เราเปน็ มนุษย์ รจู้ กั ดี รจู้ ักชวั่ ควรประพฤตดิ ดี กี ว่า อย่าไปหา
ของยุ่งยากมาใส่ตัว หามิจฉาทิฏฐิมาใส่ตัวมันบาปหนัก มันจะไป
ไมร่ อดนะถา้ หามจิ ฉาทฏิ ฐมิ าใสต่ วั อยา่ ไปทำ� พระพทุ ธเจา้ ไมใ่ หท้ ำ�
ถ้าพระพุทธเจ้าสอนเท่าไรก็ไม่ท�ำ คนอย่างน้ัน “ศิษย์ไม่มีครู”
ศษิ ยบ์ ม่ คี รู บอกสอนบ่มีได้ บอกมนั น่ี สอนบไ่ ด้ ปลอ่ ยทม่ิ ไปตาม
ยถากรรม มันสติ กไปไสล่ะ ถา้ คนสอนไดย้ ังสอนอยู่ เพราะไมข่ าด
เมตตาปานไหนหรอก ทำ� ความดใี หม้ นั เกดิ มนั มี อยา่ ปลอ่ ยเวลาให้
มนั ลว่ งไปลว่ งไป วนั คนื ลว่ งไป เราทำ� อะไรอยู่ รแู้ ลว้ หรอื วา่ ความตาย
จะมาถงึ พรงุ่ นี้ ใหร้ ะลกึ ถงึ ความตายทกุ ลมเขา้ ออก มนั จะตน่ื จะหลบั
ไมร่ ะลกึ ถงึ ความตาย มนั ประมาทเลนิ เลอ่ เผลอสตผิ ดั วนั ประกนั พรงุ่
มันจะตายอยู่น่ี คนเกิดมาก็ต้องตาย สัตว์ก็ต้องตาย ต้นไม้ภูเขา
เหลา่ กากต็ ้องตายตอ้ งพังต้องเพ ไม่มอี ะไรจีรงั ยง่ั ยืน ของเกิดข้นึ
ช่ัวครชู่ ่ัวคราวประเดยี๋ วเดียวกเ็ ปลย่ี นไป หายไป เกดิ ใหม่เรอ่ื ยไป
มันเป็นอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว เราเกิดมาชาติหนึ่งจะเอาอะไร
ไปดว้ ย จะเอาบญุ หรอื เอาบาป ถา้ เอาบาปไปดว้ ยกท็ กุ ข์ ถา้ เอาบญุ
ไปดว้ ยกเ็ ปน็ สขุ ถา้ จะไดห้ นจี ากบาปจากบญุ จรงิ ๆ นะ่ กใ็ หห้ นจี าก
ทางบญุ ทางบาป บาปกใ็ หห้ มด บญุ ก็ใหห้ มด ไมเ่ อาอะไรสักอยา่ ง
ถา้ จะเอาบญุ เอาบาปกย็ งั เหลอื อยมู่ นั คกู่ นั ปลอ่ ยทง้ั ๒ อยา่ งกห็ มด
46
ส้ินไป ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่อีกต่อไป
ไม่หมุนเวียนเปล่ียนไป ยังมาห่วงบุญห่วงกุศลอยู่ ห่วงโน้นนี้อยู่
บาปมันก็ตามอย่างนั้นล่ะ เหมือนผู้หญิงผู้ชาย ผู้หญิงอยู่ที่ไหน
ผชู้ ายอยทู่ น่ี นั่ ผหู้ ญงิ กไ็ ปทน่ี นั่ มนั เปน็ คกู่ นั บาปกบั บญุ ดกี บั ชวั่ ก็
เปน็ คกู่ นั ผดิ กับถูกกเ็ ปน็ ค่กู ัน ได้กับเสยี กเ็ ป็นคู่กัน เจรญิ กบั เส่อื ม
กเ็ ปน็ คกู่ นั สขุ กบั ทกุ ขก์ เ็ ปน็ คกู่ นั เศรา้ หมองขนุ่ มวั กบั ความสะอาด
มนั กเ็ ปน็ คกู่ นั เราจะเลอื กเอาอะไรกเ็ ลอื กเอา ไมอ่ ยอู่ น่ื อยไู่ กล มนั อยู่
ทห่ี วั ใจน่นั นะ่ ไมใ่ ชอ่ ยู่อน่ื อยไู่ กลหรอก มันไหลเขา้ รวมหวั ใจ
“ทุกข์อยู่ในขันธ์ห้า รวมมาขันธ์สี่ ทุกข์ในโลกนี้มาโฮมน้อง
ผู้เดียว มาโฮมข้อยผู้เดียว” ก็โฮมหัวใจ ถ้ามีใจก็โฮมน่ันแหละ
ความสขุ ความทกุ ขน์ นั่ นะ่ ความดคี วามชวั่ ความผดิ ความถกู ความ
เจรญิ ความเสื่อม ก็ไปโฮมนน่ั ละ่ ใจนแ่ี ลเปน็ ตวั ทุกข์ความพน้ ทกุ ข์
อยู่ที่ใจ ถ้าพ้นก็พ้นอยู่นี่แหละ บ่พ้นก็อยู่นั่นแหละ อย่าไปเบิ่ง
ไกลหลาย บญุ กอ็ ยหู่ วั ใจคน บาปกอ็ ยหู่ วั ใจคน สวรรคน์ รกกอ็ ยนู่ ลี่ ะ่
จะพ้นก็พ้นอยู่น่ี บ่พ้นก็บ่พ้นอยู่นี่ มันบ่พ้นอยู่ท่ีช้ันดาวดึงส์หรือ
พรหมโลกหรอก พ้นกอ็ ยูใ่ นหวั ใจเจา้ ของน่ลี ่ะ เอวัง
47
“มหา” แปลวา่ เป็นใหญ่นะ ไมใ่ ช่มหาเรียน
มหาประพฤติปฏิบัติเอา
มหาเรียนน่ะเรียนสัญญาเฉยๆ
ความจ�ำได้หมายรตู้ ามกระดาษตามหนังสอื
คำ� พดู ของคนอน่ื มาจำ� นกึ ว่าเป็นของตวั ไมใ่ ช่
มนั ต้องเกดิ จากจติ จากใจของตวั เอง
“ปจั จัตตัง” มันเกิดขน้ึ ในดวงจติ ดวงใจ
ถึงเป็นมหาสติ มหาปญั ญา
48
มหาสติ มหาปญั ญา
โดย หลวงปู่แสง ญาณวโร
๑๙ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
การฟังเทศน์ฟังธรรม ต้ังภาชนะให้ดี อย่าคิดไปโน้นไปนี้
ตรงโนน้ ตรงน้ี ตงั้ จติ ใหเ้ ทย่ี งตรงดำ� รงสตใิ หม้ น่ั ถา้ สตยิ งั ไมด่ ี เอาพทุ โธ
นัน่ ก่อน “พุทโธ ธมั โม สงั โฆ” บทใดบทหน่ึงกไ็ ด้ เอามาสู่จติ สใู่ จ
อย่าให้ส่งไปนอก ถ้าเราส่งไปนอก จิตก็ไม่รวมไม่ลง ผลสุดท้าย
ก็ไม่ได้อะไร ท่ีจะมาได้มันก็เป็นการยากอยู่ จากบ้านจากช่อง
จากการงาน จากถิ่นฐาน จากพอ่ จากแม่ ติดโน่นคาน่อี ยอู่ ย่างนัน้
เรามาฟังธรรมก็ฟังให้มันจริง ฟังจนถึงจิตถึงใจ ถ้าฟังธรรม
ไมถ่ งึ จติ ถงึ ใจมนั กไ็ มเ่ กดิ ประโยชนอ์ ะไร เพราะใจเปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ศลี
แหง่ ธรรม สว่ นกายมนั อยูไ่ ม่ได้ ศลี ธรรมเปน็ ของจริง อกุศลธรรม
เปน็ ของปลอม บาปก็เปน็ ธรรมเหมือนกัน กุศลธรรม อกศุ ลธรรม
กศุ ลแปลวา่ บญุ อกศุ ลแปลวา่ บาป มนั กม็ บี าปมบี ญุ มคี ณุ มโี ทษ มดี ี
มชี วั่ มผี ดิ มถี กู มรี มู้ หี ลงอยนู่ นั่ แหละ คนเรายงั ไมไ่ ปฝกึ หดั ดดั แปลง
ถา้ ไปฝกึ หดั ดดั แปลงใหม้ สี ตปิ ญั ญาแกก่ ลา้ มสี มาธปิ ญั ญาสตแิ กก่ ลา้
49
วริ ยิ ะ สตปิ ญั ญา มนั กค็ งไมไ่ ปไหนดอก มนั อยใู่ นอำ� นาจของสตขิ อง
ปญั ญา สติปัญญา วิริยะ ปัญญา สติ มหาสติ มหาปญั ญา
“มหา” แปลว่าเป็นใหญ่นะ ไม่ใช่มหาเรียน มหาประพฤติ
ปฏิบัติเอา มหาเรียนน่ะ เรียนสัญญาเฉยๆ ความจ�ำได้หมายรู้
ตามกระดาษตามหนงั สอื ค�ำพดู ของคนอื่นมาจ�ำ นกึ ว่าเปน็ ของตวั
ไมใ่ ช่ มนั ต้องเกิดจากจติ จากใจของตัวเอง “ปัจจัตตงั ” มันเกดิ ขน้ึ
ในดวงจติ ดวงใจ ถงึ เปน็ มหาสติ มหาปญั ญา วอ่ งไวทนั เหตทุ นั การณ์
ทุกส่ิงทกุ อยา่ ง ไมเ่ ลนิ เลอ่ เผลอสติ ไมป่ ระมาทมวั เมา จิตใจจะได้
ผอ่ งไดใ้ สไดร้ ไู้ ดเ้ หน็ แจม่ ชดั เขา้ ไปทกุ ทๆี ไลจ่ ากขน้ั หยาบเขา้ ไปหา
ขัน้ กลางขัน้ ละเอียด ไลจ่ าก “หีนา ธมั มา มชั ฌิมา ธัมมา ปณีตา
ธัมมา” ธรรมมันก็มีหลายขั้นหลายภูมิ ธรรมหยาบก็มี ธรรม
ภาคกลางกม็ ี ธรรมประณตี กม็ ี ธรรมของพระอรยิ เจา้ ทงั้ หลายเปน็
ธรรมประณีต กิเลสท้ังหลายตามไม่ทัน มันเร็วกว่าจรวดไอพ่น
ถ้าฝึกให้มันถึงภูมิความรู้จริงๆ มันอยู่ไม่ได้ มันต้องเกิดข้ึนมา
อะไรเกดิ ขึ้นมันต้องรกู้ ่อน รูก้ อ่ นมนั กเ็ กดิ ไม่ได้ มาก็ตบตา ตบตา
ตาบอดหหู นวก มนั หมดกเิ ลสทง้ั หลาย เหลอื แตธ่ รรมลว้ นๆ พทุ โธ
ก็เต็มดวงท่ีนี่ พุทโธ พุทธะก็เต็มดวงข้ึนมาสว่างจ้าขึ้นมาเหมือน
ดวงพระอาทิตย์ ดวงพระจันทร์ไม่มีเมฆมีหมอก มันก็สว่างจ้า
ถา้ วนั ไหนยงั มเี มฆมหี มอกปกคลมุ หมุ้ หอ่ อยู่มนั กไ็ มส่ วา่ งกระจา่ งแจง้
ฉายแสงถงึ ความสง่าผ่าเผยอะไรหรอก
กิเลสคือเป็นเคร่ืองกีดกั้นไม่ให้สว่างกระจ่างแจ้ง ท�ำให้จิตด�ำ
ก�ำตา จิตมืด จิตบอด จิตหนวก ถ้าไล่กิเลสให้หมดออกจากจิต
50
กิเลสตวั น้อยตวั ใหญ่ จะหยาบหรือจะละเอียด
จะเกิดขน้ึ มาในดวงจติ ดวงใจ มันกร็ ู้
รแู้ ล้วก็หายไป เกดิ ขึ้นแลว้ กด็ ับไปๆ
ไมม่ อี ะไรจีรงั ยัง่ ยืนถาวรแน่นอนอะไรดอก
จากใจ จิตก็เป็นจิตสะอาด ใจก็ใจสะอาด จิตใจนี่ก็พูดไปเฉยๆ
สมมุติเฉยๆ ถ้ามันถึงตัวมันกลายเป็นสมมุติกลายเป็นบัญญัติ
พูดอะไรก็ถูกอันน่ันแหละเป็นอัตโนมัติของมันแล้วน่ัน ถ้าไม่เป็น
สมมุติบัญญัติ มันพูดกันไม่ได้ ฟังกันไม่ได้ ต้องเอาสมมุติมาพูด
ถา้ ธรรมลว้ นๆ ไม่มีเรือ่ งจะพดู ดอก มันหมดแล้ว
ถ้าธรรมะยังไม่เกิดไม่มี ต้องท�ำให้เกิดมันมี มันมีแล้วก็
ทำ� ใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งใหม้ นั ผอ่ งมนั ใสถา้ มนั ผอ่ งมนั ใสมนั สะอาด
สะอา้ น อะไรผ่านมานดิ ๆ หน่อยๆ มนั ก็รู้ เหมือนผ้าขาวๆ นี่
มดตัวเล็กๆ ไต่มามันก็เห็นน่ะ ถ้าผ้าด�ำๆ คงจะไม่เห็นนะ
จิตใจของเราเหมือนกัน กิเลสตัวน้อยตัวใหญ่ จะหยาบหรือจะ
ละเอยี ดจะเกดิ ขน้ึ มาในดวงจติ ดวงใจ มนั กร็ ู้ รแู้ ลว้ กห็ ายไป เกดิ ขน้ึ
แล้วก็ดับไปๆ ไม่มีอะไรจีรังย่ังยืนถาวรแน่นอนอะไรดอก มีแต่
การเกดิ การดบั เทา่ นนั้ แหละ เราทำ� กไ็ มท่ ำ� เพอื่ เอาอะไรดอก ทำ� ให้
มันรู้เฉยๆ อย่าให้มันหลง ถ้าหลงแล้วมันติดมันข้องมันคาอยู่
ในภพน้อยภพใหญ่ เทียวเกิดเทียวตายอยู่น่ีแหละ ลุ่มๆ ดอนๆ
51
ตำ�่ ๆ สงู ๆ ไมร่ ้ทู างออก เหมือนมดมนั ไต่ขอบดง้ นมี่ ันโค้งไปโงมา
ไม่รทู้ างจะออก มนั หลง ถา้ ไมห่ ลงมนั กค็ งไมไ่ ตย่ ังงั้นดอก มนั กไ็ ป
ทางตรงลิว่ เลยล่ะ มนั หลงนี่ มนั ถงึ ได้มาเกดิ มาแก่ มาเจ็บ มาตาย
มาทกุ ข์ มายากลำ� บากล�ำบนอย่นู ่ี เกดิ ๆ ตายๆ แลว้ น่ีไมเ่ ลิกสกั ที
เรากท็ ำ� ใหม้ นั รู้ ถา้ มนั รมู้ นั กไ็ มห่ ลง มนั กไ็ ปดมี าดเี ทา่ นนั้ แหละ
จะแจ้งท้ังทางโลก ทางธรรมก็แจ้ง ถ้ามันแจ้งมันจะมาเกิดเอา
อะไรอกี มนั เบอ่ื มนั หนา่ ยมนั คลายกำ� หนดั ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง มนั เบอื่ แลว้
มันพอแล้ว อิ่มแล้ว เหมือนเรากินข้าวอ่ิม ถ้าคนมันดึงแขนเรียก
เขา้ ไปกนิ อีกก็คงกินอกี ไมไ่ ด้ มนั อิ่ม มนั จะอาเจียน ถ้าไม่อาเจียน
มนั กฮ็ ากออกเทา่ นนั้ ละ่ มนั อม่ิ ถา้ ยงั ไมอ่ ม่ิ มนั กเ็ ขา้ ไปกนิ สมำ่� เสมอน่ี
เราจะมาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตายอยู่น่ีก็เพราะความลุ่มความหลง
โมหะ โมหะคือความหลง โมหะอวชิ ชา พลิกอวิชชาเปน็ “วชิ ชา
จรณสมั ปนั โน สคุ โต” ไปดมี าดี “โลกวทิ ”ู เปน็ ผแู้ จง้ โลกแจง้ ธรรม
“อนตุ ตโร ปรุ สิ ทมั มสารถิ สตั ถา เทวมนสุ สานงั พทุ โธ ภควา”
เปน็ ครขู องเทวดามนษุ ยแ์ ละอนิ ทรพ์ รหมยมยกั ษท์ งั้ หลาย มนั สงู สง่
กว่าพวกอินทร์ พวกพรหม พวกเทวบตุ รเทวดาไปแล้วนนั่ ท�ำให้
มันสูงมันก็สูงได้ ท�ำให้มันต�่ำมันก็ต่�ำได้ สูงๆ ต่�ำๆ สมมุติเฉยๆ
ถา้ ทำ� แล้วมันกไ็ ม่มสี ูงไม่มีต�ำ่ มนั ราบร่ืนไปหมดเป็นหน้ากลองชยั
เรยี บรอ้ ยไปหมด
เอาสมมุติมาพูดให้ฟัง เพื่อจะได้เข้าใจน�ำไปประพฤติปฏิบัติ
สอนจติ สอนใจของตัวให้มันแก่มันกลา้ มนั สามารถอาจหาญ ใหม้ นั
รู้แจ้งแทงตลอดมันถึงจะไม่เวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่
52
อีกต่อไป จะได้เลิกภพเลิกชาติ ถ้าต้องการมาเกิดก็ไม่ว่าอะไร
เอาอย่างเก่าน่ีแหละ เอาเน้ือหนังมังสาจากท้องมารดานี่แหละ
มาเปน็ เนอื้ หนงั นมี่ าเฒา่ มาแกช่ ราครำ�่ ครา่ เกดิ มาทแี รกกเ็ ปน็ เดก็
เป็นหนุ่ม เป็นกลางคนแล้วก็แก่ชรา เฒ่าชะแรแก่ชราโยนขาเข้า
กองฟืนเข้ากองไฟเท่านั้นแหละ มันแก่ไปแก่มาเข้ากองไฟพอดี
ถ้าไม่แก่เข้ากองไฟก็แก่ลงหลุม ขุดหลุมดีๆ เสียแล้วก็โยนลง
หลุมน่ันแหละ ถ้าไม่โยนลงหลุมมันจะเหม็น เอาดินถมให้ดี
มนั เหมน็ ทสี่ ดุ มนษุ ยม์ นานน่ี ะ ไมว่ า่ มนษุ ยม์ นาสตั วเ์ ดรจั ฉานในนำ้�
บนบกลว้ นแตข่ องเหมน็ ทง้ั นนั้ นะ่ ถา้ มนั ตายมนั เปอ่ื ยมนั เนา่ เหมน็
ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ ง ไมว่ า่ สตั วน์ อ้ ยสตั วใ์ หญ่ ในนำ้� บนบก เปน็ ของเหมน็
ทั้งน้ันน่ะ ถ้าเอาแป้งมาทาเอาน�้ำมันมาทาคงจะหอมหน่อย ใคร
ถูกกล่ินที่ไหนก็สืบหาแล้วทีน้ี หอมอะไร หอมอะไร ถ้าเหม็น
กเ็ หม็นอะไร เหมน็ อะไร โอย๊ มนั ยงุ่ ไปหมด
ควรสร้างสมอบรมบ่มนิสัยบารมีให้มันแก่มันกล้าสามารถ
อาจหาญ เม่ือเรามาเกิดอีกภพใหม่ชาติใหม่ได้ฟังธรรมนิดหน่อย
มันก็ทะลุปรุโปร่งไปได้ ถ้ามันยังอ่อนอยู่ก็ไม่สามารถอาจหาญ
มนั กย็ งั ขอ้ งยงั คาอยอู่ ยา่ งนเ้ี พราะมนั หลง ถา้ มนั รมู้ นั กส็ วา่ ง เหมอื น
เราหลงทางนั่นแหละ เข้าดงใหญ่ดงป่าใหญ่ เราหลงถนนหนทาง
แต่ปา่ ไมห่ ลง ดนั อย่อู ย่างนนั้ ล่ะ ไม่รูท้ างออกทางเขา้ ทไี่ หน ปนี ไป
อยู่อย่างนั้นวันยังค่�ำคืนยันรุ่ง ถ้าไม่หลงก็ไม่ไปท่ีมันรกรุงรัง
ไปตามถนนหนทางมันก็ถึงเร็ว ถึงบ้านถึงช่องถึงจังหวัดถึงต�ำบล
เพราะความหลงงมงาย โมหะอวิชชามันครอบง�ำหัวใจ ใจเป็น
53
กรรมดี กรรมชวั่ กรรมผดิ กรรมถูก
มนั มหี ลายกรรม กำ� ไม่วางก็มี กำ� อยนู่ ่ันแหละ
เดย๋ี วก็ขาดคามอื นม่ี นั ขาดคาใจ
เพราะใจไปมัดไปรดั ไปตรงึ รงึ ไว้
แต่หลงถึงได้มาเกิด ส่วนธาตุส่วนขันธ์ของบิดามารดา จิตเข้ามา
ปฏิสนธิ ก็เลยสว่ นธาตขุ ันธม์ นั กแ็ ตกสาขาออก แขนสอง ขาสอง
หสู อง ตาสอง จมูกสอง หัวหนง่ึ กาย อาการ ๓๒ นี่นะ่ เฮาไดม้ า
จากบิดามารดาแล้ว พาบิดามารดาไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ
ต้ังใจช�ำระสะสางอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลเหล่านี้ถึงคุณบิดา มารดา
ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ท่านไม่ต้องการ
เราเปน็ ปฏบิ ตั บิ ชู า บชู าใหเ้ ปน็ สริ มิ งคลแกเ่ ราเองนแ่ี หละ แลว้ แผใ่ ห้
สัตว์เล็กสัตว์น้อยในน�้ำบนบก เจ้ากรรมนายเวรทุกส่ิงทุกอย่าง
ไม่ใหเ้ ขาได้ถามหาหนสี้ นิ อะไร บางทเี ราได้พลาดพลง้ั ไป หลงลมื
ไปฆา่ สตั วต์ ดั ชวี ติ ในนำ้� บนบก เขาจะจองกรรมจองเวรเรา เราเอาบญุ
แผ่ไปให้เขาได้รับส่วนบุญส่วนกุศล เขาจะได้ไปเกิดดีถึงสุขเป็น
มนษุ ย์มนาปฏบิ ตั ิศลี ธรรม หนีจากวฏั สงสารความเกิดแก่เจบ็ ตาย
นม่ี นั พ้นไป ข้ามทะเลวน อยา่ วนมากเกินไป เรง่ ใหม้ นั ถึงฝงั่
โอกแอง่ แกง่ กนั ดารมนั ขา้ มไดย้ ากทสี่ ดุ นอ้ ยคนทสี่ ดุ จะขา้ มได้
ข้ามมหาสมุทรทะเลชาตชิ ราพยาธมิ รณะ เปน็ โอกแกง่ แก่งกันดาร
ไม่มีสติไม่มีปัญญาจริงๆ มันข้ามไม่ได้ มันคาวนอยู่น่ันน่ะ วนไป
54
วนมา ตกน้�ำไหลวนเดี๋ยวก็จมลงในพื้น พื้นน�้ำอะไรก็ช่าง
นำ้� มหาสมทุ ร นำ�้ ชี นำ้� มลู นำ้� โขงกด็ ี ถา้ ไปตกนำ�้ วนกจ็ มลงไปนนู้ นะ่
เปน็ เหยอ่ื ของจระเขป้ ปู ลาอะไร เพราะความวนความเวยี น เวยี นไป
เวียนมา ต�่ำๆ สูงๆ ลุ่มๆ ดอนๆ เพราะความหลง
เรามาเป็นมนุษย์สมควรแล้วที่จะปฏิบัติให้มันมีมันเป็นมันไป
มนั รมู้ นั ฉลาดเฉลยี ว จะไปเอาเวลาไหนอกี มนั สมควรแลว้ ทมี่ นษุ ย์
จะท�ำได้ นอกจากมนุษย์ท�ำไม่ได้หรอก สัตว์เดรัจฉานก็ท�ำไม่ได้
พระพุทธเจ้าไม่ได้มอบศาสนาให้พวกเหล่าน้ัน ไม่ได้มอบให้ช้าง
ม้าววั ควายอะไร มอบใหม้ นุษยม์ นานลี่ ่ะ ภิกษุ ภิกษณุ ี แต่กอ่ นมี
ภกิ ษุณี อุบาสก อุบาสกิ า สามเณร สามเณรี ใหร้ ักษาพระศาสนา
จะได้เดินตามรอยพระพุทธเจ้า จะได้ถึงจุดหมายปลายทางอย่าง
พระองค์ ถึงได้วางศาสนาไว้ก็เพราะความเมตตา “อัปปมาโณ
พุทโธ อัปปมาโณ ธัมโม อัปปมาโณ สังโฆ” คุณพระพุทธเจ้า
หาประมาณไมไ่ ด้ คณุ พระธรรมหาประมาณไมไ่ ด้ คณุ พระอรยิ สงฆ์
หาประมาณไม่ได้ เมตตาแก่สัตว์โลก แต่ว่าสัตว์โลกไม่เมตตา
แกต่ นเอง ไมร่ บั เอาความเมตตาของพระพทุ ธเจา้ มาสงั่ สอนจติ สอน
ใจตัว ปล่อยให้เป็นอยู่อย่างน้ันตามยถากรรม “กัมมุนา วัตตตี
โลโก” สตั วโ์ ลกย่อมเปน็ ไปตามกรรม กรรมดี กรรมชัว่ กรรมผดิ
กรรมถูก มันมีหลายกรรม ก�ำไม่วางก็มี ก�ำอยู่น่ันแหละ เด๋ียวก็
ขาดคามอื นีม่ ันขาดคาใจ เพราะใจไปมดั ไปรัดไปตรึงรงึ ไว้ ไม่ปลด
ไม่ปล่อย ไม่เปล้ืองออก นึกว่าเป็นของดีเลยก�ำอยู่อย่างน้ัน
ผลสุดทา้ ยก็ก�ำของชัว่ ชา้ ลามก
55
คนดีมันต้องสร้างแต่กรรมดี กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
กายกรรมก็เป็นกรรมดี วจีกรรมก็เป็นวาจาที่ดี มโนกรรมคือใจก็
เปน็ กรรมทด่ี ี มนั ถงึ จะไปจดุ หมายปลายทางได้ ใหม้ นั สะอาดสะอา้ น
เราไม่ช�ำระไม่สะสางไม่ท�ำให้มันเกิดมันมี ใครเขาจะมาท�ำให้ล่ะ
เราเองไมร่ ู้จกั ท�ำเอาเอง กใ็ จใครใจมนั กายใครกายมัน ลูก พอ่ แม่
มนั ทำ� ให้กนั ไม่ได้ ตัวของใครของมนั ถ้าอย่างน้นั ถา้ พระพทุ ธเจ้า
ตรสั รอู้ งคเ์ ดยี วเรากพ็ น้ ไปแลว้ ถา้ ทำ� ใหก้ นั ได้ แตม่ นั ทำ� ใหก้ นั ไมไ่ ด้
ลกู พอ่ แมเ่ ดยี วกนั ออกจากทเี่ ดยี วกนั กท็ ำ� ไมไ่ ด้ แลว้ แตจ่ ติ ใจของใคร
ของมัน สะสมสรา้ งให้มันเกดิ มนั มี เช่อื บญุ เชื่อบาป เชอื่ ว่าสวรรค์
นรกมี บาปมีบุญมี สวรรค์มี นิพพานมี พรหมโลกมี ท�ำดีได้ดี
ท�ำช่วั ไดช้ ่วั
อย่าเอาภาษิตของคอมมิวนิสต์มาใช้ “ท�ำดีได้ดีมีท่ีไหน
ทำ� ชวั่ ไดด้ มี ถี มไป”อยา่ งนม้ี นั ใชไ้ มไ่ ด้มจิ ฉาทฏิ ฐคิ วามเหน็ ผดิ
ตกนรกไมร่ จู้ กั กปั จกั กลั ปม์ นั ถงึ จะไดข้ น้ึ พยายามสรา้ งใหเ้ กดิ
ใหม้ ี บม่ นสิ ยั ของเราใหม้ นั แกม่ นั กลา้ ทำ� ไปๆ มนั กไ็ มอ่ อ่ นนะ
ทวคี ณู ขน้ึ ๆ จะตง้ั หลกั ตง้ั ตวั ได้ ไมห่ วน่ั ไหวไปในทกุ สงิ่ ตา่ งๆ
ถา้ จติ ใจของคนใดไมห่ วน่ั ไหวในโลกธรรม สขุ กด็ ี ทกุ ขก์ ด็ ี สรรเสรญิ
กด็ ี นนิ ทากด็ ี มลี าภเสอ่ื มลาภ มยี ศเสอ่ื มยศ สขุ ทกุ ขเ์ หลา่ น้ี โลกธรรม
ถกู ต้อง “ผุฏฐัสสะ โลกธัมเมหิ จิตตงั ยสั สะ นะ กัมปติ อโสกงั
วรี ชงั เขมงั เอตัมมังคลมุตตมัง” พระองคว์ า่ เปน็ มงคลอดุ มเลิศ
เราชอบอปั มงคลหรอื ชอบสริ มิ งคล กส็ รา้ งเอาใหม้ นั เกดิ มนั มตี งั้ แตย่ งั
มชี วี ติ อยู่ ตายจะไปสรา้ ง มนั สรา้ งไมไ่ ดห้ รอก มนั กไ็ ปตามยถากรรม
56
ตนนแี่ ลเป็นท่พี ่งึ ของตน ไมต่ อ้ งไปพึ่งใคร
พง่ึ จิตพึ่งใจ
พง่ึ คุณงามความดภี ายในดวงจติ ดวงใจตน
จะไปพง่ึ ใครอกี
คนอืน่ กจ็ ะเกดิ แกเ่ จ็บตายเหมือนกัน
นนั่ น่ะ มันมีอยู่ เราสรา้ งกรรมดี กรรมดีกเ็ กิดขึ้น เราสรา้ งกรรมช่ัว
กรรมช่ัวก็เกิดข้ึน กรรมช่ัวท�ำเราทุกข์ทรมานแสนสาหัส ท้ังร้อน
กระวนกระวาย กระเสือกกระสน ไม่อยู่เย็นเป็นสุข เหมือนบ้าน
เหมือนชอ่ งเขาเดอื ดรอ้ นทัง้ นอกท้งั ใน ใจก็ร้อน กายก็ร้อน แม้แต่
ปูแต่ปลายังรู้ว่าวังโน้นเย็นวังน้ีเย็น มีโขดมีขอนมีตมมีท่ีอาศัย
ถา้ วงั รอ้ นๆ มนั ไมเ่ ขา้ ไปอยู่ มนั กว็ งิ่ หนี สตั วเ์ ดรจั ฉานยงั รรู้ อ้ นรเู้ ยน็
เรามนษุ ยม์ นาทำ� ไมจะไมร่ ลู้ ะ่ ความไมร่ นู้ แ่ี หละมนั สำ� คญั แลว้ กไ็ มร่ ู้
ทงั้ ไม่รู้ทง้ั ไม่เช่ืออีกว่าบญุ มี บาปมี สวรรคม์ ี นรกมี ก็ไม่มีเชอื่ อีก
สขุ มี ทกุ ขม์ ี กย็ งั ไมเ่ ชอ่ื มนั เกดิ ใหเ้ หน็ กย็ งั ไมด่ ู คนอยใู่ นเรอื นจำ� นน่ั
มแี ตค่ นชว่ั ชา้ ลามก เขาถกู ทรมานนน่ั นะ่ เตม็ เรอื นจำ� ถกู เขายงิ เปา้
ยิงอะไร มันก็ล้วนแต่ท�ำความช่ัวช้าลามกทั้งนั้นล่ะ ถ้าท�ำความดี
ใครจะไปทำ� ละ่ เขาก็กลวั บาปเหมอื นกัน ถา้ เขาจะทำ� มนั ก็ดเู หตุ
ดผู ลซะกอ่ น ทำ� อะไรลงไป ทำ� อะไรกด็ เู หตดุ ผู ลดตู น้ ดปู ลาย รดู้ รี ชู้ วั่
รู้ผิดรู้ถูก รีบสร้างให้มันเกิดมันมีได้แล้ว บุญเหล่าน้ีน่ะจะเป็น
57
ผู้อุปถัมภ์บ�ำรุงค�้ำจุนอุดหนุนไปในทางที่ดี ไปโลกน้ีก็ดี โลกหน้า
ก็ดี โลกไหนก็ดี ให้หมดโลกสงสาร ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดก็ดี
ถ้าสรา้ งไม่ไดบ้ ารมียงั ออ่ น มันเร่อื งจำ� เป็นบังคับไมไ่ ด้ มันกม็ อี ่อน
มีแก่ เหมอื นกบั ใบไม้มีออ่ นมแี ก่
บวั ๔ เหลา่ เหลา่ หนึง่ -มนั อย่ใู นโคลนตมโน้น เป็นเหยื่อเต่า
เหยอ่ื ปลาอยู่ เหลา่ ที่สอง-มนั ขึน้ อยู่ในเหง้า เหล่าทสี่ าม-มาครึ่งนำ�้
ยังไม่พ้น เหล่าท่ีสี่-มันพ้นน�้ำแล้ว พอต้องแสงพระอาทิตย์ก็
แย้มบานขึ้นมา น่าสวย น่าทัศนาจร ถ้าเป็นดอกบัวก็มีสีมีสัน
นา่ ทศั นาจร จติ ใจของเราเหมอื นกนั ถา้ พน้ จากสง่ิ เหลา่ นม้ี นั กบ็ อก
ไมถ่ กู เปน็ “ปจั จตั ตงั ” ทำ� เอา จติ ใจของใครของมนั วญิ ญชู นจะรไู้ ด้
อยา่ งนี้ รบี ทำ� ใหม้ นั เกดิ มนั มี อยา่ ผดั วนั ประกนั พรงุ่ เดยี๋ วความตาย
จะมาถึง จะเสียใจตามภายหลัง ความช่ัวอย่าท�ำเสียเลยดีกว่า
ความดที �ำแล้วดี ความช่ัวทำ� แลว้ ยอ่ มเดือดรอ้ นตามมาภายหลัง
รบี สรา้ งความดี รบี ขดั รบี เกลา รบี พยายามอบรมบม่ นสิ ยั
ให้มันเกิดมันมี ให้มันรู้มันเห็นมันเป็นมันไป เราไม่ท�ำแต่
เดี๋ยวน้ีจะไปท�ำเวลาไหน ท�ำเวลาเรายังมีลมหายใจเข้าออก
ถา้ เราหมดลม เขาจะไปเอาอะไรยดั เขา้ ปากกก็ นิ ไมไ่ ด้ เอานำ�้
ไปให้กินก็กินไม่ได้ เอาภาชนะทองค�ำมาใส่ในท้องให้กิน
กก็ นิ ไมไ่ ด้ มแี ตค่ นอนื่ มาเขย่ี นะ่ ตอนเผาไฟ เรามชี วี ติ อยกู่ ร็ บี
ทำ� ใหม้ นั เกดิ มนั มี อยา่ ไปผลดั วนั นนั้ วนั นป้ี นี นั้ มนั จะขาดทนุ
สูญดอกนะ มรดกตกทอดจากบดิ ามารดา ปันให้พอแรงแลว้
58
อาการ ๓๒ จะสร้างคุณงามความดกี ็ได้ ความชัว่ ก็ได้ ฆ่าสัตว์
ตัดชีวิตก็ได้ รีบสร้างให้มันเกิดมันมี ให้เป็น “อัตตา หิ อัตตโน
นาโถ” ตนน่ีแลเป็นท่ีพ่ึงของตน ไม่ต้องไปพึ่งใคร พึ่งจิตพ่ึงใจ
พึ่งคุณงามความดภี ายในดวงจติ ดวงใจตน จะไปพึ่งใครอีก คนอืน่
กจ็ ะเกดิ แกเ่ จบ็ ตายเหมอื นกนั พง่ึ ไมไ่ ด้ ตอ้ งพงึ่ การกระทำ� บำ� เพญ็
ของตัวภายในดวงจิตดวงใจ ใครก็มีจิตมีใจอยู่ มีทั้งกายทั้งวาจา
ทงั้ ใจ ใจนะ่ เปน็ ผรู้ ู้ ผรู้ กู้ เ็ รอื่ งของใจ ถา้ ยงั เปน็ จติ อวชิ ชาอยู่ มนั เปน็
ปจั จยั มสี งั ขาร มีวิญญาณ มีนาม มรี ูป มีผัสสะ
“โสกปริเทวทุกขโทมนัสฯ” พยาธิ ความสะอ้ืนอาลัย
โศกเศร้าโศกาอาดูร พลดั พรากจากกันไปของรักของเจริญใจ ก็มี
การร้องไห้ มีความโศกเศร้าโศกาอาดูรคับแค้นแน่นใจ ก็เร่ือง
ของใจน่ีล่ะ ถ้าแก้ใจได้ก็ถือเป็นธรรมดา ถือเป็นกรรมของสัตว์
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม มันเป็นไปตามกรรมดีกรรมช่ัว
ถ้าเราไมส่ รา้ งไว้ มนั ไม่มีทพ่ี ่ึงพาอาศัย หมดท่พี ่ึง เวลาลมจะหมด
กระเสือกกระสน กระวนกระวาย อย่างนั้นมันต้องไปนรกแน่
ไปอบายภูมิแน่ เป็นเปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน นรก ตกไป
อบายภูมโิ นน้
59
...พูดมากกม็ ากไป
พูดน้อยก็น้อยไป
ไปท�ำวัตรทำ� วาไป...
60