น้อมถวายเป็นอาจาริยบูชา
หลวงปแู่ สง ญาณวโร
หลวงปู่แสง ญาณวโร
ประวตั ิย่อและพระธรรมเทศนา
พมิ พ์ครัง้ แรก : มถิ นุ ายน ๒๕๕๘
จ�ำนวนพิมพ์ : ๒,๒๐๐ เลม่
สพพฺ ทานํ ธมมฺ ทานํ ชนิ าติ
การใหธ้ รรมะ ยอ่ มชนะการให้ทง้ั ปวง
พมิ พ์ท่ี : บรษิ ทั ศิลปส์ ยามบรรจภุ ัณฑ์และการพมิ พ์ จำ� กดั
๖๑ ถนนเลียบคลองภาษเี จรญิ ฝ่งั เหนือ ซอยเพชรเกษม๖๙
แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรงุ เทพฯ
โทรศัพท์ ๐-๒๔๔๔-๓๓๕๑-๙ โทรสาร ๐-๒๔๔๔-๐๐๗๘
E-mail: [email protected]
www.silpasiam.com
สารบญั
ประวตั ิยอ่ หลวงปูแ่ สง ญาณวโร
พระธรรมเทศนา หลวงปแู่ สง ญาณวโร
กรรมฐาน ๕
สจั จะคือของจรงิ
ปจั จตั ตงั
มหาสติ มหาปัญญา
หากมีข้อธรรมใดผิดพลาดจากความ
รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผู้จัดท�ำกราบขอขมา
หลวงปูม่ า ณ โอกาสนี้ด้วย
ประวตั ิย่อ
หลวงปูแ่ สง ญาณวโร
เดมิ ชอื่ นายแสง ดหี อม เกดิ เมอื่ วนั ท่ี ๑ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๖๗
อ.ฟ้าหยาด จ.อุบลราชธานี (ต่อมาอ.ฟ้าหยาดได้เปล่ียนช่ือเป็น
อ.มหาชนะชยั และข้นึ กับจ.ยโสธร ในปจั จุบนั )
หลวงปู่เข้ารับการบรรพชาอุปสมบท เม่ือวันที่ ๑ มิถุนายน
พ.ศ. ๒๔๙๐ ณ วดั ศรจี นั ทร์ อ.เมอื ง จ.ขอนแกน่ ทา่ นเคยจำ� พรรษา
และวิเวกธดุ งค์ทัง้ ในประเทศไทย ลาว และพมา่
1
ประวัติการวิเวกธุดงค์และการอยู่ศึกษากับครูบาอาจารย์
สายกรรมฐาน
- ศึกษาหลักธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่ีวัดป่าบ้าน
หนองผอื ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
- หลวงปคู่ ำ� ดี ปภาโส วดั ถำ�้ ผาปู่ จ.เลย (พ.ศ. ๒๔๙๔-๒๔๙๖)
- หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม
จ.สกลนคร ได้ร่วมสร้างวดั ถ�้ำขาม (พ.ศ. ๒๔๙๗)
- หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่
จ.หนองคาย (๑ พรรษา)
- หลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ
จ.อดุ รธานี (๒๐ พรรษา)
- พระอาจารย์แบน ธนากโร ได้ร่วมสร้างกุฏิศาลาที่วัด
ดอยธรรมเจดยี ์ จ.สกลนคร
- หลวงปู่ดลู ย์ อตุโล วดั บูรพาราม อ.เมือง จ.สุรนิ ทร์
- หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ�้ำกลองเพล จ.หนองบัวล�ำภู
ได้ร่วมธุดงคท์ ีภ่ ูวัว
- หลวงปู่แหวน สุจณิ โณ วดั ดอยแม่ป๋งั อ.พรา้ ว จ.เชยี งใหม่
- หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดปา่ สัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย
- หลวงปศู่ รี มหาวโี ร ไดว้ เิ วกธดุ งคท์ ภี่ เู กา้ ภเู วยี ง จ.ขอนแกน่
2
- หลวงปเู่ หรยี ญ วรลาโภ วดั อรญั ญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่
จ.หนองคาย ได้วเิ วกธดุ งคด์ ว้ ยกนั ท่ีวัดหนิ หมากเปง้
- หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร วัดป่านาสีดา จ.อุดรธานี
ได้วเิ วกธุดงค์ดว้ ยกันท่ี อ.บา้ นผือ และอ.นำ�้ โสม
- พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์วัน อุตตโม
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต และพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร
ไดว้ เิ วกธดุ งคร์ ่วมกนั ทภี่ สู ิงห์ ภพู านคำ� และภทู อก ฯลฯ
- หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง จ.มหาสารคาม
(พ.ศ. ๒๕๓๒ - ๒๕๓๓)
- ต้งั แต่ พ.ศ. ๒๕๓๔ - ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ จำ� พรรษา
ที่วัดป่าอรญั ญาวิเวก บา้ นไก่ค�ำ จ.อำ� นาจเจริญ
- ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๑๑ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๒ จำ� พรรษาที่
วดั ปา่ อสิ ปิ ตนมฤคทายวนั (เสนาสนะปา่ โคกคา่ ย) บา้ นหนองไฮนอ้ ย
ต.หนองขา่ อ.ปทุมราชวงศา จ.อ�ำนาจเจริญ
- ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ จ�ำพรรษาท่ีวัดปา่ นาเกง้ิ ญาณวโร
บ้านนาเกิ้ง อ.เสนางคนคิ ม จ.อ�ำนาจเจรญิ
- ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ จำ� พรรษาท่วี ดั ปา่ มโนรมย์
สมประสงค์ (ส�ำนักสงฆ์ภูทิดสา) บ้านห้วยฆ้อง ต�ำบลหนองข่า
อำ� เภอปทุมราชวงศา จงั หวดั อ�ำนาจเจริญ
- ๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ - กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ สำ� นกั สงฆ์
บา้ นเวนิ ชัย อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร
3
ปัจจบุ นั หลวงปูพ่ กั จำ� พรรษา
ทีว่ ัดปา่ ดงสวา่ งธรรม ต.โคกนาโก อ.ปา่ ติ้ว จ.ยโสธร
4
พระธรรมเทศนา
หลวงปแู่ สง ญาณวโร 5
กรรมฐานไม่ใช่อ่นื ไกล
กรรมฐานน้ัน
มีอยใู่ นตวั เรานแี่ หละ
6
กรรมฐาน ๕
โดย หลวงปแู่ สง ญาณวโร
เทศน์อบรมพระและฆราวาส
แสดงธรรม ณ วดั ป่าอรัญญาวเิ วก (บา้ นไก่ค�ำ)
วันท่ี ๓ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕
ของทมี่ อี ยแู่ ละของเกา่ เรอ่ื งของกรรมฐาน จะผม จะขน จะเลบ็
จะฟนั จะเนอ้ื จะเอน็ จะกระดกู นน่ั แหละของทม่ี นั มอี ยู่ ใหพ้ จิ ารณา
ของทมี่ ีอย่ใู ห้มนั แจ่มให้มันแจ้ง ใหม้ นั ชัดให้มันเข้าอกเข้าใจ จะได้
ประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ หม้ นั ถกู ตอ้ งตามทำ� นองคลองธรรมของพระศาสดา
ทีท่ รงส่งั สอนไว้ สงิ่ เหลา่ น้ีฟงั เพื่ออะไร ฟงั เพื่อท่จี ะแก้ทกุ ข์ ให้มัน
พน้ ทกุ ข์ พน้ จากวฏั สงสาร ถา้ เราไมฟ่ งั เรากไ็ มม่ คี วามรู้ ถา้ ฟงั แลว้
กใ็ หน้ อ้ มเขา้ สดู่ วงจติ ดวงใจ ใหใ้ จเมอ่ื พดู เมอ่ื ไดย้ นิ แลว้ กใ็ หร้ ู้ หไู ดย้ นิ
ให้ใจรู้อยู่ด้วย ถ้าใจมันรู้อยู่ด้วยมันก็ส่งเข้าไปหาจิต จิตกับใจก็
อันเดียวกันนั่นแหละ
พดู วา่ พระทีไ่ ปบวชใหม่ๆ ตอ้ งใหก้ รรมฐาน ๕ “เกสา โลมา
นขา ทันตา ตโจ” เกสา ก็แปลว่า ผม โลมา ก็แปลว่า ขน นขา
ก็แปลว่า เล็บ ทันตา ก็แปลว่า ฟัน ตโจ แปลว่า หนงั ส่งิ เหล่านีเ้ ปน็
7
ของปฏกิ ูลน่าเกลยี ดโสโครก ถ้าเหน็ เปน็ แต่ของสวยของงาม มันก็
ติดเท่าน้นั แหละ ตดิ สวยติดงามนะ ถ้าของสกปรกมันไมต่ ดิ หรอก
เราพิจารณาให้เป็นของสกปรกถึงจะเป็นกรรมฐานได้ กรรมฐาน
ไมใ่ ชอ่ น่ื ไกล กรรมฐานนน้ั มอี ยใู่ นตวั เรานแี่ หละ กรรมฐานกด็ แี ตเ่ ขา
ไปพมิ พไ์ วใ้ นหนงั สอื โนน้ ในหนงั สอื ขา้ งนอกโนน้ แนะ่ ไปพมิ พไ์ วแ้ ลว้
มาพจิ ารณา ผมของเราพิจารณา ขนของเราพจิ ารณา เล็บของเรา
ฟันของเรา หนังของเรา ถ้าจิตมันรวมได้ เอาอันนี้เป็นบริกรรม
กไ็ ด้ ถ้ารวมไม่ได้ก็เอา “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” หรืออานาปานสติ
ลมหายใจเข้าออก ให้จติ มันสงบ ถา้ จติ สงบแล้วมันก็ตง้ั มนั่ ต้ังมั่น
ลงไปแล้วสมาธิมันจะเกิดขึ้นมานี่ สมาธิเกิดแล้วถ้าสมาธิมัน
แก่กล้าแล้วก็กลายเป็นปัญญา ปัญญาความรอบรู้ในกองสังขาร
สงั ขารเรานเี้ กดิ ขน้ึ มาจากบดิ ามารดา บดิ ามารดาปนั มรดกตกทอดให้
เราจะพาบิดามารดามาค้าขายหงายมือให้ขาดทุนศูนย์ดอก หรือ
จะให้มีกำ� ไร ถ้าไม่มกี ำ� ไรมันก็ขาดทุนนั่นละ่
เราเกิดมาไม่ใช่เป็นของง่าย เราเกิดมาเป็นมนุษย์มนานี่น่ะ
ถา้ บญุ ไมม่ กี ไ็ มไ่ ดเ้ กดิ เปน็ มนษุ ย์ จะเปน็ สตั ว์ เปน็ ววั เปน็ ควาย เปน็
ไก่เปน็ กาเปน็ นกเปน็ หนูเปน็ สตั วน์ อ้ ยสตั วใ์ หญ่ในนำ้� บนบกเขาเอา
มากนิ เปน็ อาหารทกุ วนั ๆ นนั่ แหละ มนษุ ยน์ ม้ี อี ำ� นาจวาสนาหนอ่ ย
เขากินไม่ได้ เกิดมาเป็นมนุษย์นี่มันท�ำได้ทุกอย่าง ท�ำดีก็ได้
ทำ� ชว่ั กไ็ ด้ ทำ� ผดิ กไ็ ด้ ทำ� ถกู กไ็ ด้ ทำ� ใหม้ รรค ผล นพิ พาน เกดิ ขน้ึ
กไ็ ด้ ถ้ามนั เกดิ ข้นึ จะเอาไปไหน เอาไปคา้ ขายทางไหน ไมต่ อ้ งเอา
ไปค้าขายทางไหนหรอก มาพิจารณาให้มันเห็น มันแจ่ม มันชัด
8
จติ มนั จะไดค้ ลายออกๆ มนั จะไมห่ นกั หนว่ งถว่ งใจ ใจจะไดส้ บายขน้ึ ๆ
แล้วเวลาจะหมดลมมันก็ไป “สุคโต” เท่าน้ันแหละ ไปดีมาดีแจ้ง
ทงั้ โลก โลกกแ็ จง้ ธรรมกแ็ จง้ ใหม้ นั แจง้ มนั กไ็ มม่ ดื เหน็ อะไรมนั กร็ ู้
ดูอะไรมันก็ออก บอกอะไรมันก็ถูกเท่าน้ันถ้ามันเห็นมันรู้ ถ้าไม่รู้
อะไรเป็นอะไร เป็นคนมืดคนด�ำ คนบอด คนหนวก มืดด�ำก�ำตา
ท�ำให้เป็นคนสว่างไสวในดวงจิตดวงใจของเรา ถ้าไม่สว่างไสว
มันก็จะเวียนตายเวียนเกิดอยู่น่ีแหละ เกิดแล้วเกิดเล่าเกิดเช้า
เกดิ ค�ำ่ เกิดต�่ำ เกดิ สงู ลุ่มๆ ดอนๆ สงู ๆ ตำ่� ๆ ไม่มีเวลาทจ่ี ะจบส้นิ
การเกิดนี่ไม่ใช่ของง่ายนะ มาเป็นมนุษย์นี่ก็ไม่ใช่ของง่าย ท�ำมา
หาเลย้ี งชพี กไ็ มใ่ ชข่ องงา่ ย ตากแดด ตากฝน ถา้ คนอยา่ ง “สมบรู ณ”์
นนี่ ะ ซอ่ มรถวนั ยงั คำ่� คนื ยนั รงุ่ นไี่ มไ่ ดน้ อนนะ นอนกน็ อนนดิ หนอ่ ย
ธาตอุ นั นีข้ ันธ์อนั นี้มนั ยุ่งทสี่ ุดนะ ทำ� ใหห้ นักหนว่ งถว่ งใจ
เราจะไดด้ บิ ไดด้ กี เ็ พราะอนั นแ้ี หละ มาเหน็ ธาตเุ หน็ ขนั ธน์ แ่ี หละ
เป็นกองทุกข์ ชาติความเกิดเป็นทุกข์ ขันธ์นี่แหละเป็นกองทุกข์
ชาติความเกิดเป็นทุกข์ ชราความแก่เป็นทุกข์ พยาธิความ
เจ็บไข้ได้พยาธิเป็นทุกข์ มรณะความตายเป็นทุกข์ ทุกข์
อันนี้ล่ะพาคนเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่ไม่รู้สิ้น
รจู้ บสกั ทเี ลยกเ็ พราะเราหลงถา้ เราไมห่ ลงแลว้ มนั กไ็ มเ่ กดิ ถา้ คนรู้
เขาไมเ่ กดิ หรอก คนรไู้ ปสวรรคน์ พิ พานไปหมดแลว้ เหลอื แตค่ นหลง
งมงายอยใู่ นวฏั สงสารน่ี เหน็ ของดเี ปน็ ของชว่ั เหน็ ของชวั่ เปน็ ของดี
เห็นของผิดเป็นของถูก เห็นของถูกเป็นของผิด นี่เป็นมิจฉาทิฏฐิ
ความเหน็ ผดิ มาเหน็ ชอบ ตามทำ� นองคลองธรรม ใครเหน็ ชอบตาม
9
สง่ิ ไหนเปน็ ของจรงิ
คือเปน็ สจั ธรรมคำ� สอนของพระศาสดา
สิ่งไหนของปลอม
นั่นเป็นคำ� สอนของโลก
ท�ำนองคลองธรรมมันก็เชื่อจริงลงไป จิตใจมันก็คลายออกๆ เรา
มาอยู่ในของท่ีไม่แน่นอนไม่จีรังยั่งยืน เกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ
เกดิ แลว้ ดบั กไ็ มม่ อี ะไร จะเอาอะไรกบั สง่ิ เหลา่ น้ี เรากระวนกระวาย
กระเสอื กกระสนหาวนั ยงั คำ่� คนื ยนั รงุ่ เมอื่ หมดลมจะเอาไปนดิ เดยี ว
อะไรก็เอาไปไมไ่ ดเ้ ลยนะ ท้งิ ไว้กับโลกนแี่ หละ ไม่มีใครได้ หลานก็
ไมไ่ ด้ ลกู กไ็ มไ่ ด้ ลกู กต็ ายเปน็ พอ่ แมก่ ต็ ายเปน็ ปยู่ า่ ตายายกต็ ายเปน็
จะตายช้าตายเรว็ ต่างกันกเ็ ทา่ น้นั แหละ
ความเกิด ความแก่ ความตาย นีม่ นั เปน็ ของจริงสจั จะ ส่ิงไหน
เป็นของจริงคือเป็นสัจธรรมค�ำสอนของพระศาสดา สิ่งไหนของ
ปลอมนน่ั เปน็ คำ� สอนของโลก เขาตม้ เขาตนุ๋ กนั เขาโกหกพกลมกนั
เบียดเบียนเพ่ือนบ้านร้านตลาดกัน อิจฉาตาร้อนกัน กูดี มึงดี
กเู ก่ง มงึ เก่ง กูสวย มงึ ขเ้ี หร่ กรู ำ่� รวย มงึ จน ดูถูกดหู มิ่นดแู คลนกนั
เหยียดหยามกันก็มนุษย์มนานี่ล่ะ เราท�ำให้มันรู้จักโลกธรรมซะ
โลกธรรมนี่มันมีแต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่ว่ายุคเราสมัยเรา แต่คร้ัง
พทุ ธกาลพระพทุ ธเจ้าองคไ์ หนมาตรสั มนั กม็ อี ยอู่ ย่างน้ี
10
โลกธรรมมีลาภเสื่อมลาภ มียศเส่ือมยศ สุข ทุกข์ สรรเสริญ
นินทา มันมีมาแตไ่ หนแต่ไรมา คนดเี ขาก็นนิ ทา คนชั่วเขาก็นนิ ทา
แต่นนิ ทามนั ไมถ่ กู กม็ ี นินทาผิดๆ นนิ ทาคนดีน่ันมนั ไม่ถกู เขาวา่
คนดีเปน็ คนชว่ั กไ็ ม่ถกู ว่าคนชัว่ เปน็ คนดนี ัน่ ก็ไม่ถกู อกี แหละ ดกี ็
ตอ้ งวา่ ดี ชว่ั กต็ อ้ งวา่ ชวั่ ผดิ กต็ อ้ งวา่ ผดิ ถกู กต็ อ้ งวา่ ถกู จะไมด่ ลี ว้ น
มนั กไ็ มไ่ ด้ คนเรามนั กม็ สี งู บา้ งตำ�่ บา้ ง ดบี า้ งชวั่ บา้ ง ผดิ บา้ งถกู บา้ ง
เจริญบา้ ง จติ ของคนเราน่ีมันไม่เหมือนกัน นานาจิตตัง บางคนฟัง
อะไรกฟ็ งั ออก มสี ตมิ ปี ญั ญาคมแหลมเสย้ี นแหลม บางคนฟงั เทา่ ไร
กย็ งิ่ มดื ดำ� กำ� ตา ถา้ ไดย้ นิ พระเทศนก์ ถ็ อยหนเี ทา่ นนั้ แหละ ถา้ ไดย้ นิ
พวกหมอร้องหมอลำ� พวกละครลิเกพวกหนงั พวกกนิ ดนิ กินแดง
กินเหล้าเมาสุราตีกันฆ่ากันนี่ มันรู้เร่ืองดี ถ้าคนดีเขาไม่ท�ำกัน
อยา่ งนน้ั คนดเี ขาไมฆ่ า่ ใครเขาไมเ่ บยี ดเบยี นใครทางกาย ทางวาจา
ก็ไม่เบียดเบียน ทางใจก็ไม่เบียดเบียน ตนเองก็ไม่เบียดเบียน
ไมเ่ บยี ดเบยี นตนเองและบคุ คลอนื่ ทำ� จติ ใหเ้ ปน็ กลางๆ อยู่ อยา่ ไป
หว่ันไหวในโลกธรรม โลกธรรมมันมีมาแต่ไหนแต่ไรมา ถ้าเรา
ท�ำจิตใจได้ มันก็ไม่หว่ันไหวทั้งน้ันล่ะ โลกธรรมถูกต้องมันเป็น
ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ อะโสกัง
วิระชัง เขมัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง เป็นมงคลอันอุดมเลิศ
เราชอบอปั มงคลหรอื ชอบมงคล กพ็ จิ ารณาลงในจติ ในใจของเรานะ่
เราชอบดหี รอื ชอบชวั่ ชอบผดิ หรอื ชอบถกู ชอบเจรญิ หรอื ชอบเสอ่ื ม
ชอบรวยหรือชอบจน มันมีอยู่ในตัวเรานี่แหละ มีอยู่ในจิตในใจ
ของเรานแี่ หละ
11
เกิดข้ึนมาเปน็ กองทุกขเ์ หลือเกนิ
ทกุ ขใ์ นภพนชี้ าตนิ ี้กย็ งั ไมแ่ ล้ว
ต่อไปก็ทุกขไ์ ปเรอื่ ยๆ ไป
จนเราหยดุ เกดิ ไดเ้ ม่ือไรน่ันแหละ
กองทกุ ขม์ นั จะหมด
สงิ่ เหลา่ นไี้ มไ่ ดห้ ามาจากทไี่ หนหรอก ธรรมมนั มอี ยแู่ ลว้ ธรรม
เป็นของเก่าไม่ใช่ของใหม่ ผมก็มีอยู่แล้วแต่ไหนแต่ไรมา เล็บก็มี
อย่แู ล้วแตไ่ หนแตไ่ รมา ฟันกม็ ีอยแู่ ลว้ แตไ่ หนแต่ไรมา หนงั ก็มีอยู่
แล้วแต่ไหนแต่ไรมา เรามาหลงเนื้อหลงหนังกันว่าสวยว่างามว่า
นา่ รกั นา่ ชมเลยตดิ กนั พนั กนั ผหู้ ญงิ ตดิ ผชู้ าย ผชู้ ายตดิ ผหู้ ญงิ ดงึ ไม่
ออกหรอกมนั เหนยี วท่ีสุด ตงั ของโลกมนั นี่นะ ตังอันนี้มนั เหนียวๆ
เหลือเกินนะ ดึงไม่ค่อยออกหรอก อะไรๆ มีแต่ของสวยของงาม
ท้ังน้ัน ของขี้เหร่ไม่มีในตับในไตในไส้ในพุง เราก็ผ่าดูสิมันมีอะไร
อยู่ในนั้น มันสวยที่ไหน มันงามที่ไหน มันสะอาดสะอ้านท่ีไหน
มนั ดีทไี่ หน มนั ผิดทไ่ี หน มันถูกที่ไหน บญุ วาสนาบารมีเรานีแ้ หละ
สร้างเอา เราไม่สร้างมันก็ไม่มี เหมือนเราทำ� นาน้ีแหละสร้างเอา
เราไม่สร้างมันก็ไม่มี เหมือนเราท�ำนาน้ีแหละ ถ้าเราไม่ท�ำนา
เราก็ไม่ได้ข้าว ถ้าเรามีเงินซื้อก็ได้เหมือนกัน ถ้าไม่มีเงินซื้อเราก็
ไมม่ ี มนั มาจากเหตทุ งั้ นน้ั ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง “เหตปุ จั จโย อารมั มณ-
ปจั จโย” ธรรมทง้ั หลายมาจากเหตุ เมื่อจะดับกเ็ พราะเหตุ เหตุคือ
12
การกระทำ� ดว้ ยกาย วาจา ใจ พดู ดี คดิ ดี ไมอ่ จิ ฉาตารอ้ น บคุ คลผใู้ ด
ไมเ่ หยยี ดหยาม ไมร่ งั แก ใหม้ เี มตตาสงสารซงึ่ กนั และกนั เพราะมนั
หลงมาดว้ ยกนั ใครๆ กห็ ลงถงึ ไดม้ าเกดิ ถา้ ไมห่ ลงไมม่ าเกดิ หรอก
เกิดขึ้นมาเป็นกองทุกข์เหลือเกิน ทุกข์ในภพน้ีชาติน้ีกย็ งั ไมแ่ ลว้
ตอ่ ไปกท็ กุ ขไ์ ปเรอื่ ยๆ ไป จนเราหยดุ เกดิ ไดเ้ มอื่ ไรนน่ั แหละกองทกุ ข์
มันจะหมด ถ้ายังเกิดอยู่มนั ก็ตายอยอู่ ย่างนน้ั แหละ มนั ก็แก่ก็เจบ็
อย่อู ยา่ งนั้นแหละ
เรอื่ งของธาตขุ องขนั ธม์ นั เปน็ เรอ่ื งของเกดิ ของแก่ของเจบ็
ของตาย เรอื่ งจติ ใจไมเ่ คยตายสกั ที เปน็ อมตะ เปน็ นามธรรม
ไปก่อร่างภพนั้นภพนี้ ถ้ารถคันนี้พังมันก็ไปซ้ือเอารถคันใหม่ซะ
ไปเขา้ ปฏสิ นธกิ บั คนอนื่ อกี ตอ่ ไป ไปตกนรกอยใู่ นทอ้ งเขานน่ั แหละ
น�้ำปู น้�ำปลา ปลาแดก เผาอยู่อย่างนี้แหละ จะได้คลอดออกมา
เม่ือคลอดออกมาก็เหม็นคาวมากยิ่งกว่าผีตายห่านะ คลอดบุตร
ออกมามนั ไมเ่ หมน็ เหรอ เหมน็ ใครวา่ ไมเ่ หมน็ อาตมาวา่ คนเดยี วนะ
หอม ลูกเยย่ี วก็หอม ลูกขี้ออกมากห็ อม ไม่มขี องสกปรกสักอย่าง
มนั เปน็ อยา่ งนโ้ี ลกอนั นเ้ี พราะความลมุ่ หลงถงึ ไดม้ าเกดิ มาเจอโนน้
เจอนี้ มาสุขมาทุกขอ์ ยู่อย่างนี้ พอดกี ็สขุ พอดกี ท็ ุกข์ พอดีก็เจริญ
พอดีกเ็ สอ่ื มไป ไดม้ าก็เสยี ไป ถา้ ไม่ไดม้ นั ก็ไม่เสียนะ ความเสียนี่
มนั กเ็ พราะเราไดม้ ามนั กเ็ สยี ไป ไมม่ อี ะไรจรี งั ยง่ั ยนื อะไร มแี ลว้ มนั
จะอยยู่ งคงทน มนั กไ็ มอ่ ยู่ เรากเ็ หมอื นกนั ตวั เราเหมอื นกนั พากนั
อยู่ไปๆ ผลสุดท้ายก็เลยลืมหลักจิตหลักใจของตัวเอง ตัวก่อภพ
กอ่ ชาติ วฏั สงสาร โมหะ อวชิ ชา มันครอบง�ำจิตใจ จติ ใจมดื ใจดำ�
13
ทำ� จติ ใจใหม้ นั สวา่ งกระจา่ งแจง้ ฉายแสงออกมาดว้ ยความสงา่
ผ่าเผย ให้เป็นผู้บริสุทธ์ิ กายบริสุทธ์ิ ใจบริสุทธิ์ วาจาบริสุทธิ์
ถ้าท�ำได้อย่างนี้จะไม่มีเวรมีภัยอีกต่อไป ภพชาติก็หมดไปในตัว
ไม่ผูกเวร เวรย่อมระงับด้วยความไม่มีเวร ถ้ามีเวรอยู่นั่นน่ะเขา
มาท�ำเรา เราไปตอบเขา เวรก็ไมร่ ู้จกั ระงบั สกั ที เวรภยั กเ็ พราะเรา
ทำ� ไมห่ ยดุ ไมย่ ง้ั เขาตเี รา เราตเี ขา เขาฆา่ เรา เราฆา่ เขา ผลสดุ ทา้ ย
กผ็ กู อาฆาตบาดหมางกนั อยอู่ ยา่ งนี้ วนุ่ วายกนั อยอู่ ยา่ งน้ี เวยี นวา่ ย
ตายเกดิ กันอย่อู ยา่ งน้ี สุขๆ ทกุ ข์ๆ อยอู่ ย่างน้ี บางทีกจ็ นไป บางที
กร็ ำ่� รวยขนึ้ มา เลยหลงความรำ�่ ความรวยวา่ สวยวา่ งามอยอู่ ยา่ งนน้ั
มนั งามทไ่ี หนถา้ มนษุ ยน์ ะ่ มนั ไมม่ ที ง่ี ามนะมหี นงั หมุ้ หอ่ อยเู่ ฉยๆ
ในตวั ในตนของเรานน้ี ะ ทางผมกข็ ผี้ มขห้ี วั ชะออกมา ทางตา
กข็ ต้ี าชะออกมา ทางหกู ข็ หี้ นู ะ ออกมาทางเลบ็ กข็ เ้ี ลบ็ ออกมา
ทางฟันก็ข้ีฟันซะ มีแต่ขี้ท้ังนั้นรอบตัวของเรานี้ อะไรเป็น
ของสวยของงาม อะไรเปน็ ของสะอาดสะอา้ น ถา้ ไมซ่ กั ลา้ งอยบู่ อ่ ยๆ
อาบนำ�้ อาบทา่ อยบู่ อ่ ยๆ เอาแฟบ๊ เอาผง เอาสบู่มาซกั ฟอกอยบู่ อ่ ยๆ
ฟันก็ต้องสีอยู่บ่อยๆ ขี้ฟันมันเยอะนะ ถ้าไม่สีฟันวันหน่ึง โอ๊ย
เข้าไปใกล้ใครไม่ได้หรอก มันเหม็นนะ ข้ีฟันก็เหม็น ย่ิงข้ีออก
จากทวารหนักยิ่งเหม็นมาก แต่เหม็นมันก็ได้ประโยชน์อยู่นะ
เอาไปใส่ตน้ ไมอ้ ะไรก็ยังไดป้ ระโยชน์อย่นู ่ัน ไอพ้ วกนักตดิ เรอื นจำ�
เขาซื้อกันสนั่นหว่ันไหวเอาไปใส่ไร่ใส่นาผักใส่อะไรก็ได้มาขายอยู่
จะมีประโยชน์ถ้าใช้เป็น ถ้าใช้ไม่เป็นไม่มีประโยชน์ ข้ีเป็ดขี้ไก่ก็ดี
ขี้วัวข้ีควายเอาไปใส่อะไรมันก็สวยก็งามอยู่ เด๋ียวนี้ไม่มีนะ มีแต่
ขี้ของคนนะ ของอะไรมีโทษของอันน้ันก็มีคุณ กายของเรามีโทษ
14
ใครจะเทศน์ท่ไี หน
กไ็ มห่ นจี ากกายจากใจของเราหรอก
เขาจะเทศนฝ์ ากโลก
ก็ไม่หนจี ากกายจากใจ
กายของเราก็มีคุณ เจ็บไข้ได้ป่วยก็ว่ิงเข้าโรงพยาบาลเสียเงิน
เสยี ทองหลายพนั หลายหมนื่ หลายแสนอยูน่ ะ ถา้ ไมม่ ีกายทำ� อะไร
กไ็ มไ่ ด้นะ
จิตใจก็เป็นนามธรรมเฉยๆ เป็นผู้นึก ผู้คิด ผู้ปรุง ผู้แต่ง
มนั วุ่นวายกเ็ พราะจิตน่นั นะ่ จติ เปน็ ตวั การ เหตุใหญ่ทีส่ ดุ ท�ำให้คน
งมงาย ทำ� ใหค้ นมวั เมาประมาทเลนิ เลอ่ เผลอตวั กเ็ พราะเรอื่ งของจติ
นี้แหละ ท�ำให้คิดโน้นคิดนี้ เวลานั่งสมาธิก็ไปแล้ว วิ่งไปข้างโน้น
ว่ิงไปขา้ งนี้ จติ ไม่สงบกย็ ิ่งฟงุ้ ซา่ นร�ำคาญปวดหวั มัวเกล้าประสาท
จะแตกตายเพราะมันคิดมากนะ ควรให้พักผ่อนซะหน่อยถึงจะได้
มกี ำ� ลงั จติ จะพกั ผอ่ นไดก้ เ็ พราะจติ มสี มาธนิ นั้ แหละ สมาธติ ง้ั มนั่ กม็ ี
กำ� ลงั วงั ชา คลา้ ยๆ เราไดร้ บั ประทานอาหาร ไดน้ อนอม่ิ หนำ� สำ� ราญ
มนั กม็ กี ำ� ลงั ตอ่ สกู้ ารงานทกุ อยา่ ง แลว้ กม็ าพจิ ารณารา่ งกายสงั ขาร
ให้มันแก่กล้าขนึ้ มาจรงิ ๆ ก็เป็นตวั ปัญญา ตวั ปัญญากม็ าฟอกฝน
กิเลสภายในดวงจิตดวงใจให้หลุดลอยไปออกจากภพจากชาติไป
ไมต่ อ้ งมาเวยี นวา่ ยตายเกดิ ในภพนอ้ ยภพใหญอ่ กี ตอ่ ไป อนั นมี้ นั ก็
15
เป็นอยูอ่ ยา่ งน้ี ธาตขุ ันธข์ องเรา ใจของเรา กเ็ ปน็ อยู่อยา่ งนแี้ หละ
ก็มีกายและใจเท่าน้ันแหละ ดกี เ็ รือ่ งของกายของใจน่แี หละ ถา้ ใจดี
เสียอย่างเดียว กายและใจของเราก็ดีไปด้วย ถ้าใจไม่ดี มันก็เสีย
ไปหมดเหมอื นปลานนี่ ะ่ ถา้ มปี ลาเนา่ อยใู่ นตระกรา้ หรอื ขอ้ ง ถา้ ปลา
เน่าตัวเดียวมันก็เน่าไปหมด ถ้าใจเสียมันก็เสียไปหมด ร่างกาย
กเ็ สยี ไปหมด อะไรกเ็ สยี ไปหมด ถา้ จติ ใจดกี ด็ ไี ปหมด เราชอบดหี รอื
ชอบชวั่ ชอบผดิ หรอื ชอบถูก ชอบฉลาดหรือชอบโง่ ชอบรวยหรอื
ชอบจน เลอื กเอา เลือกได้ก็มนุษย์ เลอื กไม่ได้ก็มนุษยเ์ รานแ่ี หละ
พยายามหำ�้ หน่ั ฟนั แทงใหม้ นั ออกจากจติ ใจ เอากเิ ลสใหม้ นั หลดุ ลอย
ออกไปจากจิตจากใจ
จติ ใจของเราเปน็ ของสำ� คญั ใครจะเทศนท์ ไ่ี หนกไ็ มห่ นจี ากกาย
จากใจของเราหรอก เขาจะเทศน์ฝากโลก กไ็ มห่ นจี ากกายจากใจ
รวมมานน้ี ะไมม่ มี ากนอ้ ยกา่ ยกองไป พดู มากกม็ ากไป ถา้ พดู นอ้ ยนะ่
กน็ อ้ ยไป พดู น้อยมนั จะง่าย พดู มากมนั กเ็ ลยหลงทาง ชโ้ี นน้ ชี้นไ้ี ป
ถา้ เจา้ ของวา่ ยากกย็ าก ถา้ เจา้ ของวา่ ไมย่ ากกไ็ มย่ าก เพราะอยากมี
น่ีแหละ ถ้าลมหมด เจ้าของยังไมไ่ ด้ท�ำ เขาใสโ่ ลงเอาพระมาสวด
มาเทศน์ “กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา อัพยากตา ธัมมา”
กุสลา ธมั มา คอื กุศลเป็นฝา่ ยบญุ อกุสลาเปน็ ฝ่ายบาป อพั ยากตา
16
มาเป็นกลางๆ สุขาคือความสุข ทุกขาคือความทุกข์ อุเบกขาคือ
ความวางเฉย พระบรมศาสดาไปเทศน์โปรดพระมารดาท่านถึง
ชน้ั ดาวดึงสใ์ นไตรมาส ๓ เดือน กเ็ ทศน์นีแ่ หละ เร่ืองอภธิ รรมเรอ่ื ง
กุสลา ธัมมา น่ีแหละ เทพเจ้าเหล่าเทวาได้ส�ำเร็จมรรคผลนิพาน
เปน็ โกฏิ โกฏหิ นง่ึ มีก่ีลา้ น
ถ้ามันไมม่ ีบญุ มันก็มีบาป ถ้ามันไมม่ ีบาปก็มบี ุญน่ะ ถา้ บ่สุข
มันก็ทุกข์น่ะตัว ถ้าบ่ทุกข์มันก็สุขน่ะ ถ้าบ่ได้มันก็เสีย ถ้าบ่มีมัน
ก็จนน่ะ กิเลสมันครองหัวใจมาเป็นกัปเป็นกัลป์อสงไขย
จะมาภาวนาทีเดียวให้มันขาดไปไม่ได้ ท�ำก็ท�ำให้จริงให้จัง
ถ้าจับปลาหลายมือมันก็ยุ่ง “จิตตัง ทันตัง สุขาวหัง จิตตัง
ทันตงั พลงั สขุ ัง” สขุ อ่ืนต่นื จากความสงบไม่มี ถา้ จิตสงบมนั ก็มี
ความสขุ นะ ถ้าจติ ไมส่ งบ จติ วนุ่ วาย มนั กท็ กุ ข์ ทุกข์ใจนะ่ “ทกุ ข์
อยู่ในขันธ์หา้ รวมลงมาขนั ธ์สี่ ทกุ ข์อยูใ่ นโลกนี้ มารวมข้อย
ผู้เดียวน่ะ” สุขก็สุขในหัวใจ ทุกข์ก็ทุกข์ในหัวใจ ดีก็ดีอยู่หัวใจ
ถ้ามันชงั คน หวั ใจน่ะมันชัง ถ้ามันรกั คน หวั ใจน่ะมันรักคน
17
การแก่กด็ ี การเจ็บกด็ ี การตายกด็ ี
มันเปลีย่ นแปลงไมไ่ ด้
ยุคไหนสมัยไหนมันกเ็ ปน็ อย่างน้นั
เพราะเปน็ ของจริง
18
สจั จะคือของจรงิ
โดย หลวงป่แู สง ญาณวโร
วันท่ี ๑ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ธรรมะค�ำสั่งสอนของพระบรมศาสดาท่ีทรงส่ังสอนไว้ดีแล้ว
ตรสั รู้ไว้ดีแล้ว ไม่มอี ะไรจะเปล่ยี นแปลงไปได้ อยตู่ ัว พระพุทธเจ้า
พูดค�ำไหนอยู่ตัว ไม่เคล่ือนไปเหมือนชาวโลก โลกสงสารน่ีน่ะ
กลางวนั ท�ำอยา่ งหนง่ึ กลางคนื ท�ำอยา่ งหน่งึ ตอนคำ�่ ท�ำอยา่ งหนึ่ง
ตอนเช้าท�ำอกี อยา่ งหนงึ่ เปลี่ยนแปลงอยตู่ ลอด เพราะของไมจ่ ริง
ถา้ ของจรงิ มันเปลี่ยนไมไ่ ด้ สจั จะคอื ของจริง สจั จบารมี อธษิ ฐาน
บารมี เมตตา ขันติ อุเบกขา ทุกส่ิงทุกอย่าง เช่น การเกิดก็ดี
การแกก่ ็ดี การเจ็บก็ดี การตายก็ดี มนั เปลย่ี นแปลงไม่ได้ ยคุ ไหน
สมัยไหนมันก็เป็นอย่างนั้นเพราะมันของจริง ใครจะเปล่ียนไป
มันก็ไม่เป็นไปตามน้ัน ตอนเช้าก็เช้าธรรมดา ตอนเย็นก็เย็น
ธรรมดา ตอนกลางคืนก็กลางคืนธรรมดาอยู่ มันจะเปลี่ยนแปลง
อันไหนกเ็ ปล่ยี นแปลงไปเถอะ ไมไ่ ปด้วย
19
โลกกบั ธรรมกเ็ ปน็ คนละอยา่ ง โลกสบั เปลยี่ น ลนิ้ มนั หนั อยู่
ตลอดเวลาเหมอื น ล ลิง ร เรือ น่ะ มนั หันอยู่ตลอดเวลา ธรรมะ
ค�ำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าน่ันรู้แจ้งเห็นจริง จะรื้อสัตว์ขนสัตว์
สงสารให้พ้นจากโอกแอ่งกันดาร ข้ามทะเลวนให้หนีจากภพชาติ
ชรา พยาธิ มรณะ ความตาย ไม่ต้องมาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตาย
ทำ� อะไรกท็ ำ� ใหม้ นั จรงิ มนั จงั ลงไป ใหม้ นั เหน็ มรรคเหน็ ผลขนึ้ มาใน
จิตใจของตวั เอง ไมใ่ ชอ่ ยทู่ อี่ นื่ ทไี่ กล มรรคผลนพิ พานกด็ ี เพราะวา่
มรรคผลนิพพานมันสมมุติเฉยๆ ถ้าจิตใจเราเป็นไป มันไม่สมมุติ
อะไร ให้มันขาดจากสมมุติขาดจากบัญญัติไปเลย มันจริงน่ะท่ีน่ี
พูดไปแล้วก็แล้วไป ท�ำไปแล้วก็แล้วไป บ้านเมืองมันเดือดร้อน
เผาผลาญกันทุกวันน้ีเพราะมันเปลี่ยนแปลงยกนั้นยกน้ีน่ีข้ึนมา
วุ่นวายเปล่ียนอยู่ตลอดกัปตลอดกัลป์ตลอดวันตลอดคืน หาเร่ือง
หาราว คนหนง่ึ เหน็ อยา่ งหนงึ่ อกี คนหนงึ่ เหน็ อกี อยา่ งหนงึ่ คนโนน้
เห็นอย่างน้ี คนน้ีเห็นอย่างนั้น มันก็ไม่เข้ากันโลกกับธรรม มันก็
ไม่เหมอื นกนั ธรรมกอ็ ยู่ตัว โลกไมอ่ ยตู่ วั นะ เปลี่ยนแปลงหวัน่ ไหว
ไปเรอ่ื ยๆ เปน็ อนิจจงั อนัตตา โอ๊ย เบ่อื แล้วก็เกิดขึน้ มาใหม่
ถ้าเอาคนที่รักษาแผ่นดินมีศีลมีธรรม บ้านเมืองก็อยู่เป็นสุข
ถา้ ไมม่ ศี ลี มธี รรมกเ็ ดอื ดรอ้ น เพราะมนั ไมเ่ ทย่ี งนเ่ี อง เพราะความโลภ
โกรธ หลง อยู่ภายในดวงจิตดวงใจมันเยอะแยะ มันเปล่ียนไปได้
ทุกขณะ ของจริงมันก็ว่าของไม่จริง ของไม่จริงมันก็ว่าของจริง
มันต้มตุ๋น มันหลอกลวง มันโกหกพกลมอยู่เรื่อยไป โลกอันนี้
น่าสลดสังเวชเหลือเกิน เราควรจะประพฤติปฏิบัติให้มันหนีจาก
20
ถ้าจติ เป็นของจริงขึ้นมา อะไรก็ไหลเข้า
คณุ งามความดี ทุกสิ่งทกุ อย่าง
มรรค ผล นิพพาน กไ็ หลเขา้ หัวใจ
เพราะจติ เราเป็นของจรงิ
สง่ิ เหลา่ นี้ สงิ่ ไมแ่ นน่ อนนะ่ สง่ิ แนน่ อนทำ� ไมไมเ่ อาใสจ่ ติ ใสใ่ จของตวั
พยายามน้อมเข้าสู่ดวงจิตดวงใจ ส่ิงไหนมันจริง ส่ิงไหนไม่จริง
ก็พยายามไล่จากดวงจิตดวงใจ ถ้าจิตเป็นของจริงขึ้นมา อะไรก็
ไหลเขา้ คณุ งามความดี ทุกสงิ่ ทุกอยา่ ง มรรค ผล นพิ พาน ก็ไหล
เขา้ หัวใจ เพราะจติ เราเป็นของจริง ของท่จี ะมาเขา้ ของจรงิ มนั ก็
คือของจริง ถ้าของปลอมก็ไปหาของปลอม ปลอมกบั จริง มันกอ็ ยู่
ด้วยกัน ทีแรกแล้วเราก็แยกออก ของจริงก็ไว้ที่หน่ึง ข้าวเหนียว
ก็ไว้ท่ีหน่ึง ขา้ วหอมมะลิกไ็ วท้ ่หี นงึ่ ข้าวเมลด็ ข้าวเหนียวเมล็ดส้ัน
ก็ไว้ท่ีหน่ึง เมล็ดยาวก็ไว้ที่หน่ึง ราคาก็ผิดแปลกแตกต่างกันไป
เราอาศัยโลกต่อไป เราก็รู้เดียงสา แล้วก็เอาธรรมมาเข้าสู่ดวงจิต
ดวงใจ จิตใจจะได้มีความเยือกความเย็นความสว่างไสวขึ้นมา
ทีแรกเป็นโลก ท�ำไมเป็นโลก ก็เพราะเราหลงมาเกิดแก่เจ็บตาย
มาวนมาวายอยู่อย่างน้ี บุญกุศลท�ำมาก็ดี ยังไม่ท�ำก็ดี ถ้าเราท�ำ
ขน้ึ เยอะๆ มนั จะคอ่ ยแกก่ ลา้ ขน้ึ ไปทกุ วนั ทกุ ชว่ั โมง ทกุ ปี ทกุ เดอื น
ขน้ึ ไป บารมมี นั แกก่ ลา้ ทานะมนั แกก่ ลา้ สลี ะมนั แกก่ ลา้ เนกขมั มะ
21
ใหม้ นั แกก่ ล้า สัจจะ อธิษฐานะ เมตตา ขนั ติ ปญั ญา บารมี ทุกส่ิง
ทุกอย่างให้มันแก่กล้า ทุกสิ่งให้มันแก่กล้าข้ึนไป น่ีมันอ่อนแอ
เราหวงั ความกา้ วหนา้ ทำ� อะไรกใ็ หม้ นั แกก่ ลา้ ไปทกุ เวลา ทกุ วนิ าที
เม่ือมันแก่กล้า ฟังอะไรก็ฟังออก ปฏิบัติก็ปฏิบัติถูก ถ้ามันรู้
ถ้ามนั ผดิ ปฏิบตั กิ ็ผดิ ๆ ถกู ๆ อย่างนนั้ ละ่ บางทกี ผ็ ดิ ไป บางทีก็
ถูกไป กเ็ ลยช้าทางทีน้ี
สงิ่ ไหนมนั ของจรงิ เรากใ็ หถ้ กู จรติ กบั นสิ ยั ทคี่ รบู าอาจารย์
เทศน์ไป เอาสิ่งน้ันไปประพฤติปฏิบัติสอนจิตสอนใจของ
เจา้ ของ ยาขนานไหนมนั ถกู กบั โรคกบั ภยั กใ็ หก้ นิ ยาขนานนนั้
โรคภยั มนั จะไดห้ ายจากการปว่ ยเจบ็ ไขไ้ ด้ถา้ เปน็ โรคภายนอก
กด็ ี โรคภายในก็ดี โรคภายในก็ถกู จรติ นสิ ยั
ถ้าค�ำบริกรรมค�ำไหนถูกกับจริตนิสัย จิตใจภายในก็ค่อยสงบ
สงัดลงอ่อนไป ความคิดก็ค่อยอ่อนตัวไป ผลสุดท้ายมันก็รวมได้
ถ้าจิตรวมได้มันก็เป็นก้อน มันตั้งหลักตั้งฐานได้ ลมน้อยลมใหญ่
มนั พดั มาทศิ ทง้ั สมี่ นั กไ็ มห่ วน่ั ไหว มนั กอ็ ยตู่ วั แลว้ ใครจะวา่ ดวี า่ ชว่ั
มันก็ไม่ไปตาม มันอยู่ตวั แล้วน่ี ตกนำ�้ ไม่ไหลตกไฟไมไ่ หม้ ถ้าเรา
ต้องการความจริงให้เอาของจริงไปประพฤติปฏิบัติ การฟัง
ธรรมก็ฟังให้เป็นประโยชน์ น้อมเอาธรรมให้เป็นหลักจิต
หลกั ใจ ธรรมจะไหลเขา้ ดวงจติ ดวงใจ พยายามชำ� ระใจ ชำ� ระ
กาย วาจา ใจของเจ้าของให้มันเรียบร้อยซะก่อน ผลสุดทา้ ย
สง่ิ อ่ืนมนั ก็เรียบรอ้ ยไปตาม
22
ถ้าใจมันเรียบร้อยแล้ว ใจมันบริสุทธิ์แล้ว ใจมันสะอาดแล้ว
การช�ำระจิตใจของเรามันส�ำคัญ ช�ำระให้มันสะอาด เพราะ
ธรรมชอบของทสี่ ะอาด ของทสี่ กปรกธรรมไมไ่ หลเขา้ ถา้ ของ
สกปรกยังเหลืออยู่ ธรรมก็ยังไม่เข้า ธรรมก็เบ่ือเหมือนกัน
ธรรมเบื่อของสกปรก ของสกปรกมันไหลได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
มนั ไหลไปทว่ั ดนิ แดนทวั่ โลกทวั่ สงสาร ไหลไปเปน็ พษิ เปน็ ภยั เปน็ ปู
เปน็ ปลาอะไรอยใู่ นนำ�้ กม็ ี หว้ ยหนองคลองบงึ กไ็ มแ่ กน่ พษิ อยทู่ ห่ี ว้ ย
หนองคลองบงึ ชลประทาน หรอื เขือ่ นก็ดี มันไม่แก่น มีอสรพิษอยู่
ต้องขับไล่เอาอสรพิษออกจากใจ เหลือแต่คุณงามความดีของเรา
ทำ� จติ ของเราใหม้ ันเยอื กมันเยน็ สวา่ งไสว สงบสงัดออกไป
การให้ทาน การกศุ ล กด็ ี มนั เป็นเบ้ืองตน้ ทานบารมี สีลบารมี
เนกขัมมบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตา ขันติ ปัญญา
อเุ บกขา บารมี ๑๐ มนั กไ็ ปได้ พทุ ธบรษิ ทั ทงั้ หลาย ภกิ ษกุ ด็ ี อบุ าสก
อุบาสิกาก็ดี ถ้าบารมี ๑๐ มันต้องไปได้ ถา้ พระพุทธเจา้ ตอ้ ง ๓๐
เพราะเป็นผู้ร้ือสัตว์ขนสัตว์ ถ้าเป็นรถก็รถไฟหัวใหญ่ถึงจะได้
ลากตู้ไหว
เอาเฉพาะตัวของเรา ไม่ต้องไปลากมากมายก่ายกองอะไร
พยายามสอนตัวให้มาก ให้มองที่หัวใจ อย่าไปส่งจิตไปข้างนอก
ถ้าส่งจิตออกไปภายนอก มันไปหาโทษหาภัยหาเหตุหาผลเข้า
มาใส่จิตใส่ใจให้วุ่นวายกระสับกระส่ายไปมา เพราะจิตไม่อยู่กับที่
ถา้ จิตอยกู่ บั ที่ มนั ต้งั หลกั ต้งั ฐานอยู่กับท่ี ทห่ี ูไดย้ ินเสยี งก็น้อมเข้า
ส่ดู วงจติ ตาเห็นรปู ก็น้อมเข้าสู่ดวงจติ พิจารณามนั น่ะ รปู ก็เพยี ง
23
ธรรมในโลกใหโ้ ลกรม่ เยน็
ถา้ ธรรมเข้ามาแทรกสิงโลก โลกกเ็ ย็น
ถา้ โลกเข้าไปสงิ มากๆ
กม็ แี ตค่ วามร้อนดัง่ ไฟจดุ กันเผากนั
สักแตร่ ูปเฉยๆ เวทนา ความสขุ ความทกุ ข์ กเ็ ป็นความสขุ ความ
ทกุ ข์เฉยๆ ถา้ เราไมไ่ ปยดึ ไปถือ มนั ก็ไม่คา้ งอยใู่ นหวั ใจ มันอาศัย
อุปาทานความยึดม่ันถือมั่น มันถึงเป็นโมหะอวิชชาความลุ่มหลง
ถา้ จติ รจู้ ติ มนั กป็ ลอ่ ยวางถา้ จติ ปลอ่ ยจติ วางจติ มนั จะเบาไปเรอ่ื ยๆไป
ถา้ มนั หนกั ทไี่ หนกป็ ลอ่ ยวางลงทน่ี น่ั สอนจติ สอนใจของเราใหม้ นั รู้
ถา้ ขนื แบกขนื หาบขนื ดนั อยอู่ ยา่ งนน้ั กห็ ลงั หกั ตาย ถา้ ใครปลอ่ ยได้
วางได้ก็จะเบา เบาทั้งกาย เบาท้ังใจ เบากาย เบาใจ ธรรม
ก็สิงแทรกเข้าไปในดวงจิตดวงใจ ผลสุดท้ายมันได้ที่แล้ว
กิเลสทั้งหลายก็ไม่สามารถเข้าไปสู่ดวงจิตดวงใจของเราได้
มาทีไหนก็เห็นแต่ธรรมน่ังอยู่บนธรรมาสน์น่ังอยู่บนหัวใจ
มันกก็ ลวั เหมือนกนั ถ้าเรารูม้ ันกห็ ายไป ถา้ เราหลงมันกเ็ ข้ามา
ถ้ามันหลงก็ท�ำให้มันรู้ก็พอแล้ว ไม่ให้หลงไปตาม ถ้าหลงไปตาม
มนั กเ็ ปน็ ทกุ ข์ อปุ าทานความยดึ มนั่ ถอื มนั่ ตวั กอ่ ภพกอ่ ชาติ ยดึ มนั่
อันโน้นเป็นของเรา อันนั้นเป็นของกู อันนั้นเป็นของมึง สุดท้าย
มันก็ผิดวันยังค่�ำคืนยันรุ่ง ถ้ามีแต่ธรรมล้วนๆ อยู่ในโลกน้ี โลกนี้
คงจะสว่างไสวเยือกเย็นไปท่ัวสารทิศทุกหย่อมหญ้า ใครก็มีธรรม
24
อยา่ งนอ้ ยกใ็ หถ้ งึ พระไตรสรณคมน์ พระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์
ไปหาโสดา สกทิ าคา อนาคา อรหนั ต์นี่น่ะ
ธรรมในโลกใหโ้ ลกรม่ เยน็ ถา้ ธรรมเขา้ มาแทรกสงิ โลก โลกกเ็ ยน็
ถ้าโลกเข้าไปสิงมากๆ ก็มีแต่ความร้อนดั่งไฟจุดกันเผากัน
ผลสุดท้ายก็กระเสอื กกระสนกระวนกระวาย จติ ไม่เป็นสขุ จติ มีแต่
รบั แตท่ ุกขอ์ ยา่ งเดียว เราชอบสขุ หรอื ชอบทกุ ข์ กเ็ ราสอนจิตสอน
ใจเราเอา “จิตตัง ทันตัง สขุ าวหัง” จติ ฝึกฝนดีแลว้ น�ำความสขุ
มาให้ มาใหแ้ กเ่ รานแ่ี หละ ไมไ่ ดใ้ หแ้ กค่ นอนื่ อะไรนห่ี รอก ถา้ พวกเรา
ปฏบิ ตั พิ ระธรรม พระธรรมกย็ อ่ มรกั ษาเรา ใหเ้ รานอ้ มนกึ ระลกึ ถงึ
พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอรยิ สงฆ์ สิ่งเหลา่ นัน้ กม็ าปกปัก
รักษาคุ้มกัน ถ้าน้อมเอาผีมาเป็นสรณะที่พึ่ง ผีก็มากินหัว
กนิ หาง ถา้ นอ้ มถงึ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำ� บญุ กไ็ ดบ้ ญุ เตม็
เมด็ เตม็ หนว่ ย ถา้ ถอื โนน่ ถอื นอี่ ยู่ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ กไ็ ม่
ไวเ้ นอื้ เชอื่ ใจ วา่ มหี ลายหวั หวั หลายนก นแ่ี หละนกหลายหวั ไปหา
อีกคนหนึ่งก็พูดอีกอย่างหน่ึง หลายจิตหลายใจ เปลี่ยนแปลงไป
ทุกเวลา
ถา้ มธี รรมประจำ� จติ ประจ�ำใจ ไม่เปล่ียนแปลง มนั อยู่ตวั
เอาสอี ะไรมายอ้ มกไ็ มต่ ดิ เอาสดี ำ� สแี ดงสขี าวมายอ้ มกไ็ มต่ ดิ
มนั อยตู่ วั แลว้ ไมม่ อี ะไรจะเขา้ ได้ ยงั ไมอ่ ยตู่ วั กฝ็ กึ หดั ใหอ้ ยตู่ วั
ใหม้ นั แกใ่ หม้ นั กลา้ สามารถอาจหาญ ใหม้ สี ตปิ ญั ญาผอ่ งแผว้
ปญั ญาศรทั ธาวริ ยิ ะใหม้ นั แกก่ ลา้ จติ ของเราจะไดส้ ะอาดสะอา้ น
จิตสะอาดเป็นบุญ จิตสกปรกเป็นบาป มันไม่อยู่ไกลหรอก
25
บุญบาปอยู่ท่ีหัวใจของเรานี่แหละ ความสุขความทุกข์ก็อยู่
ท่ีหัวใจ ดีชั่วผิดถูกก็อยู่ที่หัวใจ ถ้าจิตคิดไปผิด มันก็ผิดน่ะ
ถา้ จติ คดิ ไปทางถกู มนั กถ็ กู ถกู กบั ผดิ จะเอาอะไรไมม่ เี รอื่ งราว
อะไรจะเกิดข้ึนนี้ ถ้ามันผิดมันก็เกิดวุ่นวายน่ะ เดินทาง
ไม่ถูกทาง มันก็หลงทางวันยังค่�ำคืนยันรุ่ง แม้แต่นอนหลับ
กย็ งั หลงทางอยถู่ า้ จติ มนั หลง ถา้ จติ มนั รนู้ ะแมห้ ลบั ไปตนื่ ขน้ึ มา
กย็ งั เหมอื นเกา่ ไมแ่ จง้ กส็ วา่ งอยอู่ ยา่ งนนั้ สตกิ ป็ ระจำ� หวั ใจอยู่ สมาธิ
ก็ประจ�ำหัวใจอยู่ ศรัทธาก็ประจ�ำหัวใจอยู่ วิริยะความพากเพียร
ก็ประจ�ำหัวใจอยู่ ความดีคุณงามความดีบารมีทุกสิ่งทุกอย่าง
มันกม็ ารวมกัน “มโน ปพุ พงั คมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา”
มาประชุมท่ีใจของเราน่ีแหละ ถ้าจะรู้ก็รู้ท่ีน่ี ถ้าจะหลงก็หลงที่น่ี
ถ้าจะข้ามได้ก็ข้ามท่ีหัวใจนี่แหละ กิเลสมาจากหัวใจ มันฝังลึก
มันเกลี้ยกล่อมมาหลายกัปหลายกัลป์หลายอสงไขยแล้ว ถ้าเรา
จะเพิกจะถอนจะไล่จากหัวใจ จะขับไล่ไสส่งจากดวงจิตดวงใจ
เปน็ ของยากอยู่ เพราะมนั เคยชนิ พอแรงแลว้ มนั เปน็ นสิ ยั แลว้ นสิ ยั
กิเลสมันเส้ียมสอนให้คนหลงคนมัวคนเมาผูกมัดรัดรึงสัตว์ไว้ใน
วฏั สงสารเพราะกเิ ลสนะ ความหลงนะ โมหะอวชิ ชาครอบงำ� ถา้ ไม่
หลงเกดิ หลงแก่หลงเจบ็ หลงตาย ไปๆ มาๆ ผิดๆ ถกู ๆ ต่ำ� ๆ สงู ๆ
ลุ่มๆ ดอนๆ บางทไี ปตกนรก บางทีไปตกสวรรค์ บางทกี ไ็ ปเป็น
สตั ว์เดรจั ฉาน บางทีก็ไปเปน็ เปรต บางทกี ็ไปเป็นเปรต อสรู กาย
ภตู ผีปีศาจ บางทกี ็เปน็ มนษุ ย์
มาเป็นมนุษย์มันก็สมควรแล้วจะสร้างคุณงามความดีให้เกิด
ใหม้ ภี ายจติ ในใจ กเ็ พราะมนุษย์จะท�ำได้ สงิ่ อ่ืนก็ท�ำไมไ่ ด้ เป็นววั
26
ชำ� ระสะสางของชว่ั ชา้ ลามก
ออกจากจิตจากใจ
นัน้ ช่อื ว่า
ปฏบิ ตั ิศาสนา
เป็นควาย เป็นช้าง เป็นม้า เป็นโค กระบือ ก็ท�ำไม่ได้ เพราะ
พระศาสดากม็ อบธรรมะคำ� สงั่ สอนจะไปปรนิ พิ พาน จะมอบธรรมะ
ค�ำสั่งสอนธรรมวินัยให้เป็นพระศาสดาแทนพระองค์ ถึงพระองค์
จะดบั ขนั ธปรนิ พิ พาน พระองคก์ ไ็ มไ่ ดเ้ อาไปดว้ ย เพยี งแตท่ งิ้ ไวก้ บั
โลกน่ีแหละ แตโ่ ลกไมเ่ อา ศาสนาเจรญิ ใจคนไมเ่ จริญ แตถ่ ้าใจคน
มีหิริโอตตัปปะ คือมียางอายต่อบาปต่อกรรม ไม่กล้าท�ำความผิด
ชั่วช้าลามกต่อหน้าและลับหลัง มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
สงสารเพ่ือนมนุษย์ตาด�ำๆ ด้วยกัน ไม่อิจฉาตาร้อนกัน อยู่กัน
ด้วยความผาสุก มันก็สงบน่ันล่ะ ถ้าไม่สามัคคีกันก็วุ่นวาย กูดี
มึงดี กูเก่ง มึงเก่ง กูสติดี กูปัญญาดี กูหาทรัพย์ กูหาสมบัติได้
เอามาอ้างกนั ผลสดุ ทา้ ยสง่ิ เหล่านกี้ เ็ อาไปไมไ่ ด้
สง่ิ เดยี วทท่ี ำ� ได้ ถา้ เปน็ เงนิ ทองของขาวเรากม็ าใหท้ านการกศุ ล
อยา่ งนี้แหละจะติดสอยหอ้ ยตามเหมือนเงาตามตวั ตกอยแู่ ห่งหน
ตำ� บลไหน บญุ เหลา่ นจี้ ะประคบั ประคองใหเ้ ราอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ถา้ บาป
มีแต่เผาให้ร้อนอยู่อย่างน้ันน่ะ เหมือนเราไปตากแดดเดือนเมษา
27
มิถนุ า นี่น่ะ ฤดูรอ้ นก็ต้องรอ้ น ไฟกเิ ลส ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ
ไฟราคะมันก็เผาจิตของผู้หญิงผู้ชายมนุษย์น้อยใหญ่ไม่เลือกหน้า
เลือกตา ไม่ว่าช้ันวรรณะไหนมันก็ไม่เลือก เพราะสิ่งเหล่าน้ีมัน
ประจ�ำมาแต่ไหนแต่ไร เราจะฝืนอารมณ์ข่มนิวรณ์จะหนีจากมัน
แตก่ อ่ นเรากค็ อยดำ� เนนิ มาตามกเิ ลส มนั สอนอยา่ งไรกเ็ อาอยา่ งนน้ั
ของใครกไ็ มร่ ลู้ ะ่ กคู วา้ เอาจบั ไดก้ เ็ อาไปเลย มนั กเ็ ดอื ดรอ้ น ของเขา
เขากเ็ สยี ดาย ของตวั ตวั กเ็ สยี ดาย มนั ไมค่ ดิ เสยี อยา่ งนี้ บางคนกโ็ ลภ
จนตาด�ำตาแดงอยากได้แต่ของเขา ถ้าเขามาเอาของตัวหน้าบูด
หนา้ เบย้ี วมนั ไมค่ ดิ เอาของเขาเขากเ็ สยี ดาย ของเราเรากเ็ สยี ดาย
ถ้ามันคิดอย่างนี้ มันคงไม่กล้าเอาหรอกทุกส่ิงทุกอย่าง ลูกเขาก็
ไมก่ ลา้ เอา ผวั เขากไ็ มก่ ลา้ เอา เมยี เขากไ็ มก่ ลา้ เอา เขามยี างอายตอ่
บาปตอ่ กรรม มนั ทำ� ไมไ่ ดม้ นั เดอื ดรอ้ น ถา้ คนมนั ทำ� ไดอ้ ยา่ งน้ี มนั ก็
มคี วามสงบสุข “สมัคคานงั ตาโป สโุ ข” ความพร้อมเพรียงน�ำมา
ซงึ่ ความสขุ สขุ ทไ่ี หนสขุ ทใ่ี จ ทกุ ขท์ ไ่ี หนทกุ ขท์ ใ่ี จ ใจนแี่ ลเปน็ ตวั ทกุ ข์
ความพน้ ทกุ ขอ์ ยทู่ ใี่ จ สขุ กอ็ ยทู่ ใี่ จ บาปกอ็ ยทู่ ใี่ จ บญุ กอ็ ยทู่ ใ่ี จ อะไร
มากกวา่ กนั สงิ่ นน้ั มนั ชนะ ถา้ บาปมากบาปกช็ นะบญุ ถา้ บญุ มากก็
ชนะกเิ ลส ชนะความชว่ั ชา้ ลามก ถา้ มนั ชนะไปแลว้ กเ็ อากลบั คนื มา
ไม่ได้ จมูกมันหักปากมันก็พังแล้ว ปากกิเลสก็พังแล้ว เหลือแต่
คุณงามความดี พูดกันด้วยความไพเราะเสนาะโสต ไม่อิจฉา
ตารอ้ น เมตตาซงึ่ กนั และกนั อยกู่ นั ดว้ ยความผาสกุ อยา่ ไปแตกแยก
สามคั คกี นั ทำ� แตค่ ณุ งามความดพี รอ้ มเพรยี งเรยี งหนา้ กนั ศาสนา
มนั กเ็ จริญนะ่
28
ศาสนามันเสื่อมทุกวันน้ีเพราะคนไม่หันหน้าเข้าสู่ศาสนา
หันหลังเข้าสู่ศาสนา หันหน้าไปหาโลก หาความม่ังความมีม่ังค่ัง
สมบรู ณอ์ ยา่ งโนน้ อยา่ งน้ี ใหไ้ ปหาอยไู่ มใ่ ชห่ า้ มไมใ่ หห้ า หาทางโลก
ไปด้วยเป็นผู้มีศีลมีธรรม อย่าเอาความโลภไปหา มันไม่รู้ว่า
ของใครหรอก มนั เอาไปหมดละ่ ความโลภน่ะ มอบใหห้ มดในโลกนี้
มันก็ยังไม่พอ ความโลภน่ะมันยิ่งใหญ่ไพศาล “โลโภ ธัมมานัง
ปรปิ นั โถ” ความโลภเปน็ อนั ตรายแกธ่ รรมทง้ั หลาย ถา้ ไลค่ วามโลภ
ความหลงออกจากจิตจากใจ จิตใจก็หมดจากสิ่งเหล่านี้ เหลือแต่
คุณงามความดีบริสุทธิ์ผุดผ่องสะอาดสะอ้าน ถ้าเป็นทองนากก็
ทองนากเต็มตัว ถ้าเป็นทองค�ำก็ทองค�ำเต็มตัว ถ้าเป็นเหล็กไหล
กเ็ ป็นเหล็กไหลเตม็ ตัว ถ้าเป็นพลอยก็เปน็ พลอยเต็มตัว ไม่มอี ะไร
มาเจือปน “ช�ำระสะสางของชั่วช้าลามกออกจากจิตจากใจ”
นั้นช่อื ว่า “ปฏิบตั ศิ าสนา”
ศาสนาคือค�ำสอน สอนใหค้ นดี ใหล้ ะชัว่ ชัว่ มนั ไมด่ ี ถ้าเกิดมา
ก็ท�ำให้เราเดือดร้อน คนเดือดร้อนกับคนสบายอะไรมันดีกว่ากัน
คนอยู่ในเรือนจ�ำกับคนอยู่นอกเรือนจ�ำอะไรมันดีกว่ากัน คนที่
เขายิงเป้าทิ้งกับคนที่เขาไม่มีกรรมมีเวรความชั่วช้าลามกประจ�ำ
จิตประจ�ำใจ อยู่ก็อยู่เป็นสุข นอนก็นอนหลับหูหลับตาดี ไม่ได้
ต่ืนเต้นผวา ถ้ามีความชั่วช้าลามกติดมือติดตีนล่ะ เจ้าหน้าที่
เขาเดินอยู่รอบโลกก็ตื่นแล้วทางนี้ มันมีของชั่วช้าลามกติดตัว
ติดกระเป๋าติดตนไป น่ีเรามีกิเลสตัณหาติดตนติดตัวเข้าไปหา
นักปราชญ์บัณฑิตก็กลัวท่านจะทักท้วงอย่างโน้นอย่างนี้ มันมี
29
ความละอาย น่ีมคี วามชวั่ ชา้ ลามกมนั ละอาย แต่มนั ยังท�ำ เพราะ
ไม่ร้จู ริง ถือว่าสิง่ เหลา่ นน้ั เปน็ ของดับของดีของวิเศษวโิ ส
เราเป็นชาวพุทธ พุทธะแปลว่าผู้รู้ พุทโธแปลว่าผู้รู้ ถ้าผู้รู้
จะไกลจากผู้หลง รู้แล้วก็ท�ำให้มันเด่นดวงข้ึนไปทุกเวลาทุกนาที
ก็ยิง่ ดี รบี ท�ำเขา้ อย่าไปรอวันรอเวลาผดั วนั ประกันพร่งุ ความตาย
มันตายได้ทกุ เวลา ถา้ หมดลมหายใจเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น อยดู่ ๆี
กต็ าย นอนหลบั ไปกต็ ายไปเลยกม็ ี อยใู่ นครรภข์ องมารดายงั เลก็ ๆ
อยเู่ ลย เกดิ แทง้ ขน้ึ มา ถา้ เกดิ เอายาไปกนิ ใหล้ กู ตาย หาทเ่ี กดิ ยากนะ
ถ้าเราเกิดมาเป็นมนุษย์เป็นคนก็รีบท�ำให้มันเกิดมันมี อย่าผัดวัน
ประกนั พรงุ่ งมงายอยใู่ นความลมุ่ ความหลง มวั เมาประมาทเลนิ เลอ่
เผลอตัวนอนหลับทับสิทธไ์ิ มเ่ ข้าเร่อื ง
เรารีบท�ำคุณงามเสียแต่ในวันน้ี รู้แล้วว่าความตายจะ
มาถึง ให้ระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก ให้มัน
ปลุกจิตปลุกใจให้มันตื่น มันกลัวจะตายมันก็รีบท�ำคุณงาม
ความดี ไมป่ ระมาทนอนใจเลนิ เลอ่ เผลอตวั ตวั กลวั จะไมต่ าย
มันตายแน่นอนแหละ ตายช้าตายเร็วต่างกัน ทุกคนจะต้อง
ตาย อาตมากย็ งิ่ จะตายเรว็ ก่อนใครทงั้ น้นั ละ่ เอาความตาย
มาเป็นบรกิ รรมใหส้ อนใจ มนั จะไมน่ อนหลับทบั สทิ ธิ์ ถ้าเรา
นอนหลับทับสิทธิ์มันเสียเวลาเสียชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์
พบพทุ ธศาสนา
พระพุทธเจา้ ไมใ่ หป้ ระมาทนอนใจ ใหม้ นั รไู้ ป เปน็ เดก็ เปน็ เลก็
เป็นหนุ่มเป็นสาวน่ะยิ่งดี เกิด ๗ ปี ๘ ปี ให้ได้เป็นพระโสดา
30
มีสติประจำ� จิตประจำ� ใจ
สตแิ กก่ ลา้ กลายเป็นปญั ญา
นตั ถิ ปัญญา สมาอาภา
แสงสว่างเสมอด้วยปญั ญาไม่มี
เปน็ พระสกทิ าคา พระอนาคา พระอรหนั ต์ มนั คงจะดี บา้ นเมอื งคงจะ
สงบรม่ เยน็ อยไู่ หนกไ็ มเ่ ดอื ดรอ้ น ไวเ้ นอื้ เชอื่ ใจกนั ได้ อยดู่ ว้ ยกนั ฉนั
พ่ีฉนั นอ้ ง ไม่คดไม่งอในกระดูก ในตับ ในไต ในไส้ ในพงุ มนั ไวใ้ จ
ไมไ่ ดห้ รอกความคดความงอเนยี่ ความเอาเปรยี บเอารดั เนย่ี สำ� คญั
ท่ีสุดนะ กูดีมึงดีกูเก่งมึงเก่งเน่ีย ถ้าตัวเอาของเขามากินได้ก็ว่า
ตัวเก่งแล้ว หลอกลวงหน้าเฉยเอาไปอย่างเคย ลักเอาไปก็มีนะ
พอไปเห็นก้อนเน้ือน่ะก็คาบเอาไปเลย ของใครไม่รู้ ให้เป็นคน
ซือ่ สัตย์สจุ ริต กายกส็ จุ ริต วาจากส็ จุ รติ ใจกส็ จุ รติ นีพ่ ระพุทธเจ้า
สอนอยา่ ใหไ้ ปทจุ รติ ทจุ รติ นะ่ ฝา่ ยบาป มนั โลภของคนอน่ื นะ่ ทจุ รติ
สจุ รติ นะ่ มนั ดแี ลว้ อะไรมนั กส็ จุ รติ หมด จติ กบ็ รสิ ทุ ธ์ิ วาจากบ็ รสิ ทุ ธิ์
ใจก็บริสทุ ธ์ิ กายก็บรสิ ุทธิ์ ไม่เปรอะไมเ่ ปอื้ นอะไร สไี หนกไ็ ม่เป้อื น
จติ กข็ าว จติ กส็ ะอาด ถา้ จติ ขาวจติ สะอาด อะไรเกดิ มากร็ ู้ อะไรเกดิ
มากเ็ ห็น มันจะได้สอนจติ สอนใจไม่ให้ไปยึดไปถอื ถา้ จติ มนั ถือมัน
เป็นทุกข์ มันหนัก เราหาบของหนักๆ น่ะ ถ้าวางไปเม่ือใดก็เบา
เมื่อน้ัน ถ้าแบกก้อนหินหรือกระสอบข้าวก็ดี ถ้ามันหนักก็ท้ิงลง
31
จากบ่านะ อย่าไปยอมให้มันท่ิมถ้าหาบอยู่อย่างนั้น ถึงว่าตน
มีก�ำลังวังชามากมายก่ายกอง มันจะตายก่อนน่ะ คนอย่างนั้น
คนประมาทนอนใจเลินเลอ่ เผลอสติ
มีสติประจ�ำจิตประจ�ำใจ สติแก่กล้ากลายเป็นปัญญา “นัตถิ
ปัญญา สมาอาภา” แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี ถ้าปัญญา
เกิดแล้วก็มีแสงสว่างเกิดขึ้นน่ะสิ ธรรมก็ไหลเข้ามา ไหลเข้ามา
ดวงใจ ดวงใจถา้ มนั ดี ดวงใจถา้ มนั ชว่ั ถา้ เกดิ มาเวยี นวา่ ยในภพนอ้ ย
ภพใหญก่ ็เรือ่ งของใจ เร่ืองของกายมนั ไม่ทนทานเท่าไหร่ เด๋ียวก็
แตกดับไป มรดกตกทอดบนกรรมฐานพระบรมศาสนา หรือบิดา
มารดาปันมรดกตกทอดให้ อาการ ๓๒ ตา หู จมกู ลิ้น กาย ใจ ผม
ขน เลบ็ ฟัน หนงั เนื้อ เอน็ กระดูก น่ีของมารดาของบิดาปนั ให้
สิ่งเหล่านี้แตกดับแต่จิตใจไม่แตกไม่ดับ ก่อภพก่อชาติ ชาติน้ี
ชาตไิ หนก็ตัวจิตตวั ใจที่มนั หลงน่ะ คนเรากม็ ีกายมีใจ ถา้ ไมม่ ีใจอยู่
มันก็พูดไม่ได้น่ะ ต้องนอนทับถมแผ่นดินแล้วน่ี เปื่อยเน่าผุพัง
ไปแล้ว น�้ำเหลืองน้�ำเน่าก็ไหลออกมาเหม็นสาบถึงพรหมโลกโน้น
เหม็นข้างล่างถึงอเวจีมหานรกโน่น ไม่เหมือนคนมีศีลมีธรรม
มันหอมไปทวนลมและใตล้ ม ดอกไมน้ ่ีหอมตามลม มันหอมเหนือ
ลมไมไ่ ด้ เร่ืองของคนทำ� คณุ งามความดี คุณงามความดเี กิดอยู่
ที่ไหน เกิดอยู่ในดวงจิตดวงใจของคนไหน หอมไปได้
ทุกทิศทุกทาง หอมแต่อเวจีถึงพรหมโลกโน้น มันของดี
ของดีไม่ชอบหรือ ถ้าชอบของดีก็ท�ำของดีน่ะ ดีกับช่ัวก็คู่กัน
ถ้ารู้จักความก็เลือกเอาแต่ความดี ความชั่วก็ทิ้งมันไปเสีย เราก็
32
ครองมานานแล้ว เราก็ทงิ้ ไปเสยี ที ไมม่ ีความสุขอะไรหรอื ทง้ิ ไม่ได้
เสียดายอยู่ กลัวจะไม่ได้เป็นเศรษฐีกุฎุมพีเหมือนเขา มันชอบ
อยหู่ รอื ชอบอยู่ ขา้ พเจา้ ยงั ไมไ่ ดเ้ ปน็ เศรษฐี ไมไ่ ดม้ งั่ ไมไ่ ดม้ แี สนลา้ น
โกฏเิ หมอื นเขา บา้ นเรอื นกย็ งั ไมม่ ี ๒๐ ชน้ั ๓๐ ชน้ั ยงั ไมม่ เี หมอื นเขา
แค่ไหนถ้าใจยังทุกข์น่ะ ข้ึนรถลงเรือไปเหนือมาใต้ ถ้าใจยังทุกข์
มันก็ทุกข์น่ันน่ะ ถ้าใจมันสุข น่ังอยู่ในที่ดินในโคนไม้มันก็สุขอยู่
นั่นน่ะ อยู่ในร่มไม้มันก็มีความสุข อยู่ในท่ีแจ้งมันก็มีความสุข
อยใู่ นถ้�ำในเหวกม็ คี วามสขุ ถา้ ในใจทุกข์ ไปไหนมาไหนมนั กท็ ุกข์
เพราะใจเป็นตัวทุกข์ ความพ้นทุกข์ก็อยู่ที่ใจน่ีเอง ถ้าไปหาที่อ่ืน
ไมเ่ จอนะ
รีบกระท�ำคุณงามความดีเข้ามันไม่ใช่เร่ืองใหญ่หรอก สอน
เด็กน้อยยังไม่ยาก ถ้าสอนคนแก่คนเฒ่ามันยาก เฒ่าแก่บางคน
กส็ อนงา่ ยอยู่ บางคนกส็ อนยากแสนยาก รบี ทำ� เขา้ ไป นเี่ ทศนส์ อน
ผปู้ ฏบิ ตั ิ ถา้ เทศนค์ นนสิ ยั ออ่ นๆ นะเทศนแ์ ตท่ านแตร่ กั ษาศลี นนั่ นะ่
นี่มนั เทศนพ์ วกภาวนา ภาวนามาหลายปหี ลายเดือนกเ็ ทศนพ์ วก
ภาวนา ถ้านิสัยยังอ่อนอยู่ก็เทศน์ให้นิสัยมีทาน ถ้าไม่มีศีลก็สอน
ให้มีศีล ท�ำสมาธิไม่เป็นก็ท�ำสมาธิให้มันเป็น จิตไม่เคยสงบสงัด
ก็สอนให้จิตสงบสงัด เอาค�ำบริกรรมมาผูกมัดรัดรึงมันไว้ อย่าให้
มันท่องเท่ียวไปภพน้อยภพใหญ่ มนั ร้อู ย่กู ับนี่ เกิดอยกู่ ับน่ี ดับให้
มนั ดับกับนีใ่ นรา่ งกาย
33
ถา้ จติ ของคนไหนออกจากรา่ งกายคอื ทง้ั คหู า ยอ่ มถกู หว้ งแหง่
มาร ถกู รปู ถกู เสยี ง ถกู กลน่ิ ถกู รส โผฏฐพั พะ ธรรมารมณ์ ไปไถนา
ตรงโนน้ ตรงนอี้ ยู่ ผลสดุ ทา้ ยกจ็ มอยนู่ ี่ ในวงั วฏั ฎะวนนนี่ ะ่ อยา่ งไหน
จะข้ามวัฏฏะวนไปได้ รีบท�ำให้มันเกิดให้มันมี ไม่มีก็ท�ำให้มันมี
มนั มแี ลว้ กท็ ำ� ใหม้ นั แกใ่ หม้ นั กลา้ สามารถอาจหาญชาญชยั เปน็ จติ
นกั ปราชญ์ ปราชญก์ ป็ ราชญ์จริงๆ อยา่ ปราชญเ์ ลน่
เอาให้มันจริงมันจังลงไป คนเราท�ำจริงท�ำจังได้ เป็นสุนัข
เปน็ โค กระบอื เปน็ ปู เป็นปลา เปน็ กบ เปน็ เขยี ด เป็นนก เปน็ หนู
มันท�ำไม่ได้หรอก เราจะท�ำได้ ดีก็ท�ำได้ ผิดก็ท�ำได้ ถูกก็ท�ำได้
รีบกระท�ำบ�ำเพ็ญให้มันเกิดมันมีภายในจิตในสันดาน รีบสร้างสม
บารมีให้มันแก่กล้า ถ้าบารมีแก่กล้าไม่ได้หายากเท่าไรหรอก
เงินทองของขาวมันค่อยเป็นเครื่องแม่เหล็กดึงดูดเข้ามาสู่หัวใจ
ของเรา ทำ� ไมส่ มพอไดก้ ไ็ ด้ เพราะบญุ บญุ เปน็ ของดี บาปเปน็ ของ
ชวั่ ชา้ นกั ปราชญต์ ำ� หนติ เิ ตยี น คนพาลสรรเสรญิ ความชว่ั ชา้ ลามก
ปล้นได้ลักได้ขโมยของผู้อ่ืนได้สรรเสริญกัน น่ันพวกอันธพาลน่ะ
คนดีบ่ได้สรรเสริญเช่นน้ัน สรรเสริญคนมีศีลมีธรรม สรรเสริญ
ผู้บริสุทธ์ิผุดผ่อง สรรเสริญคนมีศีลมีธรรม สรรเสริญผู้บริสุทธ์ิ
ผุดผ่อง ตรงไปตรงมา บ่ให้มันงอมันเง้ียว ถ้ามันงอ มันดัดยาก
34
ดัดแล้วหักซ้�ำ ไม้ซ่ือกับไม้คดอันไหนมันงามกว่ากัน คนซื่อกับ
คนสอ่ คนโกงอันไหนมนั ดกี วา่ กนั เด๋ียวนี้ ผ้ใู ด__ไปบ้านไหนก็มีแต่
ต้มแต่ตั๋ว ไผจะเช่ือหัวมัน พูดบ่ตรงไปตรงมา คำ� พูดก็อย่างหนึ่ง
การท�ำก็อย่างหนึ่ง สัมมาวาจานี่มันวาจาพูดแล้วกายก็ท�ำคือ
วาจาทำ� สัมมาวาจามนั สิเข้าในองคม์ รรค มนั บม่ อี ย่างอ่นื หรอก
การภาวนาคือเฮานี่ล่ะมาท�ำจิตท�ำใจท�ำกายของเรานี่ให้มัน
สะอาด บ่แม่นเว่าเร่ืองสวรรค์เมฆไหลอยู่พู้น มันบ่ถืกน่ะ มาเบ่ิง
เจ้าของหัวใจน่ี “โอปนยิโก” น้อมเข้าสู่ดวงจิตดวงใจของเรา
“ปัจจัตตัง” มนั ถงึ เกิดขึ้นมา ให้รู้ให้เห็น เหน็ ของแปลกๆ ตา่ งๆ
บ่เคยรู้มันสิรู้ข้ึนมา รู้แจ้งแทงตลอด รีบท�ำคุณงามความดีเสียแต่
วันนี้ อย่ารอให้ความตายมาถึงก่อน มันจะเสียทีท่ีบิดามารดาปัน
มรดกตกทอดมาให้ ให้มาค้ามาขาย สิยอมขาดทุนหรือต้องการ
มีก�ำไร ถ้าต้องการมีก�ำไรก็รีบท�ำเสีย อย่าไปนอนใจ อย่าไป
ผลัดวันโน้นวันน้ี มันคาดเดาไม่ได้ส่ิงเหล่านี้ อายุจะเท่านั้นเท่านี้
มนั กำ� หนดไมไ่ ด้ ความตายมนั ไมไ่ วห้ นา้ ใครทงั้ นนั้ ละ่ เจา้ ใหญน่ ายโต
พระสงฆอ์ งคเ์ ณร ราชามหากษัตริย์ ตายไดท้ ้ังน้นั
35
อย่าไปเบิ่งไกลหลาย
บญุ ก็อยู่หัวใจคน บาปก็อยหู่ วั ใจคน
สวรรค์ นรก ก็อยู่นล่ี ะ่
จะพ้นก็พน้ อยู่นี่ บพ่ ้นกบ็ ่พ้นอย่นู ี่
มันบ่พน้ อยทู่ ช่ี ้นั ดาวดึงสห์ รอื พรหมโลกหรอก
พ้นก็อยู่ในหัวใจเจา้ ของนล่ี ่ะ
36
ปัจจตั ตัง
โดย หลวงป่แู สง ญาณวโร
๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
พระศาสดาองคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ประสทิ ธป์ิ ระสาท
กล่อมเกลาจิตใจของเราให้สะอาดสะอ้านและตั้งมั่นลงเป็นสมาธิ
จติ ใจจะไดร้ ดู้ ี รชู้ ว่ั รผู้ ดิ รถู้ กู รฉู้ ลาด หรอื โงเ่ ขลาเบาปญั ญากด็ ี เฉลยี ว
ฉลาดอาจหาญกด็ ี กเ็ พราะเราอบรมบม่ นสิ ยั เรามศี รทั ธาความเชอื่
ความเลอื่ มใสแลว้ กม็ วี ริ ยิ ะความพากความเพยี รประกอบเขา้ ในจติ
ในใจของเรา อยา่ ใหข้ าดเสน้ ขาดสาย ทำ� ใหต้ ดิ ตอ่ กนั ทุกวนั ๆ ทุก
เวลานาที ทุกลมหายใจเข้าออกก็ยิ่งดี เพื่อมันจะได้ไม่มีช่องโหว่
กเิ ลสจะไมม่ าแทรกซอนเขา้ มชี อ่ งโหวม่ ชี อ่ งขาด สตสิ ตงั อยา่ ใหข้ าด
พยายามตั้งใหม้ ่นั ใหเ้ หนยี ว อย่างอ่ นแงน่ คลอนแคลน พอดีก็ถอย
หน้าถอยหลัง จะเอาก็ไม่เอาจริง ท�ำเล่นๆ ท�ำเหยาะๆ แหยะๆ
แลว้ กเ็ ลกิ ราพาจากไป กเิ ลสกห็ มุ้ หอ่ ยง่ิ หนากวา่ เกา่ ถา้ ทำ� อยา่ งนนั้
ถ้าท�ำกท็ ำ� จรงิ ไมใ่ ช่ของทำ� เล่นๆ นะ
37
เร่ืองของค�ำสอนของพระบรมศาสดาเป็นเร่ืองของจริงของจัง
พระองคท์ �ำมารอดลม้ รอดตาย สรา้ งบารมกี ร็ อดลม้ รอดตาย ทกุ ข์
แสนทุกข์ มีความเมตตาแก่สัตว์โลก หวังจะรื้อขนสัตว์ออกจาก
วัฏสงสารให้พ้นจากโอกแอ่งแก่งกันดาร เพราะโลกเราเกิดมา
ก็มาทกุ ขอ์ ยอู่ ย่างน้ี ทุกขเ์ พราะความเกดิ ก็ดี ทุกข์เพราะความแก่
ก็ดี ทุกข์เพราะความเจ็บไข้ได้พยาธิก็ดี ทุกข์เพราะมรณะก็ดี
ล้วนกองทกุ ข์ทงั้ นั้น
ถา้ เราพจิ ารณาอะไรเกดิ ขนึ้ กด็ ี การกระทบกระเทอื นอฏิ ฐารมณ์
อนิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่ชอบใจ อารมณ์ที่ไม่ชอบใจ ท�ำให้จิตใจ
เศร้าหมองขุ่นมัว ถ้ามันเข้ามาถึงจิตใจของเรา ถ้าจิตใจของเรา
ไปยึดไปถือว่าเป็นตัวเป็นตนเป็นเราเป็นเขาก็ย่ิงวิ่งตาม ก่อไฟ
กองใหญล่ กุ ทว่ มหวั เอาตวั ไปไมร่ อด เพราะกเิ ลสมนั เปน็ ของรอ้ นนะ
ถ้าเข้าสู่จิตสู่ใจของใครก็ร้อนอยู่อย่างนั้นล่ะ ไม่มีความสุขสบาย
เยน็ อกเยน็ ใจผอ่ งใสอะไรหรอก มแี ตค่ วามขนุ่ มวั อาฆาตบาดหมาง
เขา้ ทบั ถมจติ ใจ จติ ใจเปน็ อกศุ ล จติ ไมเ่ ปน็ กศุ ล กศุ ลคอื จติ เปน็ บญุ
กุศลแปลว่าความฉลาด บุญคือความสุขกายสบายจิต ส่ิงเหล่าน้ี
ก็เพราะเราท�ำเอาฝึกหัดเอา ประพฤติปฏิบัติไม่ลดหย่อนผ่อนผัน
หวังก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ไป หวังชัยชนะ ไม่หวังแพ้ ถ้าหวังแพ้
อยา่ ทำ� ดกี วา่ กเิ ลสมนั จะหวั เราะเยาะเยย้ นะ ถา้ เราทำ� เลน่ ๆ ทำ� อะไร
ก็ท�ำให้มันจริงจังลงไป ให้มันเห็นแดงเห็นด�ำไป ไม่ใช่ท�ำเล่นๆ
แตง่ านภายนอกกด็ ี โภคทรพั ยก์ ด็ ี เรากห็ ารอดลม้ รอดตาย อาบเหงอ่ื
ตา่ งนำ้� ทำ� ไรไ่ ถนากด็ ี ทำ� รวั้ ทำ� สวน ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งลว้ นแตล่ งกำ� ลงั
วงั ชาทกุ สิง่ ทกุ อยา่ งนี้
38
จะไปหาบุญหาบาป
ทีไ่ หนอกี
มนั กเ็ กิดจากจิตนีแ้ หละ
ทรพั ยภ์ ายในยงิ่ ละเอยี ดกวา่ นน้ั ยงิ่ ดกี วา่ นนั้ กย็ ง่ิ ทำ� ยาก เพราะ
เปน็ นามธรรม มนั ไมม่ ตี วั มตี น มเี รามเี ขา มสี ตั วม์ บี คุ คล เพราะเปน็
นามธรรมเฉยๆ ไมเ่ ปน็ ตนเปน็ ตวั เมอื่ โกรธขนึ้ มากเ็ ปน็ อกี อยา่ งหนงึ่
เมื่อโลภข้ึนมาก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง เม่ือหลงขึ้นมาก็เป็นอย่างหน่ึง
ถา้ รขู้ นึ้ มา จติ กส็ วา่ งกระจา่ งแจง้ ฉายแสงออกมา ความผอ่ งใสความ
ร่มเย็นเป็นสุขอยู่ภายในดวงจิตดวงใจของใครของมันล่ะ ใครท�ำ
ใครก็ได้ ใครไม่ท�ำก็ไม่ได้ มัน “ปัจจัตตัง” รู้เฉพาะคนปฏิบัติ
คนไมป่ ฏบิ ตั มิ นั นอนอยเู่ ฉยๆ ทำ� ไมมนั จะรู้ ไมร่ อู้ ะไรหรอก รแู้ ตร่ ปู
แต่เสียงแต่กลิ่น ธรรมารมณ์ รักคนน้ัน ชังคนนี้ เกลียดคนน้ี
โกรธคนนี้อยู่ อยา่ งนั้นละ่ อิจฉาตารอ้ นเขาอยู่ ไม่มธี รรมประจ�ำจิต
ประจ�ำใจ ถ้าคนมีธรรมประจ�ำจิตประจ�ำใจคงจะไม่เป็นอย่างน้ัน
ยิ่งธรรมเข้าแทรกสิงจิตใจ จิตใจก็มีแต่ความเมตตาปรานี เมตตา
กรณุ า มทุ ิตา อุเบกขา อยูภ่ ายในดวงจิตดวงใจ ไมท่ ำ� จิตใจของตน
ให้วุ่นวาย น่ันคนไม่รู้เร่ืองเดียงสา จะท�ำให้มันขุ่นมัวท�ำไม จิตใจ
เป็นอกุศล บาปมันเกิดขึ้นไม่รู้บาปเหรอ ถ้าจิตร้อนมันเป็นบาป
จิตผ่องจิตใสจิตสงบสุขน้ันล่ะจิตเป็นบุญ จะไปหาบุญหาบาป
ทไ่ี หนอกี มันกเ็ กิดจากจิตน้ีแหละ
39
บุญบาปก็ดี สวรรค์นรก มันก็เกิดจากจิตจากใจ ตัวท�ำไม่ได้
ก็หาว่าของไม่มี ไม่เป็น ไม่ไป เอากิเลสตัวไปวัดคนอ่ืน อย่างนี้
มันใช้ไม่ได้นะ ท�ำไม่ได้ก็ว่าท�ำไม่ได้ยังจะดีกว่า คนท�ำได้ก็มีอยู่
นักปราชญ์บัณฑิตก็มีอยู่ ถ้ามีนักปราชญ์ก็มีอันธพาลมาก่อกวน
ทุกสิ่งทุกอย่างพระศาสดายิ่งได้รับความทุกข์ทรมานแสนทุกข์
ทรมาน พระองค์ไม่ได้ท�ำอะไร มีแต่เมตตาแก่สัตว์โลกแก่สงสาร
ก็ยังหาว่าพระพุทธองค์ไปหานางมาคันทิยะ มารลูกมารหลาน
นางจญิ จมาณวกิ ากด็ ี หาเรอ่ื งใสพ่ ระองค์ บาปกต็ ามสนองแผน่ ดนิ
ก็สูบเท่าน้ันลงพ้ืนปฐพีอเวจีมหานรกโน้น เป็นพ่ีน้องกับเทวทัต
อยู่นน้ั หมกมนุ่ อยู่ กเ็ พราะเราไปดแู ตข่ องภายนอก มันจะดี จะช่ัว
จะผิด จะถูก ก็เรื่องของเขา เรื่องของตัวให้หม่ันช�ำระจิตของเรา
ใหผ้ อ่ งแผว้ ปราศจากมลทนิ อยเู่ ปน็ นจิ ใหใ้ จใสอยเู่ ปน็ นจิ เอาเรอื่ งราว
คนอื่นมาทับถมใจตนเอง คนไม่รู้เร่ืองเดียงสา ถ้ารู้เดียงสา ดีก็
เรือ่ งของเขา ช่ัวกเ็ รือ่ งของเขา ทำ� ไมเกบ็ เอามาใสจ่ ิตใส่ใจของเรา
ใหเ้ ศรา้ หมองขุ่นมวั เป็นบาปเปน็ อกศุ ล ส่งิ เหลา่ นน้ั มันไม่ดี ถา้ ดกี ็
ท�ำจิตของเราให้สะอาดสะอ้าน ถา้ เป็นผา้ เปน็ แพรก็ย้อมสยี อ้ มสัน
ดกู ส็ วยกง็ ามดี ถา้ ยงั มจี ดุ แดงจดุ ดำ� ดกู ไ็ มส่ วยไมง่ าม เปน็ เสอื โครง่
เสือเหลืองไปหมดน่ะ
ถ้าต้องการให้ธรรมะเข้าสู่จิตสู่ใจ ท�ำจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์
อยูเ่ ปน็ นจิ สะอาดอยเู่ ป็นนิจ “สพั พปาปสั สะ อกรณัง กสุ ลัสสู-
ปสมั ปทา สจติ ตปรโิ ยทปนงั เอตงั พทุ ธานะ สาสนงั ฯ” คนไหน
หมั่นช�ำระจิตเจ้าของให้ผ่องใสอยู่เป็นนิจ ให้สะอาดอยู่เป็นนิจ
40
คนนั้นช่ือว่าท�ำตามค�ำสอนของพระศาสดา พระศาสดาไม่ได้สอน
ว่าท�ำจิตให้เศร้าหมองนะถึงจะได้ไปสวรรค์นิพพาน มันจะไปนรก
อเวจี พระพุทธเจ้าสอนให้ท�ำดี ละชั่ว ประพฤติดี สิ่งไหนไม่เกิด
ทำ� ใหม้ นั เกดิ มนั มี ใหม้ นั เจรญิ อยา่ ใหอ้ ยอู่ ยา่ งเกา่ พยายามสงั่ สอน
ตวั เอง นำ� ธรรมะคำ� สอนของพระศาสดามาสอนหวั ใจตวั เอง ตวั ไมร่ ู้
ก็อาศยั พระพทุ ธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะทพ่ี ึ่งบนดวงใจ
จิตใจจะได้ผ่องได้ใส สิ่งไม่รู้ก็จะได้รู้ได้เห็น มันก็ประหลาดไป
ทุกวนั ๆ ถ้าเราจะเดินทางนะ่ เราผา่ นบา้ นโน้นบา้ นน้ไี ป มนั ก็เหน็
เรอ่ื ยไปจนหมดทผ่ี า่ น มนั กห็ ยดุ แลว้ นี่ ไมไ่ ปไหนมาไหน อยตู่ วั แลว้
ถ้าเรายังมีกิเลสตัณหาอยู่น้ี ถ้ายังต้องผ่านโน้นผ่านนี้ ผ่านดี
ผ่านชั่ว ผ่านผิดผ่านถูกอยู่นี่ มันเกิดมาให้เห็นอยู่นี้ คือปลาท่ีอยู่
ในน�ำ้ มนั มปี ลาอะไร ปลาน้อย ปลาใหญ่ อย่ใู นสระกด็ ี อยใู่ นทะเล
ก็ดี อยู่ในล�ำโขง ล�ำชี ล�ำมูลก็ดี มันก็ต้องโผล่หัวขึ้นมาหรือมา
กระดิกน้�ำวนให้คนได้เห็น ถ้ามันไม่มี มันก็ไม่มีอะไรจะมาว่าย
ที่หัวใจเราน่ีแหละ กิเลสมันหมดแหละ กิเลสมันมีอยู่น่ะอย่าไป
เข้าข้างกิเลส มันเสียเปรียบ อย่าไปเข้ากิเลส มิจฉาทิฏฐิ ความ
เหน็ ผิดจากทำ� นองคลองธรรม มนั บาปหนกั บาปหนา วา่ บาปไมม่ ี
บุญไม่มี สวรรค์ไม่มี นรกไม่มี ตายแล้วสูญ ใครท�ำดีก็ไม่ได้ดี
ใครทำ� ชว่ั กไ็ มไ่ ดช้ ว่ั อยา่ งนเี้ ปน็ มจิ ฉาทฏิ ฐิ บาปหนกั ยง่ิ กวา่ เทวทตั
เสียอกี อยา่ ไปทำ� ใครจะท�ำอย่างน้นั ยังไปทำ� ฝนื ความเป็นจรงิ อยู่
มันมีอยู่ ของเรานดี่ ูใจของตวั ท�ำไมไม่ดู บางทีมันก็ผ่องใส บางที
มันก็เศรา้ หมอง บางทมี นั กพ็ อผอ่ งใสอยู่ พอดพี องาม จติ อยปู่ กติ
41
ทกุ ข์เกิดขนึ้ มาก�ำหนดรู้
กำ� หนดอยู่อย่างน้นั ล่ะ
ถ้าเห็นทุกข์
จิตจะได้ถอนจากทุกข์หนี
ไมค่ ดิ โนน้ คดิ นี้ ไม่ได้ไปหาเรอ่ื งหาราว หาโทษหาภัย หาสกุ หาดบิ
ใส่ใคร ปรบั ปรงุ จิตใจของเจา้ ของใหม้ ันมี ให้มนั แหลมคม ให้มันรู้
มันจะได้ปลดได้ปล่อยได้วางความช่ัวช้าลามกออกจากดวงจิต
ดวงใจ จิตใจจะได้สะอาดสะอ้าน จิตใจจะได้รู้ถึงธรรมะค�ำสั่งสอน
ของพระศาสดาสอนใหพ้ น้ ทุกข์ ถา้ เราจะปฏบิ ตั ิเพื่อถอดเพือ่ ถอน
ไม่ใชป่ ฏิบตั ิเพอ่ื กอบเพ่ือโกยเขา้ สู่ดวงจติ ดวงใจ
ถา้ คนไหนหมน่ั เอาของชว่ั ชา้ ลามกมาใสจ่ ติ ใจ ทำ� บาปดว้ ยนนั่ นะ่
มนั ไมม่ แี สงสวา่ งขนึ้ ได้ มแี ตท่ างเสอื่ มนน่ั นะ่ ทำ� ใจใหจ้ ติ ใจใสสะอาด
อย่าไปเอาเร่ืองของคนอ่ืนมาใส่ตัวเอง ดีช่ัวผิดถูกก็เร่ืองของเขา
ได้เสยี ก็เร่ืองของเขา เราพยายามทำ� กาย วาจา จติ ของเจ้าของให้
บริสุทธ์ิอยู่เป็นนิจ มันก็พอแล้ว อย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาใส่จิต
ใส่ใจ จะดีจะชั่ว จะผิดจะถกู จะเขา้ ตาราง จะกินยาบา้ ยาบอ กเ็ รอ่ื ง
ของเขา อยา่ เปน็ คนเชน่ นน้ั เราอยา่ ไปนำ� มาสอนจติ สอนใจของตวั
พยายามถอดถอนความชว่ั ชา้ ลามกใหม้ นั หมดไป หมดกรรมหมดเวร
ไมม่ ีกรรมมีเวรตดิ ตัวท้ังอดตี อนาคต ปจั จุบัน เราขยนั หมน่ั เพียร
42
สอนจิตสอนใจของเจ้าของให้มันต่ืนอยู่เป็นนิจ ให้มันรู้อยู่เป็นนิจ
เพ่ือธรรมะของพระองค์จะได้สอนจิตสอนใจ จิตใจจะได้ผ่องใส
มีแสงสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ พยายามท�ำให้มันเกิดมันมี ถ้ายัง
ไม่เกิดไม่มีก็พยายามให้เป็นคนหมั่นคนขยันหม่ันเพียร ขัดเกลา
เผากิเลสทม่ี ันเรา่ รอ้ นอยู่เปน็ นจิ ทุกข์เกิดขึน้ มาก�ำหนดรู้ กำ� หนด
อยอู่ ย่างนน้ั ละ่ ถา้ เหน็ ทุกข์จติ จะไดถ้ อนจากทกุ ข์หนี หนีจากทกุ ข์
ให้ได้ ทุกข์เกิดอริยสัจข้อท่ี ๑ ก�ำหนดเข้าไปอย่าไปถอย ทุกข์
เท่าไหร่ย่ิงเป็นฟืนเป็นไฟก็ย่ิงก�ำหนดเข้าไปเข้าไป ผลสุดท้าย
เม่ือความร้อนดับไป ความเย็นก็มาแทนท่ีมากกว่าเก่า “ตโป จะ
พรัหมจริยัญจะ” ผู้ใดมีความเพียรจะเผากิเลส กิเลสเร่าร้อน
อยา่ ไปถอื ตวั เรารอ้ น กเิ ลสไมร่ อ้ นมนั อยไู่ มไ่ ด้ เผาเขา้ ไปเผาเขา้ ไป
มนั กเ็ ปน็ ปยุ๋ เปน็ ผงไป ทกุ ขค์ วรกำ� หนดรู้ สมทุ ยั ควรปลอ่ ยควรวาง
ตัวของเราเป็นก้อนสมุทัยนะ อาการ ๓๒ ผม ขน เล็บ ฟัน
หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ตับ ไต ไส้ พุง อาหารเก่า อาหารใหม่
ทุกข์มันเกิดจากก้อนสมุทัยนี่น่ะ ก้อนเท่าน้ีแหละ ผู้หญิง
ผู้ชาย เด็กใหญ่ เด็กน้อย ก็เกิดจากก้อนเน่าเนี่ยแหละ เดี๋ยวก็
เป็นโรคอันนั้น เด๋ียวก็เป็นโรคอันนี้ มันเกิดจากที่นี่เอง ก�ำหนดรู้
นโิ รธ ท�ำใหม้ นั แจ้ง ถ้ามนั แจ้งก็เปน็ นโิ รธได้ มรรค ปฏบิ ตั ิให้ถึง
ความดบั ทกุ ข์ แคน่ ถ้ี า้ ไดเ้ ขา้ ไปถงึ อรยิ สจั ๔ มนั สวา่ งเอง มนั เหน็ เอง
มันเป็นเอง เราท�ำตั้งแต่ต้นเหตุ ทีแรกเราก็ขยันหมั่นเพียรท�ำ
ไม่มีคืนมีวันน่ะ ท�ำความเพียรเอามาก เหตุผลมันเกิด เกิดขึ้น
มามากเลย ขอให้ท�ำจริงเถอะ มันมีอยู่ ถ้าส่ิงไหนไม่มี พระองค์
ไม่สอนหรอก พระองค์ส่ังสอนเพราะความเมตตาแก่สัตว์โลก
43
แก่สงสาร สตั วโ์ ลกชอบเที่ยวในวัฏสงสารน่ี หมนุ ไปเวียนมา ไมร่ ู้
จกั สน้ิ จกั จบ ไมร่ ทู้ างออกทางเขา้ พระองคก์ เ็ ลยมาแนะนำ� พรำ�่ สอน
สร้างบารมี หวังว่าจะรื้อสัตว์ทุกตนทุกตัว มันรื้อไม่ได้ พูดไปเขา
กไ็ มฟ่ งั ไมฟ่ งั พระองคก์ ถ็ อน ชกั สะพานทง้ิ สอนเอาแตค่ นทส่ี อนได้
คนสอนไม่ได้ก็ชักสะพานทง้ิ ปลอ่ ยทง้ิ ไปตามยถากรรม
“กัมมุนา วัตตตี โลโก” สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
กรรมทำ� ดี กรรมทำ� ชวั่ กรรมทำ� ผดิ กรรมทำ� ถูก เจ้าของรบั เอาเอง
ใช้เอาเอง ไม่มีใครไปท�ำให้หรอก เจ้าของท�ำข้ึนมาก็รับผลเอง
สุขทุกข์ก็ดี ผิดถูกเจ้าของก็รับเอง โทษภัยทุกส่ิงทุกอย่างตัวเอง
ท�ำข้ึนมาก็รับ ไม่มีใครอาสาขันท�ำให้ ท�ำให้มันหยุด ท�ำให้มัน
สวา่ งไสวเอง ตัวเองท�ำมนั ถงึ จะสว่างไสวขนึ้ มา ยงิ่ ขยนั หมั่นเพยี ร
เท่าไร กองทุกข์มันก็ลดน้อยถอยลงไป ธรรมเข้าไปสวมจิตสวม
ใจมากเท่าไร กิเลสก็เหลือน้อยเข้าไป ผลสุดท้ายก็หมดสิ้นไป
มันก็พ้นทุกข์เท่าน้ัน กิเลสไม่หมดมันจะพ้นทุกข์ยังไง เพราะ
กิเลสเป็นเหตุให้เกิดทุกข์น่ะ เด๋ียวมันก็สอนอย่างนั้นอย่างน้ี
มันเสี้ยมสอนมาหลายกัปหลายกัลป์หลายอสงไขยพอแรงแล้ว
มันสอนนิดเดียวก็ฟังมันแล้วเพราะเราโง่เขลาเบาปัญญา อวิชชา
ครอบง�ำจิตใจของเรามันจึงถึงมาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตายไม่รู้สิ้น
รจู้ บ บางทกี ม็ าเกดิ เปน็ สตั วเ์ ดรจั ฉาน นรก เปรต อสรู กาย สตั วน์ อ้ ย
สัตว์ใหญ่ ในน้�ำบนบก เป็นนก หนู แมลงวัน แมลงหว่ี มันเป็น
ได้ทุกอย่าง ไม่ใช่มาเกิดเป็นคนได้อย่างเดียว ถ้ามาเกิดอีก
ถา้ ทำ� ไมด่ ี มนั ตกหนา้ ผาลงไปกเ็ กดิ ตำ่� เปน็ สตั วน์ รก สตั วเ์ ดรจั ฉาน
44
ทกุ ขอ์ ยู่ในขันธ์ ๕
รวมมาขนั ธ์ ๔
ทุกขใ์ นโลกนีม้ าโฮมน้องผ้เู ดยี ว
มาโฮมข้อยผ้เู ดียว
เป็นนก หนู ช้าง โค กระบือ ปู ปลา ไปใหเ้ ขากิน ถา้ มันพน้ กรรม
มันก็จะเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกัน มันยังไม่พ้นจากกรรม มันไม่รู้
จะท�ำดีท�ำชั่วอะไร พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้สัตว์เหล่าน้ีประพฤติ
ปฏบิ ตั ศิ าสนา พระองคส์ อนใหม้ นษุ ยน์ ะ่ รดู้ รี ชู้ ว่ั รผู้ ดิ รถู้ กู มบี รษิ ทั ๔
ภกิ ษุ ภกิ ษุณี อุบาสก อุบาสกิ านี่ละ่ คนจะรกั ษาศาสนา ถา้ ศาสนา
ยงั อยู่ บา้ นเมอื งกย็ งั พออยูไ่ ด้ ศาสนาหมดแล้ว จะฉีกเนื้อเถือหนัง
กันกินวุ่นวายไปหมด มีแต่คนบาปหนาเห็นกันเป็นผักเป็นปลา
ความช่วั ได้เทา่ ไรก็ไม่พอ ขนเทา่ ไรกไ็ มพ่ อ ไม่มเี ตม็ เสียที ขนมา
เทา่ ไรกย็ ิ่งหมดไป มาไม่ถูกทาง ถา้ มาถกู ทางมนั ก็แกน่ อยู่ มาเป็น
ขา้ วเปน็ ของสมบตั พิ สั ถานทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง มาเปน็ ธรรมละ่ ก็ อยมู่ นั
ก็เยือกเย็น ไม่ร้อน ถ้าไม่มาจากธรรม มันร้อน เข้ามาสู่กระเป๋า
จบวันยันค�่ำคืนยันรุ่ง ไม่กี่วันไม่ก่ีนาทีมันก็หมดไปเอง มันมา
ไม่เป็นธรรม มันก็ไปไม่เป็นธรรมเหมือนกัน ถ้ามาเป็นธรรมมัน
ของเยอื กของเยน็ จะอยกู่ เ็ ปน็ ของเยน็ ของสริ มิ งคล อยา่ ไปเอาของ
ไมเ่ ปน็ ธรรมมา มนั เปน็ อปั มงคล อปั มงคลคอื ความเศรา้ หมองจติ ใจ
45