The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระอาจารย์ตั๋น ถิรจิตโต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-02-22 20:11:09

พระอาจารย์ตั๋น ถิรจิตโต

พระอาจารย์ตั๋น ถิรจิตโต

ถึงแม้นว่าในจิตใจเราจะมีความเชื่อม่ันมากแค่ไหนก็ตามว่าจิตเราหลุดจากรูป
วตั ถแุ ลว้ คอื วา่ จติ ไมย่ นิ ดี ยนิ รา้ ย ในวตั ถสุ งิ่ ของแลว้ เมอ่ื ตาเหน็ รปู กไ็ มเ่ กดิ ความยนิ ดี
เหน็ กส็ กั แต่ว่าเห็น รู้สกึ เฉยๆ ถา้ จติ ของบคุ คลใดเขา้ ถงึ สภาพเชน่ ว่าน้ีแล้ว กเ็ ข้าใจ
ค�ำวา่ “เห็นสักแต่วา่ เห็นเอง”

ถงึ พดู ไปเทา่ ไหร่ ผทู้ ไี่ มไ่ ดส้ มั ผสั กค็ งจะไมร่ ไู้ ด้ ถงึ รู้ กเ็ ปน็ การรตู้ ามความเขา้ ใจ
รตู้ ามความจ�ำ แตจ่ ิตใจที่แท้จรงิ ไม่เห็นตามความเป็นจริง คอื เห็นชดั ซงึ่ วิมตุ ตนิ น้ั เอง

ผทู้ ร่ี ตู้ ามความจำ� เมอ่ื รแู้ ลว้ กเิ ลสกไ็ มห่ มดไดเ้ ลย ถา้ ตากระทบรปู กจ็ ะเกดิ กเิ ลส
ขน้ึ มาอกี คอื ความยนิ ดี ความอยากได้ แตส่ ภาวะจติ ทเ่ี ขา้ ถงึ สภาวธรรมตามความเปน็
จรงิ แลว้ จะไม่ยนิ ดี ยินรา้ ย เห็นกเ็ ป็นเพียงสักแต่วา่ เห็นเทา่ น้นั

เม่ือกิเลสลดลงมากเท่าไหร่ ความสุขก็จะเกิดข้ึนแก่บุคคลนั้นมากขึ้นเท่านั้น
สขุ ในทน่ี ี้ ไมใ่ ชค่ วามสขุ ตามความเขา้ ใจของคนทงั้ หลาย สขุ แบบนไี้ มม่ ที กุ ขแ์ ฝงหรอื
ซ่อนเรน้ อยู่ ความสุขแบบน้ีคอื สขุ แบบไหนกนั ล่ะ...

สขุ แบบน้ี กค็ อื สขุ อนั เกดิ จากความสงบไงละ่ ทา่ นทง้ั หลาย พระพทุ ธองคท์ า่ นตรสั
ไว้แล้วว่า “สุขอน่ื ยิ่งกว่าความสงบไมม่ ี”

สขุ ทเ่ี กดิ จากความสงบเปน็ อยา่ งไรหรอื ? สขุ นไ้ี มใ่ ชค่ วามสขุ ทเ่ี กดิ จากจติ ใจสงบ
เปน็ สมาธนิ ะ ไม่ใช่เกดิ ปตี ิและสุขใจ

สขุ นเ้ี ป็นความสขุ ท่ีเกดิ จากกิเลสสงบ และมผี ลทำ� ให้จิตย่งิ สงบข้ึน สงบโดยที่
ปราศจากกเิ ลส คอื กเิ ลสลดลงไปบา้ งเล็กๆ น้อยๆ

ความสงบของจติ แบบนที้ ว่ี า่ ไมม่ ที กุ ขแ์ ฝง กเ็ พราะวา่ เปน็ ความสขุ แบบไมม่ คี วาม
ยนิ ดียนิ รา้ ยเหลืออยู่ เพราะฉะนัน้ พระพุทธเจา้ จงึ ตรัสว่า “สขุ อน่ื ยง่ิ กว่าความสงบ
ไมม่ ี”

44

ปกติคนเราทำ� สมาธิ เมอื่ จิตสงบก็มีความสุขใจ กายเบา แต่เมื่อออกจากสมาธิ
มาแลว้ เมอื่ ไปกระทบกบั อารมณ์ก็จะเกิดความยินดียินรา้ ยขนึ้ มาอกี แบบน้เี รยี กวา่
“จติ สงบครบั ” แตก่ ิเลสไมส่ งบ

สว่ น “กเิ ลสสงบ” นั้น อย่ใู นจติ ดวงเดียวกนั แตว่ ่าจติ ใจมีความเห็นตามความ
เปน็ จรงิ ของสภาวธรรม จงึ ทำ� ใหก้ เิ ลสสงบ ไมย่ นิ ดยี นิ รา้ ยเมอื่ มสี งิ่ อน่ื มากระทบ (พดู ถงึ
เฉพาะเร่ืองวตั ถสุ งิ่ ของเท่านัน้ )

ถงึ แมน้ วา่ จติ ทแ่ี ทจ้ รงิ เชอื่ มน่ั มากแคไ่ หนกต็ ามวา่ “จติ เราหลดุ จากรปู วตั ถแุ ลว้ ”
แตใ่ นจิตใจของเรากม็ ไิ ด้ประมาทในสง่ิ ทล่ี ะได้แลว้ มีสตดิ ตู ่อไปเร่ือยๆ

นบั ตงั้ แตจ่ ติ ใจเราเขา้ ไปเหน็ สภาวธรรมทเ่ี สอ่ื มนนั้ จติ เหมอื นกบั วา่ “จติ พลกิ กลบั ”
และมสี ่งิ เปล่ยี นแปลงในจติ ใจอยู่ ๒ อย่าง คอื

๑. ความรกั ความรกั ตอ่ ทกุ ๆ คนขาดหายหมดสน้ิ ไป ไมร่ กั ใครทง้ั นน้ั จติ เหน็ วา่
ไมม่ ผี ชู้ าย ผหู้ ญงิ ทกุ คนมสี ภาพเหมอื นกนั หมด ตอ้ งเนา่ ตอ้ งกลายเปน็ ธาตใุ นทสี่ ดุ
เห็นความจริงในจิตใจเช่นนี้ จิตเลยไม่รู้ว่าจะไปรักสิ่งปรุงแต่งสมมุติขึ้นมาเป็นคน
ผูช้ าย ผหู้ ญิง ทำ� ไม

ความรกั ตอ่ ทกุ คนขาดสะบนั้ ลงในขณะนนั้ แตก่ ลบั มคี วามรสู้ กึ ใหมข่ น้ึ มาแทน
ความรสู้ กึ นคี้ อื ความเมตตาสงสาร คณุ พอ่ ญาติ พน่ี อ้ ง เราอยากจะใหเ้ ขารู้ อยากให้
เขาเห็นอย่างที่เรารู้เราเห็น....จะได้ทำ� ให้ทุกๆ คนเห็นตามความเป็นจริง แล้วจะได้
ทำ� ใหค้ วามทกุ ขโ์ ศกตา่ งๆ คลายลงไปหรอื บรรเทาเบาบางลง เมอื่ เกดิ มกี ารพลดั พราก
จากกนั ไปจะไดไ้ มเ่ ศรา้ โศกเสยี ใจไป เพราะวา่ เปน็ เรอื่ งธรรมดาเปน็ ของธรรมชาตทิ วี่ า่
“ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งเกดิ ขนึ้ แลว้ ยอ่ มดบั ไป” “สงั ขารทงั้ หลายมคี วามเสอ่ื มสลายไปในทสี่ ดุ ”
คำ� ๒ ประโยคน้ี ฟังดู อ่านดู น่าจะเขา้ ใจได้ง่ายๆ เพราะว่ากบ็ อกอยชู่ ัดเจนแลว้
แตว่ า่ หาเปน็ เช่นนั้นไม่เลย ผู้ทจี่ ะมารถู้ งึ ชัดแจ้งน้ันหาได้ยากท่สี ดุ

45

ปรากฏวา่ ความรกั หายไป กลบั กลายมาเปน็ ความเมตตาสงสารคนทง้ั หลายทงั้ ปวง
อยากให้ร้อู ยากให้เห็นตามพระพทุ ธองค์

๒. ความอยาก ความอยาก หรือความต้องการของจติ นบั ตงั้ แต่จติ เห็นสภาพ
ความเสอ่ื มของสง่ิ ทง้ั หลาย จติ กเ็ ลยพลอยไมย่ นิ ดยี นิ รา้ ยตอ่ วตั ถสุ ง่ิ ของ เพราะเหน็ ชดั วา่
ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งเกดิ ขน้ึ แลว้ ยอ่ มเสอื่ มสลายในทสี่ ดุ จติ เหน็ วา่ ทกุ อยา่ งเปน็ แตเ่ พยี งธาตุ ๔
เท่านัน้ เมอ่ื จติ ทรงอุเบกขา วางเฉย ไมย่ ินดียนิ ร้ายแลว้ กเ็ ขา้ ใจชดั วา่ ทรัพย์สมบตั ิ
แกว้ แหวน เงิน ทอง เพชร พลอย อืน่ ๆ ล้วนแต่เปน็ เพยี งธาตเุ ท่าน้นั เพชร ทอง
ก็ไม่มีความส�ำคัญต่างจากก้อนหินธรรมดาน้ีเอง เพียงแต่ว่าคนเราเข้าไปสมมุติให้
เปน็ เพชรเปน็ ทองคำ� เทา่ นน้ั เอง แตค่ า่ ทแี่ ทจ้ รงิ ไมม่ เี ลย มสี ภาพเทา่ กนั หมด จติ เหน็ วา่
ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง ทรพั ยส์ มบตั ิ ลว้ นแตเ่ ปน็ ของไมม่ คี า่ ไมเ่ ปน็ แกน่ สาร หาสาระอะไรมไิ ดเ้ ลย
มสี ภาพเทา่ กนั หมด ทำ� ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ความอยากในจติ ใจลดนอ้ ยลงไป คงเหลอื แต่
เพียงใช้ส่ิงของก็เพื่อแสวงหาทางไม่เกิดอีกเท่านั้นเอง ความอยากได้ของสวยงามมา
เป็นสมบัตใิ นจิตใจไม่มแี ล้ว

ตง้ั แตฝ่ ากจดหมายโยมพอ่ ไปกราบเรยี นถวายหลวงพอ่ ชา ประมาณ ๒ สปั ดาห์
โยมพ่อกลับมาเยี่ยมเราทว่ี ัดบึงเขาหลวง มากับป้า อา และหลานๆ เราไมไ่ ด้เจอญาติ
มานานแลว้ จงึ สนทนากบั ญาตทิ มี่ าเยย่ี ม โยมพอ่ ไดเ้ ลา่ ใหฟ้ งั วา่ ไดน้ ำ� จดหมายของเรา
ไปถวายหลวงพอ่ ชา หลวงพอ่ ชาใหโ้ ยมพอ่ อา่ นจดหมายของเราใหท้ า่ นฟงั โดยโยมพอ่
ไดบ้ นั ทกึ เทปไวเ้ พ่อื จะนำ� คำ� ตอบของหลวงพอ่ มาเปดิ ให้เราฟงั ในภายหลัง โยมพอ่ จงึ
เปิดเทปที่อดั ค�ำพูดของหลวงพ่อชาไวใ้ หเ้ ราฟงั เมื่อหลวงพอ่ ชาไดฟ้ งั จดหมายที่โยม
พ่ออา่ นใหฟ้ งั จบแล้ว ท่านตอบวา่ “นีเ่ ป็นนสิ ัยปจั จัยเก่าของเขาทเี่ ขาได้บำ� เพญ็ บารมี
มาตง้ั แตอ่ ดตี ชาติ ชาตนิ จ้ี ะเปน็ ชาตสิ ดุ ทา้ ยของเขาแลว้ ” แลว้ ทา่ นกพ็ ดู ธรรมะอยา่ งอน่ื
ตอ่ ไปอกี หนอ่ ย หลงั จากฟงั หลวงพอ่ ชาตอบปญั หาจบแลว้ เรากไ็ มล่ มื ตวั ลมื ใจของเรา
เราได้พูดให้โยมทุกคนในที่นั้นฟังว่า ส่ิงท่ีหลวงพ่อชาพูดมาน้ี อาจจะเป็นจริงหรือ
ไมจ่ รงิ กไ็ ด้ ถา้ เราไมป่ ฏบิ ตั ภิ าวนา กอ็ าจจะไมเ่ ปน็ อยา่ งทที่ า่ นพดู แตถ่ า้ เราปฏบิ ตั ภิ าวนา
ไม่ท้อถอย ก็อาจจะเป็นอย่างที่ท่านพูดก็เป็นได้ ทุกส่ิงทุกอย่างอยู่ท่ีตัวของเรา....

46

กอ่ นกลบั โยมพอ่ บอกวา่ “เอาเทปไวไ้ หม” เราตอบทา่ นวา่ “ไม”่ ชว่ งนนั้ เราคอ่ นขา้ งจะ
มงุ่ มน่ั การภาวนา ไมส่ นใจอยากเกบ็ สง่ิ ของใดๆ ไวม้ ากเกนิ ความจำ� เปน็ เราจงึ ใหโ้ ยมพอ่
น�ำกลับไป อีกอย่างหนึ่ง เราได้รับค�ำตอบจากการภาวนาของเราก่อนค�ำตอบของ
หลวงพ่อชาจะมาถึง เราไดค้ ำ� ตอบและเข้าใจปญั หาที่ผา่ นมาทง้ั หมดแลว้

ตอ่ จากนน้ั มาประมาณเดือนครงึ่ เราก็เริ่มสงั เกตเหน็ วา่ อารมณ์กามราคะที่เรามี
ความรสู้ กึ วา่ ขาดหายไป กเ็ รม่ิ โผลเ่ ปดิ เผยตวั ออกมาอกี ครง้ั หนง่ึ ในระหวา่ งเดอื นครง่ึ น้ี
เราไม่ได้พิจารณาอสุภะต่อเลย มีแต่ท�ำความเพียรไปตามปกติ แต่ไม่ได้พิจารณา
อสภุ ะตอ่ ซง่ึ เปน็ การกระทำ� ทผ่ี ดิ อยมู่ าก เพราะวา่ ขณะนน้ั ไมม่ ใี ครแนะนำ� และเรากไ็ มไ่ ด้
เลา่ ใหใ้ ครฟงั ดว้ ยในขณะนน้ั เราพยายามทำ� ความเพยี รและตามดจู ติ ตามเดมิ เทา่ นนั้
การที่ต้ังสติดูจิตอยู่เสมอน้ัน ท�ำให้เรารู้ว่าอารมณ์น้ันยังไม่ขาดเหมือนอย่างที่เรา
คาดการณไ์ วไ้ มผ่ ดิ เลย เราไมม่ คี วามแปลกใจหรอื เสยี ใจเลยในการทม่ี อี ารมณข์ นึ้ มาอกี
เพราะเราไมไ่ ดถ้ อื เปน็ จรงิ เปน็ จงั นกั และมคี วามไมป่ ระมาทอยเู่ สมอ จติ ใจเรากค็ งเปน็
ปกติ

เมื่ออารมณ์ความยนิ ดียินรา้ ยโผลข่ ึ้นมาอีก แตเ่ บาบางไมร่ ุนแรง เป็นแตเ่ พียง
ความพอใจในรปู เทา่ นั้น แต่ไมเ่ กดิ ความก�ำหนัด เราจึงรไู้ ด้ว่าอารมณย์ งั ไม่ขาด

เราจงึ พจิ ารณาวา่ ท�ำไมหนอ...ทำ� ไม?...อารมณ์ถึงไมข่ าด แตค่ วามยินดยี นิ รา้ ย
ในรปู วถั ตจุ งึ ขาดไปได้ ไมต่ อ้ งพจิ ารณาอกี เมอื่ เราไดพ้ จิ ารณาดจู งึ พบสาเหตวุ า่ การที่
อารมณ์กามราคะไม่ขาดทเี ดยี ว เพราะวา่ ...

การทเี่ ราพจิ ารณาเหน็ ความเสอ่ื มสนิ้ ไปของสงิ่ มชี วี ติ ทงั้ หลายคอื คนและสตั วน์ น้ั
เรามองเห็นธรรมแต่เพียงภายนอกเท่าน้ัน คือเห็นอสุภะในกายคนอื่นและสัตว์อื่น
เราไมไ่ ดเ้ หน็ ธรรมภายในชดั เจนเลย ธรรมภายในคอื การมองเหน็ อสภุ ะในกายของเรา
น้ีเอง อารมณจ์ ึงยังไม่ขาด

เราพบวา่ สาเหตทุ อี่ ารมณข์ าดหายไปนนั้ ไมใ่ ชเ่ กดิ จากอะไรอนื่ ไกลหรอื มากมายนกั
แตเ่ ปน็ เพราะวา่ เราพจิ ารณากำ� หนดดอู สภุ ะภายนอก คอื รา่ งกายคนอนื่ มาก บอ่ ยๆ มาก

47

จนกระท่ังจิตใจเกิดความเบื่อหน่ายสลดสังเวชมากที่สุด จนท�ำให้คล่ืนไส้ จึงหยุด
กำ� หนด

อารมณเ์ บอ่ื หนา่ ย หรอื อารมณย์ นิ รา้ ย คอื ความชงั น้ี ยงั เปน็ อารมณท์ ผ่ี ดิ อยู่ มใิ ช่
อารมณท์ ถี่ กู ตอ้ ง อารมณเ์ บอ่ื หนา่ ยเมอ่ื เกดิ ขน้ึ มากๆ ทำ� ใหอ้ ารมณย์ นิ ดขี าดหายไปได้
ชว่ั ระยะหนง่ึ นานจนกวา่ ความเบอื่ หนา่ ยจะคลายออกไป ความยนิ ดจี งึ จะปรากฏเขา้ มา
อีกคร้งั หนงึ่ ในจิตใจ

การท่ีเรากำ� หนดสตดิ ูจติ อยเู่ สมอ จึงท�ำใหเ้ ราพบสาเหตวุ ่าอารมณห์ ายไปเพราะ
อารมณเ์ บอื่ หนา่ ยเขา้ มาบงั ไวเ้ ทา่ นนั้ ซงึ่ ยงั ไมถ่ งึ ทสี่ ดุ สว่ นรปู วตั ถนุ น้ั จติ ใจเรายงั คงมี
ความร้สู ึกว่าสักแตว่ า่ เหน็ อยู่ตามเดมิ

เราพิจารณาดูในจิต....เราคิดว่ารูปวัตถุน้ันเป็นส่ิงไม่มีชีวิต เม่ือจิตเข้าไปเห็น
ความเสอื่ มสลายตามความเปน็ จรงิ แลว้ จติ กเ็ ลยถอนความยดึ มน่ั ถอนอปุ าทานออก
เสยี สน้ิ เพราะเหตวุ า่ วตั ถไุ มใ่ ชส่ งิ่ มชี วี ติ จงึ ถอนอปุ าทานไดง้ า่ ย ไมเ่ หมอื นกบั รา่ งกาย
ของคนเรา เรายดึ ถอื มคี วามยดึ มน่ั ในสงั ขารรา่ งกายไวไ้ มร่ วู้ า่ กภี่ พกช่ี าตแิ ลว้ การทเี่ รา
เหน็ ความเสอื่ มแตเ่ พยี งภายนอกเทา่ นนั้ จงึ ทำ� ใหอ้ ารมณไ์ มข่ าดไปไดเ้ ลย เพยี งแตว่ า่
เบาบางลงเท่าน้นั เอง เพราะยังไม่เห็นรา่ งกายเราชัดเจนพอ พอเราเร่มิ ร้วู า่ อารมณ์นั้น
ยงั ไมห่ มด เรากเ็ ลยคดิ วา่ ตง้ั แตบ่ ดั นไี้ ป เราตอ้ งหนั มาพจิ ารณาใหเ้ หน็ กายภายในเปน็
อสภุ ะด้วย

แตก่ อ่ นตอนบวชใหมๆ่ เราเคยพจิ ารณาเมอื่ เวลาเหน็ คนแก่ คนเจบ็ เวลาบณิ ฑบาต
ในตอนเช้า แต่เราก็พิจารณาความไม่เท่ียงแต่เพียงภายนอกเท่าน้นั เอง มาระยะหลัง
เราเร่ิมหัดพิจารณาให้เห็นธรรมภายนอกแล้วย้อนกลับมาดูให้เห็นธรรมภายในด้วย
คือเม่ือเห็นคนแก่หรือพิจารณาอสุภะในกายคนอื่นแล้ว เราก็ก�ำหนดย้อนกลับมาดู
ใหเ้ หน็ วา่ ตัวเราต้องแก่ ต้องตายบ้าง เหน็ อสภุ ะบ้าง

ระยะแรกๆ นนั้ รสู้ กึ วา่ ทำ� ไดย้ ากมาก เพราะการทจี่ ะเขา้ มาเหน็ รา่ งกายของเรานน้ั
ยากทสี่ ดุ และในระหวา่ งนั้นเราก็ไมค่ ่อยได้พจิ ารณากายเท่าไรนกั ท�ำบา้ งเลก็ นอ้ ย

48

ตอ่ มาเราไดม้ โี อกาสอา่ นหนงั สอื “คริ มิ านนทสตู ร” ทำ� ใหเ้ ราเชอื่ มน่ั ในการปฏบิ ตั ิ
ของเรามากยง่ิ ขนึ้ วา่ ทำ� ถกู ทางแลว้ ไมผ่ ดิ แน่ สาระสำ� คญั ในหนงั สอื กลา่ ววา่ “ผทู้ เ่ี จรญิ
อสุภกรรมฐานจะใหถ้ งึ ที่สดุ แลว้ นั้น ตอ้ งเหน็ อสภุ ะในกายตน” “ถ้าผใู้ ดเจรญิ อสภุ -
กรรมฐาน เห็นอสภุ ะในกายตนแลว้ ผูน้ ัน้ ก็จะถงึ ซงึ่ นพิ พาน” ในหนังสือไดก้ ล่าวไว้
ดงั นี้

(ต่อมาในภายหลังเราพจิ ารณาว่า คำ� ทส่ี ืบตอ่ กันมา เราว่ายังไมถ่ ูกตอ้ งท้งั หมด
เรานกึ ถงึ คำ� ตรสั ของพระพทุ ธองคใ์ นกาลามสตู ร พระพทุ ธองคท์ รงตรสั ไวว้ า่ ไมใ่ หเ้ ชอ่ื
ตามต�ำราท่ีสืบต่อกันมา ควรพิจารณาหาเหตุผลให้รู้ด้วยปัญญา เรามาพิจารณาว่า
การพิจารณาอสุภกรรมฐาน ถ้าผู้ใดเจริญอสุภกรรมฐาน เห็นอสุภะในกายตนแล้ว
จนอินทรียบ์ ารมแี กก่ ล้าเตม็ รอบของอรยิ มรรคแลว้ ผลก็จะปรากฏคอื การปลอ่ ยวาง
ความยดึ มนั่ ถอื มนั่ ในรา่ งกายตน รา่ งกายบคุ คลอนื่ และวตั ถธุ าตทุ งั้ หลายโดยสนิ้ เชงิ
หมดความสงสัยในเรอ่ื งของร่างกาย เหลือแตค่ วามหลงส่วนละเอยี ดของจติ )

การพิจารณาอสุภะ จะพิจารณาส่วนใดส่วนหน่ึงให้เห็นชัดก็ได้ ก็ถึงท่ีสุด
เหมอื นกนั หรอื จะพจิ ารณาใหเ้ หน็ กายแตล่ ะสว่ น ใหเ้ หน็ อนจิ จงั ตลอดถงึ อนตั ตากไ็ ด้
จะพิจารณาทีละส่วนก็ได้ ให้เห็นความเปน็ อนัตตา เราคิดวา่ ...สง่ิ ใดกต็ ามที่รทู้ ีเ่ หน็
เราตอ้ งนำ� มาใช้เป็นเครอ่ื งมือในการพจิ ารณาใหย้ ่ิงข้ึนไป

ในระหว่าง ๖ เดือน ที่เราอยู่วัดบึงเขาหลวงนั้น เราท�ำความเพียรได้ดีมาก
(กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๒๑) เราพยายามใช้สติตามดจู ติ ถ้าจิตใจมีความทุกข์ใจ
เราถอื วา่ วางจติ ผดิ เราจะแกไ้ ขทจ่ี ติ ทนั ที หาอบุ ายแกจ้ ติ ใหท้ นั เหตกุ ารณเ์ พอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ
ความทุกข์ทางจิตได้ เราพยายามวางจิตให้อย่ใู นปัจจบุ นั ใหม้ ากทสี่ ดุ เพราะเราคดิ ว่า
อารมณป์ จั จบุ นั นดี้ ี ไมค่ อ่ ยมคี วามทกุ ข์ ถา้ จติ คดิ ไปในอดตี หรอื อนาคต เรากจ็ ะพจิ ารณา
ให้จิตมาอยู่ในปัจจุบันเสมอๆ อุบายต่างๆ เพื่อแก้ไขจิตได้เกิดข้ึนมากมายในการ
แกไ้ ขจติ เราคดิ วา่ ถา้ จติ ใจเรมิ่ มคี วามทกุ ข์ เราวา่ ... ผดิ เราเลยคดิ พจิ ารณาแกไ้ ขจติ
ให้อยู่ในสภาพปกติ คอื ปัจจุบนั ธรรม ท�ำจติ ให้เป็นสมาธิ ไม่มีกงั วลใดๆ

49

ใน ๖ เดอื นน้ี เรานง่ั สมาธิ เราไมค่ อ่ ยไดส้ นใจกบั นมิ ติ หรอื ปตี ทิ เี่ กดิ ขนึ้ ระหวา่ ง
น่งั สมาธิ พอนัง่ สมาธิเสรจ็ เราตดั ท้งิ เป็นอดตี หมด ไมย่ ึดถอื มาเปน็ ตวั ตน และเราก็
พยายามก�ำหนดใหม้ สี ตริ ู้ตัวอยูเ่ สมอ นอกจากเผลอสติ

ประมาณวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๒ เราไดเ้ ดนิ ทางกลับวัดหนองปา่ พง
ระยะนน้ั มหี มคู่ ณะพระ ๓ รปู ไดไ้ ปวเิ วกและแวะมาเยยี่ มเราทวี่ ดั บงึ เขาหลวง แตไ่ มพ่ บ
เพราะเราเดนิ ทางกลบั วดั หนองปา่ พงแลว้ ประมาณตน้ เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒
ทา่ นจงึ กลบั วดั หนองป่าพง เราจึงพบกับทา่ นท้งั ๓ รูปทน่ี นั่ ระยะต้นเดือนนี้ที่วดั
หนองป่าพงก�ำลังจัดเตรียมสถานที่ส�ำหรับเททองหล่อพระประธาน ในวันที่ ๑๓
กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่งึ เป็นวนั มาฆบชู า ระยะน้นั มกี จิ นิมนต์พระไปฉันในบา้ น
บ่อยคร้ัง เมอ่ื มีกจิ นิมนตไ์ ปฉันในบา้ น เราได้พยายามทำ� สมาธพิ ิจารณาให้เห็นความ
เสอ่ื มของสง่ิ ทง้ั หลายอยเู่ สมอ เมอ่ื เราหลบั ตาทำ� สมาธิ เราจะกำ� หนดใหพ้ ระทไี่ ปดว้ ยกนั
หรือญาตโิ ยมท่บี า้ นนัน้ ให้เป็นอสุภะหรอื ซากศพแบบไหนก็ได้ หรอื จะกำ� หนดใหเ้ ป็น
โครงกระดกู กไ็ ด้ ในระยะนน้ั เราสามารถกำ� หนดไดด้ มี าก แตพ่ อเราหดั นอ้ มกลบั เขา้ มา
ดตู วั เราเองบา้ ง กไ็ มเ่ หน็ ชดั เหมอื นเหน็ คนอน่ื ไมช่ ดั เจนนกั อาจจะเปน็ เพราะวา่ เราเพง่ิ
จะเริ่มหัดพิจารณาใหเ้ หน็ อสุภะในกายเรากไ็ ด้

แตเ่ รากไ็ มท่ อ้ ถอย เราพยายามกำ� หนดดทู ง้ั ภายนอกและมาดภู ายในตวั เราเองดว้ ย
ทกุ ๆ ครัง้ ทีไ่ ปฉนั ในบา้ น แมแ้ ต่จะไปบณิ ฑบาตแถวๆ วัด ถา้ เราเหน็ ผหู้ ญงิ ที่ไหน
ถา้ จติ เฉยๆ เรากไ็ มพ่ จิ ารณา แตถ่ า้ จติ จะเคลอ่ื นออกจากความเปน็ กลางเมอ่ื ไร เรากจ็ ะ
จัดการกับอารมณ์ที่หวั่นไหวทันที คือพอจิตจะเร่ิมเคล่ือนออกจากความเป็นกลาง
เรากก็ ำ� หนดอสภุ ะเขา้ ไปแทนทใี่ นทนั ทที กุ ๆ ครง้ั ไป จติ ใจกจ็ ะเกดิ สลดสงั เวชลงทนั ที
หมดความยนิ ดใี นรปู นน้ั ความยนิ ดขี องเราในทนี่ หี้ มายถงึ เชน่ เรามองเหน็ รปู ผหู้ ญงิ
ถา้ จติ บอกวา่ คนนห้ี นา้ ตาดี คอื รวู้ า่ สวยเทา่ นนั้ แหละ เรากจ็ ะจดั การกบั อารมณข์ องจติ
ทนั ที ในระยะน้ันเราท�ำอย่เู ชน่ นเี้ สมอๆ จนช�ำนาญ

เราคดิ วา่ ความยนิ ดยี งั ผดิ อยู่ เพราะไมเ่ ปน็ กลาง ฉะนน้ั เมอ่ื มคี วามยนิ ดเี กดิ ขน้ึ
เราจะพจิ ารณาใหไ้ ปอยตู่ รงกนั ขา้ มเสมอ ทำ� ใหจ้ ติ สลดเพอ่ื จะไดใ้ หจ้ ติ เกดิ การปรบั ตวั ได้

50

จิตใจจะไดเ้ ป็นกลางๆ คือจิตทรงอเุ บกขาไดใ้ นทสี่ ุด เราเชื่อเช่นน้ี (เป็นความคดิ ใน
ตอนน้ัน)

เราขอค่ันจังหวะนิดหน่อย เราเกือบลืมไปว่าตอนที่เราอยู่วัดบึงเขาหลวงนั้น
ตอนงานกฐนิ มพี ระตามสาขาตา่ งๆ ไปงานหลายสบิ รปู ดว้ ยกนั มกี ารเทศนต์ ลอดคนื
ในคืนนั้นเราได้ฟงั เทศน์ไป ๒-๓ รูป เราเปน็ คนอย่างไรกไ็ ม่ทราบ ....ตามความรู้สึก
เกดิ เขา้ ใจวา่ ...พระเหลา่ นเ้ี ทศนต์ ามตำ� รา ไมไ่ ดเ้ ทศนอ์ อกจากจติ ใจทแ่ี ทจ้ รงิ เทศนใ์ นสง่ิ
ท่ีตวั เองยังทำ� ไมไ่ ด้ ยังไม่ถึง แตท่ ำ� ไมทา่ นจงึ กลา้ เทศนก์ ล้าสอนคนอื่นในขณะทท่ี ่าน
ยงั ทำ� ไมไ่ ด้ ทา่ นเชอื่ หรอื วา่ จะไมส่ อนเขาผดิ ๆ ถา้ สอนผดิ แลว้ เขานำ� ไปบอกคนอน่ื ตอ่ ไป
จะทำ� ใหเ้ ข้าใจผิดกันไปหมด

เราเลยคดิ วา่ คนทยี่ งั วา่ ยนำ�้ ไมข่ า้ มฝง่ั ทำ� ไมถงึ ไปสอนใหค้ นอน่ื เขาวา่ ยขา้ มไดเ้ ลา่
เดย๋ี วกจ็ มนำ้� ตายกนั หมดหรอก ตวั เองควรทจ่ี ะหดั วา่ ยนำ�้ ขา้ มใหไ้ ดก้ อ่ นซิ แลว้ คอ่ ยไป
สอนคนอนื่

พอฟงั เทศนไ์ ดไ้ มก่ ท่ี า่ น กก็ ลบั ไปพกั ตง้ั แตน่ น้ั มาเลยไมค่ อ่ ยชอบฟงั เทศนค์ นอนื่
มากมายนัก ถ้าเรามองดูแล้วไม่ค่อยเข้าท่า เราก็ไม่ฟังเอาด้ือๆ เลย....นิสัยน้ีไม่ดี
เลยนะ

คนื นนั้ เรากลบั กฎุ คี ดิ พจิ ารณาถงึ เรอ่ื งการเทศนส์ ง่ั สอนบคุ คลอน่ื ทำ� ใหเ้ กดิ คำ� มน่ั
สัญญาที่ใหไ้ ว้แก่จติ ใจเราว่า

๑. ถ้าเรายังไม่จบกิจ (พน้ ทกุ ข)์ เราจะไมเ่ ปน็ เจา้ อาวาส หรอื สัง่ สอนใครกต็ าม
นอกจากญาติ พน่ี อ้ ง คนใกลช้ ดิ เทา่ นนั้ ....เพราะไมอ่ ยากสอนคนอน่ื ผดิ ๆ หรอื สอนใน
ส่งิ ที่ท�ำไม่ได้

๒. ถา้ เรายงั ไมพ่ น้ ทกุ ข์ เราจะไปอยใู่ นปา่ หรอื ไมก่ ข็ อเขาอยตู่ ามวดั อยา่ งเงยี บๆ
และจะตายอยา่ งเงียบๆ

จะไมม่ กี ารตงั้ วดั อยา่ งเดด็ ขาด ถา้ เราไมพ่ น้ ทกุ ข.์ .. (ความคดิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในขณะนน้ั )

51

ตอ่ มาประมาณตน้ เดอื นมนี าคม เราไดม้ โี อกาสอา่ นหนงั สอื มหาสตปิ ฏั ฐาน ๔ ของ
หลวงปเู่ ทสก์ เทสรงั สี เปน็ หนงั สอื เลม่ เลก็ ๆ พออ่านหนังสือเลม่ นแี้ ล้ว เรายง่ิ มคี วาม
เชอ่ื มนั่ มากเลยวา่ การปฏบิ ตั ขิ องเราถกู จรติ กบั แบบน้ี อา่ นแลว้ เราเขา้ ใจไดด้ ี เพราะวา่
กอ่ นหนา้ นไี้ มน่ าน เรามคี วามคดิ จะปฏบิ ตั แิ บบวธิ นี อ้ี ยใู่ นใจ ซงึ่ เราไมเ่ คยศกึ ษามาจาก
ทไ่ี หน พอไดอ้ า่ นจากหนงั สอื เลม่ นจี้ งึ นกึ ดใี จ เพราะเรากำ� ลงั ตงั้ ใจจะทำ� แบบนอ้ี ยพู่ อดี

เราลองท�ำความสงบแบบใหม่ (ใหม่ส�ำหรับเรา) คือ การพิจารณากายเข้าสู่
ความสงบ

ปกตใิ ชค้ ำ� ภาวนาวา่ พทุ -โธ ดลู มหายใจเขา้ -ออก ตอ่ มาลองพจิ ารณากายดู จติ ใจ
เขา้ สคู่ วามสงบไดโ้ ดยงา่ ย พจิ ารณาไปจติ เกดิ สลด มปี ตี ิ รวมลงเปน็ สมาธไิ ดโ้ ดยงา่ ย
แตพ่ อเราลองกลบั มาภาวนาพทุ โธดบู า้ ง จติ กร็ วมเปน็ สมาธเิ ชน่ กนั เมอื่ จติ สงบ ความ
รสู้ กึ วา่ คลา้ ยคลึงกันมาก

เราลองทำ� สมาธสิ ลบั กนั ไปสลบั กนั มา พทุ โธบา้ ง พจิ ารณากายดบู า้ ง จติ กส็ งบดี
แตเ่ กดิ มคี วามลงั เลสงสยั ขนึ้ มาวา่ อยา่ งไหนจะดกี วา่ กนั แน่ แตเ่ รากท็ ำ� ทง้ั ๒ ลกั ษณะ
ในตอนนนั้

จนกระทง่ั ตอ่ มาประมาณวนั ท่ี ๒๗ มนี าคม ๒๕๒๒ วนั นนั้ เปน็ วนั แรม ๑๕ คำ�่
เปน็ วนั พระ เราสรงนำ้� เสรจ็ ๕ โมงเยน็ นงั่ สมาธิ ลองภาวนาพทุ โธ พอจติ สงบ ลองถอน
ขน้ึ มาพจิ ารณาอสภุ ะในกายเรา จติ กส็ งบรวมลงไปอกี เราลองทำ� สลบั กนั ไป เกดิ ความ
ลงั เลสงสยั ขน้ึ ในขณะนนั้ เราตอ้ งการเลอื กทำ� อยา่ งเดยี ว พอนงั่ สมาธไิ ปถงึ ๖ โมงเยน็
จะลงไปเดนิ จงกรมตอ่ บรเิ วณขา้ งกฎุ ี ขณะลงจากกฎุ จี ะไปทางเดนิ จงกรมนน้ั ใจกน็ กึ ขน้ึ
อยูต่ ลอดเวลาวา่

“เราจะร้ไู ดอ้ ยา่ งไรหนอวา่ การท�ำความสงบแบบไหนจะถูกกับจริตของเรา?”

เราถามย�้ำแล้วย�้ำอีกอยู่ในใจตลอดเวลา จนกระท่ังมาหยุดยืนท่ีต้นทาง
เดนิ จงกรม ใจกน็ ึกอีกว่า

52

“เราจะรูไ้ ด้อยา่ งไรว่า กรรมฐานไหนถกู จริตกับเรา?”

แลว้ เราก็หลบั ตาลง พอหลบั ตาลงในทนั ใดนน้ั เอง เกดิ นิมติ อสุภะเป็นซากศพ
คนตายผชู้ ายลอยขน้ึ มาปรากฏใหเ้ หน็ ในจติ ตรงหนา้ ผากดา้ นซา้ ยมอื ในนมิ ติ นน้ั เปน็
ภาพศพแหง้ ด�ำๆ คล้ำ� ๆ เราเพ่งมองดสู ักครู่หนึง่ อุทานในใจถามตัวเองขึ้นมาวา่ น.ี่ ..
อะไรกนั น.่ี ...เรานกึ ไปเองหรอื เปลา่ ?....เราแปลกใจทเี่ หน็ ภาพนมิ ติ นนั้ เราจงึ ลมื ตาขน้ึ
เดินจงกรมต่อไป พอเดินมาถึงกลางทางเดินจงกรม เรานึกอย่างไรไม่รู้ในขณะนั้น
เราหยดุ อยู่กบั ท่ี เพราะสงสยั ในภาพนมิ ติ ท่เี กิดข้ึนในครัง้ แรกวา่ จะเปน็ จรงิ หรอื ไม่?

คราวนเ้ี ราหลบั ตาลงใหม่ นกึ อธษิ ฐานจติ ในใจวา่ “ถา้ เรามบี ญุ บารมจี รงิ แลว้ และ
ภาพนมิ ติ ทป่ี รากฏขน้ึ แลว้ เปน็ จรงิ เราขออธษิ ฐานวา่ ถา้ หากวา่ เราจะพน้ ทกุ ขใ์ นชาตนิ ี้
ขอกรรมฐานทถ่ี กู กับจริตของเราจงปรากฏขึ้นมาเถิด”

พออธษิ ฐานจบ กเ็ กดิ เหตกุ ารณผ์ ดิ ปกติ คอื ปรากฏวา่ ภาพนมิ ติ ซากศพผชู้ ายท่ี
ปรากฏขน้ึ ในครงั้ แรกนนั้ ไดป้ รากฏขน้ึ มาอกี ครงั้ อยทู่ างหนา้ ผากดา้ นซา้ ย (เหน็ ในจติ )
เปน็ ซากศพคนตายแห้งแลว้ แต่ยงั มีเนอื้ อยู่ พอนมิ ติ แรกปรากฏขึ้นแลว้ นมิ ิตทสี่ อง
กป็ รากฏชดั ขน้ึ มาอกี คอื นมิ ติ ซากโครงกระดกู สองโครงปรากฏขน้ึ มาระหวา่ งตรงกลาง
หนา้ ผาก มคี วามรสู้ ึกวา่ โครงหนึง่ สมบรู ณท์ กุ สว่ น เป็นโครงของผชู้ าย อกี โครงหนึง่
นอนทบั บนโครงผชู้ ายแตไ่ มส่ มบรู ณน์ กั เปน็ ลกั ษณะนอนเอาศรี ษะหนนุ บนอกผชู้ าย
โครงน้คี วามร้สู ึกบอกว่าเป็นผู้หญงิ เราเพ่งมองดอู ยสู่ กั พกั หนึง่ กล็ ืมตาข้ึน แลว้ นึก
แปลกใจถามตวั เองขน้ึ มาอกี วา่ เอะ๊ ....อะไรน.่ี ....นเ่ี กดิ อะไรขน้ึ ....เรานกึ ไปเองหรอื เปลา่
....ท�ำไมจงึ เปน็ เช่นน?้ี

เรายังไม่เช่ือตัวเราเองแม้ว่าเราจะเห็นเป็นครั้งที่สองก็ตาม....เราคิดว่าเกิดอะไร
ขน้ึ หรอื น?ี่ เราจงึ ลมื ตาขน้ึ แลว้ กเ็ ดนิ จงกรมตอ่ ไปจนถงึ ปลายทางเดนิ จงกรม เรากห็ ยดุ
ยืนท่ีปลายทางจงกรม ถามกับตัวเองว่า....เมื่อกี้นี้เราตาฝาดไปหรือเปล่า เพ่ือความ
แนใ่ จในตวั เอง คราวนเ้ี ราตัง้ สติดๆี (เพื่อป้องกันวา่ เราจะนกึ ไปเองหรือไม่) ตัง้ สติ
ให้มน่ั คง...

53

อธษิ ฐานเปน็ ครงั้ ๒ วา่ “หากสง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ มาแลว้ นเี้ ปน็ จรงิ ถา้ เรามบี ญุ บารมจี รงิ แลว้
จะสำ� เรจ็ ในชาตนิ จ้ี รงิ ขอใหก้ รรมฐานทถ่ี กู กบั จรติ นสิ ยั ของขา้ พเจา้ จงปรากฏขน้ึ เถดิ ”

พอเราอธษิ ฐานจติ จบลงเปน็ ครงั้ ที่ ๒ ทนั ใดนน้ั เอง ภาพนมิ ติ ทง้ั สองภาพทเี่ คย
ปรากฏขน้ึ คอื ภาพศพผชู้ ายแหง้ ๑ และภาพโครงกระดกู สองโครง ๑ กไ็ ดป้ รากฏขน้ึ มา
เหมอื นคราวที่ ๑ และ ๒ พอนมิ ติ ทงั้ สองคร้งั ปรากฏเสร็จ ก็เกดิ ภาพนิมิตท่ี ๓
ซึ่งปรากฏขนึ้ มาทางดา้ นขวามือ นมิ ติ น้ปี รากฏเปน็ ภาพศพผหู้ ญงิ รา่ งกายเนา่ ขึน้ อืด
พองเละไปท้งั ตวั ความรูส้ กึ ท่เี ห็นเป็นภาพเปลอื ยกาย เน่าเฟะ ตอนแรกเหน็ ไมช่ ัด
ไมถ่ นดั เราเลยก�ำหนดเพ่งดูสกั ครู่หนึ่ง กเ็ หน็ ภาพนั้นชัดขึน้ ในความรูส้ กึ น้นั ร้สู กึ ว่า
สภาพศพนข้ี ึ้นอดื มองดูไม่เห็นหน้าอกผู้หญงิ เพราะวา่ ทอ้ งบวมข้นึ มาเทา่ กบั หน้าอก
จงึ ปรากฏเปน็ แตเ่ นอ้ื เนา่ เละเทา่ นนั้ ในความรสู้ กึ กำ� หนดจติ ลองเอากอ้ นหนิ โยนลงไป
ทศี่ พนนั้ ตรงหนา้ อก กอ้ นหนิ นน้ั จมลงไปในหนา้ อก เหมอื นกบั วา่ โยนกอ้ นหนิ ลงไปใน
โคลนตมไมม่ ผี ดิ เลย เรามองเหน็ รปู รา่ งชดั เจนพอสมควร สภาพศพนอนหงาย ผมยาว
ปลอ่ ยผมยาวไวข้ า้ งบนศรี ษะ เราเพง่ ดสู กั ครหู่ นงึ่ กล็ มื ตาขนึ้ และเรากน็ กึ ถงึ เหตกุ ารณ์
ทป่ี รากฏขน้ึ ทง้ั ๓ คราวดว้ ยกันท่เี กิดขึ้น ต้นทางเดินจงกรม กลางทางเดนิ จงกรม
ปลายทางเดนิ จงกรม

เหตุการณ์ทั้ง ๓ คร้ังนี้จะเป็นจริงหรือไม่หนอ เพ่ือความแน่ใจและมั่นใจว่า
จะเป็นจริงดงั ค�ำอธิษฐานหรือไม่ สักครหู่ น่งึ เราจงึ หนั หลังกลบั มา (ขณะนน้ั ยนื อยูท่ ่ี
ปลายทางเดนิ จงกรม) คราวนเ้ี ราตงั้ สตติ ง้ั จติ ใจใหม้ น่ั คงอกี ครงั้ เพราะตอ้ งการพสิ จู น์
ความจริงท่ีปรากฏมาแล้วว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เราเลยคิดว่าจะลองอธิษฐานใหม่ดู
อกี ครัง้ เป็นคร้ังสดุ ท้าย (ครงั้ ท่ี ๓)

ครงั้ สดุ ทา้ ยนี้ เราตงั้ จติ ยนื สำ� รวมนงิ่ อยทู่ ปี่ ลายทางเดนิ จงกรม แลว้ นกึ อธษิ ฐาน
จิตวา่

“ขอบารมอี งคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ เปน็ ทตี่ ง้ั อนั สงู สดุ ถา้ หากวา่ เหตกุ ารณ์
ทผี่ า่ นมานที้ ้งั ๓ ครั้ง เปน็ ความจรงิ ดังท่ีปรากฏแลว้ และถา้ ลูกมีบญุ บารมีพอทจี่ ะ
สำ� เรจ็ ไดใ้ นชาตนิ จี้ รงิ ขอใหม้ เี หตกุ ารณอ์ ยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ จงปรากฏขน้ึ กบั ลกู ดว้ ยเถดิ

54

ในตอนลงอโุ บสถบนโบสถ์ เพอ่ื เปน็ การยนื ยนั ความจรงิ ทป่ี รากฏขน้ึ แกล่ กู ดว้ ยในคำ�่
วนั น้ี”

พอเราอธิษฐานจบแล้ว เราก็ก�ำหนดสติท�ำสมาธิเดินจงกรมต่อไปจนกระทั่ง
ถงึ เวลา ๑๙.๐๐ น. ไดย้ นิ เสยี งระฆังบอกสญั ญาณลงอโุ บสถ ในคราวน้ันไมท่ ราบ
เหมอื นกนั วา่ เราอธษิ ฐานไปไดอ้ ยา่ งไร เพราะเราไมเ่ คยอธษิ ฐานแบบนมี้ ากอ่ น ไมเ่ คยมี
ใครแนะนำ� เราดว้ ย แตจ่ ติ ใจนกึ อยากอธษิ ฐานเอง และพอเราเดนิ จงกรมตอ่ ไป เรากล็ มื
เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขนึ้ ไปสนทิ เลยทเี ดยี ว ไมไ่ ดน้ กึ ถงึ เลย เพราะวา่ เรากำ� หนดจติ ตดั อารมณ์
ใหจ้ ติ เป็นสมาธิ ทรงจิตอยู่ในอารมณป์ ัจจุบันธรรม

พอไดย้ นิ เสยี งระฆงั เรากเ็ ตรยี มตวั ไปทโ่ี บสถเ์ พอ่ื ลงอโุ บสถประมาณ ๑๙.๓๐ น.
ทำ� วตั รสวดมนต์ ในขณะทหี่ ลวงพอ่ ชาพาพระทำ� วตั รสวดมนตน์ นั้ พอสวดมนต์ เรากเ็ รมิ่
หลบั ตาลง สวดไปไดส้ กั ครหู่ นง่ึ เหตกุ ารณท์ ไี่ มค่ าดฝนั มากอ่ นกไ็ ดป้ รากฏขน้ึ คอื ขณะท่ี
สวดมนตอ์ ยนู่ นั้ รา่ งกายของเราเรม่ิ มนี ำ้� เหลอื งไหลออกมาจากรา่ งกายเตม็ ไปหมด และ
เปอ้ื นจวี รทหี่ ม่ ดว้ ย และมคี วามรสู้ กึ วา่ นำ�้ เหลอื งทไี่ หลออกจากตวั เรานนั้ กำ� ลงั จะหยด
ลงเปอ้ื นพน้ื โบสถ์ เรากเ็ ลยตอ้ งลมื ตาขน้ึ และหาทางไมใ่ หน้ ำ้� เหลอื งหยดเปอ้ื นพนื้ โบสถ์
พอลมื ตาขน้ึ เทา่ นนั้ เอง กไ็ มเ่ หน็ นำ�้ เหลอื งทไี่ หนไหลดงั ทเ่ี รารสู้ กึ วา่ มี (แตว่ า่ ความรสู้ กึ
ความเขา้ ใจของเราเหมอื นนำ้� เหลอื งไหลเยมิ้ ออกจากรา่ งกายจรงิ ๆ เลย) เปน็ แตเ่ พยี ง
ความรูส้ กึ เท่าน้นั ที่ปรากฏข้นึ

แตพ่ อเราหลับตาลงไปอีก สวดมนต์ต่อไป เรากม็ คี วามรสู้ ึกวา่ มีนำ�้ เหลอื งไหล
ออกมาอีก เราจงึ ลืมตาขนึ้ ดู แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีนำ้� เหลืองไหลดังที่เราเขา้ ใจ พอเรา
หลบั ตาลงอกี ครัง้ คราวนเ้ี รานึกมองดตู ัวเอง ก็รู้สึกว่ารา่ งกายเราเน่า มนี �ำ้ เหลืองไหล
เราจงึ กำ� หนดสตเิ พง่ ดบู ้าง ไม่ดูบ้าง เราไมส่ นใจเท่าไหร่นัก จนกระทั่งสวดมนตจ์ บ
ปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึนนี้จึงได้หายไป ในขณะท่ีสวดมนต์น้ัน เราจะก�ำหนดดูก็เห็น
ร่างกายเน่าอยู่ตลอดเวลา เหตุการณ์ท่ีปรากฏเหมือนกับว่าตัวเราเน่า มีน้�ำเหลือง
ไหลเยมิ้ จริงๆ

55

หลงั จากสวดมนตจ์ บ พระกส็ วดปาฏโิ มกข์ เรากน็ ง่ั พนมมอื ฟงั ระหวา่ งนนั้ เรากเ็ ลย
นง่ั นกึ นง่ั คดิ พจิ ารณาวา่ .....ทำ� ไมถงึ เกดิ ความรสู้ กึ เชน่ นแ้ี กเ่ ราในขณะสวดมนต์ เรานง่ั
นกึ ไปนกึ มาจงึ นกึ ขน้ึ ไดว้ ่า....

“คงจะเปน็ เพราะวา่ เมอ่ื ตอนหวั คำ�่ เราไดอ้ ธษิ ฐานไวว้ า่ ขอใหม้ เี หตกุ ารณอ์ ยา่ งใด
อยา่ งหนง่ึ จงปรากฏแกเ่ ราตอนลงอโุ บสถเพอ่ื เปน็ การยนื ยนั เหตกุ ารณท์ ผ่ี า่ นมา และกม็ ี
เหตุการณป์ รากฏขึ้นเป็นครง้ั ที่ ๔ บนโบสถ์นี้จริงๆ เราลมื ไปเสยี สนิทเลยว่าเราได้
อธิษฐานไว้”

ตงั้ แตว่ นั นนั้ มา เรากเ็ ลยเชอื่ วา่ อสภุ กรรมฐาน เปน็ กรรมฐานทถี่ กู กบั จรติ ของเรา
การพจิ ารณาร่างกายเปน็ ทางที่ถูกต้อง

ทางดา้ นจติ ใจ เรามไิ ดย้ นิ ดใี นการอธษิ ฐานจติ ของเราเทา่ ไรนกั เรามไิ ดต้ นื่ เตน้ กบั
สงิ่ ทเี่ กดิ ขน้ึ เทา่ ทค่ี วรจะเปน็ ถา้ เปน็ ฆราวาสอยู่ เราคงจะตนื่ เตน้ หลงตวั เอง แตจ่ ติ ใจเรา
ขณะนนั้ ไมต่ นื่ เตน้ เลย จติ ใจเปลย่ี นไปจากเดมิ เพยี งแตว่ า่ สง่ิ นท้ี ำ� ใหเ้ ราเชอื่ มนั่ มคี วาม
มนั่ ใจในการทำ� กรรมฐานของเรามากขนึ้ คอื อสภุ กรรมฐาน เราไมส่ งสยั ในอสภุ กรรมฐาน
นี้อีกแลว้

เหตุที่เราไม่ต่ืนเต้นไม่ยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเราคิดว่า ถึงแม้เหตุการณ์ที่
ปรากฏขนึ้ นจ้ี ะเปน็ จรงิ หรอื ไมจ่ รงิ กต็ ามที แตก่ ย็ งั อยอู่ กี ไกลมากเพราะเปน็ อนาคตโนน้
เราไมค่ วรยินดีในอนาคตในส่ิงท่ยี งั มาไมถ่ ึง

หากสงิ่ ทเี่ กดิ ขน้ึ เปน็ ความจรงิ แลว้ แตถ่ า้ เราหยดุ ทำ� ความเพยี ร สง่ิ นนั้ จะเปน็ จรงิ
ไดอ้ ยา่ งไร? เพราะฉะนนั้ อนาคตมนั ยงั ไมถ่ งึ เราไมค่ วรหวงั ไมค่ วรหว่ ง เราควรจะรบี
ปฏิบัติ ทำ� ปจั จุบันให้ดีทีส่ ุดเทา่ นนั้ ถึงจะถกู ตอ้ งทส่ี ดุ ถ้าเราท�ำดที ส่ี ุดแลว้ ในปจั จบุ ัน
อนาคตมันจะเปน็ อยา่ งไรก็ชา่ งเถดิ เราถือว่าเราได้ลงมอื ท�ำเต็มกำ� ลังของเราแลว้

ตง้ั แตน่ น้ั มา เราหนั มาพจิ ารณากายเขา้ สคู่ วามสงบ คอื พจิ ารณารา่ งกายใหเ้ หน็ เปน็
อสภุ ะ เมอื่ จติ เหน็ อสภุ ะ จติ กจ็ ะสลด วางความยดึ ถอื รา่ งกาย จติ กจ็ ะรวมลงเปน็ สมาธิ

56

บางครงั้ กม็ ากำ� หนดจติ คอื ไมด่ ลู มหายใจ กำ� หนดจติ ใหส้ งบลงไปเลย จติ คดิ อะไร
กใ็ หร้ ตู้ วั พจิ ารณาความไมเ่ ทย่ี ง จนกวา่ จติ จะหยดุ นงิ่ สงบลง เราจะทำ� สมาธสิ ลบั กนั คอื
ก�ำหนดจติ บา้ ง ก�ำหนดพิจารณาอสภุ ะบา้ ง

ระยะตน้ เดอื นเมษายน เราไปฉันในบ้าน เราก็ฝกึ กำ� หนดให้ญาตโิ ยมและพระ
เปน็ อสภุ ะไปตามปกติ บางคราวเมอื่ เวลาอยทู่ วี่ ดั หนองปา่ พง เราเดนิ จงกรมอยู่ พอจติ
สงบลง หลายครง้ั ปรากฏมคี วามร้สู กึ ว่ารา่ งกายของเราเปล่ยี นแปลงไปเอง กลายเปน็
ซากศพเดนิ ได้ เราก็ก�ำหนดสติดเู ฉยๆ ในระยะน้นั เรายังไมช่ ำ� นาญในการพจิ ารณา
เทา่ ใดนัก (แต่เห็นสภาวธรรมอสุภกรรมฐานบอ่ ยๆ)

วนั ท่ี ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒ เปน็ วนั สงกรานต์ มกี ารทำ� บญุ ตกั บาตรอนั เปน็
ประเพณขี องชาวไทยอนั ดงี าม ทางอำ� เภอวารินช�ำราบ ไดน้ มิ นต์ให้พระตามวดั ต่างๆ
รวมถงึ วดั หนองปา่ พง ใหไ้ ปรบั บณิ ฑบาต ณ สนามเทศบาลวารนิ ชำ� ราบ มพี ระไปรว่ ม
บณิ ฑบาตจำ� นวนมาก มญี าตโิ ยมไปใสบ่ าตรจำ� นวนมาก พระจากวดั หนองปา่ พงและ
วดั ตา่ งๆ ไดไ้ ปนงั่ คอยเวลาบณิ ฑบาต ณ ศาลาทจี่ ดั ไว้ ในระหวา่ งนนั้ มคี นมารอใสบ่ าตร
เปน็ จำ� นวนมาก เรากม็ องดูคนเหล่าน้ัน มองไปรอบๆ บริเวณเห็นทั้งผใู้ หญ่และเดก็
ทำ� ใหเ้ ราเกดิ ความรสู้ กึ ภมู ใิ จในศาสนาของพระพทุ ธองค์ เหน็ ศรทั ธาญาตโิ ยมแลว้ เกดิ
ความอิ่มใจสบายใจไปด้วยว่าคนไทยนับถือศาสนาพุทธมาก ในขณะที่เรามองดู
ญาติโยม เราก็ก�ำหนดดูจิตตัวเองว่าจิตใจเป็นเช่นไร ก็เห็นว่าท�ำไมเม่ือเราเห็นคน
ตอ้ งเกดิ ความยนิ ดยี นิ รา้ ยดว้ ย จรงิ อยไู่ มเ่ กดิ ราคะ แตว่ า่ จติ เราตอ้ งเปน็ แบบนี้ ตอ้ งตก
อยูใ่ นทางสองฝัง่ คือ ความยนิ ดี ความยินร้าย เราคดิ วา่ จิตแบบนีเ้ ปน็ จิตทล่ี �ำเอยี ง
เปน็ จติ ที่ผดิ จิตท่ีถกู ต้องควรจะไมย่ ินดียนิ ร้ายซิถงึ จะถูก คอื จติ เปน็ กลางๆ เราเลย
หลบั ตาลง สำ� รวมจติ ทำ� สมาธิ ทำ� จติ ใหส้ งบ แลว้ กำ� หนดภาพคนทป่ี รากฏอยเู่ บอื้ งหนา้
ขน้ึ มาในจติ แลว้ ถามเขา้ ไปในจติ วา่ “สภาพทแ่ี ทจ้ รงิ ของฝงู ชนพวกนเี้ ปน็ เชน่ ไรหนอ?”
กป็ รากฏภาพนมิ ติ เปลยี่ นแปลงไป เห็นฝงู ชนทง้ั หมด โตะ๊ ที่วางสงิ่ ของท่วั บริเวณงาน
พงั ทลายลง (เหน็ เปน็ สภาพคอ่ ยๆ เสอื่ มลง) ฝงู ชนกก็ ลายเปน็ ซากศพ เนา่ บา้ ง แหง้ บา้ ง
เสอ่ื มลงทกุ ขณะไป เรากเ็ ลยยอ้ นถามในจติ ตอ่ ไปวา่ “ทสี่ ดุ ของคนพวกนเ้ี ปน็ เชน่ ไรหนอ?”

57

ภาพนิมิตก็เปลี่ยนไปอีก ปรากฏว่าภาพอสุภะของฝูงชนนั้นเส่ือมสภาพลงจนกลาย
เปน็ ดนิ กองลงกบั พนื้ กลายเปน็ ธาตดุ นิ ธาตนุ ำ้� ธาตลุ ม ธาตไุ ฟ ไปจนหมดสนิ้ รวมทง้ั
วตั ถสุ ง่ิ ของในบรเิ วณนนั้ พงั ทลายกลายเปน็ ธาตทุ งั้ หมด กำ� แพงสนามเทศบาลกพ็ งั ลง
และเกดิ มลี มพดั ผา่ นเขา้ มาในบรเิ วณนนั้ ทำ� ใหเ้ หน็ วา่ ในทนี่ น้ั ไมม่ อี ะไร มแี ตค่ วามวา่ ง
คน สง่ิ ของ ไม่มแี ล้ว มีแตพ่ ้นื ดนิ ฝุ่น และลม เท่านัน้ ท่ีปรากฏ

พอเกดิ นมิ ติ เชน่ นแี้ ลว้ เรากถ็ ามตวั เองอกี วา่ “สภาพเดมิ สภาพปรงุ แตง่ เปน็ เชน่ ไร?”
กป็ รากฏเกดิ การรวมตวั กนั ของธาตุ กลายเปน็ ฝงู ชน และสงิ่ ของ โตะ๊ กลบั คนื สสู่ ภาพเดมิ
พอเราออกจากสมาธิ ลมื ตามองดฝู งู ชนใหม่ จติ ใจตกอยใู่ นสภาพวางเฉย ไมม่ คี วาม
ยนิ ดี ยนิ รา้ ย ตอ่ คนทม่ี องเหน็ เหมอื นคราวแรก แตจ่ ติ ใจรสู้ กึ เบกิ บาน วางเปน็ กลางๆ
และมคี วามรสู้ กึ ขน้ึ ในจิตวา่ สภาพจิตทบ่ี รสิ ทุ ธทิ์ ่ถี งึ ที่สุดแลว้ ควรจะเปน็ เชน่ น้ี คอื ไม่
ยนิ ดี ยนิ รา้ ย ในวนั นนั้ พอไดเ้ วลาบณิ ฑบาต เดนิ รบั บาตรเหมอื นไมม่ คี นอยใู่ นบรเิ วณนน้ั
(เปน็ ความรู้สกึ )

ประมาณวนั ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒ เราและหมคู่ ณะรวม ๓ รปู มากจิ นมิ นต์
ทก่ี รงุ เทพฯ หลงั กจิ นมิ นตม์ เี วลาวา่ ง เพอื่ นพระชวนเราไปดผู า่ ศพทโ่ี รงพยาบาลศริ ริ าช
วนั นนั้ มกี ารผา่ ๓ ศพ ผชู้ าย ๒ ผหู้ ญงิ ๑ ศพผหู้ ญงิ ตายมา ๒-๓ วนั แลว้ รา่ งกายบวม
ขน้ึ เลก็ นอ้ ย เราพจิ ารณาดศู พผหู้ ญงิ คนนน้ั กร็ สู้ กึ ประหลาดใจ เพราะรสู้ กึ เหมอื นกบั วา่
เคยเหน็ ศพผหู้ ญงิ คนนที้ ไ่ี หนมากอ่ น จำ� ไดว้ า่ ศพนเ้ี หมอื นกบั ทเ่ี ราเหน็ ในนมิ ติ ตอนเรา
อธษิ ฐานในเดอื นมนี าคมทผี่ า่ นมา ลกั ษณะรปู รา่ งเหมอื นทเ่ี ราเคยเหน็ ในนมิ ติ แตศ่ พนี้
ยังไมเ่ นา่ เทา่ ในนิมิตแค่นั้นเอง ถา้ ศพน้ีเนา่ กว่าน้ีคงมสี ภาพเหมอื นกนั

เรามองดเู จา้ หนา้ ทผี่ า่ ศพ จติ ใจปกติ ไมก่ ลวั ไมต่ น่ื เตน้ รสู้ กึ เฉยๆ ดจู ะจดื ชดื ไป
เสยี ดว้ ย เพราะวา่ เราเหน็ นมิ ติ อสภุ ะบอ่ ย เลยรสู้ กึ ธรรมดา คดิ วา่ สนู้ มิ ติ อสภุ ะทเ่ี ราเหน็
ไมไ่ ดเ้ ลย พอเราเดนิ ออกจากหอ้ งผา่ ศพ จติ รสู้ กึ แปลกไป รสู้ กึ วา่ จติ มกี ำ� ลงั มาก มองเหน็
อะไรว่างไปหมดท้ังๆ ท่ีมีคนเดินผ่านไปมามากมาย พอเดินออกจากโรงพยาบาล
เหน็ มรี ถวง่ิ ไปมามาก ตกึ รามบา้ นชอ่ งมากมาย รสู้ กึ อยากจะเดนิ ผา่ นตกึ ผา่ นคน ผา่ นรถ
ทะลเุ ขา้ ไปเลย ไมอ่ ยากหลบวตั ถตุ า่ งๆ มองเหมอื นไมม่ อี ะไรเกะกะ แตเ่ รากต็ งั้ สตดิ อู ยู่

58

เปน็ เชน่ นปี้ ระมาณ ๓-๔ ชวั่ โมง (สภาวธรรมทปี่ รากฏขน้ึ นี้ หมายถงึ จติ เหน็ ความเปน็ ธาตุ
ทะลถุ ึงความวา่ ง จนเปน็ อากาศธาต)ุ

ระยะท่พี ักอยใู่ นบา้ นทีพ่ ักสงฆ์นั้น มองดูญาติโยมท่ีมาสนทนาดว้ ยมีความร้สู ึก
แปลกไป คือรู้สึกว่าคนเหล่านี้เหมือนก้อนอะไรก้อนหน่ึงมาต้ังไว้ มองดูสภาพ
เหมอื นกนั หมด แลว้ มเี สยี งออกมาจากวตั ถนุ น้ั เวลาพดู ดเู หมอื นวา่ รา่ งกายของเขานน้ั
เปน็ แตเ่ พยี งกอ้ นธาตเุ ทา่ นนั้ จติ ใจเราคอ่ ยๆ ปรบั ไปเองโดยอตั โนมตั ิ ปรบั จากการมอง
เหน็ กอ้ นธาตขุ องคนทน่ี งั่ อยู่ รา่ งกายไมเ่ ทา่ กนั แตจ่ ติ ทป่ี รบั สภาพใหว้ ตั ถนุ นั้ เปน็ สภาพ
เทา่ กนั หมด เหมอื นกับร่างกายญาติโยมท่ีมาสนทนาดว้ ยนนั้ ไม่มีชวี ติ เปน็ ก้อนธาตุ
เทา่ นน้ั ระยะนนั้ รสู้ กึ เบอื่ คนมากทส่ี ดุ อยากจะกลบั วดั ทกุ ๆ อยา่ งทเี่ กดิ ขน้ึ รไู้ ดเ้ ฉพาะ
ตัวเองจรงิ ๆ เป็นสภาวธรรมทีเ่ กิดขึน้ มาเอง

ต่อจากน้นั ไดเ้ ดนิ ทางมาพกั ท่วี ัดบึงลฏั ฐวิ ัน ๒-๓ วนั กอ่ นกลบั วดั หนองป่าพง
วนั หนง่ึ ตอนเยน็ ประมาณ ๖ โมงเยน็ เสยี งระฆงั ทำ� วตั รเยน็ ฝนตกปรอยๆ ยงั ไมค่ อ่ ยมี
พระมาท่ีศาลา เราก็เข้าไปน่ังสมาธิ รอท�ำวตั รเยน็ พอนั่งไปได้สักครูห่ นง่ึ จิตรวมลง
ปรากฏเห็นนิมิตว่าร่างกายของเราเริ่มกลายเป็นทองค�ำผสมกับเนื้อเรา เราเห็นว่า
เปน็ นมิ ิต เรากไ็ ม่สนใจ เราคิดว่าจะขา้ มนมิ ติ นี้ให้ได้ เราเลยถอนสมาธิข้ึนมาใหม่
กำ� หนดจติ รวมลงไปอกี คราวนกี้ ไ็ ปตดิ อยทู่ เ่ี ดมิ อกี รสู้ กึ วา่ รา่ งกายเรา แขน ขา กลายเปน็
ทองคำ� ไปหมด มองไมเ่ หน็ เนอ้ื เดมิ เลย เรากไ็ มอ่ ยากจะสนใจ เลยถอนสมาธขิ นึ้ มาใหม่
แลว้ กำ� หนดจติ รวมลงไปอกี ครงั้ หนงึ่ คราวนปี้ รากฏวา่ ......รา่ งกายเราทนี่ ง่ั สมาธอิ ยนู่ น้ั
กลบั กลายเปน็ ทองคำ� ไปทง้ั ตวั เลย เหลอื งอรา่ มไปหมดทงั้ ตวั เราเลยเพง่ ดู เพราะนมิ ติ
ไมห่ าย ปรากฏวา่ รา่ งกายกลายเปน็ ทองคำ� เหลอื งอรา่ มสวยงามมาก มเี ปลวปรากฏอยู่
บนศรี ษะเหมอื นพระพทุ ธรปู เรากำ� หนดมองดสู กั ครหู่ นง่ึ กอ็ อกจากสมาธิ ไดย้ นิ เสยี ง
ระฆังท�ำวตั ร พระเณรเขา้ มารวมกนั มากแลว้ เร่ิมท�ำวตั รเยน็ พอเราออกจากสมาธิ
เรากพ็ จิ ารณาว่าสภาวธรรมทีเ่ กิดข้นึ มา เกิดขน้ึ แล้วดบั ไป ไมม่ ีตัวตน ไมค่ วรถือมั่น
แล้วเราก็กำ� หนดสติโดยไมส่ นใจต่อสภาวะท่ีเกดิ ข้นึ ในคราวนัน้ อกี

59

จนกระท่ังกลับมาวัดหนองปา่ พงแล้ว ประมาณ ๒ อาทิตยผ์ า่ นไป บางวันเรา
กำ� หนดดรู า่ งกายเรา เราก็จะเห็นว่าตวั เรากลายเปน็ ทองคำ� ไปทงั้ ตัว ไมว่ ่าเราจะเดนิ
นัง่ สมาธิ หรือ นอน ยืน กป็ รากฏว่าเหน็ ตวั เราเป็นทองคำ� ตลอดเวลา เวลาเดินก็ดู
เหมอื นพระพทุ ธรปู เดนิ เวลานงั่ กเ็ หมอื นพระพทุ ธรปู นง่ั สมาธิ เรากำ� หนดดบู า้ งไมด่ บู า้ ง
เป็นเช่นน้ันประมาณ ๔๕ วัน ต้ังแต่กลางเดือนพฤษภาคม-ปลายเดือนมิถุนายน
เราไม่เห็นว่าเกิดประโยชนอ์ ะไรข้ึนมา เราเลยไม่สนใจ

ตน้ เดอื นกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ บางครงั้ เราเดนิ จงกรมอยบู่ นกฎุ ที พี่ กั พอจติ
สงบลง ปรากฏวา่ รา่ งกายเราคอ่ ยๆ เปลย่ี นแปลงไป คอ่ ยๆ แกไ่ ป จนกระทง่ั อายปุ ระมาณ
๘๐ ปี แลว้ เหลอื แตก่ ระดกู เดนิ ได้ กฎุ กี พ็ งั ทลายลงพรอ้ มทง้ั ตวั เรา เราตงั้ สตดิ สู ภาวธรรม
นน้ั เฉยๆ

บางวนั เรานอนกำ� หนดภาวนาอยบู่ นกฎุ ี เหน็ นมิ ติ ปา่ ภเู ขา ไรข่ า้ วโพด ความรสู้ กึ
เหมอื นวา่ เราเขา้ ไปอยใู่ นบรเิ วณนน้ั รสู้ กึ วา่ อากาศเยน็ สบายดี พอออกจากสมาธิ เรากไ็ ม่
สนใจในนมิ ติ นนั้ อกี

สรุปในพรรษา ๑ ท่ีผ่านมาน้ัน เราพยายามท�ำจิตให้อยู่ในปัจจุบันมากท่ีสุด
จนกระท่ังรู้จักสภาวะท่ีจิตแยกกบั อารมณไ์ ดพ้ อสมควร การก�ำหนดอสุภะเปน็ ไปได้
อยา่ งคลอ่ งแคลว่ พอสมควร การภาวนา เราเนน้ การแกท้ กุ ขท์ จ่ี ติ ถา้ จติ มที กุ ข์ เรากจ็ ะ
หาอบุ ายแกไ้ ขโดยเรว็ ทสี่ ดุ พยายามมสี ตอิ ยใู่ นปจั จบุ นั เทา่ ทจ่ี ะทำ� ได้ เรอ่ื งสตรเี พศ มไิ ด้
เปน็ ปญั หาสำ� คญั สำ� หรบั เราเลย ไมเ่ ปน็ กงั วล สบายมาก แตเ่ รากไ็ มป่ ระมาท เราพยายาม
รกั ษาสตใิ หม้ าก เพราะเชอื่ วา่ “สติ เปน็ ทางสายเอก” การนงั่ สมาธนิ น้ั เมอื่ เกดิ มสี ภาวธรรม
อะไรเกดิ ขนึ้ ในขณะทจี่ ติ สงบนนั้ พอออกจากสมาธแิ ลว้ เรากพ็ จิ ารณาใหเ้ หน็ วา่ สงิ่ ที่
เกดิ ขนึ้ เปน็ เพยี งสภาวธรรมเทา่ นน้ั เกดิ ขน้ึ แลว้ กด็ บั ไป ไมม่ ตี วั ตน เพราะวา่ เปน็ อดตี
ไปแลว้ พอพจิ ารณาเสรจ็ เรากอ็ อกจากสมาธิ กำ� หนดสตใิ หอ้ ยกู่ บั ปจั จบุ นั ตอ่ ไป ทำ� เชน่ นี้
ทกุ คร้ังไป

60

เราคำ� นงึ ถึงปัจจบุ นั มาก ในการทำ� สมาธิ ถ้าเกดิ สภาวธรรมขึ้น เป็นเหตแุ ละผล
ทเ่ี กดิ จากสภาวธรรม เวลาออกจากสมาธิ อยใู่ นอารมณป์ จั จบุ นั จะมผี ลเปน็ เชน่ ไร?....
เราจะพิจารณาดูปัจจุบันเป็นส�ำคัญ ถ้าสภาวธรรมที่เกิดในขณะนั่งสมาธิเป็นเหตุให้
เมอ่ื ออกจากสมาธแิ ลว้ อยใู่ นสภาพปกติ คอื อยใู่ นปจั จบุ นั มผี ลทำ� ใหเ้ กดิ ความเบอ่ื หนา่ ย
คลายจากความยึดถือตัวตน คลายจากราคะ ความก�ำหนัด คลายจากความโลภ
ความโกรธ ความหลงได้ เราจึงถอื วา่ ถูกตอ้ ง แตถ่ า้ สภาวธรรมใดทเ่ี กิดขน้ึ เวลานั่ง
สมาธแิ ล้ว พอออกมาอยใู่ นสภาพปกตแิ ล้ว ไมป่ รากฏความเบือ่ หนา่ ยในรา่ งกายเรา
ไมท่ ำ� ใหค้ ลายความยดึ ถอื ตวั ตนแลว้ เราถอื วา่ ยงั ไมถ่ กู เราจะไมส่ นใจในสภาวธรรมนนั้
เพราะวา่ ถา้ เราไปสนใจในสภาวธรรมอนั ไมเ่ ปน็ เหตทุ จี่ ะยงั ความเบอ่ื หนา่ ยแลว้ แทนท่ี
จะเป็นการคลายจากความยดึ ถือ อาจจะท�ำให้เราหลงในสภาวธรรมได้

เหตุการณ์หรือสภาวธรรมอะไรต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนนั้นท่ีเรามิได้กล่าวถึงก็เพราะว่า
เหน็ วา่ ไมส่ ำ� คญั อะไรนกั จงึ มไิ ดพ้ ดู ใหล้ ะเอยี ด บางครง้ั เรานงั่ สมาธเิ กดิ ปตี ิ เกดิ อาการ
หลายๆ อยา่ งขนึ้ แตเ่ ราไมส่ นใจ บางครงั้ นง่ั สมาธเิ กดิ รา่ งกายเบา เยน็ กาย เยน็ ใจ รา่ งกาย
ขยายออกกว้างข้ึนจนกระท่งั เนอื้ ตัวละลายไปกบั อากาศ เหลอื อยู่แตค่ วามว่าง มแี ต่
ความรปู้ รากฏอยอู่ ยา่ งเดยี ว เปน็ อยเู่ ชน่ นบี้ อ่ ยๆ ครงั้ บางครงั้ เหน็ พระพทุ ธรปู และอะไร
ตา่ งๆ หลายอยา่ ง แตพ่ อออกจากสมาธแิ ลว้ ไมเ่ ปน็ เหตใุ หเ้ กดิ ความเบอ่ื หนา่ ยในรา่ งกาย
เราก็จะไมส่ นใจในสภาวธรรรมนั้น

ในระยะทีอ่ ยวู่ ดั หนองปา่ พง เกิดนิมติ อสุภะมาก พอปรากฏนมิ ติ อสภุ ะ เราก็
พิจารณานิมิตภายนอกน้ันแล้วน้อมเข้ามาดูตัวเราเอง ก�ำหนดร่างกายให้เหมือนกับ
สภาวะในนิมิตท่ีเราเห็นน้ัน แล้วจิตก็สงบรวมลงเป็นสมาธิ พอออกจากสมาธิแล้ว
ปรากฏวา่ มผี ลทำ� ใหเ้ กดิ ความเบอ่ื หนา่ ย คลายจากความกำ� หนดั คลายจากความยดึ ถอื
ในกายตน เปน็ ผลทำ� ใหม้ านะทฏิ ฐลิ ดลงไปไดบ้ า้ ง แบบนเี้ ราคดิ วา่ ถกู ทาง เราจงึ พยายาม
พจิ ารณาร่างกายบ่อยๆ

ภาพนมิ ติ เมอ่ื เกดิ ขนึ้ แลว้ ตอ้ งไมห่ ลงเขา้ ไปยดึ เอาภาพนมิ ติ นนั้ ขนึ้ มาเปน็ ของตน
จรงิ จงั เหน็ ภาพนมิ ติ เปน็ สกั แตว่ า่ เหน็ ภาพนมิ ติ พอเปน็ เครอ่ื งใชอ้ ยเู่ ทา่ นน้ั แลว้ กป็ ลอ่ ย

61

วางเสยี ภาพนมิ ิตนอกจากจะเปน็ อุปกเิ ลสเครือ่ งปกปดิ ปัญญาแล้ว ยงั เป็นอุปสรรค
แกก่ ารเจรญิ วิปสั สนาอีกดว้ ย
การปฏบิ ตั ขิ องเราในพรรษา ๑ น้ี เปน็ ไปแบบเรยี บๆ จติ ใจมแี ตค่ วามสบาย ไมม่ ี
ความล�ำบากในการปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัติไปได้ง่ายๆ และรวดเรว็ มแี ตจ่ ิตใจเบิกบานในการ
ประพฤติปฏบิ ตั ิในเพศสมณะ
การบวชเปน็ พระเหมอื นอยคู่ นละสว่ นหรอื คนละโลกกบั ฆราวาสเลย ตอ้ งอดทน
มากพอสมควร แตก่ ไ็ ดร้ บั ความสงบ....อนั เกดิ จากธรรมเปน็ ทป่ี รากฏใหเ้ หน็ อยใู่ นจติ ใจ
น�ำสุขมาใหแ้ ทน.......
บางครั้งเราเดนิ จงกรมอยู่ เราพิจารณาถึงสภาพท่ีเรามาอยู่ในเพศสมณะนี้แล้ว
ไม่น่าเช่ือเลยว่าเราน้ีก็เป็นผู้โชคดีคนหนึ่งทีเดียวนะที่ไม่ทราบว่าหลุดรอดเข้ามาได้
อย่างไร เราอยู่ในที่ท่ีปลอดภัยแล้วในขณะนี้ ช่างน่าสงสารคนทั้งหลายท่ียังหลง
ยงั เพลดิ เพลนิ อยใู่ นสง่ิ ทเ่ี ขานกึ วา่ เปน็ สง่ิ ทดี่ ที ส่ี ดุ ของเขาแลว้ คอื การเทยี่ วสนกุ สนาน
เพลดิ เพลนิ ในกามคณุ ๕ ทง้ั ทค่ี วามตายกำ� ลงั คบื คลานตดิ ตามมาขา้ งหลงั ของพวกเขาอยู่
กิเลสตณั หาน้ีสำ� คัญนกั นา่ สงสารคนท้งั หลายจริงๆ
ข้อปฏิบัติส่วนตัวของเรา
๑. ระวังเรือ่ งการฉัน
๒. อย่าประมาท...ในการนอน
๓. อยา่ ประมาท....ในการทำ� ความเพยี ร
๔. อย่าลืมสติ....ในการพดู
ท้ัง ๔ อยา่ ง มสี ตเิ ปน็ แม่ทพั ใหญ่

62

เราชอบเตอื นสตติ วั เราเองดังน้ี
๑. ไมห่ ลง.....เมือ่ เกิดอะไรขึ้น
๒. ไมเ่ ทย่ี ง.....ทุกส่งิ ไมแ่ นน่ อน
๓. ไมป่ ระมาท.....ในทกุ ๆ อย่าง
๔. ไมโ่ ออ้ วด.....เพราะเป็นกเิ ลส
๕. ไมย่ กตนขม่ ท่าน.....เพราะไมม่ ใี ครทไี่ ด้ยินแลว้ จะชอบ
๖. ไม่เพง่ โทษผอู้ ่ืน.....เพราะการเพ่งโทษไมใ่ ชห่ น้าทข่ี องเรา เราต้องการช�ำระ
จติ เรา
๗. ความเปน็ ผู้รู้จกั ประมาณในทุกๆ อยา่ ง (ทางสายกลาง)
๘. การทำ� ความเพยี ร อยา่ เอาใจเป็นใหญ่ ตอ้ งคำ� นงึ ถงึ ร่างกายด้วย
๙. ถา้ รใู้ นสงิ่ ทไี่ มเ่ คยรู้ ตอ้ งใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื ในการพจิ ารณาใหย้ งิ่ ขนึ้ ไป มใิ หถ้ อื
เป็นของจรงิ
วนั ท่ี ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ เราขอไปจำ� พรรษาทว่ี ดั ปา่ โนนสวรรค์ เราเดนิ ทาง
ไปถึงทนี่ น่ั ประมาณ ๑๘.๐๐ น. พอตอนเช้าออกบิณฑบาต เรารูส้ ึกวา่ นมิ ติ ท่ปี รากฏ
ให้ทราบมาก่อนหนา้ นี้ คือที่อ�ำเภอน้�ำยนื นั่นเอง

63

พรรษาท่ี ๒
วัดปา่ โนนสวรรค์ ต.ศรีวิเชยี ร อ.น้ำ� ยืน จ.อบุ ลราชธานี

วนั ท่ี ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ เปน็ วนั เขา้ พรรษา วดั ปา่ โนนสวรรค์ มพี น้ื ท่ี
ประมาณ ๑๘๕ ไร่ มีต้นไมร้ ม่ รนื่ พอสมควร สถานทอี่ ยบู่ นเนินเขาเล็กๆ อยูห่ า่ งจาก
ตวั อำ� เภอ ๒ กม. มพี ระจำ� พรรษา ๕ รปู สามเณร ๓ รปู ทา่ นอาจารยห์ นแู ดง ธมมฺ ทโี ป
เป็นประธานสงฆ์ สถานท่ีเหมาะแก่การภาวนาพอสมควร อากาศเย็นสบาย เราไดม้ า
จ�ำพรรษาทนี่ ปี่ ระมาณ ๔ เดือน ระหวา่ งเดอื นกรกฎาคม-ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๒

ในระหวา่ งพรรษา ทางวดั มกี ารปรบั ปรงุ ทำ� ทางเดนิ ภายในวดั ขดุ ดนิ ถมที่ เพอ่ื ทำ�
หอ้ งสขุ า มกี จิ การงานพอสมควร พรรษานมี้ งี านเกอื บตลอดพรรษา เลยทำ� ความเพยี ร
ไมไ่ ด้เตม็ ท่ีนักเน่อื งจากท�ำงาน ร่างกายอ่อนเพลีย เป็นเหตุให้นง่ั สมาธดิ ีบา้ งไม่ดบี ้าง
ทำ� สมาธบิ างคร้ังก็สงบ บางครั้งก็ไม่สงบ เรามาพจิ ารณาวา่ ทำ� ไมเวลานั่งสมาธจิ ิตสงบ
เรามคี วามยินดี ถา้ จติ ไม่สงบ เราไมย่ นิ ดี คดิ วา่ แบบน้ีผิดแน่แลว้

พอระยะกลางพรรษา เราเลยพยายามปรับจิตไม่ให้ยินดียินร้ายเวลาน่ังสมาธิ
คือไม่ให้จิตเกิดความพอใจหรือไม่พอใจในการนั่งสมาธิ เวลาจิตสงบหรือไม่สงบ
เราพยายามทำ� จติ ใจใหเ้ ปน็ ปกติ เปน็ กลางๆ จนกระทง่ั เราสามารถปรบั จติ ไมใ่ หย้ นิ ดี
ยนิ รา้ ยในความสงบได้ ไมว่ า่ จะนงั่ สมาธสิ งบหรอื ไมส่ งบกต็ าม จติ กเ็ ปน็ ปกตดิ ี เราคดิ วา่
แบบน้จี ึงจะวางจิตได้ถูกต้อง

64

ในพรรษานเ้ี ราเดนิ จงกรมมากกวา่ นงั่ สมาธิ แตจ่ ติ ใจเรากม็ คี วามสบายอยเู่ สมอ
เวลาเราขเ้ี กยี จทำ� ความเพยี รเมอ่ื ไหร่ กจ็ ะมสี ง่ิ ใดสงิ่ หนง่ึ มาเตอื นใหข้ ยนั ขน้ึ ทกุ ครงั้ ไป
บางครั้งก็เป็นนิมิตในฝันให้รวู้ ่าเรากำ� ลังขี้เกียจ เรากำ� ลังประมาทไปแล้ว ทำ� ใหเ้ รารีบ
ปรารภความเพยี รมากย่งิ ข้ึน มีอย่หู ลายๆ ครง้ั ในพรรษานเี้ ชน่ เดียวกันกบั พรรษา ๑
กม็ นี มิ ติ มาเตอื นใหท้ ำ� ความเพยี รอยเู่ สมอเมอื่ เราหยอ่ นความเพยี รเกนิ ไป ในพรรษาน้ี
เราไดพ้ จิ ารณาเรอื่ งตา่ งๆ หลายเรอ่ื งเกยี่ วกบั นสิ ยั ปจั จยั วาสนาบารมขี องแตล่ ะคนนนั้
ไมเ่ หมอื นกนั จรงิ ๆ ไดเ้ ขา้ ใจถงึ เรอื่ งการบวชพระวา่ พระแตล่ ะรปู มจี ดุ มงุ่ หมายในการ
บวชไมเ่ หมอื นกนั เลย ทราบถงึ วา่ พระนมี้ หี ลายประเภท เราไดเ้ หน็ ถงึ ความประมาทใน
การที่ไม่รีบเร่งในการท�ำความเพียรเพื่อออกจากกองทุกข์ รู้สึกว่าประมาทกันมาก
พอออกพรรษาเสรจ็ งานกฐนิ เราก็เดนิ ทางเข้าวัดหนองปา่ พง ขออนญุ าตหลวงพ่อชา
เดินทางไปกับเพ่อื นพระไปภาวนาทป่ี า่ ชา้ หนองแก้ว

ปา่ ชา้ หนองแกว้ อยทู่ อี่ ำ� เภอกนั ทรารมย์ จงั หวดั ศรสี ะเกษ หลวงพอ่ อนญุ าตให้
ไปได้ ๒ เดอื น ใหก้ ลบั วดั ในเดอื นมกราคม ๒๕๒๓ แตต่ อ่ มามเี หตกุ ารณเ์ ปลยี่ นแปลง
หลายอยา่ ง ทำ� ใหเ้ ราและเพอ่ื นพระไมไ่ ดไ้ ปปา่ ชา้ หนองแกว้ แตไ่ ดเ้ ดนิ ทางไปทเี่ ขาเขยี ว
จังหวดั ชลบุรีแทน

เดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๒๒ เราและพระเพอื่ นไดไ้ ปพกั ภาวนาทวี่ ดั เขาฉลาก
จงั หวดั ชลบรุ ี ประมาณ ๒๐ วนั โดยมขี อ้ ตกลงวา่ จะผลดั กนั ขนึ้ ไปภาวนาบนเขาเขยี ว
เหตทุ ต่ี อ้ งผลดั กนั ขนึ้ ไปนน้ั เพราะมนี ำ้� ใชจ้ ำ� กดั โดยเพอื่ นไดข้ น้ึ ไปกอ่ น สว่ นเราพกั ทำ�
ความเพียรอยู่ท่ีเขาฉลาก ระหว่างทพ่ี กั ภาวนาอย่ทู ีว่ ดั เขาฉลาก ได้ปรารภความเพียร
ดมี าก ไดพ้ จิ ารณากำ� หนดอสภุ กรรมฐานไดด้ พี อสมควร ในระหวา่ งพรรษา ๒ ทวี่ ดั ปา่
โนนสวรรค์ มงี านมาก เราเลยไมค่ อ่ ยไดพ้ จิ ารณาอสภุ กรรมฐาน เราเพยี งแตท่ ำ� สมาธิ
รักษาสติควบคุมอารมณ์ให้รู้เท่าทัน เรามาเร่งความเพียรใหม่ตอนมาพักภาวนาที่
วดั เขาฉลากนี้ ระหวา่ งนนั้ เราพจิ ารณาอสภุ กรรมฐานของเรา เรากท็ ราบวา่ อสภุ กรรมฐาน
ทง้ั ๑๐ กอง ไดป้ รากฏแกเ่ ราจนครบหมดแลว้ คราวนเ้ี ราพจิ ารณารชู้ ดั แกใ่ จวา่ การกำ� หนด
นิมิตอสภุ กรรมฐานภายนอกน้นั คือก�ำหนดใหค้ นอนื่ เปน็ อสภุ ะน้นั คงไมจ่ �ำเป็นนกั

65

เพราะเรารู้สกึ เฉยๆ เมอื่ พบหรอื เห็นสตรเี พศ เมอื่ ตาเห็นรูป ไม่เกิดความยินดใี นรูป
เราจงึ คดิ วา่ เมอ่ื ไมเ่ กดิ ความยนิ ดใี นรปู เรากค็ วรจะปลอ่ ยตามธรรมชาติ คอื มองดเู ฉยๆ
ไมต่ อ้ งกำ� หนด แตเ่ ราพจิ ารณาเหน็ วา่ ควรแตจ่ ะกำ� หนดอสภุ ะภายในตวั เราอยา่ งเดยี ว
เทา่ นน้ั พอ เรามคี วามเชอื่ มน่ั วา่ ถา้ เหน็ ชดั ในกายเรา คนอนื่ กค็ งจะเหมอื นๆ กนั เราเลย
คดิ วา่ ตง้ั แตบ่ ดั นเ้ี ปน็ ตน้ ไป เราจะไมเ่ สยี เวลาพจิ ารณาของภายนอกอกี ตอ่ ไปแลว้ เราจะ
พจิ ารณาเขา้ มาภายใน พจิ ารณาใหเ้ หน็ อสภุ ะในกายตน เรารสู้ กึ วา่ การพจิ ารณาภายนอกนน้ั
เราพจิ ารณามามากพอสมควรแลว้ ตงั้ แตน่ ไี้ ปคงไมจ่ ำ� เปน็ นกั เมอ่ื มองเหน็ รปู จติ ใจเรา
เฉยๆ เปน็ ปกติ ไมม่ ปี ญั หาแลว้ เรากไ็ มค่ วรจะไปยงุ่ ไปแกไ้ ข ควรทจ่ี ะรวมกำ� ลงั จดั การ
แตภ่ ายในอย่างเดยี วก็จะดกี ว่า

วนั หน่งึ เราเดินจงกรมในตอนบ่าย เราพจิ ารณาร่างกายให้เหน็ อสุภะในกายตน
จิตปล่อยวางความยึดม่ันถือม่ันในกายตน รู้สึกว่าอารมณ์ความโลภน้อยลงไปอีก
ความโกรธเบาบางขน้ึ อกี ความยนิ ดใี นกามทงั้ หลายกน็ อ้ ยลงไปอกี ความยดึ มน่ั ถอื มนั่
ในตวั ตนก็น้อยลง จิตทราบว่าละความยดึ มั่นถือม่นั ในตัวตนน้อยลงไปกว่าเดิม

หลงั จากนนั้ ไมน่ าน หลวงพ่อชาให้พระมาตามพระเพอื่ นกลบั ไปชว่ ยงานแผนก
ทะเบยี น เราท้งั หมดเลยตอ้ งเดินทางออกจากเขาฉลาก จ.ชลบรุ ี สง่ พระทา่ นกลับวัด
หนองปา่ พงแลว้ พระเพอ่ื นอกี รปู จงึ ชวนเราไปภาวนาทว่ี ดั ปา่ ศรมี งคล ทที่ า่ นเคยจำ� พรรษา
เราตกลงใจทจี่ ะเดนิ ทางไปวเิ วกภาวนาทวี่ ดั ปา่ ศรมี งคล อ.สำ� โรง จ.อบุ ลราชธานี ทา่ นวา่
ทวี่ ดั เปน็ ปา่ มเี นอ้ื ท่ี ๒๐๐ กวา่ ไร่ มแี มน่ ำ้� ลอ้ มรอบ สถานทเี่ งยี บสงบดมี าก และทส่ี ำ� คญั
ทสี่ ุด....ไมม่ งี านก่อสร้าง เราเลยตกลงใจท่ีจะไปวัดปา่ ศรมี งคลกบั ทา่ น

กอ่ นจะเดนิ ทางขนึ้ อบุ ลนนั้ เราและพระเพอื่ นไดเ้ ดนิ ทางไปพกั ทบ่ี า้ นไผ่ จ.ขอนแกน่
แวะกราบหลวงปบู่ ุญหนา (ลกู ศษิ ยห์ ลวงปขู่ าว) พักอยูก่ ับทา่ น ๒-๓ คนื มีคณะ
ญาตโิ ยมไปสง่ ตอ่ จากนนั้ จงึ เดนิ ทางไปจงั หวดั อบุ ลราชธานี ไปพกั ภาวนาทวี่ ดั ปา่ ศรมี งคล
ประมาณตน้ เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ พักอยปู่ ระมาณ ๒๐ วัน

ในขณะท่ีพักภาวนาท่ีวัดป่าศรีมงคลน้ัน การท�ำความเพียรก็เป็นไปตามปกติ
สถานท่ีดีพอสมควร การท�ำความเพียรก็ดีไปด้วย แต่ปีนี้อากาศหนาวกว่าทุกปี

66

ในระหวา่ งทพ่ี กั อยทู่ น่ี ี่ เราเกอื บถกู ควายขวดิ ทหี่ มบู่ า้ นทไ่ี ปบณิ ฑบาต...วนั นนั้ เปน็ วนั ท่ี
๑๙ ธนั วาคม ๒๕๒๒ ปกตเิ ราจะไปบณิ ฑบาตกบั พระเพอ่ื น ๒ รปู แตใ่ นวนั นน้ั มกี จิ นมิ นต์
ไปฉนั ทบ่ี า้ น เราเลยตอ้ งไปบณิ ฑบาตรปู เดยี ว ทางไปบณิ ฑบาตมี ๒ หมบู่ า้ น หา่ งกนั
ไมถ่ งึ ๒ กม. ทงั้ สองหมบู่ า้ นมคี นศรทั ธาใสบ่ าตรดี ตามปกตถิ า้ พระมมี าก กจ็ ะแบง่ เปน็
สองสาย สายละหมู่บา้ น ระยะน้ีพระนอ้ ย เราเหน็ ว่าญาตโิ ยมมีศรัทธาดี กน็ ึกอยาก
ใหเ้ ขาไดใ้ สบ่ าตร จงึ คดิ ไปบณิ ฑบาตทง้ั สองหมบู่ า้ น ไป-กลบั ประมาณ ๖ กม. ถา้ จะเดนิ
ตามถนนคดิ ว่าคงไม่ทนั แน่ เราเลยคิดวา่ จะเดินลัดไปตามคนั นา

วนั นน้ั เราเลยออกบณิ ฑบาตแตเ่ ชา้ ประมาณตี ๐๕.๓๐ น. ไปรปู เดยี ว เดนิ ไปตาม
คนั นา พอเราเดนิ ไปอกี ประมาณ ๒๕๐ เมตร กจ็ ะถงึ ทางเขา้ หมบู่ า้ น เรามองเหน็ ควาย ๔ ตวั
เดนิ ออกมาจากหมบู่ า้ นตามคนั นา หา่ งจากเราประมาณ ๕๐ เมตร ชาวบา้ นปลอ่ ยควาย
มากนิ หญา้ ในตอนเชา้ พอเราเหน็ ควายทง้ั ๔ ตวั เดนิ ตดั คนั นามา เรารสู้ กึ วา่ วนั นจ้ี ติ ใจ
รสู้ กึ แปลกๆ มองเหน็ ควายผดิ ปกตไิ ป ไมน่ า่ ไวใ้ จ เรานกึ ถงึ คำ� พดู ทพ่ี ระเพอ่ื นเคยพดู
ให้ฟังว่า ..... “ควายแถวนี้ดุมาก บางทีจะขวดิ พระ ควายบางตวั ถา้ พระเดนิ ผา่ นมา
เจา้ ของควายตอ้ งเอามอื ปดิ ตาควายไวเ้ พอ่ื ไมใ่ หค้ วายมองเหน็ พระ”

เรานกึ ดงั นี้ กเ็ ลยมองไปทค่ี วายทง้ั ๔ ตวั นนั้ จติ ใจกเ็ รม่ิ แผเ่ มตตาออกไป พรอ้ มกบั
เดินไปเรือ่ ยๆ ควาย ๔ ตวั มี พ่อ แม่ และลูก ๒ ตวั ตวั แม่เดินน�ำหนา้ ลูก ๒ ตัว
เดนิ ตรงกลาง ตวั พอ่ เดนิ ตามหลงั เรารสู้ กึ สงั หรณใ์ จอยา่ งไรแปลกๆ เราจงึ เพง่ มองไปที่
ควายทงั้ ๔ ตวั แลว้ กแ็ ผเ่ มตตาไปตลอดเวลา พอเราเดนิ เขา้ ใกลค้ วายประมาณ ๒๕ เมตร
กเ็ รม่ิ มองเหน็ ความผดิ ปกตขิ องควายตวั เมยี คอื ควายทเี่ ปน็ แมเ่ ดนิ นำ� หนา้ นนั้ หนั หลงั
เลยี้ วกลบั มาอยขู่ า้ งหลงั ลกู มาอยคู่ กู่ บั ตวั พอ่ แลว้ ตวั แมก่ เ็ รมิ่ เอาเขาดนั ลกู ๒ ตวั ใหร้ บี
เดนิ ไปข้างหนา้ โดยเรว็ แลว้ ใหต้ ัวพ่อชว่ ยดันลกู ไป

ในระหวา่ งทคี่ วายตวั แมด่ นั ลกู ใหเ้ ดนิ อยนู่ น้ั ระยะนนั้ เปน็ เสน้ ทางทเ่ี ราตอ้ งเดนิ
เขา้ หมบู่ า้ น พอดนั ลกู ออกไปนอกทางเดนิ ขา้ งคนั นาแลว้ ตวั ผกู้ ด็ นั ตอ่ ไป ตวั แมก่ ห็ ยดุ ยนื
อยู่ข้างหลงั หันหลงั ใหท้ างเดนิ ท่ีเราจะผา่ นประมาณ ๒-๓ เมตร

67

เราเหน็ ผดิ สงั เกตตงั้ แตต่ วั เมยี กลบั หลงั มาดนั ลกู แลว้ เราจงึ กำ� หนดจติ ทำ� สมาธิ
แผ่เมตตาไปท่สี ตั วท์ ง้ั ๔ ตัวอยตู่ ลอดเวลา ในขณะท่ีเดนิ ไปเรื่อยๆ เราก็มองดคู วาย
ไมใ่ หค้ ลาดสายตา ขณะทเ่ี ราเดนิ มาใกลค้ วาย ควายกเ็ ดนิ พน้ ทางเราไปแลว้ ๒-๓ เมตร
แตต่ วั เมยี หยดุ อยู่ ปลอ่ ยใหต้ วั ผตู้ อ้ นลกู ๆ ไปขา้ งหนา้ แตล่ ำ� พงั พอเราเดนิ ขา้ มคนั นา
มาแลว้ จะขนึ้ บนคนั นาทเ่ี ปน็ ทางเดนิ ขา้ งหนา้ ตรงมมุ คนั นา ควายกอ็ ยเู่ กอื บถงึ มมุ คนั นา
อกี ดา้ น ขณะทเ่ี รากำ� ลงั จะกา้ วเทา้ แรกขน้ึ บนคนั นานน้ั เจา้ ควายตวั เมยี กห็ นั หลงั กลบั
กระโดดขน้ึ บนคนั นาอกี ดา้ น ระยะหา่ งไมเ่ กนิ ๑๐ เมตร....เหมอื นนกั มวยกระโดดขนึ้ เวที
ไมผ่ ดิ เลย พอควายกระโดดขนึ้ มาแลว้ กว็ งิ่ ตรงเขา้ ใสเ่ ราเลย ชนดิ ทว่ี า่ ไมต่ อ้ งฟงั สญั ญาณ
ระฆงั ก่อนละ ไม่รโู้ กรธเคืองกนั มาแตไ่ หน

ในขณะทคี่ วายกระโดดขนึ้ มานนั้ จติ เราซงึ่ ระวงั ตวั อยกู่ อ่ นหนา้ นนั้ แลว้ กร็ วมเขา้
เปน็ หน่งึ ในทนั ที จติ สงบรวมลงเป็นสมาธิ ไม่มคี วามกงั วลหรือคำ� นงึ ถึงสิง่ ใดเลยใน
ขณะนั้น แมแ้ ต่ชวี ติ ของเราเองก็มไิ ดค้ ำ� นึงถงึ ในจติ ใจคิดวา่ “คราวนี้เอาเราแนแ่ ล้ว”

จติ ใจกม็ แี ตเ่ มตตาเทา่ นนั้ เปน็ อาวธุ ตอ่ สู้ ขณะนนั้ เรานกึ ในใจวา่ “เรามาเพอื่ บำ� เพญ็
สมณธรรม มาประพฤตปิ ฏบิ ตั เิ พอ่ื แสวงหาพระสทั ธรรมเพอ่ื ความพน้ ทกุ ข์ เรามไิ ดค้ ดิ
จะเบียดเบียนผใู้ ดเลย....เราไมเ่ ปน็ อันตรายแก่สตั วท์ งั้ หลาย” ในตอนน้ันเรามแี ต่แผ่
เมตตาธรรมออกไปเทา่ นน้ั พอเรานกึ เชน่ นี้ สายตาเรากเ็ พง่ มองดดู วงตาของควายอยู่
ตลอด ไมไ่ ดค้ ดิ สง่ิ ใดเลย...ขณะทน่ี กึ ในใจเสรจ็ ควายตวั ทวี่ ง่ิ มาจะชนนนั้ มนั กว็ ง่ิ มา
หยุดอยู่ตรงขา้ งหนา้ เราประมาณ ๔-๕ กา้ วเทา่ นั้น แปลกประหลาดมาก แลว้ มันก็
สะบดั เขาไปมาสกั ครหู่ นง่ึ แลว้ กล็ งไปจากคนั นาทเ่ี ปน็ ทางเดนิ เดนิ ไปทางมมุ เกา่ ทข่ี น้ึ มา
ครัง้ แรก

พอควายว่ิงเข้ามาจะชนเรานนั้ เรากย็ ืนหยดุ อยู่กบั ทเ่ี ฉยๆ ในครง้ั นน้ั พอควาย
ลงจากทางไป เรากเ็ ลยเดนิ ตอ่ ไป เดนิ ไปไดป้ ระมาณกา้ วสองกา้ วเทา่ นนั้ คราวนคี้ วาย
กระโดดขึน้ มาบนคันนาอกี ครงั้ หน่งึ ไม่ฟงั เสียงใครเลยท้งั น้นั วิ่งเข้าใส่เราตามแบบ
ฉบบั เดมิ อกี ครั้ง ในคราวน้ีเราเหน็ กระชนั้ ชิดมาก จึงกำ� หนดจติ ไปว่า

68

“ถ้าหากว่าเราเคยท�ำกรรมกับเจ้ามาแต่อดีตชาติแล้ว ก็ขอให้เจ้าจงชนเราเถิด
อยา่ ไดม้ เี วรมกี รรมซงึ่ กันและกนั อกี ตอ่ ไปเลย”

พอนกึ เสรจ็ ควายกว็ งิ่ มาหยดุ อยขู่ า้ งหนา้ หา่ งประมาณ ๒-๓ กา้ ว เราเพง่ มองดทู ่ี
ตาควาย มองเห็นแววตาของควายตัวนี้แล้วเรามีความรู้สึกว่าควายตัวน้ีมิได้มีจิตใจ
ดุร้ายนักหรอก เพียงแตว่ ่าดวงตาของมันแสดงความห่วงใยตอ่ ลูกๆ ของมันเทา่ นนั้
มนั คงกลวั วา่ ลกู จะมอี นั ตราย เพราะเราเดนิ ตรงไปทท่ี างควายผา่ นพอดี ความรกั ของแม่
ยอ่ มรกั และหวงแหนลกู ควายสะบดั หน้าไปมาอยู่ ๒-๓ คร้ัง

พอดมี คี นผงิ ไฟอยู่ ๒-๓ คน ขา้ งๆ หมบู่ า้ น คงเปน็ เจา้ ของควาย เหน็ เหตกุ ารณเ์ ลย
ตะโกนไลค่ วาย วง่ิ มาตคี วายแลว้ ไลไ่ ป เราเลยพดู ขนึ้ วา่ “อยา่ ไปตมี นั เลย มนั คงหวงลกู
อาตมาไม่เปน็ อะไรหรอก ขอบคุณมาก”

ความรสู้ กึ ในขณะทค่ี วายจะชนนน้ั มคี วามรสู้ กึ วา่ จติ รวมเปน็ สมาธอิ ยา่ งรวดเรว็
เหมอื นกบั จติ เราลอยอยบู่ นอากาศ แลว้ มองดวู ตั ถุ ๒ สง่ิ จะชนกนั จติ ในขณะนน้ั คดิ วา่
รา่ งกายตอ้ งแหลกแน่ ไมร่ อดแน่ เพราะนกึ ภาพเหมอื นเหน็ รถไฟวง่ิ ชนกนั แตว่ า่ จติ ใจ
ในขณะนน้ั ไม่มคี วามโกรธเคอื ง ไม่มีความหวาดกลัว หรอื สะดุง้ เลยแมแ้ ต่นิดเดยี ว
รสู้ กึ เฉยๆ ไมค่ ดิ หว่ งหรอื กงั วลใดๆ ทงั้ สนิ้ แมน้ กระทงั่ ชวี ติ หรอื รา่ งกายเรากม็ ไิ ดห้ ว่ ง
รู้สกึ วา่ จติ ในขณะน้นั สบายจริงๆ อยา่ งบอกไมถ่ กู

เชา้ วนั หนง่ึ ระหวา่ งกลบั จากบณิ ฑบาตกบั พระอาจารยท์ า่ นหนงึ่ พอเดนิ ออกจาก
หมบู่ า้ น เราสำ� รวมจติ ใจของเรา มองไปตามทางทเี่ ดนิ กลบั วดั พนื้ ทางเดนิ เปน็ ดนิ ทราย
ระหว่างท่ีเดินไปนนั้ เหน็ รอยเท้าสตั วช์ นิดหนง่ึ เตม็ พื้นทรายทัว่ ไปหมด มีแตร่ อยเท้า
เทา่ นนั้ เราไมท่ ราบวา่ เปน็ รอยเทา้ ของสตั วช์ นดิ ใด เรากถ็ ามทา่ นอาจารยว์ า่ “อาจารยค์ รบั
นีร่ อยเทา้ อะไรครบั ” ทา่ นกห็ ันมาดแู ลว้ ถามว่า “ไหนละ่ ” เราก็ช้ีให้ทา่ นดูตามพื้นวา่
“น่ีครับ รอยอะไร” ท่านก็หัวเราะขึ้นมาบอกว่า “ต๋ัน น่ี...รอยเท้าไก่ก็ไม่รู้จัก”
ทา่ นกพ็ ดู ตอ่ ไปวา่ “ทา่ นนไ่ี มส่ ง่ จติ ออกนอกเลยนะ” เรากค็ ดิ รำ� พงึ ในใจวา่ “ทา่ นอาจารย์
รูปนี้ก็รู้นะว่าเราไม่ค่อยส่งจิตออกนอก”....เป็นเวลาเกือบสองปีแล้วที่เรามาอยู่ทาง

69

ภาคอสี านตงั้ แตบ่ วชมา ตามหมบู่ า้ นตามชนบททเี่ ราบณิ ฑบาต โดยสว่ นมากชาวบา้ นจะ
เลย้ี งไกก่ นั เป็นปกติ แล้วเรากไ็ มเ่ คยเหน็ รอยเท้าไก่เลย เพราะวา่ ถ้าเรามองเหน็ ตวั ไก่
เมอื่ ไหร่ ทกุ ครงั้ เราจะเหน็ เปน็ ซากศพ เนา่ บา้ ง แหง้ บา้ ง เดนิ วง่ิ ไปมา เลยไมเ่ คยมองเหน็
ถงึ รอยเทา้ วนั นนั้ เปน็ วนั แรกทเ่ี รารจู้ กั รอยเทา้ ไกน่ บั ตง้ั แตบ่ วชมา มนั เปน็ เรอื่ งฝงั ใจเรา
มาจนบดั น้.ี ...

หลงั จากเกดิ เหตกุ ารณน์ แ้ี ลว้ ตอ่ จากนนั้ ไมน่ าน เรามเี หตจุ ำ� เปน็ ตอ้ งลงมาทำ� ธรุ ะ
ทกี่ รงุ เทพฯ ๒-๓ วนั จงึ ไดพ้ บหลวงปบู่ ญุ หนาอกี ครง้ั และไดต้ ดิ ตามคณะทา่ นไปกราบ
นมสั การหลวงปูข่ าว หลวงปูก่ นิ รี และท่านอาจารยจ์ วน ท่านอาจารย์แบน เราได้ไป
กบั หลวงปบู่ ญุ หนา พรอ้ มคณะญาตโิ ยมจากกรงุ เทพฯ และคณะไดเ้ ลยไปสง่ เราทวี่ ดั
หนองปา่ พง เพอื่ ไปกราบหลวงพอ่ ชา ในวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๓

เราไดต้ ดิ ตามหลวงปบู่ ญุ หนาไปกราบหลวงปกู่ นิ รี ทว่ี ดั กณั ตะศลิ าวาส จ.นครพนม
ท่านพักอยู่ท่ีกุฎีไม้หลังเล็กๆ กราบฟังธรรมท่านท่ีระเบียง ท่านเทศน์สอนเร่ือง
การพจิ ารณารา่ งกาย การพจิ ารณาอสภุ กรรมฐาน แยกธาตุ ทา่ นเทศนใ์ หฟ้ งั ประมาณ
ครง่ึ ชวั่ โมง พอเดนิ ออกจากกฎุ หี ลวงปกู่ นิ รี หลวงปบู่ ญุ หนาถามเราวา่ “เปน็ ยงั ไงตน๋ั ...
ฟงั ธรรมของหลวงปกู่ นิ รรี เู้ รอื่ งมย้ั ” เราตอบวา่ “รเู้ รอื่ งครบั แตว่ า่ บางสว่ นผมยงั ทำ� ไมถ่ งึ ”
...เนย่ี เรอ่ื งการพจิ ารณาอสภุ กรรมฐาน ทา่ นแสดงจนถงึ ละวาง ปลอ่ ยวาง เราพจิ ารณา
อสุภกรรมฐาน แต่ยงั ไม่ปลอ่ ยวางขน้ั เดด็ ขาด หลวงปบู่ ุญหนาบอกว่า “ไมค่ ่อยไดฟ้ ัง
ธรรมครบู าอาจารยท์ เี่ ทศนธ์ รรมะออกมาจากจติ ” ทา่ นวา่ “คกั หลาย สะใจ ซง้ึ ใจหลาย”
ธรรมะของหลวงปกู่ ินรี

หลงั จากนนั้ ทา่ นพาเราไปสง่ วดั หนองปา่ พง แลว้ ทา่ นกไ็ ปกราบหลวงพอ่ ชา หลงั จาก
หลวงปบู่ ญุ หนากลบั ไปแลว้ หลวงพอ่ ชาทา่ นพดู วา่ “พระผเู้ ฒา่ เนยี่ สำ� คญั นะ”

เรากลบั เขา้ วดั หนองปา่ พงคราวนี้ รสู้ กึ วา่ วดั เงยี บๆ ผดิ ปกติ อาจจะเปน็ เพราะวา่
พรรษาท่ีผ่านมา หลวงพ่อชาไปจำ� พรรษาทว่ี ัดบา้ นก่อนอกก็เป็นได้ ตอนนที้ ่านกย็ ัง
พกั อยทู่ ว่ี ดั บา้ นกอ่ นอก พระเณรทว่ี ดั หนองปา่ พงจงึ มไี มม่ าก ประมาณ ๒๕ รปู เพราะ

70

ไปอย่ตู ามสาขาต่างๆ ไปเที่ยวธดุ งค์บา้ ง ยิ่งพระนอ้ ย เราย่ิงชอบ เพราะอยู่กนั นอ้ ยๆ
สบายดี ไม่ยุ่งยากนัก หลวงพ่อชาท่านกลับมาอยู่วัดหนองป่าพงประมาณต้นเดือน
กุมภาพนั ธ์

การปฏบิ ตั ใิ นปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ตง้ั แตเ่ ดอื นมกราคม เปน็ ตน้ มา เราจะกลา่ วใหฟ้ งั บา้ ง
พอสมควรว่ามีสภาวธรรมอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้างเท่านั้น แต่จะให้ละเอียดเหมือน
เกดิ ข้ึนจรงิ คงเปน็ ไปไมไ่ ด้

สภาวธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ ตา่ งๆ เปน็ แตเ่ พยี งเหตเุ ทา่ นน้ั สว่ นผลนน้ั คอื การกำ� จดั กเิ ลส
ให้น้อยลงไป รไู้ ดท้ ่ีใจเทา่ นั้น

เราจะเล่าถงึ การพจิ ารณากายโดยตรง หมายถึงเรื่องรูปภายนอกไมต่ อ้ งก�ำหนด
ไม่ตอ้ งพจิ ารณาใหเ้ ป็นอสุภะแลว้ ในขณะน้ี

สภาวธรรมที่เกดิ ขึ้นมหี ลายๆ อยา่ ง คอื

ระยะแรก บางครงั้ เพยี งแตม่ องดคู นทม่ี าเทยี่ ววดั เหน็ ผหู้ ญงิ จะเหน็ เหมอื นกบั วา่
เนอ้ื หนงั ละลายไปในอากาศ เหลอื แตค่ วามวา่ ง จะเกดิ ขนึ้ เมอื่ มองดคู นชว่ั ขณะจติ เปน็ อยู่
ประมาณ ๑ อาทติ ย์ (จติ เหน็ ความเปน็ ธาตุ แสดงโดยสภาวธรรมทเี่ ปน็ เองเนอื่ งมาจาก
การพจิ ารณากายบอ่ ยๆ)

หลายคร้งั ทีน่ ัง่ สมาธิ จะเห็นรา่ งกายตนเองเหีย่ วแห้งบา้ ง เน่าบา้ ง

เวลาเดนิ จงกรม หรอื เดนิ ปกติ จะเหน็ ตวั เองเปน็ อสุภะเสมอๆ

ต่อมาเจรญิ อสภุ ะในกายตน เมื่อพจิ ารณาอสุภะในรา่ งกายตนเองบอ่ ยๆ เวลา
นงั่ สมาธิ เดนิ จงกรม จะปรากฏสภาวะตอ่ เนอื่ งขนึ้ เอง หมายความวา่ เวลาเราพจิ ารณา
กายเป็นอสุภะไปเร่ือยๆ จิตจะมาถึงระดับหนึ่ง (เหมือนตกร่องอะไรสักอย่างหนึ่ง)
ตอ่ นน้ั ไปจะเกดิ สภาวธรรมตอ่ เนอื่ งขน้ึ เกดิ ขน้ึ เองเปน็ ไปโดยอตั โนมตั ิ ไมต่ อ้ งพจิ ารณา
ของเปน็ เองคอื ...เมอื่ พจิ ารณาอสุภะ ----> ตอ่ ไปจะเกดิ เปลี่ยนแปลงเป็นธาตใุ ห้

71

เหน็ เอง -----> แลว้ กลายเปน็ ความวา่ งไปเอง เปน็ อยชู่ วั่ ขณะจติ หนงึ่ ขณะนน้ั จะเดนิ
หรอื นง่ั อยกู่ ต็ าม รปู กายปจั จบุ นั จะหายไป (ในความรสู้ กึ ของจติ ใจ) จะเกดิ สภาวธรรม
แบบนี้เขา้ มาแทน เปน็ อย่บู ่อยคร้ัง

ขณะกำ� หนดทำ� สมาธิ เวลาเดนิ บณิ ฑบาตไปตามทงุ่ นา พบเหน็ คนทำ� นา เรากส็ ามารถ
กำ� หนดสมาธใิ นขณะเดนิ อยนู่ น้ั ทำ� ลายคนเหลา่ นนั้ ใหก้ ลบั ไปสสู่ ภาพเดมิ ในทนั ที คอื
กลบั ไปเปน็ ธาตุ ๔ ตามเดมิ ละลายคนเหลา่ นนั้ ลงไปในดนิ ในนำ้� แลว้ พจิ ารณากลบั
เข้ามาจากธาตุ ๔ มาเป็นคนเดิมอีก (เหน็ ในจิต)

ระยะเดอื นพฤษภาคม บางครง้ั เดนิ จงกรมพจิ ารณาธาตุ บางครงั้ ปรากฏสภาวธรรม
เกดิ ขึ้น เห็นแต่ธาตุน�้ำลอยตวั อยู่ ไม่มีสว่ นอ่นื เหลืออยู่ เหลือแต่ความว่างในขณะ
จติ นัน้

บางคราวเดนิ จงกรมพจิ ารณาธาตุ จติ เหน็ รา่ งกายกลายเปน็ ดนิ ไปหมด เปน็ ดนิ
ไปทงั้ ก้อน เดนิ ไปเดนิ มา ดินก็แตกรา้ วเปน็ รอย เหมอื นดนิ เหนียวแตกออก แต่เป็น
รปู คนอยู่ เวลาออกจากสมาธิแลว้ สภาวธรรมเชน่ น้ยี งั ปรากฏอย่รู ว่ ม ๒ อาทติ ย์
กำ� หนดจติ ดูตนเองคร้งั ใด จะเหน็ แต่ดินเหนยี วทงั้ ก้อน

เวลาน่งั สมาธิ
กอ่ นฉนั ภัตตาหาร มเี วลาวา่ ง นงั่ สมาธิ ๑๐-๑๕ นาที น่ังก�ำหนดไปสกั คร่หู นึ่ง
พอถงึ เวลาฉนั อาหาร ฉนั ไป พจิ ารณาไป อาหารทอ่ี ยใู่ นปากกลายเปน็ ดนิ ไปหมด เกอื บจะ
คายทงิ้ แลว้ แตจ่ ติ เราพจิ ารณาเรว็ พจิ ารณายอ้ นกลบั เขา้ มาพจิ ารณารา่ งกายใหเ้ หน็ เปน็
ดินบา้ ง คราวนร้ี ู้สึกวา่ ดินเคย้ี วดนิ อยู่ ก็เลยฉันอาหารได้ตอ่ ไป

เวลาบณิ ฑบาต บางครงั้ จติ คา้ ง (ในอารมณอ์ สภุ ะ) เหน็ พระเดนิ อยขู่ า้ งหนา้ จติ กเ็ หน็
เปน็ ซากศพ เลยพจิ ารณาจติ กลับใหเ้ ป็นกลาง จิตจึงเปน็ ปกติ

72

ระยะเดือนมถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๒๓ (อิรยิ าบถทง้ั ๔)

เมอ่ื กำ� หนดทำ� สมาธใิ น ๔ อริ ยิ าบถ สว่ นมากมกั จะเหน็ ความเปน็ ธาตเุ กดิ ขนึ้ เสมอ
สภาวธรรมตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ บางครงั้ อาจจะทำ� ใหค้ นหลงมากยงิ่ ขน้ึ กเ็ ปน็ ได้ เพราะจติ ยดึ
สภาวธรรมทเ่ี กดิ ขนึ้ นน้ั มาเปน็ ตวั ตน แทนทจี่ ะมองเหน็ วา่ นน่ั เปน็ ธรรมชาตขิ องสภาวธรรม
เกดิ ข้ึนแล้วดบั ไปเท่าน้นั เอง

ผปู้ ฏบิ ัตทิ ี่ไมม่ ีปญั ญา เม่อื เกิดสภาวธรรมต่างๆ ขนึ้ มาแลว้ แทนทจี่ ะพจิ ารณา
เพอื่ เปน็ การไถถ่ อนตวั ตน กลบั หลงยดึ วา่ เราเกง่ เราเปน็ นี่ เราเปน็ นน่ั ทำ� ใหห้ ลงยดึ
มาเป็นตัวตนมากยิง่ ขนึ้ แทนทีจ่ ะเปน็ การละตัวตนหรอื การปล่อยวางออกไป

น่ีแหละ คือความหลงในสภาวธรรม ถ้าผู้มปี ญั ญาพจิ ารณาเป็น กท็ ำ� ใหเ้ กิด
ปญั ญาได้

ในระหวา่ งนน้ั เรารสู้ กึ วา่ อยากปลกี ตวั ออกจากหมคู่ ณะไปอยคู่ นเดยี ว อยใู่ นวดั
ทม่ี ีพระนอ้ ยๆ ไม่มงี านกอ่ สรา้ ง เราจะไดท้ ำ� ความเพียร พิจารณากายให้หนักยิง่ ข้ึน
ขณะนน้ั เรานกึ ถงึ สถานท่ี ๒ แหง่ คอื อำ� เภอบา้ นหม่ี จ.ลพบรุ ี และทวี่ ดั ปา่ กณั ตะศลิ าวาส
จ.นครพนม (หลวงปกู่ นิ ร)ี ทอ่ี ยากไปอยทู่ นี่ น่ั เพราะวา่ จะไดอ้ ยคู่ นเดยี ว หา่ งไกลเพอ่ื นๆ
ท่คี ุน้ เคย จะไดป้ รารภความเพียรมากขึ้น

วนั พธุ ที่ ๒๕ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๒๓ มสี ภาวธรรมบางอย่างเกิดขึ้น ในวันน้นั
เราและหมเู่ พอื่ นไดไ้ ปบณิ ฑบาต ตอนกลบั เดนิ มาตามทาง พระสองรปู เดนิ ไปขา้ งหนา้
สว่ นเราเดนิ สนทนากบั สามเณร ระหวา่ งนนั้ เรากท็ ำ� สมาธกิ ำ� หนดดกู ายดว้ ยตามความ
เคยชนิ ในระหวา่ งพดู คยุ ปรากฏวา่ ในขณะนน้ั ไมเ่ หน็ มรี า่ งกายตวั เราอยเู่ ลย....รา่ งกาย
เราหายไป หายไปจรงิ ๆ ความรูส้ ึกเหน็ แต่เพยี งธาตทุ ง้ั ๔ เทา่ นัน้ ปรากฏลอยตวั อยู่
หมนุ อยูก่ ลางอากาศ (เหมือนคนเค่ียวขนมในกระทะใบใหญ)่ เหน็ เปน็ แตธ่ าตุหมนุ
รวมตัวกันอยู่ มีแตค่ วามรอู้ ยู่เท่านน้ั

73

พอกลบั ถงึ วดั หนองปา่ พง เราไดเ้ ลา่ ใหพ้ ระเพอ่ื นฟงั ตอ่ จากนน้ั เรากเ็ ขา้ ไปนงั่ บน
อาสนะในหอฉนั (ระหวา่ งทมี่ าถงึ วดั มคี วามรสู้ กึ วา่ อะไรจะลน้ ออกมาจากจติ ใจ) พอนงั่
แลว้ หลบั ตาลง ก็เหน็ ธาตุ ๔ รวมตัวกันอกี มคี วามรู้ว่าเหน็ ชัดแจ้งขึ้น มีความรูอ้ ยู่
เห็นความวา่ งไม่มตี วั ตนเลยในขณะน้ัน

ความรนู้ ี้ รวู้ า่ กายเราทสี่ ดุ เปน็ แตเ่ พยี งธาตเุ ทา่ นนั้ เอง ตอนนนั้ กายไมม่ แี ลว้ เหน็ แต่
ธาตุเท่านนั้ ท่ปี รากฏ

ความรสู้ กึ ในจติ รสู้ กึ วา่ นำ�้ ตาไหลพรากออกมาในขณะนนั้ เพราะจติ ระลกึ ถงึ สตั ว์
ทย่ี งั ไมเ่ หน็ ความจรงิ ดงั ทเี่ ราไดเ้ หน็ ในขณะนี้ ในขณะนนั้ มจี ติ เมตตาสงสารคนและสตั ว์
ไม่มีประมาณ อยากให้เขารู้อยากให้เขาเห็นแบบเราบ้าง และระลึกถึงพระเมตตา
พระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์อันไม่มีประมาณ นึกถึงว่าตัวเรานี้โชคดีนัก
มบี ญุ ทไี่ ดม้ าเหน็ ความจรงิ ดงั ทป่ี รากฏอยนู่ ้ี ทำ� ใหน้ ำ�้ ตาไหลพรากออกมาอยา่ งไมห่ ยดุ
กระท่ังตอ้ งเดนิ ออกมาด้านนอกหอฉัน

เม่อื ออกมาดา้ นนอก เรากร็ ีบเดินไปกฎุ ขี องพระเพอื่ นที่อยใู่ กล้ศาลา น�ำ้ ตาไหล
ออกมาไมห่ ยดุ พอไปถงึ กฎุ ี กราบพระ ๓ ครงั้ ครงั้ ท่ี ๓ ฟบุ ลง นำ้� ตาไหลพราก ตนื้ ตนั
ในจิตใจ นึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันไม่มี
ประมาณ

วนั ท่ี ๒๖ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๒๓ ตอนเชา้ ระหวา่ งบณิ ฑบาต มเี หตกุ ารณผ์ ดิ แปลก
ไปจากเดิม ๓ ประการ

๑. กายเบา จิตเบา.....(ละเอียดมาก)

กาย.....โปรง่ เบามาก คลา้ ยลกู โปง่ สวรรคจ์ ะลอยได้ กายวา่ งเหมอื นไมม่ อี วยั วะ
ภายใน (ความรสู้ กึ ) จงึ รสู้ กึ เบามาก ความรสู้ กึ คดิ วา่ สามารถแบกโลกไดท้ งั้ โลก จติ มี
ก�ำลังมาก

74

จิต......รู้สึกว่าจิตจะเปล่ียนไป เห็นดวงจิตในจิตว่า....จิตละเอียดข้ึนกว่าเดิม...
บรสิ ทุ ธกิ์ วา่ เดมิ (มคี วามรสู้ กึ วา่ จติ จะเปลย่ี นกอ่ นหนา้ นป้ี ระมาณ ๑ สปั ดาหแ์ ลว้ ตอนแรก
เรานกึ วา่ นสิ ยั เราคงจะเปลยี่ นไปดว้ ย แตต่ อ่ มารสู้ กึ วา่ นสิ ยั ตา่ งๆ ภายนอกเหมอื นเดมิ
เปล่ียนเฉพาะภายในจติ ใจเทา่ นนั้ )

๒. เหน็ คนแก่ เดก็ ระหวา่ งทางบณิ ฑบาต มสี ภาพเทา่ กนั หมด จติ ไมย่ นิ ดยี นิ รา้ ย
ไมใ่ ชว่ า่ จติ ไมห่ วนั่ ไหว หรอื จติ ตงั้ มนั่ แตว่ า่ เปน็ ความเหน็ แจง้ ในกายทล่ี ะเอยี ดขนึ้ จติ เลย
วางอุเบกขา

๓. ปีติในพระสัทธรรม พระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์เกิดขึ้นในจิต
ขณะเดนิ กลับจากบิณฑบาต แตไ่ ม่เท่าเมื่อวานนี้

ถา้ จะกลา่ วถงึ เรอ่ื งกเิ ลสตณั หา กามราคะ ปกตอิ ารมณท์ จี่ ะเกดิ ขน้ึ ในเวลาเราอยู่
เฉยๆ ซงึ่ เกดิ ขน้ึ มาเอง แตเ่ ปน็ อารมณท์ อ่ี ยไู่ มน่ านกด็ บั ไป พรรษาที่ ๑ อารมณพ์ วกน้ี
จะเกิดข้นึ ๒-๓ นาที หรอื อยา่ งมากไมเ่ กนิ ๕ นาที สมัยน้ันยงั ไม่ช�ำนาญในอบุ าย
พอพรรษา ๒ ที่ผา่ นมานี้ อารมณท์ ีเ่ กิดมขี น้ึ ไมเ่ กนิ ๑ นาที เกิดขน้ึ มาไมน่ านก็ดับไป
จติ ใจกไ็ มต่ อ้ งการ มแี ตเ่ พยี งอารมณท์ ดี่ นั ขน้ึ มาเทา่ นน้ั เราดอู ยเู่ ฉยๆ เรอื่ งนไี้ มท่ ำ� ความ
หนกั ใจใหแ้ กเ่ ราเลย ระยะจะเขา้ พรรษาท่ี ๓ นี้ อารมณย์ ง่ิ บางเบามากขนึ้ อกี จะมปี รากฏให้
รนู้ อ้ ยมาก จะรใู้ นจติ เวลานอนหรอื อยเู่ ฉยๆ รสู้ กึ แตเ่ พยี งวา่ ไมม่ อี ำ� นาจตอ่ เราเลย แต่
เรือ่ งภายนอกนน้ั มองเหน็ คนสวยขนาดไหน อารมณ์กไ็ มเ่ กดิ ขึ้น

พ้นื ฐานของจติ ใจเรา พบเหน็ ผูห้ ญิง ใจจะนกึ วา่ เขาเปน็ พีส่ าว นอ้ งสาว ของเรา
เทา่ น้ัน จะไมค่ ิดเปน็ อืน่ ใจมีแต่เมตตาเหมือนกับญาตพิ น่ี อ้ งเท่านัน้

กอ่ นหนา้ นนั้ มกี ารแจง้ วา่ ทา่ นใดมคี วามประสงคจ์ ะไปจำ� พรรษากบั หลวงปกู่ นิ รี
เราขอสมัครไป แตห่ ลวงพ่อบอกวา่ หลวงปกู่ นิ รีชอบพระผ้เู ฒ่าดว้ ยกัน จึงไมไ่ ดไ้ ป
ตอ่ มาเราทราบขา่ ววา่ เราและเพ่อื นพระไดร้ ับอนญุ าตใหไ้ ปจำ� พรรษาทอ่ี ำ� เภอบา้ นหม่ี

75

พรรษาท่ี ๓
สำ� นกั วปิ ัสสนาชวนพว่ งพทุ ธ ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี

เราและเพื่อนพระถูกส่งมาจ�ำพรรษาท่ีนี่ เม่ือมาถึงพบว่ามีพระอยู่รูปหน่ึง
จงึ จำ� พรรษารว่ มกัน ๓ รูป ส�ำนกั น้เี ปน็ สว่ นหน่งึ ของวดั คลองสุทธาวาส แบ่งเปน็
ส�ำนกั ปฏบิ ตั ิ เน้อื ทป่ี ระมาณ ๒ ไร่ มีกฎุ ี ๕ หลงั ใช้ได้ ๔ หลัง มีศาลา ๑ หลัง
มตี ้นไมข้ ึน้ พอไดอ้ าศยั ความรม่ เย็นบา้ ง มสี ระบวั หลวงอยใู่ นบริเวณสำ� นกั

ในพรรษานส้ี บายหนอ่ ย เพราะอยกู่ นั แบบงา่ ยๆ ไมม่ พี ธิ อี ะไรมากนกั ใหโ้ อกาส
ซึง่ กันและกนั ในการปฏบิ ัติใหเ้ ต็มท่ี ใครจะทำ� อะไรก็ได้ เพราะวา่ อย่กู ันเพยี ง ๓ รปู
พวกเราไดต้ กลงกนั วา่ ไมม่ กี ารทำ� วตั รสวดมนต์ ใหอ้ สิ ระการทำ� ความเพยี รอยา่ งเตม็ ท่ี
เพราะต่างคนต่างรู้หน้าที่กันดีอยู่แล้ว เลยไม่ท�ำให้เกิดความยุ่งยากใจต่อทุกคน
งานภายในสำ� นกั กไ็ มม่ ี จะมบี า้ งกเ็ พยี งเลก็ ๆ นอ้ ยๆ เชน่ กวาดใบไม้ ตกั นำ�้ ลา้ งบาตร
ถศู าลา ซึ่งเปน็ กจิ วตั รประจำ� วนั ทกุ คนกช็ ว่ ยกนั ท�ำ เลยไมเ่ ปน็ ปญั หา เวลาในการทำ�
ความเพียรจึงมีมากในพรรษาน้ี ระยะทางบณิ ฑบาตกไ็ ม่ไกลนัก บณิ ฑบาตบริเวณ
ตลาดบ้านหมี่ เดินไป-กลับประมาณ ๑ ชั่วโมง ตอนเช้ามีโยมน�ำปิ่นโตมาถวาย
๒-๓ บา้ น ประมาณ ๓-๔ คน เกอื บทกุ วนั วนั พระกม็ โี ยมมาเพมิ่ ขน้ึ ประมาณ ๕-๖ คน
ตลอดพรรษา อาหารการฉนั กค็ อ่ นขา้ งมาก อากาศทนี่ ก่ี ด็ พี อสมควร ทกุ อยา่ งพอเหมาะ
ตอ่ การปฏบิ ตั ิ จะมเี สยี งเพลงรบกวนบา้ งเลก็ นอ้ ยจากโรงหนงั จากวดั ขา้ งๆ ซง่ึ ไมเ่ ปน็
ปัญหาในเรอื่ งนี้

76

ในระยะแรกท่เี รามาถึงบา้ นหม่ีใหมๆ่ ออกบิณฑบาตในตลาด รสู้ กึ ว่าจติ รวม
เปน็ หนงึ่ จติ ปรบั เขา้ มาอยใู่ นอเุ บกขา เมอื่ พบเหน็ บา้ น ตกึ อาคาร ถนน รถยนต์ สง่ิ กอ่ สรา้ ง
หรอื สง่ิ มชี วี ติ จติ จะอยใู่ นลกั ษณะวางเฉย คอื ไมย่ นิ ดี ไมย่ นิ รา้ ย จติ จะเฉยๆ เมอ่ื มองดู
สงั เกตดทู จี่ ติ รสู้ กึ วา่ จติ สงบลง เนอ่ื งจากพจิ ารณาเหน็ ทง้ั ๒ ขา้ ง คอื ความยนิ ดี และ
ความยนิ รา้ ย แลว้ จติ จงึ สงบลง ไมไ่ ดส้ งบจากสมาธกิ ดไว้ แตส่ งบจากการพจิ ารณาแลว้
วางลงไป เพราะฉะนนั้ ภารกจิ ตา่ งๆ ภายนอกนน้ั เราคดิ วา่ ไมม่ แี ลว้ ในขณะนี้ ระยะนนั้
เรามาคิดพิจารณาอย่วู า่ เราจะจดั การอยา่ งไรกับกายน้ีดี....พิจารณาอยู่ ๑ สปั ดาห์ได้

สรปุ รวมลงว่า

เราจะพจิ ารณากายเปน็ อารมณต์ ลอดไป จะพยายามมสี ตอิ ยใู่ นกายตลอด บางครง้ั
เรากำ� หนดเพ่งดูหนัง เพง่ จนเหน็ สภาวธรรม เปน็ หนงั ละลายออกบ้าง เปน็ ธาตุ ๔
ขยายใหญข่ นึ้ บา้ ง จนละลายหายไป จติ กร็ วมตวั เปน็ สมาธิ วางนมิ ติ ลง จติ กท็ รงอเุ บกขา
จติ ใจเปลย่ี นละเอยี ดขน้ึ จติ หยดุ พจิ ารณาอสภุ ะ ธาตุ มาเหน็ รา่ งกายในปจั จบุ นั วา่ ไมใ่ ช่
ตวั เรา เหน็ เปน็ ความสกปรกในสภาวะปกติ ตอ่ จากนน้ั ประมาณ ๑ เดอื น จติ เหน็ สภาวะ
ความวา่ งของโลกนที้ ง้ั หมด ในขณะทตี่ ามองออกไปในโลกกวา้ งใบนี้ แตใ่ จนน้ั เหน็ ไป
ด้วยกบั ตาว่า ทกุ สิง่ ท่มี องเหน็ ดว้ ยดวงตาวา่ งไปหมด ทราบในใจวา่ เปน็ แต่เพยี งธาตุ
ตามธรรมชาตมิ ารวมกนั เหน็ วตั ถแุ ละสง่ิ มชี วี ติ เปน็ ของวา่ ง มองดโู ลง่ ไปหมด ไมม่ อี ะไร
ตดิ ขดั ทราบถึงความเปน็ ธาตุต่างๆ โดยแทจ้ รงิ ในขณะนน้ั

ในระหวา่ งทเ่ี รากำ� ลงั พจิ ารณาหาทางอยนู่ นั้ เผอญิ เราไดห้ ยบิ หนงั สอื ๘๐ อนพุ ทุ ธะ
มาอา่ นดู ไดอ้ า่ นถงึ เรอ่ื งพระมหากสั สปเถระ เมอ่ื ทา่ นออกบวช พระพทุ ธเจา้ ใหท้ า่ นปฏบิ ตั ิ
๓ ขอ้

ในขอ้ ท่ี ๓ พระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่ “ดกู อ่ นกสั สปะ ทา่ นจงมสี ตอิ ยใู่ นกาย จงอยา่ ละสติ
ออกจากกาย” ในกาลตอ่ มาในทีส่ ุด ท่านกไ็ ด้สำ� เรจ็ เปน็ พระขณี าสพ

เราอา่ นดแู ลว้ ทางทเ่ี ราจะดำ� เนนิ ไปคงจะเปน็ ทางทถี่ กู ตอ้ งแนแ่ ท้ แตก่ ารทจ่ี ะมสี ติ
พิจารณากายเปน็ อารมณน์ ้ี มีหลายทางทจี่ ะทำ� ได้ คือเราเคยพิจารณาอสุภกรรมฐาน

77

และพจิ ารณาธาตกุ รรมฐาน เลยเกดิ ความลงั เลใจวา่ จะเลอื กพจิ ารณาอยา่ งไหนจงึ จะดี
เราพจิ ารณาเหน็ วา่ เราเคยพจิ ารณาอสภุ ะมากอ่ น และยงั เคยอธษิ ฐานดดู ว้ ย เลยตดั สนิ ใจ
วา่ เราจะเจรญิ อสภุ ะเปน็ อารมณเ์ ทา่ นน้ั เกดิ มปี ญั หาขน้ึ อกี วา่ อสภุ ะนนั้ เรามนี มิ ติ มาก
จะพจิ ารณาแบบไหนดี ในทส่ี ดุ ตกลงใจพจิ ารณาอสภุ ะในลกั ษณะเนา่ นอกนน้ั ตดั ทงิ้ หมด
(ยกเวน้ จะเกดิ ขน้ึ เอง) เพราะเรารสู้ กึ ซง้ึ ใจทสี่ ดุ ในอสภุ ะแบบเนา่ มนี ำ้� เหลอื งไหล ตอ่ นไ้ี ป
เราจะกำ� หนดสตทิ ำ� สมาธใิ หต้ ดิ ตอ่ กนั ทกุ อริ ยิ าบถจนกวา่ จะนอน จะใหม้ สี ตอิ ยทู่ กี่ าย
ก�ำหนดพิจารณาอสุภะเป็นอารมณ์ เพราะแต่เดิมในอดีตเราเห็นตัวเราว่าเป็นตัวตน
ถอื วา่ เปน็ ตวั เราตลอดเวลา ถา้ เราทำ� จติ ใหเ้ หน็ ตรงขา้ ม คงจะมที างถงึ ทสี่ ดุ แน่ เราคดิ วา่
ความยึดม่นั ถอื ม่นั คงจะคลายออกแน่นอน

ตอ่ มาในระหวา่ งบณิ ฑบาต เราจงึ กำ� หนดจติ ปกั ลงมาทก่ี ายตลอดเวลา รวมกำ� ลงั
ลงทเี่ ดยี ว ปรากฏวา่ เหน็ กายเนา่ มแี ตน่ ำ้� เหลอื งไหลทว่ั ตวั ตลอดเวลาทบ่ี ณิ ฑบาต แตจ่ ติ
ทรงอเุ บกขา ดอู ยเู่ ฉยๆ กำ� หนดได้ ๓-๔ วนั พยายามกำ� หนดตลอดวนั เวลาเดนิ จงกรม
กก็ ำ� หนดนำ�้ เหลอื งไหลออกจากฝา่ เทา้ ใหร้ สู้ กึ วา่ เทา้ เนา่ จนเกดิ ความรสู้ กึ เสยี วทฝี่ า่ เทา้
แตเ่ รากำ� หนดสติดูเฉยๆ

การปฏิบัติในข้ันน้ี เราคดิ ว่าตอ้ งมสี ติบังคับจิตดว้ ยก�ำลังของสมาธิ ใหจ้ ิตอยู่
กับกายตลอดจนกว่าจะขาดจากกัน แต่ระยะนั้นเราก็ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ตามโอกาส
ไมเ่ ครง่ เครยี ดเกนิ ไปนกั บางวนั ในพรรษาตอนบณิ ฑบาต จติ ทรงอเุ บกขา มองเหน็ ผหู้ ญงิ
จิตไม่ยินดี แต่จะเกดิ สภาวธรรมขน้ึ ในจิตให้ปรากฏเห็นความเสอ่ื มไปของคนๆ นนั้
จนกระทง่ั ไมม่ อี ะไรเหลอื อยเู่ ลย แลว้ จติ กย็ อ้ นกลบั มาปรงุ แตง่ จากความวา่ งใหก้ ลบั สู่
รปู คนตามเดมิ (เหน็ ธาตปุ รงุ แตง่ ขนึ้ เอง) เปน็ แบบนท้ี เ่ี รามองดทู กุ คน โดยไมต่ อ้ งกำ� หนด
สมาธิ แค่มองดูเฉยๆ

ตน้ เดอื นสงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ เหน็ สภาวธรรมอนั หนงึ่ เกดิ ขนึ้ เมอื่ ตามองเหน็ รปู
จะเห็นกายของคนแตกออกจากกันจนเป็นความว่างทันที ความรู้สึกที่เกิดข้ึนน้ี
อศั จรรยใ์ นใจ จะอธบิ ายใหล้ ะเอยี ดเหมอื นกบั สงิ่ ทเ่ี กดิ ในจติ นย้ี ากยง่ิ นกั สงิ่ ตา่ งๆ ที่
เกดิ ขนึ้ นี้ เปน็ เหตทุ จี่ ะทำ� ให้ความยึดมนั่ ถือมน่ั ในตวั ตนนอ้ ยลงไป เมื่อความยดึ ม่นั

78

ถอื มนั่ ในตวั ตนนอ้ ยลง ความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะ กน็ อ้ ยไปดว้ ยเปน็ ธรรมดา
รสู้ กึ สงสารคนเหลอื เกนิ เกอื บนำ�้ ตาไหล เหน็ วา่ สภาพรปู นน้ั ไมใ่ ชข่ องคนเหลา่ นนั้ มแี ต่
จติ เขา้ มาอาศยั อยู่ รา่ งกายเปน็ แตส่ ภาพปรงุ แตง่ ขน้ึ มาเทา่ นนั้ คนเลยมอี ปุ าทานยดึ ถอื วา่
เปน็ ตัวตน

เมอ่ื คนทง้ั หลายหลงวา่ รา่ งกายนส้ี วยงาม ยอ่ มเหน็ รา่ งกายของบคุ คลอน่ื เปน็ สงิ่ ท่ี
สวยงามดว้ ย เมอื่ มคี วามยดึ มนั่ ถอื มนั่ ในตวั ตน จงึ มวี ตั ถสุ งิ่ ของเปน็ ของๆ ตน ความโลภ
ความโกรธ ความหลง จงึ เกดิ ขน้ึ เมอื่ ยอ้ นทวนกระแสมาพิจารณาให้เหน็ ตรงข้าม
คอื เหน็ วา่ ตวั เราไมใ่ ชข่ องเรา เหน็ ตวั เราเปน็ สงิ่ ทไี่ มส่ วยงาม กย็ อ่ มเหน็ คนอน่ื ไมส่ วยงาม
ความยดึ มนั่ ถอื มน่ั ในตวั ตนและวตั ถธุ าตกุ ล็ ดนอ้ ยลง ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ก็จะลดน้อยลงไปด้วย

เรากำ� หนดทำ� สมาธไิ ป มคี วามรสู้ กึ วา่ เมอ่ื เราตง้ั สตกิ ำ� หนดลงทก่ี ายดว้ ยกำ� ลงั ของ
สมาธเิ พอื่ ใหเ้ หน็ เปน็ อสภุ ะ แต่จิตไมเ่ หน็ ไม่สลด แตเ่ ห็นสภาวะอย่างหนง่ึ แทน คือ
เหมอื นกบั วา่ ....จติ ของเราวง่ิ เขา้ ไปในเนอื้ จนถงึ ในกระดกู แลว้ วงิ่ ออกมาอยบู่ นผวิ เนอื้
วง่ิ ทะลเุ ขา้ ไป...แลว้ วง่ิ ทะลอุ อกมา จติ เขา้ ไปเหน็ หนงั เนอ้ื เอน็ กระดกู ทกุ ๆ ชนั้ แลว้ ถอย
ออกมา ในระหวา่ งทจ่ี ติ วง่ิ เขา้ -ออก รสู้ กึ วา่ จติ ดเู ฉยๆ เหน็ รา่ งกายนช้ี ดั มาก เหมอื นเรา
มุดเขา้ ไปดวู ่าในเนื้อในกระดูกวา่ เป็นอย่างไร เรามีสตดิ อู ยู่ หลงั จากวนั นัน้ มา เราจะ
อาบนำ�้ ชำ� ระรา่ งกายหรอื ทำ� อะไร มคี วามรสู้ กึ เหมอื นกบั วา่ รา่ งกายนไี้ มใ่ ชข่ องเรา เราทำ�
ความสะอาดไปอย่างน้นั เอง เป็นความรูส้ ึกทีไ่ ม่เคยมมี าก่อน

แมเ้ วลาเดนิ จงกรม พจิ ารณาอาการ ๓๒ ไป ร้สู กึ ว่าจิตใจเห็นชดั แจง้ เชื่อว่า
รา่ งกายนไ้ี มใ่ ชข่ องเรา เหน็ ชดั อยา่ งไมเ่ คยปรากฏ เหน็ ชดั ในจติ ใจ ตง้ั สตดิ เู ฉยๆ จติ ใจ
ไมส่ ลดเหมอื นแตก่ อ่ น แตเ่ หมอื นกบั วา่ จติ ยอมรบั ตามความเปน็ จรงิ วา่ รา่ งกายไมใ่ ชเ่ รา
จะพจิ ารณารา่ งกายคราวใด รสู้ กึ วา่ จติ เหน็ ชดั จติ ยอมรบั แตว่ า่ จติ ไมส่ ลดเหมอื นกอ่ น
ตงั้ แตม่ าอยทู่ บ่ี า้ นหม่ี รสู้ กึ วา่ จติ เหน็ เฉยๆ แตเ่ หน็ ชดั อยา่ งไมเ่ คยปรากฏ จะพจิ ารณา
อาการ ๓๒ จิตก็ยอมรับอยา่ งไม่เคยเปน็ (เหน็ ชดั ขึ้น ละเอียดข้นึ )

79

เดือนกันยายน พจิ ารณาอสุภะ จติ ก็ไมส่ ลด แตจ่ ิตใจยอมรบั มีสติดอู ย่เู ฉยๆ
เทา่ นนั้ เอง รอู้ ยใู่ นปจั จบุ นั ทเี่ กดิ ขนึ้ เทา่ นนั้ ในระยะตอ่ มา เราไดอ้ า่ นประวตั กิ ารปฏบิ ตั ิ
ของหลวงปู่เทสก์ เทสรงั สี พบว่าหลวงปเู่ ทสก์ติดในสมาธิอย่หู ลายปี จติ เข้าสภู่ วงั ค์
บอ่ ยครงั้ ทา่ นไดม้ าเรยี นถามทา่ นอาจารยส์ งิ ห์ หลวงปเู่ ทสกก์ ย็ งั ไมพ่ อใจในคำ� ตอบนน้ั
เพราะวา่ ทา่ นอาจารยส์ งิ หใ์ หม้ าพจิ ารณากายเปน็ อสภุ ะ หลวงปเู่ ทสกก์ ย็ งั คลางแคลงใจ
เพราะทา่ นคดิ วา่ ...... ทา่ นพจิ ารณาจติ ซงึ่ เปน็ ของละเอยี ดกวา่ รา่ งกายนแี้ ลว้ เรอ่ื งอะไร
จงึ ตอ้ งยอ้ นกลบั ไปพจิ ารณาของหยาบๆ ดว้ ย ทา่ นคดิ เชน่ นี้ แตท่ า่ นกย็ งั ไมเ่ ชอ่ื ตนเองนกั
เพอ่ื ใหค้ ลายความสงสยั ทา่ นจงึ ดำ� รใิ นใจวา่ หลวงปมู่ นั่ เทา่ นนั้ ทจ่ี ะชว่ ยทา่ นได้ ทา่ นจงึ
ออกเดนิ ทางตดิ ตามหาหลวงปมู่ น่ั ซง่ึ ในทสี่ ดุ ทา่ นกไ็ ดพ้ บหลวงปมู่ นั่ ทเี่ ชยี งใหม่ ทป่ี า่ เมยี่ ง
แมป่ งั๋

หลวงปเู่ ทสกจ์ งึ ไดก้ ราบเรยี นถงึ เรอ่ื งการปฏบิ ตั ใิ หห้ ลวงปมู่ นั่ ทราบ ในคราวนน้ั
หลวงปเู่ ทสกม์ พี รรษาได้ ๑๒ พรรษา เมอื่ หลวงปมู่ น่ั ไดฟ้ งั แลว้ จงึ มเี มตตาอบรมแนะนำ�
ถงึ การปฏบิ ตั ใิ หห้ ลวงปเู่ ทสกน์ ำ� ไปปฏบิ ตั ดิ ู หลกั ปฏบิ ตั ขิ องหลวงปมู่ นั่ ภรู ทิ ตโฺ ต ทแี่ นะนำ�
หลวงปเู่ ทสก์ มีความวา่

“ทา่ นเทสก์ ...ถ้าองคไ์ หนดำ� เนนิ ตามรอยของผมจนช�ำนชิ ำ� นาญมัน่ คง องคน์ น้ั
ยอ่ มเจรญิ ก้าวหน้า อยา่ งนอ้ ยก็คงตัวอยไู่ ด้ตลอดรอดฝง่ั ถ้าองคไ์ หนไมด่ ำ� เนินตาม
รอยของผม องคน์ น้ั ยอ่ มอยไู่ มท่ นนาน ตอ้ งเสอื่ มหรอื สกึ ไป....ผมเองหากมภี าระมาก
ยุ่งกับหมู่คณะ การประกอบความเพียรไม่สม่�ำเสมอ เพ่งพิจารณาในกายคตา
ไม่ละเอียด จิตใจก็ไม่ค่อยจะปลอดโปร่ง การพิจารณาอย่าให้จิตหนีออกนอกกาย
อนั น้ี จะชดั เจนแจม่ แจง้ หรอื ไมก่ อ็ ยา่ ไดท้ อ้ ถอย เพง่ พจิ ารณาอยู่ ณ ทนี่ นั้ ละ จะพจิ ารณา
ให้เปน็ อสุภะ หรอื ให้เหน็ เป็นธาตกุ ไ็ ด้ หรอื จะพิจารณาใหเ้ ห็นเปน็ ขนั ธ์ หรือใหเ้ ห็น
เปน็ ไตรลกั ษณไ์ ดท้ งั้ นนั้ แตใ่ หพ้ จิ ารณาเพง่ ลงเฉพาะในเรอื่ งนน้ั จรงิ ๆ ตลอดจนอริ ยิ าบถ
ทัง้ ๔ แล้ว กม็ ใิ ช่ว่าเห็นแลว้ กจ็ ะหยดุ เสียเมอ่ื ไหร่ จะเห็นชัดหรอื ไม่ชดั กพ็ ิจารณา
อยอู่ ยา่ งนนั้ แหละ เมอื่ พจิ ารณาอนั ใดชดั เจนแจม่ แจง้ ดว้ ยใจตนเองแลว้ สงิ่ อน่ื นอกนี้
จะมาปรากฏชดั ในท่เี ดยี วกนั ดอก” ท่านบอกวา่ อย่าใหจ้ ิตมนั รวมเข้าเป็นภวงั ค์ได้

80

คำ� แนะนำ� ของหลวงปมู่ น่ั ตอ่ หลวงปเู่ ทสก์ ยง่ิ ทำ� ใหเ้ ราเชอื่ มนั่ ลงไปอกี วา่ เราปฏบิ ตั ิ
ถกู ทาง และท�ำได้ถูกตอ้ งแลว้

วนั ท่ี ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๓ นงั่ สมาธติ อนหวั คำ�่ เหน็ นมิ ติ ๒ ครง้ั ครง้ั แรก
เหน็ นมิ ติ ตอนนงั่ สมาธิ จติ สงบ เหน็ ภาพนมิ ติ เปน็ ผหู้ ญงิ สวยงามมากมายวั่ ยวน แตจ่ ติ ใจ
ไมห่ วน่ั ไหวแมแ้ ตข่ ณะจติ เดยี ว จงึ ไมเ่ กดิ ความยนิ ดี เพยี งแตม่ สี ตกิ ำ� หนดดอู ยเู่ ฉยๆ
ในจติ ไมเ่ กิดราคะเลย ครั้งท่ี ๒ หลังจากนั่งสมาธิเสรจ็ กำ� ลงั ลม้ ตวั ลงนอน ก�ำหนด
ทำ� สมาธไิ ปดว้ ย กม็ นี มิ ติ ผหู้ ญงิ อกี คนหนงึ่ รปู รา่ งสวยงามมากเหมอื นกนั มาแสดงกริ ยิ า
ยว่ั ยวนตามมารยาหญิง จิตไมห่ วน่ั ไหว เรามีสติดอู ยู่ จติ มิไดย้ ินดีหรือเกดิ อารมณ์
ขนึ้ มาเลย จติ หยดุ นงิ่ อยกู่ บั ที่ เปน็ อเุ บกขา พอออกจากสมาธิ พจิ ารณานมิ ติ ทเี่ กดิ คดิ วา่
ถ้าผู้ใดลองมาเห็นนิมิตเช่นเรานี้แล้ว ถ้าไม่มีตัวรู้หรือความรู้อยู่ว่าราคะยังไม่ขาด
เราคดิ วา่ คนทม่ี าเหน็ นมิ ติ นอ้ี าจจะเกดิ ความหลงความเขา้ ใจผดิ ไดว้ า่ เปน็ นนั่ เปน็ น่ี เพราะ
ขณะท่เี ห็นนนั้ ไมม่ อี ารมณ์ราคะเกิดข้นึ เลยแมแ้ ต่นดิ เดียว เรายงั โชคดที ีม่ คี วามรูอ้ ยู่
จึงไมห่ ลงไป....

สรปุ พรรษาที่ ๓

ในพรรษานต้ี ง้ั ใจวา่ จะหาทางละกามราคะใหไ้ ด้ คอื พจิ ารณาหาทางหาอบุ ายทจ่ี ะ
ทำ� ใหจ้ ติ ขาดจากกายใหไ้ ด้ ความรสู้ กึ เหมอื นกบั วา่ ใกลจ้ ะถงึ ความจรงิ แลว้ ในพรรษานี้
เราพจิ ารณาอสุภะจนเตม็ ก�ำลังท่ีสดุ พรรษาท่ผี า่ นมานี้ การปฏบิ ัตขิ องเราก้าวหน้าไป
พอสมควร มสี ติและความรู้ตัวอยู่ได้ดพี อสมควร สมาธิทรงตวั ในระดบั หนึ่ง แต่ว่า
ตวั ความรทู้ ม่ี อี ยใู่ นจติ นน้ั ทรงตวั ไดด้ ี หมายความวา่ สมาธจิ ะละเอยี ดหรอื ไมล่ ะเอยี ด
จิตสามารถทรงความปกติอยู่ไดด้ ีตามเดมิ คือไมย่ นิ ดีไปด้วยในความสงบของสมาธิ
และไมท่ กุ ขใ์ จไปดว้ ยในความไมส่ งบ จติ ใจเฉยๆ เปน็ ปกติ ไมต่ ดิ อยใู่ นสขุ ของสมาธิ
เมอ่ื จติ สงบ มคี วามรตู้ วั เทา่ ทนั ตอ่ สภาวะแหง่ การเปลย่ี นแปลงของสมาธิ จติ ไมว่ งิ่ ตาม
อาการ...ของใจ แตป่ ญั ญาทเี่ หน็ ตามสภาวะความเปน็ จรงิ และกำ� จดั กเิ ลสอยา่ งหยาบๆ
ไปไดบ้ า้ งแลว้ สง่ิ ทล่ี ะไปแลว้ ไมก่ ลบั กำ� เรบิ อกี สมาธเิ ปน็ ของไมเ่ ทย่ี ง แตป่ ญั ญาทเี่ ขา้ ไปรู้
ไปกำ� จดั กิเลสบางส่วนออกนน้ั เป็นของเทย่ี ง

81

ในพรรษานีม้ เี สียงเพลงจากโรงหนงั โรงลเิ ก ตามบา้ น ตามวัด ดงั พอสมควร
พอท่ีจะร้องเพลงตามได้ แต่จิตใจเราทรงอารมณ์ปกติ อารมณ์เป็นหนึ่งตลอดเวลา
เม่ืออยู่ท่ีน่ันได้ยินเสียงเพลง แต่ใจไม่เคลิบเคลิ้มตามเสียงเพลงเหมือนตอนเป็น
ฆราวาสอยู่ จติ ไมย่ ินดีตาม รสู้ ึกเฉยๆ เปน็ เองโดยอัตโนมตั ิ

การกำ� หนดอสภุ ะในกายของเราเปน็ ไปไดด้ พี อสมควร แตจ่ ติ ใจไมส่ ลดเหมอื น
แตก่ อ่ น (ตอนพรรษา ๑-๒) แตจ่ ติ ทรงตวั มสี ตดิ อู ยเู่ ฉยๆ รสู้ กึ วา่ จติ ยอมรบั ตามทเ่ี หน็
ตามความเป็นจรงิ และมีความซาบซ้งึ เข้าไปในจติ ใจได้ดีพอสมควร

ในเรอื่ งวตั ถสุ ง่ิ ของ จติ ทรงสภาพเดมิ มาตลอดตงั้ แตเ่ หน็ ความเสอื่ มของสงิ่ ตา่ งๆ
ตอนพรรษา ๑ เมอ่ื เหน็ สง่ิ ของ กส็ กั แตว่ า่ เหน็ ไมย่ นิ ดยี นิ รา้ ย เหน็ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งไมม่ คี า่
เปน็ สักแตว่ ่าธาตตุ ามธรรมชาตเิ ท่านน้ั ไมม่ ีแกน่ สารสาระอะไรเลย ความรอู้ นั น้นั ไม่
ปรากฏวา่ เสือ่ มเลย ยงั คงวางเฉยเปน็ กลางอยู่เชน่ เดมิ

ในพรรษาน้ี เราไดพ้ จิ ารณาเรอื่ งภพชาติ การเวยี นวา่ ยตายเกดิ เหน็ วา่ .....ชวี ติ คนเรา
มเี พยี งแคน่ ห้ี รอื ตายแลว้ เกดิ เกดิ แลว้ ตาย แสนจะนา่ เบอื่ หนา่ ยจรงิ ๆ เราคงเคยผา่ นมา
แลว้ ทกุ ๆ อยา่ ง มคี วามสขุ และความทกุ ขม์ ามากแลว้ ไมร่ จู้ กั กภ่ี พกชี่ าตมิ าแลว้ ควรหาทาง
ทจ่ี ะดบั ทกุ ข์ ยอมสละความสขุ เลก็ ๆ นอ้ ยๆ ทช่ี นทง้ั หลายหลงใหลอยใู่ นขณะนเ้ี สยี เถดิ
...เพอื่ ทจี่ ะแสวงหาความสขุ ทพ่ี ระพทุ ธองคท์ รงตรสั ไว้ คอื “สขุ อนื่ ยง่ิ กวา่ ความสงบไมม่ ”ี
เราจงึ ละแลว้ ซง่ึ สขุ ทคี่ นทง้ั หลายหลงอยู่ ออกมาอยใู่ นเพศสมณะเพอ่ื แสวงหาความสขุ
ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ น่ันคือความสงบ...ความสงบอะไรหรือ....ความสงบจาก
สงิ่ ทเ่ี ป็นทกุ ขท์ ้งั หลาย คอื ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทกุ ข์เพราะความยนิ ดี
ยนิ รา้ ย ถา้ กเิ ลสสงบ หมดความยนิ ดี ยนิ รา้ ย นีแ่ หละคอื ความสงบล่ะ ความสุขจาก
ความสงบนี้ เหนอื ยงิ่ กวา่ ความสขุ ของชาวโลกอกี ความสขุ ในกามคณุ ๕ คอื รปู เสยี ง
กล่ิน รส สัมผัส ไม่สามารถเทียบกับความสงบของผู้ที่ได้พบความสุขอันเกิดจาก
ความสงบได้ เพราะความสงบแบบนจี้ ิตบรสิ ทุ ธิ์ ไมอ่ าศยั สิ่งปรงุ แตง่

หลงั จากออกพรรษา เราเขา้ มาทก่ี รงุ เทพฯ เพอื่ พบโยมพอ่ และนอ้ งชายทกี่ ลบั มา
จากอเมรกิ าเพอ่ื มาเยย่ี มบา้ น ในระหวา่ งพกั อยทู่ ก่ี รงุ เทพฯ นน้ั เรารสู้ กึ ฉนั อะไรไมค่ อ่ ย

82

ไดม้ ากนกั รสู้ กึ จติ มนั อม่ิ แตพ่ ยายามฉนั ฉนั ไดป้ ระมาณ ๕-๑๐ นาที กเ็ ลกิ ฉนั แมน้ จะ
ฉันอาหารได้นอ้ ย แต่จติ ใจม่ันคงดีมาก รสู้ ึกเฉยๆ ในเรือ่ งอาหาร แต่รู้สกึ ว่าร่างกาย
แขง็ แรงกวา่ ปกตเิ สยี อกี ใจคดิ วา่ ถา้ ไมฉ่ นั อาหารเลยกอ็ ยไู่ ดเ้ พราะไมห่ วิ เราพจิ ารณาดู
แลว้ วา่ ไมถ่ กู ทาง กเ็ ลยฝนื ฉนั ไปเทา่ ทจ่ี ะทำ� ไดเ้ พอ่ื เลย้ี งรา่ งกาย สภาวธรรมทกุ ๆ อยา่ งท่ี
เกดิ ขนึ้ อาจจะปรากฏขน้ึ ไดท้ งั้ รา่ งกายและจติ ใจ เพราะฉะนน้ั ผปู้ ฏบิ ตั ทิ ง้ั หลายพงึ มสี ติ
รตู้ วั อยูเ่ สมอจึงจะดี มสี ติเพ่งพจิ ารณาหาสาเหตขุ องสง่ิ ทีเ่ กดิ ขึน้ ให้ได้ในทกุ ครง้ั ไป

เราตง้ั ใจเดนิ ทางไปภาวนาทบี่ า้ นเพ จงั หวดั ระยอง กบั หมคู่ ณะรวม ๔ รปู พกั ท่ี
ส�ำนกั ร�ำไพพรรณวี นั ๓ คนื จงึ ออกเดนิ ทางไปภาวนาทีเ่ ขาทบั กลาง และเขามะปรงิ
เขาทบั กลางลกู ใหญ่หนอ่ ย แตช่ นั มาก มสี วนยางพาราอยบู่ รเิ วณเนินเขาทั้งสองลูก
ตรงหบุ เขาเปน็ บา้ นชาวไร่ ปลกู เงาะ ทเุ รยี น ฯลฯ เปน็ ไรส่ วนไมใ่ หญม่ ากนกั มบี อ่ นำ�้
ของชาวสวนอยตู่ รงกลางหบุ เขา เราไดอ้ าศยั เปน็ นำ�้ ใชแ้ ละนำ้� ฉนั บา้ นทอี่ าศยั บณิ ฑบาต
มปี ระมาณ ๑๒-๑๓ หลังคาเรอื น บณิ ฑบาตไปกลับประมาณ ๑.๓๐ ชั่วโมง อาหาร
มากบา้ ง นอ้ ยบา้ ง แตห่ มคู่ ณะเรากไ็ มเ่ ดอื ดรอ้ นในเรอื่ งนี้ สถานทพ่ี กั พอสมควร เราพกั
ท่ีเชิงเขาทับกลาง หมู่คณะพักที่เขามะปริง เวลาฉันอาหารจะมารวมกันตรงหุบเขา
ฉนั เสร็จก็แยกย้ายกันท�ำความเพยี ร

เรอ่ื งการฉนั อาหารไมค่ อ่ ยไดน้ น้ั เปน็ มาตงั้ แตอ่ ยทู่ ก่ี รงุ เทพฯ แลว้ เมอื่ มาภาวนาทนี่ ่ี
กย็ งั ฉนั ไมค่ อ่ ยได้ พอมาวเิ วกอยทู่ เี่ ขาทบั กลาง เดนิ ขน้ึ เขาลงเขาบอ่ ยๆ ไดอ้ อกกำ� ลงั กาย
เลยรสู้ กึ วา่ เรมิ่ จะฉนั อาหารไดม้ ากขนึ้ จนเปน็ ปกติ ระยะทไ่ี มอ่ ยากฉนั อาหารนน้ั เปน็ อยู่
ประมาณเดือนกว่าๆ เพราะเหน็ สภาวธรรมแห่งความวา่ ง คือเหน็ ความเป็นธาตขุ อง
ส่ิงทัง้ หลายทง้ั ปวง จติ ทรงความว่างอยู่นานทเี ดยี วในคราวนน้ั

พกั อยปู่ ระมาณ ๕ วนั พระเณร ๒ รปู เดนิ ทางกลบั กรงุ เทพฯ เหลอื เราและพระเพอื่ น
อย่ดู ้วยกัน ๒ รูป พกั อยูบ่ นชายเขาคนละลูก เรารูส้ กึ ท�ำความเพยี รไดด้ หี ลังจากอยู่
คนเดยี ว ครง้ั นเ้ี ปน็ ครงั้ แรกของเราทไี่ ดม้ โี อกาสออกมาวเิ วก คอื มาอยตู่ ามปา่ ตามเขา
ตามลำ� พงั ตอนกลางคนื เงยี บสนทิ อากาศดี กำ� ลงั สบาย ไมร่ สู้ กึ ลำ� บากกาย-ใจอะไรเลย
ถงึ แมน้ วา่ จะมองดไู มส่ ะดวกสบายเหมอื นอยทู่ ว่ี ดั ภายนอกเทา่ นน้ั ทไี่ มส่ ะดวก แตจ่ ติ ใจ

83

ของเรานั้นรูส้ กึ ปกตธิ รรมดา ไมม่ ีอะไรแตกต่างกนั เลยในเรอื่ งของจติ ใจ ไม่ลำ� บาก
ไมย่ งุ่ ยาก เราไมต่ อ้ งปรบั จติ ใจใดๆ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ กบั สถานทเี่ ลย จติ ใจเปน็ ปกตโิ ดยไมต่ อ้ ง
แก้ไขใดๆ

เรามองปา่ ลกึ เขา้ ไปบนยอดเขา คดิ รำ� พงึ วา่ ถา้ ลองพกั อยคู่ นเดยี วคงจะเงยี บสงดั ดี
ถา้ พกั อยคู่ นเดยี วจะกลวั มย้ั ....เราถามตวั เองวา่ ตอนกลางวนั รสู้ กึ เปน็ อยา่ งไรบา้ งละ่ ...
กลวั มย้ั ? ....จติ ตอบวา่ ไมก่ ลวั แลว้ กลางคนื ละ่ จะกลวั อะไร เพยี งแตว่ า่ กลางคนื ไมส่ วา่ ง
เทา่ นนั้ จะไปกลวั ทำ� ไม สถานทก่ี ท็ เ่ี ดมิ เปลย่ี นแตก่ ลางวนั สวา่ ง กลางคนื มดื แคน่ น้ั เอง
พอเรานกึ แคน่ ้ี เรากน็ งั่ ทำ� สมาธแิ ละจำ� วดั ตง้ั แตน่ นั้ มาเรากไ็ มเ่ หน็ กลวั อะไร ตอ่ มาเมอ่ื
อยู่คนเดียวกร็ ูส้ กึ เฉยๆ ไมก่ ลวั ความมืด ไม่กลวั ส่งิ ลลี้ บั เพราะเรามแี ต่ความเมตตา
เท่านนั้ ที่แผ่ออกไปด้วยใจท่ีบรสิ ุทธติ์ ามก�ำลงั ของใจ

ระยะทีผ่ า่ นมาน้ี การท�ำความเพียรอยูใ่ นระดับพอสมควร เหตุท่เี รามาวิเวกใน
คร้ังน้ี เรามีจุดหมายทจ่ี ะเรง่ ความเพยี ร เพราะว่าการอยรู่ วมกนั ในวัดนั้น อยรู่ วมกนั
หลายรปู ภารกจิ ตา่ งๆ กม็ าก จงึ คดิ อยากปลกี ตวั ออกมาหาทส่ี งบ มเี วลาสว่ นตวั มาก
จะไดท้ �ำความเพยี รได้เต็มที่

จริงอยู่...ถึงแม้นว่าอยู่ท่ีวัดหรืออยู่ในเมือง จะอยู่ท่ีไหนก็ท�ำความเพียรได้
แตค่ รัง้ นี้เราต้องการทจี่ ะอยนู่ ้อยๆ คน เพ่อื จะทดลองทำ� อะไรสักอยา่ งที่คดิ ไว้ ยิง่ อยู่
คนเดยี วยง่ิ ดที สี่ ดุ (ความคดิ สว่ นตวั ของเราในขณะนนั้ ) เราจงึ ตอ้ งออกมาวเิ วกเพอื่ จะได้
ไมม่ ีภาระอะไร การคลกุ คลีกันก็นอ้ ยลง สตทิ ่ฝี ึกไว้จะไดใ้ ชง้ านไดอ้ ย่างเต็มท่ีเท่าที่
จะทำ� ได้

เคยถามตวั เองเมอื่ เดนิ ทางมาถงึ ทนี่ ใี่ หมๆ่ ต๋ัน...เจา้ มาทนี่ ท่ี ำ� ไม? มาทำ� อะไรอยู่
ในปา่ นี้ ทำ� ไมเจา้ ถงึ ไมอ่ ยใู่ นวดั ละ อยใู่ นทสี่ บายๆ สถานทด่ี ๆี มเี พอื่ นคยุ สนกุ สนาน
มอี าหารการขบฉนั สมบรู ณ์ มที นี่ อนสบายๆ เหมอื นคนอน่ื เขา...... เราตะโกนใสไ่ ปวา่
ขา้ ตอ้ งการพน้ ทกุ ข.์ ...ขา้ จงึ ตอ้ งออกมาแสวงหาสง่ิ ทข่ี า้ ตอ้ งการ คอื ความสงบจากกเิ ลสที่
องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทรงคน้ พบแลว้ และใหส้ าวกของพระองคป์ ฏบิ ตั ติ าม

84

รอยท่ีได้ทรงช้ีทางสว่างให้แล้ว คือออกมาบวชอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์และปฏิบัติ
เพอ่ื ความดบั ทกุ ข์

ระยะแรกทเี่ ราพกั อยทู่ เ่ี ขาทบั กลาง ไมส่ บายเกอื บทกุ วนั บางวนั กเ็ ปน็ มาก อาจจะ
เปน็ เพราะอากาศเปลยี่ น แตเ่ ราไมไ่ ดแ้ สดงอาการอะไรออกมา ไมไ่ ดบ้ อกเพอื่ น เราไม่
ทานยาดว้ ย เปน็ นสิ ยั เดมิ ของเราตง้ั แตบ่ วชมา เราใชว้ ธิ รี กั ษาโดยทำ� สมาธิ เดนิ จงกรม
ทำ� ความสงบ แลว้ พจิ ารณาร่างกายสว่ นทไี่ ม่สบาย โรคทเ่ี ปน็ ไมม่ ากกห็ ายไป ถ้าเปน็
มากหน่อย เราก็น่ังสมาธิก�ำหนดเพ่งพิจารณาลงไปตรงที่มีอาการเจ็บปวด เราต้อง
ก�ำหนดหาจุดทีป่ ่วยใหไ้ ด้เสยี ก่อน แลว้ ใชส้ มาธิชว่ ยในการรกั ษา ในระหวา่ งอยทู่ ีน่ ั่น
เปน็ ไมม่ าก เมอื่ ทำ� สมาธดิ ๆี อาการปว่ ยกห็ ายไป การไมฉ่ นั ยา เราตดิ นสิ ยั มาตงั้ แตพ่ รรษา
ท่ี ๑ แลว้ ตอนนน้ั เราพจิ ารณาภายนอก เหน็ คนเปน็ อสภุ ะ รา่ งกายเนา่ เปน็ ซากศพบอ่ ยๆ
เราเลยพจิ ารณาว่า รา่ งกายของคนเรานีไ้ มใ่ ชต่ ัวเราเลย เป็นแตเ่ พยี งธาตเุ ท่านน้ั ทม่ี า
ปรงุ แตง่ รวมตวั กนั ขนึ้ มา เรากม็ วั หลงอยไู่ ด้ ไมเ่ หน็ มผี ชู้ ายผหู้ ญงิ เลย เพราะตายแลว้ เนา่
มสี ภาพเหมอื นกันหมด

จติ ใจในเวลานน้ั เลยคดิ วา่ ถา้ เราเจบ็ ปว่ ยขน้ึ มา เราจะไมย่ อมฉนั ยาเพราะคดิ วา่
“อยากเปน็ เอง ตอ้ งหายเองซ”ิ ....นไี่ มใ่ ชต่ วั เรา ธาตใุ นรา่ งกายผดิ ปกตติ า่ งหาก รา่ งกาย
จงึ ปว่ ย เราเลยไมฉ่ นั ยามาเกอื บ ๓ ปี หลงั จากนน้ั เรามาพจิ ารณาเหน็ วา่ จติ ใจในตอนนน้ั
ตงึ เกนิ ไป จติ จงึ คดิ ดขี นึ้ มาหนอ่ ยวา่ รา่ งกายปว่ ยกร็ กั ษาไปตามสภาพกแ็ ลว้ กนั ไมเ่ หน็
เสยี หาย ตอ่ มาเราเลยทานยาบา้ ง แตถ่ า้ เจบ็ ปว่ ยเลก็ นอ้ ย เรากย็ งั ใชส้ มาธริ กั ษา ใชก้ าร
เพง่ พจิ ารณากายชว่ ยจนชำ� นาญพอสมควร ถา้ ปว่ ยไมม่ าก เราสามารถรกั ษาใหห้ ายได้
ทกุ ครงั้ แตถ่ า้ ปว่ ยมาก เรากไ็ มร่ เู้ หมอื นกนั วา่ เราจะสามารถทำ� ใหห้ ายไดห้ รอื เปลา่ โชคดี
ที่เราไมค่ ่อยเจ็บป่วย เราใชส้ มาธิรักษาบ่อยๆ ต้งั แต่พรรษา ๑ เราชอบพิจารณากาย
เปน็ การรกั ษารา่ งกายไปในตวั ดว้ ย และเปน็ การพจิ ารณาเพอ่ื ละอปุ าทาน ละความยดึ มน่ั
ถอื มนั่ ในรา่ งกายดว้ ย เปน็ การฝกึ หดั ทำ� สมาธไิ ปในตวั ดว้ ย มปี ระโยชนใ์ นทกุ ๆ อยา่ ง
ท�ำให้เราติดนสิ ัยไมช่ อบฉันยาถ้าเจ็บปว่ ยไม่มาก

85

เราภาวนาอยเู่ ขาทบั กลางประมาณเกอื บเดอื น จนถงึ วนั ท่ี ๒๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๓
จงึ เดนิ ทางกลบั มาทสี่ ำ� นกั รำ� ไพพรรณวี นั เพอ่ื เตรยี มบรขิ ารเดนิ ทางไปวเิ วกทเี่ ขาชอ่ งลม
อ.ทา่ ใหม่ จ.จนั ทบุรี

วนั ท่ี ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๔ เราและเพอื่ นพระเณร รวม ๔ รปู เดนิ ทางดว้ ย
รถยนต์ พระเณร ๒ รปู ตงั้ ใจจะไปเขาชะอางค์ สว่ นเราและเพอื่ นตง้ั ใจไปเขาชอ่ งลม
รถออกเดนิ ทางจากสำ� นกั รำ� ไพพรรณวี นั ต.บา้ นเพ มาทาง อ.แกลง แยกเขา้ อทุ ยานแหง่ ชาติ
เขาชะเมา เข้าไปประมาณ ๒๐ กม. กถ็ งึ เขาชะอางค์ ส่งพระเณร ๒ รูปทีน่ ่ี ส่วนเรา
อาศยั นงั่ รถชาวบา้ นตอ่ ไปจนถงึ สแี่ ยกเกษตรพฒั นา เวลา ๑๒.๓๐ น. แลว้ เดนิ แยกไป
ทางหมู่บา้ นพะวา ๑๐ กวา่ กม. พอเดนิ มาสักพกั มีรถผ่านมา เขารับไปสง่ จากน้นั
เดนิ ตอ่ ไปถงึ ต.สามพน่ี อ้ ง อ.ทา่ ใหม่ จ.จนั ทบรุ ี ถงึ เวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น. เราเหน็ วา่
มีเมฆฝนมา จงึ ตกลงเข้าพักทว่ี ัดเนินจ�ำปา ๑ คนื พรุ่งนี้จงึ จะเดินทางต่อ

ระหวา่ งทางทเี่ ดนิ มานนั้ สองข้างทางเป็นไรม่ นั สวนกล้วย ชาวบา้ นถางป่าทำ� ไร่
ติดกับตนี เขา หลงั จากไรม่ ัน สองขา้ งทางก็เต็มไปด้วยภูเขา เราเดินตามทางดนิ แดง
ซง่ึ เปน็ ทางรถวง่ิ สำ� หรบั ขนมนั ผา่ นเขาชะเมา เขาขาด เขาพงั เขา้ มาสตู่ ำ� บลสามพน่ี อ้ ง
อนั เปน็ เขตจงั หวัดจนั ทบุรี ระหว่างทางก็มีบ้านชาวไร่ปลกู อยหู่ า่ งๆ กนั ประมาณครึ่ง
กโิ ลเมตร ทำ� ใหเ้ ราคดิ วา่ มนษุ ยน์ เี้ กง่ มากอตุ สา่ หถ์ างปา่ เขา้ มาทำ� ไรก่ นั ในนี้ เพอื่ ความ
อยรู่ อดเขาจงึ ตอ้ งทำ� เชน่ นี้ ยง่ิ เดนิ ลกึ เขา้ ไป กย็ งั มบี า้ นคนใหเ้ หน็ ผคู้ นเขา้ มาทำ� กนิ อยู่
ในป่าก็มาก

เราเหน็ ปา่ เขา จติ ใจเรายงิ่ สงบลงไปอกี มคี วามอม่ิ ใจ รสู้ กึ วา่ ตวั เองมอี สิ ระ หมดภาระ
จิตใจปลอดโปร่ง มีแต่ความคิดท่ีจะมุ่งหน้าท�ำความเพียรเพ่ือแสวงหาสัจธรรมเพื่อ
ความพน้ ทกุ ข์ การทเ่ี รามาคราวนี้ ตอนแรกเราเกอื บไดม้ าคนเดียวแลว้ เพอื่ นพระ
จะอยภู่ าวนาทีบ่ า้ นเพ แตภ่ ายหลังมเี หตุการณอ์ ะไรบางอย่างเกิดขึ้น เลยท�ำให้ท่าน
เปลี่ยนใจเดินทางมากับเรา เราคิดเสมอว่า....ถ้าเราได้มาคนเดียวยิ่งสบายใหญ่เลย
ไมต่ อ้ งหว่ งอะไร ไมต่ อ้ งมคี วามกงั วล ถา้ เรามาคนเดยี วเหน็ ทจี ะไมก่ ลบั เขา้ เมอื งงา่ ยๆ
แนเ่ ลย จะไมก่ ลับจนกวา่ จะพน้ ทุกข์ หรือไม่กใ็ ห้มันตายไปเสยี

86

ตกดกึ อากาศเยน็ พอสมควร ไมห่ นาวมาก พอทนได้ ตอนเชา้ บณิ ฑบาตไดไ้ ขต่ ม้
๑ ใบ ขนมปัง ๒ ชน้ิ ขนมยัดไส้ ๔ ชนิ้ พจิ ารณาแลว้ ฉันอาหารตามเดิม จติ ใจ
สบาย ไม่หวิ ถึงแม้จะมอี าหารไม่มากนัก เราฉันเพ่อื ประทงั ชีวิตเทา่ นั้น เรื่องอาหาร
ไมเ่ ปน็ ปญั หาสำ� หรบั เรา พอดตี อนกลบั จากบณิ ฑบาต พบโยมคนขบั รถโดยสาร เขารจู้ กั
เสน้ ทางไปเขาช่องลม เราจึงถามวา่ ไปเขาชอ่ งลมไปอย่างไร? เขาบอกให้เรารออยู่ทีน่ ่ี
พรงุ่ น้จี ะมารบั เวลา ๑๕.๐๐ น. ไปสง่ ท่เี ขาชอ่ งลม

เราเดนิ ทางไปถงึ เขาชอ่ งลมในวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๔ เวลาประมาณ
๑๗.๐๐ น. โยมน�ำทางขึ้นเขาช่องลม ใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาที บรเิ วณถำ้� กวา้ งพอ
สมควร พออยไู่ ด้ ๒ คน ด้านหนึง่ โปร่ง อีกด้านมดื สลัวๆ ภายในถำ�้ พออยพู่ ักทำ�
ความเพยี รได้ แตท่ างขนึ้ ถำ�้ ชนั มาก นำ้� ใชต้ อ้ งลงไปตกั ทตี่ นี เขา มลี ำ� ธารเลก็ ๆ ไหลผา่ น
ชาวบ้านทีน่ ศี่ รัทธาดี อาหารบิณฑบาตคอ่ นขา้ งมาก

ดา้ นทเี่ ราพกั รสู้ กึ อดึ อดั อากาศถา่ ยเทไมส่ ะดวก รา่ งกายไมส่ ดชนื่ แตภ่ ายในถำ�้
ไมห่ นาวไมร่ อ้ นเกนิ ไปนกั ภายนอกถำ้� หนาวมากพอสมควร เพราะบรเิ วณรอบๆ มแี ต่
ภเู ขาท้ังนนั้ มเี สียงปืนยงิ สัตว์ดงั ทกุ วนั ชาวบา้ นเลา่ ว่าบริเวณน้ีมพี วกหมูป่า เลยี งผา
เม่น ฯลฯ ส่วนรอบเขาลกึ เข้าไป ยงั มพี วกเสอื ช้างปา่ หมี กระทิง เลยี งผา เกง้
กวาง ฯลฯ และสัตวอ์ ่ืนๆ อีกมากทีเดยี ว

ตอ่ จากเขาชอ่ งลม สามารถเดนิ ตดั ปา่ ไปทางเขาใหญ่ และตดั ทะลไุ ป จ.ชลบรุ ไี ด้
ทเี่ ขาชอ่ งลม สดุ เขตแค่หมู่บ้านตามอญ ต.สามพี่นอ้ ง อ.ทา่ ใหม่ จ.จนั ทบุรี

เราพกั อยทู่ น่ี จ่ี นถงึ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๔ กเ็ ดนิ ทางกลบั เขา้ กรงุ เทพฯ เพราะ
พระเพอ่ื นอยากจะกลบั และไมอ่ นญุ าตใหเ้ ราเดนิ ทางตอ่ เพราะวา่ เรายงั ไมพ่ น้ นสิ ยั เราจงึ
ต้องเดินทางกลับ ทั้งๆ ท่อี ยากจะอยภู่ าวนาต่อและเดินทางไปเร่อื ยๆ

เราเดินทางกลบั เขา้ กรุงเทพฯ ได้พบหลวงปบู่ ุญหนา ท่านพาเราไปกราบเจ้าคณุ
พุทธพจน์ หลวงปู่หลยุ หลวงพอ่ มหาปน่ิ พระพิมลธรรม และเจ้าคณุ วรนาถ เราได้
พจิ ารณาเหน็ บคุ ลกิ ลกั ษณะของหลวงพอ่ แตล่ ะองคน์ น้ั แตกตา่ งกนั ออกไปตามคณุ ธรรม
ของแต่ละองค์ ท�ำให้เราไดร้ บั ประโยชนม์ ากพอสมควร

87

ชว่ งเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๒๔ เมอ่ื เรายง่ิ ปฏบิ ตั ไิ ป มองดคู นอน่ื ๆ รสู้ กึ วา่ ทกุ ๆ คน
ลว้ นแตม่ คี วามทกุ ขด์ ว้ ยกนั ทงั้ นนั้ ไมว่ า่ คนนนั้ จะรำ่� รวยหรอื ยากจนกต็ าม คนทงั้ หลาย
เหลา่ นี้ เรามองดแู ลว้ รสู้ กึ วา่ เขาไมม่ คี วามสขุ มากมายนกั ทกุ คนมแี ตค่ วามทกุ ขเ์ ทา่ นน้ั
ทค่ี รอบงำ� จติ ใจ ตลอดระยะเวลา ๓ พรรษา ทผ่ี า่ นมานี้ ยงั ไมเ่ หน็ ใครเลยทจ่ี ะไมม่ ที กุ ข์
นอกจากพระขีณาสพผบู้ ริสทุ ธิ์ จริงดังคำ� ที่พระพทุ ธองคต์ รัสไวว้ า่ “มแี ตท่ กุ ข์เท่าน้นั
ทเ่ี กิดขน้ึ มแี ตท่ กุ ข์เทา่ นัน้ ทดี่ บั ไป”

ท.่ี ..ทเ่ี ราควรจะอย.ู่ ...คอื ปจั จบุ นั ธรรม เปน็ สง่ิ ทเ่ี ราควรจะอยู่ ดว้ ยการมสี ติ สมาธิ
ปญั ญา ถงึ พรอ้ มซงึ่ ขณะจติ ในทน่ี น้ั เพอื่ ทจี่ ะมดี วงใจอนั สงบนงิ่ สามารถทจ่ี ะเผชญิ กบั
เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทจ่ี ะมากระทบอารมณไ์ ด้ และสามารถมปี ญั ญาแกไ้ ขในสงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ได้
ดว้ ยการยอมรบั ตามสภาพทเ่ี ปน็ จรงิ แต่ “ความถงึ พรอ้ มแหง่ ขณะหาไดย้ าก” สถานที่
ที่ดีทสี่ ุด คอื การทำ� ความเห็นให้ถกู ต้อง เห็นชอบ และรู้เทา่ ทนั ตามอารมณ์ทเี่ กิดข้ึน
อยู่เสมอ ทุกคนมสี ทิ ธใ์ิ นการเลอื กทางของเขาได้ ถ้าเขาทำ� เหตุทีด่ ี เขากไ็ ด้รับผลทด่ี ี
ถา้ เขาทำ� เหตไุ ม่ดี เขากจ็ ะได้รบั ผลไมด่ ี

สภาวธรรมภายนอก-ภายใน การพจิ ารณากาย ไดป้ รากฏวา่ มคี วามเหน็ ชดั ขน้ึ ทกุ ที
สภาพภายนอก คอื รปู ทม่ี องเหน็ แตก่ อ่ นรวู้ า่ คนนน้ี า่ รกั คนนไ้ี มน่ า่ รกั แตข่ ณะนจี้ ติ ปรบั
เข้ามา ทำ� ใหม้ องดคู นรู้สกึ เบอื่ หนา่ ย และกเ็ ฉยๆ เมื่อเห็นคน รสู้ ึกว่าคนทกุ คนมี
สภาพเหมือนกัน จิตเริม่ ปรับมากขึ้นจนไมย่ ินดียนิ รา้ ยในร่างกาย “ดอกไม้บานแลว้
ยอ่ มเหยี่ ว, พระอาทติ ย์ขน้ึ แล้วกต็ ก, ชวี ติ เรากเ็ ชน่ กัน เกิดแลว้ ก็ตาย”

การปฏิบัติ “อย่าปฏิบัติเพื่อต้องการค�ำชมของบุคคลอื่น จงอย่าสนใจในการ
ปฏิบัติตนของผอู้ ืน่ สิ่งทส่ี �ำคัญคอื เราต้องการจติ ทบ่ี รสิ ุทธิ”์

วนั ที่ ๕ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๔ เราและเพือ่ นพระไดเ้ ดินทางไปกราบศพหลวงปู่
กนิ รี จนฺทโิ ย ซึ่งจะเผาในวนั ท่ี ๗ มีนาคม เวลา ๒๔.๐๐ น.

ระยะหลงั ๆ มานี้ การพจิ ารณากาย บางครงั้ พจิ ารณาจติ ดเู หมอื นกบั วา่ ราคะจะหมด
แต่เรารูว้ ่ายังมี ถา้ เราถอื เป็นจรงิ เป็นจัง อาจจะหลงไปก็ได้

88

เราทรงจติ ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยเมตตาไวไ้ ดม้ าก ตรวจดจู ติ สะอาดดี เราจงึ ชอบทรงสภาพนี้
แต่ทรงผู้รู้ซ่อนไว้อีกทีหนึ่ง ระยะน้ีมีนิมิตมาเตือนให้เร่งความเพียรอยู่บ่อยครั้ง.....
อยา่ ประมาท
ตน้ เดอื นพฤษภาคม เดนิ ทางไปวดั หนองปา่ พงกบั หมคู่ ณะรวม ๔ รปู กลางคนื
เขา้ ไปกราบหลวงพอ่ ชาทก่ี ฎุ ี นงั่ ฟงั หลวงพอ่ ชาคยุ กบั ญาตโิ ยม มหี นงั สอื นมิ นตห์ ลวงพอ่
ให้ไปเทศน์ท่ีวัดเบญจมบพิตร หลวงพ่อไม่สะดวกท่ีจะเดินทางไป เพราะสุขภาพ
ไมค่ ่อยดี ทา่ นเลยหนั มาหยอกเราวา่ “พระอัครเดช เทศน์เป็นหรือยัง” เราตอบว่า
“ยงั ไมเ่ ปน็ ครบั ” ทา่ นวา่ “นกึ วา่ เทศนเ์ ปน็ แลว้ จะสง่ ไปเทศนแ์ ทนทว่ี ดั เบญจมบพติ ร”
ขณะทฟี่ งั หลวงพอ่ สนทนานน้ั ....รสู้ กึ วา่ จติ สงบ วา่ ง โปรง่ กายกโ็ ปรง่ เบา เหมอื น
ไม่มกี าย ร้สู ึกเหมือนมีความรู้ลอยอยใู่ นอากาศ ในขณะน้นั ว่างไปหมด

89

พรรษาท่ี ๔
สำ� นักสงฆจ์ ติ ตภาวนาราม ต.คคู ต อ.ล�ำลกู กา จ.ปทมุ ธานี

วันศกุ รท์ ี่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ เปน็ วนั เขา้ พรรษา พรรษาน้มี ีพระเณร
รวม ๔ รปู สำ� นกั นมี้ เี นอ้ื ทป่ี ระมาณ ๕ ไร่ มกี ฎุ ี ๕ หลงั รอบๆ เปน็ ทงุ่ นา ตน้ ไมภ้ ายใน
สำ� นกั ยงั มไี มม่ ากนกั มแี ตต่ น้ ไมเ้ ลก็ ๆ ยงั ไมไ่ ดร้ ม่ เงา ตอนกลางวนั มลี มพดั เยน็ สบาย
แต่ก็อบอ้าวบ้างเป็นบางวัน ตอนกลางคืนอากาศโปร่งสบายดี กิจการงานมีไม่มาก
นอกจากปลกู ตน้ ไมเ้ ปน็ บางครง้ั สถานทนี่ า่ อยพู่ อสมควรในฤดฝู นและฤดหู นาว แตถ่ า้
ฤดูร้อนไม่ค่อยน่าอยู่นัก เพราะต้องรดน้�ำต้นไม้มากหน่อย เพราะต้นไม้ท่ีให้ร่มเงา
เดมิ มอี ยเู่ พยี ง ๒ ตน้ เทา่ นนั้ ในบรเิ วณสำ� นกั อาหารการฉนั สมบรู ณด์ ี มเี วลาทำ� ความ
เพยี รมาก เพราะญาติโยมไม่มารบกวน

การภาวนาของเราตงั้ แตเ่ ขา้ พรรษามานั้น การพิจารณาอสภุ ะนอ้ ยลง สว่ นมาก
มาหนกั ทางดา้ นกายคตาสติ เพราะเหตวุ า่ เราพจิ ารณาอสภุ ะมาก ทำ� ใหจ้ ติ ตกี ลบั เขา้ มา
เหน็ ชัดในกายปัจจุบัน คอื กายคตาสตมิ ากข้นึ จิตกำ� หนดดูกายปจั จบุ นั แตล่ ะส่วน
จติ รวมไดง้ า่ ยขนึ้ ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งตตี อ่ (พจิ ารณาตอ่ ) ไปจนถงึ อสภุ ะในสภาพทเ่ี นา่ หรอื แหง้
จิตเรากร็ วมได้ และจิตยอมเชือ่

บางครง้ั การพจิ ารณากน็ า่ เบอื่ หนา่ ย เพราะทำ� ซำ�้ ๆ ซากๆ แตบ่ างครงั้ กเ็ พลดิ เพลนิ ดี
เราเคยพจิ ารณากายในสภาวะทเี่ ปน็ อดตี หรอื อนาคตอยบู่ อ่ ยทส่ี ดุ ปจั จบุ นั นเ้ี ราเขา้ มา
พจิ ารณากายในสภาพปจั จบุ นั แคน่ น้ั กน็ า่ เบอ่ื แลว้ จติ เหน็ กายคนอน่ื และตวั เราสกปรก

90

อยู่เสมอ มองดูก็รู้ จิตยอมรับว่าสกปรกทั้งกายเราและกายคนอื่น ไม่จ�ำเป็นต้อง
พจิ ารณาตอ่ ไปถงึ อสภุ ะ อนั นอี้ าจจะเนอื่ งมาจากการพจิ ารณาอสภุ ะมาก จติ จงึ ตกี ลบั มา
เหน็ สภาพปจั จบุ นั ว่าเป็นของสกปรกกเ็ ป็นได้

แมเ้ ราจะเหน็ สภาพทเี่ ปน็ อดตี ปจั จบุ นั และอนาคตแลว้ กต็ าม แตจ่ ติ ของเรากย็ งั หา
รวมถงึ ทส่ี ดุ ในขน้ั นไี้ ม่ เรากร็ เู้ สมอวา่ มรรคยงั ไมเ่ ตม็ รอบ จติ ยงั เหน็ ไมแ่ จง้ ชดั ในกายนี้
แตเ่ ราจะไมย่ อมลดละในการพจิ ารณากายอยดู่ ี เราจะยกสภาพรา่ งกายทง้ั อดตี อนาคต
และปจั จบุ นั ตเี ขา้ ดว้ ยพระไตรลกั ษณญาณ วนั หนงึ่ ขา้ งหนา้ หากเรามวี าสนา เราคงจะได้
เหน็ แจง้ ประจกั ษด์ ว้ ยใจของเราเองวา่ กายของเรานเ้ี ปน็ ของทนี่ า่ ยดึ ถอื หรอื นา่ ปลอ่ ยวาง
เราจะไมป่ ระมาท และเราจะไม่ยอมแพห้ รอื เลกิ ในการพิจารณางา่ ยๆ จนกวา่ ทกุ ส่ิง
จะตอ้ งเห็นแจ้งชัดทใี่ จเราเองเสียกอ่ น

หลวงพอ่ ชามาพกั ท่กี รุงเทพฯ มกี ารประชุมและร่วมลงอุโบสถของหวั หน้าสาขา
ต่างๆ ทส่ี �ำนกั จิตตภาวนาราม ในวนั ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๔

ระยะออกพรรษามานี้ มพี ระเดนิ ทางมาพกั ทสี่ ำ� นกั จติ ตภาวนารามบอ่ ยๆ เราจงึ คดิ
ทจี่ ะปลกี ตวั เพอื่ เปลย่ี นสถานทภี่ าวนา โดยไปพกั ภาวนาทว่ี ดั ปา่ จนั ทราวาส บา้ นกอ่ เอ้
อ.เขอ่ื งใน จ.อบุ ลราชธานี เจา้ อาวาสเคยจำ� พรรษารว่ มกนั เมอื่ พรรษา ๑ ทว่ี ดั บงึ เขาหลวง
พักภาวนาอยู่ที่นี่ระยะหน่ึง ท่านจึงชวนไปงานศพหลวงพ่อบนุ้ ฉนั ทโร ทบี่ า้ นค�ำแดง
จ.ยโสธร พักภาวนาอยรู่ ะยะหนึ่ง จงึ เดนิ ทางจากบา้ นค�ำแดงไปบ้านทรายมูลด้วยเทา้
ระยะทาง ๑๖ กม. ใช้เวลา ๔ ชม. เข้าพักที่วัดปา่ ธรรมวิเวการาม จากนั้นจงึ เดินทาง
ตอ่ ไปวัดบึงเขาหลวง พกั ระยะหนง่ึ จงึ เดินทางกลบั ส�ำนกั สงฆ์จิตตภาวนาราม พักได้
ระยะหนง่ึ ไดเ้ ดนิ ทางไปกราบหลวงปบู่ ญุ หนา ทว่ี ดั ปา่ ชยั วารนิ ทร์ อ.บา้ นไผ่ จ.ขอนแกน่
หลวงปบู่ ญุ หนาไดพ้ าเราและหมคู่ ณะเดนิ ทางไปวดั ปา่ นโิ ครธาราม จ.อดุ รธานี เพอื่ ชว่ ย
งานถวายเพลิงศพหลวงป่อู ่อน าณสิริ

ตน้ เดอื นมนี าคม เสรจ็ จากงานหลวงปอู่ อ่ น เราและหมคู่ ณะเดนิ ทางกลบั มาทสี่ ำ� นกั
จติ ตภาวนาราม เราจงึ ขอแยกมาภาวนาทถี่ ำ้� เขาชะอางค์ จ.ระยอง ไปพกั เพยี งรปู เดยี ว

91

ตงั้ ใจจะพกั ภาวนาไปเรอื่ ยๆ พกั อยไู่ ดร้ ะยะหนงึ่ กห็ ายสงสยั ในอะไรบางอยา่ ง เขา้ ใจอะไร
ไดด้ ขี น้ึ คอื ตอนเชา้ ใกลส้ วา่ ง เรายนื อยบู่ นเนนิ เขา มองเหน็ ควนั ไฟจากบา้ นชาวปา่ มองดู
พิจารณาว่าจะไปบณิ ฑบาต ระหวา่ งนั้นกพ็ จิ ารณาวา่ แมน้ เราหลีกเรน้ มาวิเวกตามป่า
ตามเขาในถำ้� คนกย็ งั เขา้ มาบกุ เบกิ ถางปา่ ทำ� ไรท่ ำ� สวน มอี าชพี ลา่ สตั ว์ พระโยคาวจรเจา้
ทง้ั หลายหลกี เรน้ หาสถานทภี่ าวนาทส่ี งบสงดั ในปา่ ในเขาเพอื่ ความพน้ ทกุ ข์ แตค่ นทงั้ หลาย
กอ็ ยใู่ นปา่ ทสี่ งบสงดั เชน่ กนั เพอ่ื การดำ� รงชวี ติ ดว้ ยความเหน็ ผดิ ทำ� อาชพี ทผ่ี ดิ ศลี เปน็
มิจฉาทิฏฐิ เราเลยร้สู กึ อุทานขึ้นมาในจติ วา่ “สัมมาทิฏฐิ คือ ความเหน็ ชอบ” ถ้าเรามี
ความเหน็ ทถี่ กู ตอ้ ง อยทู่ ไี่ หนกส็ ามารถทจ่ี ะปฏบิ ตั ไิ ด้ หลงั จากนนั้ จงึ เขา้ ใจอะไรบางอยา่ ง
บณิ ฑบาตกลบั มาฉนั เสรจ็ เรยี บรอ้ ย เลยเกบ็ บรขิ ารเดนิ ทางกลบั ปทมุ ธานี หยดุ การวเิ วก
ในชว่ งนเี้ พียงเท่านี้

โดยปกตแิ ลว้ จติ เราทรงสมาธทิ กุ อริ ยิ าบถ ไมว่ า่ จะยนื เดนิ นง่ั นอน กส็ ามารถ
ทำ� จิตให้สงบได้ ทรงสมาธอิ ยูใ่ นระดบั หนึง่ เรามีความสงบตลอดทั้งวัน เราจึงคดิ ว่า
อยทู่ ไ่ี หนถ้ามีความเห็นท่ีถูกต้อง กส็ ามารถทจ่ี ะปฏิบัตไิ ปเพ่อื มรรคผลนพิ พานได.้ ...
เราจงึ ทำ� ความเพียรเพื่อความพน้ ทุกขท์ ส่ี ำ� นักจติ ตภาวนาราม

เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๕ .....แต่จิตใจนึกคิดด�ำริท่ีจะออกจากหมู่คณะ
ไปบำ� เพญ็ เพยี รคนเดยี ว จติ ใจไมอ่ ยากคลกุ คลกี บั หมคู่ ณะ ในเดอื นนจี้ ติ ใจยงิ่ ละเอยี ด
ขึน้ เรอื่ ยๆ การกระทบข่นุ มวั ในจิตใจแทบจะไมม่ ี อารมณ์ภายในใจจากการกระทบ
ภายนอกนน้ั ละเอยี ดขน้ึ จนจติ ใจไมร่ สู้ กึ อะไร จติ ใครค่ รวญเตม็ ทใ่ี นการทจี่ ะออกจาก
หม่คู ณะ

วนั ที่ ๒๔ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๒๕ วนั นจ้ี ติ ใจไมอ่ ยากคดิ อะไร จติ ตงั้ สตดิ ำ� รงอยู่
แตใ่ นอารมณ์ปจั จบุ นั จิตใจตื่นทงั้ วัน ไม่งว่ งนอน ตอนเย็นนงั่ สมาธิ จิตเหน็ รา่ งกาย
ละเอียดมาก จนเหมือนกับว่าร่างกายเราละลายไปกับอากาศธาตุ หรือไม่มีอะไร
เปน็ สภาวะคลา้ ยกบั วา่ กายวา่ ง โปรง่ เหมอื นธรรมชาติ อธบิ ายไมถ่ กู นง่ั สมาธเิ สรจ็ ลกุ ขน้ึ
ไปเดนิ จงกรม มสี ตดิ ี เดนิ จนจติ สบาย ขนึ้ มากฎุ ปี ระมาณเวลา ๒๑.๓๐ น. นอนกำ� หนด
สมาธติ อ่ จติ ใจตอ่ เนอื่ งมสี ตอิ ยกู่ บั จติ ตลอดเวลา จติ เหน็ สภาวธรรมเกดิ ขน้ึ .....เปน็ เสน้

92

วงิ่ มาเปน็ แสงสว่าง แลว้ มีดวงจิตเคลอื่ นออกไป พรอ้ มกบั สลดั สนิมหรอื อนุสัย คอื
ความพอใจหรอื ไม่พอใจออกจากจิตใหเ้ หน็

ในขณะปจั จบุ นั นนั้ เกดิ ความอศั จรรยใ์ นจติ ใจเกดิ ขน้ึ อยา่ งบอกไมถ่ กู พรอ้ มกบั
มีความรู้เกิดข้ึนในขณะจิตนั้น (เวลาจิตเคลื่อนตัวสลัดสนิมออก) เกิดความรู้ว่า....
จติ หลุดแล้ว

สตสิ มั ปชญั ญะไมท่ ราบวา่ มาแตไ่ หน มากมายกวา่ เกา่ ตอนเชา้ มองเหน็ อะไรเปน็
ธรรมชาตไิ ปหมด จติ ใจเยอื กเยน็ มแี ตค่ วามเบาจติ สบายอยา่ งบอกไมถ่ กู ใครพดู อะไรท่ี
ไมเ่ หมาะสม กไ็ มส่ ามารถกระทบในจติ เราได้ จติ รวู้ า่ ละความพอใจและความไมพ่ อใจ
ออกไดแ้ ลว้ ในข้นั น้ี จติ หลุดแล้ว สลัดคืนแลว้ ปลอ่ ยได้แลว้

เห็นคนอื่นก็เข้าใจดี มีสภาพเหมือนกนั หมด เขา้ ใจจิตใจของแตล่ ะคนมากข้ึน
เหน็ วา่ เปน็ ธรรมดาเปน็ ธรรมชาตอิ ยอู่ ยา่ งนน้ั ความรสู้ กึ เหน็ แตค่ วามวา่ ง โปรง่ ไมม่ เี ขา
ไม่มเี รา ในสตั วบ์ ุคคลทว่ั ไป ไมเ่ คยรเู้ หน็ แตก่ าลก่อนเลยความรสู้ ึกชนดิ นที้ ่ีเกดิ ข้ึน
ในจติ ใจ

ตอนเชา้ นกึ ถงึ ตวั เองแลว้ อยากจะรอ้ งไหใ้ หก้ บั ความโงข่ องใจทงี่ มงาย ทมี่ วั ลมุ่ หลง
เพลดิ เพลนิ อยกู่ บั ความพอใจในอารมณน์ น้ั ๆ ไมร่ จู้ กั ละทกุ ขอ์ นั เกดิ จากความพอใจเลย
เอาแตต่ ามใจเจา้ ของ ความจรงิ แกน้ ดิ เดยี วเทา่ นนั้ แตเ่ ราหลงคดิ วา่ ตดิ ตวั อน่ื ทแ่ี ทต้ ดิ อยู่
ทคี่ วามพอใจปรารถนาทจี่ ะทำ� ใหค้ นอนื่ พอใจเทา่ นนั้ พอเราแกต้ วั นห้ี ลดุ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ ง
กเ็ บาลงไปดว้ ยกนั หมด จติ ใจเยน็ สบายตลอดมาทง้ั วนั ทง้ั คนื จติ ใจเยอื กเยน็ มสี ต.ิ ..
อย่างบอกไมถ่ กู

รสู้ กึ วา่ สตสิ มาธเิ ตม็ ในขน้ั นี้ ไมต่ อ้ งทำ� สมาธิ เดนิ จงกรมกไ็ ด้ จติ เปน็ หนงึ่ อยทู่ กุ
อริ ยิ าบถ จติ ใจสบาย เหน็ คนทวั่ ไปเปน็ ธรรมชาติ ไมเ่ ขา้ ไปพอใจ ไมพ่ อใจ ในทกุ ๆ คน
ในจติ เหน็ วา่ มสี ภาพเหมอื นกนั หมด จติ อยตู่ รงกลางๆ พอดๆี ไมเ่ ขา้ ไปหาทางสองฝง่ั
ไม่ยนิ ดวี า่ สวย หรือไมส่ วย จิตเหน็ รูส้ ึกเฉยๆ เหมือนละความพอใจในรูปออกแลว้
คนทกุ ๆ คนเหมอื นกนั หมด ไมม่ ใี ครพเิ ศษกวา่ ใคร คนแก่ เดก็ มสี ภาพเหมอื นกนั หมด

93


Click to View FlipBook Version