The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-02-17 03:10:29

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ

พระนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ

พิธีสงฆท์ างพทุ ธศาสนาเขา้ มาเก่ียวขอ้ งดว้ ยมากยง่ิ ขน้ึ และทรงเปลีย่ นแปลงทางด้าน
มนษุ ยธรรม ลกั ษณะสำ� คญั ๆ ของพระราชพธิ รี าชาภเิ ษก จงึ ยงั คงเปน็ ทางดา้ นศาสนา
พราหมณอ์ ยู่ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ไมท่ รงคดั คา้ นศาสนาพราหมณต์ ราบใด
ที่ไม่เข้ามาปะปนกับพุทธศาสนา ส�ำหรับพระองค์บรรดาเทวดาทางศาสนาพราหมณ์
ก็เป็นแต่เพียงสิ่งที่มนุษย์คิดข้ึน เทวดาเหล่าน้ีอาจใช้เป็นผู้สนับสนุนระบบกษัตริย์
ในพุทธศาสนาได้ ถ้าพุทธศาสนิกชนไม่หลงผิดว่าเทวดาเหล่าน้ันคือพุทธศาสนาเอง
ถ้าจะใช้การเปรียบเทียบ เราก็อาจเปรียบเทวดาเหล่านี้ได้กับบรรดาเทพเจ้าของกรีก
และโรมนั ทชี่ า่ งเขยี นอติ าเลยี นสมยั ฟน้ื ฟศู ลิ ปวทิ ยาการนำ� มาใชเ้ ปน็ ผสู้ นบั สนนุ บรรดา
พระราชาทนี่ บั ถือศาสนาครสิ เตียน หรอื ถา้ จะให้ชดั เจนยง่ิ ขน้ึ กค็ ือเทพธดิ าวนี สั ใน
บทกวนี พิ นธเ์ รอ่ื งลเู สยี ด (Lusiads) ไดช้ ว่ ยเหลอื วาสโค ดา กามา (Vasco da Gama)
ในการเผยแพรศ่ าสนานกิ ายคาโธลกิ และลงทา้ ยกบ็ อกแกเ่ ขาวา่ นางเองเปน็ แตเ่ พยี งสง่ิ
ที่มนษุ ยส์ มมุตขิ ึน้ เท่านั้น

เมื่อพระราชพิธีราชาภิเษกเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
ก็โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีบวรราชาภิเษก ต�ำแหน่งพระราชวังบวรนี้เป็นอีก
ตำ� แหนง่ หนงึ่ ซงึ่ ชาวยโุ รปไมส่ เู้ ขา้ ใจ ในสมยั อยธุ ยาพระมหากษตั รยิ ม์ กั ทรงแตง่ ตงั้ ให้
พระญาตวิ งศท์ ส่ี นทิ เปน็ ผมู้ อี ำ� นาจรองลงไปจากพระองค์ และเจา้ นายทไ่ี ดร้ บั การแตง่
ตง้ั กเ็ ปน็ ผบู้ ญั ชาการกองทพั ประทบั อยใู่ นวงั ซง่ึ อยหู่ นา้ ประตพู ระราชวงั หลวง เพอื่ ชว่ ย
ปอ้ งกนั พระราชวงั หลวงนนั้ วงั ของเจา้ นายพระองคน์ เ้ี รยี กกนั วา่ วงั หนา้ และพระองคเ์ อง
กม็ กั ไดร้ บั ขนานพระนามสนั้ ๆ วา่ “วงั หนา้ ” ดว้ ย สมเดจ็ พระอนชุ าของพระบาทสมเดจ็
พระจอมเกลา้ ฯ สนพระทยั ในกจิ การทหาร การแพทยแ์ บบตะวนั ตก และวทิ ยาศาสตร์
ด้านกลไกต่างๆ พระองค์ทรงขวนขวายจนมีความรู้ในวิชาการเหล่านี้ นอกจากน้ี
ยงั ทรงทราบภาษาอังกฤษดีกว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ คือทรงเขยี นไดอ้ ย่าง
ถกู ตอ้ ง ทงั้ ทางดา้ นพระชาตกิ ำ� เนดิ และคณุ สมบตั ิ พระองคจ์ งึ เหมาะอยา่ งยงิ่ ทจี่ ะดำ� รง
ตำ� แหนง่ “วงั หนา้ ” และเมอ่ื ทรงแตง่ ตงั้ ใหพ้ ระองคด์ ำ� รงตำ� แหนง่ นนั้ พระบาทสมเดจ็
พระจอมเกลา้ ฯ กม็ พี ระราชประสงคท์ จี่ ะแสดงใหเ้ หน็ วา่ พระองคท์ รงเหน็ ความสามารถ
ของพระอนุชาเพียงไร จึงโปรดให้พระองค์ทรงด�ำรงพระยศเป็นพระบาทสมเด็จ

94

พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั พรอ้ มทง้ั ใหม้ พี ระราชอสิ รยิ ยศหลายประการ ดงั พระมหากษตั รยิ ์
(ต�ำแหน่งน้ีมักแปลเป็นภาษาองั กฤษอย่างคอ่ นขา้ งเขา้ ใจได้ยากวา่ Second King)

ครงั้ นเี้ ปน็ ครงั้ แรกทต่ี ำ� แหนง่ “วงั หนา้ ” หรอื พระราชวงั บวร มขี บวนแหเ่ ลยี บรอบ
พระราชวงั ของพระองค์ ขบวนแหน่ ัน้ มีลกั ษณะทางทหารยง่ิ ขน้ึ คอื พระบาทสมเด็จ
พระปน่ิ เกลา้ ฯ ทรงเครอ่ื งออกศกึ ถอื พระแสงดาบและพระแสงหอก ประทบั บนชา้ งทรง
ซ่งึ ตกแตง่ อย่างสวยงาม มปี ืนใหญ่ยงิ สลุตถวาย ๒๑ นัด และทหารรักษาพระองค์
๕,๐๐๐ คน ก็แห่แหนเปน็ ขบวน ๔ สาย

หลงั จากพรรณนาถงึ พธิ รี าชาภเิ ษกแลว้ ลายพระราชหตั ถเลขาของพระบาทสมเดจ็
พระจอมเกล้าฯ ถึงผู้ส�ำเร็จราชการบัตเตอร์เวอร์ธ ก็กล่าวต่อไปถึงการตระเตรียม
พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ รวมทั้งการสร้าง
พระเมรมุ าศสงู ๒๘๐ ฟตุ เพอ่ื การนด้ี ว้ ย ลายพระราชหตั ถเลขากลา่ ววา่ “การตระเตรยี ม
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพใหญ่โตมาก ความจ�ำเป็นเช่นนี้เน่ืองมาจาก
ราชประเพณีโบราณแต่เก่าก่อน จ�ำต้องใช้จ่ายเงินจากท้องพระคลังเป็นจ�ำนวนมาก
ประชาชนทุกช้ันในพระราชอาณาจักรต้องเสียสละท้ังแรงงาน เวลา และก�ำลัง
ความจรงิ เปน็ ประเพณซี งึ่ ไมม่ ปี ระโยชนอ์ ะไร แตก่ เ็ ปน็ ประเพณอี นั เกา่ แกข่ องประเทศ
เปน็ ทรี่ จู้ กั และเคารพนบั ถอื ของประชาชนทว่ั ไป ถา้ จะฝา่ ฝนื ไมก่ ระทำ� หรอื ทำ� แตเ่ ฉพาะ
ทจ่ี ำ� เปน็ จรงิ ๆ บรรดาหวั เมอื งใหญๆ่ ในพระราชอาณาจกั รและประเทศราชตา่ งๆ กจ็ ะ
หาว่าไม่ถูกตอ้ ง และเหน็ ว่าเปน็ ความคดิ ท่เี ลวทรามมาก”

แมว้ า่ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ไมไ่ ดท้ รงกลา่ วถงึ ความคดิ เชน่ น้ี เกย่ี วกบั
พระราชพธิ รี าชาภเิ ษกของพระองค์ แตพ่ ระองคก์ อ็ าจมคี วามคดิ เหน็ เชน่ เดยี วกนั ดว้ ย

เซอร์จอห์น บาวริง (Sir John Bowring) ซึ่งเข้ามาเฝ้าพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกลา้ ฯ ใน ๔ ปตี อ่ มา ไดบ้ นั ทกึ ไวว้ า่ “พระราชาทรงสงู ขนาดปานกลาง มพี ระรปู
ผอมบาง และพระพกั ตร์ค่อนขา้ งเครง่ ขรึม”

95

พระบรมรูปท่ีปรากฏในหนังสือเล่มนี้ ก็มาจากหนังสือเรื่อง “ประเทศและ
ประชาชนไทย (The Kingdom and People of Siam) ของเซอรจ์ อหน์ ” ขณะนน้ั
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ทรงมพี ระชนมายรุ าว ๕๐ พรรษา แตพ่ ระองคก์ ด็ อู อ่ น
กวา่ พระชนมายุ พระบรมรปู นไ้ี มไ่ ดแ้ ตง่ ใหผ้ ดิ จากความจรงิ เพราะยงั แสดงใหเ้ หน็ ถงึ
พระกรรณขวาทม่ี ตี ำ� หนิ และพระโอฐเบยี้ วไปขา้ งหนงึ่ อนั เกดิ จากอมั พาตอยา่ งออ่ นๆ
สว่ นใหญพ่ ระพกั ตรก์ ไ็ ดส้ ดั สว่ น พระฉวขี าว พระเนตรแสดงความซอื่ แมว้ า่ พระพกั ตร์
จะไม่งดงาม แต่ก็แสดงถึงพระคุณลักษณะของพระองค์ คือก�ำลังแรงอันเกิดจาก
สามญั ส�ำนกึ และอารมณ์เยย้ หยัน ซ่งึ ผสมอยกู่ ับความออ่ นโยน

แม้ว่าปัจจุบันนี้ พระองค์ทรงเป็นพระราชาแล้ว แต่พระองค์ก็ไม่ทรงลืมว่า
พระองค์ยังคงเป็นแต่เพียงมนุษย์คนหน่ึงในมนุษย์โลก พระองค์ไม่ได้ทรงคิดว่า
ประชาราษฎรของพระองคเ์ ปน็ แตเ่ พยี งสงั หารมิ ทรพั ย์ พระองคเ์ คยรจู้ กั เขาอยา่ งปถุ ชุ น
สามญั เคยรว่ มประทบั ฉนั มติ รสหายกบั พห่ี รอื นอ้ งชายและบตุ รของเขาเหลา่ นนั้ ในวดั
เคยทรงรบั ทานและความเออื้ เฟอ้ื จากบคุ คลเหลา่ นนั้ เมอ่ื เสดจ็ ธดุ งคไ์ ปไกลๆ พระบาท
สมเดจ็ พระจอมเกล้าฯ ทรงรู้จกั ชาวบา้ นนอกดเี ท่ากบั ชาวกรุง พระองคเ์ คยประสบ
มาแลว้ วา่ ขา้ ราชการบางคนกย็ ตุ ธิ รรมและมเี มตตากรณุ า แตบ่ างคนกค็ ดโกงและละโมบ
พระองค์เคยทรงสนทนามามากกบั ชนชน้ั ตำ่� เป็นตน้ วา่ พวกกลุ แี ละทาส ชาวนาและ
พรานโพนชา้ ง ชาวประมงและนกั ดำ� หาหอยมกุ เคยทอดพระเนตรเหน็ โจรทดี่ รุ า้ ย และ
ผู้ที่ชอบย้ายท่ีอยู่ไปตามทะเล พระองค์เคยเสด็จขึ้นไปบนภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป
และทอดพระเนตรเห็นชาวป่าชาวเขาดั้งเดิมที่อาศัยอยู่เปรียบประดุจสัตว์ซุ่มซ่อนตัว
อยใู่ นปา่ ทรงรจู้ กั ชมุ นมุ ชนทปี่ กครองโดยสตรี มหี ญงิ หนา้ ตาดรุ า้ ยเปน็ ผปู้ กครอง และ
มีบรุ ษุ สวยงามหลายคนเป็นสามี เคยทอดพระเนตรเห็นพวกเงาะทางทิศใต้ และทรง
ทราบด้วยความสยดสยองว่า บรรดามหาราชาแห่งมลายูได้ล่าพวกเหล่านี้เป็นกีฬา
เขาเหล่านี้ท้ังหมดเป็นประชาชนของพระองค์ โลกของพระองค์จึงไม่ได้จ�ำกัดอยู่แต่
เฉพาะในกำ� แพงพระบรมมหาราชวงั หรือวดั และความรับผิดชอบของพระองค์กไ็ มม่ ี
อยู่เฉพาะแต่ความสขุ สบายของขุนนางและพระภิกษสุ งฆ์เท่าน้ัน

96

ความรสู้ กึ ของพระองคใ์ นหนา้ ท่ี ทท่ี รงมตี อ่ ประชาชนทงั้ หมดจะเปน็ เครอ่ื งนำ� ที่
สำ� คญั ของกจิ การทสี่ ำ� คญั ทกุ อยา่ งในพระชนมช์ พี ตลอดไปจนพระราชกำ� หนดกฎหมาย
ทุกขอ้ และการปฏวิ ตั ทิ กุ อย่างท่ที รงรเิ ริม่ ขนึ้

เปน็ เวลา ๕๐๐ ปมี าแลว้ ทพ่ี ระมหากษตั รยิ ไ์ ทยไดท้ รงรบั คำ� สาบานวา่ จะซอื่ สตั ย์
จงรักภักดีจากบรรดาเจ้านายและข้าราชการเป็นจ�ำนวน ๒ คร้ังต่อไป ท่านเหล่านี้
ได้ประชุมกนั กระทำ� พธิ ถี ือนำ�้ พระพพิ ัฒน์สตั ยา และขอให้ตนเองต้องถกู ท�ำลายไป
ถ้าไม่จงรกั ภักดีตอ่ พระมหากษตั รยิ ์ ในสมยั ก่อนพระราชาย่อมไมท่ รงมีสว่ นในพธิ ีนี้
แตพ่ ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ กไ็ ดท้ รงแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงพระราชพธิ นี อี้ ยา่ งสำ� คญั
คอื เมอ่ื บรรดาเจา้ นายและขนุ นาง ตา่ งแสดงความจงรกั ภกั ดตี อ่ พระองค์ พระองคก์ ท็ รง
แสดงความซื่อสัตยข์ องพระองค์ตอบแทนแด่ท่านเหล่านัน้ ด้วย

การทูตและการติดต่ออย่างมีเหตุผลกับชาวยุโรป ก็ถูกขัดขวางโดยประเพณี
ซงึ่ บงั คบั ใหท้ งั้ ชนตา่ งชาตแิ ละชาวไทยตอ้ งหมอบคลานเมอ่ื เขา้ มาใกล้ “พระยคุ ลบาท”
แม้พระมหากษัตริย์สมัยก่อนพระองค์จะได้ทรงผ่อนผันกฎหมายนี้บ้าง แต่ก็ทรง
รับรองชนต่างชาติตามแบบพิธีการ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ได้ทรงออก
ประกาศว่าชาวต่างชาติอาจยนื ได้ เม่ือเข้าเฝ้าพระองคห์ รอื อาจจะกระท�ำวธิ ีอื่น ซึง่ ใน
ประเทศของเขาถือว่าเป็นการแสดงความเคารพ ส�ำหรบั ประชาชนไทยพระองคก์ ท็ รง
อนญุ าตใหก้ ระทำ� ตามประเพณเี ดมิ ทง้ั นเ้ี พราะเหตวุ า่ เคยคนุ้ กนั มาชา้ นานแลว้ แมว้ า่
ท่าหมอบคลานเช่นน้ีชาวอเมริกนั อาจถือว่า เป็นส่ิงป่าเถอื่ นทน่ี า่ แปลกใจ แต่ชาวไทย
ในขณะน้นั ก็คงถือว่านา่ ประหลาดนอ้ ยกวา่ การยนื อยตู่ ่อหน้าผู้ทสี่ ูงกวา่ ตน

ในรัชกาลก่อนๆ การค้าขายกับต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นอภิสิทธ์ิของ
พระมหากษตั รยิ ์ และขนุ นางผมู้ อี ำ� นาจบางคน และแมว้ า่ การคา้ ขายเหลา่ นจ้ี ะมกี ฎอยมู่ าก
แตเ่ รอื พาณชิ ยข์ องยโุ รปและอเมรกิ ากเ็ ดนิ ทางเขา้ มามจี ำ� นวนมากขน้ึ ทกุ ที ขนุ นางหนมุ่
ของไทยผู้หน่ึงเห็นว่าเรือเหล่าน้ีดีกว่าเรือส�ำเภาจีน จึงว่าจ้างให้ชาวเรืออังกฤษและ
โปรตุเกสควบคุมการต่อเรือแบบใหม่ล�ำแรกของเขา และถวายเรือล�ำน้ีแด่พระบาท
สมเด็จพระนั่งเกล้าฯ รัฐบาลไทยจึงได้ต่อเรือแบบนี้มากขึ้น และใช้ลูกเรือภายใต้

97

ความควบคมุ ของนายเรอื ชาวยโุ รป อยา่ งไรกด็ พี ระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ ฯ กย็ งั คง
โปรดนโยบายอยู่อย่างโดดเด่ียว และคณะทูตการค้าท่ีมาจากประเทศอังกฤษก็ไม่
สามารถท�ำข้อตกลงอันใดได้

ทา่ ทขี องพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ แตกตา่ งไปอยา่ งสนิ้ เชงิ ใน พ.ศ. ๒๓๙๘
พระองค์ทรงต้อนรับคณะทูตอังกฤษ ซ่ึงมีเซอร์จอห์น บาวริง เป็นหัวหน้าคณะ
อยา่ งชน่ื ชม และไมช่ า้ กม็ กี ารเซน็ สญั ญาพระราชไมตรที างการทตู และการคา้ ผลจากการ
เซน็ สญั ญานม้ี อี ยเู่ ปน็ อนั มาก คอื ไดย้ กเลกิ กฎและภาษตี า่ งๆ สรา้ งระบบภาษขี นึ้ ใหม่
ชดเชยรายได้ทข่ี าดไป การคา้ ขายกบั ประเทศอังกฤษได้เจรญิ ข้นึ อย่างรวดเร็ว ต่อมา
ก็มีการเซ็นสัญญาทางพระราชไมตรีแบบนี้กับประเทศอ่ืนๆ อีก เม่ือธุรกิจเจริญข้ึน
ความรุ่งเรืองมั่งค่ังกย็ ่อมตดิ ตามมาด้วย

ในเวลานนั้ ทง้ั ชาวยโุ รปและอเมรกิ นั ยอ่ มไมเ่ ปน็ สง่ิ ทหี่ าไดย้ ากในประเทศไทย
ดงั แตก่ อ่ น เขาเหลา่ นนั้ ไดน้ ำ� ผลติ ผลวธิ กี ารและความคดิ ใหมๆ่ เขา้ มา พระบาทสมเดจ็
พระจอมเกลา้ ฯ และชาวไทยบางทา่ นยอ่ มทราบวา่ การเปลย่ี นแปลงเหลา่ นี้ เปน็ ทงั้ สง่ิ ท่ี
จำ� เปน็ และมปี ระโยชน์ แตป่ ระชาชนสว่ นใหญก่ ค็ งเพกิ เฉยหรอื ไมช่ อบ ขนุ นางทเ่ี คยมี
อภสิ ทิ ธย์ิ อ่ มไมพ่ อใจ ประชาชนทนี่ ยิ มรกั ษาขนบประเพณเี ดมิ กส็ งสยั วา่ สงิ่ ใหมๆ่ เหลา่ น้ี
จะท�ำอันตรายแก่สิ่งที่ดีงามในขนบประเพณีแบบเก่าหรือไม่ โดยปกติชาวไทยโดย
ท่ัวไปไม่เกลียดชงั ชาวต่างประเทศแตก่ ลับกระตือรอื รน้ อยากร้อู ยากเหน็ อย่างไรกด็ ี
การอยูอ่ ย่างโดดเดี่ยวมาร่วมรอ้ ยปียอ่ มทำ� ให้เขาตอ้ งระมดั ระวัง ในระยะนั้นอทิ ธิพล
จากประเทศจีนมอี ย่อู ยา่ งมากมาย และส�ำหรบั ชาวยโุ รปแลว้ นอกไปจากหมอสอน
ศาสนา ก็มักมแี ต่พวกนกั ผจญภัยทไ่ี มม่ ีระเบียบวินยั หรือผ้แู สวงหาเมอื งขึน้ ส�ำหรับ
ชาวไทยที่สภุ าพและอ่อนโยน พวกชาวตา่ งประเทศท่ีมีหนวดเครา ชอบแสดงอำ� นาจ
เสยี งหา้ ว และงมุ่ งา่ ม กม็ กั เปน็ ตวั ตลกทน่ี า่ รงั เกยี จ ความคดิ เหน็ ใหมๆ่ จงึ เปรยี บเสมอื น
ว่ามากระทบกับก�ำแพงที่คงท่ีอย่างดื้อดึง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงพระ
ราชดำ� รวิ า่ เปน็ การดที พี่ ระองคท์ รงปกครองแบบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ แตท่ ำ� อยา่ งไร
พระองค์จงึ จะทรงสามารถท�ำลายการต้านทานสิ่งใหมๆ่ อยา่ งม่นั คงเชน่ น้ีได้ แมว้ ่า

98

พระองคจ์ ะทรงผิดหวงั หลายครั้ง แตพ่ ระปณิธานของพระองค์กไ็ มเ่ คยเปลี่ยนแปลง
และพระปรีชาสามารถของพระองคก์ ็ไมเ่ คยเสอ่ื มถอย
ประกาศของพระองค์แสดงให้เห็นวิธีปฏิรูปอยา่ งน่าสนใจ ประกาศแตล่ ะฉบับ
ตั้งต้นอย่างโอ่อ่า มีพระนามเต็มของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ และค�ำที่ว่า
“มพี ระบรมราชโองการมานพระบัณฑรู สรุ สงิ หนาทด�ำรัสเหนือเกล้าฯ สัง่ วา่ ” จากน้นั
จงึ มาถงึ ค�ำน�ำทเ่ี กอื บเปน็ เรือ่ งราวสนทนากนั เลา่ ถงึ เรอื่ งราวและเหตุท่ีทำ� ให้ตอ้ งทรง
ออกประกาศ ค�ำน�ำนีม้ กั มีข้อความทเี่ ยย้ หยนั อย่างเบาๆ รวมอยู่ดว้ ย ตอ่ จากนัน้ จงึ
มาถงึ ตวั ประกาศ
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ทรงสนพระทยั ในวิถีชวี ิตของชาวไทยทุกชนิด
ยากท่ีจะมีกิจกรรมอันใดท่ีพระองค์ไม่ได้เคยทรงชมเชยหรือติเตียน “พระบัณฑูร-
สรุ สงิ หนาท” มอี ยแู่ กเ่ รอื่ งราวทสี่ ามญั ทส่ี ดุ เปน็ ตน้ วา่ มปี ระกาศแนะนำ� เรอ่ื งการกอ่ เตา
ให้ถกู ต้อง ประกาศทรงตดั เตอื นไม่ใหท้ ิง้ ศพสตั วล์ งในนำ้� จนกระทงั่ ประกาศแนะนำ�
ให้เรียกช่อื สงิ่ ปรุงอาหารบางชนดิ ให้ถูกต้องตามหลกั ภาษาศาสตร์ แต่เมอื่ “เจา้ ชีวติ ”
ทรงทราบวา่ ถอ้ ยคำ� ทป่ี ระกาศใหใ้ ชน้ รี้ าษฎรไมน่ ยิ ม กท็ รงออกประกาศอกี ฉบบั หนงึ่
ยกเลิกประกาศฉบับก่อน
ประกาศส่วนใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เกี่ยวกับเรื่องส�ำคัญ
เป็นตน้ ว่า ประกาศฉบบั หน่งึ กแ็ สดงถงึ พระปณิธานของพระองค์ท่ีจะไม่เก็บพระองค์
จากประชาชน โดยกลา่ ววา่ “บดั นีพ้ ระบาทสมเด็จพระบรมนาถบพิตร พระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวทรงพระราชด�ำริว่า เสด็จพระราชด�ำเนินไปทางสถลมารคและทางชลมารค
กรมเมอื งและนายอำ� เภอพวกนงั่ กองจกุ ชอ่ งลอ้ มลง มา้ นำ� รวิ้ และตำ� รวจและเรอื ประตู
หนา้ ประตหู ลงั เรอื ดงั้ เคยไลค่ นเสยี มใิ หอ้ ยใู่ กลท้ างเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ แลว้ ใหช้ าวบา้ น
ปดิ ประตโู รงประตรู า้ นประตหู นา้ ถงั เสยี หมด กม็ ไิ ดเ้ ปน็ การทจี่ ะปอ้ งกนั อนั ตรายอยา่ งใด
อยา่ งหนงึ่ ได้ ไมเ่ หน็ เปน็ คณุ เลย เหน็ เปน็ โทษเปน็ หลายประการ คอื มไิ ดท้ อดพระเนตร
เหน็ ราษฎรทเ่ี คยเฝา้ แลทรงรู้จักมาแตก่ อ่ น ประการหนึง่ ปิดประตูโรงประตรู ้านประตู
หนา้ ถงั ไวก้ จ็ ะเปน็ ทคี่ นแอบแฝง คนทแ่ี อบแฝงอยใู่ นโรงรา้ นในหนา้ ถงั นนั้ จะเปน็ คนดี
หรอื คนเสยี จริตประการใดก็ไมร่ ู้

99

จึงโปรดใหม้ ีประกาศห้ามว่า ตง้ั แตน่ ี้สบื ไปเม่อื หน้า ถา้ เสด็จพระราชด�ำเนนิ ไป
ทางสถลมารคทางชลมารคก็อย่าให้กรมเมืองนายอ�ำเภอ และกรมไพร่หลวงท่ีไปน่ัง
กองจกุ ชอ่ งลอ้ มวงไลร่ าษฎรชาวบ้านไปไกลเลย และอยา่ ใหป้ ดิ ประตูบ้านและประตู
โรงประตรู า้ นประตเู รอื นประตแู พ ประตหู นา้ ถงั เสยี ดงั แตก่ อ่ น ใหร้ าษฎรเจา้ ของบา้ น
เป็นผใู้ หญ่ในบา้ นในเรือน ออกมาคอยเฝา้ รบั เสดจ็ ถวายบังคมใหท้ อดพระเนตรเห็น
ถา้ ทรงรู้จักจะได้ทรงทักทายปราศรยั บ้างตามสมควรให้ไดค้ วามยนิ ดี”

ตามประเพณี มีกลองใหญ่ตั้งอยู่หน้าประตูพระบรมมหาราชวังและเมื่อผู้ใดมี
ทุกข์ร้อนต้องการถวายฎีกาก็อาจตีกลองนี้เพ่ือทูลร้องทุกข์ แต่กลองนี้ก็ไม่มีผู้ใช้
มานมนานแล้ว เพราะไม่มีผู้ใดกล้าที่จะรบกวน “พระยุคลบาท” พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกลา้ ฯ ทรงมพี ระราชประสงคท์ จี่ ะฟน้ื ฟปู ระเพณเี กา่ แตร่ าษฎรกย็ งั ขลาดอยู่
พระองค์จึงทรงกะกำ� หนดท่ีจะเสด็จออกมาจากพระราชวังเปน็ ครั้งคราว และทรงรบั
ฎีกาจากประชาชนด้วยพระองค์เอง พระองค์ทรงทราบดีว่าจักรกลท้ังในด้านการ
ปกครองและการศาลของประเทศก�ำลังทรุดโทรม และย่อมมีผู้น�ำไปใช้ในทางที่ผิด
เป็นจำ� นวนมาก แมแ้ ต่ในกรงุ เทพฯ เอง ขา้ ราชการผนู้ ้อยกม็ กั ทจุ รติ และในถนิ่ ที่อยู่
หา่ งไกลออกไป บรรดาเจา้ ประเทศราชกป็ กครองโดยไมฟ่ งั เสยี งผใู้ ด พระองคไ์ มท่ รง
สามารถปฏริ ปู การปกครองไดใ้ นทนั ทที นั ควนั แตพ่ ระองคก์ ค็ อ่ ยๆ ทำ� ลายอภสิ ทิ ธข์ิ อง
พวกขุนนางท่มี ีอย่เู หนอื กฎหมาย ทรงตระเตรยี มการปรับปรงุ ประเทศไปสู่แผนใหม่
ซึง่ ต้องดำ� เนนิ การไปทีละขน้ั ในระยะนั้น พระองคก์ ท็ รงสนับสนุนประชาราษฎรของ
พระองคต์ ามกรณยี ท์ สี่ มควร ใหก้ ระทำ� ผดิ จากวธิ ที เี่ คยทำ� มาแตเ่ กา่ กอ่ น คอื กราบทลู
โดยตรงถงึ พระองคไ์ ด้

พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ทรงสนบั สนนุ หลกั การประนปี ระนอมในระบบ
ทางด้านการปกครอง แต่ก่อนพระราชาทรงแต่งตั้งผู้พิพากษาตามอ�ำเภอพระทัย
แต่ปัจจุบันผู้พิพากษาบางคนจะได้รับการเลือกต้ัง การเลือกตั้งเช่นน้ีย่อมไม่อาจมา
จากประชาชน (ซึง่ ไม่อาจทำ� ไดใ้ นขณะนนั้ เพราะยังไมม่ สี งิ่ ที่เรยี กกันว่า “การศกึ ษา
สาธารณะ” ) แตม่ าจากบรรดาเจ้านายและขนุ นาง ณ ทน่ี ีก้ ็มปี ระกาศของพระองค์

100

เกี่ยวกับกฎแห่งการเลือกต้ังว่า “มิได้บังคับว่าให้เลือกเอาแต่ข้าราชการในพระบรม
มหาราชวังแลพระบวรราชวัง ถึงข้าเจ้าบ่าวข้าราชการ ถ้าเห็นว่ามีสติปัญญาควรจะ
เป็นผู้ตัดสินความโดยสัตย์โดยธรรม ตามพระราชก�ำหนดกฎหมายให้สิ้นสงสัย
ชอบใจแกค่ นท้งั ปวงได้ กใ็ ห้เขียนชือ่ สง่ มอบให้อาลักษณ์ผู้เอาโครงจดหมายไปถาม
หารอื พระบรมวงศานวุ งศ์ กใ็ หเ้ ขยี นถวายเขา้ มาองคล์ ะฉบบั ทกุ ๆ องค์ ขา้ ราชการกใ็ ห้
เขียนเข้ามาถวายคนละฉบบั ๆ จงทุกๆ คน โปรดเกลา้ ฯ ว่า อยา่ ใหร้ งั เกยี จสงสัยวา่
จะทรงลอ่ ลวงลอ้ เลยี นอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ เลย อยา่ ใหค้ ดิ วนเวยี นรง้ั รอวา่ เมอ่ื จะเลอื ก
ผนู้ น้ั ๆ เขา้ ไปตามใจตวั จะไมถ่ กู พระกระแสดอกกระมงั กด็ ี และจะเลอื กเขา้ ไปแลว้ จะ
ไมไ่ ดเ้ ปน็ ดงั วา่ เขา้ ไป จะตอ้ งอายเขาดอกกระมงั กด็ เี ชน่ น้ี กอ็ ยา่ งเกา่ ๆ อยา่ งนข้ี อเสยี เถดิ
นสิ ยั ใจคนตา่ งๆ กนั กถ็ งึ จะเลอื กชอบใจตา่ งๆ บดั นจี้ ะตอ้ งพระราชประสงคก์ ต็ งั้ ตาม
ใจคนทง้ั หลายเป็นอันมาก เลอื กชอบใจท่านผู้ใดมากด้วยกนั กจ็ ะใหผ้ นู้ ัน้ เปน็ ทีพ่ ระ
มหาราชครทู ัง้ สองน้นั ”

มีประกาศหลายฉบับเกี่ยวกับทาส ฉบับหน่ึงก�ำหนดเง่ือนไขท่ีอาจขายผู้ต้อง
พ่ึงพาลงเป็นทาส อีกฉบับหนึ่งยกเลิกช่องโหว่ในกฎหมายท่ีบ่งไว้ว่าเจ้าของทาสต้อง
ยอมรับเงินค่าไถ่ตัว ถ้าทาสสามารถหามาได้ ส่ิงนี้เป็นการคุ้มครองท่ีส�ำคัญเพราะ
เหตวุ า่ ถา้ ทาสไมพ่ อใจในนายของตน กอ็ าจหยบิ ยมื เงนิ คา่ ไถต่ วั มาจากบคุ คลอนื่ และ
ไปอยกู่ ับบคุ คลนน้ั แทน ทาสในประเทศไทยจงึ ไมม่ สี ถานะร้ายแรงดังในประเทศอ่นื
เซอรจ์ อหน์ บาวรงิ ไดเ้ ขยี นไวว้ า่ “ขา้ พเจา้ ไดเ้ หน็ การประพฤตอิ ยา่ งรนุ แรงแกท่ าสบา้ ง
๒-๓ ครง้ั แตโ่ ดยทวั่ ไปพวกทาสกร็ น่ื เรงิ รอ้ งเพลงและเลน่ หวั กนั ในขณะทที่ ำ� งานตา่ งๆ”
ท่านกล่าวถึงข้อความท่ีสหายชาวยุโรปผู้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ได้กล่าวแก่ท่านว่า
“ในครอบครวั เลก็ ๆ ทาสกไ็ ดร้ บั การเลย้ี งดดู งั กบั ลกู หลานของผเู้ ปน็ นาย เมอ่ื จะทำ� อะไร
กป็ รึกษาหารอื กนั และทาสแต่ละคนกค็ ิดว่าเมือ่ นายของเขาร�่ำรวย เขากร็ �่ำรวยด้วย
ทาสเองกซ็ อื่ สตั ย์ และเมอื่ นายยากจนลง กจ็ ะขอทานหรอื ขโมยมาเพอื่ นาย ตราบใดที่
นายยงั รกั ษาเขาไว้ เขากจ็ ะยอมทนทกุ ขล์ ำ� บากทกุ อยา่ ง ทา่ นยากทจี่ ะเหน็ ความผกู พนั
เช่นนรี้ ะหวา่ งนายจา้ งและลกู จ้างในประเทศองั กฤษ”

101

พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ทรงมพี ระราชหฤทยั กวา้ งขวางในกจิ การศาสนา
เช่นเดียวกนั ประกาศของพระองค์ฉบบั หน่งึ กล่าวถงึ “วา่ ธรรมเนียมผคู้ รองแผน่ ดนิ
ทเ่ี ปน็ ยตุ ธิ รรมมไิ ดห้ า้ มราษฎรทง้ั ปวงในการถอื ศาสนาเปน็ ทพี่ งึ่ ของตวั ๆ ในเวลาทส่ี ดุ
แลกาลเบอื้ งหนา้ ทรงอนญุ าตใหค้ นถอื ศาสนาตามอธั ยาศยั “เนอ่ื งจาก” ดว้ ยวา่ การถอื
ศาสนาลางส่ิงก็ถูกต้องกัน” ดังนั้น จึงเป็นการเหมาะสมท่ีแต่ละคนจะอนุญาตให้
บุคคลอื่นๆ ประพฤติปฏิบัติส่ิงท่ีดีงามตามทางของเขา การก�ำจัดคนในศาสนาอื่น
เป็นส่ิงท่ีไม่เคยมีในพุทธศาสนา ดังนั้นประกาศฉบับน้ีจึงสอดคล้องกับประเพณีที่
มมี าแตโ่ บราณ ชาวไทยมกั บอกแกห่ มอสอนศาสนาวา่ “ศาสนาทกุ ศาสนายอ่ มมคี วามดี
ทกุ ศาสนากค็ อื หนทางตา่ งๆ กนั ทม่ี งุ่ ไปยงั จดุ หมายปลายทางเดยี วกนั ” และชาวไทย
กห็ มายความเชน่ นจี้ รงิ ๆ แตพ่ วกหมอสอนศาสนามกั เขา้ ใจไปเสยี วา่ เปน็ คำ� แกต้ วั ของ
คนออ่ นแอ ผไู้ มอ่ าจแลเห็นประโยชนข์ องศาสนาครสิ เตียนได้

ไม่ว่าจะทรงมีความคิดเห็นเช่นไร พระราชาผู้ทรงนับถือพุทธศาสนาย่อมต้อง
ป้องกันศาสนาต่างๆ ท้ังหมดที่ปฏิบัติอยู่ในราชอาณาจักรของพระองค์ตราบเท่าที่
ผปู้ ฏบิ ตั นิ นั้ เคารพกฎหมายของบา้ นเมอื ง พระมหากษตั รยิ แ์ หง่ ประเทศไทยทรงเคารพ
ยกย่องสิทธิ์ในการนับถือศาสนาอยู่เสมอ นอกจากน้ีพระองค์ยังมักทรงกระท�ำไป
ยง่ิ กวา่ นนั้ คอื มกั พระราชทานทดี่ นิ และวตั ถใุ นการกอ่ สรา้ งสำ� หรบั สรา้ งสเุ หรา่ ในศาสนา
อสิ ลามและวหิ ารในศาสนาครสิ เตยี นดว้ ย ในระยะยงุ่ ยากราวกลางพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๓
พวกหมอสอนศาสนาชาวฝรั่งเศสถูกจ�ำกัดชั่วระยะเวลาอันสั้น แต่ส่ิงนั้นก็เกิดขึ้น
ไม่ใช่เพราะหมอเหล่านั้นนับถือศาสนาคริสเตียน แต่เป็นเพราะความเช่ือว่าเขาก�ำลัง
ละเมิดกฎหมายของประเทศหรือย่ัวยุให้ผู้อ่ืนกระท�ำเช่นน้ัน และด้วยเหตุเช่นน้ีจึงมี
กฎกำ� หนดกจิ กรรมของหมอสอนศาสนาชาวฝรงั่ เศสเปน็ ครงั้ เปน็ คราวตลอดระยะเวลา
๑๕๐ ปตี อ่ มา ตลอดระยะเวลานน้ั ชาวโปรตเุ กสทน่ี บั ถอื ศาสนาครสิ เตยี นนกิ ายคาโธลคิ
อยา่ งไมค่ อ่ ยเครง่ ครดั นกั กไ็ มถ่ กู กำ� จดั เลย ชาวเวยี ตนามทนี่ บั ถอื ศาสนานกิ ายคาโธลคิ
เปน็ จำ� นวนมากมาย และหลบหนมี าจากการถกู ขม่ เหงทางศาสนาในประเทศของตนเอง
กอ็ พยพเขา้ มาอยใู่ นประเทศไทยไดอ้ ยา่ งสะดวก และสามารถตง้ั หลกั แหลง่ ตลอดจน
ประกอบกจิ ในศาสนาของตนอยา่ งเปน็ สุข

102

เซอรจ์ อหน์ บาวรงิ กลา่ ววา่ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ทรงมพี ระทยั กวา้ ง
ขวางจนไดพ้ ระราชทานเชลยศกึ ๓,๐๐๐ คน แก่พวกหมอสอนศาสนานิกายคาโธลคิ
และรบั สง่ั วา่ “ทา่ นอาจทำ� ใหพ้ วกเหลา่ นน้ี บั ถอื ศาสนาครสิ เตยี นได”้ หลงั จากพระองค์
เสดจ็ ขนึ้ เสวยราชยเ์ พยี งเลก็ นอ้ ย พระองคก์ ท็ รงทำ� ใหส้ งั ฆราชปลั ลกวั สแ์ ปลกใจโดย
มรี บั สงั่ ใหท้ า่ นสงั ฆราชเขา้ เฝา้ ในทร่ี โหฐาน และมพี ระราชดำ� รสั วา่ “ถา้ ทา่ นสามารถทำ� ให้
บคุ คลจำ� นวนหนงึ่ เขา้ รตี ได้ ณ ทใ่ี ด จงบอกใหข้ า้ พเจา้ ทราบ ขา้ พเจา้ จะใหเ้ ขาเหลา่ นนั้
มีผู้ปกครองที่นับถือศาสนาคริสเตียนเพื่อเขาจะได้ไม่ถูกรบกวนจากเจ้าหน้าท่ีไทย”
ในขณะนน้ั ทา่ นสงั ฆราชกำ� ลงั เตรยี มจะเดนิ ทางไปประเทศฝรงั่ เศส และพระบาทสมเดจ็
พระจอมเกลา้ ฯ กโ็ ปรดฯ พระราชทานเงนิ ชว่ ยคา่ เดนิ ทางดว้ ย อยา่ งไรกด็ ที า่ นสงั ฆราช
ปลั ลกวั ส์ แมว้ า่ จะพยายามอยา่ งเฉลยี วฉลาดและกระตอื รอื รน้ เพยี งใด รวมทงั้ ไดร้ บั
พระราชานเุ คราะหด์ ว้ ย แตก่ ไ็ มส่ ามารถเผยแพรศ่ าสนาคาโธลคิ ไดม้ าก จำ� นวนผทู้ นี่ บั ถอื
ศาสนาคาโธลคิ ทง้ั หมดในประเทศไทยมมี ากกวา่ ๗,๐๐๐ เพยี งเลก็ นอ้ ย สว่ นใหญก่ ไ็ มไ่ ด้
เปล่ียนศาสนา แต่สืบเชื้อสายลงมาจากผู้ที่นับถือศาสนาคริสเตียนชาวญวนและ
ชาวโปรตเุ กส

พวกหมอสอนศาสนานกิ ายโปรเตสตนั ท์ ยงิ่ ทำ� งานไดน้ อ้ ยกวา่ นี้ คอื มคี นเขา้ รตี
นอ้ ยกวา่ ๑๐๐ คน และสว่ นใหญก่ เ็ ปน็ ชาวจนี ทท่ี ำ� งานใหแ้ กห่ มอสอนศาสนาเหลา่ นนั้
พวกหมอสอนศาสนานกิ ายโปรเตสตนั ทเ์ สยี เปรยี บเพราะวา่ เพงิ่ เขา้ มา พวกคาโธลคิ ก็
รังเกยี จพวกโปรเตสตนั ท์ และพวกโปรเตสตันท์เองก็แบ่งออกเป็น ๓ นกิ าย ไมช่ ้า
พวกโปรเตสตนั ทก์ เ็ รยี นรถู้ งึ สง่ิ ทพ่ี วกคาโธลคิ ไดท้ ราบมาแตก่ อ่ นนานแลว้ คอื การพดู
ตเิ ตยี นพุทธศาสนานนั้ ไม่กอ่ ให้เกิดประโยชนอ์ นั ใดเลย ช่ัวระยะเวลาหนง่ึ พระบาท
สมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ไมโ่ ปรดพวกโปรเตสตนั ท์ เพราะทรงคดิ วา่ หมอสอนศาสนานกิ าย
โปรเตสตันท์ผู้หน่ึงเป็นผู้ส่งข่าวที่ไม่เคารพต่อพระองค์ไปลงตีพิมพ์ที่เกาะสิงคโปร์
และโปรดฯ ใหว้ างกฎลงโทษหมอสอนศาสนานกิ ายโปรเตสตนั ทอ์ ย่างเบาๆ แต่ไม่ชา้
กท็ รงคนื ดกี บั หมอสอนศาสนาเหลา่ น้ี พระองคป์ ระทานทด่ี นิ ใหเ้ ขาสรา้ งวหิ าร และเมอ่ื
พระอาจารย์เก่าของพระองค์คือ ดร.แคสเวลล์ ถึงแก่กรรม พระองค์ก็ทรงสร้าง
หลกั ศลิ าประกอบหลมุ ฝงั ศพอยา่ งงดงาม พระราชทานภายในปา่ ชา้ นกิ ายโปรเตสตนั ท์

103

หมอสอนศาสนาผหู้ นงึ่ ไดเ้ ขยี นไวว้ า่ ภายในรชั กาลของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ
ประเทศไทย “มีรัฐบาลทีอ่ ะลุ่มอล่วยต่อศาสนาอืน่ ท่ดี ีทีส่ ุดในโลกน้ี”

แมว้ า่ พวกหมอสอนศาสนานกิ ายคาโธลคิ และโปรเตสตนั ทจ์ ะทำ� งานไมใ่ ครไ่ ดผ้ ล
ในการเกล้ียกล่อมคนใหม้ าเข้ารีต แตเ่ ขาก็ยงั ท�ำประโยชนใ์ นดา้ นอื่น ๆ เปน็ อันมาก
เป็นต้นว่าการแต่งพจนานุกรมตีพิมพ์หนังสือในภาษาไทย สร้างโรงเรียนและ
โรงพยาบาล สนบั สนนุ การศกึ ษาทางด้านการแพทย์และวทิ ยาศาสตร์ สิง่ เหล่าน้เี ป็น
ผลงานทพ่ี ระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ ฯ ทรงชนื่ ชมอย่างทส่ี ุด

พระองค์ทรงมีพระหทัยกว้างขวางและมักทรงสนับสนุนแก่ศาสนาอื่นๆ ใน
พระราชอาณาจกั รเชน่ เดยี วกนั พระองคท์ รงมปี ระชาชนทน่ี บั ถอื ศาสนาอสิ ลามอยเู่ ปน็
จำ� นวนมากในจงั หวัดตา่ งๆ ในแหลมมาลายแู ละรอบๆ กรงุ เทพฯ ทรงมีประชาชน
เชอ้ื สายอนิ เดยี เปน็ จำ� นวนมาก บางคนกน็ บั ถอื ศาสนาอสิ ลาม บางคนกน็ บั ถอื ศาสนา
พราหมณ์ ชาวจนี ซงึ่ เปน็ ชนกลมุ่ ใหญแ่ ละมจี ำ� นวนมากทสี่ ดุ กน็ บั ถอื ศาสนาทผี่ สมกนั
หรอื ไมน่ บั ถอื ศาสนาใดเลย ชาวจนี สว่ นใหญน่ บั ถอื พทุ ธศาสนาลทั ธมิ หายานแตเ่ พยี ง
ในนาม การเคารพบชู าบรรพบรุ ษุ และเวทมนตค์ าถากย็ งั มอี ยเู่ ปน็ จำ� นวนมาก ชาวญวนท่ี
ไมน่ บั ถอื นกิ ายคาโธลคิ กน็ บั ถอื พทุ ธศาสนาลทั ธมิ หายาน พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ
ทรงสนพระทัยในชาวญวนเป็นพิเศษ มักทรงสนทนากับพระญวนและเช้ือเชิญให้
ทา่ นเหล่านีเ้ ข้ามาเขา้ รว่ มในการพระราชพิธตี ่าง ๆ

ส�ำหรับบรรดาพราหมณ์ในราชส�ำนัก กิจพิธีทางศาสนาของท่านเหล่าน้ีก็ไม่มี
ความหมายอยา่ งแทจ้ รงิ อะไรอกี แลว้ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ทรงสนบั สนนุ กจิ
พิธเี หลา่ นต้ี อ่ ไป และยงั ทรงยดึ ถอื ในความสำ� คญั ของกิจพิธอี นั โอ่อ่าเหล่าน้ี ท่ีได้รบั
มาจากขนบประเพณขี องขอม แตค่ วามจรงิ พระองคค์ งทรงนยิ มประเพณที ง่ี า่ ยกวา่ ของ
ชนชาวไทย ประเพณเี ชน่ นมี้ ปี รากฏอยอู่ ยา่ งบรสิ ทุ ธใ์ิ นศลิ าจารกึ ของพอ่ ขนุ รามคำ� แหง
ซง่ึ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ได้ทรงค้นพบศลิ าจารกึ หลักน้ีในซากเมอื งสุโขทัย
หลายปมี าแลว้ ไดท้ รงพยายามอา่ นจารกึ หลกั น้ี จนทรงทราบความซง่ึ พระมหากษตั รยิ ์
ไทยในพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๙ ทรงกลา่ วไวใ้ นภาษาไทยอยา่ งงา่ ยๆ ว่า

104

“เมอ่ื ชว่ั พอ่ กู กบู ำ� เรอแกพ่ อ่ กู กบู ำ� เรอแกแ่ มก่ .ู ..พอ่ กตู ายยงั พกี่ ู กพู รำ�่ บำ� เรอแก่
พี่กู ดังบ�ำเรอแกพ่ อ่ กู พี่กูตาย จึง่ ไดเ้ มอื งแก่กูท้งั กลม

เมอื่ ชวั่ พอ่ ขนุ รามคำ� แหง เมอื งสโุ ขทยั นดี้ ี ในนำ้� มปี ลา ในนามขี า้ ว เจา้ เมอื งบเ่ อา
จกอบในไพรล่ ทู่ าง เพอื่ นจงู ววั ไปคา้ ขม่ี า้ ไปขาย ใครจกั ใครค่ า้ ชา้ งคา้ ใครจกั ใครค่ า้ มา้ คา้
ใครจกั ใครค่ า้ เงนิ คา้ ทองคา้ ... ไพรฟ่ า้ ลกู เจา้ ลกู ขนุ ผแิ ลผดิ แผกแสกวา้ งกนั สวนดแู ทแ้ ล้
จงึ แลง่ ความแก่ข้าด้วยซือ่ ..ได้ขา้ เสอื กข้าเสือหัวพุง่ หวั รบกด็ ี บฆ่ า่ บ่ตี

ในปากประตูมีกระด่ิงอันหน่ึงแขวนไว้หั้น ไพร่ฟ้าหน้าปกกลางบ้านกลางเมือง
มถี อ้ ยมคี วาม เจบ็ ทอ้ งขอ้ งใจ มนั จกั กลา่ วถงึ เจา้ ถงึ ขนุ บไ่ ร้ ไปลนั่ กระดง่ิ อนั ทา่ นแขวนไว้
พ่อขนุ รามคำ� แหงเจ้าเมืองไดย้ ินเรยี ก เม่อื ถามสวนความแก่มนั ด้วยซ่อื ไพร่ในเมือง
สโุ ขทยั นจ้ี ง่ึ ชม...พอ่ ขนุ รามคำ� แหง เจา้ เมอื งสโุ ขทยั นท้ี ง้ั ชาวแมช่ าวเจา้ ทว่ ยปว่ั ทว่ ยนาง
ลกู เจา้ ลกู ขนุ ทงั้ สนิ้ ทงั้ หลาย ทงั้ ผชู้ ายทงั้ ผหู้ ญงิ ฝงู ทว่ ยมศี รทั ธาในพระพทุ ธศาสนา”

เราอาจคาดคะเนไดว้ า่ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ คงทรงระลกึ ถงึ ขอ้ ความ
ในศิลาจารึกนีอ้ ย่เู สมอ เพ่อื เป็นแบบฉบบั ท่ีพระองค์จะด�ำเนินตาม เป็นการบงั เอญิ
อย่างแปลกประหลาดท่ีว่าทั้งพ่อขุนรามค�ำแหงและพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
ต้องทรงรอให้พระเชษฐาสวรรคตไปเสียก่อน จึงจะได้ครองราชสมบัติของพระบิดา
อยา่ งไรกด็ ี ทง้ั สองพระองค์ก็ไดท้ รงปฏิบัติตอ่ พระเชษฐาด้วยความจงรกั ภกั ดี แม้วา่
ในสมยั ปจั จบุ นั เราไมอ่ าจยกเลกิ ภาษอี ากรทงั้ หมดได้ แตพ่ ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ
กท็ รงเปลยี่ นแปลงระบบภาษี และทำ� ใหป้ ระชาชนทวั่ ไปตอ้ งเสยี ภาษนี อ้ ยลง พระองค์
ทรงลดกฎทางการคา้ ขายใหน้ อ้ ยลงเทา่ ทส่ี ามารถจะทรงกระทำ� ได้ และแทนทจี่ ะทรงฆา่
หรอื เฆย่ี นตเี ชลยศึก ก็โปรดฯ ยกพวกเหล่าน้ีใหแ้ ก่หมอสอนศาสนานกิ ายคาโธลคิ
พระองค์พยายามที่จะปฏิรูประบบการศาล เมื่อพระองค์ทรงทราบว่าประชาชนของ
พระองคไ์ มก่ ลา้ ทจี่ ะตกี ลองวนิ จิ ฉยั เภรี ซงึ่ ใชแ้ ทน “กระดง่ิ ” หนา้ พระราชวงั พระองคก์ ็
ทรงก�ำหนดเวลาโดยเฉพาะขน้ึ เพือ่ จะเสดจ็ ออกรบั ฎกี าจากราษฎร

105

ขอ้ ความอกี ตอนหนงึ่ ในศลิ าจารกึ กลา่ ววา่ บางวนั พระภกิ ษชุ น้ั อาวโุ ส “ขนึ้ นง่ั เหนอื
ขะดารนี้สวดธรรมแก่อุบาสกฝูงท่วยจ�ำศีล” ขะดารน้ีก็คือพระแท่นมนังคศิลา ซึ่ง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ ฯ ทรงคน้ พบพร้อมกบั ศลิ าจารึก เมอ่ื ยังทรงผนวชอยู่
และพระองค์คงทรงนึกถึงบทความตอนนี้เม่ือพระองค์ข้ึนประทับบนพระแท่น
มนงั คศิลา ณ วัดสมอราย สวดพระธรรมแก่หมอู่ ุบาสกอบุ าสิกา

ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามค�ำแหง หลังจากพรรณนาถึงเมืองสุโขทัยแล้วก็
กลา่ ววา่ “เบอื้ งตะวันตกเมอื งสุโขทัยน้ี มอี รญั ญกิ พ่อขนุ รามคำ� แหงกระทำ� โอยทาน
แก่มหาเถร สังฆราชปราชญ์เรียนจบปิฎกไตรย” ณ ที่นี้เราไม่ควรจะเปรียบเทียบ
ใหม้ ากเกนิ ไปนกั เพราะเหตวุ า่ วดั สมอรายกไ็ มใ่ ชว่ ดั ทเี่ ปน็ ศนู ยก์ ลางทางดา้ นการศกึ ษา
และวัดบวรนิเวศก็เป็นวัดของพระสงฆ์คามวาสี อย่างไรก็ดีพระบาทสมเด็จ
พระนงั่ เกลา้ ฯ กไ็ ดถ้ วายวดั บวรนเิ วศแดพ่ ระภกิ ษสุ มเดจ็ เจา้ ฟา้ มงกฎุ ผู้ “เรยี นจบปฎิ ก
ไตรย”

ต่อมาศิลาจารึกก็บ่งว่าพ่อขุนรามค�ำแหงทรงตั้งตัวหนังสือไทยข้ึนโดยกล่าวว่า
“เมอ่ื กอ่ นลายสือไทยน้บี ่มี ๑๒๐๕ ศกปีมะแม (พ.ศ. ๑๘๒๖) พ่อขนุ รามคำ� แหง
หาใครใ่ จในใจแสใ่ สล่ ายสอื ไทยน้ี ลายสอื ไทยนจ้ี งึ มเี พอื่ ขนุ ผนู้ นั้ ใสไ่ ว”้ สมเดจ็ เจา้ ฟา้
มงกุฎเองก็ได้ทรงตั้งอักษรอริยกะขึ้นเพื่อใช้เขียนภาษาบาลี และทรงตั้งโรงพิมพ์
สำ� หรับพิมพห์ นังสือทางพระพุทธศาสนาขึ้นเป็นแห่งแรก

ศิลาจารึกของพ่อขุนรามค�ำแหงมีข้อความท่ีเพ่ิมเติมขึ้นในตอนท้ายกล่าวว่า
“พ่อขุนพระรามค�ำแหงน้ันหาเป็นท้าวเป็นพระยาแก่ไทยทั้งหลาย หาเป็นครูอาจารย์
สั่งสอนไทยทัง้ หลายให้รู้บญุ ร้ธู รรมแทแ้ ตค่ นอันมีในเมืองไทย ดว้ ยรู้ด้วยหลวกดว้ ย
แกลว้ ดว้ ยหาญ ดว้ ยแคะดว้ ยแรง หาคนจกั เสมอมไิ ด”้ เราอาจสงสยั ไดห้ รอื วา่ พระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าฯ จะไม่ทรงนำ� ข้อความเหล่านมี้ าเปน็ เรอ่ื งบนั ดาลพระทัย

นกั ประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดี ยอ่ มตอ้ งระลกึ ถงึ พระคณุ ของพระบาทสมเดจ็
พระจอมเกลา้ ฯ ด้วยพระองคท์ างยอมรับอยา่ งเสียพระทัยกับเซอรจ์ อห์น บาวรงิ ว่า

106

“ประวัติศาสตร์สมัยโบราณของประเทศไทยยังค่อนข้างมืดมนและเต็มไปด้วยนิยาย
อนั เหลอื เชอื่ ตา่ ง ๆ” แตพ่ ระองคก์ ไ็ มท่ รงยอมใหเ้ ปน็ ดงั นนั้ ตลอดไป ความยากลำ� บาก
ย่อมมีอยู่มากเพราะว่าสรรพต�ำราเก่าต่างๆ ส่วนใหญ่ก็ถูกเผาไปเสียพร้อมกับกรุง
ศรอี ยธุ ยา บคุ คลทไี่ ดร้ บั มอบหมายใหพ้ ยายามสรา้ งประวตั ศิ าสตรไ์ ทยขน้ึ มาใหมจ่ าก
ความทรงจ�ำและเอกสารต่างๆ ทยี่ ังคงเหลืออยู่ กไ็ มม่ ีความสามารถพอ เขามักไม่
เอาใจใส่ต่อศักราชอันแน่นอน หรือใช้สามัญส�ำนึก นอกจากน้ันสิ่งท่ีร้ายท่ีสุดก็คือ
เขามักโยนเอกสารเก่าๆ ทิ้งไปหลังจากท่ีได้ตรวจดูแล้วว่าได้ข้อความอะไรบ้างจาก
เอกสารเหล่านั้น ส่ิงท่ีท่านเหล่าน้ีรวบรวมขึ้นก็มักเป็นการผสมกันระหว่างเร่ืองจริง
และนยิ าย แตถ่ งึ กระนนั้ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ กท็ รงคดิ วา่ สมควรทจ่ี ะคน้ หา
ความจริงในเอกสารเหล่านี้ สมควรที่จะวินิจฉัยและเปรียบเทียบหลักฐานท้ังหมดที่
มีอยู่ ประวัติศาสตร์ควรท่ีจะได้รับการสังคายนาเช่นเดียวกับพระไตรปิฎกดังท่ีเคย
กระทำ� กนั มาแลว้ จงึ ปรากฎวา่ พระองคท์ รงพระราชนพิ นธบ์ ทความวนิ จิ ฉยั ประวตั ศิ าสตร์
หลายเรอ่ื งและบางเรอ่ื งกม็ ตี พี มิ พอ์ ยใู่ นหนงั สอื ของเซอรจ์ อหน์ บาวรงิ ตงั้ แตส่ มยั นน้ั
เป็นต้นมา เราก็ได้รู้เร่ืองราวเก่ียวกับประวัติศาสตร์ตอนต้นของไทยเพ่ิมขึ้นอีก
เป็นอันมาก แม้ว่าบางครั้งพระราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
จะใชไ้ มไ่ ดใ้ นปจั จบุ นั แตถ่ งึ กระนนั้ พระราชวนิ จิ ฉยั เหลา่ นก้ี เ็ ตม็ ไปดว้ ยความเฉลยี ว
ฉลาดและมงุ่ ตรงไปยงั ผลอยา่ งแนช่ ดั ถา้ พระองคไ์ มไ่ ดท้ รงเรม่ิ ตน้ ไวก้ อ่ น เรากค็ งไม่
สามารถทราบไดด้ ีถงึ เทา่ ในขณะน้ ี

เซอรจ์ อหน์ บาวรงิ เคยไดเ้ หน็ หอพระสมดุ และการเรมิ่ ตน้ จดั พพิ ธิ ภณั ฑสถาน
ของพระองค์ ทา่ นได้เขยี นวา่ “มเี ครือ่ งประดับทุกชนิด หลายชนดิ เก่ียวกบั ธรรมชาติ
เปน็ ตน้ วา่ นอแรดรปู รา่ งแปลกประหลาด และงาชา้ ง ประตมิ ากรรมหลายชนิ้ จากทวปี
ยโุ รป แจกนั กระเบอ้ื งถว้ ยจากประเทศจนี เครอ่ื งทรงสมยั โบราณของพระมหากษตั รยิ ท์ ี่
ลว่ งลบั ไปแลว้ งาชา้ งและไมจ้ ำ� หลกั อยา่ งงดงาม เครอื่ งประดบั ทองและเงนิ พรอ้ มดว้ ย
เคร่ืองเพชรนิลจินดาเป็นจ�ำนวนมาก พระพุทธรูปหลายองค์ และองค์หน่ึงก็ว่าเป็น
ทองแท้ท้ังองค”์ ต่อมาอีก ๒-๓ ปี สิ่งของเหล่านก้ี ็เพม่ิ จำ� นวนมากข้นึ จนพระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าฯ ต้องทรงสร้างอาคารเป็นพิเศษส�ำหรับจัดตั้งขึ้นในพระบรม

107

มหาราชวงั เมอื่ พระองคเ์ สดจ็ สวรรคตแลว้ สงิ่ ของเหลา่ นก้ี ก็ ลายมาเปน็ สมบตั ขิ องชาติ
ซึ่งปจั จบุ นั น้ี ไดจ้ ัดตั้งอยู่ในพระบวรราชวังอันสง่างาม

ในระหวา่ งทเ่ี สดจ็ ธดุ งคเ์ มอ่ื ยงั ดำ� รงภกิ ษภุ าวะอยพู่ ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ
ไดท้ รงพจิ ารณาซากเมอื งสโุ ขทยั ทอดพระเนตรศาสนสถานอนั ใหญโ่ ตเรน้ ลบั เหลา่ นน้ั
ทปี่ รกั หกั พงั อยูใ่ นป่าตา่ งๆ ดว้ ยความเศร้าพระทยั โบราณสถานเหล่านี้ไม่ว่าจะเปน็
แบบขอมหรอื ไทยยอ่ มมคี วามหมายตอ่ พระองคแ์ ละประชาชนของพระองค์ ถา้ สามารถ
ทราบความหมายรู้เร่ืองได้ พระองค์จึงได้ทรงเชื้อเชิญให้นักโบราณคดีชาวฝร่ังเศส
เข้ามาศกึ ษาซากโบราณสถานเหล่านี้ เพ่อื เปิดเผยความลับในอดตี ด้วยการใช้เทคนิค
แบบใหม่ สิ่งนน้ี บั ว่าเป็นการเรม่ิ ต้นที่ดแี ละจะมผี ลย่ิงขึน้ ในรัชกาลต่อๆ มา

ในบรเิ วณพระบรมมหาราชวงั ณ กรงุ เทพฯ ใกลก้ บั พระอโุ บสถวดั พระศรรี ตั น-
ศาสดาราม ยงั มรี ปู จำ� ลองปราสาทนครวดั ขนาดใหญ่ ซงึ่ เปน็ ศาสนสถานขนาดมโหฬารท่ี
มชี อื่ เสยี งในประเทศกมั พชู า พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ กโ็ ปรดฯ ใหส้ รา้ งรปู จำ� ลอง
นี้ขน้ึ ในราว พ.ศ. ๒๔๐๕

ขณะเดียวกบั ทที่ รงกระทำ� สงิ่ ตา่ ง ๆ เพือ่ รกั ษาขนบประเพณใี นอดีต พระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าฯ ก็ทรงสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อวัฒนธรรมในสมัยปัจจุบัน
พระองค์ทรงมีรสนิยมอันดีเลิศในทางด้านวรรณคดีและศิลป เมื่อทรงพระเยาว์
เคยประทับท่ีพระบาทของสมเด็จพระบรมชนกนาถซ่ึงเป็นยอดกวี ฟังพระราชด�ำรัส
เกี่ยวกับบทประพันธ์ของพระองค์ หรือมิฉะนั้นก็ตามเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรง
ตรวจตราจิตรกรรมฝาผนังในวัดหรือในพระราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
ทรงสามารถพระราชนพิ นธค์ าถาภาษาบาลที เ่ี ปน็ แบบวรรณคดอี ยา่ งแทจ้ รงิ ตลอดจน
บทกวีนิพนธ์ท่ีใช้ศัพท์ภาษาสันสกฤตได้อย่างไพเราะย่ิง แต่พระองค์ทรงทราบว่า
ส่ิงเหล่านี้มีประโยชน์น้อยต่อประชาชนโดยทั่วไป ด้วยเหตุนี้จึงมักทรงเขียนเป็น
ภาษาไทยอย่างชัดเจนและสามัญ นอกจากนี้ยังทรงตระหนักด้วยว่าจิตรกรรมและ
ประตมิ ากรรม ไมส่ มควรสรา้ งขนึ้ สำ� หรบั ความเพลดิ เพลนิ ของบคุ คลเพยี ง ๒-๓ คน
เทา่ นนั้ แตค่ วรใชเ้ พอื่ สง่ั สอนประชาชพลเมอื ง ชวี ติ ทางสงั คมของประชาชนมศี นู ยก์ ลาง

108

อยู่ในเขตวัด ณ ท่ีน้ันมีพิธีและงานต่างๆ ซึ่งประชาชนอาจผสมความสนุกสนาน
รนื่ เรงิ เขา้ กบั การท�ำบุญ พระมหากษัตริย์องคก์ อ่ น ๆ ได้ทรงสนับสนุนการใช้วัดเพื่อ
การศกึ ษา แมว้ า่ หนงั สอื จะมอี ยนู่ อ้ ย แตจ่ ติ รกรรมฝาผนงั กอ็ าจใชส้ อนไดท้ งั้ เรอ่ื งราว
ของชาวบา้ นและทางศาสนา พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ ฯ เมอื่ ทรงปฏสิ งั ขรณว์ ดั โพธ์ิ
ใหเ้ ปน็ เสมอื นสารานกุ รมที่สรา้ งดว้ ยศลิ าและรปู ภาพ ทงั้ นกี้ เ็ พอื่ สั่งสอนวชิ าการตา่ งๆ
ทเ่ี คยเล่าเรียนกนั มา คือโหราศาสตรแ์ ละภูมิศาสตร์ เช้ือชาตขิ องมนษุ ย์ และยกั ษ์
วิชาทหาร ดาราศาสตร์ สมนุ ไพร และต�ำราหมอนวดแบบโยคะ แต่เม่ือมคี วามคดิ
ทางวทิ ยาศาสตรใ์ หมๆ่ มากจากทางทศิ ตะวนั ตก วชิ าเหลา่ นกี้ ล็ า้ สมยั ไป สมควรทจี่ ะ
รักษาไว้เพ่ือเหตุผลทางด้านประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ก็ไม่ควรใช้สอนอย่างจริงจัง
ต่อไป ด้วยเหตุน้ีวัดบวรนิเวศจึงเป็นวัดท่ีถูกต้องตามสมัยยิ่งกว่า บนผนังในวัดนี้
ขรวั อนิ โขง่ ชา่ งเขยี นในสมยั นนั้ กว็ าดรปู เรอื กลไฟ รถไฟ และภาพตา่ งๆ จากตา่ งประเทศ
ในสมยั นนั้ เปน็ ตน้ วา่ ภาพภเู ขาเวอรน์ อน (Mount Vernon) ในสหรฐั อเมรกิ า และ
ภาพเดอร์บี้ (Derby) ในประเทศองั กฤษ ทัง้ หมดน้ีดูคลา้ ยกบั วา่ ลอกแบบมาจาก
ภาพพมิ พข์ อง อลั เกน(Alken) คอื ศลิ ปินชาวองั กฤษในพุทธศตวรรษที่ ๒๔

งานรนุ่ แรก ๆ ของขรวั อนิ โขง่ วาดขน้ึ ตามประเพณขี องจติ รกรรมไทยสมยั โบราณ
คอื มรี ปู บคุ คลทม่ี ชี วี ติ จติ ใจแตไ่ มเ่ หมอื นจรงิ วาดขนึ้ อยา่ งละเอยี ด รปู เหลา่ นว้ี าดขนึ้ หนา้
ภาพภูมิประเทศชนิดทีท่ ำ� ให้เห็นกริ ิยาท่าทางอยา่ งชัดเจน มากกว่าท่จี ะใหก้ ลนื ไปกบั
ภาพภมู ปิ ระเทศนนั้ และไมเ่ คารพตอ่ กฎแหง่ ทศั นยี วสิ ยั (perspective) จากภาพเขยี น
และภาพพิมพ์ของยุโรปท่ีเขาได้เห็น ขรัวอินโข่งก็เริ่มศึกษาถึงกฎแห่งทัศนียวิสัย
และโดยเฉพาะอย่างย่ิงผลแห่งการแลเงา งานของท่านที่วัดบวรนิเวศแสดงถึงความ
ลกึ ลบั ของสง่ิ เหลา่ น้ี ทา่ นตอ้ งลอกแบบมากกวา่ ทจี่ ะใชค้ วามพจิ ารณาจากของจรงิ ทงั้ น้ี
เพราะทา่ นไมเ่ คยไปตา่ งประเทศ และประเพณที ด่ี ที สี่ ดุ ในศลิ ปไทยกค็ อื การขยายภาพ
ออกจากของเดมิ ทเ่ี ลก็ กวา่ โดยใชค้ วามคดิ อา่ นทเ่ี ฉลยี วฉลาดตอ่ เตมิ สงิ่ ทข่ี าดหายไป
เอาเอง งานชนิ้ เอกของขรวั อนิ โขง่ กค็ อื ภาพแสดงถงึ ประวตั ศิ าสตรส์ มยั อยธุ ยา วาดขน้ึ
บนผนังช้ันในของหอราชกรมานุสรณ์ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ณ ที่นี้
ทา่ นวาดภาพเกยี่ วกบั ประชาชนไทยในภมู ปิ ระเทศไทย และแมว้ า่ ทา่ นจะวาดภาพเหลา่ น้ี

109

ขน้ึ จากความทรงจำ� ยง่ิ กวา่ จากชวี ติ จรงิ ๆ กเ็ ปน็ ทสี่ งั เกตเหน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ ทา่ นได้
ใช้ความสังเกตเกี่ยวกบั ส่ิงเหลา่ นไ้ี ด้อยา่ งแหลมคม โดยทไี่ มไ่ ด้เสียสละความชดั เจน
ของภาพตามประเพณีเดิม ท่านกส็ ามารถวางภาพบุคคลลงได้อย่างน่าดู ภายในภาพ
ภมู ปิ ระเทศคอื บคุ คลทอ่ี ยไู่ กลกแ็ ลเหน็ ไดช้ ดั นอ้ ยลง และภาพกลางคนื ซง่ึ มไี ตแ้ ละไฟ
ประกอบกข็ ดั แยง้ กบั เงาสดี ำ� ลกึ อยา่ งงดงาม การผสมกนั ระหวา่ งประเพณเี กา่ และใหม่
เช่นนี้ กอ่ ให้เกิดภาพท่งี ดงามอย่างน่าประหลาด ไม่เหมอื นกบั จิตรกรไทยรุ่นหลังๆ
ขรัวอินโข่งแสดงได้ทั้งประเพณีแบบเก่าและใหม่ที่ดีที่สุด ลักษณะความมุ่งหมาย
ในการวาดภาพของทา่ นกเ็ หมอื นกบั ลกั ษณะความมงุ่ หมายของพระบาทสมเดจ็ พระ-
จอมเกลา้ ฯ ในการปกครองประเทศ

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงเป็นนักก่อสร้างที่ส�ำคัญ พระองค์โปรด
ดดั แปลงสถาปตั ยกรรมแบบยโุ รปใหเ้ ขา้ กบั ความตอ้ งการของชาวไทย ทโ่ี ปรดมากกค็ อื
อาคารปนู ชนั้ เดยี วทเี่ ยน็ สบาย มหี ลงั คาเปน็ รวิ้ และมแี นวเสาอยดู่ า้ นหนา้ อาคารแบบนี้
มลี กั ษณะคลา้ ยกบั การฟน้ื ฟสู ถาปตั ยกรรมแบบกรกี รนุ่ หลงั ใน แควน้ คาโรไลนาภาคใต้
(South Carolina) และ แควน้ หลยุ เซยี นา (Luisiana) ในสหรฐั อเมรกิ า แตม่ รี ปู รา่ ง
เรียบๆ กว่า สถาปัตยกรรมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ตกแตง่ ดว้ ย
ลวดลายเคร่ืองประดับแบบจีนอย่างงดงาม ลวดลายแบบน้ีเป็นท่ีนิยมกันมากใน
รชั กาลกอ่ น การผสมกนั เชน่ นไี้ ดส้ ดั สว่ นและเหมาะสม ไมส่ แู้ ปลกประหลาดเหมอื นดงั
ทอี่ าจคาดคดิ ทงั้ น้ี เพราะสว่ นผสมกเ็ ปน็ เชน่ เดยี วกบั ชปิ เปนเดล (Chippendale)
คอื เครอื่ งเรอื นของประเทศองั กฤษในพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๓ แสดงการผสมกนั ของศลิ ปะ
หลายแบบน่นั เอง

พระราชวงั ฤดรู อ้ นของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ซง่ึ สรา้ งขนึ้ ทเ่ี มอื งเพชรบรุ ี
งามนา่ รักอยา่ งเงยี บสงบ บนยอดเขาใหญ่ซง่ึ ต้ังเดน่ อยูก่ ลางท่งุ นาก็มหี มตู่ ึกสีขาวรูป
ส่ีเหลี่ยมตั้งอยู่คละกันไป รอบๆ และในระหว่างตึกเหล่านั้นมีต้นลั่นทมข้ึนอยู่เป็น
ร้อยๆ ต้น ต้นล่นั ทมเหล่านีป้ ัจจบุ นั ข้นึ สูงจนดูคล้ายป่าสง่ กลน่ิ หอมอบอวลคลา้ ยกบั
ส่งความอาลยั สมช่ือ

110

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ได้ทรงส�ำนึกถึงภัยอันตรายจากต่างประเทศ
ตอ่ ประเทศไทยมานานแลว้ ในระยะตน้ รชั กาลที่ ๓ รฐั ในแหลมมลายบู างแหง่ ซง่ึ เคย
เปน็ ประเทศราชขน้ึ ตอ่ ประเทศไทยไดถ้ กู ประเทศองั กฤษยดึ เอาไป แตเ่ นอ่ื งจากดนิ แดน
เหลา่ น้อี ยไู่ กล ประชาชนก็พดู ภาษาและนับถือศาสนาอืน่ ชาวไทยจึงไมใ่ คร่รสู้ ึกถึง
การสญู เสียคร้งั น้นี ัก ในราว พ.ศ. ๒๔๐๕ เมือ่ การแสวงหาอาณานคิ มของชาวยุโรป
ใกลเ้ ข้ามา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ กไ็ ม่ไดท้ รงเตรียมพร้อม คร้ังนอ้ี นั ตราย
มาจากประเทศฝรงั่ เศสแปลงรปู อยใู่ นสงิ่ ซงึ่ พระองคต์ รสั เรยี กวา่ “วาจาอนั มดื มนและ
ค�ำเสนอทีห่ ลอกลวงอยา่ งน่าอึดอดั ”

ประเทศกัมพชู าเป็นประเทศราชของประเทศไทย เป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว
ที่มีการสมรสและผสมกันอย่างสนิทสนมระหว่างประชาชนทั้งสองชาติ แม้ว่าภาษา
ของชาตทิ งั้ สองนแี้ ตกตา่ งกนั อยา่ งสน้ิ เชงิ กจ็ รงิ แตต่ า่ งกข็ อยมื ศพั ทม์ าจากอกี ภาษาหนงึ่
อยา่ งมากมาย ในระยะนี้ชาวกมั พูชาไดน้ ับถือพุทธศาสนามาเป็นเวลาราว ๕๐๐ ปี
และมีการติดตอ่ ทางศาสนาอย่างสนิทชดิ เชอ้ื กับชาวไทย แควน้ ๒ แควน้ ในประเทศ
กัมพูชาคือ เสียมราฐ และพระตะบอง ซ่ึงมีชนชาติไทยอาศัยอยู่เป็นชนกลุ่มน้อย
แตก่ ไ็ ดถ้ อื วา่ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของประเทศไทย สถานการณย์ งุ่ ยากขน้ึ เพราะเหตวุ า่ ชาวญวน
ก็อ้างว่าตนมีอ�ำนาจเหนือประเทศกัมพูชาด้วย ประเทศฝรั่งเศสหลังจากปราบปราม
ดนิ แดนภาคใตข้ องพระราชาแหง่ ประเทศเวยี ตนามแลว้ กย็ น่ื มอื เขา้ มาคมุ้ ครองประเทศ
กัมพูชาโดยอ้างว่าจะท�ำให้ประเทศกัมพูชาไม่ต้องข้ึนทั้งแก่ไทยและญวน ค�ำเสนอนี้
มกี ารแสดงอำ� นาจขปู่ นอยดู่ ว้ ยอยา่ งเงยี บๆ และประเทศกมั พชู ากต็ กลงรบั คำ� เสนอนนั้
ใน พ.ศ. ๒๔๐๗

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงตระหนักดีว่าถ้าพระองค์ทรงพยายามท่ี
จะสู้รบกบั ประเทศฝรั่งเศสกค็ งจะพ่ายแพ้ สง่ิ ท่ีดที ส่ี ดุ ทพี่ ระองคค์ วรทรงกระท�ำก็คือ
การจ�ำกัดขอบเขตแหง่ การขยายอ�ำนาจครงั้ นีด้ ว้ ยการทตู อย่างเชย่ี วชาญของพระองค์
และมีประเทศอังกฤษสนับสนุน เพราะเหตุว่าอังกฤษย่อมไม่ชอบการขยายตัวของ
คแู่ ขง่ ขนั ในภมู ภิ าคแถบนี้ จงึ มกี ารประนปี ระนอมกนั และกม็ กี ารเซน็ สญั ญาสละอำ� นาจ

111

ของประเทศไทยเหนือประเทศกัมพูชา แต่ฝรั่งเศสยอมรับว่าแคว้นเสียมราฐและ
พระตะบองยงั คงเป็นของไทยอยู่

พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าฯ ทรงมีพระสนมหลายคน ในจ�ำนวนน้ี ๒๗ คน
มพี ระราชโอรสธดิ า พระราชโอรสธิดามจี ำ� นวนทั้งหมด ๘๒ พระองค์ การมสี นมเป็น
จ�ำนวนมากเช่นน้ีไม่ได้หมายความว่าเป็นการสนุกสนานส่วนพระองค์ของพระราชา
เทา่ นน้ั แตค่ ลา้ ยกบั พระอนิ ทร์ เทพเจ้าผู้มนี างอัปสรเป็นจำ� นวนพันๆ บำ� รุงบ�ำเรออยู่
บนสวรรค์ ประเพณกี ็สนบั สนุนดว้ ยว่าพระราชาควรตอ้ งมสี นมหลายคน นอกจากน้ี
การมสี นมหลายคนกเ็ ป็นเครอื่ งสนบั สนนุ ทางด้านการเมอื งดว้ ย พระราชาอาจผูกพนั
ความซ่ือสัตย์ของเจ้าประเทศราชและขุนนางผู้มีอ�ำนาจได้โดยทรงรับธิดาของท่าน
เหลา่ นนั้ มาเปน็ เจา้ จอม นอกจากนพี้ ระมหากษตั รยิ ก์ ส็ มควรทจ่ี ะมผี สู้ ามารถสบื ราชสมบตั ิ
ต่อลงมาจากพระองค์อีกหลายองค์ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ทรงผนวชอยถู่ งึ
๒๗ ปี ดงั นน้ั จงึ เปน็ หนา้ ทข่ี องพระองคท์ จี่ ะตอ้ งทดแทนเวลาทเ่ี สยี ไป จงึ ทรงมพี ระราช
โอรสธดิ าใหม้ ากทีส่ ดุ เทา่ ทจ่ี ะมากได้

พระสนมของพระองคแ์ มว้ า่ จะมอี ยเู่ ปน็ จำ� นวนมาก แตก่ ย็ งั นอ้ ยกวา่ ในรชั กาลกอ่ นๆ
และนอกไปจากบางคนทพี่ ระองคโ์ ปรดปรานเปน็ พเิ ศษแลว้ สว่ นใหญพ่ ระองคก์ ไ็ มไ่ ด้
สนพระทยั ราษฎรของพระองคก์ ต็ อ้ งการทจ่ี ะไดพ้ ระองคเ์ ปน็ บตุ รเขย และอยากทจี่ ะมี
หลานเปน็ เจา้ จงึ พยายามทจ่ี ะถวายบตุ รสาวแกพ่ ระองคย์ ง่ิ กวา่ ทพ่ี ระองคจ์ ะทรงยนิ ดรี บั
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ มพี ระราชดำ� รัสอยูเ่ สมอวา่ พระองคท์ รงมีพระสนม
เกินพระราชประสงค์ และประกาศฉบับหน่ึงของพระองค์ก็วางกฎข้ึนเป็นพิเศษ
พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สนมเหล่าน้ีกราบถวายบังคมลาออกไปสมรสกับ
บุคคลสามญั ได้

พระองค์ทรงตระหนักดีว่าเม่ือพระราชโอรสของพระองค์เจริญพระชนมายุข้ึน
หลายพระองค์คงจะได้ทรงเข้ารับราชการในต�ำแหน่งท่ีส�ำคัญๆ ดังนั้นจึงมีพระราช
ประสงค์ทีจ่ ะใหพ้ ระโอรสเหลา่ น้ไี ด้ทรงรับการศกึ ษาตามแบบแผนใหม่ พระองคท์ รง
เล็งเห็นความจ�ำเป็นที่ว่าพระราชโอรสเหล่าน้ีจะต้องทรงศึกษาภาษาอังกฤษต้ังแต่ยัง

112

ทรงพระเยาว์ ดว้ ยเหตนุ น้ั เมอื่ ภรรยาของหมอสอนศาสนาบางคนอาสาทจี่ ะสอนถวาย
เจา้ นายเหลา่ นน้ั พระองคก์ ท็ รงยนิ ดรี บั แตใ่ นทส่ี ดุ กต็ ดั สนิ พระราชหฤทยั ทจ่ี ะจา้ งครู
ชาวองั กฤษเปน็ พิเศษ ส�ำหรบั สอนภาษาอังกฤษแก่พระราชโอรสธิดา ดังนั้นใน พ.ศ.
๒๔๐๕ จึงทรงจ้าง นางแอนนา ลโิ อโนเวนส์ (Mrs. Anna Leonowens) เข้ามา

แต่การจา้ งนางลิโอโนเวนสน์ ้กี ็เป็นสิ่งท่ผี ดิ เพราะเหตวุ า่ เธอไม่ประสบผลสำ� เรจ็
มากนกั ในการสอน และอกี ๕ ปตี อ่ มากเ็ ดนิ ทางกลบั ตอ่ มาเธอไดแ้ ตง่ หนงั สอื ขน้ึ ๒ เลม่
คือ “ครหู ญิงชาวองั กฤษ ณ ราชสำ� นักไทย (The English Governess at the
Siamese court)” และ “ความรกั ในฮาเรม็ (The Romance of the Harem)”
ทัง้ ๒ เลม่ กล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ไปในทางไม่ดี เนื่องจากหนังสอื
ท้งั ๒ เล่มน้ี มผี ู้น�ำมาเขยี นข้นึ ใหม่โดยได้รับความส�ำเรจ็ อยา่ งงดงาม รวมท้ังแต่ง
เป็นบทละครและเล่นเป็นภาพยนตร์ด้วย ดังนั้นจึงน่าท่ีจะส�ำรวจดูนิสัยใจคอของ
นางลิโอโนเวนส์ และวิธีแตง่ หนังสือของเธอไว้ ณ ท่นี ี้

นางลโิ อโนเวนสเ์ ป็นหมา้ ยแตย่ ังสาว เหตุนน้ั จึงตอ้ งตกอย่ใู นความยากล�ำบาก
แต่ความยากล�ำบากน้กี ไ็ มท่ ำ� ให้เธอทอ้ ถอย เธอเป็นผ้หู ญงิ ทก่ี ลา้ และความจริงแล้ว
ก็กล้ากว่าที่ควร เพราะเหตุว่าบางครั้งความหวาดระแวงของเธอก็ไม่มีเหตุผลเลย
เธอไมค่ อ่ ยมองดอู ะไรตามความเปน็ จรงิ แตช่ อบคดิ ฝนั ดงั นนั้ จงึ เปน็ ผทู้ ไ่ี มค่ อ่ ยมเี หตผุ ล
และชอบสรา้ งเรอื่ งราวขนึ้ ตามอารมณ์ ขา้ พเจา้ คดิ วา่ ลกั ษณะเชน่ นเี้ ปน็ นสิ ยั ใจคอของ
นางลโิ อโนเวนส์ ดังทอ่ี าจจะเหน็ ไดจ้ ากข้อความบางตอนในหนังสอื ของเธอ

เม่ือเธอต้ังใจ เธอก็สามารถแสดงภาพของตัวเธอเองได้อย่างบริสุทธ์ิผุดผ่อง
ณ ทนี่ เี้ ธอเปน็ หญงิ ทเ่ี สยี สละ มคี วามงามชนดิ ทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายได้ และคอ่ ยๆ
ยกฐานะของชนชาตปิ า่ เถอ่ื นขน้ึ ภาพของตวั เธอเองเธอไดว้ าดขนึ้ อยา่ งสงู สง่ และเตม็ ไป
ด้วยชีวิตจิตใจ แต่ภาพเช่นนี้ก็ไม่ใช่ภาพท่ีเป็นจริง เธอเข้าใจพระราชประสงค์ของ
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ผดิ พระองคเ์ พยี งแตต่ อ้ งการใหเ้ ธอสอนภาษาองั กฤษ
เท่านัน้ พระองค์ไมไ่ ดพ้ ยายามเกี้ยวพาราสเี ธอ และไม่เอาพระทัยใสต่ อ่ การพยายาม
สั่งสอนศาสนาของเธอ

113

นางลโิ อโนเวนสส์ ามารถแตง่ หนงั สอื ไดด้ ี ภาษาของเธอมชี วี ติ จติ ใจและสว่ นใหญ่
กพ็ รรณนาอยา่ งง่ายๆ เธอมตี าคมสำ� หรบั สงั เกตภาพภูมปิ ระเทศ และเมอื่ บรรยายถึง
ภาพประทับใจทางสายตาแล้วเธอก็ท�ำได้ดีท่ีสุด ส�ำหรับผู้อ่านตามธรรมดาเราก็อาจ
มองขา้ มความผดิ พลาดเลก็ ๆ นอ้ ยๆ และลกั ษณะทางภมู ศิ าสตรท์ ส่ี บั สนของเธอไปได้
บทความตอนทด่ี ที สี่ ดุ ของเธอเกย่ี วกบั พทุ ธศาสนากค็ ดั ลอกมาอยา่ งเงยี บๆ จากนกั เขยี น
สมยั เกา่ กวา่ ความคดิ เหน็ ของเธอเองเมอ่ื กลา้ แสดงออกมา กไ็ มม่ คี ณุ คา่ อะไร เธอไม่
สามารถเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใด ในราชส�ำนักของพระราชาที่ทรงนับถือพุทธศาสนา
จงึ ยงั คงประกอบพธิ พี ราหมณอ์ ยู่ และเธอกห็ ลงผดิ เอาวดั ทมี่ ชี อ่ื เสยี งทสี่ ดุ ในกรงุ เทพฯ
วัดหน่ึงว่าเป็นโบสถ์พราหมณ์

เมอ่ื เธอวาดภาพดว้ ยการเยนิ ยอเธอเอง ภาพของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ
กก็ ลบั กลายเปน็ สง่ิ ทตี่ รงกนั ขา้ ม จงึ ทำ� ใหผ้ อู้ า่ นหนงั สอื ของเธอเขา้ ใจผดิ เพราะเหตวุ า่
ดคู ลา้ ยกบั วา่ เธอกำ� ลงั พยายามที่จะบรรยายถงึ นสิ ยั ใจคอของบคุ คลทคี่ ่อนข้างสับสน
อย่างเปน็ กลางและระมดั ระวงั เธอชมเชยพระองคท์ างด้านความรูค้ วามเฉียบแหลม
วอ่ งไว ความรกั ใครข่ องพระองค์ ตอ่ ประชาราษฎรและความมงุ่ มนั่ ทจ่ี ะทรงเปลยี่ นแปลง
ประเทศใหด้ ขี นึ้ ลกั ษณะเชน่ นเี้ ธอไดย้ กตวั อยา่ งอนั เหมาะสมขน้ึ ประกอบอยา่ งมากมาย
แตใ่ นขณะเดยี วกนั นางลโิ อโนเวนสก์ ก็ ลา่ วขยายเกนิ ความจรงิ เกย่ี วกบั ความโหดรา้ ย
ความโมโหโทโส และตัณหาราคะ ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เธอสรุปวา่
“แม้วา่ พระองคจ์ ะโมโหรา้ ยและชอบแสดงอ�ำนาจ แต่พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าฯ
ก็ยังเป็นเจ้าชายทางทิศตะวันออกท่ีน่าชมท่ีสุดในศตวรรษนั้น ทรงก้าวหน้าย่ิงกว่า
พระมหากษัตริย์ทั้งหมดท่ีเคยปกครองประเทศไทยมา...พระองค์ทรงเล่ือมใสใน
ปรชั ญาชน้ั สงู และคำ� สอนอนั บรสิ ทุ ธขิ์ องพระพทุ ธองคต์ ราบจนเสดจ็ สวรรคต ทางดา้ น
การปกครองบา้ นเมอื ง พระองคก์ ท็ รงปกครองอย่างเฉลยี วฉลาด ทรงสนพระทยั ใน
ความเปน็ อยขู่ องประชาราษฎร ทรงมคี วามเทย่ี งธรรม เอาพระทยั ใสใ่ นขนบประเพณี
อันบริสุทธ์ิและถ้อยค�ำที่ใช้ในราชส�ำนัก พระองค์ทรงระมัดระวังที่จะแสดงให้เห็น
พระราชอ�ำนาจของพระองค์ในประเทศไทย และพระเกียรติยศในนานาประเทศ
นอกไปจากทางดา้ นชีวิตในครอบครัวแลว้ พระองค์กเ็ ปน็ นักปกครองท่ีสามารถและ

114

เต็มไปด้วยคุณความดี...แต่ถ้าพูดทางด้านการเป็นสามีและหัวหน้าครอบครัวแล้ว
พระนิสยั ของพระองคก์ ็กลบั กลายเป็นอกี อย่างหน่ึงชนดิ ตรงกันข้าม”

การกลบั หนา้ มอื เปน็ หลงั มอื เชน่ น้ี ระหวา่ งพระอธั ยาศยั ของพระองคใ์ นทางดา้ น
การปกครอง และทางชวี ติ สว่ นพระองคน์ น้ั เปน็ จรงิ หรอื แตก่ ารปกครองประเทศของ
พระองค์กเ็ ป็นทีร่ ู้จกั กนั ดี จนนางลิโอโนเวนส์ไม่สามารถปฏเิ สธได้ ส�ำหรบั ดา้ นชีวิต
ในครอบครัวของพระองค์ เม่ือเธอกล่าวถึงความไม่ดีต่างๆ จนไม่มีขอบเขตจ�ำกัด
ถา้ พระองคท์ รงปฏบิ ตั ติ อ่ พระสนมอยา่ งโหดรา้ ยทารณุ เชน่ นน้ั กค็ งจะมพี ระสนมเปน็
จำ� นวนมากทก่ี ราบถวายบงั คมลาออกตามประกาศทพี่ ระองคท์ รงตง้ั ไว้ แตน่ ต่ี รงกนั ขา้ ม
จากเรอ่ื งราวทอ่ี าจทราบไดจ้ ากบรรดาผทู้ สี่ บื เชอ้ื สายลงมาจากพระสนมเหลา่ นนั้ บรรดา
พระสนมส่วนใหญ่ดูก็มีความจงรักภักดีต่อพระองค์ เป็นท่ีเห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่
กม็ คี วามพึงพอใจในสถานะของตน

ไม่มขี อ้ สงสัยวา่ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าฯ จะทรงมีพระนสิ ัยฉนุ เฉยี วง่าย
แตก่ ม็ ีตวั อย่างแสดงอยบู่ อ่ ยๆ วา่ พระองค์ไม่ได้ทรงพระพโิ รธไปเป็นเวลานาน และ
พระองค์มักทรงยินดีพระราชทานอภัยแก่ผู้ท่ีท�ำให้ทรงขุ่นเคือง คงจะเป็นด้วยทรง
ทราบดถี งึ พระนสิ ยั อนั ฉนุ เฉยี วงา่ ยของพระองคน์ เ้ี องทท่ี ำ� ใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระจอม-
เกลา้ ฯ ทรงสงั่ สอนอยเู่ สมอถงึ “ความอดกลน้ั ไมโ่ กรธ” และพระองคก์ ท็ รงทราบดถี งึ
ค�ำสั่งสอนของพระพุทธองค์ท่ีว่า “ถ้าบุคคลใดพูดใส่ร้ายตถาคตก็ไม่มีเหตุผลที่ท่าน
จะต้องโกรธบคุ คลเหล่าน้ัน ถา้ ท่านโกรธ ทา่ นไมเ่ พยี งแต่ขนุ่ หมองใจเทา่ น้ัน แตย่ ัง
ไม่สามารถพิจารณาได้ด้วยว่า ค�ำกล่าวหาของเขาเหล่าน้นั เปน็ จรงิ หรือไม่”

นางลิโอโนเวนส์คงกล่าวถูกต้องเม่ือพูดว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
ทรงฉุนเฉียวง่าย แต่เธอก็ขยายลักษณะน้ีออกไปเกินเหตุผล ส�ำหรับพระนิสัยอัน
ไมด่ อี น่ื ๆ ของพระองคท์ เ่ี ธอกลา่ วอา้ งถงึ นน้ั เรากอ็ าจตดั ออกเสยี ได้ พระบาทสมเดจ็
พระจอมเกล้าฯ ไม่โปรดทอดพระเนตรความเจบ็ ปวดของผูอ้ นื่ แตก่ ลับทรงลดโทษ
ท่ีมีอยู่อย่างรุนแรงแก่ผู้กระท�ำผิดลงมา พระองค์ไม่โปรดแม้แต่ลงพระปรมาภิไธย
ประหารชีวิตผูร้ ้ายฆ่าคน และเมือ่ ใดพระองคต์ อ้ งทรงกระท�ำเช่นนนั้ ก็มกั ประทบั อยู่

115

ตลอดคืนด้วยพระหทัยอันขุ่นหมอง และทรงท่องบ่นข้อความต่างๆ จากคัมภีร์
พระไตรปิฎก ส�ำหรับสตรีชาวยุโรปในสมัยน้ัน การมีภรรยาหลายคนก็เป็นเคร่ือง
แสดงอย่างดีถงึ ตณั หาราคะอนั ไม่มีขดี ขั้น แตถ่ ้าเรามองดูในแงท่ ถ่ี ูกตอ้ งแล้วก็ไม่ใช่
เชน่ นนั้ เลย ผทู้ รี่ จู้ กั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ดเี ลา่ วา่ พระองคม์ กั ทรงอายเมอ่ื อยู่
ต่อหนา้ สุภาพสตรีชาววัง ส่ิงนก้ี ไ็ ม่นา่ ประหลาดใจ ถ้าเราคิดวา่ พระองคไ์ ดท้ รงผนวช
เปน็ พระภิกษอุ ยู่เปน็ เวลานาน

นางลิโอโนเวนส์ได้กล่าวอย่างค่อนข้างออกตัวในหนังสือเล่มแรกของเธอว่า
“ข้าพเจ้าได้พยายามที่จะเล่าอย่างเต็มท่ีและตรงไปตรงมาถึงเหตุการณ์และลักษณะ
ที่คอ่ ยๆ ปรากฏขนึ้ แกข่ า้ พเจา้ ในขณะทขี่ า้ พเจา้ เรม่ิ จะเขา้ ใจภาษาทใี่ ชพ้ ดู กนั ” แต่
ภาษาไทยกเ็ ปน็ ภาษาทตี่ อ้ งระมดั ระวงั และปรากฏวา่ นางลโิ อโนเวนสเ์ องกไ็ มส่ ามารถ
ทราบภาษานไี้ ดด้ ี ดงั ในหนงั สอื ของเธอกม็ กั มปี ระโยคและถอ้ ยคำ� ตา่ งๆ ทส่ี มมตุ วิ า่ เปน็
ภาษาไทย แตก่ ส็ บั สนจบั ตน้ ชนปลายไมถ่ กู และแมจ้ ะพยายามสกั เพยี งไรกไ็ มส่ ามารถ
ทราบไดว้ ่าเธอหมายความว่ากระไร เมื่อสภุ าพสตรชี าววงั หรอื คนใชข้ องทา่ นเหลา่ นัน้
พยายามเลา่ ความจรงิ ให้เธอฟงั จึงน่าสงสยั ว่านางลิโอโนเวนสจ์ ะสามารถเข้าใจเร่อื ง
เหล่านนั้ ได้เพียงใด แตเ่ มอ่ื เขาเหลา่ นั้นพยายามเลา่ เรอ่ื งเทจ็ ไมว่ า่ จะดว้ ยความต้งั ใจ
หรือเพื่อให้สนุกสนาน เขาย่อมพยายามอย่างที่สุดที่จะให้เธอเข้าใจเร่ืองท่ีก�ำลังเล่า
อยนู่ นั้ อยา่ งไรกด็ นี างลโิ อโนเวนสค์ งใชเ้ รอื่ งราวเหลา่ นนี้ อ้ ยกวา่ ทเี่ ธอตงั้ ใจใหเ้ ราเชอ่ื วา่
เป็นเชน่ น้ัน และคงใชค้ ำ� ซุบซิบของชาวยโุ รปในขณะน้นั ตลอดจนความนกึ ฝนั ของ
เธอเองมากกว่า บางคร้ังบางคราวเธอก็จะอ่านหนังสือที่มีผู้เขียนไว้ก่อน เกี่ยวกับ
ประเทศไทยหรือประเทศข้างเคียง และเม่ือไปพบเร่ืองแปลกประหลาดที่เธอสนใจ
เธอกจ็ ะยดึ เอาเรอ่ื งนนั้ หรอื เธออาจจะยกเรอื่ งนนั้ ออกมาจากหนงั สอื ทเ่ี ธออา่ น และเอา
มาใส่เข้าทก่ี รุงเทพฯ ในราว พ.ศ. ๒๔๐๕ และหลงั จากไตร่ตรองอยชู่ ่ัวครู่ เธอก็จะ
เขยี นเรอ่ื งนนั้ ขน้ึ ใหมพ่ รอ้ มดว้ ยรายละเอยี ดของเหตกุ ารณท์ แ่ี วดลอ้ มในระยะนน้ั และ
มีประชาชนทงั้ หญิงและชายในขณะน้ันเปน็ ตัวเรื่อง

ลกั ษณะเชน่ นคี้ อื ทอ้ งเรอื่ งของหนงั สอื “ครหู ญงิ ชาวองั กฤษ” เมอื่ นางลโิ อโนเวนส์
แตง่ หนงั สือเรื่อง “ความรักในฮาเรม็ ” นน้ั เธอออกจากประเทศไทยไปนานแลว้ และ

116

ความจรงิ ตา่ งๆ ทเ่ี ธอเคยรอู้ ยกู่ ร็ อ่ ยหรอลงไป ในหนงั สอื เลม่ หลงั นเี้ ธอคดั ลอกมาจาก
หนงั สอื อน่ื ๆ มากยง่ิ ขนึ้ แตไ่ ดเ้ ปลย่ี นแปลงและปรบั ปรงุ เสยี จนคลา้ ยกบั วา่ เธอไดเ้ หน็
มาดว้ ยตนเอง หรอื ไดย้ นิ มาจากวงการทค่ี วรเชอื่ ถอื ได้ เธอไดก้ ลา่ วไวอ้ ยา่ งไมอ่ ดสใู น
คำ� นำ� ของเธอวา่ “แมว้ า่ เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทจี่ ะเลา่ ตอ่ ไปในหนงั สอื เลม่ นี้ บางเรอ่ื งออกจะ
ดูแปลกประหลาดมากส�ำหรบั ผู้อ่านชาวตะวันตก แตข่ ้าพเจ้าก็เห็นเป็นความจำ� เปน็ ที่
จะต้องแถลงให้ทราบวา่ เหตกุ ารณเ์ หล่านี้เป็นเรื่องจริง”

เปน็ การนา่ เบอ่ื หนา่ ยทจ่ี ะสำ� รวจดู “เหตกุ ารณท์ แ่ี ปลกประหลาด” เหลา่ นด้ี งั ทเี่ ธอ
เล่าไว้ จะขอยกตวั อย่างในทน่ี เ้ี พยี ง ๓ เรอื่ ง คือ

เรื่องที่ ๑ ซึง่ เราอาจละทิ้งไปได้อยา่ งรวดเรว็ เธอบอกวา่ พระบาทสมเด็จพระ-
จอมเกลา้ ฯ ทรงขงั สภุ าพสตรที ไี่ มเ่ ชอื่ ฟงั พระองคไ์ วใ้ นคกุ ใตด้ นิ ในพระบรมมหาราชวงั
ท่านผู้ใดที่เคยอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ย่อมทราบแล้วว่า ณ ที่น้ันไม่อาจมีห้องใต้ดินได้
แม้แต่ปัจจุบันก็ยังเป็นการยากล�ำบากท่ีจะสร้างห้องใต้ดิน ไม่ว่าแบบใดลงในพื้นท่ี
ทเี่ ตม็ ไปดว้ ยนำ้� เชน่ นนั้ กอ่ นทจี่ ะรจู้ กั การใชค้ อนกรตี เสรมิ เหลก็ ยอ่ มเปน็ ไปไมไ่ ดเ้ ลย
ท่ีจะสร้างคกุ ใตด้ นิ ข้นึ ในกรงุ เทพฯ

เร่อื งที ๒ เธอเลา่ วา่ เมอ่ื พระสนมคนหน่งึ หลบหนีออกไปกบั พระสงฆ์ พระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าฯ กโ็ ปรดให้เผาคนทั้งสองเสยี ทง้ั เป็น เราอาจตั้งข้อสงสัยไดว้ ่า
เมอ่ื นางลโิ อโนเวนสก์ ลา่ ววา่ การเผาทงั้ เปน็ นท้ี ำ� ขน้ึ ตอ่ หนา้ ประชาชนทง้ั กรงุ เทพฯ เหตใุ ด
เรื่องนี้จึงไม่ปรากฏในหนังสืออ่ืนๆ ท่ีเขียนขึ้นไม่ว่าโดยชาวไทยหรือชาวยุโรปที่อยู่
ณ กรุงเทพฯ ในขณะน้ัน นอกจากน้ีนิยายเร่ืองน้ีก็ไม่ตรงกับบุคลิกลักษณะของ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เลย นางลิโอโนเวนส์เองก็ต้องออกตัวไว้ในเร่ืองนี้
ซ่ึงเธอเขียนไว้ว่า “เพ่ือจะถวายความยุติธรรมแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
ขา้ พเจา้ ต้องกล่าวไว้ ณ ทีน่ ้วี ่า เนอื่ งจากพระองคไ์ ด้เคยทรงด�ำรงภกิ ษภุ าวะมาแลว้
พระองค์จึงได้รับการส่ังสอนให้แลเห็นว่า โทษที่บุคคลทั้งสองได้ประพฤติขึ้นน้ัน
เป็นโทษท่ีชั่วช้าที่สุดที่อาจกระท�ำลงไปได้” เธอกล่าวว่าพระองค์มีพระราชด�ำรัสว่า
“กฎหมายของเราเขม้ งวดมากสำ� หรบั ความผดิ เช่นน”ี้

117

แต่ความจริงเป็นเช่นนั้นหรือ กฎหมายเพียงแต่กล่าวว่าพระสงฆ์ท่ีไม่บริสุทธิ์
จำ� ตอ้ งสกึ ถกู เฆย่ี น และสง่ ไปเปน็ ตะพนุ่ หญา้ ชา้ ง ในคณะสงฆท์ มี่ อี ยเู่ ปน็ จำ� นวนพนั ๆ รปู
พระสงฆ์ทไี่ มบ่ รสิ ุทธ์ิก็ยอ่ มหาไดง้ ่ายและช้างกไ็ ม่อดหญา้ ถ้าการลงโทษมจี รงิ อยา่ งท่ี
นางลิโอโนเวนส์กล่าว การเผาคนทั้งเป็นเชน่ น้ีก็ยอ่ มเปน็ ของธรรมดา หรอื เราจะต้อง
เชอื่ วา่ โทษใหเ้ ผาทงั้ เปน็ นใ้ี ชเ้ ฉพาะแกพ่ ระสงฆท์ หี่ นไี ปกบั สตรชี าววงั แมว้ า่ กฎหมายเกา่
จะลงโทษถงึ ตายกจ็ ริง แตก่ ็ไม่ใชโ่ ดยการเผาทงั้ เปน็ และกฎหมายนีก้ ไ็ ม่ไดใ้ ชแ้ ล้ว
ในขณะนนั้ ความจรงิ มจี ดหมายเหตปุ รากฏอยวู่ า่ ชายผหู้ นง่ึ ทห่ี ลบหนไี ปกบั สตรชี าววงั
ของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ กถ็ กู ปลอ่ ยแตโ่ ดนปรบั เงนิ เปน็ จำ� นวน ๑๒๐ บาท

เรอื่ งที่ ๓ กลา่ วถงึ ประตใู หมข่ องพระบรมมหาราชวงั ทส่ี รา้ งขนึ้ ใน พ.ศ. ๒๔๐๘
นางลโิ อโนเวนสเ์ ลา่ วา่ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ โปรดใหม้ กี ารบชู ายญั มนษุ ยใ์ น
โอกาสนนั้ ตอ่ หนา้ ขา้ ราชสำ� นกั ทง้ั หมด คอื ผไู้ มม่ คี วามผดิ บางคนจะถกู จบั ฆา่ และฝงั ไว้
ใตเ้ สาประตู เพอื่ วา่ วญิ ญาณของเขาจะไดม้ าสงิ อยู่ ณ ทนี่ น้ั และบอกขา่ วใหร้ เู้ มอื่ จะมี
อนั ตราย เรอื่ งนไี้ มม่ คี วามจรงิ เลยแมแ้ ตน่ อ้ ย ถงึ แมว้ า่ เราอาจผสมกจิ การอนั โหดรา้ ย
และไม่มีเหตุผลนี้ ให้เข้าได้กับบุคลิกลักษณะของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
แตค่ วามจรงิ กม็ ีว่า ไม่มีหนังสอื เล่มใดกลา่ วอา้ งถงึ เหตกุ ารณ์เชน่ นเ้ี ลย แตเ่ น่ืองจาก
เรื่องน้มี ีนกั ประวัติศาสนาชาวยุโรปสมยั ใหมเ่ ช่ือถอื บ้าง จึงสมควรท่จี ะนำ� มากล่าวให้
หมดจด

เป็นความจริงที่ว่าการบูชายัญมนุษย์ท่ีประตูนี้ได้กระท�ำกันในสมัยโบราณท้ัง
ในประเทศอนิ เดยี และภาคเอเซยี อาคเนย์ (ถา้ จะไมก่ ลา่ วถงึ ในทวปี ยโุ รป) มีปรากฏ
อยใู่ นชาดกเรื่องหนึ่ง ชาดกเหลา่ นกี้ ็คือนยิ ายอนั เก่าแกท่ นี่ ำ� มาปรับปรุงใหม่เพอ่ื สอน
ธรรมจริยา และเป็นท่ีแพร่หลายอย่างยิ่งในดินแดนท่ีนับถือพุทธศาสนา ประเพณี
เช่นนจ้ี ึงเปน็ ท่รี ้จู ักกันดใี นนิยายพนื้ เมืองและแม้ว่าจะเลกิ ใช้มาหลายรอ้ ยปแี ลว้ แต่ก็
ยงั ฝงั อยใู่ นความทรงจำ� ของประชาชน สง่ิ เชน่ นค้ี งเปน็ ตน้ เคา้ ของรายงานทบี่ าทหลวง
ฝรัง่ เศส คอื สงั ฆราชบรกู ิแยร์ (Monseigneur Bruguiere) ไดเ้ ขยี นข้ึนใน พ.ศ.
๒๓๗๔ ทา่ นไดใ้ หเ้ รอื่ งราวละเอยี ดของการบชู ายญั ทป่ี ระตู และบอกวา่ เปน็ “ประเพณ”ี

118

ซง่ึ ไมก่ ระทำ� แตเ่ ฉพาะเจา้ นายเทา่ นน้ั แตบ่ คุ คลธรรมดากป็ ระพฤตดิ ว้ ย สงั ฆราชบรกู แิ ยร์
ได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเพยี งประมาณ ๒ ปี และคงเขา้ ใจผดิ ทา่ นไมไ่ ดบ้ อกว่า
ท่านได้เรื่องนี้มาจากแหล่งใด แต่ค�ำบรรยายของท่านก็เป็นแบบกวีนิพนธ์จนไม่อาจ
เชอ่ื ถอื ไดว้ า่ เปน็ ความจรงิ และดคู ลา้ ยกบั วา่ เปน็ การแปลตามใจมาจากนยิ ายพนื้ เมอื ง
อนั เกา่ แก่ ทา่ นสงั ฆราชปลั ลกวั ส์ ซงึ่ เปน็ ผรู้ เู้ รอื่ งเมอื งไทยดกี วา่ ไดค้ ดั ลอกรายงานฉบบั น้ี
ไว้ในหนังสือของท่านช่ือ “ค�ำพรรณนาเกี่ยวกับราชอาณาจักรไทย (Description
du royaume thai)” และไดก้ ลา่ วเพม่ิ เตมิ ไว้ว่าทา่ นเองก็ไม่สู้เชอ่ื ถือรายงานนี้นัก
เซอรจ์ อหน์ บาวรงิ กไ็ ดอ้ า้ งถงึ รายงานฉบบั นเี้ ชน่ เดยี วกนั และกลา่ ววา่ ทา่ นไมส่ ามารถ
ค้นพบถงึ รอ่ งรอยแหง่ การใช้ประเพณีนไี้ ด้ เหตุนั้นจึงคง “เลกิ ใชม้ านานแล้ว”

นางลโิ อโนเวนสไ์ มร่ ะมดั ระวงั เทา่ ทา่ นทง้ั สอง ในขณะทเี่ ราไมส่ ามารถอา้ งหลกั ฐาน
ของทา่ นสงั ฆราชบรกู แิ ยรไ์ ด้ เรากอ็ าจอา้ งถงึ หลกั ฐานของเธอได้ คอื เธอไดม้ าจากทา่ น
สงั ฆราชบรกู แิ ยรน์ นั่ เอง เรารวู้ า่ เธอไดอ้ า่ นหนงั สอื ของทา่ นสงั ฆราชปลั ลกวั ส์ เพราะเหตุ
วา่ มขี อ้ ความอยหู่ ลายตอนในหนงั สอื ของเธอทคี่ ดั ลอกมาจากบทความของทา่ นสงั ฆราช
โดยทไี่ มไ่ ดก้ ลา่ วออกชอ่ื ไว้ และผใู้ ดทไ่ี ดอ้ า่ นคำ� พรรณนาของนางลโิ อโนเวนสเ์ กยี่ วกบั
การบูชายัญที่ประตูเทียบเคียงกับรายงานของท่านสังฆราชบรูกิแยร์ในหนังสือของ
สังฆราชปัลลกวั สแ์ ล้ว จะเห็นว่ามีขอ้ ความคลา้ ยคลึงกันอยา่ งน่าประหลาดใจ เธอให้
รายละเอียดอย่างแปลกประหลาดเช่นเดียวกับท่านบรูกิแยร์มีการใช้ประโยคท่ีเป็น
แบบกวีเชน่ เดยี วกัน และแสดงข้อพสิ ูจนถ์ ึงการคัดลอกของเธอจากการแปลคำ� ภาษา
ฝรั่งเศสวา่ “cordes (เชอื ก)” เป็น “cords (เชอื กอย่างบางๆ)” แทนทจ่ี ะใชค้ �ำวา่
“ropes” เธอไดใ้ ชถ้ อ้ ยคำ� ของสงั ฆราชบรกู แิ ยรเ์ ปน็ ของเธอเอง และเลอื่ นเหตกุ ารณน์ ี้
ลงไปใน พ.ศ. ๒๔๐๘ และกลา่ ววา่ กจิ การนพี้ ระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงจดั
ท�ำข้นึ ทง้ั นี้นับวา่ ตรงกันขา้ มกบั สามัญสำ� นึกและเหตุผลต่างๆ อย่างส้ินเชิง

นา่ ประหลาดทวี่ า่ เรอื่ งการบชู ายญั มนษุ ยท์ ป่ี ระตนู ้ี แมว้ า่ เปน็ เรอ่ื งทนี่ างลโิ อโนเวนส์
ได้กุข้ึนอย่างไม่อับอายก็ดี แต่ก็ปรากฏข้ึนในหนังสือเล่มแรกของเธอซึ่งไม่ค่อย
โลดโผนเทา่ เลม่ ทส่ี อง อยา่ งไรกด็ ี ไมช่ า้ เธอกล็ มื เรอื่ งนเ้ี สยี และในบทตอ่ มา หลงั จากท่ี

119

เธออา้ งถงึ ลายพระราชหตั ถเลขาอนั แสดงความเปน็ มติ รทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ
ทรงมไี ปพระราชทานเธอจากชายทะเล ในขณะทป่ี ระทบั อยกู่ ับพระราชโอรสธดิ าบาง
พระองค์แล้ว เธอกก็ ลา่ วสรรเสรญิ ว่าเธอรู้สกึ ปลาบปลืม้ เพียงไรในการที่ไมไ่ ด้นกึ ถงึ
พระราชาองค์น้ีว่าเป็นพระราชา แต่หากเป็น “สุภาพบรุ ุษ สหาย บดิ าผู้กำ� ลังพักผอ่ น
หย่อนใจของเขาทา่ มกลางความกรณุ าอยา่ งงา่ ยๆ และความรักอยา่ งอิสระ”
เราจะคดิ อยา่ งไรกบั ผหู้ ญงิ ทม่ี คี วามรสู้ กึ เชน่ นกี้ บั บรุ ษุ ซง่ึ เธอกลา่ วหาวา่ เปน็ ผรู้ า้ ย
ฆา่ คน เราอาจเหน็ ไดช้ ดั วา่ เธอเปน็ หญงิ ทม่ี อี ารมณไ์ มแ่ นน่ อน แตเ่ ธอกม็ เี หตผุ ลอยา่ ง
แทจ้ ริงส�ำหรบั นวนยิ ายของเธอดว้ ย หลายปีต่อมาในกรุงลอนดอนเมอื่ ราชทูตไทยได้
ตเิ ตยี นเธอวา่ ใสค่ วามแดผ่ ทู้ เ่ี คยวา่ จา้ งเธอมาแตก่ อ่ น เธอกแ็ กต้ วั วา่ ผอู้ า่ นตอ้ งการเรอ่ื ง
ทีโ่ ลดโผนเก่ยี วกบั ทางทศิ ตะวันออก และเธอกต็ ้องจัดใหม้ ีข้ึนเพือ่ ให้เปน็ ทีพ่ อใจแก่
ส�ำนกั พิมพ์
สิ่งน้ีเป็นสิ่งที่ท�ำให้นักประวัติศาสตร์อย่างแท้จริงแค้นเคืองหนังสือของเธอ
แมว้ า่ หนงั สอื ของนางลโิ อโนเวนสจ์ ะมสี ง่ิ ดๆี อยเู่ ปน็ อนั มากแตก่ ไ็ มม่ ปี ระโยชน์ เพราะ
เหตวุ า่ เราไมอ่ าจยอมรบั ขอ้ ความตอนใดไดว้ า่ เปน็ ความจรงิ ถา้ ไมม่ หี ลกั ฐานยนื ยนั จาก
ที่อ่นื การวิจยั ย่อมแสดงใหเ้ หน็ ว่าวธิ แี ตง่ หนังสือของเธอนัน้ ใช้ไมไ่ ด้
ชาวตะวนั ตกมกั เชอ่ื กนั วา่ ความดใี ดๆ ทพี่ ระราชวงศจ์ กั รขี องไทยไดท้ รงบำ� เพญ็
หลงั จากนางลโิ อโนเวนสเ์ ดนิ ทางเขา้ มานนั้ เปน็ เพราะเธอไดน้ ำ� เอาอดุ มคตติ ามศาสนา
คริสเตียนมาฝังไว้ให้ แต่ความดีเหล่าน้ีก็เป็นที่รู้จักกันมานานแล้วในประเทศไทย
ก่อนที่เธอจะเข้ามาถงึ และความชาเย็นทป่ี รากฏอยูก่ แ็ สดงว่านางลโิ อโนเวนส์ไมไ่ ดม้ ี
อทิ ธพิ ลนกั ทง้ั แดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ และพระราชโอรสธดิ าของพระองค.์

120

บทที่ ๕

เมอื่ มสี รุ ยิ คราสเกดิ ขนึ้ เมอื่ ใด ประชาชนทมี่ หี วั โบราณกม็ กั คดิ วา่ มยี กั ษก์ ำ� ลงั อม
พระอาทิตย์และพยายามท่ีจะกลืนพระอาทิตย์ลงไป และแล้วเขาก็จะท�ำเสียงต่างๆ
เปน็ ต้นวา่ เขย่าของบางอย่าง ตีกลอง หรอื จดุ ประทัด ทั้งน้ีก็เพอ่ื จะใหย้ ักษ์น้ันตกใจ
หนีไป

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงสนพระทัยในสุริยคราสไปในทางด้าน
วทิ ยาศาสตร์ แมพ้ ระองคจ์ ะทรงมพี ระราชภาระมากมายในดา้ นการปกครองประเทศ
แตพ่ ระองคก์ ย็ งั คงโปรดศกึ ษาวชิ าดาราศาสตรอ์ ยเู่ ชน่ เดมิ เซอรจ์ อหน์ บาวรงิ ไดเ้ ขยี น
เลา่ ไว้ว่า “ที่ประทบั ส่วนพระองค์ในพระบรมมหาราชวงั เตม็ ไปดว้ ยเคร่อื งมอื ตา่ งๆ
ท้ังทางด้านปรัชญาและการคำ� นวณ มีนาฬิกาทั้งต้ังและแขวนแบบปารีส เครื่องวัด
อณุ หภมู ิ เครือ่ งวัดความกดของอากาศ กลอ้ งส่องทางไกล กล้องจุลทรรศน์...หรอื
จะกลา่ วสรปุ ไดก้ ค็ อื เครอ่ื งมอื และเครอื่ งใชส้ อยทงั้ หมดทอี่ าจหาไดใ้ นหอ้ งทำ� งาน หรอื
หอ้ งสมุดของนกั ปรชั ญาเมธที ่ีเชยี่ วชาญในทวีปยโุ รป”

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงค�ำนวณหาเวลาได้อย่างถูกต้องของ
สุริยคราสเต็มดวงใน พ.ศ. ๒๔๑๑ พระองค์ทรงค�ำนวณดูแล้วว่าสุริยคราสคร้ังนี้
อาจเหน็ ไดด้ ที ส่ี ดุ จากหมบู่ า้ นทอี่ ยหู่ า่ งไกลออกไปทางภาคใตข้ องประเทศไทย ใกลฝ้ ง่ั
ตะวันออกของแหลมมลายู จึงตกลงพระทัยจะทรงจัดงานมหาสมาคมที่นั่นระหว่าง
ผู้รู้เพ่ือคอยดูสุริยคราสเต็มดวง ครั้งนี้พระองค์ได้ทรงเช้ือเชิญ เซอร์ฮารี่ ออร์ด

121

(Sir Harry Ord) ซง่ึ เปน็ ผสู้ ำ� เรจ็ ราชการเกาะสงิ คโปรแ์ ทนนายบตั เตอรเ์ วอรธ์ ใหแ้ ลน่
เรือขึ้นมากับนายทหารและภรรยา และมาเฝ้าพระองค์ท่ีน้ัน รัฐบาลฝรั่งเศสก็จะส่ง
นกั วทิ ยาศาสตรม์ ารว่ มจากกรงุ ปารสี พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ เองกจ็ ะทรงพา
พระราชโอรสธดิ า พระสนม ขนุ นางจำ� นวนหนงึ่ และชาวไทยบางคนทส่ี นใจเปน็ พเิ ศษ
ในวชิ าดาราศาสตรล์ งไปทนี่ น่ั ดว้ ย คณะจากกรงุ เทพฯ นมี้ ผี รู้ กั ษาการกงสลุ องั กฤษท่ี
กรงุ เทพฯ คอื นายอาลาบาสเตอร์ (Alabaster) สหายของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ
รว่ มเดนิ ทางไปดว้ ย ท่านผนู้ ก้ี ำ� ลังแต่งหนงั สอื ซึ่งต่อมาท่านไดต้ พี ิมพใ์ นช่ือเรื่องว่า
“พระธรรมจกั ร (The Wheel of the Law)” หนงั สอื เลม่ นป้ี จั จบุ นั กย็ งั คงเปน็ หนงั สอื
ทดี่ ที ี่สดุ ในภาษาต่างประเทศท่แี ตง่ เกย่ี วกับพุทธศาสนาในประเทศไทย

คณะจากกรุงเทพฯ ได้แล่นเรือลงไปตามลำ� แม่น้ำ� เจา้ พระยาออกอ่าวไทย และ
ไปขน้ึ บกบนฝง่ั ใกลจ้ ดุ ทต่ี อ้ งการ ณ ทน่ี น้ั คนงานไดถ้ ากถางปา่ ใกลฝ้ ง่ั ทะเลมาเปน็ เวลา
หลายเดือนแล้ว เพ่ือสร้างเป็นท่ีประทับข้ึนช่ัวคราวตลอดจนบ้านพักแขกเมืองและ
หอดดู าว ผ้รู บั เชญิ ชาวยุโรปสว่ นใหญ่ทยี่ งั ไม่คุ้นเคยกบั การรับรองดว้ ยไมตรจี ิตของ
ชาวไทย และไมค่ ่อยสบายใจนักทจ่ี ะตอ้ งมาทนทรมานอยกู่ ลางป่า แตก่ ร็ สู้ กึ แปลก
ประหลาดใจมาก ทง้ั นเี้ พราะเหตวุ า่ อาหารทร่ี บั รองนน้ั ทำ� โดยพอ่ ครวั ชาวฝรง่ั เศส และ
เหลา้ องนุ่ กม็ หี วั หนา้ ผรู้ บั ใชช้ าวอติ าเลยี นเปน็ ผรู้ นิ แชมเปญซงึ่ เปน็ ของฟมุ่ เฟอื ยทห่ี าได้
ยากทสี่ ดุ ในขณะนน้ั กแ็ ชน่ ำ้� แขง็ เสยี จนเยน็ ในตอนเยน็ ขณะทม่ี กี ารแสดงโขน พระบาท
สมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ กจ็ ะทรงสนทนาอยา่ งเปน็ กนั เองกบั บรรดาผไู้ ดร้ บั เชญิ ทงั้ หลาย
เขาเหล่าน้ันไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะได้พบกับสุภาพสตรี (เพราะเหตุว่าพระราชาทาง
ทศิ ตะวนั ออกมกั กกั ขงั สนมของพระองคใ์ หอ้ ยแู่ ตภ่ ายในพระราชวงั ) แต่ ณ ทน่ี น้ั กม็ ี
บรรดาสภุ าพสตรปี ะปนอยดู่ ว้ ย เธอไมอ่ ายหรอื ปลกี ตนไปอยหู่ า่ งไกล แตก่ ลบั ออ่ นนอ้ ม
และวางตนอยา่ งสบาย สงิ่ ทน่ี า่ ดทู สี่ ดุ กค็ อื บรรดาพระราชโอรสธดิ า ตา่ งกม็ มี ารยาทสภุ าพ
อ่อนน้อมและอาจรับสั่งภาษาอังกฤษได้บ้าง

ตอนเชา้ ตรขู่ องวนั ทจ่ี ะมสี รุ ยิ คราสอากาศกเ็ ลวลง มกี ลมุ่ เมฆหนาผา่ นมาจากทาง
ทิศตะวันตกเฉยี งใต้ และฝนก็ตก เมอื่ สรุ ิยคราสเร่ิมจบั กลมุ่ เมฆก็บดบงั ดวงอาทติ ย์

122

แต่ในไม่ช้าก็กระจายหายไปหมด การคอยสังเกตดูสุริยคราสจากนักวิทยาศาสตร์
หลายกลมุ่ คอื ทงั้ ไทยองั กฤษและฝรง่ั เศส จงึ สำ� เรจ็ ลงอยา่ งงดงามดว้ ยความพอใจยงิ่

ขณะนน้ั หมชู่ าวบา้ นทอ่ี ยใู่ กลเ้ คยี งไดต้ กี ลอง และจดุ ประทดั ขนึ้ พระบาทสมเดจ็
พระจอมเกล้าฯ แย้มพระสรวลและมีพระราชด�ำรัสแก่ผู้รับเชิญของพระองค์ว่า
ท่านไมค่ วรจะคิดว่าชาวบ้านเหล่านน้ั ก�ำลังพยายามทจ่ี ะท�ำใหย้ กั ษ์ตกใจ แต่เขาก�ำลัง
แสดงความยินดีที่ว่าพระมหากษัตริย์ของเขาทรงสามารถค�ำนวณเวลาสุริยคราสได้
แม่นย�ำดีกวา่ นักดาราศาสตร์ชาวยโุ รป

งานมหาสมาคมก็เป็นอันสุดส้ินลง ราชส�ำนักไทยได้แล่นเรือกลับขึ้นไปยัง
กรุงเทพฯ แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ต้องประชวรไข้ระหว่างเสด็จ
พระราชด�ำเนินกลับ และพระอาการของพระองค์แทนท่ีจะดีขึ้นเมื่อเสด็จกลับถึง
กรงุ เทพฯ ก็กลับทรดุ หนกั ลง

พระพทุ ธเจา้ ทรงเปน็ แบบอยา่ งของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ทง้ั ในเวลาที่
ยงั ดำ� รงพระชนมอ์ ยแู่ ละเวลาทจ่ี ะเสดจ็ สวรรคต ผทู้ มี่ เี หตผุ ลยอ่ มไมค่ ดิ วา่ พระพทุ ธองค์
เปน็ พระผเู้ ปน็ เจา้ และพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ กท็ รงสงั่ สอนคดั คา้ นความหลง
ผิดเชน่ นีม้ าเปน็ เวลานานแลว้ พระองคท์ รงคดิ ด้วยความเคารพว่าพระพทุ ธองคย์ ่อม
ทรงพระเกยี รตใิ นการเปน็ มนษุ ยส์ ามญั ยงิ่ กวา่ เปน็ เทพเจา้ เพราะเหตวุ า่ ดว้ ยความดแี ละ
ความฉลาดของสามญั ชนนแี้ หละ ทพ่ี ระองคท์ รงสงั่ สอนใหม้ นษุ ยร์ จู้ กั ปลดเปลอื้ งทกุ ข์
และดังน้ันจึงทรงประทานประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติยิ่งกว่าที่บรรดาเทวดาได้เคย
กระท�ำมาแล้วท้ังหมดด้วยอิทธิฤทธิ์ของตน บรรดาเทวดาในศาสนาพราหมณ์ต่างก็
เห็นแก่ตนและไม่สมควรท่ีจะประพฤติตามอย่าง ส่ิงที่ใกล้ท่ีสุดแก่พระผู้เป็นเจ้าใน
ศาสนาครสิ เตยี นท่ีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จะทรงยอมรับได้กค็ ือ สิง่ ทไี่ มม่ ี
ตวั ตน ทพ่ี ระองคท์ รงเรยี กดว้ ยความเคารพวา่ “สงิ่ ทอ่ี ยเู่ หนอื จกั รวาล” แตเ่ รากไ็ มอ่ าจ
เลียนแบบสิ่งน้ีได้ ในขณะเดียวกันมนุษย์ก็สมควรท่ีจะเลียนแบบจากพระพุทธองค์
ผทู้ รงเปน็ สภุ าพบรุ ษุ ทอี่ อ่ นนอ้ มทสี่ ดุ เปน็ ปรชั ญาเมธที ฉ่ี ลาดทสี่ ดุ และครทู ใ่ี จดที ส่ี ดุ

123

ดว้ ยความพยายามทจ่ี ะเลยี นแบบพระพทุ ธองค์ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ
จงึ มพี ระราชประสงคท์ จี่ ะสวรรคตในวนั คลา้ ยวนั พระบรมราชสมภพของพระองคเ์ อง
คอื วนั เพ็ญเดือน ๑๑ ไดแ้ กว่ ันท่ี ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๔๗ พระองคเ์ ร่ิมประชวร
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ และกด็ เู หมือนจะเป็นไปไม่ไดท้ จี่ ะทรงพระชนมอ์ ยู่
จนถงึ วนั คลา้ ยวนั พระบรมราชสมภพ อยา่ งไรกด็ ดี ว้ ยกำ� ลงั แหง่ พระหทยั ซง่ึ พระองค์
ไดเ้ คยทรงศกึ ษามาแลว้ ในเรอ่ื งระเบยี บวนิ ยั ทอ่ี าจบงั คบั ใหป้ รากฏการณท์ างธรรมชาติ
อยู่ใต้อ�ำนาจแห่งจิตได้สามารถท�ำให้พระองค์ทรงกระท�ำการนี้ส�ำเร็จ เพ่ือแสดงว่า
พระองค์ทรงมีพระสติสัมปชัญญะ จนถึงวาระสุดท้าย ขณะประชวรพระองค์ยังได้
รบั สง่ั เปน็ ภาษาองั กฤษและทรงทอ่ งบน่ คาถาภาษาบาลเี กย่ี วกบั ความตายทพี่ ระองคไ์ ด้
เคยทรงพระราชนพิ นธไ์ วแ้ ตก่ อ่ น พระองคไ์ ดพ้ ระราชทานคำ� ปรกึ ษาแกค่ ณะเสนาบดี
เปน็ ครง้ั สดุ ทา้ ยใหเ้ ลอื กผทู้ จ่ี ะขนึ้ ครองราชสมบตั ติ อ่ สบื ไปวา่ ขอใหท้ า่ นผนู้ น้ั สามารถ
รวมความสามคั คไี วไ้ ดแ้ ละกระทำ� การปฏริ ปู บา้ นเมอื งใหด้ ขี นึ้ ดงั ทพี่ ระองคไ์ ดเ้ คยทรง
กระทำ� มา แล้วพระองคร์ บั ส่ังบอกสาสน์ อำ� ลาเปน็ ภาษาบาลีแด่พระภกิ ษุทีเ่ คยอยรู่ ว่ ม
ส�ำนักมากับพระองค์ ณ วดั ราชประดษิ ฐ พระองคท์ รงขอรอ้ งต่อสหายที่สนทิ “ไมใ่ ห้
โศกเศร้าหรือแปลกประหลาดใจ ทั้งน้ีเพราะสิ่งที่มีชีวิตท้ังหลายที่อุบัติข้ึนมาในโลก
ยอ่ มตอ้ งตาย ไมอ่ าจหลีกเลยี่ งไปได้”

พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ ทรงทราบขน้ึ พระทยั ถงึ คาถาภาษาบาลอี นั จบั ใจ
เกย่ี วกบั วาระสดุ ทา้ ยของพระพุทธองค์บนพนื้ พภิ พ ทรงทราบดวี ่าพระองค์ทรงอำ� ลา
สานศุ ษิ ย์อยา่ งไร ทรงผ่านฌานตา่ งๆ อย่างไร และทรงผ่านเข้าไปในฌานขัน้ สุดท้าย
ซึ่งกิเลสทั้งหลายอันเป็นต้นเค้าแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ดับสูญไปดุจเปลวไฟ
อันสิ้นเช้ืออย่างไร ผู้มีใจบุญสุนทานทั้งหลายก็หวังที่จะส้ินชีพกันด้วยวิธีน้ีท้ังส้ิน
ผู้ที่โง่เขลาย่อมเชื่อว่าฌานเหล่าน้ีเป็นทางลัดไปบังเกิดในสวรรค์ ผู้ท่ีฉลาดกว่าย่อม
เชอื่ วา่ ฌานเหลา่ นเ้ี ปน็ เครอื่ งทำ� ใหจ้ ติ ใจบรสิ ทุ ธิ์ แตบ่ างทา่ นกเ็ ชอ่ื วา่ ทำ� ใหค้ วามเจบ็ ปวด
ของรา่ งกายบรรเทาลงไป ในระยะนี้ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ คงทรงเขา้ ฌาน
เหลา่ นี้

124

พระองค์ทรงเห็นอะไร ฌานเหล่าน้ีท�ำให้พระองค์ทรงเห็นกาลเบ้ืองหน้าดังท่ี
บางคนกลา่ วอา้ งกระนน้ั หรอื ถา้ พระองคท์ รงแลเหน็ กาลเบอ้ื งหนา้ ได้ พระองคก์ ค็ งจะ
ปลาบปลม้ื พระหทยั เปน็ อยา่ งยงิ่ เพราะจะทรงเหน็ วา่ ราชบลั ลงั กไ์ ดผ้ า่ นตอ่ ไปสสู่ มเดจ็
พระราชโอรสดงั ทพี่ ระองคท์ รงคาดหวงั ไว้ คอื สมเดจ็ เจา้ ฟา้ จฬุ าลงกรณ์ ผมู้ พี ระชนม์
เพยี ง ๑๖ พรรษา สมเดจ็ เจา้ ฟา้ พระองคน์ ี้ จะทรงครองราชยอ์ ยา่ งรงุ่ เรอื งอยเู่ ปน็ เวลานาน
กระท�ำการปฏิรูปปรับปรุงบ้านเมืองให้เป็นผลส�ำเร็จ ส�ำหรับพระราชโอรสองค์อ่ืนๆ
กจ็ ะทรงสืบต่อกจิ การทพ่ี ระองค์ได้เคยทรงกระท�ำไวแ้ ตก่ อ่ น คอื แต่ละพระองค์ก็จะ
ชำ� นาญในวชิ าสาขาตา่ งๆ ทพี่ ระองคไ์ ดเ้ คยสนพระราชหฤทยั เปน็ ตน้ วา่ ทางดา้ นศาสนา
การทตู การปกครอง กฎหมาย ภาษาศาสตร์ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และโบราณคดี ในบรรดาพระราชนดั ดากจ็ ะมอี ยหู่ ลายองคท์ สี่ บื ตอ่ งานทพ่ี ระองคท์ รง
วางรากฐานไว้แล้ว ส�ำหรับในพระราชปนัดดานั้นเล่าก็มีเป็นต้นว่า พระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อย่หู วั ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้ทรงรักษาราชประเพณีโดยทรงได้รบั ความรักใคร่
จากประชาชนพลเมอื ง และในขณะเดยี วกนั กอ็ ทุ ศิ พระองคเ์ องตอบแทนแกเ่ ขาเหลา่ นนั้
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ อาจทรงเลง็ เหน็ สง่ิ ทแ่ี ปลกประหลาดดว้ ยคอื สง่ิ ทอ่ี าจ
ท�ำให้พระองค์ทรงรู้สึกเยาะหยัน คือในขณะที่มีผู้ระลึกถึงพระองค์อย่างรักใคร่และ
ด้วยความเที่ยงธรรมในประเทศไทย แตใ่ นสหรฐั อเมริกา พระองคก์ ก็ ลบั กลายเปน็
คนป่าเถ่ือนที่ฉนุ เฉยี วงา่ ยและตวั ตลกในละครเพลง

แต่ฌานต่างๆ ของพระองค์ก็คงไม่ได้น�ำเอาอนาคตมาให้ทอดพระเนตรเห็น
ดงั นน้ั พระองคไ์ มท่ รงคำ� นงึ ถงึ อำ� นาจของฌานในแบบนแี้ ตท่ รงเยาะเยย้ ความคดิ ทวี่ า่
ฌานเป็นหนทางท่ีอาจน�ำให้ไปเกิดในสวรรค์ได้ พระองค์ทรงเป็นปรัชญาเมธีที่ชาญ
ฉลาดเกนิ ไปจนกวา่ ทจ่ี ะทรงคดิ วา่ การเวยี นวา่ ยตายเกดิ นนั้ เกยี่ วขอ้ งกบั วญิ ญาณสว่ น
ตวั ทย่ี งั คงเหลอื อยู่ ลกั ษณะทางจติ กเ็ หมอื นกบั ลกั ษณะทางกาย คอื ยอ่ มเปลย่ี นแปลง
อยู่เสมอจากขณะหนึ่งไปยังอกี ขณะหนง่ึ สงิ่ เดยี วที่อาจ “เกิดใหม่” ได้กค็ ือกำ� ลังแรง
แหง่ กรรม ไมว่ า่ ดหี รอื ชว่ั และจะคงอยตู่ ลอดไป เมอ่ื ผไู้ มม่ สี ตปิ ญั ญาลกึ ซง้ึ สงสยั เรอื่ ง
สงั สารวฏั พระองคก์ จ็ ะเตอื นใหเ้ ขาระลกึ ถงึ คำ� สงั่ สอนของพระพทุ ธองคท์ วี่ า่ ใหอ้ ยใู่ น

125

ขา้ งปลอดภยั ไว้ดกี ว่า แตพ่ ระองค์ก็ทรงทราบดวี า่ ค�ำแนะนำ� เช่นน้งี ่ายเกินไป ซึง่ ถูก
ดดั แปลงขึ้นเฉพาะผู้ฟังท่ไี ม่ค่อยมีสตปิ ญั ญาเทา่ นัน้
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เอง ก็ทรงอยู่ทางด้านปลอดภัยแต่ไม่ใช่เพื่อ
เหตผุ ลอนั งา่ ยๆ เชน่ นนั้ แตเ่ พอื่ เหตผุ ลทลี่ กึ ซง้ึ ยง่ิ กวา่ พระองคท์ รงทราบดวี า่ ตามกฎ
แหง่ ธรรมชาติ ซงึ่ แนน่ อนเชน่ เดยี วกบั กฎแหง่ ฟสิ กิ ส์ กรรมทกุ อยา่ งของพระองคย์ อ่ ม
ตอ้ งมีผลติดตามมา แมว้ า่ พระสตสิ มั ปชญั ญะของพระองคอ์ าจจะไม่รู้สกึ ถึงผลอนั น้ี
แต่ผลนี้ก็จะมีอยู่แก่โชคชะตาของบุคคลอีกหลายช่ัวในพื้นแผ่นดินท่ีพระองค์รักใคร่
พระองคท์ รงประพฤตดิ ตี ลอดพระชนมายุ และไดร้ บั ความนบั ถอื จากทกุ คน (ยกเวน้
นางลโิ อโนเวนส)์ ณ บดั นแี้ มจ้ ะปรากฏวา่ พระองคม์ ไิ ดท้ รงคาดคดิ ไวถ้ กู ตอ้ ง แตพ่ ระองค์
กไ็ มไ่ ดส้ ญู เสยี อะไรเลย จงึ ไมม่ ผี ใู้ ดอาจเปรยี บเทยี บพระองคไ์ ดว้ า่ ทรงเปน็ นกั เดนิ ทาง
ท่ีไม่มเี สบยี งกรังตดิ พระองค์.

126

หนงั สอื อ้างอิง

จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั , พระบาทสมเดจ็ พระ., เทศนาพระราชประวตั ิ พระบาทสมเดจ็ -
พระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั , กรุงเทพฯ : มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๗.

กรสิ โวลด,์ เอ. บ,ี พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ สยาม, พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๑, กรงุ เทพฯ :
มหามกุฏราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๗.

คำ� แผ่กศุ ลแก่สรรพสตั ว์

ณ วดั ปา่ อมั พโรปัญญาวนาราม
ในพระอุปถัมภ์ สมเดจ็ พระอริยวงศาคตญาณ (อมพฺ รมหาเถร)

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก
ต�ำบลคลองกิ่ว อ�ำเภอบา้ นบงึ จังหวัดชลบุรี
วันศกุ รท์ ี่ ๒๔ พฤศจิกายน พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ดิถขี ึน้ ๖ ค�่ำ เดือน ๑

ขอบุญกศุ ลจรยิ า อันขา้ พเจา้ ทัง้ หลายไดบ้ ำ� เพ็ญด้วยดแี ล้ว ทางกาย วาจา และใจ
กลา่ วโดยจำ� เพาะคอื การสรา้ งอารามถวายแดส่ งฆจ์ ตรุ ทศิ อทุ ศิ ไวใ้ นพระบวรพทุ ธศาสนา
อารามนั้นมีนามวา่ วดั ป่าอัมพโรปัญญาวนาราม ประกอบด้วยปูชนยี วัตถุ และเสนาสนะ
ต่างๆ กล่าวคือพระพุทธปฏิมาปางนาคปรก พระพุทธปฏิมาปางสมาธิ ศาลาท่ีประชุม
อาคารพพิ ิธภณั ฑ์ท่ปี ระมวลธรรมโอวาทของพระสปุ ฏิปันโน ถนนลาดยางกว้าง ๙ เมตร
ยาว ๘๐๐ เมตร อา่ งเกบ็ นำ้� สาธารณทาน กำ� แพงรอบพน้ื ทย่ี าว ๒,๘๐๐ เมตร สงู ๓ เมตร
ตลอดท้ังบญุ กริ ิยาแห่งการบำ� เพญ็ ทาน รกั ษาศีล เจรญิ ภาวนา ดว้ ยน�้ำใจศรัทธาเลอ่ื มใส
มน่ั คงในพระรตั นตรยั ดงั่ น้ี ขา้ พเจา้ ขอตง้ั สจั จาธษิ ฐาน แผก่ ศุ ลไปไมม่ ปี ระมาณ ขอถวาย
เปน็ พระราชกศุ ลสนองพระเดชพระคณุ สมเดจ็ พระบรู พมหากษตั รยิ าธริ าช และพระบรม
วงศานวุ งศท์ กุ พระองค์ และเปน็ กศุ ลสนองคณุ ทา่ นผบู้ ำ� เพญ็ คณุ ประโยชนต์ อ่ ประเทศชาติ
และพระพทุ ธศาสนา เปน็ ปฐม
อนึ่ง ขอสรรพสัตวท์ งั้ หลาย ไมม่ ที ่ีสุด ไม่มีประมาณ, จงมสี ่วนแห่งบุญที่ขา้ พเจา้
ไดท้ ำ� ในบดั น,้ี และแหง่ บญุ อน่ื ทไ่ี ดท้ ำ� ไวก้ อ่ นแลว้ , คอื จะเปน็ สตั วเ์ หลา่ ใด, ซง่ึ เปน็ ทร่ี กั ใคร่
และมบี ญุ คณุ เชน่ มารดาบดิ าของขา้ พเจา้ เปน็ ตน้ กด็ ี ทขี่ า้ พเจา้ เหน็ แลว้ หรอื ไมไ่ ดเ้ หน็ กด็ ,ี
สตั วเ์ หลา่ อนื่ ทเ่ี ปน็ กลางๆ หรอื เปน็ คเู่ วรกนั กด็ ,ี สตั วท์ ง้ั หลายตงั้ อยใู่ นโลก, อยใู่ นภมู ทิ งั้ ๓,
อย่ใู นกำ� เนิดทง้ั ๔, มีขันธ์ ๕ ขนั ธ,์ มขี นั ธข์ ันธเ์ ดยี ว, มขี นั ธ์ ๔ ขนั ธ์, ก�ำลังทอ่ งเทยี่ ว
อยู่ในภพน้อยภพใหญ่ก็ดี, สัตว์เหล่าใดรู้ส่วนบุญที่ข้าพเจ้าแผ่ให้แล้ว, สัตว์เหล่าน้ัน
จงอนโุ มทนาเองเถิด, ส่วนสตั ว์เหลา่ ใดยงั ไมร่ ูส้ ่วนบุญน้ี, ขอเทวดาท้ังหลายจงบอกสตั ว์
เหล่านัน้ ใหร้ ู้
เพราะเหตทุ ไี่ ดอ้ นโุ มทนาสว่ นบญุ ทข่ี า้ พเจา้ แผใ่ หแ้ ลว้ , สตั วท์ ง้ั หลายทง้ั ปวง, จงเปน็
ผู้ไม่มีเวร, อยู่เป็นสขุ ทกุ เม่ือ, จงถงึ บทอนั เกษมกลา่ วคอื พระนิพพาน, ความปรารถนาท่ี
ดงี ามของสตั วเ์ หลา่ น้ัน จงส�ำเร็จเถดิ , สาธุ สาธุ สาธุ


Click to View FlipBook Version