The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-06-08 21:34:32

หนังสือ ธัมโม ปทีโป

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

อุบายร้ือถอนกิเลสไม่ขาดวรรคขาดตอน
และเรื่องของสติเป็นเรื่องส�ำคัญเป็นพิเศษ
เพราะถ้าไม่มีสติเป็นร้ัวก้ันไว้ทุกระยะแล้ว
แมป้ ญั ญากจ็ ะกลายเปน็ สญั ญาโดยไมร่ สู้ กึ ตวั
ฉะน้ันสติจึงเป็นธรรมมีน้�ำหนักท่ีจะท�ำ
ปัญญาให้มีความฉลาดได้โดยราบรื่นด้วย
อ�ำนาจของสติเป็นฝั่งเหมือนฝั่งแม่น้�ำไม่ให้
ปญั ญาเลยเถิด

ปัญญาเลยเถิดโดยมากมันเลยไปเป็น
สัญญา ถา้ ปัญญาจรงิ ๆ แลว้ จะไม่เลยเถดิ
เพราะมีสติก�ำกับอยู่แล้ว การใช้ปัญญา
ก�ำหนดเข้าส่ภู ายในกายน้ี จะเปน็ เรื่องอะไร
สะดดุ ใจทกุ ๆ ระยะ จะเปน็ เรอื่ ง อนจิ จงั กด็ ี

100 ธัมโม ปทโี ป

ทุกขัง ก็ดี อนัตตา ก็ดี ต้องปรากฏข้ึน
ไตรลักษณ์ใดไตรลักษณ์หน่ึงแน่ๆ เพราะ
สภาพคอื กายเปน็ ตน้ มอี ยตู่ ลอดกาล เมอ่ื สติ
กับปญั ญาได้หยงั่ ลงสทู่ ่ีนแี่ ลว้ จะกลายเปน็
ปจั จบุ นั จติ ปจั จบุ นั ธรรมขน้ึ มา โปรดทราบวา่
ธรรมท้ังหลายจะไม่ปรากฏข้ึนเพราะเร่ือง
อดตี อนาคต แตจ่ ะปรากฏขนึ้ เพราะเหตแุ หง่
ปัจจุบนั เทา่ น้นั แมเ้ ราจะพิจารณาเร่ืองอดีต
อนาคต กต็ อ้ งยอ้ นเขา้ สวู่ งปจั จบุ นั จงึ จะสำ� เรจ็
ประโยชน์

เชน่ เราเหน็ เขาตาย นอ้ มเข้าสู่ตวั เราว่า
เรากต็ อ้ งตายเหมอื นกนั ดงั นเี้ ปน็ ตน้ เมอื่ คำ� วา่
เราเกิดเทา่ นน้ั กว็ งิ่ เข้าถึงตวั และปรากฏเปน็

หลวงตามหาบวั ญาณสัมปนั โน 101

ปัจจบุ นั ข้ึนมา เร่ืองอดตี อนาคตจะให้ส�ำเร็จ
ประโยชน์ต้องน้อมเข้าสู่ปัจจุบันเสมอ เช่น
วานนเี้ ขาตาย วนั นห้ี รอื พรงุ่ น้ี ‘เรา’ จะตอ้ งตาย
เชน่ เดยี วกนั นค่ี ำ� วา่ ‘เรา’ ทงั้ นน้ั กเ็ ขา้ ถงึ ปจั จบุ นั
ทันที เรื่องข้างนอกต้องน้อมเข้าสู่ข้างใน
เรอ่ื งขา้ งหนา้ ขา้ งหลงั ตอ้ งนอ้ มเขา้ สปู่ จั จบุ นั
จงึ จะสำ� เรจ็ ประโยชน์

เมอ่ื ไตรต่ รองดสู ภาวธรรมทม่ี อี ยรู่ อบตวั
ของเรา มกี ายเปน็ ตน้ โดยมสี ตแิ ละปญั ญา
อยู่เสมอ ถึงอย่างไรก็ไม่พ้นมือ ต้องรู้เห็น
ประจกั ษใ์ จขนึ้ มา และการพจิ ารณาสภาวธรรม
มีกายเป็นต้น พึงแยกส่วนแบ่งส่วน และ
ตรองดูด้วยปญั ญาจนชัดเจน อย่าปล่อยให้

102 ธมั โม ปทโี ป

สัญญาฉุดลากหนีจากหลักธรรมท่ีตนก�ำลัง
พิจารณา เว้นไว้แต่จะใช้สัญญาเพ่ือเป็น
เส้นบรรทัดให้ปัญญาเดินตามในเวลาก�ำลัง
ปญั ญามไี มเ่ พยี งพอต่อการพิจารณาเท่าน้นั

จงทำ� สตใิ หเ้ ปน็ รว้ั กน้ั ดว้ ยดี จะรเู้ หน็ ใน
สงิ่ ไมเ่ คยรเู้ คยเหน็ ประจกั ษใ์ จ เพราะสภาว-
ธรรมมอี ยู่แล้วอยา่ งสมบรู ณ์ อนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา เราไม่ต้องไปแสวงหาจากที่ไหน
เป็นธรรมมีเต็มอยู่ในกายในจิตอย่าง
สมบูรณ์ตลอดกาล นอกจากสติกับปัญญา
ไม่สามารถจะขุดค้นสิ่งท่ีมีอยู่ให้ปรากฏ
ขนึ้ มาเปน็ สมบตั ิของตนได้เท่าน้ัน

หลวงตามหาบวั ญาณสัมปนั โน 103

แต่ถ้าเราตั้งความสังเกตพิจารณาทั้งวัน
ทั้งคืน วันหนึ่งคืนหนึ่งก่ีรอบก่ีเที่ยวไม่ต้อง
ถือเป็นอารมณ์ โดยถอื เอาความชำ� นาญและ
คลอ่ งแคลว่ ทางปญั ญาเปน็ สำ� คญั ความมสี ติ
ตดิ เปน็ พดื อยใู่ นปจั จบุ นั และความมปี ญั ญา
กระจายอยรู่ อบตวั ความเคลอื่ นไหวจะสง่ ไป
ที่ไหน สติกับปัญญาว่ิงตามอยู่รอบตัว
ส่ิงท่ีเป็นข้าศึกจะทนต่อสติปัญญาซ่ึงเราเคย
ฝึกฝนจนเพียงพอไดอ้ ยา่ งไรเล่า

อนึง่ เร่อื งความฟ้งุ ซ่านวุ่นวายเหล่านนั้
เราไมไ่ ดต้ ง้ั เจตจำ� นงจะสง่ เสรมิ เขา สว่ นธรรม
เคร่ืองระงับส่ิงเหล่าน้ัน เราพยายามฝึก
อยู่ตลอดเวลาเพื่อทันกับความเคล่ือนไหว

104 ธัมโม ปทีโป

แห่งกองโจรซ่ึงคอยดักปล้นเราอยู่ทุกขณะ
เราต้องใช้แบบบังคับโดยท�ำนองที่กล่าวน้ี
อาการทกุ สว่ นในรา่ งกายจงแยกออกดใู หช้ ดั
ตง้ั แตข่ า้ งนอกเขา้ สขู่ า้ งใน หรอื แยกแตข่ า้ งใน
ออกมาข้างนอก ดถู อยหน้าถอยหลัง ดูขึ้น
ดูลง และแยกส่วนแบ่งส่วนเป็นช้ินเป็นอัน
จะก�ำหนดไฟเผาให้ไหม้เป็นจุณวิจุณลงไป
หรอื จะกำ� หนดใหแ้ ตกกระจดั กระจายลงโดย
วิธีใดแล้วแต่ความถนัดของเรา จัดว่าเป็น
เรื่องของปัญญาหาความแยบคายใส่ตน
ทง้ั น้ัน เม่ือพอแกค่ วามตอ้ งการแลว้ เราจะ
รู้เท่าทันสิ่งเหล่านี้ และประจักษ์กับใจโดย
ไม่ต้องไปถามใครๆ ท้งั นนั้

หลวงตามหาบัว ญาณสมั ปันโน 105

การพิจารณากายจนรู้ชัดเห็นชัดเท่าไร
เร่ืองเวทนา จติ ธรรม หรอื เวทนา สัญญา
สังขาร และวญิ ญาณ กต็ ้องชดั ไปตามๆ กัน
เพราะสิ่งเหล่าน้ีเป็นหินลับสติกับปัญญาให้
คมกลา้ ขน้ึ เป็นลำ� ดับ เหมอื นวดิ นำ้� ออกจาก
บอ่ ปลา วดิ นำ�้ ออกมากเทา่ ไรกย็ ง่ิ เหน็ ตวั ปลา
ชัดข้ึนทุกที หรือเราถางป่าที่รกชัฏ ถางให้
เตยี นเทา่ ไรกย็ ง่ิ เหน็ สถานทน่ี นั้ ชดั สงิ่ ทกี่ ลา่ ว
เหล่าน้ีแลเป็นเครื่องปกคลุมจิตใจของเรา
จนไม่สามารถจะรู้กระแสของใจท่ีส่งออก
สู่อารมณ์ต่างๆ ได้ชัดเจน เม่ือใช้ปัญญา
ไตร่ตรองอยู่เช่นน้ี ความเด่นแห่งกระแส
ของใจ ความกระเพ่ือมของใจท่ีแสดงออก
ทกุ ๆ ขณะกร็ ชู้ ดั และความเดน่ ของใจกจ็ ะรู้

106 ธัมโม ปทีโป

เช่นเดียวกัน เพราะสติแก่กล้าปัญญาก็
รวดเรว็ ความกระเพอ่ื มของจติ พอแสดงออก
สตกิ บั ปญั ญาซงึ่ มอี ยใู่ นสถานทแี่ หง่ เดยี วกนั
กจ็ ะตามรู้และแกไ้ ขกนั ได้ทนั ทว่ งที

แต่พึงทราบว่า การพิจารณาขันธ์ ๕
สตปิ ฏั ฐาน ๔ ไมไ่ ดห้ มายจะถอื เอาสง่ิ เหลา่ นี้
เปน็ มรรค ผล นิพพาน แตเ่ ปน็ วิธรี ือ้ ถอน
สิ่งเหล่านี้ออกเพ่ือเห็นธรรมชาติท่ีว่าตัวปลา
คืออะไรแน่เท่านั้น ค�ำว่าปลาเทียบกับใจ
ท่ี ท ร ง ไ ว ้ ซึ่ ง ค ว า ม เ ศ ร ้ า ห ม อ ง ทั้ ง ห ล า ย
ใครพิจารณามากเท่าไร วันหน่ึงกี่เที่ยว
หรือก่ีรอบไม่ต้องนับ ถือเอาความช�ำนาญ
คล่องแคล่วต่อการพิจารณาเป็นหลักส�ำคัญ

หลวงตามหาบวั ญาณสัมปนั โน 107

ใครพิจารณาได้มากและช�ำนาญเท่าไร
ความแยบคายของปัญญาท่ีแพรวพราวต่อ
ตนเองและสภาวธรรมทว่ั ๆ ไป ก็ย่ิงทวคี ูณ
ไมม่ ที ส่ี นิ้ สดุ จนมคี วามรคู้ วามสามารถปฏเิ สธ
ในสภาวธรรมท่ีเคยพิจารณามาเป็นช้ันๆ
นับแต่รูป เสียง กล่ิน รส เครื่องสัมผัส
ทวั่ ท้ังโลกธาตุ ย้อนเข้ามาสกู่ องรูป เวทนา
สัญญา สังขาร วิญญาณ ของตนว่าไม่ใช่
กเิ ลสตณั หาอาสวะแตอ่ ยา่ งใด มเี รอ่ื งของใจ
ดวงเดียวเท่านั้นเป็นกิเลสอาสวะเคร่ือง
ผกู มดั ตนเองโดยตรง ไม่มอี ะไรจะมีอำ� นาจ
เออื้ มเขา้ มาผกู มดั จติ ใจ นอกจากใจทที่ รงไว้
ซง่ึ ความโงต่ อ่ ตนเอง แสวงหาบว่ งมาสวมคอ
ตัวเองและก่อไฟกองลุ่มหลงขึ้นเผาตัวเอง

108 ธัมโม ปทีโป

เปล่าๆ เท่านั้น ไม่เหน็ มรี อ่ งรอยแห่งขา้ ศกึ
จะมาจากทไ่ี หน

เรื่องท้ังนี้เทียบกับมีดพร้าซึ่งเป็น
เครอื่ งมอื ทำ� ประโยชนข์ องคนฉลาด แตค่ นโง่
กลบั ไปควา้ เอาสงิ่ เหลา่ นม้ี าประหารตนใหไ้ ด้
รับความทุกข์ถึงตายแบบโมฆบุรุษ แล้วจะ
หาว่ามีดพร้าเป็นข้าศึกต่อตนเองอย่างน้ี
มตี วั อยา่ งทไี่ หน สภาวธรรมทวั่ ๆ ไป เชน่ เดยี ว
กบั เครอื่ งมอื ทำ� ประโยชน์ แตโ่ มฆบรุ ษุ ไปควา้
มาจองจำ� ตวั เองแลว้ กลบั ตำ� หนวิ า่ สภาวะทว่ั
โลกรวมหวั กนั มาทำ� รา้ ยตวั เองอยา่ งนี้ ใครจะ
เปน็ ผ้ตู ัดสนิ เพราะเจ้าตัวได้ประหารตัวเอง
จนถึงตายแลว้ ตดั สินเครอ่ื งมือให้เป็นฝา่ ย

หลวงตามหาบวั ญาณสมั ปันโน 109

แพ้ความต่อผู้ชนะที่ตายไปแล้ว จะได้อะไร
มาเป็นเคร่ืองเสริมเกยี รตใิ ห้สมใจเล่า

เร่ืองใจหลงตัวเองและหลงเรื่องของตัว
มลี กั ษณะเชน่ น้ี ฉะนน้ั เมอื่ ปญั ญาหยงั่ ทราบ
ในสภาวธรรมมีกายเป็นต้นแล้ว จะต้อง
หยง่ั ทราบถงึ จดุ แหง่ เหตนุ ้นั เร่อื งของจิตจะ
มีกระแสส่งไปหนักเบามากน้อยในทางใด
และในอารมณ์อันใดก็จะรู้ชัดด้วยปัญญา
ส่ิงท้ังหลายท่ีเคยถือว่าเป็นข้าศึก ก็จะกลับ
ปฏเิ สธ เพราะอำ� นาจของปญั ญาทไ่ี ตรต่ รองดู
สาเหตุโดยละเอียดถูกต้องแล้ว ในขณะ
เดียวกันก็จะกลับต�ำหนิความรู้ซึ่งมีอยู่
ภายในว่าเปน็ ข้าศกึ ตอ่ ตนเอง เพราะอ�ำนาจ

110 ธัมโม ปทีโป

ของปญั ญาทเี่ หน็ ชดั และปลอ่ ยวางเขา้ มาเปน็
ชนั้ ๆ ซ่ึงจะทนถือไว้ไม่ได้ ดงั นัน้ ความรชู้ ัด
เห็นชัดโดยทางปัญญาจึงต้องปฏิเสธ และ
ปลอ่ ยวางเปน็ ระยะ นบั แตร่ ปู เสยี ง เปน็ ตน้
จนถึงรปู เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ
ไมม่ ีเหลอื อยู่ภายในใจ

แม้ธรรมชาติที่รู้ๆ ซ่ึงแต่ก่อนเรา
ไม่สามารถจะรู้เห็นได้ว่าเป็นตัวโทษหรือ
ตัวคุณ เราจึงมัวแต่ไปต�ำหนิสิ่งท้ังหลาย
ทวั่ ทง้ั โลกธาตุ วา่ เปน็ ของดบี า้ งชวั่ บา้ ง นา่ นยิ ม
ชมชอบบา้ ง น่าเกลียดบ้าง น่ารกั นา่ ชงั บ้าง
นา่ อศั จรรยจ์ นตวั ลอยไปตามบา้ ง และนา่ เบอ่ื
จนเกิดความทุกข์ร้อนนอนไม่หลับเพราะ

หลวงตามหาบวั ญาณสมั ปนั โน 111

ความเบอ่ื นน้ั บา้ ง สรปุ ความลงใหย้ นิ ดยี นิ รา้ ย
เป็นทุกข์เป็นร้อนไม่มีสิ้นสุดโดยไม่รู้สึกตัว
อะไรเป็นตัวเหตุส�ำคัญท่ีท�ำใจให้เป็นกงจักร
หมุนรอบตัว และก่อไฟราคะ ไฟโทสะ
ไฟโมหะ เผาตวั อยตู่ ลอดกาล เมอ่ื ปญั ญาได้
ไตร่ตรองดจู นแจ้งชดั แลว้ สภาวะทัว่ ๆ ไป
ท้ังภายในภายนอกย่อมมีลักษณะเช่น
เดยี วกนั หมด ไม่ปรากฏวา่ ส่ิงท้งั นเ้ี ป็นข้าศกึ
ตอ่ ผู้ใด จะเหน็ ตัวโทษมอี ย่เู ฉพาะธรรมชาติ
ท่ีรู้ๆ ในขณะปัญญาน�ำสิ่งปกคลุมออก
หมดแลว้ คราวนผี้ รู้ จู้ ะไหวตวั หรอื กระเพอ่ื ม
แผลบ็ ก็รู้ทนั ทีว่าตัวกงจกั รแสดงตน เป็นตัว
ก่อเหตุ เป็นตัวสง่ั สมทกุ ขท์ งั้ มวล และเป็น

112 ธัมโม ปทีโป

ตวั สมุทยั โดยตรง นอกจากธรรมชาตนิ ้แี ล้ว
ไมม่ ีอะไรเป็นตวั สมุทยั ในโลก

มาถงึ ขนั้ นแี้ ลว้ มคี วามรอู้ นั เดยี วเทา่ นนั้
เป็นตัวสมุทัยหมดทั้งดวง เมื่อประจักษ์ใจ
ดว้ ยปญั ญาถงึ ขนาดนแ้ี ลว้ ใครจะยอมถอื ตวั
ผรู้ ซู้ งึ่ เปน็ กงจกั รนว้ี า่ เปน็ ตนเลา่ นค่ี อื ปญั ญา
ข้ันละเอียดและปัญญาอัตโนมัติในหลัก
ธรรมชาติ ซึ่งอบรมมาจากการกดข่ีบังคบั ใน
เบอ้ื งตน้ ผลจงึ ปรากฏเปน็ ความฉลาดพอตวั
แม้จะให้นามว่าข้ันมหาปัญญาก็ไม่ผิด
นอกจากรู้วัฏจิตอันเป็นตัวสมุทัย แล้วยัง
พิจารณาย้อนเข้าไปว่า เป็นเพราะเหตุใดจึง
เปน็ สมทุ ยั และเปน็ ไดอ้ ยา่ งไร ตามคดิ คน้ เขา้

หลวงตามหาบัว ญาณสมั ปันโน 113

ไปตามสาเหตุที่มีและแสดงตัวให้ปรากฏอยู่
ด้วยความสนใจใครจ่ ะรู้ในสาเหตุน้ัน

แต่โดยมากเม่ือถึงข้ันน้ีแล้ว ถ้าไม่ใช้
ปัญญาไตร่ตรองจนละเอียดถ่ีถ้วนจริงๆ
ต้องติดในความรู้วัฏจักรน้ีแน่ๆ เพราะเป็น
ยอดสมทุ ยั ของวฏั จกั ร ซง่ึ ควรหลงและตดิ ได้
โดยนกั ปฏิบตั ิไมร่ ูส้ กึ ตนว่าติด นอกจากจะ
หลงและตดิ อยโู่ ดยไมร่ สู้ กึ ตวั แลว้ ยงั อาจจะ
ระบายความหลงอันลึกลับนี้ออกเป็นความรู้
โดยเข้าใจผิดของตนให้ผู้อ่ืนฟัง และหลง
ตามกนั ไปเป็นจ�ำนวนมากกไ็ ด้

เพื่อให้นักปฏิบัติท้ังหลายได้ทราบว่า
ธรรมชาตริ ๆู้ น้ี ถา้ วา่ เปน็ ของอศั จรรยก์ ย็ งิ่ กวา่

114 ธัมโม ปทีโป

อะไรทง้ั หมด จะวา่ ผอ่ งใสกย็ งิ่ กวา่ อะไรทง้ั นนั้
จงึ ควรใหน้ ามธรรมชาตนิ ว้ี า่ หลมุ ถา่ นเพลงิ ซงึ่
ขดุ ไวใ้ นทลี่ ล้ี บั แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ธรรมชาตนิ ี้
จะทนต่อปัญญาซึ่งเป็นธรรมละเอียด
เชน่ เดียวกันไปไมไ่ ด้ จะต้องทราบความจริง
จากปัญญาว่า ธรรมชาติรู้ๆ น้ีคือสมุทัย
อยา่ งเอก และจะทนตงั้ อยตู่ อ่ ไปไมไ่ ด้ ตอ้ งแตก
ทลายลงทันที เช่นเดียวกับเขาทุบต่อยสิ่ง
มนั่ คงให้แตกกระจายด้วยท่อนเหล็กฉะนั้น

เมอื่ ธรรมชาตนิ ไ้ี ดถ้ กู ทำ� ลายดว้ ยปญั ญา
สลายตวั ลงไปแลว้ ธรรมชาตทิ อี่ ศั จรรยเ์ หนอื
สมมตุ ใิ ดๆ กป็ รากฏขน้ึ อยา่ งเตม็ ท่ี ความเหน็
โทษกับความเห็นคุณได้ปรากฏขึ้นในขณะ

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปนั โน 115

เดยี วกนั วชิ ชาวมิ ตุ ตไิ ดป้ รากฏเปน็ ธมั โม ปทโี ป
(ความสว่างแห่งธรรม) อันเดน่ ดวงขน้ึ อย่าง
เตม็ ที่ เชน่ เดยี วกบั พระอาทติ ยท์ ปี่ ราศจากเมฆ
ก�ำลังฉายแสงลงสู่พ้ืนให้โลกได้รับแสงสว่าง
อยา่ งเตม็ ทฉ่ี ะนนั้ ผลคอื ความเดน่ แหง่ วชิ ชา
วิมุตติได้ปรากฏแก่ใจของท่านนักปฏิบัติ
ในขณะอวิชชาไดด้ บั ลงไปแล้ว

ธรรมทกี่ ลา่ วมานเ้ี ปน็ ตวั ผล เหตเุ ปน็ มา
อยา่ งไร ไดอ้ ธบิ ายใหท้ ่านผฟู้ ังทราบแล้วว่า
ศรทั ธาความเช่ือ วิรยิ ะความเพยี ร สตคิ วาม
ระลกึ ได้ สมาธคิ วามตง้ั มน่ั ปญั ญาความฉลาด
รอบคอบ นค่ี อื ทางเดนิ เดนิ มาสจู่ ดุ นเ่ี อง ไมไ่ ด้
เดนิ ไปทไ่ี หน ใครจะอยใู่ นบา้ นกต็ าม อยใู่ นวดั

116 ธัมโม ปทโี ป

ก็ตาม อยใู่ นปา่ ก็ตาม และเป็นผูห้ ญงิ ก็ตาม
เปน็ ชายกต็ าม เปน็ นกั บวชหรอื ฆราวาสกต็ าม
ถา้ มธี รรมหา้ ประการประดบั ตวั อยเู่ สมอแลว้
ช่อื ว่าเดนิ เขา้ มาส่จู ดุ นที้ ้ังส้นิ คอื เป็นผู้มสี ิทธิ
ในดา้ นปฏบิ ตั ิ และผลทจี่ ะพงึ ไดร้ บั กส็ มบรู ณ์
เทา่ เทียมกนั

ฉะนั้น ขอให้บรรดาท่านนักปฏิบัติ
ท้ังหลาย ซึ่งเราก็ทราบชัดในใจของเราว่า
เปน็ นกั ปฏบิ ตั ดิ ว้ ย เปน็ นกั งดเวน้ ดว้ ย จงปฏบิ ตั ิ
เพอ่ื การสง่ เสรมิ กาย วาจา ใจใหเ้ จริญ และ
จงงดเวน้ สงิ่ ทเ่ี ปน็ ขา้ ศกึ ตอ่ ตนเองอยา่ งเตม็ ที่
จนถึงจุดประสงค์คือวิมุตติพระนิพพาน
ตามทีไ่ ด้อธบิ ายใหฟ้ งั แล้ว เพราะธรรมทง้ั น้ี

หลวงตามหาบวั ญาณสัมปนั โน 117

จะเหนือจากสตปิ ัญญา ความเพียรพยายาม
ไม่ทอดธุระของเราท้ังหลายไปไม่ได้ และ
ธรรมเหล่านี้แลที่พระพุทธเจ้าทรงประทาน
ไว้ว่า สวากขาตธรรม แปลว่าธรรมทต่ี รสั ไว้
ชอบแล้ว คือทางด�ำเนินก็ตรัสไว้ชอบแล้ว
ทั้งทางผิดก็ตรัสไว้ว่าผิดจริง และทางถูก
กต็ รสั ไวว้ า่ ถกู จรงิ ผลทเ่ี กดิ จากทางดำ� เนนิ ท่ี
ถกู ตอ้ ง คอื วิมตุ ตพิ ระนพิ พาน กเ็ ป็นธรรม
ทตี่ รสั ไวช้ อบแลว้ เหมอื นกนั ทเ่ี ปน็ ปญั หาอยู่
ก็คือผู้ด�ำเนินเท่าน้ัน จะด�ำเนินหรือปฏิบัติ
ชอบจริงหรือไม่ ถ้าปฏิบัติชอบจริงตามที่
ประทานไวแ้ ลว้ ผลกต็ อ้ งปรากฏเปน็ สมั มเทว
อาสเวหิ วิมุจจติ ความหลุดพ้นจากกิเลส
ทง้ั หลายโดยชอบเชน่ เดียวกนั

118 ธัมโม ปทีโป

เพราะเหตุนั้นจงพยายามฝึกหัดสติกับ
ปัญญาของตนทุกๆ ขณะ ไม่เพียงแต่ว่า
อิริยาบถใดอิริยาบถหน่ึง เราอย่าเห็นว่า
ท�ำมากไปหรือน้อยไปในเร่ืองความเพียร
ใครเขา้ ใจมากเท่าไร ฉลาดมากเท่าไร แก้ไข
กิเลสได้มากเท่าไร และพ้นทุกข์ไปได้มาก
เท่าไร น่ันเป็นผลท่ีเราต้องการเป็นล�ำดับ
จนถงึ กบั พน้ ไปเสยี จรงิ ๆ ไมม่ อี ะไรเหลอื คอื
พน้ ทงั้ รๆู้ เหน็ ๆ ในชวี ติ ของเราซงึ่ กำ� ลงั ครอง
ขนั ธ์ห้าอยนู่ ้ี น่นั แลเปน็ ธรรมทแี่ นน่ อนทีส่ ุด
เพราะคำ� วา่ สวากขาตธรรมทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ตรสั
ไว้ชอบแล้วน้ัน ไม่ได้หมายความว่าชอบใน
เวลาเราตายไปแล้วเท่านั้น ยังชอบทั้งขณะ
ที่ปฏิบัติอยู่น้ีด้วย ผลที่ได้รับตามขั้นของ

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน 119

ความเพียรก็ประจักษ์ใจของผู้ปฏิบัติซ่ึงยังมี
ชวี ิตอยดู่ ้วย

อน่ึง วิธีการหรืออุบายจะฝึกฝนจิตใจ
ของเราน้ัน ยกให้เป็นอุบายความแยบคาย
ของแต่ละท่านในประโยคแห่งความเพียร
ของตน ต้องสังเกตอิริยาบถที่เป็นไปเพื่อ
ความสะดวกในทางความเพยี ร ไมเ่ พยี งแตว่ า่
นงั่ แลว้ กน็ ง่ั เดินแลว้ ก็เดิน ตอ้ งสงั เกตผล
ประโยชน์ที่เกิดจากความเพียรของตนโดย
ความมีสตนิ น้ั ดว้ ย เพราะอริ ยิ าบถทั้งส่ี คอื
ยืน เดิน นัง่ นอน อาจจะถูกตามจริตของ
แตล่ ะท่านๆ ไม่สมำ�่ เสมอกนั

120 ธัมโม ปทโี ป

วันนี้ได้แสดงธรรมให้บรรดาท่านผู้ฟัง
ทงั้ หลายฟงั ตงั้ แตต่ น้ จนสดุ ขดี ความสามารถ
เหมือนกัน ก็เห็นว่าสมควรแก่เวลา ขอให้
ทุกท่านจงน�ำธรรมที่ได้อธิบายในวันนี้และ
ท่ผี ่านมาแลว้ เข้าไปเป็นเครื่องเตอื นใจหรอื
เป็นคูเ่ คียงกบั ความเพยี รของตน ผลที่ท่าน
ทงั้ หลายจะพงึ ไดร้ บั จะหนจี ากธรรมทเ่ี ทศนา
ในวันนไ้ี ปไมไ่ ด้
จงึ ขอยตุ ธิ รรมเทศนาลงเพยี งเทา่ น้ี เอวงั

หลวงตามหาบวั ญาณสัมปนั โน 121

เรอื่ งอดีตอนาคตจะใหส้ �ำเร็จประโยชน์
ตอ้ งนอ้ มเขา้ ส่ปู จั จุบนั เสมอ

เชน่ วานนเี้ ขาตาย วนั นห้ี รอื พรุ่งน้ี
‘เรา’ จะตอ้ งตายเชน่ เดยี วกัน

นี่คำ� ว่า ‘เรา’ ทง้ั นัน้ ก็เขา้ ถงึ ปจั จุบนั ทันที
เรื่องขา้ งนอกตอ้ งนอ้ มเข้าสู่ขา้ งใน
เรอ่ื งขา้ งหนา้ ขา้ งหลัง
ตอ้ งน้อมเข้าสปู่ จั จุบนั
จงึ จะส�ำเรจ็ ประโยชน์

122 ธมั โม ปทีโป


Click to View FlipBook Version