แบบทดสอบแบบเติมค า ลักษณะทั่วไป เป็นข้อสอบที่ประกอบด้วยประโยคหรือข้อความที่ยังไม่สมบูรณ์แล้วให้ผู้ตอบเติมค า หรือประโยค หรือข้อความลงในช่องว่างที่เว้นไว้นั้น เพื่อให้มีใจความสมบูรณ์และถูกต้อง 1) ไม่ควรใช้ข้อความหรือประโยคจาก หนังสือแล้วตัดค าบางค า หรือบาง ข้อความออกมาใช้เป็นค าถาม ควรใช้ข้อความของผู้ออกข้อสอบเอง 2) ค าตอบที่ต้องการให้เติม จะต้องเป็นค าตอบ ที่เฉพาะเจาะจง ไม่ตีความได้หลายนัย เช่น สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นใน...................... สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นใน พ.ศ. ............ 3) ต าแหน่งที่ให้เติมต้องเป็นจุดที่ส าคัญ และตรงตามสิ่งที่ต้องการวัด หลักในการสร้าง
แบบทดสอบแบบเติมค า ลักษณะทั่วไป เป็นข้อสอบที่ประกอบด้วยประโยคหรือข้อความที่ยังไม่สมบูรณ์แล้วให้ผู้ตอบเติมค า หรือประโยค หรือข้อความลงในช่องว่างที่เว้นไว้นั้น เพื่อให้มีใจความสมบูรณ์และถูกต้อง 1) ไม่ควรใช้ข้อความหรือประโยคจาก หนังสือแล้วตัดค าบางค า หรือบาง ข้อความออกมาใช้เป็นค าถาม ควรใช้ข้อความของผู้ออกข้อสอบเอง 2) ค าตอบที่ต้องการให้เติม จะต้องเป็นค าตอบ ที่เฉพาะเจาะจง ไม่ตีความได้หลายนัย เช่น สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นใน...................... สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นใน พ.ศ. ............ 3) ต าแหน่งที่ให้เติมต้องเป็นจุดที่ส าคัญ และตรงตามสิ่งที่ต้องการวัด หลักในการสร้าง
ข้อดี ข้อจ ากัด แบบเติมค า ข้อดี 1) สร้างได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องสร้างตัวลวง 2) ป้องกันโอกาสในการเดาได้ ข้อจ ากัด 1) มักใช้วัดความรู้ความจ า 2) ถ้าเขียนข้อความ หรือประโยคน าไม่ดี อาจตีความหมายคนละอย่างได้
ข้อดี ข้อจ ากัด แบบเติมค า ข้อดี 1) สร้างได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องสร้างตัวลวง 2) ป้องกันโอกาสในการเดาได้ ข้อจ ากัด 1) มักใช้วัดความรู้ความจ า 2) ถ้าเขียนข้อความ หรือประโยคน าไม่ดี อาจตีความหมายคนละอย่างได้
ตัวอย่างข้อสอบแบบเติมค า การวิจัยมี (1)...............................ประเภท จุดเริ่มต้นของการวิจัยคือ (2) ........................................... นักวิจัยเก็บข้อมูลจาก (3)...................................... ที่เป็นตัวแทนของประชากร ซึ่งจะเป็นตัวแทนที่ดี ของประชากรหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ (4)...................................... และ (5)............................................ ค่าที่วัดได้จากประชากร จะถูกเรียกว่า (6)............................................ ส่วนค่าที่วัดได้จากกลุ่ม ตัวอย่างจะถูกเรียกว่า (7)………………………………………… โดยสัญลักษณ์ที่แทนค่าเฉลี่ยของประชากร แทนด้วย(8)…………………..………….. สัญลักษณ์ที่แทนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานประชากร คือ (9)………………………………. ส่วนสัญลักษณ์ที่แทนผลการวัดความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ที่เก็บข้อมูล จากกลุ่มตัวอย่าง คือ (10).....................................
ข้อสอบแบบตอบสั้น 1 2 3 ลักษณะทั่วไป ข้อสอบประเภทนี้คล้ายกับ ข้อสอบแบบเติมค า แต่แตกต่างกันที่ ข้อสอบแบบตอบสั้น เขียนเป็นประโยคที่ สมบูรณ์ แล้วให้ผู้ตอบเป็นคนเขียนตอบ ค าตอบที่ต้องการจะสั้นและกะทัดรัด ได้ ใจความสมบูรณ์ ไม่ใช่เป็นการบรรยายแบบ ข้อสอบอัตนัยหรือความเรียง หลักในการสร้าง ค าตอบที่ต้องการ มักจะสั้นเป็นค าเดียว วลีเดียว หรือประโยคสั้นๆ ที่ได้ใจความครบถ้วนสมบูรณ์ ค าตอบที่ได้ต้องเป็นประเภทตายตัว แน่นอน มักเป็นค าถามที่เกี่ยวกับ ศัพท์ กฎ นิยาม หลักการ เป็นต้น ตัวอย่างข้อสอบ 1) สสาร คืออะไร ? 2) ศีล แปลว่าอะไร ?
ข้อสอบแบบตอบสั้น 1 2 3 ลักษณะทั่วไป ข้อสอบประเภทนี้คล้ายกับ ข้อสอบแบบเติมค า แต่แตกต่างกันที่ ข้อสอบแบบตอบสั้น เขียนเป็นประโยคที่ สมบูรณ์ แล้วให้ผู้ตอบเป็นคนเขียนตอบ ค าตอบที่ต้องการจะสั้นและกะทัดรัด ได้ ใจความสมบูรณ์ ไม่ใช่เป็นการบรรยายแบบ ข้อสอบอัตนัยหรือความเรียง หลักในการสร้าง ค าตอบที่ต้องการ มักจะสั้นเป็นค าเดียว วลีเดียว หรือประโยคสั้นๆ ที่ได้ใจความครบถ้วนสมบูรณ์ ค าตอบที่ได้ต้องเป็นประเภทตายตัว แน่นอน มักเป็นค าถามที่เกี่ยวกับ ศัพท์ กฎ นิยาม หลักการ เป็นต้น ตัวอย่างข้อสอบ 1) สสาร คืออะไร ? 2) ศีล แปลว่าอะไร ?
ข้อสอบแบบตอบสั้น 1 2 3 ลักษณะทั่วไป ข้อสอบประเภทนี้คล้ายกับ ข้อสอบแบบเติมค า แต่แตกต่างกันที่ ข้อสอบแบบตอบสั้น เขียนเป็นประโยคที่ สมบูรณ์ แล้วให้ผู้ตอบเป็นคนเขียนตอบ ค าตอบที่ต้องการจะสั้นและกะทัดรัด ได้ ใจความสมบูรณ์ ไม่ใช่เป็นการบรรยายแบบ ข้อสอบอัตนัยหรือความเรียง หลักในการสร้าง ค าตอบที่ต้องการ มักจะสั้นเป็นค าเดียว วลีเดียว หรือประโยคสั้นๆ ที่ได้ใจความครบถ้วนสมบูรณ์ ค าตอบที่ได้ต้องเป็นประเภทตายตัว แน่นอน มักเป็นค าถามที่เกี่ยวกับ ศัพท์ กฎ นิยาม หลักการ เป็นต้น ตัวอย่างข้อสอบ 1) สสาร คืออะไร ? 2) ศีล แปลว่าอะไร ?
ข้อสอบแบบตอบสั้น 1 2 3 ลักษณะทั่วไป ข้อสอบประเภทนี้คล้ายกับ ข้อสอบแบบเติมค า แต่แตกต่างกันที่ ข้อสอบแบบตอบสั้น เขียนเป็นประโยคที่ สมบูรณ์ แล้วให้ผู้ตอบเป็นคนเขียนตอบ ค าตอบที่ต้องการจะสั้นและกะทัดรัด ได้ ใจความสมบูรณ์ ไม่ใช่เป็นการบรรยายแบบ ข้อสอบอัตนัยหรือความเรียง หลักในการสร้าง ค าตอบที่ต้องการ มักจะสั้นเป็นค าเดียว วลีเดียว หรือประโยคสั้นๆ ที่ได้ใจความครบถ้วนสมบูรณ์ ค าตอบที่ได้ต้องเป็นประเภทตายตัว แน่นอน มักเป็นค าถามที่เกี่ยวกับ ศัพท์ กฎ นิยาม หลักการ เป็นต้น ตัวอย่างข้อสอบ 1) สสาร คืออะไร ? 2) ศีล แปลว่าอะไร ?
ข้อดี ข้อจ ากัด แบบตอบสั้น ข้อดี 1) เหมาะที่จะวัดด้านความรู้ความจ า หรือ ให้จ าข้อความทุกประโยค ทุกค ากล่าว หรือความรู้เกี่ยวกับ กฎ นิยาม หลักการ 2) สามารถวัดในเนื้อหาที่เกี่ยวกับรูปใน แผนที่ แผนภูมิ รูปภาพ ได้ดี ข้อจ ากัด 1) อาจมีปัญหาในการให้คะแนน เพราะค าตอบที่ ผู้สอบเขียนตอบนั้นอาจจะผิดพลาดเล็กน้อยด้านภาษา 2) การเขียนค าตอบให้จ าเพาะเจาะจง และมี ค าตอบเพียงค าตอบเดียวจริง ท าได้ยาก 3) อาจใช้วัดระดับการคิดขั้นสูงได้ไม่ดี เท่าที่ควร
ข้อดี ข้อจ ากัด แบบตอบสั้น ข้อดี 1) เหมาะที่จะวัดด้านความรู้ความจ า หรือ ให้จ าข้อความทุกประโยค ทุกค ากล่าว หรือความรู้เกี่ยวกับ กฎ นิยาม หลักการ 2) สามารถวัดในเนื้อหาที่เกี่ยวกับรูปใน แผนที่ แผนภูมิ รูปภาพ ได้ดี ข้อจ ากัด 1) อาจมีปัญหาในการให้คะแนน เพราะค าตอบที่ ผู้สอบเขียนตอบนั้นอาจจะผิดพลาดเล็กน้อยด้านภาษา 2) การเขียนค าตอบให้จ าเพาะเจาะจง และมี ค าตอบเพียงค าตอบเดียวจริง ท าได้ยาก 3) อาจใช้วัดระดับการคิดขั้นสูงได้ไม่ดี เท่าที่ควร
ตัวอย่างข้อสอบแบบตอบสั้น 1) สสาร คืออะไร ? 2) ศีล แปลว่าอะไร ? 3) เรื่องพระอภัยมณีเป็นบทประพันธ์ของใคร ?
แบบทดสอบแบบจับคู่ ลักษณะทั่วไป เป็นข้อสอบเลือกตอบชนิดหนึ่ง โดยมีค าหรือข้อความแยกออก จากกันเป็น 2 ชุด แล้วให้ผู้ตอบจับคู่ว่า แต่ละข้อความในชุดหนึ่ง (ตัวยืน) จะคู่กับข้อความใด ในอีกชุดหนึ่ง (ตัวเลือก) ซึ่งมีความสัมพันธ์กันอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่ผู้ออกข้อสอบก าหนด ไว้ เช่น ให้หาความสัมพันธ์ระหว่าง ศัพท์ กับ ค าแปล เวลา กับ เหตุการณ์ หรือเรื่องราว หรือสถานที่ โจทย์ปัญหา กับ ผลลัพธ์หรือค าตอบ ชื่อคน กับ ชื่อผลงาน ชื่อประเทศ กับ ชื่อเมืองหลวง
แบบทดสอบแบบจับคู่ หลักในการสร้าง 1 2 3 4 5 6 ตัวเลือกควรมีจ านวน มากกว่าตัวยืน 2 – 4 ข้อ ข้อความในแต่ละชุดต้องเป็น เอกพันธ์ (Homogeneous) ตัวยืนในแต่ละข้อมีโอกาสจับคู่กับตัวเลือก ทุกข้อ แต่ข้อที่ถูกมีเพียงข้อเดียว ไม่ควร เฉลยให้ตัวเลือกหนึ่งข้อ สามารถจับคู่กับ ตัวยืนแล้วถูกมากกว่าหนึ่งข้อ ข้อสอบในชุดตัวยืนและตัวเลือก ทุกข้อต้องอยู่ในหน้าเดียวกัน เขียนค าชี้แจงให้ชัดเจนว่าให้จับคู่ โดยยึดความสัมพันธ์แบบใด รูปแบบของแบบทดสอบจับคู่ ส่วนใหญ่จะให้ผู้ตอบน าอักษร หน้าข้อความทางขวามือไปใส่ใน วงเล็บหน้าข้อความทางซ้ายมือ ลักษณะเช่นนี้ผู้เข้าสอบอาจจะไม่ สะดวก จึงควรเปลี่ยนรูปแบบใหม่
แบบทดสอบแบบจับคู่ หลักในการสร้าง 1 2 3 4 5 6 ตัวเลือกควรมีจ านวน มากกว่าตัวยืน 2 – 4 ข้อ ข้อความในแต่ละชุดต้องเป็น เอกพันธ์ (Homogeneous) ตัวยืนในแต่ละข้อมีโอกาสจับคู่กับตัวเลือก ทุกข้อ แต่ข้อที่ถูกมีเพียงข้อเดียว ไม่ควร เฉลยให้ตัวเลือกหนึ่งข้อ สามารถจับคู่กับ ตัวยืนแล้วถูกมากกว่าหนึ่งข้อ ข้อสอบในชุดตัวยืนและตัวเลือก ทุกข้อต้องอยู่ในหน้าเดียวกัน เขียนค าชี้แจงให้ชัดเจนว่าให้จับคู่ โดยยึดความสัมพันธ์แบบใด รูปแบบของแบบทดสอบจับคู่ ส่วนใหญ่จะให้ผู้ตอบน าอักษร หน้าข้อความทางขวามือไปใส่ใน วงเล็บหน้าข้อความทางซ้ายมือ ลักษณะเช่นนี้ผู้เข้าสอบอาจจะไม่ สะดวก จึงควรเปลี่ยนรูปแบบใหม่
แบบทดสอบแบบจับคู่ หลักในการสร้าง 1 2 3 4 5 6 ตัวเลือกควรมีจ านวน มากกว่าตัวยืน 2 – 4 ข้อ ข้อความในแต่ละชุดต้องเป็น เอกพันธ์ (Homogeneous) ตัวยืนในแต่ละข้อมีโอกาสจับคู่กับตัวเลือก ทุกข้อ แต่ข้อที่ถูกมีเพียงข้อเดียว ไม่ควร เฉลยให้ตัวเลือกหนึ่งข้อ สามารถจับคู่กับ ตัวยืนแล้วถูกมากกว่าหนึ่งข้อ ข้อสอบในชุดตัวยืนและตัวเลือก ทุกข้อต้องอยู่ในหน้าเดียวกัน เขียนค าชี้แจงให้ชัดเจนว่าให้จับคู่ โดยยึดความสัมพันธ์แบบใด รูปแบบของแบบทดสอบจับคู่ ส่วนใหญ่จะให้ผู้ตอบน าอักษร หน้าข้อความทางขวามือไปใส่ใน วงเล็บหน้าข้อความทางซ้ายมือ ลักษณะเช่นนี้ผู้เข้าสอบอาจจะไม่ สะดวก จึงควรเปลี่ยนรูปแบบใหม่
แบบทดสอบแบบจับคู่ หลักในการสร้าง 1 2 3 4 5 6 ตัวเลือกควรมีจ านวน มากกว่าตัวยืน 2 – 4 ข้อ ข้อความในแต่ละชุดต้องเป็น เอกพันธ์ (Homogeneous) ตัวยืนในแต่ละข้อมีโอกาสจับคู่กับตัวเลือก ทุกข้อ แต่ข้อที่ถูกมีเพียงข้อเดียว ไม่ควร เฉลยให้ตัวเลือกหนึ่งข้อ สามารถจับคู่กับ ตัวยืนแล้วถูกมากกว่าหนึ่งข้อ ข้อสอบในชุดตัวยืนและตัวเลือก ทุกข้อต้องอยู่ในหน้าเดียวกัน เขียนค าชี้แจงให้ชัดเจนว่าให้จับคู่ โดยยึดความสัมพันธ์แบบใด รูปแบบของแบบทดสอบจับคู่ ส่วนใหญ่จะให้ผู้ตอบน าอักษร หน้าข้อความทางขวามือไปใส่ใน วงเล็บหน้าข้อความทางซ้ายมือ ลักษณะเช่นนี้ผู้เข้าสอบอาจจะไม่ สะดวก จึงควรเปลี่ยนรูปแบบใหม่
แบบทดสอบแบบจับคู่ หลักในการสร้าง 1 2 3 4 5 6 ตัวเลือกควรมีจ านวน มากกว่าตัวยืน 2 – 4 ข้อ ข้อความในแต่ละชุดต้องเป็น เอกพันธ์ (Homogeneous) ตัวยืนในแต่ละข้อมีโอกาสจับคู่กับตัวเลือก ทุกข้อ แต่ข้อที่ถูกมีเพียงข้อเดียว ไม่ควร เฉลยให้ตัวเลือกหนึ่งข้อ สามารถจับคู่กับ ตัวยืนแล้วถูกมากกว่าหนึ่งข้อ ข้อสอบในชุดตัวยืนและตัวเลือก ทุกข้อต้องอยู่ในหน้าเดียวกัน เขียนค าชี้แจงให้ชัดเจนว่าให้จับคู่ โดยยึดความสัมพันธ์แบบใด รูปแบบของแบบทดสอบจับคู่ ส่วนใหญ่จะให้ผู้ตอบน าอักษร หน้าข้อความทางขวามือไปใส่ใน วงเล็บหน้าข้อความทางซ้ายมือ ลักษณะเช่นนี้ผู้เข้าสอบอาจจะไม่ สะดวก จึงควรเปลี่ยนรูปแบบใหม่
แบบทดสอบแบบจับคู่ หลักในการสร้าง 1 2 3 4 5 6 ตัวเลือกควรมีจ านวน มากกว่าตัวยืน 2 – 4 ข้อ ข้อความในแต่ละชุดต้องเป็น เอกพันธ์ (Homogeneous) ตัวยืนในแต่ละข้อมีโอกาสจับคู่กับตัวเลือก ทุกข้อ แต่ข้อที่ถูกมีเพียงข้อเดียว ไม่ควร เฉลยให้ตัวเลือกหนึ่งข้อ สามารถจับคู่กับ ตัวยืนแล้วถูกมากกว่าหนึ่งข้อ ข้อสอบในชุดตัวยืนและตัวเลือก ทุกข้อต้องอยู่ในหน้าเดียวกัน เขียนค าชี้แจงให้ชัดเจนว่าให้จับคู่ โดยยึดความสัมพันธ์แบบใด รูปแบบของแบบทดสอบจับคู่ ส่วนใหญ่จะให้ผู้ตอบน าอักษร หน้าข้อความทางขวามือไปใส่ใน วงเล็บหน้าข้อความทางซ้ายมือ ลักษณะเช่นนี้ผู้เข้าสอบอาจจะไม่ สะดวก จึงควรเปลี่ยนรูปแบบใหม่
ตัวอย่าง ข้อสอบแบบจับคู่ ก. กากี 1. มะเดวี ( ) ข. อิเหนา 2. มณโฑ ( ) ค. สังข์ทอง 3. ปอร์เซีย ( ) ง. รามเกียรติ์ 4. ปอละเตียง ( ) จ. เวนิชวานิช 5. สุวรรณมาลี ( ) ฉ. พระอภัยมณี ช. ผู้ชนะสิบทิศ ซ. ขุนช้างขุนแผน ฌ. กามนิตวาสิฏฐี
ข้อดี ข้อจ ากัด แบบจับคู่ ข้อดี 1. สร้างได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว 2. ตรวจให้คะแนนได้ง่าย ยุติธรรม ข้อจ ากัด 1. ข้อสอบมักไม่เป็นเอกพันธ์ 2. เน้นการวัดความรู้ความจ า 3. มีโอกาสในการเดา 4. ไม่เหมาะสมที่จะน าข้อสอบชนิดนี้ ไปสร้างข้อสอบจ านวนมาก ๆ 5. วัดได้ไม่ครอบคลุมเนื้อหา
ข้อดี ข้อจ ากัด แบบจับคู่ ข้อดี 1. สร้างได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว 2. ตรวจให้คะแนนได้ง่าย ยุติธรรม ข้อจ ากัด 1. ข้อสอบมักไม่เป็นเอกพันธ์ 2. เน้นการวัดความรู้ความจ า 3. มีโอกาสในการเดา 4. ไม่เหมาะสมที่จะน าข้อสอบชนิดนี้ ไปสร้างข้อสอบจ านวนมาก ๆ 5. วัดได้ไม่ครอบคลุมเนื้อหา
แบบทดสอบแบบเลือกตอบ ลักษณะทั่วไป ค าถามแบบเลือกตอบโดยทั่วไปจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนน า หรือ ค าถาม กับส่วนตัวเลือก ในส่วนของตัวเลือกจะแบ่งออกเป็นตัวถูกและตัวลวง หลักในการสร้าง 1. เขียนค าถามให้เป็นประโยคที่สมบูรณ์ และใส่เครื่องหมาย ? ต่อท้าย 2. ค าถามชัดเจน ตรงจุด ไม่คลุมเครือ 3. ควรถามในเรื่องที่เกิดประโยชน์ 4. หลีกเลี่ยงค าถามปฏิเสธซ้อน เช่น ถ้าต้นไม้ไม่ได้รับแสงแดดจะไม่มีลักษณะอย่างไร ?
แบบทดสอบแบบเลือกตอบ ลักษณะทั่วไป ค าถามแบบเลือกตอบโดยทั่วไปจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนน า หรือ ค าถาม กับส่วนตัวเลือก ในส่วนของตัวเลือกจะแบ่งออกเป็นตัวถูกและตัวลวง หลักในการสร้าง 1. เขียนค าถามให้เป็นประโยคที่สมบูรณ์ และใส่เครื่องหมาย ? ต่อท้าย 2. ค าถามชัดเจน ตรงจุด ไม่คลุมเครือ 3. ควรถามในเรื่องที่เกิดประโยชน์ 4. หลีกเลี่ยงค าถามปฏิเสธซ้อน เช่น ถ้าต้นไม้ไม่ได้รับแสงแดดจะไม่มีลักษณะอย่างไร ?
หลักในการสร้าง (ต่อ) 5. ไม่ใช้ค าฟุ่มเฟือย 6. เขียนตัวเลือกให้เป็นเอกพันธ์ 7. มีค าตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว 8. เขียนตัวเลือกให้อิสระจากกัน เช่น คนไทยส่วนใหญ่มีอาชีพอะไร ? ก. ท าไร่ ข. ท าสวน ค. ค้าขาย ง. เกษตรกรรม จ. อุตสาหกรรม 9. ไม่แนะค าตอบ เช่น ค าถามข้อหลังๆ ถูกแนะจากข้อแรกๆ , ถามในเรื่อง ที่คล่องปากอยู่แล้ว
ข้อดี ข้อจ ากัด แบบเลือกตอบ ข้อดี 1. วัดได้ครอบคลุมเนื้อหา 2. ตรวจให้คะแนนได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว และยุติธรรม 3. ตัดปัญหาเกี่ยวกับลายมือ 4. สามารถวินิจฉัยข้อบกพร่องได้ อย่างเป็นระบบ ข้อจ ากัด 1. ค่าใช้จ่ายสูง 2. ใช้เวลาในการสร้างมาก โดยเฉพาะการเขียนตัวลวง ให้มีคุณภาพ
รูปแบบของข้อสอบแบบเลือกตอบโดยทั่วไป รูปแบบค าถามเดี่ยว รูปแบบตัวเลือกคงที่ รูปแบบสถานการณ์
การวัดและประเมินผลการเรียนการสอน (Instrument)
การวัด & การประเมิน (Measurement) (Evaluation)
ธรรมชาติการวัดและประเมินผลทางการศึกษา - วัดทางอ้อม - วัดเพียงบางส่วน - ค่าที่ได้มีลักษณะเชิงเปรียบเทียบ - มีความผิดพลาดเสมอ - มาตรวัดไม่ละเอียดพอ - หน่วยคะแนนที่วัดมีขนาดไม่เท่ากัน
X = T + E ด.ช. ก 5 = 7 (-2) + ด.ช. ข 5 = 3 + (2) สร้างเครื่องมือให ้ ม ี ค ุ ณภาพ
คุณลักษณะที่ดีของข้อสอบปรนัย 1. มีความเที่ยงตรง (Validity) 2. มีความเชื่อมั่น (Reliability) 3. มีอ านาจจ าแนก (Discrimination) 4. มีความยากพอเหมาะ (Difficulty) 6. ถามเฉพาะเจาะจง (Specific) 7. ถามลึก (Searching) 5. มีความเป็ นปรนัย (Objectivity) 8. ถามยั่วยุ (Exemplary) 9. ยุติธรรม (Fair) 10. คุ้มค่า (Valuable)
1. มีความเที่ยงตรง (Validity) - วด ัไดใ้ นส ิ ่ งท ี ่ ตอ ้ งการวด ั - ถามตรงประเด็น, ตรงโครงสร้างความคิด, ตรงจุดประสงค์
2. มีความเชื่อมั่น (Reliability) “ วัดได้คงเส้นคงวา ” วิธีการ สอบซ ้ า แบบสอบคู่ขนาน อาศัยความคงที่ภายใน แบ่งครึ่ ง KR20 KR21 Alpha Hoyt อื่น ๆ
3. มีอ านาจจ าแนก (Discrimination) “จ าแนกเด็กเก่งกับอ่อนได้อย่างถูกต้อง” “ จา แนกตามส ิ ่ งท ี ่ ตอ ้ งการวด ัไดถ ้ ู กตอ ้ ง ”
4. มีความยากพอเหมาะ (Difficulty) “ข้อสอบต้องมีความยากพอเหมาะ ไม่ยาก หรือ ไม่ง่าย เกินไป”
5. มีความเป็ นปรนัย (Objectivity) - เข้าใจได้ตรงกัน - ตรวจให้คะแนนได้ตรงกัน - แปลความหมายคะแนนได้ตรงกัน
6. ถามเฉพาะเจาะจง (Specific) “ค าถามที่กว้างเกินไป อาจท าให้ตอบได้หลายประเด็น ควรระบุให้มีความชัดเจน”
7. ถามลึก (Searching) - ถามใหผ ้ ู ต ้ อบใชค ้ วามค ิ ดข ้ น ั ส ู ง - ผู้ตอบต้องคิดใคร่ครวญจึงตอบได้ วิธีการเขียนข้อสอบให้วัดได้ลึก - อย่าถามตามต าราโดยตรง - ถามแต ่ ส ิ ่ งท ี ่ สา คญ ั - รู้จักชนิดและวิธีเขียนค าถาม - รู้จักรูปแบบและค าถามเลือกตอบชนิดต่าง ๆ - หัดเขียนและวิจารณ์ค าถาม
8. ถามย ั ่ วย ุ(Exemplary) 9. ย ุ ต ิ ธรรม (Fair) 10. ค ้ ุ มค ่ า (Valuable) - กระตุ้นให้ผู้สอบอยากท าข้อสอบ - ใช้สถานการณ์ใกล้ตัว, สนุก เบาสมอง - มีภาพประกอบ “ไม่ล าเอียงในเรื่อง เพศ, ศาสนา, ภาษา, ภูมิประเทศ อาชีพ ฯลฯ “ถามน้อยแต่ครอบคลุม”
L/O/G/O สรุปขั้นตอนการสร้างแบบทดสอบ มาตรฐาน รศ.ดร.ทรงศักดิ์ ภูสีอ่อน
Steps 1 วิเคราะห์จุดประสงค์/เนื้อหา/สิ่งที่ต้องการวัด 2 Test Blueprint 3 เขียนข้อสอบ 4 แบบทดสอบ (ฉบับร่าง) ตรวจสอบความเที่ยงตรง 5 แบบทดสอบฉบับทดลองใช้ 6 วิเคราะห์คุณภาพ และคัดเลือก 7 8 จัดพิมพ์ฉบับจริง (สมบูรณ์)
การจ ัดท าตารางโครงสร้างแบบทดสอบ (Test Blueprint) (ตารางแสดงความสมัพนัธร์ะหวา่งหวัขอ้เนอื้หาวชิาและความสามารถดา้นพุทธพิ สิยั ) 2 3 2 4 4 2 4 4 3 2 2 3 2 3 2 7 4 3 4 2 4 2 2 2 4 6 6 2 2 2 1 3 2 หัวข ้ อเนื้อหา จ านวน ความจ า ความเข้าใจ การประยุกต์ การวิเคราะห์ ประเมินค่า คิดสร้างสรรค์ รวม คาบ Rem Und App Ana Eva Cre 100 1………….. 1 2………….. 2 3………….. 3 4………….. 1 5………….. 1 6………….. 4 7………….. 2 8………….. 4 9………….. 1 10…………. 1 รวม 20 10 30 30 20 10 -- 5 10 15 5 5 20 10 20 5 5
หากต้องการสร้างข้อสอบจ านวน 50 ข้อ (ปรบัตามสดัสว่น) 1 2 1 2 2 1 2 2 2 1 1 1 1 1 1 3 3 1 2 1 2 1 1 1 2 3 3 1 1 1 1 1 1 หัวข ้ อเนื้อหา จ านวน ความจ า ความเข้าใจ การประยุกต์ การวิเคราะห์ ประเมินค่า คิดสร้างสรรค์ รวม คาบ Rem Und App Ana Eva Cre 50 1………….. 1 2………….. 2 3………….. 3 4………….. 1 5………….. 1 6………….. 4 7………….. 2 8………….. 4 9………….. 1 10…………. 1 รวม 20 5 15 15 10 5 -- 3 5 8 2 2 10 5 10 3 2
ก าหนดจุดประสงค์การเรียนรู้/ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังที่จะน าไปออกข้อสอบ หัวข ้อเนื้อหา ความสามารถ ดา้นพทุธพิ สิ ัย น ้าหนัก ความส าคัญ จุดประสงค์ การเรียนรู ้ จ านวน ข ้อสอบ ................. ................. ความจ า 2 บอกขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ วดัผลสัมฤทธดิ์า้นพุทธพิ สิ ัยได้ 2 (MC) ความเข้าใจ 2 ยกตัวอย่างข้อสอบที่ดีและข้อสอบที่ ไม่ดีตามเกณฑ์การสร้างข้อสอบ แต่ละชนิดได้ 2 (MC) ประยุกตใ์ช้ 2 บอกวิธีปฏิบัติในสถานการณ์จริงที่ต้อง สรา้งเครื่องมือวดัผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนดา้นพุทธพิ สิ ัย 2 (MC) วิเคราะห์ 4 ระบุจุดเด่น และ/หรือ จุดบกพร่อง ของข้อสอบที่ก าหนดให้ได้ 4 (MC) ประเมินค่า 4 วจิารณ์ขอ้ สอบที่ก าหนดใหโ้ดยใช้ เกณฑ์คุณลักษณะของข้อสอบที่ดี 1 (E) คิดสร้างสรรค์ 4 เขียนข้อสอบที่วัดความสามารถด้าน พุทธพิ สิ ัยระดับต่างๆ เมื่อก าหนด เนื้อหาวิชาให้ 1 (E)
L/O/G/O ต ัวอย่าง ตารางการหาค่า IOC ตวัชวี้ดัตามมาตรฐาน ผลการประเมิน ผู้เรียนสามารถบอกถึงหน้าที่ หรือความแตกต่างของ ส่วนประกอบตา่งๆของพชื ได้ (วัดความรู้ความจ า) -1 0 1 ข้อสอบ 1. หน้าที่ของใบคืออะไร? ก. ยึดล าต้น ข. ดูดอาหาร ค. สงัเคราะหแ์ สง ง. ล าเลียงอาหาร 2. ข้อใดเป็ นพืชใบเลี้ยงคู่? ก. ข้าว ข. อ้อย ค. กล้วย ง. มะเขือ 1.1) ด ัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์ (IOC-Index of Item Objective Congruence) - 1 หมายถึง ไม่สอดคล ้อง 0 หมายถึง ไม่แน่ใจ 1 หมายถึง สอดคล ้อง
L/O/G/O ข้อค าถาม คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 คนที่ 4 คนที่ 5 IOC ข้อ 1 1 1 1 0 1 4/5=0.8 ข้อ 2 1 0 -1 0 -1 -1/5=-0.2 สรุป... ข้อสอบข้อ 1 มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ สามารถน าไปใชส ้ อบได ้ ข้อสอบข้อ 2 ไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ ไม่ควรน าไปใช ้ ตอ ้ งตดัทงิ้หรอ ื ปรับปรุงใหม่ ต ัวอย่าง การค านวณหาค่า IOC 1.1) ด ัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์ (IOC-Index of Item Objective Congruence) เกณฑก์ารพจิารณา ขอ้ สอบทใี่ชไ้ด้คอืขอ้ สอบทมี่คีา่ IOC ตั้งแต่ .5 ขึ้นไป