96
อุทยานแห่งชาตนิ ำ้ ตกชาติตระการ
อุทยานน้ำตกชาติตะการมีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอชาติตระการ และอำเภอนครไทย
มีเนื้อที่ 543 ตารางกิโลเมตร ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันท่ี 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 สภาพ
โดยทั่วไปเป็นทิวเขาและภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำหลายสาย เช่น
แม่น้ำภาค แม่น้ำแควน้อย สภาพอากาศโดยทั่วไปอากาศเย็น อากาศหนาวมากในเวลากลางคืน
อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการมีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่สำคัญคือ น้ำตกชาติตระการ ซึ่งอยู่ใกล้
ที่ทำการอุทยานฯ เป็นน้ำตกสูง 7 ชั้น ประกอบไปด้วยชั้นท่ี 1 ชื่อว่า มะลิวัลย์ เป็นน้ำตกที่ตกจาก
ชอ่ งผาสูง 30 เมตร นำ้ ตกจะตกลงสูธ่ ารนำ้ ซึ่งมขี นาดใหญเ่ ปน็ แอง่ วงกลมเหมาะสำหรับลงเลน่ น้ำ บริเวณ
ริมแอ่งน้ำเป็นหาดทรายเล็ก ๆ สวยงามมาก ต่อมาเป็นชั้นที่ 2 ชื่อว่า กรรณิการ์ ไม่เหมาะต่อการลงเล่น
น้ำเพราะน้ำจะไหลวน ชั้นที่ 3 ชื่อว่า การะเกด ชั้นท่ี 4 ชื่อว่า ยี่สุ่นเทศ น่าลงเล่นน้ำ ชั้นท่ี 5 ชื่อว่า
เกศเมอื ง ช้นั ท่ี 6 ชื่อวา่ เรอื งยศ และชนั้ ท่ี 7 ชื่อว่า รจนา นอกจากนีย้ ังมีแหล่งท่องเที่ยวต่างๆท้ังถ้ำและ
นำ้ ตกท่อี ยูใ่ นพน้ื ที่
97
อทุ ยานแห่งชาตทิ งุ่ แสลงหลวง
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงมีเนื้อที่ 789,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอวังทอง อำเภอ
นครไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวดั พิษณุโลกและอำเภอเขาค้อ อำเภอวังโปง่ จงั หวดั เพชรบูรณ์ ชื่อของ
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงมาจากชื่อของ ทุ่งแสลงหลวง ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ทางด้านทิศใต้ของ
อุทยานฯ เป็นทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งเดียวของประเทศไทย ได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 29
มกราคม พ.ศ. 2506
พื้นทอ่ี ุทยานต้ังอยู่ในเขตทิวเขาเพชรบูรณ์ซง่ึ เป็นทวิ เขาที่วางตวั แนวเหนือ-ใต้ และเป็นเส้นแบ่ง
เขตระหว่างจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดเพชรบูรณ์ มีความสูงโดยเฉลี่ย 500 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ปานกลาง มียอดเขาที่สูงที่สุดคือ เขาแค สูง 1,028 เมตร เนื่องจากภูเขาบริเวณนี้เป็นภูเขาหินทราย
ลักษณะของภูเขาจะเป็นยอดตัดหรือมีที่ราบบนยอดเขา แต่บริเวณร่องเขาจะลึกและมีความลาดชันสูง
เนอ่ื งจากหนิ ทรายเป็นหนิ ท่ีง่ายต่อการถูกกัดเซาะ เปน็ แหล่งต้นนำ้ ลำธารท่สี ำคญั หลายสาย เช่น ห้วยเข็ก
ใหญ่ ห้วยเข็กน้อย ลำน้ำทุ่ม คลองชมพู คลองน้ำปอย คลองวังทอง ห้วยกอก เป็นต้น โดยทั่วไปอากาศ
จะหนาวเย็นมาก สภาพปา่ ในพืน้ ทีอ่ ุทยานฯประกอบไปดว้ ย ป่าดบิ ชืน้ ป่าดิบแลง้ ปา่ เบญจพรรณ ป่าเต็ง
รัง ทุ่งหญ้า และสัตว์ป่า อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงมีทรพั ยากรการท่องเที่ยวหลากหลายประเภทให้
นกั ทอ่ งเท่ียวไดเ้ ดินทางไปเยย่ี มชม โดยมีทที่ ำการอุทยานฯคอยดูแลให้บริการนกั ท่องเทยี่ วอยู่
98
อทุ ยานแหง่ ชาติแกง่ เจด็ แคว
อุทยานแก่งเจ็ดแคว ครอบคลุมพื้นที่วนอุทยานแก่งเจ็ดแคว ป่าสงวนแห่งชาติ ในท้องที่อำเภอ
วัดโบสถ์ ป่าสงวนแห่งชาติป่าสวนเมี่ยง ท้องที่ตำบลสวนเมี่ยง อำเภอชาติตระการ ป่าสงวนแห่งชาติ
เขากระยาง ในทอ้ งทตี่ ำบลหนองกระยาง ตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย ได้รับประกาศเป็นเขตอุทยานฯ
เมอื่ วนั ท่ี 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 มพี ื้นที่ 287 ตารางกิโลเมตร หรอื 179,375 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศ
ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 138 เมตรถึง 656 เมตร สภาพ
ความลาดชันของพื้นที่เขาสูงชัน สภาพป่าโดยทั่วไปประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา
ป่าดิบแล้ง หนาแน่นด้วยพรรณไม้ที่สำคัญและมีคุณค่าทางเศรษฐกิจนานาชนิด เช่น สัก มะค่าโมง แดง
ประดู่ ตะเคยี น ยาง ฯลฯ เปน็ แหล่งทีอ่ ย่อู าศัยของสัตวป์ ่าชนิดต่างๆ เช่น เกง้ หมูปา่ ลงิ ค่าง อีเห็น เม่น
กระต่าย นกหลายชนิด งูชนิดต่างๆ ตะกวด โดยเฉพาะสัตว์จำพวกปลามีมากมายหลายชนิด อุทยาน
แหง่ ชาติแก่งเจ็ดแคว มลี ำนำ้ แควน้อยไหลผ่าน กลางลำนำ้ มเี กาะแกง่ หลายแหง่ มีทรัพยากรการท่องเที่ยว
ในพื้นที่ที่น่าสนใจคือ ภูแดงร้อน หาดเจ็ดแคว แก่งโจน แก่งเตาเหล็ก เขากระยาง หนองหิน ฤดูกาล
ท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนพฤษภาคม โดย
นกั ทอ่ งเทีย่ วสามารถเทย่ี วชมน้ำตกและเล่นนำ้ ตก วา่ ยน้ำ ขจ่ี ักรยาน เดินป่า และล่องแก่งได้
99
ลานหนิ แตก
ลานหินแตกอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 1 กิโลเมตร
เป็นลานหินกว้าง 64,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 40 ไร่ ลักษณะเป็นลานหินที่มีรอยแตก เป็นแนว
ยาวเหมือนแผ่นดินแยกเป็นร่องลึกจำนวนมาก บางรอยก็มีขนาดแคบพอคนก้าวข้ามได้ แต่บางรอยก็มี
ความกวา้ งถึง 1 – 2 เมตร และมคี วามลกึ ไมส่ ามารถจะคะเนได้ บางชอ่ งมที างน้ำไหลอย่เู บือ้ งล่าง
ลักษณะทางธรณีวิทยาของลานหินแตกเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเมื่อ 45 ล้านปี
มาแล้ว หินเหล่านี้ถูกดันตัวให้โก่งตัวขึ้นจนมีลักษณะเหมือนประทุนคว่ำ และการโก่งตัวดังกล่าว ทำให้
หินเกิดรอยเหลื่อมหรือรอยเลื่อนเป็นแนวตั้งฉากกัน ส่วนรอยแตกและรอยร่องลึกส่วนหนึ่งเกิดจาก
กระบวนการทางธรรมชาติ ทำให้เกิดการผุพังทลายของหิน และถูกน้ำกัดเซาะ จนทำให้ลานหินแตก
มีสภาพ ดังเช่นที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน บริเวณลานหินแตกเต็มไปด้วย มอสส์ ไลเคน ตะไคร่ เฟิร์น ดอกไม้
กล้วยไม้ดิน และเอื้องหินต่างๆ ที่บานช่วงปลายฤดูฝน และเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคมจะมีกหุ ลาบ
พันปี สีขาวบานอยู่ทั่วบริเวณลานหิน อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าได้ทำทางเดินศึกษาธรรมชาติ
ความยาว 300 เมตร โดยมีสะพานข้ามรอยแตกของหิน หลายๆ ช่วงเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ
ผู้มาเยือน
100
ลานหินปุ่ม
ลานหินปุ่มอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 4 กิโลเมตร
อยู่ใกล้กับผาชธู ง ลักษณะเป็นลานหินกว้างเหนือหน้าผา มกี อ้ นหนิ ผุดขึ้นเป็นปุ่มไล่เล่ียกันกระจายอยู่ทั่ว
ลานหิน มีลักษณะการเกิดคล้ายกับลานหินแตกลานหนิ ปุม่ เกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลกเมื่อราว 45
ลา้ นปที แ่ี ล้ว จนเกดิ เป็นรอยแตกขนาดเล็กจำนวนมาก และถูกกดั เซาะจากน้ำและลม จงึ สึกกร่อนเป็นปุ่ม
หินกลมมนเตี้ยๆ ทั่วบริเวณ มีลักษณะความสูงราว 15 เซนติเมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 30
เซนติเมตร สภาพธรณีวิทยาบริเวณนี้เป็นหินทรายปนกรวดซึ่งเกิดจากการสะสมของตะกอนและเม็ด
ทรายใตท้ อ้ งน้ำในแมน่ ้ำ เมอ่ื 130 ล้านปมี าแลว้
นำ้ ตกหมนั แดง
น้ำตกหมันแดงอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ซึ่งเกิดจากห้วยน้ำ
หมันซึ่งมีน้ำตลอดปี มีต้นน้ำอยู่ยอดภูเขาหมัน น้ำตกหมันแดงมีทั้งหมด 32 ชั้น แต่ที่สามารถเข้าถึง
มีเพียง 9 ชั้นโดยลำดับการนับชั้นจะเริ่มต้นจากชั้นบนสุดซึ่งเป็นชั้นที่เข้าถึงก่อน ส่วนน้ำตกชั้นถัดไป
จะลดหลั่นลงไปในหุบเขาธารน้ำตกแตล่ ะช้ันของน้ำตกหมนั แดงเป็นสายน้ำท่ีไหลแรง ทำให้พื้นที่บริเวณ
โดยรอบมีความชุ่มช้ืน เป็นแหล่งไมด้ อกขนาดเล็กที่ต้องการความชุ่มชื้นสูง อย่างกล้วยไมล้ ้ินมังกรสีชมพู
และบีโกเนียสีขาว ออกดอกตามก้อนหิน ซึ่งพบได้บริเวณชั้น 5 ของน้ำตกในช่วงเดือนกรกฎาคม
101
ถึง สิงหาคม นอกจากนี้ยังมีรอยเท้าไดโนเสาร์กินเนื้อมากกว่า 20 รอย บริเวณลานหินของน้ำตก
การเข้าถึงน้ำตกหมันแดง สามารถทำได้โดยใช้เส้นทางเดินป่า ระยะทาง 3 กิโลเมตร เป็นเส้นทางลงหุบ
เขาที่ชันและลื่น ต้องใช้ความระมดั ระวงั ในการเดนิ ทาง
น้ำตกสายทพิ ย์
น้ำตกสายทิพย์ อยู่ในเขตอทุ ยานแห่งชาติภูสอยดาว อยู่ในหุบเขาทางดา้ นตะวนั ออกของปา่ สน
ภูสอยดาว เกิดจากลำธารซึ่งรองรับน้ำฝนจากลานสน มีทั้งหมด 7 ชั้น ความสูงแต่ละชั้นอยู่ระหว่าง
5 -10 เมตร น้ำจากน้ำตกสายทิพย์จะไหลไปรวมกับลำน้ำภาค ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำแดงน้อย อยู่ใน
อำเภอชาติตระการ ฤดูฝนน้ำจะไหลแรง และมีน้ำไหลตลอดปี ทางไปน้ำตกเป็นหุบเขาค่อนข้างลาดชัน
สภาพปา่ โดยรอบนำ้ ตกมคี วามชมุ่ ช้ืนมาก บนพ้ืนผิวของกอ้ นหินรมิ น้ำเต็มไปด้วยพชื จำพวกมอสส์ ตะไคร่
นำ้ และไลเคน นอกจากนยี้ ังมเี ฟริ ์นชนิดต่างๆ เช่น เฟริ น์ ตนี ตุ๊กแก เฟริ ์นขา้ หลวง และอกี หลายพันธุ์ รวม
ไปถงึ ดอกไม้ป่าและกลว้ ยไมป้ ่าต่างๆ เช่น ดอกเอ้ืองดิน ซ่ึงเป็นพันธไ์ุ ม้หายาก และยังมีต้นมะขามโบราณ
ต้นหวาย ต้นกล้วยป่า รวมไปถึงเห็ดต่างๆทั้งชนิดที่กินได้และกินไม่ได้ มีน้ำตลอดปี ทำให้ป่ารอบข้าง
น้ำตกหนาแน่นไปด้วยพรรณไม้ต่างๆ
น้ำตกวังนกแอน่
น้ำตกวังนกแอ่น อยู่ภายในสวนรุกชาติสกุโณทยาน ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง เป็นน้ำตก
ขนาดเล็กที่เกิดจากหน้าผาสูงราว 10 เมตร ในแม่น้ำวังทอง ซึ่งเป็นสายเดียวกับลำน้ำเข็ก บริเวณ
โดยรอบ มีพรรณไม้ต่างๆ มีป้ายชื่อต้นไม้กำกับไว้ ด้านทิศตะวันตก มีพลับพลา สร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จ
102
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวและสมเด็จพระนางเจา้ ฯพระบรมราชินนี าถ คราวเสด็จประพาสภาคเหนือ
เมื่อวันท่ี 28 กันยายน 2501 ด้านทิศตะวันออกมีศาลาริมน้ำ ใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรทิวทัศน์
สองฝง่ั ลำน้ำวังทอง
น้ำตกผาลาด
น้ำตกผาลาดตั้งอยู่ที่บ้านห้วยน้ำไซ ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ
ภหู ินร่องกล้า เปน็ น้ำตกไม่สูงนัก แตม่ ีน้ำตลอดปี เหตุท่ีชื่อวา่ น้ำตกผาลาดเพราะสายน้ำจะไหลตามผาหิน
เป็นทางลาดลงมา บริเวณใกล้กับน้ำตกจะมีหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง บ้านห้วยน้ำไซ และองค์การ
การพลังงานแห่งชาติ ที่ใช้น้ำตกแห่งนี้ในการสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ เพื่อใช้ในบริเวณ
ใกล้เคียง
น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร
น้ำตกรม่ เกลา้ -ภราดร เป็นกลมุ่ นำ้ ตก 2 แหง่ ท่อี ยูต่ ิดกัน อยใู่ นเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ลักษณะน้ำตกทั้งสองคล้ายกนั และอยู่บนลำธารเดยี วกัน โดยนำ้ ตกรม่ เกลา้ อยทู่ างด้านเหนือนำ้ และน้ำตก
ภราดรอยขู่ ้างล่าง ลกั ษณะเป็นนำ้ ตกขนาดย่อม ตวั น้ำตกไม่ใหญน่ ักเกดิ จากการพังทลายของช้ันหินทราย
เป็นหน้าผาตัดชัน และมีกลุ่มหินที่เกิดจากการพังทลายอยู่ด้านล่างน้ำตก บริเวณโดยรอบตัวน้ำตก
103
มคี วามชมุ่ ชน้ื ตามโขดหินมี มอสส์ ปกคลมุ ท่วั บริเวณ สภาพแวดลอ้ มโดยรอบเปน็ ปา่ ดงดิบท่ียงั คงมีความ
บริสุทธ์ิ ในช่วงฤดูฝนน้ำตกทั้งสองแห่งนี้ จะมีปริมาณน้ำมากและไหลแรงไม่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ
ส่วนในฤดูหนาว-ฤดูร้อนน้ำตกทั้งสองแห่งจะมีปริมาณน้ำน้อยจนไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ การเดินทาง
เข้าสู่น้ำตก สามารถเข้าถึงได้โดยทางเท้าระยะทางประมาณ 800 เมตร ส่วนสภาพเส้นทางเป็นทางลง
หุบเขาทช่ี ันและลน่ื ควรระมัดระวัง
นำ้ ตกปอย
น้ำตกปอยอยู่ที่บ้านปากน้ำปอย ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ
ทุ่งแสลงหลวง เป็นน้ำตกชั้นเดียว ตั้งอยู่ในบริเวณของสวนป่ากระยางในความดูแลขององค์การ
อุตสาหกรรมป่าไม้ น้ำตกปอยเป็นน้ำตกท่ีอยู่ในลำน้ำเข็ก ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ที่ทิวเขาเพชรบูรณ์ ลักษณะเป็น
ชั้นหินลดหลั่นเปน็ ชั้นๆสงู ราว 20 เมตร พื้นที่บริเวณโดยรอบน้ำตกมแี อ่งน้ำกระจายอยู่ทั่วลานหิน มีพืช
นำ้ หลายชนิดข้ึนอย่ตู ามแนวโขดหิน
น้ำตกนาจาน
น้ำตกนาจานอยูท่ ่ีบ้านนาจาน ตำบลชาติตระการ อำเภอชาตติ ระการ อยู่ในเขตอทุ ยานแห่งชาติ
น้ำตกชาติตระการ เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีทั้งหมด 7 ชั้นสามารถเข้าถึงโดยเส้นทางเดินเท้าทีเ่ ชื่อมไปยัง
น้ำตกชั้นต่างๆ รวมระยะทาง 3 กิโลเมตร โดยน้ำตกชั้นที่ 1 มีความสูงไม่มากนัก มีหินสวยงามอยู่มาก
104
ชั้นท่ี 2 สูง 7 – 10 เมตร ชั้นที่ 3 มีลักษณะเป็นสายน้ำ 3 สาย ไหลลงหน้าผาสูงราว 20 เมตร กว้าง 50
เมตร ช้ันที่ 4 – 7 อยู่ใกล้กนั มคี วามสูง 30 เมตร สภาพเสน้ ทางจะมคี วามลาดชนั ปานกลาง บริเวณนำ้ ตก
นาจานมีธรรมชาติทีส่ มบูรณ์เปน็ แหลง่ อาศยั ของนก ผเี สื้อ รวมท้ังพรรณไม้ กล้วยไม้ต่าง ๆ หลายชนดิ
ถ้ำนเรศวร
ถ้ำนเรศวร อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย อำเภอเนินมะปราง และอยู่ในเขต
รักษาพันธ์สัตว์ป่าผาท่าพล ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกทางธรรมชาติของท้องถิ่นอันควรอนุรักษ์
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 ลกั ษณะเปน็ ถ้ำในภูเขาหินปูนลกึ 150เมตร ปากถ้ำอยู่สูงกว่าพื้นดิน
100 เมตร เดิมถำ้ นี้ชือ่ วา่ ถ้ำโอ่ง เพราะชาวบ้านเห็นวา่ บริเวณปากถ้ำมีลักษณะกลมเหมือนปากโอ่ง และ
เคยมีการค้นพบโอ่งและเครื่องปั้นดินเผาภายในถ้ำ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ เป็นจำนวน
มาก และยังเป็นที่อยู่ของค้างคาวจำนวนมากหลายชนิดอีกด้วย ในปี พ.ศ. 2522 มีการเปลี่ยนชื่อเป็น
ถ้ำนเรศวรเนื่องจากพบหินงอกหินย้อยรูปร่างคล้ายพระมาลาเบี่ยง ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทรงสวมขณะทำสงครามยทุ ธหัตถี
105
น้ำตกแก่งโสภา
น้ำตกแก่งโสภาอยู่ที่ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดในเขตอุทยานฯ เกิดจากลำน้ำเข็ก ไหลผ่านหน้าผาขนาดใหญ่ และมีแก่งหิน
3 ชั้น กว้าง 80 เมตร สูง 40 เมตร สภาพป่าโดยรอบร่มรื่น ทางอุทยานได้จัดเป็นพื้นที่พักผ่อน ของ
นักท่องเที่ยว สภาพตอนบนของน้ำตกเป็นพื้นหินทรายเรียบ ส่วนตอนล่างเป็นโขดหินใหญ่ ซึ่งเป็น
ชิ้นส่วนของชั้นหินที่เกิดการพังทลายจนกว่าเป็นชั้นน้ำตก ในช่วงที่น้ำน้อยจะเห็นน้ำตกไหลลดหลั่น
เปน็ ชั้นตา่ ง ๆ 3 ชนั้
น้ำตกแกง่ ซอง
น้ำตกแก่งซอง อยู่ที่ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง อยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12
(พิษณุโลก – หล่มสัก) อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ตัวน้ำตกเกิดจากลำน้ำเข็ก
ลดระดับทำให้ธารน้ำมีลักษณะเป็นน้ำตกมีขนาดใหญ่ มีพื้นที่พักผ่อนบริเวณลานหินเหนือน้ำตก และมี
บ้านเรอื นของประชาชนตั้งอยูร่ ายรอบบริเวณ มีสะพานแขวนทอดขา้ มลำน้ำ ไปอยยู่ งั หมบู่ ้านท่ีอยู่ฝ่ังตรง
ข้าม มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และบริการล่องแก่งลำน้ำเข็ก ซึ่งล่องได้ในฤดูน้ำหลากระหว่างเดือน
สิงหาคมถงึ เดอื นตลุ าคม
106
ถำ้ เดือนถำ้ ดาว
ถ้ำเดือนถ้ำดาว อยู่ในความดูแลของหน่วยพิทักษ์อุทยาน สล.6 บ้านมุง ตำบลบ้านมุง อำเภอ
เนนิ มะปราง เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตอทุ ยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ทางดา้ นทศิ ตะวนั ตกเป็นถ้ำหินปูน
ที่ค่อนข้างยาวและใหญ่ จากปากถ้ำเข้าไปถึงก้นถ้ำมีความยาว 1.4 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นถ้ำน้ำลอด
ปากถ้ำเป็นธารน้ำไหลผ่านกลุ่มโขดหินจำนวนมาก การเดินทางเข้าปากถ้ำต้องปีนป่ายไปตามโขดหิน
เหล่านี้ ในถ้ำมีลักษณะคล้ายห้องโถงสูงใหญ่ มีธารน้ำไหลเป็นแอ่งลึกบ้าง ตื้นบ้าง มีหินงอกหินย้อย
ซึ่งมี เกล็ดแร่ซิลิกาเคลือบอยู่ เมื่อต้องแสงไฟจะสะท้อนแสงเป็นประกายคล้ายแสงดาว จึงเป็นที่มา
ของชื่อถ้ำเดือนถ้ำดาว ช่วงที่เหมาะแก่การเข้าชมคือ ในฤดูแล้ง และต้องนำไฟฉายติดตัวไปด้วย ฤดูฝน
ไม่เหมาะแก่การเยย่ี มชม เนือ่ งจากปรมิ าณน้ำมากและอันตราย นกั ทอ่ งเท่ียวสว่ นใหญ่มักนิยมไปพักผ่อน
เน่อื งจากหน้าถำ้ มีบรรยากาศท่รี ม่ รื่น และมีลำธารทไ่ี หลลงมาจากแอง่ ใกล้ปากถ้ำ สามารถลงเลน่ ได้
ตลาดไนท์บาซาร์
ตลาดไนท์บาซาร์ตั้งอยู่บริเวณริมถนนติดลำน้ำน่านฝั่งตะวันออก ขนานแนวตลิ่ง เริ่มตั้งแต่
เชิงสะพานเอกาทศรถ ไปจนถึงบริเวณหน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมระยะทาง 2 กิโลเมตร เป็นแหล่ง
รวมร้านค้าต่าง ๆ ทั้งแบบร้านแผงลอยและรา้ นค้าในอาคารแบบถาวร จำหน่ายสินค้าทัง้ สิ่งของเคร่อื งใช้
อาหาร เคร่ืองประดบั เส้ือผ้า และของทีร่ ะลกึ รวมทัง้ ร้านนวดแผนโบราณ รา้ นจำหน่ายเครอ่ื งด่มื จึงเปน็
107
ที่นิยมของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป โดยตลาดไนท์บาซาร์จะเปิดในเวลาประมาณ 17.30 –
23.00 น.
เขอื่ นนเรศวร
เขื่อนนเรศวร เป็นเขื่อนคอนกรีตทดน้ำขนาดใหญ่สร้างปิดกั้นแม่น้ำน่านที่บ้านหาดใหญ่ อำเภอ
พรหมพิราม สร้างในช่องลัดของลำน้ำน่าน เสร็จเมื่อ พ.ศ. 2523 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงเสดจ็ พระราชดำเนนิ เปิดเข่ือนเม่อื ปี 2525 เขอื่ นนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชนจ์ ากนำ้ ท่ีระบายจากเขื่อน
สิริกิต์ิท่ีอยู่ทางด้านเหนือน้ำ เพื่อทดน้ำส่งไปตามระบบส่งน้ำให้แก่พื้นที่เพาะปลูกทั้งสองฝั่งแม่น้ำใน 3
จังหวัด คือ พิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ บริเวณเขื่อนมีทรัพยากรธรรมชาติสวยงาม อยู่ไม่ห่างไกล
จากแหล่งชุมชน การเดินทางเข้าถึงง่าย มีร่มไม้ที่ให้อากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย ไม่ร้อนอบอ้าวมีทิวทัศน์
งดงามตามธรรมชาติ มีหอประชุมและบา้ นพกั ทันสมัย เป็นสถานทพ่ี กั ผอ่ นหย่อนใจอีกแห่งของจังหวดั
เขตหา้ มล่าสัตวป์ า่ ถ้ำผาทา่ พล
เขตห้ามล่าสตั ว์ป่าถำ้ ผาท่าพล เป็นพื้นท่ีส่วนหนึ่งของป่าสงวนแห่งชาติปา่ ลุ่มน้ำวังทองดา้ นซ้าย
ในท้องที่อำเภอเนินมะปรางมีเน้ือที่ 2.80 ตารางกโิ ลเมตร (1,755 ไร)่ มสี ัตวป์ ่า 61 ชนิด และมีชนิดที่หา
ยากคือ เลียงผา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่า กระทรวงเกษตร
108
และสหกรณ์ จึงประกาศให้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังทองด้านซ้ายเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2526 ภูมิประเทศในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล เป็นเขาหินปูน อยู่บนที่ราบ
ทอดตัวยาวตามแนวเหนือใต้ กวา้ ง 1 กิโลเมตรยาว 2.4 กโิ ลเมตร มีหน้าผาสูงชันเวา้ แหว่ง มียอดสูงที่สุด
236 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีที่ราบตามบริเวณหุบเขา และมีลำห้วยซึ่งน้ำไหลผ่านตลอดปี
ด้านหน้าปลูกพืชไร่ ด้านหลังเขาเป็นป่ามีสัตว์นานาชนิด ภูเขาหินปูนที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพลน้ี
อยู่ในมหายุคพาลีโอซีน และอยู่ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส มีอายุราว 360 – 286 ล้านปีมาแล้ว เป็นภูเขา
หินปูนหน้าผาสูงชัน มีลักษณะคล้ายรูปเกือกม้า หินปูนบริเวณนี้ส่วนมากเกิดจากการทับถมของ
เปลือกหอย พลับพลึงทะเลหรือปะการัง มีการตกตะกอนทางเคมีอยู่น้อยมาก จากการศึกษาซากดึกดำ
บรรพท์ ำให้ทราบวา่ บรเิ วณนเ้ี คยเป็นทะเลมากอ่ น สง่ิ ทีน่ ่าสนใจได้แก่ ถำ้ ต่างๆ เช่น ถ้ำเรือ ถ้ำน้ำ ถ้ำสิงโต
ถำ้ อุโมงค์ ถ้ำพญาค้างคาว ถ้ำหมี ถำ้ ดอกบัว ถำ้ เตา ถ้ำลอด ถำ้ นเรศวร เป็นตน้
นอกจากนี้ยังพบภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ รูปมือคนบนเพิงผาหิน และอักษรญี่ปุ่น
โบราณสลักบนก้อนหิน พรรณไม้และร่องรอยสัตว์ป่าต่างๆ ที่มักพบระหว่างทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ
เหมาะแก่การทัศนศึกษาเชิงนิเวศ มาสามารถติดต่อขอข้อมูลได้จากเจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางมาถึงยัง
สำนักงานเขต การเที่ยวชมถ้ำต่างๆ ต้องนำไฟฉายติดตัวมาด้วย ในช่วงฤดูฝนถ้ำบางแห่งไม่สามารถ
เข้าชมได้ เนื่องจากมีน้ำท่วมพ้ืนถ้ำ
เขอื่ นแควน้อยบำรงุ แดน
เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เป็นเขื่อนที่กั้นลำน้ำแควน้อยบริเวณบ้านเขาหินลาด ตำบลคันโช้ง
อำเภอวัดโบสถ์ เดิมมีชื่อว่า เขื่อนแควน้อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต่อมาพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยหู่ ัวภูมิพลอดลุ ยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานชอื่ เป็น เขอื่ นแควน้อยบำรุงแดน
ซึ่งหมายถึง เขื่อนแควน้อยที่ทำให้มีความเจรญิ ขึ้นในเขตพืน้ ท่ีสบื เนือ่ งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั
ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาลุ่มน้ำแควน้อยในปี 2525 ณ บริเวณเขื่อนนเรศวร
บา้ นหาดใหญ่ ตำบลพรหมพริ าม โดยเหน็ ควรใหก้ อ่ สรา้ งเขื่อนแควน้อย เพอ่ื บรรเทาอทุ กภัยในเขตลุ่มน้ำ
แควน้อยตอนลา่ ง และจดั หานำ้ สนบั สนนุ โครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ รวมทั้งจดั หาน้ำให้หมู่บ้าน
ต่างๆ ในเขตอำเภอวัดโบสถ์ เพื่อทำการเพาะปลูกได้ตลอดปี ภายในเขื่อนมีจุดชมวิวทิวทัศน์หลายจุด
สามารถน่ังรถลากหรือขี่จักรายานชมเขื่อนเพื่อชมทัศนียภาพรอบ ๆ เขื่อน นอกจากตัวเขื่อนแล้ว
ยังมีพนื้ ท่ีกกั เก็บน้ำของเขอ่ื นทเ่ี รยี กวา่ หาดเจ็ดแคว ซง่ึ เดมิ เปน็ พน้ื ทส่ี ว่ นหนง่ึ ของอทุ ยานแหง่ ชาติ
109
แกง่ เจ็ดแคว และได้นำมาใชเ้ ปน็ พ้ืนทห่ี นึ่งในการกักเก็บน้ำ จึงทำให้พนื้ ท่ีแกง่ เจ็ดแควทงั้ หมด จมอยู่ใต้น้ำ
ทางผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านแก่งเจ็ดแควได้รวมกลุ่มกันพัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้เป็นการท่องเที่ยว
เชงิ อนรุ กั ษ์ โดยมีชมุ ชนเปน็ แกนนำ ซึ่งไดต้ ัง้ ชอ่ื แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วข้นึ มาใหม่แทน คอื หาดเจด็ แคว
110
บคุ คลสำคัญ ปราชญช์ าวบ้านและ
ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่ิน
ในจังหวัดพษิ ณุโลก
ภูมิปัญญาทอ้ งถิน่ ในจังหวดั พษิ ณโุ ลก
111
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงมีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ สมภพเมื่อวันพฤหัสบดี ปีเถาะ
พ.ศ. 2098 ณ พระราชวังจันทน์ จังหวัดพิษณุโลก เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช
และ พระวสิ ทุ ธกิ ษัตริย์ ทรงมีพระพี่นางทรงพระนามว่า พระสุพรรณกัลยาณี และพระอนชุ าทรงพระนาม
ว่า สมเด็จพระเอกาทศรถ หรือพระองค์ขาว ขณะทรงพระเยาว์ สมเด็จพระชนกทรงพระยศเป็น
เจา้ ขัณฑสีมา ครองเมอื งพษิ ณุโลก มอี ำนาจบงั คับหวั เมืองฝา่ ยเหนือ
พ.ศ. 2103 พระเจ้ากรุงหงสาวดีบุเรงนอง ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จ และทรง
ขอพระองค์ดำ ซึ่งมีพระชนมายุ 9 ชันษา ไปเป็นองค์ประกัน ณ กรุงหงสาวดี พ.ศ. 2112 ปีมะโรง
ทรงตามเสด็จมากับ กองทพั หลวงของพระเจ้ากรุงหงสาวดบี ุเรงนองมาตีกรุงศรีอยุธยา ศึกคร้ังน้ีไทยพ่าย
แพ้พม่ายับเยิน พม่าได้สถาปนาพระมหาธรรมราชาขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงศรีอยุธยา ในฐานะเมือง
ประเทศราช สมเด็จพระมหาธรรมราชาจึงขอ "พระองค์ดำ" พระราชโอรสให้กลับมาช่วยเหลืองาน
ภารกิจของบ้านเมืองในฐานะอุปราช พระเกียรติคุณ พ.ศ. 2113 เสด็จออกร่วมรบกับทหารโดยขับไล่
กองทัพเขมรได้สำเร็จ พ.ศ. 2114 ได้รับสถาปนาให้ปกครองเมืองพิษณุโลก เมื่อพระชนมายุ 16 พรรษา
พ.ศ. 2117 เสด็จไปรบที่เวียงจันทน์ เผอิญทรงประชวรเป็นไข้ทรพิษ จึงเสด็จกลับ พ.ศ. 2121 ทรงทำ
สงครามขับไล่พระยาจีนจันตุออกไปจากกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2127 ทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง
และกวาดต้อนคนไทยกลับพระนคร พ.ศ. 2127-2130 พม่ายกกองทัพมาตีไทยถึง 4 ครั้ง แต่ถูกไทยตี
แตกพ่ายกลับไป พ.ศ. 2133 ทรงเสด็จครองราชย์ ณ กรุงศรีอยุธยาเมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา พ.ศ.
2135 ทรงทำสงครามยุทธหตั ถี และมังกะยอชะวา สน้ิ พระชนม์ พ.ศ. 2136 ทรงยกกองทพั ไปตเี ขมรและ
จับพระยาละแวกทำพิธีปฐมกรรม พ.ศ. 2138 และ พ.ศ. 2141 ทรงกรีฑาทัพไปตีกรุงหงสาวดี ครั้งท่ี 1
และครั้งที่ 2 พ.ศ. 2148 ทรงกรีฑาทัพไปตีกรุงหงสาวดี เมื่อไปถึงเมืองหางหรือเมืองห้างหลวง ทรงพระ
ประชวร เป็นหัวระลอกขึ้นที่พระพักตร์ เสด็จสวรรคต ณ ทุ่งแก้ว เมืองห้างหลวง ตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ
เดอื น 6 ปีมะเสง็ พระชนมายุ 50 พรรษา ครองราชย์สมบตั ิได้ 15 ปี
112
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ มีพระนามเดมิ ว่าพระราเมศวร เปน็ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระบรม
ราชาธิราชท่ี 2 (เจ้าสามพระยา) แห่งกรุงศรีอยุธยา และเจ้าหญิงสาขา พระราชธิดาในสมเด็จพระมหา
ธรรม ราชาท่ี 2 (พญาเลอไท) แห่งกรุงสุโขทัย ประสูติเมื่อ พ.ศ.1974 ณ พลับพลาประชุมพลที่ทุ่งพระ
อุทัย จังหวัด พระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 1981 พระชนมายุ 7 พรรษา ทรงเสด็จขึ้นไปครองเมืองพิษณุโลก
พ.ศ.1991 พระชนมายุ 17 พรรษา ทรงครองราชย์ ณ กรุงศรีอยุธยา และระหว่าง พ.ศ. 2006-2031
ทรงครองราชยท์ ี่ เมอื งพิษณโุ ลก นานถึง 25 ปี
พระเกียรติคุณด้านการปกครอง ระหวา่ งทีท่ รงครองราชย์ทีเ่ มืองพิษณโุ ลก พระองคท์ รงใช้ความ
ผูกพันทางเครอื ญาติ รวมหวั เมืองฝา่ ยเหนอื เขา้ กบั หวั เมอื งฝา่ ยใตไ้ ด้อยา่ งสัมฤทธิ์ผล โดยไมเ่ สยี เลือดเนื้อ
ทรงปรับปรุง การบริหารราชการแผ่นดินออกเป็นฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน ทรงปรับปรุงตำแหน่ง
ขา้ ราชการเป็น ขุน หลวง พระ พระยา ฯลฯ และทรงตรากฎหมายพระราชกำหนดศักดนิ า กฎหมายฉบับ
นีไ้ ดร้ ับการพัฒนาและใช้เร่ือยมาจนถึงสมัยกรงุ รตั นโกสินทรต์ อนต้น
ดา้ นศาสนา ศลิ ปวัฒนธรรมและวรรณคดี
1. ทรงปฏิสังขรณ์วัด เจดีย์ พระวิหาร พระพุทธรูป เช่น สร้างเรือนแก้วครอบองค์พระพุทธ
ชนิ ราช ซ่อม แซมวหิ ารพระพทุ ธชินราช และสรา้ งพระปรางค์ เปน็ ต้น
2. ทรงผนวชทีว่ ดั จุฬามณี นานถึง 8 เดอื น 15 วนั
3. ทรงสร้างปราสาทราชวังที่พระราชวังจันทน์ จากหลักฐานการขุดค้นทางโบราณคดี
พบท้องพระโรง พระตำหนัก ทรงเปลย่ี นช่ือเมืองสองแควเปน็ เมืองพษิ ณุโลก
4. ทรงพระนิพนธ์วรรณคดีชั้นยอดเยี่ยมของไทย เช่น มหาชาติคำหลวง ลิลิตยวนพ่าย ลิลิต
พระลอ ฯลฯ ด้านสงคราม ทรงทำศึกสงครามป้องกันหัวเมืองฝ่ายเหนือจากศัตรไู ด้สำเร็จและทรงยกทพั
ไปตเี มืองล้านชา้ ง เมอื งเวยี งจันทน์ เมอื งหลวงพระบาง เมอื งทวาย เปน็ ตน้
พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลไิ ท)
พระมหาธรรมราชาท่ี 1 ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าเลอไท และเป็นพระนัดดาของพระ
เจ้ารามคำแหงมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ราชวงศ์พระร่วง ครองกรุงสุโขทัย เมื่อ พ.ศ. 1890 -
พ.ศ. 1912 (1914) กอ่ นข้ึนครองราชสมบัตทิ รงดำรงตำแหน่งอปุ ราช ครองเมอื งศรสี ชั นาลัย ต้งั แต่ พ.ศ.
1883 - พ.ศ.1890 ใน พ.ศ. 1890 เมื่อพระยางั่วนำถม พระมหากษัตริย์ครองราชสมบัติ ณ กรุงสุโขทัย
ได้เสด็จสวรรคตได้เกิดการจราจลชิงราชสมบัติกรุงสุโขทัยขึ้น พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไท) ทรง
สามารถยกกองทัพมาปราบปรามศัตรูได้หมดส้นิ และเสดจ็ ข้นึ ครองราชสมบัติ เปน็ พระมหากษัตริย์องค์ที่
6 แห่งราชวงศ์พระร่วงเฉลิมพระนามว่า ศรสี ุรยิ พงศ์รามมหาธรรมราชาธิราช
เมื่อพระมหาธรรมราชาท่ี 1 (พระยาลิไท) เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
พระเจ้าอู่ทอง ได้ส่งกองทัพจากศรีอยุธยามาโจมตี และยึดเมือง พิษณุโลก (สองแคว) ไว้ได้ ทำให้
อาณาจักรสุโขทัยเกิดความไม่มั่นคง และไม่ปลอดภัย เพราะเมืองพิษณุโลกอยู่ใกล้กับสุโขทัยมาก ดังน้ัน
พระมหาธรรมราชาท่ี1 (พระยาลิไท) จึงทรงส่งคณะราชฑูต ไปขอเจริญพระราชไมตรีกับสมเด็จพระ
รามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)และได้ขอเมืองพิษณุโลกคืนจากสมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
ซึ่งก็ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ หลังจากนั้นพระมหาธรรมราชาท่ี 1 (พระยาลิไท) ก็ทรงเสด็จไป
ประทับอยู่ ณ เมืองพิษณุโลก เป็นเวลา 7 ปี คือ ตั้งแต่ พ.ศ. 1905 - พ.ศ. 1912 เพื่อป้องกันมิให้ทาง
กรุงศรีอยุธยา ส่งกองทัพไปรุกรานกรงุ สุโขทัยและทรงมอบให้พระขนิษฐาองค์หนึ่งของพระองค์ปกครอง
113
กรุงสโุ ขทยั แทน ในปี พ.ศ. 1912 สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ี่ 1 (พระเจ้าอูท่ อง) เสดจ็ สวรรคต พระมหาธรรม
ราชาที่ 1 (พระยาลิไท) ไดเ้ สด็จกลับไปครองกรงุ สโุ ขทยั ดังเดิม
พระราชกรณยี กจิ ทีส่ ำคัญในรชั สมัยของพระองค์มีดังน้ี
1. ทรงรวบรวมราชอาณาจักรสุโขทัยให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และขยายพระราชอำนาจ
ออกไปได้เมืองระหว่างแควจำปาสักกับแม่น้ำปิง จนจดแม่น้ำน่านทางทิศเหนือมาไว้ในราชอาณาจักร
สุโขทยั
2. ด้านศาสนา พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไท) ทรงมีบทบาทสำคัญในการทำนุบำรุงและ
เผยแพรพ่ ระพุทธศาสนา กลา่ วคือ ไดส้ ง่ พระสงฆอ์ อกไปเผยแพร่ พระพุทธศาสนายังท่ีต่าง ๆ เชน่ ที่เมือง
เชียงใหม่ พิษณุโลก อยุธยา และหลวงพระบาง ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมพระเจดีย์เมืองนครชุม
(กำแพงเพชร) พ.ศ. 1902 ทรงประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่เขาสุมนกุฏ ซึ่งอยู่นอกเมืองสุโขทัย พ.ศ.
1904 โปรดให้สรา้ งวัดปา่ มะม่วง (สุโขทัย) พระองค์ทรงมีความเคารพเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา
มาก ได้ผนวชเป็นสามเณรในพระราชมณเฑียร และผนวชเป็นพระภกิ ษุทว่ี ดั ปา่ มะมว่ ง ในกรุงสุโขทยั ทรง
โปรดให้หล่อพระพุทธรูปปางมารวชิ ยั มีขนาดเทา่ กบั องค์พระพุทธเจา้ ถวายพระนามวา่ พระศรีศากยมุนี
ประดิษฐานทีพ่ ระวิหารวดั พระศรีรตั นมหาธาตุ สโุ ขทยั
3. ด้านภาษาและวรรณคดี พระองค์ทรงมีความเชี่ยวชาญในด้านภาษาและวรรณคดีเป็นพิเศษ
ดังมีหลักฐานปรากฏในหนังสือไตรภูมิพระร่วง ว่าพระมหาธรรมราชาท่ี 1 (พระยาลิไท) ทรงนิพนธ์ขึ้น
ใน พ.ศ.1888 ครั้งยังดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปราช ครองเมืองศรีสัชนาลัย หนังสือไตรภูมิพระร่วงน้ี
ซึ่งเป็นวรรณคดีที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา นับเป็นวรรณคดีไทยชั้นเยี่ยมเล่มแรกของไทย และทรง
โปรดเกล้าฯ ให้จารึกเรื่องราวต่าง ๆ ในรัชสมัยของพระองค์ลงในแผ่นศิลา โดยเฉพาะศิลาจารึก
กรงุ สโุ ขทยั หลกั ที่ 4 ซึง่ มีคณุ คา่ ยิง่ ตอ่ การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรไ์ ทยในสมัยสุโขทัย และประวตั ศิ าสตร์ เมือง
พษิ ณุโลกเปน็ อย่างยง่ิ - พระราชกรณียกิจขณะทรงประทับอยู่ ณ เมอื งพษิ ณโุ ลก พระมหาธรรมราชาที่ 1
(พระยาลไิ ท) ทรงประทับอยู่ ณ เมอื งพิษณโุ ลก เป็นเวลา 7 ปี ไดท้ รงสร้างเมอื งพิษณโุ ลก และพระราชวัง
ขึ้น ทางฝั่งตะวันตกของ แม่น้ำน่าน คือ พระราชวังจันทน์ ทรงสร้างปูชนียสถานและปูชนียวัตถุที่สำคญั
คอื ทรงสรา้ งวดั พระศรรี ตั นมหาธาตุวรมหาวหิ าร หล่อพระพทุ ธชินราช ซ่ึงเป็น พระพุทธรูปท่ีงดงามท่ีสุด
ในประเทศไทย พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นำต้นโพธิ์จากลังกามาปลูกไว้ที่
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พิษณุโลก จากพระราชกรณียกิจที่พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยา
ลิไท) ได้ทรงกระทำแล้ว นับว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์องค์แรกที่ทรงวางรากฐาน และสร้าง ความ
เจริญในจงั หวัดพษิ ณุโลก
เจ้าพระยาจกั รี
เจ้าพระยาจักรี เดิมชื่อ นายทองด้วง เป็นชาวพระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อทองดี มารดาชื่อ หยก
มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ได้รับแต่งตั้งจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชให้เป็นเจ้าพระยาจักรี ใน พ.ศ.
2314 ตอ่ มาเม่ือข้ึนครองราชยท์ รงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก อภเิ ษกสมรสกับ
นางสาวนาก ณ บางช้าง เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงทะนุบำรุงบ้านเมืองทั้งทางด้านศาสนา
ศลิ ปวฒั นธรรม ทรงทำศกึ สงคราม ขยายอาณาเขต จนบ้านเมอื งไทยเป็นปึกแผ่น สบื มาจนทุกวนั นี้
พระราชกรณียกิจสำคัญในฐานะวีรบุรุษของชาวพิษณุโลก คือ เมื่อพุทธศักราช 2318 เดือน 11
ปีมะแม เจ้าพระยาจักรียกทัพขึ้นไปตีเชียงใหม่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสั่งให้เจ้าพระยาจักรี
ยกทัพลงมาตั้งรับกองทัพอะแซหวุ่นกี้ ที่เมืองพิษณุโลก สงครามคราวนี้พม่าจัดทัพใหญ่ยกเข้ามาหลาย
114
ทาง พม่า ได้เข้ามาล้อมเมืองพิษณุโลกไว้ เจ้าพระยาจักรีได้เป็นผู้บังคับบัญชาการรบเพื่อรักษาเมือง
พษิ ณโุ ลก ทพั ไทย-พม่า ปะทะกันหลายครัง้ หลายหน ไมว่ า่ อะแซหวุ่นก้ี จะเปลยี่ นยทุ ธวิธรี บแบบใดก็ตาม
เจ้าพระยาจักรีจอมทัพไทยก็สามารถตีตอบโต้กองทัพพม่าได้ทุกครั้ง จนทำให้อะแซหวุ่นกี้ถึงกับยกย่อง
ฝีมือ จึงขอเยี่ยมคารวะ (ขอดูตัว) เจ้าพระยาจักรี โดยขอนัดหยุดรบหนึ่งวัน อะแซหวุ่นกี้กับเจ้าพระยา
จักรีได้ออกไปพบกันที่สนามยืนม้าเจรจากัน ความว่า "...ท่านนี้รูปงาม ฝีมือก็เข้มแข็ง อาจสู้เราผู้เป็น
ผูเ้ ฒา่ ได้ จงอุตสาหร์ กั ษาตัวไว้ ภายหนา้ จะไดเ้ ป็นกษัตริย์เป็นแท้..." หลงั จากนั้นอะแซหวุ่นก้ีจอมทัพพม่า
กร็ ะดมเข้าตีเมือง ขุดคคู ลองเข้าเมือง และล้อมเมืองพิษณโุ ลกนานถึง 3 เดือนเศษ เจา้ พระยาจักรีเห็นว่า
ถ้าสู้ต่อไปกองทัพไทยจะต้องแพ้ จึงรวบรวมพลทหาร ประชาชนทรัพย์สินเงินทอง เสบียงอาหาร
ตัง้ ขบวนรบตีหักค่ายพมา่ ออกไปได้ อะแซหวุ่นกตี้ เี ขา้ เมืองพษิ ณุโลกได้ จงึ พบ แตเ่ มืองร้างท่ีอัตคัดเสบียง
อาหาร ทำให้ทหารพม่าอดอยาก เจ็บป่วยล้มตายเป็นจำนวนมาก พอดีกับพระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่า
สิ้นพระชนม์ อะแซหวุ่นกี้จึงต้องรีบนำกองทัพพม่ากลับระหว่างทางกองทัพไทยซุ่มโจมตีพม่าล้มตาย
เป็นจำนวนมาก เหลือกลับพม่าไปเล็กน้อย ผลของสงครามประวัติศาสตร์ท่ีเมืองพิษณุโลกในพุทธศักราช
2218 นบั ว่าไมม่ ฝี ่ายใดชนะ หรืออาจกล่าวได้ว่าทั้งสองฝ่ายเสมอกนั
จ.ส.อ.ดร.ทวี บรู ณเขตต์
จ.ส.อ.ดร.ทวี บรู ณเขตต์ เปน็ ชาวจงั หวัดพิษณโุ ลก เป็นบุตรชายคนที่ 2 ของนายทวิ บูรณะเขตต์
มีพี่น้องทั้งหมด 12 คน สมรสกับนางพิมพ์ พันธุ์เสน มีบุตร ธิดารวม 6 คน ในวัยเด็กมีโอกาสเรียนรู้งาน
ช่างศิลป์หลายอย่างจากบิดา เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมปีท่ี 3 จากโรงเรียนผดุงราษฎร์แล้วไม่ได้เรียนต่อ
เพราะฐานะทางบ้านยากจน จึงเริ่มทำงานรับจ้างเขียนป้าย เขียนภาพ และงานศิลปะต่าง ๆ ทำให้
เช่ียวชาญงานด้านนี้มากยิง่ ข้ึน ตอ่ มาได้รบั ราชการทหารมยี ศสิบตรีและในพุทธศักราช 2501 ได้มีโอกาส
ไปฝึกงานด้านหล่อโลหะ ที่กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร เป็นศิษย์ของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี จากนั้น
ได้ตั้งโรงงานหลอ่ พระ โดยปั้นรูปเหมือนของหลวงพ่อพทุ ธชนิ ราชเป็นองค์แรก และเนื่องจากต้องซื้อของ
ใช้โบราณมาเป็นวัสดมุ าใชห้ ล่อพระ จึงเร่ิมสนใจเกบ็ สะสมโบราณวัตถุเรอื่ ยมา
จ.ส.อ.ดร.ทวี ไดร้ บั ยกยอ่ งให้เป็นผูม้ ีผลงานดีเดน่ ทางด้านวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ.2526 และปี
พ.ศ.2527 ไดร้ บั พระราชทานปริญญาคุรุศาสตร์บัณฑิต กติ ติมศกั ด์ิ สาขาศิลปศึกษา ปริญญาศิลปศาสตร์
ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ สาขาศิลปะ และได้รับเครื่องหมายประกาศเกียรติคุณสาขาต่าง ๆ มากกว่า 10
เหรยี ญ ผลงาน สำคัญมดี ังน้ี
1. รูปปนั้ และหลอ่ อนสุ าวรีย์สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ประทบั ยนื อย่ทู ่ีค่ายสมเด็จพระนเรศวร
มหาราช และที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนเรศวร จังหวดั พษิ ณโุ ลก
2. หลักศิลาจารึกและพระปรมาภิไธย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช และสมเด็จพระนางเจา้ สริ ิกติ ิ์ พระบรมราชินีนาถ
3. รูปเหมอื นของพระพุทธชนิ ราช ภปร. สร้างข้นึ เพอื่ หาทุนจัดตง้ั มลู นธิ ิ "เยน็ ศริ ะภิบาล"
4. ก่อตั้งโรงงานหล่อพระบูรณไทยที่บ้านเลขที่ 26/43 ถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ อำเภอเมือง จังหวัด
พษิ ณุโลก ซึง่ ทำใหช้ าวพษิ ณุโลกมงี านทำมาก กว่าร้อยคน
5. เป็นผู้รวบรวมโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก และได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านจ่าสิบเอก ดร.ทวี
บรู ณเขตต์ ต้งั แตพ่ ทุ ธศักราช 2526-ปจั จบุ ัน
115
ความเชือ่ และพิธกี รรมในจังหวดั พษิ ณโุ ลก
116
ผนี างด้ง
.
ความเปน็ มา
นางด้ง เป็นการละเล่นแต่ครั้งสมัยโบราณ สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งสมัยปู่-ย่า ตา-ยาย ซึ่งแต่ก่อน
จะมีการละเล่นอย่างอื่นอีกมากมาย จากการสอบถามผู้สูงอายุคนเก่าคนแก่ของหมู่บ้าน เล่าให้ฟังว่า
สมัยก่อนจะมีการละเล่นมากมายหลายอย่างตามความเชื่อถือ ผี สาง เทวดา จะเข้าแค่แขนของคนทรง
และยังมีการละเล่นอีกบางอย่างที่คนเฒ่าคนแก่ได้เล่าให้ฟังว่า ผี สาง เทวดา จะเข้าทรงทั้งตัว คือ
นางแม่สี นางช้างแต่ปัจจุบันจะเหลือการละเลน่ เพยี งแค่ นางดง้ เท่าน้ัน แต่บางปีก็จะมีการละเลน่ นางหัว
ควาย นาไซ นางข้อง บ้างแต่ก็ไม่ค่อยนิยม ที่นิยมมากและก็จะเล่นสืบต่อกันมาตลอดคือ นางด้ง จะเล่น
กนั ตั้งแต่เดก็ ไปจนถงึ ผใู้ หญ่ และอีกอย่างทคี่ นเฒา่ คนแกเ่ ล่าใหฟ้ ังให้คือ ที่การละเลน่ ทั้งหลายท่ีกล่าวมานี้
ช่วงหลังๆ จนถงึ ปัจจบุ ันไม่ได้เลน่ ก็เพราะวา่ คนไมเ่ หมือนแต่ก่อน และกป็ ากคนไมเ่ หมือนแต่ก่อน และก็
ปากคนไม่เหมือนสมัยก่อน ไม่ค่อยรักษาขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม บางครั้งชอบพูดจาไม่เป็นมงคล
ตามคำเชื่อถือ จึงทำให้ ผี สาง เทวดา ไม่ทรงลงมาประทับเข้าทรง การละเล่นเหล่านี้จะเล่นกันในเวลา
กลางคืน ยกเว้นวันพระ และจะเล่นกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันสงกรานต์ของชาวบ้านชมพูจะ
เลน่ กนั ทั้งหมด 7 วัน วันสุดท้ายของวันสงกรานต์ จะมีพิธีรดน้ำดำหัวคนเฒ่าคนแก่และสรงน้ำพระ จะทำ
สืบตอ่ กนั มาทกุ ปี
ลักษณะความเชื่อ
ชาวชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
วิถีชีวิตต้องพึ่งพาธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลเกษตรกรก็จะได้รับความเดือดร้อน
ลำบาก จึงจำเป็นต้องพึ่งพา อ้อนวอนร้องขอต่อเทพธิดา สิ่งท่ีตนเคารพเชื่อถือ เรียกว่าทำพิธีขอฝน
หากปีใดฝนแล้ง ชาวบ้านจะมาปรึกษากันว่าควรประกอบพิธีขอฝนด้วยวิธีใด เช่น การแห่นางแมว
การเล่นนางดง้ การ เลน่ นางข้อง การเล่นนางควาย หรอื การเลน่ นางสุม่ เปน็ ต้น
พิธกี รรม
1. เมอ่ื ชาวบ้านตกลงกนั ว่าจะทำพธิ ีขอฝนด้วยการเล่นนางด้งแล้ว จะแบ่งหน้าทีก่ ันดังนี้
กลมุ่ ที่ 1 จดั หาอุปกรณใ์ นการเล่นนางดง้ คอื กระดง้ ฝัดข้าว 1 ใบ พรอ้ มอปุ กรณใ์ นการเชญิ ผี
นางด้ง มหี มาก พลู ดอกไม้ ธปู เทยี น น้ำแป้งหอม
กลมุ่ ที่ 2 จัดเตรียมดา้ นสถานทที่ จ่ี ะทำพธิ ีขอฝน
117
กลุม่ ท่ี 3 ไปแจ้งให้ชาวบ้านทกุ ๆ หมบู่ ้านทราบโดยทว่ั ถึงกัน และให้มาร่วมพธิ ี
2. คร้ันถึงกำหนดวันประกอบพธิ ีกรรม เจ้าพธิ หี รอื คนทรง ซ่ึงตอ้ งเปน็ บคุ คลที่เคยทำพิธมี าก่อน
(แต่ละหมู่บ้านจะมีเจา้ พิธีหรือคนทรงเพียงคนเดียวหรือสองคนเทา่ นั้น) จะเริ่มพิธีเชิญขวัญและร้องขวัญ
อัญเชญิ เทวดาดังน้ี เทวดาองค์ใดศักดส์ิ ิทธิ์ ใหเ้ นรมิตลงมา ขอเชญิ นอ้ งขา้ เจา้ คนทรงเอย เข้าตัวน้องข้า
เจ้าคนทรงเอย
3. หลังจากอัญเชิญเทวดาแล้ว ชาวบ้านที่มาร่วมพิธีขอฝนจะช่วยกันร้องเพลงนางด้ง เพื่อให้ผี
นางด้งมาเข้าสิงที่กระด้ง ซึ่งเจ้าพิธีหรือคนทรงเป็นคนจับกระด้ง เมื่อนางด้งเข้าสิงในร่างคนทรงแล้ว
กระด้งจะสั่น และพากระด้งร่อนไปเรื่อย ๆ บางทีจะมีการเสี่ยงทาย โดยมีผู้นำภาชนะตักน้ำไปซ่อนไว้
ไม่ไกลจากบริเวณประกอบพธิ ี ถ้านางดง้ ทเ่ี ข้าคนทรงหาภาชนะตักน้ำที่ซ่อนนั้นพบ เช่ือกันวา่ ปีนนั้ ฝนจะ
ตกตอ้ งตามฤดกู าลหรอื บริบูรณ์ดี บางทีก็เสย่ี งทายว่า ถา้ ฝนฟา้ จะตกตอ้ งตามฤดูกาล ขอให้นางด้งฝัดข้าว
ซง่ึ ถา้ คนทรงออกมารำฝดั ข้าวอยา่ งสวยงามแสดงวา่ ปนี ้นั ฝนจะดีดว้ ย
การละเลน่
ใช้สถานที่ที่เป็นลานกลางแจ้ง ไม่มีสิ่งกีดขวาง มักจะเล่นในวันตรุษสงกรานต์ ตอนกลางคืน
ในการละเล่นนี้ผู้เล่นจะประกอบด้วย ผู้เชิญผีนางด้งเป็นผู้หญิง 2 คน ผู้ร้องเป็นผู้ที่ดูการละเล่น
นอกจากนยี้ งั มีผูซ้ กั ถามสิง่ ท่ีอยากรอู้ ีก 1 คน สว่ นอุปกรณ์ทีใ่ ช้น้นั ประกอบด้วย สากยาว (สากมอื )ไวใ้ ช้ตำ
ข้าวในสมัยโบราณ 2 อัน กระด้งขนาดพอเหมาะ 1 ใบ ผ้าขาวไว้คลุมกระด้งเวลาเชิญผีนางด้ง แล้วยังมี
ดอกไม้ ธูปเทยี นอกี 2 ชดุ กบั ไมค้ านอีก 1 อนั
อุปกรณใ์ นการละเล่นนางด้ง ประกอบดว้ ย
– กระด้ง 2 อัน
– สาก 2 อัน
– ผา้ ขาวไว้สำหรับเคาะจงั หวะเพลง 2 -3 ทอ่ น
– เคร่ืองเซน่ 1 ชุด ประกอบดว้ ย ขม้ินหอม,นำ้ มันหอมแป้งหอม,น้ำ 1 แก้ว, หมาก 1 คำ,
เงนิ แล้วแตศ่ รัทธา,คนเซน่ 1 คน (ผู้สูงอายุทผี่ คู้ นนับถือ)
118
วิธีเลน่
ผู้เชิญผีนางด้ง 2 คน ใช้สาวบริสุทธิ์นำกระด้งของหญิงม่าย นำผ้าสีขาวคลุมกระด้ง พร้อมกับ
ผู้หญิงอกี 10 คน ไปท่ีทางสามแพ่ง นำดอกไมธ้ ปู เทียนไปเชิญดว้ ย เมอ่ื ไปถึงแล้วก็กล่าวเชิญผี (คนที่ตาย
ไปแล้วในหมู่บ้านนั้นเป็นใครก็ได้) ขอเชิญมาเล่นผีนางดง้ เพ่ือลูกหลานจะได้รู้ความเป็นไปในท้องถ่ินของ
ตน ทั้งด้านส่วนตัว คู่ครอง ความเป็นอยู่และสมควรปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะดำเนินชีวิต อย่างมีความสุข
เมื่อเชิญผีนางด้งมาแล้วก็จะมานั่งระหว่างสากตำข้าว ผู้เชิญจะจับกระด้งตั้งขึ้น ผู้ร้องก็จะร้องเพลงผีนาง
ด้งพรอ้ ม ๆ กัน และปรบมือให้จังหวะ จนกระทงั่ กระด้งท่ผี ู้เชิญผีนางด้งมีอาการสั่นและกระด้งจะเต้นขึ้น
ลง จนผ้าคลุมสีขาวหลุดออก ต่อจากนั้นผู้ถามจะถามว่าเป็นผีชื่ออะไร โดยใช้ไม้คานให้ผู้เชิญนางด้งจับ
และเขียนตามที่ผีนางด้งเข้า การซักถามจะถามลักษณะที่ว่าใช่หรือไม่ ถ้าใช่ให้กระด้งเต้นขึ้นสูง ๆ
ถา้ ไม่ใชใ่ ห้กระดง้ นอนลง
บทเพลงของนางดง้
นางดง้ เอย เขา้ ปา่ ระหง
เข้าดงไมห้ มาก เขา้ สากไม้แดง
ขา้ งแดงแมงเมา่ กระด้งฟาดข้าว
ฟืดผงึ นางพราย มาขนดินทราย
มาใหน้ างดง้ นางดง้ เอย
ลงิ มาเอื้อรา ลงมากนิ ปลา
เจา้ ยา่ ฟันดำ ลงมาเลน่ น้ำ
เขา้ ปดู่ ังเอย เข้าย่าดง้ เอย
ลงมาแลว้ เวย้ ลงมาแล้ววา
ลงมาไม่ได้ ไตไ่ ม้ลงมา
หาบูชาเถดิ นาสายทอง ไอ้หมากก็กอง
ไอ้พลกู ็กอง เอาผา้ เข็มทอง
ก็เชญิ พระองคเ์ ทวดา องค์ไหนศักด์สิ ทิ ธ์ิ
ให้เนรมิตลงมา ตวั นอ้ งข้าพระยาด้งเอย๋
ตวั นอ้ งข้าพระยาด้งเอย.......
119
การละเล่นพน้ื บา้ นในจงั หวัดพิษณโุ ลก
120
รีรีข้าวสาร
กติกาการเลน่
จับไม้สั้นไม้ยาว ว่าใครจะเป็นประตู ให้ผู้เล่น 2 คน ยืนเอามือประสานกันเหนอื ศีรษะเป็นประตู
โค้ง คนอื่นๆ เกาะไหล่กันลอดใต้โค้งไปเรื่อยๆ สองคนที่เป็นประตูจะร้องเพลงประกอบเวลาแถวลอดใต้
โค้ง หัวแถวจะต้องเดินอ้อมหลังคนที่เป็นประตูครั้งละหน เมื่อจบเพลง สองคนที่เป็นประตูจะกระดุก
แขนลงกั้นคนสดุ ท้ายให้อยรู่ ะหวา่ งกลาง คัดออกไป คนขา้ งหลงั ตอ้ งระวงั ตัวใหด้ ี ไม่เช่นนั้นตัวเองจะต้อง
ออกจากการเลน่ ตอ้ งผา่ นใหไ้ ดห้ มดทกุ คนจงึ จะจบ
เนื้อเพลง : รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เด็กน้อยตาเหลือก คดข้าวใส่จาน เก็บเบี้ยใต้ถุน
ร้าน ระวงั คนขา้ งหลังไว้
*เมื่อถึงคำสุดท้าย ซุ้มประตูก็จะลดมือลง กักตัวผู้เล่นที่เดินผ่านมา ผู้เล่นที่ถกู กักตัวจะถูกคัดออก หรือ
อาจจะถูกลงโทษดว้ ยการใหร้ ำหรือทำทา่ ทางอะไรก็ได้
การเล่นตีลูกลอ้
*ผู้เล่นไมจ่ ำกดั จำนวน อุปกรณก์ ารเลน่ จะใชย้ างรถจักรยานหรือวงลอ้ ไมเ้ ป็นซๆี่ หรือขอบของ
กระด้งท่ีไม่ใชแ้ ลว้
121
วิธีเล่น
กำหนดจุดเริ่มต้นและเส้นชัยไว้ แต่ละคนนำลูกล้อของตนเองมาที่จุดเริ่มต้น และวิ่งเอาไม้ตี
ลูกล้อให้กลิ้งไป แข่งกันว่าใครจะถึงเส้นชัยก่อนกัน ผู้ที่ใช้วงล้อจะได้เปรียบเพราะวงล้อมีร่องสำหรับ
ใสย่ าง เอาไม้ดันไดส้ ะดวกและตรงกวา่ ไมแ่ กว่งไปแกวง่ มา ใครถึงเส้นชัยก่อนคนนน้ั กช็ นะ
การละเล่นเสือขา้ มหว้ ย
วธิ เี ล่น มี 2 แบบ คือเล่นเดย่ี ว และเล่นหมู่
เสือข้ามห้วยเดี่ยว ก่อนเล่นต้องจับไม้สั้น ไม้ยาว หาผู้ที่จะเป็นห้วย 1 คน คนอื่นๆ เป็นเสือ
กระโดดข้ามผู้เป็นห้วยซึ่งจะเหยียดขา 1 ข้าง ข้างใดก็ได้ เหยียดขาทับบนข้างเดิม ให้ส้นเท้าต่อบน
หัวแม่เท้า ถ้าเสือโดดข้ามพ้นห้วย จะต่อท่าให้สูงขึ้นทุกที โดยเหยียดแขนข้างหนึ่งตั้งบนขาทั้งสองข้าง
ให้นิ้วก้อยตั้งบนหัวแม่เท้า กางนิ้วห่างๆ กัน ท่าต่อไปก็คือ เหยียดแขนอีกข้างหนึ่ง ต่อบนมือข้างเดิม
ให้นิ้วก้อยทั้งบนนิ้วหัวแม่มือของข้างเดิม ต่อไปนั่งหมอบ ชักเงี่ยง โดยใช้ข้อศอกข้างหนึ่ง ยกขึ้นยกลง
ต่อไปจะชกั เง่ียงท้ังสอง ใชข้ อ้ ศอกทัง้ สองข้างยัก ท่าสดุ ทา้ ยลกุ ข้ึนยืนแลว้ ก้มตัวใช้ปลายน้ิวมือจรดนิ้วเท้า
ถ้าเสือกระโดดข้ามทา่ ใดท่าหนึ่งไม่พ้น ตอ้ งมาเป็นห้วยแทน ตอ่ จากขัน้ ท่กี ระโดดไม่พ้น แต่ถ้าเสือข้ามพ้น
ทุกขั้น ผู้เป็นห้วยจะถูกลงโทษโดยพวกเสือจะช่วยกันหามไปทิ้ง แล้ววิ่งกลับมาที่เล่น ผู้เป็นห้วย
ต้องพยายามจับใหไ้ ด้ ถ้าจับคนหนึ่งคนใดได้ คนนั้นต้องเปน็ หว้ ย
เสือข้ามห้วยหมู่ ผู้เล่นแบ่งเป็น 2 ฝ่ายเท่าๆ กัน ไม่จำกัดจำนวน วิธีเล่นเหมือนกับเสือข้ามห้วย
เดี่ยว แต่ผู้ที่เป็นห้วยเพิ่มขึ้น นั่งเรียงกันไป โดยเว้นระยะห่างพอสมควร ผู้ที่เป็นเสือ ต้องกระโดดข้าม
ใหพ้ น้ หมดทุกหว้ ย ถ้าตายท่ีหว้ ยใด หว้ ยหนึง่ ผูเ้ ลน่ เป็นเสือทกุ คนจะต้องตายหมด กลายมาเป็นห้วยแทน
สลบั กนั
การเล่นชนิดนี้ผู้เป็นเสือ ได้ฝึกความสังเกตและความสามารถในการกระโดดสูง และสำหรับ
ผู้ทเ่ี ป็นห้วย ไดบ้ รหิ ารสว่ นแขนและขาตามทา่ ตา่ งๆ อีกดว้ ย
122
ตวั อย่างหนว่ ยการเรยี นรู้
123
การบูรณาการ
ภายในกลุม่ สาระการเรยี นรูส้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
สาระท่ี 1
ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม
- การเขา้ รว่ มวันสำคัญทางศาสนาในทอ้ งถิ่น
- คณุ ธรรมของการอยรู่ ว่ มกนั ตามหลักธรรม
ทางศาสนาทน่ี ับถอื มฐ. ส 1.3/1 , มฐ.ส. 1.3/1
สาระท่ี 5 หน่วยยอ่ ยที่ 1 สาระท่ี 2
ภูมศิ าสตร์ กนิ อยดู่ ดู เี พราะพ่ีน้อง หน้าท่พี ลเมือง
- ส่งิ แวดล้อมทางธรรมชาติ (รเู้ รือ่ งเมืองสองแคว)
มฐ.ส. 5.2/1 - วัฒนธรรมและการดำเนิน
- สภาพภมู ิประเทศ สภาพ
ภมู อิ ากาศ ของจงั หวดั พิษณุโลก ชวี ิตในสังคม มฐ.ส. 2.1/2
มฐ.ส. 5.2/1
-การพฒั นาอาชพี และการผลิต - ปฏิบตั ติ ามกฎ ระเบยี บ
ของท้องถ่นิ ที่ส่งผลกระทบต่อ กฎหมายของชมุ ชน และ
สงิ่ แวดล้อม
ทอ้ งถิน่ มฐ.ส. 2.1/3
สาระท่ี 4 สาระที่ 3
ประวตั ศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์
- ปัจจัยพนื้ ฐานและผลกระทบ - เศรษฐกิจพอเพยี ง มฐ.ส. 3.1/5
จากภายนอก ที่มีอทิ ธิพล - สถาบันทางเศรษฐกจิ มฐ.ส. 3.2/1
ตอ่ การสรา้ งสรรคภ์ ูมปิ ญั ญา - ระบบสถาบนั ทางเศรษฐกิจของ
ของมนุษย์ มฐ.ส. 4.3/2 ท้องถน่ิ มฐ.ส. 3.2/2
124
การบูรณาการระหวา่ งกลมุ่ สาระการเรียนรู้
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4
ภาษาไทย ศิลปะ
- วรรณกรรมพนื้ บ้าน - งานทศั นศลิ ป์ทีม่ ีในท้องถิ่น
- นิทาน
- ตำนาน มฐ. ท. 5.1/1 มฐ.ศ. 1.2/2
ภาษาตา่ งประเทศ หนว่ ยย่อยที่ 1
- ภาษาที่ใชใ้ นการเผยแพร่ กินดีอยดู่ ีเพราะพน่ี อ้ ง
ประชาสมั พันธข์ ้อมูลข่าวสาร (รู้เรื่องเมืองสองแคว)
ในชุมชนและท้องถิ่น
- การใชภ้ าษาในการสบื ค้น วทิ ยาศาสตร์
ขอ้ มูลตามความรคู้ วามสนใจ - สภาพภูมิประเทศ
มฐ.ต. 1.3/3
มฐ.ว. 1.2/1
- ภมู อิ ากาศ มฐ.ว. 1.2/2
- ประชากร
สงั คมฯ การงานอาชพี
- อาชีพภมู ปิ ัญญา
- ประวตั ิความเปน็ มา - การใชเ้ ทคโนโลยี ในการ
- บุคคลสำคัญของท้องถ่ิน
มฐ.ส.4.3/2 พฒั นาอาชพี
- เศรษฐกจิ พอเพียง
- การพฒั นาอาชพี และการผลิต
ของท้องถิน่
125
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
สาระท่ี 1 การอ่าน สาระท่ี 2 การเขยี น
( ท 1.1.2 , ท 1.1.2 , ท 1.1.3 ท 1.1.5 , ท 1.1.7) ( ท 2.1.1, ท 2.1.2 , ท 2.1.3 , ท 2.1.4 , ท 2.1.5 ,10, ท
1. การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองทีเ่ กี่ยวขอ้ ง
กับเอกลกั ษณ์ คำขวัญ และมรดกทางวัฒนธรรม ของจังหวัดพิษณโุ ลก 2.1.11)
2. การอธิบายความหมายของคำ ประโยค ข้อความท่เี ปน็ โวหารและจบั ใจความสำคญั ของ 1. การคดั ลายมอื ตัวหวดั แกมบรรจงครึง่ บรรทดั
เรอื่ งที่เกย่ี วขอ้ งกบั เอกลกั ษณ์ คำขวญั และมรดกทางวฒั นธรรมของจงั หวดั พิษณุโลก
3. การอา่ นเรอ่ื งสั้นๆ อย่างหลากหลายโดยจับเวลา แล้วถามตอบเรอื่ งที่เกย่ี วขอ้ งกับ บทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรองท่ีเกีย่ วข้องกบั
เอกลกั ษณ์ คำขวญั และมรดก ทางวฒั นธรรมของจังหวัดพษิ ณุโลก เอกลักษณ์ คำขวญั และมรดกทางวัฒนธรรม
4. การอธิบายการนำความรู้ ความคิดจากเรื่องทีอ่ ่าน ไปตดั สินใจแก้ปญั หาในการดำเนนิ ของจงั หวัดพิษณโุ ลก
ชีวิต 2. การเขยี นสะกดคำ ประโยค และข้อความ
5. การอธิบายความหมายของขอ้ มูลจากการอา่ น แผนผัง เกยี่ วข้องกับเอกลกั ษณ์ คำขวัญ บทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรองท่ีเกี่ยวข้องกบั
และมรดกทางวฒั นธรรมของจงั หวดั พษิ ณโุ ลก เอกลักษณ์ คำขวัญและมรดกทางวฒั นธรรม
ของจังหวดั พิษณโุ ลก
สาระท่ี 3 การฟัง การดู และการพดู 3. การเขียนสือ่ สารโดยใช้ถอ้ ยคำถูกตอ้ งชดั เจน
( ท 3.1.1, ท 3.1.2 ,ท 3.1.3 , ท 3.1.4 ท 3.1.5 , ท 3.1.7) เหมาะสมที่เกี่ยวขอ้ งกับเอกลกั ษณ์ คำขวญั
และมรดกทางวัฒนธรรม ของจงั หวดั
1. การพูดแสดงความรู้ ความเข้าใจจุดประสงค์ ของ พิษณุโลก
4. การเขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื งและแผนภาพ
เรอ่ื งท่ีฟังและดู ท่ีเกี่ยวข้องกบั เอกลกั ษณ์ คำขวญั ความคดิ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกับเอกลกั ษณ์ คำขวญั
และมรดกทางวัฒนธรรมของจงั หวดั พษิ ณโุ ลก และมรดกทางวัฒนธรรม ของจังหวัด
2. ต้งั คำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผล จากเรอื่ ง พิษณโุ ลก
ทฟี่ งั และดู ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับเอกลกั ษณ์ คำขวญั และ 5. เขยี นเรยี งความเชิงอธิบายที่เกีย่ วขอ้ งกับ
มรดกทางวฒั นธรรมของจงั หวัดพษิ ณโุ ลก เอกลกั ษณ์ คำขวัญและมรดกทางวฒั นธรรม
3. พดู ลำดบั ข้ันตอนเรอ่ื งทเ่ี กยี่ วข้องกับเอกลักษณ์ ของจงั หวัดพษิ ณโุ ลก
คำขวญั และมรดกทางวฒั นธรรม ของจงั หวัด
พิษณุโลก 6. เขยี นเรอ่ื งตามจนิ ตนาการและสรา้ งสรรค์
4. พดู รายงานเร่ือง หรือประเดน็ ท่ีศึกษาค้นคว้า
จากการฟัง การดแู ละการสนทนา ทเี่ ก่ียวข้องกับ ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับเอกลกั ษณ์ คำขวญั และมรดก
เอกลกั ษณ์ คำขวญั และมรดกทางวัฒนธรรม
ของจงั หวัดพิษณโุ ลก ทางวฒั นธรรมของจังหวดั พิษณโุ ลก
5. มีมารยาทในการฟัง ดู และพูด
7. มมี ารยาทในการเขียน
พิษณโุ ลกบา้ นเรา
สาระท่ี 5 วรรณคดีและวรรณกรรม สาระท่ี 4 หลักการใชภ้ าษา ( ท 4.1.5)
(ท 5.1.2) 1. การแต่งบทรอ้ ยกรองประเภทกลอนสี่ และ
การเล่านทิ านพน้ื บา้ นของตนและนิทานพนื้ บา้ นของทอ้ งถน่ิ อ่ืนที่ กาพยย์ านี 11 ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เอกลกั ษณ์
เกย่ี วขอ้ งกบั เอกลกั ษณ์ คำขวญั และมรดกทางวฒั นธรรมของจังหวดั คำขวญั และมรดกทางวฒั นธรรมของจงั หวดั
พษิ ณโุ ลก พษิ ณโุ ลก
126
คณะทำงาน
ทปี่ รกึ ษา
นางผกาภรณ์ พลายสังข์ ผู้อำนวยการสำนกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2
นายวสันต์ ปานทอง รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 2
นายสมคดิ หาแกว้ รองผอู้ ำนวยการสำนักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษาพิษณโุ ลก เขต 2
นายกติ ติพงษ์ โปร่งเจรญิ รองผ้อู ำนวยการสำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 2
ว่าทีร่ .ต.วฒุ ิพงษ์ บุญญพันธโ์ สภณ ผู้อำนวยการกลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา
คณะทำงาน เนอ้ื หา /ออกแบบ/ รปู เล่ม
กล่มุ งานพัฒนาหลักสตู รการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานและกระบวนการเรียนรู้
นางสรัญญา แสงชยั ศึกษานเิ ทศกช์ ำนาญการพิเศษ
นางนฤมล จนั ทรฉ์ าย ศกึ ษานเิ ทศกช์ ำนาญการพเิ ศษ
นายประเสริฐ ปานรอด ศกึ ษานเิ ทศกช์ ำนาญการพเิ ศษ
นายวริ ัตน์ สทุ ศั น์ ศึกษานเิ ทศก์ชำนาญการ
บรรณาธิการ ศกึ ษานเิ ทศกช์ ำนาญการพเิ ศษ
นางสรัญญา แสงชัย
127