วรรณคดีสําหรับงานนาฏยศิลป์
เรื่อง สวุ รรณหงส์
นางสาวศตี ลา อินทรตา
รหสั ประจาํ ตวั นกั ศึกษา 6181163024
รายงานนี้เป็นสํวนหนึง่ ของการศกึ ษาหลกั สูตรครุศาสตรบณั ฑิต
สาขาวิชานาฏยศลิ ป์ศกึ ษา คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา๎ นสมเด็จเจา๎ พระยา
ปกี ารศกึ ษา 2563
คาํ นาํ
รายงานวรรณกรรมฉบบั นี้ เป็นสํวนหนงึ่ ของรายวชิ าวรรณคดสี ําหรับงานนาฏศิลป์(๒๑๕๑๒๓๐๑) มี
จดุ ประสงค์เพ่ือศกึ ษาคน๎ ควา๎ ความรค๎ู วามเข๎าใจในสํวนของการคดั แยกบทกลอนตามแตลํ ะประเภท ซง่ึ รายงาน
ฉบบั นมี้ ีเนื้อหาทีก่ ลาํ วโดยรวมไดว๎ าํ ค๎นควา๎ ความร๎ูในสวํ นของประวตั ิผ๎แู ตงํ ความเป็นมาของเรื่องlหงส์ ภูมิหลังของ
แตํตวั ละครในเรื่อง ในอกี สํวนหน่ึง กลาํ วคือ ความเข๎าใจ โดยในทีน่ ้ี เขา๎ ใจในสํวนของการคดั แยกบทกลอนออก
ตามแตํละประเภทโดยใช๎สญั ญะของสีและนิยามตามหลักความสวยงามของภาษาไทย(วรรณคด)ี เขา๎ มามีสวํ นรวํ ม
รวมไปถึงการวิเคราะห์ตัวละครตามความเข๎าใจจากการอาํ นและสรปุ ของเนอ้ื เร่ืองท้งั หมด
การศกึ ษาค๎นคว๎าวรรณกรรม เรอื่ ง สวุ รรณหงส์ เลมํ นี้ ข๎าพเจ๎าไดจ๎ ดั การและดําเนินงานการศึกษาค๎นคว๎าเป็น
๕ ขนั้ ตอน ๑.สบื ค๎นหาวรรณกรรมท่ีตนสนใจทจี่ ะศึกษา ๒.เร่ิมสบื คน๎ หาหนงั สอื จากหอสมดุ แหํชาติ หรอื สถานท่ีอ่นื
ๆ ๓.เจาะบทกลอน นาํ มาวิเคราะห์ จัดจาํ แนกหมวดหมํู ๔.สรปุ ทกุ สวํ น(ความเปน็ มา เน้อื เร่ือง ตัวละคร) ๕.จดั ทํา
การนําเสนอมาในรูปแบบรูปเลมํ วรรณกรรม ซง่ึ โดยทั้งหมดนี้ศึกษาค๎นควา๎ ได๎จากแหลงํ ความรตู๎ ําง ๆ อาทิ ตํารา
หนงั สอื บทความ เลํมวิจัย แหลํงความร๎จู ากเว็บไซต์
การจัดทาํ รายงานฉบบั นสี้ ําเร็จตามวัตถุประสงค์ ขา๎ พเจา๎ ขอขอบพระคุณอาจารย์ รณกฤต เพชรเกล้ียง
อาจารย์ประจําสาขาวิชา นาฏยศิลปศ์ ึกษา ที่ทํานไดใ๎ ห๎คาํ แนะนาํ การเขียนรายงานตามหลักการ จนทําให๎รายงาน
ฉบบั นส้ี มบูรณ์ในด๎านแผนปฏบิ ตั ิศึกษาการทํารายงาน การเรยี บเรียงเนอ้ื หา การเขยี นบรรณานกุ รมได๎สาํ เรจ็ ลุลํวง
ไปดว๎ ยดี ข๎าพเจ๎าหวงั วํา เนื้อหาในรายงานฉบับนี้ที่ไดเ๎ รยี บเรียงมาจะเปน็ ประโยชนต์ อํ ผ๎ูสนใจในสํวนของ
วรรณกรรมไทย เรื่อง สุวรณหงส์ ได๎เป็นอยาํ งดี หากมสี ิง่ ใดในรายงานฉบับนี้ทีเ่ หมาะควรแกํการปรบั ปรงุ
ข๎าพเจา๎ ขอน๎อมรับในข๎อชี้แนะและจะนาํ ไปแก๎ไขหรือพัฒนาใหถ๎ ูกต๎องสมบรู ณ์ตอํ ไป
นางสาวศตี ลา อินทรตา
๒๐ ธนั วาคม ๒๕๖๓
สารบัญ หนา้
เรอื่ ง
คาํ นาํ
สารบัญ
ประวัตคิ วามเปน็ มาของวรรณคดีเรอื่ งสุวรรณหงส์
ประวตั ิผ๎ูแตํง
- พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหล๎านภาลัย รชั กาลท่ี 2
- พระเจา๎ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงภวู เนตรนรนิ ทรฤทธ์ิ
เนอ้ื เรื่องยอํ
บทประพันธ์
ฉากนํา เมอื งไอยรัตน์ และ เมอื งมัตตัง
ตอนท่ี 1 กลางปุา
ตอนท่ี 2 ศาลาในปุา
ตอนท่ี 3 ในเมืองไอยรัตน์
ตอนท่ี 4 สวนหลวง
ตอนที่ 5 ถา้ํ แก๎ว
ตอนที่ 6 หอ๎ งบรรทม
รายช่ือตัวละคร
วิเคราะห์ตวั ละคร
ภาคผนวก
เอกสารอ๎างองิ
ประวตั นิ ักศึกษาโดยยอํ
1.ความเปน็ มาของวรรณคดเี รือ่ ง
ในสมยั รชั กาลที่ ๑ นัน้ ละครหลวง มักนยิ มเลํนกันเฉพาะเร่ืองอเิ หนา และอุณรุท ซ่ึงเป็นเรอื่ งสาํ หรับ
ละครใน สวํ นละครนอกซึ่งเป็นละครระดับชาวบา๎ นทีเ่ ลนํ กันนอกวงั และใชผ๎ ู๎ชายเปน็ ตัวแสดง แสดงเรอ่ื งต้ังแตํครัง้
กรุงเกาํ นั้นมีฉบบั อยูใํ นหอพระสมุด ดว๎ ยกนั .. ๑๔เรอื่ ง ทวาํ ไมํบริบรู ณ์เลยสักเรื่องเดียว คือ เร่อื งการเกด ๑ คาวี ๑
ไชยทตั ๑ พกิ ุลทอง๑ พิมพ์สวรรค์ ๑ พิณสรุ ิวงศ์ ๑ มโนราห์ ๑ โมํงปาุ ๑ มณีพิไชย ๑ สังข์ทอง ๑ สังข์ศิลปไ์ ชย ๑
สวุ รรณศิลป์ ๑ สุวรรณหงส์ ๑ โสวัตร ๑
สวํ นบทละครนอก อีก ๕ เร่ือง ซงึ่ เป็นบทละครสาํ นวนเกาํ กอํ นสมัยรัชกาลท่ี ๒ แตํยงั ไมํแนํชดั วาํ อยใูํ น
สมัยกรงุ ศรีอยุธยาหรือไมํคือเรือ่ งไกรทอง ๑ โคบุตร ๑ ไชยเชษฐ์ ๑ พระรถเสน ๑ ศิลป์สุรวิ งศ์ ๑
ในสมยั รัชกาลท่ี ๒ กรมหลวงภูวเนตรนรนิ ทรฤ์ ทธิ์ ทรงโปรดเรื่องละครนอก จงึ ทรงแตงํ บทละครนอกขนึ้
๔ เร่ือง คือ มณพี ิไชยตอนตน๎ (ตอํ มารชั กาลที่ ๒ ทรงเสยี ดายเรือ่ ง จงึ ทรงพระราชนิพนธ์ตอํ ในตอนท่ีนางยอพระ
กล่ินแปลงเป็นพราหมณ์)สุวรรณหงส์๑ แก๎วหนา๎ มา๎ ๑ และนางกลุ า (โสนน๎อยเรือนงาม) ๑ ปรากฏวํา บทละคร
นอกของ พระองค์เจ๎าทนิ กร หรือกรมหลวงภูวเนตรนรนิ ทร์ฤทธิ์ เปน็ ท่ีแพรหํ ลายมากจนถึงบัดน้เี ป็นละครนอก
หรือท่ีเรยี กกนั วําละครชาตรี นิยมเลํนกนั มาก ไมํแพ๎เรื่อง สังข์ทอง คาวี ไชยเชษฐ์ และ ไกรทอง
สําหรับเรื่อง สุวรรณหงส์ นตี้ อนท่นี ิยมเลํนละครชาตรกี นั มากมี ๓ ตอน คือ ตอนพราหมณเ์ ล็กพราหมณโ์ ต
ชมถ้าํ เพชรพลอย และตอนกุมภณฑ์ถวายม๎า ผ๎แู สดงซึง่ เป็นตัวละครสาํ คญั ก็มีอยํู ๓ คน เชนํ กนั คอื ตอนพราหมณ์
เลก็ พราหมณโ์ ต มีพราหมณเ์ ล็ก (คอื พราหมณ์เกศสุริยง) ๑ พราหมณ์โต (คือพราหมณ์กุมภณั ฑ)์ ๑ และพระ
สุวรรณหงส์ ๑ สวํ นตอนกมุ ภณั ฑถ์ วายม๎ากม็ ีผูแ๎ สดงสาํ คญั ๓ คน คอื กมุ ภัณฑย์ ักษ์ ๑ เกศสรุ ิยงยักษ์ ๑ และพระ
สวุ รรณหงส์ ๑ และตอนสวุ รรณหงสต์ อ๎ งหอก
นอกจากนย้ี งั มีตน๎ ฉบับวรรณกรรมทแ่ี พรํหลายไปยังภาคใต๎เชนํ สวุ รรณหงส์ คํากาพย์ ฉบับหลวงพุทธราช
ศกั ดา จงั หวัดพัทลงุ เปน็ ต๎น ซงึ่ สัณนษิ ฐานวาํ คงจะไดร๎ ับอิทธพิ ลจากการเลนํ ละครในสมัยกรุงศรีอยธุ ยา รวมทงั้ ใน
ภาคเหนอื และภาคอสี าน ก็ปรากฏเป็นวรรณกรรมใบลาน และภาพจิตรกรรมฝาผนงั ตามวัดตําง ๆ เชํน วหิ ารลาย
คาํ วดั พระสิงห์ จ.เชียงใหมํ เป็นต๎น
ขา๎ พเจ๎านางสาวศีตลา อนิ ทรตา ผู๎ศึกษาสรุปได๎วํา
ในสมยั รัชกาลที่ ๑ น้นั ละครหลวง มกั นยิ มเลํนกนั เฉพาะเร่ืองอเิ หนา และอุณรทุ ซ่ึงเปน็ เรอ่ื งสาํ หรบั
ละครใน สํวนละครนอกซ่ึงเป็นละครระดบั ชาวบา๎ นท่ีเลํนกันนอกวงั และใชผ๎ ๎ูชายเป็นตัวแสดง แสดงเรื่องตั้งแตํคร้ัง
กรงุ เกาํ น้ันมฉี บบั อยูํในหอพระสมุด ด๎วยกัน.. ๑๔เรือ่ ง
ในสมัยรชั กาลท่ี ๒ กรมหลวงภวู เนตรนรนิ ทรฤ์ ทธ์ิ ทรงโปรดเรื่องละครนอก จึงทรงแตงํ บทละครนอกขึ้น
๔ เรือ่ ง คือ มณีพิไชยตอนตน๎ (ตอํ มารัชกาลที่ ๒ ทรงเสียดายเรือ่ ง จึงทรงพระราชนพิ นธ์ตอํ ในตอนทีน่ างยอพระ
กล่นิ แปลงเปน็ พราหมณ)์ สวุ รรณหงส์๑ แกว๎ หนา๎ ม๎า ๑ และนางกุลา (โสนน๎อยเรือนงาม) ๑ ปรากฏวํา บทละคร
นอกของ พระองค์เจ๎าทนิ กร หรอื กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤ์ ทธิ์ เป็นทแี่ พรํหลายมากจนถงึ บัดน้เี ป็นละครนอก
หรือทเี่ รยี กกนั วาํ ละครชาตรี นยิ มเลํนกันมาก ไมํแพเ๎ รื่อง สังขท์ อง คาวี ไชยเชษฐ์ และ ไกรทอง
อนั นึงคือบทประพนั ธเ์ ร่ืองนม้ี ี 2 ฉบับ คือของ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟาู จุฬาโลกมหาราช และ ใน
สมัยรชั กาลท่ี ๒ กรมหลวงภูวเนตรนรนิ ทรฤ์ ทธ์ิ จะมีความแตกตํางไมํมากท่เี ห็นไดเ๎ ดํนชดั ในบางตอน
ประวัติผแ๎ู ตํง
โดยบทละครเร่ืองน้ีมี 2 ฉบบั ไดแ๎ กํ ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟาู จุฬาโลก และ พระบาทสมเด็จพระ
พุทธเลิศหล๎านภาลยั (บทละครนอกแบบหลวง) ฉบับพระเจ๎าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภวู เนตรนรินทรฤทธ์ิ
1.พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟาู จุฬาโลก
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟาู จุฬาโลก ทรงเปน็ ปฐมกษัตริย์แหงํ พระบรมราชวงศจ์ กั รี
ทรงพระนามเต็มวํา
" พระบาทสมเดจ็ พระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรสี ินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธบิ ดินทร์
ธรณนิ ทราธิราชรตั นากาศภาสกรวงศอ์ งค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรวรนารถนายก ดิลกรตั น
ชาตอิ าชาวศรัย สมทุ ัยวโรมนตส์ กลจกั รฬาธิเบนทร์ สรุ ิเยนทราธบิ ดินทรหริหรนิ ทรธาดาธิ
บดี ศรีสวุ บิ ลุ ยคณุ ธขนิษฐ์ ฤทธริ าเมศวรมหันตบ์ รมธรรมิกราชาธิราชเดโชไชย พรหมเทพา
ดิเทพนฤดนิ ทร์ภมู นิ ทรปรามาธเิ บศร โลกเชฎฐวสิ ทุ ธริ์ ัตนมกุฎประเทศคตามหาพุทธางกูร
บรมบพิตร พระพุทธเจา๎ อยูํหัว "
ทรงประสตู ิเมื่อวันท่ี 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 พระราชบดิ าทรงพระนามวํา ออกอักษรสนุ ทร
ศาสตร์ พระราชมารดาทรงพระนามวาํ ดาวเรอื ง มบี ตุ รและธิดารวมทั้งหมด 5 คน คือ
คนที่ 1 เป็นหญิงชือ่ "สา" ( ตอํ มาไดร๎ บั สถาปนาเปน็ พระเจ๎าพ่นี างเธอกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี )
คนท่ี 2 เปน็ ชายชอ่ื "ขุนรามนรงค์" ( ถงึ แกํกรรมกอํ นท่จี ะเสยี กรงุ ศรีอยุธยาแกํพมําครัง้ ที่ 2 )
คนท่ี 3 เปน็ หญงิ ชื่อ "แก๎ว" ( ตอํ มาได๎รบั สถาปนาเปน็ พระเจ๎าพี่นางเธอกรมสมเดจ็ พระศรีสดุ ารักษ์ )
คนท่ี 4 เป็นชายชอ่ื "ดว๎ ง" (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาู จุฬาโลกมหาราช )
คนท่ี 5 เป็นชายชอื่ "บญุ มา" ( ตํอมาได๎รบั สถาปนาเปน็ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท สมเดจ็
พระอนชุ าธริ าช )
เมอ่ื เจริญวยั ไดถ๎ วายตัวเปน็ มหาดเลก็ ในสมเด็จพระเจา๎ ลูกยาเธอเจา๎ ฟูาอุทมุ พร
พระชนมายุ 21 พรรษา ออกบวชท่ีวดั มหาทลาย แล๎วกลับมาเป็นมหาดเล็กหลวงในแผนํ ดินพระเจ๎า
อทุ มุ พร
พระชนมายุ 25 พรรษา ได๎รับตวั แหนํงเป็นหลวงยกกระบัตร ประจาํ เมืองราชบุรีในแผํนดินพระท่นี ง่ั
สุริยามรินทร์ พระองค์ไดว๎ ิวาหก์ ับธิดานาค ธิดาของทาํ นเศรษฐี ทองกับสม๎
พระชนมายุ 32 พรรษา ในระหวํางท่ีรับราชการอยูํกบั พระเจา๎ กรุงธนบุรี ได๎เล่ือน
ตาํ แหนงํ ดงั นี้
พระชนมายุ 33 พรรษา พ.ศ. 2312 ได๎เล่อื นเป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์ เมอ่ื พระเจา๎
กรุงธนบรุ ปี ราบชุมนมุ เจา๎ พมิ าย
พระชนมายุ 34 พรรษา พ.ศ. 2313 ได๎เล่ือนเป็นพระยายมราชทส่ี มุหนายก
เมื่อพระเจา๎ กรงุ ธนบุรีไปปราบชมุ นมุ เจ๎าพระฝาง
พระชนมายุ 35 พรรษา พ.ศ. 2314 ได๎เลอ่ื นเป็นเจา๎ พระยาจักรี เม่ือคราวเป็น
แมํทัพไปตีเขมรครั้งท่ี 2
พระชนมายุ 41 พรรษา พ.ศ. 2321 ไดเ๎ ลื่อนเป็นสมเด็จเจา๎ พระยามหากษัตริยศ์ กึ
เม่อื คราวเป็นแมทํ ัพใหญํไปตเี มืองลาวตะวันออก
พ.ศ. 2323 เป็นครัง้ สุดทา๎ ยท่ีไปปราบเขมร ขณะเดยี วกบั ท่ีกรุงธนบุรีเกิดจลาจล
จงึ เสดจ็ ยกกองทัพกลับมากรงุ ธนบรุ ี เมอ่ื พ.ศ. 2325 พระองค์ทรงปราบปราม
เสี้ยนหนามแผนํ ดินเสรจ็ แลว๎ จงึ เสด็จข้ึนครองราชสมบัติปราบดาภิเษก แล๎วได๎มี
พระราชดํารัสให๎ขุดเอาหบี พระบรมศพของพระเจ๎ากรุงธนบุรีขึน้ ตงั้ ณ เมรวุ ดั บาง
ย่เี รอื พระราชทานพระสงฆบ์ ังสกุ ลุ แล๎วถวายพระเพลงิ พระบรมศพ เสร็จแล๎วให๎มี
การมหรสพ
พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟูาจุฬาโลก ทรงเปน็ ปฐมกษัตรยิ แ์ หงํ ราชวงศจ์ กั ร
เม่อื วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 และปราบดาภิเษกเม่อื วันที่ 13 มถิ ุนายน
พ.ศ. 2325 ( วนั พฤหัสบดี ขึน้ 4 คา่ํ ปีขาล ) ขณะเสด็จข้นึ เสวยราชสมบัติทรง
มีพระชนมายุได๎ 45 ปี ทรงโปรดใหส๎ ถาปนาพระอนุชา ( เจ๎าพระยาสุรสีห์ ) เปน็
กรมพระราชวังบวรมหาสรุ สหี นาท พระนัดดา ( พระยาสุรยิ อภยั ) เปน็ กรมหลวง
อนุรกั ษเ์ ทเวศร์ กรมพระราชวงั หลัง ถัดจากนั้นได๎ประกอบกิจการที่สาํ คญั คอื
สร๎างกรงุ เทพมหานคร
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟูาจุฬาโลกมหาราช ไดเ๎ สดจ็ ขึน้ ครองราชสมบัติ ไดย๎ า๎ ยราช
ธานีจากกรงุ ธนบรุ ี เมื่อวนั ท่ี 21 เมษายน พ.ศ. 2325 ( วันอาทติ ย์ เดือน 6 ข้ึน 10 คํ่า
ปีขาล ) คือ ทําพธิ ยี กเขาเอก " เสาหลักเมือง" กรุงเทพมหานครได๎ลงมือกํอสร๎างอยาํ ง
จริงจังเมือ่ พ.ศ. 2326 ปัจจบุ ันกรุงเทพฯ มีช่อื เต็มวาํ
" กรงุ เทพมหานคร อมรรัตนโกสนิ ทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรตั นราชธานบี รุ ี
รมย์ อุดมราชนเิ วศมหาสถานอมรพิมานอวตารสถติ สกั กทัตตยิ ะวษิ ณุกรรมประสทิ ธ์ิ "
สาเหตุทยี่ า๎ ยราชธานเี พราะ
1. พระราชวังเดิมที่กรุงธนบุรี มีวัดขนาบท้งั สองข๎างไมเํ หมาะแกํการท่จี ะขยายพระราชวงั
ออกไปได๎อีก
2. ท่ตี งั้ พระราชวังเดิมอยํฝู ัง่ ตะวนั ตกของแมํนา้ํ เจ๎าพระยาเป็นท่ที นี่ า้ํ เซาะ
3. กรงุ เทพมหานครอยูทํ างฝง่ั ตะวันออกของแมํนํ้าเจา๎ พระยา เปน็ พน้ื ท่ีกว๎างขวาง
เป็นชยั ภูมิท่เี หมาะแกํการปูองกนั ตวั เองจากขา๎ ศึก
การสร๎างพระบรมมหาราชวัง
พ.ศ. 2326 สรา๎ งพระนคร ไดส๎ รา๎ งพระราชมณเฑียรสรา๎ งพระราชวังบวรสถานมงคล
พ.ศ. 2327 สร๎างพระมหาปราสาท สรา๎ งวัดพระแกว๎ ( และได๎อญั เชิญพระแกว๎ มรกต
จากพระราชวังเดมิ กรงุ ธนบรุ ีมาสถติ อยูภํ ายในวดั พระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหา
ราชวัง พร๎อมกับได๎อญั เชญิ พระบรมรูปของสมเด็จพระรามาธบิ ดีอูํทองกษัตริยผ์ ๎ูสร๎าง
กรงุ ศรีอยุธยามาสร๎างเป็นพระรูปหุม๎ เงนิ ปิดทองประดิษฐานไวใ๎ นพระวหิ ารทรงพระราช
ทานนามวหิ ารแหงํ นีว้ ํา "หอพระเทพบิดร" ปฎิสังขรณ์วดั สลกั
พ.ศ. 2328 หลํอปืนใหญขํ ้นึ 7 กระบอก สร๎างวังใหพ๎ วกเจา๎ เขมรทีเ่ ขา๎ มาพง่ึ พระบรมโพธิ
สมภาร ขุดคลองมหานาค ขุดคเู มือง สร๎างปูอมเชิงเทนิ ข้ึนมากมาย
ฟนื้ ฟูพระราชประเพณี เชํน พระราชพิธบี รมราชาภิเษก
การปกครอง หลงั จากปราบดาภเิ ษกแล๎ว ทรงให๎มีการต้งั ขา๎ ราชการท่ีมีความดคี วาม
ชอบในราชการใหม๎ ยี ศฐาบรรดาศกั ด์ิใหญํน๎อยตามฐานะทรงต้งั ราชการวงั หลวงขน้ึ
ด๎านกฎหมาย ได๎ทรงชําระกฎหมาย เรยี กวํากฎหมายตรา 3 ดวง ( คือ ตราราชสีห์
คชสีห์ บวั แกว๎ ) เพอ่ื สําหรับวินิจฉัยอรรถคดี และบรหิ ารราชการแผนํ ดินให๎เป็นไปตาม
ตวั บทกฎหมาย
การค๎าขายกับตํางประเทศ ผลประโยชนข์ องประเทศไทยทไ่ี ดร๎ ับขณะนั้นได๎จากภาษี
อากร เชํน อากรสรุ า อากรบํอนเบีย้ อากรขนอนตลาด ภาษคี ํานํ้าเกบ็ ตามเครือ่ งมือ
อีกทั้งสวํ นสินค๎าตํางๆ ที่ให๎ผลประโยชน์มาก ก็คือการค๎าสาํ เภาอนั สบื เนือ่ งมากแตํสมัย
กรุงธนบรุ ี การคา๎ กับตาํ งประเทศได๎แกํประเทศจนี ลงั กา อินเดยี มลายู สงิ คโปร์ มาเกา๏
การสงคราม การสงครามกับพมําในสมัยพระเจา๎ ปดงุ โดยพมําได๎แบงํ กองทัพเขา๎ โจมตี
ไทยหลายทาง คือ เชยี งใหมํ ตาก กาญจนบรุ ี ดาํ นพระเจดียส์ ามองค์ ชมุ พร ไชยา และ
เมืองถลาง สมเด็จพระพุทธยอดฟาู จุฬาโลก ได๎ทรงปรกึ ษาการตํอส๎ูกองทพั พมํา แล๎ว
โปรดฯ ใหแ๎ บํงกองทัพเป็น 4 ทพั คือ
กองทัพท่ี 1 กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์เปน็ แมํทัพไปขัดตาทัพที่เมืองนครสวรรค์
กองทัพท่ี 2 กรมพระราชบวรสถานมงคล ไปต้ังรับทเี่ มอื งกาญจนบุรี
กองทัพท่ี 3 เจ๎าพระยาธรรมากบั เจ๎าพระยายมราชคอยคมุ ทางลาั เลียงตดิ ตํอกองทัพ
กองทัพที่ 4 เปน็ กองทัพหลวง คอยชํวยศกึ ถ๎าหากด๎านใดเพลยี้ งพลํา้ กจ็ ะยกไปชํวย
ทนั ที การสงครามครั้งน้ี พมาํ ไดย๎ กกองทพั เขา๎ ตีไทยทีละทัพ กถ็ ูกไทยตีแตกไปทุกทัพด๎วยหลกั ยทุ ธศาสตรท์ ี่
เหนอื กวํา
สงครามกบั พมาํ ( พมาํ ลอ๎ มเมืองถลาง พ.ศ. 2328 )
กองทัพพมาํ ยกมาตตี ะก่วั ปุา ตะกัว่ ทุงํ โดยทางเรือแลว๎ จึงข๎ามไปตีเมืองถลางขณะนน้ั
เจ๎าเมอื งถลางถึงแกํกรรม คุณหญงิ จันทร์ (ภรรยาเจา๎ เมือง) กบั นางมุก (น๎องสาวคุณ
หญงิ จันทร์) เกณฑ์ไพรํพลชาวเมืองชํวยกนั ปูองกันเมอื งถลาง ทพั พมําไมํสามารถจะ
เอาเมืองถลาง สู๎รบกนั ประมาณเดอื นเศษพมําขาดเสบียงอาหาร จงึ เลิกทัพกลับไป
เม่อื ขําวทราบถึงพระเจา๎ อยํูหัว จงึ ไดท๎ รงแตํงต้ังให๎คุณหญงิ จันทร์เปน็ ทา๎ วเทพกษัตรี
สํวนนางมกุ เปน็ ท๎าวศรสี ุนทร
สงครามกบั พมํา ( ศกึ ทาํ ดินแดง พ.ศ. 2329 )
สงครามคร้ังนี้ ตํอเนอ่ื งมาจากสงครามครงั้ ทพี่ มําล๎อมเมืองถลาง พระเจา๎ ปดงุ ยกกอง
ทัพเข๎ามาทางดํวนเจดียส์ ามองคด์ ๎านเดยี ว เนอ่ื งจากพระเจ๎าปดุงรูส๎ กึ วําพระองคด์ าํ เนนิ
การแผนผิด เพราะตัง้ แตํทําสงครามมาไมํเคยแพ๎ใครมากํอนจึงพยายามที่จะตีไทยให๎ได๎
จงึ รวบรวมกาํ ลงั ผูค๎ นตั้งมั่นอยํูท่ีเมืองเมาะตะมะ และให๎พระมหาอุปราชคุมคน 5 หม่ืนคน
ตั้งม่ันอยูํท่ตี าํ บลสามสบ ทําดินแดง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟูาจุฬาโลกมหาราช
ทรงโปรดใหก๎ รมพระราชวงั บวรฯเปน็ แมทํ พั หน๎า และสมเด็จพระพุทธยอดฟาู จุฬาโลกเป็น
จอมทัพหลวงทัพท้งั สองเข๎าตีพร๎อมกัน พมําทิ้งคํายแตกหนีทุกคาํ ย กองทพั ไทยไลฆํ ําฟัน
และจับเชลยไดเ๎ ปน็ อนั มาก ได๎ทัง้ ช๎าง มา๎ เสบยี งอาหาร และอาวธุ ตลอดจนปนื ใหญํ
สงครามกบั พมาํ ( ลําปางและปุาซาง พ.ศ. 2330 )
การท่ีพมาํ แพ๎ไทย ประเทศราชของพมําก็เริ่มทาํ ตัวกระดา๎ งกระเด่ือง พมําต๎องใช๎เวลา
ปราบ จากนน้ั พมํากเ็ ลยมาตเี มอื งปุาซางและลาํ ปาง ซ่ึงเป็นเขตไทยขณะที่ตีอยูํน้ัน ขําว
ทราบถึงกรงุ เทพฯ ซง่ึ กําลงั เตรยี มทัพจะไปตีเมืองทวายต๎องเปลี่ยนแผน รัชกาลท่ี 1
โปรดให๎กรมพระราชวังบวรฯ ไปชวํ ยเมอื งทั้งสองโดยให๎คนทอ่ี ยํใู นตัวเมืองตีดา๎ นใน
ทหารที่ไปชํวยรบตีด๎านนอก เสดจ็ จากสงครามครง้ั นี้กรมพระราชวงั บวรฯได๎อัญเชญิ
พระพทุ ธสิหงิ คม์ าประดิษฐาน ณ พระทีน่ ่ังพุทธไธสวรรย์
ไทยตีเมืองทวาย พ.ศ. 2330
พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟาู จฬุ าโลกมหาราชทรงตัง้ พระทัยจะตีเมืองทวาย
โปรดให๎กรมพระราชวังบวรมหาสุรสงิ หนาท คมุ พล 3 หมืน่ ยกไปทางเหนือสํวน
พระองคเ์ อง คุมพล 2 หมืน่ โดยกระบวนเรอื ทางลํานํา้ ไทรโยคข้ึนยกท่ที าํ ตะก่ัว
ข๎ามทิวเขาบรรทัด ซึง่ มีความลาํ บาก หนทางกันดาร ทาํ ให๎คนในทัพเหน่ือยลา๎
อิดโรยจึงตีเมืองไมํได๎ ต๎องเสด็จยกทัพกลบั ภายหลงั ตํอมาอีก 4 ปี เมืองทวาย
เมอื งตะนาวศรี และเมืองมะริด ได๎มาขอสวามิภักด์ิตํอไทย
การรบทีเ่ มอื งทวาย พ.ศ. 2336
รัชกาลที่ 1 ทรงมพี ระราชดําริจะรบกบั พมําให๎ได๎ ไดต๎ ง้ั พระทัยใชเ๎ มืองทวายเปน็
ฐานทัพและรวบรวมเสบยี งอาหาร พระองคท์ รงยกทัพทางบก และโปรดให๎กรม
พระราชวงั บวรฯบัญชาการทัพเรอื แตํวาํ ไปถึงเมืองทวายเมืองตะนาวศรแี ละเมอื ง
มะรดิ ชาวเมอื งกลับไปเขา๎ ข๎างพมํา ขณะน้นั พมํากย็ กกองทัพมาตีทวายกลับคืน
ไดเ๎ กิดกบฎขน้ึ ในเมอื งมะรดิ และเมอื งทวาย กองทัพไทยจําตอ๎ งทําสงครามทั้ง
สองด๎าน ไทยขาดแคลนเสบียงอาหาร เพราะอาศัยเมอื งท้งั สามไมํได๎จงึ ต๎องยก
ทัพกลบั ไป
พมําตเี มืองเชยี งใหมํ พ.ศ. 2340
พมาํ ยกทัพมาคราวนี้ 7 ทัพ โดยมํุงหมายจะตลี านนาไทยอกี รชั กาลท่ี 1 โปรด
ให๎กรมพระวังบวรฯ ทรงประชวรเป็นโรคนวิ่ จงึ ต๎องหยุดประทับอยูํที่นั่น ทรง
โปรดใหก๎ รมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ กรมพระยาวงั หลงั ตดิ ตามเสดจ็ ขนึ้ ไปชวํ ยทรง
บญั ชาการรบจนมีชยั ชนะทรงขบั ไลํพมาํ ออกจากแคว๎นลานนาจนหมด
ศาสนา
พระพุทธยอดฟาู จุฬาโลกมหาราช ทรงไดซ๎ ํอมแซมปฎสิ งั ขรณ์วัดวาอาราม
และได๎ทรงยกสถาปนาตําแหนํงพระสังฆราชและพระราชาคณะผ๎ใู หญํ ทําสงั
คายนาสอบสวนพระไตรปิฎกใหถ๎ ูกต๎อง
การติดตอํ กับตาํ งประเทศเพ่ือนบา๎ นการตดิ ตํอกับญวน พ.ศ. 2325
กษัตรยิ ป์ ระเทศญวนขณะนนั้ ก็คือ องเชียงสือ ได๎ลภี้ ยั จากพวกกบฎแหงํ เมอื งไกเชิง
ไดพ๎ ามารดาเข๎ามาอยํใู นเมืองไทยในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟาู จุฬา
โลกมหาราช ทรงอุปถัมภไ์ ว๎ และทรงชํวยเหลอื เสบยี งอาหารและสนับสนุนพร๎อมทั้ง
อาวุธยุทธภณั ฑต์ ํอมาองค์เชียงสือได๎เขา๎ ไปปราบปรามกู๎บา๎ นเมืองไดแ๎ ละตง้ั ตนเป็น
กษตั รยิ ท์ รงพระนามวาํ "พระเจ๎ายาลอง"
การตดิ ตํอกับจนี ติดตํอในฐานะการคา๎ การติดตํอกับเขมร
นักองเองมกุฎราชกมุ ารแหํงประเทศเขมรยังทรงออํ นวยั พระพุทธยอดฟูาจฬุ าโลก
มหาราชทรงแตํงตั้งให๎พระยายมราช ( แบน ) เปน็ ผ๎ูสาํ เรจ็ ราชการประเทศเขมร
ทรงชบุ เล้ยี งอยํางพระราชบุตรบุญธรรมจนเวลาผํานไปได๎ 12 ปี จึงไดก๎ ลับไปครอง
ประเทศเขมร ทรงพระนามวํา " สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดี " และโปรดให๎พระ
ยายมราช เป็นพระยาอภัยภเู บศร์ครองเมืองพระตะบองขน้ึ กับไทย ผน๎ู ้เี ปน็ ตน๎ ตระกลู
" อภัยวงศ์ "
การตดิ ตํอกบั ประเทศตะวันตก ประเทศโปรตเุ กส
เป็นชาติแรกท่ีมาติดตอํ กับไทยเมือ่ พ.ศ. 2329 องตนวเี สนได๎อัญเชญิ พระราช
สาส์นเขา๎ มาเจริญพระราชไมตรี รชั กาลที่ 1 โปรดให๎จัดการตอ๎ นรับอยํางสม
เกยี รติ
ประเทศอังกฤษ
มอี ิทธิพลทางใต๎ของไทยและฟรานซสิ ไลท์ คนอังกฤษได๎เพียรขอเฝาู รัชกาล
ท่ี 1 ทูลเกลา๎ ถวายดาบทปี่ ระดับพลอยกับปืนดา๎ มเงนิ กระบอกหนง่ึ ตํอมาทรง
แตํงตง้ั ใหเ๎ ป็นพระยาราชกปั ตัน
พระราชนิพนธ์ งานพระราชนิพนธร์ ชั กาลที่ 1
- กลอนนริ าศทาํ ดนิ แดง
- กลอนบทละครเรอ่ื งอเิ หนา
- กลอนบทละครเร่อื ง รามเกียรติ์ ตํอจากสมัยกรงุ ธนบรุ ี
- กลอนบทละครเร่ือง อณุ รธุ
- กฎหมายตราสามดวง
เสดจ็ สวรรคต
พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟาู จุฬาโลกมหาราช ครองราชสมบัตไิ ด๎ 27
ปเี ศษ ตั้งแตํทรงมีพระชนมายุได๎ 47 พรรษา ไดเ๎ สดจ็ สูสํ วรรคตเมื่อวนั ที่
7 กันยายน พ.ศ. 2352 ขณะน้ันทรงพระชนมายุได๎ 74 พรรษา พระองคม์ ี
พระราชโอรสและพระราชธิดารวมทงั้ สิ้น 42 พระองค์
พระราชลัญจกรประจํารชั กาลที่ ๑
เป็นรปู ปทมุ อุณาโลม มีอักขระ "อุ" อยูํกลาง ลอ๎ มรอบดว๎ ยกลีบบัวอันเป็น
พฤกษชาติทเ่ี ป็นสิรมิ งคลในพุทธศาสนา ตราอุณาโลมมีรปู รํางคล๎ายสังข์
เวยี นขวา อยใูํ นกรอบลายกนก เริม่ ใชค๎ ราวพระราช พธิ บี รมราชาภเิ ษก เมื่อ
พ.ศ. ๒๓๒๘
2. พระเจ๎าบรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธ์ิ
พระเจา๎ บรมวงศเ์ ธอ ช้นั 2
พระองค์เจ๎าชน้ั เอก
กรมหลวงภวู เนตรนรินทรฤทธิ.์ jpg
พระบตุ ร 23 องค์
ราชวงศ์ จกั รี
พระบดิ า พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา๎ นภาลยั
พระมารดา เจ๎าจอมมารดาศลิ า ในรัชกาลที่ 2
ประสูติ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2344
ส้นิ พระชนม์ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2399 (55 ปี)
พระเจา๎ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธ์ิ (24 พฤษภาคม พ.ศ. 2344 – 28 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2399) มี
พระนามเดิมวาํ พระองคเ์ จ๎าชายทนิ กร เปน็ พระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา๎ นภาลัย ประสูติแตํ
เจา๎ จอมมารดาศลิ า (สกลุ เดิม ณ บางชา๎ ง) เม่ือวนั อาทติ ย์ เดือน 7 ขน้ึ 12 คํ่า ปรี ะกา ตรีศก จ.ศ. 1163 ตรงกับ
วันท่ี 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2344 ในขณะท่ีพระบิดายังดาํ รงพระยศเป็นสมเดจ็ พระเจา๎ ลูกยาเธอ เจ๎าฟูากรมหลวง
อศิ รสุนทร มีพระโสทรภราดาและโสทรภคินี 4 พระองค์ ได๎แกํ
พระเจา๎ บรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจ๎าวงศ์
พระเจา๎ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระพพิ ิธโภคภูเบนทร์ (ต๎นราชสกุลพนมวนั )
พระเจ๎าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ (ต๎นราชสกุลกุญชร)
พระเจา๎ บรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจา๎ หญิงอินทนลิ
ในรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล๎าเจา๎ อยูหํ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา๎ ฯ สถาปนาพระองค์เจ๎าชาย
ทนิ กรขน้ึ เป็น พระเจา๎ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรนิ ทรฤทธิ์ เมอ่ื ปกี ุน ตรศี ก จ.ศ. 1213 โดยมเี จา๎ กรมเปน็
หลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ ปลดั กรมเป็นขุนพนิ จิ บริบาล สมุหบาญชเี ป็น หมน่ื ชาํ นาญลขิ ิต บงั คบั บัญชากรมพระ
นครบาล
พระเจา๎ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงภวู เนตรนรินทรฤทธิ์มีผลงานในการเขียนบทละครไว๎หลายเร่ือง เชํน เรือ่ ง
แกว๎ หนา๎ ม๎า สวุ รรณหงษ์ และอน่ื ๆ อีกมากมาย นอกจากนั้นยงั ทรงเปน็ นักเพลงยาว และสักวาชั้นเยี่ยม ซงึ่ ในสมยั
นัน้ นยิ มเลํนสักวากนั มากในหมกํู วี ถอื วําเป็นศลิ ปชั้นสงู ซ่ึงเจ๎านายสูงศักดิ์และผูด๎ ีมักนดั ชมุ นมุ ลอยเรือ เลนํ สกั วากัน
ในงานนักขัตฤกษห์ รือในโอกาสพเิ ศษ สําหรับโคลงส่ีสภุ าพ ก็ทรงนิพนธไ์ วไ๎ พเราะมาก เชํน เร่อื ง นริ าศฉะเชงิ เทรา
ฯลฯ
พระเจา๎ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงภวู เนตรนรนิ ทรฤทธิ์ประชวรดว๎ ยพระโรคทลุ าวะสะ สนิ้ พระชนม์ในรัชสมัย
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล๎าเจา๎ อยูหํ ัว เม่อื วันศุกร์ เดือนอ๎าย ข้ึน 1 คา่ํ ปีมะโรง อฐั ศก จ.ส. 1218 ตรงกับวนั ที่
28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2399 สิรพิ ระชันษา รวม 56 ปี ครนั้ ณ เดอื น 4 ข้นึ 11 ค่ํา วันพฤหสั บดีที่ 5 มนี าคม พ.ศ.
2400 เจ๎าพนักงานได๎อญั เชิญพระศพกรมพระพพิ ธิ โภคภเู บนทร์ และกรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธ์ิ 2 พระศพ มา
ลงเรอื เอกไชยทีห่ นา๎ วดั พระเชตพุ น เวลา 2 ยามเศษ แหํห๎ามไปเข๎าเมรุผา๎ ขาวท่ีหลังวดั อรุณราชวราราม ทรงพระ
กรณุ าโปรดเกลา๎ ฯ ให๎มกี ารมหรสพ 2 วนั 2 คนื คร้ัน ณ เดือน 4 ขนึ้ 13 ค่ํา วนั เสาร์ท่ี 7 มีนาคม พ.ศ. 2400 เสด็จ
พระราชดาํ เนนิ พระราชทานเพลงิ พร๎อมกันท้ัง 2 พระองค์
เน้อื หา
1 พระโอรส พระธิดา
2 พระเกยี รติยศ
2.1 พระอสิ ริยยศ
3 พงศาวลี
พระโอรส พระธิดา
พระเจา๎ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงภวู เนตรนรินทรฤทธ์ิ มีพระชายา 1 องค์ คือ หมํอมเจา๎ หญิงเลยี บ (พระธดิ าในพระ
เจ๎าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระพิพธิ โภคภเู บนทร์) และมีหมํอมอีกหลายคน มพี ระโอรสและพระธดิ ารวม 23 องค์ ดงั น้ี
หมอํ มเจ๎าชายรังษี ทนิ กร
หมอํ มเจา๎ หญิงประทิน ทินกร
หมํอมเจา๎ หญิงประจง ทนิ กร
หมํอมเจา๎ หญิงนงนุช ทนิ กร (พ.ศ. 2379 – 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2437)
หมอํ มเจ๎าหญิงประภาณ ทนิ กร
หมอํ มเจา๎ หญิงเลก็ ประภสั สร ทินกร (พระราชทานเพลงิ ณ วัดสระเกศ เม่ือปี พ.ศ. 2405)
หมํอมเจา๎ ชายเพญ็ บรู ณ์ ทนิ กร (พ.ศ. 2381 – 9 มถิ ุนายน พ.ศ. 2432)[1]
หมอํ มเจา๎ หญิง(ไมปํ รากฏพระนาม)
หมํอมเจา๎ ชาย(ไมํปรากฏพระนาม)
หมอํ มเจา๎ ชาย(ไมํปรากฏพระนาม)
หมํอมเจ๎าชาย(ไมปํ รากฏพระนาม)
หมํอมเจ๎าชาย(ไมปํ รากฏพระนาม)
หมอํ มเจ๎าชาย(ไมปํ รากฏพระนาม)
หมอํ มเจา๎ ชายปาน ทินกร (พ.ศ. 2401 – 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2456)
หมํอมเจา๎ หญิงเปาู ทินกร (พ.ศ. 2401 – 2 สิงหาคม พ.ศ. 2421)
หมอํ มเจ๎าชายไพบูลย์ ทนิ กร
หมํอมเจ๎าชายภลู สวัสดิ์ ทนิ กร บางแหํงเขียนวาํ หมํอมเจา๎ พูลสวสั ดิ์ (ส้ินชพี ติ กั ษัยวันท่ี 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2441)
เสกสมรสกบั หมํอมเจ๎าหญิงงาม สนิทวงศ์ (พระธิดาในพระเจา๎ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวงศาธริ าชสนิท) มีโอรสธดิ า
4 คน ดงั น้ี
หมอํ มราชวงศ์สอาด ทนิ กร สมรสกับเจิม บนุ นาค ธดิ าพระยาราชพงษานรุ ักษ์ (ชม บุนนาค) มีบุตรธิดา ดงั นี้
พลตรี หมํอมหลวงโอสถ ทินกร
หมํอมหลวงอุดม ทินกร
หมํอมหลวงอัธยา ทินกร (แฝด)
หมอํ มหลวงอารมณ์ ทนิ กร (แฝด)
หมอํ มหลวงทิพย์สุคนธ์ ทนิ กร
หมํอมหลวงชโลม ทินกร
หมํอมหลวงมณฑล ทินกร
พันโท หมอํ มหลวงพนู ศักดิ์ ทินกร
หมอํ มหลวงอุทัย ทนิ กร
หมอํ มราชวงศช์ วน ทินกร
หมํอมเจา๎ หญิงรัชนี ทินกร (สิ้นชพี ิตกั ษัยวนั ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2453 ชนั ษากวํา 57 ปี) เสกสมรสกับ หมํอมเจา๎
เจรญิ สนิทวงศ์ พระโอรสในพระเจา๎ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท
หมํอมเจ๎าชายเป๋า ทนิ กร ประสูติแตหํ มอํ มเจ๎าหญิงเลยี บ
หมอํ มเจา๎ ชายเจียก ทนิ กร ประสูติแตํหมํอมเอี่ยม สกุลเดิม ณ บางชา๎ ง (สนิ้ พระชนมเ์ มื่อวนั ท่ี 11 กรกฎาคม พ.ศ.
2451 ชนั ษากวาํ 55 ปี พระราชทานเพลงิ ณ วดั สระเกศ เมอื่ วนั ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2451 โดยเหตทุ ใี่ ช๎คาํ วาํ
สน้ิ พระชนม์นั้นเป็นเพราะพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา๎ เจ๎าอยํูหัว พระราชทานการพระศพเสมอดว๎ ยพระวรวงศ์
เธอพระองคเ์ จ๎า) เสกสมรสกับหมอํ มเถาวัลย์ ทนิ กร ณ อยุธยา และยังมหี มํอมอีก 1 คน คือ หมํอมแกว๎ ทินกร ณ
อยุธยา มโี อรสและธิดา คือ
หมํอมราชวงศห์ ญิงเปลํง ทนิ กร มีหมํอมเถาวัลย์เปน็ มารดา
หมํอมราชวงศ์หญิงไปลํ ทินกร มีหมํอมเถาวลั ยเ์ ป็นมารดา
หมอํ มราชวงศ์หญิงปรุง ทินกร มหี มํอมเถาวลั ยเ์ ป็นมารดา
หมอํ มราชวงศ์กนั ทินกร มีหมอํ มแก๎มเปน็ มารดา
หมํอมราชวงศแ์ กม ทินกร มหี มํอมแกม๎ เปน็ มารดา
หมอํ มราชวงศ์หญิงผกา ทนิ กร มหี มํอมแกม๎ เป็นมารดา
หมํอมราชวงศ์หญิงก๎อย ทนิ กร มหี มอํ มแกม๎ เป็นมารดา
หมํอมราชวงศ์เกีย่ ว ทนิ กร มีหมอํ มแก๎วเป็นมารดา สมรสกับปลมื้ ฐิตรัต มีบตุ รธดิ า ดงั นี้
หมํอมหลวงประอรพศิ ทนิ กร
หมอํ มหลวงประกติ ทนิ กร
พนั ตรี หมอํ มหลวงประทปี ทินกร
หมอํ มหลวงประสงค์หมาย ทินกร
หมํอมหลวงประไพวดี ทินกร
หมอํ มหลวงประณีน๎อม ทนิ กร
หมอํ มหลวงประนอมพันธุ์ ทนิ กร
หมํอมหลวงประทานพร ทินกร
หมอํ มหลวงประพจน์ ทนิ กร
หมอํ มราชวงศห์ ญิงกะรัต ทนิ กร มหี มอํ มแก๎มเปน็ มารดา
หมอํ มราชวงศ์กําหนดั ทนิ กร มหี มํอมแก๎มเป็นมารดา
หมํอมเจ๎าชายปง๋ั (พระราชทานเพลงิ ศพ ณ วัดสระเกศ เดอื นมนี าคม พ.ศ. 2446)
หมอํ มเจา๎ ชายตง่ิ ทินกร
หมอํ มเจา๎ หญิงบษุ บง (พระราชทานเพลิงศพ เมื่อวนั ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2440)
พระโอรสและพระธดิ าทง้ั 23 พระองคน์ ี้ มสี บื ราชสกุลเพียง 5 องค์เทํานัน้ คือ หมอํ มเจา๎ ชายปาน, หมํอมเจา๎ ชาย
ไพบูลย์, หมํอมเจ๎าชายภูลสวัสด์ิ, หมํอมเจา๎ ชายเปา๋ และหมอํ มเจ๎าชายเจียก
พระเกยี รติยศ
หมํอมเจ๎าทินกร (24 พฤษภาคม พ.ศ. 2344 - พ.ศ. 2349)
พระเจ๎าหลานเธอ พระองค์เจ๎าทนิ กร (พ.ศ. 2349 - 7 กันยายน พ.ศ. 2352)
พระเจา๎ ลูกยาเธอ พระองคเ์ จ๎าทินกร (7 กันยายน พ.ศ. 2352 - 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367)
พระเจา๎ น๎องยาเธอ พระองค์เจา๎ ทนิ กร (21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 - 2 เมษายน พ.ศ. 2394)
พระเจ๎าพี่ยาเธอ พระองค์เจ๎าทนิ กร (2 เมษายน พ.ศ. 2394 - 1 สิงหาคม พ.ศ. 2394)
พระเจ๎าพี่ยาเธอ กรมหลวงภวู เนตรนรินทรฤทธิ์ (1 สงิ หาคม พ.ศ. 2394 - 28 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2399)
ภายหลงั ส้ินพระชนม์
พระเจ๎าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภวู เนตรนรินทรฤทธิ์ (1 ตลุ าคม พ.ศ. 2411)
บทชมโฉม
บทชมดง
บทแสดงอิทธิ์ฤทธิ์
บทแตงํ ตัว
บทเกี้ยวพาราสี
บทอาลัยถึงคนรัก
บทโกรธา
บทเศร๎า
บทชมตลาด
บทละครของเกา่
ละครแบบดัง้ เดมิ ของไทยเป็นละครราํ บทละครจึงมลี ักษณะเป็นบทละครรํา กลําวคือ
คาํ ประพนั ธเ์ ป็นกลอนบทละคร ระบจุ ํานวนคํากลอน กําหนดเพลงหนา๎ พาทย์ เพลงร๎อง การเจรจา
ซึ่งตวั ละครต๎องพูดเอง ไมํเขยี นถอ๎ ยคําไวใ๎ นบท ในสมัยอยธุ ยา สมัยธนบรุ ี จนถงึ สมัยรตั นโกสินทร์
รชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟาู จุฬาโลกมหาราช ละครผห๎ู ญงิ ของหลวงเลํนเรอ่ื งรามเกียรติ์
อนิรทุ ธ์ (อุณรทุ ) อเิ หนา และดาหลัง ไมํปรากฏวําเลนํ เรอื่ งอืน่ นอกจากน้ี สวํ นละครข๎างนอกซึง่ เปน็
ละครผ๎ูชายเลํนเร่ืองนิทานพื้นบา๎ นแบบจกั รวงศๆ์ หรือนิทานชาดก บทละครนอกของเกํากํอนสมยั
รัตนโกสินทรเ์ หลืออยูํในหอพระสมุด ๑๙ เรอ่ื ง สมเด็จพระเจา๎ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดาํ รงราชานภุ าพ
๒๕๔๖: ๓๓๓) ได๎แกํ การะเกด คาวี ไชยทัต พกิ ลุ ทอง พมิ พส์ วรรค์ พณิ สุรีย์วงศ์ นางมโนห์รา โมํงปุา
มณพี ิไชย สงั ข์ทอง สงั ข์ศิลป์ไชย สวุ รรณศิลป์ สุวรรณหงส์ โสวัต ไกรทอง โคบตุ รไชยเชษฐ์ พระรถ และ
ศิลป์สรุ ยี ว์ งศ์
บทละครนอกของเกํามีการพรรณนารายละเอียดอยูํบ๎างเหมือนกัน เชํน อาจมีบทชมธรรมชาติ
บทอาบน้ําแตงํ ตัว
บทชมโฉม ฯลฯ แตเํ ป็นบางตอน ไมํไดส๎ มา่ํ เสมอเหมือนในบทละครใน ตวั อยาํ ง
บทละครนอกทมี่ ีการพรรณนาละเอยี ด เชนํ บทละครเร่อื งสวุ รรณหงษ์ ฉบบั ความเกาํ กลําวถงึ นางเงอื ก
นํา้ ชาลีกนั กบั น๎องทัง้ สี่พรอ๎ มบริวารจะไปเลํนน้ํา (สมดุ ไทย เลขที่ ๑๔๕, หนา๎ ต๎น ๓-๔) วาํ
ชมตลาด
๑ วาํ แล๎วหา๎ นางกแ็ ตงํ กาย ผัดพักตร์พรรณรายผํองใส กันเจยี กคงูํ ามวิไลย
แลว๎ สอดใสํสร๎อยสะองพริง้ พราย กาํ ไลกรสอดกับประดบั เพชร ธาํ มรงค์ทรงเสรจ็
ดเู ฉิดฉาย ครั้นแล๎วหา๎ นางยํางกราย บริวารทัง้ หลายก็ไคลคลา
บทละครนอกแบบหลวมหลังรัชกาลพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล๎านภาลยั
บทละครพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลยั
ท้งั หมดใช๎เลนํ ละครหลวง จงึ ไมํมผี ูใ๎ ดกล๎านําไปเลนํ ครั้นถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา๎ เจ๎าอยหํู วั
พระองคโ์ ปรดใหเ๎ ล็กละครหลวงแตแํ บบอยํางของละครหลวงกลบั เป็นทน่ี ิยมมากขึน้ เพราะเมื่อไมํมลี ะครหลวงแล๎ว
เจา๎ นายและผ๎ูมบี รรดาศกั ดิ์กพ็ ากนั หดั ละครตามแบบในรชั กาลท่ี 6 กับมาก เปน็ ต๎นวาํ สมเดจ็ พระบวรราชเจา๎
มหาศักดิพลเสพก็ทรงหัดละครผ๎ูหญงิ วังหน๎าขน้ึ ทงั้ ชดุ (สมเด็จพระเจ๎าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารง
ราชานภุ าพ, ๒๕๐๘ ๑๕๕-๑๕๖) ดังนนั้ ละครนอกแบบหลวงจงึ สืบทอดมาช้ันแรกในหมูเํ จา๎ นายและ
ขนุ นางผ๎ูใหญํกํอน นอกจากเลํนตามบทพระราชนิพนธ์รชั กาลท่ี 9 แลว๎ ยงั มบี ททแี่ ตํงข้ึนใหมํอกี ทําให๎
เกดิ บทละครนอกแบบหลวงในรัชกาลที่ ๓ และรัชกาสตํอๆ มาอีกหลายเรื่อง ยกตวั อยํางบางเร่อื งได๎
สวุ รรณหงสแ์ ละแก๎วหน๎ามา๎ บทละครพระนิพนธ์กรมหลวงภวู เนตรนรินทรฤทธ์ิ เมือ่ ครั้ง
เปน็ พระองค์เจา๎ ทินกร พระราชโอรสพระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลา๎ นภาลัย กรมหลวงภวู เนตรนรนิ ทรฤทธิ์
มีคณะละครในรชั กาลท่ี ๓ ตวั ละครหัดราํ แบบละครหลวงแตํโปรดทรงเรอื่ งละครนอก นับถือกนั วาํ ดีทัด
พระราชนพิ นธ์รัชกาลท่ี ๒ (สมเด็จพระเจา๎ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ, ๒๕๐๘ ตร0) บท
ละครนอกทท่ี รงพระนพิ นธม์ ีหลายเร่ือง ท่นี ิยมมาจนถงึ ปจั จบุ นั ไดแ๎ กเํ ร่ืองสวุ รรณหงส์และแกว๎ หนา๎ ม๎า
สวุ รรณหงส์ ความยาว ๔ เลํมสมุดไทย เรม่ิ เรื่องทน่ี างเกศสุริยงคราํ่ ครวญถงึ พระสุวรรณหงส์
หลังจากต๎องหอกยนต์ จนถึงพระสวุ รรณหงส์ใหน๎ างเกศสุริยงพาไปพบนางเงือกนํ้า
แกว๎ หน๎าม๎า ความยาว 5 เลํมสมดุ ฝรั่ง เร่ิมเร่อื งท่พี ระพนิ ทองโอรสท๎าวมงคลราชผู๎ครอง
เมอื งมิถลิ าทรงวาํ วจนถึงนางมณีหึงหวงนางทัศมาลี
ทงั้ เรอ่ื งสุวรรณหงสแ์ ละแก๎วหนา๎ ม๎า กรมหลวงภวู เนตรนรนิ ทรฤทธ์ไิ มํได๎ทรงพระนิพนธ์
ตลอดทง้ั เร่ือง ทรงแตงํ เฉพาะตอนทจ่ี ะเลนํ ละครตามแบบพระราชนพิ นธร์ ชั กาลท่ี 9 ในขณะท่ีเร่ือง
สวุ รรณหงษ์ฉบับความเกาํ ซึ่งนาํ จะเปน็ ของชาวบา๎ น มีเน้ือความตัง้ แตํพระสวุ รรณหงษ์เกิดสุบินนิมติ
ทรงวําว ตอ๎ งหอกยนต์ อนึง่ เรอื งแกว๎ หน๎าม๎า ออกนามตัวละครเอกชายวาํ พระพนิ ทอง ตํางกับบท
ละครของกรมศิลปากรทใี่ ชว๎ าํ เป็นพระทอง
เร่อื งสวุ รรณหงส์พระนิพนธก์ รมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์(สมุดไทย เลขที่๑๗๙ หนา๎ ตน๎ : ๑) ตอนนางเกศสุรยิ ง
คํราํ ครวญถงึ พระสวุ รรณหงส์
๏ เมอ่ื น้นั นางเกศสรุ ยิ งโฉมศรีแตํละหอ๎ ยคอยหาพระสามีอยํูยังที่ แทนํ ทองห๎องไสยา ทุกคนื เคยมาหาน๎อง
แกว๎ ดกึ แล๎วหลากจติ ผิดหนกั หนา เวลากาล ปุานน้ยี ังมิมา สุรยิ าจวนจะแจง๎ แสงทอง ฤๅทรงยศอดประทมล๎มไข๎ต
รอมพระทยั ทุกข์ทนหมํนหมอง ฤๅพระตรึกนึกแคลงกนิ แหนงนอ๎ ง เคืองข๎องพระทยั จึงไมํมา
ฯ ๖ คํา ฯ
บทละครนอกพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่๒ เปน็ แบบแผนให๎บทละครนอกจาํ นวนมากในสมยั ตอํ มา นอกจากในสมยั
รัชกาลท๓่ี -๕ แลว๎ ในรัชกาลท่ี๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา๎ เจา๎ อยํหู วั ทรง พระราชนพิ นธ์บทละครรําเรอ่ื ง
ศกุนตลาและทา๎ วแสนปม กท็ รงตามแบบแผนของบทละครนอกของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลา๎ นภาลัย เมื่อ
เจา๎ พระยาเทเวศรวงศ์วิวฒั น์บังคับการกรมมหรสพน้ัน ไดฝ๎ ึกซอ๎ มโขนหลวงใหเ๎ ลนํ ละครรํา นับวําละครผูช๎ ายท้งั โรง
กลบั มีข้ึน (สมเด็จพระเจา๎ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดาํ รงราชานภุ าพ, ๒๕๐๘: ๒๐๔) และพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎ
เกล๎าเจ๎าอยูํหวั โปรดเกลา๎ ฯ ให๎จัดแสดงละครราํ เร่ืองศกุนตลา โดยทรงใช๎ข๎าราชสํานกั ฝาุ ยหน๎า ดังนัน้ การแสดง
ละครนอกแบบหลวง ในสมยั รัชกาลท่ี๖ เคยใช๎ผูช๎ ายแสดงลว๎ น ซึง่ อาจเป็นแบบให๎ละครนอกในสมัยปัจจบุ นั ท่ใี ช๎บท
แบบหลวง แตใํ ชผ๎ ู๎ชายแสดงซ่ึงตาํ งกับละครนอกแบบหลวงในระยะแรก
บทละคอนนอก
เร่ืองสุวรรณหงส์
------------------------------------------
ฉากนาํ
เมืองไอยรตั น์ และ เมอื งมตั ตัง
--------------------------------------------------
เมือ่ เปิดมาํ นหน๎าเวที ตอนแรกเหน็ ฉากผาํ นเป็นสถานท่ีในนครไอยรัตน์ เม่ือ
เลอื่ นฉากผาํ นออกไปแล๎ว เหน็ ฉากอยาํ งภาพฝัน เป็นฉากหลงั ลกึ เขา๎ ไป มองเห็น
ปราสาทของนางเกศสรุ ิยง ในเมืองมัตตัง มชี ํองพระแกลอยูใํ นทท่สี ูง มมี ุขยืนออก
ทําให๎มคี วามแข็งแรงพอที่คนปืนขึน้ ลงเขา๎ ออกได๎ ผนงั ของตําหนกั ควรเป็นผ๎าขาวบาง
เขยี นให๎เหน็ เป็นผนังทานําปูน เมอ่ื เข๎าไปทางชํองพระแกลน้นั แลว๎ สามารถเปิดไฟข๎างใน
ให๎สวําง เห็นสภาพภายในห๎องบรรทมของนางเกศสุริยง ได๎ดีและชัดเจนพอควร
การเเสดง
พระสุวรรณหงสช์ ักวาํ วอยูํ ณ สนามหน๎าจกั รวรรดิ ในเมอื งไอยรตั น์ แลว๎ วําว
ลอยข้นึ สูํอากาศ ไปตกและสายบานพันตดิ ยอดปราสาทที่ประทับของนางเกศสรุ ิยง ใน
เมอื งมาตงั้ ดว๎ ยแรงอธษิ ฐาน สายบ๎านพาดไปทางชอํ งพระแกล แลว๎ พระสุวรรณหงส์
ไตสํ ายวาํ วขึน้ ไป เข๎าไปพบนางเกศสรุ ิยงภายในหอ๎ งบรรทม เล๎า โลมรักใครกํ ันห๎าพเสียงของเกศสรุ ยิ ง
แอบเห็น แลว๎ ซบุ ซบิ กนั ทําหอกยนตร์ มาคอยดกั ทีช่ ํองพระแกดสวุ รรณหงสถูกหอกแลว๎ ไมํสายวาํ ว
กลับลงมาด๎วยความเจบ็ ปวดรวดเรา๎ และขุนแคน๎ อาฆาต
แสดงเป็นบทใบ้ตามบทละครเสภาและเพลณงดนตรีตลอด
เสภาหน้าเร่ือง
- ป่ีพาทยท์ ํา วา " เปดิ มา่ น -
ขับ
๑ จะกลําวถงึ หนํอนรินทรปนิ่ กษัตริย์ แหงํ เวียงชัยไอยรัตน์บุรีศรี
มีพระนามสุวรรณหงส์ทรงฤทธี เก็บมาลีดอยได๎ในคงคา
เผ๎าคะนึงถงึ นงเยาว์ผ๎เู จ๎าของ จะทรงลองปลํอยวําวขึ้นเวหา
จึงเสียงสัตย์อธิษฐานม่ันวิญญาณ มาตรแมน๎ วําเนื้อคูํอยํูหนใด
ขอให๎วําวกายสท์ ธ์ิติดปราสาท นชุ นาฏผูน๎ ้ันอยําหวั่นไหว
เสี่ยงพลางทางทอดสายบ๎านไป จุฬาใหญลํ อยคว๎างกลางนภา ฯ
๑ พระตามไดสํ ายบํานถึงมดั ต้ัง - เชด็ ฉงิ -
แสนเกษมเปรมปรมิ อมิ ธุรา
ดว๎ ยกาลงฤทธิวําวนนหนกหนา
เท่ยี วคน๎ หาทางขึ้นโดยบญั ชร
๑ ดว้ ยเดชะบพุ เพสน้ นวาส - เชดิ -
รว่ มภิรมยช์ มชิดสนทิ นธน ร้องโอโ้ ลม
ยุพราชกับอนงคน์ วลสมร
ไม่อาวรณ์หวังพรากไปจากกัน ฯ
- ตระนอน –
จะกลา่ วถึงพระพเ่ี ลี้ยงทัง้ หา้ นาง ขับ
ชวนกันมาแอบดูก็รูท้ นั
ปรึกษากนั วา่ จะต้องปองพิฆาต เหน็ ผิดอยา่ งอรไทในห้องก้ัน
ทง้ั หา้ นางปองจติ ร่วมคดิ ร้าย วา่ นางน้นั สมสู่รว่ มชูช้ าย
ลา้ งชีวาดม์ชู้ชมใหส้ มหมาย
๑ คราน้นั องค์พระสวุ รรณห์ รบี ชวนยขวายใสส่ ลกั ปักหอกยนต์
จึงโลมลบู จูบอานรี มล
ขบั
คดิ ประสงคก์ ลับหลังทางเวหน
จรดอ โดยด่วนจวนอุทัย
พระรบี สาวกา๎ วพระบาทเมืองยาตร์ยาํ ง เสดจ็ ทางพระแกลทองอนั ผํองใส
เหยยี บไกหลุดหอกล่ันข้ึนทนั ใด ก็ถูกพระภูวไนยตรึงอรุ า ฯ
๑ แสนเจบ็ ปวดรวดร้าวท่วั อุระ ---รัว----
พระโลหิตไหลหลั่งดงั ธารา
พระหวนคดรตแคน้ สรุ ยี ง แทบวาจะดาวดนตน้ สังขาร
ลวงเรามาหมาย ฆ่าชวิ าวาย ส้นิ กาํ ลงั วงั ชาจะทรงกาย
ถงึ เจบ็ ปวดปานชีวิตจะปลดิ ร่าง
ผืนมานะกษัตรยมั่นในสนั ดาน ชะอนงค์ทรยศกบฎหมาย
หญิงช่ัวร้ายกาลีฤดีพาล
ครานั้นนางเกศสุริยง ไม่ยอมวายตายตา่ งราชฐาน
จึงออกมายังหนาบุญชรชัย แข็งพระทัยไต่สายบ้านเสด็จไป ฯ
----ทยอย----
ขับ
คิดถึงสวุ รรณหงส์เฝา้ สงสัย
แปลกพระทัยโลหติ ติดพระแกล
ชะรอยพระพเี่ ล้ียงพยาบาท แกล้งทาภายหมายพฆาตเป็นบาดแผล
พระคงตอ้ งศัสตราพาลาแท้ เลือดจงึ แสไหลหลั่งเป็นทางไป
ป่านฉะนี้พระพยี่ อดชีวตี คงจะปลดิ ชีพปลงไม่สงสัย
คดิ ยงิ่ ชอ้ งหมองอรุ าโศกาลัย อรไทซวนซบสลบลง ๆ
๑ พอพลิกฟ้ืนคืนได้สมประดี ---โอด---
จะตอ้ งตามข้ามแควนั บุกแดนดง ขบั
จงหลบล้ีหนีออกจากปรางมาศ
สงั เกตรอยโลหิตติปถั พี เทวหี ักจติ คดิ ประสงค์
ให้พบพระสุวรรณหงส์ผ้สู ามี
นุชนาญมงุ่ คัลไลสู่ไพรศรี
จรลตี ามรอย โลหติ ไป ฯ
---เพลงเร็ว---
เปดิ มา่ น
ฉากที่ ๑ กลางป่า
- ปีพาทยท์ - เหาะ - รวั -
- เปิดไฟบนให๎สวาํ งและปดิ ไฟลาํ งปลอยพ้ืนเวทใี ห๎มดิ ไว๎กํอน -
- เปิดมาํ น – เหน็ พระอนิ ทรป์ ระทบั อยเูํ หนอื พระแทนํ บณั ฑกมั พลศิลาอาสน์ -
- ปดิ ไฟบนเปิดไฟลาํ ง เห็นแทนํ หนิ ใหญสํ าํ หรบั พระอินทรป์ ระทบั -
- เหน็ นางเกศสุรยิ งนอนสลบอยกํู ลางปาุ แตผํ ู๎เดยี ว
ร้องตวงพระธาตุ
๑ โกงยถึงบาพนาเวศ เห็นนางเกศสุริยงนาํ สงสาร
มานอนกองกลางปุาดูสาธารณ์ มฆั วานเข๎าไปไกลกัลยา
แลว๎ ยกหัตถ์นมสั การอํานเวท เปุาลงตรงเกศเกศา
เดชะพระเวทมนตรา กัลยาคํอยฟน้ื คืนฤดี ฯ
- รัว -
- พระอินทรประทบั บนแทน่ หนิ - เจรจา - ถามถงึ เหตทุ ม่ี านอนสลบอย -
- นางตอบวา่ มาตามสามี แล้วจงึ ทลู วงิ วอนขอให้พระอินทร์ทรงชว่ ย -
- พระอนิ ทร์ทรงรับชว่ ยแลว้ แนะนาํ -
ร้องสามไม้ใน
๑ โกสีย์มีเทวบัญชา ดูราเยาวราชจาํ เรญิ ศรี
- พดู -
เจ๎ามาไยในปุาพนาลี เปน็ นารเี ทยี่ วหรอื มาเดียวดาย
ไมํกลัวสตั ว์เสอื สหี ์ผีสาง มาเดินทางกลางปุานําใจหาย
นาํ้ ใจกล๎าสามารถดงั ชาตชิ าย จนมาตายกลางทางน้ีอยาํ งไร ฯ
ร้องรา่ ย
๑ เมอื่ นั้น นางเกศสุรยิ งศรใี ส
แลดูรวู้ า่ สหัสนัยน์ อรไทชืน่ ชมโสมนัส
แลว้ บงั คมทูลแถลงแจ้งเหตุ ขา้ ชข่ือเกศสรุ ยิ งพงศ์กษัตริย์
เป็นธิดาพระยายักษจ์ กั รพรรดิ ครองสมบตั มิ ัตตังพารา
เดมิ พระสุวรรณหงส์ทรงธรรม์ มาสมคั รรักกันกับตัวข้า
พเ่ี ล้ียงทําหอกยนตร์กดมายา ลอบลางภัสดาขา้ มว้ ยมิด
ขา้ จึงดน้ คน้ หาป่ากวา้ ง ตามทางเลือดย้อยรอย โลหติ
พอรอยเลอื ดหยดหยดุ กส็ ุดคิด จนจติ จะตามไปให้พบ
สู้ลาํ บากยากทุกขเ์ ท่ียวบุกหนาม เลา่ ความต้งั แต่ตน้ จนสลบ
(ครวญ ทลู พลางนางกมประนมนบ กรรแสงซบพักตราโศกาลยั ฯ
- โอด –
ร้องร่าย
๑ เมือ่ นนั้ อัมรนิ ทร์ตรสั วาํ อยําหมํนไหม๎
เราจะชํวยโฉมงามทรามวยั อรไทอยําหวั่นพรน่ั วญิ ญาณ์
- พดู
แตเํ ป็นหญิงรปู รํางอยํางนี้ เหน็ เตม็ ที่ทีจ่ ะไปในกลางปุา
ทางกันดารมารยักษล์ ๎วนศักดา ตอ๎ งจําแลงกายาให๎เป็นชาย
จึงจะสมจินดาเจ๎าปรารภ คงพานพบผวั ผวาขวัญเหมอื นมน่ั หมาย
รอ้ งร่าย
แล๎วเทเวศหลบั เนตรสาํ รวมกาย พลางรํายโองการอํานเวทไป ฯ
- ตระบองกัน - รว - เจา้ พราหมณแ์ ปลงออก -
- พระอนิ ทรเจรจาขอแหวน -
- เจรจา -
พระอินทร์ - เจา๎ จงเอาแหวนของเจ๎ามาใหเ๎ ราเสกไวแ๎ ทนตัวเจ๎าเถิด ฯ
- เจ๎าพรารมณย์ ืนถวาย – พระอินทรร์ ับแหวน -
รอ้ งสามเสา้
๑ เมอ่ื นัน้ อมั รินทร์ ยมแยม๎ แจมํ ใส
รบั เอาแหวนน้ันทนั ใด สหัสนยั น์นิมติ ด๎วยฤทธา ฯ
- รวั - นางแปลงออก –
ร๎องเชิดนอก
๑ เมื่อนั้น นางนิมติ ประนมก๎มเกศา
รบั สั่งโกสียแ์ ล๎วลลี า ไปพารามตั ตงั วงั ใน ฯ
--- พระอนิ ทร์สงั่ ---
--- เจรจา ---
พระอินทร์ – เจา๎ จงไปอยํูปราสาทราชฐาน แทนองคน์ งคราญทใี่ นปุา
อยําให๎ใครรซ๎ู ง่ึ กิจจา จนกวํานางจะกลบั คนื นคร ๆ
- เชิด- นางนิมิตเข้าโรง-
ร้องตน้ เพลงนิง่
๑ เมอื่ นัน้ องคส์ ุชาบดเี ป็นใหญํ
จงึ ตรัสกับพราหมณ์พลันทนั ใด เจา๎ จะไปในปุารกั ษาองค์
- พดู -
ขวดน้ํามันน้ีเจา๎ เอาไปด๎วย เราจะชํวยใหส๎ าํ เร็จดงั ประสงค์
แมน๎ สามชี ีวติ ปลดิ ปลง โฉมยงจงรนิ นํา้ มนั ทา
ก๎จะฟ้ืนคืนดมี ชี ีวติ น้ํามันนศักดสิ์ ิทธอเ์ ปน็ นักหนา
ร้องร่าย
๑ ยื่นศรทรงสํงให๎กัลยา แลว๎ อินทราอาํ นวยอวยพร
ศัตรหู มํมู ารอยําตา๎ นติด จงปรากฎทศท่ีศดว๎ ยฤทธิ์ศร
ท๎าวโกสีย์ช้ีทิศหนทางจร แล๎วเหาะรอํ นคืนสถานพิมานชยั ฯ
- รัว - พระอินทรเ์ ข้าโรง –
ร้องมอญแปลง
๑ เมือ่ นนั้ โฉมเจ้าพราหมณีศรใี ส
เหน็ โกสีย์เหาะกลบั ลับไป ใหเ้ ปลย่ี วเปล่าเศรา้ ในวญิ ญาณ์ ฯ
- สรอ้ ย -
๑ เจา้ พราหมณแ์ ปลงจําแลงกาย เบอ้ื งยาตร์กรายมาในป่า
ใฝ่คะนึงถึงภัสดา พอคู่ชีวาของน้องเอย ช่นื ใจนอย ฯ
พากย์ชมดง
๑ สุริยงแปลงองค์เป็นพราหมณ์ จดุ เร่มิ เฉลมิ งาม เดนิ ตามพนสแ์ นวดง ๆ
๑ ไมใ้ หญย่ างยงสงู ระหง ปรางปรงิ ปรูปรง คันทรงส่งกลิน่ ฝืนฝาง ๆ
๑ ไทรยอ้ ยหอ้ ยระยา้ ขานาง ชมพลางเดนิ พลาง มาข้างธาราวารี ๆ
๑ เดนิ พลางคะนึงถึงสวามี กาํ สรดโศกี เทวคี รา่ํ าครวญหวนคะน่ึง ๆ
รอ้ งกระบอกทอง
๑ พระหตั ถยกศรศรีของตรเี นตร ทูนไว้เหนือเกศเกศา
คิดจะแผลงศรศลิ ป์ของอินทรา กลั ยากุมศรทอดกรกราย ๆ
ร้องรา่ ยรดุ
๑ เดชะพระแสงศรสิทธ์ิ ให้เหน็ อิทธิฤทธิไกรดังใจหมาย
ย่างเท้าน้าวศรเอียงอ่อนกาย ล่ันสายแผลงไปดว้ ยฤทธิ์ ๆ
---รวั ---
- ตอนแผลวงศรน้ี ทําเสียงและแสงอิทธฤิ ทธ์ิ
–ปิดม่าน—
ฉากท่ี ๒ ศาลาในปา่
- ดา้ นหนง่ึ เป็นศาลากลางวา่ มีเตียงนอนและมตี น้ ไม้ใหญร่ มิ ศาลา -
- อกี ดา้ นหนึง่ เปน็ บา่ กวาง มสี ตั วบานานาชนด -
- เมอื่ เปดิ มานครัง้ แรกเหน็ ดา้ นป่ากวา้ งและเหน็ กุมภณฑ์
- แลว้ หมูมกลับมาดา้ นศาลาอกี -
รอ้ งสมงิ ทองมอญ
๑ มาจะกลาํ วบทไป ถงึ กุมภณฑสทิ ธศิ ักด์ิยกั ษ์
กายาใหญํหลวงพวงพี เจ๎าของทศี่ าลาแดนอารัญ
มฆั วานประทานที่ใหส๎ ี่โยชน์ ภเู ขาโขดแวนํ แควน๎ แดนไพรสัณฑ์
แมน๎ สตั ว์สิงห์วิ่งมาในปุานั้น กุมภณั ฑจ์ บั กินส้นิ ชีวิต ฯ
-- มีสตั ว์ปุาชนดิ ตาํ ง ๆ ออก –
รอ้ งรา่ ย
๑ วนั นน้ั อสรุ าไปปุากว๎าง จับแรดช๎างงวั มอหกั คอบิด
(ทอดครงึ่ ) แลว๎ กนิ เลนํ เชนํ ขนมสมความคิด สาํ แดงฤทธ์เิ หาะกลับมาฉับพลนั ๆ
- คกุ พากย์ – เชิด – หมนุ เวที่กลบั เอาดา้ นศาลาออก----
รอ้ งรา่ ย
๑ ถึงศาลาแดเขมนเหน็ เจ๎าพราหมณ์ โฉมงามพรึงเพรดิ เฉิดฉัน
หน๎าแฉล๎มสองแกม๎ ดงั ถูกจนั ทน์ กุมภณั ฑ์คดิ วําเปน็ นารี
บญุ ตวั เรานกั ไมพํ ักหา เคราะห์ดีผีพามาถึงน่ี
เราจนเมยี เปน็ หมา๎ ยมาหลายปี วนั น้ีลาภเกิดเหมือนเบีดโป
(ทอดเต็ม) ยอํ งเขา๎ ใกลไขวคํ ว๎าเลก็ ผา๎ หํม ไมเํ หน็ นมนกกระดากออกปากโอ
- ติดตลก -
ชะเปน็ ชายไปได้อ้ายเฉโก ฉุนโมโหโกรธาง่ากระบอง
ดูหมนิ่ ยกั ษน์ ักหนามาจากไหน ไม่บอกใครสกั คาทา่ จองหอง
แล้วขบเขี้ยวเค้ียวกรามคาํ รามรอ้ ง ถบี ต้องเจ้าพราหมณด์ ว้ ยโกรธา ๆ
- พราหมณพ์ ลิกตวั -
ร้องร่าย
๑ เมอ่ื นั้น เจ๎าพราหมณ์พลิกฟ้ืนต่ืนผวา
มองเขม็นเห็นยักษน์ ้ันเข๎ามา พระหัตถคว๎าศิลปชัยไวด๎ ว๎ ยพลัน
ขยับยืนข้ึนชมอารมณ์ไว๎ อกใจทึก ๆ ให๎นึกพรั่น
แลว๎ แขง็ จติ คิดมานะไปกระนั้น น่ีกุมภณั ฑ์เที่ยวไปข๎างไหนมา
เราหลับอยจูํ ํูมาไมบํ อกเลํา ถีบเอาเราเขา๎ ถนัดจนขดั ขา
ไมเํ กรงใจกันบ๎างอหงั การ เตน๎ ถงึ ตง้ั ดังศาลาจะโทรมทรุด
อยาํ ดุดนั งันงกพก โมโห ดบั โทโสเสยี บ๎างจงย้ังหยดุ
ทาํ นเป็นยักษาเรามนุษย์ ฤทธืรดุ ตาํ งมดี ีด๎วยกัน ฯ
๑ เม่ือน้ัน กมุ ภณฑเ์ คืองขุนหุนหัน
แกวง่ กระบองร้องว่ามาพลนั น้อยหรือนั้นถือตัวไม่กลัวเกรง
มานอนเลน่ เช่นเหมือนดังเรอื นเจ้า ไม่บอกเล่าสักคําทําข่มเหง
ศาลานท่ีอยขู่ องกูเอง จะครนื้ เครงหกั พงั ช่างของกู
มนุษย์จะสูย้ กั ษอ์ ยา่ พกั ก่อ จะหักคอเค้ียวกันเหมือนชิ้นหมู
หัวมึงแข็งทนกระบองมาลองดู ก็จะรฤู้ ทธิไกรเปน็ ไรมี
วา่ พลางทางทาสงิ หนาท รอ้ งตวาดเหวยกล้าแล้วอยา่ หนี
เข้าไล่จบั เจ้าพราหมณ์ตามตี อสุรรี บประชดิ ติดพนั ฯ
๑ เมอื่ นั้น เจ้าพราหมณ์พริ้งเพริดเฉิดฉัน
โจนจับรบั รองป้องกนั แกว่งคันครสู้อสรุ า
โจนข้นึ เหยียบเข่าน้าวเศยี ร ผกผันหนั เหียนเปล่ียนทา่
บน่ั บุกรุกไลก่ นั ไปมา ศสั ตราแคล้วคลาดปราศภยั ฯ
ร้องเหเ่ ชดิ น่ิง ฟ้าดนิ กัมปนาทหวาดไหว
ตอ้ งขุนมารบรรลัยดบั ชีวิต ฯ
๑ แล้วเอยี้ วองค์โก่งศรของโก่งศรของโกสนิ ทร์
น้าวเหนียวเรียวแรงแลว้ แผลงไป
- รัว - โอด –
๑ เม่ือน้นั รอ้ งกาเรียนทอง
เห็นมารร้ายตายแผแ่ พ้ฤทธิ์
โฉมเจ้าพราหมณ์น้อยละห้อยจติ
๑ กลวั เป็นเวรตดิ กายไปภายหน้า ใหค้ ดิ สมเพทสังเวชใจ
จาํ จะชบุ ชีวนั กุมภณั ฑไ์ ว้
แล้วต้ังจติ คดิ ถึงคุณตรีเนตร รอ้ งร่าย
เอานํ้ามนั องค์อนิ ทร์ออกรินทา
เพราะเราฆ่าขนุ ยกั ษ์นี้ตักษัย
๑ เม่อื นั้น ด้วยนา้ํ มนต์สหัสนัยน์ให้มา
แลเหน็ โฉมงามเจ๎าพราหมณ์ชี ประนมกรเหนือเกศเกศา
ขอบพระคุณหนกั หนาข๎ามอดม๎วย อสรุ าม้วยมอดรอดชวี ี ฯ
ขอรองบาทบงสุ์ทรงธรรม
แล๎วกราบกรานประทานโทษไดโ๎ ปรดยักษ์ - รัว -
มธี ุระประสงคส์ ิง่ ใด ร้องรา่ ย
กมุ ภณฑ์ผลุดลกุ ขึน้ จากท่ี
อสุรีกราบก๎มบังคมคัล
มาชุบชวํ ยชวี าไมอํ าสญั
ไปกวาํ ชวี ันจะบรรลัย
พระองคจ์ ักจรดลไปหนไหน
ข๎าจะได๎อาสากวาํ จะตาย ฯ
๑ เมื่อน้ัน ร้องรา่ ย
จงึ เลําความแตตํ น๎ จนปลาย
เจา๎ พราหมณพริ้งเพริดเฉดิ ฉาย
บรรยายช้ีแจงใหแ๎ จ๎งใจ
น๎องจะไปไอยรัตนพารา - พดู -
อนั เมืองพระภสั ดาของขา๎ ไซร๎
ทํานช่ือเรยี งเสยี งไรมิได๎แจ๎ง มรรคาหาแจง๎ รู๎แหํงไมํ
แมน๎ เจนทางกลางปุาพนาลี โกสยี ์ช้ีใหไ๎ ปทิศน้ี
ยงั รแ๎ู หํงเวียงชัยหรอื ไมํพ่ี
๑ เม่อื นนั้ จงึ ชวํ ยชี้บอกใหจ๎ ะไคลคลา ฯ
ทลู แถลงแจง๎ ความตามกิจจา
ซ่งึ ทรามวัยระไปตามภสั ดา ร้องรา่ ย
รู๎หว๎ ยหนองคลองนํ้าทกุ ตําบล
อยํูตรงนี้ช้ีน้ิวโนํนทวิ ไม๎ กมุ ภณฑป์ ระนมก๎มเกศา
ต๎องขา๎ มเชาลาํ เนาไมล๎ ๎วนไพรชัฏ นามกรตวั ขา๎ ชอ่ื กุมกณฑื
แม๎เสดจ็ เมื่อไรจะไปดว๎ ย ทางนข้ี ๎าเจนจัดไมํขดั สน
ขอแทนคุณพํอพราหมณ์ติดตามไป โดยหนทางไปไอยรตั น์
ทางไกลยากแคน๎ แสนสาหัส
เดินจัดเจ็ดวนั จงึ ถึงเวียงชัย
เป็นขา๎ กวําขะม๎วยตักษัย
มิได๎เคืองขดั หทั ยา ฯ
๑ ดีนัก - พูด -
แตํขดั อยํจู ะไปในพารา
แมน๎ ข๎าเมองมุนษย์ไมํเคยเหน็ ขอบใจทํานรักเราหนักหนา
คงเอะอะอ่ิกกระทึกคึกคัก ดว๎ ยกายาทํานใหญํวิสัยยักษ์
ทํานจงจําแลงแปลงตวั จะตน่ื เตน๎ วุํนวายกลัวตายหนัก
เนรมติ บิดเบือนให๎เหมือนพราหมณ์ ต๎องประดักประเดิกเกิดความ
ยาํ ให๎ใครกลัวเกรงขาม
๑ มาจะกลาํ วบทไป จะได๎ตามเราไปในพารา ฯ
มาถึงซ่งึ บรรณศาลา
เอ๏ะน่ีมาแตํไหนสงสัยนัก ร้องร่าย
(ทอด ใครหนอนาํ จบรูปงาม
ถึงนนยะเวกยักษา
นนยะเวก - พกี่ มุ ภณฑมานี่แนะ ! เห็นเชษฐานบนอบหมอบพราหมณ์
กมุ ภณฑ์ - จุ๏ ๆ ! อยําอกึ ทึกไป เอามือกวกั พ่ีพลางแล๎วทางถาม
เสียเด๋ียวนี้ ฯ
กมุ ภณฑ์หา๎ มฮะมึงอยําอึ้งไป - เจรจา -
เป็นเจ๎านายของกูดเู อาเถอะ
กราบกรานทํานเสียจะเปน็ ไร นั้นใครกนั ? -ชิ –ช-ิ ชํางสวยจรงิ ๆ
น่ีแหละนายของพี่ละ, มา - มากราบไหว๎ทาํ น
ยังยืนเคอะอยํหู าเขา๎ มาไมํ
นนยะเวกเข๎าไปกราบไหวพลัน ฯ
รอ้ งร่าย
๑ เจ๎าพราหมณ์ถามไปมิไดช๎ ๎า อสุรีน้ีมาแตํไหนนั่น
กุมกณฑ์บอกวําน๎องท๎องเดยี วกนั นามนั้นนนยะเวกอสุรา
แล๎วทลู วําขา๎ จะจาํ แลงกาย เวลาดํวนจวนบํายนักหนา
ลุกมายืนพน้ื ลํางขา๎ งศาลา ประนมหัตถห์ ลับตาอํานอาคม ฯ
-ตระ - รัว - พราหมณ์โตออก –
ร้องอาเฮีย
๑ รปู กายกลายเปน็ พราหมณ์งานเตม็ ที มวยมีทที่ ้ายทอยเทา่ หอยขม
อว้ นหม้อต้อคอเปน็ หนอกศอกเปน็ ปม หนวดเคราเผา้ ผมพานจะโล่ง
ใส่ต้มหดู เู หมือนแหวนแขวนยานยาว ห่มผ้ าขาวม้าม้งุ นุ่งตา โถง
จนเข้มขดั ตัดเชอื กเกลียวมาเกียว โยง ประคําหอ้ ยหอยโข่งสวมคอ
สะพายยา่ มใหญย่ าวราวกระสอบ น้องชายชอบชมพี่วา่ ดีหนอ
เจ้าพราหมณ์เห็นนิมติ เหมาะหัวเราะงอ เหมอื นพราหมณ์ทสี่ ี ซอเที่ยวขอทาน ฯ
กุมภณฑ์ - ชา๎ เจ๎าหงสเ์ อย ตัวข๎าจะโลมตวั นอ๎ ง
ใจจติ คดิ ปอง ตลกคะนองก็รําไป
จะซดั สองแขนให๎แอนํ ออํ น ทัง้ บทท้ังกลอนพี่กจ็ ําไวไ๎ ด๎
สุวรรณหงสถ์ กู หอก ถูกแล๎วอยาํ บอกกบั ใคร ๆ (ช๎า)
- นอก - ตงิ – นว นอก - นอด - ตงิ ๆ ๆ -
- เจรจาตดิ ตลก –
๑ เมอื่ น้ัน รอ้ งร่าย
จึงสั่งนนยะเวกมิทันนาน
เรากับกุมกณฑจ์ ะลากอํ น เจา๎ พราหมณ์ปรีด์เิ ปรมเกษมสานต์
แล๎วพราหมณ์น๎อยนําหน๎าคลาไคล ตัวทํานอยรักษาศาลาลัย
จะรบี ร๎อนคนื มาหาชา๎ ไมํ
พราหมณ์ใหญํสะพายยามเดมิ ตามมา ฯ
รอ้ งฉยุ ฉาย
๑ สองพราหมณ์ จะไปไหนนดิ บ่าวติดตาม
บา่ วพานคลายนายงาม เจ้าค่อยเดนิ ตามกนั รอ่ ย ๆ
บกุ แฝกแหวกอ้อ ไมก่ ลวั ต่อแตนตอ่ ย ๆ (-รับ - )
๑ เดนิ พลาง ชมไม้ไหญ่ สูงยูงยาง
ตะลิงปลิงปรูปราง แคคางชิน้ เช้อื ชดิ
ช่อนระยา้ รบั หน้าฝน ดอกมันหล่อลูกตดิ ฯ (-รบั - )
๑ บัดสี ชะดหู รือพเ่ี จ้าช่างบอก
โน่นตน้ อะไรแตกใบอ่อน ชอ่ เปน็ ก้นกําลังออกดอก
โนน่ หรือ ยักษชี ี้มือว่าต้นมะกอก
ถกู มันดกตกใตต้ ้น ดูเกลอื นกล่นไมม่ ีดอก ๆ (-รับ- )
****ฉุยฉายของบทหลังน้ีอาจไมํแสดงในบางครงั้ กไ็ ด๎****
๑ ชมปกั ษเี อย รอ้ งแมศ่ รี
โฉบเฉยี วเท่ยี วจร
บ้างเผ่นบ้าง โผน ชมปกั ษีสลับสลอน
บา้ งกก็ กฟองพัก จบั นอนในพุ่มรก
๑ โนน่ นกอะไรเอย บา้ งกโ็ จนโผผก
เคลา้ คกู่ นั จ๋จู ๋ี ฉกั รกั เจา้ ปักษีเอย ฯ
สแี สดแจดแจ้ น่ันหรอื อ้อนกแก้ว
พดู จาภาษาแขก จวั อยู่ทีก่ ง่ิ ตระแบก
รอ้ งแกรกแกรแกรก ๆ
ข้ารักเจ้านกโนรีเอย ฯ
- เพลง-
ปิดมาน
ฉากท่ี ๓ ในเมอื งไอยรตั น์
- ดา้ นหน่งึ เป็นทอ้ งพระโรงของท้าวสทุ ณั านรุ าชไมเมอ่ื งไอยรัตน์ -
- อกี ด้านหนึ่ง เปน็ ทป่ี ระดิษฐานพระโกศ
เม่ือเปดิ มานครง้ั แรก เป็นดา้ นทอ้ งพระโรง –
ร้องสงิ โต
๑ เมอื่ นนั้ ท๎าวสทุ ัณฑนรุ าชเรืองศรี
ฟงั แจง๎ แถลงเลําเค๎าคดี ภูมพี นู ภริ มย์ โสมนัส
จงึ ตรัสวาํ ถา๎ ถกู เรารอดได๎ เขาจะเอาส่ิงใดเราไมชํ ัด
เงินทองแก๎วเก๎าเนาวรัตน์ แบงํ สมบตั ใิ ห๎ก่งึ ครง่ึ เมือง
*****สองบทหลังนี้อาจไมแํ สดงในบางครง้ั น้ีได๎*****
๑ เจ๎าพราหมณ์เดยี๋ วนี้อยํทู ่ีไหน รอ้ งรา่ ย
กลวั จะจนกกึ กกั ยักเย้อื ง
๑ บัดนั้น นํามาไลํเลี่ยงดูกับหูเหอื ง
ช๎าไลเํ ลียงสองพราหมณ์ถึงสามคร้งั ไมํได๎เรอ่ื งพูดนอกคอกดอกกระมงั ฯ
แล๎วเสนานาํ พราหมณ์เขา๎ ไปเฝาู เสนาทลู ไปดังใจหวงั
เสนาทลู แกลงแจง๎ ยุบล เห็นยงั ยืนรับไมํกลบั ตน
ก๎มเกล๎ากราบงามลงสามหน
วําได๎พราหมณส์ องคนเข๎ามา ๆ
- เจรจา –
เสนา - เชญิ พอํ พราหมณ์เข๎าไปเฝาู ซีจะ๏ เชิญจ๏ะ เชิญทางน้ี ฯ
- เสนานําพราหมณ์เข๎าเฝูา -
รอ้ งนกจาก
๑ เมอ่ื นั้น ทา้ วสทุ ณั ฑนราชนาถา
พศิ โฉมเจ้าพราหมณงามโสภา เปรียบอยา่ งนางฟ้าไม่ราคี
พิศพราหมณน์ อ้ ยน่ารกั อกั โข ดพู ราหมณ์ โตตวั ลํา่ ดาํ มิดหมี
ผดิ กันลน้ พน้ กบั คนน้ี ภูมีน่ิงนกึ ตรึกไตร ฯ
สทุ ัณฑ์นุราช --- นี่แนะํ เสนาเอย
เสนา ---- ขอรับ
สุทันทบุราช ---- กูพศิ โฉมเจ๎าพราหมณ์คนพราหมณคนนี้กับพราหมณ์คนน้ัน ไมเหมือนกนั เจียวสิหวํา
เสนา ----- ขอรับ
สุทัณฑน์ รุ าช ----- เจา๎ พราหมณ์คนน้ัน ขาสนั้ ตะเหมาะเกาะ
ผมราวกับผมเงาะ ขนหนา๎ แขง๎ ดังแปลงหมู
เข้ียวขาวเพรียวพราวพรู หน๎าแสยะยํนยํู
สองหูหังจณั ฑคลิ า ตวั เน้ือพื้นเผือนกั หนา
สองไหลํซา๎ ยขวา กะบุํมกบี้มเปน็ ปม (เพ๎ย )
- ตดิ ตลกพราหมณ์โต –
๑ จงึ มธี รุ สพจนารถ รอ้ งร่าย
ดูราเจา๎ พราหมณง์ านวิไล
จะแก๎ไขโอรสที่ปลดปลง ครัสประภาษพูดจาปราศรัย
ต๎องการยาสง่ิ ใดหรือไมเํ อา ขอบใจท่เี จา๎ มาอาสาเรา
แมน๎ ลูกเรารอดสมอารมณ์ปอง ให๎คนื คงชีวังมาดังเกํา
จะแถมเมียน๎อย ๆ สกั ร๎อยคน หรอื เจ๎าจะรักษาด๎วยเวทมนตร์
เงินทองใหเ๎ อาสาํ เภาชน
๑ เมือ่ นัน้ เป็นสน้ิ บนเจ๎าพราหมณ์ตามชอบใจ ฯ
ทูลวําจะรกั ษาภวู ไนย
ขอธูปเทยี นขา๎ วตอกดอกไม๎ เจ๎าพราหมณ์ประนมมงั คมไหว๎
แลว๎ โปรดให๎เชญิ พระศพมา ขา๎ ไมํต๎องการวํานยา
ผูามํานเบด็ เสร็จสักเจ็ดช้ัน แตํพอได๎นมัสการอาจารย์ข๎า
ในตําราอยําให๎ใครแอบมอง ตง้ั ไว๎ในมหามนเทียรทอง
๑ เมอ่ื น้ัน จดั แจงกนั้ ใหล๎ บั เป็นหบั ห๎อง
ไดก๎ ารแลว๎ เหวยเฮ๎ยเสนา ข๎าท้งั สองจะรักษาใหเ๎ ป็นมา ฯ
ท๎าวสุทณั ฑน์ รุ าชสาํ รวลราํ
-เจรจา --
สุหทัณฑน์ ุราช - เร็ว ๆ เฮ๎ย เลนํ า เรว ๆ เขา๎
ตลก - เร็ว ๆ เรว็ ๆ เร็ว ๆ เยาวะเรว็ ๆ เร็ว ๆ ๆ (เชา๎ ตะโพน)
สทุ กั งานราช - เฮย๎ ! อะไรวะ ? เรว็ ๆ อะไรกัน ?
ตลก - พระองคต์ รงวําเร็ว ๆ ข๎าพระองคก์ ต็ ๎องวําเรา ๆ ตามซี
พะยะคํะ
สุทณั านรุ าช - เอ ! พวกมึงนสี อพลอเจยี วน่ีหวํา, ไป ! ไป !
ไปจัดการตามขา๎ ส่งั เดีย๋ วนี้ทเี ดยี ว ฯ
อยาํ ช๎าจงทําตามคําพราหมณ์
โกศศพลูกกอยํทู ่ีไหน เอาเสถียงออกไปใสหํ าม
ผกู มํานมขุ ลดใหง๎ ดงาม ทําตามพราหมณส์ ั่งเดยี๋ วน้ี ฯ
ร้องร่าย
๑ บัดน้ัน เสนารับสง่ั ใสเํ กศี
พากนั วนุํ วง่ิ เปน็ สิงคลี รบี เรํงจรลีออกมา ฯ
๑ เมื่อน้นั เจ๎าพราหมณ์อภวิ ันท์หรรษา
รับส่งั ทา๎ วไทยแล๎วไคลคลา กมุ ภณฑ์พราหมณ์ตามมาด๎วยพลัน ฯ
- หมุนเวทกี ลับไปอกี ด้านหนงึ่ -
-ภายในปราสาทมพระวสิ ูตรกนั เมอ่ื รดพระวิสูตรออก เหน็ พระโกศประดษิ ฐานอยู่ -
- มีเครอื่ งบชู าพระศพจดั ต้ังไวพ้ รอ้ ม –
ร้องรา่ ย
๑ ครั้นถงึ จงึ รูดวิสูตรศรี เขา้ ไปยงั ท่ีม่านกั้น
(ครวญ) เหน็ โกศศพซบก้มบังคมคัล โศกศลั ยโ์ สกาอาลยั ฯ
- โอด -
รอ้ งโอ้ปี่นอก
๑ โอพระรม่ โพธท์ิ ย ไมค่ วรเลยจะมาด้วยอกั ษย
เพราะรักนอ้ งหนกั หนาอตุ สา่ หไ์ ป ภวู ไนยจงึ มาต้องอาวธุ
จะหาผวั ทีไหนใดอยา่ งนี้ น้ําพระทยั ใจดีทเี่ ป็นที่สดุ
ยังหนุ่มแน่นแสนสวยมาม้วยมุด เมยี ร้องไห้ไมห่ ยดุ สักวนั เลย
ไฉนหนอพ่อคุณทูลเกล้า เมยี บกุ ปา่ มาเฝ้ายงั นิ่งแฉย
ไม่ตรัสทกั ทายบ้างเหมือนอย่างเคย โออ้ กเอ๋ยนิจจาพระมาม้วย
หาไมไ่ หนจะพบบาทบงส์ นิหากองค์อนิ ทราลงมาช่วย
(ครวญ) นางครวญครากาสรกระทดระทวย กราบพระศพซบมวยแล้ว โสกี ๆ
- โอด -
๑ ครั้นวา่ คอยคลายวายโศกศลั ย์ เรียกกมุ กณฑเ์ ร็วพลันมาซพี ี
(ทอด) ช่วยกันเปิดโกศพต้นทันที ยกศพสามนี ั้นลงวาง
ราวกับตายใหม่ๆมิไดเ้ หมน็ แก้ห่อออกเห็นเปน็ รปู รา่ ง
สงั เวชจติ จาบัลยแ์ ล้วกลั้นพลาง เอานํ้าล้างชาํ ระพระศพพลนั ฯ
-เจรจา-
๑ จดุ เทียนยกหตั ถนมัสการ รอ้ งเช้ือ
อกี องคพ์ รหเมศเวศกุ รรม
ข้าซื้อต่อตัวของตวั ไซร้ มฆั วานเปน็ ใหญใ่ นสวรรค์
เคารพจบบาทพระโฉมยง ทงั้ ฝูงเทวนถ้วนทุกองค์
เทพไท โปรดด้วยดังประสงค์
๑ เมื่อน้นั ในนามนทิพย์ลงชะโลมทา ๆ
เหมอื นหนึ่งหลับละเมอเพอ้ คว้า
- รัว -
© ลมื เนตรขน้ึ พินิจพศิ วง รอ้ งชา้ ปี่นอก
สวมสอดกอดจบลบไล้
หลากจิตผิดทํานองยังมองเขม้น พระสวุ รรณหงส์หลงผวา
ดูหนา้ ตาแต่สกั นดิ ไมผ่ ดิ กนั กอดกายา โฉมงามเจา้ พราหมณไ์ ว้ ฯ
(ทดดเต็ม) พลางขยับเข้าชดิ สกิดถาม
ร้องร่าย
นกึ วา่ เกศสรุ ยิ งยังสงสัย
คว้าไขวไมพ่ บสบสาํ คัญ
เอะ๊ จะเปน็ บรุ ุษหยุดขย้ัน
ไฉนถัน โฉมฉายจึงหายไป
โฉมงามพราหมณ์ชีมาแตไ่ หน
-เจรจา -
สวุ รรณหงส์ ---- พอํ พราหมณม์ าจากไหนจ๏ะ ?
(ทอด) เนอ้ื หนงั นวดเกล้ียงชื่อเสียงไร ขอบใจเจ๎ามารกษาเรา
พตี่ ายแลว๎ กลบั รอดไมํมอดมว๎ ย บญุ คุณเจ๎ามาชวํ ยเทําห๎วยเขา
จะทดแทนคุณพราหมณตามจะเอา นแ่ี นํเจา๎ ขอถามความจริง ๆ
รูปเจ๎าพราหมณงามแม๎นเหมือนเมียพ่ี ทงั้ ทวํ งทีกเ็ ห็นวําเป็นหญิง
ดังพมิ พ์เดียวเจยี วเจา๎ ชาํ งเพราพรงิ้ จงแถลงแจ๎งจริงแตโํ ดยดี ฯ
รอ้ งร่าย
๑ เมอื่ นัน้ เจา๎ พราหมณส์ ะเทิ้นเมนิ หน๎าหนี
แจง๎ วําสวุ รรณหงส์องคส์ ามี สงสัยในทีกิรยิ า
จาํ จะพดู ผันแปรแก๎ไข อยาํ ใหเ๎ ธอพะวังกงั ขา
คิดพลางทางทูลภสั คา
- พดู -
ตวั ขา๎ น้ีนามพราหมณ์อมั พร
พย่ี าขา๎ ช่ือกุมภณ์พราหมณ์ บอกตามจริงดอกไมหํ ลอกหลอน
สํานกั ในปุาระหงดงดอน พากนั สญั จรจากพงไพร
หวงั จะเทีย่ วทศั นาพาราเลนํ ไมํเคยเหน็ เลยข๎าฟังมาใหมํ
แตํพอพบพระศพองค์ทรงชยั จะชักไปสํูพระเมรุรจนา
ไมหํ มายเอาทรพยสิ้นศฤงคาร คิดสงสารทรงค์กดจงรักษา
ใหพ๎ ระองครองพ้ืนคนื ชีวา จะขอลาพระองคไ์ ปพงพี่ ๆ
-เจรจา -
สุวรรณหงส์ - อยาํ ! พอพราหมณ์ อยําเพํอไปซิจะ๏ !
ร้องรา่ ย
๑ เมอ่ื น้ัน พระสุวรรณหงสเ์ รอื งศรี
ฟงั เจ้าพราหมณพ์ ดู จาพาที ยิง่ มีเสน่หาอาลัย
พ่ีรอดตายหายใหม่ไม่เหมือนก่อน ยังหิวอ่อนหนาวเย็นเหมือนเป็นไข้
-เจรจา -
สวุ รรณหงส์ - โธ ๆ ! หนาว - หนาวจริง ๆ นา !
อยู่เป็นเพ่ือนพ่ีหน่อยเถอื กลอยใจ แต่พอใหส้ บายคลายวิญญาณ์
เจา้ ทาํ บุญคุณไว้ในพแ่ี ล้ว น้องแก้วรอร้ังฟงั พว่ี ่า
แล้วกมุ กรเจา้ พราหมณงามโสภา ลลี าไปเฝา้ บิตรุ งค์ -
-เสมอ -
- หมนุ เวทกี ลับมาเป็นท้องพระโรงของท้าวสทุ ณั านุราชอีก -
ร้องบุล่ง
๑ เมื่อนน้ั ทา๎ วสุทณั ฑนรุ าชสูงสํง
แลเหน็ โอรสยศยง รอดฟน้ื คนื คงเปน็ มา
พระจึงว่ิงไปรบั ฉบั พลัน ทรงธรรม์กอดจบู ลูบหลังหนา๎
แลว๎ จูงกรเจ๎าพราหมณตามกันมา กับลูกยาขน้ึ นั่งบนแทํนทอง ฯ
๑ ลบู หลัง โฉมงามเจา๎ พราหมณหมอ ร้องร่าย
โภไคยโกครู ยมลู มอง
แล๎วปลอบถามลกู รักซักไซ๎ มีคณุ พํอพอจะแทนคุณสนอง
ใครคดิ รษิ ยาฆาํ ฟนั ขา๎ วของตาํ ง ๆ จะรางวลั
เหตุไฉนชีวาจึงอาสัญ
ลวงล๎างชวี ันเจา๎ บรรลยั ฯ
@ เมอื่ น้ัน พระโอรสกราบก๎มบงั คมไหว
กราบทูลไปพลันทนั ใด ตามในยุบลแตตํ น๎ มา
เดิมเกศสุรยงนงลกั ษณ์ - พูด -
แนบประโลมโฉมงามสามเวลา
ถูกละเลงิ เชิงชู้ ไม่รู้เหตุ ไดร้ ว่ มรักนัดให้ลกู ไปหา
วันหนง่ึ ลอบไปในไพชยนต์ มนั คิดอา่ นมารยาพริ ากล
ครั้งนี้เกศสรุ ิยงคิดช่ัว ลมื ระวงั สังเกตเหตุผล
จะแล่เน้อื เกลอื ทาให้สาใจ ถกู หอกกลชีวนั จึงบรรลัย
ฆ่าผวั แคน้ นา่ เลือดไหล
๑ เจ๎าพราหมณ์ ไม่ไว้ชีวาคนกาลี ฯ
ทําแชํมกันผืนหน๎าพาที
รอ้ งร่าย
หนํุมกบั สาวคราวเดิมแรกเร่มิ รัก
หนึง่ นางโฉมงามทรามวัย ฟงั ความขนํุ ข๎องหมองศรี
จะใจบาปหยาบใหญนํ ั้นไมํเห็น พระภมู เี คืองคดิ เห็นผิดไป
ทีม่ ันทาํ หอกยนตร์กลมายา
-พดู -
ใครจกั ฆําฟนั กันเสียได๎
ก็เน้ิอในหนํองกษัตรยิ ์ขตั ตยิ า
ใช๎วําเป็นเชํนหญงิ แพศยา
จะเปน็ ขา๎ สององคน์ างนงคราญ ฯ
รอ้ งร่าย
๑ เอะ๊ ! น่ีแลว้ เมยี แก้วพจี่ ํานํ้าเลยี้ งเสยี งได้
วา่ กลา่ วกาวเถียงหลกี เล่ยี งไป เป็นไร ไม่บอกออกใหช้ ดั
สรุ ยิ งจงมาหาพี่ ไม่พอท่จี ะสะเทนิ้ เขินชดั
ฉวยมอื ยอื้ ยดี ทําฮดึ ฮัด ลุกสะบดั เบือนหนีเมียพ่ีจรงิ
กิรยิ ายกั เย้ืองชําเล่ืองค้อน พระบดิ รเชิญดนู ั่นผ้หู ญิง
พระเดินเบยี ดเสียดแซงแกลงแอบอิง ยง่ิ หนยี ่ิงตามตดิ เข้าชิดเชย
ครน้ั ว่าเหมือนเพ่อื นผันหันหนา้ เสยี เปน็ เมยี พแ่ี ท้เผอ่ื เถิดเอย๋
น่ันนห่ี นอ่ ยนดิ ไม่ผดิ เลย แกม้ เอ๋ยเคยนักมาสักพนั ฯ
ร้องโลมนอก
๑ นําอดสู มาไลํตตํู ูข๎านี้นาํ ขัน
มาเกย้ี วพานผช๎ู ายไมํอายครัน เอออะไร ใครนนั้ เปน็ ชเ๎ู มยี
จะนง่ั ยนื ท่ีไหนตามไขวคํ ว๎า ลูบคลาํ ทาํ ขา๎ ประดาเสยี
เกอ๎ ๆ เออเขา๎ มาเคล๎าเคลีย ชาํ งทาํ เย่ยี หยุกหยกิ จุกจกิ จรงิ
(ทอด) ดูเอาเถิดทรงฤทธ์ิพระบิดา ขน้ึ จะวําดฉี ันนน้ั เป็นหญิง
มาเลิกผ๎าหํมยุคฉดุ ชิง เหน็ น่ิงยิ่งไลํไขวํคว๎า ฯ
- ท๎าวสุทณั ฑน์ รุ าชเรยี กสวุ รรณหงส์ไปกระซบิ บอกอุบาย กมุ ภณฑ์แอบฟัง -
- เจรจา-
สทุ ณั ฑ์นุราช - ทํานยาย ชวนพํอพราหมณ์ไปพูดเสยี ทางโน๎นนะ ฉันจะสอน
อุบายใหถ๎ ูกเราทางน้ี (ตาํ งคน ตํางลุก)
ตรสี วุ รรณ - เพคะ (ถูกไปจูงมือพราหมณ์) พอํ พราหมณ์ แมํจะให๎ดู
แหวนเพชรของแมใํ นแสงสวาํ ง มาทางน้ีเถอะลูก จะไดเ๎ ห็น
ชัด ๆ ถ๎าพํอพราหมณช์ อบใจ แมจํ ะใหจ๎ ริง ๆ นะพํอนะ...