พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครััวและวิิธีีพิิจารณาคดีีเยาวชนและครอบครััว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๖๙ วรรคสาม ในการจัับกุุมและควบคุุมเด็็กหรืือเยาวชนต้้องกระทำำ โดยละมุุนละม่่อม โดยคำนึำ ึงถึึงศัักดิ์์ศรีีความเป็็นมนุุษย์์และไม่่เป็็นการประจานเด็็กหรืือเยาวชน และห้้ามมิิให้้ใช้้ วิิธีีการควบคุุมเกิินกว่่าที่ ่� จำำ เป็็นเพื่่�อป้้องกัันการหลบหนีีหรืือเพื่่�อความปลอดภััยของเด็็กหรืือ เยาวชนผู้้ถููกจัับหรืือบุุคคลอื่่�น รวมทั้้�งมิิให้้ใช้้เครื่่�องพัันธนาการแก่่เด็็กไม่่ว่่ากรณีีใดๆ เว้้นแต่่ มีีความจำำ เป็็นอย่่างยิ่่�งอัันมิิอาจหลีีกเลี่ ่� ยงได้้เพื่่�อป้้องกัันการหลบหนีี หรืือเพื่่�อความปลอดภััย ของเด็็กผู้้ถููกจัับหรืือบุุคคลอื่่�น ข้อสังเกต ทหารสวมเครื่องแบบ ชาวต่างประเทศ ชั้นผู้ดี หญิง คนชรา เด็ก คน พิการ และคนป่วยเจ็บ ซึ่งไม่สามารถจะหลบ หนีได้ พ่อค้าคหบดีซึ่งมีชื่อ เสียงและมีหลักฐาน การทำ�มาหากินโดย สุจริต ๓ ๕ ๔ ๖ ว่าด้วยวิธีการควบคุมและการใช้เครื่องพันธนาการ ๘๒
การใช้้เครื่่�องพัันธนาการ (การใส่่กุุญแจมืือ) ตามคู่่มืือยุุทธวิิธีีตำำรวจฯ นั้้�นมีีอยู่่ ๓ แบบด้้วยกััน คืือ การใส่กุญแจมือในท่ายืนแบบ หันหลังมือชนกัน การใส่กุญแจมือในท่านั่ง การใส่กุญแจมือในท่านอน แบบที่่ ๑ แบบที่่ ๒ แบบที่่ ๓ ยุทธวิธีตำรวจในการใช้ เครื่องพันธนาการ ข้้อ ๑๙ ๘๓ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม
การใส่่เครื่่�องพัันธนาการโดยการใส่กุุ่ญแจมืือตาม ยุทธวิุิธีตำำ ีรวจข้้างต้้นนั้้�น จะใช้กั้ับผู้้ถููกจัับ และต้้องเป็็นกรณีีแห่่งความจำำ เป็็นในการต้้องใช้้เครื่่�องพัันธนาการโดยการใช้้กุุญแจมืือ ในการจัับตััวไปและเพื่่�อมิิให้้ผู้้ถููกจัับหลบหนีีและ จะใช้้ กำำลัังเกิินกว่่ากรณีีจำำ เป็็นมิิได้้ การใส่่เครื่่�องพัันธนาการโดยการใส่่ กุุญแจมืือนั้้�น จะกระทำำ ได้้ ต้้องพิิจารณาจากองค์์ประกอบต่่างๆ ไม่่ ว่่าจะ เป็็นเรื่่�องเกี่่� ยวกัับข้้อกล่่าวหาและฐานความผิิดของผู้้ถููกจัับ ที่่�ได้้กระทำำลงไปตามที่่�กล่่าวมาแล้้ว รวมทั้้�งพฤติิการณ์์ของผู้้ถููกจัับว่่ามีีการขััดขวาง หรืือจะขััดขวาง หรืือหลบหนีี หรืือพยายามจะหลบหนีีหรืือไม่่ หากผู้้ถููกจัับไม่่มีีพฤติิการณ์์ดัังกล่่าว ย่่อมไม่มีีค่วามจำำ เป็็นต้้องใช้้เครื่่�องพัันธนาการโดย การใส่่ กุุญแจมืือ ว่าด้วยวิธีการควบคุมและการใช้เครื่องพันธนาการ ๘๔ การใส่กุญแจมือ ต้องเป็นกรณีแห่ง ความจำเป็นเท่านั้ น “ ”
บทส่งท้าย ในความเป็็นจริิง ไม่่มีีเหตุุการณ์์ใดเหตุุการณ์์ หนึ่่งที่่เหมืือนกััน (no identical situation) ทั้้�งหมด ทุุกเหตุุการณ์์ ดัังนั้้�นการใช้ยุ้ทธวิุิธีตำำ ีรวจสำำหรัับเหตุุการณ์์ ใดเหตุุการณ์์หนึ่่�งย่่อมอาจมีีความแตกต่่างกััน และแม้้ว่่า ตำำรวจจะทำำการฝึึกฝนมามากน้้อยเพีียงใดย่่อมอาจเกิิด ข้้อผิิดพลาดได้้ ในทางปฏิิบััติิต้้องยึึดหลัักกฎหมายและ ปรัับหลัักการทางยุุทธวิิธีีตำำรวจให้้ได้้อย่่างเหมาะสมกัับ สถานการณ์์แต่่ละเหตุุการณ์์ กฎของเมอร์ฟี่่ ์ � (Murphy’s Law) ได้้กล่่าวไว้้ว่่า “ทุุกสิ่่งที่่ผิิดพลาดได้้ จะผิิดพลาด” (Anything that can go wrong will go wrong.) ซึ่�งกฎ ่ดัังกล่่าวอธิิบาย ไว้ว่้่าไม่มีี่ อะไรเป็็นไปตามกฎเกณฑ์์ ๑๐๐ เปอร์์เซ็็นต์์ ดัังนั้้�น การปฏิิบััติิหน้้าที่่�ของตำำรวจซึ่่�งอยู่่บนพื้้�นฐานของความ เสี่ย ่� งทุุกเหตุุการณ์์ และแม้ว่้่าจะได้ฝึ้ึกฝนและมีีการเตรีียม การดีีเพีียงใดก็ต็าม ก็ยั็ังอาจมีีความผิิดพลาดเกิิดขึ้้�นได้้ อีีกทั้้�ง ยัังอาจเกิิดอัันตรายหรืือมีีโอกาสกระทำำผิิดกฎหมายหรืือ เกิินกว่่าเหตุุได้้เสมอ ดัังนั้้�น ตำำรวจจึึงพึึงระมััดระวัังและ ไม่ปร่ะมาทในการปฏิิบัติัิหน้้าที่่�แม้ว่้่าเหตุุการณ์์ในตอนแรก จะประเมิินว่่าไม่่มีีความเสี่ ่� ยงก็็ตาม ดัังนั้้�นในการปฏิิบััติิ หน้้าที่ค ่� วรมีีการวิิเคราะห์์เกี่ ่� ยวกัับ การบริิหารความเสี่่ยง (risk management) ด้้วย ๘๕ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม
อย่่างไรก็ดีี็ สิ่่�งหนึ่่�งที่มั ่� ักจะเกิิดขึ้้�นหลัังเหตุุการณ์คื์ ือ หลัักอุุปทาน (hindsight bias)คืือ การมีีจิินตนาการ หรืือ การมีีอคติิหรืือความลำำเอีียงโดยที่่�เราคิิดว่่า เรารู้้เหตุุการณ์์ นั้้�นดีีก่่อนที่่�เหตุุการณ์นั้้์ �นจะเกิิดขึ้้�น และมัักจะปรากฎการณ์์ อยู่่เสมอว่่า ผู้้อื่่นมัักวิิจารณ์์เมื่่อรู้้ผลลััพธ์์ของเหตุุการณ์์ ที่่ตำำ�รวจเข้้าเผชิิญเหตุุแล้้ว ส่่วนตำำรวจนั้้�น ต้้องเข้้าเผชิิญ เหตุุการณ์์ที่่�แปรเปลี่่� ยนได้้ตลอดเวลา มีีความเป็็นพลวััต อยู่่ในภาวะกลััวตาย ต้้องคิิดแก้้ไขสถานการณ์์และตััดสิินใจ ภายในเสี้้�ยววิินาทีีอีีกทั้้�ง ยัังมิิอาจทราบถึึงปััจจััยเบื้้องหลััง (background) บางประการ เช่่น คนร้้าย มีีโรคประจำำตััว หรืือไม่่ และอาจไม่่ได้้นำำปััจจััยที่ ่�มีีผลกระทบต่่อการแก้้ไข เหตุุการณ์์มาพิิจารณาด้้วย เช่่น กระแสสัังคม เป็็นต้้น ด้้วยเหตุุนี้้� ตำำรวจผู้้ปฏิิบััติิหน้้าที่ ่� จึึงต้้อง “รัักษาความไม่่ ประมาทเสมอชีีวิิต” บทส่งท้าย ๘๖
ประวัติการศึกษา พลตำรวจตรี ชนะชัย ลิ ้ มประเสริฐ ประวัติผู้เขียน นัักเรีียนนายร้้อยตำำ�รวจ รุ่่นที่่ ๓๗ นิิติิศาสตรบััณฑิิต นิติิศาสตรมหาบััณฑิิต (สาขากฎหมายธุุรกิิจ) เนติิบััณฑิิตไทย สมััยที่่ ๔๑ ๘๗ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม
ประวัติการทำงาน หลัังจากจบการศึึกษาจากโรงเรีียนนายร้้อยตำำรวจ เมื่่�อปีี พ.ศ. ๒๕๒๗ ข้้าพเจ้้า ได้้รัับการแต่่งตั้้�งให้้ดำำรงตำำ แหน่่งรองสารวััตรสืืบสวนสอบสวนในสัังกััดตำำรวจภููธร จัังหวััดนครสวรรค์์จำำนวนหลายสถานีี จนกระทั่่�งได้้รัับการแต่่งตั้้�งให้้เป็็นหััวหน้้าสถานีี ดำำรงตำำ แหน่่งสารวััตรสถานีีตำำรวจภููธรตำำ บลปากน้ำ ำ� โพ จัังหวััดนครสวรรค์์ ต่่อมาได้้รัับแต่่งตั้้�งให้้ดำำรงตำำแหน่่งในสัังกััดกองบััญชาการตำำรวจสอบสวนกลาง ได้้แก่่ กองบัังคัับการปราบปรามการกระทำำความผิิดเกี่ ่� ยวกัับอาชญากรรมทางเศรษฐกิิจ กองบัังคัับการปราบปราม กองบัังคัับการป้้องกัันปราบปรามการทุุจริิตและประพฤติิ มิิชอบ และกองบัังคัับการปราบปรามการกระทำำความผิิดเกี่ ่� ยวกัับอาชญากรรมทาง เทคโนโลยีี โดยปััจจุุบัันได้้รัับการแต่่งตั้้�งให้้ดำำรงตำำแหน่่ง รองผู้้บััญชาการสำำนัักงาน กฎหมายและคดีีทั้้�งนี้้� ในระหว่่างที่ป่� ฏิิบัติัิหน้้าที่่�ในสถานีีตำำรวจภูธรูและกองบััญชาการ ตำำรวจสอบสวนกลางนั้้�น ได้รั้ับมอบหมายให้ร่้่วมสอบสวนคดีีสำคัำ ัญ คดีีที่่�อยู่่ในความสนใจ ของประชาชนและสื่่�อมวลชนหลายครั้้�ง ทั้้�งคดีีที่่�เกิิดขึ้้�นในประเทศและต่่างประเทศ ประวัติผู้เขียน ๘๘
จ.ส.ต.หญิิง วิิจิิตรา ชาติิวงค์์ พล.ต.ท.ณรงค์์ ทรััพย์์เย็็น พล.ต.ท.ชนะชััย ลิ้้�มประเสริิฐ ด้้านยุุทธวิิธีีตำำ�รวจและหลัักปฏิิบััติิสากล ด้้านหลัักกฎหมายและระเบีียบ ด้้านพิิสููจน์์อัักษรและภาพประกอบ นรต. วััจนะ วััจนะพุุกกะ นรต. วัันรััฐธ์์ จัันยะรมณ์์ นรต. ณััฏฐ์์ณภััทร วณิิชเจริิญการ นรต. ณััฐพััชร์์ ลำำดวน นรต. นัันท์ธวั์ ัช ใจเกี๋๋�ยง นรต. ปฏิิภาณ เปการีี พ.ต.อ.วีีร์์พล ใหญ่่อรุุณ ร.ต.อ.หญิิง วรวลััญช์์ ศิิริิโท ร.ต.อ.หญิิง มนััสวีี เพชรย้้อย พ.ต.อ.หญิิง วรวรรณ หวลมานพ พ.ต.อ.หญิิง ประพร เติิมเกาะ พ.ต.ท.หญิิง สุุภารััตน์์ สุุวรรณดีี พ.ต.อ.สิิริิชััย มาสิิลีีรัังสีี ร.ต.ท.หญิิง จารุุวรรณ บำำรุุงรัักษ์์ ผบ.หมู่ ตม.จว.ขอนแก่น รร.นรต. อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. สว. กลุ่มงานพิจารณา ๑ มน. รอง ผบก.คด. รอง สว.กตส.๓ คด. รอง สว.กตส.๓ คด. ผกก.ฝอ.กมค. ผกก.กลุ่มงานพัฒนากฎหมาย กมค. รอง ผบก.ศยก.บช.ศ. อจ.กค.นต.รร.นรต. คณะทำงาน ๘๙ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม
ภาษาไทย หนัังสืือ กองกฎหมาย สำำนัักงานตำำรวจแห่่งชาติิ. (ม.ป.ป.). ประมวลระเบีียบการตำำรวจเกี่ ่� ยวกัับคดีี ฉบัับสมบูรณ์ู์. ม.ป.ท.: ม.ป.พ. กองบััญชาการศึึกษา. (๒๕๖๑). คู่่มืือยุุทธวิิธีีตำำรวจสำำหรัับครููฝึึก. ม.ป.ท.: ม.ป.พ. บริิการสำำนัักงานศาลยุุติิธรรม บริิการสวััสดิิการศาลฎีีกา. (๒๕๕๖). สารบาญคำำพิิพากษา ศาลฎีีกา. ม.ป.ท.: ม.ป.พ. รมย์์สิิทธิ์์วีีริิยาสรร, พล.ต.ต., และ ชนะชััย ลิ้้�มประเสริิฐ, พล.ต.ต.. (๒๕๖๐). อำำนาจเจ้้า พนัักงานตำำรวจ การจัับ การค้้น การควบคุุม. กรุุงเทพฯ: โรงพิิมพ์์ตำำรวจ. สำำนัักงานตำำรวจแห่่งชาติิ. (๒๕๔๔). คู่่มืือการฝึึกหลัักสูตรครููฝึึกยุุทธวิิธีีตำำรวจขั้้�นพื้้�นฐาน (๑ เล่่ม). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. สำำนัักงานภูมิูิภาคกรุุงเทพฯ คณะกรรมการกาชาดระหว่่างประเทศ. (ม.ป.ป.). กฎเกณฑ์์และ มาตรฐานสากลสำำหรัับงานตำำรวจ. กรุุงเทพฯ: ม.ป.พ. สำำนัักงานภูมิูิภาคกรุุงเทพฯ คณะกรรมการกาชาดระหว่่างประเทศ. (ม.ป.ป.). แนวทาง สำำหรัับการปฏิิบััติิและประพฤติิตััวของเจ้้าหน้้าที่่�ตำำรวจเพื่่�อบริิการและให้้ความ คุ้้มครอง. กรุุงเทพฯ: ม.ป.พ. กฎหมาย “ประมวลกฎหมายวิิธีีพิิจารณาความอาญา”, ราชกิิจจานุุเบกษา. เล่่มที่่� ๕๒, ๑๐ มิถุิุนายน พ.ศ.๒๔๗๘ “ประมวลกฎหมายอาญา”, ราชกิิจจานุุเบกษา. เล่่มที่่� ๗๓ ตอนที่่� ๙๕ ฉบัับพิิเศษ, ๑๕ พฤศจิิกายน พ.ศ.๒๔๙๙ “พระราชบััญญััติิราชทััณฑ์์”, ราชกิิจจานุุเบกษา. เล่่มที่่� ๑๓๔ ตอนที่่� ๒๑ ก, ๑๘ กุุมภาพัันธ์์ ๒๕๖๐ “กฎกระทรวง กำำหนดเครื่่�องพัันธนาการและหลัักเกณฑ์์การใช้้เครื่่�องพัันธนาการแก่่ผู้้ต้้อง ขััง”, ราชกิิจจานุุเบกษา. เล่่มที่่� ๑๓๔ ตอนที่่� ๙๔ ก, ๑๔ กัันยายน ๒๕๖๐ “กฎกระทรวง กำำหนดประเภท ชนิิด และขนาดของเครื่่�องพัันธนาการที่่�ใช้้แก่่ผู้้ต้้องขััง”, ราชกิิจจานุุเบกษา. เล่่มที่่� ๑๓๗ ตอนที่่� ๘๔ ก, ๑๒ ตุลุาคม ๒๕๖๓ บรรณานุกรม คณะทำงาน-บรรณานุกรม ๙๐
ภาษาต่่างประเทศ หนัังสืือ Department of State publication. (1949). Universal Declaration of Human Rights. Washington D.C.: U.S. Government Printing Office. เอกสารอิิเล็็กทรอนิิกส์์ International Committee of the Red Cross. (2015). The use of force in law enforcement operations. ค้้นจาก http://https://www.icrc.org/ en/document/use-force-law-enforcement-operations International Committee of the Red Cross. (2020). The use of weapons and equipment in law enforcement operations. ค้้นจาก http:// www.icrc.org/en/document/use-weapons-and-equipmentlaw-enforcement-operations New York City Police Department. (2016). Patrol Guide. ค้้นจาก https:// www.nyc.gov/html/ccrb/downloads/pdf/pg221-01-force-guidelines.pdf Police Executive Research Forum. (2016). Critical Issues in Policing Series Guiding Principles on Use of Force. ค้้นจาก http://https://www. policeforum.org/assets/30%20guiding%20principles.pdf United Nations Human Rights. (1990). Basic Principles on the Use of Force and Firearms. ค้้นจาก http://https://www.ohchr.org/en/ professionalinterest/pages/useofforceandfirearms.aspx United Nations Human Rights. (1979). Code of Conduct for Law Enforcement Officials. ค้้นจาก https://www.ohchr.org/en/professionalinterest/pages/lawenforcementofficials.aspx บรรณานุกรม ๙๑ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม
ป. ระเบีียบตำำ�รวจเกี่่ยวกัับคดีี ประมวลระเบีียบการตำำรวจเกี่ ่� ยวกัับคดีี ป.วิ.พ. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ป.วิ.อ. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ป.อ. ประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ. พระราชบัญญัติ ม. มาตรา CCLEO Code of Conduct for Law Enforcement Officials BPUFF Basic Principles on the Use of Force and Firearms NYPD New York City Police Department PERF Police Executive Research Forum อักษรย่อ บรรณานุกรม-อักษรย่อ ๙๒
๙๓ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม ภาคผนวก ๑ ประมวลหลกัปฏบิตัสิ ำหรบัเจำ้หนำ้ทผี่บู้งัคบั ใชก้ฎหมำย รับรองโดยสมัชชำสหประชำชำติมติที่ 34/169 ลงวันที่ 17 ธันวำคม พ.ศ. 2522 ข้อ 1 เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายตอ้งปฏบิ ัตหินา้ทที่ไี่ดร้ับมอบหมายตามกฎหมายตลอดเวลาดว้ยการบรกิารชุมชน และด ้วยการปกป้องบุคคลทุกคนจากการกระท าที่ผิดกฎหมาย เทียบเท่ากับความรับผิดชอบสูงสุดตาม ขอ้ก าหนดแหง่วชิาชพีของพวกเขา ค ำชแี้จง (ก) ค าว่า “เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมาย” หมายรวมถงึเจา้หนา้ททีุ่กคนทปี่ฏบิ ัตงิานเกยี่วกับกฎหมาย ไม่ว่า จะได ้รับการแต่งตั้งหรือคัดเลือกซงึ่ใชอ้ านาจของเจ้าหน้าที่ต ารวจในการปฏบิ ัตหินา้ที่โดยเฉพาะการใช้ อ านาจในการจับกุมหรือการคุมตัว (ข) ในประเทศทที่หารหรอืกองก าลงัรักษาความม่นัคงแหง่ ชาตเิป็นผปู้ฏบิ ัตหินา้ทใี่นการใชอ้ านาจหนา้ทขี่อง เจ้าหน้าที่ต ารวจ ไมว่า่จะสวมใสเ่ครอื่งแบบหรอื ไมก่ ็ตาม ใหถ้อืวา่เจา้หนา้ทผี่ปู้ฏบิ ัตหินา้ทดี่ังกลา่วอยภู่ายใต้ ค าจ ากัดความของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายดว้ยเชน่กัน (ค) การบรกิารชมุชนนัน้มเีจตนาครอบคลุมถงึการใหบ้รกิารต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลอื สมาชกิ ในชุมชนผู้ซงึ่โดย เหตผุลสว่นบคุคล เศรษฐกจิ สงัคม หรอืเหตฉุ ุกเฉนิอนื่ซงึ่ตอ้งไดร้ับความชว่ยเหลอื ในทันทที ันใด (ง) ข ้อก าหนดฉบับนี้มีเจตนาครอบคลุมไม่เพียงแต่ความรุนแรง ภัยคุกคาม และการกระท าที่เป็ นอันตราย ทั้งหมด แต่รวมถึงข ้อห ้ามทั้งหมดภายใต ้กฎหมายที่มีความผิดและโทษทางอาญา ข ้อก าหนดฉบับนี้ยัง ครอบคลมุถงึการกระท าของบคุคลซงึ่ไดร้ับการยกเวน้ความรับผดิทางอาญา ข้อ 2 ในการปฏบิ ัตหินา้ทขี่องตนนัน้เจา้หนา้ทบี่ังคับใชกฎหมาย้ ต ้องเคารพและปกป้องศักดศิ์รีความเป็ นมนุษย์ รวมทัง้รักษาและสง่เสรมิ สทิธมินุษยชนของบุคคลทุกคน ค ำชแี้จง (ก) สทิธมินุษยชนไดร้ับการระบุและการปกป้องโดยกฎหมายของประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ ท่ามกลางตราสารระหว่างประเทศที่เกี่ยวข ้อง ได ้แก่ ปฏญิญาสากลว่าดว้ยสทิธมินุษยชน กติการะหว่าง
ภาคผนวก ๑ ๙๔ ประเทศว่าดว้ยสทิธพิลเมืองและสทิธทิางการเมือง ปฏิญญาว่าด ้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการถูก ทรมาน และการถูกปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย ่ายศี ักดศิ์รีปฏิญญาสหประชาชาติ วา่ดว้ยการขจัดการเลอืกปฏบิ ัตทิางเชอื้ชาตใินทกุรูปแบบ อนุสญัญาระหวา่งประเทศว่าด ้วยการขจัดการเลือก ปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าดว้ยการปราบปรามและการลงโทษ อาชญากรรมการเหยียดผิว อนุสัญญาว่าดว้ยการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมการฆ่าล ้างเผ่าพันธุ์ หลักเกณฑ์มาตรฐานขั้นต ่าว่าด ้วยการปฏิบัติต่อผู้ต ้องขัง อนุสัญญากรุงเวยีนนาว่าดว้ยความสัมพันธท์าง กงสุล (ข) ค าชแี้จงขอ้ก าหนดฉบับนี้ของแตล่ะประเทศพงึระบถุงึขอ้ก าหนดหรอืกฎหมายระดับภูมภิาคหรอื ประเทศ ซงึ่รับรองและคมุ้ครองสทิธดิ ังกลา่วขา้งตน้ ข้อ 3 การใชก้ าลังของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายจะกระท าได ้เฉพาะกรณีที่จ าเป็นอย่างยิ่งและเท่าที่จ าเป็นต่อการ ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ค ำอธิบำย (ก) ข ้อก าหนดฉบับนี้เน้นย ้าว่า การใชก้ าลังของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายนัน้เป็นขอ้ยกเวน้ถงึแมจ้ะบอก เป็นนัยว่า เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายอาจจะไดร้ับอ านาจในการใชก้ าลังดว้ยเหตุผลเท่าทจี่ าเป็นภายใตใ้น สถานการณ์ในการต่าง ๆ เพื่อป้องกันอาชญากรรม หรือการด าเนินการหรือการสนับสนุนการจับกุมผู้กระท า ผดิหรอืผตู้อ้งสงสยั โดยชอบดว้ยกฎหมาย และตอ้งไมใ่ ชก้ าลังเกนิกวา่เหตุ (ข) โดยปกตกิฎหมายของประเทศจะจ ากัดการใชก้ าลังของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายใหเ้ป็นไปตามหลัก สดัสว่นทเี่หมาะสม โดยใหเ้ป็นทเี่ขา้ใจวา่การตคีวามขอ้ก าหนดนี้ตอ้งอยภู่ายใตห้ลักสดัสว่นทเี่หมาะสมของ ประเทศนั้น ๆ แต่ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ห ้ามมิให ้ตีความข ้อก าหนดนี้เพื่ออ ้างอ านาจในการอนุญาตใหใ้ชก้า ลงั ทไี่มไ่ดส้ดัสว่นตอ่วัตถปุระสงคอ์ ันชอบดว้ยกฎหมายทตี่อ้งการใหบ้รรลุ (ค) การใชอ้าวธุปืนถอืเป็นมาตรการขัน้สดุทา้ย ดังนัน้จงึควรพยายามทกุวถิทีางเพอื่หลกีเลยี่งการใชอ้าวธุปืน โดยเฉพาะเมอื่ปฏบิ ัตติอ่เด็ก โดยทั่วไปแลว้ไม่ควรใชอ้าวธุปืน ยกเวน้กรณีทผี่ตู้อ้งสงสยั ใชอ้าวธุเพอื่ขัดขนื การจับกุม หรือกรณีทมี่คีวามเสยี่งต่อชวีติของผูอ้นื่และมาตรการอนื่ๆ ทอี่ันตรายนอ้ยกว่าไม่เพียงพอที่จะ ยับยั้งหรือจับกมุผูต้อ้งสงสัยได้นอกจากนี้ทุกครัง้ทมี่กีารใชอ้าวุธปืนจะตอ้งส่งรายงานใหแ้ก่เจ้าหน้าที่ผู้มี อ านาจทันที ข้อ 4
๙๕ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม เรอื่งทเี่ป็นความลับซงึ่อยู่ในการครอบครองของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมาย ตอ้งถูกเก็บรักษาเป็นความลับ ยกเว ้นกรณีจ าเป็นอย่างยิ่งต ้องเปิดเผยเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือกระบวนการยุติธรรม ค ำอธิบำย ในการปฏิบัติหน้าที่โดยปกติเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายมักไดร้ับรูข้อ้มูลซงึ่อาจจะเกยี่วของกับชวีติ สว่นตัว หรอืขอ้มูลทอี่าจจะเป็นภัยตอ่ผลประโยชน์และชอื่เสยีงของบคุคลอนื่ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังอย่างยิ่งในการ เก็บรักษาและการใชข้อ้มูลเหล่านัน้ในการปฏบิ ัตหินา้ที่ซงึ่ควรจะเปิดเผยขอ้มูลเหล่านัน้แค่ในขอบเขตของ การปฏิบัติหน้าที่หรือความจ าเป็ นในกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น การเปิดเผยข ้อมูลความลับเหล่านี้ด ้วย เหตุผลอื่นนั้นไม่เหมาะสมด ้วยประการทั้งปวง ข้อ 5 หา้มเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายกระท า ยุยง หรอืยนิยอมใหเ้กดิการทรมานหรอื การปฏิบัติหรือการลงโทษที่ โหดรา้ย ไรม้นุษยธรรม หรือย ่ายศี ักดศิ์รีหรือหา้มเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายอา้งค าสั่งจากผูบ้ ังคับบัญชา หรือสถานการณ์พิเศษไม่ว่าจะเป็นภาวะสงคราม สภาพคุกคามที่จะเกิดสงคราม สภาพคุกคามต่อความมั่นคง ของชาติการขาดเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ หรือสภาวะฉุกเฉินสาธารณะอื่นใด เพื่อสร้าง ความชอบธรรมในการทรมานหรือการปฏบิ ัตหิรอืการลงโทษทโี่หดรา้ย ไรม้นุษยธรรม หรอืย ่ายศี ักดศิ์รี ค ำอธิบำย (ก) ข ้อห ้ามนี้น ามาจากปฏิญญาว่าด ้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการถูกทรมานและการถูกปฏิบัติหรือการ ลงโทษทโี่หดรา้ย ไรม้นุษยธรรม หรอืย ่ายศี ักดศิ์รีทรี่ับรองโดยสมัชชาใหญส่หประชาชาติซงระบุว่า ึ่ “[การกระท าดังกล่าวเป็น]…การกระท าผดิต่อศักดศิ์รคีวามเป็นมนุษย์และควรถูกประณามว่าเป็นการปฏิเสธ ต่อวัตถุประสงคข์องกฎบัตรสหประชาชาตแิละเป็นการละเมดิต่อสทิธมินุษยชนและเสรีภาพขัน้พื้นฐาน ซงึ่ ประกาศไว ้ในปฏิญญาสากลว่าด ้วยดว้ยสทิธมินุษยชน [และตราสารระหว่างประเทศดา้นสทิธมินุษยชนอนื่ ๆ]” (ข) ปฏิญญาได ้ให ้ค าจ ากัดความ การทรมาน ว่า “...การทรมาน หมายถึง การกระท าใดก็ตามโดยเจตนาที่ท าให ้เกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่าง สาหัส ไม่ว่าทางกายหรือทางจิตใจต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระท าหรือยุงยงให ้กระท า เพื่อความประสงค์ที่จะให ้ได ้มาซงึ่ขอ้มูลหรือค าสารภาพจากบุคคลนั้นหรือจากบุคคลที่สาม เพื่อการลงโทษ บุคคลนั้นส าหรับการกระท าซงึ่บุคคลนั้นกระท าหรือถูกสงสัยว่าได้กระท า หรือเพื่อเป็นการข่มขู่ให ้กลัวหรือ
ภาคผนวก ๑ ๙๖ เป็นการบังคับขู่เข็ญบุคคลนั้นหรือบุคคลอื่น ทั้งนี้ไม่รวมถึงความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานที่เกิดเป็นผล ปกติหรือเป็นผลสบืเนื่องมาจากการลงโทษทัง้ปวงทชี่อบดวยกฎหมา้ยซงึ่สอดคลอ้งกับหลักเกณฑม์าตรฐาน ขั้นต ่าว่าด ้วยการปฏิบัติต่อผู้ต ้องขัง” (ค) สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติยังไม่ได ้ให ้ค าจ ากัดความของ “การปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้ มนุษยธรรม หรือที่ย ่ายศี ักดศิ์รี” แต่การตคีวามควรกระท าโดยใหม้คีวามหมายครอบคลุมมากทสี่ดุเท่าทจี่ะ เป็นไปได ้เพื่อป้องกันการละเมิดแก่กายหรือจิตใจ ข้อ 6 เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายตอ้งรับรองให ้มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้อยู่ภายใต ้การคุมขังอย่างครอบคลุม และต ้องจัดหาการดูแลทางการแพทย์ให ้ทันทีที่จ าเป็น ค ำอธิบำย (ก) “การดูแลทางการแพทย”์ ซงึ่หมายถงึการบรกิารโดยบุคลากรทางการแพทย์รวมถงึแพทยท์ผี่่านการ รับรองและนักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ต ้องถูกจัดหาเมื่อจ าเป็นหรือเมื่อได ้รับการร้องขอ (ข) แม้บุคลากรทางการแพทย์ดังกล่าวข ้างต ้นมักเกี่ยวข ้องกับปฏบิ ัตกิารบังคับใชก้ฎหมาย เจา้หนา้ทบี่ังคับ ใชก้ฎหมายตอ้งพจิารณารับฟังวจิารณญาณของบุคลากรดังกล่าวหากบุคลากรนัน้แนะน าใหจ้ ัดหาการรักษา อย่างเหมาะสมแก่ผู้อยู่ภายใต ้การคุมขังโดยหรือตามค าแนะน าของบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่มีความ เกี่ยวพันกับปฏิบัติการบังคับใชก้ฎหมาย (ค) โดยเป็นที่เข ้าใจทั่วไปว่า เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายตอ้งจัดใหม้กีารดูแลทางการแพทยแ์กผู่เ้สยีหาย จากการละเมิดกฎหมายหรือผเู้สยีหายจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการละเมิดกฎหมายดว้ยเชน่กัน ข้อ 7 เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายตอ้งไม่กระท าการทุจรติ ใด ๆ รวมทัง้ตอ้งต่อตา้นและปราบปรามการทุจรติอยา่ง เต็มความสามารถ ค ำอธิบำย (ก) การทุจริตใด ๆ ซงึ่เป็นไปในทางเดยีวกันกับการใชอ้ านาจโดยมชิอบทกุประการ ไมส่อดคลอ้งกับวชิาชพี ของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมาย เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายซงึ่กระท าการทุจรติจะตอ้งถูกด าเนินการทาง
๙๗ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม กฎหมายอย่างเต็มที่เนื่องหากจากรัฐบาลไม่สามารถหรือไม่บังคับใชก้ฎหมายต่อเจา้หนา้ทหี่รือหน่วยงาน ของรัฐเอง ยอ่มไมส่ามารถคาดหวังทจี่ะบังคับใชก้ฎหมายกับพลเมอืงได้ (ข) ในขณะที่ความหมายของการทุจริตต ้องเป็นไปตามที่บัญญัติไว ้ในกฎหมายของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ ตาม ควรต ้องเป็นที่เข ้าใจโดยทั่วกันว่า ค านิยามนั้นต ้องครอบคลุมถึงการปฏิบัติหรือการละเว ้นการปฏิบัติตาม หน้าที่หรือการกระท าอื่นใดที่เกี่ยวข ้องกับหน้าที่ของตน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการเรียกร้องหรือการรับของขวัญ ค าสญัญา หรอื สงิ่จูงใจ หรอืการไดร้ับสงิ่เหลา่นัน้ โดยมิชอบหลังจากการปฏิบัติหรือละเว ้นการปฏิบัติ (ค) ค าว่า “การทุจริต” ดังกล่าวข ้างต ้น ควรเข ้าใจตรงกันว่าหมายรวมถึงความพยายามในการกระท าการ ทจุรติดว้ยเชน่กัน ข้อ 8 เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายตอ้งปฏบิ ัตติามกฎหมายและประมวลหลักปฏิบัติฉบับนี้ และควรป้องกันและยับยั้ง การฝ่ าฝืนกฎหมายและประมวลหลักปฏิบัติฉบับนี้อย่างเต็มความสามารถ เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายทมี่เีหตใุหเ้ชอื่วา่ ไดเ้กดิหรอืก าลงัจะเกดิการฝ่าฝืนประมวลหลกั ปฏบิ ัตฉิบับนี้ตอ้ง รายงานให ้ผู้บังคับบัญชาของตนรับทราบ รวมถึงหากเห็นว่าจ าเป็น ให ้รายงานให ้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่ เกยี่วขอ้งอนื่ๆ ซงึ่มอี านาจในการตรวจสอบหรอื แก ้ไขสถานการณ์ ค ำอธิบำย (ก) เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายตอ้งปฏบิ ัตติามประมวลหลักปฏบิ ัตฉิบับนี้เมื่อใดก็ตามที่มีการรวมเข ้าไว ้ใน กฎหมายหรือกฎระเบียบภายในของประเทศ หากกฎหมายหรือกฎระเบียบภายในของประเทศมีมาตรการ เข ้มงวดกว่าประมวลหลักปฏิบัติฉบับนี้ ให ้ยึดถือการปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบนั้น (ข) ข ้อก าหนดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสวงหาสมดุลระหว่าง การรักษาระเบยีบวนิ ัยภายในองคก์รซงึ่ก ากับดแูล ความมั่นคงปลอดภัยของสาธารณะ กับความจ าเป็นในการจัดการกับการละเมดิ สทิธมินุษยชนขัน้พื้นฐาน ดังนัน้ โดยปกตแิลว้เจา้หนา้ทบี่งัคับใชก้ฎหมายจงึตอ้งรายงานการละเมดิตามสายบังคับบัญชาของตน ยกเว ้น เมื่อไม่มีวิธีการอื่น ๆ ในการตรวจสอบหรือแก ้ไขสถานการณ์นั้น หรือวิธีการอื่น ๆ ใชไ้ม่ไดผ้ล ในกรณีเช่นนี้ เจา้หนา้ที่บังคับใชก้ฎหมายจงึจะด าเนินการทางกฎหมายอื่น ๆ ที่อยู่ภายนอกสายบังคับบัญชาของตน นอกจากนี้เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายจะตอ้งไมถ่กูลงโทษทางปกครองหรอืทางอนื่ใด เนื่องจากการรายงาน ว่ามีหรือก าลังจะมีการละเมิดประมวลหลักปฏิบัติฉบับนี้
ภาคผนวก ๑ ๙๘ (ค) ค าว่า “เจา้หนา้ทหี่รือหน่วยงานทเี่กยี่วขอ้งอนื่ๆ ซงึ่มอี านาจในการตรวจสอบหรือแก ้ไขสถานการณ์” หมายถึงเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่มีอยู่แล ้วภายใต ้กฎหมายของประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ภายใต ้หน่วยงานบังคับ ใชก้ฎหมายหรือหน่วยงานอิสระอื่น ซงึ่มอี านาจตามรัฐธรรมนูญ ขนบธรรมเนียมประเพณีหรอือ านาจอนื่ๆ ใน การตรวจสอบการร้องเรียนและการร้องทุกข์อันเกิดจากการละเมิดในขอบเขตของประมวลหลักปฏิบัติฉบับนี้ (ง) ในบางประเทศ สอื่มวลชนอาจถอืว่ามบีทบาทในการตรวจสอบขอ้รอ้งเรียนดังทกี่ล่าวถงึในขอ้ย่อย (ค) ข ้างต ้น ดังนัน้อาจเป็นการสมควรทเี่จา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายจะน าเสนอการละเมดิ ไปสู่ความสนใจของ สาธารณชนผา่นสอื่มวลชน โดยตอ้งเป็นมาตรการสุดท ้ายและต ้องสอดคล ้องกับกฎหมายและขนบธรรมเนียม ประเพณีของประเทศนั้น ๆ รวมถึงข้อก าหนดข ้อ 4 ของประมวลหลักปฏิบัติฉบับนี้ (จ) เจา้หนา้ที่บังคับใชก้ฎหมายซงึ่ปฏิบัตติามประมวลหลักปฏิบัตฉิบับนี้สมควรไดร้ับความเคารพ การ สนับสนุนอย่างเต็มที่ และความร่วมมอืจากชมุชนทตี่นรับผดิ ชอบและหน่วยงานบังคับใชก้ฎหมายซงึ่ตนสงักดั อยู่รวมทัง้จากผปู้ฏบิ ัตวิชิาชพีดา้นการบังคับใชก้ฎหมาย
๙๙ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม ภาคผนวก ๒ หลักการพนื้ฐานวา่ดว้ยการใชก้ าลงัและอาวธุปื นของเจา้หนา้ทบี่งัคบั ใชก้ฎหมาย รับรองโดยที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติว่าด้วยการป้ องกันอาชญากรรมและการปฏิบัติต่อ ผกู้ระทา ความผดิครงั้ทแี่ปด ณ กรงุฮาวานา่ ประเทศควิบา เมอื่วนัที่27 สงิหาคม ถงึวนัที่7 กันยายน พ.ศ. 2533 โดยที่ งานของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายเป็นงานบรกิารสงัคม ซงึ่มคีวามส าคัญอยา่งยงิ่ ดังนั้นจึง จ าเป็ นต ้องรักษาเงื่อนไขการปฏิบัตงิานและสถานภาพของเจา้หนา้ที่บังคับใชก้ฎหมายนั้น รวมถึงต ้อง ปรับปรุงให ้เหมาะสมเมื่อใดก็ตามที่จ าเป็น โดยที่ การคกุคามตอ่ ชวีติและความปลอดภัยของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายถือเป็นการคุกคามต่อ เสถยีรภาพของสงัคมทัง้มวล โดยที่ เจ้าหนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายมบีทบาทส าคัญในการคมุ้ครองสทิธใินชวีติเสรภีาพ และความ มั่นคงปลอดภัยของบุคคล ดังที่ได ้รับการรับรองไว ้ในปฏิญญาสากลวา่ดว้ยสทิธมินุษยชนและยืนยันอีกครั้งใน กติการะหว่างประเทศวา่ดว้ยสทิธคิวามเป็นพลเมอืงและสทิธทิางการเมอืง โดยที่ กฎมาตรการขั้นต ่าของการปฏิบัติต่อนักโทษได ้ก าหนดบรบิทซงึ่ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อาจใช้ ก าลังในการปฏิบัติตามหน้าที่นั้น โดยที่ ข ้อ 3 ของหลักปฏิบัติของเจา้หนา้ที่บังคับใชก้ฎหมายได ้ก าหนดว่า เจ้าหน้าที่บังคับใช้ กฎหมายอาจใชก้ าลังบังคับไดเ้ฉพาะกรณีที่มีความจ าเป็นอย่างยิ่งยวด และภายในขอบเขตของการ ปฏิบัติการตามหน้าที่เท่านั้น โดยที่ การประชุมเตรียมการส าหรับการประชุมองค์การสหประชาชาติว่าด ้วยการป้ องกัน อาชญากรรมและการปฏบิ ัตติ่อผูก้ระท าความผดิครัง้ที่ 7 ซงึ่จัดขนึ้ทเมืองวาเรนนา ประเทศอิตาลี ได ้มีการ ี่ ตกลงกันถงึองคป์ระกอบทเี่ป็นขอ้พจิารณาในอนาคตว่าดว้ยการจ ากัดการใชก้ าลังและอาวุธปืนของของ เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมาย โดยที่ ในการประชุมขององค์การสหประชาชาติว่าด ้วยการป้องกันอาชญากรรมและการปฏิบัติต่อ ผู้กระท าความผิด ครั้งที่ 7 ได ้เน้นย ้าไว ้ในมติที่ 14 นอกจากอื่น ว่า การใชก้ าลังและอาวธุของเจ้าหน้าที่บังคับ ใชก้ฎหมายควรไดส้ดัสว่นดว้ยความเคารพตอ่ สทิธมินุษยชน โดยที่ คณะมนตรเีศรษฐกจิและสังคมขององคก์ารสหประชาชาตโิดยมตทิ ี่ 2529/10 ข ้อ 9 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 ไดข้อใหป้ระเทศสมาชกิ ใหค้วามส าคัญกับการปฏิบัติตามหลักปฏิบัติว่าด ้วยการ
ภาคผนวก ๒ ๑๐๐ ใชก้ าลังและอาวุธปืนของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมาย ซงึ่ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีมติที่ 41/149 ลงวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2529 นอกจากอื่น เห็นพ้องด ้วยกับข ้อเสนอแนะของคณะมนตรีฯ โดยที่ เป็ นการสมควรที่จะต ้องค านึงถึงความปลอดภัยของของเจา้หนา้ที่บังคับใชก้ฎหมายโดย พิจารณาถึงบทบาทของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายเกี่ยวกับการด าเนินการตามกระบวนการยุติธรรม การ คุม้ครองสทิธใินชวีติเสรภีาพ และความมั่นคงปลอดภัยของบุคคล ความรับผิดชอบของเจา้หนา้ทบี่ังคับใช้ กฎหมายในการรักษาความปลอดภัยของสาธารณชนและความสงบเรยีบรอ้ยของสังคม และความส าคัญของ คุณสมบัติ การฝึกอบรม และการปฏิบัติของของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมาย หลักการพื้นฐานที่จะกล่าวต่อไปนั้น ก าหนดขนึ้เพื่อช่วยสนับสนุนประเทศสมาชกิ ในการด าเนิน ภารกิจในการรับรองและสง่เสรมิบทบาททเี่หมาะสมของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมาย ซงึ่ควรทรี่ัฐบาลจะไดใ้ห้ ความส าคัญและความเคารพและปฏิบัติตามภายในกรอบแห่งกฎหมายและการปฏิบัติของประเทศ และท าให ้ เป็นที่ตระหนักรู้และปฏิบัติตามของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายตลอดจนบคุคลอนื่ๆ เชน่ผูพ้พิากษา อัยการ นักกฎหมาย สมาชกิของฝ่ ายบริหาร ฝ่ ายนิติบัญญัติและสาธารณชน หล ักเกณฑ์ท ั่วไป 1. รัฐบาลและหน่วยงานบังคับใชก้ฎหมายพงึก าหนดและจัดให ้มีการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และข ้อบังคับว่า ดว้ยการใชก้ าลังและอาวุธปืนของของเจา้หนา้ที่บังคับใชก้ฎหมายต่อบุคคล โดยในการก าหนด กฎเกณฑ์และข ้อบังคับดังกล่าว รัฐบาลและหน่วยงานบังคับใชก้ฏหมายต ้องทบทวนประเด็นจริยธรรมที่ เกี่ยวข ้องกับการใชก้ าลังและอาวธุปืนอยู่เสมอ 2. รัฐบาลและหน่วยงานบังคับใชก้ฎหมายพงึก าหนดวิธีการอย่างกว ้างขวางมากเท่าที่จะเป็ นไปได ้และ จัดหาอาวุธและเครื่องกระสุนปืนให ้มีชนิดหลากหลายแก่เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมาย เพื่อให ้เหมาะกับ ลักษณะการใชก้ าลังและอาวธุปืนที่แตกต่างกัน ซงึ่ควรรวมถึงการพัฒนาอาวุธเพื่อลดความสามารถที่ไม่ ท าให ้ถึงแก่ชวีติ เพื่อส าหรับใชใ้นสถานการณ์ที่เหมาะสม โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดการใชว้ธิกีารใด ๆ ที่ สามารถท าให ้เกิดการบาดเจ็บหรือเสยีชวีติของบุคคลได ้ ด ้วยจุดประสงค์เดียวกันนี้ เจา้หนา้ทบี่ังคับใช้ กฎหมายพงึไดร้ับอุปกรณ์ป้องกันตัว เช่น โล่หมวกนิรภัย เสอื้กันกระสุน และยานพาหนะกันกระสุน เพอื่ทจี่ะลดความจ าเป็นในการใชอ้าวธุทกุชนดิลง 3. การพัฒนาและการใชอาวุธ้เพอื่ลดความสามารถทไี่ม่ท าใหถ้งึแก่ชวีติควรมีการประเมินอย่างรอบคอบ เพื่อลดความเสยี่งทจี่ะเกดิอันตรายตอ่ ผู้ไมเ่กยี่วขอ้งใหเ้หลอืนอ้ยทสี่ดุอกีทัง้การใชอาวุธ้ ดังกล่าวควรอยู่ ภายใต ้การควบคุมอย่างเข ้มงวด
๑๐๑ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม 4. ในการปฏิบัติหน้าที่ เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายพงึเลอืกใชส้ ันตวิธิ ให ้นานที่สุดเท่าที่จะท าได ้ ี ก่อนจะ เลือกใชก้ าลังและอาวธุปืน เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายอาจใชก้า ลังและอาวธุปืนตอ่เมอื่วธิกีารอนื่ๆ ไม่มี ประสทิธผลิ หรือไม่แสดงใหเ้ห็นสญัญาณทจี่ะบรรลุผลที่พึงประสงค์เท่านั้น 5. ในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใชก้ าลังและอาวุธปืนโดยชอบด ้วยกฎหมายได ้เจา้หนา้ทบี่ังคับใช้ กฎหมายจะต ้อง (ก) ใชก้ าลังและอาวุธปืนอย่างจ ากัด เพียงให ้พอเหมาะแก่ความจ าเป็นตามความร้ายแรงของความผิด และตามวัตถุประสงค์อันชอบด ้วยกฎหมายที่ต ้องการบรรลุในกรณีนั้น ๆ (ข) ลดความเสยีหายและการบาดเจ็บให ้เกิดขึ้นน้อยที่สุด และเคารพและรักษาชวีติมนุษย์ (ค) จัดเตรียมความช่วยเหลือและความช่วยเหลือทางการแพทย์ให ้กับผู้ได ้รับบาดเจ็บหรือผู้ได ้รับ ผลกระทบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะท าได ้ (ง) รับรองให ้ญาติหรือเพื่อนสนิทของผู้ได ้รับบาดเจ็บได ้รับการแจ้งเหตุโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะท าได ้ 6. หากมกีารบาดเจ็บหรอืเสยีชวีติจากการใชก้ าลังหรอือาวธุปืนของเจ้าหน้าที่บังคับใชกฎ้หมาย เจ้าหน้าที่ บังคับใชก้ฎหมายจะต ้องรายงานเหตุนั้นต่อผู้บังคับบัญชาในทันทีตามหลักเกณฑ์ข ้อ 22 7. รัฐบาลจะต ้องด าเนินการให ้เป็ นที่มั่นใจได ้ว่า การใชก้ าลังและอาวุธโดยมิชอบหรือตามอ าเภอใจโดย เจ้าหน้าที่บังคับใชก้ฎหมาย จะต ้องได ้รับโทษทางอาญาตามที่ก าหนดไว ้ในกฎหมายในประเทศนั้น 8. สถานการณ์ที่ไม่ปกติ เช่น ความไม่มั่นคงภายในด ้านการเมืองหรือภาวะฉุกเฉินสาธารณะอื่น ๆ ไม่ สามารถน ามาใชอ ้างเป็นเหตุ ้ผลที่จะไม่ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานนี้ได ้ หล ักเกณฑ์พิเศษ 9. เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายจะตอ้งไม่ใชอ้าวุธปืนกับบุคคลอนื่เวน้แต่ในกรณีเพอื่เป็นการป้องกันตัวหรอื ป้องกันผูอ้นื่ใหพ้น้จากภยันตรายรา้ยแรงทใี่กลจ้ะมาถงึและมคีวามรุนแรงทอี่าจถงึแกช่วีติหรืออันตราย สาหัส เพื่อป้องกันการตระเตรียมก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงประเภททกี่ าลังจะกอ่อันตรายแกช่วีติเพอื่ท า การจับกมุบคุคลทแี่สดงออกวา่ก าลงัจะกอ่อันตรายและไดต้อ่ สขู้ ัดขวางเจา้หนา้ทนี่ัน้หรอืเพอื่ป้องกันมใิห้ บคุคลดังกลา่วหลบหนีทัง้นี้การใชอ้าวธุปืนนัน้ใหก้ระท าไดต้อ่เมอื่วธิกีารอนื่ๆ ทมี่คีวามรุนแรงนอ้ยกวา่นี้ ต่างไม่เพียงพอที่จะกระท าให ้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได ้แล ้ว และไม่ว่ากรณีใดก็ตาม การเจตนาใช้ อาวุธปืนให ้เกิดอันตรายถงึชวีตินัน้ใหก้ระท าไดเ้ฉพาะกรณีเพอื่ป้องกันชวีติของตนหรอืผูอ้นื่ในภาวะทไี่ม่ สามารถหลีกเลียงได ้แล ้วเท่านั้น
ภาคผนวก ๒ ๑๐๒ 10. ในสถานการณ์ดังกล่าวในข ้อ 9 เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายพึงแสดงสถานภาพความเป็นเจ้าหน้าที่ของ ตนก่อนและแจ้งเตอืน ใหผู้ท้จี่ะถูกใชอ้าวธุปืนทราบกอ่นวา่เจา้หนา้ทมี่ควาีมจ าเป็นจะตอ้งใชอ้าวธุปืนนัน้ โดยเว ้นระยะเวลาอย่างเพียงพอ ให ้ตระหนักรู้เว ้นแต่กรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นไม่สามารถกระท าได ้ เนื่องจากโดยสถานการณ์ขณะนัน้มคีวามเสยี่งต่อชวีติหรอือันตรายทรี่า้ยแรงต่อเจา้หนา้ทหี่รอืบคุคลอนื่ หรอืกรณีเป็นทเี่ห็นไดช้ดัแจง้วา่ ไม่เหมาะสมหรือมอิาจท าเชน่นัน้ได้ 11. กฎเกณฑแ์ละขอ้บังคับทเี่กยี่วขอ้งกับการใชอาวุธ้ ปืนของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายนัน้พงึรวมถงึ (ก) การก าหนดสถานการณ์ซงึ่เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายจะได ้รับอนุญาตให ้พกพาอาวุธปืน ซงึ่จะตอ้ง ก าหนดประเภทของอาวุธปืนและกระสุนปืนที่จะอนุญาตให ้พกพานั้นด ้วย (ข) การก าหนดใหช้ ัดเจนว่าการใชอ้าวุธปืนนั้นจะกระท าไดเ้พียงในกรณีที่จ าเป็นและสมควร รวมทั้ง เป็นไปในลักษณะทจี่ะลดความเสยี่งตอ่อันตรายใหเ้หลอืนอ้ยทสี่ดุ (ค) ข ้อห ้ามมิใหใ้ชอ้าวธุปืนและกระสนุในลักษณะทจี่ะกอ่ ใหเ้กดิอันตรายหรอืเสยี่งอันตรายโดยไมม่เีหตุ อันควร (ง) หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการควบคุม การเก็บรักษา และการเบิกจ่ายอาวุธปืน รวมถึงวิธีการที่จะท าให ้เกิด ความมั่นใจได ้ว่า เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายนั้นจะต ้องรับผิดชอบในอาวุธปืนและกระสุนที่ตนเบิกไป (จ) การจัดให ้มีข ้อแนะน าและค าเตือนว่าด ้วยการยิงปืน (ฉ) หลักเกณฑ์ว่าด ้วยระบบการรายงานเหตุในกรณีเจา้หนา้ที่บังคับใชก้ฎหมายไดใ้ชอาวุธปืนในการ ้ ปฏิบัติหน้าที่นั้น การควบคุมการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 12. ดว้ยเหตุทบีุ่คคลทุกคนพงึมสีทิธทิจี่ะเขา้ร่วมการชุมนุมโดยสงบและชอบดว้ยกฎหมายตามหลักการที่ ก าหนดไว ้ในปฏิญญาสากลว่าด ้วยสทิธมินุษยชน และกตกิาระหวา่งประเทศวา่ดว้ยสทิธพิลเมอืงและสทิธิ ทางการเมอืงนัน้รัฐบาลและหน่วยงานบังคับใชก้ฎหมายตลอดจนเจา้หนา้ทที่เี่กยี่วขอ้งพงตระหนักว่า ึ การใชก้ าลังและอาวธุปืนผู้ชุมนุมนั้นจะกระท าได ้ต่อเมื่อเป็นไปตามข ้อ 13 และข ้อ 14 13. กรณีที่จะสลายการชุมนุมซงึ่ เป็ นการชุมนุมมิชอบด ้วยกฎหมายแต่ไม่มีการใชค้วามรุนแรงใด ๆ นั้น เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายจะตอ้งหลกีเลยี่งการใชก าลัง ้ หรือในกรณีทไี่ม่สามารถหลกีเลยี่งไดใ้หใ้ช้ ก าลังในระดับที่น้อยที่สุด โดยใชเ้ทา่ทจี่ าเป็นเทา่นัน้ 14. กรณีที่จะสลายการชุมนุมซงึ่ เป็นการชุมนุมทมี่กีารใชค้วามรุนแรง เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายจะใชอ้าวธุ ปืนได ้เฉพาะต่อเมื่อวิธีการอื่นซงึ่อันตรายนอ้ยกว่านั้นไม่สามารถใชไ้ดผ้ลแลว้อีกทัง้การใชอ้าวุธปืน จะตอ้งเป็นไปในระดับทนี่อ้ยทสี่ดุโดยใชเ้ทา่ทจี่ าเป็นเทา่นัน้และไมว่า่กรณีใด ๆ ก็ตาม จะตอ้งอยภู่ายใต้ บังคับของข้อ 9 ดังกล่าวข ้างต ้น การใชก้ าลงัในการคมุขงัหรอืควบคมุตวั
๑๐๓ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม 15. เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมาย จะตอ้งไมใ่ ชก้ าลงัในการคุมขังหรือควบคุมตัวบุคคล เว ้นแต่กรณีจ าเป็นอย่าง ยิ่งเพื่อการรักษาความปลอดภัยและความเป็ นระเบียบเรียบร้อยในสถานที่นั้น หรือในกรณีที่ความ ปลอดภัยของบุคคลถูกคุกคาม 16. ในการคุมขังหรือควบคุมตัวนั้น เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายจะตอ้งไมใ่ ชอ้าวธุปืน เว ้นแต่กรณีเพื่อป้องกัน ตัวเองหรือผู้อื่นให ้พ้นจากอันตรายทรี่า้ยแรงต่อชวีติหรอืถงึขัน้อันตรายสาหัสไดใ้นขณะนัน้หรือในกรณี จ าเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันการหลบหนีของผู้ที่ถูกคุมขังหรือถูกควบคุมตัว โดยที่ผู้นั้นได ้แสดงออกว่าจะ ก่ออันตรายดังพฤติการณ์ในข ้อ 9 17. หลักการทกี่ลา่วมาแลว้ขา้งตน้ ไมก่ระทบตอ่ สทิธิหนา้ที่และความรับผดิ ชอบของเจา้หนา้ทขี่องเรอืนจ า ดังที่บัญญัติไว ้ในกฎมาตรฐานขั้นต ่าของการปฏิบัติต่อนักโทษ โดยเฉพาะในข้อ 33, 34 และ 54 คุณสมบัติ การฝึกอบรม และการให้ค าปรึกษา 18. รัฐบาลและหน่วยงานบังคับใชก้ฎหมายจะตอ้งด าเนินการใหเ้ป็นที่มั่นใจไดว้่า เจา้หนา้ที่บังคับใช้ กฎหมายทุกคนเป็ นผู้ที่ได ้รับการคัดเลือกตามวิธีของการกลั่นกรองที่เหมาะสม โดยจะต ้องเป็ นผู้มี คุณธรรม มีความพร้อมทางด ้านร่างกายและสภาพจิตใจ เหมาะสมส าหรับการปฏบิ ัตหินา้ทนี่ัน้ๆ อกีทัง้ ไดร้ับการฝึกอบรมในวชิาชพีนัน้ๆ อย่างต่อเนื่องและจรงิจัง รวมทั้งมีการทดสอบสมรรถภาพเป็ นระยะ อย่างสม ่าเสมอ 19. รัฐบาลและหน่วยงานบังคับใชก้ฎหมายจะตอ้งด าเนินการใหเ้ป็นที่มั่นใจไดว้่า เจา้หนา้ที่บังคับใช้ กฎหมายทุกคนจะไดร้ับการฝึกอบรมและทดสอบทพี่อเพยีงตามมาตรฐานส าหรับการใชก้ าลัง สว่นกรณี ของเจา้หนา้ที่บังคับใชก้ฎหมายซงึ่เป็นผูท้ ี่จะไดร้ับมอบหมายใหพ้กพาอาวุธปืนนั้นจะตอ้งได ้รับการ ฝึกอบรมพเิศษว่าดว้ยการใชอ้าวุธปืนจนผ่านการฝึกอบรมพเิศษนัน้แล ้วจึงจะได ้รับอนุญาตให ้พกพา อาวุธปืนได ้ 20. ในการฝึกอบรมเจา้หนา้ที่บังคับใชก้ฎหมายนั้น รัฐบาลและหน่วยงานบังคับใชก้ฎหมายจะตอ้งให้ ความส าคัญเป็นพเิศษกับการฝึกอบรมเรอื่งจรยิธรรมของต ารวจกับสทิธมินุษยชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน กระบวนการสอบสวน การแสวงหาทางเลอืกอนื่แทนการใชก้ าลังและอาวธุปืน รวมถงึการแกป้ ัญหาความ ขัดแยง้โดยสนัตวิธิีการท าความเขา้ใจกบั พฤติกรรมของฝูงชน วิธีการโน้มน้าว การเจรจาต่อรอง และการ ไกล่เกลี่ย ตลอดจนเทคนิคต่าง ๆ ทัง้นี้เพอื่ทจี่ะลดการใชก้ าลังและอาวธุปืน นอกจากนี้หน่วยงานทบี่งัคบั ใชก้ฎหมายพงึพัฒนาเนื้อหาการฝึกอบรมและวิธีปฏิบัติส าหรับเหตุการณ์แต่ละประเภทโดยเฉพาะด ้วย 21. รัฐบาลและหน่วยงานบังคับใชกฎ้หมายต ้องจัดให ้มีการให ้ค าปรึกษาเพื่อจัดการความเครียดให ้แก่ เจา้หนา้ทบี่ังคับใชกฎ้หมายซงึ่มสีว่นเกยี่วพันกับสถานการณ์ซงึ่มกีารใชก้ าลังและอาวธุปืน การรายงานและการทบทวนวิธีการแก้ปัญหา
ภาคผนวก ๒ ๑๐๔ 22. รัฐบาลและหน่วยงานทบี่ังคับใชก้ฎหมายจะตอ้งจัดวางระบบการรายงานและการทบทวนวิธีการแก ้ไข ปัญหาที่มีประสทิธภิาพกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ต ้องมีการรายงานตามความในข ้อ 3 และข ้อ 11 ( ฉ ) ดังกล่าวขา้งตน้ ส าหรับกรณีทเี่กดิเหตกุารณ์ทตี่อ้งมกีารรายงานดังกลา่วนัน้รัฐบาลและหน่วยงานบังคับ ใชก้ฎหมายจะตอ้งมมีาตรการทจี่ะท าใหเ้กดิความมั่นใจไดว้า่มกีระบวนการแกไ้ขปัญหาทมี่ปีระสทิธภิาพ อีกทัง้หน่วยงานทางการบรหิารทเี่ป็นอสิระหรอืหน่วยงานอัยการตอ้งอยู่ในฐานะทจี่ะใชขอบเขตอ านาจ ้ ศาลและกฎหมายตามอ านาจหน้าที่ได ้อย่างเหมาะสมแก่พฤติการณ์ในกรณีที่มีการตายและบาดเจ็บ สาหัสหรือผลร้ายแรงอื่น ๆ ตอ้งจัดสง่รายงานโดยละเอียดของกรณีดังกล่าวไปยังพนักงานเจ้าหน้าทซี่งึ่ รับผิดชอบในการตรวจสอบทางบริหารและการควบคุมโดยศาล 23. บุคคลที่ไดร้ับผลกระทบจากการใชก้ าลังหรืออาวุธปืนของเจา้หนา้ทดี่ังกล่าวนั้น ตลอดจนผูแ้ทนตาม กฎหมายของบคุคลนัน้พงึมสีทิธเิขา้ถงึกระบวนการทเี่ป็นอสิระ ซงึ่รวมทัง้กระบวนการทางศาล ในกรณีที่ บุคคลซงึ่ไดร้ับผลกระทบจากการใชก้ าลังหรอือาวธุปืนของเจา้หนา้ทดี่ังกลา่วถงึแกค่วามตายไปแลว้กใ็ห้ ผู้อยู่ในความอุปการะของบคุคลเหลา่นัน้เป็นผใู้ชส้ทิธดิ ังกลา่วแทน 24. รัฐบาลและหน่วยงานที่บังคับใชก้ฎหมายจะตอ้งด าเนินการใหเ้ป็นที่มั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ระดับ ผู้บังคับบัญชาทั้งหลายจะต ้องรับผิดในกรณีที่รู้หรือควรรู้ว่า เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายซงึ่อยู่ภายใต ้ บังคับบัญชาของตนอยรู่ะหวา่งใชห้รอื ไดใ้ชก าลังและอาวุธปืนโดยไม่ ้ ชอบด ้วยกฎหมาย แต่ไม่ด าเนินการ ยับยั้ง ป้องกัน และรายงานเหตุดังกล่าว 25. รัฐบาลและหน่วยงานบังคับใชก้ฎหมายจะตอ้งด าเนินการใหเ้ป็นที่มั่นใจไดว้่า เจา้หนา้ที่บังคับใช้ กฎหมายทั้งหลายจะต ้องไม่ถูกด าเนินคดีอาญาหรือจะต ้องไม่ถูกด าเนินการทางวินัยเนื่องมาจากการที่ เจา้หนา้ทผีู่น้ ัน้ไดป้ฏเิสธการใชก้ าลังและอาวุธปืนหากว่าเป็นการปฏเิสธโดยชอบเพราะเป็ นการปฏิบัติ ตามหลักการปฏิบัติของของเจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายและหลักการต่าง ๆ ดังกล่าวในเอกสารฉบับนี้ ส าหรับเจา้หนา้ทผีู่ร้ายงานเหตุเกยี่วกับการใชก้ าลังและอาวุธปืนของเจา้หนา้ทอี่นื่โดยเป็นการรายงาน ตามหลักการดังกลา่วก็พงึไดร้ับการคมุ้ครองเชน่กัน 26. การที่ปฏบิ ัตติามค าสั่งของผูบ้ ังคับบัญชานัน้จะน ามาเป็นขอ้อา้งในการปฏเิสธความรับผดิ ไม่ไดห้ากเป็น กรณีที่เจา้หนา้ทบี่ังคับใชก้ฎหมายนั้นรู้อยู่แล ้วว่า ค าสั่งทใี่หใ้ชก้ าลังและอาวุธปืนนัน้ซงึ่ท าให ้มีผู้ถึงแก่ ความตายหรือได ้รับอันตรายสาหัส โดยที่ปรากฏอย่างชัดแจง้ว่าเป็นค าสั่งมิชอบด ้วยกฎหมายและ เจ้าหน้าที่ผู้นั้นมีโอกาสตามสมควรที่จะปฏิเสธการปฏิบัติตามค าสงั่นัน้ไดแ้ตก่ลับท าตามค าสงั่นัน้และไม่ ว่าในกรณีใดก็ตาม ความรับผดิยังคงตกอยแู่กผ่บู้ ังคับบัญชาทอี่อกค าสงั่โดยมชิอบด ้วยกฎหมายด ้วย
ภาคผนวก ๓ ๑๐๕ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม
ภาคผนวก ๓ ๑๐๖
๑๐๗ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม
ภาคผนวก ๓ ๑๐๘ ภาคผนวก ๔
๑๐๙ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม
ภาคผนวก ๔ ๑๑๐
๑๑๑ การนำยุทธวิธีตำรวจมาใช้ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการค้น การจับ การควบคุม