The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2021-10-27 04:18:21

หนังสือ ทุกข์ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่เกิด

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

จึงต้องมีคนฉลาดอย่างพระพุทธเจ้ามาค้นพบความจริงอันน้ี
แลว้ มาสอนมาบอกใหพ้ วกเราเลกิ หาความสขุ แบบนกี้ นั แลว้ ใหเ้ รา
เปล่ยี นวธิ หี าความสขุ อกี แบบหนงึ่ ความสขุ ท่จี ะทำ� ใหเ้ ราไม่ต้อง
กลับมาเกดิ ไม่ต้องกลับมาหาความสขุ แบบทีเ่ ปน็ อนิจจัง ทุกขงั
อนัตตา เพราะพระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบความสุขแบบท่ีเป็น
นิจจัง สุขัง อัตตา จากการที่ได้สละราชสมบัติแล้วออกบวช
จนในที่สุดก็ได้ทรงค้นพบความสุขอีกแบบหน่ึง ความสุขที่เป็น
นิจจงั สุขงั อตั ตา

49พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต 

แตก่ อ่ นทจี่ ะไดพ้ บกบั ความสขุ อนั นี้ ในเบอื้ งตน้ ก็ไดพ้ บกบั ความสขุ
ที่ยังเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่ คือไม่มีใครรู้วิธีที่จะเข้าถึง
ความสขุ แบบสขุ งั แบบนจิ จงั สขุ งั อตั ตา ถงึ แมว้ า่ จะเปน็ ความสขุ
แบบทไ่ี มต่ อ้ งใชร้ า่ งกาย คอื ความสขุ จากการทำ� ใจใหส้ งบดว้ ยการ
เข้าสมาธิเข้าฌาน ความสุขแบบสมาธิแบบเข้าฌานน้ี ก็ยังเป็น
ความสุขช่วั คราวอยู่ เพราะไมส่ ามารถที่จะอยู่ในฌานไปไดต้ ลอด
ไมส่ ามารถอยใู่ นสมาธไิ ปไดต้ ลอด เพราะมรี า่ งกายทจ่ี ะคอยดงึ ให้
จิตออกจากฌานออกจากสมาธิเพือ่ ทีจ่ ะมาดแู ลร่างกาย รา่ งกาย
ตอ้ งการดแู ล ตอ้ งใหน้ ำ้� ให้อาหาร ตอ้ งมกี ารชำ� ระท�ำความสะอาด
ก็จ�ำเป็นที่จะตอ้ งออกจากสมาธิ ออกมาจากฌานเปน็ พักๆ เป็น
ชว่ งๆ เพอื่ มาดแู ลรา่ งกาย พอออกจากสมาธมิ า ความสขุ ทไี่ ดจ้ าก
สมาธกิ ห็ ายไป ความทกุ ขท์ ไ่ี มไ่ ดอ้ ยใู่ นสมาธกิ เ็ กดิ ขน้ึ มา ไมม่ ใี ครรู้
วธิ ที จ่ี ะทำ� ให้ใจสงบมคี วามสขุ ทงั้ ในขณะทอ่ี ยใู่ นสมาธิ และหลงั จาก
ท่อี อกจากสมาธมิ าแล้ว

พระพุทธเจ้าพยายามไปเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ต่างๆ ก็ไม่มี
ใครรู้ รู้เพียงแต่วิธีท�ำใจให้มีความสุขในขณะเข้าสมาธิ เข้าฌาน
เทา่ นนั้ พอเวลาออกจากสมาธิ ออกจากฌาน ความสขุ นน้ั กห็ ายไป
ชั่วคราว ความไม่สบายใจก็กลับเข้ามาได้ พระองค์ก็เลยต้องไป
ศึกษาค้นคว้าหาด้วยตนเอง จนในท่ีสุดก็ได้ทรงค้นพบวิธีที่จะ
ท�ำให้ความสงบท่ีได้จากสมาธิคงอยู่ต่อไป หลังจากท่ีออกจาก
สมาธิมา

50  ทกุ ข์ย่อมไมม่ แี กผ่ ูไ้ มเ่ กดิ

พระองคท์ รงคน้ พบวา่ อะไรเปน็ ตวั ทมี่ าทำ� ลายความ
สงบของสมาธิ เวลาทอ่ี อกจากสมาธมิ า ตวั ทท่ี ำ� ลาย
กค็ อื ความอยากตา่ งๆ นเ่ี อง ความอยากเสพรปู เสยี ง
กลิ่นรสโผฏฐัพพะ ความอยากได้ลาภยศสรรเสริญ
ความอยากไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย เป็นตัวที่มาท�ำให้
ความสงบของสมาธิหายไป และทรงค้นพบวิธีที่จะ
ท�ำลายความอยากเหล่าน้ี ด้วยการเห็นไตรลักษณ์
น่เี อง เหน็ วา่ ส่งิ ทคี่ วามอยากอยากได้ เชน่ รปู เสยี ง
กลิ่นรสโผฏฐัพพะ หรือลาภยศสรรเสริญ หรือ
รา่ งกายทไ่ี มม่ วี นั แกไ่ มม่ วี นั เจบ็ ไมม่ วี นั ตายนี้ เปน็ สง่ิ
ทเี่ ป็นไปไมไ่ ด้ เป็นสิ่งที่เป็นอนจิ จงั ทุกขัง อนัตตา
สิ่งต่างๆ ที่ความอยากอยากได้ ไม่ได้เป็นความสุข
ที่แท้จริงที่ถาวร เป็นความสุขช่ัวคราว ได้มาแล้ว
เดยี๋ วกต็ อ้ งหมดไป พอหมดไป ความทกุ ขก์ จ็ ะเขา้ มา
แทนท่ที ันที ถ้าเหน็ ไตรลกั ษณ์ในสง่ิ ที่อยากได้ กจ็ ะ
ท�ำให้ไม่อยากได้ขึ้นมา เพราะไม่มีใครอยากได้
ความทุกข์ ถ้าเห็นว่าสิ่งท่ีอยากได้จะต้องกลายเป็น
ความทกุ ข์ ก็ไม่เอาดกี วา่

51พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต 

นี่คือความจริงที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบ
จึงสามารถท�ำให้จิตสงบได้ หลังจากที่ออกจาก
สมาธมิ า พอเกดิ ความอยาก กท็ รงใชป้ ญั ญาสอนจติ
ทันทีว่า สิ่งทอ่ี ยากมนั เป็นอนิจจงั ทกุ ขัง อนัตตา
พอรู้ว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ไม่เอาดีกว่า
เปล่ยี นใจไม่อยากดกี ว่า อยากแล้วทุกข์ ไดม้ าแล้ว
ทกุ ข์ อยากไปทำ� ไม กเ็ ลยสามารถระงบั ความอยาก
ทมี่ าท�ำลายความสงบได้

พอความอยากทจ่ี ะมาทำ� ลายความสงบถกู กำ� จดั ไป
ความสงบก็อยู่ต่อไป ก็เลยได้ความสุขแบบถาวร
ไดค้ วามสงบแบบถาวร ความสงบที่เป็นนิจจงั สุขัง
อตั ตา เปน็ ความสขุ ทเ่ี ปน็ ความสขุ ทถี่ าวร เปน็ ความ
สุขตลอดเวลา เป็นความสุขของเรา ไม่มีใครจะ
สามารถมาพลัดพรากความสุขอันน้ีจากเราไปได้
อกี ต่อไป

52  ทกุ ขย์ อ่ มไม่มแี ก่ผไู้ ม่เกิด

หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าก็ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไป เพราะมี
ความสุขที่ดีกว่าความสุขที่ได้จากในโลกนี้แล้ว จะกลับมาหามัน
ท�ำไม ความสุขในโลกนี้นอกจากมันสู้ความสุขในใจไม่ได้แล้ว
มนั ยงั เปน็ ความทกุ ขอ์ กี ดว้ ย เพราะมนั ไมเ่ ทยี่ งนน่ั เอง ถา้ กลบั มา
หาความสุขจากลาภยศสรรเสริญ จากรปู เสียงกลน่ิ รสโผฏฐพั พะ
ตา่ งๆ เดยี๋ วใจกต็ อ้ งเจอกบั ความทกุ ข์ คอื ตอ้ งมาเจอกบั ความทกุ ข์
ของร่างกาย เพราะร่างกายกต็ ้องแก่ ต้องเจบ็ ต้องตาย การจะหา
ลาภยศสรรเสรญิ หารปู เสยี งกลน่ิ รสโผฏฐพั พะตา่ งๆ กต็ อ้ งมาเกดิ
มามรี า่ งกาย แล้วพอร่างกายแก่ รา่ งกายเจบ็ ร่างกายตาย ก็ตอ้ ง
มาทุกข์กับร่างกายอกี

ดังนัน้ การมาเกดิ จงึ เปน็ การกลับมาหาความทุกข์ ถงึ แม้วา่ จะได้
ความสขุ กเ็ ปน็ ความสขุ แบบชวั่ คราว ความสขุ แบบควนั ไฟ ความสขุ
ที่ไมจ่ รี งั ถาวร ความสขุ ท่จี ะกลายเป็นความทกุ ข์ตอ่ ไป จึงไมค่ วร
ท่จี ะกลบั มาเกดิ กนั และการจะไมก่ ลบั มาเกดิ ไดก้ เ็ พราะวา่ ได้พบ
กบั ความสขุ ทแ่ี ทจ้ รงิ ความสขุ ทถี่ าวร ความสุขทเ่ี ป็นนจิ จงั สขุ ัง
อัตตา คือความสุขท่เี กดิ จากการเจริญสตแิ ละเจรญิ ปญั ญา

53พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต 

ขนั้ ท่ี ๑ เจรญิ ความสขุ ดว้ ยสติ ทำ� ใจใหส้ งบ ใหเ้ ขา้ ฌานใหเ้ ขา้
สมาธไิ ด้ เราก็จะได้สมั ผสั กบั ความสุขทเ่ี กิดจากความสงบ
ทเ่ี ปน็ ความสขุ ทเ่ี หนอื กวา่ ความสขุ ทง้ั ปวง เพยี งแตว่ า่ มนั ยงั
เปน็ ความสขุ แบบชว่ั คราวอยู่ พอออกจากสมาธมิ า ถา้ ไมม่ ี
ปญั ญามาคอยรักษาคมุ้ ครอง ปัญญานเ้ี ปน็ เหมอื น รปภ.
เวลาคนใหญค่ นโตไปไหนนตี้ อ้ งมี รปภ. เพราะมคี นชอบมา
คอยทำ� รา้ ยคนใหญค่ นโต คนรำ�่ คนรวย คนรวยเขากอ็ ยาก
จะจบั ลกั ตวั เอาไปเรยี กคา่ ไถ่ ก็จำ� เป็นท่จี ะตอ้ งมี รปภ.

54  ทกุ ขย์ ่อมไม่มแี ก่ผ้ไู มเ่ กิด

จิตใจท่ีสงบก็เป็นของมีค่าท่ีกิเลสตัณหาชอบอยากจะมา
ท�ำลายมาก�ำจัด จิตที่สงบน้ีจึงต้องมี รปภ. มีผู้รักษา
ความปลอดภัยคือปัญญา ปัญญาคือการเห็นไตรลักษณ์
เหน็ อนจิ จัง ทกุ ขงั อนัตตา ในส่ิงต่างๆ ที่กิเลสตณั หาจะ
มาหลอกให้ไปอยากได้ พออยากได้ลาภยศสรรเสริญ
อยากได้รูปเสียงกล่ินรสโผฏฐัพพะ ซึ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง
อนตั ตา พอไดร้ บั การรายงานปบ๊ั กห็ ลบเลย อยา่ ไปหากเิ ลส
กเิ ลสจะมาพบ อยา่ ใหพ้ บ ความอยากมาหา อย่าตอ้ นรับ
ถา้ รบั แลว้ เดยี๋ วเขาจะหลอกไป หลอกให้ไปทกุ ข์ นคี่ อื หนา้ ท่ี
ของปัญญา หลังจากทไ่ี ดส้ มาธิแล้ว

55พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต 

ถ้าอยากจะเปล่ียนสมาธิที่เป็นความสงบแบบชั่วครั้ง
ช่ัวคราวให้เป็นความสงบอย่างถาวร หลังจากท่ีออกจาก
สมาธมิ า กต็ อ้ งใช้ปญั ญาเปน็ ผู้รกั ษา เปน็ ผู้ป้องกนั พอมี
กิเลสมา มีความอยากเกิดข้ึนปั๊บ ปัญญาต้องมาทันทีว่า
อยากไปทำ� ไม จ�ำเปน็ หรอื ไม่ ถา้ จ�ำเป็นไม่ถือว่าเป็นความ
อยาก เช่น ถา้ หวิ น้�ำ ไมม่ นี �ำ้ ด่มื ดื่มน�้ำได้ น�้ำนี้จ�ำเป็นตอ่
รา่ งกาย แตถ่ า้ หวิ กาแฟนจี้ ำ� เปน็ หรอื ไม่ กาแฟนไี้ มจ่ ำ� เปน็ กบั
รา่ งกาย รา่ งกายมหี รอื ไมม่ กี าแฟไมเ่ ดอื ดรอ้ น แตร่ า่ งกาย
ตอ้ งมนี ำ�้ ถา้ หวิ นำ�้ กด็ ม่ื นำ�้ อยา่ มาอา้ งวา่ หวิ นำ้� แลว้ ตอ้ งดมื่
น้ำ� กาแฟ อนั นม้ี นั ด่มื ๒ อยา่ ง ด่มื นำ้� ดว้ ย ดืม่ กาแฟด้วย
นำ�้ กาแฟ นำ�้ เปลา่ ผสมกาแฟ ทำ� ไมตอ้ งผสมกาแฟดว้ ย เพราะ
มนั มรี ส มรี ปู เสยี งกลนิ่ รสโผฏฐพั พะ ทน่ี า่ ตดิ อกตดิ ใจนน่ั เอง
พอมนั ตดิ อกตดิ ใจแลว้ มนั กต็ ดิ เหมอื นยาเสพตดิ พอเวลา
ท่ีไม่ได้เสพมัน มันก็หงุดหงิดร�ำคาญใจ แต่ถ้าเราเลิก
เสพมัน เราก็จะไม่รู้สึกหงุดหงิดร�ำคาญใจเวลาท่ีเราไม่มี
กาแฟใหด้ ม่ื ดมื่ นำ�้ เปลา่ ไดส้ บาย พอรา่ งกายหวิ นำ้� กด็ มื่ นำ�้
น่คี อื ปญั ญา

56  ทุกขย์ อ่ มไมม่ แี กผ่ ู้ไม่เกิด

เวลาท่ีเกิดความอยากนี้ ปัญญาต้องแยกแยะก่อนว่า
เป็นความอยากทจ่ี �ำเปน็ หรอื ไมจ่ ำ� เปน็ ถ้าเป็นความอยาก
ทีจ่ ำ� เปน็ น้ี ไม่ถือว่าเปน็ ความอยาก ถอื ว่าเปน็ ความจ�ำเปน็
เช่น ลมหายใจนี้ ถ้าไม่หายใจแล้วตาย อันนี้จ�ำเป็นต้อง
หายใจ หวิ นำ้� กต็ อ้ งดมื่ นำ้� จำ� เปน็ แตจ่ ำ� เปน็ จะตอ้ งเปน็ นำ�้ ชา
กาแฟ น�้ำเป๊บซี่ น�้ำเบียร์น้�ำเหล้าหรือเปล่า ไม่จ�ำเป็น
เด็กมนั ไม่ด่ืมน้ำ� เบียรน์ �้ำเหล้า มนั ก็อยไู่ ด้ใชไ่ หม ตอนเป็น
เด็กๆ มีใครเอาน้�ำเบียร์น้�ำเหล้ามาให้พวกเราด่ืมกัน
หรือเปล่า ก็ไม่มี มีแต่น้�ำนม น้�ำนมนี้จ�ำเป็นเพราะเป็น
อาหาร ตอนทยี่ งั เค้ียวไม่ได้ไม่มฟี ันกต็ อ้ งกินอาหารเหลว
ดม่ื อาหารเหลวกอ่ น ดม่ื นำ้� นมไปกอ่ น อนั นจี้ ำ� เปน็ ถา้ จำ� เปน็
นดี้ ่มื ได้เมอื่ ถงึ เวลา ถา้ ยงั ไมถ่ งึ เวลาก็ไมค่ วรจะด่ืม ไมค่ วร
รับประทาน ย่ิงถ้าเป็นอาหาร เป็นของขบเค้ียวนมเนย
ถ้ายังไม่ถึงเวลากินก็ห้ามกิน ถ้ากินนอกเวลาก็ถือว่าเป็น
ความอยาก

57พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต 

ถา้ เรากำ� หนดวา่ รา่ งกายนกี้ นิ มอื้ เดยี วกพ็ อ พระพทุ ธเจา้
พระอรหนั ตท์ กุ รปู นี้ ทา่ นฉนั มอื้ เดยี วทา่ นกอ็ ยไู่ ด้ พอถงึ
เวลารับประทานอาหารก็เอาเลย เต็มที่เลย อยากจะ
กินอะไร กินเสร็จแล้วก็ไม่ให้กินอีกจนกว่าจะถึงเวลาที่
จะกนิ คอื วนั ตอ่ ไปกนิ วนั ละ๑ครง้ั ถา้ เปน็ เวลาอน่ื อยากกนิ
น้เี รยี กว่าเปน็ ความอยาก เป็นความอยากทจ่ี ะพาให้เรา
มาเวยี นวา่ ยตายเกดิ เปน็ ความอยากในรปู เสยี งกลนิ่ รส
โผฏฐพั พะของอาหาร

58  ทุกขย์ ่อมไมม่ แี ก่ผูไ้ ม่เกดิ

ถ้าเกิดมีปัญหาที่ยังก�ำจัดความอยากกินอาหาร
นอกเวลาไมไ่ ด้ ก็ตอ้ งใช้ปัญญามาสกดั ปัญญากต็ อ้ ง
มองความไมเ่ ทยี่ งของอาหาร อยา่ ไปมองเฉพาะตอนท่ี
มันอยู่ในจาน ดูตอนท่ีมันเปลี่ยนสภาพ ตอนที่มัน
เข้าไปในปาก ตอนท่ีมันเคี้ยวกับฟันผสมกับน�้ำลาย
หรือตอนที่มันเข้าไปอยู่ในท้องแล้วบางทีอาเจียน
ออกมา ดสู วิ า่ อยากจะกนิ มนั ไหม ถา้ อยากจะกนิ อาหาร
ใหน้ กึ ถงึ ภาพของอาหารทเ่ี วลาอาเจยี นออกมา แลว้ มนั
จะท�ำให้เราไม่อยากกิน น่ีคือวิธีสกัดความอยากที่จะ
มาดงึ ใจใหม้ าตดิ อยกู่ บั รปู เสยี งกลน่ิ รสโผฏฐพั พะของ
อาหาร แลว้ จะดงึ ให้ใจต้องกลับมาเกิดแกเ่ จบ็ ตายอยู่
เรื่อยๆ นนั่ เอง ตอ้ งใชป้ ัญญา ปัญญาน้ีกค็ อื อนิจจัง
ทกุ ขัง อนัตตา ดคู วามไมเ่ ทย่ี ง ดคู วามเปล่ียนแปลง
ของสิ่งท่ีน่าดูน่ากินกลายเป็นของที่ไม่น่าดูน่ากินไป
พอเหน็ ตอนทม่ี นั ไมน่ า่ ดนู า่ กนิ ตอ่ ใหเ้ อาเงนิ เปน็ รอ้ ย
เปน็ พันมาจา้ งใหก้ นิ ก็กนิ ไม่ลง

59พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต 

นเี่ หมอื นกนั ถา้ รกั ถา้ ชอบคนนน้ั คนน้ี กด็ อู นจิ จงั
ของร่างกายเขา ตอนท่ีเขาตายแล้วน้ี เขามา
จ้างให้ไปเป็นแฟนก็ไม่เอาเลยใช่ไหม ถ้าไม่มี
ลมหายใจแล้ว ต่อให้เอาเงินมาจ้างก่ีแสนก่ี
ล้านบาทวา่ ให้ไปอยู่รว่ มกันนก้ี ็ไม่เอาแล้ว ยกให้
สัปเหร่อไปเลยทันที ไม่มีใครอยากได้ร่างกายท่ี
ไมม่ ีลมหายใจเขา้ ออกแลว้

60  ทกุ ข์ย่อมไมม่ แี ก่ผู้ไมเ่ กดิ

นค่ี อื วธิ สี กดั ความอยากตา่ งๆ เราตอ้ งมองความไมเ่ ทย่ี งของสง่ิ ตา่ งๆ ที่
เราอยากได้ มันมีการเปลี่ยนแปลง มกี ารเส่ือมโทรม มกี ารสนิ้ สดุ ลง
พอเหน็ สภาพของความเสอ่ื มโทรมของความสนิ้ สดุ ของสง่ิ ทเี่ ราอยากได้
ไม่มีใครอยากได้ใชไ่ หม สนิ ค้าเกา่ นีม่ ีใครอยากได้ไหม สินคา้ ทเี่ ขาไป
ทง้ิ กองขยะแลว้ ไมม่ ใี ครอยากไปแยง่ กนั ซอ้ื แลว้ แตถ่ า้ เปน็ ของสนิ คา้ ใหม่
อยู่ในร้านนี้ เห็นแล้วอยากได้กัน อยากซ้ือกัน แต่ซ้ือมาใช้ไปสักพัก
เดี๋ยวมันก็เก่า เดี๋ยวมันก็เสีย พอเสียก็โยนท้ิงกองขยะกัน ทุกส่ิง
ทุกอยา่ งเป็นอยา่ งนี้ ในไม่ชา้ กเ็ รว็ ก็จะกลายเปน็ กองขยะไป ถา้ เราเห็น
ล่วงหนา้ กอ่ น มันก็จะท�ำให้เราสกดั ความอยากต่างๆ ได้

นค่ี อื ลกั ษณะของปญั ญา ทเี่ ราจะใช้ในการรกั ษาความสงบทไี่ ดจ้ ากสมาธิ
ทไี่ ดจ้ ากการเขา้ ฌาน พอออกจากสมาธิ ออกจากฌานมา ตอ้ งคอยจา้ ง
รปภ. ให้มาคอยคมุ้ ครองความสงบ เวลาเกดิ ความอยาก รปภ. จะเปน็
ผมู้ าจดั การทนั ที นคี่ อื ไตรลกั ษณ์ นค่ี อื อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา นคี่ อื อสภุ ะ
ไมส่ วยไม่งาม น่ีคอื ปฏิกลู ความสกปรก ความไมน่ า่ รบั ประทานของ
อาหาร เวลาเข้าไปในปากแล้วคายออกมาแล้ว จะเอากลับเข้าปากอีก
จะไม่อยากจะเอาเข้าเลย อย่าว่าแต่จะออกมาจากปากของคนอ่ืนเลย
ขนาดออกจากปากเราเอง จะให้ตักกลับเข้าไปกินใหม่น่ีกินไม่ลงแล้ว
แตเ่ วลาอยใู่ นปากเคย้ี วน้ี โอย๊ เอรด็ อรอ่ ย อยากจะตกั เขา้ มาเพม่ิ ขน้ึ อกี
เพราะมันเห็นแต่ตอนที่มันน่ากินน่าดู แต่ตอนที่มันไม่น่าดูน่ากินนี้
มองไมเ่ หน็ ภาพ แตเ่ วลาสมั ผสั กบั รสมนั อรอ่ ย แตเ่ วลาถา้ เหน็ ภาพของ
มนั แลว้ มนั จะไม่อร่อยทนั ที

61พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต 

น่ีคือวิธีสกัดหรือก�ำจัดความอยากท่ีจะเกิดขึ้นเสมอ
เพราะมนั ยงั ไมไ่ ดร้ บั การกำ� จดั ดว้ ยปญั ญา ความหลง
มันจะหลอกให้เราฝนั ถงึ อาหารทนี่ า่ กนิ ใชไ่ หม เวลา
เราหิว เรานกึ ถงึ อาหาร เรานึกถึงตอนไหน ตอนที่
มนั อยใู่ นจานใชไ่ หม เราไมเ่ คยนกึ ถงึ ตอนทมี่ นั อยใู่ น
ปากอยู่ในท้องหรือเวลาที่มันอยู่ในส้วม น่ีก็อาหาร
ทงั้ นน้ั แหละ เรยี กวา่ อาหารเกา่ อาหารใหม่ สว่ นใหญ่
เราจะมองแตอ่ าหารใหม่ ออกมาจากเตาสดๆ รอ้ นๆ
มีควันลอยขึ้นมา น่ีเพียงแต่พูดแค่นี้น�้ำลายก็เร่ิม
ไหลแล้ว แต่พอไปนึกถึงอาหารท่ีมันอยู่ในส้วมนี้
นำ�้ ลายหดหมดเลย

62  ทกุ ข์ย่อมไมม่ แี กผ่ ้ไู ม่เกดิ

อนั นไ้ี มส่ กปรกนะ อนั นเ้ี ปน็ เรอื่ งของปญั ญา ทจี่ ำ� เปน็
จะต้องมองของที่มันสกปรก มันถึงจะสกัดความ
อยากได้ ต้องมองของที่น่าเกลียดน่ากลัว เช่น
รา่ งกายของคนตาย มองซากศพ มองอวยั วะนอ้ ยใหญ่
ท่ีมีอยู่ในร่างกาย แล้วมันจะสกัดความอยากได้
รา่ งกายมาเปน็ แฟนได้ สกดั ความอยากกนิ แบบไมม่ ี
เวลำ่� เวลาได้ คนทม่ี ปี ญั หาเรอื่ งนำ�้ หนกั เกนิ น้ี เอาไป
ใช้เถอะ รับประกันได้ ไดผ้ ลดี รบั รองได้ไม่ก่ีเดือน
นนี่ ำ�้ หนกั ลดเปน็ ๑๐ โลเลย ทกุ ครงั้ เวลาอยากจะกนิ
นอกเวลาหรอื กนิ มากเกนิ ไป ใหน้ กึ ถงึ อาหารตอนท่ี
มนั ไมน่ า่ ดนู า่ กนิ พอนกึ ไดป้ บ๊ั นี้ มนั จะหยดุ ชะงกั เลย
ไมอ่ ยากกนิ แลว้ น่ีคอื วธิ ีทีจ่ ะท�ำลายความอยากทจี่ ะ
มาสร้างความทุกข์ สรา้ งความหงดุ หงดิ สร้างความ
รำ� คาญใจใหก้ บั ใจนนั่ เอง

63พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต 

พอความอยากได้ถูกก�ำจัดด้วยปัญญาแล้ว มันจะไม่กลับ
มาอกี มนั จะหายแบบถาวรเลย หรอื ถา้ มนั กลบั มาเมอ่ื ไหร่
ปญั ญากจ็ ะมาเตอื นเสมอ พออยากกนิ อาหาร ปญั ญากม็ า
เตือนเสมอ พอนึกถึงอาหารทีไ่ มน่ ่ารบั ประทานปั๊บ มันก็
หายไป ต่อไปความอยากมันก็ไม่โผล่ข้ึนมาอีกต่อไป
ความอยากมันจะหายได้ ต้องหายได้ด้วยปัญญาเท่านั้น
นอกนั้นมันไมห่ าย

ใชส้ ตหิ ยดุ มัน มันกห็ ยุดได้ชั่วคราว เชน่ พอคดิ ถึงอาหาร
เรากพ็ ทุ โธๆ ไป เรากล็ มื เรอ่ื งอาหารไป ความอยากกนิ อาหาร
กห็ ายไปชวั่ คราว พอเราหยดุ พทุ โธแลว้ ปลอ่ ยใหม้ นั คดิ ถงึ
อาหารใหม่ เดยี๋ วมนั กอ็ ยากขนึ้ มาใหมอ่ กี มนั ไมห่ าย สตนิ ี้
จึงไม่สามารถก�ำจัดความอยากแบบถาวรได้ สติก�ำจัดได้
เพยี งชวั่ คราว คอื ดงึ ใจไมใ่ ห้ไปคดิ ถงึ สงิ่ ทอ่ี ยากได้ พอไมไ่ ด้
คดิ ถึงสงิ่ ที่อยากได้ ความอยากน้ันกจ็ ะหยดุ หายไป แตพ่ อ
ปล่อยให้คิด เดี๋ยวมันกลับไปคิดถึงเรื่องที่อยากได้อีก
ความอยากมันก็โผล่ขน้ึ มาอกี มันไม่มวี ันหายด้วยสติ

64  ทกุ ขย์ อ่ มไม่มีแกผ่ ู้ไมเ่ กดิ

สมัยที่พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติเพื่อท�ำใจให้สงบ ก็มีแต่คน
รจู้ กั วธิ ที ำ� ใจใหส้ งบดว้ ยสตเิ ทา่ นนั้ เอง พอออกจากสมาธมิ า
พอไมม่ สี ตคิ วบคมุ ความคดิ พอปลอ่ ยใหค้ วามคดิ ไปคดิ ถงึ
เร่ืองนั้นเรื่องน้ี เด๋ียวความอยากก็ปรากฏขึ้นมา พอเกิด
ความอยาก ความสงบก็หายไป ความวุ่นวายหงุดหงิด
ร�ำคาญใจจะตามมาทันที ไม่มีใครรู้ว่าความอยากน้ีแหละ
เป็นตัวท�ำลายความสงบท่ีได้จากสมาธิ ท่ีได้จากสติ
พระพทุ ธเจา้ จงึ ตอ้ งไปคน้ ควา้ หาดว้ ยตนเอง แลว้ ก็ไดค้ น้ พบ
ขอ้ ที่ ๑ ก็คอื คน้ พบวา่ ความสงบทีไ่ ด้จากสมาธิถกู ทำ� ลาย
ดว้ ยอะไร ถกู ท�ำลายดว้ ยความอยาก

แลว้ ข้อท่ี ๒ แล้วอะไรจะสามารถมาท�ำลายความอยากให้
หายไปได้ ใหห้ มดไปอยา่ งถาวรได้ กค็ อื ปญั ญา คอื การเหน็
ไตรลกั ษณน์ นั่ เอง ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งในโลกนที้ เ่ี ราอยากไดก้ นั
มนั เปน็ ไตรลกั ษณท์ ง้ั นน้ั มนั เปน็ อสภุ ะทงั้ นน้ั มนั เปน็ ปฏกิ ลู
ทงั้ นั้นถา้ เปน็ อาหาร ถ้าเปน็ ร่างกายของคนก็อสภุ ะทั้งน้นั
เพยี งแตม่ นั มกี ระดาษสวยๆ หอ่ อยเู่ ทา่ นนั้ เอง แตใ่ นกลอ่ ง
มันเปน็ กองขยะทัง้ นัน้

65พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต 

66  ทกุ ข์ยอ่ มไม่มแี กผ่ ู้ไมเ่ กดิ

ร่างกายน้ีเป็นเหมือนห่อของขวัญ ห่อด้วยผิวหนัง ห่อด้วยผม
ด้วยขน ด้วยคิ้ว ดว้ ยหน้า ด้วยหนงั หอ่ ด้วยของท่ีสวยงาม แต่ถา้
แกะกล่องกระดาษออก แกะของที่หอ่ ร่างกายน้อี อกได้ ลองแกะ
หนงั เราออกปบ๊ั กจ็ ะเจอเนอื้ เจอกระดกู แลว้ เจออวยั วะตา่ งๆ ทมี่ ี
อยใู่ นรา่ งกายน้ี เจอปอด เจอตบั เจอไต เจอลำ� ไส้ เจอนำ้� เจออะไร
ตา่ งๆ อยใู่ นรา่ งกายนม้ี ากมาย แตเ่ ราไมเ่ คยแกะกลอ่ งกนั ทางอสี าน
เขาเรยี กว่า “มา้ งกาย” ไมเ่ คยม้างกายกนั ไม่เคยแยกกายแยก
หนงั ออก ฉกี หนงั ออกแลว้ ฉกี เนอื้ ออก แลว้ ทนี กี้ จ็ ะไดเ้ หน็ กระดกู
เห็นกระดูกต้ังแต่กะโหลกศีรษะลงไปจนถึงเท้าน้ี มีกระดูกตั้งแต่
กะโหลกศรี ษะลงถงึ เทา้ เรามองไมเ่ หน็ กนั เพราะมผี วิ บางๆ นหี้ มุ้ หอ่
เอาไว้เท่าน้ันเอง จึงท�ำให้เราหลงใหลกัน รักคนนั้นรักคนนี้กัน
แล้วก็กนิ ไม่ได้นอนไมห่ ลับ ร้องห่มรอ้ งไห้เศรา้ โศกเสียใจเวลาที่
สูญเสียคนนั้นคนนไ้ี ป

แตถ่ า้ มองเหน็ วา่ มนั เปน็ เพยี งอาการ ๓๒ มที ั้งกระดกู มีทัง้ ตับ
มที ง้ั ปอด มที งั้ ลำ� ไส้ เวลาสญู เสยี มนั จะไมร่ สู้ กึ เสยี ใจ เวลาเหน็ แลว้
มนั กจ็ ะไมอ่ ยากได้ เพราะรวู้ า่ จะไดท้ งั้ ปอด ทง้ั ตบั ทงั้ หวั ใจ ทง้ั อจุ จาระ
ทง้ั ปสั สาวะ ไดม้ าครบ ๓๒ อาการเลย กจ็ ะไมอ่ ยากไดร้ า่ งกายของใคร
แมร้ า่ งกายของตนเองก็ไมห่ ลงใหล ไมค่ ลงั่ ไคล้ ไมร่ กั มนั เหมอื น
เมอื่ กอ่ น เมอื่ กอ่ นเวลาดกู ระจกทไี ร โอย๊ หนา้ ตาเราดี รปู รา่ งเราดี
แตเ่ ด๋ยี วนี้พอเห็นอาการ ๓๒ ของรา่ งกายเรา มันก็ไมเ่ ห็นนา่ ดู
ตรงไหน

67พระอาจารย์สชุ าติ อภชิ าโต 

นคี่ อื เรอื่ งของปญั ญาทเ่ี ราจะตอ้ งใช้ ถา้ เราอยากทจี่ ะ
รกั ษาความสขุ ทไ่ี ดจ้ ากความสงบของสมาธิ พอออก
จากสมาธิมา พอเกิดความอยากกับสิ่งใดส่ิงหน่ึง
ให้พิจารณาไตรลักษณ์ในสิ่งนั้นได้ทันที ไม่มีอะไร
ในโลกน้ีที่ไม่ใช่เป็นไตรลักษณ์ ไม่มีอะไรท่ีเที่ยงแท้
แน่นอนถาวร ไม่มีอะไรท่ีจะอยู่กับเราเป็นของเรา
ไปได้ตลอด จะต้องมีการพลัดพรากจากกันวันใด
วันหนึ่ง ไม่จากกันตอนเป็นก็ต้องจากกันตอนตาย
ให้เราคิดอย่างนี้แล้วเราจะสกัดความอยากได้
แล้วต่อไปความอยากต่างๆ ที่เคยมีอยู่ในหัวใจของ
เรานี้ มนั จะหายไปหมด มนั จะไมม่ วี นั กลบั มาอกี ตอ่ ไป
ถ้าเราเหน็ ดว้ ยไตรลกั ษณ์ เหน็ ด้วยอสุภะ เห็นดว้ ย
ปฏิกูล มันจะไม่มีวันท่ีจะมาหลอกเราได้อีกต่อไป
อวชิ ชาโมหะนถ้ี กู ทำ� ลายดว้ ยปญั ญาของพระพทุ ธเจา้
ปญั ญาทพี่ ระพทุ ธเจา้ เปน็ ผทู้ รงคน้ พบ ไมม่ ใี ครเหน็
เหมอื นพระพทุ ธเจา้ ทรงรูท้ รงเหน็

68  ทกุ ข์ย่อมไมม่ ีแกผ่ ไู้ ม่เกิด

น่ีแหละคือเรื่องของค�ำถามทเี่ ราถามกันว่า ขอ้ ที่ ๑ เรามา
เกิดกนั ได้อย่างไร เรามาเกิดเพราะเราถกู ความหลงหลอก
ให้มาเกิดนั่นเอง หลอกให้เรามาคิดว่าเรามาหาความสุข
จากลาภยศสรรเสริญ หาความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรส
โผฏฐัพพะ หาความสุขจากคนนั้นคนนี้ หาความสุขจาก
อาหารเครื่องด่ืมชนิดต่างๆ แต่มันเป็นความสุขช่ัวคราว
เวลาที่ไม่สามารถหาได้มันก็จะกลายเป็นความทุกข์ข้ึนมา
อันนี้เราไม่รู้กันไม่เคยคิดกัน คิดแต่ว่าเราต้องหาได้
ตลอดเวลา ต้องมีความสามารถหาได้ ได้มาแล้วก็ต้อง
สามารถรักษาให้มันอยู่กับเราไปไดเ้ สมอตลอด

แต่พอมันเป็นไปตรงกันข้ามกับท่ีเราคิด เราก็มาร้องห่ม
รอ้ งไห้ มาเศรา้ โศกเสยี ใจ ตอนนน้ั กอ็ ยากจะฆา่ ตวั ตายแลว้ สิ
เมอ่ื กอ่ นอยากจะมาเกดิ เหลอื เกนิ พอมาเจอความทกุ ขป์ บ๊ั
น่ี ไมอ่ ยากจะเกดิ แลว้ อยากจะตายแทน แตน่ นั่ ก็ไมใ่ ชเ่ ปน็
วธิ แี ก้ปญั หา เพราะการฆ่าตวั ตายก็ไม่ไดห้ ยดุ การกลับมา
เกดิ อกี เพราะว่าตัวท่ีต้องฆา่ ไม่ไดถ้ ูกฆา่ น่ันเอง

69พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต 

ตัวที่ต้องฆ่า ตัวท่ีพาให้เรามาเกิด ก็คือตัวความอยากน่ี
ถา้ ตอ้ งฆา่ ตอ้ งฆา่ ไอต้ วั ความอยาก มนั ถงึ จะไมก่ ลบั มาเกดิ
ไปฆ่าร่างกาย มนั ไม่เกดิ ประโยชน์อะไร เดีย๋ วมนั กก็ ลบั มา
เกดิ ใหม่ พอไมม่ รี า่ งกายอนั น้ี เดย๋ี วจติ ทเ่ี ปน็ ดวงวญิ ญาณ
มันก็จะไปหารา่ งกายอันใหม่ เพราะมนั ยังมคี วามอยากหา
ลาภยศสรรเสริญ หารปู เสยี งกล่ินรสโผฏฐัพพะต่างๆ โดย
ใชร้ า่ งกายนนั่ เอง มนั กต็ อ้ งไปหารา่ งกายอนั ใหม่ แลว้ กม็ า
เกดิ ใหม่ แลว้ พอมาเจอความทกุ ข์ กอ็ ยากมาฆา่ ตวั ตายใหม่

70  ทุกข์ย่อมไม่มีแกผ่ ู้ไม่เกิด

นี่คนท่ีฆ่าตัวตายจะฆ่าตัวตายไปเรื่อยๆ ท่านบอก
๕๐๐ ชาติ บางทีมากกว่าน้ันอีก ถ้าไม่เปลี่ยนวิธี
แก้ปัญหา ทุกคร้ังที่เจอความทุกข์แบบทนไม่ไหว
กอ็ ยากจะฆา่ ตวั ตาย แตถ่ า้ เปลยี่ นวธิ ไี ด้ ถา้ มาเจอคน
ฉลาด เจอตัวพระพุทธเจ้าเอง หรอื เจอตัวแทนของ
พระพทุ ธเจา้ คอื พระธรรมคำ� สอน หรอื พระอรยิ สงฆ์
สาวก ทา่ นกจ็ ะสอนใหเ้ ราไปฆา่ กเิ ลสแทน อยา่ ไปฆา่
ร่างกาย รา่ งกายไมใ่ ชเ่ ป็นตวั ปญั หา ตัวปัญหาก็คือ
ความอยาก ฆา่ กฆ็ า่ ดว้ ยปญั ญา ตอ้ งเหน็ ไตรลกั ษณ์
ต้องเห็นอนิจจัง ทกุ ขงั อนตั ตา ตอ้ งเหน็ ส่ิงตา่ งๆ ที่
เราไดม้ าทเ่ี ปน็ ของเราในวนั นม้ี นั เปน็ ของเราชว่ั คราว
ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง เรามาตัวเปล่าๆ
เด๋ียวเวลาเราไปเราก็ไปตัวเปล่าๆ เราไมไ่ ด้เอาอะไร
ตดิ ตวั กบั เราไป แลว้ เรามาทกุ ข์ มาเสยี ใจ มาวนุ่ วาย
ไปกบั สง่ิ ตา่ งๆ กันท�ำไม ในเมื่อไม่ชา้ ก็เร็วเรากต็ ้อง
ท้ิงมันไปอยู่ดี เอามันไปไม่ได้

71พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต 

ถา้ เราหมน่ั คดิ อยเู่ รอ่ื ยๆ วา่ เรามาตวั เปลา่ ๆ เดย๋ี วเรา
ก็ไปตัวเปล่าๆ เราก็ไม่ตอ้ งว่นุ วายกบั ส่ิงต่างๆ ท่เี รา
มีอยู่ ถ้ามีก็ดูแลรักษาไป ใช้มันไป ถ้ามันไม่อยู่
ก็ปล่อยมันไป เพราะไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องจากเราไป
หรือเราก็ต้องจากมันไปอยู่ดี ไม่เห็นว่าจะต้องมา
ทุกข์กับมันเลย ถ้าเรามีปัญญา เราจะไม่ยึดไม่ติด
กบั อะไร พรอ้ มทจ่ี ะพลดั พรากจากกนั เสมอ พรอ้ มที่
จะเสีย เพราะว่าต้องเสียอยู่ดี ไม่ช้าก็เร็ว เสียแบบ
พรอ้ มนไี้ มท่ กุ ข์ เสยี แบบไมพ่ รอ้ มนที่ กุ ขน์ ะ นเ่ี หน็ ไหม
เงนิ ทองที่ญาตโิ ยมเอาไปท�ำบญุ น้ี ญาตโิ ยมไมเ่ หน็
เสียใจเลย แต่ถ้าถูกใครขโมยหรือถูกใครโกงไปนี่
เสียใจไหม โอ๊ย เป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา กินไม่ได้
นอนไม่หลับขึ้นมา มันก็เป็นการเสียเงินทอง
เหมือนกัน แตเ่ ป็นแบบพรอ้ มทจี่ ะเสีย ยนิ ดที ีจ่ ะเสยี
กับเสียแบบไม่ยินดเี ทา่ นั้นเอง

72  ทกุ ขย์ ่อมไมม่ ีแก่ผู้ไมเ่ กิด

ทเี่ ราทกุ ขก์ นั ทกุ วนั น้ี ทกุ ขเ์ พราะวา่ เราไมย่ นิ ดี
ทจี่ ะเสยี ถา้ เรายินดที ่จี ะเสยี แลว้ รับรองได้วา่
เราจะไม่ทกุ ข์กนั การทเี่ ราจะยินดไี ด้ เราตอ้ ง
มปี ญั ญานนั่ เอง เราต้องเหน็ ว่าไมม่ อี ะไรเป็น
ของเราอย่างแท้จริง ไม่เสียวันนี้ก็ต้องเสีย
วันข้างหน้า ถ้าไม่เสียตอนเป็นก็ต้องเสีย
ตอนตาย แลว้ ไปทุกข์กับมันท�ำไม ทกุ ขก์ เ็ สีย
ไม่ทุกข์ก็เสีย เอาอย่างไหนดีกว่า เสียแบบ
ไมท่ กุ ขด์ กี วา่ หรอื เสยี แบบทกุ ขด์ กี วา่ เสยี แบบ
ทุกข์ก็เสียสองเด้ง เสียของแล้วก็ต้องเสียใจ
เสยี สองตอ่ ถ้ามีปัญญากเ็ สียเด้งเดยี ว หรือ
ไม่เสยี เลยก็ได้ เพราะคดิ วา่ มันไมไ่ ด้เปน็ ของ
เราตง้ั แต่เริม่ ต้น

73พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต 

เรามาตัวเปล่าๆ แล้วเด๋ียวเราก็ไป
ตัวเปล่าๆ ดังนั้นอะไรๆ ท่ีได้มานี้
มันไม่ได้เป็นของเรา เพราะว่าเรา
เอาตดิ ตัวไปไมไ่ ด้ ดังนัน้ เราก็ไมไ่ ด้
เสยี อะไร ไม่ไดอ้ ะไร การมาเกดิ ใน
โลกนี้ เราไม่ได้ไม่เสียกับอะไรกับ
ส่ิงต่างๆ ท่ีมีอยู่ในโลกน้ี เราจะได้
จะเสียก็คือบุญหรือบาปเท่าน้ันท่ี
เราเอาตดิ ตวั ไปได้ หรอื ปญั ญาหรอื
ความโง่เท่าน้ันที่เราจะเอาติดตัว
ไปได้ ถ้าเรามาได้ปัญญา เราก็จะ
ได้ความสุขไป ได้หลุดพ้นจากการ
เวียนว่ายตายเกิด แต่ถ้าเรายังได้
ความโงอ่ ยู่ เราก็จะไดก้ ารเวียนวา่ ย
ตายเกดิ ต่อไป

74  ทกุ ข์ยอ่ มไมม่ แี กผ่ ู้ไมเ่ กดิ

ดังนั้นเราจึงต้องมาสร้างสติสร้าง
ปญั ญากนั เพอ่ื ทเ่ี ราจะไดต้ อบคำ� ถาม
ขอ้ ท่ี ๒ ของเราวา่ เมอ่ื เรามาเกดิ แลว้
เราควรจะท�ำอะไร ควรจะท�ำอะไรท่ี
เป็นคุณเป็นประโยชน์กับเราอย่าง
แท้จริง ก็คือมาปฏิบัติธรรมนี่เอง
มาเจรญิ สมถภาวนา วปิ สั สนาภาวนา
ด้วยการสนบั สนุนของศีล เราต้องมี
ศลี ๘ขนึ้ ไปเราถงึ จะสามารถมาปฏบิ ตั ิ
สมถภาวนา วปิ สั สนาภาวนาไดอ้ ยา่ ง
สมบรู ณแ์ บบ ถา้ ถอื ศลี ๕ น่ี เดย๋ี วมนั
ไปสร้างอุปสรรคขึ้นมาขวางได้
เดี๋ยวไปกินอาหารเย็นแล้วมันก็
จะงว่ ง แทนทีจ่ ะน่งั สมาธิ ก็ขอนอน
แตถ่ า้ ไมก่ นิ อาหารเยน็ กส็ ามารถนงั่
สมาธิได้ไมง่ ว่ งนอน

75พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต 

นีค่ อื สงิ่ ทเ่ี ราต้องมาทำ� กนั คอื มาแก้ความโง่ของเรา มาสร้างสติ
สร้างปัญญาด้วยการอาศัยศีล ๘ เพื่อเราจะได้มีเวลาสร้างสติ
สร้างความสุขแบบท่ีเราไม่ต้องใช้ร่างกายก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็น
ความสุขช่ัวคราวในเบื้องต้น แต่มันเป็นเป้าหมายแรกของการ
ปฏบิ ตั ขิ องเรา เพราะมนั งา่ ยกวา่ การทจี่ ะใชป้ ญั ญาสรา้ ง สตนิ เี้ พยี ง
ใหร้ ะลกึ รอู้ ยกู่ บั อารมณ์ใดอารมณห์ นงึ่ เชน่ พทุ โธๆ เพยี งอยา่ งเดยี ว
ไม่ต้องไปวิเคราะห์วา่ อนิจจงั ทกุ ขัง อนตั ตา เป็นยงั ไง อันนเ้ี ปน็
ของยากกว่า เอาความสงบแบบช่ัวคราวก่อน ด้วยการใช้สติ
บรกิ รรมพทุ โธๆ หรอื ดลู มหายใจเขา้ ออกในเวลานงั่ แตค่ วรจะฝกึ
สตกิ ่อนเวลาน่ังด้วย ถ้าไมใ่ ชช่ ่วงเวลานั่ง อย่าไปดลู ม เพราะมัน
ดูลมยาก ใหด้ เู ทา้ แทน ถ้าเดินจงกรมก็ใหด้ ูเท้าหรือให้บริกรรม
พทุ โธแทน เดนิ ไปก็พุทโธๆ ไป หรือดเู ทา้ ซ้ายเทา้ ขวาไป ลมมัน
ละเอียด ตอนที่เราเดินนี้มันจะสังเกตเห็นได้ยาก แต่ถ้าคิดว่า
ดูลมได้ก็ไม่ห้าม อยากจะดูลมในขณะเดินจงกรมก็ลองดู แต่ดู
เทา้ นม้ี ันงา่ ยกวา่ เพราะมันเห็นดว้ ยตาชดั กวา่ แลว้ เราต้องดูทาง
เดินด้วย ถ้ามัวแต่ดูลม เดี๋ยวเดินไปเหยียบงูเข้า แต่ถ้าดูเท้าน้ี
มันก็จะดูทางด้วย ดูทางท่ีเราเดินด้วยว่ามีอะไรขวางทางอยู่
ข้างหน้าหรือเปล่า ดังนั้นการเดินจงกรมน้ีเขาไม่นิยมดูลมกัน
เขาดูเท้ากัน ดูทางเดินกัน หรือไม่เช่นนั้นก็พุทโธไป เดินไปก็
พุทโธไป อนั นเ้ี ป็นวิธสี ร้างสติข้นึ มาก่อน

76  ทกุ ข์ยอ่ มไม่มแี กผ่ ้ไู ม่เกดิ

ถา้ เราไมส่ รา้ งสติ ไมม่ สี ติ เวลามานง่ั มนั จะหยดุ ความคดิ
ไมไ่ ด้ มานง่ั พทุ โธไดค้ ำ� เดยี วหายไปแลว้ ความคดิ เรอ่ื งนนั้
เรอื่ งนเ้ี ข้ามาแล้ว ดลู มไดเ้ ข้าออกสองครง้ั ความคิดน้ัน
ความคิดน้ีเข้ามาทันที ถ้าไม่มีสติมาก่อน แต่ถ้าฝึกสติ
ถ้าสร้างสติไว้ ในขณะที่เดินจงกรม หรือในขณะท่ีเรา
ท�ำภารกิจท่ีไม่ต้องใช้ความคิดต่างๆ เช่น เวลาอาบน้�ำ
ล้างหน้าแปรงฟัน แต่งเนื้อแต่งตัว รับประทานอาหาร
ท�ำความสะอาดกวาดบ้านกวาดเรือน ล้างถ้วยล้างชาม
อะไรท�ำนองนี้ เราสามารถฝึกสติควบคู่ไปได้ ให้มีสติ
อยู่กับงานท่ีเราท�ำก็ได้ ไม่ว่าเราท�ำอะไรก็ให้ใจเราอยู่
กับงานนั้นควบคู่ไปกับร่างกาย อย่าส่งใจไปท่ีอื่น ไม่ใช่
ล้างชามไปแล้วก็คิดถึงคนน้ันคนน้ี ที่นั่นท่ีนี่ อย่างนี้
ทำ� งานแบบไมม่ สี ติ ใหอ้ ยกู่ บั งานทเี่ ราทำ� เพยี งอยา่ งเดยี ว
ใจคิดอยู่กับงานหรือรู้อยู่กับงานท่ีเราท�ำอยู่ แล้วจะมีสติ
ใจจะนงิ่ ใจจะไมล่ อยไปลอยมานนั่ เอง พอเวลามานงั่ มนั ก็
จะมสี ตคิ วบคมุ ความคดิ ได้ พอใหอ้ ยกู่ บั พทุ โธ มนั กพ็ ทุ โธ
ไปไดเ้ รอ่ื ยๆ ใหด้ ลู ม มนั กด็ ลู มไปไดเ้ รอื่ ยๆ ถา้ มนั ทำ� อยา่ ง
ต่อเน่อื ง ๕ นาที ๑๐ นาที มนั กส็ งบได้

77พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต 

เวลาสงบแล้วก็สบายไม่ต้องท�ำอะไร พอจิตสงบน่ิงแล้ว
พุทโธกห็ ยุด การดูลมก็หยุด ทนี ีจ้ ิตจะรู้เฉยๆ สกั แต่ว่ารู้
สง่ิ ตา่ งๆ ทเ่ี คยปรากฏขน้ึ มาในใจกจ็ ะหายไปหมด ใจกจ็ ะ
ว่างเหมือนล่องลอยอยู่ในอวกาศ สังเกตดู เวลาเราอยู่
พน้ื ดนิ นี้ มขี า้ วของอะไรเยอะไปหมด มสี งิ่ ของมคี นมอี ะไร
พอเราขนึ้ เครอ่ื งไปน่ี ถา้ นงั่ จรวดขนึ้ ไปลอยอยใู่ นอวกาศ
ทนี ไ้ี มม่ อี ะไร นนั่ แหละเวลาจติ สงบกเ็ หมอื นอยใู่ นอวกาศ
ว่าง ไม่มีอะไรนอกจากความสุขที่เหนือกว่าความสุข
ทั้งปวง แล้วก็มีอุเบกขา คือใจเป็นกลาง ไม่รักไม่ชัง
ไมก่ ลัวไม่หลง สักแต่ว่ารู้ นีค่ อื ลกั ษณะของสมาธิ

78  ทุกขย์ อ่ มไมม่ แี กผ่ ู้ไม่เกิด

ถา้ น่ังสมาธิแล้วคิดว่าสงบ แตย่ ังไม่มคี วามสุขแบบ
ท่ีเหนือกว่าความสุขทั้งปวงนี้ ก็ถือว่ายังเข้าไม่ถึง
ยงั เขา้ ไมไ่ ดเ้ ตม็ ท่ี ไมไ่ ดเ้ ตม็ ๑๐๐ ถา้ เขา้ ไดเ้ ตม็ ๑๐๐
แลว้ มนั จะพบกบั ความสขุ ทเี่ หนอื กวา่ ความสขุ ทงั้ ปวง
แมจ้ ะเปน็ เพยี งชวั่ แคง่ แู ลบลนิ้ กต็ าม หรอื ชวั่ ฟา้ แลบ
มันจะเปน็ ความสขุ ทที่ ำ� ให้ติดอกติดใจ ท่ีจะอยากอยู่
กับความสุขแบบน้ีเพียงอย่างเดียว จะไม่อยากไป
หาความสขุ อย่างอ่นื อีกต่อไป

พอไดส้ มั ผสั กบั ความสขุ แบบนแ้ี ลว้ ตอ่ ไปมนั กอ็ ยาก
จะรกั ษาใหม้ นั มนี านขน้ึ บอ่ ยขนึ้ กจ็ ะทมุ่ เทเวลาใหก้ บั
การเจริญสติมากขึ้น เดินจงกรม นั่งสมาธิมากขึ้น
เพื่อใหจ้ ิตได้เขา้ สู่ความสงบมากข้นึ ไปเร่ือยๆ ตอ่ ไป
กจ็ ะนงั่ ทไี ด้นาน ได้ทีละหลายสิบนาที ไดท้ ีละช่วั โมง
สองชว่ั โมงขึน้ ไป เพราะมนั มีความสขุ น่งั แลว้ มันไม่
เจบ็ มนั ไม่ปวด ถงึ แม้จะเจบ็ จะปวดตามร่างกายบา้ ง
แต่มันไมเ่ ดือดรอ้ น จะสามารถอยู่กับมนั ได้ ใจเปน็
อุเบกขาไมเ่ ดอื ดรอ้ น

79พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต 

พอเราได้ความสุขของระดับสติแล้ว เราช�ำนาญแล้ว
เราสามารถเข้าออกได้ทุกเวลา เวลาเราออกจากสมาธิมา
เราอยากจะเปล่ียนความสุขจากสมาธิให้เป็นความสุขแบบ
ปัญญา เรากต็ อ้ งใช้ปญั ญาคอยสกัด คอยหา้ มความอยาก
ต่างๆ เวลาอยากเสพรูปสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ก็บอกว่า
เปน็ ไตรลกั ษณ์ เวลาอยากจะไดล้ าภยศสรรเสรญิ กบ็ อกวา่
เป็นไตรลักษณ์ มันก็จะหยุดความอยากเหล่านั้นได้
พอความอยากหยุด ความสงบกก็ ลบั มาแทนที่ ความสงบ
ที่จะถูกท�ำลายก็จะอยู่ต่อไปได้ เพราะไม่มีความอยากท่ีจะ
มาทำ� ลายมนั เพราะเราหยดุ มนั ไดด้ ว้ ยไตรลกั ษณ์ หยดุ มนั
ไดด้ ว้ ยอสภุ ะ หยดุ มนั ไดด้ ว้ ยปฏิกลู ของอาหาร

นคี่ อื ทำ� ไมเราตอ้ งมาเจรญิ ปญั ญา พจิ ารณาไตรลกั ษณก์ นั
พิจารณาอสุภะกัน พิจารณาปฏิกูลกัน เพราะเรายังไม่มี
ความรเู้ หลา่ นอี้ ยใู่ นใจนนั่ เอง พอเกดิ ความอยากขน้ึ มา ก็ไม่
สามารถสกดั มนั ได้ หยดุ มนั ได้ เราจงึ ตอ้ งสรา้ งความรขู้ นึ้ มา
เตรียมตัวไว้ก่อน เหมือนกับเรียนหนังสือ ก่อนที่เราจะ
ไปสอบ เราตอ้ งท่องหนงั สอื ไว้ก่อน ถ้าเราไม่ท่องหนงั สือ
ทอ่ งตำ� รา ถงึ เวลาสอบเรากต็ อบคำ� ถามไมไ่ ด้ เพราะคำ� ถาม
มนั กอ็ ยใู่ นต�ำราอย่ใู นหนังสือท่เี ราทอ่ งจำ� นีเ่ อง

80  ทุกขย์ ่อมไม่มแี ก่ผ้ไู มเ่ กดิ

อนั น้ีก็เหมอื นกนั ต�ำราของเรากอ็ ยทู่ ีเ่ รามาฝกึ พจิ ารณา
ไตรลกั ษณก์ นั นน่ั เอง หมนั่ พจิ ารณาเหน็ ไตรลกั ษณ์ ฝกึ คดิ
ถงึ เรอื่ งไตรลกั ษณอ์ ยเู่ รอื่ ยๆ ทกุ อยา่ งไมเ่ ทยี่ ง เมอื่ ไมเ่ ทยี่ ง
มนั ก็จะทำ� ให้เราทุกข์ มันไมใ่ ชข่ องเรา มนั ไมใ่ ชอ่ ยกู่ ับเรา
ไปตลอด ใหค้ ดิ อยา่ งน้ี แลว้ พอเวลาอยากไดอ้ ะไร มนั จะได้
เหน็ ภาพ เหน็ ว่าเราก�ำลังเดินเขา้ หากองทุกข์ พอเห็นว่า
เปน็ ทกุ ข์ เราก็หยดุ ความอยาก ถอยหลงั ดกี วา่ เขา้ เกยี ร์
ถอยหลงั ดกี วา่

นค่ี อื เรอ่ื งของการทเ่ี ราจะมาตอบคำ� ถามขอ้ ท่ี ๒ วา่ เราเกดิ
มาแลว้ เราควรจะทำ� อะไร เรากค็ วรมาหยดุ การเกดิ นน่ั เอง
เพราะการเกดิ ในโลกนไี้ มด่ ี เกดิ ในไตรภพนไี่ มด่ ี เพราะมนั
เปน็ โลกของความทกุ ข์ โลกของอนจิ จัง ทุกขงั อนัตตา
แล้วการจะหยุดการเกิดได้ก็ต้องมาปฏิบัติธรรม มาถือ
ศลี ๘ ข้นึ ไป มาภาวนา สมถภาวนาและวิปสั สนาภาวนา
พอเรามีศีล ๘ เราก็จะภาวนาได้เต็ม ๑๐๐ พอเราภาวนา
เตม็ ๑๐๐ เรากจ็ ะไดส้ มาธิ พอไดส้ มาธิ เราก็ใชป้ ญั ญามา
รักษาสมาธิที่เป็นความสงบชั่วคราวให้กลายเป็นความ
สงบที่ถาวรตอ่ ไป

81พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต 

ความสงบที่ถาวร เราก็เรียกว่า “นิพพาน”
นี่เอง “นิพพานัง ปรมัง สขุ ัง” เป็นบรมสขุ
ของความสุข ความสุขของสมาธิที่ว่าเหนือ
กว่าความสุขทั้งปวงแล้ว ยังสู้ความสุขของ
พระนพิ พานไมไ่ ด้ ความสขุ ของพระนพิ พานนี้
เปน็ ความสขุ ทถ่ี าวร ไมม่ วี นั เสอ่ื มไมม่ วี นั หมด
ความสขุ ของสมาธนิ ย้ี งั มวี นั เสอ่ื มมวี นั หมดได้
นี่คือสิ่งท่ีเราควรจะมาท�ำกัน มาเจริญสติ
มาเจรญิ ปญั ญา มารกั ษาศลี ๘ แลว้ กม็ าหยดุ
การเวยี นวา่ ยตายเกดิ หยดุ การกลบั มาเกดิ กนั
เพราะเมอ่ื จติ ไดเ้ ปน็ นพิ พานแลว้ โดยความอมิ่
ความพอแลว้ ก็ไมร่ จู้ ะมาเกดิ หาอะไรอกี ตอ่ ไป
เพราะความสุขท่ีได้จากในโลกนี้ก็สู้ความสุข
ของพระนิพพานไมไ่ ด้

82  ทกุ ขย์ อ่ มไมม่ แี ก่ผไู้ ม่เกดิ

พระพทุ ธเจา้ พระอรหนั ต์ทง้ั หลาย จงึ ไมโ่ งท่ ่จี ะกลับมาเกิดกนั พวกท่ี
คดิ วา่ ไปนิพพานแล้วยงั อยากจะกลับมาเกดิ ก็แสดงวา่ ยงั โง่อยู่ ยังไป
ไม่ถึงนิพพานจริง ใครไปถึงนิพพานจริงแล้วยังอยากจะกลับมาเกิด
กช็ อื่ วา่ โงห่ รอื บา้ เทา่ นน้ั ก็ไมใ่ ชเ่ ปน็ นพิ พานจรงิ ถา้ เปน็ นพิ พานจรงิ แลว้
ไมม่ วี นั ท่ีอยากจะกลบั มาเกิดอกี ต่อไป

83พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต 



ภารกิจ
สำ�คัญ
ทส่ี ุดในโลก

สนทนาธรรมบนเขา
วนั ท่ี ๑๖ ธนั วาคม ๒๕๖๒

85พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต 



การปฏิบัติธรรม การฝึกจิตการท�ำใจ
ให้สงบ การนั่งสมาธิ เป็นงานท่ีดีท่ีสุด
ในบรรดางานตา่ งๆ ทม่ี อี ยใู่ นโลกนี้ เพราะ
ผ ล ต อ บ แ ท น จ า ก ก า ร ท� ำ ใ จ ใ ห ้ ส ง บ
มันมีคุณค่ามหาศาลมากยิ่งกว่าการ
เป็นมหาเศรษฐีอันดับ ๑ ของโลก
ค ว า ม สุ ข ที่ ไ ด ้ จ า ก ก า ร ท� ำ ใ จ ใ ห ้ ส ง บ
เป็นความสุขท่ีเหนอื กวา่ ความสขุ ท้ังปวง
เป็นความสุขท่ีเหนือกว่าความสุขของ
มหาเศรษฐี ของพระราชามหากษัตริย์
ของประธานาธิบดี ของนายกรัฐมนตรี
ของผู้ท่ีได้รับรางวัลเหรียญทองต่างๆ
ความสุขเหล่านี้สู้ความสุขจากการมา
ท�ำใจให้สงบไม่ได้ อันน้ีแหละเป็นส่ิงที่
วิเศษและเป็นส่ิงที่ถาวรที่จะอยู่กับเรา
เป็นของเราไปตลอด

พอเรารจู้ กั วธิ สี รา้ งมนั ขน้ึ มาแลว้ เรากส็ ามารถ
ให้มันอยู่กับเราไปได้เร่ือยๆ โดยไม่มีอะไรมา
เปน็ อปุ สรรคขวางกน้ั เพราะเราไมต่ ้องใช้อะไร
มาเป็นเครื่องมือในการผลิตความสุขแบบนี้
น่ันเอง

87พระอาจารย์สชุ าติ อภชิ าโต 

ความสขุ ของมหาเศรษฐกี ย็ งั ตอ้ งใชร้ า่ งกาย รา่ งกาย
มนั กต็ อ้ งมวี นั เสอื่ ม มวี นั แกม่ วี นั เจบ็ มวี นั ตาย เมอื่ ถงึ
เวลานั้น มหาเศรษฐีหรือพระราชามหากษัตริย์
ประธานาธบิ ดี นายกรฐั มนตรี กเ็ ปน็ เหมอื นขอทาน
หาความสขุ ไม่ได้ ถงึ แม้จะมีเงนิ ทองล้นฟ้าลน้ ภเู ขา
แต่เอาไปใช้ไม่ได้ เคร่ืองมือท่ีจะใช้นี้มันไม่ท�ำงาน
ทำ� ไมไ่ ด้ แตค่ วามสขุ จากการท�ำใจใหส้ งบนี้ ปัญหา
อุปสรรคทางร่างกายไม่มีปัญหา แก่ก็ยังสงบได้
เหมอื นตอนทเ่ี ปน็ หนมุ่ เปน็ สาว เจบ็ ไข้ไดป้ ว่ ยกท็ ำ� ใจ
ใหส้ งบได้ เหมอื นตอนทไ่ี มไ่ ดเ้ จบ็ ไข้ไดป้ ว่ ย ตอนทจี่ ะ
ตายกท็ ำ� ใจใหส้ งบได้ หลงั จากทรี่ ่างกายตายไปแลว้
ก็ยงั ท�ำใจให้สงบได้ตอ่ มันไม่ตอ้ งใชร้ า่ งกาย มนั ไม่
ตอ้ งใชเ้ งนิ ทองไม่ตอ้ งใช้สงิ่ ต่างๆ เช่น รปู เสียงกลิน่
รสโผฏฐพั พะ อาหารชนดิ ตา่ งๆ เครอ่ื งดมื่ ชนดิ ตา่ งๆ
สถานทท่ี อ่ งเทยี่ วตา่ งๆ แหลง่ บนั เทงิ ตา่ งๆ ไมต่ อ้ งใช้
สิ่งเหลา่ น้มี าสรา้ งความสขุ ทเี่ กิดจากความสงบน้ี

88  ทุกขย์ ่อมไม่มีแกผ่ ู้ไมเ่ กิด

ความสุขท่ีเกิดจากความสงบน้ีต้องใช้
ความเพียรพยายาม หัดสร้างตั้งแต่
ตอนที่ยังไม่มี ถ้าไม่สร้างมนั ก็ไม่เกดิ
มันเหมือนกับหัดง่ายน�้ำนี่ ถ้าไม่หัด
วา่ ยนำ�้ มนั กว็ า่ ยไมเ่ ปน็ แตถ่ า้ พยายาม
หดั ไปเรอื่ ยๆ เดยี๋ วกว็ า่ ยนำ�้ เปน็ พอวา่ ย
เป็นแล้วทีนี้มันไม่ลืมแล้ว มันว่ายได้
ตลอดเวลา ตกน�้ำเม่ือไหร่ไม่มีวันจม
เขาเรียกตกน�้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้
พวกทม่ี ีจิตทส่ี งบน้ี อยู่ในสถานการณ์
อย่างไร จะเป็นเหมือนตกน�้ำไม่ไหล
ตกไฟไม่ไหม้ ไม่มีเหตุการณ์อันใด
มาท�ำจิตที่สงบนี้ให้ทุกข์ขึ้นมาได้เลย
นเี่ ป็นของทม่ี ีอยใู่ นตวั เราแท้ๆ แตเ่ รา
ไม่รูก้ นั

89พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต 

แตเ่ ราโชคดี ชาตนิ เ้ี ราไดม้ าเจอคนทรี่ คู้ อื พระพทุ ธเจา้
หรือตัวแทนของพระพุทธเจ้า คือพระธรรมค�ำส่ัง
คำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ ทม่ี บี นั ทกึ ไว้ในพระไตรปฎิ ก
หรอื พระอรยิ สงฆส์ าวกของพระพทุ ธเจา้ ผทู้ ไี่ ดร้ จู้ กั วธิ ี
ทำ� ใจใหส้ งบแลว้ ทา่ นเหลา่ นจี้ ะมาสอนมาบอกพวกเรา
เหมอื นมาสอนใหเ้ ราหดั วา่ ยนำ้� ใหเ้ ปน็ กนั คนทว่ี า่ ยนำ้�
ไมเ่ ปน็ กจ็ ะไมร่ จู้ กั วธิ วี า่ ยเลยตอ้ งใหม้ คี นสอน พอสอน
แลว้ ทนี ้กี ็พอวา่ ยเป็นแลว้ ก็ไปสอนคนอืน่ ตอ่ ได้ น่ีคือ
สง่ิ ท่ีพวกเราควรจะขวนขวายกัน

90  ทุกขย์ อ่ มไม่มแี ก่ผไู้ มเ่ กิด

91พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต 

ในฐานะที่เรามาเกิดเป็นมนุษย์ อย่าไปเสีย
เวลาหาความร่�ำรวยกันเลย อย่าไปเสียเวลา
หาความยิ่งใหญ่ อย่าไปเสียเวลาหารางวัล
ต่างๆ จากการแข่งขันกีฬา จากการแข่งขัน
การประกอบการกระท�ำอะไรต่างๆ เพราะผล
ทไี่ ดร้ บั มนั ได้ไมค่ มุ้ เวลาทเ่ี ราเสยี ไป เพราะวา่
ถ้าเราไม่รีบเรียนวิธีสร้างความสงบตั้งแต่
ชาติน้ีไป ชาติหน้ากลับมาอาจจะไม่ได้เจอ
คนท่ีรู้ท่ีจะมาสอนเราก็ได้ จะเจออีกครั้ง
ก็ไม่รกู้ ีแ่ สนล้านปี นานๆ จะมคี นฉลาดอย่าง
พระพุทธเจ้ามาทรงค้นพบวิธีหาความสุขที่
เลิศท่ีประเสริฐท่ีดีท่ีสุด ท่ีเหนือกว่าความสุข
ทง้ั ปวง ที่จรี งั ถาวรทไ่ี มม่ ีวนั หมดวนั ส้นิ

92  ทุกขย์ อ่ มไม่มีแกผ่ ู้ไมเ่ กิด

93พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต 

นานๆ จะมีสักคร้ังหน่ึงท่ีจะมีพระพุทธศาสนา
ปรากฏข้ึนมาในโลกน้ี พอปรากฏขึ้นมาแล้วก็อยู่
ได้ระยะหนึ่ง บางยุคก็ยาวนานหน่อย บางยุคก็ส้ัน
ส�ำหรับยุคของพระพุทธเจ้าของเราน้ี ท่านบอกว่า
อยไู่ ดป้ ระมาณ ๕,๐๐๐ ปี ยคุ ในอดตี ของพระพทุ ธเจา้
บางรูปนี้อยู่ได้เป็นหมื่นปีก็มี เพราะฉะน้ัน
อยา่ ประมาท อย่าเปน็ ไกไ่ ดพ้ ลอย อย่าเป็นทัพพใี น
หม้อแกง เกดิ มาอยใู่ นบวรพระพุทธศาสนา เกิดมา
อยใู่ นประเทศทม่ี ศี าสนาพทุ ธเปน็ ศาสนาประจำ� ชาติ
รสู้ กึ จะมปี ระเทศเดยี วในโลกนม้ี ง้ั ทม่ี พี ระพทุ ธศาสนา
นเ้ี ปน็ ศาสนาประจำ� ชาติ ทมี่ คี นนบั ถอื ในศาสนาพทุ ธ
มากที่สุด ๙๐ กว่าเปอรเ์ ซ็นต์ด้วยกนั

94  ทุกขย์ ่อมไมม่ ีแกผ่ ู้ไม่เกดิ

ประเทศไทยนี้เป็นดินแดนของพุทธอย่างแท้จริง
มน่ั คงด้วยพทุ ธบริษทั ๔ ไปอยทู่ ีอ่ ื่นนีจ้ ะร้สู ึกเลยว่า
เหงาวา้ เหว่ ไปอยตู่ า่ งแดนนจ้ี ะรสู้ กึ เลยวา่ ไมม่ ศี าสนา
พทุ ธ ศาสนาพทุ ธกลายเปน็ เหมอื นหยอ่ มตน้ ไมท้ อ่ี ยู่
กลางทะเลทราย ไม่ทราบเขาเรียกอะไรภาษาไทย
ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่าโอเอซิส ในทะเลทรายนี้
นานๆ จะไปเจอโอเอซิสสักอันหน่ึงท่ีมีแหล่งน้�ำให้
เราได้ด่ืมได้รับประทานกัน เวลาไปอยู่ต่างแดนน้ี
ก็เหมือนกัน เพราะวัดในพระพุทธศาสนาน้ีหายาก
บางทีต้องเดินทางกันไกลถึงได้เจอวัดสักวัดหนึ่ง
พอได้เห็นวัดแล้วจิตใจก็ชื่นข้ึนมา มีความสุขขึ้นมา
เพราะวัดนม้ี ีแต่ความร่มเย็นใหก้ ับจิตใจ

95พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต 

วัดเป็นแหล่งที่สอนให้จิตใจผลิตความร่มเย็นขึ้นมา พอได้เข้าสู่
บรเิ วณของวดั แลว้ ใจกร็ สู้ กึ เกดิ อาการรม่ รน่ื ขนึ้ มาทนั ที ความทกุ ข์
ยากล�ำบากวุ่นวายใจต่างๆ หายไปชั่วคราวทันที น่ีคือของวิเศษ
คอื พระพทุ ธศาสนา ที่พ่ึงทางใจ ไมม่ ที ่พี ง่ึ อันใดในโลกนีท้ จี่ ะเป็น
ท่ีพ่ึงทางใจได้เหมือนกับพระพุทธศาสนา เหมือนกับพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ พวกเรานจ้ี ึงเป็นเหมือนเกิดมาในหมอ้ แกง
มีพระพุทธศาสนาห้อมล้อมเราทุกทิศทุกทาง ไปเหนือล่องใต้
ไปตะวันตกตะวันออก มีวัดวาเต็มไปหมด แต่ถ้าเราไม่สนใจก็
ชว่ ยไมไ่ ด้ กเ็ ปน็ เหมอื นทพั พใี นหมอ้ แกง อยกู่ บั แกงแทๆ้ แตไ่ มร่ ู้
รสชาติของแกง อย่กู ับธรรมแทๆ้ แต่ไมร่ ้รู สของธรรมว่าเปน็ รส
ทเ่ี หนือกวา่ รสทงั้ ปวง กลับไปเห็นอย่างอนื่ เปน็ ของมคี ุณค่าแทน
ไปเห็นวัตถุต่างๆ เห็นความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกายเป็น
ความสุขกัน แลว้ ก็มาวนุ่ วายกนั มาทกุ ขก์ ัน เพราะมันไมไ่ ดเ้ ปน็
ความสขุ มนั เปน็ ความทกุ ข์ แตค่ วามหลงมนั หลอกใหห้ ลงวา่ เปน็
ความสขุ พอทกุ ขก์ บั มนั กย็ งั ไมร่ วู้ า่ เปน็ ทกุ ข์ แทนทจ่ี ะกระโดดหนี
ออกจากกองไฟ กลับพยายามที่จะไปท�ำให้กองไฟมันเย็นข้ึนมา
ท�ำยังไงมันก็ไม่เย็น ก็ยังพยายามหาความสุขจากลาภยศ
สรรเสริญ จากรูปเสียงกลิน่ รสโผฏฐพั พะกันอยู่ ทง้ั ๆ ทม่ี นั ทำ� ให้
เราตอ้ งรอ้ งหม่ รอ้ งไหเ้ ศรา้ โศกเสยี ใจ ใหเ้ ราเครยี ดใหเ้ ราวนุ่ วายใจ
ก็ยงั พยายามทจี่ ะไปหาความสุขจากมนั อยูน่ ั่น

96  ทุกขย์ ่อมไม่มีแกผ่ ้ไู มเ่ กิด



สิ่งที่ให้ความสุขแบบไม่มีความเครียดไม่มีความทุกข์น้ี
กลับไม่เข้าหากัน นไี่ มห่ ารสแหง่ ธรรม รสของความสงบนี่
คอื รสแหง่ ธรรมทจี่ ะใหแ้ ตค่ วามสขุ เพยี งอยา่ งเดยี ว จะไมม่ ี
ความหวาดกลวั วติ กกงั วล วนุ่ วายใจ เดอื ดเนอื้ รอ้ นใจไปกบั
ความสงบอันนี้ ความสงบน้ีให้ความร่มเย็นเป็นสุขเพียง
อยา่ งเดยี ว ใหค้ วามอมิ่ หนำ� สำ� ราญใจ ใหค้ วามอม่ิ ความพอ
ไมต่ อ้ งมอี ะไร ไมต่ อ้ งมแี มแ้ ตร่ า่ งกายก็ได้ ชว่ งทม่ี คี วามสงบ
กส็ ามารถสรา้ งความสขุ นใี้ หอ้ ยกู่ บั ใจไดต้ ลอดเวลา ทำ� ให้ใจ
ไมจ่ �ำเป็นต้องไปหาความสุขจากแหลง่ อ่ืนอีกตอ่ ไป ไมต่ ้อง
ใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือในการท่ีจะไปหาความสุขต่างๆ
ร่างกายจะแก่จะเจ็บจะตายก็ไม่เป็นปัญหาอะไร และถ้าไม่
ตอ้ งมรี ่างกายก็ไม่ต้องมาดูแลรา่ งกาย ไมต่ อ้ งมาทกุ ข์กบั
ร่างกาย ถา้ ไมเ่ กิดแล้วก็ไม่มีแก่ไมม่ ีเจบ็ ไมม่ ตี าย

98  ทกุ ข์ย่อมไมม่ แี ก่ผู้ไมเ่ กิด


Click to View FlipBook Version