The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สื่อการสอนเรื่องไฟฟ้า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prasomphongpanuphong, 2022-03-11 09:06:57

สื่อการสอนเรื่องไฟฟ้า

สื่อการสอนเรื่องไฟฟ้า

ไฟฟ้า คอื อะไร

ไฟฟ้าเกิดขึ้นได้อยา่ งไรอะไร

นายภานุพงศ์ ประสมพงษ์

กระแสไฟฟา้
( Electric Current )

ความรเู้ ก่ยี วกบั ประจุไฟฟา้ ( Electric Charge)

ประจุไฟฟ้า คือ สงิ่ ที่แสดงอานาจไฟฟา้
มี 2 ชนดิ

1. ประจุบวก ( +)
2. ประจลุ บ ( - )

จำแนกชนิดของวัตถุ โดยพจิ ำรณำจำกประจไุ ฟฟ้ำ

1. วตั ถทุ ีเ่ ป็นกลำงทำงไฟฟำ้ คอื วัตถทุ ่ีไมแ่ สดงอำนำจไฟฟำ้
เน่อื งจำกมจี ำนวนประจบุ วกเท่ำกับประจลุ บ

2. วตั ถุท่ีแสดงอำนำจทำงไฟฟ้ำ คือ วัตถุที่สำมำรถดงึ ดูดวตั ถุ
ใดๆได้ เพรำะมีจำนวนประจบุ วกกับประจุลบไม่เท่ำกนั

ถำ้ วัตถุนัน้ มจี ำนวนประจบุ วก > ประจลุ บ วัตถนุ ้นั จะแสดง
อำนำจไฟฟำ้ บวก

ถำ้ วตั ถนุ ัน้ มีจำนวนประจุลบ > ประจบุ วก วตั ถุนน้ั จะ
แสดงอำนำจไฟฟำ้ ลบ

สมบัตขิ องประจุไฟฟ้า

ถ้าประจุไฟฟ้าชนิดเดยี วกนั จะ ผลกั กนั

ถ้าประจไุ ฟฟ้าต่างกนั จะ ดูดกนั

กระแสไฟฟ้า ( Electric Current )

คอื ปริมาณประจไุ ฟฟ้าทเี่ คล่อื นที่ผ่านพ้ืนท่ี
ตัดขวางของตัวนาจากจดุ หน่งึ ไปยงั อกี จุดหนงึ่ ใน 1
หน่วยเวลา

เกดิ จาก การไหลของประจไุ ฟฟา้ อย่างต่อเน่ือง

ชนิดของกระแสไฟฟา้ มี 2 ชนดิ

1. ไฟฟา้ กระแสตรง ( Direct Current ; D.C )

คอื กระแสไฟฟ้ำทีไ่ หลในทิศทำงเดยี ว ไม่มีกำรสลบั ขัว้ เช่น
กระแสไฟฟ้ำท่ีไดจ้ ำกถ่ำนไฟฉำย แบตเตอรร่ี ถยนต์
2. ไฟฟา้ กระแสสลับ ( Alternating Current ; A.C )

คือ กระแสไฟฟ้ำท่ีไหลวนสลบั ทำงไปมำอยู่ตลอดเวลำ เชน่
กระแสไฟฟำ้ ในตำมบ้ำนเรือน

การผลิตกระแสไฟฟ้า มี 2 วิธี

เซลลไ์ ฟฟ้าเคมี
กระแสไฟฟ้าจากการเหน่ียวนา

1. เซลลไ์ ฟฟ้าเคมี

คือ อปุ กรณท์ ่ที าหนา้ ท่ีผลติ กระแสไฟฟ้าจากการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี
เป็นการเปล่ียน พลงั งานจากปฏิกิรยิ าเคมี ใหเ้ ป็น ไฟฟ้า

ส่วนประกอบของเซลลไ์ ฟฟ้าเคมี

1.1 แผ่นโลหะท่ีต่างกนั 2 ชนดิ ทาหนา้ ที่เป็นข้วั ไฟฟ้า ข้วั บวกและข้วั ลบ
1.2 อเิ ลก็ โทรไลต์ (eletrolyte) สารละลายที่นาไฟฟ้า จะมีไอออนบวกและไอออนลบ
โดยจะจุ่มแผน่ โลหะท้งั 2 ชนิดลงในสารละลายที่นาไฟฟ้าได้

2.หลักการของเซลลไ์ ฟฟ้าเคมี มขี นั้ ตอนดังนี้

1. เม่ือจมุ่ แผ่นโลหะทง้ั 2 ชนิด ท่ีต่างกนั ลงในสารละลาย จะสามารถ
แตกตวั ใหไ้ อออนบวกและไอออนลบได้

2. โลหะท่ีต่างกนั จะแตกตวั ใหอ้ เิ ลก็ ตรอนไดต้ ่างกนั
โลหะท่ีแตกตวั ใหอ้ เิ ล็กตรอนไดด้ ีกวา่ จะมีศกั ยไ์ ฟฟา้ ต่า เรียกว่า ขว้ั ลบ
โลหะท่ีเสียอเิ ล็กตรอนไดย้ ากกวา่ จะมีศกั ยไ์ ฟฟา้ สงู เรยี กว่า ขวั้ บวก

3. อเิ ลก็ ตรอนจะไหลจากขว้ั ท่ีมีศกั ยไ์ ฟฟา้ ต่าไปยงั ขว้ั ท่ีมีศกั ยไ์ ฟฟา้ สงู
กระแสไฟฟา้ จะไหลจากขว้ั ท่ีมีศกั ยไ์ ฟฟา้ สงู ไปยงั ขว้ั ท่ีมีศกั ยไ์ ฟฟา้ ต่า

4. กระแสไฟฟา้ จะไหลจนกระทงั้ ศกั ยไ์ ฟฟา้ ท่ีขว้ั ทงั้ สองเทา่ กนั จงึ จะหยดุ
ไหล แสดงวา่ ไฟหมด

ตวั อย่างเซลล์ไฟฟ้าในชีวติ ประจาวนั

1.เซลล์ปฐมภูมิ เป็ นเซลล์ทีเ่ ม่ือใช้ไฟแล้วไม่สามารถประจุไฟ เพ่ือ
นากลบั มาใช้ใหม่ได้ เช่น เซลล์ถ่านไฟฉาย เซลล์แอลคาไลน์

2.เซลล์ทุติยภูมิ เป็ นเซลล์สะสมไฟฟ้าท่ีเม่ือใช้ไฟหมดแล้วสามารถประจุไฟเพ่ือนา
กลบั มาใช้ ใหม่ได้ เช่น แบตเตอรี่

2. กระแสไฟฟ้าจากการเหน่ียวนา

1.2 กระแสไฟฟ้าจากการเหนี่ยวนา

กระแสไฟฟ้าจากการเหน่ียวนาเกดิ จากตัวนาหรือขดลวดเคลื่อนท่ี
ตัดสนามแม่เหลก็ หรือเม่ือสนามแม่เหลก็ ทผ่ี ่านตัวนาเกดิ การ
เปลย่ี นแปลง จะทาให้เกดิ กระแสไฟฟ้าเหน่ียวนา เรียกเคร่ืองกาเนิด
ไฟฟ้าชนิดนีว้ ่า"ไดนาโม" หรือ "เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้า"

ไดนาโม เป็ นเคร่ืองกลที่เปลยี่ นพลงั งานกลเป็ นพลงั งานไฟฟ้า เม่ือ
เคลื่อนขดลวดตดั กบั สนามแม่เหลก็ หรือเคล่ือนแม่เหลก็ ตัดกับขดลวด จะ
ทาให้สนามแม่เหลก็ เกดิ การเปลยี่ นแปลง จึงเกดิ กระแสไฟฟ้าเหน่ียวนา
ขนึ้

ปริมาณกระแสไฟฟ้าทีเ่ กดิ ขนึ้ จะมากหรือน้อยขนึ้ อยู่กบั ปัจจยั ต่างๆ
ดังนี้

- จานวนรอบของขดลวด

- กาลงั ข้วั ของแท่งแม่เหลก็

- ความเร็วของการเคลื่อนทีข่ องขดลวดหรือแท่งแม่เหลก็

- พืน้ ท่ขี องขดลวด ถ้ามพี ืน้ ที่มากกจ็ ะเกดิ กระแสไฟฟ้าได้มาก

ไดนาโมแบ่งเป็ น 2 ชนิด คือ

1.ไดนาโมกระแสตรง มีวงแหวนเดยี วโดยแบ่งเป็ น 2 ซีกไม่ตดิ กนั แต่ละ
ซีกต่อกบั ปลายขดลวดคนละข้าง เรียกวงแหวนนีว้ ่า “แหวนแยกหรือ
คอมมิวเทเตอร์”

2. ไดนาโมกระแสสลบั มีวงแหวน 2 วง สัมผสั อยู่กบั แปรงท่ีต่อไปยงั
วงจรภายนอก

พลังงานทนี่ ามาใช้หมุนขดลวดของเครื่องกาเนิดไฟฟ้ามหี ลาย
ประเภท เช่น พลงั งานความร้อนได้จากเชอื้ เพลงิ เช่น นา้ มัน ถา่ นหนิ เป็ นตน้
พลังงานนา้ ไดจ้ ากเขอ่ื นกนั้ นา้ เครอ่ื งจักรไอนา้



ความต่างศักยไ์ ฟฟ้า

ควำมตำ่ งศกั ยไ์ ฟฟำ้ คือ ควำมแตกต่ำงของพลังงำนไฟฟ้ำระหว่ำงจุด
สองจุด ซ่ึงทำให้เกิดกระแสไฟฟ้ำข้ึน โดยกระแสไฟฟ้ำจะไหลจำกจุดที่มี
ระดับพลังงำนไฟฟ้ำสูง (ศักย์ไฟฟ้ำสูง) ไปยังจุดที่มีระดับพลังงำนไฟฟ้ำต่ำ
กว่ำ (ศักย์ไฟฟ้ำตำ่ ) และจะหยุดไหลเมอื่ ศักย์ไฟฟ้ำท้ังสองจดุ เทำ่ กัน

ควำมต่ำงศักย์ไฟฟ้ำระหว่ำงจุดสองจุดเปรียบได้กับกำรไหลของน้ำ
ซง่ึ จะไหลจำกทส่ี งู ไปยังท่ตี ำ่ และจะหยุดไหลเม่ือระดับน้ำเท่ำกัน



ความตา่ งศักย์ไฟฟ้ากับกระแสไฟฟ้า

กระแสไฟฟ้ำจะไหลในตัวนำไฟฟ้ำ เม่ือมีควำมต่ำงศักย์เกิดข้ึนที่ข้ัว
ของแหลง่ กำเนิดไฟฟ้ำ ควำมต่ำงศักย์ของแหล่งกำเนิดไฟฟ้ำแต่ละชนิดจะ
แตกต่ำงกัน เช่น ถ่ำนไฟฉำยมีควำมต่ำงศักย์ประมำณ 1.5 โวลต์
แบตเตอร่ีรถยนต์มีควำมต่ำงศักย์ 12 โวลต์ ไฟฟ้ำท่ีไหลเข้ำบ้ำน มีควำม
ตำ่ งศักย์ 220 โวลต์ ถ้ำควำมตำ่ งศักย์ มีค่ำมำกข้ึน แสดงว่ำระดับพลังงำน
ไฟฟ้ำก็จะมำกขึ้นดว้ ย

แอมมิเตอร์ (Ammeter) เป็นเครื่องมือวัดกระแสไฟฟ้ำ หน่วยของ

กระแสไฟฟำ้ คือ แอมแปร์ (A) แอมมิเตอร์เปน็ เครอื่ งมอื ท่ีมีควำมต้ำนทำน

น้อย มสี ัญลักษณ์ คอื แอมมเิ ตอร์ตอ่ อนุกรมกบั วงจร

โวลต์มเิ ตอร์ (Voltmeter) เป็นเครื่องมือวัดควำมต่ำงศักย์ไฟฟ้ำหรือ
พลังงำนไฟฟ้ำที่ต่ำงกัน ระหว่ำงจุด 2 จุด ในวงจร โวลต์มิเตอร์มีควำม
ตำ้ นทำนสูง ควำมตำ่ งศักยม์ ีหนว่ ยเปน็ โวลต์ (V) มีสญั ลักษณ์ คือ
โวลต์มเิ ตอร์ตอ่ แบบขนำนกบั วงจร

ความต้านทานไฟฟ้า (Resistance)

ความต้านทานไฟฟ้า (Resistance) คอื ความสามารถของสารแตล่ ะชนิดท่ี

ยอมใหก้ ระแสไฟฟา้ ผ่านไปได้

ความต้านทานไฟฟ้า (Resistance)

- ถำ้ สำรนั้นมคี วำมต้ำนทำนน้อย กระแสไฟฟำ้ จะไหลผำ่ นได้ มำก
เรำจะเรยี กสำรน้นั ว่ำ “ตัวนำไฟฟ้ำ (Conductor)” เชน่ เหลก็ ทองแดง เงนิ เป็น

ต้น
- ถ้ำสำรนัน้ มคี วำมต้ำนทำนมำก กระแสไฟฟ้ำจะไหลผ่ำนได้น้อยหรือผ่ำนไมไ่ ด้เลย
เรยี กสำรน้ันว่ำ “ฉนวนไฟฟ้ำ (Insulator)” เชน่ ไม้ แก้ว พลำสติก เปน็ ตน้

โลหะทน่ี าไฟฟ้าไดด้ ที สี่ ุดคอื
เงนิ > ทองแดง > ทอง > อะลูมเิ นียม > แมกนีเซยี ม > สงั กะสี > นิกเกลิ

ความต้านทานไฟฟ้า (Resistance)

ความตา้ นทานไฟฟา้ เขียนแทนด้วย R มีหนว่ ยวัดเปน็ โอหม์ (Ohm)
เขยี นย่อวำ่ Ω และใชส้ ัญลักษณ์

ปจั จยั ทม่ี ีผลตอ่ ความตา้ นทาน

1. ชนดิ ของลวดตัวนา โดยทัว่ ไปลวดตวั นาจะเป็นพวกโลหะ เนือ่ งจาก
โลหะมคี วามตา้ นทานไฟฟา้ ตา่ ตวั นาตา่ งชนิดกนั ทีม่ ขี นาดเท่ากัน จะมีค่า
ความตา้ นทานไฟฟ้าแตกต่างกนั เช่น เงนิ มคี วามต้านทานไฟฟา้ นอ้ ย มาก
ทองแดงมีความตา้ นทานไฟฟา้ มากกวา่ เงนิ แต่ราคาถกู กวา่ เงนิ ดังนนั้
สายไฟตามบ้านจงึ ทาด้วยทองแดง

ปัจจัยทมี่ ีผลต่อความตา้ นทาน

2. ความยาวของลวดตัวนา
ลวดตวั นาทมี่ ีความยาวเพ่ิมขน้ึ ความตา้ นทานไฟฟา้ จะเพม่ิ ขึ้นดว้ ย

ดงั นั้น ความต้านทานไฟฟ้าจงึ เป็นสดั สว่ นโดยตรงกบั ความยาวของลวด
ตัวนา

ปัจจยั ท่มี ผี ลต่อความต้านทาน

ปัจจัยทม่ี ีผลต่อความต้านทาน

3. พ้ืนที่หนา้ ตดั ของลวดตวั นา
ถา้ ลวดตัวนามพี ื้นท่หี นา้ ตัดเพม่ิ ข้ึน ความต้านทานไฟฟา้ ในขดลวด

ตัวนาจะลดลง นนั้ คอื ความต้านทานไฟฟ้าจะเป็นสดั ส่วนผกผันหรือ
ส่วนกลบั กบั พ้นื ทีห่ น้าตัดของลวดตัวนา

ปจั จยั ท่มี ผี ลตอ่ ความตา้ นทาน

ปจั จัยท่ีมผี ลต่อความต้านทาน

4. อุณหภมู ขิ องลวดตวั นา
- ถา้ ลวดตัวนาทาด้วยโลหะบริสทุ ธ์หิ รอื โลหะผสม เมอ่ื ลวดตัวนานน้ั มี

อุณหภมู เิ พ่ิมขน้ึ ความต้านทานไฟฟ้าของลวดตวั นาจะเพิม่ ขนึ้ ด้วย
- ถา้ ลวดตัวนาเป็นสารกึ่งตัวนา (Semiconductor) เชน่ ซิลิคอน

เจอร์เมเนียม โบรอน เมอื่ มีอณุ หภูมสิ ูงขึน้ ความตา้ นทานไฟฟ้าจะลดลง

สารกง่ึ ตวั นาเป็นสารท่ใี นภาวะปกติ
นาไฟฟา้ ไดด้ ีกวา่ ฉนวนไฟฟ้า แตน่ า

ไฟฟ้าไดน้ อ้ ยกว่าตวั นาไฟฟ้า

2.4 กฎของโอห์ม

โอห์ม เป็นนกั ฟิ สิกส์ชาวเยอรมนั ไดท้ ดลองศึกษาความตา้ นทานไฟฟ้าของ

ลวดตวั นาหลายๆ ชนิด และต้งั เป็นกฎของโอห์ม โดยกล่าวไวว้ า่ “เม่ือ
อุณหภูมิของตวั นำคงที่ อัตรำส่วนระหว่ำงควำมต่ำงศกั ย์ไฟฟ้ำที่
ปลำยทง้ั สองของตัวนำต่อกำรไหลของกระแสไฟฟ้ำในตวั นำจะ
คงท่ี และเท่ำกบั ควำมต้ำนทำนของตวั นำนั้น”

จากกฎของโอห์มเขยี นความสัมพนั ธ์ของ V, I และ R ได้ดงั นี้

เมื่อ I แทนกระแสไฟฟ้า มหี น่วยเป็ นแอมแปร์ (A)
V แทนความต่างศักย์ มหี น่วยเป็ นโวลต์ (V)
R แทนความต้านทานไฟฟ้า มหี น่วยเป็ นโอห์ม (Ω) ซ่ึงเป็ นค่าคงท่ี

ตัวอยา่ ง 1 ไฟทา้ ยของรถยนตเ์ ชอื่ มตอ่ กับแบตเตอรข่ี นาด 12

โวลต์ ถา้ กระแสไฟฟา้ มคี า่ 0.5 แอมแปร์ ความต้านทานของไฟทา้ ย
รถยนตม์ ีค่าเทา่ ไร

ตวั อย่างท่ี 2 ใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผา่ นขดลวดทม่ี ีความต้านทาน

10 โอหม์ มขี นาด 12 แอมแปร์ จงหาคา่ ความต่างศักยไ์ ฟฟ้า

แบบฝกึ หดั

1.หลอดไฟหลอดหนง่ึ ตอ่ กบั ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ 220 โวลต์ มี
กระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน 5 แอมแปร์ ไส้หลอดไฟฟ้าจะมคี วาม
ต้านทานไฟฟ้าเทา่ ใด
2.ตวั ต้านทาน 800 โอห์ม มกี ระแสไฟฟา้ ผา่ น 0.02
แอมแปร์ ปลายทง้ั สองของตัวต้านทานน้ตี ่อกับความตา่ ง
ศักยไ์ ฟฟา้ เทา่ ใด
3.หลอดไฟมคี วามตา่ งศกั ยร์ ะหวา่ งขวั้ 110 โวลต์ ไส้หลอดมี
ความตา้ นทาน 55 โอห์ม จะมีกระแสไฟฟา้ ผา่ นกี่แอมแปร์

แบบฝกึ หดั

4.ลวดตัวนาเสน้ หนึ่งมีความตา้ นทาน 10 โอห์ม ถา้ ความตา่ งศักย์
ระหวา่ งปลายทัง้ สองของลวดตัวนาน้ีมีคา่ 50 โวลต์ กระแสไฟฟา้
ทไ่ี หลผ่านลวดตัวนานม้ี ีค่ากแ่ี อมแปร์
5.ลวดตัวนาเสน้ หนึง่ มคี วามตา้ นทาน 6 โอห์ม มีกระแสไฟฟ้าไหล
ผา่ น 0.25 แอมแปร์ ความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างปลายทง้ั สองของลวด
ตวั นาเปน็ เท่าใด

การต่อความตา้ นทานในวงจรไฟฟา้

1. การตอ่ แบบอนุกรม
2. การต่อแบบขนาน
3. การต่อแบบผสม

1. การตอ่ แบบอนุกรม

เป็นการตอ่ เรยี งเปน็ เสน้ เดยี วกนั ผลทเ่ี กิดข้นึ ในวงจร เปน็
ดงั นี้

1. Iรวม = I1 = I2 = I3

2. Vรวม=V1+ V2+ V3
3. Rรวม=R1+R2+R3

2.การตอ่ แบบขนาน

เป็นการต่อแบบครอ่ มขน้ั กนั ผลทีไ่ ด้จากการตอ่ ตวั
ต้านทานแบบขนานในวงจรไฟฟา้ เปน็ ดังน้ี

1. Iรวม = I1 + I2 + I3

2. Vรวม=V1= V2= V3
1 1 1 1
3. Rรวม = R1 + R2 + R3

3.กำรตอ่ แบบผสม

เป็นการต่อแบบอนุกรมและแบบขนานรวมอยใู่ นวงจรไฟฟ้า
เดียวกนั ต้องแยกคดิ ทลี ะตอน ไม่มีสูตรคานวณโดยเฉพาะ

แบบทดสอบหลงั เรยี น

กระแสไฟฟ้า ความตา่ งศักย์และความตา้ นทานไฟฟ้า

1. ส่ิงที่นำพลังงำนไฟฟ้ำจำกแหล่งกำเนดิ มำยงั เครื่องใชไ้ ฟฟำ้ ในบ้ำนเรอื นคอื
ส่งิ ใด

ก. สำยไฟ ข. ไดนำโม

ค. กระแสไฟฟ้ำ ง. ควำมต่ำงศักย์ไฟฟำ้

2. กระแสไฟฟ้ำ คืออะไร

ก. กระแสสมมติ ข. กระแสโปรตอน

ค. กระแสนวิ ตรอน ง. กระแสอเิ ลก็ ตรอน

3. เรำสำมำรถใช้ไฟฟำ้ กระแสตรงและไฟฟำ้ กระแสสลับจำกแหลง่ ใด
ก. แบตเตอร่ี เซลล์สรุ ยิ ะ
ข. ถำ่ นไฟฉำย เซลล์สรุ ิยะ
ค. ไฟฟ้ำตำมบำ้ นเรอื น แบตเตอรี่
ง. ถ่ำนไฟฉำย ไฟฟำ้ ตำมบ้ำนเรือน

4. ข้อใดเป็นคณุ ลกั ษณะและกำรต่อในวงจรของแอมมิเตอร์
ก. มคี วำมตำ้ นทำนนอ้ ย ต่อขนำนในวงจร
ข. มีควำมตำ้ นทำนนอ้ ย ตอ่ อนุกรมในวงจร
ค. มคี วำมตำ้ นทำนมำก ตอ่ ขนำนในวงจร
ง. มีควำมตำ้ นทำนมำก ต่ออนกุ รมในวงจร

5. ควำมแตกต่ำงระหวำ่ งระดบั พลงั งำนไฟฟำ้ ระหว่ำงจุด 2 จุด ในวงจรไฟฟำ้
ใด ๆ คือข้อใด

ก. ประจไุ ฟฟ้ำ ข. กระแสไฟฟำ้

ค. ควำมต่ำงศักย์ไฟฟำ้ ง. ควำมต้ำนทำนไฟฟ้ำ

6. โลหะท่ีมคี วำมต้ำนทำนไฟฟ้ำเปน็ ศูนยห์ มำยถงึ ข้อใด

ก. ตัวนำไฟฟำ้

ข. ตวั นำไฟฟำ้ ยวดยง่ิ

ค. ควำมต้ำนทำนไฟฟำ้

ง. ควำมตำ้ นทำนไฟฟ้ำย่งิ ยวด

7. ข้อใดคือหนว่ ยของกระแสไฟฟ้ำ ควำมต่ำงศกั ย์ไฟฟำ้ และควำมตำ้ นทำน
ไฟฟำ้
ก. แอมแปร์ โอห์ม โวลต์
ข. โวลต์ แอมแปร์ โอห์ม
ค. แอมแปร์ โวลต์ โอห์ม
ง. โอหม์ โวลต์ แอมแปร์

8. เมือ่ อุณหภูมขิ องลวดตัวนำซ่งึ ทำจำกโลหะเพ่มิ ขึน้ จะทำใหเ้ กดิ ผลในขอ้ ใด
ก. เกิดกำรลดั วงจร
ข. ค่ำควำมตำ้ นทำนไฟฟำ้ สูงข้นึ
ค. คำ่ ควำมตำ้ นทำนไฟฟำ้ ลดลง
ง. คำ่ ควำมต้ำนทำนไฟฟ้ำไม่เปลยี่ นแปลง

9. วัตถุชนิดใดทีม่ คี วำมต้ำนทำนไฟฟำ้ มำกทสี่ ุด
ก. ทองแดง เงนิ ข. สังกะสี แก้ว
ค. เหลก็ พลำสตกิ ง. ยำง พลำสตกิ

10. ลวดตัวนำทำดว้ ยทองแดงชนิดเดยี วกัน ลวดเส้นใดมคี วำมตำ้ นทำนนอ้ ย
ทส่ี ุด
ก. ยำว 13 cm พ้นื ท่หี นำ้ ตัด 0.05 cm2
ข. ยำว 13 cm พน้ื ทห่ี นำ้ ตดั 0.04 cm2
ค. ยำว 14 cm พนื้ ทีห่ น้ำตดั 0.03 cm2
ง. ยำว 14.5 cm พืน้ ทีห่ น้ำตดั 0.01 cm2

3.วงจรไฟฟา้ ในบา้ น

วงจรไฟฟา้ เปน็ เส้นทางที่กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านอุปกรณต์ ่างๆ จน

ครบวงจร การตอ่ หลอดไฟฟ้ามีอยู่ 2 แบบ คือ การตอ่ แบบอนกุ รม
และการต่อแบบขนาน อปุ กรณท์ ใ่ี ชใ้ นวงจรไฟฟ้าไดแ้ ก่ สายไฟ ฟิวส์
สะพานไฟ สวติ ซ์ เตา้ รบั และเตา้ เสยี บในการต่อวงจรไฟฟา้ ภายในบ้าน
ซ่ึงจะไดศ้ กึ ษาอุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นวงจรไฟฟา้ ดงั ต่อไปนี้


Click to View FlipBook Version