมี ๒ อยา่ ง คอื
กรรมดแี ละกรรมชวั่ กรรมชว่ั นนั้ ท�ำ ไปแลว้ จะเดอื ดรอ้ น กรรมดนี นั้
ทำ�แลว้ มีความสุข มคี วามเจรญิ ร่งุ เรืองในชวี ิต
72 ญาติโยมทั้งหลายจงอย่าประมาท การเจริญกรรมฐาน
เป็นการแสวงหาความสุขความสงบ พยายามตั้งสติอารมณ์
สร้างความเพียร สร้างบารมี ต้ังใจเจริญพระกรรมฐาน มีสติ
ทกุ ลมหายใจเขา้ ออก ตอ้ งนกึ อยเู่ สมอวา่ เกดิ มาแลว้ กต็ อ้ งแก่ รา่ งกาย
เสื่อมไป เราตอ้ งแก่ไปทกุ ๆ วนิ าที จงเร่งสร้างความดี อย่าประมาท
ความตายจะมาถึงเราเม่ือไรก็ไม่มีใครรู้ได้ รีบทำ�ความดีเสียเดี๋ยวนี้
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง บางคนไม่ทันแก่ก็ต้องมาตาย บางคนหลง
ผิดคิดว่าการมีเงินทองเป็นความดี ไม่เคยสร้างความดี หาความสุข
ในจิตใจไม่ได้
การเจริญพระกรรมฐานเป็นการสร้างความดีของท่าน โรคภัยไข้เจ็บ
ท่านต้องทำ�ของท่านเอง ไม่มีใครจะมาแบ่งแจกให้กันได้ ถ้าอาตมา
แบ่งให้โยมได้โยมก็ไม่ต้องมาทำ� แบ่งความดีไปให้โยมคนละกิโล 73
สองกิโลน้ันทำ�ไม่ได้ เพราะฉะนั้นของใครของมัน ต้องทำ�ให้รู้
ทำ�ให้แจ้ง ทำ�ให้เห็นจริง ทำ�ให้ได้ผลด้วยตัวของท่านเอง ชีวิตท่าน ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
ก็จะแจ่มใส เกิดแสงสว่างด้วยปัญญา แก้ไขปัญหาได้ เพราะเรา
ต้องแก้ปัญหาของตัวเราเองเท่านั้น ไม่ใช่ให้คนอ่ืนมาแก้ปัญหาให้
คนอ่นื มาแกใ้ ห้ไมไ่ ด้
ความจริงทุกข์ก็อยู่ส่วนทุกข์ ความสุขก็อยู่ส่วนสุข
แตเ่ ราไปเอาทกุ ข์มาไว้ในใจ แล้วจะเกดิ ความสุขได้อย่างไร ความสุข
ก็หนีไปหมด ความทกุ ขก์ เ็ ข้ามาแทนที่
การเจริญกรรมฐานเป็นยอดที่สุดในพระพุทธศาสนา
ถา้ เราไมป่ ฏบิ ตั ธิ รรมเรากไ็ มไ่ ดอ้ ะไรเลยเราจะไปอา่ นหนงั สอื ธรรมะ
สักร้อยเล่มพันเล่ม ก็รู้แต่ในหนังสือเท่าน้ัน แต่ไม่รู้จริงในจิตใจ
เพราะเขา้ ไมถ่ งึ ในจติ ใจ การจะเขา้ ถงึ จติ ใจอยทู่ กี่ ารปฏบิ ตั กิ รรมฐาน
ทำ�ให้แจ้งในจิตใจของเรา
โรคภัยไข้เจ็บขอท่านจงถามตัวเองวา่
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้มีสักวันหน่ึงไหมในชีวิตของท่าน? ที่ได้ใช้ไปด้วยการ
ตามระวังรักษาจิต และประคองจิตของท่านให้น้อมไป แต่ในทาง
ทเ่ี ปน็ กศุ ลตลอดวัน
มีสักชั่วโมงหน่ึงไหม? ที่ท่านได้ใช้สติเฝ้าดูการดำ�เนิน
ของจิต เฝ้าดูปฏิกิริยาอันสับสนของจิต ท่ีมีต่ออารมณ์ภายนอก
ตลอดหนึง่ ชั่วโมง
หากท่านไม่เคยทำ�ดังนี้เลย ท่านจะไม่นึกเสียดายหรือ
74 วา่ ตลอดเวลานานปใี นชวี ติ ของทา่ น ทา่ นเตม็ ใจทจี่ ะใชเ้ วลาเหลา่ นน้ั
ไปได้สารพัดอย่าง ไม่เลือกว่าจะเป็นไปในทางที่เป็นสาระ
หรอื ไมเ่ ป็นสาระ
แต่ท่านมิได้ยอมใช้เวลาแม้แต่สักวันหน่ึงหรือเพียง
ชั่วโมงหนง่ึ เพ่อื พิสูจน์สจั จะธรรมของพระพทุ ธเจ้า
ธรรมะส�ำ หรบั ญาติผปู้ ่วย
“เม่ือจิตใจของเรา
ท่เี ปน็ ญาตเิ ป็นผู้ท่ีใกลช้ ดิ ท่ีหวงั ดีน้ี
เขม้ แข็งสบายดี
ก็จะไดเ้ ปน็ เครื่องชว่ ยให้ทา่ นผูเ้ จบ็ ป่วยน้นั
พลอยมีความเข้มแขง็ ยงิ่ ข้ึนดว้ ย”
จากธรรมะเทศนาเร่อื ง ชวี ติ ก่อนความตาย และการดูแลผปู้ ่วยกอ่ นตาย
โดย พระธรรมสงิ หบุราจารย์
โรคภัยไข้เจ็บชีวิตกอ่ นความตาย และการดแู ลผูป้ ่วยก่อนตาย
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้โดย พระธรรมสงิ หบรุ าจารย์
ท่านผู้เจ็บไข้ได้ป่วย ในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน
ส่ิงท่ีจะบำ�รุงจิตใจท่ีสำ�คัญก็ คือ การทำ�บุญ การที่ได้มาใกล้ชิด
พระรัตนตรัยได้อานุภาพบุญกุศล และอาศัยพุทธคุณ ธรรมคุณ
และสังฆคุณ เป็นเคร่ืองอภิบาลรักษาในยามเจ็บไข้ได้ป่วย ซ่ึงเป็น
เวลาท่สี ำ�คญั นี้
76 เรื่องของจิตใจก็สำ�คัญมาก ท้ังจิตใจของผู้ป่วยและ
จิตใจของญาติ ตลอดท่านท่ีมีความเคารพนับถือ ซึ่งพากันห่วงใย
การรักษานัน้ ก็รกั ษาท้ังสองอยา่ ง คือ ท้ังกายและใจ ส่วนที่เปน็ โรค
อยา่ งแทจ้ รงิ ก็ คอื ดา้ นรา่ งกาย แตใ่ นเวลาทร่ี า่ งกายเปน็ โรคนน้ั จติ ใจ
ก็มกั พลอยป่วยไปดว้ ย คือ จิตใจอาจจะออ่ นแอลงหรอื แปรปรวนไป
เพราะทกุ ขเวทนา หรอื ความออ่ นแอของร่างกายนัน้ จึงมีพทุ ธพจน์
ท่ีตรัสสอนไว้ให้ต้ังจิตต้ังใจว่า ถึงแม้ร่างกายของเราจะป่วย แต่ใจ
ของเราไมป่ ว่ ยไปดว้ ยพระพทุ ธเจา้ ไดส้ อนไวอ้ ยา่ งน้ีเพอ่ื ใหส้ ว่ นหนงึ่
แหง่ ชวี ติ ของเรายงั คงความเขม้ แขง็ ไวไ้ ด้ แลว้ ใจกจ็ ะชว่ ยรา่ งกายดว้ ย
ถ้าหากว่าใจพลอยป่วยไปด้วยร่างกาย ก็จะทำ�ให้ความป่วย
หรือความเจ็บน้ันทับทวีขึ้นซ้ำ�เติมตัวเอง แต่ถ้ากายป่วยเป็นเพียง โรคภัยไข้เจ็บ
สว่ นหนง่ึ ใจไมป่ ว่ ยไปดว้ ยใจนน้ั จะกลบั มาเปน็ สว่ นดงึ ไว้ชว่ ยอมุ้ ชคู �ำ้
ประคับประคองกายไว้ ย่ิงถ้ามีกำ�ลังใจเข้มแข็งก็กลับมาช่วย 77
ให้ร่างกายแข็งแรงข้ึน เราจะเห็นว่าในเวลาท่ีเจ็บไข้ได้ป่วยนี้ คนไข้
จะตอ้ งการก�ำ ลงั ใจมาก ถา้ ไม่สามารถจะมกี �ำ ลงั ใจดว้ ยตนเอง กต็ อ้ ง ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
อาศัยผู้อื่นมาช่วย ผู้ท่ีจะช่วยให้กำ�ลังใจได้มากก็คือ ญาติพ่ีน้อง
คนใกล้ชดิ ทงั้ หลาย เพราะฉะนนั้ ทางพระหรือทางธรรม จงึ ไดส้ อน
ผทู้ ี่ใกล้ชิด ใหม้ าใหก้ ำ�ลังใจแกผ่ เู้ จบ็ ไข้ไดป้ ว่ ย
ข้ อ สำ � คั ญ ก็ คื อ ว่ า ผู้ ท่ี เ ป็ น ญ า ติ ข อ ง ท่ า น ผู้ ท่ี
เจ็บไข้ได้ป่วยนั้น มีความรัก มีความห่วงใยต่อท่านผู้เจ็บไข้
เมื่อเป็นอย่างนี้ จิตใจของผู้ใกล้ชิดที่เป็นญาติน้ัน บางที
พลอยป่วยไปด้วย พลอยไม่สบายไปด้วย เลยไม่สามารถจะไป
ให้กำ�ลังใจแก่ท่านผู้ที่เจ็บป่วย อันน้ีก็เป็นเร่ืองสำ�คัญ จึงจะต้องมี
อุบาย มีวิธีการท่ีจะทำ�ให้จิตใจเข้มแข็ง ให้จิตใจสบาย เมื่อจิตใจ
ของเราท่ีเป็นญาติ เป็นผู้ที่ใกล้ชิดที่หวังดีน้ีเข้มแข็งสบายดี ก็จะได้
เปน็ เครอื่ งชว่ ยใหท้ า่ นผเู้ จบ็ ปว่ ยนน้ั พลอยมคี วามเขม้ แขง็ ยง่ิ ขน้ึ ดว้ ย
ในยามเชน่ น้ี การวางจติ ใจจงึ เปน็ เรอื่ งส�ำ คญั เรอ่ื งการรกั ษาทางดา้ น
ร่างกายนั้นก็เป็นภาระของแพทย์ ท่ีจะพยายามจัดการแก้ไขไปตาม
วิชาการตามหลักของการรักษา แต่ทางด้านญาติของผู้ป่วย ต้องถือ
โรคภัยไข้เจ็บดา้ นจติ ใจนเ้ี ปน็ เรอื่ งส�ำ คญั นอกจากการทจ่ี ะคอยเออื้ อ�ำ นวยใหค้ วาม
สะดวก การดแู ลโดยทว่ั ๆ ไปแลว้ สง่ิ ทคี่ วรท�ำ กค็ อื การรกั ษาทงั้ จติ ใจ
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้ของตนเอง และจิตใจของผปู้ ว่ ยใหเ้ ปน็ จิตใจทีเ่ ขม้ แขง็
ในด้านจิตใจของตนเอง ก็ควรให้มีความปลอดโปร่ง
สบายใจ อยา่ งน้อยกม็ ีความสบายใจว่า เมอื่ ทา่ นผ้ทู ีเ่ ป็นท่รี กั ของเรา
ปว่ ยไข้ เราก็ไม่ทอดท้งิ ทา่ น ได้เอาใจใส่ดูแลรกั ษาอยา่ งเต็มท่ี เม่ือได้
ทำ�หน้าที่ของเราอย่างเต็มท่ีแล้ว ก็สบายใจได้ประการหนึ่งแล้วว่า
เราไดท้ �ำ หนา้ ทข่ี องตนเองอยา่ งดที สี่ ดุ เมอ่ื ไดท้ �ำ หนา้ ทข่ี องตนเองแลว้
ก็มีความสบายใจขึ้นมา ความเข้มแข็งท่ีเกิดจากความสบายใจน้ัน
78 ก็จะมาคอยช่วยคอยใหก้ ำ�ลังใจ ช่วยเสริมไมว่ า่ ท่านผู้เจบ็ ป่วยจะร้ตู ัว
หรือไมก่ ต็ าม
คนเรานั้น เรื่องจิตใจเราทราบไม่ได้ บางทีรู้ในทาง
ประสาทสัมผัสไม่ได้ แต่มีความซึมซาบอยู่ภายใน แม้แต่คน
ท่ีไม่รู้ตัวแล้ว ในบางระดับก็ยังมีการฝันบ้าง ยังมีความรู้สึกรับรู้
เลก็ ๆ นอ้ ย ๆ บางทเี ปน็ ความละเอยี ดออ่ นในทางการรบั สมั ผสั ตา่ ง ๆ
ในทางประสาทในทางจิตใจ จึงอาจจะได้รับรัศมีแห่งความสุข
สบายใจ ทำ�ให้มีกำ�ลังใจข้ึนมา อย่างน้อยก็ทำ�ให้ไม่มีห่วงกังวล
ใจจะเข้มแข็งขึ้น ความปลอดโปร่ง ความสบายใจ จิตใจท่ีผ่องใส
เบิกบานนั้น เป็นสิ่งที่ดีงาม คนเราน้ันเร่ืองจิตใจเป็นสิ่งที่สำ�คัญ
อย่างที่อาตมาได้กลา่ วมาแล้ว
การท่ีลูก ๆ หลาน ๆ ผู้ท่ีใกล้ชิด มาคอยเอาใจใส่ดูแล โรคภัยไข้เจ็บ
ถึงกับได้สละการงานอะไรต่าง ๆ มา ก็เพราะจิตใจท่ีมีความรักกัน
มคี วามหว่ งใยกนั น่ีแหละ แต่ในเวลาเดียวกนั น่ันเอง เพราะความรัก 79
และความหว่ งใยกันน่แี หละ กอ็ าจจะทำ�ให้จิตใจของเรานี้ กลายเป็น
จิตใจที่มีความเร่าร้อนกระวนกระวายไปได้เหมือนกัน ส่ิงที่ดีน้ัน ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
บางทีก็กลับเป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์อย่างที่ทางพระท่านบอกว่า
ความรกั ท�ำ ใหเ้ กดิ ความทกุ ข์ เพราะเมอ่ื รกั แลว้ มคี วามผกู พนั กท็ �ำ ให้
กระทบกระเทอื นเกิดขึ้นได้งา่ ย
ทนี ที้ �ำ อยา่ งไรจะท�ำ ใหม้ คี วามรกั ดว้ ยและกไ็ มม่ ที กุ ขด์ ว้ ย
ก็ต้องเป็นความรักที่ประคับประคอง ทำ�ใจอย่างถูกต้อง เมื่อทำ�ได้
ถูกต้องแล้ว ก็จะได้ส่วนที่ดี เอาแต่ส่วนที่ดีไว้ให้ มีแต่ส่วนท่ีเป็น
ความดีงาม และความสุข ความรักนั้น ก็จะเป็นเครื่องช่วย
ให้เกดิ ความผกู พัน แล้วกท็ �ำ ให้มาเอาใจใสด่ แู ลกนั แล้วทนี ี้ ความรกั
ทเ่ี ราประคับประคองไวด้ ี ก็จะทำ�ใหจ้ ติ ใจปลอดโปร่งผอ่ งใส เปน็ ไป
ในทางทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ ก�ำ ลงั ในการชว่ ยเหลือซงึ่ กันและกนั
ฉะนนั้ จงึ ควรพจิ ารณาท�ำ ใจอยา่ งไรทก่ี ลา่ วเมอ่ื สกั ครนู่ ว้ี า่
เราได้ทำ�หน้าท่ีของเราถูกต้องหรือไม่ สำ�รวจตัวเอง เม่ือทำ�หน้าท่ี
ถูกต้องแล้ว ก็พึงสบายใจในขั้นท่ีหนึ่ง ต่อแต่นั้นก็มองในแง่ท่ีว่า
โรคภัยไข้เจ็บการทจี่ ะไมส่ บายใจหรอื มคี วามรสู้ กึ ทกุ ขโ์ ศกอะไรนี้ ไมส่ ามารถชว่ ย
ทา่ นผทู้ เ่ี จบ็ ไขน้ อนปว่ ยอยไู่ ด้ สงิ่ ทจ่ี ะชว่ ยไดก้ ค็ อื ขวญั หรอื ก�ำ ลงั ใจ
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้ที่ดี ความปลอดโปร่งเบิกบานผ่องใส แม้แต่ในส่วนของตัวเราเอง
การท่ีจะคิดอะไรได้ปลอดโปร่งคล่องแคล่ว ก็ต้องมีจิตใจท่ีสบาย
สงบด้วย ถ้ามีความกระวนกระวาย เช่น ความกระสับกระส่าย
ทางกายก็ตาม ทางใจกต็ าม ก็จะท�ำ ใหค้ ดิ อะไรไม่คล่อง และก็จะท�ำ
อะไรไม่ถูกต้อง ถ้าจะทำ�ให้ได้ผลดี ก็ต้องมีจิตใจท่ีสงบและเข้มแข็ง
ปลอดโปร่ง มีความเบิกบานผ่องใสจึงจะทำ�ใหเ้ กิดเปน็ ผลดี
เพราะฉะน้ัน หลักการสำ�คัญก็ คือ ให้ส่วนที่ดีนำ�มา
80 ซงึ่ สว่ นทด่ี ยี งิ่ ๆขนึ้ ไปคอื ความรกั ทมี่ ตี อ่ คณุ พอ่ คณุ แมห่ รอื ญาตพิ นี่ อ้ ง
ที่เจ็บไข้ได้ปว่ ยนัน้ เป็นส่วนท่ดี ีอยแู่ ลว้ จึงควรใหเ้ กิดความเบิกบาน
ผ่องใสของจิตใจ แล้วเอาจิตใจท่ีดีงามนี้ มาคิดไตร่ตรองพิจารณา
ในการท่ีจะคิดแก้ไขสถานการณ์ ในการที่จะจัดการดูแลเอาใจใส่
ด�ำ เนนิ การรักษาตา่ ง ๆ ตลอดจนทำ�สภาพจติ ใจของตน ใหเ้ ป็นจติ ใจ
ทีจ่ ะช่วยเสริมใหจ้ ติ ใจของทา่ นผู้ป่วยไดม้ ีความสบายใจ
สมมุตวิ ่า ท่านผปู้ ่วยทราบถึงบตุ รธิดา ที่กำ�ลงั ห้อมลอ้ ม
เอาใจใส่คอยห่วงใยผู้ป่วยอยู่ ท่านก็จะรู้สึกว่าบุตรธิดาหรือผู้ปฏิบัติ
รักท่านหรือห่วงใยท่าน ในเวลาเดียวกัน ถ้าบุตรธิดาท้ังหมดนั้น
มีจิตใจสบาย ท่านก็จะไม่ห่วงกังวล ก็จะเป็นเคร่ืองช่วยให้จิตใจ โรคภัยไข้เจ็บ
ของทา่ นสบายดว้ ยเมอื่ ทา่ นมจี ติ ใจทสี่ บายมกี �ำ ลงั ใจเขม้ แขง็ กจ็ ะเปน็
เคร่ืองช่วยในการรักษาร่างกายของท่านด้วย โดยเฉพาะในตอนน้ี 81
นอกจากพยายามท�ำ ใจหรอื คดิ พจิ ารณาไตรต่ รองใหจ้ ติ ใจเขม้ แขง็ แลว้
กย็ งั ไดอ้ าศยั อานภุ าพของบญุ กศุ ลและพระรตั นตรยั ชว่ ยเหลอื อกี ดว้ ย ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
กล่าวคือในขณะน้ี เราไม่ใช่อยู่เฉพาะตัวลำ�พังจิตใจผู้เดียวเท่านั้น
แต่ยังมอี านภุ าพของบญุ กศลุ ชว่ ยหล่อเลย้ี งดว้ ย
ญาติทุกคนมีความห่วงใยรักญาติผู้ป่วยทุกคน และได้
ทำ�บุญทำ�ทานแทนญาติที่ป่วยแล้ว จึงขอให้อานิสงส์ อานุภาพ
ของบญุ กศุ ลทไี่ ดท้ �ำ มาแลว้ และก�ำ ลงั ท�ำ อยนู่ ี้ จงเปน็ เครอื่ งชว่ ยเสรมิ
กำ�ลงั ใจของท่านด้วย โดยเฉพาะขอใหท้ กุ ท่านตั้งใจรวมจติ ใจ ขอให้
อานภุ าพแหง่ บญุ กศุ ลหลอ่ เลยี้ งรกั ษาผปู้ ว่ ยเมอ่ื มกี ารท�ำ บญุ กจ็ ะมกี าร
ทไี่ ดบ้ ชู าพระรตั นตรยั พระรตั นตรยั เปน็ สง่ิ ทย่ี ดึ เหนย่ี วทลี่ กึ ซง้ึ ทสี่ ดุ
ในทางจิตใจ เม่ือเราเข้าถึงพระรัตนตรัย จิตใจก็จะมีความเข้มแข็ง
มีกำ�ลัง มีความสงบ มีความร่มเย็นเกิดขึ้น ก็ขอให้ความร่มเย็นน้ี
เปน็ บรรยากาศทแ่ี วดลอ้ มหมญู่ าตทิ งั้ หมด พรอ้ มทงั้ ผปู้ ว่ ยชว่ ยประ
คบั ประคองหลอ่ เลย้ี งใหท้ า่ นผปู้ ว่ ยหายวนั หายคนื ขนึ้ มา โดยมคี วาม
เข้มแข็งทั้งในทางกายและทางจติ ใจ
อทุ ิศสว่ นกุศลใหบ้ คุ คลผ้มู ีชีวติ หรือลว่ งลบั ก็ได้
โดย พระธรรมสงิ หบรุ าจารย์
โรคภัยไข้เจ็บ ในวันน้ีจะให้คติกรรมฐาน พูดถึงวิธีการทำ�กรรมฐาน
อุทิศส่วนกุศลให้แก่บุคคลผู้มีชีวิตอยู่ และบุคคลที่ตายไปแล้ว
สู่สัมปรายภพจะอุทิศอย่างไร มีคนยังไม่เข้าใจอีกมาก ตายไปแล้ว
อยู่ท่ีไหนกไ็ ม่ทราบ จึงไม่สามารถจะอทุ ศิ ได้
82 การเจริญกรรมฐานดีที่สุดในโลก ได้บุญกุศล
ท้งั ผูม้ ีชีวิตอยู่ และผู้ลว่ งลบั ไปแล้วสู่สัมปรายภพ ....
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
การแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล เจริญกรรมฐานดีที่สุด
สามารถจะช่วยพอ่ ชว่ ยแมย่ งั มีชวี ติ อยไู่ ด้ พ่อแม่มชี วี ิตอยู่ แตอ่ ย่ไู กล
แสนไกล ลกู สามารถท�ำ ให้พอ่ แมไ่ ด้ ดว้ ยการเจรญิ วปิ สั สนา ไมต่ ้อง
ใช้สตางค์ เอาบุญมาใส่ใจให้อ่ิมเอิบ ขอแผ่ส่วนบุญน้ีให้บิดา
ของข้าพเจ้า หรอื ใหล้ กู กไ็ ด้ ถึงทนั ทีนะ
ถ้าโยมทำ�บุญถวายสังฆทาน ถ้าไม่เคยนั่งกรรมฐาน
บญุ นนั้ จะไมส่ มั ฤทธผิ์ ล มแี ตท่ านไมม่ ศี ลี ทานนนั้ ทานจะไมไ่ ดร้ บั ผล
ทานธรรมดา เช่น ทานช่วยเหลือกันธรรมดามันไร้ผล ต้องมีสติ โรคภัยไข้เจ็บ
มีศีลก่อน เราจะเห็นได้ว่าเวลาจะถวายทานหรือทำ�กุศล ต้องรับ
ศีลกอ่ น ตอ้ งการใหเ้ ป็นหลกั สตู ร ทำ�อะไรต้องมสี ตสิ ัมปชญั ญะเต็ม 83
แล้วค่อยทำ� รับรองได้ผลอย่างสมคาดปรารถนาทุกประการ ตรงน้ี
เปน็ เร่อื งสำ�คญั ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
มีศีลก่อน มีสติสัมปชัญญะก่อน นั่งเจริญกรรมฐาน
มพี ลงั สงู พอ่ แม่อยทู่ ่ีไหน ลูกอย่ทู ไี่ หน สง่ ไปเหมอื นเราไปเครอ่ื งบิน
ฉะนน้ั นเี่ รียกวา่ “ภาวนา” ทานธรรมดาไปเรือพาย มีศลี ทานเราไป
รถยนต์ ถ้ามีภาวนาผุดขึ้นใสสะอาด ทานน้ันได้สัมฤทธ์ิผล
เหมือนเราไปเคร่ืองบิน ไวเห็นทันตาเลย ออกมาในลักษณะการ
อย่างน้ี จะมีประโยชน์มาก
ถ้าโยมสมาธิเข้าข้ันแผ่ไปให้ลูกที่สหรัฐอเมริกา
เขาจะได้รับหรือไม่ได้รับ เดี๋ยวจะสะท้อนย้อนมาหาจิตเรา
อ๋อ ลูกอยู่เย็นเป็นสุข ได้รับบุญกุศลของพ่อแม่แล้ว มันจะบอก
อยา่ งนี้ได้ แต่ฝึกไม่ถึงขั้นมันกไ็ ม่รู้เร่ือง ....
การแผ่เมตตาจะต้องมีสมาธิก่อน มีพลังสูง มีเมตตา
ในตวั เองกอ่ นแลว้ คอ่ ยแผอ่ ทุ ศิ ใหเ้ ขาจะไดผ้ ลถา้ โยมปราศจากเมตตา
อย่าอุทิศ ไม่มีได้ผล ไม่ได้ผลจริง ๆ อาตมาทำ�มาแล้ว แผ่ได้ผล
โรคภัยไข้เจ็บต้องมีเมตตาครบอย่างตำ่� ๘๐% ไม่มีอย่างนั้น แผ่ไม่ออกหรอก
เหมือนยงิ ปนื ตกปากกระบอกไม่มแี รงส่ง ขาดสมาธิ ขาดสติปญั ญา
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้ขาดความสามารถ ขาดความเชย่ี วชาญในการฝึก
ต้องฝึกให้คุ้นเคยทุกวัน ไม่ใช่น่ังแล้วได้ทุกคน
ไม่อย่างนั้นคนก็ไปสวรรค์นิพพานกันหมดน่ะซี คนต้องไป
นรกบ้าง ไปนิพพานทุกคนไม่ได้หรอก ไปสวรรค์ทุกคนก็ไม่ได้
เพราะเคร่ืองไม่ครบ นิสัยไม่เหมือนกัน คนเราก็แตกต่างกันไป
ดว้ ย ความสุข ความทุกข์ ไม่เหมือนกันนะ ....
84 การแผส่ ว่ นกศุ ลไมม่ อี ะไรดเี ทา่ กรรมฐานคนตายไปแลว้
เราก็อทุ ิศได้ ไปนรกสวรรคเ์ ดีย๋ วมนั จะบอก
การเจริญกรรมฐานเป็นญาติกับพระศาสนา ถ้าท่าน
ไม่เจริญกรรมฐาน บวชกาย วาจา ใจ เป็นไตรสิกขาสามแล้ว
ท่านจะไม่เป็นญาติกับพระศาสนาเลย จะสร้างศาลาสัก ๑๐๐ หลัง
ก็ไม่มีโอกาสเป็นญาตินะ ขอฝากนักกรรมฐานไปตีความคิด
ให้ใกลต้ ัวตอ่ ไป
พอ่ แม่ป่วยไข้ ลกู ท�ำ กรรมฐานช่วยได้
โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์
เด็กหญิงทัศนีย์ อยู่โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี โรคภัยไข้เจ็บ
บา้ นต�ำ บลมะขามลม้ อ�ำ เภอบางปลามา้ จงั หวดั สพุ รรณบรุ ีเธออยู่ม.๑ 85
ไปปฏิบัติธรรม ที่วัดอัมพวัน ๒๘๐ คน เมื่อสมัยน้ัน ๕-๖ ปีแล้ว ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
แม่เป็นโรคมะเร็ง แม่เป็นครูที่โรงเรียนที่อำ�เภอบางปลาม้า
วาระสุดทา้ ยของโรคมะเร็งข้ันสดุ ทา้ ยแล้ว เหลอื แตก่ ระดกู อาเจยี น
มดลูกเน่าหมดแล้ว ต้องตายภายใน ๓ เดือน แต่ลูกสาวคนน้ีดีมาก
ก็เรียนให้อาตมาทราบว่า หลวงพ่อคะ หนูน่ีแม่จะตายแล้ว หนูยัง
ไม่ได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่เลย แม่ก็จะมาตายแล้ว ถ้าแม่ตายแล้ว
หนจู ะอยกู่ บั ปา้ กไ็ มเ่ หมอื นอยกู่ บั แม่อะไรหนอจะอนุ่ เทา่ กบั ตกั แมเ่ รา
ไม่มีแล้ว พูดนา่ สงสาร
หลวงพ่อคะ หนูจะช่วยแม่ได้อย่างไรบ้าง หนูมี
ศรัทธาไหม น่ังกรรมฐาน พอน่ังกรรมฐานได้ ๓ วัน โรงเรียน
สงวนหญิงลากลับ อาจารย์บรรเลง เป็นผู้ช่วยผู้อำ�นวยการ จังหวัด
สพุ รรณบรุ ี ก็บอกวา่ หลวงพ่อฝากเด็กไวส้ กั คนหนงึ่ นั่งกรรมฐาน
ตอ่ ๗ วัน สวดพาหุงมหากาฯ เขา้ หลวงพอ่ คะ หนูจะทำ�ได้ไหมคะ
โรคภัยไข้เจ็บถ้าหากวา่ แม่จะตอ้ งตาย ทดแทนบุญคุณแม่ ดว้ ยน้ำ�นมทแ่ี ม่เลย้ี งมา
ได้ไหม ได้ เลยเขาก็นั่งกรรมฐานต่อไป ๗ วัน กลับไปแม่หาย
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้จากโรคมะเร็ง จนทกุ วันน้ี
บดั น้ี ด.ญ.ทศั นยี ์ เป็น นางสาวทศั นีย์ อยู่ ม.๖ โรงเรียน
สงวนหญิง สุพรรณบุรี ไปถามได้เดี๋ยวนี้ ลูกช่วยพ่อแม่ได้แน่นอน
พอ่ แมก่ �ำ ลงั ปว่ ยไข้ลกู สาวหรอื ลกู ชายเจรญิ สมาธิสวดพาหงุ มหากาฯ
สวดพุทธคุณเท่าอายุเกินหนึ่ง แม่กลับหายจากโรคมะเร็งได้
จนทกุ วนั น้ี ขอฝากไวว้ ่าลูกชว่ ยพอ่ แม่ได้ พอ่ แม่กช็ ว่ ยลูกได้
86 ใชค้ า่ น�ำ้ นมแม่
โดย พระธรรมสงิ หบุราจารย์
ใครทำ�กรรมฐานได้ จะรู้น้ำ�พระคุณของแม่ น้ำ�ใจ
ของพ่อ รู้แน่ ๆ คือ รู้จักตัวเอง สร้างความดีให้เห็นเด่นชัดข้ึนมา
นั่นแหละใช้ค่าน้ำ�นมของแม่ได้ โยมจะเป็นสาว หรือเป็น
ผู้สูงอายุ หรือพ่อแม่ล้มหายตายจากไปแล้วด้วยกันทุกคนก็ตาม
สามารถติดตามผลไปช่วยพ่อแม่ท่ีลงนรกได้ พ่อแม่ที่ป่วยไข้
ขอให้หายวันหายคืน ฟื้นคืนมาอยู่กับลูกกับหลานต่อไป เป็นการ
สวัสดีมีชัยในโลกมนุษย์ต่อไปเถิดประเสริฐท่ีสุด ซึ่งได้มาจากการ
เจรญิ วิปสั สนาสูงสดุ
วิธีการแผเ่ มตตาและอุทศิ สว่ นกศุ ล
(จากหนงั สือ สวดมนต์ ทำ�กรรมฐาน ตามแบบหลวงพ่อจรัญ)
“วันน้ีจะขอฝากญาตโิ ยมไว้ การอทุ ิศส่วนกุศล และการ โรคภัยไข้เจ็บ
แผ่ส่วนกุศลไมเ่ หมือนกัน การแผ่ คอื การแพร่ขยาย เปน็ การเคลียร์
พื้นท่ี แผ่ส่วนบุญออกไป เรียกว่า สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายท่ีเป็น 87
เพ่ือนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันท้ังหมดท้ังสิ้น เรียกว่าการแผ่
แพร่ขยาย แต่การอุทิศให้ เป็นการให้โดยเจาะจง ถ้าเราจะให้ตัวเอง ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
ไม่ต้องบอก ไม่ต้องบอกว่า ขอให้ข้าพเจ้ารวย ขอให้ข้าพเจ้าดี
ขอใหข้ า้ พเจา้ หมดหน้ี ท�ำ บญุ กร็ วยเอง เราเปน็ คนท�ำ เรากเ็ ปน็ คนได้
และการให้บิดามารดานั้น ก็ไม่ต้องออกช่ือแต่ประการใด ลูกทำ�ดี
มีปัญญาได้ถึงพ่อแม่ เพราะใกล้ตัวเรา พ่อแม่อยู่ในตัวเรา เราสร้าง
ความดีมากเท่าไร จะถึงพ่อแม่มากเท่าน้ัน เรามีลูก ลูกเราดี ลูกมี
ปญั ญา พ่อแมก่ ช็ ื่นใจโดยอัตโนมัติไมต่ ้องไปบอก”
ผู้ปรารถนาจะปลูกเมตตาให้งอกงามอยู่ในจิต พึงปลูก
ด้วยการคิดแผ่ ในเบอื้ งตน้ แผไ่ ปโดยเจาะจงกอ่ น ในบุคคลทช่ี อบพอ
มมี ารดาบดิ า ญาตมิ ติ ร เปน็ ตน้ โดยนยั วา่ ผนู้ น้ั ๆ จงเปน็ ผไู้ มม่ เี วร ไมม่ ี
ความเบยี ดเบยี น ไมม่ ที กุ ข์ มสี ขุ สวสั ดี รกั ษาตนเถดิ เมอื่ จติ ไดร้ บั การ
โรคภัยไข้เจ็บฝึกหัดคุ้นเคยกับเมตตาเข้าแล้ว ก็แผ่ขยายให้กว้างออกไปโดยลำ�ดับ
ดงั น้ีในคนทเ่ี ฉยๆไมช่ อบไมช่ งั ในคนไมช่ อบนอ้ ยในคนทไ่ี มช่ อบมาก
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้ในมนษุ ยแ์ ละดริ จั ฉานไมม่ ปี ระมาณ เมตตาจติ เมอื่ คดิ แผก่ วา้ งออกไป
เพยี งใด มติ รและไมตรกี ม็ ีความกวา้ งออกไปเพยี งนัน้ เมตตาไมตรีจิต
มิใชอ่ ำ�นวยความสขุ ให้เฉพาะบุคคล ย่อมใหค้ วามสุขแก่ชนสว่ นรวม
ตั้งแต่สองคนข้ึนไป คือ หมู่ชนที่มีไมตรีจิตต่อกัน ย่อมหมด
ความระแวง ไมต่ ้องจา่ ยทรัพย์ จ่ายสขุ ในการระวงั หรือเตรยี มรุกรบั
มีโอกาสประกอบการงาน อันเป็นประโยชน์แก่ตนเองและหมู่เต็มท่ี
มคี วามเจริญรุ่งเรอื งและความสงบสขุ โดยส่วนเดียว
88 สวดมนต์เป็นนิจ อธิษฐานจิตเป็นประจำ� อโหสิกรรม
เสียก่อนและเราก็แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ท้ังหลาย ที่เราไป
สร้างกรรมมาครั้งอดีต รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง รู้เท่าทันหรือไม่เท่าทันก็ตาม
ถ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์เช่นนี้แล้ว ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงอโหสิกรรม
ใหแ้ ก่ข้าพเจา้ มันกจ็ ะน้อยลงไป
“ตงั้ สตหิ ายใจยาว ๆ ตอนทกี่ รวดน�้ำ เสรจ็ แลว้ อธษิ ฐานจติ
ไวก้ อ่ น อธษิ ฐานจติ หมายความวา่ ตงั้ สตสิ มั ปชญั ญะไวท้ ลี่ นิ้ ป่ี ส�ำ รวม
กาย วาจา จิต ไดต้ ้งั ม่ันแลว้ จงึ ขอแผ่เมตตาไว้ในใจสักครู่หนึง่ แลว้ ก็
ขออุทิศให้บิดามารดาของเราว่า เราได้บำ�เพ็ญกุศล ท่านจะได้บุญ
ไดผ้ ลแน่ ๆ เดีย๋ วนด้ี ้วย ...”
“หายใจยาว ๆ ต้ังสติก่อน หายใจลึก ๆ ยาว ๆ แล้วก็ โรคภัยไข้เจ็บ
แผเ่ มตตาก่อน มเี มตตาดแี ลว้ ไดก้ ศุ ลแลว้ เราก็อทุ ิศเลย อโหสกิ รรม
ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่พยาบาทใครอกี ตอ่ ไป และเราจะขออุทิศให้ใคร 89
ญาติบุพเพสันนิวาสจะได้ก่อน ญาติเม่ือชาติก่อนจะได้มารับ เราก็มิ
ทราบวา่ ใครเปน็ พอ่ แมใ่ นชาตอิ ดตี ใครเปน็ พน่ี อ้ งของเราเรากไ็ มท่ ราบ ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
แต่แลว้ เราจะไดท้ ราบตอนอุทิศสว่ นกุศลนี้ไปให้ เหมือนโทรศพั ท์ไป
เขาจะไดร้ บั หรอื ไม่ เราจะรไู้ ด้ทันท”ี
“น่ีก็เช่นเดียวกัน เราจะปลื้มปีติทันทีนะ เราจะตื้นตัน
ข้ึนมาเลย ถ้าท่านมีสมาธิ นำ้�ตาท่านจะร่วงนะ ขนพองสยองเกล้า
เป็นปีติเบื้องต้น ถ้าท่านมาสวดมนต์กันส่งเดช ไม่เอาเหนือเอาใต้
ทา่ นไมอ่ ทุ ิศทา่ นจะไม่รูเ้ ลยนะ ... ”
“วันน้ีท่านทำ�บุญอะไร สร้างความดีอะไรบ้าง ดูหนังสือ
ท่องจำ�บทอะไรได้บ้าง ก็อุทิศได้ เมืองฝร่ังเขาไม่มีการทำ�บุญ เราไป
ทอดกฐนิ ผา้ ปา่ ถวายสงั ฆทาน เขาท�ำ ไมเ่ ปน็ แต่ท�ำ ไมเขาเป็นเศรษฐี
ท�ำ ไมเขามคี วามเจรญิ ทางดา้ นเทคโนโลยี ทำ�ไมถงึ เจรญิ ดว้ ยอารยธรรม
ของเขา เพราะเขามบี ุญวาสนา เขาตง้ั ใจทำ� มีกิจกรรมในชีวิตของเขา
จะยกตัวอย่าง วันนี้เขาค้าขายได้เป็นพันเป็นหมื่นด้วยสุจริตธรรม
เขาก็เอาอันน้ันแหละอุทิศไป วันน้ีเขาปลูกต้นไม้ได้มากมาย เขาก็
เอาสง่ิ น้อี ุทศิ ไป ว่าไดส้ ร้างความดใี นวันนี้ ไม่ไดอ้ ย่วู ่างแต่ประการใด
โรคภัยไข้เจ็บเขาก็ได้บุญ ไม่จำ�เป็นต้องเอาสตางค์มาถวายพระเหมือนเมืองไทย
ถวายสงั ฆทานกนั ไมพ่ กั ถวายโนน่ ถวายนแี่ ตใ่ จเปน็ บาป อทุ ศิ ไมอ่ อก
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้บอกไมไ่ ด้ อยา่ งนเี้ ปน็ ต้น จะไม่ได้อะไรเลยนะ ... ”
“... ท่ีผมแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล ไปเข้าบ้าน
ลูกสาวญวนที่กรุงปารีส ฝร่ังเศส ทำ�อย่างนี้นะ เวลาสวดมนต์
อติ ปิ โิ ส... ยาเทวตา... ตง้ั ใจสวดดว้ ยภาษาบาลเี ชน่ นี้ ทหี่ ยดุ เงยี บไปนะ่
ผมส�ำ รวมจิตตั้งสติ แผ่เมตตา จิตสงบดีแลว้ จึงอุทิศไป”
“… ท่ีท่องจำ�โคลงให้ได้น่ะเพ่ือให้คล่องปาก
90 ว่าให้คล่องปาก แล้วก็จะคล่องใจ คล่องใจแล้วถึงจะเป็นสมาธิ
เปน็ สมาธิแล้วถึงจะอทุ ศิ ได้ ไม่อย่างนั้นไมไ่ ด้นะ”
“ เ อ า ตำ � ร า ม า ดู กั น ก็ ไ ม่ ไ ด้ ผ ล แ ต่ ดู ตำ � ร า เ พื่ อ
ให้ถูกวรรคตอนและให้คล่องปาก แล้วจะได้คล่องใจ เป็นสมาธิ
ถงึ จะมีก�ำ ลังส่งอุทิศไมอ่ ย่างน้ันไม่มกี �ำ ลังสง่ เลยนะ”
“การอุทิศส่วนกุศล น่ีสำ�คัญนะ แต่ต้องแผ่เมตตาก่อน
แผ่เมตตา ให้มีสติก่อน แผ่เมตตาให้มีความรู้ว่าเราบริสุทธิ์ ใจมี
เมตตาไหมและอุทศิ เลย มันคนละขั้นตอนกนั นะ
แผ่เมตตากับอุทิศมันต่างกัน ทำ�ใจให้เป็นเมตตา โรคภัยไข้เจ็บ
บริสุทธ์ิก่อน ไม่อิจฉา ไม่ริษยา ไม่ผูกพยาบาทใครไว้ในใจ ทำ�ให้
แจม่ ใส ท�ำ ใจให้สบาย คือ เมตตา แล้วเราจะอทุ ิศให้ใครกบ็ อกกนั ไป 91
มนั จะมพี ลงั สงู สามารถจะอทุ ศิ ใหค้ ณุ พอ่ คณุ แมข่ องเราก�ำ ลงั ปว่ ยไข้
ใหห้ ายจากโรคภยั ไข้เจบ็ ได้ เชน่ วีโก้ บรูน ชาวนอรเวย์ ทเ่ี คยมาบวช ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
ท่วี ัดนี้เป็นต้น”
“เรามาสวดมนต์ไหว้พระกันว่า โยโสภะคะวา....
ใจเป็นบุญไหม สวากขาโต... สุปฏิปันโน... ใจเป็นบุญไหม ท่านจะ
ฟงุ้ ซา่ นไปทางไหน ส�ำ รวมอนิ ทรยี ์ หนา้ ทคี่ อยระวงั เอาของจรงิ ไปใช้
อยา่ เอาของปลอมมาใชเ้ ลย ...”
“ท่านทำ�ประโยชน์อะไรในวันน้ี เอามาตีความ สำ�รวม
ตง้ั สตไิ วก้ อ่ นวา่ ขาดทนุ หรอื ไดก้ �ำ ไรชวี ติ และจะไปเรยี งสถติ ใิ นจติ ใจ
เรยี กวา่ เมตตา แปลวา่ ระลกึ กอ่ น เมตตาแปลวา่ ปรารถนาดกี บั ตนเอง
สงสารตวั เองท่ไี ดส้ รา้ งความดีหรือความชวั่ เช่นนี้”
“หายใจยาว ๆ ตั้งกัลยาณจิตไว้ที่ลิ้นปี่ ไม่ใช่พูดส่งเดช
จ�ำ นะทล่ี น้ิ ปเี่ ปน็ การแผเ่ มตตาจะอทุ ศิ กย็ กจากลนิ้ ปสี่ หู่ นา้ ผากเรยี กวา่
อุณาโลมา ปจชายเต
โรคภัยไข้เจ็บ นะอยูห่ ัว สามตวั อย่าละ นะอยู่ที่ไหนตามเอามา แล้วก็
อทุ ิศทนั ที จึงถงึ ตามทป่ี รารถนา ไมว่ า่ เปน็ โยมพอ่ โยมแม่ จะให้น้อง
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้เรยี นหนงั สอื จะใหพ้ เ่ี รยี นหนงั สือ หรอื จะใหบ้ ตุ รธดิ าของตน จะได้
ผลข้นึ มาทันท”ี
“ลูกว่านอนสอนยาก ลูกติดยาเสพติด ถ้าทำ�ถูกวิธีแล้ว
มนั จะหนั เหเรม่ าทางดีได้ พอ่ แม่กนิ เหลา้ เมายา เล่นการพนนั ลกู จะ
ไปสอนพอ่ แมไ่ ม่ได้ มที างเดยี วคอื เจรญิ พระกรรมฐาน ส�ำ รวมจติ
แผเ่ มตตา อทุ ิศส่วนกุศล
92 “นะ” อยู่หัว สามตัวอย่าละ “นะ” อยู่ที่ไหนตามเอามา
ให้ได้ หมายความว่ากระไร ถ้าท่านทำ�กรรมฐาน ท่านจะทายออก
“นะ” ตัวน้ีสำ�คัญ “นะ” มีท้ังเมตตามหานิยม “นะ” แปลว่า
การกระทำ�อกุศลให้เป็นกุศล “นะ” แปลว่า ทำ�ศัตรูให้เป็นมิตร
สรา้ งชวี ิตในธรรม แล้วกอ็ ุทิศสว่ นกศุ ลไป”
“… อย่าทำ�ด้วยอารมณ์ อย่าทำ�ด้วยความผูกพยาบาท
อาฆาตต่อกัน ละเวรละกรรมเสียบ้าง แล้วจิตจะโปร่งใส ใจก็จะ
สะอาด แล้วก็อุทิศไป จิตมันไม่ติดไฟแดง จิตไม่เลี้ยวซ้ายเล้ียวขวา
จิตมันทะลุฝาผนังได้ ท่านเข้าใจคำ�นี้หรือยัง จิตมันตรงที่หมาย
จติ ไม่มีตวั ตน จติ คิดอ่านอารมณ์ มีจิตโปร่ง ทา่ นจะท�ำ อะไรกโ็ ล่งใจ
สบายอก สบายใจ “นะ” อยหู่ วั สามตวั อยา่ ละ เอา “นะ” ไปอทุ ศิ ใหไ้ ด้ โรคภัยไข้เจ็บ
ถา้ ทา่ นมคี รอบครวั แลว้ โปรดตง้ั ปฏญิ าณในใจวา่ ใหบ้ ตุ รธดิ าของเรา
รวยสวยเก่ง เร่งเปน็ ดอกเตอร์ อย่างนี้ซิถึงจะถกู วิธขี องผม” 93
“ท่านไปขุดน้ำ�กินเสียบ้านเดียว ท่านจะได้อะไรหรือ ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
ขุดบ่อนำ้�สาธารณะกินได้ทุกบ้าน ใครมาก็กิน ใครมาก็ใช้
ท่านได้บุญมากมีถนนส่วนบุคคล ท่านเดินได้เฉพาะบ้านเดียว
ไมส่ าธารณะแกค่ นทวั่ ไป ทา่ นจะไดบ้ ญุ นอ้ ยมาก มอี านสิ งสน์ อ้ ยมาก
น่ีเปรยี บเทียบถวาย เร่ืองจริงเป็นอย่างน้ัน”
“…อยา่ ลมื นะทล่ี น้ิ ปหายใจยาวๆส�ำ รวมเวลาสวดมนต์
นั้นน่ะได้บุญแล้ว … แล้วสำ�รวมจิตส่งกระแสจิตท่ีหน้าผาก
อุทิศส่วนกุศล เวลาแผ่เมตตาเอาไว้ที่ลิ้นป่ี สำ�รวมอินทรีย์
หน้าที่คอยระวัง นะ อุ อุอะมะ อุอะมะ อะอะอุ นะอยู่ตรงไหน
เอามาไวต้ รงไหน จบั ให้ได้แล้วอุทศิ ไป”
“ผมท�ำ มา๔๐กวา่ ปแี ลว้ ท�ำ ไดผ้ ลขอถวายความรเู้ ปน็ บญุ
เป็นกุศล ให้ท่านได้บุญอย่างประเสริฐไป จะได้อุทิศให้โยมเขา
เขาเปน็ โรคภัยไขเ้ จบ็ ถ้าไมเ่ หลือวิสยั มนั กห็ ายได”้
การปฏบิ ัตวิ ิปสั สนากรรมฐาน
แนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมะเทศนา โดย
(พระเดชพพรระะธครุณรมหสลงิวหงพบ่อรุ าจจราัญรยฐ์ ิตธฺ มโฺ ม)
รวบรวมจากหนงั สือ “กฎแห่งกรรม ธรรมปฏบิ ัต”ิ
และหนังสอื “สวดมนต์ ท�ำ กรรมฐาน ตามแบบหลวงพ่อจรัญ”
วิธปี ฏบิ ัตวิ ปิ สั สนากรรมฐานเบือ้ งตน้
(จากหนังสือ สวดมนต์ ท�ำ กรรมฐาน ตามแบบหลวงพอ่ จรัญ)
การยนื โรคภัยไข้เจ็บ
ก่อนเดินให้ยกมือไขว้หลัง มือขวาจับข้อมือซ้าย วางไว้ 95
ตรงกระเบนเหน็บ ยืนตัวตรง เงยหน้า หลับตา ให้สติจับอยู่
ทก่ี ลางกระหม่อม ก�ำ หนดว่า “ยืนหนอ” ชา้ ๆ ๕ ครั้ง เริ่มจากศรี ษะ ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
ลงมาปลายเท้า และจากปลายเท้าขึ้นไปบนศีรษะ กลับขึ้นกลับลง
จนครบ ๕ ครั้ง แต่ละคร้ังแบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรก คำ�ว่า “ยืน”
จติ วาดมโนภาพร่างกาย จากศรี ษะลงมาหยุดที่สะดอื ค�ำ ว่า “หนอ”
จากสะดือลงไปปลายเท้า ก�ำ หนดค�ำ ว่า “ยืน” จากปลายเท้า มาหยดุ
ทสี่ ะดอื ค�ำ วา่ “หนอ”จากสะดอื ขนึ้ ไปปลายผมก�ำ หนดกลบั ไปกลบั มา
จนครบ ๕ ครั้ง ขณะนั้นให้สตอิ ยทู่ ีร่ า่ งกาย อย่าใหอ้ อกไปนอกกาย
เสรจ็ แล้วลืมตาขึ้น กม้ หน้าทอดสายตาไปข้างหนา้ ประมาณ ๑ ศอก
การเดนิ จงกรม
สติจับอยู่ท่ีเท้า การเดิน กำ�หนดว่า “ขวา...” “ย่าง...”
“หนอ...” กำ�หนดในใจ
โรคภัยไข้เจ็บ ค�ำ วา่ “ขวา” ตอ้ งยกสน้ เทา้ ขวาขน้ึ จากพนื้ ประมาณ ๒ นวิ้
เทา้ กบั ใจนึกต้องใหพ้ รอ้ มกัน “ยา่ ง” ตอ้ งกา้ วเทา้ ขวาไปขา้ งหนา้ ชา้ ทส่ี ดุ
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้เทา้ ยงั ไมเ่ หยยี บพน้ื ค�ำ ว่า “หนอ” เทา้ ลงถงึ พนื้ พรอ้ มกนั
เวลายกเท้าซ้ายกเ็ หมอื นกัน กำ�หนดว่า “ซา้ ย...” “ย่าง...”
“หนอ...” คงปฏิบัติเช่นเดียวกันกับ “ขวา...” “ย่าง...” “หนอ...”
ระยะก้าวในการเดินห่างกันประมาณ ๑ คืบเป็นอย่างมาก
เพื่อการทรงตวั ขณะก้าวจะได้ดีขน้ึ
เม่ือเดินสุดสถานท่ีใช้แล้ว ให้นำ�เท้ามาเคียงกัน
96 เงยหน้าหลับตากำ�หนด “ยืนหนอ” ช้า ๆ อีก ๕ คร้ัง ทำ�ความ
รู้สึก โดยจิต สติ รู้อยู่ต้ังแต่กลางกระหม่อม แล้วกำ�หนด
“ยนื หนอ” ๕ ครัง้ เบอ้ื งต�่ำ ต้งั แต่ปลายผมลงมาถงึ ปลายเท้า เบอ้ื งบน
ต้งั แตป่ ลายเทา้ ข้นึ มา “ยืนหนอ” ๕ ครง้ั แล้วหลับตา ตง้ั ตรง ๆ เอาจติ
ปักไวท้ ่กี ระหมอ่ ม เอาสติตามดงั น้ี
“ยืน...” (ถึงสะดือ) “หนอ...” (ถึงปลายเท้า) หลับตา
อย่าลมื ตา นกึ มโนภาพ เอาจติ มอง ไม่ใช่มองเห็นด้วยสายตา “ยนื ...”
(จากปลายเทา้ ถงึ สะดอื หยุด) แลว้ ก็ “หนอ...” ถึงปลายผมคนละครง่ึ
พอท�ำ ไดแ้ ลว้ ภาวนา “ยนื … หนอ...” จากปลายผมถงึ ปลายเทา้ ไดท้ นั ที
ไม่ต้องไปหยุดที่สะดือ แล้วคล่องแคล่วว่องไว ถูกต้องเป็นธรรม
ขณะน้ันให้สติอยู่ท่ีร่างกาย อย่าให้ออกไปนอกกาย เสร็จแล้วลืมตา โรคภัยไข้เจ็บ
ขึ้น ก้มหน้าทอดสายตาไปข้างหน้าประมาณ ๑ ศอก สติจับอยู่ที่เท้า
การเดนิ กำ�หนดวา่ “ขวา...” “ยา่ ง...” “หนอ...” กำ�หนดในใจ 97
ค�ำ วา่ “ขวา” ตอ้ งยกสน้ เทา้ ขวาขนึ้ จากพนื้ ประมาณ ๒ นว้ิ ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
เทา้ กับใจนึกตอ้ งให้พร้อม
คำ�ว่า “ย่าง” ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าให้ช้าที่สุด
เทา้ ยงั ไม่หยียบพน้ื
ค�ำ วา่ “หนอ”เทา้ เหยยี บพน้ื เตม็ ฝา่ เทา้ อยา่ ใหส้ น้ เทา้ หลงั เปดิ
เวลายกเท้าซ้ายก็เหมือนกัน กำ�หนดคำ�ว่า “ซ้าย...”
“ยา่ ง...” “หนอ...” คงปฏบิ ตั ิเชน่ เดียวกบั “ขวา...” “ยา่ ง...” “หนอ...”
ระยะก้าวในการเดินห่างกันประมาณ ๑ คืบเป็นอย่างมาก เพื่อการ
ทรงตัวขณะก้าวจะได้ดีขึ้น เม่ือเดินสุดสถานที่ใช้เดินแล้ว พยายาม
ใช้เท้าขวาเปน็ หลัก คอื “ขวา...” “ย่าง...” “หนอ...” แล้วตามดว้ ยเทา้
“ซา้ ย...” “ยา่ ง...” “หนอ...” จะประกบกนั พอดี แลว้ ก�ำ หนดวา่ “หยดุ ...
หนอ...” เหมอื นกบั ทไ่ี ดอ้ ธิบายมาแล้ว ลืมตา ก้มหนา้ ทา่ กลบั
โรคภัยไข้เจ็บการกลับ
กำ�หนดว่า “กลับหนอ” ๔ คร้งั คำ�ว่า “กลบั หนอ”
ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้ครั้งท่ี ๑ ยกปลายเทา้ ขวาใชส้ น้ เทา้ ขวาหมนุ ตวั ไปทาง
ขวา ๙๐ องศา
ครงั้ ที่ ๒ ลากเท้าซา้ ยมาติดกบั เทา้ ขวา
คร้ังที่ ๓ ท�ำ เหมอื นคร้ังที่ ๑
คร้ังท่ี ๔ ท�ำ เหมือนครงั้ ท่ี ๒
หากฝกึ จนช�ำ นาญแลว้ เราสามารถก�ำ หนดใหล้ ะเอยี ดขนึ้
โดยการหมุนตัวจาก ๙๐ องศา เป็น ๔๕ องศา จะเป็นการกลับ
98 หนอทั้งหมด ๘ คร้ัง เมื่ออยู่ในท่ากลับหลังแล้วต่อไปกำ�หนด
“ยนื ...หนอ...” ชา้ ๆ อกี ๕ ครั้ง ลืมตา ก้มหนา้ แล้วก�ำ หนดเดินต่อ
ไป กระท�ำ เชน่ นี้จนหมดเวลาที่ต้องการ
การนัง่
กระท�ำ ตอ่ จากการเดนิ จงกรมอยา่ ใหข้ าดตอนลงเมอื่ เดนิ
จงกรมถงึ ทจี่ ะนง่ั ใหก้ ำ�หนด “ยนื ... หนอ...” อกี ๕ ครงั้ ตามทกี่ ระทำ�
มาแลว้ เสยี กอ่ นแลว้ ก�ำ หนดปลอ่ ยมอื ลงขา้ งตวั วา่ “ปลอ่ ยมอื หนอๆๆ”
ช้า ๆ จนกว่าจะลงสุด เวลานั่งค่อย ๆ ย่อตัวลงพร้อมกับกำ�หนด
ตามอาการทท่ี ำ�ไปจริง ๆ เช่น “ยอ่ ตวั หนอ ๆ ๆ” “เทา้ พน้ื หนอ ๆ ๆ”
“คุกเข่าหนอ ๆ ๆ” “นั่งหนอ ๆ ๆ” เปน็ ตน้
วิธีน่ัง ให้น่ังขัดสมาธิ คือ ขาขวาทับขาซ้าย น่ังตัวตรง โรคภัยไข้เจ็บ
หลับตา เอาสติมาจับอยู่ท่ีสะดือท่ีท้องพองยุบ เวลาหายใจเข้า
ทอ้ งพอง ก�ำ หนดวา่ “พอง หนอ” ใจนกึ กับท้องท่พี องตอ้ งใหท้ ันกนั 99
อย่าใหก้ อ่ นหรอื หลังกัน หายใจออกทอ้ งยุบ ก�ำ หนดวา่ “ยบุ หนอ”
ใจนกึ กบั ทอ้ งท่ียบุ ต้องทันกนั อย่าให้กอ่ นหรือหลงั กนั ถ้ามันไม่เหลือวิสัย ก็หายได้
ข้อสำ�คัญให้สติจับอยู่ที่พองยุบ เท่านั้น อย่าดูลมที่
จมกู อย่าตะเบ็งทอ้ ง ให้มีความรสู้ กึ ตามความเปน็ จรงิ วา่ ทอ้ งพอง
ไปข้างหน้า ท้องยุบมาทางหลัง อย่าให้เห็นเป็นไปว่า ท้องพอง
ขึ้นข้างบน ท้องยุบลงข้างล่าง ให้กำ�หนดเช่นน้ีตลอดไป จนกว่าจะ
ถึงเวลาที่กำ�หนด
เม่ือมีเวทนา เวทนาเป็นเร่ืองสำ�คัญที่สุด จะต้องบังเกิด
ขนึ้ กบั ผปู้ ฏบิ ตั แิ นน่ อน จะตอ้ งมคี วามอดทนเปน็ การสรา้ งขนั ตบิ ารมี
ไปด้วย ถ้าผู้ปฏิบัติขาดความอดทนเสียแล้ว การปฏิบัติวิปัสสนา
กรรมฐานน้ันก็ล้มเหลว ในขณะท่ีนั่งหรือเดินจงกรมอยู่นั้น ถ้ามี
เวทนาความเจบ็ ปวด เมอื่ ย คนั เกดิ ขนึ้ ใหห้ ยดุ เดนิ หรอื หยดุ ก�ำ หนด
พองยุบ ให้เอาสติไปตั้งไว้ท่ีเวทนาเกิดและกำ�หนดไปตามความเป็น
จริงว่า “ปวดหนอ ๆ ๆ” “เจ็บหนอ ๆ ๆ” “คันหนอ ๆ ๆ” เป็นต้น
ใหก้ ำ�หนดไปเรื่อย ๆ จนกว่าเวทนาจะหายไป เมื่อเวทนาหายไปแลว้
ก็ใหก้ ำ�หนดนั่งหรอื เดนิ ต่อไป