The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือเตรียมสอบโอเน็ต O-NET ม.3 วิชาวิทยาศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-12-10 23:31:30

คู่มือเตรียมสอบโอเน็ต O-NET ม.3 วิชาวิทยาศาสตร์

คู่มือเตรียมสอบโอเน็ต O-NET ม.3 วิชาวิทยาศาสตร์

Keywords: วิทยาศาสตร์

;;;;;;;;

คู่มือเตรียมสอบ O-NET

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3

วชิ า วิทยาศาสตร์

ประกอบด้วย
❖ ขอ้ สอบเก่าวิชาวิทยาศาสตร์

ทมี่ า: สถาบันทดสอบทางการศึกษาแหง่ ชาติ (องค์การมหาชน)
สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาบุรรี ัมย์ เขต 1
สานกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1
สานกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1



























































รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 2

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

ตอนท่ี 1 : วทิ ยาศาสตร์ : (ขอ้ ละ 2.5 คะแนน)

1. ส่วนประกอบใดของเซลล์ที่พบทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์

1. นิวเคลียส 2. ผนงั เซลล์

3. คลอโรฟลิ ล์ 4. คลอโรพลาสต์

2. ถา้ กลา่ ววา่ “แมลงชา้ งปกี ใสดดู กนิ เพลย้ี ชนดิ ตา่ ง ๆ ได”้ แมลงชา้ งปกี ใสและเพลย้ี
มคี วามสมั พนั ธก์ นั อยา่ งไร
1. ทั้งสองชนิดได้ประโยชน์ร่วมกัน
2. ทั้งสองชนิดต้องพึ่งพากันและกัน
3. ชนดิ หนง่ึ ไดป้ ระโยชน์ อกี ชนดิ หนง่ึ เสยี ประโยชน์
4. ชนดิ หนง่ึ ไดป้ ระโยชน์ อกี ชนดิ หนง่ึ ไมไ่ ดไ้ มเ่ สยี ประโยชน์

3. ให้ศึกษาข้อมูลในตาราง
ตาราง เวลาทใ่ี ชย้ อ่ ยอาหารจนหมดในหลอดทดลองทม่ี เี อนไซมค์ า่ pH ตา่ งๆ

หลอดทดลองที่ คา่ pH ของเอนไซม์ เวลาทใ่ี ชย้ อ่ ยอาหารจนหมด (นาท)ี

15 17

26 8
37 3
48 6

ผลสรปุ คอื อะไร
1. เอนไซมห์ ยดุ ทำงานท่ี pH 5
2. เอนไซมท์ ำงานไดเ้ รว็ ทส่ี ดุ ท่ี pH 7
3. เอนไซมท์ ำงานไดเ้ รว็ ขน้ึ เมอ่ื pH มคี า่ เพม่ิ ขน้ึ
4. การทำงานของเอนไซมไ์ มส่ มั พนั ธก์ บั คา่ pH

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 3

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

4. ให้ศึกษาข้อมูลจากตารางแล้วตอบคำถาม
ตาราง อตั ราการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงทอ่ี ณุ หภมู ติ า่ ง ๆ ของพชื 4 ชนดิ

ชนิดของพืช อตั ราการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง (μmol m- 2 s-1) ทอ่ี ณุ หภมู ติ า่ งๆ
20 oC 35 oC
1
2 10 30
3 15 40
4 20 50
50 20

ถา้ ตอ้ งการปลกู พชื เหลา่ นใ้ี นประเทศไทย ควรเลอื กปลกู พชื ชนดิ ใด เรยี งตามลำดบั
จากมากไปนอ้ ย
1. ชนดิ ท่ี 1 2 3 และ 4
2. ชนดิ ท่ี 3 1 2 และ 4
3. ชนดิ ท่ี 3 2 1 และ 4
4. ชนดิ ท่ี 4 3 2 และ 1

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 4

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

5. เมอ่ื มกี ารปฏสิ นธใิ นดอกไมท้ ม่ี โี ครงสรา้ งดงั ภาพ

ภาพโครงสรา้ งดอกไม้

ชนิดของผลที่เกิดขึ้นควรเป็นอย่างไร
1. 1 ผลมี 1 เมลด็
2. 1 ผลมหี ลายเมลด็
3. หลายผลอยตู่ ดิ กนั แตล่ ะผลมี 1 เมลด็
4. หลายผลอยตู่ ดิ กนั แตล่ ะผลมหี ลายเมลด็

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 5

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

6. ทดลองใสพ่ ชื นำ้ ชนดิ ตา่ ง ๆ ทลี ะชนดิ ในอา่ งนำ้ ทค่ี รอบดว้ ยหลอดแกว้ ดงั ภาพ
โดยใหแ้ สงเปน็ เวลา 10 นาที ไดผ้ ลดงั ตาราง

แสง
ฟองอากาศ
หลอดแก้ว

อ่างน้ำ
พืชน้ำ

ตาราง จำนวนฟองอากาศทเ่ี กดิ ขน้ึ เมอ่ื ใสพ่ ชื นำ้ ชนดิ ตา่ งๆ

ชนิดของพืชน้ำ จำนวนฟองอากาศ (ฟอง)

A 15
B 30
C 10

ในการทดลองน้ี ขอ้ ใดเปน็ ตวั แปรทต่ี อ้ งการศกึ ษาและตวั แปรตน้ ตามลำดบั

1. ชนิดของพืชน้ำ จำนวนฟองอากาศ

2. ฟองอากาศ พืชน้ำชนิดต่างๆ

3. ชนิดของพืชน้ำ ฟองอากาศ

4. จำนวนฟองอากาศ ชนิดของพืชน้ำ

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 6

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

7. ตาราง ปรมิ าณของตะกว่ั ในสารละลายตะกว่ั ทถ่ี กู ดดู ซบั ดว้ ยถา่ นกมั มนั ตช์ นดิ หนง่ึ

ความเขม้ ขน้ ของสารละลายตะกว่ั ปริมาณของตะกั่วที่ถูกดูดซับ
(มลิ ลโิ มลตอ่ ลติ ร) (มลิ ลโิ มลตอ่ กรมั )
0.01 0.09
0.05 0.14
0.19 0.19
0.36 0.20

ศกึ ษาขอ้ มลู ในตารางขา้ งตน้ แลว้ ตอบคำถาม

ถา้ ความเขม้ ขน้ ของสารละลายตะกว่ั เทา่ กบั 0.25 มลิ ลโิ มลตอ่ ลติ ร

ถา่ นกมั มนั ตจ์ ะดดู ซบั ตะกว่ั ไวไ้ ดก้ ม่ี ลิ ลโิ มลตอ่ กรมั

1. 0.09 - 0.13 2. 0.14 - 0.18

3. 0.19 - 0.20 4. มากกวา่ 0.20

8. ใหพ้ จิ ารณาลกั ษณะเซลลส์ ง่ิ มชี วี ติ 4 ชนดิ แลว้ ตอบคำถาม

ภาพลกั ษณะเซลลส์ ง่ิ มชี วี ติ ชนดิ ตา่ งๆ

เซลลใ์ ดเปน็ เซลลส์ ตั ว์ 2. B และ C
1. A และ B 4. B และ D
3. C และ D

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 7

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

9. ให้ศึกษาภาพสายใยอาหารของส่ิงมชี ีวิตชนิดตา่ งๆ แล้วตอบคำถาม

ภาพสายใยอาหาร
สิ่งมีชีวิตใดเป็นทั้งเหยื่อและผู้ล่า

1. และ 2. และ

3. และ 4. และ

10. การศกึ ษาเตา่ ญป่ี นุ่ ในแหลง่ นำ้ ของไทย พบวา่ มกี ารกระจายพนั ธไ์ุ ดด้ ี เตบิ โตเรว็
อดทนสงู และกนิ ไขป่ ลาและไขเ่ ตา่ นาซง่ึ เปน็ สตั วป์ ระจำถน่ิ ของไทยเปน็ อาหาร
จากสง่ิ ทค่ี น้ พบ ใหร้ ะบผุ ลกระทบตอ่ สง่ิ มชี วี ติ ตา่ งๆ ในระบบนเิ วศ
1. ผผู้ ลติ มจี ำนวนลดลง
2. ปลาและเต่านามีจำนวนคงเดิม
3. ผลู้ า่ มจี ำนวนเพม่ิ ขน้ึ
4. สัตว์ชนิดอื่นที่กินปลามีจำนวนเพิ่มขึ้น

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 8

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

11. ตาราง จำนวนอะตอมของธาตตุ า่ งๆ ในโมเลกลุ ของสารชนดิ ตา่ งๆ

ชนิดของสาร จำนวนอะตอมของธาตตุ า่ งๆ ในโมเลกลุ ของสาร

1 ธาตุ X ธาตุ Y ธาตุ Z
2
3 12 1
4
5 -2 -
22 -
1- 1
2- -

จากตาราง มสี ารกช่ี นดิ ทจ่ี ดั เปน็ สารประกอบ
1. 2
2. 3
3. 4
4. 5

12. นำ้ เกลอื และนำ้ เชอ่ื มจดั เปน็ สารชนดิ ใด
1. สารละลาย
2. สารเนอ้ื ผสม
3. สารบรสิ ทุ ธ์ิ
4. สารประกอบ

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 9

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

13. ตาราง ปรมิ าณคดิ เปน็ รอ้ ยละของโลหะชนดิ ตา่ งๆ ทเ่ี ปน็ สว่ นประกอบของเหรยี ญ
ประเภทตา่ งๆ

ประเภท ปรมิ าณคดิ เปน็ รอ้ ยละของโลหะชนดิ ตา่ งๆ ทเ่ี ปน็ สว่ นประกอบของเหรยี ญ
ของเหรยี ญ โลหะ A โลหะ B โลหะ C โลหะ D โลหะ E

1 92.5 7.5 - - -

2 - 75.0 25.0 - -

3 - 92.0 - 6.0 2.0

4- - 5.0 - 95.0

จากตาราง จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี
ถา้ โลหะ C และ E มสี มบตั เิ ปน็ สารแมเ่ หลก็
แมเ่ หลก็ จะไมส่ ามารถดดู เหรยี ญประเภทใด
1. 1
2. 2
3. 3
4. 4

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 10

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

14. ตาราง ลกั ษณะและการเปลย่ี นแปลงของของเหลวชนดิ ตา่ งๆ

ชนดิ ของ สี ตะกอน ผลทไ่ี ดจ้ ากการระเหย อณุ หภมู ขิ ณะเปลย่ี นสถานะ
ของเหลว

A ใสไมม่ สี ี มตี ะกอนทก่ี น้ ภาชนะ ได้ของแข็งสีขาวขุ่น อณุ หภมู เิ พม่ิ สงู ขน้ึ

B ใสไมม่ สี ี ไมม่ ตี ะกอน ได้ของแข็งสีขาว อณุ หภมู เิ พม่ิ สงู ขน้ึ
C ฟ้า ไมม่ ตี ะกอน ไดข้ องแขง็ สฟี า้ อณุ หภมู เิ พม่ิ สงู ขน้ึ
D ใสไมม่ สี ี ไมม่ ตี ะกอน ไมพ่ บสารตกคา้ ง อณุ หภมู คิ งท่ี

ของเหลวใดบ้างจัดเป็นสารเนื้อเดียว
1. A เทา่ นน้ั
2. B และ C
3. B C และ D
4. D เทา่ นน้ั

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 11

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

15. แผนภาพสขี องอนิ ดเิ คเตอร์ A B และ C ในชว่ ง pH ตา่ ง ๆ

จากขอ้ มลู ในแผนภาพ ถา้ ทดสอบสารละลายแคลเซยี มไฮดรอกไซดท์ ม่ี ี pH 8

ดว้ ยอนิ ดเิ คเตอร์ A B และ C จะไดส้ ใี ดเกดิ ขน้ึ ตามลำดบั

1. เหลอื ง ไมม่ สี ี เหลอื ง

2. สม้ ไมม่ สี ี นำ้ เงนิ

3. แดง ชมพเู ขม้ นำ้ เงนิ

4. สม้ ชมพอู อ่ น เขยี ว

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 12

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

16. ตาราง จดุ หลอมเหลวของสารประกอบออกไซดข์ องแมงกานสี ชนดิ ตา่ งๆ

ชนดิ ของสารประกอบออกไซดข์ องแมงกานสี จดุ หลอมเหลว (องศาเซลเซยี ส)

ชนดิ ท่ี 1 6

ชนดิ ท่ี 2 535
ชนดิ ท่ี 3 1,000
ชนดิ ท่ี 4 1,590
ชนดิ ท่ี 5 1,800

จากขอ้ มลู ในตาราง ทอ่ี ณุ หภมู ิ 1,200 องศาเซลเซยี ส

สารประกอบออกไซด์ของแมงกานีสชนิดใดมีสถานะเป็นของแข็งเท่านั้น

1. ชนดิ ท่ี 1 และ 2 2. ชนดิ ท่ี 2 และ 3

3. ชนดิ ท่ี 3 และ 4 4. ชนดิ ท่ี 4 และ 5

17. ตาราง สถานะของสารในตวั กลางและสถานะของตวั กลางของคอลลอยดช์ นดิ ตา่ ง ๆ

ชนิดของคอลลอยด์ สถานะของสารในตัวกลาง สถานะของตวั กลาง

อมิ ลั ชนั ของเหลว ของเหลว
แอโรซอล ของเหลว แก๊ส
เจล ของแขง็
โฟม แก๊ส ของเหลว
ของเหลว

ถา้ เมฆและหมอกเปน็ หยดนำ้ ขนาดเลก็ ทล่ี อยอยใู่ นอากาศ

เมฆและหมอกจดั เปน็ คอลลอยดช์ นดิ ใด

1. เจล 2. โฟม

3. อมิ ลั ชนั 4. แอโรซอล

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 13

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

18. พจิ ารณาสมการตอ่ ไปน้ี แลว้ ตอบคำถาม

ก. แกส๊ ไฮโดรเจน + แกส๊ ออกซเิ จน นำ้
ข. แมกนเี ซยี ม + แกส๊ ออกซเิ จน แมกนเี ซยี มออกไซด์
ค. กรดไฮโดรคลอรกิ + โซเดยี มไฮดรอกไซด์ โซเดยี มคลอไรด์ + นำ้

การเปลย่ี นแปลงในขอ้ ใด จดั เปน็ การเปลย่ี นแปลงทางเคมที ง้ั หมด
1. ก และ ข
2. ข และ ค
3. ค และ ก
4. ก ข และ ค

19. เดก็ ชายธรี ะเดชตอ้ งการทดลองเรอ่ื ง “การละลายของสารในตวั ทำละลายตา่ งกนั ”

โดยใช้น้ำและแอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลาย
การทดลองน้ี ขอ้ ใดเปน็ ตวั แปรทถ่ี กู ตอ้ งทส่ี ดุ

ขอ้ ตัวแปรต้น ตวั แปรตาม

1 นำ้ และ แอลกอฮอล์ การละลายในแอลกอฮอล์

2 ชนดิ ของสาร การละลายของสารตา่ งๆ

3 การละลายของสารตา่ งๆ ตัวทำละลายต่างๆ

4 ชนดิ ของตวั ทำละลาย ความสามารถในการละลาย

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 14

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

20. ตาราง ผลการกรองสารทม่ี ลี กั ษณะตา่ งๆ โดยใชก้ ระดาษกรองและกระดาษ
เซลโลเฟนบางชนิด

สาร ลกั ษณะของสาร ผลการกรองดว้ ยกระดาษชนดิ ตา่ งๆ

กระดาษกรอง กระดาษเซลโลเฟน

A ของเหลวขนุ่ สดี ำ มตี ะกอนสดี ำบนกระดาษกรอง มตี ะกอนสดี ำบนกระดาษเซลโลเฟน
และไดข้ องเหลวใสไมม่ สี ี และไดข้ องเหลวใสไมม่ สี ี

B ของเหลวขนุ่ สขี าว ไมม่ สี ารบนกระดาษกรอง มตี ะกอนสขี าวบนกระดาษเซลโลเฟน
และไดข้ องเหลวขนุ่ ขาว และไดข้ องเหลวใส ไมม่ สี ี

C ของเหลวใสสเี หลอื ง ไมม่ สี ารบนกระดาษกรอง ไมม่ สี ารบนกระดาษเซลโลเฟน
และไดข้ องเหลวสเี หลอื ง และไดข้ องเหลวสเี หลอื ง

D ของเหลวใสสสี ม้ มตี ะกอนสสี ม้ บนกระดาษกรอง มตี ะกอนสสี ม้ บนกระดาษเซลโลเฟน
และไดข้ องเหลวใสไมม่ สี ี และไดข้ องเหลวใสไมม่ สี ี

จากตาราง จงเรยี งลำดบั ขนาดอนภุ าคของสารจากขนาดใหญท่ ส่ี ดุ ไปหาขนาดเลก็ ทส่ี ดุ
1. A > D > B > C
2. A > B > D > C
3. D > A > C > B
4. D > C > A > B

21. ผลกั วตั ถดุ ว้ ยแรง 3 นวิ ตนั ในแนวขนานกับพื้น ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ไปบนพื้นราบ
เปน็ ระยะทาง 12 เมตร จะเกดิ งานเนอ่ื งจากการผลกั วตั ถเุ ทา่ ใด
1. 4 นวิ ตนั - เมตร
2. 9 นวิ ตนั - เมตร
3. 15 นวิ ตนั - เมตร
4. 36 นวิ ตนั - เมตร

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 15

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

22. ปลอ่ ยวตั ถอุ อกจากตำแหนง่ ท่ี 1 ใหต้ กลงในหลมุ
ผา่ นตำแหนง่ ท่ี 2 3 และ 4 ตามลำดบั ดงั ภาพ

วัตถุ 1
พน้ื ดนิ ปากหลมุ
2
3

4

ณ ตำแหนง่ ใดทว่ี ตั ถมุ พี ลงั งานศกั ยส์ งู ทส่ี ดุ
1. ตำแหนง่ ท่ี 1
2. ตำแหนง่ ท่ี 2
3. ตำแหนง่ ท่ี 3
4. ตำแหนง่ ท่ี 4

23. บา้ นหลงั หนง่ึ ใชไ้ ฟฟา้ 220 โวลต์ และฟวิ สข์ นาด 10 แอมแปร์ การใชเ้ ครอ่ื ง
ใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทุกเครื่องรวมกันสูงสุดไม่ควรเกินเท่าใด
1. 22 วตั ต์
2. 220 วตั ต์
3. 2,200 วตั ต์
4. 22 กโิ ลวตั ต์

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 16

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

24. ตาราง กำลงั ไฟฟา้ และระยะเวลาทใ่ี ชง้ านของหลอดไฟฟา้ A และ B

ชนิดของหลอดไฟฟ้า กำลงั ไฟฟา้ (วตั ต)์ ระยะเวลาทใ่ี ชง้ าน (ชว่ั โมง)

A 75 150

B 20 150

กำหนดให้ 1 หนว่ ย = 1 กโิ ลวตั ต์ - ชว่ั โมง

หลอดไฟ A ใชพ้ ลงั งานไฟฟา้ สงู กวา่ หลอดไฟ B กห่ี นว่ ย

1. 55 2. 3.00

3. 8.25 4. 11.25

25. ใหว้ งจรไฟฟา้ หนง่ึ ประกอบดว้ ย แหลง่ กำเนดิ ไฟฟา้ ( ) หลอดไฟฟา้ ( )
และสวติ ซ์ ( ) ภาพใดแสดงวงจรไฟฟา้ ทม่ี สี วติ ซค์ วบคมุ การ
ปดิ - เปดิ หลอดไฟได้พรอ้ มกนั ทกุ หลอด

1. 2.

3. 4.

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 17

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

26. ออกแรง F1 และ F2 พรอ้ มกนั ในทศิ ตรงขา้ มกนั 4 ครง้ั กระทำตอ่ กลอ่ ง M
ทว่ี างนง่ิ อยบู่ นพน้ื ลน่ื ดงั ภาพ และไดผ้ ลการทดลอง ดงั ตาราง
ตาราง แรงทก่ี ระทำตอ่ กลอ่ ง M ในทศิ ทางตรงกนั ขา้ มพรอ้ มกนั จำนวน 4 ครง้ั

ครั้งที่ แรง F1 (นวิ ตนั ) แรง F2 (นวิ ตนั )

1 50 25 F1 M F2
2 25 25

3 25 50

4 60 60

การออกแรงครง้ั ใดทำใหก้ ลอ่ ง M เคลอ่ื นทด่ี ว้ ยความเรง่ ในทศิ เดยี วกบั แรง F2
1. ครง้ั ท่ี 1 2. ครง้ั ท่ี 2

3. ครง้ั ท่ี 3 4. ครง้ั ท่ี 4

27. แขวนวตั ถนุ ำ้ หนกั 10 นวิ ตนั กบั เครอ่ื งชง่ั สปรงิ A และ B ดงั ภาพ

AB

10 N

จากภาพ ถา้ อา่ นคา่ จากเครอ่ื งชง่ั สปรงิ A ได้ 6 นวิ ตนั คา่ ทอ่ี า่ นไดจ้ าก

เครอ่ื งชง่ั สปรงิ B ควรเปน็ เทา่ ใด

1. 4 นิวตัน 2. 6 นิวตัน

3. 10 นิวตัน 4. 16 นิวตัน

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 18

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

28. แขวนวตั ถกุ บั คานเบายาว 10 เมตร ดงั ภาพ

X

F

10 m

30 N 50 N

จากภาพ ถา้ คานอยใู่ นภาวะสมดลุ ระยะหา่ ง (X) ระหวา่ งจดุ หมนุ (F)

กบั วตั ถุ 30 นวิ ตนั เทา่ กบั กเ่ี มตร

1. 2.50 2. 3.75

3. 5.00 4. 6.25

29. ตาราง พลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถว่ งและพลงั งานจลนข์ องกอ้ นหนิ กอ้ นหนง่ึ
ที่กำลังตกจากหน้าผาในระดับความสูงต่างๆ

ความสงู ของกอ้ นหนิ พลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถว่ ง (จลู ) พลงั งานจลน์ (จลู )

เหนอื พน้ื ดนิ (เมตร) 1200 0
A 400
60 400 B
40 C 1200
20
0

จากขอ้ มลู ในตาราง A B และ C มคี า่ กจ่ี ลู เรยี งตามลำดบั

1. 1200 800 และ 400 2. 800 800 และ 400

3. 800 800 และ 0 4. 800 400 และ 0

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 19

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

30. ในการทดลองใชค้ อ้ นดา้ มยาว 30 เซนตเิ มตร ถอนตะปทู ต่ี ำแหนง่ หา่ งจาก
จดุ หมนุ 5 เซนตเิ มตร ดงั ภาพขา้ งลา่ งและไดผ้ ลดงั ตาราง
ภาพการใช้ค้อนถอนตะปู
ปลายด้าม

30 cm ตะปู

จดุ หมนุ
5 cm

ตาราง แรงทใ่ี ชถ้ อนตะปดู ว้ ยคอ้ นโดยมรี ะยะหา่ งจากตำแหนง่ ทม่ี อื จบั คอ้ น
ถึงปลายด้ามระยะต่างๆ

ระยะหา่ งทม่ี อื จบั คอ้ นถงึ ปลายดา้ ม (เซนตเิ มตร) แรงทใ่ี ชถ้ อนตะปู (นวิ ตนั )

0 10
5 20
10 30

จากตาราง ตวั แปรตน้ ของการทดลองนค้ี อื อะไร
1. ความยาวของด้ามค้อน
2. แรงที่ใช้ถอนตะปู
3. ตำแหน่งที่มือจับด้ามค้อน
4. ระยะหา่ งของตะปถู งึ จดุ หมนุ

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 20

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

31. อณุ หภมู ขิ องโลกในปจั จบุ นั นส้ี งู ขน้ึ เนอ่ื งจากสาเหตใุ ดมากทส่ี ดุ
1. ภเู ขาไฟระเบดิ
2. ชั้นโอโซนเบาบางลง
3. มกี ารเผาไหมน้ ำ้ มนั เชอ้ื เพลงิ มากขน้ึ
4. น้ำแข็งขั้วโลกมีปริมาณลดลง

32. จากตาราง ใหต้ อบคำถาม
ตาราง สมบตั บิ างประการของแรช่ นดิ ตา่ งๆ

แร่ สผี ง ความวาว ความแขง็ ความหนาแนน่
(Mohs Scale) (g / cm3)

A ขาวเงนิ วาวแบบโลหะ 2.5 - 3.0 10.50

B ขาว วาวแบบเพชร 6-7 6.80 - 7.10
C แดงอฐิ วาวแบบโลหะ 6.5 5.30
D ขาว คลา้ ยแกว้ 3 2.72
E เทาตะกว่ั วาวแบบโลหะ 2.5 7.50

ข้อสรุปใดถูกต้อง
1. แร่ A แขง็ กวา่ แร่ C
2. แร่ E หนาแนน่ กวา่ แร่ A
3. แร่ C มคี วามวาวเหมอื นแร่ B
4. แร่ D มสี ผี งเหมอื นแร่ B

รหสั วชิ า 95 วทิ ยาศาสตร/์ สงั คมศกึ ษา หนา้ 21

วนั ศกุ รท์ ่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.

33. ตาราง ปรมิ าณแกส๊ มเี ทนทเ่ี กดิ จำแนกตามประเภทของแหลง่ กำเนดิ ตา่ ง ๆ

แหลง่ กำเนดิ แกส๊ มเี ทน ปรมิ าณแกส๊ (ลา้ นตนั )

ตามธรรมชาติ พื้นที่ชุ่มน้ำ 120
จากกจิ กรรมของมนษุ ย์ แม่น้ำ 20
มหาสมทุ ร 10
รังปลวก 10

เหมอื งแร่ 100
เกษตรกรรม 190
การฝงั กลบ 30
ขยะจากชมุ ชน 20

จากตาราง ขอ้ ความใดตอ่ ไปนเ้ี ปน็ จรงิ
1. แกส๊ มเี ทนทเ่ี กดิ ตามธรรมชาตเิ ทา่ กบั 500 ลา้ นตนั
2. พน้ื ทช่ี มุ่ นำ้ เปน็ แหลง่ กำเนดิ แกส๊ มเี ทนตามธรรมชาตมิ ากทส่ี ดุ
3. การทำเหมอื งแรเ่ ปน็ กจิ กรรมทท่ี ำใหเ้ กดิ แกส๊ มเี ทนมากทส่ี ดุ
4. แกส๊ มเี ทนทเ่ี กดิ ขน้ึ จากกจิ กรรมของมนษุ ยน์ อ้ ยกวา่ ตามธรรมชาติ


Click to View FlipBook Version