The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

65920458 นางสาวอัญชลี เชนชัย ทฤษฎีภาวะผู้นำ (Leadership Theories)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Anchalee Chenchai, 2023-05-17 11:53:28

65920458 นางสาวอัญชลี เชนชัย ทฤษฎีภาวะผู้นำ (Leadership Theories)

65920458 นางสาวอัญชลี เชนชัย ทฤษฎีภาวะผู้นำ (Leadership Theories)

ทฤษฎีภาวะผู้นำผู้ นำ ( L E A D E R S H I P T H E O R I E S )


สมัย มั โบราณมนุษ นุ ย์มี ย์ ค มี วามเชื่อ ชื่ ว่า ว่ การเป็น ป็ ผู้นำผู้ นำเป็นเรื่อ รื่ ง ของความสามารถที่เกิดขึ้น ขึ้ เฉพาะตระกูล กู หรือ รื เฉพาะ บุคคลและสืบ สื เชื้อ ชื้ สายกันได้ บุคลิกและลักษณะของ การเป็นผู้นำผู้ นำเป็นสิ่งสิ่ที่มีม มี าแต่กำ เนิดนิและเป็น ป็ คุณ คุ สมบัติ บั ติ เฉพาะตัว สามารถถ่ายทอดทางพัน พั ธุกรรมได้ ผู้ที่ผู้ ที่ เกิด ในตระกูล กู ของผู้นำผู้ นำย่อ ย่ มจะต้องมีลั มี ลั กษณะผู้นำผู้ นำด้ว ด้ ย


"Dracarys "


1. ทฤษฎีคุณ คุ ลักษณะผู้นำผู้ นำ (Trait Theories) แนวคิดเกี่ยวกับผู้นำ เริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามยุค สมัย มีการศึกษาและรวบรวมทฤษฎีเกี่ยวกับ ภาวะผู้นำ โดยแบ่งตามระยะการพัฒนาดังนี้ 2. ทฤษฎีพฤติกรรมผู้นำผู้ นำ (Behavioral Theories) 3. ทฤษฎีตามสถานการณ์ (Situational or Contingency Leadership Theories)


ทฤษฎีคุณลักษณะผู้นำ (Trait Theories)


ตัวอย่า ย่ งการศึกษาเกี่ยวกับ Trait Theories ของ Gardner 1. The tasks of Leadership : กล่าวถึงงานที่ผู้นำ จำ เป็น ป็ ต้องมี 9 อย่า ย่ ง ได้แก่ มี การกำ หนดเป้าหมายของกลุ่ม ลุ่ มีบ มี รรทัดฐานและค่า นิยมของกลุ่ม ลุ่ รู้จั รู้ ก จั สร้า ร้ งและใช้แ ช้ รงจูงใจ มีก มี าร บริหริารจัด จั การ มีค มี วามสามารถในการปฏิบัติ บั ติการ สามารถอธิบธิายได้ เป็น ป็ ตัวแทนของกลุ่ม ลุ่ แสดงถึง สัญ สั ลักษณ์ของกลุ่ม ลุ่ และมีค มี วามคิดริเริริ่มริ่สร้า ร้ งสรรค์


2. Leader – constituent interaction เชื่อ ชื่ ว่า ว่ ผู้นำ ผู้ นำต้องมีพ มี ลังวิเวิศษเหนือ นื บุคคลอื่นหรือ รื มีอิ มี อิทธิพธิลเหนือ นื บุคคล อื่นๆเพื่อ พื่ ที่สนองตอบความต้องการขั้น ขั้ พื้น พื้ ฐานความคาดหวัง วั ของ บุคคลและผู้นำ ผู้ นำต้องมีค มี วามเป็น ป็ ตัวของตัวเองสามารถพัฒ พั นาตนเอง และพัฒ พั นาให้ผู้ตผู้ ามมีค มี วามแข็ง ข็ แกร่ง ร่ และสามารถยืน ยื อยู่ด้ ยู่ ด้ วนตนเอง อย่า ย่ งอิสระทฤษฎีนี้พบว่า ว่ ไม่มี ม่ คุ มี ณ คุ ลักษณะที่แน่น น่ อนหรือ รื ชี้ชั ชี้ ด ชั ของผู้นำผู้ นำ เพราะผู้นำ ผู้ นำอาจไม่แ ม่ สดงลักษณะเหล่านี้ออกมา


ระยะแรกของการศึกษาภาวะผู้นำผู้ นำเริ่มริ่ ในปี ค.ศ. 1930- 1940 แนวคิดมาจากทฤษฎีมหาบุรุษ รุ (Greatman Theory of Lleadership) ของกรีกรีและโรมันมั โบราณ มีคมีวามเชื่อชื่ว่า ว่ ภาวะผู้นำผู้ นำเกิดขึ้นขึ้เองตาม ธรรมชาติหรือรืโดยกำ เนิดนิ (Born leader) ไม่ส ม่ ามารถเปลี่ยนแปลงได้แ ด้ ต่สามารถเกิดขึ้นขึ้ ได้โด้ ดยการเรียรีนรู้แ รู้ ละ ประสบการณ์ซึ่ณ์ซึ่งซึ่ลักษณะผู้นำผู้ นำที่ดีแดีละมีปมีระสิทสิธิภธิาพสูง สู จะประกอบด้ว ด้ ย ความเฉลียวฉลาด มีบุมีบุ คลิกภาพซึ่งซึ่แสดง ถึงการเป็น ป็ ผู้นำผู้ นำและต้องเป็น ป็ ผู้ที่ผู้ ที่ มีคมีวามสามารถด้ว ด้ ย ผู้นำผู้ นำในยุคนี้ไนี้ ด้แ ด้ ก่ พระเจ้า จ้ นโปเลียน ฮิตเลอร์ พ่อ พ่ ขุนรามคำ แหงมหาราช สมเด็จ ด็ พระนเรศวรมหาราช พระเจ้า จ้ ตากสินสิมหาราช เป็น ป็ ต้น ข้อ ข้ วิจ วิ ารณ์ทฤษฎีคุณ คุ ลักษณะผู้นำผู้ นำ


กล่าวโดยสรุป ทฤษฏีเชิง ชิ คุณ คุ ลักษณะของผู้นำผู้ นำเชื่อ ชื่ ว่า ว่ ภาวะความเป็น ป็ ผู้นำ ขึ้น ขึ้ อยู่กั ยู่ กั บบุคลิกภาพและความสามารถของคนซึ่ง ซึ่ มีลั มี ลั กษณะโดด เด่นเป็น ป็ พิเ พิ ศษเฉพาะบางอย่า ย่ ง ที่จะไม่พ ม่ บในตัวบุคคลที่ไม่ใม่ ช่ผู้ ช่ นำผู้ นำ เช่น ช่ มีค มี วามทะเยอทะยานและมีพ มี ลัง มีค มี วามซื่อ ซื่ สัต สั ย์แ ย์ ละยึด ยึ หลัก คุณ คุ ธรรม มีค มี วามปรารถนาดีที่จะนำ ผู้อื่ผู้ อื่ น มีค มี วามเชื่อ ชื่ มั่น มั่ ในตนเอง มีค มี วามสามารถด้านสติปัญ ปั ญา มีค มี วามรู้เ รู้ กี่ยวกับงานที่ทำ มีค มี วามอดทนต่อภาวะความเครีย รี ด และมีวุ มี วุ ฒิภ ฒิ าวะทางอารมณ์ ข้อ ข้ วิจ วิ ารณ์ท ณ์ ฤษฎีคุณ คุ ลักษณะผู้นำ ผู้ นำ


การประยุกต์ใช้ การนำ ทฤษฎีคุณ คุ ลักษณะผู้นำผู้ นำ (Trait Theories) มาปรัปรั ใช้ใช้ นยุคปัจ ปั จุบัน บั มีดั มี ดั งนี้ logo 1.ผู้นำ ผู้ นำต้องเป็นผู้มีผู้ ค มี วามรู้ (Knowledge) เพราะความรอบรู้ใ รู้ นสิ่งสิ่ต่างๆเป็นต้นทุน ทุ ของการบริหริาร 2.ผู้นำ ผู้ นำต้องมีทั มี ทั กษะ (Skills) เช่น ช่ ทักษะการทำ งานเป็นทีม ทักษะการตัดสินสิ ใจ ทักษะการวางแผน และ ทักษะการจัด จั การองค์กร เป็นต้น 3.ผู้นำ ผู้ นำต้องมีเ มี จตคติ ค่านิยนิมที่ดี (Self-concept) เช่น ช่ มีค มี วามซื่อ ซื่ สัต สั ย์สุ ย์ จ สุ ริตริเข้า ข้ใจวัฒ วั นธรรมที่หลาก หลาย การมีพ มี ลังบวก การไม่มี ม่ อ มี คติและความมีจิ มี ตจิสำ นึก นึ ที่ดี เป็นต้น 4.แรงจูงใจหรือ รื แรงขับ ขั ภายใน (Motive) เป็นพลังที่ทำ ให้บุ ห้ บุ คคลแสดงพฤติกรรมเพื่อ พื่ มุ่ง มุ่ ไปสู่เสู่ ป้า ป้ หมายจนประสบความสำ เร็จ ร็ เช่น ช่ ความมุ่ง มุ่ มั่น มั่ ความมีอุ มี อุ ดมการณ์ ความสามารถในการสร้า ร้ งแรง ใฝ่ เรีย รี นรู้แ รู้ ละมีค มี วามกระตืรือ รื ร้น ร้ เป็น ป็ ต้น 5.บุคลิกลักษณะประจำ ของแต่ละบุคคล (Trait) เช่น ช่ การมุ่ง มุ่ มั่น มั่ ด้า ด้ นการผลิต/คิดผลผลิต มี วิจวิารณญาณ มีค มี วามอ่อนน้อ น้ มถ่อมตน การมีทั มี ทั กษะการฟัง ฟั ที่ลึกซึ้ง ซึ้ ความเห็น ห็ อกเห็น ห็ ใจ มีก มี ารคิดทัน ต่อโลก ปฏิบัติ บั ตินเข้า ข้ กับท้องถิ่นได้ และมีทั มี ทั กษะความเป็นผู้นำผู้ นำเป็นต้น


จากทุกข้อที่กล่าวมานี้สามารถนำ มาปรับใช้ในการที่ประเทศไทย ก้าวสู่ยุค 4.0 ซึ่งผู้นำ จำ เป็นต้องมีประสิทธิภาพ เพื่อนำ พาสถานศึกษา ให้มีการขับเคลื่อนเพื่อให้ประเทศไทยมีความทันสมัย


2. ทฤษฎีพฤติกรรมผู้นำผู้ นำ (BEHAVIORAL THEORIES)


ยกตัว ตั อย่า ย่ งการศึก ศึ ษาของนัก นั วิช วิ าการ พร้อ ร้ มผลการศึก ศึ ษา เป็น ป็ การพัฒนาในช่ว ช่ งปี ค.ศ.1940 – 1960 แนวคิดหลักของ ทฤษฎี คือ ให้ม ห้ องในสิ่ง สิ่ ที่ผู้ ที่ นำผู้ นำ ปฏิบัติ บั ติ และชี้ใ ชี้ ห้เ ห้ ห็นว่าทั้งผู้นำ และผู้ ตามต่างมีอิ มีอิ ทธิพลซึ่งกันและกันนักทฤษฎี ได้แก่ Kurt Lewin, Rensis Likert, Blake and Mouton และ Douglas McGregor


ANALYSIS THE IDEA 1. Kurt Lewin’ s Studies Lewin แบ่งลักษณะผู้นำ เป็น ป็ 3 แบบ


Created by: Thynk unlimited 1.1 ผู้นำผู้ นำแบบอัตถนิยนิมหรือรือัตตา (AUTOCRATIC LEADERS) จะตัดสินสิ ใจ ด้ว ด้ ยตนเอง ไม่มี ม่ เมีป้า ป้ หมายหรือรืวัตวัถุป ถุ ระสงค์ แน่น น่ อนขึ้น ขึ้ อยู่กั ยู่ กับตัวผู้นำผู้ นำเอง คิดถึงผลงานไม่ คิดถึงคน บางครั้งรั้ทำ ให้เ ห้ กิดศัตรูไ รู ด้ ผู้นำผู้ นำ ลักษณะนี้จ นี้ ะใช้ไช้ ด้ดี ด้ ใดีนช่ว ช่ งภาวะวิกวิฤตเท่านั้นนั้ผล ของการมีผู้มีนำผู้ นำลักษณะนี้จ นี้ ะทำ ให้ผู้ ห้ ใผู้ต้บังบัคับ บัญบัชาไม่มี ม่ คมีวามเชื่อชื่มั่นมั่ ในตัวเอง และไม่เ ม่ กิด ความคิดริเริริ่มริ่สร้า ร้ งสรรค์


1. 2 ผู้นำผู้ นำแบบประชาธิปธิ ไตย (DEMOCRATIC LEADERS) ใช้กช้ารตัดสินสิ ใจของกลุ่มลุ่หรือรืให้ผู้ห้ตผู้ ามมีส่มีวส่นร่วร่มในการตัดสินสิ ใจรับรั ฟังฟัความคิดเห็นห็ ส่วส่นรวม ทำ งานเป็นทีมมีกมีารสื่อสื่สารแบบ 2 ทาง ทำ ให้เห้พิ่มพิ่ผลผลิตและความพึงพึพอใจ ในการทำ งาน บางครั้งรั้การอิงกลุ่มลุ่ทำ ให้ให้ช้เช้วลานานในการตัดสินสิ ใจระยะเวลาที่เร่งร่ด่วด่น ผู้นำผู้ นำลักษณะนี้ไม่เม่กิดผลดี


1.3 ผู้นำผู้ นำแบบตามสบายหรือ รื เสรีนิ รี ยนิม (Laissez- Faire Leaders) จะให้อิสระกับผู้ใต้บังคับบัญชาเต็มที่ในการ ตัดสินใจแก้ปัญหาจะไม่มีการกำ หนดเป้าหมาย ที่แน่นอน ไม่มีหลักเกณฑ์ไม่มีระเบียบ จะทำ ให้ เกิดความคับข้องใจหรือความไม่พอใจของผู้ร่วม งานได้และได้ผลผลิตต่ำ การทำ งานของผู้นำ ลักษณะนี้เป็นการกระจายงานไปที่กลุ่ม ถ้ากลุ่ม มีความรับผิดชอบและมีแรงจูงใจในการทำ งาน สูง สามารถควบคุมกลุ่มได้ดี มีผลงานและความ คิดริเริ่มสร้างสรรค์


ลักษณะผู้นำผู้ นำแต่ละแบบจะสร้า ร้ ง บรรยากาศในการทำ งานที่แตก ต่างกันดังนั้น นั้ การเลือกใช้ ลักษณะผู้นำผู้ นำแบบใดย่อ ย่ มขึ้น ขึ้ อยู่ กับความเหมาะสมของ สถานการณ์ด้ ณ์ วย


2.1 Rensis Likert และสถาบับัน บั น บั วิวิจัวิจัวิย จั ย จั สัสัง สั ง สั คม มหาวิวิทวิวิยาลัลั ลั ย ลั ยมิมิชิมิชิมิแชิชิกนทำทำ ทำทำ การวิวิจัวิจัวิย จั ย จั ด้ด้า ด้ า ด้ นภาวะผู้ผู้นำผู้นำผู้ นำนำ โดยใช้ช้เ ช้ เ ช้ ครื่รื่ รื่ อ รื่ อ รื่รื่ งมืมือ มื อ มื ที่ที่ ที่ที่Likertและกลุ่ลุ่ ลุ่ ม ลุ่ ลุ่ ม ลุ่ คิคิคิดคิขึ้ขึ้ ขึ้ น ขึ้ขึ้ น ขึ้ ประกอบ ด้ด้ว ด้ ว ด้ ย ความคิคิคิดคิรวบยอดเรื่รื่ รื่ อ รื่ อ รื่รื่ ง ภาวะผู้ผู้นำผู้นำผู้ นำนำ แรงจูจู จู ง จู งใจ การติติติดติต่ต่ ต่ อ ต่ อสื่สื่ สื่สื่ อ สื่ อ สื่สาร การปฎิฎิฎิสัฎิสัม สั ม สั พัพัน พั น พั ธ์ธ์แ ธ์ แ ธ์ ละการใช้ช้ ช้ช้ อิอิอิทอิธิธิพธิธิล การตัตั ตั ด ตั ดสิสินสิสิ ใจ การตั้ตั้ ตั้ ง ตั้ ตั้ ง ตั้ เป้ป้า ป้ า ป้ หมาย การ ควบคุคุม คุ ม คุ คุคุณ คุ ณ คุ ภาพและสมรรถนะของเป้ป้า ป้ า ป้ หมาย โดยแบ่บ่ง บ่ ง บ่ ลัลั ลั ก ลั กษณะผู้ผู้นำผู้นำผู้ นำนำเป็ป็น ป็ น ป็ 4 แบบ มีมีดั มี ดั มี ง ดั ง ดั นี้นี้ นี้นี้ Rensis Likert 2. Likert’s Michigan Studies


2.1.1 แบบใช้อำ นาจ (Explortive – Authoritative) ผู้บริห ริ ารใช้ อำ นาจเผด็จการสูงไว้ว ว้ างใจผู้ใต้บังคับบัญชาเล็กน้อย บังคับบัญชาแบบ ขู่เข็ญมากกว่า ว่ การชมเชยการติดต่อสื่อสารเป็น ป็ แบบทางเดียวจากบนลงล่าง การตัดสินใจอยู่ในระดับเบื้องบนมาก


2.1.2 แบบใช้อำ นาจเชิงเมตตา (Benevolent – Authoritative) ปกครองแบบพ่อปกครองลูก ให้ความไว้ว ว้ างใจผู้ใต้บังคับบัญชา จูงใจ โดยการให้รางวัลแต่บางครั้งขู่ลงโทษ ยอมให้การติดต่อสื่อสารจากเบื้อง ล่างสู่เบื้องบนได้บ้างรับฟัง ฟั ความคิดเห็นจากผู้ใต้บังคับบัญชาบ้าง และ บางครั้งยอมให้การตัดสินใจแต่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดของผู้ บังคับบัญชา


2.1.3 แบบปรึก รึ ษาหารือ รื (Consultative – Democratic) ผู้บริห ริ ารจะ ให้ความไว้ว ว้ างใจ และการตัดสินใจแต่ไม่ทั้ง ทั้ หมด จะใช้ความคิดและความ เห็นของผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอให้รางวัลเพื่อสร้างแรงจูงใจ จะลงโทษ นานๆครั้งและใช้การบริห ริ ารแบบมีส่วนร่วมมีการติดต่อสื่อสารแบบ 2 ทาง จากระดับล่างขึ้นบนและจากระดับบนลงล่างการวางนโยบายและการตัดสิน ใจมาจากระดับบน ขณะเดียวกันก็ยอมให้การตัดสินใจบางอย่างอยู่ใน ระดับล่าง ผู้บริห ริ ารเป็น ป็ ที่ปรึก รึ ษาในทุกด้าน


2.1.4 แบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ริ (Participative – Democratic) บริห ริ ารให้ความไว้ว ว้ างใจ และเชื่อถือผู้ใต้บังคับบัญชา ยอมรับความคิดเห็นของ ผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอมีการให้รางวัลตอบแทนเป็น ป็ ความมั่นมั่คงทางเศรษฐกิจ แก่กลุ่มมีการบริห ริ ารแบบมีส่วนร่วม ตั้ง ตั้ จุดประสงค์ร่วมกันมีการประเมินความ ก้าวหน้า มีการติดต่อสื่อสารแบบ 2 ทางทั้ง ทั้ จากระดับบนและระดับล่าง ใน ระดับเดียวกันหรือ รืในกลุ่มผู้ร่วมงานสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการบริห ริ ารได้ทั้ง ทั้ ในกลุ่มผู้บริห ริ ารและกลุ่มผู้ร่วมงาน


Likert พบว่า ว่ การบริห ริ ารแบบที่ 4 จะทำ ให้ผู้นำ ประสบผลสำ เร็จและเป็น ป็ ผู้นำ ที่มีประสิทธิภาพและยังพบว่า ว่ ผลผลิตสูงขึ้นด้วย ซึ่งความสำ เร็จขึ้นกับการมีส่วนร่วมมาก น้อยของผู้ใต้บังคับบัญชา


3. BLAKE AND MOUTON’S MANAGERIAL GRID Blake and Mouton กล่าวว่า ว่ ภาวะผู้นำผู้ นำที่ดีมี ดี ปัมี ปัจจัยจั 2 อย่า ย่ งคือ คน (People) และผลผลิต (Product) โดยกำ หนดคุณ คุ ภาพและลักษณะ สัมสัพันพัธภาพของคนเป็น ป็ 1 – 9 และกำ หนดผลผลิตเป็น ป็ 1 – 9 เช่น ช่ กัน และ สรุป รุ ว่า ว่ ถ้าคนมีคุ มี ณ คุ ภาพสูง สู จะส่ง ส่ ผลให้ผ ห้ ลผลิตมีปมี ริมริาณและคุณ คุ ภาพสูง สู ตามไปด้ว ด้ ย เรีย รี กรูป รู แบบนี้ว่ นี้ า ว่ Nine-Nine Style (9, 9 style) ซึ่ง ซึ่ รูป รู แบบ ของการบริหริารแบบตาข่า ข่ ยนี้จ นี้ ะแบ่ง บ่ ลักษณะเด่น ด่ ๆของผู้นำผู้ นำไว้ 5 แบบ คือ แบบมุ่ง มุ่ งานเป็น ป็ หลัก แบบมุ่ง มุ่ คนเป็น ป็ หลักแบบมุ่ง มุ่ งานต่ำ มุ่ง มุ่ คนต่ำ แบบ ทางสายกลาง และแบบทำ งานเป็น ป็ ทีม


แบบ 9,1 ผู้นำผู้ นำจะมุ่ง มุ่ เอาแต่งานเป็น ป็ หลัก (Production Oriented) สนใจคนน้อ น้ ย มี พฤติกรรมแบบเผด็จ ด็ การ จะเป็น ป็ ผู้วผู้ างแผน กำ หนดแนวทางการปฏิบัติ บั ติและออกคำ สั่ง สั่ให้ผู้ ห้ ใผู้ต้ บัง บั คับบัญ บั ชาปฏิบัติ บั ติาม เน้น น้ ผลผลิต ไม่ส ม่ นใจ สัม สั พัน พั ธภาพของผู้ร่ผู้ ว ร่ มงานห่า ห่ งเหินหิผู้ร่ผู้ ว ร่ มงาน 1. แบบมุ่ง มุ่ งาน (TASK–ORIENTED/AUTHORITY COMPLIANCE)


2. แบบมุ่ง มุ่ คนสูง สู (COUNTRY CLUB MANAGEMENT) แบบ 1,9 ผู้นำ จะเน้นการใช้มนุษยสัมพันธ์และเน้นความพึงพอใจของผู้ ตามในการทำ งานไม่คำ นึงถึงผลผลิตขององค์การ ส่งเสริม ริให้ทุกคนมี ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่ที่มีความสุขนำ ไปสู่สภาพ การณ์สิ่งแวดล้อมและงานที่น่าอยู่จะมุ่งผลงานโดยไม่สร้างความกดดัน แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยผู้บริห ริ ารมีความเชื่อว่าว่บุคลากรมีความสุขใน การทำ งาน การนิเทศในการทำ งานควรมีเพียงเล็กน้อยไม่จำ เป็น ป็ ต้องมี การควบคุมในการทำ งานลักษณะคล้ายการทำ งานในครอบครัวที่มุ่งเน้น ความพึงพอใจ ความสนุกสนานในการทำ งานของผู้ร่วมงาน เพื่อหลีก เลี่ยงการต่อต้านต่างๆ


3. แบบมุ่ง มุ่ งานต่ำ มุ่ง มุ่ คนต่ำ (IMPOVERISHED) แบบ 1,1 ผู้บผู้ ริหริารจะสนใจคนและสนใจงาน น้อ น้ ยมาก ใช้ค ช้ วามพยายามเพีย พี งเล็กน้อ น้ ย เพื่อ พื่ ให้ง ห้ านดำ เนินนิ ไปตามที่มุ่ง มุ่ หมาย และคงไว้ ซึ่ง ซึ่ สมาชิกชิภาพขององค์การ ผู้บผู้ ริหริารมี อำ นาจในตนเองต่ำ มีก มี ารประสานงานกับผู้ ใต้บัง บั คับบัญ บั ชาน้อ น้ ยเพราะขาดภาวะผู้นำผู้ นำ และ มัก มั จะมอบหมายให้ผู้ ห้ ใผู้ต้บัง บั คับบัญ บั ชาทำ เป็น ป็ ส่ว ส่ นใหญ่


แบบทางสายกลาง ( MIDDLE OF THE ROAD MANAGEMENT) แบบ 5,5 ผู้บผู้ ริหริารหวัง วั ผลงานเท่ากับขวัญ วั และ กำ ลังใจของผู้ปผู้ ฏิบัติ บั ติงานใช้ร ช้ ะบบราชการที่มีก มี ฎ ระเบีย บี บแบบแผน ผลงานได้จ ด้ ากการปฏิบัติ บั ติาม ระเบีย บี บโดยเน้น น้ ขวัญ วั ความพึง พึ พอใจ หลีกเลี่ยง การใช้กำ ช้ กำ ลังและอำ นาจ ยอมรับ รั ผลที่เกิดขึ้น ขึ้ ตาม ความคาดหวัง วั ของผู้บผู้ ริหริารมีก มี ารจัด จั ตั้ง ตั้ คณะ กรรมการในการทำ งานหลีกเลี่ยงการทำ งานที่ เสี่ย สี่ งเกินไปมีก มี ารประนีปนี ระนอมในการจัด จั การกับ ความขัด ขั แย้ง ย้ ผู้ร่ผู้ ว ร่ มงานคาดหวัง วั ว่า ว่ ผลประโยชน์มี น์ มี ความเหมาะสมกับการปฏิบัติ บั ติงานที่ได้ก ด้ ระทำ ลงไป


5. แบบทำ งานเป็น ป็ ทีม (TEAM MANAGEMENT ) แบบ 9,9 ผู้บผู้ ริหริารให้ค ห้ วามสนใจทั้ง ทั้ เรื่อ รื่ งงานและขวัญ วั กำ ลังใจ ผู้ใผู้ต้บัง บั คับบัญ บั ชาคือ ความต้องการขององค์การและความ ต้องการของคนทำ งานจะไม่ขั ม่ ด ขั แย้ง ย้ กันเน้น น้ การทำ งานอย่า ย่ งมี ประสิทสิธิภธิาพ บรรยากาศในการทำ งานสนุก นุ ผลสำ เร็จ ร็ ของ งานเกิดจากความรู้สึ รู้ ก สึ ยึด ยึ มั่น มั่ ของผู้ปผู้ ฏิบัติ บั ติในการพึ่ง พึ่ พาอาศัย ซึ่ง ซึ่ กันและกันระหว่า ว่ งสมาชิกชิสัม สั พัน พั ธภาพระหว่า ว่ งผู้บผู้ ริหริารกับ ผู้ตผู้ าม เกิดจากความไว้ว ว้ างใจ เคารพนับ นั ถือซึ่ง ซึ่ กันและกัน ผู้ บริหริารแบบนี้เ นี้ ชื่อ ชื่ ว่า ว่ ตนเป็น ป็ เพีย พี งผู้เผู้สนอแนะหรือ รืให้คำ ห้ คำ ปรึก รึ ษา แก่ผู้ใผู้ต้บัง บั คับบัญ บั ชาเท่านั้น นั้ อำ นาจการวินิวิจนิฉัยสั่ง สั่ การและ อำ นาจการปกครองบัง บั คับบัญ บั ชายัง ยั อยู่ที่ ยู่ ที่ ผู้ใผู้ต้บัง บั คับบัญ บั ชามี การยอมรับ รั ความสามารถของแต่ละบุคคล ก่อให้เ ห้ กิดความคิด สร้า ร้ งสรรค์ในการทำ งาน


4. McGregor’s : Theory X and Theory Y Douglas McGregor เป็น ป็ นัก นั จิตจิสัง สั คมชาวอเมริกริาซึ่ง ซึ่ ทฤษฎีนี้เ นี้ กี่ยวข้อ ข้ งกับทฤษฎีแรง จูงใจและทฤษฎีความต้องการขั้น ขั้ พื้น พื้ ฐานของมาสโลว์ซึ่ ว์ ซึ่ ง ซึ่ McGregor มีค มี วามเห็น ห็ ว่า ว่ การทำ งานกับคนจะต้องคำ นึง นึ ถึง ธรรมชาติของมนุษ นุ ย์แ ย์ ละพฤติกรรมของมนุษ นุ ย์ คือ มนุษ นุ ย์มี ย์ ค มี วามต้องการพื้น พื้ ฐาน และต้องการแรงจูงใจ ผู้บผู้ ริหริารที่มีปมี ระสิทสิธิภธิาพจะ ต้องให้สิ่ ห้ งสิ่ที่ผู้ตผู้ ามหรือ รื ผู้ใผู้ต้บัง บั คับบัญ บั ชาต้องการจึง จึ จะทำ ให้ผู้ ห้ ใผู้ต้บัง บั คับบัญ บั ชาเกิดความ ศรัท รั ธาและกระตือรือ รื ร้น ร้ ช่ว ช่ ยกันปฏิบัติ บั ติงานให้บ ห้ รรลุจุ ลุ จุ ดมุ่ง มุ่ หมาย


พื้น พื้ ฐานของคน คือ ไม่ช ม่ อบทำ งานพื้น พื้ ฐานคนขี้ เกียจ อยากได้เ ด้ งินอยากสบาย เพราะฉะนั้น นั้ บุคคล กลุ่ม ลุ่ นี้จำ นี้ จำเป็น ป็ ต้องคอยควบคุม คุ ตลอดเวลาและต้องมี การลงโทษมีก มี ฎระเบีย บี บอย่า ย่ งเคร่ง ร่ ครัด รั


Theory Y เป็น ป็ กลุ่ม ลุ่ ที่มองในแง่ดีมี ดี ค มี วามตระหนัก นั ในหน้า น้ ที่ความรับ รั ผิดผิ ชอบ เต็มใจทำ งาน มีก มี ารเรีย รี นรู้ มีก มี ารพัฒ พั นาตนเอง พัฒ พั นา งาน มีค มี วามคิดสร้า ร้ งสรรค์ และมีศั มี ศั กยภาพในตนเอง


ข้อ ข้ วิจ วิ ารณ์ท ณ์ ฤษฎีพฤติกรรมผู้นำ ผู้ นำ (Behavioral Theories) ทฤษฏีพฤติกรรมเชื่อชื่ว่า ว่ แบบพฤติกรรมบางอย่า ย่ งโดยเฉพาะ ทำ ให้ผู้ ห้ นำผู้ นำ แตกต่างจากผู้ไผู้ม่เ ม่ ป็นผู้นำผู้ นำ พฤติกรรมผู้นำผู้ นำ มีผมีลต่อ ทัศนคติและการปฏิบัติบั ติงานของผู้ใผู้ต้บังบัคับบัญบัชา ทำ ให้มี ห้ คมีวาม จำ เป็นที่จะต้องศึกษาถึงพฤติกรรมของผู้นำผู้ นำ ที่แสดงออกมา ด้วยจึงจึจะทำ ให้ผู้ ห้ นำผู้ นำ มีปมีระสิทสิธิภธิาพมากขึ้นขึ้และทำ ให้ผู้ ห้ นำผู้ นำ มี ความน่าเชื่อชื่ถือมากขึ้นขึ้จนได้รับรัการยอมรับรัว่า ว่ เป็นพื้นพื้ฐาน สำ คัญของภาวะผู้นำผู้ นำ สมัยมั ใหม่ ผู้นำผู้ นำ ที่มีพมีฤติกรรมทั้งทั้แบบมุ่ง มุ่ งาน และแบบมุ่ง มุ่ คน มี แนวโน้มที่ผู้ปผู้ ฏิบัติบั ติงานจะประสบความสำ เร็จ ร็ และมีคมีวามพอใจ สูง สู กว่า ว่ เมื่อมื่เปรียรีบเทียบกับผู้นำผู้ นำ ที่อ่อนด้านใดด้านหนึ่ง หรือรื อ่อนทั้งทั้สองด้าน อย่า ย่ งไรก็ตาม ผู้นำผู้ นำ ที่มีพมีฤติกรรมทั้งทั้แบบมุ่ง มุ่ งาน และแบบมุ่ง มุ่ คนก็ไม่ไม่ ด้หมายความว่า ว่ จะมีผมีลเป็นบวกเสมอ ทั้งทั้นี้เพราะพฤติกรรมของผู้นำผู้ นำ แบบนี้จะทำ ให้อั ห้ อัตราความไม่ พอใจ การขาดงาน การเข้า ข้ ออกจากงานจะสูง สู


ข้อ ข้ วิจวิารณ์ท ณ์ ฤษฎีพฤติกรรมผู้นำผู้ นำ (Behavioral Theories) ผู้นำผู้ นำแบบประชาธิปธิ ไตยเป็น ป็ ภาวะผู้นำผู้ นำที่ดีที่ดี ที่ สุด สุ แม้ว่ ม้ า ว่ จะได้ ปริมริาณงานที่เท่าเทียมกันกับภาวะผู้นำผู้ นำแบบเผด็จ ด็ การ เนื่อนื่งจากผู้ปผู้ ฏิบัติบั ติงานมีโมีอกาสได้แ ด้ สดงความคิดเห็น ห็ และมีส่มีว ส่ น ร่ว ร่ มในการตัดสินสิ ใจ จึงจึทำ ให้เ ห้ กิดความพึงพึพอใจมากกว่า ว่ ส่ว ส่ น ภาวะผู้นำผู้ นำแบบเสรีนิรียนิมให้ผ ห้ ลงานที่อ่อนด้อ ด้ ยที่สุด สุ เพราะเปรียรีบ เสมือมืนกับการปล่อยปละละเลย


การนำ ทฤษฎีพฤติกรรมผู้นำผู้ นำ (Behavioral Theories) มาประยุกต์ใช้ใช้ นปัจปัจุบันบัมีดัมี ดังนี้ การประยุกต์ใช้ 1.ควรนำ พฤติกรรมทั้ง ทั้ แบบมุ่ง มุ่ งาน และแบบมุ่ง มุ่ คนมาประยุกต์ใช้ เพราะผู้ปผู้ ฏิบัติบั ติงานจะประสบความสำ เร็จ ร็ และมีค มี วามพอใจสูง สู เน้น น้ การทำ งานอย่า ย่ งมีปมี ระสิทสิธิภธิาพ บรรยากาศในการทำ งานสนุก นุ ผลสำ เร็จ ร็ ของงานเกิดจากความรู้สึ รู้ ก สึ ยึด ยึ มั่นมั่ของผู้ปผู้ ฏิบัติบั ติในการ พึ่ง พึ่ พาอาศัยซึ่ง ซึ่ กันและกันระหว่า ว่ งสมาชิกชิสัมสัพันพัธภาพระหว่า ว่ งผู้ บริหริารกับผู้ตผู้ าม เกิดจากความไว้ว ว้ างใจ เคารพนับนัถือซึ่ง ซึ่ กันและกัน 2.ควรนำ ภาวะผู้นำผู้ นำแบบประชาธิปธิ ไตยมาใช้ เพราะผู้ปผู้ ฏิบัติบั ติงานมี โอกาสได้แ ด้ สดงความคิดเห็น ห็ และมีส่ มี ว ส่ นร่ว ร่ มในการตัดสินสิ ใจ จึง จึ ทำ ให้ เกิดความพึง พึ พอใจมาก ซึ่ง ซึ่ ทั้ง ทั้ 2 ข้อ ข้ ที่กล่าวมานี้ย่ นี้ อ ย่ มดีก ดี ว่า ว่ การบริหริารโดยใช้อำ ช้ อำ นาจ แบบเผด็จ ด็ การ การมุ่ง มุ่ แต่งานหรือ รื คนอย่า ย่ งเดีย ดี ว ซึ่ง ซึ่ จะทำ ให้ก ห้ าร ทำ งานไม่มี ม่ ปมี ระสิทสิธิภธิาพ


3. ทฤษฎีตามสถานการณ์ (Situational or Contingency Leadership Theories) เรดดินดิเพิ่มพิ่มิติมิ ติประสิทสิธิผธิลเข้า ข้ กับมิติมิ ติพฤติกรรมด้า ด้ นงาน และมิติมิ ติ พฤติกรรมด้า ด้ นมนุษ นุ ยสัมสัพันพัธ์ เรดดินดิกล่าวว่า ว่ แบบภาวะผู้นำผู้ นำต่างๆ อาจมีปมี ระสิทสิธิผธิลหรือ รืไม่ก็ ม่ ก็ได้ขึ้ ด้ ขึ้ น ขึ้ อยู่กั ยู่ กับสถานการณ์ซึ่ง ซึ่ประสิทสิธิผธิลจะ หมายถึง การที่ผู้บผู้ ริหริารประสบความสำ เร็จ ร็ในผลงานตามบทบาท หน้า น้ ที่และความรับรัผิดผิชอบที่มีอ มี ยู่แ ยู่ บบภาวะผู้นำผู้ นำจะมีปมี ระสิทสิธิผธิลมาก หรือ รื น้อ น้ ยไม่ไม่ ด้ขึ้ ด้ ขึ้ น ขึ้ อยู่กั ยู่ กับพฤติกรรมการบริหริารที่มุ่ง มุ่ งานหรือ รื มนุษ นุ ยสัมสัพันพัธ์ซึ่ธ์ซึ่ ง ซึ่ แบบภาวะผู้นำผู้ นำกับสถานการณ์ที่เข้า ข้ กันได้อ ด้ ย่า ย่ ง เหมาะสม เรีย รี กว่า ว่ มีปมี ระสิทสิธิผธิล แต่ถ้าไม่เ ม่ หมาะสมกับสถานการณ์ เรีย รี กว่า ว่ ไม่มี ม่ ปมี ระสิทสิธิผธิล ตัวอย่า ย่ งการศึกษาของนักนัวิชวิาการพร้อ ร้ มผลการศึกษา เป็น ป็ ทฤษฎีที่นำ ปัจจัยจัสิ่งสิ่แวดล้อมของผู้นำผู้ นำมาพิจพิารณาว่า ว่ มี ความสำ คัญต่อความสำ เร็จ ร็ ของผู้บผู้ ริหริารขึ้นขึ้อยู่กั ยู่ กับสิ่งสิ่ แวดล้อมหรือรืสถานการณ์ที่ณ์ ที่ อำ นวยให้


เรดริน ริ ยังแบ่งผู้นำ ออกเป็น ป็ 4 แบบ 1. Separated Leader - ผู้นำ ที่ให้ความสำ คัญกับงานและคนน้อย 2. Dedicated Leader - ผู้นำ ที่ให้ความสำ คัญกับงานมาก แต่ให้ความสัมพันธ์กับคนน้อย 3. Related Leader - ผู้นำ ที่ให้ความสำ คัญกับทีมงานหรือลูกน้องมาก 4. Integrated Leader - ผู้นำ ที่ให้ความสำ คัญทั้งงานและคนในเวลาเดียวกัน


เรดดินดิกล่าวว่า ว่ องค์ประกอบที่สำ คัญในการระบุสถานการณ์มี ณ์ มี 5 ประการ คือ เทคโนโลยี ปรัช รั ญาองค์การ ผู้บัผู้ ง บั คับบัญ บั ชา เพื่อ พื่ นร่ว ร่ มงาน และผู้ใผู้ต้บัง บั คับบัญ บั ชาและเรดดินดิ ได้เ ด้ สนอแนะว่า ว่ องค์ประกอบทางสถานการณ์ที่ ณ์ ที่ มีอิ มี อิทธิพธิลต่อรูป รู แบบภาวะผู้นำผู้ นำที่ เหมาะสม ได้แ ด้ ก่ องค์ประกอบทางเทคโนโลยี องค์การ และคน ดัง ดั นั้น นั้ ในการบริหริารจึง จึ ขึ้น ขึ้ อยู่กั ยู่ กั บผู้บผู้ ริหริารที่จะใช้วิ ช้ จวิารณญาณ พิจพิารณาว่า ว่ จะยึด ยึ องค์ประกอบตัวใดเป็น ป็ หลักในการใช้รู ช้ ป รู แบบ ภาวะผู้นำผู้ นำได้อ ด้ ย่า ย่ งเหมาะสมและมีปมี ระสิทสิธิภธิาพสูง สู สุด สุ


2. Theory Z Organization William Ouchi เชื่อ ชื่ ว่า ว่ มนุษย์ทุ ย์ ก ทุ คนมีค มี วาม คิดสร้า ร้ งสรรค์และความดีอยู่ใยู่ นตัว ควรเปิด โอกาสให้ผู้ปฏิบัติ บั ติงานได้มีส่ มี ว ส่ นร่ว ร่ มในการ พัฒ พั นางาน และมีก มี ารกระจายอำ นาจไปสู่ส่สู่ ว ส่ น ล่าง (Decentralization) และพัฒ พั นาถึง คุณ คุ ภาพชีวิ ชี ตวิ ผู้นำ เป็น ป็ เพีย พี งผู้ที่คอยช่ว ช่ ย ประสานงานร่ว ร่ มคิดพัฒ พั นาและใช้ทั ช้ ทั กษะในการ อยู่ร่ ยู่ ว ร่ มกัน


3. Life – Cycle Theories Hersey and Blanchand ได้เสนอทฤษฎีวงจร ชีวิ ชี ตวิ โดยได้รับ รั อิทธิพธิลจากทฤษฎีเรดดินและยัง ยั ยึด ยึ หลักการเดียวกัน คือ แบบภาวะผู้นำผู้ นำอาจมี ประสิทสิธิผธิลหรือ รื ไม่ก็ ม่ ก็ได้ ขึ้น ขึ้ อยู่กั ยู่ กั บสถานการณ์ องค์ประกอบของภาวะผู้นำผู้ นำตามสถานการณ์ต ณ์ าม ทฤษฎีของเฮอร์เ ร์ ซย์แ ย์ ละบลันชาร์ด ร์ ประกอบด้วย 1. ปริมริาณการออกคำ สั่ง สั่ คำ แนะนำ ต่างๆหรือ รื พฤติกรรมด้านงาน 2. ปริมริาณการสนับ นั สนุน นุ ทางอารมณ์ สัง สั คม หรือ รื พฤติกรรมด้านมนุษ นุ ยสัม สั พัน พั ธ์ 3. ความพร้อ ร้ มของผู้ตผู้ ามหรือ รื กลุ่ม ลุ่ ผู้ตผู้ าม


เ ฮ อ ร์ เซย์แล ะบลันช า ร์ด แบ่งภา ว ะผู้นำ อ อกเป็น 4 แบบ 1. ผู้นำผู้ นำแบบบอกทุก ทุ อย่า ย่ ง (TELLING) 2. ผู้นำผู้ นำแบบขายความคิด (SELLING) 3. ผู้นำผู้ นำแบบเน้น น้ การทำ งานแบบมีส่ มี ว ส่ นร่ว ร่ ม (PARTICIPATION) 4. ผู้นำผู้ นำแบบมอบหมายงานให้ทำ ห้ ทำ (DELEGATION)


Fiedler กล่าวว่า ว่ ภาวะผู้นำผู้ นำที่มีปมี ระสิทสิธิภธิาพต้องประกอบ ด้ว ด้ ยปัจจัยจั 3 ส่ว ส่ น คือ 1. ความสัมสัพันพัธ์รธ์ะหว่า ว่ งผู้นำผู้ นำและผู้ตผู้ าม บุคลิกภาพของ ผู้นำผู้ นำ มีส่ มี ว ส่ นสำ คัญ ที่จะทำ ให้ก ห้ ลุ่ม ลุ่ ยอมรับรั 2. โครงสร้า ร้ งของงาน งานที่ให้ค ห้ วามสำ คัญ เกี่ยวกับ โครงสร้า ร้ งของงานอำ นาจของผู้นำผู้ นำจะลดลง แต่ถ้างานใด ต้องใช้ค ช้ วามคิด การวางแผนผู้นำผู้ นำจะมีอำ มี อำ นาจมากขึ้น ขึ้ 3. อำ นาจของผู้นำผู้ นำผู้นำผู้ นำที่ดีที่ ดี ที่ สุด สุ คือ ผู้ที่ผู้ ที่ เห็น ห็ งานสำ คัญ ที่สุด สุ แต่ถ้าผู้นำผู้ นำที่จะทำ เช่น ช่ นี้ไนี้ ด้ผู้ ด้ นำผู้ นำต้องมีอำ มี อำ นาจและ อิทธิพธิลมาก แต่ถ้าผู้นำผู้ นำมีอิ มี อิทธิพธิลหรือ รื อำ นาจไม่ม ม่ ากพอจะ กลายเป็น ป็ ผู้นำผู้ นำที่เห็น ห็ ความสำ คัญของสัมสัพันพัธภาพระหว่า ว่ ง ผู้นำผู้ นำและผู้ตผู้ ามมากกว่า ว่ เห็น ห็ ความสำ คัญของงาน 4. F I E D L E R ’S C O N T I N G E N CY MO D E L O F L EAD E R SHIP E F F ECT IVE N ESS


ทฤษฎีข อ ง F I E D L E R ภา ว ะผู้นำ ที่มีปร ะสิทธิภา พ หรื อ ไม่มีปร ะสิทธิภา พ ขึ้นอยู่กับ สถานกา รณ์ ถ้าสัม พั นธภา พ ข อ งผู้นำ แล ะผู้ตามดี แล ะมี โคร งสร้ า ง ข อ ง ง านชัดเ จนผู้นำ จ ะสามา รถควบคุมสถานกา รณ์ ข อ ง อ งค์กร ได้


ข้อ ข้ วิจวิารณ์ทฤษฎีตามสถานการณ์ (SITUATIONAL OR CONTINGENCY LEADERSHIP THEORIES) ผู้บผู้ ริหริารควรคำ นึง นึ ถึงความเหมาะสมในการตัดสินสิ ใจดำ เนินนิงานภายใต้สถานการณ์เ ณ์ หล่านี้ ให้ส ห้ อดคล้องกับความต้องการขององค์การและความพึง พึ พอใจของพนัก นั งาน กล่าวคือ แนวคิดการบริหริารเชิงชิสถานการณ์ย่ ณ์ อ ย่ มมีวิ มี ถีวิ ถี ทางที่ดีที่ ดี ที่ สุด สุ ในสภาพแวดล้อมทางการบริหริาร ที่เหมาะสมกับแต่ละองค์การไม่มี ม่ วิ มี ธีวิแ ธี ก้ปัญหาได้ดี ด้ ที่ ดี ที่ สุด สุ วิธีวิเ ธี ดีย ดี ว หรือ รื แก้ปัญหาด้ว ด้ ยวิธีวิ ธี เดีย ดี วกันหากแต่มีห มี ลากหลายวิธีวิ ใธี นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ขึ้ ในองค์การ


1.ถือว่า ว่ การบริหริารจะดีห ดี รือ รืไม่ขึ้ ม่ ขึ้ น ขึ้ อยู่กั ยู่ กั บสถานการณ์ 2.ผู้บผู้ ริหริารจะต้องพยายามวิเวิคราะห์ส ห์ ถานการณ์ใณ์ ห้ดี ห้ ดี ที่สุด สุ 3.เป็น ป็ การผสมผสานแนวคิดระหว่า ว่ งระบบปิดปิและระบบ เปิดปิและยอมรับ รั หลักการของทฤษฎีระหว่า ว่ งทุก ทุ ส่ว ส่ นของ ระบบจะต้องสัม สั พัน พั ธ์แ ธ์ ละมีผ มี ลกระทบซึ่ง ซึ่ กันและกัน สรุปหลักการของการบริห ริ ารโดยสถานการณ์


4.สถานการณ์จณ์ะเป็นตัวกำ หนดการตัดสินสิ ใจ และรูป รู แบบการบริหริารที่เหมาะสม 5.คำ นึง นึ ถึงสิ่งสิ่แวดล้อมและความต้องการของบุคคลในหน่ว น่ ยงานเป็นหลักมากกว่า ว่ ที่จะ แสวงหาวิธีวิกธีารอันดีเดีลิศมาใช้ใช้ นการทำ งาน โดยใช้ปัช้ ปัจจัยจัทางด้า ด้ นจิตจิวิทวิยาในการพิจพิารณา ด้ว ด้ ย 6.เน้น น้ ให้ผู้ ห้ บผู้ ริหริารรู้จั รู้ กจั ใช้ก ช้ ารพิจพิารณาความแตกต่างที่มีอมียู่ใยู่ นหน่ว น่ ยงาน เช่น ช่ ความแตก ต่างระหว่า ว่ งบุคคล ความแตกต่างระหว่า ว่ งระเบียบีบกฎเกณฑ์ วิธีวิกธีาร กระบวนการ และการ ควบคุม คุ งาน เป็นต้น ความแตกต่างระหว่า ว่ งความสัมสัพันพัธ์ขธ์องบุคคลในองค์กร ความแตกต่างระหว่า ว่ งเป้า ป้ หมาย การดำ เนินนิงานขององค์การ เป็น ป็ ต้น สรุปหลักการของการบริห ริ ารโดยสถานการณ์


แนวความคิด คิ ทางการบริห ริ ารเชิง ชิ สถานการณ์ สามารถนำ มาประยุก ยุ ต์ใต์ ช้ใช้ นสถานการณ์ปัณ์ จ ปั จุบั จุ น บั มีดั มี ง ดั นี้


1. การศึก ศึ ษารูป รู แบบของผู้นำผู้ นำที่มุ่ ที่ งมุ่ ความ สัม สั พันธ์ (Relationship-oriented leader) เป็น ป็ ผู้นำผู้ นำที่มุ่ ที่ งมุ่ ความสัม สั พันธ์กั ธ์ บ กั เพื่อนร่ว ร่ มงาน ผู้นำผู้ นำจะสร้า ร้ งความไว้ วางใจ ความเคารพนับ นั ถือ ถื และรับ รั ฟัง ฟั ความต้อ ต้ งการของพนัก นั งาน เป็น ป็ ผู้นำผู้ นำที่ คำ นึง นึ ถึง ถึ ผู้อื่ผู้ น อื่ เป็น ป็ หลัก ลั (Consideration)


Click to View FlipBook Version