๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 51 ๑๖ ให้สติอยู่กับจิต ให้ใจอยู่กับใจ ให้มีสติ อยู่กับใจของตนเองเสมอว่า เดี๋ยวนี้ ใจของ เราอยู่ด้วยอาการอย่างไรวิตกกังวล เรื่องอะไร พยามทำ ใจให้ว่างและปล่อยวางที่ใจ ๑๕ ธรรมของพระพุทธเจ้านั่นเป็นธรรม ปัจจัตตังอยู่แล้ว ผู้ปฎิบัติย่อมจะรู้จริงเห็นจริง รู้ได้ด้วยตนเอง สำ หรับผู้ปฏิบัติทุกคนเมื่อศึกษา จบแล้วก็ให้ปฏิบัติ ไม่ใช่ฟังแล้วอ่านแล้วเฉยๆ พออ่านพอฟังเสร็จแล้วก็ว่าตัวเองรู้ไม่ใช่นะ พอ ฟังพออ่านเสร็จแล้วก็คืออันนั้น เป็นเพียงแค่ แผนที่เท่านั้นเองนะ เราต้องเดินเอง
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 52
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 53 ๑๗ เดินปัญญา ให้รอบรู้ในกองสังขาร อย่า ไปหลงมัวเมาอะไรมาก ให้พยายามสร้างคุณ งามความดี สร้างบุญสร้างกุศล ใจของเรานี้ แหละจะเป็นผู้ได้รับบุญรับกุศล ไปเกิดในภพใด ชาติใดก็จะเป็นภพชาติที่ดี เพราะได้สร้างบุญ กุศลไว้แล้ว บรรจุไว้ที่จิตใจของเรา ๑๘ พอถึงคราวปล่อยวางก็ต้องปล่อยวาง ถึงไม่อยากวางขนาดไหน มันก็ต้องวาง ไม่วาง ไม่ได้ เมื่อคนตายไปแล้ว จะเอาอะไรไปด้วย ได้ แม้กระดูกตัวเอง ยังต้องทิ้งไว้ที่เมรุ ทิ้งที่ กองไฟ มีแต่ใจนั่นน่ะ ใจมาเกิด ใจก็ไปเองล่ะ ทีนี้
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 54
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 55 ๑๙ ขะยะวะยะธัมมา สังขารา, อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ : สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสิ้น ไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยัง ประโยชน์ ตนและประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความ ไม่ประมาทเถิด ๒๐ เมื่อจิตมีสติแล้ว แม้มรณภัยเข้ามาปลิด ชีพเรา เราก็อำลาจากร่างด้วยความองอาจกล้า หาญ ไปแบบมีสติ บุญกุศลใดที่เราสั่งสมเอาใว้ บุญกุศลนั้นก็จะเข้ามาครองใจของเรา ให้ไปสู่ ภพภูมิที่เราพึงปรารถนา
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 56
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 57 ๒๑ ธรรมของพระพุทธเจ้าคือ หลักเหตุ หลักผล เหตุผลคืออะไร คือความถูกต้อง ถูก ต้องขนาดไหน ถูกต้องขนาดที่ว่า หนึ่งบวกหนึ่ง เป็นสอง สองบวกสองเป็นสี่ บวกไปเท่าไหร่ ก็ ถูกหมด อันนี้คือหลักเหตุผล “ การนั่งภาวนา ต้องมีจุดหมาย ต้องมีสติ ไม่ใช่นั่งโง่ๆ นั่งคิด นั่งอ่าน นั่งพิจารณา ” หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต (วัดถํ้ากลองเพล) ๒๒ ธรรมะจะเกิดกับผู้ อยากทำ ไม่ทำ อยาก พูดไม่พูด อยากกินไม่กิน อยากนอนไม่นอน ผู้เหล่านั้นต้องฝืน ธรรมะจะเกิดกับผู้ปฏิบัติ ฝึกหัดตนเช่นนี้ “ อดีตที่ล่วงผ่านมาแล้ว อย่าไปคำ นึงเลย มันก็ออกไปจากปัจจุบันนี้แหละ อนาคตก็ เหมือนกัน มันก็ออกจากปัจจุบันนี้แหละ อย่าไปคำ นึงมันเลย คุมมันเข้า ” หลวงปู่ลี กุสลธโร (วัดภูผาแดง)
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 58
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 59 ๒๓ หลักของพระพุทธศาสนานี้มีจุดจบ คือ ทางพ้นทุกข์ไม่มาเวียนว่ายตายเกิด สรุปคือให้ พิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริง เมื่อเห็นตาม ความจริงแล้ว มันจะเกิดความเบื่อหน่ายคลาย อยู่ที่จิตใจของพวกเราผู้พิจารณา มรรคผล นิพพานไม่ใช่อยู่ที่ไหน มันอยู่ที่ใจ ความสุข ที่แท้จริง มันไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจ เพราะ ฉะนั้นเรื่องความสุขความทุกข์นี่ ก็เหมือนกัน กับความโง่ความฉลาดมันอยู่ที่ไหน มันอยู่ในจุด เดียวกัน เมื่อเราเรียนรู้ความโง่ก็หายไป ความ ฉลาดจะขึ้นมาทดแทนแทนที่ ๒๔ พระพุทธเจ้าทรงให้คิด... ให้พิจารณาเห็นตาม ความเป็นจริง เห็นอนิจจังของไม่เที่ยง ทุก ขังเป็นทุกข์ อนัตตาไม่ใช่ตัวตนของเรา...ให้ดู ที่ใจ รู้ที่ใจ ปล่อยวางที่ใจ หลุดพ้นที่ใจ
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 60
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 61 ๒๕ เมื่อถึงคราว(ตาย)ของเราแล้ว เราก็ต้อง หลับตายอมรับ ยอมรับแบบกล้าหาญ คือ ไม่ทุรนทุราย ดึงหันสติเข้ามาสู่ใจ กำ หนดใจ ให้มีสติอยู่ที่ใจตลอด ๒๖ ประดับชีวิตของเราให้มีคุณค่า ทุกเวลา ผ่านไปแล้วผ่านไปเลย พากันเร่งสร้างคุณธรรม ประจำ ใจไว้ พร้อมสำ นึกอยู่เสมอว่า ข้าพเจ้า เป็นคนหนึ่งที่จะทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะ กิตติศัพท์ ทรัพย์โภคา หาไปด้วยไม่ (ไม่ได้ไป ด้วย) มีแต่บุญเข้าช่วยเมื่อม้วยมรณ์
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 62
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 63 ๒๘ ที่เราเป็นทุกข์ทุกวันนี้ก็เพราะอะไร เพราะใจของเรานั้นเอง ไปให้ความสำ คัญ ให้ความหมาย ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ๒๗ สรุปคือท่านพระพุทธเจ้าท่านเบื่อในการ เกิด ไม่อยากจะมาเกิดอีก ถ้าเกิดแล้วก็เป็น อย่างนี้อีก ไม่เป็นอย่างอื่น เพราะฉะนั้น ท่านจึงบำ เพ็ญ แต่พวกเรานี้ตรงกันข้าม เหมือนกับมดแดงกัดเด็กอย่างนั้นล่ะ มดแดง ไฟกัดเด็ก พอมันกัดขึ้นก็ร้องไห้ แล้วขยับไป หน่อยหนึ่ง อย่างนั้นล่ะพวกเราน่ะ คล้ายๆว่า มันไม่เบื่อจริง ไม่เบื่อในโลกจริง มันยังมองว่า มีความสุขจุดใดจุดหนึ่งอยู่ มันไม่เบื่อ เบื่อๆ อยากๆ ว่างั้นล่ะ มันไม่เบื่อหน่าย ถ้าเบื่อหน่าย คลายแล้ว จะหลุดพ้น อันนั้นคือพระอริยะเจ้า ท่านเบื่อหน่ายคลายไม่ยึดมั่นถือมั่น แล้วก็หลุด พ้นจากอาสวะกิเลส แต่พวกเราท่านทั้งหลายนี่ มันเบื่อ แต่คนละเบื่อกัน เบื่อไม่เหมือนกัน
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 64
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 65 ๒๙ ศีลห้านี้ ถ้าเราเปรียบเทียบประมวล แล้ว สรุปแล้วก็คือ เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจ เราไปใส่ใจเขา ถ้าว่าเราไม่ต้องการอย่างนั้น เราก็ไม่ควรทำ ให้คนอื่นเขา นี่ล่ะคือ ศีลของ พระพุทธเจ้า ศีลธรรมของพระพุทธเจ้านั้น มีคุณค่า มีประโยชน์ แล้วสมควรให้ใครเป็นผู้ รักษา เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกๆท่าน พวก เราต้องการความสงบร่มเย็น เป็นสุขในชุมชน ของพวกเรา พวกเราต้องเทิดทูนบูชาศีลห้า ศีลธรรมของพระพุทธเจ้า พวกเราจะได้รับแต่ ความสงบร่มเย็นเป็นสุขถ้วนหน้ากัน แต่ถ้า หากพวกเราขาดศีลห้าแต่อย่างเดียวเท่านั้น ก็ หาความไว้เนื้อเชื่อใจกันไม่ได้ ในชุมชนสังคม ของพวกเรา เป็นที่ระแวงแคลงใจกันตลอด ไม่รู้ ว่าใครจะออกมาไม้ไหน ตรวจแล้วตรวจอีก ก็ ยังไม่มั่นใจ ให้พวกเราคิดดูเอาก็แล้วกัน ว่าศีล ห้า เป็นศีลคุ้มครองโลกนั้นจริงไหม ถ้าคนทั่วทั้ง โลกนี้มีศีลห้ากันหมด ก็ไม่ต้องออกกฎหมายมา เพื่อลงโทษคนที่กระทำความผิด จริงไหม
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 66
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 67 ๓๐ ธรรมะของพระพุทธเจ้าท่านให้พิจารณา ทุกสิ่งอย่าง หลงก็อย่าหลงเกินไป รักก็อย่ารัก มากเกินไป เกลียดก็อย่าไปเกลียดมากเกินไป โลกมันเป็นของมันอย่างนี้ มันเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ๓๑ การดูแลพ่อแม่ เป็นหน้าที่ของเราทุก คน...อย่าคิดว่า คนนั้นพ่อแม่รักหรือคนนั้นไม่ รัก อย่าไปคิดอย่างนั้น พ่อแม่รักเราทุกคน แต่ จะเสมอกันเป็นไปไม่ได้ เหมือนกันกับ นิ้วมือ นั้นแหละ มีสั้นบ้างยาวบ้าง ไม่เสมอกัน แต่เรา ก็รักด้วยกันทุกนิ้ว
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 68
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 69 ๓๓ ถ้าหลง คิดว่าตัวเองจะไม่ตาย มีอะไร ในจักรวาลก็โลภอยากจะเอามาเป็นของตัวเอง หมด แต่ถ้าเราพิจารณาร่างกายว่า สักวันหนึ่ง ต้องตายแตกสลาย เราจะไม่โลภ ไม่หลง ๓๒ ให้พวกเราสั่งสมคุณงามความดีเข้าสู่ จิตใจไว้ หลักของพระพุทธศาสนานั้น ตายแล้ว ไม่สูญ ตายแล้วเกิดอีกแน่นอน สิ่งไหนที่มันไม่ ดี อย่าคิด อย่าพูด อย่าทำ อันไหนดี เรารู้ไหม...ดี อย่างไหนชั่วเรารู้ไหม...ชั่ว ถ้าคิด ชั่วแล้วมันจะทำดีได้ยังไง มันก็ต้องพาไปทำ ใน สิ่งชั่วๆ ไปพูดในสิ่งชั่วๆ พวกเราอย่าเป็นคน จำ พวกที่คิดอย่างหนึ่ง ทำอีกอย่างหนึ่ง พูดก็อีกอย่างหนึ่ง ให้พวกเรา คิดดี ทำดี พูดดี ในเมื่อเราคิดดีแล้ว การกระทำ การพูด ก็จะดี ตาม การที่จะทำ ความดี ควรเริ่มต้น นับหนึ่งที่ตัวเรา
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 70
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 71 ๓๕ บางสิ่งบางอย่างทำแทนกันได้ แต่บาง อย่างก็ทำ แทนกันไม่ได้...เรื่องเอาธรรมเข้าสู่ จิตใจ ศีล สมาธิ ปัญญา ของพระพุทธเจ้านี่ ต้องทำด้วยตัวเอง คนอื่นทำแทนไม่ได้ ๓๖ ใจ คือนามธรรม ใครอื่นมองไม่เห็น มัน จะมองเห็นได้ด้วยตัวเองเท่านั้น ใจมองใจ ใจรู้ ใจ ไม่มีใครจะรู้ยิ่งกว่าใจของตัวเรา ๓๔ ตอนเราฝึกหัดสมาธิ เราควรจะเอาสติ ดูใจของเรา กำ หนดดูใจของเรา ส่วนอื่นทิ้งไว้ ก่อน อย่านำ มาคิด ที่ผ่านๆมาแล้วทิ้งไว้ก่อน ในขณะนี้ตอนที่เรากำลังฝึกหัดอยู่ตอนนี้ เรา จะเอาสติให้อยู่กับตัวเองให้มากที่สุด นี่แหละ คือความถูกต้องที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ หลวงตาท่านได้กฎได้เกณฑ์ท่านก็ยํ้าจุดนี้
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 72 ๓๗ ถ้าเราเตรียมความพร้อม ที่จะละจาก โลกนี้ไป อย่างไม่มีหนี้สินต่อผู้ใด ใจจะอำลา จากร่างกาย ด้วยความองอาจกล้าหาญ ไม่สะทกสะท้าน ไม่หวาดหวั่น มีสติปัญญากับ การจากไป ด้วยความพร้อมอย่างแท้จริง
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 73 ๓๘ ก่อนที่สมาธิจะเกิดขึ้นมาได้นั้น อันดับแรกเลย คือต้องมีสติเสียก่อน “สติคือความระลึกได้ สัมปชัญญะคือความรู้ตัว” รู้ตัวอยู่ตลอดนี่ละ บ่อเกิดแห่งสมาธิเบื้องต้น ๓๙ รูปกับนาม กายกับใจ ไม่ใช่อันหนึ่งอัน เดียวกันเป็นคนละอันกัน เปรียบเทียบให้ได้เห็น เป็นรูปธรรมขึ้นมา ร่างกายเหมือนกับรถ แต่ จิตใจเหมือนกับคนขับรถ รถกับคนขับรถ ไม่ใช่อันหนึ่งอันเดียวกัน ในหลักธรรมคำสอน ท่านให้ความสำ คัญคนขับรถ มากกว่ารถ แต่เรากลับให้ความสำคัญรถมากกว่าคนขับรถ กายกับใจ รถกับคนขับรถ คนขับรถของพวก เรามันพาขับไปทางไหน ทางดี หรือ ทางชั่ว ให้ คิดดูนะ
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 74 ๔๐ มรณัง เม ภวิสสติ : ระลึกถึงความตาย อยู่เสมอ ถ้าคนระลึกถึงความตายแล้ว ไม่หลงตัว ไม่ลืมตน ไม่ลืมตัว รู้เท่ารู้ทัน
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 75 ๔๑ พระพุทธเจ้าท่านสอนให้มีเมตตา ให้มองดูรอบขอบชิด เพื่อนมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน สิ่งไหนพอจะช่วยได้ ให้ช่วย อันดับแรกต้อง ช่วยตนเองก่อน การช่วยตนเอง คือ การเป็นอยู่ ตลอดถึงทางด้านจิตใจ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่เรา รักษา เราต้องดูเราก่อน ๔๒ ถ้าเป็นผู้มีธรรมอยู่ในจิตในใจ จะมอง เข้ามา หาตนเองอยู่เสมอ มองคนอื่นก็มองเป็น บทเรียน มองตนเองมองเพื่อแก้ไข กายวาจาใจของเรามันขาดเหลือขาดตก ตรงไหน แก้ไขปรับปรุง แก้ไขอย่างไร เราผู้ที่เข้า มาศึกษา เมื่อได้ยินได้ฟังพระธรรมคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้า เราได้ยินธรรมะจากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ที่ท่านแนะนำอบรมสั่งสอน จาก นั้นเราก็นำ มาปรับปรุงแก้ไข กาย วาจา ใจ ของเรา ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ขึ้น ให้อยู่ในกรอบ ของศีลธรรม
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 76 ๔๓ การเตรียมความพร้อมที่จะพึ่งตนเอง ควรทำ เสียแต่เนิ่นๆ ขณะที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม สาวแข็งแรง เพราะ เราไม่อาจหลบเลี่ยงจาก กฎอนิจจัง จึงย่อมจะเดินหน้าไปสู่ความแก่ เจ็บ ตาย ในที่สุด
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 77 ๔๔ ธรรมสำ หรับฆราวาสมีมากมาย การ ปฏิบัติต่อพ่อต่อแม่ การปฏิบัติต่อบุตรต่อธิดา ปฏิบัติต่อบ่าวไพร่ ปฏิบัติต่อเพื่อนที่เป็นมิตร สหาย ทำอย่างไร ท่านสอนไว้ทั้งหมด ถ้าพวก เราได้ศึกษาแล้ว เราจะรู้ว่าพระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้าสอนไว้โดยละเอียด สอนให้ พวกเรามีสำ นึก ถ้าใครปฏิบัติตามแล้ว มีแต่ ความร่มเย็นเป็นสุข ไป ณ สถานที่ใด อยู่ ณ สถานที่ใด พูด คิด ทำ สิ่งใดล้วนแต่อยู่ด้วยเหตุ ด้วยผลทั้งนั้น แต่ถ้าพวกเราแหวกแนวออกไป พระพุทธเจ้าให้ทำอย่างหนึ่ง เราไปทำอีกอย่าง หนึ่ง ครูบาอาจารย์แนะนำอย่างหนึ่ง เราไปทำ อย่างหนึ่ง ถ้าเป็นฆราวาสก็เป็นฆราวาส แหวกแนว เป็นอุบาสกอุบาสิกาแหวกแนว เป็น ภิกษุสามเณรแหวกแนว ไม่ไปตามแนวแถวที่ พระธรรมคำสั่งสอน ถ้าแหวกแนวแล้ว มีแต่ ผลเสียทั้งนั้น เพราะฉะนั้นให้ตรวจตราตนเอง เรื่องศีลก็ให้สำ รวม กาย วาจา ให้เรียบร้อย ขึ้นชื่อว่า “ศีล”
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 78
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 79 ๔๖ อย่างนั้นอย่างนี้ไม่ดี อย่างนั้นก็เป็นอย่าง นั้น อย่างนี้ก็เป็นอย่างนี้ สรุปแล้วก็คือใจของ เราไปเหยียบรอยไว้หมด ไปก่อเรื่องก่อราวไว้ หมด ไปคิดปรุงฟุ้งซ่านไปไหม ไปตกแต่งโลกทั้ง โลก อยากให้มันเป็นอย่างตัวเองทั้งหมด มันก็เลยยุ่งทั้งหมด ถ้าดูตัวเองแล้ว มันแย้มออก ไป เราก็รู้ มันไปทางไหน มันปรุงมันฟุ้งออกไป ทางไหน มันเศร้าหรือมันผ่องใสอย่างไร เราจะ รู้ได้ ถ้าพอใจก็เป็นลักษณะหนึ่ง ถ้าไม่พอใจก็ ลักษณะหนึ่ง มันออกไปจากใจทั้งนั้น กระดิกออกไปสติเราจับตัวนี้ได้ทัน ๔๕ จงถามตนเองว่า สาระแก่นสารของ ชีวิต คืออะไร? สิ่งที่เป็นประโยชน์ของชีวิต คืออะไร? ชีวิตของเรา จะยืนยาวไปสักเท่าไร? ความสุขที่แท้จริงที่เราควรจะยึด คืออะไร? หลักการดำ เนินชีวิต ที่เราควรจะยึด คืออะไร? เราจะยึดอะไร เป็นแนวทาง หาทางพ้นทุกข์?
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 80
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 81 ๔๘ การกำ หนดลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ให้มีสติในลมหายใจเข้า และให้มีสติในลม หายใจออก หายใจเข้าบริกรรม “พุท” หายใจ ออกบริกรรม “โธ” กำ หนดดู ให้มีสติในลม หายใจเข้า ลมหายใจออก นี้คือ กรรมฐาน เบื้องต้นที่พระพุทธเจ้า ที่หลวงปู่มั่นท่าน แนะนำ สั่งสอนลูกศิษย์ของท่านให้ภาวนา “พุทโธ” หายใจเข้า “พุท” หายใจออก “โธ” ให้มีสติสัมปชัญญะ สติ คือความระลึกได้ สัมปชัญญะ คือความรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ขณะที่กำ หนดลมหายใจเข้าออกนั้น ๔๗ เมื่อรู้ว่าตายแล้วไม่สูญ ก็ควรละความ ชั่ว สร้างแต่ความดีตลอดไป ให้เป็นอุปนิสัย และปัจจัยเพื่อสะสมเป็นอริยทรัพย์ ติดตัวไป ภพหน้า
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 82
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 83 ๔๙ ศรัทธาบารมี ใช้ไปในทางที่ผิด ก็เกิด ความเสียหายได้ ปัญญาก็เหมือนกัน ถ้าปัญญา คิดปรุงฟุ้งออกมาก ออกนอกลู่นอกทางเกิน ขอบเขต ก็ทำ ให้เสียหายได้ ความเพียรก็เช่นกัน ถ้าเพียรมากๆ เพียรออกนอกลู่นอกทาง เพียรพยายามที่จะฆ่า จะปล้นลักขโมยคนอื่น เพียรอย่างนี้ก็เสียหายอีก มีสติอยู่กับตัวเอง ตลอดเวลา รอบรู้อยู่กับตัวเองตลอดเวลา อันนี้ ไม่เสียหาย คนมีสติอยู่กับตัวเอง เหมือนเป็น คนเฝ้าบ้านอยู่ตลอดเวลา ๕๐ “โกหิ นาโถ ปโร สิยา” คนอื่นใครเลยจะเป็น ที่พึ่งได้ นอกจากเราจะพึ่งเราเท่านั้น พ่อแม่ พี่น้อง ญาติสนิท มิตรสหาย ช่วยได้ระดับหนึ่ง เท่านั้นเอง ต่างคนต่างไป ให้เราคิดถึงจุดนี้ ให้สร้างความดีเอาใว้ อย่าไปห่วงอาลัยคนอื่น มากไปไม่ดี
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 84
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 85 ๕๒ ทำจิตใจให้สงบเป็นพื้นฐานแล้ว นำ มา พิจารณาทางด้านปัญญา จะเกิดปัญญาที่แท้ จริง แต่ถ้าหากว่าเราไม่ได้นั่งสมาธิและไม่ได้ ปฏิบัติ จิตไม่เป็นสมาธิ ไม่มีพื้นฐานสมาธิเลย เราจะพิจารณาโดยทางปัญญาเสียเลย โดยมาก สัญญากับสังขารจะวิ่งนำ หน้า สัญญาคือความ จำ ได้หมายรู้ สังขารคือความปรุงแต่งของใจ มันจะเคียงคู่กัน สังขารไม่ใช่ตัวตนของเรา....ใช่ เกิดตายจริงแน่นอน....ใช่ มันอยากพูดๆไป แต่ มันไม่ลึกซึ้ง มันไม่ถอนรากถอนโคน เหมือน กันกับสมาธิที่เห็นจริงๆ เห็นออกมาจากความ ลึกของหัวใจจริงๆ ถอนออกมาจากความรู้สึก ของใจจริงๆ นี่มันเห็นแบบผิวเผิน เหมือนกัน กับเราเห็นสิ่งต่างๆทั้งหลายทั้งปวง ๕๑ เรื่องพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องละเอียด อ่อน ไม่ใช่นึกเดาคาดคะเนเอง แล้วจะรู้ได้ ไม่ใช่นะ เราต้องปฏิบัติเท่านั้น
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 86
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 87 ๕๓ ตัวอวิชชามันอยู่ที่ใจของเรา คือตัวกิเลส อยู่ในนี้ ถ้าพิจารณาอะไร คิดเรื่องอะไร ทำ เรื่อง อะไรก็ตาม ทำ เรื่องสังขารและสัญญามันพาไป มันพาทำ แต่ต้นตอของเขาจริงๆ ต้นตอของ เรื่องจริงๆ อยู่ที่ใจนะ ไม่ใช่ที่อื่น ๕๔ เรามาถึงจุดนี้แล้ว เราได้รับการศึกษา พระพุทธเจ้าท่านว่าตายแล้วไม่สูญ ตายแล้ว เกิดอีก นรกสวรรค์มี แล้วก็พร้อมที่จะเวียนว่าย ตายเกิด ไปสู่ที่สูง ที่ตํ่าได้ ไม่ใช่ว่ามนุษย์แล้วก็ จะเป็นมนุษย์ตลอดไป เป็นอนันตกาล... ไม่ใช่ พร้อมที่จะเป็นสัตว์เดรัจฉานได้อีก วิญญาน ดวงนี้ ใจของเรานี่ ถ้าเราทำกรรมชั่ว มันก็ตกตํ่า ท่านเห็นว่ากรรมคือการกระทำ ทำ ดีได้ดี ทำ ชั่วได้ชั่ว ใจดวงนี้
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 88 ๕๕ ขาสอง แขนสอง สมองหนึ่ง ที่ได้มา จากพ่อแม่ เราจะปรับปรุงตัวอย่างไร ให้เป็น คนดีของท่าน ของสังคม ให้พากันคิดนะ
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 89 ๕๖ ถ้าคนเราส่งสินค้าขายออกนอกประเทศ จะได้แต่กำ ไร แต่ถ้าเราส่งจิตส่งใจออกนอก จะเป็นใจที่มีแต่ขาดทุน ๕๗ ถ้าหากจิตไม่เป็นสมาธิจะพิจารณาได้ ไหม...ได้ เรานั่งรถไป เห็นหมูหมากาไก่ ช้าง ม้าวัวควาย มนุษย์ล้มหายตายจากในถนน เรา เห็นหมาตายบนถนน เราก็น้อมมาหาตัวเรา เอ้อนี่มันก็เป็นธาตุเป็นขันธ์เหมือนกัน มันก็ ตาย อีกสักวันหนึ่ง เราก็ตายด้วย เราคิดขึ้น มาเปรียบเทียบร่างกายเรา กับร่างกายสรรพ สัตว์ทั้งหลาย อันนี้เป็นความคิดอีกเหมือน กัน พิจารณาได้เหมือนกัน แต่จะให้ลึกซึ้งจริงๆ อันนั้นก็เป็นแนวทางเอาไว้ คิดเอาไว้ ใช่มันเป็น อย่างนั้นจริงๆ ต่อไปเมื่อเราประมวลเข้ามา คือ ใจที่จะตัดขาดของกิเลส ก็คือใจจุดนี้ล่ะ เมื่อเรา พิจารณาหลายครั้งต่อหลายหน จนรู้แจ้ง เห็นจริงตามความเป็นจริงแล้ว นั้นละทีนี้ มันก็จะตัดขาดได้
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 90 ๕๘ ถ้าบุคคลมีใจผ่องใสแล้ว พูดอยู่ก็ดี ทำอยู่ก็ดี ความสุขย่อมไปตามเขา เหมือนเงาไปตามตัว
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 91 ๕๙ ศีลห้าที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้ อันนั้น คือผิดทาง อย่าทำ นะ อย่าทำผิดศีลห้านะ ศีล ห้านี่ ตกนรกหมกไหม้นะ ถ้าไม่ทำ งดเว้น ไม่ทำ ไม่ผิดศีลห้า นั้นไปสู่สวรรค์นะ... ไม่จม ปิดอบายภูมิ รักษาศีลห้าได้แล้ว แต่ถ้าว่า พวกท่านล่วงละเมิดศีลห้า ฆ่าสัตว์ ขโมยทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสา ดื่มสุรา คติของพวกท่านบอกได้เลยว่า ทุกข์คติเป็นที่ไป แต่ถ้าพวกท่านงด ไม่ทำ ไม่ล่วงละเมิดศีลห้า ไม่ฆ่า ไม่ขโมย ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่โกหก ไม่ต้มตุ๋นหลอกลวง ไม่ดื่มสุราให้ขาดสติ บอกได้ เลยว่า พวกท่านต้องไปสู่สวรรค์ อันนี้ล่ะ คือสิ่งที่พระพุทธองค์ ท่านได้บอกไว้แล้ว ๖๐ ธรรมะขั้นสูงสุดนี้คือ ตัดใจ ตัดกิเลสคือ ตัดใจ ตัดราคะ โทสะ โมหะ มันคือตัดที่ใจ ไม่ใช่ที่อื่น
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 92
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 93 ๖๑ เมื่อพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็อยากจะเอาแต่ ใจตัวเองง้อแง ทำ ท่าอยากได้นั้น อยากได้นี้ ให้พ่อแม่เสียอกเสียใจกับพวกเรา ทีนี้พอพ่อ แม่ตายไปแล้วก็มาระลึกถึงบุญคุณท่าน ไปร้องไห้มันไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งหมด นั้นแหละ ถ้าไปทำอย่างนั้นในขณะที่ท่านยัง มีชีวิตอยู่ พวกเราจะทำตัวอย่างไร ควรดูแล ท่านอย่างไร บิดามารดาของพวกเรา เมื่อท่าน ล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว ตายไปแล้ว มันไม่เกิด ประโยชน์อะไร ฉะนั้นเมื่อท่านเลี้ยงดูเรามา แล้ว เลี้ยงท่านตอบ ทำกิจธุระของท่าน ดำ รง วงสกุลของท่านประพฤติตนให้สมควรแก่ การรับทรัพย์มรดกเมื่อท่านได้ล่วงลับไปแล้ว ทำ บุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ท่าน อย่า ทำ ให้ท่านหนักใจ เสียอกเสียใจกับพวกเรา พ่อ แม่เป็นผู้มีพระคุณมากสำ หรับลูกทุกๆคน เมื่อ เราทดแทนบุญคุณพ่อแม่ บุญกุศลมหาศาลเลย ละ ท่านว่าผู้ใดดูแลปฏิบัติพ่อแม่ผู้นั้นเหมือนได้ ปฏิบัติพระอรหันต์เป็นอันว่าพระอรหันต์อยู่ใน บ้านของเราแล้ว พวกเราอย่าประมาท
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 94
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 95 ๖๒ สิ่งต่างๆ ทุกอย่าง จะให้โทษอย่างเดียว ก็คงไม่ได้ จะให้เป็นคุณอย่างเดียว ก็คงไม่ได้เช่น กัน ถ้าหากว่าผู้มีปัญญาที่จะใช้ให้เป็นประโยชน์ มันก็เป็นประโยชน์ขึ้นมาได้ จะใช้ให้เป็นโทษ มันก็เป็นโทษได้ สุดแท้แต่พวกเราจะใช้ ให้เป็น ประโยชน์หรือเป็นโทษ ๖๓ อย่าเมินเฉย อย่าไปคิดว่าคนที่อยู่ใกล้นั้น ละเป็นคนที่ดูแลพ่อแม่ ข้าอยู่ไกลไม่ใช่หน้าที่ ของข้า อันนั้นไม่ถูกต้อง คือพ่อแม่เป็นหน้าที่ ของพวกลูกทุกคน ที่จะต้องดูแลต้องรับผิดชอบ แบกด้วยกันทุกคน เราอย่าไปคิดว่า คนนั้นได้ มรดกมาก คนนี้ได้น้อย คนนั้นพ่อแม่รัก คนนี่ พ่อแม่ไม่รัก เราพ่อแม่ไม่รัก อย่าได้คิดอย่างนั้น พ่อแม่รักพวกเราทุกคนนั้นแหละ
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 96
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 97 ๖๕ ให้รักษาใจ ให้มีสติสัมปชัญญะอยู่ในใจ อย่าไปคิดและพูดในสิ่งที่ชั่ว ให้รักษาใจอันเดียว เท่านั้น “ ดีกะดีเพิ่นพุ้น บ่มากุ้มฮอดเฮา ” “ คนจริงนิ่งเป็นใบ้ คนพูดได้นั้นไม่จริง ” คุณแม่ชีแก้ว เสียงลํ้า ๖๔ ใครจะดีจะชั่วอย่างไร ก็เป็นเรื่องของ เขา แต่ตัวเรานี้ต้องมีจิตใจเป็นคุณธรรม.... เป็นธรรมะ และจะต้องสั่งสมคุณงามความดี เข้าสู่จิตใจให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ “ ใจใดไม่รู้จักใจ ใจนั้นก็ยิ่งไปพบภัย ยิ่งไปก็ยิ่งพบภัย สิ้นอายุขัยก็ไม่พบสุข ” “ การทำ ผิดมาแล้ว ก็มีอยู่ทุกคน เพราะคนดีก็คงมาจากคนชั่ว คนชั่วก็ต้องมาจากคนดีนั้นเอง ” หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 98
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 99 ๖๗ คนเราเกิดมา ต้องทำ บุญทำ ทาน อานิสงส์แห่งการทำ ทานนั้นนะ พระพุทธเจ้า ท่านตรัส ท่านบอก ท่านกล่าวเอาไว้ว่า คนที่ทำ บุญทำ ทานเกิดมาภพใดชาติใดก็ไม่ อดไม่อยาก อานิสงส์ทานเป็นเครื่องช่วยเกื้อ หนุนเรา พวกเราเกิดมาแล้ว ทำอะไรก็เจริญ รุ่งเรือง รํ่ำ รวยขึ้นมาได้ เพราะอานิสงส์แห่ง การเกื้อกูลหนุนส่ง แต่ถ้าว่าพวกเราไม่ยินดีใน การทำ บุญทำ ทาน เกิดมาในภพหน้าชาติหน้า ก็จะเป็นผู้อดอยากทำ มาค้าขายสิ่งใด ก็หลุดๆ หล่นๆไป เพราะอานิสงส์ทานไม่มี เพราะฉะนั้น ทานคำ นี้ พวกเราท่านควรจะสั่งสมกันเอาไว้ ๖๖ ให้ถามตัวเองอยู่เสมอว่า... พอหรือยัง เพียงพอหรือยัง ถูกต้องหรือยัง เหมาะสมหรือ ยัง... ให้ถามอยู่ตลอด ถ้าถามตัวเองอยู่อย่างนี้ เราจะตั้งอยู่ในความไม่ประมาทต่อตัวเอง
๗๑ โอวาทธรรมคำสอน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 100 ๖๘ ศีลเป็นพื้นฐานของคุณงามความดี ถ้าคนมีศีลดีแล้ว อยู่ด้วยกันมากขนาดไหน ก็ไม่มีโทษ..