The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ เครื่องล่างและส่งกำลัง ลิขิต หาชม วก. ห้วยผึ้ง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Likit Hachom, 2024-02-05 20:56:13

แผนการจัดการเรียนรู้ เครื่องล่างและส่งกำลัง ลิขิต หาชม วก. ห้วยผึ้ง

แผนการจัดการเรียนรู้ เครื่องล่างและส่งกำลัง ลิขิต หาชม วก. ห้วยผึ้ง

แผนการจัดการเร ี ยนร ู ้ หลักส ู ตรประกาศน ี ยบัตรวิชาช ี พชั้นส ู ง พุทธศักราช2563(ปรับปรุง พ.ศ. 2565) วิชางานเคร ื่องล่างและส่งกําลังยานยนต ์ รหัสวิชา 30101-2103หมวดวิชาสมรรถนะวิชาช ี พ กลุ่มสมรรถนะวิชาช ี พเลื อกสํานักงานคณะกรรมการการอาช ี วศ ึ กษา (สอศ.) กระทรวงศึ กษาธิการประเภทวิชาอุตสาหกรรม สาขาเทคนิคเคร ื่องกลจัดทําโดย ผู้สอน นายลิขิต หาชม นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู วิทยาลัยการอาช ี พห ้ วยผ ึ้ง อาช ี วศ ึ กษาจังหวัดกาฬสินธุ์ สํานักงานคณะกรรมการการอาช ี วศ ึ กษา


รายการตรวจสอบและอนุญาตให้ใช้ ควรอนุญาตให้ใช้การสอนได้ ควรอนุญาตให้ใช้การสอนได้ ควรปรับปรุงเกี่ยวกับ ควรปรับปรุงเกี่ยวกับ .................................................................. .................................................................... .................................................................. ....................................................................ลงชื่อ........................................ ลงชื่อ............................................. (นายวราวุธ สายรัตน์) (นางศรินรัตน์ศิริภักดิ์) หัวหน้าแผนก ช่างยนต์หัวหน้างานพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน.........../............./.............. ........../................/........... เห็นควรอนุญาตให้ใช้การสอนได้ ควรปรับปรุงดังเสนอ อื่น ๆ ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ลงชื่อ.............................................. (นายชัชไชย ไร่สงวน) รองผู้อํานวยการฝ่ายวิชาการ ............/.............../.............. อนุญาตให้ใช้การสอนได้ อื่น ๆ ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................ลงชื่อ.............................................. (นายจักรกฤษณ์พูนดี) ผู้อํานวยการวิทยาลัยการอาชีพห้วยผึ้ง ............/.............../.............


กคํานํา แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้จัดทําขึ้นมาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนแผนจัดการเรียนรู้วิชางานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์รหัสวิชา 30101-2103 จัดทําขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน วิชางานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์ตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงพุทธศักราช 2563 (ปรับปรุง พ.ศ. 2565) ของสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยจัดการเรียนการสอนทั้งหมด 18 สัปดาห์สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง เนื้อหาภายในแบ่งออกเป็น 6 หน่วยการเรียนรู้ประกอบด้วย1. ระบบเบรก 2. ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ 3. ระบบบังคับเลี้ยว 4. พวงมาลัยเพาเวอร์5. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 6. เกียร์แต่ละหน่วยการเรียนรู้จะประกอบด้วย สาระสําคัญ สาระการเรียนรู้จุดประสงค์การเรียนรู้กิจกรรมการเรียนรู้สื่อการเรียนรู้การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้และบันทึกหลังการเรียนรู้ข้าพเจ้าขอ ขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่มีส่วนร่วมในการจัดแผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้หากมีข้อบกพร่องประการใด ขอความกรุณาให้ข้อคิดเห็นและคําแนะนํา เพื่อที่จะนําไปสู่การปรับปรุงในการจัดทําแผนการจัดการเรียนรู้ในรายวิชางานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์รหัสวิชา 30101-2103 และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผนการสอนจะเอื้ออํานวยให้เกิดประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอนเป็นอย่างดียิ่ง หากอาจารย์ผู้สอนนําแผนการสอนเล่มนี้ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนมีข้อเสนอแนะประการใดขอได้โปรดแจ้งผู้จัดทําแผนการจัดการเรียนรู้ด้วย จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ลงชื่อ............................................. (นายลิขิต หาชม) นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู


ขสารบัญหน้าคํานํา กสารบัญ ขคําอธิบายรายวิชา จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา ฉตารางวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชา หน่วยการเรียน ชตารางวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชา พฤติกรรมการศึกษา ซกําหนดการสอน ฌกําหนดการสอน ชื่อหน่วยงาน / รายการสอน ญตารางวิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้ฎหน่วยการเรียนรู้ที่1 ระบบเบรก 1สาระการเรียนรู้ 1สาระสําคัญ 1สมรรถนะที่พึ่งประสงค์ 1จุดประสงค์การเรียนรู้ 1เนื้อหาสาระ 2กิจกรรมการเรียนการสอน 5งานที่มอบหมายหรือกิจกรรมการเรียนรู้ 6สื่อการเรียนการสอน 6การวัดและการประเมินผล 6การบูรณาการด้านความรู้ 6ใบงานหน่วยที่1 7แบบประเมินแบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง 8แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม 9ใบบันทึกหลังการสอน 10หน่วยการเรียนรู้ที่2 ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ 11สาระการเรียนรู้ 11สาระสําคัญ 11สมรรถนะที่พึ่งประสงค์ 11จุดประสงค์การเรียนรู้ 11เนื้อหาสาระ 12


คสารบัญ (ต่อ)หน้ากิจกรรมการเรียนการสอน 18งานที่มอบหมายหรือกิจกรรมการเรียนรู้ 19สื่อการเรียนการสอน 19การวัดและการประเมินผล 19การบูรณาการด้านความรู้ 19ใบงานหน่วยที่2 20แบบประเมินแบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง 22แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม 23ใบบันทึกหลังการสอน 24หน่วยการเรียนรู้ที่3 ระบบบังคับเลี้ยว 25สาระการเรียนรู้ 25สาระสําคัญ 25สมรรถนะที่พึ่งประสงค์ 25จุดประสงค์การเรียนรู้ 25เนื้อหาสาระ 26กิจกรรมการเรียนการสอน 33งานที่มอบหมายหรือกิจกรรมการเรียนรู้ 34สื่อการเรียนการสอน 34การวัดและการประเมินผล 34การบูรณาการด้านความรู้ 34ใบงานหน่วยที่3 35แบบประเมินแบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง 39แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม 40ใบบันทึกหลังการสอน 41หน่วยการเรียนรู้ที่4 พวงมาลัยเพาเวอร์ 42สาระการเรียนรู้ 42สาระสําคัญ 42สมรรถนะที่พึ่งประสงค์ 42จุดประสงค์การเรียนรู้ 42


งสารบัญ (ต่อ)หน้าเนื้อหาสาระ 43กิจกรรมการเรียนการสอน 45งานที่มอบหมายหรือกิจกรรมการเรียนรู้ 46สื่อการเรียนการสอน 46การวัดและการประเมินผล 46การบูรณาการด้านความรู้ 46ใบงานหน่วยที่4 47แบบประเมินแบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง 50แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม 51ใบบันทึกหลังการสอน 52หน่วยการเรียนรู้ที่5 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 53สาระการเรียนรู้ 53สาระสําคัญ 53สมรรถนะที่พึ่งประสงค์ 53จุดประสงค์การเรียนรู้ 53เนื้อหาสาระ 54กิจกรรมการเรียนการสอน 58งานที่มอบหมายหรือกิจกรรมการเรียนรู้ 59สื่อการเรียนการสอน 59การวัดและการประเมินผล 59การบูรณาการด้านความรู้ 59ใบงานหน่วยที่5 60แบบประเมินแบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง 61แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม 62ใบบันทึกหลังการสอน 63


จสารบัญ (ต่อ)หน้าหน่วยการเรียนรู้ที่6 เกียร์ 64สาระการเรียนรู้ 64สาระสําคัญ 64สมรรถนะที่พึ่งประสงค์ 64จุดประสงค์การเรียนรู้ 64เนื้อหาสาระ 65กิจกรรมการเรียนการสอน 74งานที่มอบหมายหรือกิจกรรมการเรียนรู้ 75สื่อการเรียนการสอน 75การวัดและการประเมินผล 75การบูรณาการด้านความรู้ 75ใบงานหน่วยที่6 76แบบประเมินแบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง 78แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม 79ใบบันทึกหลังการสอน 80


ฉคําอธิบายรายวิชา จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา รหัสวิชา 30101-2103 รายวิชา งานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์ท–ป–น (2-3-3) เวลาเรียน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์เวลาเรียนรวม 90 ชั่วโมง/ภาคเรียน จุดประสงค์รายวิชา 1. เข้าใจหลักการทํางานและโครงสร้างของระบบเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์2. สามารถตรวจสอบวิเคราะห์แก้ไขปัญหาข้อขัดข้องและซ่อมระบบเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์3. มีกิจนิสัยที่ดีในการสืบเสาะหาความรู้ในการทํางานปฏิบัติงานด้วยความประณีตรอบคอบประหยัดมีวินัย ตรงต่อเวลาตระหนักถึงความปลอดภัยในการทํางานและรักษาสิ่งแวดล้อม สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการทํางานและโครงสร้างของระบบเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์2. ตรวจสอบ วิเคราะห์แก้ไขปัญหาข้อขัดข้องและซ่อมระบบเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์ตามคู่มือ3. บํารุงรักษาและบริการระบบเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์ตามคู่มือ คําอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับโครงสร้าง หลักการทํางาน การบํารุงรักษาการใช้เครื่องมือและเครื่องมือพิเศษ วิเคราะห์และแก้ไขข้อขัดข้องและซ่อม ระบบรองรับน้ําหนัก ระบบกันสะเทือน ล้อและยาง ระบบบังคับเลยี้วการตั้ง ศูนย์ล้อ ระบบเบรกคลัตช์เกียร์เพลาส่งกําลัง เฟืองท้าย และระบบขับเคลื่อนแบบต่างๆ


ชตารางวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชา รหัสวิชา 30101-2103 รายวิชา งานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์ท–ป–น (2-3-3) จํานวน 5 ชั่วโมง/ สัปดาห์รวม 90 คาบ หน่วยที่ชื่อหน่วยการเรียน สัปดาห์จํานวนคาบ1. ระบบเบรก 1-3 162. ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ 4-5 153. ระบบบังคับเลี้ยว 6-8 154. พวงมาลัยเพาเวอร์ 9-11 145. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 12-14 156. เกียร์ 15-17 15สอบปลายภาค 18 -รวม 90


ซตารางวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชา รหัสวิชา 30101-2103 รายวิชา งานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์ท–ป–น (2-3-3)จํานวน 5 ชั่วโมง/ สัปดาห์รวม 90 คาบ รหัสวิ ชา3 0101-210 3รายวิ ชา งานเครื่องล่างแ ละส่งกําลังยาน พฤติกรรม ชื่อหน่วย พุทธพิสัย ทัก ษะพิ สัย(10)จิ ตพิ สัย(10)รวม(80)ลําดับความสําคัญจํานานคาบจํานวนข้อสอบค วาม รู้(10)ค วามเข้าใ จ(10)การ นําไ ป ใ ช้(10)การ วิเค ราะห์(10)การ สังเค ราะห์(10)การ ป ระเมิ น ค่า(10) 1 ระบบเบรก 7 7 6 - - - 8 7 35 216322 ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ 7 7 5 - - - 8 7 34 115313 ระบบบังคับเลี้ยว 6 5 6 - - - 8 7 32 315294 พวงมาลัยเพาเวอร์ 7 5 5 - - - 7 7 31 614285 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 7 5 5 - - - 8 7 32 515296 เกียร์ 7 7 5 - - - 8 7 34 41531รวม 41 36 32 - - - 47 42 198 - 90-ลําดับความสําคัญ 3 4 5 - - - 1 2 - - --


ฌกําหนดการสอน รหัสวิชา 30101-2103 รายวิชา งานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์ท–ป–น (2-3-3)จํานวน 5 ชั่วโมง/ สัปดาห์รวม 90 คาบ สัปดาห์ที่หน่วย การ เรียนที่ชื่อหน่วย จํานวนคาบทฤษฎี ปฏิบัติรวม1-3 1 ระบบเบรก 6 10164-5 2 ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ 5 10156-8 3 ระบบบังคับเลี้ยว 5 10159-11 4 พวงมาลัยเพาเวอร์ 5 91412-14 5 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 5 101515-17 6 เกียร์ 5 101518 สอบปลายภาค -รวม 90


ญกําหนดการสอน รหัสวิชา 30101-2103 รายวิชา งานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์ท–ป–น (2-3-3)จํานวน 5 ชั่วโมง/ สัปดาห์รวม 90 คาบ หน่วยที่ชื่อหน่วยงาน / รายการสอน สัปดาห์ที่ชั่วโมงที่1. ระบบเบรก - องค์ประกอบของระบบเบรก - ชนิดของระบบเบรก - ระบบเบรกไฮดรอลิก 1-3 1-162. ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ - หน้าที่ของศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ - การบริการศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ - การสมดุลล้อศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ - การอ่านค่าและชนิดของยาง 4-5 17-313. ระบบบังคับเลี้ยว - คุณลักษณะของระบบบังคับเลี้ยว - หลักการของระบบบังคับเลี้ยว - ชนิดของระบบบังคับเลี้ยว 6-8 32-464. พวงมาลัยเพาเวอร์- คุณลักษณะของพวงมาลัยเพาเวอร์- หลักการของพวงมาลัยเพาเวอร์- ชนิดของพวงมาลัยเพาเวอร์9-11 47-605. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ - ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ บางเวลา - ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลา - โครงสรเงระบบขับเคลื่อน 12-14 61-756. เกียร์- ชนิดของเกียร์- หน้าที่ของกระปุกเกียร์- โครงสร้างและการทํางานของเกียร์- การบํารุงรักษากระปุกเกียร์ 15-17 76-90


ฎตารางวิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้รหัสวิชา 30101-2103 รายวิชา งานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์ท–ป–น (2-3-3)จํานวน 5 ชั่วโมง/ สัปดาห์รวม 90 คาบ หน่วยที่หน่วยการเรียนรู้สมรรถนะที่พึงประสงค์1. ระบบเบรก - องค์ประกอบของระบบเบรก - ชนิดของระบบเบรก - ระบบเบรกไฮดรอลิก 1. แสดงความรู้พื้นฐานองค์ประกอบของ ระบบเบรกได้ถูกต้อง 2. ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ - หน้าที่ของศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ - การบริการศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ - การสมดุลล้อศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ - การอ่านค่าและชนิดของยาง 1. แสดงการการสมดุลล้อศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อได้ถูกต้อง 3. ระบบบังคับเลี้ยว - คุณลักษณะของระบบบังคับเลี้ยว - หลักการของระบบบังคับเลี้ยว - ชนิดของระบบบังคับเลี้ยว 1. บอกหลักการของระบบบังคับเลี้ยวได้ถูกต้อง 4.พวงมาลัยเพาเวอร์- คุณลักษณะของพวงมาลัยเพาเวอร์- หลักการของพวงมาลัยเพาเวอร์- ชนิดของพวงมาลัยเพาเวอร์1. บอกหลักการของพวงมาลัยเพาเวอร์ได้ถูกต้อง 5.ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ - ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ บางเวลา - ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลา - โครงสรเงระบบขับเคลื่อน 1. บอกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้ถูกต้อง 6. เกียร์- ชนิดของเกียร์- หน้าที่ของกระปุกเกียร์- โครงสร้างและการทํางานของเกียร์- การบํารุงรักษากระปุกเกียร์ 1. สามารถบอกโครงสร้างของเกียร์ซิงโครเมชได้ถูกต้อง


1แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่1ชื่อวิชา งานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์สอนครั้งที่1ชื่อหน่วย ระบบเบรก คาบรวม16ชื่อเรื่อง ระบบเบรก จํานวนคาบ5สาระการเรียนรู้ - องค์ประกอบของระบบเบรก - ชนิดของระบบเบรก - ระบบเบรกไฮดรอลิก สาระสําคัญ ระบบเบรกเป็นเนื้อหาที่สําคัญของงานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์ซึ่งนักเรียนต้องได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบและหลักการทํางานของเบรกทุกชนิดก่อนที่จะนําเข้าสู่บทเรียนต่อไป สมรรถนะที่พึ่งประสงค์1. แสดงความรพู้ ื้นฐานองค์ประกอบของระบบเบรกได้ถูกต้อง จุดประสงค์การเรียนรู้1. ด้านความรู้1.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของระบบเบรกได้1.2 แสดงความรู้เกี่ยวกับการชนิดของระบบเบรกได้1.3 บอกการทํางานระบบเบรกไฮดรอลิกได้2. ด้านทักษะปฏิบัติ2.1 สามารถถอดประกอบเบรกได้3. ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3.1 เป็นคนตรงต่อเวลาในการเข้าเรียน 3.2 เป็นคนที่รักษาระเบียบวินัย 3.3 มีความซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย


2เนื้อหาสาระ 1. ระบบเบรครถยนต์ระบบเบรกรถยนต์ในบัจจุบันเป็นแบบไฮโดรลิก แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบดรัมเบรก และแบบดิสเบรก ระบบเบรก ทั้งสองระบบมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ได้มีการพัฒนาปรับปรุงอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้การใช้งานตรงกับความต้องการของผู้ใช้รถมากที่สุด 1.1 ระบบเบรกแบบดรัมเบรก (Drum Brake) ดรัมเบรกจะติดตั้งแน่นกับลูกล้อ เบรกจะทํางานเมื่อมีการถ่างก้ามเบรกให้เสียดสีกับตัวเบรกซึ่งครัมเบรกจะทําให้ล้อหยุด ดรัมเบรกใช้มากในรถบรรทุกทั้งขนาดใหญ่และเล็ก รวมทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลบางรุ่น รถบางรุ่นอาจใช้ระบบนี้เฉพาะล้อหลัง * ข้อดีมีความสามารถในการหยุดรถได้เร็ว เพราะก้ามเบรกและดรัมเบรกถูกยึดติดกับดุมล้อ เมื่อเหยียบเบรกคนขับใช้แรงกดดันเบรกน้อย รถบางรุ่นไม่จําเป็นต้องใช้หม้อลมเบรกช่วยในการเบรก * ข้อเสีย ความร้อนที่เกิดจากการเสียดสีระหว่างผ้าเบรกในดรัมเบรกนั้น ไม่สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดีบางครั้งทําให้ผ้า เบรกมีอุณหภูมิสูง มากมีผลทําให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลง รูปที่1.1 ดรัมเบรก (Drum Brake) 1.2 ระบบเบรกแบบดิสก์เบรก (Disc Brake) เป็นระบบเบรกระบบใหม่ที่นิยมกันมากเบรกจะทํางานโดยดันผ้าเบรกให้สัมผัสกับจานเบรกเพื่อให้รถหยุด รถยนต์บางรุ่นใช้ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อบางรุ่นใช้เฉพาะล้อหน้า * ข้อดีลดอาการเฟด (เบรกหาย) เนื่องจากอากาศได้เทความร้อนได้ดีกว่าดรัมเบรก นอกจากนั้นเมื่อเบรกเปียกน้ําผ้าเบรก จะสลัดน้ําออกจาก ระบบได้ดีในขณะที่ดรัมเบรกน้ําจะขังอยู่ภายใน และใช้เวลาถ่ายเทค่อนข้างช้า * ข้อเสีย ไม่มีระบบ Servo action หรือ multiplying action เหมือนกับดรัมเบรก ผู้ขับจึงต้องออกแรงมากกว่า จึงต้องใช้ระบบเพิ่มกําลัง เพื่อเป็นการผ่อนแรงขณะเหยียบเบรกทําให้ระบบดิสเบรกมีราคาค่อนข้างแพงกว่าดรัมเบรก


3รูปที่1.2 ดิสก์เบรก (Disc Brake) 2. ส่วนประกอบดิสก์เบรครถยนต์ดิสก์เบรครถยนต์คือ ชิ้นส่วนหลักของ ‘ระบบดิสก์เบรค’ หนึ่งในสองระบบปัจจุบัน ทําหน้าที่ห้ามล้อหรือเรียกง่าย ๆ ก็คือการเบรครถ การหยุดรถ นั่นเอง ส่วนอีกระบบจะเป็น ‘ระบบดรัมเบรค’ ซึ่งก็มีหน้าที่ในการหยุดรถเช่นเดียวกัน แตกต่างกันเพียงเรื่องของระบบกลไกลในการส่งกําลังในการสร้างแรงเสียดทานเพื่อห้ามล้อ รวมถึงชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ในแต่ละระบบ ส่วนของระบบดิสก์เบรค นั้นก็ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนต่างๆที่จะช่วยกันทําหน้าที่ดังกล่าว แต่ละส่วนนั้นมีหน้าที่แตกต่างกันไป โดยมีตัวผ้าเบรคอยู่ส่วนด้านในติดกับจานเบรคซึ่งอยู่ด้านในสุดของระบบดิสก์เบรค และยังมีอีก 3 จาก 5 ส่วนประกอบสําคัญที่จะคอยทําหน้าที่สอดรับกันตามกลไกนั่นเอง ส่วนประกอบหลักของ ดิสก์เบรครถยนต์1. คาลิปเปอร์(Caliper) 2. ลูกสูบ (Piston) 3. ผ้าเบรค (Brake Pads) 4. สลักเบรค (Slide Pin) 5. จานเบรค (Rotor) 2.1 ส่วนประกอบของระบบดิสก์เบรค ทําหน้าที่อะไรบ้าง 1. คาลิปเปอร์(Caliper) : เป็นส่วนหนึ่งของระบบดิสก์เบรค มีหน้าที่สร้างแรงเสียดทานโดยการดันผ้าเบรคเข้าไปในจานเบรคเพื่อทําให้ล้อของรถนั้นหมุนช้าลง ซึ่งคาลิปเปอร์เบรคจะมีลักษณะเหมือนแคลมป์บนจานเบรคของล้อแต่ละล้อ ผ้าเบรคจะอยู่ภายในส่วนนี้เมื่อคุณเหยียบแป้นเบรค น้ํามันเบรกจะสร้างแรงกดบนลูกสูบในคาลิปเปอร์สิ่งนี้จะบังคับให้ผ้าเบรกติดกับจานเบรก เป็นสิ่งที่ช่วยชะลอหรือหยุดรถ 2. ลูกสูบ (Piston) : ลูกสูบในคาลิปเปอร์เบรกมีหน้าที่ทําให้ผ้าเบรกสัมผัสกับจานเบรก ตามกลไกดังที่กล่าวไว้ในส่วนของคาลิปเปอร์3. ผ้าเบรก ( Brake Pads) : ชิ้นส่วนสําคัญสําหรับหยุดความเร็วรถ ทํางานด้วยหลักการสร้างแรงเสียดทานให้ดิสก์เบรก หรือ ดรัมเบรก 4. สลักเบรก (Slide Pin) : ทําหน้าที่ร้อยปั๊มเบรกเข้ากับแผงคอม้า ช่วยยึดให้แน่นหนาตามแนวทางหมุน ไม่ให้วิ่งไปตามล้อ และต้องสามารถเคลื่อนที่ได้เล็กน้อยตามแนวขวาง เพื่อเวลาลูกสูบมาดันผ้าเบรกด้านใน ตัวปั๊มจะถูกดันถอยหลังให้ขาอีกด้านบีบผ้าเบรกฝั่งตรงข้ามเข้ามาที่จานเบรกแบบเท่ากันทั้งสองฝั่ง


45. จานเบรก (Rotor) : จานเบรกในระบบดิสก์เบรก มีหน้าที่รับแรงเสียดทานจากผ้าเบรกเมื่อมีการใช้งานเบรก โดยตามกลไกลแล้วผ้าเบรกจะสึกหรอมากกว่าตัวจาน เมื่อตัวผ้าเบรกเริ่มหมดสภาพจะมีความแข็งมากขึ้นและเริ่มกินจานเบรก เป็นสาเหตุที่ทําให้เกิดรอยรวมถึงมีเสียงดังยามใช้เบรก ทั้ง 5 ส่วนประกอบหลักนี้มีหน้าที่แตกต่างกันไป แต่จุดหมายนั้นคือการส่งกําลังเพื่อสร้างแรงเสียดทานในการห้ามล้อ โดยจะทําให้รถยนต์ของคุณค่อย ๆ ชะลอความเร็ว จนกระทั่งหยุดลงในที่สุด ดิสก์เบรคส่วนใหญ่จะติดตั้งกันบริเวณล้อหน้าทั้งสองข้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสมรรถนะของรถยนต์แต่ละรุ่นด้วย รถที่ต้องใช้ความเร็วสูงนั้นอาจมีความจําเป็นต้องติดตั้งระบบดิสก์เบรคทั้ง 4 ล้อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรคมากยิ่งขึ้นให้สัมพันธ์กับขนาดของเครื่องยนต์ยกตัวอย่างเช่น ‘รถแข่ง’ ที่มีการใช้ความเร็วสูง ทําในการเเข้าโค้ง ฉะนั้น อะไรก็ตามที่สามารถเพิ่มสมรรถนะให้รถนั้นเกาะถนนได้ล้วนเป็นสิ่งสําคัญที่มีความจําเป็นอย่างยิ่ง 2.1 ส่วนประกอบของระบบดรัมเบรค ทําหน้าที่อะไรบ้าง คือระบบเบรกชนิดหนึ่ง ที่ทํางานโดยอาศัยแรงเสียดทานระหว่างจานดรัมเบรกกับฝักเบรคซึ่งมีเป็นคู่ในขณะที่เรากดเหยีดเบรก แรงจะถูกถ่ายทอดมายังกระเบรกซึ่งประกอบอยู่กับฝักเบรกผ่านทางระบบไฮดรอลิก โดยมีน้ํามันเบรก (Brake fuid) เป็นสื่อกลางถ่ายทอดกําลัง ฝักเบรกจะถูกถ่างเข้าออกเพื่อไปเสียดทานกับจากดรัมเบรก(drum) ที่หมุนไปพร้อมกับล้อรถ ในขณะที่เราเหยียบและปล่อยเบรก โดยสปริงดึงกลับและมีตัวปรับตั้งเบรก(ก้ามปูเบรก) เพื่อปรับให้ระยะห่างระเหว่างฝักเบรกกับดรัมเบรคให้มีระยะที่เหมาะสมในส่วนของฝักเบรกและกระบอกเบรกจะไม่หมุนไปพร้อมล้อ ที่บริเวณกระบอกเบรก (Brake wheel cylinder) จะมีท่อส่งน้ํามันเบรกหรือแป๊ปเบรกมาเชื่อมต่อ ดรัมเบรกส่วนมากมักใช้กับล้อส่วนหลังของรถปัจจุบันยังคงเป็นที่นิยมใช้กันอยู่ (เริ่มแรกทั้งล้อหน้าและล้อหลังต่างก็ใช้ดรัมเบรก) รูปที่1.3 ส่วนประกอบของระบบดรัมเบรค


5กิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมครูกิจกรรมนักเรียน 1.ขั้นนํา (introduction) 1. ครูขานชื่อนักเรียนพร้อ มตรวจความ เรียบร้อยและอบรมในคุณธรรมอันพึงประสงค์2. ตั้งคําถามปากเปล่าให้นักเรียนตอบเป็น รายบุคคลเกี่ยวกับระบบเบรก 3. แจ้งจุดประสงค์การเรียนการสอนทั้ง จุดประสงค์ด้านความรู้ด้านทักษะกระบวนการ ด้าน คุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ให้นักศึกษาทราบ 1.ขั้นนํา (introduction) 1. รับการขานชื่อ 2. ตอบคําถามปากเปล่าเป็นรายบุคคลเกี่ยวกับระบบเบรก 3. ฟังพร้อมจดบันทึกจุดประสงค์การเรียนรู้การสอน 2.ขั้นสอน (body) 1. แจกใบความรู้เรื่องระบบเบรก 2. ใช้สื่อวิดีโออธิบายประกอบการตั้งคําถาม เกี่ยวกับระบบเบรก 3. ใช้สื่อภาพแสดงระบบเบรก ประกอบกับการ ตั้งคําถามตามสื่อ 2.ขั้นสอน (body) 1. รับใบความรู้เรื่องระบบเบรก 2. สังเกตและจดบันทึกเกี่ยวกัระบบเบรก3. สังเกตและจดบันทึกเกี่ยวข้องเพื่อตอบคําถามตามสื่อการสอน 3.ขั้นสรุป (conclusion) 1. ตั้งคําถามเกี่ยวกับระบบเบรกเพื่อทําการ ทบทวนและสรุปผลประกอบผลการประเมิน 3.ขั้นสรุป (conclusion) 1. รวบรวมความรู้ตามที่จดบันทึกและทําการทบทวนเพื่อตอบคําถามหน้าชั้นเรียน ขั้นประเมินผล (assessment) 1. ตรวจผลงานตามใบตรวจงานหน่วยที่1 ขั้นประเมินผล (assessment) 1. ส่งงาน


6งานที่มอบหมายหรือกิจกรรมการเรียนรู้ก่อนเรียน -ไม่มีขณะเรียน -ฝึกปฏิบัติงานตามใบงานหน่วยที่1 หลังเรียน -ส่งใบงานหน่วยที่1 สื่อการเรียนการสอน สื่อเอกสารอ้างอิง 1. ส่วนประกอบของระบบเบรคมีอะไรบ้าง https://www.lastpass.com 2. ระบบเบรก b-quik.com/th/advice/brake สื่อวีดีโอ 1 วีดีโอ แสดงเกี่ยวกับระบบเบรก 2 วีดีโอ การทํางานของระบบเบรก สื่อโสตทัศน์1. เครื่องคอมพิวเตอร์2. กระดานไวท์บอร์ด 3. เครื่องฉายโปรเจคเตอร์สื่อสิ่งพิมพ์1. ใบความรู้ที่1 2. ใบงานหน่วยที่1 หลักฐานการเรียนรู้ผลการทําใบงานหน่วยที่1 การวัดและการประเมินผล การวัดผล (ใช้เครื่องมือ) การประเมินผล (นําผลเทียบกับเกณฑ์และแปลความหมาย) 1. แบบสังเกตการทํางานกลุ่มและนําเสนอผลงานกลุ่ม นําผลเทียบกับเกณฑ์2. ใบงานหน่วยที่1 เกณฑ์ผ่าน 60% 4. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง นําผลเทียบกับเกณฑ์การบูรณาการด้านความรู้1. การบูรณาการสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับการซ่อมบํารุงรักษาระบบเบรก 2. การบูรณาการสอดแทรกความรู้การปฏิบัติงานจริงเกี่ยวกับการถอดประกอบเบรกรถบรรทุก


7ใบงานหน่วยที่1 เรื่อง ระบบเบรกรถยนต์ชื่อ..................................................................................................ห้อง........................................วันที่...................เดือน..................................................................พ.ศ. ........................................จุดประสงค์1. เพื่อรู้จักส่วนประกอบของเบรกรถยนต์และสามารถซ่อมบํารุงได้คําชี้แจง จงบอกส่วนประกอบของรูปภาพต่อไปนี้ให้ถูกต้อง


8แบบประเมินแบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง คําชี้แจง : ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนแล้วทําเครื่องหมาย ( / ) ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน เกณฑ์ประเมินพฤติกรรม 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง เลขที่ชื่อ - สกุล พฤติกรรม/ระดับคะแนน สรุปผลการประเมินมีวินัย ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นใน การทํางาน รวม (9) ผ่านไม่ผ่าน3 2 1 3 2 1 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 (ลงชื่อ)..................................................ผู้ประเมิน(..............................................) ........../........../..........เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพพฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ําเสมอ ให้3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพพฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้2 คะแนน 8 - 9 ดีมาก พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้1 คะแนน 6 - 7 ดี4 - 5 พอใช้ต่ํากว่า 3 ปรับปรุง


9แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม คําชี้แจง : ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนแล้วทําเครื่องหมาย ( / ) ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน เกณฑ์ประเมินพฤติกรรม 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง ลําดับ ที่ชื่อ-สกุล ของผู้รับการ ประเมิน ความ ร่วมมือกัน ทํา กิจกรรม การแสดง ความ คิดเห็น การรับฟัง ความ คิดเห็น การตั้งใจ ทํางาน การแก้ไขปัญหา/ หรือ ปรับปรุง ผลงานกลุ่มรวม20คะแนน4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 11 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 (ลงชื่อ)..................................................ผู้ประเมิน(..............................................) ........../........../..........เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพพฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ําเสมอ ให้4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพพฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้3 คะแนน 18 - 20 ดีมาก พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้2 คะแนน 14 - 17 ดีพฤติกรรมที่ปฏิบัติน้อยครั้ง ให้1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ต่ํากว่า 10 ปรับปรุง


10ใบบันทึกหลังการสอน หน่วยที่1ชื่อวิชา งานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์สอนครั้งที่1ชื่อหน่วย ระบบเบรก คาบรวม16ชื่อเรื่อง ระบบเบรก จํานวนคาบ51. ด้านการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 2. ด้าทักษะ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 3. ด้านคุณธรรม จริยธรรม ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 4. ปัญหาที่ควรแก้ไข ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 5. วิธีกาแกไ้ข ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... .


11แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่2ชื่อวิชา งานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์สอนครั้งที่2ชื่อหน่วย ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ คาบรวม15ชื่อเรื่อง ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ จํานวนคาบ5สาระการเรียนรู้ - หน้าที่ของศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ - การบริการศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ - การสมดุลล้อศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ - การอ่านค่าและชนิดของยาง สาระสําคัญ ในบทนี้จะกล่าวถึงการตั้งศูนย์ล้อ หน้าที่ของการตั้งศูนย์ล้อการบริการตั้งศูนย์ล้อรถยนต์เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาได้นําทักษะที่ได้ในบทนี้ไปปรับใช้ในชีวิตการทํางานได้สมรรถนะที่พึ่งประสงค์1. ปฏิบัติการการตั้งศูนย์ล้อได้ถูกต้อง จุดประสงค์การเรียนรู้1. ด้านความรู้1.1 อธิบายหน้าที่ของศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อได้1.2 อธิบายการบริการศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อได้1.3 สามารถการอ่านค่าและชนิดของยางได้2. ด้านทักษะปฏิบัติ2.1 สามารถตั้งศูนย์ล้อได้ได้3. ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3.1 เป็นคนตรงต่อเวลาในการเข้าเรียน 3.2 เป็นคนที่รักษาระเบียบวินัย 3.3 มีความซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย


12เนื้อหาสาระ 1. การตั้งศูนย์ล้อรถยนต์คือ การตั้งศูนย์ล้อรถยนต์คือการปรับระบบกันสะเทือนของรถที่เชื่อมต่อกับล้อ ซึ่งไม่ได้เป็นการปรับล้อหรือยางแต่อย่างใด แต่ความสําคัญของการตั้งศูนย์ล้อคือการปรับมุมล้อที่มีผลต่อการสัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง ควรตั้งศูนย์ล้อรถยนต์เมื่อไร มีหลายสัญญาณที่บ่งชี้ว่ารถของเราต้องตั้งศูนย์ล้อใหม่แล้ว เมื่อคุณสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งข้อหรือมากกว่านั้น ควรไปเช็กศูนย์ล้อกับช่างเทคนิคบริการที่มีใบอนุญาตในทันทียางสึกหรอไม่เท่ากัน สามารถอ่านสาเหตุทําให้ยางรถยนต์เสื่อมสภาพเพิ่มเติมได้ที่สาเหตุดอกยางสึกหรอ 1. รถกินไปทางซ้ายหรือขวา 2. ขับรถตรง แต่พวงมาลัยไม่อยู่ตรงกลาง 3. พวงมาลัยสั่นสะเทือน มุมแคมเบอร์มุมโทและมุมแคสเตอร์คืออะไร เมื่อช่างเทคนิคเข้าตรวจสอบการตั้งถ่วงศูนย์ล้อ จะพิจารณา3สิ่งนี้เป็นหลัก 1.1 มุมแคมเบอร์แคมเบอร์คือมุมด้านในหรือด้านนอกของยาง เมื่อมองมาจากทางด้านหน้ารถในลักษณะเส้นดิ่ง ถ้าหากมุมนี้เอียงไปด้านในหรือด้านนอกมากจนเกินไปหรือที่รู้จักกันในชื่อ แคมเบอร์บวกและลบตามลําดับ ซึ่งจุดนี้แสดงถึงศูนย์ล้อที่ไม่เหมาะสม และจําเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยน หากมีส่วนรับน้ําหนักที่สึกหรอ ลูกหมากปีกนกและชิ้นส่วนระบบกันสะเทือนล้ออื่น ๆ สึกหรอ ก็อาจทําให้มุมแคมเบอร์เกิดผิดพลาดได้เช่นกัน


131.2 มุมโท มุมโทแตกต่างจากมุมแคมเบอร์ซึ่งมุมโทจะอยู่ในขอบเขตที่ทํามุมกับยางที่เอนเข้าด้านในหรือด้านนอก เมื่อมองรถจากด้านบน หากคุณรู้สึกสับสนกับมุมต่าง ๆ ให้ยืนขึ้น และมองไปที่เท้าของตัวเองแล้วเอียงเท้าด้านในเข้ากึ่งกลางลําตัว เมื่อยางของคุณมีลักษณะเดียวกับเท้าของคุณ เราเรียกกันว่า มุมโทอินแต่ถ้ายางอยู่ในมุมที่เราเอาเท้าเอียงออกด้านนอกจะเรียกว่า มุมโทเอาต์ซึ่งมุมทั้งสองแบบต่างจําเป็นต้องตั้งศูนย์ล้อใหม่ 1.3 มุมแคสเตอร์มุมแคสเตอร์ช่วยให้คุณบังคับพวงมาลัย ควบคุมเสถียรภาพและเลี้ยวโค้งได้อย่างสมดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเป็นมุมในการวางตําแหน่งล้อโดยมองจากด้านข้างของรถ หากมุมแคสเตอร์เป็นบวกจะทําให้แกนพวงมาลัยเอียงไปทางคนขับ แต่ถ้าเป็นลบ พวงมาลัยจะเอนเอียงไปทางหน้ารถของคุณ


141.4 ทําไมการตั้งศูนย์ล้อจึงสําคัญ การตั้งศูนย์ล้อหรือการถ่วงล้อที่ไม่เหมาะสม อาจทําให้เกิดยางกินในและทําให้ยางของคุณสึกหรอไม่เท่ากัน และเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร โดยการสึกหรอของดอกยางที่เกิดจากการตั้งศูนย์ล้อที่ไม่ถูกต้องมีดังต่อไปนี้1.4.1 การสึกหรอแบบขนนก การสึกหรอประเภทนี้มีลักษณะดอกยางด้านหนึ่งสึกน้อยกว่าและเรียบกว่า แต่อีกด้านหนึ่งมีการสึกที่มากกว่าและคมกว่า โดยปกติแล้วสาเหตุของการสึกหรอเช่นนี้จะมาจากการตั้งศูนย์ล้อที่ไม่ดี1.4.2 ยางมุมแคมเบอร์สึกหรอ การสึกหรอเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า ด้านในหรือด้านนอกของดอกยางสึกมากกว่าตรงกลางอย่างมีนัยสําคัญ เนื่องจากมุมแคมเบอร์บวกหรือลบที่มากเกินไป 1.4.3 หัวหรือปลายยางมุมโทสึกหรอ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อบล็อกดอกยางด้านใดด้านหนึ่งสึกเร็วกว่าอีกด้านหนึ่งในแนวเส้นรอบวง เมื่อใช้มือลูบที่ดอกยาง คุณจะรู้สึกถึงลักษณะการสึกหรอแบบฟันเลื่อยเมื่อมองจากด้านข้าง การสึกหรอของหัว/ปลายยางมุมโท อาจเป็นสัญญาณของขอบยางสึกหรอ เนื่องจากลมยางที่อ่อนเกินไปหรือขาดการสับเปลี่ยนยางนั่นเอง ลายดอกยางเกิดการสึกหรอในรูปแบบที่แปลกไป คุณควรให้ช่างเทคนิคตรวจสอบศูนย์ล้อให้กับรถของคุณ ในขณะที่กําลังตรวจสอบเรื่องการสึกหรอของยาง ก็เป็นความคิดที่ดีที่จะเช็กการตั้งศูนย์ล้อควบคู่ไปด้วย ผลของการตั้งศูนย์ล้อไม่ตรงอาจส่งผลถึงประสิทธิภาพในการขับขี่ของรถโดยรวม เช่น รถเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งปกติปัญหานี้มักจะเกิดจากความผิดปกติของศูนย์ล้อ 1.5 วิธีตั้งศูนย์ถ่วงล้อ การปรับสมดุลล้อแตกต่างกับการตั้งศูนย์ล้อ การถ่วงล้อคือการชดเชยความไม่สมดุลของน้ําหนักในชุดยางหรือล้อ และมักจะทําควบคู่ไปกับการตั้งศูนย์ล้อ โดยทั่วไปจะมีปัญหาของล้อที่ไม่สมดุลอยู่2 แบบที่ต้องรับการแก้ไข ซึ่งก็คือปัญหาด้านไม่สมดุลในแบบคงที่(ระนาบเดี่ยว) และแบบเคลื่อนไหว(ระนาบคู่) ความสมดุลแบบคงที่ต้องการการถ่วงสมดุลเพียงระนาบเดียว การเคลื่อนไหวในแนวตั้งอาจทําให้เกิดการสั่นสะเทือน ในทางกลับกันความไม่สมดุลแบบเคลื่อนไหว จะพูดถึงความสมดุลของระนาบคู่สําหรับการเคลื่อนไหวในแนวตั้งและการเคลื่อนไหวด้านข้าง ความไม่สมดุลทั้งสองประเภทจําเป็นต้องใช้เครื่องปรับสมดุลพิเศษเพื่อช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ก่อนจะเริ่มการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ช่างเทคนิคจะติดตั้งอุปกรณ์เข้ากับขอบล้อที่ถูกต้อง และปรับความดันลมยางให้พองตัวมากที่สุด จากนั้นยางแต่ละเส้นก็จะอยู่ที่ศูนย์กลางของเครื่องถ่วงล้อ เครื่องจักรจะหมุนยางด้วยความเร็วสูง เพื่อวัดค่าความไม่สมดุลของล้อและยาง เพื่อให้ช่างรู้ว่า ควรเพิ่มน้ําหนักเท่าใด และบริเวณที่ใดที่ต้องการน้ําหนักดังกล่าว เพื่อปรับให้ยางมีความสมดุลมากที่สุด การตั้งศูนย์ถ่วงล้อเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการดูแลยางรถยนต์ที่ถูกต้องด้วยเหตุผลเดียวกับการตั้งศูนย์ล้อซึ่งนั่นก็คือการป้องกันการสึกของดอกยางก่อนเวลาอันควร การตั้งศูนย์ล้อหรือถ่วงล้อทุก ๆ 10,000 กิโลเมตรจะสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานและมีประสิทธิภาพการขับขี่มากที่สุด 2 การถ่วงล้อคืออะไร การถ่วงล้อ หรือปรับสมดุลของยาง คือการกระจายน้ําหนักของยางหรือล้อให้เท่า ๆ กันกับรอบเพลาที่หมุน เพื่อการขับขี่ได้อย่างลื่นไหลแม้ขับด้วยความเร็วสูง จึงเป็นเหตุผลให้การถ่วงล้อ หรือปรับสมดุลยางเป็นประโยชน์ทั้งกับคนขับที่จะรู้สึกถึงความนุ่มสบายขณะขับและบังคับรถ และกับยางที่จะไม่เกิดการสึกหรอผิดปกติอย่างไรก็ดีการถ่วงล้อเพื่อกระจายน้ําหนักของยางแต่ละเส้นอาจไม่เหมือนกัน โดยเราจะพิจารณาจากประเภทของขอบล้อว่าเป็นแบบโลหะหรือแบบเหล็กกล้า โดยส่วนใหญ่จะทําการกระจายน้ําหนักจากภายใน


15ขอบล้อหากทําจากอลูมิเนียม ซึ่งเป็นเรื่องของความสวยงามของรถเป็นหลัก หรืออาจทําการถ่วงระหว่างยางและขอบล้อหากทําจากแผ่นโลหะ เหตุผลที่ควรทําการถ่วงล้อ และการถ่วงล้อควรทําเมื่อใด ก่อนการติดตั้งยางขั้นตอนสุดท้าย ยางต้องได้รับการถ่วงให้มีสมดุลอย่างสมบูรณ์และเราสามารถปรับสมดุลยางได้เมื่อเจอกับสถานการณ์ต่าง ๆ ต่อไปนี้1เกิดการกระแทกหรือเกิดอุบัติเหตุ: ตัวอย่างเช่น เมื่อยางเกิดการบดกับทางเดินเท้า อาจทําให้สมดุลของยางเปลี่ยนไปได้2. เมื่อต้องซ่อมเพราะยางแบน 3. เมื่อเปลี่ยนยางใหม่4. หากคุณรู้สึกว่ารถสั่น 5. หากพบว่าดอกยางสึกผิดปกติ: ยางอาจสึกได้หลายแบบ และอาจไม่จําเป็นต้องเกิดจากปัญหาเรื่องความสมดุลของยาง ดอกยางสึกเร็วเกินไปอาจเกิดจากแรงดันลมยางที่ไม่ถูกต้องหรือเกิดจากปัญหาการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ 6. เมื่อขับรถได้ระยะทางที่กําหนด (ประมาณ 15,000 กิโลเมตร) 7. ขั้นตอนการดําเนินการ 8. การถ่วงล้อ คือขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนที่ต้องอาศัยเครื่องมือที่เหมาะสมและทักษะระดับมืออาชีพอุปกรณ์ที่จําเป็น ได้แก่เครื่องเปลี่ยนยางรถยนต์และที่สําคัญที่สุดก็คือเครื่องถ่วงล้อ ช่างที่มีความเชี่ยวชาญจะใช้เครื่องถ่วงล้อเพื่อระบุถึง “ความไม่สมดุล” ซึ่งก็คือน้ําหนักของล้อที่ไม่สมดุลที่ทําให้ล้อที่กําลังหมุนหยุดลง 9. เครื่องถ่วงล้อมีจุดค้ํายันแบบหมุนได้เพื่อใช้ยึดล้อไว้ให้อยู่กับที่ก่อนป้อนค่าต่าง ๆ ที่บอกถึงรุ่นของยาง เช่นความกว้าง เส้นผ่านศูนย์กลาง และประเภทของขอบล้อ ระบบจะสั่งการให้ล้อหมุนและหยุดหมุนซึ่งหากยางไม่สมดุล ระบบจะบอกถึงน้ําหนักที่ควรเพิ่มลงไป รวมถึงตําแหน่งที่แน่นอนที่ต้องเพิ่มน้ําหนักให้สมดุลหลังจากนั้น จะมีการติดตั้งวัตถุถ่วงน้ําหนักที่ขอบล้อและทําการทดสอบความสมดุลของยางอีกหลาย ๆ ครั้งเพื่อความแน่นอน 10. ช่างผู้เชี่ยวชาญของไทร์พลัส จะใช้เครื่องถ่วงล้อที่ทําให้สามารถใช้วิธีการปรับสมดุลยางแบบที่เรียกว่า“ไดนามิก” ได้หรือจะใช้วิธีการถ่วงล้อรถยนต์อีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า “สแตติค” ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งวิธีนี้ใช้หลักการการวางน้ําหนักไว้บนฝั่งตรงกันข้ามกับข้างที่ไม่สมดุล (หรือมวลรวมที่ไม่สมดุล) แต่จะไม่ทําการหมุนล้อแต่ล้อมักจะกลับมาไม่สมดุลเช่นเดิมทันทีที่ตั้งให้ล้อหมุน ส่วนการปรับสมดุลแบบไดนามิกนั้นจะมีความแม่นยําและมีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากเครื่องถ่วงล้อจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าควรกระจายมวลที่แตกต่างกันที่จุดใดบ้างบนยางเส้นนั้น การเติมลมยางด้วยแรงดันลมยางที่ถูกต้องจะทําให้ประกอบยางเข้ากับตัวรถได้ก่อนการติดตั้งขั้นสุดท้าย ซึ่งก็คือการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ


163. การอ่านค่าและชนิดของยาง ยางรถยนต์ที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวัน หากเราสังเกต จะพบได้ว่าจะมีตัวเลขและตัวอักษรอยู่มากมายบนแก้มยาง ซึ่งตัวเลขและตัวอักษรเหล่านั้น ล้วนแต่มีความหมาย เพราะบ่งบอกถึงขนาดยาง ขอบเขตในการใช้งาน หากเราทําความเข้าใจกับมัน นอกจากจะเป็นการเพิ่มความรู้ให้แก่ตัวเราเองแล้ว ยังทําให้เราใช้งานได้อย่างถูกต้องปลอดภัยอีกด้วย สําหรับบทความนี้ผมจะมาไขข้อสงสัย และสอนวิธีแปลความหมายในจุดหลักๆเบื้องต้น รหัสตัวเลขบนยางรถยนต์การขับขี่ที่ดีควรมียางรถยนต์ที่ดีเป็นตัวประสานระหว่างรถและผู้ขับหากยางรถยนต์ที่ใช้นั้นดีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนก็จะออกมาอย่างเต็มที่การที่จะเปลี่ยนยางรถยนต์สักครั้งควรเรียนรู้ว่า ยางรถยนต์แต่ละชนิดผลิตขึ้นมาเพื่อการใช้งานประเภทใด ซึ่งจะทําให้เราได้ของที่เราต้องการมากที่สุด ตอบโจทย์การใช้งานเรามากที่สุด และคุ้มเงินเรามากที่สุด เราจึงควรมีความรู้ในการเลือกใช้เอง ยางรถยนต์โดยทั่วไป รหัสบนแก้มยางรถยนต์จะบ่งบอกอะไรหลายๆ อย่าง พื้นฐานที่เราสามารถรับรู้ได้คือ ขนาด และ วันผลิต Code ยางรถยนต์185 คือ ความกว้างของยาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร 75 คือ ความสูงของแก้มยาง เท่ากับ 75% ของความกว้างยาง R คือ ชนิดของยาง ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเรเดียลเกือบทั้งหมด 14 คือ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางล้อ หน่วยเป็นนิ้ว 82 พิกัดรับน้ําหนักบรรทุก s พิกัดอัตราความเร็ว ความกว้างของยาง หมายถึง ความกว้างสูงสุด ระหว่าง แก้มซ้าย-แก้มขวา ความสูงของแก้มยาง โดยทั่วไปเราเรียกกันว่า “ซีรีย์” เช่น ซีรีย์60 สูง 60%ของความกว้างยาง เส้นผ่าศูนย์กลางของล้อ โดยทั่วไปเราเรียกกันว่า “ขอบ” เช่น ยางขอบ 15 ใส่กับล้อ ขอบ15พิกัดรับน้ําหนักบรรทุก กับ พิกัดอัตราความเร็ว


17


18กิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมครูกิจกรรมนักเรียน 1.ขั้นนํา (introduction) 1. ครูขานชื่อนักเรียนพร้อ มตรวจความ เรียบร้อยและอบรมในคุณธรรมอันพึงประสงค์2. ตั้งคําถามปากเปล่าให้นักเรียนตอบเป็น รายบุคคลเกี่ยวกับศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ 3. แจ้งจุดประสงค์การเรียนการสอนทั้ง จุดประสงค์ด้านความรู้ด้านทักษะกระบวนการ ด้าน คุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ให้นักศึกษาทราบ 1.ขั้นนํา (introduction) 1. รับการขานชื่อ 2. ตอบคําถามปากเปล่าเป็นรายบุคคลเกี่ยวกับศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ 3. ฟังพร้อมจดบันทึกจุดประสงค์การเรียนรู้การสอน 2.ขั้นสอน (body) 1. แจกใบความรู้ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ 2. ใช้สื่อวิดีโออธิบายประกอบการตั้งคําถาม เกี่ยวกับศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ 3. ใช้สื่อภาพแสดงศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ ประกอบกับการตั้งคําถามตามสื่อ 2.ขั้นสอน (body) 1. รับใบความรู้เรื่องศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ 2. สังเกตและจดบันทึกเกี่ยวกับศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ 3. สังเกตและจดบันทึกเกี่ยวข้องเพื่อตอบคําถามตามสื่อการสอน 3.ขั้นสรุป (conclusion) 1. ตั้งคําถามเกี่ยวกับศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อเพื่อทําการทบทวนและสรุปผลประกอบผลการ ประเมิน 3.ขั้นสรุป (conclusion) 1. รวบรวมความรู้ตามที่จดบันทึกและทําการทบทวนเพื่อตอบคําถามหน้าชั้นเรียน ขั้นประเมินผล (assessment) 1. ตรวจผลงานตามใบตรวจงานหน่วยที่2 ขั้นประเมินผล (assessment) 1. ส่งงาน


19งานที่มอบหมายหรือกิจกรรมการเรียนรู้ก่อนเรียน -ไม่มีขณะเรียน -ฝึกปฏิบัติงานตามใบงานหน่วยที่2 หลังเรียน -ส่งใบงานหน่วยที่2 สื่อการเรียนการสอน สื่อเอกสารอ้างอิง 1. รหัสตัวเลขบนยางรถยนต์– ยางรถยนต์ราคาถูกลาดพร้าววังหิน | CAR SERVhttps 2. วิธีอ่านขนาดยางรถยนต์- Yukon (yukonlubricants.com) 3. เรื่องเกี่ยวกับการตั้งศูนย์ถ่วงล้อที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย (nexenthailand.com) 4. การถ่วงล้อ (tyreplus.co.th) สื่อวีดีโอ 1 วีดีโอการการถ่วงล้อ 2. วีดีโอการตั้งศูนย์ล้อ 3. วีดีโอการถอดประกอบล้อ สื่อโสตทัศน์1. เครื่องคอมพิวเตอร์2. กระดานไวท์บอร์ด 3. เครื่องฉายโปรเจคเตอร์สื่อสิ่งพิมพ์1. ใบความรู้ที่2 2. ใบงานหน่วยที่2 หลักฐานการเรียนรู้ผลการทําใบงานหน่วยที่2 การวัดและประเมินผล การวัดผล (ใช้เครื่องมือ) การประเมินผล (นําผลเทียบกับเกณฑ์และแปลความหมาย) 1. แบบสังเกตการทํางานกลุ่มและนําเสนอผลงานกลุ่ม นําผลเทียบกับเกณฑ์2. ใบงานหน่วยที่2 เกณฑ์ผ่าน 60% 4. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง นําผลเทียบกับเกณฑ์การบูรณาการด้านความรู้1. การบูรณาการสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อเพื่อออกสู่ชุมชนใกล้เคียง 2. การบูรณาการสอดแทรกการปฏิบัติงานจริงเกี่ยวกับศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ


20ใบงานหน่วยที่2 เรื่อง ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ ชื่อ..................................................................................................ห้อง........................................วันที่...................เดือน..................................................................พ.ศ. ........................................จุดประสงค์เพื่อให้นักเรียนอ่านค่าตัวอักษรที่อยู่ข้างแก้มยางได้ถูกต้อง คําชี้แจง ให้นักเรียนอ่านค่าตัวอักษรที่อยู่ข้างแก้มยางต่อไปนี้1. จงอ่านค่าตัวอักษรที่อยู่ข้างแก้มยางดังรูป


212. ให้นักเรียนถ่ายรูปยางรถยนต์แล้วอ่านค่าตัวอักษรที่อยู่ข้างแก้มยางที่ถ่ายได้


22แบบประเมินแบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง คําชี้แจง : ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนแล้วทําเครื่องหมาย ( / ) ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน เกณฑ์ประเมินพฤติกรรม 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง เลขที่ชื่อ - สกุล พฤติกรรม/ระดับคะแนน สรุปผลการประเมินมีวินัย ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นใน การทํางาน รวม (9) ผ่านไม่ผ่าน3 2 1 3 2 1 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 (ลงชื่อ)..................................................ผู้ประเมิน(..............................................) ........../........../..........เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพพฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ําเสมอ ให้3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพพฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้2 คะแนน 8 - 9 ดีมาก พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้1 คะแนน 6 - 7 ดี4 - 5 พอใช้ต่ํากว่า 3 ปรับปรุง


23แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม คําชี้แจง : ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนแล้วทําเครื่องหมาย ( / ) ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน เกณฑ์ประเมินพฤติกรรม 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง ลําดับ ที่ชื่อ-สกุล ของผู้รับการ ประเมิน ความ ร่วมมือกัน ทํา กิจกรรม การแสดง ความ คิดเห็น การรับฟัง ความ คิดเห็น การตั้งใจ ทํางาน การแก้ไขปัญหา/ หรือ ปรับปรุง ผลงานกลุ่มรวม20คะแนน4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 11 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 (ลงชื่อ)..................................................ผู้ประเมิน(..............................................) ........../........../..........เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพพฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ําเสมอ ให้4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพพฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้3 คะแนน 18 - 20 ดีมาก พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้2 คะแนน 14 - 17 ดีพฤติกรรมที่ปฏิบัติน้อยครั้ง ให้1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ต่ํากว่า 10 ปรับปรุง


24ใบบันทึกหลังการสอน หน่วยที่2ชื่อวิชา งานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์สอนครั้งที่2ชื่อหน่วย ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ คาบรวม15ชื่อเรื่อง ศูนย์ล้อรถและการตั้งศูนย์ล้อ จํานวนคาบ51. ด้านการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. 2. ด้านทักษะ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 3. ด้านคุณธรรม จริยธรรม ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 4. ปัญหาที่ควรแก้ไข ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. 5. วิธีการแกไ้ข ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................


25แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่3ชื่อวิชา งานเครื่องล่างและส่งกําลังยานยนต์สอนครั้งที่3ชื่อหน่วย ระบบบังคับเลี้ยว คาบรวม15ชื่อเรื่อง ระบบบังคับเลี้ยว จํานวนคาบ5สาระการเรียนรู้ - คุณลักษณะของระบบบังคับเลี้ยว - หลักการของระบบบังคับเลี้ยว - ชนิดของระบบบังคับเลี้ยว สาระสําคัญ ในบทนี้จะกล่าวถึงระบบบังคับเลี้ยว คุณลักษณะของระบบบังคับเลี้ยว หลักการของระบบบังคับเลี้ยวชนิดของระบบบังคับเลี้ยว ซึ่งนักศึกษาจะต้องปฏิบัติให้ชํานาญจึงจะสามารถนําความรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้สมรรถนะที่พึ่งประสงค์1. บอกหลักการของระบบบังคับเลี้ยวได้ถูกต้อง จุดประสงค์การเรียนรู้1. ด้านความรู้1.1 อธิบายคุณลักษณะของระบบบังคับเลี้ยวได้1.2 อธิบายหลักการของระบบบังคับเลี้ยวได้1.3 บอกชนิดของระบบบังคับเลี้ยวได้2. ด้านทักษะปฏิบัติ2.1 สามารถนําเสนอหลักการของระบบบังคับเลี้ยวได้3. คุณธรรมจริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ 3.1 เป็นคนตรงต่อเวลาในการเข้าเรียน 3.2 เป็นคนที่รักษาระเบียบวินัย 3.3 มีความซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย


26เนื้อหาสาระ 1. ระบบบังคับเลี้ยว (Steering Systems) เป็นระบบที่ควบคุมการเลี้ยวของรถยนต์ผ่านการบังคับจากคนขับในห้องโดยสารเพื่อให้ล้อหน้าทั้ง2ล้อเกิดการหันตามทิศทางที่ต้องการ โดยจะช่วยผ่อนแรงจากผู้บังคับผ่านการใช้ชุดเฟืองทดแรงทีีอยู่ระหว่างแกนพวงมาลัยกับแขนส่งกําลังที่เรียกว่า "กระปุกพวงมาลัย" เมื่อออกแรงหมุนที่พวงมาลัยก็จะเกิดการส่งผ่านแรงมายังกระปุกพวงมาลัยและส่งไปที่แกนยึดกับล้อก็จะทําให้ล้อหมุนตามทิศทางที่ต้องการ ระบบบังคับเลี้ยวแบ่งเป็น 2 แบบ 1.ระบบพวงมาลัยแบบ Steering Linkage เป็นระบบเลี้ยวที่ใช้การส่งกําลังผ่านคันชักคันส่งผ่านจุดเชื่อมต่อ และจะใช้แขนพิทแมน(ขาไก่) ซึ่งได้รับแรงบิด เปลี่ยนทิศทางมาจากกระปุกเกียร์มาบังคับแขนพิทแมน 2.ระบบพวงมาลัยRack and Pinion จะใช้วิธีผ่านกําลังการหมุนพวงมาลัยผ่านเฟืองขับและเฟืองสะพาน จะช่วยทดแรงมากกว่าในแบบที่หนึ่ง


27ปัจจุบันเราจะเห็นรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ใช้ระบบ Rack and Pinion เป็นที่มาของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ที่ไม่ต้องออกแรงในการเลี้ยวมาก ซึ่งระบบแบบนี้ปัจจุบันใช้การทํางานต่างกัน ยกตัวอย่าง ระบบบังคับเลยี้วแบบไฮโดริก จะใช้น้ํามันเป็นตัวช่วยในการผ่อนแรง โดยใช้ชุดปั่มสร้างแรงดันให้น้ํามันไปขับเคลื่อนชุดเลี้ยว โดยใช้แรงจากรถยนต์ข้อเสียคือ ระบบนี้ต้องดูแลรักษาไม่ให้มีการรั่วซึมหรือน้ํามันแห้งโดยหลักการทํางานคร่าวๆของการทํางานแบบไฮโดรริก ก็คือ เมื่อเฟืองเริ่มทํางาน เพลาจะถูกบังคับด้วยของเหลวที่ออกจากวาล์วโดยของเหลวจะเข้าที่ด้านใดด้านหนึ่งของลูกสูบที่ติดกับ steering gear เมื่อความดันเพิ่มขึ้นภายในกระบอกสูบจะทําให้Pitman shalft เคลื่อนที่ระบบบังคับเลี้ยวแบบมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นการใช้มอเตอร์บังคับโดยตรงจะช่วยประหยัดในการที่ไม่ต้องใช้ชุดปั๋ม และการบํารุงรักษาก็ไม่ต้องทําการตรวจสภาพบ่อยๆ ระบบบังคับเลี้ยวแบบผ่อนแรง เราสามารถแบ่งระบบบังคับเลี้ยวได้2 แบบดังนี้1.ระบบบังคับเลี้ยวแบบลูกปืนหมุนวน ซึ่งเป็นที่นิยมในรถยนต์รุ่นเก่าๆ โดยระบบนี้จะประกอบไปด้วยพวงมาลัย ,แกนพวงมาลัย ,กระปุกเกียร์พวงมาลัย ,ก้านต่อบังคับเลี้ยว(ขาไก่คันชัก คันส่ง กล้องยา) 2.ระบบบังคับเลี้ยวแบบเฟืองขับและเฟืองสะพาน ซึ่งเป็นที่นิยมในรถยนต์ปัจจุบัน โดยระบบนี้จะประกอบไปด้วย พวงมาลัย ,แกนพวงมาลัย ,กระปุกเกียร์พวงมาลัย ,เฟืองขับ ,เฟืองสะพาน ,คันส่ง ส่วนประกอบของพวงมาลัยเพาเวอร์ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์1. เซนเซอร์วัดความเร็วรถยนต์สัญญาณบนสายมิเตอร์จะหมุนไปตามความเร็วของรถยนต์ทําให้โฟโต้คัปเปอร์ตัดต่อแสงที่ผ่านร่องของแผ่นสงสัญญาณ เมื่อแรงเคลื่อนไฟฟ้าถูกจ่ายผ่านไปยังวงจรนี้จะทําให้สัญญาณพัลส์สอดคล้องกันการตัดต่อแสงที่ผ่านโฟโต้คัปเปอร์2. คอมพิวเตอร์พวงมาลัยเพาเวอร์ทําหน้าที่ควบคุมลิ้นโซลีนอยโดยจะส่งสัญญาณพัลส์ไปควบคุมลิ้นโซลีนอยด์ให้สอดคล้องกับสัญญาณความเร็วของรถยนต์จากเซนเซอร์ควบคุมความเร็วรถยนต์ส่วนประกอบหลักของระบบบังคับเลี้ยว 1. แกนพวงมาลัยแกนพวงมาลัยประกอบด้วย เพลาหลักของพวงมาลัยซึ่งถ่าย ทอดการหมุนพวงมาลัยไปยังกระปุกเกียร์พวงมาลัย ปลอกแกนพวงมาลัยซึ่งเป็นที่อยู่ของเพลาหลักพวงมาลัยด้านบนของเพลาหลักพวง มาลัยทําเป็นเรียว และเป็นซี่โดยที่ตัวพวงมาลัยติดอยู่ที่จุดนี้ด้วยน็อต แกนพวงมาลัยจะมีส่วนประกอบของกลไกดูดซับเพลางานอยู่ด้วย ซึ่งจะดูดซับแรงที่กระทําอันเนื่องมาจากการชนกันต่อผู้ขับรถแกนพวงมาลัยจะติดอยู่ที่ตัวถังพร้อมด้วยที่ยึดแกนแบบแตก แยกออก ซึ่งแกนพวงมาลัยสามารถแยกตัวออกเมื่อมีการชนเกิดขึ้น 2. กระปุกเกียร์พวงมาลัยแบบลูกปืนหมุนวนและแบบเฟืองขับ-เฟืองสะพานเป็นที่นิยมใช้กันเป็นส่วนมาก โดยทั่วไปในรถยนต์ปัจจุบัน เฟืองที่อยู่ในชุดกระปุกเกียร์พวงมาลัยไม่ใช่ทําหน้าที่หมุนล้อหน้าเพียงอย่าง เดียว แต่ในเวลาเดียวกันมันยังกระทําการผ่อนแรงที่ใช้ในการหมุนพวงมาลัย ด้วยเฟืองทดซึ่งตามปกติจะ


28อยู่ระหว่าง 18 และ 20 :1อัตราทดที่มากจะช่วยลดความพยายามบังคับเลี้ยว แต่มันจําเป็นที่ต้องหมุนพวงมาลัยมากรอบ เมื่อวิ่งไปรอบๆ การดูแลรักษาระบบบังคับเลี้ยวรถยนต์การดูแลรักษาระบบบังคับเลี้ยวรถยนต์เป็นสิ่งที่สําคัญเพื่อให้ระบบทํางานได้อย่างประสิทธิภาพและเพื่อป้องกันการเสียหายของระบบ โดยวิธีที่จะช่วยให้การดูแลรักษาระบบบังคับเลี้ยวรถยนต์ใช้ได้นานขึ้นมีดังนี้1. ตรวจสอบระบบบังคับเลี้ยวอย่างสม่ําเสมอ ควรตรวจสอบระบบบังคับเลี้ยวอย่างสม่ําเสมอเพื่อตรวจสอบว่ามีการทํางานผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการเลี้ยว ยิ่งต้องควรตรวจสอบระบบเสียงและการเคลื่อนที่อย่างถูกต้อง 2. ตรวจสอบระบบน้ํามันไฮดรอลิค เนื่องจากระบบบังคับเลี้ยวต้องใช้น้ํามันไฮดรอลิคเพื่อทํางานดังนั้น คุณควรจะต้องตรวจสอบระบบน้ํามันไฮดรอลิคเพื่อให้มั่นใจว่ามีการไหลของน้ํามันอย่างถูกต้องและไม่มีการรั่วไหล 3. ตรวจสอบสายพาน สายพานเป็นอีกส่วนสําคัญของระบบบังคับเลี้ยว เพราะช่วยให้ระบบทํางานได้อย่างถูกต้อง การตรวจสอบสายพานเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสายพานที่ฉีดพลาสติกหรือแตกหักก็เป็นอีกวิธีในการดูแลรักษาระบบบังคับเลี้ยวรถยนต์4. ตรวจสอบสายไฟ สายไฟก็เป็นส่วนสําคัญของระบบบังคับเลี้ยว ดังนั้นการตรวจสอบสายไฟเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสายไฟที่ชํารุดหรือถูกตัด คือหนึ่งในการดูแลรักษาระบบบังคับเลี้ยวรถยนต์5. ตรวจสอบเฟือง เพราะเฟืองช่วยให้ระบบทํางานได้อย่างถูกต้อง การตรวจสอบเฟืองจึงเป็นสิ่งจําเป็นในการดูแลรักษาระบบบังคับเลี้ยวรถยนต์2. ระบบช่วงล่างรถยนต์ระบบช่วงล่างรถยนต์คือ ส่วนประกอบที่อยู่ด้านล่างของรถทั้งหมด เป็นส่วนที่ต้องรับน้ําหนักทั้งหมดของตัวรถ รับแรงสภาวะต่าง ๆ บนท้องถนน ทั้งแรงกระแทก แรงสั่นสะเทือน ทําให้ขับรถได้อย่างลื่นไหลแม้จะเจอพื้นผิวถนนขรุขระ เร่งความเร็วแรง ๆ หรือเบรกกะทันหัน ก็ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ส่วนประกอบของระบบช่วงล่าง 1. ลูกหมาก เป็นชิ้นส่วนที่มีผลในเรื่องการเลี้ยว ช่วยให้รถยนต์ขับเคลื่อนไปได้แบบมีประสิทธิภาพ2. ชุดคันส่ง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยตอนที่รถเสียหลัก เพิ่มสมรรถนะในการขับและลดแรงสั่นสะเทือนจากล้อรถด้วย 3. โช๊คอัพ ทําหน้าที่รองรับแรงกระแทกผ่านสปริงและแหนบ ช่วยสร้างสมดุลให้กับรถ และยังลดแรงกระแทกด้วย 4. เหล็กกันโคลง อีกชิ้นส่วนที่ช่วยลดแรงสั่นกระเทือน ทําให้รถยึดเกาะถนนได้ดีช่วยรักษาสมดุลตอนเบรก หรือเข้าโค้ง


29หน้าที่ของระบบช่วงล่างรถยนต์1. ลดแรงสั่นสะเทือน ระบบช่วงล่างรถยนต์ช่วยรับแรงกระแทก และลดแรงสั่นสะเทือนที่จะส่งไปยังห้องโดยสาร เมื่อขับรถลงหลุมหรือเจอพื้นขรุขระ 2. รักษาสมดุล นอกจากลดแรงสั่นสะเทือนแล้ว ช่วงล่างรถยังช่วยรักษาสมดุลให้กับตัวรถด้วยจึงทําให้ควบคุมรถได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเมื่อเจอถนนขรุขระ 3. ควบคุมหน้ายาง ช่วงล่างรถช่วยให้หน้ายางรถยนต์ตั้งฉากกับถนนตลอดเวลา หน้ายางจึงสัมผัสกับพื้นถนนได้เต็มที่จึงขับแล้วนิ่ง สมูท ลดแรงเสียดทานกับพื้นถนนด้วย ระบบช่วงล่างรถยนต์ที่ช่วยกันสั่นสะเทือนมีกี่แบบ 1. ระบบช่วงล่างรถยนต์แบบอิสระ (Independent Suspension) ระบบช่วงล่างรถยนต์แบบอิสระ เป็นระบบที่เจอได้เยอะในรถยนต์ทั่วไป ช่วยให้รถยนต์แล่นไปได้แบบนุ่มนวล เพราะล้อทั้ง 4 ทํางานเป็นอิสระจากกัน ถ้ามีล้อใดล้อหนึ่งรับแรงกระแทก ก็จะไม่กระทบไปยังล้ออื่นๆ เป็นระบบที่มีให้เลือกอีกหลายแบบ จะมีแบบไหนบ้าง แบบปีกนก (Wishbone Suspension) ช่วงล่างแบบปีกนก เป็นระบบช่วงล่างรถยนต์ที่มีให้เลือกทั้งปีกนกเดี่ยว (Wishbone Suspension) และปีกนกคู่ (Double Wishbone Suspension) มีลักษณะเป็นง่าม แต่ละชิ้นจะยึดติดกับโครงช่วงล่าง และติดกับสปริงและชุดโช๊คอัพด้วย จะช่วยให้รับน้ําหนักในแนวตั้งได้ดีขึ้น จุดเด่น: ทํางานอย่างเป็นอิสระ ยืดหยุ่น รับแรงสั่นสะเทือนได้เต็มที่ห้องโดยสารจึงสะเทือนน้อยลงตามไปด้วยจุดอ่อน: ชิ้นส่วนซับซ้อน มีข้อต่อหลายจุด ถ้าเสียหายจะใช้เวลาซ่อมนาน


30แบบมัลติลิงก์(Multi-link Suspension) รถออฟโร้ดเน้นใช้งานหนัก ๆ ส่วนใหญ่จะมีระบบช่วงล่างรถยนต์แบบมัลติลิงก์ (Multi-linkSuspension) จะควบคุมการสั่นสะเทือนจากชิ้นแขนเหล็ก 3 ชิ้นขึ้นไป ซึ่งเป็นที่มาของชื่อมัลติลิงก์นั่นเองแขนจะละชิ้นจะมีขนาดไม่เท่ากัน ทําให้เคลื่อนไหวได้หลายทิศทางมากขึ้น เจอถนนขรุขระ หลุมบ่อก็ไม่ต้องกังวล รับแรงกระแทกได้เต็มที่จุดเด่น: ขับรถได้อย่างนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น แม้เดินทางบนถนนขรุขระ จุดอ่อน: ราคาสูง ชิ้นส่วนซับซ้อน ถ้าเสียหายจะต้องซ่อมโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut Suspension)


31อีกหนึ่งระบบช่วงล่างรถยนต์ที่เจอได้บ่อยมากในรถยนต์ยุคนี้ก็คือแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท(MacPherson Strut Suspension) โดยจะติดตั้งอยู่ที่ล้อหน้า รับน้ําหนักในแนวตั้งผ่านโช้คอัพและคอยล์สปริง ส่วนล้อรองรับด้วยแขนเหล็กช่วยให้ควบคุมการเลี้ยวได้ดียิ่งขึ้น จุดเด่น: ต้นทุนการผลิตต่ํา รูปแบบไม่ซับซ้อน ใช้งานได้ดีทําให้รถขับเคลื่อนได้อย่างนุ่มนวล จุดอ่อน: รับแรงสั่นสะเทือนได้ไม่มากเท่าแบบปีกนก แต่ก็ยังถือว่าใช้ได้ดีเมื่อเปรียบเทียบด้านราคา 2. ระบบช่วงล่างรถยนต์แบบคานแข็ง (Solid Axle Suspension) สําหรับรถคันใหญ่ๆ อย่างรถบรรทุก ส่วนใหญ่จะใช้ระบบช่วงล่างรถยนต์แบบคานแข็ง (SolidAxleSuspension) ที่เป็นช่วงล่างแบบดั้งเดิม เป็นการจัดล้อทั้งซ้ายและขวาไว้บนเพลาเดียวกัน จะนํามาปรับใช้กับรถยนต์ทั่วไปก็ได้โดยจะลดเหลือเฉพาะที่ล้อหลัง จุดเด่น: แข็งแรง ทนทาน รูปแบบไม่ซับซ้อนและต้นทุนการผลิตไม่สูง จุดอ่อน: ทําความเร็วไม่ได้สูงนัก เพราะน้ําหนักค่อนข้างมาก 3. ระบบช่วงล่างรถยนต์แบบกึ่งอิสระ (Semi-Independent Suspension)


32รถยนต์คันเล็ก ขนาดกะทัดรัด หรืออีโค่คาร์ส่วนใหญ่จะมีระบบช่วงล่างรถยนต์แบบกึ่งอิสระ(SemiIndependent Suspension) ที่ผสมผสานทั้งแบบอิสระและแบบคานแข็งเข้าด้วยกัน โดยล้อแต่ละล้อจะทํางานแยกกันอย่างอิสระ แต่ไม่เต็มที่100% เพราะจะมีการตั้งค่ามุมต่าง ๆ ไว้ให้คงที่มีแค่ส่วนแขนที่เคลื่อนที่ในแนวตั้งได้จุดเด่น: ราคาไม่แพง ขนาดกะทัดรัด ใช้พื้นที่สําหรับติดตั้งไม่เยอะ จุดอ่อน: ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าช่วงล่างแบบอิสระ


33กิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมครูกิจกรรมนักเรียน 1.ขั้นนํา (introduction) 1. ครูขานชื่อนักเรียนพร้อ มตรวจความ เรียบร้อยและอบรมในคุณธรรมอันพึงประสงค์2. ตั้งคําถามปากเปล่าให้นักเรียนตอบเป็น รายบุคคลเกี่ยวกับระบบบังคับเลี้ยว 3. แจ้งจุดประสงค์การเรียนการสอนทั้ง จุดประสงค์ด้านความรู้ด้านทักษะกระบวนการ ด้าน คุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ให้นักศึกษาทราบ 1.ขั้นนํา (introduction) 1. รับการขานชื่อ 2. ตอบคําถามปากเปล่าเป็นรายบุคคลเกี่ยวกับระบบบังคับเลี้ยว 3. ฟังพร้อมจดบันทึกจุดประสงค์การเรียนรู้การสอน 2.ขั้นสอน (body) 1. แจกใบความรู้ระบบบังคับเลี้ยว 2. ใช้สื่อวิดีโออธิบายประกอบการตั้งคําถาม เกี่ยวกับระบบบังคับเลี้ยว 3. ใช้สื่อภาพแสดงระบบบังคับเลี้ยวประกอบ กับการตั้งคําถามตามสื่อ 2.ขั้นสอน (body) 1. รับใบความรู้เรื่องระบบบังคับเลี้ยว 2. สังเกตและจดบันทึกเกี่ยวกับระบบบังคับเลี้ยว 3. สังเกตและจดบันทึกเกี่ยวข้องเพื่อตอบคําถามตามสื่อการสอน 3.ขั้นสรุป (conclusion) 1. ตั้งคําถามเกี่ยวกับระบบบังคับเลี้ยวเพื่อทํา การทบทวนและสรุปผลประกอบผลการประเมิน 3.ขั้นสรุป (conclusion) 1. รวบรวมความรู้ตามที่จดบันทึกและทําการทบทวนเพื่อตอบคําถามหน้าชั้นเรียน ขั้นประเมินผล (assessment) 1. ตรวจผลงานตามใบตรวจงานหน่วยที่3 ขั้นประเมินผล (assessment) 1. ส่งงาน


34งานที่มอบหมายหรือกิจกรรมการเรียนรู้ก่อนเรียน -ไม่มีขณะเรียน -ฝึกปฏิบัติงานตามใบงานหน่วยที่3 หลังเรียน -ส่งใบงานหน่วยที่3 สื่อการเรียนการสอน สื่อเอกสารอ้างอิง 1. ระบบช่วงล่างของรถยนต์แต่ละประเภท - Pgautopart (พีจีออโต้) 2. ระบบบังคับเลี้ยว (Steering Systems) (me322nitiprom.blogspot.com) สื่อวีดีโอ 1 วีดีโอแสดงระบบช่วงล่างของรถยนต์แต่ละประเภท 2. วีดีโอแสดงระบบบังคับเลี้ยว 3. การบํารุงรักษาระบบบังคับเลี้ยว และระบบช่วงล่างของรถยนต์สื่อโสตทัศน์1. เครื่องคอมพิวเตอร์2. กระดานไวท์บอร์ด 3. เครื่องฉายโปรเจคเตอร์สื่อสิ่งพิมพ์1. ใบความรู้ที่3 2. ใบงานหน่วยที่3 หลักฐานการเรียนรู้ผลการทําใบงานหน่วยที่3 การวัดและประเมินผล การวัดผล (ใช้เครื่องมือ) การประเมินผล (นําผลเทียบกับเกณฑ์และแปลความหมาย) 1. แบบสังเกตการทํางานกลุ่มและนําเสนอผลงานกลุ่ม นําผลเทียบกับเกณฑ์2. ใบงานหน่วยที่3 เกณฑ์ผ่าน 60% 4. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง นําผลเทียบกับเกณฑ์การบูรณาการด้านความรู้1. การบูรณาการสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับระบบบังคับเลี้ยว 2. การบูรณาการสอดแทรกความรู้การปฏิบัติงานจริงเกี่ยวกับระบบช่วงล่างของรถยนต์แต่ละประเภท


35ใบงานหน่วยที่3 เรื่อง ระบบบังคับเลี้ยวและระบบช่วงล่างของรถยนต์ชื่อ..................................................................................................ห้อง........................................วันที่...................เดือน..................................................................พ.ศ. ........................................จุดประสงค์เพื่อให้นักเรียนรู้จักโครงสร้างและอธิบายการทํางานของระบบบังคับเลี้ยวและระบบช่วงล่างของรถยนต์ได้ถูกต้อง คําชี้แจง ให้นักเรียนตอบคําถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ตอนที่1 ระบบบังคับเลี้ยว


36


37ตอนที่2 ระบบช่วงล่าง


Click to View FlipBook Version