The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ ธาตุรู้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2021-01-24 20:29:12

หนังสือ ธาตุรู้

หนังสือ ธาตุรู้

Keywords: พระอาจารย์สุชาติ

ถาม : คือไมผ่ ดิ ในทางธรรมนะเจา้ คะ
พระอาจารย์ : คือท่านไม่ทุกข์กับมันก็แล้วกันพูดง่ายๆ
ยอ้ มกไ็ ด้ ไมย่ อ้ มกไ็ ด้ แตค่ ดิ วา่ คงไมย่ อ้ มมากกวา่ เพราะทา่ น
คงไม่อยากจะไปวนุ่ วายกบั มัน
ถาม:อกี สเตป็ หนง่ึ ทอี่ ยากจะถามลว่ งหนา้ เจา้ คะพอพจิ ารณา
ผมแล้วเข้าสู่ความสงบแล้ว อสุภะท่ีจะท�ำต่อไปคืออสุภะ
ของผมหรอื อสภุ ะของร่างกายเจ้าคะ
พระอาจารย์ : ทง้ั รา่ งกายแหละ เวลาเรามองรา่ งกายเราจะ
มองท้ังร่างใช่ไหม เห็นว่าสวยงามใช่ไหม เราก็ต้องว่ามัน
ไม่สวยงาม มองตอนที่มันเป็นซากศพ หรือถ้ามองเข้าไป
ใตผ้ วิ หนงั ได้ ดอู าการอวยั วะตา่ งๆ ทมี่ ซี อ่ นอยภู่ ายใตผ้ วิ หนงั
ถา้ เหน็ อะไรตา่ งๆ ภายใตผ้ วิ หนงั แลว้ กจ็ ะไมเ่ หน็ อะไรวา่ สวย
ว่างาม หรือมองในส่วนท่ีน่าเกลียดก็ได้ ของที่เราขับถ่าย
ออกมากอ็ อกมาจากทางร่างกาย
ถาม : แลว้ ตอ้ งเอาอาการ ๓๒ มาไล่เหมือนเดิมไหมเจ้าคะ

100

พระอาจารย์ : อนั น้ีไมต่ ้องกไ็ ด้ ตอนต้นเราไล่ไปก่อนเพื่อ
ทำ� ความรจู้ กั พอเรารจู้ กั แลว้ ตอ่ ไปเรากน็ กึ ภาพ ถา้ ไมเ่ หน็ ก็
ไปเปดิ หนงั สือดเู พือ่ มานึกภาพ ปอดเปน็ ยงั ไง ตบั เปน็ ยังไง
ไตเป็นยังไง ล�ำไส้เป็นยังไง โครงกระดูกเป็นยังไง แล้วก็
พยายามหดั นกึ อยเู่ รอื่ ยๆ เวลามองเหน็ รา่ งกายไมว่ า่ ของเรา
หรอื ของคนอนื่ กม็ องเขา้ ไปขา้ งในเหน็ โครงกระดกู เหน็ ตบั
ไต ไส้ พุง อะไรต่างๆ ถ้าเห็นอย่างนี้แล้วกามอารมณ์
มนั จะไมเ่ กดิ แตถ่ า้ มนั เหน็ เพยี งแตภ่ ายนอก เหน็ แตร่ ปู รา่ ง
หน้าตา มนั กจ็ ะเกิดกามอารมณ์ขนึ้ มาได้
ถาม : แล้วหนูต้องรอท�ำอันน้ีเสร็จก่อนแล้วค่อยดูอสุภะ
หรอื วา่ หนคู วบ หรือแลว้ แต่จงั หวะไปเลยเจา้ คะ
พระอาจารย์ : กไ็ ดท้ ง้ั นน้ั บางทมี นั ทำ� เตรยี มไวก้ อ่ น แลว้ พอ
ถงึ เวลามันกท็ ำ� ขอ้ สอบได้ทีเดยี วพร้อมๆ กันเลย บางทีมัน
บรรลแุ บบ ๑ ๒ ๓ ๔ ไปเลยทเี ดยี ว ถา้ มนั เตรยี มการไวก้ อ่ น
พิจารณาไว้ก่อนล่วงหน้า แล้วพอถึงเวลาจริงๆ มันก็
สามารถที่จะท�ำการได้เลยตัดได้ทันที มันต้องมีก�ำลังตัด
เทา่ นน้ั ทข่ี าดอยกู่ ค็ อื สมาธหิ รอื อเุ บกขา สว่ นนถ้ี า้ ไมม่ กี ไ็ มม่ ี
กำ� ลงั ทจ่ี ะหยดุ ความอยากได้ พออยากเสพกามกห็ ยดุ ไมไ่ ด้

101

พออยากจะเสพรปู ฌานกห็ ยดุ ไมไ่ ด้ อยากจะเสพอรปู ฌาน
ก็หยุดไม่ได้ แต่ถา้ มอี ุเบกขาแล้วกจ็ ะหยดุ ได้
ถาม : อกี คำ� ถามสดุ ทา้ ยคะ หลวงพอ่ เจา้ คะ ความทกุ ขท์ เี่ กดิ
จากการพลดั พรากเนย่ี เราตอ้ งปฏบิ ตั ถิ งึ ขนั้ พระอรยิ บคุ คล
ข้ันไหนเจา้ คะถึงจะตัดความทุกข์ได้
พระอาจารย์ : ต้ังแต่พระโสดาบันท่านก็ไม่ทุกข์กับความ
พลัดพรากจากกันแล้ว ท่านเห็นเป็นอนิจจัง เห็นธาตุเป็น
ธาตุ ๔ ดนิ น�้ำ ลม ไฟ
ถาม : แต่เรากย็ งั ร้องไหเ้ สียใจ
พระอาจารย์ : เพราะเรายงั ไมเ่ หน็ เปน็ ดนิ นำ�้ ลม ไฟ เรายงั
เหน็ เปน็ นาย ก นาย ข เปน็ พเี่ ปน็ พอ่ เปน็ นอ้ ง จรงิ ๆ เปน็ เพยี ง
ร่างกาย ตัวท่ีเป็นพี่เป็นพ่อก็คือตัวใจหรือธาตุรู้ท่ีมา
ครอบครองรา่ งกาย เขากไ็ ปตามวาระของเขาไป เขากไ็ มไ่ ด้
ตายไปกับร่างกาย ฉะน้ันจึงไม่มีอะไรท่ีต้องมาเศร้าโศก
เสยี ใจ เพยี งแตว่ า่ ตอ้ งคดิ วา่ เขาตอ้ งเดนิ ทางไปตา่ งประเทศ
เนย่ี เขาไปโลกทพิ ยแ์ ลว้ เรายงั อยโู่ ลกธาตุ กม็ เี ทา่ นนั้ แหละ
จะได้ไมม่ คี วามเศร้าโศกเสยี ใจกับการพลดั พรากจากกนั

102

ถาม : และพระอรหนั ต์ทที่ ่านท้ิงขนั ธ์ ๕ ไปแลว้ นิพพาน
ไปแลว้ เรายังปฏิบตั เิ ป็นปถุ ุชนอยู่ เราจะตดิ ต่อท่านไดไ้ หม
เจา้ คะอนั นี้
พระอาจารย์ : หมายถึงรา่ งกายทา่ นตายไปแล้ว
ถาม : หมายถึงว่าสมมุติว่าพระอรหันต์ที่เป็นอาจารย์เรา
แลว้ สน้ิ ไป แลว้ จะติดตอ่ กนั ได้ไหมคะ
พระอาจารย์ : กอ็ ยทู่ วี่ า่ ทา่ นอยากจะตดิ ตอ่ กบั เราหรอื เปลา่
แลว้ เรามีพลังจติ ทจ่ี ะไปติดตอ่ กบั ทา่ นไดห้ รอื เปล่า
ถาม : พลังจิตเราน้อย แตท่ ่านพลงั จติ เยอะ ท่านกต็ ้องส่อื
กบั เราช่วยเราหน่อย
พระอาจารย์ : กไ็ มแ่ น่ ทา่ นอาจจะหว่ งเรา ทา่ นกอ็ าจจะสง่
พลงั จติ มาหาเรา แตถ่ า้ เราไมม่ เี ครอื่ งรบั เรากร็ บั ไมไ่ ด้ ถา้ เรา
ไม่มีอุปจารสมาธิเราก็รับไม่ได้ ต้องมีอุปจารสมาธิ อย่าง
พระพุทธเจ้ามีอุปจารสมาธิก็รับเทวดาได้ เทวดาก็มาฟัง
ธรรมกบั พระพทุ ธเจ้าได้

103

ถาม : ถา้ อยา่ งนนั้ เรากไ็ มต่ อ้ งกลวั วา่ ถา้ พอ่ แมค่ รบู าอาจารย์
เราสิ้นไปแล้ว เราก็ไม่ต้องกลัว เพราะเด๋ียวท่านก็มาช่วย
เราเองเจา้ คะ หรอื วา่ เราจะสิ้นกอ่ น
พระอาจารย์ : อนั นกี้ ไ็ มท่ ราบ ขนาดทา่ นอยยู่ งั ชว่ ยเราไมไ่ ด้
แลว้ ทา่ นตายไปแลว้ ทา่ นจะชว่ ยเราไดย้ งั ไง ทา่ นสอนใหเ้ รา
ช่วยตัวเอง อัตตา หิ อัตตโน นาโถ เรอ่ื งของการปฏบิ ัตนิ ี้
ปฏบิ ตั ใิ หก้ นั ไมไ่ ด้ สอนกส็ อนแลว้ บอกแลว้ ทกุ อยา่ งครบถว้ น
แลว้ กถ็ อื วา่ ทา่ นทำ� หนา้ ทข่ี องทา่ นสมบรู ณแ์ ลว้ ทา่ นคงจะ
ไมก่ ลับมาหาเราอีกแล้ว
ถาม : คอื หนถู ามเผอื่ วา่ ตอ่ ไปเราไดธ้ รรมขน้ั สงู ขนึ้ ไปอกี เจา้ คะ
พอไม่มคี รบู าอาจารยแ์ ล้วกจ็ ะไมม่ ีใครมาสอนแล้วเจ้าคะ
พระอาจารย์ : กต็ อ้ งมี อยา่ งคณุ แมช่ แี กว้ ทา่ นกม็ อี ปุ จารสมาธิ
แล้วคืนท่ีหลวงปู่ม่ันจากไป ท่านก็มาเข้าในสมาธิบอกว่า
เราไปแลว้ นะ พอดคี ณุ แมแ่ กว้ จะไปเยยี่ มทา่ นไง หลวงปวู่ า่
ถา้ ไปกไ็ ปเจอแตร่ า่ งกาย แตต่ วั เราไมอ่ ยแู่ ลว้ ทา่ นมาเขา้ ใน
สมาธิของแมช่ ีแก้ว อนั น้ีท่านก็ยังติดตอ่ กันไดอ้ ยู่
ถาม : กราบขอบพระคุณหลวงพอ่ เจ้าคะ

104

“นิพพานัง ปรมงั สุญญัง”

ผปู้ ฏิบัติไม่สญู ไปกบั การช�ำระใจของผู้ปฏบิ ัติ

โดย พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต)
วัดญาณสังวรารามวรมหาวหิ าร
ต.หว้ ยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
วนั ท่ี ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓

ผปู้ ฏิบตั ไิ มส่ ูญไป
กบั การชำ� ระใจของผปู้ ฏิบตั ิ
สิ่งท่สี ูญคือคราบสกปรก
ทีต่ ดิ อยู่ในใจของผู้ปฏิบตั นิ น่ั เอง

คนทไ่ี มป่ ฏบิ ัติ พออา่ นว่า “นิพพานงั ปรมัง สญุ ญัง”
ก็ไปแปลว่าพอถึงนิพพานแล้วสูญหมด ท้ังๆ ไม่รู้ว่าค�ำว่า
สูญหมดน้ีคืออะไร หมายถึงคนที่ปฏิบัติก็สูญด้วย บางคน
คดิ วา่ พอไปถงึ นพิ พานแลว้ สญู หมด ผทู้ ป่ี ฏบิ ตั ผิ ทู้ ชี่ ำ� ระจติ ใจ
ของตนเองกส็ ูญไปหมดเพราะ “นพิ พานัง ปรมัง สญุ ญัง”
ไปแปลว่าอย่างน้ัน แต่ไม่สูญ ผู้ปฏิบัติไม่สูญไปกับการ
ช�ำระใจของผูป้ ฏบิ ัติ สงิ่ ทสี่ ูญคอื คราบสกปรกทต่ี ดิ อยใู่ นใจ
ของผู้ปฏิบัตินั่นเอง พอใจไม่มีคราบสกปรก เราก็เรียกว่า
“นิพพาน” นี่เอง นิพพานเพราะไม่มีคราบสกปรกถึงเป็น
สุญญัง สูญจากคราบสกปรกต่างๆ ไม่ได้หายสาบสูญไป
แปลความหมายไมเ่ ปน็ คนทไ่ี มป่ ฏบิ ตั มิ นั กจ็ ะแปลไปแบบน้ี
จึงไม่กล้าไปนิพพานกัน กลัวนิพพานกัน ใช่ไหม กลัวไป
นพิ พานแลว้ สญู ไมม่ าเกดิ อกี ตอ่ ไป ไมไ่ ดม้ าเปน็ นาย ก นาง ข
ไม่ได้มาเป็นะไรเหมือนอย่างท่ีเป็นกัน แทนที่จะยินดีกับ
พระนพิ พาน ก็เลยกลัวกัน กลัววา่ ไปถงึ พระนพิ พานแล้ว
ตนเองจะหายสาบสญู ไปตลอดอนนั ตกาล แตไ่ มก่ ลัวการ
มาเกิดและมาตายกันอยู่เรื่อยๆ ตายแบบนี้ไม่กลัวเพราะ
รู้ว่าตายแล้วเด๋ียวกลับมาเกิดใหม่ได้อีก เลยไม่อยากจะไป
นิพพานกัน อยากจะกลับมาเกิดกัน

107

น่ีเพราะว่าความเข้าใจผิด ไม่รู้ว่าการมาเกิด
แต่ละครั้งน่ีมันจะต้องมาเจอกับความทุกข์กันมากมาย
ขนาดไหน ต้ังแต่เราเกิดมาน่ีเราทุกข์กันมามากน้อย
ขนาดไหนแล้ว แล้วเดี๋ยวเจอความแก่ เจอความเจ็บ
เจอความตาย กย็ งั ตอ้ งทกุ ขก์ นั ตอ่ ไป ไมเ่ บอ่ื หนา่ ยไมเ่ ขด็ หลาบ
สกั ที ยงั อยากจะกลบั มาเกดิ กนั อกี กลบั มาเกดิ ทไี รกจ็ ะตอ้ ง
มาเจอความแก่ ความเจบ็ ความตาย ทกุ ครงั้ ไป แตด่ กี วา่ ไป
นพิ พาน ไปนพิ พานนตี่ ายแบบถาวรเลย ตายแบบหายไปเลย
หายสาบสญู ไปเลย เลยไม่อยากจะไปนิพพานกนั ขอไปแค่
สวรรค์ก็พอ พอไปสวรรคแ์ ล้วเด๋ยี วก็จะไดก้ ลับมาเกิดใหม่
ท�ำบุญท�ำทานกันรักษาศีลกันพอแล้ว อย่าไปวิปัสสนา
อย่าไปภาวนากัน เด๋ียวภาวนาแล้วเด๋ียวใจเป็นนิพพาน
ขึน้ มาแลว้ จะหายสาบสญู ไป จะไม่ไดก้ ลบั มาเจอกันอีก
น่ียังอยากจะกลับมาเจอกันอีกใช่ไหม รักคนไหน
ชอบคนไหนยงั อยากจะกลับมาพบกนั อีก
มีคนชอบถามคำ� ถามเรื่อยๆ วา่ เดี๋ยวชาตหิ น้าจะได้
กลับมาพบกับพ่อแม่คนเก่าหรือเปล่า ยังอยากจะเจอ

108

ความทุกข์กันต่อไป แต่ความสุขท่ีไม่มีความทุกข์นี้กลับไม่
อยากจะเจอกนั เพราะเปน็ ความสขุ แบบหายสาบสญู ไปเลย
ไมอ่ ยากจะหายสาบสญู ความจรงิ ไมห่ ายหรอกพระพทุ ธเจา้
ยังอยู่ เพียงแต่เราติดต่อกับท่านไม่ได้เท่าน้ันเอง ท่านก็
เหมือนกับคนที่มีโทรศัพท์มือถือ แต่ท่านเลิกใช้มือถือแล้ว
ท่านไม่เปิดเคร่ืองแล้ว ท่านโยนมือถือท้ิงไปแล้ว เราก็เลย
ตดิ ตอ่ กบั ทา่ นไมไ่ ดเ้ ทา่ นน้ั เอง เพราะทา่ นเบอ่ื กบั การทต่ี อ้ ง
คอยมารักษามือถือ ต้องคอยมาชาร์จแบต ต้องคอยมา
เปลย่ี นรนุ่ อยเู่ รอื่ ยๆ เดยี๋ วรนุ่ นเ้ี กา่ แลว้ กต็ อ้ งเปลยี่ นรนุ่ ใหม่
ทา่ นเลยไมอ่ ยากจะใชม้ นั ไมอ่ ยากจะใชม้ อื ถอื แตท่ า่ นไมไ่ ด้
หายไปไหน ท่านอยู่ เพียงแต่ว่าเราติดต่อกับท่านไม่ได้
เทา่ นั้นเอง

109

ถา้ มีสติ มีสมาธิ มปี ัญญา
กเ็ หมอื นมีอาวุธไว้ต่อสู้กบั ศัตรู

ทจ่ี ะสรา้ งความทุกขต์ า่ งๆ
ให้เกดิ ขึน้ ตอนใกล้ตาย
จะไมห่ ว่นั ไหวเดือดรอ้ น

จะปลอ่ ยวางรา่ งกาย ใจกจ็ ะสงบ

ถา้ ไม่เห็นความตายกจ็ ะไม่รบี ขวนขวาย
โดย พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต)
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร
ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมงุ จ.ชลบรุ ี
วันที่ ๗ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

ตายแลว้ สูญ

 คนที่ฉลาดทางวิทยาศาสตร์ เขาจะมีความเห็น
แบบนี้ เห็นวา่ ตายแล้วสญู เพราะวา่ เขาไมส่ ามารถพิสจู น์
จติ ใจหรอื ดวงวญิ ญาณได้ ก็เลยถอื ว่าเปน็ เรอื่ งเพอ้ เจ้อไป
 แต่ความจริงมันพิสูจน์ได้ วิธีพิสูจน์นี้เขาไม่รู้จัก
ทางพระพทุ ธศาสนานร้ี วู้ ธิ พี สิ ูจน์กค็ ือการน่ังกรรมฐาน

เรอื่ งของจติ จงึ เปน็ เรอ่ื งทลี่ กึ ลบั ถา้ ไมศ่ กึ ษาไมป่ ฏบิ ตั ิ
ก็จะไม่รู้ เพราะหลงยึดติดกับร่างกาย ที่ต้องแก่ ต้องเจ็บ
ตอ้ งตาย วา่ เปน็ ตวั เราของเรากเ็ ลยวา่ จติ เปน็ สงิ่ ทวี่ เิ ศษไมแ่ ก่
ไมเ่ จบ็ ไมต่ าย แตถ่ กู ความหลงหลอกใหไ้ ปยดึ ตดิ กบั รา่ งกาย
พอร่างกายเปน็ อะไร จติ ก็เปน็ ไปดว้ ย
มนี ทิ านในสมยั พทุ ธกาล มคี นเลยี้ งมา้ คนหนงึ่ ขาไมด่ ี
ขาเป๋ เดินกะเผลกๆ ม้าท่ีเล้ียงก็เดินกะเผลกตามคนเล้ียง
ทง้ั ๆ ทข่ี ามา้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ อะไร จติ เรากเ็ หมอื นกนั พอไดร้ า่ งกาย
มาครอบครอง ก็หลงคิดว่าร่างกายเป็นจิต พอร่างกาย
เปน็ อะไรกเ็ ปน็ ตามรา่ งกายไป รา่ งกายแกก่ แ็ กต่ าม รา่ งกาย
เจ็บก็เจ็บตาม เพราะไม่มีปัญญาแยกแยะจิตออกจาก
รา่ งกาย ไมร่ ู้วา่ ร่างกายเปน็ เพยี งธาตุ ๔ เป็นตกุ๊ ตาตวั หนึ่ง
ทเี่ กดิ แก่ เจบ็ ตาย สว่ นจติ เปน็ ผรู้ ู้เปน็ ผทู้ มี่ คี วามรสู้ กึ นกึ คดิ
ผสู้ ง่ั ให้ร่างกายทำ� อะไรตา่ งๆ จะลุกขนึ้ ได้ จติ ต้องสั่งกอ่ น
วา่ จะลกุ ถงึ จะลกุ ได้ จะเดนิ จติ กต็ อ้ งสงั่ จะมาทน่ี ไี่ ดจ้ ติ กต็ อ้ ง
สง่ั ไวก้ อ่ น วา่ วนั นจ้ี ะมาทน่ี ี่ พอถงึ เวลากอ็ อกเดนิ ทางมากนั
ร่างกายไม่รู้เรือ่ ง ร่างกายเป็นผู้ทำ� ตามคำ� ส่ังของจติ

113

พวกเราตอ้ งศกึ ษาร่างกายกบั จิตแยกใหอ้ อกจากกนั
อย่าให้เป็นคนเดียวกัน เพราะเป็นคนละคนกัน ใจเป็น
เจา้ ของรา่ งกาย ทเ่ี ปน็ สมบตั ชิ ว่ั คราว ทจ่ี ะตอ้ งหมดสภาพไป
ถา้ ใจตอ้ งอาศยั รา่ งกายทำ� ประโยชน์ กต็ อ้ งรบี ทำ� อยา่ งเตม็ ท่ี
คือปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ เจริญสติให้เต็มที่ พอท�ำงานนี้
เสรจ็ แลว้ รา่ งกายจะเปน็ อะไรกจ็ ะไมเ่ ปน็ ปญั หา ถา้ ปฏบิ ตั ิ
ไมเ่ สรจ็ แลว้ รา่ งกายตายไป กต็ อ้ งรอใหไ้ ดร้ า่ งกายอนั ใหม่
ถงึ จะปฏิบัตติ อ่ ได้ ก็จะเสยี เวลาไป
จงึ ควรเจรญิ มรณานสุ ตอิ ยเู่ รอ่ื ยๆ วา่ เกดิ มาแลว้ ตอ้ ง
ตายเป็นธรรมดา จะตายเม่ือไหร่ก็ไม่รู้ จะตายวันนี้ก็ได้
ตายพรุ่งน้ีก็ได้ อีกสิบปีหรือย่ีสิบปีข้างหน้าก็ได้ ไม่มีใครรู้
ถา้ จะไมป่ ระมาท กต็ อ้ งคดิ วา่ อาจจะตอ้ งตายในวนั นี้ ถา้ คดิ
อย่างนี้ เวลาไม่สบายไปหาหมอ พอหมอบอกว่าเหลืออีก
๓ เดือน กจ็ ะดใี จ เพราะคดิ ว่าจะตายวนั น้ี แต่หมอใหต้ ้งั
๓ เดอื น ถา้ ไมค่ ดิ อยา่ งนี้ พอหมอบอกวา่ เหลอื ๓ เดอื น กจ็ ะ
หมดก�ำลังใจ

114

วนั กอ่ นกม็ ผี หู้ ญงิ คนหนงึ่ มาบอกวา่ หมอบอกวา่ เปน็
มะเร็งข้นั สุดท้าย เหลืออีกไม่ก่ีเดอื น จะใหท้ �ำอยา่ งไร เราก็
บอกให้รีบปฏิบัติธรรมให้มากที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องไปคิดถึง
ความตายแล้ว เพราะรู้อยู่ตลอดเวลา ถ้าไปคิดก็จะไม่มี
กำ� ลงั ใจปฏบิ ตั ิ ตอ้ งลมื เรอื่ งความตาย ใหพ้ งุ่ ไปทก่ี ารปฏบิ ตั ิ
ธรรมใหม้ ากทส่ี ดุ เจรญิ สตนิ ง่ั สมาธเิ จรญิ ปญั ญาใหม้ ากทส่ี ดุ
ถ้าไม่เห็นความตายก็จะไม่รีบขวนขวาย จึงต้องอยู่ใกล้
เหตุการณจ์ รงิ จะไดก้ ระตือรือรน้ ปฏิบตั ิและบรรลุธรรมได้
อยา่ งพระราชบดิ ากท็ รงบรรลุ๗วนั กอ่ นเสดจ็ สวรรคต
เพราะเหน็ ความจรงิ เหน็ ความตายกเิ ลสทอี่ ยากจะอยกู่ จ็ ะ
หายไป เพราะรวู้ า่ อยากอยา่ งไรกอ็ ยไู่ มไ่ ด้ กเ็ ลยไมม่ กี เิ ลส
มาคอยขดั ขวางไมใ่ หต้ งั้ ใจปฏบิ ตั ิ ความหว่ งใย ความกงั วล
กับเรื่องสมบัติข้าวของเงินทอง กับบุคคลต่างๆ ตอนนั้น
ไม่สนใจแล้ว สนใจอยู่ท่ีว่าจะท�ำอย่างไรไม่ให้ทุกข์กับ
ความตายท่ีจะตามมาในระยะอันใกล้น้ี ถ้ามีคนสอนวิธีให้
ทำ� จติ ใหส้ งบ กจ็ ะทำ� ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ พอจติ สงบแลว้ รา่ งกาย
จะเปน็ อะไรกจ็ ะไมเ่ ดอื ดร้อน

115

ตอ้ งไปดูศพ ไปงานศพอยู่เร่ือยๆ ไปอยใู่ นสถานทท่ี ่ี
ทา้ ทายกบั ความเปน็ ความตาย กจ็ ะทำ� ใหไ้ มป่ ระมาท จะรบี
ขวนขวาย จะเห็นวา่ สงิ่ ต่างๆ ในโลกนีไ้ มม่ ีความหมายเลย
ช่วยไม่ได้เลยเวลาใกล้เป็นใกล้ตาย สมบัติเงินทองต่างๆ
ช่วยไม่ได้เลย มีแต่การปฏิบัติธรรมเท่าน้ันท่ีจะช่วยได้
ถ้ามีสติ มีสมาธิ มีปัญญา กเ็ หมือนมีอาวธุ ไว้ต่อสู้กบั ศตั รู
ท่ีจะสร้างความทุกข์ต่างๆ ให้เกิดข้ึน ตอนใกล้ตายจะ
ไมห่ วั่นไหวเดอื ดร้อน จะปล่อยวางรา่ งกาย ใจกจ็ ะสงบ

116

ค�ำถาม-ค�ำตอบจากซูม
โดย พระจลุ นายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)

วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร
ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมงุ จ.ชลบุรี
วันที่ ๒ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

ผู้รู้ เราก็ใชช้ ่อื หลายอยา่ ง
ใชเ้ รียกมนั ว่าเป็นจิตใจบ้าง

เป็นดวงวิญญาณบา้ ง
กายทิพย์บ้าง คอื ธาตรุ ู้ทง้ั น้นั

ธาตรุ มู้ นั เป็นอมตะ
ใชไ่ หมครบั

ถาม : หลวงพอ่ ครับ ธาตรุ ้นู ่ีมนั เปน็ อมตะใช่ไหมครบั ไมม่ ี
วันตาย
พระอาจารย์ : กม็ ันเปน็ ๑ ในธาตุท้ัง ๖ ท่เี ป็นของอมตะ
เขาเรยี ก “มหาธาต”ุ สิง่ ท่ีเขาเรยี กวา่ เปน็ สิง่ ท่ีไมม่ ีวันสญู
สงิ่ ท่ไี ม่มวี ันดบั คือ ธาตุดนิ ธาตุน�ำ้ ธาตลุ ม ธาตุไฟ แล้วก็
ธาตุรู้ แลว้ กอ็ วกาศธาตุ อวกาศกค็ ือพ้ืนที่ สเปซ (space)
เพราะธาตทุ งั้ ๕ นมี่ นั ตอ้ งมพี น้ื ทอี่ ยู่ ตง้ั อยู่ ธาตทุ ี่ ๖ นบ่ี างที
เราไม่ตอ้ งพูดถงึ กไ็ ด้ แต่ธาตุ ๕ นที่ ม่ี ันเปน็ ตัวเล่นเร่อื งราว
ต่างๆ ท้ังหมดนี้อยู่ท่ีธาตุ ๕ โดยเฉพาะธาตุรู้น่ีมันเล่นได้
ทงั้ ขณะทเี่ ปน็ มนษุ ย์ เปน็ เดรจั ฉาน และขณะทไ่ี มม่ รี า่ งกาย
กย็ งั มีบทบาทอยู่
ถาม : คือเป็นวิสังขารที่หลวงพ่อเคยเทศน์ใช่ไหมครับ
ทง้ั ๖ ธาตุ

119

พระอาจารย์ : ใช่ มันไมไ่ ด้เป็นสงั ขาร มันไม่ได้เปน็ เครื่อง
ปรงุ แตง่
ถาม : ท่ีหลวงพ่อเคยเทศนว์ ่า “สัพเพ สงั ขารา อนิจจา”
พระอาจารย์ : เออ “สัพเพ ธัมมา อนัตตา”
ถาม : ธาตุท้ัง ๕ น่ีไม่เป็นอนิจจัง ไม่เป็นทุกขัง แต่เป็น
อนัตตา
พระอาจารย์ : กเ็ ปน็ ธรรมที่ไม่ไดเ้ ปน็ สังขาร
ถาม : ทไี่ ม่เปน็ สงั ขาร
พระอาจารย์ : มนั ไมไ่ ดเ้ ปน็ อนจิ จงั มนั ไมไ่ ดเ้ ปน็ จะไปวา่ มนั
เปน็ อนจิ จงั ไมไ่ ด้เพราะมนั ไมม่ วี นั เสอ่ื มไมม่ วี นั ดบั แตร่ า่ งกาย
นม่ี ันเปน็ สงั ขาร มนั เป็นการรวมตวั ของธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ�
ลม ไฟ แล้วมันกม็ วี ันเสอ่ื มวันดบั มวี ันแยกสลายกลบั คืนสู่
ธาตเุ ดมิ
ถาม : จรงิ ๆ “เรา” ทแ่ี ทจ้ รงิ นคี่ อื “ธาตรุ ”ู้ นะครบั หลวงพอ่

120

พระอาจารย์ : คือผูร้ ู้ เรากใ็ ชช้ อ่ื หลายอยา่ ง ใช้เรียกมันว่า
เปน็ จติ ใจบา้ งเปน็ ดวงวญิ ญาณบา้ งกายทพิ ยบ์ า้ งคอื ธาตรุ ู้
ทง้ั น้นั
ถาม : เพราะฉะนัน้ ทหี่ ลวงพ่อบอกวา่ ไมต่ อ้ งกลวั ตาย คือ
จรงิ ๆ เราก็ไม่ตาย เพราะธาตุรมู้ ันกไ็ ม่ตายครับหลวงพอ่
พระอาจารย์ : ใช่ ไมต่ าย ตายแตร่ า่ งกาย ความจรงิ รา่ งกาย
มนั กไ็ มร่ ู้วา่ มนั ตาย รา่ งกายมนั กเ็ ปน็ เหมอื นต้นไม้ มนั ไม่มี
การรบั รู้
ถาม : แตธ่ าตุรู้ไปยดึ วา่ ตัวเองเป็นร่างกาย
พระอาจารย์ : ใช่ ไปหลงคดิ วา่ เป็นรา่ งกาย กเ็ ลยทกุ ข์กบั
รา่ งกายเวลารา่ งกายเปน็ อะไร กเ็ ลยตอ้ งคอยมาสอนบอกวา่
เราไมใ่ ชเ่ ปน็ รา่ งกาย เราเปน็ ผรู้ ผู้ คู้ ดิ ไมไ่ ดต้ ายไปกบั รา่ งกาย
ถาม : ธาตรุ ทู้ ่เี ป็นผู้รู้ผคู้ ดิ กเ็ ป็นธาตรุ ู้
พระอาจารย์ : นน่ั แหละกค็ อื ตวั ธาตรุ ไู้ ง ในธาตรุ นู้ มี่ นี ามขนั ธ์
อยู่ ๔ มเี วทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ นามขันธน์ ่ีกไ็ มม่ ี

121

วันเสื่อม แต่มันมีการเปลี่ยนแปลง เวทนาก็เปลี่ยนไป
เปลยี่ นมา สขุ บ้างทกุ ขบ์ ้าง ไม่สุขไม่ทุกข์บ้าง สังขารกค็ ดิ
เรื่องน้ีแล้วก็หยุดไปคิดเร่ืองน้ันต่อ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
สัญญาความจ�ำก็เหมือนกัน จ�ำเร่ืองน้ีแล้วก็ไปจ�ำเรื่องน้ัน
วิญญาณนกี่ ็รบั รูป เสียง กลน่ิ รส ชนดิ ตา่ งๆ ทีเ่ ข้ามาแลว้
กเ็ กดิ ดบั เกดิ ดบั เขา้ มาแลว้ กห็ ายไป แลว้ กเ็ ขา้ มาใหม่ เขา้ มา
อยู่เรื่อยๆ นคี่ อื ความไมเ่ ทีย่ งของนามขันธ์ แตไ่ มเ่ ทย่ี งแบบ
ลกั ษณะทเ่ี ปลยี่ น แปลวา่ เปลยี่ นแปลง ไมไ่ ดไ้ มเ่ ทยี่ งแบบวา่
มนั จะลม่ สลายหายไป
ถาม : กค็ อื วา่ มนั กย็ งั มอี ยู่ แตว่ า่ มนั แปรปรวนเปลยี่ นแปลง
พระอาจารย์ : มนั เปลีย่ นไป เราไปควบคุมบังคบั มนั ไมไ่ ด้
เวทนาเราไปสั่งให้มนั สขุ เวทนาอยา่ งเดยี วไมไ่ ด้ มันเปล่ียน
ไปตามเหตปุ จั จัย เหตุปัจจัยทำ� ใหม้ นั ทุกขม์ นั ก็ทกุ ข์ ทำ� ให้
มนั สขุ มันก็สุข
ถาม : มนั กเ็ ปน็ เครอ่ื งมอื ทธ่ี าตรุ ใู้ ชเ้ ชอื่ มกบั รปู กาย นะครบั
หลวงพ่อ

122

พระอาจารย์ : ใช่ เราใชว้ ญิ ญาณนไ่ี ปเชอ่ื มตดิ กบั ทรี่ า่ งกาย
คอื ตา หู จมกู ลน้ิ กาย เพอื่ เราจะไดเ้ สพรปู เสยี ง กลน่ิ รส
ทเ่ี ราตดิ กนั เราตดิ รปู เสยี ง กลน่ิ รส เรากเ็ ลยตอ้ งมรี า่ งกาย
เปน็ เครอ่ื งมอื ใจกส็ ง่ วญิ ญาณมาเกาะทตี่ า หู จมกู ลนิ้ กาย
มี ๕ วิญญาณ จกั ขุวิญญาณ โสตวญิ ญาณ ชิวหาวญิ ญาณ
ชวิ หาวญิ ญาณนกี่ ไ็ ปจากเนยี่ ตา หู จมกู ลน้ิ กาย พอตาสมั ผสั
กบั รปู ปบ๊ั ใจกร็ บั รทู้ นั ทวี า่ ตอนนเี้ หน็ รปู แลว้ พอเหน็ รปู แลว้
สญั ญากเ็ ขา้ มาทำ� หนา้ ทว่ี า่ เปน็ รปู อะไร มอี ยใู่ นความจำ� เรา
หรือเปล่า รูปน้ีเราเคยเห็นหรือเปล่า อาจจะจ�ำได้ว่าเป็น
คนนน้ั คนนี้ เปน็ สง่ิ นนั้ สง่ิ นี้ ดหี รอื ไมด่ มี นั กจ็ ะจำ� ได้ พอมนั ดี
ไม่ดมี ันก็เกดิ เวทนาข้ึนมา ดีกส็ ขุ ไมด่ กี ท็ กุ ขข์ ึ้นมา พอเกดิ
เวทนาขึน้ มา สังขารกเ็ ข้ามา ถ้าดกี เ็ ขา้ หา ถ้าไม่ดีกถ็ อยหนี
สังขารก็สัง่ ใหถ้ อย น่คี อื การทำ� งานของนามขนั ธ์ ทำ� หน้าที่
ให้กบั ใจผูร้ อู้ กี ทหี นงึ่
ถาม : เป็นเครือ่ งมอื ของผู้รู้
พระอาจารย์ : เปน็ เคร่อื งมอื ของผรู้ ู้ ผู้ร้นู มี้ คี วามโลภ โกรธ
หลง มอี วชิ ชา ทำ� ใหไ้ ปเกดิ มคี วามโลภ โกรธ หลง ถา้ เรามา

123

ปฏิบัติก็คือเรามาแก้ที่ตัวธาตุรู้ ไม่ต้องไปแก้ท่ีตัวสังขาร
นามขนั ธ์ เราแกท้ ตี่ วั ธาตรุ ไู้ มใ่ หห้ ลง ไมใ่ หห้ ลงกบั สง่ิ ตา่ งๆ
ใหเ้ ห็นวา่ ทกุ สง่ิ ทุกอยา่ งในท่ีสุดกค็ อื ดิน น�้ำ ลม ไฟนเี่ อง
แลว้ ความสขุ ทไ่ี ดจ้ ากดนิ นำ้� ลมไฟกค็ อื เปน็ ความสขุ ชวั่ คราว
พอมนั เสอ่ื มมนั หมดไปกท็ ำ� ใหท้ กุ ขข์ น้ึ มา ใหเ้ หน็ ทกุ ขใ์ นการ
หาความสุขผ่านทางรา่ งกาย จะได้หยุด หยุดหา แล้วไปหา
ความสขุ จากการหยดุ ความอยากดกี วา่ พอเวลาใจไมม่ คี วาม
อยากแลว้ ความสขุ มันจะโผลข่ ้ึนมาเอง
ถาม : ไอ้ตัวความอยากนี่มันก็ผลิตออกมาจากธาตุรู้
ใช่ไหมครบั หลวงพอ่
พระอาจารย์ : มันก็อยู่ในธาตรุ นู้ นั่ แหละ เกดิ จากอวิชชา
ความหลง หลงไปคดิ วา่ เออ้ มเี งนิ แลว้ จะมคี วามสขุ มแี ฟน
แล้วจะมคี วามสขุ ไดไ้ ปเท่ียวแลว้ จะมีความสุข แต่มนั มอง
เหน็ ดา้ นเดยี ว มนั ไมเ่ หน็ อกี ดา้ นหนง่ึ วา่ มนั มเี จรญิ มเี สอื่ มนะ
มสี ขุ มที กุ ขน์ ะ พอทกุ ขก์ เ็ ลยทรมานใจ แตก่ ย็ งั ตดิ อยเู่ หมอื น
คนติดยาเสพติด ดังนั้นต้องใช้การปฏิบัติสมถภาวนา
วปิ ัสสนาภาวนา ถงึ จะสามารถถอนความอยากได้

124

ถาม : แสดงวา่ ตัวทีเ่ ป็นอริยสัจ สมุทัย ที่พระพุทธเจา้ ท่าน
เทศน์ กค็ อื ทา่ นเทศน์เก่ียวกับธาตรุ ู้ ใช่ไหมครบั หลวงพอ่
พระอาจารย์ : ใช่ ธาตรุ นู้ ่ี ธาตรุ เู้ ปน็ ตวั อยากไง กามตณั หา
ภวตัณหา วิภวตัณหา น้ีอยใู่ นธาตุรู้ แตใ่ ชส้ งั ขารเป็นตัว
ตอบสนองความอยาก สังขารต้องปรุงแต่ง อยากได้นู่น
อยากมนี ่ีแลว้ กส็ ง่ วญิ ญาณไปหาตาหูจมกู ลน้ิ กายเพอื่ จะ
ได้ไปหาส่ิงทีใ่ จอยากได้ ธาตรุ ูอ้ ยากได้
ถาม : เหมอื นบังคับห่นุ ยนต์
พระอาจารย์ : เออ ใช่ แลว้ ไดม้ าเท่าไรก็ไมอ่ ม่ิ ไมพ่ อใชไ่ หม
ความสุขในโลกน้ีมันเป็นแบบชั่วคราว แบบควันไฟ ได้มา
เดย๋ี วกจ็ างหายไป เวลาไดอ้ ะไรมาใหมๆ่ โอย๊ ดอี กดใี จ เลยอยู่
ไปกบั มันสักพัก พอมนั ชนิ หูชนิ ตาแล้วมันกเ็ บื่อแล้ว
ถาม : เบ่ือ ครบั เปน็ เชน่ นเ้ี รื่อยไป
พระอาจารย์ : เร่ือยไป ก็เปลยี่ นใหมเ่ ร่ือย พอเบือ่ อนั น้ีก็
เปล่ยี นไปหาอันนู้นใหม่

125

ถาม : แก้เบื่อไปเรื่อยๆ
พระอาจารย์:ใช่แกเ้ บอ่ื ไปเรอื่ ยๆแกย้ งั ไงกไ็ มม่ วี นั จบตอ้ งมา
แกแ้ บบพระพุทธเจ้า มาหยุดความอยาก มาสอนให้เหน็ ว่า
สงิ่ ทเี่ ราไปอยากมนั นา่ เบอื่ เดย๋ี วมนั กท็ ำ� ใหเ้ ราเบอื่ พอหยดุ
ความอยากไดแ้ ลว้ จติ กจ็ ะสงบ แลว้ จติ กจ็ ะมคี วามสขุ ขนึ้ มา
โดยที่ไม่ต้องไปหาความสขุ จากภายนอก
ถาม : แก้ทธ่ี าตุรู้
พระอาจารย์ : แก้ที่ธาตุรู้ด้วยการภาวนา สมถภาวนา
วิปสั สนาภาวนา
ถาม : ครับ สาธุครับหลวงพ่อ

126

จดุ อเุ บกขาของธาตรุ ู้

 การปฏิบัติเพ่ือให้ใจต้ังอยู่บนจุดของความสงบ
ของใจ ตงั้ อยูบ่ นอุเบกขานี้ ก็ถอื วา่ สำ� เร็จ ไม่ตอ้ งท�ำอะไร
อีกแล้ว เพราะใจจะไม่มวี ันเคล่ือนออกจากจุดน้ีอกี ต่อไป
ชั่วฟ้าดนิ สลาย ตราบใดทีม่ ใี จอยู่ ใจก็จะต้ังอยูบ่ นจุดนไ้ี ป
และใจนีเ้ ปน็ ๑ ใน ๖ สงิ่ ในสากลโลกน้ี สิ่งที่เปน็ สง่ิ ที่ถาวร
คอื ธาตทุ ง้ั ๖
 ธาตทุ ง้ั ๖ น้ี มอี ยมู่ าตลอดและจะมตี อ่ ไป ธาตทุ งั้ ๖
คอื ธาตุดนิ ธาตนุ ้�ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาศ และธาตรุ ู้
ธาตรุ กู้ ค็ อื ใจของพวกเรานเ่ี อง เพยี งแตว่ า่ ธาตรุ ขู้ องพวกเรา
มันมีปัญหา มันไม่ตั้งอยู่บนจุดของอุเบกขา มันถูก
ความหลงหลอกใหอ้ อกไปตงั้ อยบู่ นจดุ ของดนิ นำ�้ ลม ไฟ
ทมี่ ารวมตวั กนั แลว้ กแ็ ยกกนั ออกไป พอเวลาเขารวมตวั กนั
กด็ อี กดีใจ เวลาเขาแยกทางกันกเ็ สียอกเสียใจ แต่ถ้าเราได้
พบกับพระพุทธศาสนา ได้พบกบั ค�ำสอนของพระพุทธเจ้า
เราก็จะได้รู้จักวิธีที่จะดึงใจของเราให้ออกจากธาตุทั้ง ๕
ออกจากอากาศธาตุด้วย แล้วก็เข้าไปอยู่จุดอุเบกขาของ
ธาตรุ ู้ มพี ระพทุ ธเจา้ เพยี งพระองคเ์ ดยี วเทา่ นนั้ ทชี่ าญฉลาด
ทีส่ ามารถเข้าถึงความจริงอันน้ีได้

รา่ งกายมันมหี ลายมิติท่เี ราต้องเขา้ ใจ
มติ ิของอสุภะน่หี มายถงึ รา่ งกายของคนอน่ื

ที่เราไปหลงรกั ดว้ ย มิติของอนจิ จงั
อันนเี้ ป็นมติ ทิ ร่ี า่ งกายเราต้องเห็นว่า
มนั จะตอ้ งแก่ เจบ็ ตาย พอตายแลว้
มนั ก็เป็นซากศพไป เราต้องยอมรับ

สภาพของมันเวลามันเป็น
เพราะเราหา้ มมนั ไม่ได้ มันเป็นอนตั ตา

ถา้ เราใช้ปัญญาพิจารณาเขา้ สู่อัปปนา
อนั นห้ี นทู ำ� ไมเ่ ป็นเจา้ คะ่

ถาม : กราบหลวงพ่อเจา้ คะ หนขู อเมตตาหลวงพอ่ หนไู ม่
เขา้ ใจ คอื หนเู ขา้ ใจวา่ นง่ั สมาธเิ พอ่ื เขา้ สอู่ ปั ปนาโดยการเพง่
หรือการบรกิ รรมพทุ โธอยู่ทสี่ ิง่ เดยี ว หนูเขา้ ใจวา่ มันเข้าได้
แตถ่ า้ เราใชป้ ญั ญาพจิ ารณาเขา้ สอู่ ปั ปนา อนั นหี้ นทู ำ� ไมเ่ ปน็
เจ้าค่ะหลวงพ่อ
พระอาจารย์ : อ๋อ อันนี้มันต้องแบบว่าต้องไปเจอกับ
เหตกุ ารณท์ ร่ี นุ แรงตอ่ จติ ใจ เชน่ เจอความเจบ็ ปวดรวดรา้ ว
หรอื เจอความตาย เรากใ็ ชป้ ญั ญาพจิ ารณาปลอ่ ยวางรา่ งกาย
พิจารณาวา่ รา่ งกายเป็นอนจิ จงั ไมเ่ ทีย่ ง อนัตตา เราไปสัง่
มนั ไมไ่ ด้ ห้ามมนั ไมไ่ ด้ แล้วถ้าเห็นอนจิ จงั ทุกขัง อนตั ตา
ในร่างกาย ก็ปล่อยวางความยึดติด เช่น ความกลัวตาย
กลวั เจบ็ พอปลอ่ ยได้ จติ กเ็ ขา้ สคู่ วามสงบได้ อนั นเ้ี ราใชใ้ น
กรณีพิเศษ โดยปกติเราไม่ใช้กัน เราจะใช้การเจริญสติ
การเพง่ เป็นหลัก

129

ถาม : แสดงว่าถ้าหนูท�ำที่บ้านแล้วฝึกซ้อม สงสัยจะเข้า
ยากคะ เพราะใช้ปญั ญา เพราะว่ามันไม่มีเหตกุ ารณ์
พระอาจารย์ : ใช่ มนั ไมม่ เี หตกุ ารณ์ มนั กเ็ ลยไมม่ ีอะไรมา
กระตุ้นให้จิตจะต้องพิจารณาเพื่อตัดกิเลส ตัดความอยาก
ที่ท�ำให้จิตใจวุ่นวายทรมานใจอยู่ในขณะนั้น ก็ต้องใช้ดู
ลมหายใจไปหรอื พุทโธๆ ไป หรอื พิจารณาอาการ ๓๒ ไป
กไ็ ด้ ทอ่ งอาการ ๓๒ ไป หรอื เพง่ ดอู าการใดอาการหนงึ่ ของ
รา่ งกาย เช่น โครงกระดกู
ถาม : แตว่ า่ ทา้ ยทสี่ ดุ แลว้ เรากต็ อ้ งใชป้ ญั ญาพจิ ารณาเพอ่ื
เขา้ อกี รอบหนึง่ ใช่ไหมเจา้ คะ
พระอาจารย์ : อันนั้นถ้าเรามีสติ มีอัปปนาสมาธิแล้ว
เราก็ใช้ปัญญาเพื่อเจริญวิปัสสนาเพ่ือปล่อยวางร่างกายได้
เพอ่ื บรรลุเป็นพระโสดาบันได้
ถาม : อ๋อ แตไ่ มถ่ ึงขนาดวา่ ตอ้ งใช้ปญั ญาพิจารณาเพื่อเข้า
สู่อปั ปนาใชไ่ หมคะ หรอื วา่ ยังไงก็ตอ้ งเข้าคะ

130

พระอาจารย์ : มันจะเข้าโดยอัตโนมัติถ้าเราปล่อยวาง
ร่างกายได้ หยุดความอยากได้ หยุดความอยากท่ีไปยึด
ไปตดิ รา่ งกายได้ พอปลอ่ ยรา่ งกายได้ จติ มนั กจ็ ะเขา้ ไปใน
อัปปนาโดยอัตโนมัติ
ถาม : ตอนน้ีกค็ ือเอาแบบสมถะเขา้ คือเพ่งหรอื ดจู ุดเดียว
ไปก่อนใชไ่ หมคะ
พระอาจารย์ : กแ็ ลว้ แต่ ถา้ เกดิ ไปเจอเหตกุ ารณถ์ กู โจรเขา้
มาปล้นมาจี้ เขาจะฆ่าเรานี้ เราก็อาจจะใช้ปัญญาปลงใน
ตอนนน้ั กไ็ ด้ พอปลงได้ มันกย็ อมตายปุบ๊ จิตมนั กน็ ิ่งเป็น
อุเบกขา เหมือนกับได้เข้าอัปปนาไปก็ได้ ไม่เดือดร้อน
มนั จะฆา่ กฆ็ า่ มนั จะทำ� อะไรกบั รา่ งกายเรา กป็ ลอ่ ยมนั ทำ� ไป
เหน็ ด้วยปญั ญาว่ามนั ไม่ไดเ้ ป็นตวั เรา เห็นวา่ รา่ งกายไมไ่ ด้
เปน็ ตวั เรา กล็ ะสกั กายทฏิ ฐไิ ด้ อนั นคี้ อื ถกู เหตกุ ารณบ์ งั คบั
ให้พิจารณา
เหมือนพ่อของพระพุทธเจ้าเนี่ย พ่อพระพุทธเจ้า
ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยนอนอยู่บนเตียงถึงจะพิจารณาทาง
ปัญญาได้ แลว้ บรรลเุ ป็นพระอรหันต์ได้

131

ถาม : ถา้ เราอยูเ่ ฉยๆ ไมม่ ีเหตุการณ์ มันก็เป็นไปไดย้ าก
พระอาจารย์:มนั ไมม่ อี ะไรมากระตนุ้ ทกุ ขไ์ มม่ ีปญั ญาบเ่ กดิ
ทุกข์บ่มี ปัญญาบ่เกิด ถ้าอยากให้เกิดปัญญาก็ต้องไปลุย
ในป่าซิ เดินไปในป่าคนเดียว แล้วคิดว่าเราจะไปเจอเสือ
เจองูเข้า ใจก็ทุกข์ ทีน้ีก็ใช้ปัญญาพิจารณาปลงปล่อยวาง
ร่างกายได้ ถ้าเจ็บก็นั่งให้มันเจ็บแล้วอย่าลุก หรือไม่ก็ให้
เจอโควิด-๑๙ ก่อน แล้วเกิดเหตุการณเ์ จบ็ ไข้ไดป้ ว่ ยขึน้ มา
ดังนั้นมันต้องมีเหตุการณ์กระตุ้นถึงจะใช้ปัญญาได้
ถา้ ปกตมิ นั ไมม่ ที กุ ข์ ปญั ญามนั ไมเ่ กดิ ปญั ญามนั เหมอื นยาไง
ถา้ ไม่มีอาการเจ็บไขไ้ ด้ปว่ ย ร่างกายก็ไม่รจู้ ะกนิ ยาไปท�ำไม
ใชไ่ หม กินไปก็ไม่มคี วามแตกตา่ งเลย
ถาม : หลวงพอ่ เจ้าคะ แลว้ หนูชอบนง่ั สมาธแิ ล้วกส็ งบไป
พอนง่ั ไปเรอื่ ยๆ พอเราอยากพกั สงบแลว้ จะใหม้ าคดิ แลว้ มนั
ไม่อยากคิดเจ้าคะ
พระอาจารย์ : ก็ใช่นะซิ พอมันนั่งแล้วมันสงบแล้วมันก็
ไมค่ ดิ ใหม้ นั ออกมาจากความสงบกอ่ น ถา้ มนั ไมค่ ดิ เรากต็ อ้ ง

132

สง่ั มนั ใหค้ ดิ ใหค้ ดิ เรอื่ งรา่ งกายพจิ ารณาอาการ๓๒พจิ ารณา
เกดิ แก่ เจบ็ ตายไป ตอ้ งบงั คบั มนั ใหค้ ดิ อยา่ งหลวงตาทา่ น
ตดิ สมาธกิ อ็ ยา่ งนี้ ทา่ นไมค่ ดิ ทา่ นจะเอาแตส่ มาธอิ ยา่ งเดยี ว
จนหลวงปู่ม่ันเห็นว่าติดสมาธิก็เลยเตือนว่า สมาธินี้เป็น
เหมือนเศษเน้ือนะ เศษเน้ือติดฟัน ให้ไปทางปัญญาจะได้
เน้ือช้ินใหญ่ๆ พอออกไปทางปัญญาก็เป็นปัญญาฟุ้งซ่าน
เรือ่ ยเถิดอีก พิจารณาไมย่ อมหยดุ ท่านบอกวา่ บางทถี งึ กับ
นอนไมห่ ลบั เพราะความอยากจะรเู้ รอื่ งปญั ญามาก มนั กเ็ ลย
คดิ พจิ ารณาไปแบบหามรงุ่ หามคำ่� กไ็ ดส้ ตวิ า่ ตอ้ งใหม้ นั หยดุ
และให้กลับเข้ามาพักผ่อนในสมาธิ ก็เลยต้องบังคับให้มัน
พทุ โธๆ ไม่ให้มันคิด หยุดพจิ ารณา การปฏิบัติบางทมี นั จะ
สุดโต่งแบบนี้ พอมันสงบมันก็ติดสงบ ไม่อยากจะออกไป
พอใหม้ นั ออกไปทางปญั ญา พอมนั พจิ ารณาปญั ญาแลว้ เกดิ
ความเขา้ อกเขา้ ใจ เบาอกเบาใจ กอ็ ยากจะพจิ ารณาใหม้ าก
ขึ้นไป จนกระทัง่ มนั ฟุง้ ซ่าน
ถาม : มีวันหนึ่งหนูน่ังสมาธิได้นานหน่อยเพราะว่ามัน
นอนพอ ทนี เ้ี รากไ็ มต่ อ้ งมาพทุ โธแลว้ เพราะวา่ จติ มนั เพง่ิ ตนื่
นอนแลว้ มนั กส็ งบแลว้ แล้วก็ลองพจิ ารณาไปเร่ือยๆ เร่อื ง

133

อาการ ๓๒ พอพจิ ารณาไปเรอื่ ยๆ ปุ๊บ ใจมนั บอกว่า โอ้ย
เด๋ียวร่างกายเราก็เจ็บป่วย แก่ เป็นโรคมะเร็งนู้นนี่น่ัน
มันก็คิดแต่ก็ไม่ได้ฟุ้งซ่านนะคะ มันก็คือคิดในกายเรา
น่ีแหละวา่ เออ ถา้ ตบั เป็นน่ี เปน็ มะเร็งเตา้ นม หรือเปน็ นู้น
เปน็ น่ี โอ้ย ทำ� ไมมันทุกขจ์ งั เลย แตถ่ า้ เราเอาอวัยวะต่างๆ
ออกจากร่างกายเรา ความทุกข์มันก็น้อยลงนะเจ้าคะ
เหมือนกับว่าเราไม่มีอวัยวะท่ีท�ำให้เราต้องมานั่งดูแลหรือ
เจบ็ ปว่ ยแล้ว
แล้วคราวน้ีจิตก็บอกว่ามีโครงกระดูกอย่างเดียวก็ดี
เพราะวา่ ไมม่ อี วยั วะภายในมนั กด็ ี สกั พกั หนงึ่ กพ็ จิ ารณาตอ่
ไปวา่ เออ ท�ำไมเราไม่ท�ำลายโครงกระดูกไปซะ เหลือแต่
จติ ใจอยา่ งเดยี ว มนั กจ็ ะเปน็ อสิ ระไปจากรปู รา่ งของเราเนยี่
มนั จะมคี วามสขุ มากกวา่ ไหม จติ มนั ก็ follow ของมนั ไปเอง
เจ้าคะ่ มีอยู่ครงั้ หนงึ่ ท่หี นูมีความสุข พอพิจารณาไปมนั ก็มี
ความสขุ ดเี นอะ การทเ่ี ราไมม่ ี มนั ไมไ่ ดค้ ดิ นะคะ มนั เหน็ วา่
การทเ่ี ราไมม่ อี วยั วะตา่ งๆ หรอื วา่ ไมม่ โี ครงกระดกู เนย่ี มแี ค่
จิตอย่างเดยี วมันสขุ กว่าเยอะเจา้ คะ

134

พระอาจารย์ : ใช่ การทไ่ี มม่ รี า่ งกายกค็ อื การทไ่ี มต่ อ้ งมาเกดิ
พอมีแลว้ จะไปทำ� ให้มันไมม่ ีไม่ได้ ก็ตอ้ งอยู่แบบไมม่ ี คอื
ไม่ตอ้ งไปยดึ ไปตดิ ว่าเปน็ ของเราไป
ถาม : แลว้ มนั ก็เหน็ ว่าการทเี่ ราไม่มกี าย มนั สขุ กวา่ เยอะ
เลย
พระอาจารย์ : ใช่ ถา้ มนั มกี ต็ อ้ งพจิ ารณาวา่ มนั ไมใ่ ชเ่ ปน็ เรา
ไม่เป็นของเรา มันก็จะได้สุขเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่ที่
เราทกุ ข์กเ็ พราะเราไปยดึ ไปถือว่าเป็นเราเป็นของเรา
ถาม : กม็ อี นั หนงึ่ ทหี่ นสู งสยั ในการปฏบิ ตั วิ า่ ถา้ หนนู งั่ สมาธิ
ไปเร่ือยๆ จนหนูปฏิบัติให้จิตเป็นอัปปนา แล้วหนูค่อยมา
พจิ ารณา เกรงวา่ ถา้ มนั ไมม่ ที างเลอื กมนั ก็ต้องไปทางน้ี
พระอาจารย์ : ถา้ หนพู จิ ารณาปญั ญาได้ หนกู พ็ จิ ารณาไป
ไมห่ า้ ม เพียงแตว่ า่ พิจารณาแล้วปลงไดห้ รือเปลา่ ตดั ได้
หรอื เปลา่ ตดั กเิ ลสไดห้ รอื เปลา่ เปา้ หมายของการพจิ ารณา
เพื่อสอนจิตให้หายหลง พิจารณาว่าร่างกายไม่ใช่ตัวเรา
ของเรา แล้วเราปล่อยมันได้หรือเปล่า ปล่อยให้มันแก่

135

ปลอ่ ยใหม้ นั เจบ็ ปลอ่ ยใหม้ นั ตายไดห้ รอื เปลา่ เราตอ้ งปลอ่ ย
ไดเ้ หมอื นกบั เรามองเหน็ รา่ งกายของคนอนื่ รา่ งกายคนอน่ื
เขาจะแก่ จะเจบ็ จะตาย เราไม่เดอื ดร้อนใช่ไหม ร่างกายท่ี
เรามีอยู่นี้ก็ต้องดูไปเป็นแบบน้ัน ดูว่าเป็นเหมือนร่างกาย
ของคนอื่น ไมต่ อ้ งเดือดรอ้ นไปกบั มนั อันนัน้ พจิ ารณาเพ่อื
ใหม้ นั เขา้ ใจแบบน้ี ถา้ ยงั เดอื ดรอ้ นอยกู่ แ็ สดงวา่ พจิ ารณาไป
กไ็ มฟ่ งั ไมเ่ ชอ่ื เราอกี ตอ้ งพจิ ารณาตามแนวทางไตรลกั ษณ์
ตอ้ งพจิ ารณาวา่ ไมเ่ ทย่ี ง ไมใ่ ชต่ วั เราของเรา ถา้ จะปลอ่ ย
วางรา่ งกาย สว่ นอาการ ๓๒ น้ี พจิ ารณาเพอื่ ละกามราคะ
มากกวา่ ใหด้ ูว่ามนั ไมส่ วยงาม มันสกปรก มันก็จะได้ละ
กามราคะได้
ถาม : เมื่อเช้าเดินจงกรมแล้วมาลองพิจารณาเร่ืองของ
ศพดู มนั ดู sad ดูตวั เราเปน็ ศพ ดูแล้วมัน sad
พระอาจารย์ : ก็ดูไปวา่ ตอ่ ไปมนั ก็ตอ้ งเปน็ ศพ เวลามันไม่
หายใจมนั กต็ อ้ งเปน็ ศพ แตด่ ศู พ ใหด้ คู นทเี่ รารกั ดกี วา่ จะได้
ไมไ่ ปรักเขา จะไดไ้ มไ่ ปหงึ ไปหวงเขา

136

ถาม : ดูเราเลยเจ้าคะ ไม่ดูเขาเลย
พระอาจารย์ : มนั ผดิ พจิ ารณาอสภุ ะกเ็ พอื่ พจิ ารณาดคู น
ท่ีเราไปรักไปหลงต่างหาก เพื่อเราจะได้คลายความรัก
ความหลง ความหึงหวงอะไรต่างๆ พอรู้ว่าเป็นซากศพ
กไ็ มเ่ อาแลว้ ใชไ่ หม ถา้ เกดิ แฟนเราไมม่ ลี มหายใจ เรายงั หวง
อยู่หรือเปล่า ยังเก็บไว้อยู่ที่บ้านหรือเปล่า ยกให้สัปเหร่อ
ไปเลยใช่ไหม
ถาม : ต้องพจิ ารณาเราหรอื เจ้าคะ หรือพิจารณาคนอื่น
พระอาจารย์ : พิจารณาคนทีเ่ รารกั เราหงึ เราหวงน่ีแหละ
คนทเ่ี รามกี ามอารมณด์ ว้ ย คนทรี่ ว่ มหลบั นอน ทเี่ ราเหน็ วา่
สวยน่ารักน่าอะไรอย่างน้ี พอเห็นว่าเป็นซากศพมันก็ไม่
น่ารัก จะได้อยู่คนเดียวได้ เป้าหมายคือตัดกามอารมณ์
พอไม่มีกามอารมณ์แล้ว อยู่คนเดียวมันไม่เหงา แต่ถ้ามี
กามอารมณ์ อยู่คนเดยี วมันจะรสู้ ึกเหงา ว้าเหว่
ถาม : น่ีหนเู ขา้ ใจผิด หนูคิดว่าพิจารณาตวั เองเป็นศพแล้ว
ใหม้ คี วามสลดสงั เวชว่า เออ กายมันกแ็ บบว่าไมต่ อ้ งมีมนั
เจา้ คะ

137

พระอาจารย์ : ไอน้ ั่นก็อีกแบบหนง่ึ คอื พจิ ารณาความจริง
ว่าร่างกายมันก็ต้องตาย พิจารณาว่ามันก็จะเป็นซากศพ
ในวนั หน่งึ เราจะไปหวังให้มนั อยไู่ ปยาวนานไมไ่ ด้ อย่างที่
พวกเราชอบไปขอพรพระ ขอใหอ้ ายมุ น่ั ขวญั ยนื ยงั่ ยนื อนั น้ี
มนั เปน็ ความเพอ้ เจอ้ ทงั้ นน้ั แหละ ความจรงิ รา่ งกายมนั ไมม่ ี
ความถาวรพูดง่ายๆ เดี๋ยวมันก็ต้องตายไป น่ีคือแนวทาง
การปฏบิ ตั ิ
รา่ งกายมนั มหี ลายมติ ทิ เ่ี ราตอ้ งเขา้ ใจ มติ ขิ องอสภุ ะ
นหี่ มายถงึ รา่ งกายของคนอน่ื ทเี่ ราไปหลงรกั ดว้ ย มติ ขิ อง
อนจิ จงั อนั นเี้ ปน็ มติ ทิ ร่ี า่ งกายเราตอ้ งเหน็ วา่ มนั จะตอ้ งแก่
เจบ็ ตาย พอตายแลว้ มนั กเ็ ปน็ ซากศพไป เราตอ้ งยอมรบั
สภาพของมนั เวลามนั เปน็ เพราะเราหา้ มมนั ไมไ่ ด้ มนั เปน็
อนัตตา

138

กิเลสตณั หาเป็นตัวเลวรา้ ย

 การไปเจรญิ ปญั ญาโดยไมม่ ศี ลี ไมม่ สี มาธสิ นบั สนนุ
จะไม่เป็นปญั ญา จะเป็นเพยี งความคดิ
 อย่างพวกเราตอนน้ีก็มีความคิดรู้ว่ากิเลสตัณหา
เปน็ ตวั เลวรา้ ย แตพ่ อมนั โผลข่ น้ึ มา ฆา่ มนั ไดห้ รอื เปลา่ มแี ต่
จะรบั ใช้มันมากกวา่

139

The problem is not the body

 The suffering is not caused by death;
instead, it stems from the dependence on your
attachment or detachment to the body. If you are
not attached to your body, no matter whether
you are alive or going to die, you will not undergo
any suffering. However, if you cling to your body,
you will always suffer no matter what. This is
because the desire of your mind to possess the
body cannot be achieved.
 The Buddha found the right way. The
problem is not in the body. It is in the mind that
is deluded.
 The mind takes something that doesn’t
belong to itself and thinks it is itself. So whatever
happens to that thing the mind suffered.

140

 Buddhist practice is to cure the mind that
is sick through delusion.
 The truth is the mind is one thing and the
body is another thing.
 If the mind clings to anything, it becomes
agitated, depressed and stressful because nothing
in the world is permanent.
 If you want something to last forever, you
will always be stressed because nothing lasts.
 You must learn to detach. Don’t cling to
anything. Always remind yourself that everything
is temporary.
 Every experience that you are experiencing
is temporary.
 If you are attached to it, when it disappears
you will be depressed.

141

มานะ

ถาม : ในขนั้ โสดาปตั ตผิ ล ทล่ี ะความยดึ ถอื ในรา่ งกายไดแ้ ลว้
ทำ� ไมในขนั้ อรหตั มรรค ยงั มสี งั โยชนต์ วั ทชี่ อ่ื วา่ “มานะ” อยู่
พระอาจารย์สุชาติ : เป็นคนละตัวกัน มีการยึด ๒ ที่
การยึดที่ร่างกายหรอื เวทนาก็เปน็ “สกั กายทิฏฐ”ิ ถา้ ไป
ยึดในจิตก็เรียกว่า “มานะ” พระอนาคามียังถือตัวอยู่
ใครมาหยามก็ยังโกรธเขาอยู่ ต้องท�ำลายตัวน้ี เอาตัวรู้
มาแทนตัวตน ต้องสอนใจว่าอย่าเอาตัวตนออกไปรับ
เหตกุ ารณต์ า่ งๆ เอาตัวรอู้ อกไปรับแทน รู้เฉยๆ ว่าเขาชม
วา่ เขาดา่ อยา่ งนีจ้ ึงจะละตวั ตนได้

(ถาม-ตอบ วันท่ี ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙)

142

มรรคกค็ ือการเจริญปัญญา

 มรรคกบั ผลเปน็ อยา่ งนี้ มรรคกค็ อื การเจรญิ ปญั ญา
เพื่อที่จะให้เห็นความจริงของธรรมข้ันนั้น เห็นแล้วก็จะ
ดบั กิเลสตัณหา หรือความหลงในธรรมขัน้ นนั้ ได้
 มรรคก็คือการเจริญปัญญานี้เอง เจริญอนิจจัง
ทกุ ขงั ในขน้ั ตา่ งๆ ขนั้ โสดาบนั กเ็ จรญิ รา่ งกาย เจรญิ เวทนา
วา่ ไมเ่ ทย่ี ง เปน็ ทกุ ข์ เปน็ อนตั ตา ขน้ั สกทิ าคามี ขนั้ อนาคามี
กเ็ จริญอสุภะ ความไมส่ วยงามของร่างกาย
 การเจริญอสุภะน้ีก็เรียกว่าเป็นสกิทาคามีมรรค
และอนาคามีมรรค ถ้าสามารถเห็นอสุภะ ดับกามารมณ์
ได้บางสว่ น ทำ� ให้เบาบางลงไป ก็เปน็ สกทิ าคามผี ล ถา้ เหน็
ตลอดเวลาไม่ว่าลืมตาหรือหลับตา ต่อให้เป็นนางงาม-
จกั รวาลหรอื เปน็ ดาราภาพยนตร์ มีรูปร่างหนา้ ตาสวยงาม
ขนาดไหน ก็มองทะลุเข้าไปข้างในได้อย่างชดั เจน มองเห็น
อวัยวะต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ก็จะบรรลุเป็นพระอนาคามี
ไดอ้ นาคามีผล

143

 ขั้นอรหัตมรรค ก็พิจารณาอนัตตา พิจารณา
อวชิ ชาทม่ี อี ยภู่ ายในใจ ถา้ พจิ ารณาเหน็ อนตั ตา เหน็ อวชิ ชา
แล้วก็ปล่อยวางได้ หยุดได้ ก็จะบรรลุเป็นอรหัตผลข้ึนมา
นีม่ รรค ๔ ผล ๔
 พอได้อรหตั ผลแลว้ กจ็ ะเปน็ นิพพานตามมาทันที
นพิ พานนเี้ ปน็ ความสงบ เปน็ ปรมงั สขุ งั เปน็ ความสขุ ทถี่ าวร
ทีไ่ ม่มวี ันเสอ่ื ม
 ใจของพระอรหนั ต์ ใจของพระพทุ ธเจา้ ยงั สวา่ งไสว
ดว้ ยแสงแหง่ ธรรม ถงึ แมจ้ ะไมม่ รี า่ งกายกไ็ มเ่ ปน็ ปญั หาอะไร
เพราะร่างกายกับใจนี้เป็นคนละส่วนกัน ร่างกายตายไป
ใจไม่ได้ตายไปกับร่างกาย ใจที่สว่างด้วยธรรม ใจท่ีเป็น
ธรรมทงั้ แทง่ ทง้ั ดวงกย็ งั เปน็ ธรรมอยจู่ นบดั น้ี และจะเปน็
ตอ่ ไปไมม่ วี ันสิ้นสดุ

144

ธรรมะจากใจองคพ์ ่อแมค่ รบู าอาจารย์

องค์หลวงตามหาบวั ญาณสมั ปนั โน
“ใหเ้ อาอรยิ สัจฆา่ อริยสจั ”
องคห์ ลวงพ่อสชุ าติ อภชิ าโต
อรยิ สัจ ๔ มี ๒ สว่ น คอื

อริยสจั ทส่ี รา้ งความทุกข์ = ตัณหา (ความอยาก)
อริยสจั ท่ีดับความทุกข์ = มรรค ๘

ท่านใหเ้ อามรรค ๘ นีม้ าฆ่าตณั หาความอยากนั่นเอง

145

กิจและเวลาประจ�ำวันท่ีสามารถเข้าพบ
พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต

เวลา ๐๕.๕๐ - ๐๖.๔๕ น. (โดยประมาณ)
• เดินบิณฑบาตบริเวณบ้านอ�ำเภอ
เรม่ิ ทซี่ อยนาจอมเทยี น ๓๐ สนิ้ สดุ ทซ่ี อยนาจอมเทียน ๒๘

(เวลาสามารถเปล่ียนแปลงตามสภาพอากาศ)
เวลา ๐๗.๐๐ - ๐๘.๐๐ น. (โดยประมาณ)
• ฉนั เชา้ ที่ศาลาฉนั วดั ญาณสังวราราม เฉพาะวนั ธรรมดา
• งดลงศาลาทุกวนั เสาร์ วันอาทิตย์ วันพระ และ

วันหยดุ นักขตั ฤกษ์
หมายเหตุ : ขอความกรณุ างดเขา้ พบพระอาจารยน์ อกเหนอื
จากเวลาดังกล่าว และขอความร่วมมือสุภาพสตรีงดสวม
กางเกงขาสน้ั และกระโปรงสนั้

**งดรบั กจิ นิมนตใ์ นทกุ กรณี**

146

รับชมการแสดงธรรมโดย พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต ไดท้ ุกวนั
เวลา ๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. รบั ชมไดท้ าง

Youtube: Phrasuchart Live
Facebook: พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต

สามารถรับฟังผ่านวทิ ยธุ รรมะออนไลน์ที่
Phrasuchart.com

และสามารถถามปัญหาธรรมะได้ทาง
Facebook และ Youtube

147

“ธาตุร้”ู ความจริงแหง่ ธรรมชาติท่พี ระพุทธองค์ทรงค้นพบ

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต
วัดญาณสังวรารามวรมหาวหิ าร จงั หวดั ชลบุรี
ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๗๗-๔๗๗-๒
พิมพค์ รง้ั ที่ ๑ : กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๔
จำ�นวน : ๑,๑๕๐ เลม่
จัดพมิ พโ์ ดย : คณะศิษยานุศิษย์
พิมพ์ที่ : บริษทั ศิลปส์ ยามบรรจุภณั ฑแ์ ละการพิมพ์ จำ�กัด
Tel. ๐-๒๔๔๔-๓๓๕๑-๒ Fax. ๐-๒๔๔๔-๐๐๗๘
E-mail: [email protected]

พิมพเ์ ผยแผเ่ ป็นธรรมทาน
หา้ มจ�ำ หนา่ ย

พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต)
“ธาตรุ ”ู้ ความจริงแหง่ ธรรมชาตทิ พี่ ระพุทธองคท์ รงค้นพบ.-- ชลบรุ ี :
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร, 2564.
148 หน้า.
1. ธรรมเทศนา. I. ชือ่ เรือ่ ง.
294.308
ISBN 978-616-577-477-2


Click to View FlipBook Version