The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สุชาติ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2021-02-18 00:22:31

หนังสือนักบวช

พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สุชาติ

คณะศิษยจ์ ดั พมิ พแ์ จกเป็นธรรมทาน
เพ่อื น้อมถวายเป็นอาจรยิ บูชา

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)
เนื่องในวาระครบรอบวันอปุ สมบท ๔๖ พรรษา

วันศุกร์ที่ ๑๙ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒​ ๕๖๔

นกั บวช ï ผ้แู สวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกิด แก่ เจบ็ ตาย
2

คนๆ หน่งึ เห็นอะไรถึงเข้ามาบวช
และเมือ่ เขา้ มาบวชแล้ว

ตอ้ งการอะไรจากการเป็นนักบวช

พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต)
3



สารบญั


อภชิ าโตภิกขุ

๒๗ ๗๗

กญุ แจออกจากไตรภพ สร้างสรณะทพ่ี ึ่งทางใจ

๔๗ ๘๕

บวชเพ่ือดบั ความทกุ ข์ วธิ สี รา้ งความสุขที่แท้จรงิ

๖๙ ๙๙

ทางแห่งธรรม แนวทางพาดำ� เนิน

พระจุลนายก (พระอาจารย์สชุ าติ อภชิ าโต)
5

อยา่ งเราเมอื่ กอ่ นกเ็ คยมคี วามสขุ กบั การดหู นงั ฟงั เพลง
ไปเทยี่ ว แตใ่ นใจลกึ ๆ กย็ งั มอี กี อยา่ งหนงึ่ ทอ่ี ยากจะได้
คอื ความไมว่ นุ่ วายใจ ความสบายใจ ไมต่ อ้ งคอยหาเงนิ
หาทองมาบ�ำรุงบ�ำเรอ โชคดีได้หนังสือธรรมะมาอ่าน
ไดย้ ินได้ฟังเร่อื งภาวนา พอเรม่ิ ภาวนาดูกไ็ ปไดเ้ ร่ือยๆ
เพราะอาจจะมีพื้นเก่าอยู่แล้ว จิตใจเรียกร้องอยู่แล้ว
พอได้ก็เหมือนกับมาประสานกันมาเชื่อมกัน มันก็ไป
ของมนั พอเรมิ่ ภาวนาแลว้ เรอ่ื งเทยี่ วเรอื่ งอะไรกไ็ มไ่ ด้
สนใจ มแี ต่คิดจะหาทส่ี งบเงียบไปนง่ั ภาวนาให้มากๆ

พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต

นกั บวช ï ผแู้ สวงหาทางพน้ ทุกข์จากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย
6

อภิชาโตภิกขุ
ผแู้ สวงหาทางพ้นทุกข์

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต)
7

จงั หวะของชีวติ มันกพ็ าไป 
ตอนน้ันไมม่ ีภาระทางดา้ นอนื่ ก็เลยสะดวก

พอเจอธรรมะ พอไดน้ ั่งปฏิบตั ิกต็ ดิ ใจ
มนั ก็ไปตามเรอ่ื งของมัน

นกั บวช ï ผู้แสวงหาทางพ้นทกุ ข์จากการเกิด แก่ เจบ็ ตาย
8

สำ� หรบั เราน้ี มนั มี ๒ ตอนในชวี ติ ของเรา การเหน็
สจั ธรรมตอนแรกกต็ อนทมี่ พี ช่ี ายของเพอ่ื นเขาตาย เราไป
งานศพเขา เขาเปน็ พธิ กี รรมของชาวครสิ ต์ เขาจะเปดิ ให้
คนไปคารวะศพ พอเปดิ แลว้ จติ มนั กน็ กึ ขน้ึ มาวา่ ตอ่ ไป
ทกุ คนกเ็ ปน็ อยา่ งนเี้ อง ตอ้ งเปน็ เหมอื นกนั หมดไมว่ า่ ใคร
กต็ าม คนทเี่ รารัก พ่อ แม่ ตัวเรา ปู่ ย่า ตา ยาย หรอื
คนทเ่ี รารจู้ กั ในทสี่ ดุ กต็ อ้ งไปสคู่ วามตาย นเี่ ปน็ การเหน็
ธรรมครง้ั แรก แตม่ นั กไ็ มไ่ ดเ้ อามาคดิ ใหห้ นกั อกหนกั ใจ
หรอื อะไร มนั รบั ทราบและกพ็ จิ ารณาไปเรอ่ื ยๆ เกย่ี วกบั
ความตาย กับสิง่ ทีจ่ ะเกดิ ข้ึนกับทุกๆ คน มันกเ็ ปน็ การ
เจริญปัญญาไปในตัวให้เตรียมตัวเตรียมใจในทาง
ความคดิ วา่ จะตอ้ งมคี วามตาย ยา่ เรากต็ อ้ งตาย พอ่ แมเ่ รา
ก็ต้องตาย ตวั เรากต็ ้องตาย
ต่อมาเราก็ด�ำเนินชีวิตของเราตามปกติเพราะยัง
เป็นเด็ก มีหนา้ ท่เี รียนหนงั สือกเ็ รียนไป พอเรยี นจบท่ี
เซเวน่ เดยแ์ ลว้ เรากไ็ ปตอ่ ปรญิ ญาทเ่ี มอื งนอก พอกลบั มา
มันก็มีเวลาว่าง ก็เลยได้อ่านหนังสือเยอะเพราะเป็น
คนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว ช่วงนั้นจะอ่านหนังสือของ
Hermann Hesse (เฮอรม์ านน์ เฮสเส) ซงึ่ เขยี นเกย่ี วกบั

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต)
9

เรอื่ งจติ เรอื่ งกาย ทำ� นองเกย่ี วกบั ชวี ติ และพอไดม้ าอา่ น
เรื่อง Siddhartha (สิทธารถะ) กร็ ้สู ึกสนใจเรอ่ื งชีวติ ใน
อกี รูปแบบหนึง่ คือชีวติ แบบนักบวช แลว้ จงั หวะพอดี
ได้คุยกับชาวต่างชาติคนหนึ่งที่เขามีหนังสือธรรมะท่ี
ได้มาจากประเทศศรีลังกาเป็นภาษาอังกฤษ ซ่ึงเป็น
หนังสือแจกฟรีเล่มเล็กๆ เขาให้เอามาอ่านเล่มหนึ่ง
เก่ยี วกับอนิจจงั เนอ้ื หาในหนังสอื จะเป็นคำ� ส่งั สอนของ
พระพทุ ธเจา้ ทที่ รงแสดงไวเ้ กยี่ วกบั สงั ขารา อนจิ จา แลว้ ก็
มีเอาความเห็นของนักปราชญ์ชาวตะวันตกเกี่ยวกับ
ปรัชญามาเปรียบเทียบกับค�ำสอนของพระพุทธเจ้า
แตค่ ำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ นร้ี สู้ กึ วา่ เหนอื กวา่ ตรงทส่ี อน
วธิ ใี หห้ ลดุ พน้ จากความทกุ ขท์ เ่ี กดิ จากความไมเ่ ทยี่ งนไี้ ด้
มนั กเ็ ลยทำ� ใหส้ นใจวา่ ออ๋ มวี ธิ ที เ่ี ราจะไมต่ อ้ งทกุ ขด์ ว้ ย
เพราะธรรมดาเราจะทุกข์กับเร่ืองอนิจจา เม่ืออ่านแล้ว
กช็ อบ กเ็ ลยเขยี นจดหมายไปขอหนงั สอื มาเพม่ิ ทน่ี น่ั เขา
จะมที ั้งหนังสือแจกและหนังสอื ขาย
อา่ นหนงั สอื ไปอยสู่ กั ๒-๓ เดอื น วนั หนงึ่ กเ็ อะใจ
วา่ เมอื่ ไรจะนงั่ สักที ก็เลยลองน่งั ดู พอน่ังอานาปานสติ
นง่ั หลบั ตาดลู มหายใจเขา้ หายใจออก นงั่ ไปสกั พกั มนั ก็

นกั บวช ï ผู้แสวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
10

รู้สกึ เบา เยน็ สบาย กเ็ ลยมีความสนใจทอ่ี ยากจะมาน่งั
มากขนึ้ ๆ แตน่ ง่ั ไปทกุ ครง้ั กไ็ ปเจอความเจบ็ มอี ยคู่ รง้ั หนง่ึ
ไมย่ อมหยดุ ถงึ จะเจบ็ กจ็ ะไมห่ ยดุ กค็ ดิ วา่ มนั เปน็ อนจิ จา
ความเจบ็ มนั กอ็ นจิ จา ทอ่ งอนจิ จาไป ไมน่ านจติ มนั กห็ ลดุ
จากความเจบ็ ไป มนั เขา้ สคู่ วามสงบ แลว้ กร็ สู้ กึ วา่ มนั เยน็
สบาย รสู้ กึ แปลกทเี่ มอื่ กย้ี งั เจบ็ เหน็ ความเจบ็ แตพ่ อเรา
บงั คบั ใหม้ นั ทอ่ งอนจิ จาๆ พอมนั ไมห่ นี มนั ยอมรบั เขา้ ไป
สงบป๊บั ความเจ็บมนั ก็หายไปเลย จิตกส็ งบเยน็ สบาย
พลกิ หนา้ มอื เปน็ หลงั มอื เลย ออ๋ จติ ดวงนมี้ นั เปลยี่ นแปลง
ได้ขนาดนี้
ตอนน้ันมันก็เลยเห็นความมหัศจรรย์ของการ
ปฏิบตั ิ มีแตค่ วามอยากที่จะปฏบิ ัตมิ ากขน้ึ ๆ ตอนน้ันก็
กำ� ลงั ทำ� งานอยู่ กเ็ ลยคดิ วา่ จะตอ้ งลาออกจากงาน ไมค่ ดิ
วา่ จะไปบวชหรอื อะไรนะ แตค่ ดิ วา่ ทำ� งานแลว้ มนั วนุ่ วาย
ปญั หาเยอะแยะไปหมด เจา้ นายกค็ อยกดดนั เราก็ตอ้ ง
ไปกดดนั กบั ลกู นอ้ งอกี ที เราอยตู่ รงกลาง แลว้ ผลตอบแทน
ทไ่ี ดค้ อื เงนิ เดอื นไมก่ ส่ี ตางค์ ไมค่ มุ้ คา่ อาชพี ของเรา กเ็ ลย
ตดั สนิ ใจออกจากงานดกี วา่ ตอนนนั้ มเี งนิ เกบ็ อยู่ ๖-๗ พนั
สมยั นน้ั ของมนั ถกู กว๋ ยเตยี๋ วชามละ ๒ บาท กค็ ดิ วา่ เราอยู่

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)
11

แบบประหยดั ๆ เรากน็ า่ จะอยไู่ ดป้ ระมาณปหี นง่ึ ไมต่ อ้ ง
ทำ� งาน เอาเวลามานั่งสมาธิ อ่านหนงั สือธรรมะดกี วา่
พอออกจากงานแล้ว เราก็เก็บตัวอยู่บ้าน ไม่ได้
ไปไหนแลว้ มแี ตเ่ จรญิ สตปิ ฏั ฐาน เจรญิ สตติ ง้ั แตต่ น่ื จน
หลบั เดนิ จงกรม นงั่ สมาธิ ถอื ศลี ๘ รบั ประทานอาหาร
วนั ละมอื้ อยคู่ นเดยี ว ภาวนาอยา่ งเดยี ว กบั อา่ นหนงั สอื
ธรรมะเป็นหลัก หรือบางทีก็ออกไปกินข้างนอกบ้าง
แต่ส่วนใหญ่ก็บังคับให้อยู่ในบ้าน ไม่ให้ออกไปหา
ความสุขเหมอื นเมอื่ ก่อน เม่ือกอ่ นไปหาความสขุ ทางรปู
เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ แลว้ มันเป็นทกุ ข์ เพราะมนั
ไมเ่ ทย่ี ง กเ็ หน็ ชดั อยแู่ ลว้ เวลาไปเทยี่ วกส็ นกุ แตพ่ อกลบั มา
มนั กอ็ บั เฉา มนั กเ็ ปน็ อยา่ งนี้ วฏั จกั รวนไปเวยี นมา กเ็ ลย
มาหาความสุขจากการทำ� สมาธดิ ีกวา่ ก็เลยบงั คับตัวเอง
บางครั้งมันไม่เกิดความอยากมันก็สบาย แต่ช่วงไหน
ท่ีเกิดความอยาก ช่วงไหนที่เราเผลอสติ เราก็เครียด
ทรมานใจ เวลาเพื่อนมาชวนไปเท่ียวก็ปฏิเสธเขาไป
แต่ในใจน่ีรอ้ ง โอ้ย รสู้ กึ เสียดาย แต่กร็ ู้ว่าเวลาออกไป
เที่ยวทีไรจะเป็นการเดินถอยหลัง เวลากลับมาภาวนา
เหมือนกลับมาเริ่มต้นใหม่ จิตเหมือนกับว่าเส่ือมลงไป

นกั บวช ï ผแู้ สวงหาทางพ้นทกุ ข์จากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย
12

ถ้าได้ภาวนาอย่างต่อเนื่อง มันจะง่ายกว่าการไปเที่ยว
กลบั มาแลว้ มาเรม่ิ ตน้ ใหม่ เหมอื นกบั ลงจากชน้ั ๒ มาอยู่
ชน้ั ๑ ตอ้ งเดินขนึ้ มาชน้ั ๒ ใหม่ ก็เลยพยายามตอ่ ส้กู ับ
ความร้สู ึกทอ่ี ยากจะออกไปด้วยการภาวนา
พอปฏบิ ตั ไิ ปไดป้ หี นงึ่ เงนิ ทเี่ กบ็ ไวก้ ใ็ กลห้ มด กเ็ ลย
ต้องตดั สินใจว่าจะทำ� อะไรต่อไป มนั ก็มี ๒ ทางเลือก
คอื ตอ้ งกลบั ไปทำ� งานเพอื่ จะไดม้ เี งนิ ใช้ แตม่ นั กจ็ ะไมไ่ ด้
ปฏิบัติอย่างเต็มท่ีเพราะต้องไปท�ำงาน หรือถ้าอยากจะ
ปฏิบัติเต็มท่ีเหมือนอย่างท่ีท�ำอยู่ตอนนี้ก็ต้องไปบวช
ซง่ึ ในตอนนน้ั กค็ ดิ วา่ นา่ จะบวชไดน้ ะ เพราะชวี ติ พระทไี่ ด้
ศึกษาดูก็เป็นแบบนี้ การปฏิบัติของพระก็ไม่มีอะไร
ยากเยน็ กแ็ คบ่ ณิ ฑบาตกบั ปฏบิ ตั ธิ รรมเทา่ นน้ั เอง กเ็ ลย
ตดั สินใจว่าจะบวช
ตอนนน้ั กห็ าวดั ทมี่ กี ารปฏบิ ตั ิ แตส่ ว่ นใหญว่ ดั แถว
บ้านกจ็ ะเป็นวดั แบบทเ่ี ราเห็นๆ กัน คอื มีเมรุ มีงานศพ
มงี านบวช มงี านกศุ ล งานกจิ นมิ นตอ์ ะไรตา่ งๆ เรากก็ ลวั
ว่าถ้าไปอยวู่ ัดอย่างนนั้ จะไม่ไดภ้ าวนา แตเ่ ราก็โชคดไี ด้
ไปคยุ กบั พระทอี่ ยใู่ กลบ้ า้ น ทา่ นกแ็ นะนำ� วา่ มพี ระปฏบิ ตั ิ

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สชุ าติ อภชิ าโต)
13

อยทู่ างภาคอสี าน แนะนำ� ใหไ้ ปบวชกบั สมเดจ็ พระญาณ-
สงั วรฯ ทวี่ ดั บวรฯ เรากเ็ ลยไปบวชทวี่ ดั บวรฯ ไดร้ จู้ กั กบั
พระฝรงั่ ทไี่ ปวดั ปา่ บา้ นตาด ทา่ นบอกวา่ ถา้ อยากจะไปอยู่
ท่ีวัดป่าบ้านตาดก็ให้เขียนจดหมายไปขออนุญาตผ่าน
ทา่ นปญั ญา แลว้ ทา่ นปญั ญาจะไปขออนญุ าตกบั หลวงตา
อกี ทหี นง่ึ กเ็ ลยเขยี นจดหมายไปหาทา่ นปญั ญา ทา่ นปญั ญา
กข็ ออนญุ าตหลวงตา ทา่ นกอ็ นญุ าตใหข้ น้ึ ไปได้ แตท่ า่ น
ก็ไม่ได้รับให้อยู่เลย ท่านบอกว่าไปได้ แต่ให้อยู่แบบ
ช่วั คราว
พอขึ้นไปที่วัดป่าบ้านตาด เราก็ปฏิบัติตามกฏ
ระเบียบของวัด เขาท�ำอะไรก็หัดท�ำตามเขาทุกอย่าง
จนกระท่ังประมาณเดือนก่อนเข้าพรรษา เป็นช่วงที่
หลวงตาจะเลอื กใหพ้ ระรปู ไหนอยจู่ ำ� พรรษาบา้ ง หลงั จาก
ทา่ นเทศนอ์ บรมเสรจ็ ทา่ นกพ็ ดู วา่ “ทา่ นองคน์ นั้ ทมี่ าจาก
วัดบวรฯ จะอยู่กอ็ ย่ไู ด้นะ” เราก็เลยได้อยู่ตอ่
เราอยทู่ วี่ ดั ปา่ บา้ นตาดตง้ั แตพ่ รรษาที่ ๑-๙ พรรษา
ท่ี ๑๐ อยทู่ ว่ี ดั โพธสิ มั พนั ธ์ ในเมอื งพทั ยา และพรรษาท่ี ๑๑
ถึงปจั จบุ นั กอ็ ยูท่ ี่วดั ญาณฯ นี้มาตลอด

นักบวช ï ผูแ้ สวงหาทางพ้นทกุ ข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
14

หลวงตามหาบวั ญาณสัมปันโน เมตตามาเยย่ี มพระอาจารยส์ ุชาติ
บนเขาชโี อน วดั ญาณสงั วรารามฯ

จงั หวะของชีวติ มันกพ็ าไป ตอนนั้นไม่มีภาระทาง
ด้านอืน่ ก็เลยสะดวก พอเจอธรรมะ พอไดน้ ่ังปฏิบตั กิ ็
ตดิ ใจ มนั กไ็ ปตามเรือ่ งของมัน ไมต่ ้องมาน่งั คิดว่าจะมี
ปญั หา จะตอ้ งทง้ิ ใครไป ตอนนนั้ กย็ งั โสด ไมม่ ภี าระอะไร
กบั ใคร พอ่ แมก่ ไ็ มเ่ ดอื ดรอ้ นอะไร ไปโดยไมไ่ ดว้ างแผน
มากอ่ น ชวี ติ กไ็ ปตามขนั้ ของมนั แลว้ กไ็ มไ่ ดค้ ดิ วา่ จะบวช
นานเทา่ ไร เปน็ คนทไี่ มย่ ดึ ตดิ กบั อะไรมากจนเกนิ ไป ไมไ่ ด้
ตงั้ เปา้ ไวว้ า่ จะตอ้ งเปน็ อยา่ งนนั้ จะตอ้ งเปน็ อยา่ งนี้ จะตอ้ ง
ใหไ้ ดอ้ ยา่ งนน้ั จะตอ้ งใหไ้ ดอ้ ยา่ งน้ี ทำ� ไปกแ็ ลว้ กนั จะได้
มากนอ้ ยเพยี งไรกป็ ระเมนิ ผลไปเรอ่ื ยๆ แลว้ กพ็ จิ ารณาดู

พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต)
15

วา่ ควรจะทำ� อยา่ งไร ควรจะแกไ้ ขอยา่ งไรตอ่ ไป ถา้ ไปทางน้ี
จะมอี ปุ สรรคอะไรบ้าง จะตอ้ งทำ� อย่างไรบา้ ง ก็แกไ้ ขไป
ศึกษาไป
ตอนไปอยู่บ้านตาดก็ไม่คิดว่าจะได้อยู่หรือไม่
จะอยนู่ านไมน่ าน กไ็ มไ่ ดค้ ดิ เพยี งแตข่ อใหไ้ ดไ้ ปกแ็ ลว้ กนั
ตอนนนั้ อยากจะไดท้ ภ่ี าวนาเทา่ นนั้ เอง อยากจะไดท้ สี่ งบ
ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามีครูบาอาจารย์ระดับไหนอยู่ใน
ประเทศไทย เพราะไมเ่ คยอา่ นหนงั สอื ของทางสายปฏบิ ตั ิ
หนังสือท่ีได้อ่านส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่คัดมาจาก
พระไตรปฏิ ก กเ็ ลยจะรูแ้ ตเ่ รอื่ งพระในอดตี แตพ่ ระใน

นักบวช ï ผแู้ สวงหาทางพน้ ทกุ ข์จากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย
16

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต)
17

ปัจจุบันจะไม่รู้ แต่ตอนนั้นรู้แล้วว่าจิตของเราต้องการ
สถานท่ีท่ีสงบสงัด สถานที่ท่ีสามารถบ�ำเพ็ญภาวนาได้
และตอนนั้นจะอยู่เป็นฆราวาสต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะ
เงนิ หมด เงนิ ทเ่ี กบ็ มาจากการทำ� งานมนั หมดแลว้ ถา้ จะ
อยแู่ บบฆราวาสกต็ อ้ งไปหางานท�ำอกี ถา้ ไปหางานมนั ก็
ไมม่ เี วลาภาวนาใชไ่ หม วนั หนง่ึ ไปทำ� งานก็ ๘ ชว่ั โมงแลว้
กลบั มาบา้ นกเ็ หนอ่ื ย ไมม่ ที างทจี่ ะภาวนาไดท้ ง้ั วนั ทง้ั คนื
แตถ่ า้ ไมไ่ ดท้ ำ� งาน มนั ภาวนาไดท้ งั้ วนั จนถงึ เวลานอนเลย
กเ็ ลยบวชดกี วา่
พอบวชแล้วมีโอกาสได้ภาวนาจริงๆ แต่ต้องหา
สถานท่ีภาวนา อย่าไปเจอวัดที่ต้องท�ำงานอย่างอ่ืนเลย
ขอแคน่ ้ี อยา่ ไปเจอวดั ทต่ี อ้ งสวด หรอื ไปสอนไปสงั่ ไปทำ�
อะไรทไี่ มใ่ ชเ่ รอ่ื งภาวนาเลย เพราะเทา่ ทไ่ี ดศ้ กึ ษาในพระ
ไตรปิฏก ก็ไม่เห็นมีงานอย่างที่ท�ำกันในสมัยปัจจุบันนี้
หรอก ในสมัยพทุ ธกาลพอออกบวชแล้ว พระพทุ ธเจ้าก็
ทรงสอนใหไ้ ปอยตู่ ามปา่ ตามเขา ไปภาวนากนั แตส่ มยั นี้
บวชแล้วต้องไปท�ำโน่นท�ำน่ี ไปสวดศพ ไปงานบุญ
ไปงานอะไรเต็มไปหมด ซึ่งไม่ใช่เป็นงานของพระเลย
เพราะเหตนุ เ้ี องจึงตอ้ งหาวดั ที่มีแตก่ ารปฏบิ ัติ ïïï

นักบวช ï ผ้แู สวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
18

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต)
19

นกั บวช ï ผ้แู สวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
20

“นักบวช”
ผ้แู สวงหาทางพ้นทกุ ขจ์ ากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย

พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต)
วดั ญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จ.ชลบรุ ี

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต)
21

เส้นทางชีวติ ของมนุษย์มอี ยู่ ๒ เส้นทางดว้ ยกนั คอื
๑. ทางโลก ๒. ทางธรรม

ทางโลก กค็ ือทางแหง่ ลาภ ยศ สรรเสริญ
ทางแหง่ ความสขุ ทางตา หู จมกู ล้ิน กาย
ทางทนี่ �ำไปสู่การเวยี นว่ายตายเกิดในไตรภพ
ทางธรรม ก็คือทางสูก่ ารออกจากการเวยี นว่าย
ตายเกิด ออกจากไตรภพ ผู้ที่พบทางธรรมแล้ว
จะไมต่ ้องกลบั มาเวียนวา่ ยตายเกิดในไตรภพ

ไมต่ ้องมาเกิดในกามภพ

พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต

นักบวช ï ผแู้ สวงหาทางพ้นทุกข์จากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย
22

ไมม่ ใี ครเกิดมาแล้วไปบวชเปน็ พระได้
น้อยคน มบี า้ งแต่นอ้ ยมาก
คนบางคนบารมมี าก

ชาติกอ่ นเคยบวชเคยปฏบิ ัตมิ าแล้ว
เมอ่ื อดตี ไม่เคยมเี ชอ้ื เก่ามากอ่ น
เรากต็ ้องสร้างเช้อื ใหม่ในปจั จบุ นั น้ี

พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต)
23

ถา้ ใจเราเด็ดเดย่ี วจริงๆ
แลว้ ก็ออกไปเลย

ไปปฏิบตั ธิ รรมดกี ว่า ถ้ายงั ท�ำงานอยู่
มันก็ต้องเจอคนอย่างนีน้ ะ คนในโลกน้สี ว่ นใหญ่
กจ็ ะเปน็ คนที่มีกิเลสตณั หา คนรักษาศีลนอ้ ย

มีคนทำ� บาปกนั เยอะ ทา่ นบอกวา่
คนดีเหมือนเขาวัว คนไมด่ ีเหมือนขนววั

วัวตัวหน่ึงมเี ขาแค่ ๒ อัน เท่านน้ั
แต่ขนน่นี ับไมถ่ ว้ นเลย ในโลกนกี้ ็แบบน้ี
โลกนม้ี เี ขาววั นอ้ ย มีแต่ขนววั ทัง้ นน้ั แหละ

พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต

นกั บวช ï ผแู้ สวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย
24

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต)
25

นกั บวช ï ผ้แู สวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
26

กุญแจออกจากไตรภพ
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สชุ าติ อภชิ าโต

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต)
27

ไมม่ ศี าสนาไหนสอนอรยิ สจั ๔ ทเี่ ป็นระดบั ปัญญา
ท่ีจะพาให้ดวงวญิ ญาณนอี้ อกจากไตรภพ
ออกจากการเวยี นว่ายตายเกิดได้
มีศาสนาเดียวเทา่ นัน้ คอื ศาสนาพุทธ

ถ้าจะว่าศาสนาพุทธนี้เป็นศาสนาท่ีเลิศที่สุดกไ็ ม่ผิด

นักบวช ï ผู้แสวงหาทางพ้นทุกขจ์ ากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย
28

พวกเราเป็นนักเดินทางกัน ตอนน้ีเราเดินทาง
ระหวา่ ง ๓ ภพนี้ กามภพบ้าง รูปภพบา้ ง อรูปภพบ้าง
ขน้ึ ๆ ลงๆ ไปๆ มาๆ เพราะวธิ กี ารดำ� เนนิ ชวี ติ ของพวกเรา
การหาความสขุ ของพวกเรานแี่ หละ เปน็ เหตทุ พ่ี าใหเ้ รามา
ทอ่ งเทย่ี วกนั ในไตรภพโดยไม่รสู้ ึกตวั
พระพุทธเจ้าก็เคยทรงท่องเที่ยวอยู่ในไตรภพมา
นานแสนนาน จนถงึ กบั มคี วามเบอ่ื ขน้ึ มา หรอื เกดิ ความ
กลวั ในการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย จงึ อยากจะพน้ จากสภาพของ
การเปน็ นกั ทอ่ งเทยี่ วในไตรภพ ในการเวยี นวา่ ยตายเกดิ
ในการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย จงึ ไดท้ รงศกึ ษาหาวิธีวา่ จะท�ำ
อยา่ งไรทจ่ี ะทำ� ใหไ้ มต่ อ้ งกลบั มาเกดิ แก่ เจบ็ ตาย ไมต่ อ้ ง
มาเวยี นว่ายตายเกดิ อีกต่อไป กเ็ ลยสละราชสมบัติแลว้
กไ็ ปบวช เพราะเชอื่ วา่ วธิ บี วชนเี้ ปน็ วธิ ที จี่ ะสามารถศกึ ษา
เร่ืองการเกิด แก่ เจบ็ ตายได้ ศกึ ษาเร่ืองวธิ ีหยดุ การ
เกดิ แก่ เจบ็ ตายได้ ในทส่ี ดุ กท็ รงคน้ พบคำ� ตอบในพระ
อรยิ สจั ๔ ทแ่ี สดงเหตทุ พี่ าใหม้ าเกดิ แก่ เจบ็ ตายกนั และ
แสดงเหตุที่จะตัดภพตดั การเวยี นวา่ ยตายเกดิ ได้

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต)
29

นแี่ หละคอื พระพทุ ธเจา้ คนทไ่ี ดค้ น้ พบพระอรยิ สจั ๔
กญุ แจทจี่ ะเปดิ ประตใู หเ้ ราออกจากไตรภพได้ ออกจาก
การเวยี นวา่ ยตายเกดิ ได้ คอื พระอรยิ สจั ๔ ไมม่ ศี าสดาใด
ในโลกนขี้ องศาสนาไหนทร่ี พู้ ระอรยิ สจั ๔ มพี ระพทุ ธเจา้
เพยี งองค์เดยี วเทา่ นน้ั ทรี่ จู้ กั พระอรยิ สัจ ๔
ในโลกเรานีม้ ีศาสนาหลักอยูป่ ระมาณ ๖ ศาสนา
ดว้ ยกนั คือ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาขงจอื๊
ของจนี ศาสนาของยวิ แลว้ กศ็ าสนาเตา๋ ของจนี ไปศกึ ษา
ศาสนาไหน ไมม่ ศี าสนาใดสอนอรยิ สจั ๔ กแ็ สดงวา่ พวกน้ี
ยังไม่รู้ทางออกจากการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าไปนับถือ
ศาสนาเหลา่ นน้ั กย็ งั จะถูกสอนใหต้ ดิ อยใู่ นไตรภพอยู่
ทกุ ศาสนาสอนเหมอื นกนั ในระดบั โลกยิ ธรรม คอื
ระดับการเวียนวา่ ยตายเกิดนี้ สอนใหไ้ ปเกดิ ในสคุ ติกนั
ทกุ ศาสนาสอนใหท้ ำ� บญุ สอนใหร้ กั ษาศลี แลว้ สอนใหน้ ง่ั
สมาธกิ นั แตไ่ มม่ ศี าสนาไหนสอนอรยิ สจั ๔ ทเี่ ปน็ ระดบั
ปญั ญา ทจ่ี ะพาใหด้ วงวญิ ญาณนอ้ี อกจากไตรภพ ออกจาก
การเวยี นวา่ ยตายเกดิ ได้ มศี าสนาเดยี วเทา่ นนั้ คอื ศาสนา
พทุ ธ ถา้ จะวา่ ศาสนาพทุ ธนเี้ ปน็ ศาสนาทเ่ี ลศิ ทสี่ ดุ กไ็ มผ่ ดิ

นกั บวช ï ผู้แสวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
30

ถ้าเป็นยานอวกาศก็เป็นยานชนิดเดียวที่จะพาให้มนุษย์
ออกจากโลกน้ีไปได้ ยานอย่างอ่ืนน้ีบินแค่รอบโลกได้
ศาสนาพทุ ธกเ็ ปน็ เหมอื นศาสนาทจี่ ะสง่ ดวงวญิ ญาณของ
พวกเราน้ีให้ออกจากแรงดึงดูดของไตรภพ ของรูปภพ
ของอรูปภพ ของกามภพ มศี าสนาพุทธนเ้ี ทา่ นน้ั ที่เป็น
ยานอวกาศ เราจงึ มคี ำ� วา่ ยาน เปน็ นกิ ายของศาสนาพทุ ธ
มีมหายาน มีหนี ยาน
เดิมทีมียานเดียว คือสมัยที่พระพุทธเจ้าสอนน้ี
พระทุกรูปก็ปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนทุก
ประการ แตห่ ลงั จากท่พี ระพทุ ธเจ้าทรงเสียชีวติ ไปแลว้
พระที่อยู่ก็เร่ิมมีความคิดท่ีแตกแยกในเรื่องของการ
รักษาศีล พระบางรูปคิดว่าไม่ต้องบิณฑบาตก็ได้
เพราะพวกนี้ไปเผยแผ่ธรรมในประเทศท่ีหนาว ท่ีไม่มี
ธรรมเนียมใสบ่ าตร เช่น ไปท่ที ิเบต ไปทีเ่ มืองจนี ญปี่ ุ่น
เกาหลี พวกนเ้ี ขาเลยเปลยี่ นชอื่ เขาเปน็ “มหายาน” เพราะ
เขาเปล่ียนความเช่ือจากการที่จะปฏิบัติให้พ้นทุกข์ใน
ภพนชี้ าตนิ ม้ี าเปน็ การสรา้ งบารมแี ทน ยงั ไมต่ อ้ งการทจี่ ะ
พ้นทุกข์ในชาติน้ี อยากจะมาช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์ก่อน
ด้วยการมาท�ำคุณท�ำประโยชน์ให้กับผู้อ่ืน เสียสละท�ำ

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต)
31

ประโยชน์ช่วยเหลือผู้อ่ืน พวกนี้เขาก็เลยถือว่าเขาเป็น
มหายาน เป็นยานทใ่ี หญ่ เพราะว่าจะพาให้คนหลุดออก
จากการเวียนว่ายตายเกิดได้เป็นจ�ำนวนมากกว่าพวกท่ี
ทำ� ประโยชนข์ องตนกอ่ น คอื บรรลธุ รรม ปฏบิ ตั ธิ รรมเพอื่
ให้ตนเองได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดก่อน
พวกน้ีเขาเลยเรียกเป็น “หีนยาน” คือยานขนาดเล็ก
ถ้าเปรียบเทียบก็เป็นเหมือนรถบัสกับรถมอเตอร์ไซด์
พวกรถบัสน้ีบรรทุกคนออกจากไตรภพได้เยอะกว่า
พวกทขี่ มี่ อเตอรไ์ ซดท์ บ่ี รรทกุ ใครไปไมไ่ ด้ ไปไดค้ นเดยี ว
เขาเลยเรยี กวา่ หนี ยาน
แตค่ วามจรงิ นเ่ี ปน็ ความเขา้ ใจผดิ เพราะวา่ ในเมอ่ื
เขายังไม่สามารถสร้างยานพาให้เขาออกจากไตรภพได้
แลว้ เขาจะบรรทกุ คนใหอ้ อกจากไตรภพไดอ้ ยา่ งไร ตอ่ ให้
สร้างยานขนาดไหนก็ตาม แต่ยานอวกาศท่ีเขาสร้างยัง
ไมส่ ามารถออกจากการดงึ ดดู ของโลกนไี้ ด้ เชน่ ไปสรา้ ง
แอรบ์ สั ๓๘๐ บรรทกุ คนไดต้ งั้ ๕๐๐ คนตอ่ ลำ� แตไ่ มส่ ามารถ
ออกจากแรงดึงดูดของโลกได้ แต่พวกที่สร้างจรวด
ส่งนักบินอวกาศออกจากโลกไปได้ทีละสองสามคน
เขากเ็ ลยเรยี กพวกนวี้ า่ เปน็ หนี ยาน ทบ่ี รรทกุ คนไดน้ อ้ ย

นักบวช ï ผู้แสวงหาทางพน้ ทกุ ขจ์ ากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย
32

ถา้ ไปนบั ถอื มหายาน กย็ งั ตอ้ งเวยี นวา่ ยตายเกดิ ใน
ไตรภพอยู่ เพราะผูส้ อนของมหายานนยี้ ังไม่ไดห้ ลุดพน้
เขามาท�ำทานบารมแี ทน มาสร้างทานบารมีซงึ่ เป็นธรรม
ระดบั ท่ี๑เทา่ นนั้ ระดบั ประถมเขายงั ไมไ่ ปศลี สมาธิปญั ญา
ในเมอื่ เขายงั ไมไ่ ปถงึ ขนั้ ปญั ญา แลว้ เขาจะพาคนอน่ื ใหไ้ ป
ขั้นปญั ญาไดอ้ ย่างไร เขาก็มาสอนให้ทำ� ทานกัน ก็เลย
กลายเป็นพระโพธิสัตว์กันไป พระโพธิสัตว์ก็คือผู้ที่
แสวงหาทางออกจากการเวียนว่ายตายเกิดด้วยตนเอง
ไม่อาศัยค�ำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะเขาอยากจะ
ชว่ ยเหลือคนอนื่ ใหไ้ ปพร้อมๆ กบั เขาทีเดียว ก็เลยสอน
ให้มาร่วมปฏิบัติธรรมพร้อมๆ กันในระดับเดียวกัน
อยา่ เพง่ิ ไปบวช อยา่ เพง่ิ ไปตดั ชอ่ งนอ้ ยหนไี ปอยคู่ นเดยี ว
พวกที่ไปบวชไปปฏิบัติไปบรรลุเป็นพระอรหันต์น้ีถือว่า
เปน็ พวกเหน็ แกต่ วั เอาตวั รอดเพยี งคนเดยี วกอ่ น แตเ่ ขา
ลมื มองวา่ พระอรหนั ตห์ ลงั จากทท่ี า่ นรอดแลว้ ทา่ นไมไ่ ด้
อยเู่ ฉยๆ ทา่ นกก็ ลบั มาชว่ ยคนทต่ี ดิ อยใู่ หห้ ลดุ รอดออก
ไปเปน็ จ�ำนวนมากมาย
ดอู ยา่ งพระพทุ ธเจา้ ตอนทที่ า่ นบำ� เพญ็ ทา่ นชวนใคร
มาบำ� เพญ็ ดว้ ยหรอื เปลา่ ทา่ นไมย่ งุ่ กบั ใครเลย ทา่ นเอาแต่

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต)
33

ตวั ทา่ นองคเ์ ดยี วเทา่ นน้ั เอง ปฏบิ ตั ธิ รรมอยา่ งเตม็ ที่ ทมุ่ เท
ทั้งชีวิตจิตใจให้กับการศึกษาเพ่ือหาทางออกจากกอง
ทกุ ขแ์ หง่ การเวยี นวา่ ยตายเกดิ ไมย่ งุ่ กบั ใคร ไมส่ อนใคร
ไมเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ใคร ตอนนนั้ จะวา่ เหน็ แกต่ วั กเ็ หน็ แกต่ วั
แต่เป็นการเห็นแก่ตัวที่ไม่เสียหาย ไม่ได้ไปเอารัดเอา
เปรียบใคร เป็นการรักษาจิตใจของตนท่ีถูกความทุกข์
ของการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย เหยยี บยำ�่ ทำ� ลายอยู่ ตอ้ งการ
ท่จี ะปลดเปลื้องความทุกข์ของการเกดิ แก่ เจบ็ ตายน้ี
ให้มันพ้นออกไปจากจิตใจเท่าน้ันเอง ซ่ึงก็เป็นเหมือน
เวลาเราไมส่ บายกนั เราไปรกั ษาตวั ทโ่ี รงพยาบาล อยา่ งน้ี
เราเห็นแก่ตัวหรือเปล่า เป็นฮีโร่แบบยอมตายถวายให้
กับบริษัท แต่ไม่สามารถช่วยให้บริษัทเจริญก้าวหน้า
รุง่ เรอื งได้ หรือขอเหน็ แก่ตัว คือไปรกั ษาตัวให้หายจาก
โรคภัยไข้เจ็บก่อน แล้วค่อยกลับมาช่วยบริษัทให้
เจรญิ รุง่ เรือง จะเป็นฮีโร่แบบไหนดี ตามความคดิ แบบ
มหายาน เขาคดิ วา่ ตอ้ งเปน็ ฮโี รแ่ บบยอมตาย แตไ่ มไ่ ดเ้ กดิ
ประโยชนอ์ ะไรจากความยอมตายของตนเอง ยอมตดิ อยู่
กบั การเวยี นวา่ ยตายเกดิ แตค่ ดิ วา่ ไดช้ ว่ ยเหลอื คนใหไ้ ด้
เรมิ่ ปฏบิ ตั สิ กู่ ารหลดุ ออกจากการเวยี นวา่ ยตายเกดิ ซงึ่ ยงั

นกั บวช ï ผู้แสวงหาทางพ้นทกุ ขจ์ ากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย
34

ไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติอีกก่ีพันภพพันชาติหรือแสนล้าน
ชาติกว่าที่จะได้หลุดออกจากการเวียนว่ายตายเกิดได้
น่ีคือท่ีมาของค�ำว่า มหายาน กับ หีนยาน
ถา้ ไมไ่ ปศกึ ษาไมป่ ฏบิ ตั ิ ทำ� ใหห้ ตู าของตนสวา่ งขนึ้
มากอ่ น แลว้ จะมาพดู สอนคนอนื่ ใหห้ ตู าของเขาสวา่ งขน้ึ
ไดอ้ ย่างไร ลองไปฟังพระที่ทา่ นไมป่ ฏบิ ตั ดิ ู พระทท่ี ่าน
เรยี นจบนกั ธรรมตรี โท เอก จบเปรยี ญ ๙ น้ี ลองไปฟงั
เทศนข์ องทา่ นดู ท�ำใหห้ ตู าเราสว่างข้นึ หรอื อาจจะท�ำให้
มดื ขน้ึ กวา่ เดมิ กไ็ ด้ เพราะฟงั แลว้ สบั สน สง่ิ ทที่ า่ นพดู กบั
ส่ิงที่ท่านท�ำมันไม่เหมือนกัน คนฟังก็เริ่มสงสัยแล้ว
แทนท่จี ะแกค้ วามลงั เลสงสัยได้
พระพทุ ธเจา้ ทรงสอนให้มกั นอ้ ยสนั โดษ แตท่ ำ� ไม
ทา่ นไมม่ กั นอ้ ยสนั โดษ พระพทุ ธเจา้ ทรงสอนใหล้ ดความ
อยากไดใ้ นลาภ ยศ สรรเสรญิ สขุ ทำ� ไมทา่ นยงั แสวงหา
ลาภ ยศ สรรเสรญิ สขุ อยู่ อนั นมี้ นั ขดั กนั แตถ่ า้ ไปศกึ ษา
กับพระท่ีท่านปฏิบัติแล้ว ท่านได้ละการแสวงหาลาภ
สกั การะ ละการหาลาภ ยศ สรรเสรญิ สขุ แลว้ ทา่ นสอน
อย่างไรท่านก็ท�ำอย่างนน้ั อย่างพระพุทธเจา้ ทรงตรสั วา่

พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต)
35

“สงิ่ ใดท่ีเราสอน เราทำ� สิง่ นนั้ มาแลว้ ท้ังนน้ั ” น่ันแหละ
มันเป็นตัวที่จะท�ำให้คนมีความมั่นใจในค�ำสอนได้
แตค่ ำ� สอนของคนทมี่ กี เิ ลส เขาจะพดู อยา่ งนวี้ า่ “ใหท้ ำ� ตาม
ทีเ่ ราสอน อย่าทำ� ตามท่เี ราทำ� ” เพราะว่าสิง่ ท่เี ราสอนกบั
สงิ่ ทเ่ี ราทำ� นมี้ นั ไมเ่ หมอื นกนั เราสอนอยา่ งหนงึ่ คำ� สอนนี้
ถกู ต้องแต่เรายังท�ำไม่ได้ พอฟงั แลว้ คนไปฟังก็เสื่อม
ศรัทธา ถ้าท่านท�ำไม่ได้แล้วท่านจะมาสอนให้เราท�ำได้
อยา่ งไร ทา่ นกเ็ ปน็ เหมอื นแมป่ สู อนลกู ปลู ะซิ ทา่ นสอนให้
ลกู ปเู ดนิ ตรงๆ อยา่ เฉไปเฉมา แต่พอเวลาทา่ นเดินเอง
ก็เฉไปเฉมา ไม่ได้เดินตรงตามหลักธรรมค�ำสอนของ
พระพุทธเจ้า มนั กเ็ ลยไมท่ �ำให้เกดิ ศรทั ธาข้นึ มา
เพราะฉะนน้ั เราจงึ มี ๒ ยาน มหายานกบั หนี ยาน
หนี ยานอกี คำ� พดู หนงึ่ กค็ อื “เถรวาท” หนี ยานกบั เถรวาท
นเี้ ปน็ ชอื่ เดยี วกนั เปน็ อนั เดยี วกนั เพยี งแตว่ า่ ทางเถรวาท
เราไม่เรียกเราว่าหีนยาน เราเรียกเราว่าเป็นเถรวาท
เถรวาท แปลวา่ ผฟู้ งั คำ� สอนของพระเถระ ของพระผใู้ หญ่
“วาท” นมี้ าจากคำ� วา่ โอวาท คำ� สอน “เถระ” คอื พระผใู้ หญ่
ทุกคนที่มาบวชในพระพุทธศาสนานี้ จะมีพระผู้ใหญ่
คือพระอุปัชฌาย์ คนที่จะบวชไดน้ ี้ต้องมพี ระอุปัชฌาย์

นกั บวช ï ผ้แู สวงหาทางพ้นทกุ ข์จากการเกิด แก่ เจบ็ ตาย
36

พระอปุ ชั ฌายค์ อื พระเถระ พระทม่ี พี รรษาถงึ จะเปน็ ผบู้ วช
พระได้ อยา่ งนอ้ ยตามหลกั ธรรมตอ้ งมี ๑๐ พรรษาขนึ้ ไป
ต้องได้ศึกษาพระธรรม ได้ปฏิบัติจนรู้จักพระธรรม
ค�ำสอนท่ีถูกต้องว่าเป็นอย่างไร แล้วพูดตามความจริง
ตอ้ งปฏบิ ตั ดิ ว้ ยถงึ จะถกู ตอ้ ง พระเถระทแ่ี ทจ้ รงิ นตี้ อ้ งเปน็
พระอรยิ บคุ คลถึงจะถือว่าเปน็ พระเถระแท้ พระทรี่ ้แู ละ
ปฏิบตั ติ ามทตี่ นเองรแู้ ละสอนผอู้ ื่นได้ นี่คอื เถรวาท
พระผใู้ หญจ่ ะสอนคำ� สอน ๘ ขอ้ แรกกอ่ นเลยใหพ้ ระ
ทบี่ วชใหม่ เรียกว่า “บพุ พกจิ ของพระ” คอื กจิ ทพ่ี ระพึง
กระทำ� ๔ และไมพ่ งึ กระทำ� ๔ กจิ ที่ไมพ่ งึ กระท�ำ ๔ คอื
๑. การเสพเมถนุ คอื การรว่ มหลบั นอนกบั สกี า ๒. การฆา่
มนษุ ย์ ๓. การลกั ทรพั ย์ ๔. การอวดอตุ รคิ ณุ ธรรมทไี่ มม่ ี
ในตน เชน่ บอกวา่ ไดฌ้ านขน้ั นนั้ ฌานขนั้ นแ้ี ลว้ ระลกึ ชาติ
ไดแ้ ลว้ วา่ ชาตกิ อ่ นเปน็ อะไร เปน็ การอวดอตุ รคิ ณุ ธรรมท่ี
ไมม่ ใี นตนเอง ถา้ มี ไมบ่ าป ถา้ มี ไมผ่ ดิ ถา้ เปน็ ความจรงิ
จะไม่ผดิ แต่ถา้ ท�ำผดิ ๔ ข้อน้ี ถือว่าขาดจากการเป็น
พระทนั ที จงึ จ�ำเป็นต้องสอนข้อหา้ ม ๔ ขอ้ นี้ทนั ทีเลย
คือกจิ ท่ไี ม่พึงกระท�ำ และกจิ ท่ีพงึ กระท�ำอีก ๔ ขอ้ คอื
๑. ใหบ้ ณิ ฑบาตเลย้ี งชพี ๒. ใหใ้ ชผ้ า้ บงั สกุ ลุ คอื ใชผ้ า้ เกา่

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต)
37

ผ้าที่เขาท้ิงในป่าช้า สมัยก่อนผ้าบังสุกุลคือผ้าห่อศพ
เขาถึงมักจะมีการถวายผ้าบังสุกุลในงานศพ เป็นการ
จ�ำลองเหตุการณ์ นักบวชสมัยนั้นก็ไปเก็บผ้าห่อศพน้ี
มาซักมาย้อม มาตัดเป็นผา้ เปน็ จีวรนุ่งห่มกนั เรยี กวา่
ผา้ บงั สกุ ลุ ความหมายกค็ อื ใหห้ าผา้ ทไี่ มต่ อ้ งเสยี เงนิ ใหพ้ ง่ึ
ตนเอง ไมต่ อ้ งไปรบกวนชาวบา้ น
กิจทีพ่ ึงกระท�ำ ๔ ข้อน้ี คือใหเ้ จริญความมกั น้อย
สันโดษ มักน้อยสันโดษด้วยการบิณฑบาต มักน้อย
สนั โดษดว้ ยการใชผ้ า้ บงั สกุ ลุ มกั นอ้ ยสนั โดษดว้ ยการอยู่
ตามโคนไม้ ถา้ สมมตุ วิ ดั ไมม่ กี ฏุ อิ ยกู่ ไ็ มเ่ ปน็ ไร ขอปกั กลด
อยตู่ ามโคนไมแ้ ทน ไมไ่ ปรบกวนชาวบา้ นใหม้ าชว่ ยสรา้ ง
กุฏใิ ห้อยู่ ใหอ้ ยตู่ ามมีตามเกิด และให้ใช้ยาดองน�ำ้ มตู ร
สมัยก่อนเขารักษาโรคภยั ไขเ้ จ็บทัว่ ๆ ไปด้วยการกนิ ยา
ดองนำ�้ มตู ร น้�ำมูตรก็ไม่ตอ้ งเสยี เงินซ้ือมาดอง นำ้� มูตร
กค็ อื นำ้� ปสั สาวะของตนเอง เอาสมอใสเ่ ขา้ ไป ทงิ้ ไวไ้ มก่ วี่ นั
มนั กเ็ ปน็ ยาดองขนึ้ มา เปา้ หมายกค็ อื ไมใ่ หไ้ ปรบกวนขอ
ชาวบา้ น ขอญาติ ขออะไรจากใคร ใหอ้ ยตู่ ามมีตามเกดิ
มกั นอ้ ยสนั โดษ เพราะศาสนานจี้ ะไดเ้ จรญิ รงุ่ เรอื ง ไมเ่ ปน็
ศาสนาที่ไปเกาะกินชาวบ้าน ไปรบกวนขอนู่นขอนี่จาก

นักบวช ï ผ้แู สวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย
38

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต)
39

ชาวบา้ นเขา ถา้ เขามศี รทั ธาอยากจะใหก้ ร็ บั ได้ ถา้ เขาเหน็
วา่ เรากนิ ยาดองนำ�้ มตู รแลว้ เขามยี าดกี วา่ เขาจะถวายให้
กร็ บั ไวไ้ ด้ แต่ไมใ่ หไ้ ปขอว่า ขอยาแกป้ วด ขอยาแก้ไอ
ขอยานนู่ ยาน่ี ไมใ่ หข้ อ ใหย้ นิ ดตี ามมตี ามเกดิ นค่ี อื คำ� สอน
ท่ีพระเถระจะสอนพระบวชใหม่ในวันแรกของการ
บวชเลย อันนเ้ี ป็นคำ� สอนของพระเถระในเบอื้ งตน้
ต่อมาก็ให้มาศึกษาหลักธรรมต่างๆ ท่ีสมัยนี้เขา
คัดออกมาจากพระไตรปิฎกแล้วก็มาใส่ไว้ในหลักสูตร
นกั ธรรมตรี โท เอก นกั ธรรมตรกี จ็ ะใหเ้ รยี นพระพทุ ธ-
ประวัติ ให้รู้ความเป็นไปความเป็นมาของพระพุทธเจ้า
พระศาสดา แลว้ กใ็ หเ้ รยี นหลกั ธรรมคำ� สอนสำ� คญั ๆ เชน่
พระอรยิ สจั ๔ ไตรลกั ษณ์ มงคล ๓๘ ธรรมทสี่ ำ� คัญๆ
ต่างๆ ค�ำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงสอนทุกพระองค์มี
อะไรบา้ ง คอื ใหล้ ะการกระทำ� บาปทั้งปวง ใหส้ รา้ งบญุ
สร้างกศุ ลทั้งหลายให้ถงึ พรอ้ ม ใหช้ ำ� ระจติ ใจให้สะอาด
บริสทุ ธ์ิ แล้วพอเรยี นเสร็จเขาก็จะไปสอบ
การสอบน้ีความจริงเป็นการทดสอบความจ�ำ
เทา่ นนั้ วา่ จำ� ไดห้ รอื ไม่ แตท่ างปฏบิ ตั จิ รงิ ๆ ยงั ถอื วา่ ไมผ่ า่ น

นกั บวช ï ผู้แสวงหาทางพน้ ทุกข์จากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย
40

จะผ่านได้ต้องน�ำเอาไปปฏิบัติเพ่ือท�ำให้จิตหลุดพ้นจาก
กองทกุ ขแ์ หง่ การเวยี นวา่ ยตายเกดิ ได้ แตท่ างคณะปรยิ ตั ิ
คอื คณะศกึ ษา เขาเอาแคค่ วามจำ� ไปกอ่ น เชน่ ในพรรษาน้ี
จะสอนนักธรรมตรีให้กับพระบวชใหม่ แล้วพอใกล้จะ
ออกพรรษากจ็ ะใหไ้ ปสอบนกั ธรรมตรกี นั พอสอบผา่ นก็
ถอื วา่ จบนกั ธรรมตรี อยา่ งนอ้ ยใหม้ คี วามรเู้ บอ้ื งตน้ รหู้ ลกั
ธรรมคำ� สอน รพู้ ทุ ธประวตั ิ รวู้ นิ ยั ของพระคอื ศลี ๒๒๗ ขอ้
วา่ มีอะไรบ้าง และร้จู ักเขยี นแตง่ กระทู้ คือจะได้เอามา
เขียนเป็นธรรมะเป็นเทศนาได้ต่อไป ให้หัดเขียนแต่ง
กระทู้ ตง้ั หวั ขอ้ ความขน้ึ มา เชน่ อตั ตา หิ อตั ตโน นาโถ
นี้เป็นอย่างไร ให้สาธยายไปเขียนไปแต่งข้อความไป
เพื่อตอ่ ไปจะได้เอามาเทศนส์ อนญาติโยมได้
นคี่ อื การศกึ ษาทางปรยิ ตั ธิ รรม ปแี รกนถี้ า้ บวชกใ็ ห้
เรยี นนกั ธรรมตรี ถา้ อยตู่ อ่ พรรษาที่ ๒ กใ็ หเ้ รยี นนกั ธรรมโท
ทส่ี อนละเอยี ดขนึ้ ไปเกยี่ วกบั พระวนิ ยั ตา่ งๆ พรรษาที่ ๓
กเ็ ช่นเดียวกัน สอนเพิ่มมากขึน้ พอจบชั้นนักธรรมเอก
กถ็ อื วา่ ครบหลกั สตู รของปรยิ ตั ธิ รรม ถา้ อยากจะเรยี นตอ่
กใ็ หเ้ รยี นบาลี เรยี นภาษาบาลเี พอ่ื ทจ่ี ะไดอ้ นรุ กั ษค์ ำ� สอน
ของพระพุทธเจ้าได้ เพราะว่าค�ำสอนของพระพุทธเจ้า

พระจุลนายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)
41

ดงั้ เดมิ นใี้ ชภ้ าษาบาลี แตย่ คุ ปจั จบุ นั นเี้ ราเอามาแปลเปน็
ภาษาไทย ซง่ึ เวลาแปลนอ้ี าจจะไมต่ รงกนั บางคำ� พดู กไ็ ด้
ถา้ อยากจะคงความดงั้ เดมิ ของภาษาของคำ� สอนไวก้ ต็ อ้ ง
ไปเรยี นบาลกี นั จะไดส้ ามารถทจี่ ะถา่ ยทอดคำ� สอนทเี่ ปน็
ภาษาบาลีต่อให้กับยคุ ตอ่ ไปได้ ให้กบั รนุ่ ต่อไปได้
แลว้ พอศกึ ษาเสรจ็ ทา่ นกใ็ หไ้ ปปฏบิ ตั ติ อ่ ยงั ไมจ่ บ
ความจริง ส่วนใหญ่ถ้าเป็นพระปฏิบัตินี้ ท่านเอาแค่
นักธรรมตรี หรือบางแห่งเขามีเรียนสอนนักธรรมตรี
แต่ไม่มกี ารสอบ ไมม่ ีการให้ประกาศนยี บัตร
ส�ำนักปฏิบัตินี้จะไม่มีการสอบกัน สอบด้วยการ
ปฏบิ ตั ิ ใหป้ ฏบิ ตั เิ ลย ใหร้ วู้ า่ รกั ษาศลี ๒๒๗ ขอ้ ไดห้ รอื ไม่
ใหท้ ำ� บพุ พกจิ ทส่ี อนไดห้ รอื ไม่ ใหม้ คี วามมกั นอ้ ยสนั โดษ
ในการบณิ ฑบาตไดห้ รอื ไม่ จะทดสอบดว้ ยการปฏบิ ตั เิ ลย
ไมม่ าทดสอบความจำ� กนั บณิ ฑบาตหรอื เปลา่ หรอื ขเ้ี กยี จ
บณิ ฑบาต คอยแต่รอกิจนิมนต์หรือคอยสง่ั ใหล้ กู ศษิ ย์
หาอาหารมาถวายท่ีกุฏิ ถ้าอย่างน้ีก็เรียกว่าสอบตกใน
สายตาของพระปฏบิ ตั ิ

นกั บวช ï ผแู้ สวงหาทางพน้ ทกุ ข์จากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย
42

พระปฏิบัตินี้นอกจากเรื่องบุพพกิจ ยังมีเร่ือง
ธดุ งควตั รเพมิ่ ขนึ้ มาอกี ใหบ้ ณิ ฑบาตแลว้ ยงั ใหฉ้ นั มอื้ เดยี ว
ให้ฉันในบาตรอีก อันน้ีเป็นข้อปฏิบัติเพิ่มเติมของการ
ปฏิบัติ
นแ่ี หละคอื เรอ่ื งของเถรวาท เบอ้ื งตน้ นตี้ อ้ งการทจ่ี ะ
สอนผทู้ ม่ี าบวชนใี้ หบ้ รรลมุ รรคผลนพิ พานกอ่ น พอบรรลุ
มรรคผลนพิ พานเปน็ พระอรยิ บุคคลแลว้ ทนี ี้ก็สามารถ
ไปสอนคนอน่ื ไดแ้ ลว้ เพราะเปน็ คนตาดแี ลว้ ไมใ่ ชเ่ ปน็ คน
ตาบอดคล�ำช้างแล้ว ทนี ีจ้ ะบอกว่าช้างนม้ี ันมหี ลายส่วน
มันไม่มีเพียงแต่หางอย่างเดียว มันไม่มีเพียงแต่งวง
อยา่ งเดียว ธรรมะของพระพทุ ธเจ้าก็ไมใ่ ชม่ ีเพยี งแต่ทำ�
ทานอยา่ งเดยี ว รกั ษาศลี อยา่ งเดยี ว หรอื ภาวนาอยา่ งเดยี ว
มีหลายอย่างท่ีจะต้องท�ำให้ครบบริบูรณ์ถึงจะสามารถ
บรรลุมรรคผลนิพพานได้ พอบรรลุแล้วทีนี้ก็มาท�ำ
ประโยชนใ์ หก้ บั ผู้อ่นื ตอ่ ไปได้
พระพทุ ธเจา้ เสรจ็ ภารกจิ ๖ ปี อกี ๔๕ ปมี าทำ� ภารกจิ
ให้กับผู้อื่น ครูบาอาจารย์ยุคปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน
พอทา่ นบรรลุแลว้ ทีน้ี ท่านกม็ าส่งั สอนศรทั ธาญาติโยม

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต)
43

ไปจนถึงวนั ตาย อันนีใ้ นสายตาของมหายานเขาเรียกวา่
เป็นหีนยาน เป็นยานขนาดเล็ก แต่ความจริงเป็นยาน
ขนาดใหญ่ เพยี งแตว่ า่ ตอ้ งเอาตวั เองใหร้ อดกอ่ น ขนั้ แรก
ตอ้ งบรรทกุ ไดค้ นเดยี วกอ่ น พอบรรทกุ ไดค้ นเดยี วแลว้
ทนี ก้ี ส็ ามารถทจี่ ะไปบรรทกุ คนอนื่ ไดอ้ กี เยอะแยะตอ่ ไป

นกั บวช ï ผแู้ สวงหาทางพ้นทกุ ขจ์ ากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย
44

นี่คอื เรื่องทพ่ี วกเราไม่รูก้ นั พวกเราไม่รวู้ า่ เราเปน็
ใครกนั เรากำ� ลงั ทำ� อะไรกนั อยู่ เราคดิ วา่ เราเปน็ มนษุ ยเ์ ปน็
หญงิ เป็นชาย เรามาหาความสุขอะไรกันตา่ งๆ ในโลกน้ี
เรารู้แค่นี้เอง แต่ความจริงเราก�ำลังมาเวียนว่ายตาย
เกดิ กนั เพราะวธิ กี ารหาความสขุ ของเรานเ้ี ปน็ วธิ สี รา้ งภพ
สรา้ งชาตใิ หมใ่ หก้ บั เรานนั่ เอง แลว้ บญุ หรอื บาปทเ่ี ราทำ� ก็
จะเปน็ ตวั บอกให้รูว้ า่ เราจะไปสร้างภพทด่ี หี รอื ภพทไ่ี ม่ดี
แต่พวกเราจะไม่รถู้ ้าเราไมไ่ ดม้ าพบกับผรู้ ู้ คอื พระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์
วนั นเี้ รากไ็ ดม้ าพบกบั พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์
มาไดย้ นิ ไดเ้ รอ่ื งราวทพ่ี ระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ รแู้ ลว้
เอามาเผยแผ่สั่งสอนให้กับพวกเรา พวกเราก็มีหูตา
สว่างข้ึน และก็จะเอาไปท�ำให้เกิดประโยชน์กับเราได้
ต่อไป ïïï

พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต)
45

นกั บวช ï ผ้แู สวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
46

บวชเพือ่ ดับความทุกข์
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต)
47

การบวชทแี่ ทจ้ รงิ
บวชเพ่อื ดับความทุกข์
บวชเพ่ือไปพระนิพพาน
เพราะพระนิพพานนีแ่ หละ
เปน็ ท่ีส้นิ สดุ ของความทุกขแ์ บบเต็ม ๑๐๐

นักบวช ï ผู้แสวงหาทางพน้ ทกุ ข์จากการเกิด แก่ เจบ็ ตาย
48

ส่ิงส�ำคัญที่สุดในค�ำส่ังค�ำสอนของพระพุทธเจ้า
ทรงเนน้ เรอื่ งความไมป่ ระมาท ทรงสอนใหห้ มนั่ ระลกึ ถงึ
ความตายอยู่เร่ือยๆ ทรงสอนให้ท่องว่า “เราเกดิ มาแล้ว
ย่อมมีความแก่เป็นธรรมดา ล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้
มีความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดา ล่วงพ้นความความ
เจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยไปไม่ได้ มคี วามตายเปน็ ธรรมดา ลว่ งพน้
ความตายไปไมไ่ ด้ มกี ารพลดั พรากจากกนั เปน็ ธรรมดา
ล่วงพ้นจากการพลัดพรากจากกันไปไม่ได้” ให้ท่องอยู่
เร่ือยๆ เพือ่ จะไดร้ ้วู า่ เรามีภยั รอเราอยู่ ภยั จะมาหาเรา
พวกเราทุกคนที่เกิดมาน้ีมีภัยติดตามเรามากัน
ทกุ คน แลว้ มนั จะตอ้ งตามเราทนั ไมว่ นั ใดวนั หนง่ึ มนั ไมไ่ ด้
มาเปน็ สตู ร มันไม่ได้มาเปน็ ขั้นตอน มันไมไ่ ด้มาวา่ ตอ้ ง
แกก่ ่อน แลว้ ต้องเจ็บกอ่ น แลว้ คอ่ ยตาย บางทีมันมา
พลกิ ขน้ั ตอนกนั ไมท่ นั แกไ่ มท่ นั เจบ็ กต็ ายได้ เกดิ อบุ ตั เิ หตุ
อย่างใดอย่างหน่งึ ทำ� ให้ตายขึน้ มาทนั ที ทัง้ ๆ ทร่ี า่ งกาย
ยงั ไมแ่ กย่ งั ไม่เจ็บเลย แต่กต็ ายได้ หรอื ว่ายงั ไมท่ ันแก่
กเ็ จบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย เดก็ ทารกบางคนเกดิ มานมี้ โี รคตดิ ตวั มา
ถ้ารักษาไม่ได้ก็อาจจะตายได้ นี่คือส่ิงท่ีจะเกิดขึ้นกับ
ทกุ คนท่เี กิดมาในโลกนี้

พระจุลนายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)
49


Click to View FlipBook Version