แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๐๑๐๗ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง/ภาคเรียน จำนวน ๑.๐ หน่วยการเรียน ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖ การกำหนดการใช้แผนจัดการเรียนรู้ รายการตรวจสอบและกลั่นกรองการใช้แผนจัดการเรียนรู้ ความคิดเห็น ความคิดเห็น .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ลงชื่อ................................................. (นางสาวอาภาพร เทพบรรจง ) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ลงชื่อ................................................. (นางสาวณัฐิญา คาโส) หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ลงชื่อ................................................. (นางสาวณัชยา ถนิมกาญน์) รองผู้อำนวยการโรงเรียนพนมศึกษา ................................................................................... ................................................................................... ................................................................................... ................................................................................... ................................................................................... ลงชื่อ................................................. (นางผกา สามารถ) ผู้อำนวยการโรงเรียนพนมศึกษา
คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอน เพราะเป็น เอกสารหลักสูตร ที่ใช้ในการบริหารงานของครูผู้สอนให้ตรงตามนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา กำหนดไว้ในแผน หลักคุณภาพการศึกษา สนองจุดประสงค์และคำอธิบายรายวิชาของหลักสูตร ในการบริหารงานวิชาการ ถือว่า “แผนจัดการเรียนรู้”เป็นเอกสารทางวิชาการที่สำคัญที่สุดของครู เพราะในแผนจัดการเรียนรู้ประกอบด้วย ๑. การกำหนดเวลาเรียน กำหนดการสอน กำหนดการสอบ ๒. สาระสำคัญของเนื้อหาวิชาที่เรียน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๔. กิจกรรมการเรียนการสอน ๕. สื่อและอุปกรณ์ ๖. การวัดผลประเมินผล การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ ถือว่าเป็นการสร้างผลงานทางวิชาการ เป็นผลงานที่แสดงถึงความ ชำนาญในการสอนของครู เพราะครูใช้ศาสตร์ทุกสาขาอาชีพของครู เช่นการออกแบบ การสอน การจัดการ และการประเมินผล ในการจัดทำแผนจัดการเรียนรู้นั้นจะทำให้เกิดความมั่นใจในการสอนได้ตรงจุดประสงค์การ เรียนรู้ เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนในรายวิชาที่รับผิดชอบสูงขึ้น ทั้งยังเป็นข้อมูลในการนิเทศติดตาม ตรวจสอบและปรับปรุงการเรียนการสอนได้อย่างมีระบบและครบวงจร ยังผลให้คุณภาพการศึกษาโดยรวม พัฒนาไปอย่างมีทิศทางบรรลุเป้าหมายของหลักสูตร นางสาวปทุมวัน ดุษฎี ครูผู้สอน
สารบัญ เรื่อง หน้า กำหนดการใช้แผน คำนำ สารบัญ วิเคราะห์หลักสูตร ๑ ▪ คำอธิบายรายวิชา ๑ ▪ ตารางวิเคราะห์รายวิชา ๒ ▪ โครงสร้างรายวิชา ๖ วิเคราะห์ผู้เรียน ๗ ▪ ตารางวิเคราะห์ผู้เรียนด้านผลสัมฤทธิ์ ๗ ▪ แบบวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล/ความถนัด/ความสนใจ ๘ การวัดผลประเมินผล ๑๒ แผนการจัดการเรียนรู้ ๑๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เขียนให้งาม ๑๔ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ การเว้นวรรคตอน ๑๔ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ การเขียนย่อหน้า ๒๔ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ การคัดลายมือ ๒๙ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ โวหารการเขียน ๓๒ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ โวหารการเขียน ๓๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ ทำได้ทั้งสั้นและยาว ๓๙ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ การเขียนเรียงความ ๓๙ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ การเขียนย่อความ ๔๗ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ ติดต่อสื่อสาร ๕๑ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ การเขียนกรอกแบบฟอร์ม ๕๑ ▪ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๘ การเขียนจดหมาย ๕๔ ▪แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙ การเขียนหนังสือราชการ ๖๐
1 วิเคราะห์หลักสูตร คำอธิบายรายวิชา รายวิชา การเขียน๑ (รหัสวิชา ท ๓๐๒๐๗) ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ภาคเรียน จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต ศึกษาหลักการผูกประโยคและหลักการเขียนย่อหน้า การเว้นวรรคตอน การคัดลายมือ โวหารการเขียน การเขียนกรอกแบบฟอร์ม เรียงความ ย่อความ จดหมาย เขียนหนังสือราชการ มารยาทการเขียน โดยใช้กระบวนการสร้างองค์ความรู้ ฝึกทักษะกระบวนการทำงานเป็นกลุ่มและรายบุคคล ด้วยการสืบค้น รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และการฝึกปฏิบัติจนเกิดความชำนาญ เพื่อให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้า การใช้ภาษาในการสื่อสาร นำความคิดไปใช้ในการ ตัดสินใจแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน และสร้างนิสัยใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็น ไทย มีจิตสาธารณะ รักชาติ ศาสน์กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย มีความคิดสร้างสรรค์ มีมารยาทในการเขียนและ นิสัยรักการเขียน อนุรักษ์และสืบสานภาษาไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป ผลการเรียนรู้ ๑. เขียนข้อความโดยแบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ๒. เขียนข้อความโดยแบ่งย่อหน้าได้ถูกต้องเหมาะสม ๓. คัดลายมือได้ถูกต้องและสวยงาม ๔. รู้และเข้าใจโวหารในการเขียน ๕. กรอกแบบฟอร์มได้ถูกต้อง ๖. เขียนเรียงความได้ถูกต้อง ๗. เขียนย่อความได้ถูกต้อง ๘. เขียนจดหมายได้ถูกต้อง ๙. เขียนหนังสือราชการได้ถูกต้อง ๑๐.มีมารยาทการเขียน รวมทั้งหมด ๑๐ ผลการเรียนรู้
2 ตารางวิเคราะห์รายวิชา รายวิชา การเขียน๑ (ท ๓๐๑๐๗) ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ภาคเรียน จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต หน่วยที่ ชื่อหน่วย เนื้อหา วิธีวัดผล ชั่วโมง คะแนน K P A ๑. เขียนให้งาม - การแบ่งวรรคตอน - การแบ่งย่อหน้า - การคัดลายมือ - มารยาทในการเขียน - ใบงาน - ชิ้นงาน - แบบทดสอบ - การสังเกตพฤติกรรม ๑๐ ๑๐ ๑๕ ๓ ๒ โวหารการ เขียน - โวหารการเขียน - ใบงาน - ชิ้นงาน - แบบทดสอบ - การสังเกตพฤติกรรม ๕ ๑๐ ๕ ๒ ๓ ทำได้ทั้งสั้น และยาว - การเขียนเรียงความ - การเขียนย่อความ - มารยาทในการเขียน - ใบงาน - ชิ้นงาน - แบบทดสอบ - การสังเกตพฤติกรรม ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๒ ๔ ติดต่อสื่อสาร - การกรอกแบบฟอร์ม - การเขียนจดหมาย - การเขียนหนังสือ ราชการ - มารยาทในการเขียน - ใบงาน - ชิ้นงาน - แบบทดสอบ - การสังเกตพฤติกรรม ๑๕ ๑๕ ๑๕ ๓ รวม ๔๐ ๑๐๐ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒. ซื่อสัตย์สุจริต ๓. มีวินัย ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๖. มุ่งมั่นในการทำงาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ
3 สมรรถนะผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี สื่อการเรียนนรู้/แหล่งเรียนรู้ ๑. สื่อการเรียนรู้ - ใบความรู้ - ใบงาน - สื่ออิเล็กทรอนิกส์ - พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒. แหล่งเรียนรู้ - ห้องสมุด - เว็ปไซต์ต่างๆ เกณฑ์การประเมินผล คะแนน ๐ - ๔๙ ได้รับผลการเรียน ๐ คะแนน ๕๐ - ๕๔ ได้รับผลการเรียน ๑ คะแนน ๕๕ - ๕๙ ได้รับผลการเรียน ๑.๕ คะแนน ๖๐ – ๖๔ ได้รับผลการเรียน ๒ คะแนน ๖๕ – ๖๙ ได้รับผลการเรียน ๒.๕ คะแนน ๗๐ - ๗๔ ได้รับผลการเรียน ๓ คะแนน ๗๕ - ๗๙ ได้รับผลการเรียน ๓.๕ คะแนน ๘๐ - ๑๐๐ ได้รับผลการเรียน ๔
4 ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระที่ ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ ต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและ รายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.๔-ม.๖ ๑. เขียนสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ได้ ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ ภาษาเรียบเรียงถูกต้อง มีข้อมูล และสาระสำคัญชัดเจน ๏ การเขียนสื่อสารในรูปแบบต่างๆ เช่น - อธิบาย - บรรยาย - พรรณนา - แสดงทรรศนะ - โต้แย้ง - โน้มน้าว - เชิญชวน - ประกาศ - จดหมายกิจธุระ - โครงการและรายงานการดำเนินโครงการ - รายงานการประชุม - การกรอกแบบรายการต่างๆ ๒. เขียนเรียงความ ๏ การเขียนเรียงความ ๓. เขียนย่อความจากสื่อที่มีรูปแบบ และเนื้อหาหลากหลาย ๏ การเขียนย่อความจากสื่อต่างๆ เช่น - กวีนิพนธ์ และวรรณคดี - เรื่องสั้น สารคดี นวนิยาย บทความทางวิชาการ และ วรรณกรรมพื้นบ้าน ๔. ผลิตงานเขียนของตนเองใน รูปแบบต่าง ๆ ๏ การเขียนในรูปแบบต่างๆ เช่น - สารคดี - บันเทิงคดี ๕. ประเมินงานเขียนของผู้อื่น แล้วนำมาพัฒนางานเขียนของ ตนเอง ๏ การประเมินคุณค่างานเขียนในด้านต่างๆ เช่น - แนวคิดของผู้เขียน - การใช้ถ้อยคำ - การเรียบเรียง - สำนวนโวหาร - กลวิธีในการเขียน
5 ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๖. เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า เรื่องที่สนใจตามหลักการเขียน เชิงวิชาการ และใช้ข้อมูล สารสนเทศอ้างอิงอย่างถูกต้อง ๏ การเขียนรายงานเชิงวิชาการ ๏ การเขียนอ้างอิงข้อมูลสารสนเทศ ๗. บันทึกการศึกษาค้นคว้าเพื่อ นำไปพัฒนาตนเองอย่าง สม่ำเสมอ ๏ การเขียนบันทึกความรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ๘. มีมารยาทในการเขียน ๏ มารยาทในการเขียน
6 ตารางวิเคราะห์โครงสร้างรายวิชา รายวิชาภาษาไทย ( ท ๓๒๑๐๑ ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ภาคเรียน จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต ภาคเรียนที่ ๑ หน่วย ที่ หน่วยการ เรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา/ ชั่วโมง น้ำหนัก แกนกลาง ท้องถิ่น คะแนน ๑. เขียนให้งาม - เขียนข้อความโดยแบ่ง วรรคตอนได้ถูกต้อง - เขียนข้อความโดยแบ่ง ย่อหน้าได้ถูกต้อง เหมาะสม - คัดลายมือได้ถูกต้องและ สละสลวย - มารยาทในการเขียน - การแบ่งวรรคตอน - การแบ่งย่อหน้า - การคัดลายมือ - มารยาทในการเขียน ๑๐ ๒๘ ๒ โวหารการ เขียน - รู้และเข้าใจโวหารใน การเขียน -โวหารการเขียน ๕ ๑๗ ๓ ทำได้ทั้งสั้น และยาว - เขียนเรียงความได้ ถูกต้อง - เขียนย่อความได้ถูกต้อง - มารยาทในการเขียน - การเขียนเรียงความ - การเขียนย่อความ - มารยาทในการเขียน ๑๐ ๒๒ ๔ ติดต่อสื่อสาร - เขียนกรอกแบบฟอร์ม ได้ถูกต้อง - เขียนจดหมายได้ถูกต้อง - เขียนหนังสือราชการได้ ถูกต้อง - มารยาทในการเขียน - การกรอกแบบฟอร์ม -การเขียนจดหมาย -การเขียนหนังสือ ราชการ - มารยาทในการเขียน ๑๕ ๓๓
7 วิเคราะห์ผู้เรียน ตารางวิเคราะห์ผู้เรียนด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อนำไปออกแบบการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับความสามารถของผู้เรียน ๒. เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาผู้เรียนด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท ๓๒๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๖๔ สรุปผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพื้นฐานที่ใช้ในการเรียนวิชานี้ ระดับคุณภาพของ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน GPA ของกลุ่ม จำนวนคน ร้อยละ ปรับปรุง ต่ำกว่า 2.00 พอใช้ 2.00 – 2.50 ดี สูงกว่า 2.50 แนวทางการจัดกิจกรรม ผลสัมฤทธิ์ ทาง การเรียน ร้อยละ กิจกรรมแก้ไขหรือพัฒนา ในแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน เครื่องมือ/วิธีการ เดิม เป้าหมาย ประเมิน ดี ปรับปรุง
8 แบบวิเคราะห์นักเรียนเป็นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ห้อง ๓ เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๑ นายณัฐวุฒิ ทิพย์สุวรรณ ๒ นายทัชวฤทธิ์ ทองเสน ๓ นายธนโชติ รองเมือง ๔ นายนัฐพงษ์ ศรีรักษา ๕ นายพศวัต หีตทิม ๖ นายภูมิรพี เมืองพร้อม ๗ นายศุภกิจ ซุยจินา ๘ นายอรรถพร แต่งนวล ๙ นางสาวกนกพร สุดเส้ง ๑๐ นางสาวขนิษฐา ปาละคเชนทร์ ๑๑ นางสาวขวัญภิรมย์ ชินโคตร ๑๒ นางสาวจันทกานต์ ประจิน ๑๓ นางสาวจิราพร แก้วมิตร ๑๔ นางสาวชนัญธิดา ไมตรีจิตต์ ๑๕ นางสาวชนิษฐา ประกอบแก้ว ๑๖ นางสาวณัฐณิชา บุญฤทธิ์ ๑๗ นางสาวณัฐธิดา วิชิต ๑๘ นางสาวณิชนันทน์ พันธ์เจริญ ๑๙ นางสาวณิชาภรณ์ เกตุขาว ๒๐ นางสาวธิดารัตน์ มุสิกวาที ๒๑ นางสาวบัณฑิตา อินทรชิต ๒๒ นางสาวปริยาภัทร คงคุ้ม ๒๓ นางสาวปวริศา คุ้มเอียด ๒๔ นางสาวพิชช์สินี ปรีชา ๒๕ นางสาวมณีวรรณ สาริพัฒน์ ๒๖ นางสาวรัชนี หนูจันทร์ ๒๗ นางสาววรัทญา หัตถาผล
9 แบบแบบวิเคราะห์นักเรียนเป็นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ห้อง ๓ เลขที่ ชื่อ - สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๒๘ นางสาวเวียรยา จันทร์สวี ๒๙ นางสาวศศิการ ฉิมสวัสดิ์ ๓๐ นางสาวสิรภัทร บัวทอง ๓๑ นางสาวสิรภัทร หนูเยาว์ ๓๒ นางสาวสุรัญชนา ชูพรหม ๓๓ นางสาวอนันตญา มังกรรัตน์ ๓๔ นางสาวอัฉราวรรณ หนูจันทร์
10 แบบวิเคราะห์นักเรียนเป็นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ห้อง ๔ เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๑ นายกฤตเมธ ศุภลักษณ์ ๒ นายกฤษฏา อะโน ๓ นายเกียรติกำพล ปรีชา ๔ นายคชภัค แช่มไล่ ๕ นายจักรพงศ์ ผุดบ่อน้อย ๖ นายจิณณพัฒน์ กองกุล ๗ นายจิรายุ สุขขี ๘ นายฐาปณพงศ์ เวชศาสตร์ ๙ นายฐิรวัฒณ์ รัตนชัย ๑๐ นายณัฐกฤต วิชิต ๑๑ นายณัธพงษ์ เพชรชู ๑๒ นายธนพล เผือกภูมิ ๑๓ นายธรรมรัตน์ เเสงตาขุน ๑๔ นายนราทิป ขุนทิพย์กรรณ ๑๕ นายนเรนทร์ฤทธิ์ อุดมศรี ๑๖ นายพีรภัทร จันทร์พรึก ๑๗ นายพีรวัฒน์ นพรัตน์ ๑๘ นายภูษิตย์ ชัยเจริญ ๑๙ นายรัชชานนท์ บุญร่ม ๒๐ นายรัชชานนท์ ประเสริฐศิลป์ ๒๑ นายวรากรณ์ นวลขาว ๒๒ นายวีรภัทร หนำคอก ๒๓ นายศิววงศ์ ทิพย์เดช ๒๔ นายศุภโชค ศรีรอดภัย ๒๕ นายสราวุฒิ นาคเกษม ๒๖ นายอดิศร แย้มแก้ว ๒๗ นายอมรวิชช์ ชบากาญจน์
11 แบบแบบวิเคราะห์นักเรียนเป็นรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด / ความสนใจ / รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ห้อง ๔ เลขที่ ชื่อ - สกุล ระดับความถนัด / ความสนใจ หมายเหตุ ๓ ๒ ๑ ๐ ๒๘ นายอรรถพล อนุภักดิ์ ๒๙ นางสาวธัญวรรณ ประเสริฐ ๓๐ นางสาวปุณยาพร ล่องแป้น ๓๑ นางสาวพิมพ์ชนก สุวรรณรัตน์ ๓๒ นางสาวมณีนาจ ทองญวน ๓๓ นางสาววรพิชชา ศรีชัย ๓๔ นางสาวศิริวิมล วิชิต ๓๕ นางสาวสุพิชชา จรูญรักษ์
12 การวัดผลประเมินผล การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ / รายวิชา ในแต่ละตัวชี้วัดชั้นปี ซึ่งสถานศึกษา วิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด การประเมินสาระการเรียนรู้รายวิชา ให้ตัดสินผลการประเมินเป็น ระดับผลการเรียน ๘ ระดับ ดังนี้ คะแนน ๘๐ – ๑๐๐ ระดับผลการเรียน “๔” หมายถึง ผลการเรียนดีเยี่ยม คะแนน ๗๕ – ๗๙ ระดับผลการเรียน “๓.๕” หมายถึง ผลการเรียนดีมาก คะแนน ๗๐ – ๗๔ ระดับผลการเรียน “๓” หมายถึง ผลการเรียนดี คะแนน ๖๕ – ๖๙ ระดับผลการเรียน “๒.๕” หมายถึง ผลการเรียนค่อนข้างดี คะแนน ๖๐ – ๖๔ ระดับผลการเรียน “๒” หมายถึง ผลการเรียนปานกลาง คะแนน ๕๕ – ๕๙ ระดับผลการเรียน “๑.๕” หมายถึง ผลการเรียนพอใช้ คะแนน ๕๐ – ๕๔ ระดับผลการเรียน “๑” หมายถึง ผลการเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินขั้นต่ำ คะแนน ๐ - ๔๙ ระดับผลการเรียน “๐” หมายถึง ผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์การประเมิน ในกรณีที่ไม่สามารถให้ระดับผลการเรียนเป็น ๘ ระดับได้ให้ใช้ตัวอักษร ระบุเงื่อนไขของผลการเรียน ดังนี้ “มส” หมายถึง ผู้เรียนไม่มีสิทธิ์เข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน เนื่องจากผู้เรียนมีเวลาไม่ถึง ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในแต่ละรายวิชา และไม่ได้รับการผ่อนผันให้เข้า รับการวัดผลปลายภาคเรียน “ร” หมายถึง รอการตัดสินและยังตัดสินผลการเรียนไม่ได้ เนื่องจากผู้เรียนไม่มีข้อมูลการ เรียนรายวิชานั้นครบถ้วน ได้แก่ ไม่ได้วัดผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไม่ได้ส่งงานที่มอบหมายให้ทำ ซึ่งงานนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินผลการ เรียน หรือมีเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ประเมินผลการเรียนไม่ได้ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผลการประเมิน เป็น ดีเยี่ยม ดี และผ่าน ดีเยี่ยม หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขียนที่มี คุณภาพดีเลิศอยู่เสมอ ดี หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพเป็นที่ยอมรับ ผ่าน หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพเป็นที่ยอมรับ แต่ยังมีข้อบกพร่องบาง ประการ ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน หรือ ถ้ามีผลงาน ผลงานนั้นยังมีข้อบกพร่องที่ต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขหลาย ประการ
13 แผนการจัดการเรียนรู้
14 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ รายวิชา การเขียน ๑ รหัสวิชา ท ๓๐๒๐๗ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง เขียนให้งาม จำนวน ๑๐ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การแบ่งวรรคตอน เวลา ๓ ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและ รายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑) เขียนข้อความโดยแบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ ด้านความรู้ ๑) บอกหลักเกณฑ์การแบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ๒.๒ ด้านทักษะและกระบวนการ ๑) เขียนข้อความโดยแบ่งวรรคตอนได้ถูกต้อง ๒.๓ ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑) มีมารยาทในการเขียน ๒) มีวินัย ๔) มีความมุ่งมั่นในการเรียน ๓. สมรรถนะของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๔. สาระการเรียนรู้ ๑) หลักการแบ่งวรรคตอน ๒) มารยาทการเขียน
15 ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ ๑) นักเรียนและครูพูดคุยสนทนาซักถามเกี่ยวทุกข์สุข แล้วให้นักเรียนชมวีดีโอ เว้นวรรคผิด...ชีวิต เปลี่ยน ตลกหกฉาก เพื่อให้นักเรียนรู้จักคิด และวิพากษ์วิจารณ์ ๒) ครูแจ้งผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้แก่นักเรียน ๓) นักเรียนชมวีดีโอเว้นวรรคตอนให้ถูกต้อง ครูและนักเรียนร่วมกันสรุป ๔) นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง หลักเกณฑ์การเว้นวรรค ๕) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเรื่องที่อ่าน ๖) แบ่งกลุ่มนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ ๔ คน โดยมีนักเรียนกลุ่มอ่อน ปานกลาง และเก่งร่วมกัน ทำใบ งานที่ ๑ โดยให้แต่ละกลุ่มหาประโยคที่เว้นวรรคผิด จำนวน ๕ ประโยค ๗) นักเรียนนำเสนอหน้าชั้นเรียน ๘) นักเรียนทำแบบฝึกหัด ครูตรวจและให้คำติชม ๘) นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ๖. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ ๑) ใบงานที่ ๑ ๒) ใบความรู้เรื่อง หลักการเว้นวรรคตอน ๓) แบบทดสอบ ๔) วีดีโอ เรื่อง เว้นวรรคตอนให้ถูกต้อง ๕) แบบฝึกหัด ๖) วีดีโอ เว้นวรรคผิด...ชีวิตเปลี่ยน ตลกหกฉาก ๗) www.youtube.com ๗. การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ในแผนนี้มีดังนี้ จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัด และประเมินผล การวัด การประเมินผล ด้านความรู้ ๑) บอกหลักเกณฑ์การแบ่งวรรค ตอนได้ถูกต้อง วิธีวัดผล - การทดสอบ เครื่องมือวัดผล - แบบทดสอบ เกณฑ์การให้คะแนน ๐ – ๔ หมายถึง ปรับปรุง ๕ – ๖ หมายถึง พอใช้ ๗ – ๘ หมายถึง ดี ๙ – ๑๐ หมายถึง ดีมาก
16 จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัด และประเมินผล การวัด การประเมินผล เกณฑ์การประเมินผล ๐ – ๔ หมายถึง ไม่ผ่าน ๕ – ๑๐ หมายถึง ผ่าน ด้านทักษะและกระบวนการ ๑) เขียนข้อความโดยแบ่งวรรค ตอนได้ถูกต้อง วิธีวัดผล - การทำใบงาน - แบบฝึกหัด เครื่องมือวัดผล - แบบประเมินใบงาน - แบประเมินแบบฝึกหัด เกณฑ์การให้คะแนน ๔ หมายถึง ดีมาก ๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถึง ปานกลาง ๑ หมายถึง พอใช้ ๐ หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การประเมินผล ๐ – ๙ หมายถึง ไม่ผ่าน ๑๐ – ๒๐ หมายถึง ผ่าน ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ๑) มีมารยาทในการเขียน ๒) มีวินัย ๓) มีความมุ่งมั่นในการเรียน วิธีวัดผล - การสังเกตพฤติกรรม เครื่องมือวัดผล - แบบสังเกตพฤติกรรม ลงชื่อ.................................................... ( นางสาวปทุมวัน ดุษฎี) ............./................../............
17 ใบความรู้ เรื่อง หลักเกณฑ์การเว้นวรรค รายวิชาการเขียน ๑( ท ๓๐๒๐๗) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ในการเขียนหรือพิมพ์หนังสือไทย การเว้นช่องว่างระหว่างคำ ข้อความหรือประโยคให้ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็น มาก เพราะจะทำให้ข้อเขียนนั้นมีความถูกต้อง แจ่มแจ้ง ชัดเจน และอ่านได้ตรงตามความต้องการของผู้เขียน วรรค คือ คำ ข้อความ หรือประโยคช่วงหนึ่ง ๆ การเว้นวรรค หมายถึง การเว้นช่องว่างระหว่างวรรค การเว้นวรรคแบ่งออกเป็น – การเว้นวรรคเล็ก มีระยะห่างระหว่างวรรคประมาณเท่ากับความกว้างของพยัญชนะ ก – การเว้นวรรคใหญ่ มีระยะห่างระหว่างวรรคประมาณ ๒ เท่าของการเว้นวรรคเล็ก ในการเขียนหรือพิมพ์หนังสือไทย มีหลักเกณฑ์ในการเว้นวรรค ดังนี้ ๑. กรณีที่ต้องเว้นวรรค ๑.๑ การเว้นวรรคใหญ่ เว้นวรรคใหญ่เมื่อจบข้อความแต่ละประโยค ตัวอย่าง (๑) นั่งให้เรียบร้อย อย่าไขว่ห้าง (๒) วิทยาการเป็นต้นธารให้บังเกิดความรู้และความสามารถในอันที่จะประกอบกิจตาม หน้าที่ได้ดี ความเจริญงอกงามทั้งทางจิตใจและทางวัตถุย่อมเป็นผลสืบเนื่องมาจากวิทยาการ บ้านเมืองจะเจริญ หรือเสื่อมก็เนื่องด้วยวิทยาการ ๑.๒ การเว้นวรรคเล็ก เว้นวรรคเล็ก ในกรณีต่อไปนี้ ๑.๒.๑ ในประโยครวมให้เว้นวรรคเล็กระหว่างประโยคย่อยที่มีใจความสมบูรณ์และเชื่อม กับประโยคอื่น ๆ ที่ขึ้นต้นด้วยคำสันธาน “และ” “หรือ” “แต่” ฯลฯ ตัวอย่าง (๑) นายแดงอยู่ที่บ้านคุณพ่อของเขาที่ปากน้ำโพ แต่พี่ชายของเขาอยู่ที่บ้านซื้อใหม่ในกรุงเทพฯ (๒) การเขียนหนังสือโย้หน้าเย้หลังไม่เป็นระเบียบ หรือการขาดความระมัดระวังในเรื่องช่องไฟ อาจ เป็นเครื่องหมายส่อนิสัยของผู้เขียนเองได้ (๓) พุทธกับไสย แม้ต่างกันเป็นคนละด้าน แต่ก็ไม่เป็นสิ่งขัดแย้งกันในความเชื่อถือของคนชั้นสามัญ ทั่วไป แต่ถ้าเป็นประโยคสั้นให้เขียนติดกัน ตัวอย่าง (๑) ฉันและเธอไปโรงเรียน (๒) เขาอยากได้ดีแต่เขาก็ไม่ได้ดี (๓) น้ำขึ้นแต่ลมลง
18 ๑.๒.๒ เว้นวรรคเล็กระหว่างชื่อกับนามสกุล ตัวอย่าง นายเสริม วินิจฉัยกุล ๑.๒.๓ เว้นวรรคเล็กหลังคำนำพระนามพระบรมวงศานุวงศ์ พระนาม และฐานันดรศักดิ์ ตัวอย่าง (๑) สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (๒) สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (๓) สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ ๑.๒.๔ เว้นวรรคเล็กระหว่างชื่อบริษัท ธนาคาร ฯลฯ กับคำ “จำกัด” ที่อยู่ท้ายชื่อ ตัวอย่าง (๑) บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มั่นคง จำกัด (๒) ธนาคารทหารไทย จำกัด ๑.๒.๕ เว้นวรรคเล็กระหว่างคำ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” และ “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” กับชื่อ ตัวอย่าง (๑) ห้างหุ้นส่วนจำกัด วีรสิน (๒) ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามัญนิติบุคคล ปัญญากิจ ๑.๒.๖ เว้นวรรคเล็กระหว่างชื่อสถานที่ต่าง ๆ เช่น ถนน ตำบล/แขวง อำเภอ/เขต จังหวัด ตัวอย่าง ราชบัณฑิตยสถาน ในพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๐๐ ๑.๒.๗ เว้นวรรคเล็กระหว่างคำนำหน้านามแต่ละชนิด ตัวอย่าง ศาสตราจารย์ นายแพทย์ หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ หรือ ศ. นพ. ม.ล.เกษตร สนิทวงศ์ ๑.๒.๘ เว้นวรรคเล็กระหว่างยศกับชื่อ ตัวอย่าง (๑) จอมพล ป. พิบูลสงคราม (๒) พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ หรือ พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ (๓) ร้อยโทหญิง สุชาดา ทำความดี ๑.๒.๙ เว้นวรรคเล็กระหว่างกลุ่มอักษรย่อ ตัวอย่าง นายเสริม วินิจฉัยกุล ป.จ. ม.ป.ช. ม.ว.ม.
19 ๑.๒.๑๐ เว้นวรรคเล็กระหว่างตัวหนังสือกับตัวเลข ตัวอย่าง เขาเลี้ยงสุนัขไว้ที่บ้านตั้ง ๓๐ ตัว ๑.๒.๑๑ เว้นวรรคเล็กระหว่างวันกับเวลา ตัวอย่าง ราชบัณฑิตยสถานกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการ ใช้ภาษาไทยทุกวันพฤหัสบดี เวลา ๑๐.๐๐ น. ๑.๒.๑๒ เว้นวรรคเล็กหลังข้อความที่เป็นหน่วยมาตราต่าง ๆ กับข้อความที่ตามมา ตัวอย่าง โต๊ะประชุมแต่ละตัวมีขนาดกว้าง ๐.๘๐ เมตร ยาว ๑.๖๐ เมตร สูง ๐.๖๐ เมตร ๑.๒.๑๓ เว้นวรรคเล็กระหว่างตัวหนังสือไทยกับตัวหนังสือภาษาอื่น ตัวอย่าง ข้าวเย็นเหนือเป็นชื่อไม้เถาชนิด Smilax china L. ในวงศ์ Smilacaceae เหง้าใช้ทำยา ได้ ๑.๒.๑๔ เว้นวรรคเล็กระหว่างรายการต่าง ๆ เพื่อแยกรายการแต่ละรายการ ทั้งที่เป็นข้อความ และกลุ่มตัวเลข ตัวอย่าง (๑) ศีล สมาธิ ปัญญา สามอย่างนี้เรียกว่า ไตรสิกขา (๒) เลือกข้อความที่ถูกต้องเพียงข้อเดียวจากข้อ ก ข ค ง (๓) ๑๕ ๑๓ ๑๑ ๙ ๗ ๕ ๓ ๑ ต่างก็เป็นจำนวนเลขคี่ ๑.๒.๑๕ เว้นวรรคระหว่างเครื่องหมายต่าง ๆ ๑.๒.๑๕.๑ เว้นวรรคเล็กหน้าและหลังเครื่องหมายไปยาลใหญ่ ไม้ยมก เสมอภาคหรือ เท่ากับ ทวิภาค วิภัชภาค และเครื่องหมาย + ที่ใช้ในทางภาษา (มิใช่เครื่องหมาย + ที่ใช้ในทางคณิตศาสตร์) ตัวอย่าง (๑) เขาเจริญพุทธคุณว่า อิติปิ โส ฯลฯ ภควาติ (๒) วันหนึ่ง ๆ เขาทำอะไรบ้าง (๓) อเปหิ = อป + เอหิ (๔) กฤษณา : กฤษณาสอนน้อง แบบเรียนกวีนิพนธ์ (๕) ในการจัดสัมมนาครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมการสัมมนา ได้แก่ :– ราชบัณฑิต ภาคีสมาชิก ผู้แทนองค์กรที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ และประชาชนผู้สนใจ
20 ๑.๒.๑๕.๒ เว้นวรรคเล็กหน้าเครื่องหมายอัญประกาศเปิดและวงเล็บเปิด ตัวอย่าง (๑) สถานภาพของสตรีในสังคมอินเดียในอดีตมีลักษณะคล้าย “เถาวัลย์” หรือบางทีก็ดู คล้าย “กาฝาก” เพราะสตรีไม่สามารถพึ่งตนเองได้ (๒) มนุษย์ได้สร้างโลภะ (ความโลภ) โทสะ (ความโกรธ) และโมหะ (ความหลง) ให้แก่ ตัวเองทั้งสิ้น ๑.๒.๑๕.๓ เว้นวรรคเล็กหลังเครื่องหมาย จุลภาค อัฒภาค ไปยาลน้อย อัญประกาศปิด และวงเล็บปิด ตัวอย่าง (๑) พระพุทธ, พระธรรม, พระสงฆ์ เป็นรัตนะ ๓ ของพุทธศาสนิกชน (๒) ชีวิตของตนเป็นที่รักยิ่งฉันใด ชีวิตของผู้อื่นก็ปานนั้น; สัตบุรุษเอาตนเข้าไปเทียบดังนี้ จึงกระทำความเมตตากรุณาในสัตว์มีชีวิตทั่วไป (๓) โอ๊ย ! มาไม่ทันรถอีกแล้ว (๔) สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (๕) สถานภาพของสตรีในสังคมอินเดียในอดีตมีลักษณะคล้าย “เถาวัลย์” หรือบางทีก็ดู คล้ายเป็น “กาฝาก” เพราะสตรีไม่สามารถพึ่งตนเองได้ (๖) มนุษย์ได้สร้างโลภะ (ความโลภ) โทสะ (ความโกรธ) และโมหะ (ความหลง) ให้แก่ ตนเองทั้งสิ้น ๑.๒.๑๖ เว้นวรรคเล็กหลังข้อความที่เป็นหัวข้อ ตัวอย่าง (๑) อุทานวลี อุทานวลีหมายถึงคำอุทานที่มีคำอื่นประกอบท้ายให้เป็นวลียืดยาวออกไป เช่น คุณพระช่วย (๒) วิเคราะห์กลวิธีดำเนินเรื่อง ในการวิเคราะห์กลวิธีดำเนินเรื่องจำเป็นต้องเข้าใจศิลปะการอ่าน หรือกติกาของนักอ่าน นักอ่านต้องพยายามทำใจเกี่ยวกับสัญนิยมของการแต่งหนังสือ ๑.๒.๑๗ เว้นวรรคเล็กทั้งข้างหน้าและข้างหลังคำ ณ ธ ตัวอย่าง (๑) การนำสัตว์ขึ้นหรือลง ณ สถานีใด ให้เป็นดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ประจำท้องที่ (๒) ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นศุขสานต์ ๑.๒.๑๘ เว้นวรรคเล็กหน้าและหลังคำว่า “ได้แก่” ที่ตามด้วยรายการ มากกว่า ๑ รายการ ตัวอย่าง (๑) เครื่องล่อใจให้ติดอยู่ในโลก ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส (๒) อาหารที่ช่วยป้องกันและต้านทานโรค ได้แก่ โปรตีน เกลือแร่ และวิตามิน
21 ๑.๒.๑๙ เว้นวรรคเล็กหน้าและหลังคำ “เช่น” (ในความหมายว่า ยกตัวอย่าง) ตัวอย่าง ส่วนหนึ่งแห่งสกลจักรวาล เช่น มนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก ยกเว้น “เช่น” ที่มีความหมายว่า “อย่าง, เหมือน” ไม่ต้องเว้นวรรคทั้งหน้าและหลังคำ ตัวอย่าง (๑) ดำ ว. มีสีเช่นสีเขม่า, มืด. ๒) ใจดำเช่นกา ๑.๒.๒๐ เว้นวรรคเล็กหน้าคำสันธาน “และ”, “หรือ” ในรายการ ตัวอย่าง (๑) ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายว่าด้วยการผลิต การบรรจุ การเก็บรักษา การสำรวจ การขนย้าย การจำหน่าย และการส่งมอบน้ำตาลทราย (๒) แล้วกัน (ปาก) ว. ออกเสียงแสดงความไม่พอใจ ตกใจ เสียใจ หรือประหลาดใจ เป็นต้น. ยกเว้น ถ้ามีเพียง ๒ รายการ ไม่ต้องเว้นวรรค ตัวอย่าง (๑) ส่งเสริมสวัสดิการของครูและนักเรียนของโรงเรียน (๒) เสียงสระทุกเสียงเป็นเสียงก้องหรือเสียงโฆษะ ๑.๒.๒๑ เว้นวรรคเล็กหน้าคำ “เป็นต้น” ที่อยู่หลังรายการ ตัวอย่าง (๑) ประเภท น. ส่วนที่แบ่งย่อยออกไปเป็นพวก จำพวก ชนิด หมู่ เหล่า อย่าง แผนก เป็นต้น. (๒) บ้านเป็นคำไทย เดิมหมายความว่าหมู่บ้าน ปัจจุบันยังมีเค้าให้เห็นอยู่ในชื่อตำบลต่าง ๆ มี บ้านหม้อ บ้านหมี่ บ้านไร่ บ้านนา บ้านบ่อ เป็นต้น ๑.๒.๒๒ เว้นวรรคเล็กหลังคำว่า “ว่า” ในกรณีที่ข้อความต่อมาเป็นประโยค ตัวอย่าง จะสังเกตได้ว่า คนถนัดมือซ้ายมีน้อยกว่าคนที่ถนัดมือขวา ๒. กรณีที่ไม่เว้นวรรค ๒.๑ ไม่เว้นวรรคระหว่างคำนำหน้าชื่อกับชื่อ ตัวอย่าง (๑) พระมหาสุทธิ สุทฺธิญาโณ (๒) นายเสริม วินิจฉัยกุล (๓) นางอินทิรา คานธี (๔) นางสาววารุณี วงศ์คนไทย (๕) เด็กชายวรา สิทธิ์รัตน์ (๖) เด็กหญิงสิรินท์ ทองดี
22 (๗) คุณนิลวรรณ ปิ่นทอง (๘) คุณหญิงปิ๋ว มหาโยธา www.youtube.com (๙) ท่านผู้หญิงพัว อนุรักษ์ราชมณเฑียร ๒.๒ ไม่เว้นวรรคระหว่างบรรดาศักดิ์ สมณศักดิ์ ฐานันดรศักดิ์ กับนาม หรือราชทินนาม ตัวอย่าง (๑) หลวงวิศาลศิลปกรรม (๒) หม่อมราโชทัย (๓) สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (๔) หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ (๕) เจ้าจอมมารดาชุม (ในรัชกาลที่ ๔) ๒.๓ ไม่เว้นวรรคระหว่างคำนำหน้าชื่อที่เป็นตำแหน่งหรืออาชีพกับชื่อ ตัวอย่าง (๑) ศาสตราจารย์รอง ศยามานนท์ (๒) นายแพทย์ดำรง เพ็ชรพลาย ๒.๔ ไม่เว้นวรรคระหว่างคำหน้าชื่อที่แสดงฐานะของนิติบุคคล หน่วยงาน หรือกลุ่มบุคคลกับชื่อ ตัวอย่าง (๑) สมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย (๒) มูลนิธิสายใจไทย (๓) สำนักพิมพ์เมืองโบราณ (๔) โรงพิมพ์สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (๕) โรงเรียนสตรีวิทยา (๖) บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มหาสมุทร จำกัด (๗) กรมปศุสัตว์ (๘) กระทรวงศึกษาธิการ (๙) คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย ๒.๕ ไม่เว้นวรรคหลังเครื่องหมายไปยาลน้อย ในกรณีที่มีเครื่องหมายอื่นตามมา ตัวอย่าง รถไฟเที่ยวจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ๒.๖ ไม่เว้นวรรคทั้งหน้าและหลังเครื่องหมายยัติภังค์ ยัติภาค ตัวอย่าง (๑) -กระเฉง ใช้เข้าคู่กับคำกระฉับ เป็น กระฉับกระเฉง. (๒) ภาษาตระกูลไทย–จีน
23 หลักเกณฑ์นี้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ แต่บางครั้งอาจเว้นวรรคหรือไม่เว้นวรรคก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลย พินิจของผู้เขียน ตัวอย่าง นอกจากเงิน ยังมีโล่ทุกรางวัล หรือ นอกจากเงินยังมีโล่ทุกรางวัล ที่มา : สำนักงานราชบัณฑิตยสภา | การเว้นวรรค - สำนักงานราชบัณฑิตยสภา (orst.go.th)
24 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ รายวิชา การเขียน ๑ รหัสวิชา ท ๓๐๒๐๗ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง เขียนให้งาม จำนวน ๑๐ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง การย่อหน้า เวลา ๓ ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและ รายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑) เขียนข้อความโดยแบ่งย่อหน้าได้ถูกต้องเหมาะสม ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ ด้านความรู้ ๑) บอกความหมายของการเขียนย่อหน้าได้ ๒) บอกความสำคัญของการเขียนย่อหน้าได้ ๓) บอกหลักการเขียนย่อหน้าได้ ๔) บอกองค์ประกอบของการเขียนย่อหน้าได้ ๕) บอกรูปแบบของการย่อหน้าได้ ๖) บอกลักษณะของย่อหน้าที่ดีได้ ๒.๒ ด้านทักษะและกระบวนการ ๑) เขียนข้อความโดยแบ่งย่อหน้าได้ถูกต้องเหมาะสม ๒.๓ ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑) มีมารยาทในการเขียน ๒) มีวินัย ๔) มีความมุ่งมั่นในการเรียน ๓. สมรรถนะของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา
25 ๔. สาระการเรียนรู้ ๑) ความหมายของการเขียนย่อหน้า ๒) ความสำคัญของการเขียนย่อหน้า ๓) หลักการเขียนย่อหน้า ๔) องค์ประกอบของการเขียนย่อหน้า ๕) รูปแบบของการย่อหน้า ๖) ลักษณะของย่อหน้าที่ดี ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ ๑) นักเรียนและครูพูดคุยสนทนาซักถามเกี่ยวทุกข์สุข และพูดคุยเกี่ยวกับองค์ประกอบของการเขียน เรียงความ โดยการสังเหตจากอะไร เพื่อให้นักเรียนรู้จักคิด และวิพากษ์วิจารณ์ ๒) ครูแจ้งผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้แก่นักเรียน ๓) นักเรียนฟังการอธิบายโดยมี Power Point ประกอบเรื่องการเขียนย่อหน้า นักเรียนสรุปลงสมุด ๔) นักเรียนใบงานที่ ๒ เป็นรายบุคคล ๕) ครูตรวจและให้คำติชม ๘) นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ๖. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ ๑) ใบงานที่ ๒ ๒) สื่อ Power Point เรื่องการเขียนย่อหน้า ๓) แบบทดสอบ ๔) การเขียนย่อหน้า. - ppt ดาวน์โหลด (slideplayer.in.th) ๗. การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ในแผนนี้มีดังนี้ จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัด และประเมินผล การวัด การประเมินผล ด้านความรู้ ๑) บอกความหมายของการเขียน ย่อหน้าได้ วิธีวัดผล - การทดสอบ เครื่องมือวัดผล - แบบทดสอบ เกณฑ์การให้คะแนน ๐ – ๔ หมายถึง ปรับปรุง ๕ – ๖ หมายถึง พอใช้ ๗ – ๘ หมายถึง ดี
26 จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัด และประเมินผล การวัด การประเมินผล ๒) บอกความสำคัญของการเขียน ย่อหน้าได้ ๓) บอกหลักการเขียนย่อหน้าได้ ๔) บอกองค์ประกอบของการ เขียนย่อหน้าได้ ๕) บอกรูปแบบของการย่อหน้า ได้ ๖) บอกลักษณะของย่อหน้าที่ดี ได้ ๙ – ๑๐ หมายถึง ดีมาก เกณฑ์การประเมินผล ๐ – ๔ หมายถึง ไม่ผ่าน ๕ – ๑๐ หมายถึง ผ่าน ด้านทักษะและกระบวนการ ๑) เขียนข้อความโดยแบ่งย่อ หน้าได้ถูกต้องเหมาะสม วิธีวัดผล - การทำใบงาน เครื่องมือวัดผล - แบบประเมินใบงาน เกณฑ์การให้คะแนน ๔ หมายถึง ดีมาก ๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถึง ปานกลาง ๑ หมายถึง พอใช้ ๐ หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การประเมินผล ๐ – ๙ หมายถึง ไม่ผ่าน ๑๐ – ๒๐ หมายถึง ผ่าน ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ๑) มีมารยาทในการเขียน ๒) มีวินัย ๓) มีความมุ่งมั่นในการเรียน วิธีวัดผล - การสังเกตพฤติกรรม เครื่องมือวัดผล - แบบสังเกตพฤติกรรม ลงชื่อ.................................................... ( นางสาวปทุมวัน ดุษฎี) ............./................../............
27 แบบทดสอบ เรื่องการคัดลายมือ ๑. การคัดลายมือ มีจุดประสงค์ตรงกับข้อใด ก. เพื่อประกวดการคัดลายมือ ข. เพื่อฝึกสมาธิในการเขียนตัวอักษรไทย ค. เพื่อฝึกการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ง. เพื่อให้มีความคิดสร้างสรรค์ในการประดิษฐ์อักษรไทย ๒. ข้อใด ไม่ใช่ประโยชน์ที่ได้จากการเขียนสื่อสารด้วยลายมือ ก. ฝึกความอดทน ข. ฝึกให้เป็นคนมีสมาธิ ค. ฝึกความรวดเร็ว ความคล่องตัว ง. ฝึกให้เป็นคนมีระเบียบ สุขุมรอบคอบ ๓. ใครปฏิบัติตามหลักการคัดลายมือได้ถูกต้องเหมาะสม ก. นพลากเส้นอักษรจากล่างขึ้นบน เพราะทำตามถนัด ข. แสตมป์ลากเส้นตัวอักษรโย้ไปด้านหลัง เพราะคิดว่าสวย ค. ฝ้ายคัดลายมือโดยเว้นช่องไฟห่างกันมาก เพราะจะได้อ่านง่าย ง. สิงห์ตั้งใจเขียนตัวอักษรให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ๔. ข้อใดเป็นหลักการเขียนเครื่องหมายไปยาลน้อย (ฯ) ที่ถูกต้อง ก. จะต้องคัดให้มีความกว้างเท่ากับตัวพยัญชนะ ข. จะต้องคัดให้มีความสูงเป็น ๒ เท่าของตัวอักษร ค. จะต้องคัดให้มีความสูงและความกว้างเท่ากับตัวพยัญชนะ ง. จะต้องคัดให้มีความสูงเท่ากับตัวพยัญชนะ แต่วางระดับให้ต่ำลงมาครึ่งหนึ่งของตัวพยัญชนะ ๕. ข้อใดแสดงให้เห็นมารยาทในการเขียนที่ดี ก. เขียนให้ถูกต้องตามอักขรวิธี ข. เขียนเพื่อชี้นำเพื่อให้ผู้อ่านวินิจฉัยได้ถูกต้อง ค. การนำข้อความมาอ้างอิงในงานเขียนของตนเอง ง. การใช้ภาษาพูดมาใช้ในภาษาเขียนเพื่อให้มีความเป็นกันเอง ๖. การคัดลายมือเป็นการฝึกทักษะทางด้านใดมากที่สุด ก. ทักษะด้านความพยายาม ข. ทักษะด้านความสวยงาม ค. ทักษะการสร้างสรรค์ ง. ทักษะด้านสมาธิ ๗. การฝึกคัดลายมือจะทำให้ผู้ปฏิบัติเป็นบุคคลอย่างไร ก. อดทน สุขุมรอบคอบ ข. เรียบร้อย รอบคอบ ค. คล่องแคล่ว ว่องไว ง. อดทน ว่องไว
28 ๘. ข้อใดมีความสัมพันธ์กับการคัดลายมือ ก. สมใจอ่านหนังสือ ข. สมคิดฟังข่าวจากวิทยุ ค. สมศักดิ์กล่าวแนะนำตัว ง. สมนึกจดบันทึกงานเรียบร้อย ๙. ข้อใดคือความสำคัญของการคัดลายมือ ก. แก้วตาสามารถฝังเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น ข. แก้วเกล้าเขียนสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจ ค. แก้วกาญจน์พูดได้ถูกกาลเทศะ ง. แก้วใจอ่านหนังสือได้คล่องขึ้น ๑๐. ข้อใดคือสาเหตุที่ทำให้การคัดลายมือลดความสำคัญลง ก. ขาดการฝึกฝน ข. ขาดการเอาใจใส่ฟ ค. การขาดความพยายาม ง. ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ
29 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ รายวิชา การเขียน ๑ รหัสวิชา ท ๓๐๒๐๗ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง เขียนให้งาม จำนวน ๑๐ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง การคัดลายมือ เวลา ๔ ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและ รายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑) คัดลายมือได้ถูกต้องและสละสลวย ๒) มีมารยาทในการเขียน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ ด้านความรู้ ๑) บอกลักษณะของการคัดลายมือได้ ๒) บอกหลักการคัดลายมือได้ ๓) บอกวิธีการคัดลายมือได้ ๔) บอกมารยาทในการเขียนได้ ๒.๒ ด้านทักษะและกระบวนการ ๑) คัดลายมือได้ถูกต้องและสละสลวย ๒) มีมารยาทในการเขียน ๒.๓ ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑) มีมารยาทในการเขียน ๒) มีวินัย ๔) มีความมุ่งมั่นในการเรียน ๓. สมรรถนะของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
30 ๔. สาระการเรียนรู้ ๑) ลักษณะของการคัดลายมือ ๒) หลักการคัดลายมือ ๓) วิธีการคัดลายมือ ๔) มารยาทในการเขียน ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ ๑) นักเรียนและครูพูดคุยสนทนาซักถามเกี่ยวทุกข์สุข แล้วให้นักเรียนอ่านบทประพันธ์ต่อไปนี้ ลูกผู้ชายลลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน ( ขุนช้างขุนแผน ตอนกำหเนิดพลายงาม ) แล้วพูดคุยเกี่ยวกับความหมาย เพื่อนำเข้าสู่บทเรียน ๒) ครูแจ้งผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้แก่นักเรียน ๓) และให้นักเรียนดูตัวอย่างแล้วพูดคุยเกี่ยวกับองค์ประกอบของการเขียนเรียงความ โดยการสังเกตจาก อะไร เพื่อให้นักเรียนรู้จักคิด และวิพากษ์วิจารณ์ ๔) นักเรียนฟังการอธิบายโดยมี Power Point ประกอบเรื่องการเขียนย่อหน้า นักเรียนสรุปลงสมุด ๕) นักเรียนใบชุดแบบฝึก เป็นรายบุคคล ๖) ครูตรวจและให้คำติชม ๗) นักเรียนและครูร่วมกันทบทวนความรู้เรื่องมารยาทในการเขียน ๘) นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ๖. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ ๑) สื่อ Power Point เรื่องการเขียนย่อหน้า ๒) แบบทดสอบ ๓) ตัวอย่างเรียงความ ๔) ชุดแบบฝึก ๕) การเขียนย่อหน้า. - ppt ดาวน์โหลด (slideplayer.in.th) ๗. การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ในแผนนี้มีดังนี้ จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัด และประเมินผล การวัด การประเมินผล ด้านความรู้ ๑) บอกความหมายของการเขียน ย่อหน้าได้ วิธีวัดผล - การทดสอบ เกณฑ์การให้คะแนน ๐ – ๔ หมายถึง ปรับปรุง ๕ – ๖ หมายถึง พอใช้
31 จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัด และประเมินผล การวัด การประเมินผล ๒) บอกความสำคัญของการ เขียนย่อหน้าได้ ๓) บอกหลักการเขียนย่อหน้าได้ ๔) บอกองค์ประกอบของการเขียน ย่อหน้าได้ ๕) บอกรูปแบบของการย่อหน้า ได้ ๖) บอกลักษณะของย่อหน้าที่ดี ได้ เครื่องมือวัดผล - แบบทดสอบ ๗ – ๘ หมายถึง ดี ๙ – ๑๐ หมายถึง ดีมาก เกณฑ์การประเมินผล ๐ – ๔ หมายถึง ไม่ผ่าน ๕ – ๑๐ หมายถึง ผ่าน ด้านทักษะและกระบวนการ ๑) เขียนข้อความโดยแบ่งย่อ หน้าได้ถูกต้องเหมาะสม วิธีวัดผล - ชุดแบบฝึก เครื่องมือวัดผล - แบบประเมินชุดแบบฝึก เกณฑ์การให้คะแนน ๔ หมายถึง ดีมาก ๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถึง ปานกลาง ๑ หมายถึง พอใช้ ๐ หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การประเมินผล ๐ – ๙ หมายถึง ไม่ผ่าน ๑๐ – ๒๐ หมายถึง ผ่าน ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ๑) มีมารยาทในการเขียน ๒) มีวินัย ๓) มีความมุ่งมั่นในการเรียน วิธีวัดผล - การสังเกตพฤติกรรม เครื่องมือวัดผล - แบบสังเกตพฤติกรรม ลงชื่อ.................................................... ( นางสาวปทุมวัน ดุษฎี) ............./................../............
32 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ รายวิชา การเขียน ๑ รหัสวิชา ท ๓๐๒๐๗ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง โวหารการเขียน จำนวน ๕ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง โวหารในการเขียน เวลา ๕ ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและ รายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑) รู้และเข้าใจโวหารในการเขียน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ ด้านความรู้ ๑) บอกประเภทของโวหารในการเขียนได้ ๒) ยกตัวอย่างโวหารในการเขียนแต่ละประเภทได้ ๒.๒ ด้านทักษะและกระบวนการ ๑) ใช้โวหารต่างๆ ประกอบการเขียนได้ ๒.๓ ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑) มีมารยาทในการเขียน ๒) มีวินัย ๔) มีความมุ่งมั่นในการเรียน ๓. สมรรถนะของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
33 ๔. สาระการเรียนรู้ ๑) โวหารในการเขียน ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ ๑) นักเรียนและครูพูดคุยสนทนาซักถามเกี่ยวทุกข์สุข และให้นักเรียนพูดเกี่ยวกับภาพ คนกรีดยาง ใน ประเด็นวิธีกรีดยาง และความรู้สึกของคนกรีดยาง เพื่อให้นักเรียนรู้จักคิด และสังเกตความแตกต่าง ๒) ครูแจ้งผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้แก่นักเรียน ๓) นักเรียนฟังการอธิบายโดยมี Power Point ประกอบเรื่องโวหารในการเขียน แล้วสรุปลงสมุด ๔) นักเรียนทำใบงานที่ ๒ โดยแบ่งกลุ่มเป็น ๕ กลุ่ม เท่าๆ กัน ประกอบด้วยเด็กเก่ง ปานกลาง อ่อน กลุ่มที่ ๑ เรื่องบรรยายโวหาร กลุ่มที่ ๒ เรื่องพรรณนาโวหาร กลุ่มที่ ๓ เรื่องสาธกโวหาร กลุ่มที่ ๔ เรื่องเทศนาโวหาร กลุ่มที่ ๕ เรื่องอุปมาโวหาร ๕) นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอหน้าชั้นเรียน ครูให้คำติชม ๖) นักเรียนทำใบงานที่ ๓ รายบุคคล ๗) ครูตรวจและให้คำแนะนำ ๘) นักเรียนทำแบบทดสอบ ๖. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ ๑) สื่อ Power Point เรื่องโวหารการเขียน ๒) แบบทดสอบ ๓) ภาพคนกรีดยาง ๔) ใบงานที่ ๒ , ๓ ๕) โวหารในการเขียน (slideshare.net) ๗. การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ในแผนนี้มีดังนี้ จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัด และประเมินผล การวัด การประเมินผล ด้านความรู้ ๑) บอกประเภทของโวหารในการเขียน ได้ วิธีวัดผล - การทดสอบ เครื่องมือวัดผล - แบบทดสอบ เกณฑ์การให้คะแนน ๐ – ๔ หมายถึง ปรับปรุง ๕ – ๖ หมายถึง พอใช้ ๗ – ๘ หมายถึง ดี
34 จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัด และประเมินผล การวัด การประเมินผล ๒) ยกตัวอย่างโวหารในการ เขียนแต่ละประเภทได้ ๙ – ๑๐ หมายถึง ดีมาก เกณฑ์การประเมินผล ๐ – ๔ หมายถึง ไม่ผ่าน ๕ – ๑๐ หมายถึง ผ่าน ด้านทักษะและกระบวนการ ๑) ใช้โวหารต่างๆ ประกอบการ เขียนได้ วิธีวัดผล - ใบงาน เครื่องมือวัดผล - แบบประเมินใบงาน เกณฑ์การให้คะแนน ๔ หมายถึง ดีมาก ๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถึง ปานกลาง ๑ หมายถึง พอใช้ ๐ หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การประเมินผล ๐ – ๙ หมายถึง ไม่ผ่าน ๑๐ – ๒๐ หมายถึง ผ่าน ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ๑) มีมารยาทในการเขียน ๒) มีวินัย ๓) มีความมุ่งมั่นในการเรียน วิธีวัดผล - การสังเกตพฤติกรรม เครื่องมือวัดผล - แบบสังเกตพฤติกรรม ลงชื่อ.................................................... ( นางสาวปทุมวัน ดุษฎี) ............./................../............
35 แบบทดสอบ เรื่องโวหารในการเขียน ๑. ความหมายของ คำว่า โวหาร คืออะไร ก. การเขียนอย่างตั้งใจ ข. การเขียนตามจินตนาการ เชิงสร้างสรรค์อย่างไม่มีข้อจำกัด ค. การเขียนด้วยถ้อยคำที่เรียบเรียงมาอย่างดี มีชั้นเชิง ง. การเขียนด้วยลายมือที่สวยงาม สื่อถึงการเขียนที่มีคุณภาพ ๒. บรรยายโวหาร มีลักษณะอย่างไร ก. มีการใช้ถ้อยคำลึกซึ้งกินใจ อ่านแล้วสะเทือนใจ ข. มีการใช้ถ้อยคำที่เป็นทางการมาก ค. เป็นการอธิบายเรื่องตามลำดับเหตุการณ์อย่างตรงไปตรงมา ง. การใช้ถ้อยคำอย่างละเอียด อ่านแล้วเห็นภาพตามอย่างชัดเจน ๓. พรรณนาโวหาร มีลักษณะอย่างไร ก. การใช้ถ้อยคำอย่างตรงไป ตรงมา กระชับ ชัดเจน ข. การใช้ถ้อยคำที่เป็นพิธีการ ผิดไม่ได้ ค. การเรียบเรียงถ้อยคำอตามลำดับเหตุการณ์อย่างตรงไปตรงมา ง. การใช้ถ้อยคำที่ทำให้ผู้อ่านนึกเห็นภาพตามขณะอ่าน ๔. “นางดูหน้าอาลัยใจจะขาด ดังฟ้าฟาดทรวงแยกให้แตกฉาน ” จากเรื่อง พระอภัยมณี ของ สุนทรภู่ จากบทร้อยกรองที่กำหนด ใช้โวหารแบบใด ก.บรรยายโวหาร ข. อุปมาโวหาร ค.พรรณนาโวหาร ง. เทศนาโวหาร ๕. “ ผิวน้ำสีขุ่นที่ถูกสายลมเย็นปลายเดือนกุมภาพันธ์พัดโชยผ่านทำให้น้ำเป็นระลอกทยอยเข้ากระทบฝั่งครั้งแล้ว ครั้งเล่า ดงดอกหญ้าริมฝั่งที่เหี่ยวแห้งจนกลายเป็นสีน้ำตาลปะทะลมดังหวีดหวิว ” จากข้อความ เป็นโวหาร ประเภทใด ก. พรรณนาโวหาร ข. บรรยายโวหาร ค.อุปมาโวหาร ง. เทศนาโวหาร ๖. “ ครูมีบุญคุณจะต้องเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า ท่านสั่งสอนเราอบรมให้เราไม่เว้น ท่านอุทิศไม่คิดถึงความ ยากเย็น สอนให้รู้จัดเจนเฝ้าแนะเฝ้าเน้นมิได้อำพราง ” จากเพลง พระคุณที่สาม ของ อร่าม ขาวสะอาด ข้อความนี้เป็นโวหารประเภทใด ก. อุปมาโวหาร ข. บรรยายโวหาร ค. พรรณนาโวหาร ง. เทศนาโวหาร
36 ๗. “ เมื่อนั้น ไม้ไผ่ดีใจเป็นหนักหนา วิ่งไปกอดคอพาคลอคลา เข้ามานั่งในปราศรัยทัก มีธุระกังวลกลใดเหวย อย่านิ่งเลยบอกกูรู้ตระหนัก แต่มิได้พบพานกันนานนัก กูคิดถึงเพื่อนรักจะขาดใจ ” จากบทละครเรื่อง เงาะป่า พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากบทละครที่กำหนด เป็นการใช้โวหารแบบใด ก. บรรยายโวหาร ข. อุปมาโวหาร ค. พรรณนาโวหาร ง.เทศนาโวหาร ๘. “ล้วงเหล็กไฟในไกพ็อกออกตีต่อย เหมือนหิ่งห้อยแวบวับจับชุดจ้อง แล้วเป่าฮุดชุดติดตามทำนอง จุดฟืนทั้งสองช่วยกันซุก” จากบทละครเรื่อง เงาะป่า พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บทละครที่กำหนด เป็น การใช้โวหารแบบใด ก. อุปมาโวหาร ข. บรรยายโวหาร ค. พรรณนาโวหาร ง. เทศนาโวหาร ๙. “หนูโกรธขึ้นทุกขณะ จนรู้สึกว่ามีกาต้มน้ำเดือดคลั่กๆ อยู่ในอก” จากเรื่อง บ้านพิลึก ของ ว.วินิจฉัยกุล จากข้อความ เป็นการใช้โวหารลักษณะใด ก. อุปมาโวหาร ข. พรรณนาโวหาร ค. บรรยายโวหาร ง. เทศนาโวหาร ๑๐. ข้อแตกต่างระหว่างการบรรยายและการพรรณนาคือข้อใด ก. การพรรณนาไม่มีการดฎเนินเรื่อง ข. การบรรยายไม่มีการดฎเนินเรื่อง ค. การบรรยายไม่ให้รายละเอียด ง. การพรรณนาไม่ให้รายละเอียด ๑๑. ในการบรรยายเหตุการณ์ควรปฏิบัติตามข้อใด ก. บรรยายทุกเหตุการณ์ให้มีสัดส่วนพอ ๆ กัน ข. เลือกเฉพาะเหตุการณ์ที่สำคัญ เท่านนั้นมาบรรยาย ค. บรรยายเหตุการณ์ที่สำคัญ ก่อนเหตุการณ์ไม่สำคัญ ง. บรรยายทุกเหตุการณ์เพื่อให้ผู้อ่าน ผู้ฟัง ติดตามเรื่องได้ ๑๒. ข้อใดเป็นการบรรยาย ก. ทอมเป็นแมวตัวผู้ ขนสีเทาเป็นมันเรียบ ข. สามัคคีธรรมเป็นสิ่งจา เป็นสา หรับมนุษย์เฉกเช่นนิทานเรื่องกิ่งไผ่ ค. ประสิทธิ์สวมกางเกงขี่ม้าท็อบบู๊ต และเสื้อเชิ้ต แล้วขึ้นขี่ม้าสีดาตัวงาม ง. เวลาของการเป็นนักเรียนมีน้อย จึงควรใช้เวลาให้ถูกต้องเหมาะสมที่สุด
37 ๑๓. ข้อใดเป็นการเขียนแบบพรรณนา ก. แนวปะการังด้านหน้าเป็นที่อาศัยของฝูงปลาเล็ก ๆ หลากสี ข. นักประดาน้ำ ต่างว่ายวนไปมาเพื่อชื่นชมความงามของประการักและปลา ค. ชายทะเลทอดเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตา ทรายสีขาวตกับั น้า ทะเลสีเขียว ง. เรือท่องเที่ยววขนาดกลางจอดลอยอยู่เหนือน้า โคลงไปมาตามแรงกระทบของคลื่น ๑๔. ข้อใดให้ความหมายของการพรรณนาโวหารได้ถูกต้องที่สุด ก. กระบวนความที่กล่าวชี้แจงเรื่องราวเปรียบเทียบใหัผู้อ่านเห็นจริง ข. กระบวนความที่กล่าวชี้แจงถึงตัวอย่างเปรียบเทียบให้ผู้อ่ายเขา้ใจ ค. กระบวนความที่กล่าวชี้แจงให้ผู้อ่านได้เห็นภาพตามที่ผู้เขียนต้องการ ง. กระบวนความที่กล่าวชี้แจงเรื่องต่าง ๆ โดยละเอียดให้ผู้อ่านรู้แจ่มแจ้ง ๑๕. ขัอความต่อไปนี้ใช้โวหารประเภทใด “สมมุติวา่ เรามีความรักความชอบในผู้ใดก็ตาม ความรักนั้น ยอมรับวา่ รักเพราะอยู่ภายในใจใครห้าม ไม่ได้แต่สิ่งที่เราจะบงัคบัไม่ให้เป็นไปตามความรักเสียงทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องของใจจะต้องบังคับสติปัญญาจะต้อง บังคับใจตนไม่ให้แสดงออกในสิ่งที่ไม่ควรในสิ่งที่เสียหายจนกว่าเวลาได้อำนวยถูกต้องทุกประการโลกยอมรับกัน เพราะฉะนั้น โลกนี้จึงมีครอบครัว สามีภรรยา พ่อแม่ลูกันเต็มไปหมด ก็ไม่มีใครตำหนิกัน เพราะเป็นไปด้วยความ ถูกต้องดีงาม เป็นไปด้วยขนบประเพณีที่มนุษย์ยอมรับกัน” ก. อุปมาโวหาร ข. บรรยายโวหาร ค. สาธกโวหาร ง. เทศนาโวหา ๑๖. โวหารในภาษาไทยมีกี่ชนิด ก. ๓ ชนิด ข. ๔ ชนิด ค. ๕ ชนิด ง. ๖ ชนิด ๑๗. " พ่อแม่ของธนามีอาชีพเลี้ยงเป็ดพันธุ์ไข่คราวละหลายร้อยตัว เป็ดเหล่านี้กำลังออกไข่ทุกวัน ธนาจึงตื่นแต่ เช้าเก็บไข่เป็ดในเล้า ให้แม่นำไปขายที่ตลาด " เป็นโวหารชนิดใด ก. พรรณนาโวหาร ข. บรรยายโวหาร ค. สาธกโวหาร ง. อุปมาโวหาร ๑๘. ผิวน้ำสีขุ่นที่ถูกสายลมเย็นปลายเดือนกุมภาพันธุ์โชยพัดผ่าน ทำให้น้ำเป็นระลอกทยอยเข้ากระทบฝั่งครั้งแล้ว ครั้งเล่า ดงดอกหญ้าริมฝั่งที่เหี่ยวแห้งจนกลายเป็นสีน้ำตาลปะทะลมดังหวีดหวิว เป็นโวหารชนิดใด ก. พรรณนาโวหาร ข. บรรยายโวหาร ค. อุปมาโวหาร ง. สาธกโวหาร ๑๙. ความพยายามและความตั้งใจที่จะก้าวหน้า เป็นพลังสำคัญสำหรับต่อสู้อุปสรรค และส่งเสริมบุคคลให้ทำการ ต่างๆได้สำเร็จ ยิ่งผู้นั้นมีความรู้สูง มีจิตใจดีเป็นพื้นฐาน ผลงานที่ทำยิ่งมีผลกว้างขวาง ปราศจากโทษและอำนวย ประโยชน์แก่ตนและส่วนรวมเป็นอย่างยิ่ง เป็นโวหารชนิดใด ก. เทศนาโวหาร ข. บรรยายโวหาร ค. พรรณนาโวหาร ง. สาธกโวหาร
38 ๒๐. เขารักษาความดีประดุจเกลือรักษาความเค็ม ทำให้มีแต่คนนับถือ ก. บรรยายโวหาร ข. อุปมาโวหาร ค. เทศนาโวหาร ง. สาธกโวหาร
39 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ รายวิชา การเขียน ๑ รหัสวิชา ท ๓๐๒๐๗ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง ทำได้ทั้งและยาว จำนวน ๑๐ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง การเขียนเรียงความ เวลา ๕ ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและ รายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑) เขียนเรียงความได้ถูกต้อง ๒) มีมารยาทในการเขียน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ ด้านความรู้ ๑) บอกองค์ประกอบของการเขียนเรียงความ ๒) บอกขั้นตอนของการเขียนเรียงความได้ ๓) บอกหลักการเขียนชื่อเรื่องได้ ๔) บอกหลักการเขียนแต่ละองค์ประกอบได้ ๕) บอกมารยาทในการเขียนได้ ๒.๒ ด้านทักษะและกระบวนการ ๑) เขียนเรียงความได้ถูกต้อง ๒) มีมารยาทในการเขียน ๒.๓ ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑) มีมารยาทในการเขียน ๒) มีวินัย ๔) มีความมุ่งมั่นในการเรียน ๓. สมรรถนะของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา
40 ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๔. สาระการเรียนรู้ ๑) องค์ประกอบของการเขียนเรียงความ ๒) ขั้นตอนของการเขียนเรียงความ ๓) หลักการเขียนชื่อเรื่อง ๔) หลักการเขียนแต่ละองค์ประกอบ ๕) มารยาทในการเขียน ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ ๑) นักเรียนและครูพูดคุยสนทนาซักถามเกี่ยวกับทุกข์สุข และให้นักเรียนดูตัวอย่างเรียงความ เรื่อง สุจริตคือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง โดยไม่บอกว่าเป็นงานเขียนประเภทใด สังเกตจากอะไร เพื่อให้นักเรียนรู้จักคิด และวิพากษ์วิจารณ์ ๒) ครูแจ้งผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้แก่นักเรียน และทบทวนมารยาทในการเขียน ๓) นักเรียนฟังการอธิบายโดยมี Power Point ประกอบ เรื่องการเขียนเรียงความ (ความหมาย องค์ประกอบ ) นักเรียนสรุปลงสมุด ๔) นักเรียนใบงานที่ ๓ แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน ข้อ ๑ ช่วยกันจัดเรียงข้อความที่กำหนดให้ ๕) นักเรียนนำเสนอหน้าชั้นเรียน ครูให้คำติชม ๖) นักเรียนฟังการอธิบายโดยมี Power Point ประกอบ เรื่องการเขียนเรียงความ (ขั้นตอนการเขียน เรียงวาม ) นักเรียนสรุปลงสมุด ๗) นักเรียนทำใบงานที่ ๓ โดยใช้กลุ่มเดิม ข้อ ๒ ช่วยกันบอกประเด็นที่เขียนของแต่ละย่อหน้าของข้อ ดวามที่กำหนดให้ ๘) นักเรียนนำเสนอหน้าชั้นเรียน ครูให้คำติชม ๙) นักเรียนฟังการอธิบายโดยมี Power Point ประกอบ เรื่องการเขียนเรียงความ ( หลักการเขียนคำนำ) นักเรียนสรุปลงสมุด ๑๐) นักเรียนทำใบงานที่ ๓ โดยใช้กลุ่มเดิม ข้อ ๓ ร่วมกันวางโครงเรื่องและข้อ ๔ เขียนส่วนคำนำ ใน การเขียนเรียงความ เรื่องโรงเรียนในฝัน ๑๑) นักเรียนฟังการอธิบายโดยมี Power Point ประกอบ เรื่องการเขียนเรียงความ (หลักการเขียน เนื้อหา ) นักเรียนสรุปลงสมุด ๑๐) นักเรียนทำใบงานที่ ๓ โดยใช้กลุ่มเดิม ข้อ ๕ ร่วมกันเขียนเนื้อเรื่องตามโครงเรื่องที่วางไว้ ในการ เขียนเรียงความ เรื่องโรงเรียนในฝัน ๑๑) นักเรียนนำเสนอหน้าชั้นเรียน ครูให้คำติชม ๑๒) นักเรียนฟังการอธิบายโดยมี Power Point ประกอบ เรื่องการเขียนเรียงความ ( หลักการเขียน สรุป ) นักเรียนสรุปลงสมุด
41 ๑๐) นักเรียนทำใบงานที่ ๓ โดยใช้กลุ่มเดิม ข้อ ๖ เขียนสรุปตามโครงเรื่องที่วางไว้ ในการเขียน เรียงความ เรื่องโรงเรียนในฝัน ๑๑) นักเรียนนักเรียนนำเสนอหน้า ครูให้คำติชม ๑๒) นักเรียนทำใบงานที่ ๔ เขียนเรียงความเรื่อง ชื่อของฉัน ๑๓) นักเรียนทำแบบทดสอบ ๖. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ ๑) สื่อ Power Point เรื่องการเขียนเรียงความ ๒) แบบทดสอบ ๓) ตัวอย่างเรียงความ ๔) ใบงานที่ ๓,๔ ๕) เรียงความ เรื่องสุจริตคือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง ๖) การเขียนเรียงความ (ssru.ac.th) ๗. การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ในแผนนี้มีดังนี้ จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัด และประเมินผล การวัด การประเมินผล ด้านความรู้ ๑) บอกองค์ประกอบของการเขียน เรียงความ ๒) บอกขั้นตอนของการเขียน เรียงความได้ ๓) บอกหลักการเขียนชื่อเรื่องได้ ๔) บอกหลักการเขียนแต่ละ องค์ประกอบได้ ๕) บอกมารยาทในการเขียนได้ วิธีวัดผล - การทดสอบ เครื่องมือวัดผล - แบบทดสอบ เกณฑ์การให้คะแนน ๐ – ๔ หมายถึง ปรับปรุง ๕ – ๖ หมายถึง พอใช้ ๗ – ๘ หมายถึง ดี ๙ – ๑๐ หมายถึง ดีมาก เกณฑ์การประเมินผล ๐ – ๔ หมายถึง ไม่ผ่าน ๕ – ๑๐ หมายถึง ผ่าน ด้านทักษะและกระบวนการ ๑) เขียนเรียงความได้ถูกต้อง ๒) มีมารยาทในการเขียน วิธีวัดผล - ใบงานที่ ๓,๔ เครื่องมือวัดผล - แบบประเมินใบงาน เกณฑ์การให้คะแนน ๔ หมายถึง ดีมาก ๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถึง ปานกลาง ๑ หมายถึง พอใช้ ๐ หมายถึง ปรับปรุง
42 จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัด และประเมินผล การวัด การประเมินผล ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ๑) มีมารยาทในการเขียน ๒) มีวินัย ๓) มีความมุ่งมั่นในการเรียน วิธีวัดผล - การสังเกตพฤติกรรม เครื่องมือวัดผล - แบบสังเกตพฤติกรรม ลงชื่อ.................................................... ( นางสาวปทุมวัน ดุษฎี) ............./................../............
43 แบบทดสอบ เรื่องการเขียนเรียงความ ๑. ข้อใดคือส่วนประกอบของการเขียนเรียงความเรียงตามลำดับ ก. คำนำ เนื้อเรื่อง สรุป ข. เนื้อเรื่อง คำนำ สรุป ค. หัวข้อ โครงเรื่อง เนื้อเรื่อง ง. หัวข้อ เนื้อเรื่อง สรุป ๒. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะสำคัญของคำนำ ก. ชี้แจงจุดประสงค์ในการเขียนเรียงความ ข. กระตุ้นให้ผู้อ่านสนใจและเห็นความสำคัญของเรื่อง ค. นำส่วนที่สำคัญของตัวเรื่องมากล่าวย้ำสร้างความสนใจ ง. สร้างความเข้าใจขอบเขตของเรียงความและอธิบายความสำคัญต่าง ๆ ๓. ข้อใดไม่ใช่ศิลปะของการเขียนเรียงความ ก. การเลือกใช้คำที่สื่อความหมายชัดเจน ข. การใช้สำนวนและลีลาการเขียนที่เป็นของตนเอง ค. การเขียนข้อความในแต่ละย่อหน้าให้สัมพันธ์สอดคล้องกัน ง. การสำรวจโครงเรื่อง สรุป และคำนำให้เสนอเพียงความคิดเดียว ๔. การวางโครงเรื่องก่อนเขียนเรียงความมีประโยชน์อย่างไร ก. ช่วยกำหนดจุดประสงค์ของเรื่อง ข. ช่วยสร้างความเข้าใจในแต่ละย่อหน้า ค. ช่วยกำหนดขอบเขตในการเขียนแต่ละครั้ง ง. ช่วยให้เนื้อหามีเอกภาพและเสนอความคิดได้ตามลำดับ ๕. ขั้นตอนการเขียนเรียงความข้อใดที่มีการเขียนคำนำ เนื้อเรื่อง สรุป ก. การเลือกเรื่อง ข. การค้นคว้าข้อมูล ค. การวิเคราะห์เนื้อหา ง. การเรียบเรียง ๖. องค์ประกอบของเรียงความส่วนใดที่มีการยกค าพูด สุภาษิต หรือบทกวีที่น่าประทับใจ ก. คำนำ ข. เนื้อเรื่อง ค. สรุป ง.ข้อ ก และ ข ถูก ๗. การเลือกเรื่องเขียนเรียงความควรใช้หลักข้อใด
44 ก. เลือกเรื่องเกี่ยวกับประสบการณของผู้เขียน ข. เลือกเรื่องที่ใช้โวหารได้หลากหลาย ค. เลือกเรื่องที่มีความรู้มากที่สุด ง. เลือกเรื่องที่เคยเขียนมาก่อน ๘. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง ก. เรียงความประกอบด้วยบทนำ เนื้อเรื่อง และบทสรุป ข. การเรียบเรียงเนื้อความต้องเป็นไปตามลำดับของโครงเรื่อง ค. เรียงความต้องมีความเป็นเอกภาพ สัมพันธภาพ และสารัตภาพ ง. จำกัดจำนวนย่อหน้าเพียง ๓ ย่อหน้าเท่านั้น ๙. ข้อใดสัมพันธ์กัน ก. เรียงความ – การนำเสนอความรู้ทางวิชาการ ข. เอกภาพ – การนำเสนอเนื้อหาเพียง ๑ ย่อหน้า ค. สัมพันธภาพ – การนำเสนอเนื้อหาที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง ง. สารัตถภาพ – การนำเสนอเนื้อหาที่มีสาระสำคัญ ๑๐. เรียงความที่ดีควรมีลักษณะตามข้อใด ก. มีความยาวหลายหน้ากระดาษ ข. ใช้คำศัพท์ยากให้ผู้อ่านตีความ ค. เนื้อเรื่องมีความสมบูรณ์ครบถ้วน เสนอความคิดที่เป็นประโยชน์ ง. เป็นคำถามให้ผู้อ่านค้นหาคำตอบด้วยตนเองตลอดเรื่อง ๑๑. การเขียนโครงเรื่องของเรียงความมีประโยชน์หลายประการยกเว้นข้อใด ก. ทำให้ใช้ภาษาในการเขียนเรียงความได้สละสลวย ข. ช่วยกำหนดสาระสำคัญของแต่ละย่อหน้าในเรียงความ ค. ทำให้เรียงความมีเอกภาพและเสนอความคิดได้ตามลำดับ ง. ช่วยกำหนดขอบเขตเนื้อหาในการเขียนเรียงความแต่ละครั้ง ๑๒. ข้อความต่อไปนี้ ไม่ควรเป็นส่วนใดของเรียงความ “ประเพณีสงกรานต์ เป็นประเพณีที่งดงามของประเทศไทย จึงอยากให้ลูกหลาน อนุรักษ์ไว้ไปอีกนาน เท่านาน” ก. ส่วนนำเรื่อง ข. ส่วนขยายเนื้อเรื่อง ค. ส่วนปิดเรื่อง ง. ส่วนเนื้อเรื่อง ๑๓. " การเขียนเรียงความที่ดี ควรมุ่งเสนอความคิดหรือสาระสำคัญเพียงประเด็นเดียว เพราะจะทำให้ผู้อ่านไม่ สับสน " จากข้อความนี้สัมพันธ์กับข้อใดมากที่สุด ก. สารัตถภาพ ข. สัมพันธภาพ ค. เอกภาพ ง. จินตภาพ ๑๔. ข้อความใดต่อไปนี้เหมาะสมกับการเป็นคำนำของเรียงความมากที่สุด
45 ก. เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติจะได้รับข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นแก่การท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ รวมทั้งความปลอดภัยในการท่องเที่ยวด้วย ข. วรรณคดีนำความสุนทรีย์มาสู่ชีวิต เพราะวรรณคดีช่วยให้เรามองเห็นความงามที่แฝงเร้นอยู่ในสรรพสิ่ง และช่วยให้เรามีชีวิตจิตใจที่ละเอียดอ่อน ประณีต งดงาม ค. ฉันเป็นคนชอบอ่านและสะสมหนังสือ เพียงแต่ได้เห็นหนังสือฉันก็รู้สึกผูกพันด้วยทันทีครั้นได้จับต้อง ได้ อ่านชื่อเรื่อง ชื่อคนแต่ง ก็บังเกิดความรู้สึกผูกพันมากน้อยขึ้นแล้วแต่เล่ม ง. การทำให้เงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เราคนไทยทำได้ โดยทุกคนต้อง แสดงบทบาทหน้าที่ของตนตามสถานภาพที่เป็นอยู่ให้สมบูรณ์ เช่นภาคอุตสาหกรรมจะต้องผลิตสินค้าให้ได้ มาตรฐานนานาชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและรักษาคุณภาพสินค้าไว้ ๑๕. บทสรุปของเรียงความเรื่อง "อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย" ในข้อใดยังไม่ชัดเจน ก. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยนับว่าเป็นโบราณสถานที่ให้ความรู้เป็นอย่างดี ทุกคนจึงควรไปชมอุทยาน แห่งนี้ ข. จะเห็นได้ว่าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยมีโบราณสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นวัด เจดีย์ ทหรือวิหาร ค. ดังที่ได้กล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยมีคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และศิลปกรรม ง. ถ้าทุกคนเห็นคุณค่าของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยแล้วควรช่วยกันอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกของช ๑๕. ข้อใดขาดสัมพันธภาพในการเขียน ก. รัฐบาลแถลงผลการปราบปรามผู้ลักลอบขนสินค้าหนีภาษีแก่สื่อมวลชนเมื่อวานนี้ เพื่อส่งเสริม จริยธรรมและวัฒนธรรมของไทย ข. ถึงแม้น้ำปะปาของไทยจะมีคุณภาพดี แต่ยังต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานน้ำดื่มขององค์อนามัยโลก ค. นอกจากจะได้ท่องเที่ยวชมธรรมชาติริมคลองแล้วทุกคนยังได้กินก๋วยเตี๋ยวเรือที่ขายในคลองอีกด้วย ง. หากผู้ใดเกิดมาในครอบครัวที่เลี้ยงลูกด้วยความรักความอบอุ่น เมื่อเติบโตจะมีความสุข มีจิตใจเข้มแข็ง มั่นคง ๑๖. เรียงความ หมายถึงอะไร ก. การนำถ้อยคำสำนวนมาประกอบเรื่องราว ข. การนำข้อความมาเรียงกันเป็นระเบียบ ค. การแสดงความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ง. ถูกทุกข้อ ๑๗. ข้อใดเรียงลำดับการเขียนเรียงความที่ดีได้ถูกต้อง ก. อ่านหัวเรื่องของเรียงความให้เข้าใจ ข. เขียนเรียงความตามลำดับหัวข้อ ค. เขียนด้วยลายมือที่สวยงาม ง. จดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่สำคัญและจัดลำดับได้
46 ๑๘. ข้อใด เป็นหลักปฏิบัติที่ดีก่อนที่จะลงมือเขียนเรียงความ ก. ผู้เขียนเรียบเรียงประโยคให้เป็นเรื่องราว ข. เรียงความมีส่วนประกอบทั้งหมด ๔ ส่วน ค. ผู้เขียนควรศึกษาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจก่อน ง. ผู้เขียนไม่สามารถสอดแทรกความคิดเห็นของตนได้ ก. ๑ ๔ ๒ ๓ ข. ๔ ๒ ๓ ๑ ค. ๒ ๓ ๔ ๑ ง. ๑ ๒ ๔ ๓ ๑๙. ข้อใดเป็นหลักการวางโครงเรื่องการเขียนเรียงความที่ดี ก. วางโครงเรื่องตามสะดวกของผู้เขียน ข. วางโครงเรื่องจากหน่วยเล็กไปสู่หน่วยใหญ่ ค. วางโครงเรื่องเรียงไม่ตามลำดับเวลาที่เกิดเหตุการณ์ ง. วางโครงเรื่องตามประสบการณ์ของผู้เขียนเรียงความ ๒๐. ข้อใดเป็นหลักการวางโครงเรื่องการเขียนเรียงความที่ดี ก. วางโครงเรื่องตามสะดวกของผู้เขียน ข. วางโครงเรื่องจากหน่วยเล็กไปสู่หน่วยใหญ่ ค. วางโครงเรื่องเรียงไม่ตามลำดับเวลาที่เกิดเหตุการณ์ ง. วางโครงเรื่องตามประสบการณ์ของผู้เขียนเรียงความ