The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระอาจารย์ตั๋น ถิรจิตโต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-02-22 20:11:09

พระอาจารย์ตั๋น ถิรจิตโต

พระอาจารย์ตั๋น ถิรจิตโต

ตกอยู่ในความไม่เท่ียง เป็นอนตั ตาทง้ั หมด จิตใจไมห่ ่วงไมก่ งั วลกบั ใครๆ ท้งั หมด
แมแ้ ตต่ วั เรากอ้ นน.้ี ..จติ หลุดแล้ว
จติ ไมย่ ดึ มนั่ ถอื มนั่ ในรา่ งกายตนในรา่ งกายบคุ คลอนื่ จติ ไมต่ ดิ ในวตั ถธุ าตทุ ง้ั หลาย
เหน็ กส็ กั แตว่ า่ เหน็ ไดย้ นิ กส็ กั แตว่ า่ ไดย้ นิ จติ เดนิ ไปในทา่ มกลางแหง่ ความสงบ เยอื กเยน็
เหน็ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งในโลกนเี้ ปน็ เพยี งสกั แตว่ า่ ธาตตุ ามธรรมชาตเิ ทา่ นน้ั ปลอ่ ยวางความ
ยดึ มนั่ ถอื มน่ั ในรา่ งกายตนไดโ้ ดยเดด็ ขาด ความโลภกด็ บั ลงไป ความโกรธกด็ บั ลงไป
ความยนิ ดใี นกามทง้ั หลายกด็ บั ลงไป หมดหนา้ ทแ่ี หง่ การพจิ ารณารา่ งกาย การพจิ ารณา
อาหาเรปฏกิ ลู สญั ญากห็ มดหนา้ ทแี่ หง่ การพจิ ารณา ตงั้ แตเ่ ราบวชมาจนบดั น้ี ไมม่ วี นั ใด
ทเี่ ราฉนั ภตั ตาหารดว้ ยความอยาก เมอ่ื ละความยดึ มน่ั ถอื มน่ั ในรา่ งกายตน กห็ มดหนา้ ท่ี
แหง่ การพจิ ารณาอาหารไปดว้ ย

94

พรรษาท่ี ๕
สำ� นักสงฆ์จติ ตภาวนาราม ต.คูคต อ.ลำ� ลูกกา จ.ปทุมธานี

วันท่ี ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ เปน็ วนั เขา้ พรรษา พรรษาน้ีมพี ระจ�ำพรรษา
รว่ มกนั ๕ รปู เราพยายามเรง่ ความเพยี ร ตอนเชา้ ขณะเดนิ บณิ ฑบาต พจิ ารณาธรรมารมณ์
ไปเรอื่ ยๆ เขา้ ใจธรรมหลายๆ อยา่ งเกดิ ขนึ้ ในจติ ใจ จติ พจิ ารณาไปเอง หาเหตยุ ตุ กิ ารเกดิ
ในภพตา่ งๆ.....ได้คำ� ตอบคือ ตดั อุปาทาน
พจิ ารณาสงิ่ ละเอยี ดทเ่ี หลอื อยู่ เราตอ้ งละอวชิ ชา คอื ความหลง ความไมร่ ู้ รไู้ มค่ รบ
หลงพอใจในความเยอื กเยน็ ....ละโดยการพจิ ารณาไตรลกั ษณ์
เราตงั้ จติ และกำ� ลงั ใจสจู่ ดุ สงู สดุ ตามเดมิ ตดั ....ความพอใจในการเกดิ ซง่ึ เปน็ ปกติ
ธรรมดาอยู่แลว้ ของเรา มนุษย์ เทวดา เราไมเ่ กิดแล้ว การเกิดเป็นพรหม เราก็ไมเ่ อา
พอกนั ที เราพอใจอยา่ งเดยี วคือนพิ พาน การไมเ่ กิดอีก
เทวโลกกบั พรหมโลกกย็ งั ทกุ ข์ เพราะยงั ไมเ่ สรจ็ กจิ มกี จิ ทต่ี อ้ งทำ� ตอ่ ไป ตอ้ งมา
เกดิ อกี
อารมณอ์ วิชชา คือ รไู้ ม่ครบ
การตดั อวชิ ชา คอื การตดั ความพอใจในภพ กบั ตดั ความยนิ ดใี นสภาวะของจติ
ท่ที รงคุณธรรมในแต่ละขน้ั ตอน มีความยนิ ดใี นสภาวะของจิตที่เป็นอยู่ในขณะน้ัน

95

อาการของอวิชชา คอื ความพอใจในภพตา่ งๆ และความยนิ ดีในส่ิงทง้ั หลายท่ี
เกดิ ข้นึ

ความโง่ คอื อุปาทานทด่ี ึงให้ติดอยู่

วันน้ีเราพิจารณาธรรมารมณ์ไปในขณะที่มีเสียงเคร่ืองไฟฟ้าไสไม้อยู่ข้างกุฎี
จติ ใจสบาย เพราะว่าเสยี งกบั จิตอย่คู นละสว่ นกัน เขาทำ� งานกนั เกือบครบสองเดือน
ทงั้ มาขดุ ทง้ั มาตอก อยรู่ อบกฎุ เี รา....แตใ่ จสบาย ไมร่ ำ� คาญ นา่ แปลก สรา้ งศาลา ตอกตะปู
เทปูน ทำ� ขอบสระ อยู่ห่างจากเราไมถ่ งึ ๒๐ เมตร เมอื่ ถึงความเปน็ อสิ ระของจิตใน
ขน้ั น้ีแล้ว ย่อมพบความสุขอันเกิดจากความสงบ ความเยือกเย็น ความสบาย

เรอื่ งความพอใจ...ความรกั เพอ่ื นและความเกรงใจ....ทมี่ อี ยใู่ นจติ ของเรา เปน็ เวลา
๒ ปเี ตม็ เราถกู ความโงห่ ลอกลวงใหพ้ อใจในเพอ่ื นมากกวา่ นพิ พาน ดว้ ยเหตแุ หง่ ความหลง
คอื อวชิ ชาน้ี เราจงึ ถกู หลอกใหค้ ดิ อยเู่ สมอวา่ “นพิ พานไปทหี ลงั กไ็ ด้ จะอยกู่ บั เพอ่ื นกอ่ น
ชาตนิ เี้ ปน็ ชาตสิ ดุ ทา้ ยแลว้ จะทำ� ใหถ้ งึ เมอื่ ไหรก่ ไ็ ด”้ พอใจในเพอื่ นมากกวา่ นพิ พาน มนั โง่
จรงิ ๆ นา่ รอ้ งไห้ ถกู หลอกอยา่ งชนดิ ทเ่ี รยี กวา่ “นดิ เดยี วจรงิ ๆ นดิ เดยี วแคน่ นั้ ตดิ อยู่
นดิ เดยี ว” นแ่ี หละ ไมม่ คี รบู าอาจารยค์ อยแนะนำ� ใกลช้ ดิ กเ็ ปน็ อยา่ งนแี้ หละ

กอ่ นเขา้ พรรษานี้ เคยคิดวา่ อยากจะไปศึกษาปฏบิ ตั ดิ ทู ส่ี ำ� นักต่างๆ เชน่ วดั ปา่
บ้านตาด สวนโมกข์ และอนื่ ๆ แตต่ อ่ มา ๑ สัปดาหม์ านี้ ร้สู กึ วา่ ใจหมดความอยาก
ไปโนน่ ไปนี่ รสู้ กึ ไมอ่ ยากไปไหนเลย อยากอยู่เฉยๆ ไม่อยากวงิ่ ไปไหน ถา้ จะไป
ก็คิดวา่ มเี หตุอันควรถงึ จะไป ถ้าไมม่ เี หตกุ ไ็ ม่ไปไหน พอจิตหลดุ พ้นมาถงึ ชว่ งนีแ้ ลว้
รสู้ กึ ระลึกถงึ ครูบาอาจารย์มาก หลวงพอ่ ชา และ หลวงปู่บุญหนา ปุณฺณาสโย (ศิษย์
หลวงปขู่ าว) ฯลฯ และคดิ ถงึ คำ� พดู ตา่ งๆ ของครบู าอาจารยก์ นั มาก เหน็ วา่ ทา่ นพดู อะไร
ลว้ นแตม่ คี วามหมายทงั้ สนิ้ และเจตนาทที่ ำ� อะไรลงไปลว้ นแตเ่ ตม็ ไปดว้ ยความเมตตา
ทง้ั ส้นิ ทราบจากใจเราทงั้ หมดเมอ่ื ผา่ นจุดหนึง่ มาแลว้

พรรษานม้ี กี ารก่อสรา้ งภายในส�ำนกั สร้างศาลา และการปรับปรุงบรเิ วณสำ� นกั
กเ็ ปน็ ไปเรอื่ ยๆ เหน็ ทจี ะไมไ่ ดห้ ยดุ สรา้ งแนๆ่ เลย พรรษานแี้ ปลก...เราอยากอยเู่ งยี บๆ

96

กม็ เี สยี งดงั ทส่ี ดุ คอื เสยี งเครอื่ งไสไมไ้ ฟฟา้ เครอื่ งปน่ั ไฟ มาตงั้ อยขู่ า้ งๆ กฎุ เี ราหา่ งไมถ่ งึ
๓ เมตร เราอุตส่าหส์ มาทานไมพ่ ูดเพ่ือทจี่ ะไดอ้ ย่เู งียบๆ เพราะในเม่อื ไมม่ โี อกาสได้
อยปู่ า่ องค์เดียว ก็เลยคิดวา่ อยทู่ วี่ ัดก็ทำ� เปน็ อยู่คนเดยี วได้

เขากอ่ สรา้ งกนั เสยี งดงั แตจ่ ติ ใจเราตงั้ มน่ั ดมี าก มไิ ดห้ วนั่ ไหวไปกบั เสยี งคน หรอื
เสยี งเครอื่ งยนตเ์ ลย รสู้ กึ วา่ เสยี งนน้ั อยคู่ นละสว่ นกบั จติ ใจของเราตลอดเวลา จติ กบั สติ
กอ็ ยสู่ ว่ นหนง่ึ เสยี งทผ่ี า่ นมากระทบกเ็ ปน็ อกี สว่ นหนง่ึ ไมย่ งุ่ เกย่ี วกนั นแ่ี หละ...อยากสงบ
กลับมีเสยี งดงั ท่สี ดุ แตจ่ ิตใจกส็ บายดี ไม่เกย่ี วกัน

พอออกพรรษาก็ภาวนาต่อท่ีส�ำนักสงฆ์จิตตภาวนาราม ปลายปีเรามีโอกาสให้
ธรรมะแกญ่ าตโิ ยมทม่ี าทำ� บญุ ในวนั พระ เพอ่ื ตอบแทนในฐานะทเี่ ราอาศยั ปจั จยั สจี่ าก
ญาตโิ ยมจงึ มชี วี ติ ทำ� ความเพยี รเพอื่ ความหลดุ พน้ จากวฏั สงสาร เราจงึ แสดงธรรมเรอ่ื ง
การเข้าถึงพระรตั นตรัย เรอ่ื งทาน ศีล ภาวนา ใหญ้ าติโยมได้ฟังตามกำ� ลังสติปญั ญา
ที่เราด�ำเนินมา เราพิจารณาดูหลังจากแสดงธรรมน้ัน เห็นว่ามีคนเข้าใจลึกซึ้งนั้น
น้อยมาก เพียงแค่ฟงั แลว้ ก็ให้ผ่านไป ทง้ั ๆ ท่ีธรรมะนน้ั ถกู กลั่นกรองมาอยา่ งดแี ลว้
จากดวงใจของเราทพ่ี ากเพยี รหาทางหลดุ พน้ จนทราบแนช่ ดั แลว้ วา่ ทางนเ้ี ปน็ ทางทถ่ี กู
แน่แลว้

สาเหตุทผ่ี ู้ฟงั ไม่ได้รับธรรมะเข้าสจู่ ติ ใจของเขาเตม็ ทนี่ น้ั เพราะว่า

๑. ผู้แสดงธรรมมีอายพุ รรษานอ้ ย ทัง้ คุณวฒุ ิและวยั วฒุ ิ

๒. ผู้ฟงั ส่วนใหญม่ ีอายุ ๕๐-๖๐ ปี คราวบดิ ามารดาเรา

การมที ฏิ ฐมิ านะ การยดึ ถอื ในบคุ คล ในวยั เปน็ เหตใุ หธ้ รรมไมไ่ หลเขา้ ไปสจู่ ติ ใจ
ของทกุ ๆ คนได้ ทงั้ ๆ ทธ่ี รรมะทแี่ สดงในคราวนนั้ ตอ่ ไปในกาลขา้ งหนา้ ๒๐ ปี ๓๐ ปี
๔๐ ปี ๕๐ ปี กเ็ ปน็ ธรรมะอนั เดยี วกนั นแี้ หละทแี่ สดงในครงั้ กอ่ น แตว่ า่ ในกาลภายหนา้
จะมผี คู้ นสนใจ และรบั ฟงั ไดง้ า่ ยกวา่ เขา้ สจู่ ติ ใจคนไดง้ า่ ย เพราะเมอ่ื กาลเวลาผา่ นไป
๒๐-๓๐ ปี คนมศี รทั ธาในการฟงั มากขน้ึ มศี รทั ธาตอ่ บคุ คล เพราะเมอ่ื นนั้ ผแู้ สดงธรรม
ก็มีวยั ควรแก่การเชอื่ ถอื “ธรรมอนั เดยี วกัน แสดงตา่ งกาลเวลาได้ผลตา่ งกนั ”

97

ปกตเิ ราไมเ่ คยคดิ อยากสอนธรรมะใครมากอ่ น แตเ่ มอื่ ถงึ คราวจำ� เปน็ เชน่ คราว
อาจารยไ์ มอ่ ยู่ กจ็ ำ� เปน็ ตอ้ งแนะนำ� ไปตามหนา้ ท่ี แตก่ ารแนะนำ� กพ็ อดที จ่ี ติ ใจพรอ้ มท่ี
จะแนะนำ� เพราะไดท้ ดลองปฏบิ ตั ติ วั เราเองกอ่ นคอ่ ยมาสอนคนอน่ื ภายหลงั เมอื่ แนะนำ�
แลว้ เหน็ วา่ ไดผ้ ลไมเ่ ทา่ ทคี่ วร เพราะผรู้ บั ฟงั มที ฏิ ฐมิ านะ มอี ายมุ ากๆ กนั กเ็ ลยคดิ วา่
ตอ่ ไปถ้าไม่จำ� เป็นก็ไมอ่ ยากแนะนำ� ส่ังสอนใคร

คืนวันหน่งึ ขณะที่เรานงั่ ภาวนาอย่นู นั้ นมิ ิตเหน็ ครบู าอาจารย์รปู หนงึ่ ทา่ นมาหา
ในสมาธิ ท่านมาปรากฏในอริ ิยาบถนัง่ ยองๆ เราเห็นว่าท่านคือหลวงพอ่ กบ วดั เขาถ้ำ�
สารกิ า ทา่ นมาสอนใหเ้ ราทำ� กสณิ แสงสวา่ ง และใหท้ ำ� อรปู ฌาน เรารวู้ า่ สงิ่ ทท่ี า่ นสอนนี้
เปน็ ไปเพอื่ ใหร้ อู้ ดตี และอนาคต ตาทพิ ย์ หทู พิ ย์ แตใ่ นชว่ งนนั้ เราปรารถนาพระนพิ พาน
แต่เพียงอยา่ งเดียว ส่งิ ทน่ี อกเหนอื ไปจากนี้เราไม่มีความตอ้ งการ เราจงึ ไม่ไดท้ ำ� ตาม
ค�ำสอนของท่าน ทา่ นมาหาเราทางสมาธิติดต่อกนั สามวนั ทา่ นทราบวา่ เรามิไดท้ ำ� ตาม
คำ� สอนของทา่ น ทา่ นจงึ มไิ ดป้ รากฏใหเ้ หน็ อกี เลย ชว่ งนน้ั จติ เราวา่ งเหมาะแกก่ ารทจี่ ะ
ฝกึ วชิ าทที่ า่ นตงั้ ใจมาสอน แตเ่ รามคี วามยดึ มนั่ ถอื มนั่ ในจดุ มงุ่ หมายภายในจติ ใจของ
เราวา่ เราปรารถนานิพพานแต่เพียงอย่างเดยี ว เราจงึ มไิ ด้ฝึกจติ ตามคำ� สอนของท่าน
เรามาพจิ ารณาภายหลงั วา่ ในคราวนนั้ ทา่ นเมตตามาสอน เราควรทำ� ตามคำ� สอนของทา่ น
เพราะท่านทราบว่าหลังจากน้ีเราจะมีเวลามาก ในตอนน้ันเราไม่ฉลาดที่ไม่เชื่อฟังค�ำ
ส่ังสอนของทา่ น

สรปุ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕

ไดร้ บั ผลเปน็ ทนี่ า่ พอใจแหง่ การพากเพยี รพยายามมาตลอดเกอื บ ๔ ปเี ตม็ หลงั จาก
ที่หาอุบายวธิ ที ุกๆ ทางทีจ่ ะท�ำให้ใจขาดจากความยดึ ถือในรูปโดยเด็ดขาด และกพ็ บ
ความส�ำเรจ็

ความรู้สึกจากผลแห่งความเพียรเมื่อน�ำการปฏิบัติไปเทียบกับทางโลกในคราว
ที่เรายงั ศึกษาอยู่ท่วี ิทยาลัยหอการคา้ ใชเ้ วลาเรียน ๔ ปี จงึ จบการศกึ ษาในสาขา
เศรษฐศาสตร์ เราร้สู ึกวา่ การปฏบิ ตั ิใน ๔ ปี จนถึงจิตปล่อยวางรูปไดน้ ้ัน ยงั งา่ ยกวา่
การเรียนหนังสือ ๔ ปีเสยี อีก

98

อาจจะเปน็ เพราะวา่ เรามคี วามพอใจและเหน็ ผลในการปฏบิ ตั เิ สมอๆ ทกุ ๆ ขน้ั ตอน
กเ็ ปน็ ได้ จงึ ทำ� ใหร้ สู้ กึ วา่ ในขนั้ นไี้ มย่ ากอะไรนกั หรอื อาจจะเปน็ เพราะวา่ เปน็ นสิ ยั วาสนา
บารมีแต่เดิมที่เราได้เคยท�ำไว้ก็เป็นได้ ไม่ทราบว่าจะจริงหรือเปล่า จึงท�ำให้รู้สึกว่า
ง่ายมากในขั้นน้ี ความรู้สึกว่าหนักใจบ้างหรืออยากรู้วิธีการวางรูปโดยเด็ดขาดน้ัน
มอี ยคู่ รงั้ หนึ่งเมอื่ พ.ศ. ๒๕๒๓ เม่ือคราวจำ� พรรษาทส่ี ำ� นักชวนพ่วงพุทธ บ้านหมี่
ลพบรุ ี

การปฏบิ ตั ิท่ผี ่านๆ มา เหมอื นกับการเดนิ ทาง เรามคี วามรูส้ ึกในจิตใจเสมอ
เหมอื นกบั วา่ หนทางนเ้ี ราเคยเดนิ แลว้ รสู้ กึ วา่ ไมส่ งสยั ในการปฏบิ ตั ิ จนกระทง่ั เดนิ มาถงึ
จดุ ๆ หนง่ึ ไมท่ ราบวา่ ทางทจี่ ะเดนิ ตอ่ ไป ไปทางไหน อยากทราบอยากรวู้ า่ จะไปทางไหน
เหมือนการปฏิบตั ิท่พี อปฏบิ ตั มิ าถงึ จุดๆ หน่งึ อยากทราบว่าทำ� อยา่ งไรจึงจะละกิเลส
เรอื่ งรปู ออกจากจติ ไดโ้ ดยเดด็ ขาด ความรสู้ กึ นเ้ี กดิ ขน้ึ เมอื่ พรรษา ๓ ในคราวนน้ั ทำ� ความ
เพียรอย่างเต็มท่ตี ามก�ำลงั ของเรา

ปลายปนี ้ี การทำ� ความเพยี รมคี วามรสู้ กึ วา่ เราไดฆ้ า่ สมนุ ของโจรตายหมดราบคาบ
เหลือเพยี งหวั หนา้ โจรเทา่ นัน้ ทรี่ อดพน้ ไปได้ เราได้สะกดรอยตามหัวหน้าโจรไปติดๆ
เจา้ หวั หนา้ โจรกห็ ลบหนเี ขา้ ไปอยใู่ นถำ้� มดื แหง่ หนงึ่ ซง่ึ เรากไ็ มส่ ามารถเขา้ ไปจบั หวั หนา้
โจรได้ เพราะถำ้� มดื มากมองไมเ่ หน็ เรายงั ไมม่ อี ปุ กรณ์ หรอื ไฟฟา้ หรอื แสงสวา่ ง ทจี่ ะใช้
ในการจับโจร เราจึงเฝ้าโจรอยู่ปากถ�้ำ จะเข้าไปจัดการทันทีเลยก็ยังไม่ได้ เพราะ
มองไมเ่ หน็ โจร ถำ�้ มดื มาก....โจรกไ็ มก่ ลา้ ออกมา คงจะรวู้ า่ เรารอจดั การอยขู่ า้ งนอก....
เราคดิ วา่ ถา้ เรามีอปุ กรณพ์ ร้อมเมื่อไหร่ เราจะเข้าไปจดั การหัวหนา้ โจรทนั ท.ี ...ตอนน้ี
หวั หนา้ โจรก็ก�ำลงั บาดเจบ็ เหลอื อยเู่ พยี งคนเดียว.....

พฤศจกิ ายน-ธนั วาคม หลวงพอ่ ชาอาพาธ เดนิ ทางมารกั ษารา่ งกายทโ่ี รงพยาบาล
จฬุ าฯ เราและหมคู่ ณะไดไ้ ปเยยี่ มดอู าการปว่ ยหลวงพอ่ ชาหลายครง้ั เราอยากอปุ ฏั ฐาก
ดแู ลหลวงพอ่ แต่ว่ามพี ระอปุ ัฏฐากเพยี งพอแลว้ เราจงึ ได้แต่เพยี งไปเย่ียมและคอย
ฟงั ข่าวอาการของหลวงพ่อชาเทา่ น้ัน

99

วนั ที่ ๑๗ กนั ยายน ๒๕๒๕ หลวงปบู่ ญุ หนาอาพาธดว้ ยโรคไต โรคปอด และหวั ใจ
เราจงึ ไปอปุ ฏั ฐากดแู ลหลวงปบู่ ญุ หนาทโ่ี รงพยาบาล ตลอดระยะเวลา ๑๓ วนั จนกระทง่ั
หลวงปมู่ รณภาพในตอนเชา้ วนั ที่ ๓ มกราคม ๒๕๒๖ ดว้ ยอาการอนั สงบ เราอยจู่ นงาน
ถวายเพลิงหลวงป่เู รยี บรอ้ ยจึงเดนิ ทางกลับ

ประมาณต้นเดอื นมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๖ หลวงพ่อชาเดินทางกลับไปรักษาตัว
ท่ีวัดหนองป่าพง ขณะน้ันร่างกายของหลวงพ่ออยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
เราไดม้ โี อกาสรว่ มเดนิ ทางสง่ หลวงพอ่ กลบั วดั หนองปา่ พงดว้ ยเครอื่ งบนิ เทยี่ วบนิ พเิ ศษ
ของกองทัพอากาศ

ในสว่ นของการปฏบิ ตั ธิ รรมนนั้ เรากพ็ ยายามหาทางทำ� ลายอวชิ ชา หาทางปลอ่ ย
วางความยดึ ถอื ในสงั ขาร วญิ ญาณ อยา่ งละเอยี ด เมอื่ ปฏบิ ตั มิ าถงึ ชว่ งน้ี มคี วามรสู้ กึ
เหมอื นกับวา่ ...แตก่ อ่ นเคยท�ำงานหนกั ตากแดด ตากฝน ท�ำงานกลางแจ้ง พอผา่ น
เดอื นมถิ นุ ายน ๒๕๒๕ มาแลว้ เหมอื นกบั วา่ ทำ� งานมผี ลงานดี เขาเลยใหพ้ กั ผอ่ นสบาย
เชญิ เข้ามาทำ� งานในบ้านท่ีมแี อร์ มีเครื่องอ�ำนวยความสะดวกทุกอยา่ ง จะนอนจะกิน
เมอ่ื ไหร่ ตามสบาย สบายทกุ อยา่ งไมเ่ หมอื นแตก่ อ่ น ตอนนไี้ มต่ อ้ งกงั วลในอะไรทงั้ สนิ้
พกั ผอ่ นนอนหลบั สบาย ใจไมม่ กี งั วล แตว่ า่ อยา่ ลมื ตนื่ ละ...จะไดส้ ะสางงานทย่ี งั คงั่ คา้ ง
อยบู่ างสว่ น ตอนนใ้ี หเ้ วลาพกั ผอ่ นได้ แตอ่ ยา่ เพลดิ เพลนิ มากนกั ละ่ ตน๋ั รสู้ กึ วา่ จติ ใจ
มคี วามสงบเยอื กเยน็ มคี วามสบาย มสี ตมิ ากขนึ้ รสู้ กึ วา่ อมิ่ ในสมาธิ ไมม่ คี วามอยาก
ความตอ้ งการในสมาธิ เหมอื นกบั วา่ อม่ิ พอหรอื เตม็ แลว้ ในขน้ั น้ี (ชว่ งนน้ั จติ ทสี่ งบอยา่ ง
เยอื กเยน็ ตดิ ความสขุ อยา่ งละเอยี ด หลงั จากทจ่ี ติ หมดภาระเรอื่ งรปู มาแลว้ เลยประมาท
โดยรเู้ ทา่ ไมถ่ งึ การณ์ เพราะไมไ่ ดอ้ ยใู่ กลค้ รบู าอาจารยแ์ ละไมม่ คี รบู าอาจารยแ์ นะนำ� )

ในระยะนี้ เดอื นมถิ นุ ายน ๒๕๒๖ พจิ ารณาถงึ ความตาย ระลกึ ถงึ พระคณุ ของบดิ า
ทเี่ ลย้ี งเรามา คดิ อยากจะไปจำ� พรรษาทว่ี ดั หนองปา่ พงเพอื่ สงเคราะหโ์ ยมพอ่ แตเ่ พอ่ื น
ชวนให้อยู่ชว่ ยท่านทสี่ �ำนกั จิตตภาวนาราม

100

ชว่ งน้นั สขุ ภาพรา่ งกายไมค่ ่อยแขง็ แรง รู้สึกหายใจไมค่ ่อยเข้าปอด เช้าวันหนง่ึ
เราร้สู ึกไมค่ อ่ ยสบาย แต่นดั กับเพือ่ นว่าจะไปเย่ียมพระปว่ ยท่วี ัดเขาฉลาก จ.ชลบุรี
พอเย่ยี มเสร็จ เดนิ ออกมาภายนอก เราเป็นลมล้มทั้งยนื ดแี ตว่ า่ ศรี ษะไม่ฟาดพ้นื
เพยี งแตเ่ จบ็ ทส่ี ะโพกและไหล่ เพราะลม้ กระแทกพนื้ ปนู ซเี มนต์ เปน็ ลมคราวนี้ จติ ใจ
ไมห่ ว่ งรา่ งกายเลย รสู้ กึ วา่ ในขณะเปน็ ลม เหน็ รา่ งกายตวั เองสวา่ งเปน็ สที อง จติ ใจสบาย
ไม่มีความกงั วล เพยี งร้สู กึ วา่ ร่างกายเพลียไปหนอ่ ย แขน ขา อ่อนแรง

101

พรรษาที่ ๖
ส�ำนักสงฆจ์ ิตตภาวนาราม อ.ล�ำลูกกา จ.ปทมุ ธานี

วนั ที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ วนั เขา้ พรรษา มพี ระ ๕ รปู สามเณร ๒ รปู
ในพรรษาน้ี เมอ่ื มองดใู คร ตาเหน็ รปู มกั จะเหน็ ความวา่ งเขา้ มาแทนทค่ี นนนั้ ชวั่ ขณะ
จิตหนึ่งอยู่เสมอ คือเหน็ อนัตตา หมายความวา่ ตรงรปู ทเ่ี ราเห็นน้ันหายไปชั่วขณะ
จติ หนง่ึ คงเหลอื แตค่ วามวา่ งชว่ั ขณะจิตหนง่ึ แลว้ ก็เห็นรปู อย่างเดิมตามปกติ ส่ิงนี้
เกิดข้นึ เองโดยไม่ต้องพิจารณา

รา่ งกายเราไมค่ อ่ ยแขง็ แรง รสู้ กึ อดึ อดั หายใจไมเ่ ตม็ ปอด หายใจไมส่ ะดวก เราเลย
กำ� หนดแตจ่ ติ ไมส่ นใจลมหายใจ คอ่ ยดขี นึ้ ชว่ งนนั้ เราสขุ ภาพไมค่ อ่ ยดี เปน็ ลมบอ่ ยๆ
เราไมเ่ คยไปหาหมอ เพราะเคยชนิ กบั การใชธ้ รรมโอสถ เวลาเราเปน็ ลม จติ จะรวมตวั
โดยอตั โนมัติแยกจากกาย จติ นิง่ รวมตวั อยู่ดูความผิดปกติของรา่ งกาย

ตง้ั แตผ่ า่ นกลางปี พ.ศ. ๒๕๒๕ มาแลว้ เราเลกิ พจิ ารณารา่ งกายโดยสน้ิ เชงิ และ
เลิกพิจารณาอาหารโดยเด็ดขาด จิตใจไม่สะดุ้งกลัวต่อความเจ็บป่วยและความตาย
เรื่องการฉันภัตตาหาร เลือกฉันอาหารท่ีถูกกับธาตุขันธ์ ฉันเพื่อความทรงอยู่ของ
รา่ งกายเท่านัน้

มเี หตกุ ารณใ์ หล้ ว่ งรไู้ ดท้ ง้ั ภายในและภายนอกเกดิ ขน้ึ ภายในจติ แตไ่ มส่ ามารถ
จะบนั ทกึ ลงไปได.้ ...สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ เปน็ ขน้ึ มาเอง เกดิ ขนึ้ เพราะจติ บรสิ ทุ ธม์ิ ากขน้ึ จงึ รแู้ ละ
เข้าใจภายในจิตใจ

102

ในระยะนี้สมาธิเต็ม มีความอิ่มในสมาธิเป็นปกติ เพียงแต่ท�ำสติและปัญญา
ใหม้ ากขึน้ ให้เหน็ ความไมเ่ ทย่ี งของอาการของจิต บางครงั้ คดิ ว่าคงไมย่ ากเทา่ ใดนกั
คดิ วา่ อยไู่ มไ่ กล แตค่ วามจรงิ กย็ ากพอสมควรและอยไู่ มใ่ กลด้ งั ทค่ี ดิ กเิ ลสทอ่ี ยใู่ นจติ
เหมอื นเหลอื ไมม่ ากนกั แตก่ เ็ ปน็ สง่ิ ทีม่ ากและคาดการณไ์ มไ่ ดว้ า่ เจา้ หวั หนา้ โจรจะถกู
ฆา่ ตายเมอื่ ไหร่ ถงึ จะเหลอื เพยี งอวชิ ชาทอ่ี ยใู่ นจติ แตก่ เ็ ปน็ สง่ิ ทเี่ รน้ ลบั ทส่ี ดุ ...มใิ ชห่ รอื
เจ้าจงหาแสงสวา่ งและอุปกรณม์ าเพือ่ ทจ่ี ะเข้าไปจบั ผรู้ า้ ยทอ่ี ยู่ในถำ�้ มืด อวชิ ชาอยู่ใน
นัน้ จรงิ แต่เจ้ากย็ ังเขา้ ไปจดั การกบั มนั ไมไ่ ด้ เพราะเจ้าไมม่ ไี ฟและไมท่ ราบว่าในนั้น
มอี นั ตรายอะไรบา้ ง (สภาวะนเี้ ปน็ กเิ ลสสว่ นละเอยี ดทท่ี ำ� ใหเ้ รายง้ั อยู่ เรายงั ไมส่ ามารถ
ทจ่ี ะเข้าไปท�ำลายได)้

หลวงปหู่ ลยุ พรอ้ มคณะพระเณร ๕ รปู มาฉนั ภตั ตาหารทส่ี ำ� นกั จติ ตภาวนาราม
เมื่อวนั ท่ี ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๗

ต้ังแต่ต้นปีมาน้ี มีนิมิตมาเตือนให้ท�ำความเพียรเสมอแทบทุกวัน ให้ท�ำทาง
สายกลาง อย่าประมาท เป็นเวลาปีครึ่งมาแล้วท่ีจิตใจของเรายังทรงความสบายอยู่
ตดิ ความสุขส่วนละเอียด เราจะท�ำความเพยี รเพ่อื ความพน้ ทุกข์ใหไ้ ด้

เมอื่ มาอยใู่ นสถานทเ่ี งยี บสงบ เราไมต่ อ้ งทำ� สมาธิ จติ กส็ งบเปน็ ปกตอิ ยแู่ ลว้ ลมื ตา
กส็ งบ หลบั ตากส็ งบ ผปู้ ฏบิ ตั ใิ หมใ่ จสงบ เพราะปราศจาก รปู เสยี ง กลน่ิ รส สมั ผสั
แตจ่ ติ ของเรานน้ั สงบเพราะ.....เหตขุ องการปรงุ แตง่ ดบั เสยี แลว้ จติ ใจเลยสงบเปน็ ปกติ

จติ เปลย่ี นไป ตาเหน็ รปู รวู้ า่ สวยหรอื ไมส่ วย วญิ ญาณรบั รู้ มผี รู้ อู้ กี ตวั หนง่ึ เกดิ ซอ้ น
ขึ้นมา เหน็ การเกดิ แล้วก็ดบั ไป เกดิ แล้วดบั ไปๆๆๆ อย่เู สมอๆ

พระเพื่อนชวนไปกราบครูบาอาจารย์ทางภาคเหนอื และภาคอสี าน

๒๑ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๒๗ กราบหลวงปคู่ รบู าพรหมจกั รสงั วร ทว่ี ดั พระพทุ ธบาท-
ตากผา้ จ.ลำ� พนู รสู้ กึ วา่ หลวงปทู่ า่ นเมตตามาก ทา่ นอายุ ๘๗ ปแี ลว้ ยงั พาพระเณรทำ� วตั ร
นั่งสมาธภิ าวนา นับวา่ หาไดย้ าก

103

๒๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๒๗ เดนิ ทางไปถำ้� ปา่ ไผ่ จ.ลำ� พนู สถานทดี่ ี นา่ อยู่ เงยี บสงบมาก
แตน่ ำ�้ ใชน้ �้ำฉันไม่สะดวก

๑ มนี าคม ๒๕๒๗ เดินทางไปวัดผาหนาม จ.ล�ำพนู

๓ มนี าคม ๒๕๒๗ เดนิ ทางไปวดั พระพทุ ธบาทหว้ ยตม้ และไปพกั ทว่ี ดั สวนดอก
จ.เชียงใหม่

๔ มนี าคม ๒๕๒๗ เดนิ ทางไปกราบหลวงปแู่ หวนทว่ี ดั ดอยแมป่ ง๋ั แลว้ เดนิ ทาง
ไปวดั ถ�ำ้ ผาปลอ่ ง และไปพักท่วี ัดอรญั ญวิเวก กราบท่านอาจารยเ์ ปล่ียน ค้างคืนที่นี่

๗ มนี าคม ๒๕๒๗ เดนิ ทางกลบั มากราบพระพทุ ธชนิ ราช ทพ่ี ษิ ณโุ ลก และเดนิ ทาง
ตอ่ ไปอุดรธานี คา้ งคนื ทีว่ ัดโพธสิ มภรณ์

๘ มนี าคม ๒๕๒๗ เดนิ ทางไปวดั หนิ หมากเปง้ กราบหลวงปเู่ ทสก์ พกั ทวี่ ดั หนิ -
หมากเปง้ และเดนิ ทางไปกราบหลวงตามหาบัวท่วี ัดป่าบ้านตาด พักทว่ี ดั ป่าบา้ นตาด

๑๔ มีนาคม ๒๕๒๗ เดนิ ทางไปวดั หนองป่าพง อปุ ฏั ฐากหลวงพอ่ ชา ๑๕ วัน
จึงเดนิ ทางกลับส�ำนกั จติ ตภาวนาราม ในวนั ท่ี ๑ เมษายน ๒๕๒๗

ประมาณเดอื นกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ มญี าตโิ ยมจากบา้ นเพ จ.ระยอง นมิ นตไ์ ปดู
ทเี่ นนิ เขาขา้ งสวนทเุ รยี น โดยตงั้ ใจวา่ จะทำ� เปน็ ทพี่ กั สงฆ์ หมคู่ ณะรวม ๔ รปู เดนิ ทางไป
ดสู ถานท่ี พกั อยทู่ น่ี น่ั ๒-๓ คนื พระเดนิ ทางกลบั สำ� นกั จติ ตภาวนาราม ๒ รปู เหลอื เรา
และพระเพื่อนอีก ๑ รูป พกั ต่ออีก ๒-๓ วัน เราพจิ ารณาว่าสถานทีย่ ังไม่เหมาะสม
ทจ่ี ะท�ำเปน็ ทพ่ี ักภาวนา...

วนั หนง่ึ หลงั กลบั จากบณิ ฑบาต มโี ยมนมิ นตใ์ หข้ นึ้ รถเพอ่ื มาสง่ ทพ่ี กั ระหวา่ งนนั้
โยมแนะนำ� วา่ มปี า่ สงวนอยหู่ ลงั สวนทเุ รยี นของครอบครวั เขา สถานทเี่ ปน็ ปา่ เขารม่ รนื่
ทส่ี วยเหมาะแกก่ ารภาวนามากกวา่ ทอ่ี ยใู่ นตอนนี้ เรารวู้ า่ อยากจะไปดสู ถานทที่ เ่ี ขาแนะนำ�
แตเ่ พอื่ นพระไมอ่ ยากไป แตเ่ รารบเรา้ ใหท้ า่ นไปดว้ ย เดนิ ไปประมาณ ๒-๓ กม. กเ็ หน็

104

ปา่ เขา ไดแ้ ตม่ องดอู ยใู่ นสวนทเุ รยี น เพราะฝนกำ� ลงั ตกหนกั เรามองเหน็ สถานทนี่ น้ั แลว้
รสู้ กึ ชอบมากทเี ดยี ว แตพ่ ระเพอ่ื นกลบั ไมช่ อบเลย พอกลบั มาถงึ ทพ่ี กั ไดค้ ยุ กนั ถงึ เรอ่ื งนี้
เราวา่ ปา่ ดเี หมาะสมนา่ ภาวนา เพอื่ นไมเ่ หน็ ดว้ ยหลายๆ อยา่ ง คนื นน้ั เราจงึ คดิ วา่ หลงั ฉนั
เราจะเข้าไปดูในปา่ นัน้ ใหม่ คราวนต้ี ้องเข้าไปดขู ้างในปา่
ตอนเชา้ ฉนั เสรจ็ จงึ ชวนเพอื่ นเดนิ ไปดทู ปี่ า่ นนั้ อกี ครงั้ เพราะเมอื่ คนื มคี วามรสู้ กึ
กงั วลวา่ อยากจะเขา้ ไปดใู นปา่ ใหไ้ ด้ พอไปถงึ ไดเ้ ขา้ ไปดใู นปา่ แลว้ รสู้ กึ ชอบและถกู ใจ
มคี วามรสู้ กึ วา่ ถา้ จะทำ� สำ� นกั สงฆท์ นี่ ค่ี งจะเหมาะและคงทำ� ไดแ้ นเ่ ลย อารมณค์ วามรสู้ กึ
ตอ่ สถานทน่ี เี้ ปน็ อารมณท์ ชี่ อบทสี่ ดุ ในจติ ใจ แตใ่ นขณะเดยี วกนั กเ็ หน็ ความปลอ่ ยวาง
ต่ออารมณไ์ ปพร้อมกัน คอื รู้จักเขา้ ใจในความชอบสถานทเ่ี ปน็ ทส่ี ุดของอารมณ์ และ
เห็นความปล่อยวางคอื ไมต่ ดิ ไม่ยึดในอารมณ์ในขณะเดียวกนั กลับมาถงึ ท่พี ักได้คยุ
กบั เพอื่ น แตท่ า่ นยงั ไมช่ อบ เหตผุ ลของเพอื่ นเรามแี ตข่ อ้ เสยี ทงั้ นนั้ และไมเ่ หน็ ดว้ ยใน
การทจ่ี ะทำ� สำ� นักทีน่ ่นั จงึ พักเรือ่ งนีไ้ ปก่อน.....
กอ่ นกลบั สำ� นกั จติ ตภาวนาราม เราบณิ ฑบาตเช้าวันสดุ ทา้ ย เราได้พดู ในใจกับ
ตวั เองวา่ “สกั วนั หนง่ึ ขา้ งหนา้ เราจะกลบั มายงั สถานทน่ี อี้ กี ครงั้ เราจะสรา้ งทนี่ ใี่ หเ้ ปน็ วดั
ใหไ้ ด้ ถา้ เราจบกจิ อนั ควรกระทำ� แลว้ เราจะตอ้ งกลบั มาอกี แนน่ อน ไมช่ า้ กเ็ รว็ แนน่ อน
ทส่ี ดุ เราจะมาทำ� สถานทแ่ี หง่ นใ้ี หเ้ ปน็ วดั สบื ไป” เรารอู้ ยภู่ ายในจติ ใจของเรา แตใ่ นขณะนน้ั
เพือ่ นเรายงั ไมเ่ ห็นดว้ ย....หลังจากนัน้ เราก็เดนิ ทางกลับส�ำนักจิตตภาวนาราม

105

พรรษาท่ี ๗
สำ� นักสงฆ์จติ ตภาวนาราม อ.ล�ำลูกกา จ.ปทมุ ธานี

วนั ท่ี ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ เปน็ วนั เขา้ พรรษา เราจำ� พรรษาทนี่ ี่ ปนี เี้ ปน็ ปี
ท่ี ๔ ติดตอ่ กนั แล้ว มีพระและสามเณรรวม ๘ รูป

พรรษานตี้ ดิ ในอารมณก์ ศุ ล มเี มตตาตอ่ เพอื่ นมนษุ ยม์ าก หวงั ใหค้ นมคี วามสขุ
ความเจรญิ จติ สงบเยอื กเยน็ ไมเ่ หน็ กเิ ลสอยา่ งละเอยี ด จงึ ทำ� ใหป้ ระมาทในการปฏบิ ตั ิ
ไม่รีบเรง่ ในการภาวนาเทา่ ทคี่ วรจะเป็น บางวนั เวลาจ�ำวัดกลางคืน จะมีนิมิตมาเตอื น
ให้เรง่ ความเพยี ร อย่าประมาท อย่าชะลา่ ใจ ตอ้ งทำ� ต่อไปเพอ่ื ใหส้ ติปญั ญาบรบิ รู ณ์
จะไดเ้ ห็นอวิชชาชดั และมีปญั ญารู้เท่าทันอวิชชา

เราไดส้ นทนากบั เพอื่ นเรอื่ งสถานทเ่ี ขาตะเภาควำ่� บา้ นเพ จ.ระยอง ทไ่ี ดไ้ ปดมู า
เม่ือกอ่ นเข้าพรรษา เราบอกเพอ่ื นว่าเราชอบสถานทน่ี ้ีมาก สกั วันหนึง่ ข้างหน้าเมอ่ื เรา
จบกจิ ธรุ ะสว่ นตวั แลว้ ถา้ เราคดิ จะสรา้ งวดั เขาตะเภาควำ�่ นแี่ หละจะเปน็ แหง่ แรกทเี่ รา
จะสร้าง ขณะนตี้ อนนเี้ รายงั ไมพ่ รอ้ มเทา่ นน้ั เอง เพราะเรามสี ญั ญาไวก้ บั ใจตนเองว่า
ถา้ เรายงั ไมจ่ บกจิ หรือพน้ ทุกข์แลว้ ในชาตินเ้ี ราจะไมข่ อเปน็ เจ้าอาวาส จะขอปฏบิ ตั ิ
จนกวา่ จะตาย จะไปขออาศยั อยตู่ ามวดั ตา่ งๆ ทสี่ มควร แตว่ า่ ตอ่ ไปเราคดิ วา่ จะมพี ระ
เณรเพ่มิ ขน้ึ อีกมาก เขาจะมาขออาศัยอยกู่ บั เรา (มคี วามรทู้ ราบในใจว่าจะมีพระเณร
เกิดข้ึนเขา้ มาบวชทีหลงั และขอเข้ามาอยดู่ ้วยอีกมาก มองเหน็ เป็นสายเพ่มิ ขึ้นเรอื่ ยๆ
เหน็ ดว้ ยใจ) ขณะนกี้ ฎุ ที พ่ี กั ทสี่ ำ� นกั จติ ตภาวนาราม มจี ำ� นวนจำ� กดั สถานทไ่ี มก่ วา้ งนกั
รบั พระเณรไมไ่ ดม้ าก เราวา่ ทเ่ี ขาตะเภาควำ�่ เหมาะจะทำ� เปน็ ทพ่ี กั ภาวนาเงยี บๆ ทำ� ไมทา่ น

106

ไม่ชอบที่เขาตะเภาควำ่� ละ....เราวา่ สถานที่นด้ี นี ะ ถ้าทา่ นตกลงไป เราจะไปช่วยสร้าง
แตไ่ มข่ อเปน็ หวั หนา้ ใหท้ า่ นเปน็ หวั หนา้ เราจะอยชู่ ว่ ยสรา้ งวดั อยกู่ นั เงยี บๆ จะไดม้ เี วลา
ภาวนามากขนึ้ เราไดพ้ ดู คยุ ถงึ เหตผุ ลใหเ้ พอื่ นฟงั จนทา่ นตกลงใจทจ่ี ะไปทำ� ทพี่ กั ภาวนา
ท่ีนน่ั

เราและหมคู่ ณะจงึ เดนิ ทางไปดสู ถานทนี่ นั้ อกี ครงั้ หนงึ่ รสู้ กึ ชอบมาก คดิ วา่ เหมาะ
ทจ่ี ะทำ� เปน็ วดั เหน็ ในจติ วา่ ถา้ ทำ� ได้ ตอ่ ไปทนี่ จี่ ะเจรญิ รงุ่ เรอื ง ปรากฏภาพใหเ้ หน็ ในจติ
เป็นถนนลาดยาง แสดงใหเ้ ห็นถงึ ความเจรญิ และเปน็ วดั ได้แน่ในอนาคต กลางคนื
ก�ำหนดดูสถานท่ี เห็นเป็นเจดีย์แสดงเครื่องหมายของการเป็นวัดได้ในบริเวณนั้น
(เร่อื งน้ีเราได้บันทึกไว้ต้งั แตเ่ ดอื นตลุ าคม ปี พ.ศ. ๒๕๒๗)

เมื่อกลับมาสำ� นกั จิตตภาวนาราม ตกลงใจกันว่า ออกพรรษาแลว้ หมดหนา้ ฝน
จะลองไปพกั ภาวนาทน่ี ัน่ ดูก่อน คดิ วา่ จะไปกนั ๓ รปู

เรอ่ื งนเ้ี รามาพจิ ารณาในภายหลงั มนั เปน็ ความเมตตาตอ่ หมคู่ ณะและญาตโิ ยม
แตเ่ ปน็ อปุ สรรคตอ่ การภาวนาอยา่ งยงิ่ เพราะเราคดิ วา่ จะทำ� เปน็ ทป่ี ฏบิ ตั ภิ าวนาสำ� หรบั
พระเณรและญาติโยมทตี่ ั้งใจปฏิบตั ิ เรามาติดอย่ใู นอารมณก์ ุศล

สรุปปี ๒๕๒๗

ประมาณปลายพรรษา ปี พ.ศ. ๒๕๒๖-๒๕๒๗ เรารวู้ า่ ต่อไปขา้ งหนา้ เราอาจ
จะไมไ่ ดอ้ ยทู่ สี่ ำ� นกั จติ ตภาวนารามอกี กเ็ ปน็ ได้ เราไมม่ อี ะไรจะตอบแทนจะสงเคราะห์
ญาตโิ ยม นอกจากพดู ธรรมะใหฟ้ งั เพอื่ ทจ่ี ะไดม้ ศี รทั ธาความเชอื่ ในบาปบญุ ในเหตุ
และผลของการปฏบิ ตั วิ า่ มผี ลจรงิ ใหผ้ ลเปน็ ความสขุ ใจไดจ้ รงิ จะไดร้ จู้ กั แนวทางใน
การปฏิบัติเพื่อว่าจะเกิดประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย เราก็ได้เล่าประวัติความเป็นไป
ของตวั เราใหพ้ ระเณรและญาตโิ ยมฟงั ในขณะนนั้ (บางสว่ นดงั ทท่ี า่ นไดอ้ า่ นมาจากการ
บันทึกของเรา) ปรากฏว่าหลังจากการพูดคร้ังนั้น ก็ท�ำให้ญาติโยมมีศรัทธาใน
พระพทุ ธศาสนามากขนึ้ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั ฟงั โดยตรงในคนื วนั นน้ั รสู้ กึ วา่ จะมคี วามเชอ่ื ในสงิ่ ที่
เราพดู ใหฟ้ งั ตอ่ จากนน้ั มาจนถงึ วนั นี้ (ปี พ.ศ. ๒๕๒๗) เรอื่ งของเราไดก้ ระจายออกไป

107

ขา้ งนอกบา้ ง เพราะมผี อู้ ดั เทปไว้ และอยากจะใหผ้ อู้ น่ื ฟงั บา้ งดว้ ยความหวงั ดี อยากจะ
ใหเ้ กดิ ศรัทธาบ้าง บางคนฟงั และก็เช่อื เกดิ ศรัทธา บางคนฟงั แลว้ กไ็ ม่เชื่อ ปฏิเสธ
ผลทไ่ี ดร้ บั ตอ่ คนทวั่ ไปนน้ั บางคนกว็ า่ เราหลงบา้ ง บางคนกว็ า่ เดย๋ี วกเ็ สอ่ื ม บางคนกว็ า่
เปน็ เรอื่ งไมจ่ รงิ หลายๆ อยา่ ง หลายๆ เหตุผล ตามแตค่ วามคดิ ของเขาเหล่าน้นั

จิตใจของเรามิได้ตำ� หนิบุคคลเหล่าน้ันเลย เพราะเราทราบดีอยู่กับใจเราว่าเรา
ไมไ่ ดป้ รารถนาอะไร ไมต่ อ้ งการอะไร เพยี งแตส่ งสารคนเหลา่ นนั้ เพราะเราคดิ วา่ แมน้ ใจ
ของเขาเหลา่ นน้ั ยงั ไมถ่ งึ ความจริง กไ็ มค่ วรด่วนปฏเิ สธสิง่ ที่ได้ยิน ไม่ควรเอาความ
คดิ เหน็ สว่ นตวั มาตดั สนิ จติ ใจของเรานน้ั ไมส่ ะทกสะทา้ นกบั เสยี งทโ่ี จมตแี ละตำ� หนเิ ลย
เพราะวา่ ความจรงิ กเ็ ปน็ ความจรงิ กาลเวลาเทา่ นนั้ เปน็ เครอ่ื งพสิ จู น์ เราคดิ วา่ การตำ� หนิ
ผู้อื่นโดยความไม่รู้จริงกลับเป็นภัยกับตนเอง ผู้ท่ีก�ำลังสร้างบารมีไม่ว่าจะปรารถนา
เปน็ อะไรกแ็ ลว้ แต่ ควรรจู้ กั การอนโุ มทนาจติ เปน็ สง่ิ ทด่ี ที ส่ี ดุ เมอ่ื ไมร่ จู้ รงิ ควรวางใจให้
เปน็ กลาง ไมค่ วรตำ� หนคิ นอนื่ ดว้ ยความหลง ซงึ่ การนนิ ทาเปน็ สงิ่ ไมด่ อี ยแู่ ลว้ เรารสู้ กึ
สงสารคนเหลา่ นม้ี าก เพราะเราทราบดวี า่ อะไรเปน็ สงิ่ ทจี่ ะเกดิ ขน้ึ กบั คนเหลา่ นน้ั ซง่ึ เรา
ไมอ่ ยากใหเ้ ป็นเช่นน้ันเลยจรงิ ๆ

ตอ่ จากนน้ั มา ในชว่ งนนั้ เราจงึ สงวนเรอื่ งของเราไว้ ไมจ่ ำ� เปน็ ไมอ่ ยากเผยแพรอ่ อก
ไปในขณะนนั้ ผทู้ ไี่ ดฟ้ งั แลว้ เกดิ ศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนา เรากย็ นิ ดดี ว้ ย เพราะเราสง่ ได้
แคท่ างเดินเท่านน้ั ต่อจากนน้ั เธอต้องคลานหรือเดินไปเองเท่านน้ั

วนั ที่ ๒๗ พฤศจกิ ายน เราและหมคู่ ณะไดเ้ ดนิ ทางออกจากสำ� นกั จติ ตภาวนาราม
ไปพักท่บี า้ นเพ รุ่งขนึ้ วันท่ี ๒๘ พฤศจกิ ายน จึงเดินทางเขา้ ไปพกั ทีเ่ ขาตะเภาคว�ำ่
เป็นคนื แรก โดยปักกลดภาวนาอยใู่ นปา่ นั้น พระ ๓ รปู สามเณร ๑ รูป รวม ๔ รปู
ญาติโยมช่วยกันถางทางเดิน ท�ำที่พักกางกลด ห้องน�้ำช่ัวคราว ท�ำอยู่ ๔-๕ วัน
เพอื่ นพระรปู หนง่ึ จงึ เดนิ ทางกลบั พรอ้ มญาตโิ ยม เราจงึ อยภู่ าวนาในปา่ นนั้ รวม ๓ รปู

มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๘ มพี ระเดนิ ทางมาจากสวนอ้อ จ.ชลบุรี มานมิ นตใ์ หเ้ รา
ไปเป็นประธานสงฆท์ ่สี ำ� นักสงฆ์สวนออ้ เราตอบปฏเิ สธไป เพราะเรายงั ไมพ่ ร้อมท่จี ะ
เป็นเจ้าอาวาส

108

เดอื นน้ี พระเพอื่ นทอี่ ยดู่ ว้ ยกนั ปว่ ยเปน็ มาลาเรยี เราไดย้ า้ ยทกี่ างกลดใตต้ น้ หวา้
มาทใ่ี ตต้ น้ กระบกใหญ่ เราไปอปุ ฏั ฐากดแู ลทา่ นตอนเยน็ ทกุ วนั กลบั มาทพี่ กั หมดแรง
รสู้ กึ เพลยี ไมค่ อ่ ยสบาย ขณะนน้ั เพอื่ นกก็ ำ� ลงั ปว่ ยเปน็ มาลาเรยี เหลอื เพยี งเราเทา่ นนั้
ทจี่ ะเปน็ กำ� ลงั ใจใหแ้ กส่ ามเณรและโยม เราจงึ ไมแ่ สดงอาการใหผ้ ใู้ ดทราบวา่ เราปว่ ยอยู่
.....ระยะนั้นเราไปดูแลอุปัฏฐากเพ่ือนทุกวัน เพื่อนมักปรารภชวนเรากลับไปท่ีส�ำนัก
จติ ตภาวนารามเกอื บทกุ วนั เราถามทา่ นวา่ ...ถา้ เราไปแลว้ ใครจะอยทู่ น่ี ่ี ทา่ นกต็ อบวา่ ...
ใหพ้ ระรปู อนื่ มาอยแู่ ทน เราคดิ วา่ ไมอ่ ยากทำ� ลายศรทั ธาญาตโิ ยมทกี่ ำ� ลงั สรา้ งกฎุ ถี าวร
จ�ำนวน ๕ หลงั ศาลา ๑ หลงั เพือ่ นก็รบเร้าทุกวันวา่ ใหก้ ลับส�ำนกั จิตตภาวนาราม
เรากลวั วา่ วันหน่ึงเราจะใจอ่อน
คนื หนงึ่ พอเราเสรจ็ จากอปุ ฏั ฐากทา่ น เรากลบั ทพ่ี กั ภาวนา สขุ ภาพเราไมด่ ี ปว่ ย
มไี ข้ เราพยงุ กายลกุ ขน้ึ กราบพระ อธษิ ฐานจติ วา่ “เราจะขอสรา้ งวดั แหง่ นเ้ี ปน็ แหง่ แรก
เพ่ือเปน็ อนุสรณใ์ นชาตนิ ้ี ถา้ เราสร้างไมส่ �ำเร็จ เราจะไมอ่ อกไปจากทน่ี ี่ ไม่วา่ เราจะ
ป่วยไข้ หรือตายในที่น้ี ถ้าเราท�ำเป็นส�ำนกั ไม่ได้ เราจะไมถ่ อยจากทีน่ ี่”

วนั รงุ่ ขน้ึ เมอ่ื ไปอปุ ฏั ฐากทา่ น ทา่ นกช็ วนทง้ิ สถานทน่ี อ้ี กี เราจงึ บอกวา่ เราไปไมไ่ ดแ้ ลว้
เมื่อคืนเราไดอ้ ธิษฐานจิตไวแ้ ล้ว....ท่ีเราท�ำเชน่ นี้เพราะรวู้ ่าจะทำ� ใหท้ ่านอยูต่ ่อได้
ปลายเดอื นมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๘ สรา้ งเสนาสนะกฎุ เี สรจ็ ๕ หลงั ศาลาหญา้ คา
๑ หลัง หอ้ งน�้ำช่วั คราว ๒ ห้อง บอ่ น�้ำ ๑ บอ่ เดอื นกมุ ภาพันธ์ จงึ ได้ย้ายเข้าพกั
ในกุฎี
สขุ ภาพเราไมค่ อ่ ยดเี ลย วนั หนง่ึ กลบั จากฉนั เชา้ ปว่ ยลม้ นอน ลกุ ขยบั ไมไ่ ด้ นอนอยู่
เฉยๆ ปรอทอย่ขู า้ งฝาผนงั ยังไม่สามารถลกุ ข้ึนหยบิ ได้

109

พรรษาท่ี ๘-๑๒
ส�ำนกั สงฆ์สภุ ทั ทะบรรพต ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง

สถานทน่ี เ้ี ปน็ เนนิ เขา ดา้ นหลงั เปน็ เขาตะเภาควำ�่ ซงึ่ เปน็ เขาลกู ใหญ่ ตน้ ไมเ้ ขยี ว
ตลอดปี ใหค้ วามรม่ เยน็ พอสมควร สถานทอี่ ยเู่ ปน็ เนนิ เขาสงู ตำ่� อากาศโปรง่ เยน็ สบาย
ดา้ นปจั จยั สสี่ ะดวก บรบิ รู ณ์ สถานทเี่ หมาะแกก่ ารภาวนาสำ� หรบั พระเณรและญาตโิ ยม
ทีส่ นใจ

เราอยทู่ นี่ ไี่ ดม้ โี อกาสแนะนำ� อบรมธรรมะตอ่ พระและสามเณรตลอดจนญาตโิ ยม
ไดช้ ว่ ยหมคู่ ณะจดั สรา้ งเสนาสนะขน้ึ ภายในสำ� นกั เพอ่ื เปน็ ถาวรวตั ถใุ นทางพระพทุ ธศาสนา
ผสู้ นใจจะไดม้ าใชส้ ถานทบ่ี ำ� เพญ็ ภาวนา ในระหวา่ งอยทู่ นี่ ี่ เราหาโอกาสขน้ึ ไปอปุ ฏั ฐาก
หลวงพอ่ ชาที่วดั หนองป่าพงทกุ ปี ครั้งละ ๑๕ วัน

นบั ตง้ั แตม่ าอยทู่ เี่ ขาตะเภาควำ�่ แหง่ น้ี คดิ แตว่ า่ จะสงเคราะหผ์ อู้ น่ื ตง้ั ใจวา่ จะทำ�
สถานทนี่ ใ้ี หเ้ ปน็ ทพี่ กั ปฏบิ ตั แิ กพ่ ระและสามเณร ตลอดจนญาตโิ ยมทสี่ นใจการปฏบิ ตั ิ
ตลอดระยะเวลาทผี่ า่ นมา เราไมเ่ คยคดิ ถงึ การทำ� ความเพยี รเพอ่ื ตวั เราเองเลย จติ ตดิ อยู่
ในอารมณก์ ศุ ล มาอยทู่ นี่ ร่ี สู้ กึ วา่ จติ ใจเปน็ กศุ ลมาก ยงั ยดึ อารมณก์ ศุ ลสว่ นละเอยี ดอยู่
คิดเห็นแตป่ ระโยชน์คนอื่นเป็นส่วนมาก ไม่คดิ ถงึ ตัวเอง

บางครง้ั กม็ คี วามรสู้ กึ กระตนุ้ เตอื นในจติ อยากไปทำ� กจิ ทเ่ี หลอื ใหส้ ำ� เรจ็ ตามความ
ปรารถนาทเี่ คยตง้ั ใจไว้ แตไ่ มร่ วู้ า่ เปน็ กรรมอะไร จะไปไหนกไ็ ปไมไ่ ด้ ตอ้ งอยกู่ บั เพอื่ น
ทา่ นไมอ่ นญุ าตใหเ้ ราไปไหนเลย เรากท็ งิ้ ทา่ นไมไ่ ด้ ตอ้ งชว่ ยกนั สรา้ งสำ� นกั ใหม้ นั่ คงกอ่ น

110

“เรารสู้ กึ วา่ ธรรมอนั ละเอยี ดออ่ นน้ี ยากทสี่ ตั วท์ งั้ หลายในโลกนจี้ ะรไู้ ด้ เปน็ สว่ นที่
ละเอยี ดทส่ี ดุ ......ยากทส่ี ดุ ...” สำ� หรบั ปถุ ชุ นทวั่ ไปแลว้ ถา้ ไมใ่ หเ้ วลาหรอื ความตงั้ ใจ
ที่สม่�ำเสมอแลว้ รสู้ กึ วา่ เป็นการยากมากทจี่ ะทำ� ลายเครือ่ งรอ้ ยรัดจิตใจได้

ตลอดระยะเวลาทผี่ า่ นพน้ ไปตง้ั แตเ่ รามาอยทู่ นี่ ี่ เรามวั คดิ แตว่ า่ จะทำ� สถานทน่ี ใ้ี ห้
เปน็ ท่ีปฏิบตั แิ ก่พระ-เณร ญาตโิ ยม เรามหี น้าท่หี ลายอยา่ งในกิจสงฆ์ มีภาระตา่ งๆ
ตอ้ งดแู ลการกอ่ สรา้ ง รวมทง้ั พาพระ-เณร ญาตโิ ยม ปฏบิ ตั ดิ ว้ ย เราคดิ วา่ การกอ่ สรา้ ง
ทกุ อยา่ งแมเ้ ราไมท่ ำ� เอง แตถ่ า้ ยงั ไมถ่ งึ ทสี่ ดุ ของการปฏบิ ตั แิ ลว้ ยอ่ มเปน็ ภาระและทำ�
ใหเ้ นน่ิ ชา้ ทกุ ขนั้ ตอนของผปู้ ฏบิ ตั ิ การปฏบิ ตั เิ พอื่ ความพน้ ทกุ ขท์ แี่ ทจ้ รงิ นน้ั ตอ้ งมเี วลา
ทจ่ี ะดแู ลจติ ใจของตวั เองอยเู่ สมอ จะไดร้ เู้ ทา่ ทนั กเิ ลส สามารถละกเิ ลสออกจากใจได้

มาถงึ บดั นท้ี ำ� ใหเ้ ราคดิ วา่ เราไมค่ อ่ ยไดม้ โี อกาสทจี่ ะดตู วั ความหลงสว่ นละเอยี ด
ทีส่ ุดเลย (อวชิ ชา) เพอื่ ที่จะดบั ความหลงขน้ั ละเอยี ด เพราะจิตใจมีความสบายมาก
การจะจบั หรอื ทำ� ลายอวชิ ชา...ยากทสี่ ดุ นานๆ จงึ จะโผลม่ าใหเ้ ราเหน็ หนา้ เสยี ครง้ั หนง่ึ
แลว้ ก็หลบไปอีก

โอกาสทเี่ ราจะทำ� ใหถ้ งึ ทส่ี ดุ นน้ั เราปรารถนาจะไปแตเ่ พยี งลำ� พงั ผเู้ ดยี ว ทงิ้ ภาระ
ทง้ั หมดออกไปเพอ่ื ความพน้ ทกุ ข์ เราอยากจะไปเพอื่ สง่ิ สดุ ทา้ ยทเ่ี ราปรารถนา แตก่ ไ็ ป
ไมไ่ ด้ เพราะเราได้ให้สจั จะไวว้ า่ จะชว่ ยหมู่คณะจนเป็นสำ� นกั ที่ม่ันคง

ทเ่ี ราทนอยไู่ ดอ้ าจจะเปน็ เพราะเราคดิ วา่ ถงึ แมจ้ ะอยใู่ นสภาพเชน่ น้ี เรากส็ ามารถ
ทจ่ี ะกระทำ� จนถงึ ทส่ี ดุ ของการพน้ ทกุ ขไ์ ด.้ ...แตค่ วามเปน็ จรงิ ไมท่ ราบวา่ ความคดิ ของ
เราจะถกู หรือผดิ

ตลอดระยะเวลา ๕ เดอื นเต็มทีผ่ า่ นมา จิตตดิ ข้องอยู่ในอารมณ์อันหนึง่ ซึ่งเรา
หวงแหนมาก ไมก่ ลา้ ทำ� ลายกเิ ลสหรอื อวชิ ชา กลวั วา่ จะไปถกู สง่ิ ทตี่ ดิ ขอ้ งอยใู่ นจติ ดว้ ย
เหมือนกับวา่ เราจะจบั โจร แตว่ า่ โจรมีตวั ประกันอยู่ดว้ ย เราก็ไม่กล้ายิงโจร เพราะวา่
เรากลวั วา่ จะถกู ตวั ประกนั ดว้ ย เราจงึ ตอ้ งปลอ่ ยโจรไปกอ่ น กเิ ลสหรอื อวชิ ชาทำ� ใหเ้ รา
หยดุ อยู่กับท่ไี ด้ ทำ� ใหเ้ ราไม่กล้าเดินต่อไปข้างหนา้

111

สขุ ภาพเราไมค่ อ่ ยดนี กั รา่ งกายไมค่ อ่ ยแขง็ แรง นบั ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๒๕ เปน็ ตน้ มา
ไม่ค่อยสบายบ่อยๆ แต่ก็อาศัยธรรมโอสถรักษา ด้วยจิตใจท่ีเป็นอิสระจากกาย
จงึ ทำ� ใหไ้ มเ่ ปน็ กงั วลนกั บางครงั้ ปว่ ยหนกั พอสมควร หมดแรง ขยบั ตวั เคลอ่ื นไหวไมไ่ ด้
แตก่ ใ็ ชธ้ รรมโอสถรกั ษาพอพยงุ ชวี ติ มาได้ บางวนั รสู้ กึ เพลยี ปวดเมอื่ ยทง้ั ตวั เรารสู้ กึ วา่
รา่ งกายเรานไี้ มแ่ ขง็ แรงเลย เสอื่ มลงทกุ วนั ถา้ วนั ใดพกั ผอ่ นนอ้ ย รา่ งกายจะทรดุ เลย
นอกจากจติ ใจเทา่ นน้ั ทพี่ าทนไป ไมเ่ หมอื นตอนเราบวชใหม่ นอนนอ้ ย พกั ผอ่ นนอ้ ย
กไ็ ม่เปน็ อะไร

เดอื นมกราคม พ.ศ. ๒๕๓๐ เราปว่ ยเปน็ มาลาเรีย P.F.

เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ปว่ ยเปน็ มาลาเรยี P.V. ปว่ ยมาก จนเมด็ เลอื ดแดง
แตก ปัสสาวะเปน็ สีนำ้� โค้ก รักษาตวั อยู่ทีว่ ัด ตั้งใจว่าไมไ่ ปโรงพยาบาล อาเจยี นมีแต่
นำ้� ดสี ีเขียวออกมา พระและโยมกลวั ว่าเราจะเสยี ชีวิตท่วี ัด จึงน�ำรถไปส่งรักษาตวั ที่
โรงพยาบาล ตอ้ งให้เลือด ๗ ขวด

เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๓๑ เราป่วยเป็นมาลาเรีย P.F. เกดิ แพ้ยา ใหน้ ำ�้ เกลอื
ฉนั อาหารไมไ่ ด้ ปว่ ยทกุ ครงั้ รสู้ กึ วา่ หนกั พอสมควร เพราะวา่ รา่ งกายเราไมค่ อ่ ยแขง็ แรง

เราปว่ ยเปน็ มาลาเรียที่นปี่ ระมาณ ๔-๕ ครง้ั แต่ละครั้งรา่ งกายทรุดโทรมมาก

ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ ไปร่วมงานกฐนิ ท่ีสำ� นักสงฆ์วมิ ุตตวิ นาราม (สวนออ้ )
เชา้ นงั่ สมาธิ ปรากฏเหน็ รา่ งกายกลายเปน็ พระธาตหุ มดทง้ั รา่ ง สดใส งดงาม หลายสี มองดู
สวยงามมาก เปน็ ประกายไปหมด

วันที่ ๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๒ เปน็ วนั ทอดกฐนิ ถวายพระประธานและ
ศาลาโพธญิ าณ วันนน้ั เรารู้สกึ ปลื้มปีติใจมาก เพราะวา่ เหน็ พระ-สามเณร ตลอดจน
ญาตโิ ยม ไดม้ ารว่ มอนโุ มทนาในงานถวายผา้ กฐนิ พรอ้ มทงั้ รว่ มถวายพระประธานและ
ศาลาโพธญิ าณ เรารสู้ กึ โลง่ อก สบายใจมากทที่ กุ สง่ิ ทกุ อยา่ งลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยดี เรารวู้ า่
วนั นเ้ี ปน็ วนั สน้ิ สดุ ภาระหนา้ ทขี่ องเราทไ่ี ดม้ ตี อ่ เพอื่ นและคณะสงฆ์ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งทเี่ รา

112

ไดช้ ว่ ยเหลอื คณะสงฆ์ท�ำไว้พอสมควรแลว้ พรอ้ มส�ำหรับพระ-เณร หรือญาตโิ ยมที่
สนใจในการปฏิบัติภาวนาพอสมควร ต่อไปนี้เราคงจะขอหลีกเร้นออกจากหมู่คณะ
เพ่ือไปภาวนาดังที่ตัง้ ใจไวเ้ สียที รสู้ กึ ดใี จทจ่ี ะออกไปเรง่ ภาวนาอีกครัง้ หนึ่ง

สำ� หรบั เราไดใ้ หป้ ระโยชนต์ อ่ ผอู้ น่ื ตามสมควร ประโยชนข์ องตนเองยงั ไมส่ มบรู ณ์
จงึ ปรารภหาทส่ี งบวเิ วกภาวนา เมอื่ อยทู่ นี่ ไี่ ด้ ๓ ปี เราเคยปรารภกบั เพอ่ื นวา่ เราอยาก
จะออกไปวเิ วกแตเ่ พยี งลำ� พงั ผเู้ ดยี วเพอื่ ความพน้ ทกุ ข์ ทา่ นบอกวา่ ใหอ้ ยชู่ ว่ ยกนั สรา้ ง
ศาลาใหเ้ สรจ็ กอ่ น เรารสู้ กึ ผดิ หวงั อยากจะไปภาวนากอ็ ยากไป เราคดิ ในใจวา่ ทา่ นควร
จะสง่ เสรมิ การภาวนามากกวา่ การกอ่ สรา้ ง เราจงึ ตดั ใจวา่ ถา้ ศาลาเสรจ็ เราจะออกไป
ภาวนา ทา่ นอยา่ มีเหตผุ ลใดๆ ทัง้ ส้นิ อยา่ ห้ามเราอกี ตงั้ แตค่ ราวนนั้ มาก็อย่ภู าวนา
ทเี่ ขาตะเภาควำ่� และชว่ ยดแู ลเรอ่ื งกอ่ สรา้ งศาลา เมอ่ื ถงึ วนั ทเ่ี รารอคอย จงึ รสู้ กึ โลง่ ใจ
เหมือนเอาภาระออกไปหรอื วางภาระลงได้ ดใี จท่ีจะไดอ้ อกไปปฏิบตั ภิ าวนาแบบไมม่ ี
กังวลอีกครงั้ หนึ่งแต่เพยี งลำ� พงั

การภาวนาที่เขาตะเภาควำ่� นี้ กเ็ ป็นไปแบบเร่ือยๆ การปฏบิ ตั ทิ ำ� ได้ไมเ่ ต็มที่นัก
เพราะมหี นา้ ทอี่ บรมพระ-เณร ญาตโิ ยม และตอ้ งดแู ลการกอ่ สรา้ งภายในสำ� นกั แทบจะ
ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งกว็ า่ ได้ เปน็ ไปเพอ่ื ประโยชนพ์ ระศาสนาและตอ่ หมคู่ ณะ จงึ ทำ� เตม็ ความ
สามารถ

ใน ๕ ปนี ไี้ ดร้ จู้ กั โลกธรรมมากขนึ้ เขา้ ใจยง่ิ ๆ ขน้ึ ในเรอื่ งโลกและธรรม หลายสง่ิ
หลายอยา่ งเปน็ ปจั จยั รวมกนั ขนึ้ ทำ� ใหเ้ ราเบอื่ หนา่ ยกเิ ลสภายในใจของเรา จนกระทงั่
ต้ังใจออกภาวนาแต่เพียงผู้เดียวเพ่ือท�ำที่สุดแห่งทุกข์ รู้สึกว่าได้เสียเวลาไปกับส่ิง
ภายนอกมากพอสมควรแลว้ เสยี ดายเวลาทผ่ี า่ นพน้ ไป จงึ ตง้ั ใจชว่ ยกจิ สงฆใ์ หเ้ สรจ็ ตาม
ทถี่ ูกขอรอ้ งไว้ แล้วจงึ ไดอ้ อกไปเร่งความเพียรอกี ครง้ั

113

ออกภาวนาท่เี ขาใหญ่ จ.นครราชสมี า

ชว่ งวนั ท่ี ๘ กมุ ภาพนั ธ์ - ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๓ เราออกเดนิ ทางไปภาวนา
ท่เี ขาใหญ่ มพี ระติดตามไปด้วย ๓ รปู เป็นพระตา่ งชาติ ๑ รูป เม่อื ภาวนาไปได้
ประมาณ ๑ เดอื น พระเดนิ ทางกลบั ๒ รปู จงึ เหลอื เราและพระอกี รปู หนงึ่ พกั ภาวนาตอ่
ตา่ งแยกยา้ ยกนั ภาวนาคนละดา้ นของภูเขา ระยะหา่ งมองไม่เห็นกัน เรยี กไมไ่ ด้ยนิ
ไกลกนั พอสมควรทเี ดยี ว เราคดิ ว่าภาวนาอยทู่ ่ีนีไ่ มไ่ ดก้ ลบั ลงไปกไ็ มเ่ ป็นไร (ตาย)

ครง้ั แรกเราเขา้ ไปกางกลดอยใู่ นปา่ บนกอ้ นหนิ ใหญ่ ทภ่ี าวนาอยลู่ กึ เขา้ ไปในปา่
หา่ งจากสถานทที่ อ่ งเทย่ี ว ดงั นน้ั จะเงยี บสงบ เตม็ ไปดว้ ยสตั วป์ า่ ตามธรรมชาติ การภาวนา
ทเ่ี ขาใหญด่ มี าก เหน็ อดตี ทผ่ี า่ นมาทใ่ี จยงั ตดิ ขอ้ งอยู่ คอื อารมณก์ ศุ ล มานะสว่ นละเอยี ด
พอจติ ตดั อารมณก์ ศุ ลและมานะสว่ นละเอยี ดดว้ ยสตปิ ญั ญาในการเดนิ มรรค เหน็ เหมอื น
เทปทเ่ี ดนิ ยอ้ นกลบั หลงั เหน็ สงิ่ ทเี่ ราหลงตดิ ขอ้ งอยู่ พอมาถงึ จดุ น้ี ตอนนป้ี ญั ญาพจิ ารณา
ตดั อารมณก์ ศุ ลทจี่ ติ ใจออก จติ จงึ เหน็ ชดั ในกเิ ลสทแ่ี ฝงตวั อยใู่ นจติ ใจ พรอ้ มกบั เหน็
เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาที่ใจเคยติดอยู่ แล้วรวมก�ำลังใจตัดละอยู่ในปัจจุบันน้ี
จึงปรากฏเหมือนเทปขาด หมุนย้อนกลับให้เห็นความจริงของเง่ือนง�ำของกิเลสซ่ึง
เคยหลงติดอยโู่ ดยไม่รสู้ ึกตัว พอผา่ นมาจึงรู้จงึ จะเขา้ ใจในใจเจา้ ของเอง เขา้ ใจอะไร
หลายๆ อย่างในธรรมอันละเอียดขึน้ เหน็ มานะส่วนละเอียดชัดขึ้น พรอ้ มปล่อยวาง
เปน็ ลำ� ดบั ๆ ไป ระหวา่ งทพ่ี กั อยบู่ รเิ วณนน้ั ตอนสายๆ จะมกี วางสองแมล่ กู จะมานอนเลน่
ใกลๆ้ ท่ีพักท้งั กลางวันกลางคืน ประมาณ ๑๕ วนั

ระหวา่ งทพี่ กั ทนี่ ี่ พบชา้ งปา่ งาเดยี วมาหากนิ หวายกนิ ไผข่ า้ งๆ บรเิ วณทพ่ี กั ประมาณ
๒๑.๐๐-๒๒.๐๐ น. จนถงึ เช้า มันก็หากินไป เราก็น่งั สมาธ-ิ เดนิ จงกรมไปจนถงึ เช้า
ใจไม่รู้สึกกลัว เพียงแต่ไม่ประมาท ถ้าเรานอนพัก มันอาจจะมาร้ือกลดหรือท�ำ
อนั ตรายได้ คนื นั้นจึงนงั่ สมาธ-ิ เดินจงกรมจนถงึ เช้า จงึ ออกบิณฑบาต

จากนัน้ ประมาณ ๑ อาทติ ย์ ตอนเย็นเดนิ จงกรมอยู่ เวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น.
กำ� ลงั เดนิ จงกรมอยเู่ กอื บถงึ ปลายทาง ไดย้ นิ เสยี งเหมอื นลมพายพุ ดั เรามองดยู อดไม้

114

ไมม่ อี ะไร สกั พกั หนงึ่ ไดย้ นิ เสยี งซยู่ าวๆ เหน็ ฝงู หมปู า่ ประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ ตวั วงิ่ มา
หยุดอยปู่ ลายทางเดินจงกรม เรากห็ ยดุ ยืนน่งิ ฝูงหมปู ่ากห็ ยุดนง่ิ เงยี บอยูป่ ลายทาง
เดนิ จงกรม มนั กม็ องมาทเ่ี รา เรากม็ องไปทหี่ วั หนา้ ฝงู สกั พกั หนง่ึ หวั หนา้ ฝงู กส็ ง่ สญั ญาณ
เสยี งรอ้ ง “อดู๊ ” หมทู งั้ ฝงู กเ็ ลยี้ วลงจากสนั เขาไปทางตนี เขา.....ความเงยี บกเ็ ขา้ ครอบงำ�
ดังเดิม เรากท็ �ำความเพยี รต่อไป

ระหว่างท่พี ักภาวนาอยู่ทนี่ ี่ เราท�ำความเพยี รหนกั พักผอ่ นน้อย วันหนึ่งรู้สกึ
เหนอื่ ยลา้ เขา้ พกั ผอ่ นตอนเวลาเทย่ี งคนื เวลาประมาณตสี าม ขณะทจ่ี ำ� วดั อยู่ ไดย้ นิ เสยี ง
กระซิบขา้ งหูว่า “ทา่ นๆ ต่ืนเถดิ ลกุ ขึ้นท�ำความเพยี ร ต่อไปจะเป็นท่ีพงึ่ แกม่ หาชนใน
ภายหน้า”

ประมาณกลางเดอื นมนี าคม เรายา้ ยทพ่ี กั ไปอยอู่ กี ดา้ นหนงึ่ ของเขา ลกึ เขา้ ไปในปา่
ประมาณครง่ึ กโิ ลเมตร ใชเ้ วลาเดนิ เขา้ ไปทพี่ กั ประมาณ ๑๕ นาที สถานทสี่ งบเงยี บมาก
สนั เขานเี้ ปน็ ทางผา่ นหากนิ ของเสือโคร่ง

เยน็ วนั หน่งึ ตอนพลบค�ำ่ เวลาประมาณ ๑๘.๔๕ น. หลังจากสรงนำ�้ ท่บี า้ นรา้ ง
เรยี บรอ้ ย เดนิ กลบั เขา้ ทพี่ กั ในปา่ ทางเดนิ เปน็ ทางสนั เขา เราใชก้ งิ่ ไมก้ วาดทางใหเ้ ปน็
ทางเดนิ ประมาณ ๕๐ ซม. ระหวา่ งท่ีเดินเขา้ ไปประมาณ ๕ นาที ไดย้ ินเสยี งขดุ คุย้
ท่โี คนตน้ ไม้ใหญ่ ห่างจากทางเดินเฉยี งไปทางซ้ายมือประมาณ ๓๐ เมตร เป็นปา่ ทบึ
และเร่ิมมืดแล้ว เราจึงฉายไฟตามเสียงนั้นไปที่โคนไม้ พอแสงไฟกระทบตัวสัตว์
มันก็หันหน้ากลับมาทางเราและยืนข้ึน เห็นเป็นหมีควาย มีรูปตัววีสีขาวที่หน้าอก
ลำ� ตวั ประมาณถงั น�ำ้ มัน ๒๐๐ ลติ ร เรารสู้ กึ ว่ามนั ไมเ่ ป็นอนั ตรายตอ่ เรา มันก็ร้วู ่า
เราไม่เป็นอันตรายต่อมัน ระหว่างท่ีเราเดินไปตามทางที่กวาดไว้ พักหนึ่งหมีตัวนั้น
ก็โผล่ออกมาท่ที างเดนิ ท่เี รากวาดไว้ หา่ งจากเราประมาณ ๓-๔ เมตร เราก็เดินตาม
หลังมันไป ระยะห่างขนาดเอือ้ มมอื แตะหลังมนั ได้ เดนิ ตามไปสักพกั หนง่ึ มนั หนั ไป
ขุดคุ้ยอาหารริมทาง เห็นก้นมนั โผลม่ ารมิ ทางเดิน เรากเ็ ลยหยุดสกั ครหู่ นงึ่ คดิ อยาก
จะเอามอื ลบู หลงั มนั เหมอื นลบู สนุ ขั ดว้ ยความเมตตา แตร่ ะหวา่ งทค่ี ดิ จะเออ้ื มมอื ไปนนั้
มคี ำ� พดู ประโยคหนงึ่ ผดุ ขนึ้ ในจติ วา่ “สตั วม์ เี ขยี้ ว มเี ลบ็ อยา่ ประมาท” จงึ เดนิ ผา่ นกน้

115

มันไป ไม่สนใจอกี เลย กลบั ที่พกั ภาวนาเดินจงกรม ระหว่างนนั้ พจิ ารณาดูว่า ถ้าเรา
เอามอื เออ้ื มไปแตะหลงั มนั มนั อาจจะตกใจและท�ำร้ายเราได้

หลงั ฉนั วนั หนงึ่ เราจะเขา้ ทภ่ี าวนา เดนิ จงกรม นง่ั สมาธิ ระหวา่ งทเี่ ดนิ จงกรมอยนู่ น้ั
ปลายทางจงกรมดา้ นหนง่ึ มกี อ้ นหนิ ใหญ่ กวา้ งประมาณ ๒ เมตร สงู ประมาณ ๑.๗๐ เมตร
ทางเดนิ จงกรมเรายาวประมาณ ๒๕ กา้ ว ระหวา่ งทเี่ ดนิ จงกรมอยนู่ นั้ มเี สอื โครง่ หนมุ่
ลายพาดกลอนกระโดดขนึ้ มาบนกอ้ นหนิ เราไมไ่ ดต้ กใจอะไร กา้ วเดนิ ตอ่ ไปตามปกติ
อีก ๒-๓ กา้ ว เข้าหาเสือ เสือก็กระโดดลงไปดา้ นหลังก้อนหิน ซง่ึ เปน็ ทางลาดลงเขา
เราจงึ เดินตามไปดูทนั ที ปรากฏวา่ ไมเ่ ห็นรอ่ งรอยและไมไ่ ดย้ ินเสยี งอะไรเลย

จนกระทง่ั วนั ที่ ๘ เมษายน เราเดนิ ทางมากรงุ เทพฯ เพอื่ มางานพระราชทานเพลงิ ศพ
หลวงป่หู ลุย ทีว่ ดั พระศรีมหาธาตุ บางเขน รงุ่ ข้นึ วันที่ ๙ เมษายน ก็เดินทางกลับข้ึน
เขาใหญไ่ ปภาวนาดงั เดมิ การภาวนาเจรญิ กา้ วหนา้ ดี สถานทด่ี มี าก อากาศกด็ มี าก ปจั จยั สี่
สะดวกพอสมควร แต่มีเหตุจ�ำเป็นต้องเดินทางกลับก่อนในวันที่ ๒๒ เมษายน
พ.ศ. ๒๕๓๓ เพราะใกล้เข้าฤดูฝน และตอ้ งหาทจ่ี ำ� พรรษา พร้อมทงั้ ต้องกลบั มาที่
ส�ำนกั สงฆ์สุภทั ทะบรรพต เพอื่ บอกลาหมูค่ ณะวา่ จะไปจำ� พรรษาท่ีอน่ื

จึงเดนิ ทางกลับด้วยความเสยี ดายโอกาสและสถานท่ีทไ่ี ดเ้ คยภาวนา ระหว่างท่ี
พกั อยทู่ เี่ ขาใหญน่ ้ี ไดเ้ หน็ ตง้ั แตส่ ตั วเ์ ลก็ จนกระทง่ั สตั วใ์ หญ่ มองเหน็ แลว้ กเ็ พลดิ เพลนิ ดี
ทงั้ เมตตาสงสารมนั มาก เหน็ จำ� พวกกระรอก กระถกิ กระแต นกนานาชนดิ มนี กเงอื ก
เปน็ ต้น ไก่ปา่ ฝงู ลิง ฝงู ชะนี ฝงู หมปู ่า เกง้ กวาง หมคี วาย เสือ ชา้ ง และอ่ืนๆ

ในระหว่างภาวนาอย่ทู เ่ี ขาใหญ่น้ัน พจิ ารณาวา่ พรรษานีเ้ รายังตอ้ งการหลีกเรน้
ภาวนาอยเู่ พยี งรปู เดียว กป็ รารภในใจวา่ จะหาทว่ี ิเวกทางภาคใตห้ รอื ทางภาคอีสานดี
เรานกึ ขนึ้ ไดว้ า่ เคยมาทสี่ วนของโยมทางจงั หวดั ชลบรุ ี ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๑ และเหน็
ปา่ อยแู่ หง่ หนง่ึ ประมาณ ๒๐๐ ไร่ ลกั ษณะเปน็ ปา่ ไมเ้ บญจพรรณ คราวนน้ั เราเหน็ ปา่ น้ี
เรารู้สึกว่าจะเป็นส�ำนักปฏิบัติได้ในอนาคต จึงบอกโยมไว้ว่าเก็บรักษาป่าไว้ให้ดี
อกี หนอ่ ยจะเปน็ วัด ลกั ษณะพื้นทป่ี า่ เปน็ ท่รี าบ ที่ลุ่ม และเป็นเนนิ เลก็ ๆ เป็นปา่ ทม่ี ี

116

ลกั ษณะหายาก เพราะปกตปิ า่ แถบนจ้ี ะเปน็ ภเู ขาเสยี สว่ นใหญ่ พน้ื ทรี่ าบจะเปน็ ไรเ่ ปน็
สวนไปหมดแลว้ เรารูส้ ึกชอบปา่ แหง่ นี้มาก เป็นที่สงบ สงดั ปา่ ไม้ยังสมบูรณม์ าก
เหมาะแกก่ ารหลกี เรน้ ภาวนาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เนอ่ื งจากไกลจากหมบู่ า้ น ๕-๖ กม. ไกลจาก
ถนนสายหลกั เขา้ มาประมาณ ๒๐-๒๕ กม. การเดนิ ทางลำ� บาก เปน็ ทางลกู รงั สะพาน
ขา้ มคลองยงั เปน็ ทอ่ นซงุ จงึ ถามโยมวา่ “ปา่ นยี้ งั อยมู่ ย้ั ” โยมตอบวา่ “ยงั อย”ู่ เราถามวา่
“ขอเขา้ ไปพกั ภาวนาไดไ้ หม” โยมจงึ ไปเรยี นถามคณุ พอ่ วา่ “พระจะมาพกั ภาวนาในปา่
ไดไ้ หม” ทางครอบครวั โยมยนิ ดใี หเ้ ขา้ มาพกั ภาวนาได้ เราจงึ ตดั สนิ ใจจะไปพกั ภาวนา
ในป่าแหง่ นเ้ี พือ่ หลีกเรน้ ภาวนาแต่เพยี งรูปเดียว

วนั ท่ี ๕-๑๘ พ.ค. ๒๕๓๓ เรากลบั ไปบอกลาคณะสงฆท์ ส่ี ำ� นกั สงฆส์ ภุ ทั ทะบรรพต
และเดนิ ทางเขา้ มาพกั ทป่ี า่ แหง่ นใี้ นวนั อาทติ ยท์ ี่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซง่ึ โยม
ไดท้ ำ� กฎุ ที พ่ี กั พรอ้ มหอ้ งนำ�้ ไวใ้ หเ้ รยี บรอ้ ยแลว้ ขณะนนั้ เรามอี ายไุ ด้ ๓๕ ปี พรรษา ๑๒
ไดเ้ ดนิ ทางมาพำ� นกั ทปี่ า่ แหง่ น้ี บา้ นคลองใหญ่ ต.บอ่ ทอง อ.บอ่ ทอง จ.ชลบรุ ี ซง่ึ พนื้ ที่
ปา่ แหง่ นเ้ี ปน็ ของครอบครวั นายบญุ -นางเซย้ี ม เจนจริ วฒั นา ดแู ลรกั ษาอยู่ โดยมอี าชพี
เกษตรกรรม ปลกู สวนยางพารา สวนปาลม์ มะมว่ งหมิ พานต์ ออ้ ย ยคู าลปิ ตสั สปั ปะรด
และอนื่ ๆ อยทู่ างดา้ นทศิ ตะวนั ออก ทศิ ตะวนั ตก ทศิ ใต้ ของพนื้ ทป่ี า่ แหง่ น้ี ปา่ นมี้ พี น้ื ที่
อยปู่ ระมาณ ๒๐๐ ไร่

พ้นื ท่ีแห่งนเี้ ดิมเปน็ ป่าสงวน ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ มีการท�ำสัมปทานตัดไม้
ชาวบา้ นไดเ้ ขา้ มาจบั จองพนื้ ทที่ ำ� ไรท่ ำ� สวน และซอ้ื สทิ ธท์ิ ดี่ นิ กนั ซง่ึ นายบญุ เจนจริ วฒั นา
กไ็ ดซ้ อ้ื สทิ ธทิ์ ดี่ นิ บรเิ วณนเี้ พอื่ ทำ� เกษตรกรรม และไดเ้ กบ็ รกั ษาพนื้ ทป่ี า่ แหง่ นโ้ี ดยคดิ วา่
จะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูว่าอดีตนั้นสภาพป่าเป็นอย่างไร จึงเหลือพ้ืนท่ีป่าเป็นท่ีราบ
บรเิ วณนเ้ี พยี งแห่งเดยี ว นอกน้นั เป็นป่าอยตู่ ามเทือกเขาหรอื อยบู่ นภูเขา

คณุ สุวารี เจนจิรวัฒนา บุตรสาวนายบุญ และคณุ สุวัฒน์ เจนจิรวฒั นา ซงึ่ เปน็
นอ้ งชาย ไดพ้ าเราเขา้ มาพกั ภาวนาทป่ี า่ แหง่ น้ี คณุ สวุ ฒั น์ เจนจริ วฒั นา ไดส้ รา้ งกฎุ ใี หพ้ กั
ภาวนา ๑ หลงั ในขณะน้นั เราพกั ภาวนาอย่เู พียงรูปเดยี ว

117

สมยั นนั้ ถนนสาย ๓๔๔ เสน้ บา้ นบงึ -แกลง เปน็ ถนนกวา้ ง ๙ เมตร ๒ ชอ่ งทาง
รถวง่ิ สวนกนั ทางแยกจากถนนใหญ่เข้ามาทพ่ี ักป่าแห่งนี้ เป็นถนนลกู รงั ดินแดงทกุ
เสน้ ทาง สะพานข้ามล�ำธาร ลำ� หว้ ย เปน็ สะพานไม้ บางแห่งเป็นสะพานไม้ซงุ ผ่าครง่ึ
การเดนิ ทางไปมาไมส่ ะดวกเหมือนทกุ วันน้ี
การมาพกั ภาวนาอยูท่ ีน่ ่ี ตั้งใจวา่ ถา้ สะดวกกจ็ ะภาวนาจำ� พรรษาอยู่ที่นี่ ถ้าไม่มี
อปุ สรรคอันใดกจ็ ะอยภู่ าวนาไปเรือ่ ยๆ ตง้ั ใจว่าการมาอยู่ทีน่ ี่จะเร่งทำ� ความเพียรให้
เตม็ ทต่ี ามทตี่ อ้ งการ ถา้ สมมตุ วิ า่ กเิ ลสมตี วั ตน อวชิ ชากบั ใจเราจะอยรู่ ว่ มกนั ในใจดวงน้ี
ไมไ่ ดอ้ กี ต่อไป ถา้ เราไมต่ าย กใ็ ห้กิเลสอวิชชาตาย
การมาอยู่ภาวนาท่ีน่ีก็เพราะว่าใจนี่ยังมีกิเลสแฝงอยู่ เราไม่อยากจะให้กิเลส
ออกไปเพน่ พา่ นขา้ งนอก เราจงึ พาเจา้ อวชิ ชามาอยดู่ ว้ ยกนั “ขอกอดคอตอ่ สกู้ บั อวชิ ชา”
“ใครดใี ครอย”ู่ ถา้ ใจเราอยู่ อวชิ ชาตอ้ งตาย จะทำ� ความเพยี รจนหมดลมหายใจ จะทำ�
ทุกวนั ไม่สิน้ ทกุ ข์กใ็ หร้ ู้ไป แตเ่ จ้าอวิชชาจะอยูร่ ่วมกบั เราไม่ได้แล้ว พอกนั ที

118

พรรษาที่ ๑๓ - ปจั จบุ นั
วดั บญุ ญาวาส บ้านคลองใหญ่ ต.บอ่ ทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เป็นวันเขา้ พรรษา ปที ี่ ๑๓ เราจ�ำพรรษา
อยรู่ ปู เดยี วในปา่ แหง่ นี้ สถานทร่ี ม่ รน่ื รม่ เยน็ พอสมควร อากาศกป็ ลอดโปรง่ ดี มสี ตั ว์
จำ� พวกนกหลายชนดิ กระแต กระถกิ เกง้ เสอื ปลา เมน่ ฯลฯ ปจั จยั สส่ี ะดวกพรอ้ มมลู
ทกุ อย่างสะดวกสบายต่อการภาวนา ท�ำความเพยี รจติ ใจปลอดโปร่งดี พจิ ารณาจติ
พิจารณาธรรมชดั ข้นึ อยูค่ นเดยี ววเิ วกดี มคี วามสุขสงบมาก บิณฑบาตบ้านหวั หน้า
คนดแู ลไรเ่ พยี งหลงั เดยี ว เจา้ ของไรใ่ หจ้ ดั อาหารคาวหวานใสบ่ าตรทกุ วนั เพยี งพอแก่
การฉนั ไดอ้ ยา่ งสบาย สถานทเ่ี งยี บสงบทง้ั กลางวนั กลางคนื เพราะหา่ งไกลจากหมบู่ า้ น
และผคู้ น

กจิ วตั รประจำ� วนั ในพรรษาน้ี

๐๓.๐๐ น. ตน่ื นอน ท�ำกิจส่วนตัว
๐๓.๑๕ น. น่งั สมาธิ
๐๔.๓๐ น. เดินจงกรม
๐๕.๔๕ น. จัดท่ีฉัน เตรยี มบิณฑบาต
๐๖.๑๐ น. บิณฑบาต
๐๖.๕๐ น. กลับจากบิณฑบาต
๐๗.๐๐ น. นงั่ สมาธิ

119

๐๗.๔๕ น. เตรียมจดั อาหารฉัน
๐๘.๐๐ น. ฉันอาหาร ล้างบาตร ท�ำกิจธุระสว่ นตวั
๐๙.๓๐ - ๑๖.๐๐ น. เดินจงกรม น่งั สมาธิ
๑๖.๐๐ น. ท�ำกิจวตั รประจำ� วัน กวาดใบไม้ ท�ำความสะอาดเสนาสนะ
สรงน้�ำ
๑๗.๓๐ น. นง่ั สมาธิ
๑๘.๓๐ น. ฉันน�้ำปานะ
๑๙.๓๐ น. นั่งสมาธิ เดนิ จงกรม
๒๓.๐๐ น. พักจ�ำวัด

เราตงั้ ใจทำ� ความเพยี รแบบทกี่ ำ� ลงั ทำ� อยนู่ ไ้ี ปทกุ ๆ วนั ถา้ ไมถ่ งึ ทส่ี ดุ กจ็ ะไมห่ ยดุ
ความเพียร จะท�ำจนกว่าลมหายใจจะหมดไป ความเพียรนั้นจะหยุดพักได้ไม่นาน
ตอ้ งโจมตขี า้ ศกึ (อวชิ ชา) ตอ่ ไป ถา้ เปน็ ฝา่ ยตงั้ รบั แลว้ เดย๋ี วเสยี ทา่ เพราะวา่ อวชิ ชาฉลาด
หลกั แหลม มีเลห่ ก์ ลมาก วางค่ายกลไวเ้ ตม็ ไปหมด ต้องเปน็ ฝ่ายโจมตบี กุ ตะลุยอยู่
ตลอดเวลาจึงจะได้ชัยชนะหรอื ไดร้ ับความส�ำเรจ็ มรรคต้องกล้ากว่ากิเลส

เราเตอื นตนเองตลอดวา่ ทำ� ความเพยี รตอ้ งเอาชนะความขเี้ กยี จใหไ้ ด้ ทำ� ความ
เพยี รใหเ้ หนอื ความขเ้ี กยี จ แลว้ ประมวลกำ� ลงั ใจทกุ อยา่ งรวมปน็ หนง่ึ เดยี วไวท้ ป่ี จั จบุ นั
ธรรมเพอื่ ต่อส้กู บั อวชิ ชา

.......เราเหน็ สังขารคลายตัวออกจากจิตชดั ขึน้ .....

เราพิจารณาสญั ญาพอจะเหน็ ชัดขน้ึ ดว้ ยปัญญาวา่ สญั ญาเปน็ อนตั ตา

แตพ่ อมาถงึ สงั ขาร เกดิ พจิ ารณาเหน็ วา่ ถา้ พจิ ารณาสงั ขารเปน็ อนตั ตาแลว้ จะเหลอื
อะไรอยู่?

จิตทีบ่ ริสุทธ์ิ คืออะไร ถ้าความรสู้ กึ นึกคดิ เป็นอนตั ตา

จติ นน้ั กค็ วรเปน็ อนตั ตาไปด้วย......(เราตรกึ ...คาดคะเนเลน่ ในใจ)

120

จิตนั้นไม่มีความรสู้ กึ รับรู้รบั ทราบหรืออย่างไร?

อะไรคอื จติ ทบ่ี ริสุทธ์ิ.....ถ้าทุกสง่ิ ทุกอย่างเป็นสังขารซึ่งเป็นอนตั ตา?

พิจารณามาถึงตอนนี้รสู้ กึ สดุ ทางตัน ดว้ ยความหลงทำ� ใหไ้ ม่สามารถแก้ไขผา่ น
ไปได้

นี่คือการพิจารณาท่ีเจริญขึ้นนะ ไม่ใช่รู้หรือคิดเอาตามความจ�ำหรือได้ฟังมา
อยากจะถามครบู าอาจารยจ์ รงิ ๆ แตไ่ มร่ วู้ า่ จะไปถามใครไดท้ ไี่ หน เพราะอยใู่ นระหวา่ ง
พรรษา และไมถ่ งึ กบั จนใจจรงิ ๆ คดิ วา่ ภาวนาไปกค็ งจะรจู้ ะเหน็ เอง....อวชิ ชาคงจะพาวน
ใหห้ ลงทาง

คนื หนงึ่ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ มนี มิ ติ ทเี่ ปน็ มงคล...เราฝนั วา่ ไปกราบนมสั การหลวงตา
มหาบวั แลว้ เลา่ เรอื่ งการภาวนาใหท้ า่ นทราบ หลวงตาทา่ นกต็ อบแกป้ ญั หาทเี่ ราสงสยั
ใหก้ ระจ่าง....

....คืนหน่ึงเราเดินจงกรมพิจารณาสังขาร (ความคิดปรุงแต่ง) เห็นความหลง
ยดึ ถอื สญั ญา สงั ขาร และวญิ ญาณละเอยี ดขนึ้ พจิ ารณาเหน็ กเิ ลส อวชิ ชา เหมอื นกบั วา่
มนั หลอ่ หลอมจติ เขา้ ดว้ ยกนั กบั อวชิ ชาจนเปน็ เนอื้ เดยี วกนั เหมอื นทองคำ� กบั ทองเหลอื ง
ผสมกนั ตอ้ งแยกใหอ้ อกจากกนั

สติปัญญาละเอียดอ่อนขึ้น ตามกิเลสเข้าไปค้นในจิต....เห็นความหลงแต่เดิม
ที่ยึดว่าสังขารเป็นจิต เราจึงไม่กล้าพิจารณาท�ำลายสังขารให้ขาดสะบั้นลง ไม่กล้า
แยกแยะออก กลวั วา่ จะไม่เหลืออะไร เรายงั ไมแ่ น่ใจ (กิเลสพาหลงวน)

ในขนั้ ตอนน้ี ไมเ่ อาสญั ญาความจำ� การไดย้ นิ ไดฟ้ งั เขา้ มาปะปน คดิ ดว้ ยสตปิ ญั ญา
ทแ่ี ยบคายจรงิ ๆ ทงิ้ สมมตุ พิ กั ไวช้ ว่ั คราวทวี่ า่ รปู เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ ไมใ่ ชต่ วั
ไมใ่ ชต่ นตามตำ� รา ความรตู้ ามตำ� ราไมใ่ ชค่ วามรขู้ องสตปิ ญั ญาอนั คมกลา้ ของใจ จะไม่
เห็นความจริงถ้าเอาความจ�ำเข้ามาแทรก ต้องค้นคว้าลงไปใหม่ด้วยสติปัญญาจริงๆ
เม่ือสติปัญญาที่จี้ติดลงไปในใจก็จะเห็นชัดข้ึนมาว่า แล้วท่ีผ่านมาการปล่อยวางรูป

121

เวทนา (ทางกาย) ลงไปได.้ ...ทำ� ไมจึงเหลือจติ ท่พี อจะบรสิ ุทธิข์ ึ้นมาบา้ งละ ท�ำไมไม่
ตายไป เพราะฉะน้ัน สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ ก็ต้องแยกออกจากจิตท่บี รสิ ทุ ธไ์ิ ด้
เชน่ เดยี วกัน? เหมอื นกับแยกทองค�ำออกจากทองเหลอื ทองแดง หรอื สารชนิดอื่น
ทปี่ นกันอยู่ ตอ้ งแยกออกได้

ซึง่ การพิจารณาท่ีผ่านมากพ็ อจะเหน็ ว่ามนั รวมกนั อยู่ พอแยกสัญญาไดช้ ัดขึ้น
แตพ่ อมาถงึ สงั ขาร วญิ ญาณ กเิ ลสจะพาวนเสมอ คราวนเี้ หน็ ชดั ในใจมากขน้ึ คงจะได้
เหน็ ดีกันนะ...ในวันหน่งึ

การเพ่งพิจารณาจติ น้ี พจิ ารณาสญั ญา สงั ขาร วิญญาณ (อวชิ ชา) ท�ำให้หวน
ระลกึ ถงึ คราวเมอื่ ครงั้ ทยี่ งั เปน็ ฆราวาสตอนกำ� ลงั เรยี นอยวู่ ทิ ยาลยั หอการคา้ ปที ่ี ๔ มอี ยู่
คนื หนงึ่ มคี วามคดิ ปรงุ แตง่ ไมห่ ยดุ ในจติ ใจ กเ็ ลยพดู กบั ตวั เองวา่ “เอะ๊ ...ทำ� ไม เราวา่
จติ นเี้ ปน็ ของเรา แตท่ ำ� ไมมนั คดิ ไมห่ ยดุ เราไมส่ ามารถควบคมุ มนั ได”้ จงึ พยายามหาทาง
บงั คบั ควบคมุ จติ ใจ เลยมากำ� หนดบรกิ รรมพทุ โธเปน็ ครงั้ แรก คราวนนั้ ไมม่ คี วามรเู้ รอื่ ง
การปฏิบัติจิตภาวนา ไม่มีใครแนะน�ำ มิเช่นน้ันถ้ารู้....แทนท่ีจะยึดถือความคิดน้ัน
จะไดป้ ล่อยไปเลย เปน็ อนจิ จัง อนัตตา เราไม่ฉลาดพอในตอนนั้น

ภาวนาอยูท่ นี่ ี่ เรามคี วามสุขความสบายในวิหารธรรม สขุ ภายนอก...มคี วามสุข
กบั ธรรมชาตขิ องปา่ ไม้ กลนิ่ ดอกไมป้ า่ และสตั วช์ นดิ ตา่ งๆ อยคู่ นเดยี วไดว้ เิ วกทง้ั กาย
และจติ ใจ เยอื กเยน็ สงบดีแท้....

เราเดนิ จงกรมพจิ ารณาจติ (สงั ขาร ความคดิ ปรงุ แตง่ ) และ ธรรม....เหน็ ชดั ขน้ึ
ละเอียดขึน้ ปล่อยวางสงั ขารเปน็ ระยะๆ ไป

“ในเดอื นสงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เราพจิ ารณาสงั ขารความคดิ ปรงุ แตง่ เหน็ สภาวธรรม
ระหว่างเดินจงกรมเกิดขึ้นในจิต เม่ือพิจารณาสังขารขณะจิตน้ัน เห็นสังขารระเบิด
ภายในจติ ระเบิดละเอยี ดเลย จิตเบาขึ้นไปอีก หลงั จากน้นั รู้จกั หนทางท�ำลายอยา่ ง
ชดั เจน.....”

122

เราพจิ ารณา นาม ขนั ธ์ เหน็ ผรู้ ู้ มองดเู หน็ ภาพความคดิ ในอดตี อนาคต ปจั จบุ นั
ไมต่ ดิ กบั ฟองนำ�้ ฟองนำ�้ ไมซ่ มึ ซบั อดตี อนาคต ปจั จบุ นั จติ เพยี งดอู ยเู่ ฉยๆ เหน็ เกดิ ขน้ึ
แลว้ ผ่านไป เกิดขนึ้ แลว้ ผ่านไป เกิด ดบั เกดิ ดบั ๆๆ

ซงึ่ แตก่ อ่ นนน่ั จติ เคยตดิ อดตี อนาคต ปจั จบุ นั พอรจู้ กั ภาวนา ละอดตี ละอนาคต
ออกจากใจ ก็มาติดปจั จุบัน มาถึงตอนนี้ ละท้ังอดตี ละอนาคต และละท้งั ปจั จุบนั

ต้นเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ นิมิตเห็นฟันกรามบนหลุดออกจากปาก
หลงั จากน้นั ได้ทราบข่าวว่าหลวงพอ่ ชามรณภาพในวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕
ท่ีวดั หนองป่าพง เราจงึ เดนิ ทางไปวัดหนองป่าพงในเยน็ วนั นน้ั

วนั ที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ หลวงตามหาบวั เดนิ ทางมารว่ มงานมรณภาพ
ของหลวงพอ่ ชา พกั ท่วี ัดหนองปา่ พง

วนั ท่ี ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ทใ่ี ตถ้ นุ กฎุ หี ลวงพอ่ ชา วดั หนองปา่ พง ในงาน
มรณภาพของหลวงพอ่ ชา หลงั ฉนั เราไดม้ โี อกาสเรยี นถามธรรมปฏบิ ตั หิ ลวงตามหาบวั

ถามดว้ ยความไมส่ งสยั แตถ่ ามตามนมิ ติ ทปี่ รากฏแตเ่ ดมิ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ตอนเรา
ตดิ ขดั เรอื่ งการพจิ ารณาสงั ขาร ความคดิ ปรงุ แตง่ เราไมก่ ลา้ ทำ� ลายสงั ขาร หลงั จากนนั้
เรากพ็ จิ ารณาผา่ นเรอื่ งทตี่ ดิ ขดั ไดแ้ ลว้ ....และในงานมรณภาพหลวงพอ่ ชา เราพบหลวงตา
มหาบัวเหมือนกับท่ีเราเหน็ ในนิมติ เราจงึ เข้าไปถามเหมอื นในนมิ ิตที่เกิดขน้ึ ....

ท่านอาจารยต์ นั๋ : การพจิ ารณาทแี รกน้ัน เหมอื นกับวา่ จะท�ำลายตวั เอง เพราะว่า
สงั ขาร....

หลวงตามหาบัว : หอื ...

ทา่ นอาจารย์ตน๋ั : เรอ่ื งสงั ขารของจติ ครบั ความนกึ คดิ ปรงุ แตง่ เมอื่ พจิ ารณาทแี รก
เหมือนกับว่าจะฆ่าตัวตาย ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นการฆ่า
ตัวตาย เพราะว่าความรู้สึกที่เราเคยชินที่เรายึดถือว่าสังขารน้ี

123

เป็นตัวเรา เมื่อพิจารณาทีแรก กเ็ หมอื นกับวา่ เราจะท�ำลายตัวน้ี
เรากก็ ลวั มคี วามกลวั แตว่ า่ ผมกพ็ จิ ารณาตอ่ ไปจนกระทง่ั วา่ สงั ขาร
ความนกึ คดิ ปรงุ แตง่ เหน็ เปน็ ไตรลกั ษณ์ เหน็ เปน็ อนตั ตา ชวั่ คราว
พจิ ารณาไปบางครงั้ กเ็ หน็ วา่ อารมณอ์ ดตี อนาคต ปจั จบุ นั ทผ่ี า่ นมา
ไมค่ วรถอื เอาทง้ั หมด แลว้ กป็ ลอ่ ยวางไป การพจิ ารณาแบบนค้ี วร
พิจารณาต่อไปเรื่อยๆ ใช่ม้ัยครับ

หลวงตามหาบวั : พิจารณาอย่างนนั้ แหละ

ทา่ นอาจารยต์ ๋ัน : แล้วกบ็ างครงั้ เมอื่ พจิ ารณาไปแลว้ ผมกม็ ีความคดิ วา่ แลว้ อะไร
คอื สว่ นทเ่ี หลืออยู่ จึงว่าจติ บริสทุ ธ์ิท่แี ท้จรงิ คอื อะไร ถ้าสังขาร
ความนึกคดิ นีไ้ มใ่ ช่เป็นสิ่งทค่ี วรยึดถอื จะมเี หลอื อะไร หรอื ว่า
บางครงั้ ผมกเ็ หน็ วา่ จะมเี หลอื แตค่ วามรู้ เปน็ แตเ่ พยี งความรเู้ ทา่ นนั้
จะถูกหรอื เปล่าครับ

หลวงตามหาบวั : พดู ซ�้ำอกี ท.ี ..เมอ่ื ก้ีน้ี

ท่านอาจารยต์ ๋ัน : ผมเหน็ สงั ขารของจติ สว่ นละเอยี ดทเ่ี กดิ ขนึ้ ทงั้ ทเ่ี ปน็ อดตี อนาคต
และปจั จบุ นั ผมกเ็ หน็ และกผ็ า่ นไปเฉยๆ เหมอื นวา่ ไมต่ ดิ อยใู่ น
ความรทู้ เี่ ปน็ อสิ ระอยเู่ ฉยๆ มคี วามรเู้ ชน่ นนั้ อยชู่ วั่ คราว เพราะวา่
อารมณป์ จั จบุ นั กไ็ มค่ วรถอื เอา กผ็ า่ นไปเฉยๆ ไมต่ ดิ ขอ้ งอยกู่ บั จติ
บางครง้ั ผมกค็ ดิ วา่ แลว้ จะเหลอื อะไรทเ่ี ปน็ จติ ทค่ี อื ความบรสิ ทุ ธ์ิ
เพราะบางคร้ังผมคิดว่าครูบาอาจารย์หรือพ่อแม่ครูบาอาจารย์
พดู ออกมาหรอื แสดงธรรมนี้ อนั นเ้ี ปน็ สงั ขารหรอื เปลา่ แตว่ า่ มาใช้
สังขารนต้ี ามสมมตุ ิ

หลวงตามหาบัว : ทวี่ า่ การพจิ ารณาสงั ขารแลว้ มนั จะดบั หมด แลว้ ไมม่ อี ะไรเปน็ ทยี่ ดึ
อยา่ งน้นั หรือ

124

ทา่ นอาจารย์ตั๋น : ครบั

หลวงตามหาบัว : ลองคดิ ดู พระพทุ ธเจา้ ของเรา พระอรหนั ตข์ องเรา ทา่ นสำ� เรจ็ ถงึ
ขน้ั บรสิ ทุ ธแ์ิ ลว้ ทา่ นจะเปน็ หวั ตออยา่ งนนั้ เหรอ ทา่ นไมม่ คี วามรู้
อยา่ งนนั้ เหรอ นถี่ ามเจา้ ของอยา่ งนน้ั นะ เพราะอนั นตี้ อบมาจากในใจ
ให้พิจารณา อย่าหวงอย่าหว่ ง ถา้ กลวั ตายกค็ ือเรื่องของกเิ ลส

ทา่ นอาจารยต์ ๋ัน : พอดผี มไดไ้ ปหลอ่ พระ อนั นกี้ เ็ หน็ วา่ หลอ่ พระทอง นาก เงนิ ผสมกนั
เขา้ มา ผมกค็ ดิ วา่ ถา้ เราจะแยกทองออกจากนาก ออกจากเงนิ กค็ วร
ทีจ่ ะได้ ก็เลยคดิ ว่า ถ้าจิตน้เี ปน็ จิตที่บรสิ ทุ ธิ์เหมอื นกบั ทองน้ัน
เรากค็ วรทจ่ี ะแยกออกจากนาก แยกออกจากสาร แยกออกจากวตั ถุ
ออกจากกนั จะเหลอื แตท่ องทบ่ี รสิ ทุ ธไิ์ ด้ บางครงั้ กเ็ ปรยี บเทยี บวา่
เหมอื นกับนำ้� ทส่ี กปรก หรอื วา่ เปื้อนไปด้วยสีแดง สีด�ำ สเี ขียว
ทสี่ กปรก ถา้ เราจะแยกนำ�้ ใหบ้ รสิ ทุ ธกิ์ ค็ วรทจ่ี ะได้ จะถกู หรอื เปลา่
แล้วผมก็พยายามท่จี ะมาพจิ ารณาจุดน้ีลงไป

หลวงตามหาบัว : ถกู ....เราพิจารณาลงไปแล้ว ขน้ั นี้สงวนอะไรอยู่ ถงึ ขน้ั นไี้ ม่ต้อง
สงวนนะ เอาจะให้มันดบั ท้ังความร้ใู ห้มนั เห็นเสยี ที ไม่เห็นใน
ผู้ปฏิบตั ิ ให้เห็นในเรานแ้ี หละ .....(ฟังไม่ออก)...แลว้ จติ จะดับ
ไปด้วย มนั จะเปน็ หวั โตง่ หวั ตอกไ็ มร่ ู้ เข้าใจหรอื เปล่า

พระอาจารย์ต๋นั : ครับ

หลวงตามหาบัว : ถา้ ยงั มเี กาะหรอื มสี งวนอะไรอยู่ นนั่ แหละคอื สงิ่ มนั เปน็ กเิ ลส หรอื
สงวนหวั หนามไว้ เมอ่ื ถงึ ขน้ั ทจี่ ะปลอ่ ยเอาใหห้ มด....(ฟงั ไมอ่ อก)
.....จะเหลอื อะไร เปน็ พระหวั ตอ ใหม้ นั เหน็ ซะที นน่ั แหละเรยี กวา่
ราบไปหมดเลย...(ฟงั ไมอ่ อก).... ถา้ เราสงวนไวก้ เ็ ทา่ กบั สงวนกเิ ลส
น่ันแหละ เขา้ ใจหรือเปล่า

125

พระอาจารย์ตัน๋ : ครบั

หลวงตามหาบัว : ถงึ ขนั้ นเี้ อาไมเ่ ลอื ก ถงึ ขนั้ นไี้ มใ่ หม้ เี หลอื พจิ ารณาจนกระทง่ั ไมใ่ ห้
มีอะไรเหลือ นี่แหละมันก็เหลือจิต โดยเฉพาะอย่างย่ิงอวิชชา
เหมอื นกบั แยกเนอื้ นาก เนอื้ ทอง เราแยกเนอ้ื นาก เนอ้ื ทอง กเิ ลส
มนั แยกกบั จติ กเิ ลสมนั เกดิ ไดด้ บั ได้ แตจ่ ติ มนั ไมม่ คี ำ� วา่ เกดิ วา่ ดบั
มนั คนละอยา่ งกนั นน่ั แหละ เวลามนั ละอนั นไ้ี ปหมดแลว้ อะไรท่ี
มันสงวนไว้ก็พังออกไปหมด ...(ฟังไม่ออก)....แต่เราไปสงวน
ไมไ่ ดน้ ะ เวลานไี้ มต่ อ้ งสงวน......(หลงั จากนนั้ กม็ โี ยมแทรกเขา้ ไป
ถวายของโดยไมร่ กู้ าละเทศะ หลวงตาเลยหยดุ พดู เพยี งเทา่ น)ี้ ......

(บทสนทนานี้ ถอดจากเทปทีม่ ีพระอดั ไว้)

เมอ่ื กลบั จากงานหลวงพอ่ ชา เราเรง่ ความเพยี ร กำ� หนดจติ เปน็ สมาธใิ นทกุ อริ ยิ าบถ
สตจิ ดจอ่ ทจ่ี ติ เหน็ ความเกดิ -ดบั ของสงั ขารอยทู่ กุ ขณะจติ มสี ตปิ ญั ญาเพง่ พจิ ารณาจติ
ในปจั จบุ ัน

วันหน่ึง เราน่ังสมาธิ เดนิ จงกรม สติปัญญาต่อเนอ่ื งอยใู่ นปจั จบุ ันตลอดท้งั วัน
จติ วา่ งจากอารมณอ์ ดตี อนาคต จติ ทรงอยใู่ นปจั จบุ นั ทง้ั วนั อยกู่ บั ความวา่ ง พอเดนิ จงกรม
ตอนกลางคนื สตปิ ญั ญากจ็ ดจอ่ ทจ่ี ติ ขณะทเ่ี หน็ สงั ขารปรงุ แตง่ ขน้ึ ออกจากจติ เหน็ ความ
เกดิ ดับ จนกระทั่งสติปัญญารู้ชดั ในขณะจติ นน้ั ว่า สังขารเปน็ เพยี งอาการของจติ
พรอ้ มกบั ปล่อยวางความหลงทีเ่ คยยดึ มน่ั ถอื มั่นในสังขารว่าเปน็ จิต ขณะนน้ั จติ กเ็ ขา้
สคู่ วามวา่ งทล่ี ะเอยี ด จติ เปน็ อสิ ระขนึ้ มา ไมย่ ดึ ตดิ ในสมมตุ ใิ ดๆ ทง้ั สน้ิ จติ วา่ งเปน็ กลาง
เปน็ อสิ ระ มแี ตค่ วามรทู้ บ่ี รสิ ทุ ธเิ์ กดิ ขน้ึ มา เกดิ ความอศั จรรยข์ นึ้ ในจติ อยา่ งบอกไมถ่ กู
พร้อมกับรูว้ า่ จติ เปน็ อสิ ระจากอวิชชาแลว้ สติปัญญากเ็ หน็ ชดั ว่า ส่ิงท่เี ราเคยสงวนไว้
ไมก่ ลา้ พิจารณาทำ� ลาย ความจรงิ คืออวิชชาทง้ั หมด จึงเหน็ ในจติ ชัดแจง้ ประจักษ์ขนึ้
ทใ่ี จว่า สง่ิ ท่ีคดิ ไมใ่ ช่จิต สิ่งท่ีไมค่ ิด น่ันแหละจติ เม่ือเราไม่สงวนอะไรไว้ ขณะท่ีจิต

126

เหน็ สงั ขารทเ่ี กดิ ขนึ้ และดบั ลงไป สตปิ ญั ญาเหน็ ชดั พรอ้ มปลอ่ ยวางสมมตุ ิ จงึ เหลอื ความ
บริสทุ ธิข์ องจติ ข้ึนมา
ความจรงิ แลว้ สงั ขารเปน็ เพยี งอาการของจติ เกดิ ขน้ึ แลว้ ดบั ไป เมอื่ จติ ปลอ่ ยวาง
โดยสนิ้ เชงิ กเ็ หลอื แตเ่ พยี งความบรสิ ทุ ธขิ์ องจติ จติ ไมม่ ใี นรปู จติ ไมม่ ใี นเวทนา จติ ไมม่ ี
ในสญั ญา จติ ไมม่ ใี นสงั ขาร จติ ไมม่ ใี นวญิ ญาณ เมอ่ื ดบั ความหลงทย่ี ดึ มน่ั ถอื มน่ั ในขนั ธ์
ทง้ั ๕ จติ กป็ ลอ่ ยวางความยดึ มนั่ ถอื มน่ั ในปจั จบุ นั จติ จติ ไมต่ ดิ ในอดตี ไมต่ ดิ ในอนาคต
ไมต่ ิดในปจั จบุ นั ถอนจากความยดึ มั่นถือมัน่ ในภพทง้ั สาม จงึ เหลอื ความรู้ทบ่ี รสิ ทุ ธ์ิ
ดับความหลง (อวิชชา) โดยสน้ิ เชิง
เปรยี บเสมอื นกบั วา่ สงั ขาร ความนกึ คดิ ปรงุ แตง่ ในแตล่ ะเรอ่ื ง เปน็ ตวั สรา้ งภพ
สรา้ งชาติ สรา้ งภพนอ้ ยภพใหญ่ อนั ไมม่ ที ส่ี นิ้ สดุ ในวฏั สงสาร ความหลงคอื อวชิ ชา เปน็ ผู้
คุมการแสดงละครให้สังขารปรุงแต่งไปตามบทบาทแต่ละภพแต่ละชาติ เม่ือความรู้
(ปญั ญา) เกดิ ขน้ึ ความหลงในสงั ขารกด็ บั ลงไป ผคู้ วบคมุ การแสดงละครกห็ มดหนา้ ทล่ี ง
เลยไมก่ ่อภพก่อชาติตอ่ ไปอกี ตลอดอนันตกาล.......
นกั ปราชญห์ รอื ผรู้ ทู้ ง้ั หลายพงึ พจิ ารณาดว้ ยใจตนเอง ทกุ ขนั้ ตอนพงึ รไู้ ดเ้ ฉพาะตน
เท่านัน้ .......

127

ระลึกถงึ บญุ คุณของบิดา

ตอ่ จากนเี้ ราขอกลา่ วถงึ ในสว่ นทเี่ กย่ี วกบั การบวชของโยมพอ่ เทยี บ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๑
เราระลกึ ถงึ พระคณุ ของโยมพอ่ เราคิดว่าเราไม่มโี อกาสไดต้ อบแทนบญุ คณุ ท่านทาง
ดา้ นวตั ถสุ งิ่ ของและความสะดวกสบายภายนอก เราจงึ คดิ วา่ อยากจะตอบแทนพระคณุ
ของทา่ นในทางธรรม เราจงึ เขียนจดหมายไปชวนทา่ นมาบวชในพระบวรพุทธศาสนา
ทา่ นเหน็ ดดี ว้ ยและตอบตกลง เราไดเ้ ตรยี มบรขิ ารสำ� หรบั การบวชของทา่ นไวพ้ รอ้ มแลว้

เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ โยมพอ่ ไดม้ าบวชเปน็ ผา้ ขาว อปุ สมบทเปน็ พระภกิ ษุ
ทว่ี ดั หนองปา่ พง เมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๓๑ และไดม้ าอยปู่ ฏบิ ตั ภิ าวนากบั เรา
ทสี่ ำ� นกั สงฆส์ ภุ ทั ทะบรรพต จ.ระยอง จนถงึ ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ทเ่ี ราออกวเิ วกไปภาวนา
ทเ่ี ขาใหญ่ เราไดฝ้ ากหลวงพอ่ เทยี บไวท้ สี่ ำ� นกั สงฆส์ ภุ ทั ทะบรรพต จ.ระยอง ตอ่ มาเมอ่ื เรา
มาวเิ วกพักภาวนาอยูร่ ูปเดียวทป่ี า่ บ้านคลองใหญแ่ หง่ นี้ หลวงพ่อไมร่ วู้ า่ เราอยทู่ ี่ไหน
จงึ ไดต้ ดิ ตอ่ โยมแจง้ ผา่ นมาถงึ เราวา่ จะขอขน้ึ ไปภาวนาทอี่ สี าน แตเ่ ราคดิ วา่ ไมอ่ ยากให้
ทา่ นไปไกล เพราะทา่ นอายมุ ากแลว้ จงึ ชวนทา่ นมาอยภู่ าวนากบั เราทนี่ ่ี เราจะไดม้ โี อกาส
ดแู ลทา่ นไดเ้ ตม็ ที่ หลวงพอ่ เทยี บจงึ ไดม้ าอยภู่ าวนากบั เราทว่ี ดั บญุ ญาวาสแหง่ น้ี และ
เรากไ็ ด้มโี อกาสตอบแทนทา่ นทางธรรม

ในเดอื นสงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ หลวงพอ่ เทยี บปว่ ยเปน็ มะเรง็ ตบั ออ่ น ขน้ั ท่ี ๔ หมอวา่
รกั ษาไมไ่ ดแ้ ลว้ คงอยไู่ ดไ้ มเ่ กนิ ๓ เดอื น ทา่ นมรณภาพในวนั ท่ี ๒๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๔๖
อายุ ๘๐ ปี พรรษา ๑๖ เราถวายเพลงิ ศพทา่ นในวนั ที่ ๒๓ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๔๖

128

ตั้งแต่เราเกิดข้ึนมาจนถึงบัดน้ีเท่าที่เราจ�ำได้ เราไม่เคยเถียงพ่อแม้แต่เพียง
ประโยคเดยี ว เราจำ� ได้ วนั หนงึ่ พอ่ กลบั จากทท่ี ำ� งานตา่ งจงั หวดั มาทบี่ า้ นในกรงุ เทพฯ
รงุ่ เชา้ เราพบพอ่ พอ่ ถามถงึ พช่ี ายวา่ เมอื่ คนื กลบั มานอนทบี่ า้ นหรอื เปลา่ เราตอบทา่ นวา่
“พไ่ี มไ่ ดก้ ลบั บา้ น คงจะนอนทบี่ า้ นเพอ่ื น” พอ่ บอกวา่ “รไู้ หม พอ่ นอนไมห่ ลบั ทง้ั คนื ”
เราคิดว่าพ่อคงเป็นห่วงลูก มีความกังวลใจจนนอนไม่หลับ เราจึงพูดขึ้นในใจว่า
“นับแต่น้เี ปน็ ตน้ ไป ความทกุ ข์อนั ใดที่จะเกดิ ขึ้นในจิตใจของพอ่ เรา เราจะขอรับไว้
ทั้งหมด เราจะไม่ท�ำใหท้ ่านทกุ ขใ์ จไมส่ บายใจเพราะเรา”
นบั แตน่ นั้ มา พอ่ ตอ้ งการอะไร เราจะเชอ่ื ฟงั ทา่ นทง้ั หมดทกุ อยา่ ง บางครงั้ เราอยาก
จะไปเทย่ี ว ถา้ พอ่ ไมใ่ หไ้ ป เรากเ็ ชอ่ื ฟงั ทา่ น แมเ้ ราอยากจะไป เรากอ็ ดทนไมไ่ ปเพอื่ ให้
พอ่ สบายใจ ในชาตนิ เี้ ราคดิ ว่าเราไดต้ อบแทนบุญคุณทา่ นหมดแล้ว

129

สรา้ งวดั บญุ ญาวาส

วัดบญุ ญาวาส ตง้ั อยู่เลขที่ ๔๔ หมู่ ๘ บ้านคลองใหญ่ ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง
จ.ชลบรุ ี เรามาพบสถานทแี่ หง่ นคี้ รง้ั แรกเมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ ขณะนนั้ โยมไดน้ มิ นตเ์ รา
มาท่ีไร่และสวน พ้ืนท่ีป่าแห่งนี้เป็นของครอบครัวนายบุญ-นางเซี้ยม เจนจิรวัฒนา
ดแู ลรกั ษาอยู่ โดยมอี าชพี เกษตรกรรม ปลกู สวนยางพารา สวนปาลม์ มะมว่ งหมิ พานต์
ออ้ ย ยคู าลิปตสั สปั ปะรด และอ่นื ๆ อยทู่ างดา้ นทิศตะวันออก ทิศตะวนั ตก ทศิ ใต้
ของพื้นท่ีป่าแห่งน้ี ลักษณะเป็นป่าไม้เบญจพรรณ คราวนั้นเราเห็นป่าน้ีเรารู้สึกว่า
จะเป็นส�ำนักปฏิบตั ไิ ดใ้ นอนาคต จงึ บอกโยมไวว้ า่ เกบ็ รกั ษาปา่ ไว้ให้ดี อีกหนอ่ ยจะ
เปน็ วดั ลกั ษณะพน้ื ทป่ี า่ เปน็ ทร่ี าบ ทล่ี มุ่ และเปน็ ทเ่ี นนิ เลก็ ๆ เปน็ ปา่ ทม่ี ลี กั ษณะหายาก
เพราะปกตปิ า่ แถบนจี้ ะเปน็ ภเู ขาเสยี สว่ นใหญ่ พน้ื ทร่ี าบจะเปน็ ไรเ่ ปน็ สวนไปหมดแลว้
เรารสู้ กึ ชอบปา่ แหง่ นมี้ าก เปน็ ทส่ี งบ สงดั ปา่ ไมย้ งั สมบรู ณม์ ากเหมาะแกก่ ารหลกี เรน้
ภาวนาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เนอ่ื งจากไกลจากหมบู่ า้ น ๕-๖ กม. ไกลจากถนนสายหลกั เขา้ มา
ประมาณ ๒๐-๒๕ กม. การเดนิ ทางลำ� บาก ขณะนน้ั ทางเขา้ จากถนนสายหลกั ยงั เปน็
ดนิ ลกู รงั

พนื้ ทแี่ ห่งนเ้ี ดมิ เปน็ ป่าสงวน ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ มีการท�ำสมั ปทานตัดไม้
ชาวบา้ นไดเ้ ขา้ มาจบั จองพน้ื ทที่ ำ� ไรท่ ำ� สวน และซอื้ สทิ ธท์ิ ด่ี นิ กนั ซง่ึ นายบญุ เจนจริ วฒั นา
กไ็ ดซ้ อ้ื สทิ ธท์ิ ดี่ นิ บรเิ วณนเ้ี พอื่ ทำ� เกษตรกรรม และไดเ้ กบ็ รกั ษาพน้ื ทปี่ า่ แหง่ นี้ โดยคดิ วา่
จะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูว่าอดีตน้ันสภาพป่าเป็นอย่างไร จึงเหลือพ้ืนที่ป่าเป็นที่ราบ
บรเิ วณนเี้ พียงแหง่ เดียว นอกน้ันเปน็ ปา่ อย่ตู ามเทอื กเขา หรอื อยูบ่ นภูเขา

130

หลงั ออกจากการภาวนาทเี่ ขาใหญ่ เราจงึ ไดเ้ ขา้ มาภาวนาทป่ี า่ แหง่ น้ี โดยคณุ สวุ ารี
เจนจริ วฒั นา บตุ รสาวนายบญุ และคณุ สวุ ฒั น์ เจนจริ วฒั นา ซงึ่ เปน็ นอ้ งชาย ไดพ้ าเรา
เขา้ มาพกั ภาวนาทป่ี า่ แหง่ นี้ คณุ สวุ ฒั น์ เจนจริ วฒั นา ไดส้ รา้ งกฎุ ใี หพ้ กั ภาวนา ๑ หลงั
ห้องนำ�้ ๑ หอ้ ง ในขณะนนั้ เราพักภาวนาอยเู่ พยี งรปู เดียว

สมยั นนั้ ถนนสาย ๓๔๔ เสน้ บา้ นบงึ - แกลง เปน็ ถนนกวา้ ง ๙ เมตร ๒ ชอ่ งทาง
รถวิ่งสวนกัน ทางแยกจากถนนใหญ่เข้ามาท่ีพักป่าแห่งน้ีเป็นถนนลูกรังดินแดงทุก
เส้นทาง สะพานข้ามลำ� ธาร ล�ำห้วย เป็นสะพานไม้ บางแหง่ เปน็ สะพานไม้ซงุ ผ่าครึ่ง
การเดินทางไปมาไมส่ ะดวกเหมือนทุกวันน้ี

คร้ังแรกท่ีเข้ามาพักในป่าแห่งน้ี เราต้ังใจว่าถ้าไม่มีอุปสรรคอันใด ก็จะอยู่
จำ� พรรษาและภาวนาไปเรอ่ื ยๆ เราอยภู่ าวนาแตเ่ พยี งลำ� พงั ผเู้ ดยี ว การภาวนาในพรรษา
ดำ� เนนิ ไปด้วยดี ไดผ้ ลการภาวนาเปน็ ทีน่ ่าพอใจอย่างยิ่ง

ประมาณตน้ เดอื นตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เราพจิ ารณาวา่ เราจะอยภู่ าวนาทน่ี ต่ี อ่ ไป
หรอื เปลยี่ นสถานทไี่ ปภาวนาทอี่ น่ื เราปรารภเรอ่ื งการเปลย่ี นสถานทไ่ี วภ้ ายในใจของเรา
ตอ่ มาปลายเดือนตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๓๓ มเี หตุการณ์อยา่ งหนง่ึ ปรากฏขน้ึ ....ระหว่าง
เรานงั่ ภาวนาทรี่ ะเบยี งกฎุ ี ตอนเวลา ๑๕.๐๐ น. นง่ั ไปสกั พกั มฝี งู นกบนิ มาเกาะตน้ ไม้
บรเิ วณรอบๆ กฎุ ี ฝงู ละ ๓๐-๔๐ ตวั บนิ ลงมาเกาะทลี ะฝงู ทลี ะฝงู ๆ เสยี งนกรอ้ งระงม
เซง็ แซร่ อบๆ กฎุ ี เราจงึ ลมื ตาขมึ้ มองดตู ามเสยี งนนั้ เหน็ ฝงู นกหลายชนดิ เปน็ จำ� นวนมาก
เรานบั ในใจ ๑-๒-๓-๔-๕-๖-๗-๘-๙-๑๐ ยงั นบั ไดไ้ มห่ มดชนดิ ของนก นกกเ็ รม่ิ
ทยอยบนิ ขนึ้ ทลี ะฝงู ๆ ไปเรอ่ื ยๆ จนหมด ไมเ่ หลอื แมแ้ ตต่ วั เดยี ว ความเงยี บสงดั เขา้ มา
แทนทด่ี งั เดมิ

เราพจิ ารณาวา่ ทำ� ไมจงึ มเี หตกุ ารณแ์ บบนเ้ี กดิ ขน้ึ ซง่ึ ไมเ่ คยปรากฏมากอ่ น เรานกึ
ได้ว่า เมื่อตอนต้นเดอื นนัน้ เราเคยพิจารณาวา่ จะอย่ทู ี่นต่ี ่อไป หรอื เปลย่ี นสถานท่ีไป
ภาวนาทอี่ นื่ เมอ่ื เหตกุ ารณน์ เ้ี กดิ ขน้ึ เราพจิ ารณาวา่ ถา้ เราออกจากสถานทน่ี ไี้ ป โยมกจ็ ะ
ลม้ ป่าท�ำสวนยาง สวนปาล์ม ป่าไมก้ ็จะหมดไป สัตว์หลายพันหลายหมน่ื ชีวติ ก็จะอยู่

131

ไมไ่ ด้ (ในปา่ นม้ี สี ตั วห์ ลายชนดิ เชน่ กระถกิ กระแต กระรอก กระตา่ ยปา่ ไกป่ า่ เมน่
พงั พอน อเี หน็ เสอื ปลา เกง้ งนู านาชนดิ และนกอาศยั อยนู่ านาชนดิ ฯลฯ) ถา้ ปา่ ไมห้ มดไป
สตั วห์ ลายพนั หลายหมนื่ ชวี ติ กอ็ ยไู่ มไ่ ด้ เราเลยคดิ วา่ ถา้ เราอยทู่ น่ี ต่ี อ่ ไปอะไรจะเกดิ ขน้ึ
เรากเ็ ห็นว่า

ปา่ ไม้ ๒๐๐ ไร่นี้ จะยังอยู่
สัตว์หลายหม่นื ชีวิตยงั อาศยั อยไู่ ด้
ส่ิงท่ีสำ� คญั คือ สถานทีแ่ ห่งนจ้ี ะเป็นทส่ี บื ตอ่ พระศาสนาได้ในกาลขา้ งหนา้

เราพิจารณาเช่นนี้ เราจึงคิดว่าเราจะอย่ภู าวนาท่นี ต่ี ่อไป

วนั หนึ่งตอนค่ำ� ได้สมั ผัสอารมณ์ของพระปจั เจกพุทธเจา้ แม้นจะไม่ใช่ของแท้
แต่ก็คงใกล้เคียง ทำ� ให้ไดเ้ ขา้ ถงึ อารมณ์ความปรารถนาเปน็ พระปัจเจกพทุ ธเจา้ ดงั น้ี

๑. เหน็ ความจรงิ ของโลกธรรมแลว้ เบอื่ หนา่ ย ไมอ่ ยากยงุ่ เกย่ี ว ไมอ่ ยากชว่ ยเหลอื
คิดวา่ เปน็ กรรมของสตั วข์ องใครของมนั เป็นธรรมชาติอยเู่ ช่นนัน้
๒. ชอบใจยินดี สนั โดษ อยูใ่ นความเปน็ คนผูเ้ ดยี ว ไม่เกีย่ วขอ้ งกบั ใคร
๓. ใครจะตำ� หนิ ใครจะชม ไม่หวน่ั ไหวใดๆ ทัง้ สิน้
๔. คนในสมยั น้ันเป็นประเภทปทปรมะ (สอนไม่ได)้ เปน็ สว่ นมาก

เราพิจารณาเอาเองด้วยการภาวนา อาจจะไม่ใช่อย่างน้ีก็ได้

ความตง้ั ใจเดมิ เราอยากจะอยภู่ าวนาทนี่ ไ่ี ปเรอื่ ยๆ เพยี งลำ� พงั คนเดยี ว รสู้ กึ สบายดี
ในทกุ ๆ ดา้ น แตจ่ ำ� เป็นท่จี ะต้องรับพระมาอยู่ด้วยอกี ๒ รปู คอื หลวงพ่อเทยี บ และ
พระลูกศิษย์เราอีกรูปหนึ่ง

รบั หลวงพอ่ เทยี บ เพราะทา่ นไมอ่ ยากอยทู่ ส่ี ำ� นกั สภุ ทั ทะบรรพต เรายงั ไมท่ ราบ
สาเหตเุ พราะยงั ไมไ่ ดพ้ บกนั แตเ่ รากย็ นิ ดแี ละเตม็ ใจรบั เพราะจะไดต้ อบแทนบญุ คณุ
ท่านได้เตม็ ท่ี ซงึ่ เราคิดว่าเราคงทดแทนบญุ พระคุณของท่านไม่หมดแน่

132

เมือ่ มพี ระมาอย่อู กี ๒ รูป จึงจ�ำเปน็ ต้องต้ังกติกาในการอยู่รว่ มกนั คอื ต้องอยู่
เงียบๆ ประมาณ ๒ ปี ห้ามติดตอ่ หรือมีธุระกับใครท้งั สนิ้ นอกจากเราเหน็ สมควร
ความจรงิ เราตงั้ ใจมาอยทู่ น่ี เี่ พอื่ ตอ้ งการมาภาวนา ไมไ่ ดม้ าเพอ่ื ตง้ั วดั จงึ ไมร่ บั พระ-เณร
และไมไ่ ดบ้ อกใหค้ นทวั่ ไปทราบ อยากจะรกั ษาไวใ้ หน้ านทสี่ ดุ แมญ้ าตโิ ยมมจี ติ ศรทั ธา
อยากถวายท่ใี นขณะนี้ เรากย็ งั ไม่รับ เพราะตดิ สจั จะทตี่ ้ังใจไว้ แต่คิดว่าในวนั หนึง่
ข้างหนา้ ...สถานท่ีนจ้ี ะไดเ้ ป็นสำ� นกั ปฏบิ ตั ิข้นึ มา

ก่อนเขา้ พรรษาปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ญาติโยมน�ำพระพทุ ธชินราชปิดทองค�ำ ขนาด
ประมาณ ๒๙ นว้ิ มาถวายเปน็ พระประธานบนศาลา ขณะนำ� พระประธานขนึ้ ประดษิ ฐาน
บนแท่นเรียบร้อยแลว้ สักครฝู่ นตกลงมาอยา่ งหนกั ประมาณ ๕ นาที แล้วหยดุ สนทิ
เปน็ นมิ ติ ท่ีเป็นมงคล

เดอื นกนั ยายน พ.ศ. ๒๕๓๔ นมิ ติ เหน็ หลวงปมู่ นั่ มาเดนิ จงกรมใหด้ ู ๓ อริ ยิ าบถ
คือ อริ ยิ าบถที่ ๑ เดนิ แบบชา้ แบบท่ี ๒ เดินแบบธรรมดาไมเ่ รว็ นัก แบบท่ี ๓ เดิน
แบบเรว็ ทงั้ ๓ อริ ยิ าบถนนั้ จติ ใจของหลวงปมู่ น่ั สงบนงิ่ ทกุ อริ ยิ าบถ เราถอื วา่ เปน็ นมิ ติ
ทเี่ ปน็ มงคล

ปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๕ นายบญุ -นางเซยี้ ม เจนจริ วฒั นา และครอบครวั ไดน้ อ้ ม
ถวายทดี่ นิ แห่งนีป้ ระมาณ ๒๐๐ ไร่ ให้เปน็ สมบตั ขิ องพระศาสนา

วนั ท่ี ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๖ มพี ธิ พี ระราชทานเพลงิ ศพหลวงพอ่ ชา หลงั จาก
เสรจ็ สนิ้ งานทวี่ ดั หนองปา่ พง มพี ระเณรขอเขา้ มาอยปู่ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ภิ าวนาในสถานท่ี
แห่งน้ีด้วย เราจึงถามโยมอุปัฏฐากว่าสะดวกไหมในการสร้างกุฎีเพ่ิมเพ่ือพระเณรท่ี
จะเขา้ มาภาวนา ครอบครวั โยมอปุ ฏั ฐากกม็ คี วามยนิ ดที จ่ี ะทำ� กฎุ เี พม่ิ ขนึ้ สำ� หรบั พระเณร
ทจ่ี ะเขา้ มาภาวนา ดงั นนั้ ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ จงึ เรมิ่ มคี วามตง้ั ใจทำ� ทพ่ี กั สงฆแ์ หง่ นเี้ ปน็ ท่ี
ปฏิบตั ธิ รรม

ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ คณุ บญุ -คณุ เซยี้ ม เจนจริ วฒั นา และครอบครวั ไดถ้ วายทด่ี นิ
เพม่ิ เตมิ บรเิ วณทส่ี รา้ งพระอโุ บสถ และโรงครวั หอ้ งนำ้� ในปจั จบุ นั เปน็ เนอื้ ที่ ๔๐ ไร่

133

วนั ที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๐ คุณบุญ เจนจิรวัฒนา เสยี ชวี ิตลง เม่อื อายุ
๖๙ ปี ที่ดินบรเิ วณขา้ งวดั เป็นมรดกยกให้บตุ รชาย คุณสุวัฒน์ เจนจิรวัฒนา ตอ่ มา
คณุ สุวฒั นจ์ ึงถวายทดี่ ินเพิม่ อีก ๒๐ ไร่ รวมท่ดี ินท้งั หมดเวลาน้นั ๒๖๐ ไร่
วนั ท่ี ๒๔ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๔๖ สำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ ประกาศ
ตั้งเป็นวดั ข้ึนในพระพุทธศาสนา มนี ามวา่ “วัดบญุ ญาวาส”
วนั ที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ มหาเถรสมาคมแตง่ ตงั้ ให้ พระอคั รเดช ถริ จติ โฺ ต
อายุ ๔๘ ปี พรรษา ๒๖ ดำ� รงตำ� แหนง่ เจ้าอาวาส วดั บญุ ญาวาส เปน็ รูปแรก
ทด่ี นิ ทสี่ รา้ งวดั ทง้ั หมดน้ี เปน็ ของครอบครวั คณุ บญุ -คณุ เซยี้ ม เจนจริ วฒั นา และ
บตุ ร-ธดิ า ไดร้ ว่ มกนั สรา้ งกศุ ลถวายใหว้ ดั ทงั้ หมด และยงั อปุ ถมั ภว์ ดั ในดา้ นปจั จยั สตี่ าม
กำ� ลังศรทั ธาเท่าที่จะท�ำได้ ซ่งึ เปน็ ครอบครัวท่ีหาได้ยากในปจั จบุ นั
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีพระภิกษุ-สามเณรท่ีมาจากทิศท้ังสี่ ได้เข้ามา
ประพฤตปิ ฏบิ ัติ ณ สถานทแ่ี หง่ น้ีโดยไม่ขาดสาย

134

วดั บญุ ญาวาสแหง่ นเ้ี จรญิ รงุ่ เรอื งมาจนบดั น้ี เพราะ
อาศัยศรัทธาญาติโยมที่มาจากทิศท้ังส่ี ผู้มีจิตศรัทธา
ถวายปจั จยั สี่ และถาวรวัตถุ เพือ่ ทำ� นุบ�ำรงุ และสบื ตอ่
พระศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้
คงอยู่ตลอดไป
เราขอยุติการเขียนเร่ืองเกี่ยวกับประวัติของเราไว้
พอสงั เขปแตเ่ พียงเท่าน้ี

พระอธกิ ารอัครเดช (ตั๋น) ถริ จิตโฺ ต

135



พระธรรมเทศนา

พระถริ จติ โฺ ต  หลวงพอ่ อัครเดช

137

มรรควถิ ี

๑๗ มีนาคม ๒๕๕๖

คนทจ่ี ะบรรลมุ รรคผลในขนั้ เบอ้ื งตน้ น้ี จรงิ ๆ แลว้ ขนั้ ตอนในการบรรลมุ รรคผล
มนั มคี แู่ หง่ บรุ ษุ ๔ คู่ นบั เรยี งตวั บรุ ษุ ได้ ๘ บรุ ษุ คอื โสดามรรค โสดาผล สกทิ าคามมิ รรค
สกิทาคามผิ ล อนาคามมิ รรค อนาคามผิ ล อรหตั ตมรรค อรหัตตผล

ทีนี้ถ้าจะเอาทางไปเพ่ือบรรลุมรรคผล ตั้งแต่เบื้องต้นนี้ อันน้ีอริยมรรคของ
พระโสดาบนั จะเรม่ิ เดนิ ได้ ดำ� เนนิ ทางจติ นะ ไดก้ ต็ อ่ เมอ่ื ถา้ ฆราวาสกต็ อ้ งศลี ๕ เปน็ ปกติ
ถา้ บางคนจะรกั ษาศลี ๘ ก็ได้ ถ้าสามเณรกศ็ ลี ๑๐ พระศลี ๒๒๗ อริยมรรคน้ี
ยงั ไมเ่ ดนิ นะนน่ั มศี ลี กอ่ น อรยิ มรรคนจ้ี ะสมบรู ณไ์ ดก้ ต็ อ่ เมอื่ มศี ลี ๕ เปน็ ปกติ แลว้ กม็ ี
สมาธิ เมือ่ มีศลี ๕ เป็นปกติแลว้ ก็มีสมาธิ คือต้องบำ� เพ็ญสมาธภิ าวนา เดนิ จงกรม
นงั่ สมาธทิ ำ� จติ ใหส้ งบ จะสงบอยา่ งละเอยี ดหรอื วา่ สงบมากสงบนอ้ ยกแ็ ลว้ แต่ อยา่ งนอ้ ย
ตอ้ งมาทรงอยใู่ นอปุ จารสมาธิ อนั ท่ี ๒ มสี มาธใิ นระดบั อปุ จารสมาธิ ทจ่ี ะเหน็ จติ เหน็
อารมณ์ เห็นกิเลสอยา่ งหยาบ กม็ ีความโลภ ความโกรธ ความพอใจ ความไม่พอใจ
ในรูป เสียง กลนิ่ รส สัมผัส อนั นีต้ ้องมสี ติมีปัญญาที่จะเหน็ และมปี ญั ญาทีจ่ ะ
พิจารณาละ

อนั นจ้ี งึ วา่ มศี ลี มสี มาธิ มปี ญั ญา เกดิ ขน้ึ พรอ้ มกนั แลว้ ทรงใหไ้ ด้ ศลี ๕ กต็ อ้ ง
เป็นปกติ สมาธิก็ทรงได้ ทรงในระดับอุปจารสมาธิ และสติปัญญาน้ีต้องพิจารณา

138

อารมณไ์ ด้ มอี ารมณก์ พ็ จิ ารณาละวางได้ ใหใ้ จวางจากอารมณ์ และเมอ่ื วา่ งจากอารมณ์
อันนน้ั มรรคก็ยังไม่เดินนะ

มรรคจะเดินกต็ อ่ เมือ่ มสี ตสิ มาธิเปน็ ฐานของจิต แล้วยกร่างกายขึน้ มาพิจารณา
จะพจิ ารณามรณานสุ ติ หรอื อาการ ๓๒ หรอื อสภุ กรรมฐาน หรอื พจิ ารณาธาตกุ รรมฐาน
กแ็ ลว้ แต่ ใหเ้ หน็ ความไมเ่ ทย่ี ง ความไมใ่ ชต่ วั ตนของกายนี้ ถา้ ใจเหน็ ครง้ั แรก เหน็ ใน
สมาธนิ ะ สตปิ ญั ญาสอนใจในสมาธิ เมอ่ื ใจเหน็ มนั จะเกดิ สลดสงั เวช แลว้ เกดิ ปตี ิ แลว้ เกดิ
การวางความยดึ มน่ั ถอื มน่ั ในกายตนชว่ั คราวเขา้ สคู่ วามสงบ เมอ่ื ใจออกจากอริ ยิ าบถ
นง่ั สมาธิ เดนิ จงกรม จะมสี ตเิ ขม้ แขง็ จติ จะเปน็ อเุ บกขา แลว้ ตอนนจ้ี ะรเู้ ลยวา่ มรรคเรม่ิ
เดนิ แลว้

คอื มศี ลี เปน็ ปกติ มสี มาธเิ ปน็ ทา่ มกลาง มปี ญั ญาเปน็ ทส่ี ดุ แลว้ พจิ ารณาอนั นนั้ ปบ๊ั
เหน็ แลว้ ปลอ่ ยวาง แลว้ จะรแู้ ลว้ วา่ ถา้ เราพจิ ารณาอยา่ งนไ้ี ปเรอื่ ยๆ แลว้ จะทำ� ใหก้ เิ ลส
เบาบางไปจากจติ ใจเราได้ อนั นค้ี อื มรรคของพระโสดามรรคเรม่ิ เดนิ คอื ตอ้ งพจิ ารณา
กายในกายใหเ้ หน็ สักครั้งหนง่ึ ฉะนัน้ บางคนเห็นอาทติ ยห์ นึง่ แลว้ ก็ทิง้ ไว้ไมภ่ าวนา
อกี สองสามเดอื นไมเ่ หน็ อยา่ งนม้ี นั กไ็ มไ่ ด้ มนั ตอ้ งสามารถกำ� หนดไดเ้ รอ่ื ยๆ พจิ ารณา
กายในกายได้เร่ือยๆ ความไม่เท่ยี ง ความไมใ่ ช่ตัวตนน่ี เห็นแล้วปลอ่ ยวางไปเรอ่ื ย
ปลอ่ ยวางชว่ั คราว แลว้ ใจเหน็ เหน็ ในใจน่ี จนอนิ ทรยี บ์ ารมแี กก่ ลา้ เตม็ รอบมนั ถา้ เหน็
ในใจจริงๆ วา่ ร่างกายน้ไี ม่ใชจ่ ิตน้ี จิตนไ้ี ม่ใช่ร่างกายน้ี เมื่อใจปลอ่ ยวางความยึดมนั่
ถอื มน่ั ในกายตนอยา่ งหยาบ นจ่ี ติ กเ็ ปลยี่ นเปน็ พระโสดาผลขน้ึ มา จากอรยิ มรรคของ
โสดามรรคกเ็ ปน็ โสดาผล คอื เปลย่ี นตรงทวี่ า่ ใจเหน็ วา่ รา่ งกายนไี้ มใ่ ชจ่ ติ นี้ จติ นไ้ี มใ่ ช่
ร่างกายน้ี คือใจปลอ่ ยวางแลว้

แลว้ เมอ่ื บรรลโุ สดาผลนี่ ความโลภจะบรรเทาเบาบางลงไป ความอาฆาตพยาบาท
ไม่มี มีแตค่ วามโกรธ ความไม่พอใจ แต่จะละได้เรว็ ความยดึ มน่ั ถอื มน่ั ในตัวตนน้ี
จะละไดเ้ รว็ นอ้ ยลงในขนาดในระดับที่ว่าโรคภยั ไข้เจ็บบังเกิดข้ึน จิตใจไม่หว่นั ไหว
ในระดับนนั้ นะ ร่างกายนจี้ ะแตกสลาย จติ ใจก็ไม่สะดงุ้ กลัว อนั นเี้ รยี กว่าจติ เขา้ สภู่ ูมิ
ของโสดาบันผล นี่โสดาบนั ผลจะปรากฏตรงน้ัน อนั นก้ี ็สบายแลว้ อันนี้ไมม่ ีชาตทิ ี่ ๘

139

เหน็ แตกกอ่ นแตก เหน็ ตายกอ่ นตาย อยา่ งชา้ ไมเ่ กนิ ๗ ชาติ อยา่ งกลางไมเ่ กนิ ๓ ชาติ
อย่างเข้มข้นน้ัน ถ้าร่างกายแตกดับในโสดาบันในชาติน้ี ชาติหน้าเกิดเป็นมนุษย์น่ี
ถา้ เขม้ ขน้ นะ กท็ ำ� ใหแ้ จง้ ซง่ึ พระนพิ พานไดใ้ นชาตติ อ่ ไป อนั นห้ี มายถงึ คณุ สมบตั ขิ อง
พระโสดาบันผล

สว่ นพระสกทิ าคามมิ รรคน่ี กต็ อ้ งบำ� เพญ็ ศลี ตอ่ ไป ศลี ถา้ ฆราวาสกศ็ ลี ๕ สมาธนิ ี้
จะละเอยี ดขน้ึ เพราะวา่ อารมณม์ นั นอ้ ยลง อารมณภ์ ายในใจมนั นอ้ ยลง การบำ� เพญ็ สมาธนิ ้ี
หมายถึงเขาตอ้ งท�ำต่อเนื่องนะ ทำ� ตอ่ เนื่องทุกๆ วนั สมาธิทรงตัว สมาธิละเอียดข้นึ
สตปิ ญั ญากล็ ะเอยี ด มอี ารมณค์ วามโลภกล็ ะไดเ้ รว็ มอี ารมณค์ วามไมพ่ อใจกล็ ะไดเ้ รว็
และจติ วา่ งจากอารมณ์ กพ็ จิ ารณากายในกายอกี จะพจิ ารณามรณานสุ ติ หรอื อาการ ๓๒
กพ็ จิ ารณาเหน็ ความไมเ่ ทยี่ ง ความไมม่ ตี วั ตนไดง้ า่ ย พจิ ารณาไปเรอื่ ยๆ พจิ ารณาแลว้
กพ็ กั จติ ในความสงบ หรอื วา่ บางคนพจิ ารณาวนั น้ี พรงุ่ นไี้ มอ่ ยากพจิ ารณา มสี ติ มสี มาธิ
มจี ติ เปน็ อเุ บกขากไ็ ด้ พจิ ารณามะรนื นก้ี ไ็ ด้ แตถ่ า้ อยากพจิ ารณาพรงุ่ นอี้ กี กพ็ จิ ารณา
ได้อกี อย่างน้อยวันละครัง้ แต่บางคนเขาพิจารณาครัง้ หน่งึ น่ี เช่น พิจารณาวันนี้
จติ สงบแลว้ ใชส้ ตปิ ญั ญาพจิ ารณากายในกายน้ี จะพจิ ารณาอาการ ๓๒ กด็ ี เหน็ ความ
เสื่อมความไมเ่ ท่ียง จะพจิ ารณาอสภุ กรรมฐานกด็ ี เหน็ ความเสือ่ มความไม่เท่ยี งปับ๊
จติ เขา้ ลงไปสอู่ เุ บกขา พอถอนออกมาปบ๊ั บางทมี ที รงสติ สมาธิ ปญั ญา ไว้ ๓ วนั ๗ วนั
คอื ไมอ่ ยากพจิ ารณา อนั นกี้ ไ็ ด้ อนั นไี้ มต่ อ้ งพจิ ารณา แตต่ อ้ งรตู้ วั เองวา่ ถา้ เมอื่ ไหรอ่ ยาก
พิจารณา ก็พิจารณาต่อไปอีก

อนั นมี้ รรคจะเดนิ ไปอยา่ งนี้ จะเดนิ ไปเรอื่ ย สกทิ าคามมิ รรคเขากจ็ ะเดนิ ไปเหมอื น
โสดามรรคน่ี แตล่ ะเอยี ดขน้ึ ศลี เปน็ ปกตเิ ลย ศลี ๕ นเี้ ปน็ ปกตเิ ลย ไมม่ เี จตนาทจ่ี ะลว่ ง
ละเมดิ ศลี สมาธจิ ะเรมิ่ ทรงตวั ดขี น้ึ สตปิ ญั ญากค็ มขนึ้ พจิ ารณากายในกายกล็ ะเอยี ดขนึ้
จะพจิ ารณาอาการ ๓๒ ใหเ้ หน็ เป็นปฏกิ ลู ก็ได้ พิจารณาอสุภกรรมฐานใหเ้ ห็นความ
เสอ่ื มความไมเ่ ทย่ี งกไ็ ด้ จะแยกแยะพจิ ารณาธาตกุ รรมฐานกไ็ ดน้ ถ้ี า้ พจิ ารณาอยบู่ อ่ ยๆ
เมื่อมีอารมณ์ก็พิจารณาอารมณ์ปล่อยวาง เม่ือจิตว่างจากอารมณ์ก็พิจารณาร่างกาย
พิจารณาบ่อยๆ จนมันเต็มรอบของมัน อินทรีย์บารมีแก่กล้าเต็มรอบ หรือเรียก

140

มรรคสมังคีรวมตัว จริงๆ มันเห็นแค่ขณะจิตเดียวนะ เห็นในจิตว่ากายน้ีไม่เท่ียง
ไมใ่ ชต่ วั ตน พจิ ารณาอสภุ กรรมฐาน ใหเ้ หน็ ความไมเ่ ทย่ี งความเสอื่ มไป หรอื วา่ พจิ ารณา
ส่วนใดส่วนหน่ึงของร่างกายให้เห็นความไม่เท่ียงความไม่ใช่ตัวตนน้ี เมื่อมันเต็ม
รอบมนั เหน็ ในใจปบ๊ั ขณะจติ เดยี วนะ มนั ปลอ่ ยวางปบุ๊ จติ มนั ละความยดึ มน่ั ถอื มน่ั
ในกายตนอย่างกลางได้ อย่างกลางได้อันน้ีก็เปลี่ยนจาก สกิทาคามิมรรค เป็น
สกทิ าคามผิ ล คทู่ ่ี ๒ เปน็ สกทิ าคามผิ ลปรากฏขน้ึ ตรงนที้ ำ� ใหค้ วามโลภบรรเทาเบาบาง
ลงไป ทำ� ใหค้ วามโกรธความไมพ่ อใจนอ้ ยลงไปอกี ความยดึ มน่ั ถอื มนั่ ในตวั ตนกน็ อ้ ยลง
ไปอีก

ทนี กี้ ารบำ� เพญ็ อนาคามมิ รรค น้ี ตอ้ งเปลย่ี นแลว้ ถา้ ฆราวาส ศลี ๕ ตอ้ งเปลยี่ น
เป็นศลี ๘ ก�ำลงั ของศลี ๕ ไปไมไ่ ด้ ต้องประพฤตพิ รหมจรรย์ เพราะตรงนี้ต้อง
ตดั กเิ ลส กเิ ลสทลี่ ะเอยี ดของการพจิ ารณากาย ตอ้ งชกั สะพานไมย่ งุ่ เกยี่ ว ตอ้ งประพฤติ
พรหมจรรย์ ถา้ เรารกั ษาศลี ๕ อยู่ ถา้ จะดำ� เนินจิตเป็นอนาคามิมรรคนี่ ตอ้ งเปลี่ยน
จากศลี ๕ เปน็ ศลี ๘ สว่ นสามเณรกท็ รงศลี ๑๐ ไว้ พระกศ็ ลี ๒๒๗ ไวเ้ ปน็ ปกตแิ ลว้
เมอื่ เปลยี่ นเปน็ ศลี ๘ แลว้ สมาธจิ ะละเอยี ดขน้ึ เพราะอารมณม์ นั นอ้ ยมากเลย บางที
อารมณ์จริงๆ แลว้ ความโลภมนั แทบไม่ต้องการอะไร เพราะว่าตอ้ งการแต่รู้ธรรม
เห็นธรรม แล้วย่ิงถ้าเป็นพระสงฆ์นี่ วัตถุธาตุในโลกท้ังหลายก็ไม่ค่อยปรารถนา
เพราะวา่ ทา่ นสละมาแลว้ แลว้ เรอ่ื งกเิ ลสกจ็ ะไปออกทางเรอื่ งปจั จยั ๔ จวี ร บณิ ฑบาต
เสนาสนะ ยารักษาโรค ก็มีแค่น้ันแหละ ทา่ นก็พิจารณาโดยแยบคายแล้วปล่อยวาง
อารมณค์ วามโกรธนม้ี นั กระเพอ่ื มขน้ึ มาปบ๊ั สตปิ ญั ญามนั เหน็ ปบ๊ั กล็ ะวางไดง้ า่ ย อารมณ์
มนั กระเพ่อื มนิดเดียว สตปิ ัญญามันเหน็ มันคม มนั ก็ละวางไดง้ ่าย เรอื่ งอารมณน์ ะ
ความพอใจไมพ่ อใจในรปู เสยี ง กลน่ิ รส สมั ผสั มนั นอ้ ย นอ้ ยเพราะมนั ฝกึ ซอ้ มพจิ ารณา
ตง้ั แตม่ รรคโสดาบนั แลว้ โสดามรรค พจิ ารณามาเรอ่ื ย ฉะนน้ั อารมณม์ นั กระเพอ่ื มขนึ้
สตปิ ญั ญามนั เหน็ ปบ๊ั มนั กต็ ดั ขาด ขาด ขาด เมอื่ จติ วา่ งจากอารมณ์ พจิ ารณากายในกายน้ี
ตอ้ งละเอยี ดแลว้ พจิ ารณาอสภุ กรรมฐานเขา้ ไปสคู่ วามวา่ ง พจิ ารณาธาตกุ รรมฐานไปสู่
ความวา่ ง พิจารณาว่างเรอ่ื ยๆ ว่างเรอ่ื ยๆ

141

ทีน้ีถ้าเร่ิมการพิจารณากาย ย้อนมาต้ังแต่ทีแรก ถ้าพระโสดาบันพิจารณาแค่
มรณานสุ ตหิ รืออาการ ๓๒ ก็ได้ ถ้าละเอียดข้ึนไป มรรคของสกทิ าคามมิ รรค ก็เริ่ม
อสภุ กรรมฐาน ธาตกุ รรมฐาน ละเอยี ดขนึ้ ไป ซำ้� ๆ ซากๆ เขา้ ไป ถา้ มรรคของอนาคามมิ รรค
กจ็ ะพจิ ารณาอสุภกรรมฐานก็ดี ธาตุกรรมฐานกด็ ี เขา้ ไปสู่ความวา่ งเลย พิจารณาจน
ใจวา่ งจากการยดึ มัน่ ถือมน่ั ในกายตน พจิ ารณาใหว้ า่ งไปเรอ่ื ยๆ พิจารณากายปบ๊ั ว่าง
แลว้ มนั คลอ่ ง เพราะวา่ คลอ่ งมาตงั้ แตข่ น้ั ๑ ขนั้ ๒ พอขนั้ ๓ ปบ๊ั พจิ ารณากายในกาย
มนั คลอ่ งหมดเลย กำ� หนดอสภุ ะปบ๊ั ทะลไุ ปเลย กำ� หนดพจิ ารณาธาตปุ บ๊ั แตกกระจาย
ไปเลย มนั จะคลอ่ งมากเลย คลอ่ งมากไปเรอื่ ยๆ กำ� หนดไดเ้ รอื่ ยๆ ทนี ถ้ี า้ สตปิ ญั ญาคม
พิจารณาอยู่ประจ�ำน่ี มันจะมีความช�ำนาญมาก จะพิจารณาเมื่อไหร่ก็ได้ หลับตา
ก็พิจารณาได้ ลืมตาเห็นใครก็พิจารณาได้ แล้วแต่อุปนิสัยวาสนาของแต่ละบุคคล
อยา่ งบางทา่ นมองเหน็ คนกแ็ ตกเลย จะกำ� หนดกายนด่ี ว้ ยความชำ� นาญของการพจิ ารณา
อสุภะ กำ� หนดมาดกู ายก็แตกสลายไปเลยอยา่ งนี้ ถา้ กำ� หนดไปดหู นงั อยา่ งนี้ บางที
กท็ ะลไุ ปเลย มดุ เขา้ ไปในหนงั เน้ือ เอ็น กระดกู เขา้ ไปในโพรงกระดูกออกมาเลย
มนั เปน็ สภาวธรรมปรากฏขน้ึ ใหเ้ หน็ แลว้ สดุ ทา้ ยแลว้ นเ่ี หน็ เปน็ รา่ งกายปกติ สมมตุ วิ า่
หนงั นกี่ ไ็ มต่ อ้ งพจิ ารณาตอ่ เลย ตาเหน็ หนงั ปบ๊ั รู้ มนั สกปรกเลย รใู้ นใจเลย แตก่ อ่ นตอ้ ง
เปลย่ี นลอกหนงั ออก พจิ ารณาใหม้ นั ละเอยี ดเขา้ ไป พอจติ มนั ถอนออกมาเรอื่ ยๆ ปบ๊ั
เหน็ หนงั กร็ ู้ ความรมู้ นั จะปรากฏขนึ้ รเู้ ลยวา่ มนั ประกอบดว้ ยธาตดุ นิ ธาตนุ ำ้� ธาตลุ ม
ธาตไุ ฟ แตไ่ มต่ อ้ งคดิ ไมต่ อ้ งอธบิ าย มนั รไู้ ปหมดเลย พอกำ� หนดดหู นงั กำ� หนดรปู้ บ๊ั
มนั จะทะลไุ ปหมดเลย จะเหน็ วา่ มนั ไมม่ อี ะไร เปน็ แตเ่ พยี งธาตธุ รรมชาติ และความเหน็
มนั จะเปล่ียนไปเรอ่ื ยๆ เห็นไปเร่อื ยๆ จนเหน็ ชดั

มนั ก็จะเห็นว่ากายที่ผา่ นพ้นมามนั ก็ไมเ่ ทย่ี ง กายที่จะแปรเปลย่ี นไปในอนาคต
มนั กไ็ มเ่ ทยี่ ง แลว้ มนั จะยอ้ นกลบั มาเหน็ กายในกายปจั จบุ นั กไ็ มเ่ ทย่ี ง ถา้ อนิ ทรยี บ์ ารมี
แกก่ ลา้ แลว้ เตม็ รอบของเขานะ เรยี กมรรคสมงั คปี รากฏ นขี่ ณะจติ เดยี วทใี่ จพจิ ารณา
กายในกาย ครงั้ สดุ ทา้ ยปบ๊ั ถา้ เหน็ ในจติ ลงไปพจิ ารณากาย ทะลไุ ปสคู่ วามวา่ งลงไปปบ๊ั
หลดุ ไปเลยนะ มนั จะเห็น เหน็ ในจติ วา่ กายน้ีไมเ่ ทย่ี ง ไม่ใชต่ ัวตน แลว้ มันปลอ่ ยวาง
กเิ ลสอยา่ งละเอยี ดของเรอ่ื งการพจิ ารณากายปบ๊ั วางสนทิ เมอื่ วางสนทิ ปบ๊ั จติ มนั กด็ บั

142

ความโลภ ดบั ความโกรธ ดบั ความยนิ ดใี นกามทงั้ หลาย ดบั สนทิ คอื วา่ วางการพจิ ารณา
แลว้ ทนี ม้ี นั กห็ ยดุ การพจิ ารณากายเลย หมดหนา้ ทข่ี องการพจิ ารณา เพราะวา่ มนั ไมร่ ู้
จะพจิ ารณาอะไรอกี แลว้ มนั เขา้ ใจหมดแลว้ ในเรอ่ื งรา่ งกาย อนั นผี้ ทู้ ผี่ า่ นทางน้ี เขาสมมตุ ิ
วา่ เป็น อนาคามผิ ล จากมรรคเปล่ยี นเป็นผล ทีนี้ความโลภดบั ลง ความโกรธดับลง
ความยนิ ดใี นกามทง้ั หลายดบั ลง เพราะความยดึ มน่ั ถอื มนั่ ในตวั ตนไมม่ ี ทนี จี้ ติ มนั ก็
เดนิ ไปทา่ มกลางความสงบเยอื กเยน็

มนั เดนิ ไปในทา่ มกลางความสงบเยอื กเยน็ อนั นผี้ บู้ รรลมุ รรคผลในขนั้ นใี้ หมๆ่
ใจสงบเยือกเย็นเหมือนไม่มีกิเลสเพราะว่าจิตมันว่าง ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น
ในวัตถุธาตุทั้งหลาย ว่างจากความยึดม่ันถือม่ันในกายตนและในกายของคนอื่น
จติ มนั วา่ งเหมอื นไมม่ กี เิ ลส แตม่ นั กร็ วู้ า่ ยงั ไมถ่ งึ ทสี่ ดุ เพราะวา่ มนั ยงั มคี วามหลงสว่ น
ละเอียดอยู่ แต่มันหากิเลสไม่เจอ เพราะจิตมันละเอียด มันเหมือนไม่มีกิเลส
เพราะมันแทบไม่มีความทุกข์นะ ทุกข์จากความโลภไม่มี ทุกข์จากความโกรธไม่มี
ทกุ ขจ์ ากความยนิ ดีพอใจไมม่ ี มนั กไ็ มร่ ้จู ะทกุ ขจ์ ากอะไร แตใ่ จท่ีวา่ งน่ี ครบู าอาจารย์
วา่ มันมองอะไรไปว่างหมด มองคนทะลุไปหมด มนั กเ็ ห็นสักแตว่ ่าวัตถสุ ่งิ ของต่างๆ
ก็วางหมด จึงบอกว่า บางท่านว่า แผ่นดินทั้งหลายในโลกน้ีเป็นทองค�ำท้ังหมด
ก็ยังสักแต่ว่าเป็นธาตุธรรมชาติ เป็นเพชรทั้งหมด ก็ยังสักแต่ว่าเป็นธาตุธรรมชาติ
ไมต่ า่ งจากกอ้ นหนิ กอ้ นกรวดกอ้ นทราย มนั เปน็ แบบนนั้ แลว้ จติ ใจสงบเยอื กเยน็ มาก
ทงั้ วันท้ังคนื

จรงิ ๆ แลว้ การพบความสขุ ทแ่ี ทจ้ รงิ พบตง้ั แตโ่ สดาบนั แลว้ แตม่ นั กพ็ บความสขุ
ที่แท้จริงก็ละเอียดขึ้นไป พออนาคามิผลมันสุขสงบเยือกเย็นมาก บางทีเยือกเย็น
ในฌานสมาธิสมาบตั ิอะไรตา่ งๆ มนั สงบเยอื กเย็น มันไมม่ ีกเิ ลสโผล่ออกมา เพราะ
ไม่เห็นกิเลส เป้านิ่งน่ีตอนข้ันตอนที่เราพิจารณากายหยาบ หลับตาก็มองเห็นกาย
ลืมตาก็เห็นกาย มันพิจารณาได้ จะพิจารณาเม่ือไหร่ก็ได้ แต่เรื่องกิเลสในจิตท่ี
ความหลงสว่ นละเอยี ด มนั พจิ ารณาไมไ่ ด้ มนั ไมเ่ หน็ เหมอื นมนษุ ยล์ อ่ งหนแลว้ มาปบ๊ั
ก็หายไป ถ้าเป็นเรือรบน่ี ข้าศึกเรือศัตรูมาหรือเครื่องบินมา ก็จะเห็นในจอเรดาร์

143


Click to View FlipBook Version