The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือเตรียมสอบโอเน็ต O-NET ม.3 วิชาวิทยาศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-12-10 23:31:30

คู่มือเตรียมสอบโอเน็ต O-NET ม.3 วิชาวิทยาศาสตร์

คู่มือเตรียมสอบโอเน็ต O-NET ม.3 วิชาวิทยาศาสตร์

Keywords: วิทยาศาสตร์

กำรเปลยี่ นแปลงประชำกรในวนั ที่ 10 ถึงวันท่ี 15 เป็ นอย่ำงไร
1. ประชากร ก มีจานวนมากกวา่ ประชากร ข
2. ประชากร ก มีอตั ราการเกิดมากกวา่ อตั ราการตาย
3. ประชากร ข มีอตั ราการเกิดนอ้ ยกวา่ อตั ราการตาย
4. ประชากร ข มีจานวนมากกวา่ ประชากร ก

ตอบขอ้ 4. ประชากร ข มีจานวนมากกวา่ ประชากร ก
แนวคิดในการตอบ เพราะเม่ือสงั เกตจากความสมั พนั ธ์ของสิ่งมีชีวติ 2 ชนิด ในกราฟ

ทาใหท้ ราบวา่ เม่ือจานวนประชากร ข. เพิม่ ข้ึน ทาใหจ้ านวนประชากร
ก. ลดลง ทาใหป้ ระชากร ข. มีจานวนมากกวา่ ประชากร ก.

13. ข้อใดตรงกบั สมมตฐิ ำนทกี่ ล่ำวว่ำ “เมื่อประสบอุปสรรค หรือควำมยำกลำบำกส่ิงมีชีวิต
จะพยำยำมดำรงเผ่ำพนั ธ์ุของตนอยู่ตนอย่ตู ่อไปให้ได้”
1. การออกลูกคร้ังละหลายตวั ของหมูป่ า
2. การเพิ่มจานวนของนก ที่อาศยั อยใู่ นเมือง
3. การออกดอกจานวนมากของตน้ เฟ่ื องฟ้า เมื่อขาดน้า
4. การแตกหน่อจานวนมากของขิง เมื่อรดน้าในปริมาณมาก

ตอบขอ้ 3. การออกดอกจานวนมากของตน้ เฟ่ื องฟ้า เม่ือขาดน้า
แนวคิดในการตอบ เพราะ เม่ือตน้ เฟื่ องฟ้าประสบอุปสรรค หรือ ความยากลาบากกจ็ ะพยายาม

ดารงเผา่ พนั ธุ์ของตนเองโดยการออกดอกจานวนมาก ๆ เมื่อขาดน้า

14. ข้อใดถูกต้อง ปฏกิ ริ ิยำกำรเผำไหม้ แก๊สทเ่ี กดิ ผล
สมบูรณ์ ไม่สมบูรณ์ CO2 CO
ข้อ กำรเผำไหม้ของ ไม่เกดิ ภำวะโลกร้อน
✓ ✓ ไม่เกดิ มลภำวะในอำกำศ
1. แก๊สธรรมชำติ ✓ เกดิ ควนั สีดำในอำกำศ
2. แก๊สไฮโดรเจน ✓
3. นำ้ มันเบนซิน ✓ ✓✓ ถ่ำนหนิ
4. ไม้ ✓

ตอบขอ้ 2. เพราะแกส๊ ไฮโดรเจน เม่ือทาปฏิกิริยาการเผาไหม้ จะเกิดการเผาไหมส้ มบูรณ์
แนวคิดในการตอบ และไมท่ าใหเ้ กิดมลภาวะในอากาศ

15. พจิ ำรณำสมกำรต่อไปนี้ แล้วตอบคำถำม กรด
ก. นำ้ + แก๊สคำร์บอนไดออกไซด์ นำ้ เกลือ
ข. นำ้ + โซเดียมคลอไรด์ นำ้ เช่ือม
ค. นำ้ + นำ้ ตำลซูโครส โซเดยี มไฮดรอกไซด์ + แก๊สไฮโดรเจน
ง. นำ้ + โซเดยี ม

สมกำรในข้อใดไม่เกดิ ปฏกิ ริ ิยำเคมี
1. ก ข
2. ข ก
3. ค ง
4. ง ก

ตอบขอ้ 2. เพราะสมการ ข. น้า + โซเดียมคลอไรด์ น้าเกลือ
แนวคิดในการตอบ

ไมเ่ กิดปฏิกิริยาทางเคมี และ สมการ ค. น้า + น้าตาลซูโครส น้าเชื่อม

ก็ไมเ่ กิดปฏิกิริยา

16. กำรจัดกลุ่มสำรต่อไปนี้ CO2 H2O2 CO NaCl Fe ได้ 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 NaCl Fe
กล่มุ ที่ 2 CO2 H2O2 CO

ในกำรจัดกลุ่มสำรเหล่ำนี้ นักเรียนใช้อะไรเป็ นเกณฑ์
1. สถานะของสาร
2. ธาตุท่ีเป็นองคป์ ระกอบ
3. ของแขง็ ของเหลว
4. โลหะ อโลหะ

ตอบขอ้ 2. ธาตุที่เป็นองคป์ ระกอบ
แนวคิดในการตอบ ธาตุที่เป็นองคป์ ระกอบเป็นเกณฑ์ ซ่ึงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

1. กลุ่มที่มี O เป็ นองคป์ ระกอบ คือ CO2 H2 O2 CO
2. กลุ่มท่ีไมม่ ี O เป็นองคป์ ระกอบ คือ NaCl & Fe

17. ตำรำง ประโยชน์และสมบัติบำงประกำรของธำตุ 3 ชนิด

ธำตุ สถำนะ อณุ หภูมิในกำรนำ ชนิดของธำตุ ประโยชน์
ไฟฟ้ำ โลหะ อโลหะ กงึ่
A ของแข็ง ทำอุปกรณ์
B ของเหลว สูง โลหะ อเิ ลก็ ทรอนิกส์
C แก๊ส หลอดฟลูออเรส
- ✓
- เซนต์
✓ ฆ่ำเชื้อโรค


ธำตุ A B C คือ ธำตุอะไร เรียงตำมลำดบั

1. เหลก็ กามะถนั ออกซิเจน

2. พลวง โบรมีน ฟลูออรีน

3. เงิน ปรอท ออกซิเจน

4. ซิลิกอน ปรอท คลอรีน

ตอบขอ้ 4. ซิลิกอน ปรอท คลอรีน
แนวคิดในการตอบ A เป็นของแขง็ เป็นก่ึงโลหะ นาไฟฟ้าไดด้ ี และใชท้ าอุปกรณ์ electronic

ซ่ึงคือ ธาตุ Si (ซิลิคอน)
B ไม่นาไฟฟ้า เป็นโลหะ ทาหลอดฟลูออเรสเซนต์ คือปรอท เพราะโลหะ

ที่เป็นของเหลวเพยี งชนิดเดียว
C เป็นแก๊ส และเป็นอโลหะ ใชฆ้ ่าเช้ือโรค กค็ ือ et คลอรีน (Cl)

18. ตำรำง ลกั ษณะของสำรและปัจจัยทท่ี ำให้เกดิ ปฏกิ ริ ิยำเคมีของสำรบำงชนิด

สำร ควำมเข้มข้นของสำร อุณหภูมิขณะเกดิ ลกั ษณะของสำร
ขณะทำปฏิกิริยำ ปฏกิ ริ ิยำ ( ํC )
ผงหยำบ
A น้อย 34 เมด็
40 เมด็
B มำก 36
34 ผงละเอยี ด
C มำก

D น้อย

ข้อใดสรุปถูกต้อง
1. สาร A เกิดปฏิกิริยาไดด้ ีกวา่ สาร D
2. สาร B เกิดปฏิกิริยาไดด้ ีกวา่ สาร C
3. สาร A เกิดปฏิกิริยาไดด้ ีเทา่ กบั สาร C
4. สาร C เกิดปฏิกิริยาไดด้ ีกวา่ สาร D

ตอบขอ้ 2. สาร B เกิดปฏิกิริยาไดด้ ีกวา่ สาร C
แนวคิดในการตอบ (เปรียบเทียบปัจจยั ในการเกิดปฏิกิริยา)

ปัจจยั การเกิดปฏิกิริยาของสาร
1. ความเขม้ ขน้ ของสาร มาก เกิดปฏิกิริยา มาก

ความเขม้ ของสาร นอ้ ย เกิดปฏิกิริยา นอ้ ย
2. อุณหภูมิสูง เกิดปฏิกิริยาไดด้ ี (เร็ว)

อุณหภูมิต่า เกิดปฏิกิริยาไดน้ อ้ ยกวา่ (ชา้ )
3. พ้ืนที่ของสารในการสมั ผสั พ้ืนที่มาก เกิดปฏิกิริยา เร็ว

พ้ืนที่นอ้ ย เกิดปฏิกิริยา ชา้

19. ใส่นำ้ บริสุทธ์ิในบกี เกอร์ A นำ้ เกลือในบกี เกอร์ B ทเี่ หมือนกนั ทุกประกำรจนเตม็ แล้วนำบกี เกอร์
ท้งั 2 ไปวำงในสภำพแวดล้อมเดยี วกนั ทมี่ ีลมสงบ วดั อุณหภูมแิ ละมวลของนำ้ ทล่ี ดลงทกุ ชั่วโมง
เป็ นเวลำ 4 ช่ัวโมง ได้ผลดงั ตำรำง

บีกเกอร์ มวลทล่ี ดลง (g)
เริ่มต้น ช่ัวโมงท่ี 1 ชั่วโมงที่ 2 ชั่วโมงที่ 3 ชั่วโมงท่ี 4
A
B - 0.5 0.8 1.0 1.5
- 0.3 0.6 0.8 1.1

อณุ หภูมขิ องอำกำศทวี่ ดั ได้เรียงตำมลำดับจำกช่ัวโมงที่ 1 ถงึ ช่ัวโมงที่ 4 คือ

20 C 24 C 30 C และ 32 C

จำกกำรทดลองข้ำงต้น ปัจจัยทม่ี ผี ลต่อกำรระเหยของนำ้ เป็ นไปตำมข้อใด
1. ขนาดของบีกเกอร์ อุณหภูมิของอากาศ
2. ระยะเวลาการระเหย ความช้ืนในอากาศ
3. ความช้ืนในอากาศ ปริมาณเกลือในน้า
4. ปริมาณเกลือในน้า อุณหภูมิของอากาศ

ตอบขอ้ 4. ปริมาณเกลือในน้า อุณหภูมิของอากาศ
แนวคิดในการตอบ จากขอ้ มูล เม่ืออุณหภูมิเพมิ่ ข้ึนในทุกชวั่ โมง ทาใหผ้ ลการทดลอง

คือ มวลของสารละลาย มีอตั ราการลดลงเพ่ิมข้ึนท้งั สองชนิด

20. ตำรำง ปริมำตรสำรละลำยชนิดต่ำง ๆ

ชนิดของสำรละลำย ปริมำตรสำรละลำย (cm3)
ที่ 1 150
ท่ี 2 180
ที่ 3 200
ที่ 4 250

สำรละลำยท้งั 4 ชนิด มีปริมำตรตัวละลำยเท่ำกนั ท้งั หมด เมื่อนำสำรละลำยท้งั 4 ชนิด มำเขยี นกรำฟ
แสดงควำมเข้มข้นได้ดังนี้

ควำมเข้มข้น (g/cm3)

x xx x

0 A BCD ชนิดของสำรละลำย

สำรละลำยชนิดท่ี 1 ท่ี 2 ที่ 3 และ ที่ 4 คือสำรละลำยในข้อใด เรียงตำมลำดบั
1. A B C D
2. B D A C
3. C A D B
4. D C B A

ตอบขอ้ 2. BDAC
แนวคิดในการตอบ จากการหาความเขม้ ขน้ โดยมวล

= มวลของตวั ถูกละลาย  100
มวลของสารละลาย

เม่ือมวลเทา่ กนั จะหาความเขม้ ขน้ ไดค้ ือ
X
สารที่ 1 = 150  100

สารที่ 2 = X  100
180

สารที่ 3 = X  100
200

สารท่ี 4 = X  100
250
ดงั น้นั เมื่อเทียบคา่ ท่ีคานวณออกมา สารท่ีมีความเขม้ ขน้ ตามลาดบั คือ

สารที่ 1 , 2 , 3 , 4 ตามลาดบั เม่ือนามาพิจารณาตามกราฟท่ีได้ คือ

อนั ดบั 1 = B

อนั ดบั 2 = D

อนั ดบั 3 = A

อนั ดบั 4 = C

21. 12 นิวตัน
10 นิวตนั

ภำพ ก ภำพ ข

ออกแรงดึงวตั ถุชิ้นหนึ่ง 10 นิวตนั วตั ถุไม่เคล่ือนท่ี เมื่อเพมิ่ แรงดึงเป็ น 12 นิวตัน

วตั ถุเคล่ือนทไี่ ด้ ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1. ภาพ ก และ ภาพ ข เป็นแรงเสียดทานสถิต
2. ภาพ ก และ ภาพ ข เป็นแรงเสียดทานเจลน์
3. ภาพ ก เป็นแรงเสียดทานสถิต ภาพ ข เป็นแรงเสียดทานจลน์
4. ภาพ ก เป็นแรงเสียดทานจลน์ ภาพ ข เป็นแรงเสียดทานสถิต

ตอบขอ้ 3. ภาพ ก เป็นแรงเสียดทานสถิต ภาพ ข เป็นแรงเสียดทานจลน์
แนวคิดในการตอบ แรงเสียดทานสถิต คือ แรงเสียดทานที่เกิดกบั วตั ถุท่ีหยดุ นิ่งเอง

เสียดทานจลน์ คือ แรงเสียดทานท่ีเกิดกบั วตั ถุที่เคลื่อนที่

22.

ของเหลว A วตั ถุ ของเหลว B

ภำชนะ A ภำชนะ B

ภำพ วตั ถุในของเหลว A และ B

วตั ถุชนิดเดียวกนั ขนำดเท่ำกนั นำไปใส่ในภำชนะชนิดเดียวกนั ขนำดเท่ำกนั ทม่ี ขี องเหลว

ต่ำงชนิดกนั ปริมำณเท่ำกนั ได้ผลดงั ภำพ ข้อใดสรุปถูกต้อง
1. แรงพยงุ ของของเหลว A ท่ีกระทาต่อวตั ถุในภาชนะ A มากกวา่ แรงพยงุ ของของเหลว B

ท่ีกระทาตอ่ วตั ถุในภาชนะ B
2. แรงพยงุ ของของเหลว A ที่กระทาตอ่ วตั ถุในภาชนะ A นอ้ ยกวา่ แรงพยงุ ของของเหลว B

ท่ีกระทาต่อวตั ถุในภาชนะ B
3. แรงพยงุ ของของเหลว A ท่ีกระทาต่อวตั ถุในภาชนะ A เท่ากบั แรงพยงุ ของของเหลว B

ที่กระทาต่อวตั ถุในภาชนะ B
4. ยงั สรุปแรงพยงุ ไมไ่ ด้ เน่ืองจากของเหลวใน A และ B เป็นคนละชนิดกนั

ตอบขอ้ 1. แรงพยงุ ของของเหลว A ท่ีกระทาต่อวตั ถุในภาชนะ A มากกวา่ แรงพยงุ ของของเหลว B
ท่ีกระทาตอ่ วตั ถุในภาชนะ B

แนวคิดในการตอบ จากภาพวตั ถุในของเหลว A อยสู่ ูงกวา่ ในของเหลว B

23.

F = 20 N
ภำพกำรออกแรงดงึ วตั ถุ

วตั ถุในภำพเริ่มเคลื่อนทพี่ อดี ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1. แรงเสียดทาน นอ้ ยกวา่ 20 N
2. แรงเสียดทาน เท่ากบั 20 N
3. แรงเสียดทาน มากกวา่ 20 N
4. ไมเ่ กิดแรงเสียดทาน เน่ืองจากวตั ถุเคล่ือนที่แลว้

ตอบขอ้ 1. แรงเสียดทาน นอ้ ยกวา่ 20 N
แนวคิดในการตอบ วตั ถุเริ่มเคลื่อนที่แสดงวา่ แรงเสียดทานจะมีค่านอ้ ยกวา่ แรงกระทา

24. แท่งแม่เหลก็ แท่งแม่เหลก็

ภำพ 1

แท่งแม่เหลก็ แท่งแม่เหลก็

ภำพ 2

ภำพแสดงกำรดูดและผลกั ของข้วั แม่เหลก็
ข้อสรุปต่อไปนี้

ก. ภำพ 1 แท่งแม่เหลก็ ท้งั สองแท่ง มีแรงผลกั ซ่ึงกนั และกนั
ข. ภำพ 1 แท่งแม่เหลก็ ท้งั สองแท่ง มีแรงดูดซึ่งกนั และกนั
ค. ภำพ 2 แท่งแม่เหลก็ ท้งั สองแท่ง มีแรงผลกั ซ่ึงกนั และกนั

ง. ภำพ 2 แท่งแม่เหลก็ ท้งั สองแท่ง มีแรงดูดซ่ึงกนั และกนั
ข้อใดถูกต้อง
1. ก ค
2. ก ง
3. ข ค
4. ข ง

ตอบขอ้ 2. ก ง แม่เหล็กข้วั เดียวกนั จะผลกั กนั
แนวคิดในการตอบ ข้วั ต่างกนั จะดูดกนั

25. พน่ี ้อง 4 คน คือ A B C และ D ท้ัง 4 คน ใช้อุปกรณ์ทอี่ ำศัยหลกั โมเมนต์ของแรง 4 ชนิด
ดงั นี้
A ใช้ค้อนถอนตะปู
B ใช้ตะเกยี บคีบอำหำร
C ใช้คมี คบี นำ้ แขง็
D ใช้ทเ่ี ปิ ดขวดนำ้ อดั ลม

พนี่ ้องคู่ใดใช้อปุ กรณ์ทอี่ ำศัยหลกั โมเมนต์ของแรงเหมือนกนั
1. A กบั B
2. B กบั C
3. C กบั D
4. D กบั A

ตอบขอ้ 2. B กบั C
แนวคิดในการตอบ เป็นคานอนั ดบั เดียวกนั (อนั ดบั 3)

26. กำรเคลื่อนทข่ี องบำนพบั ประตู หน้ำต่ำง ไม่คล่องตวั เนื่องจำกมีแรงเสียดทำน ชำวบ้ำนจึงลด

แรงเสียดทำนโดยกำรหยอดนำ้ มนั หรืออดั จำระบตี รงรอยต่อของบำนพบั ประตู หน้ำต่ำง

ภำยในร่ำงกำยของเรำ มีส่ิงใดทำหน้ำทเี่ หมือนนำ้ มนั หรือจำระบี
1. น้าไขขอ้
2. น้าไขสันหลงั
3. กระดูกขอ้ พบั
4. กระดูกขอ้ ต่อ

ตอบขอ้ 1. น้าไขขอ้
แนวคิดในการตอบ เพราะน้ามนั ไขขอ้ ช่วยลดแรงเสียดทานระหวา่ งกระดูก

27. บริษัทจำหน่ำยเครื่องปรับอำกำศ 3 ยีห่ ้อ ดังนี้

ยหี่ ้อเครื่องปรับอำกำศ แรงเคล่ือนไฟฟ้ำ กำลงั ไฟฟ้ำ รำคำ
(โวลต์) (วตั ต์) (บำท)
ก 110 2000 30,000
ข 220 2500 32,000
ค 220 2800 35,000

นำยดำมีบ้ำนพกั อยู่ในกรุงเทพฯ ต้องกำรซื้อเคร่ืองปรับอำกำศทป่ี ระหยดั พลงั งำนไฟฟ้ำและรำคำถูก

เขำควรเลือกซื้อเคร่ืองปรับอำกำศยหี่ ้ออะไร
1. ก
2. ข
3. ค
4. ก หรือ ข

ตอบขอ้ ข.
แนวคิดในการตอบ เพราะสังเกตที่กาลงั ไฟฟ้าของเคร่ืองปรับอากาศ ถา้ กาลงั ไฟฟ้ามาก จะกินไฟมาก

และราคาถูก พดั ลม 60 วตั ต์ 2 ตัว
28. บ้ำนหลงั หน่ึงมีเครื่องใช้ไฟฟ้ำ ดงั ต่อไปนี้ เตำรีด 1,200 วตั ต์ 2 อนั
หลอดไฟฟ้ำ 60 วตั ต์ 5 หลอด
โทรทัศน์ 1,000 วตั ต์ 3 เครื่อง
เคร่ืองปรับอำกำศ 2,700 วตั ต์ 1 เคร่ือง
กำต้มนำ้ 1,200 วตั ต์ 1 ใบ
เปิ ดใช้งำนพร้อมกนั ทุกวนั

เจ้ำของบ้ำนต้องกำรลดกำรใช้พลงั งำนไฟฟ้ำลง เขำจึงคำนวณหำค่ำพลงั งำนไฟฟ้ำของ

เครื่องใช้ไฟฟ้ำทุกชนิด และเลือกลดกำรใช้เคร่ืองไฟฟ้ำทเ่ี ปลืองพลงั งำนไฟฟ้ำมำก สองอนั ดับแรก

เขำจะเลือกลดกำรใช้เคร่ืองไฟฟ้ำชนิดใดทเี่ ปลืองพลงั งำนไฟฟ้ำมำกทสี่ ุด และรองลงไป
1. เตารีด เคร่ืองปรับอากาศ
2. เตารีด กาตม้ น้า
3. โทรทศั น์ เครื่องปรับอากาศ
4. เคร่ืองปรับอากาศ เตารีด

ตอบขอ้ 3. โทรทศั น์ เคร่ืองปรับอากาศ
แนวคิดในการตอบ เพราะสังเกตท่ีจานวนวตั ตข์ องเครื่องใชไ้ ฟฟ้า

ถา้ จานวนพลงั งานไฟฟ้ามาก จะกินไฟมาก

29.

ระดับผวิ นำ้


เข่ือน


ภำพเขื่อน

พลงั งำนทบี่ ริเวณ ก และบริเวณ ข เป็ นอย่ำงไร
1. บริเวณ ก และบริเวณ ข มีพลงั งานศกั ยม์ ากกวา่ พลงั งานจลน์
2. บริเวณ ก และบริเวณ ข มีพลงั งานจลนม์ ากกวา่ พลงั งานศกั ย์
3. บริเวณ ก มีพลงั งานศกั ยม์ ากกวา่ บริเวณ ข
4. บริเวณ ก มีพลงั งานจลนม์ ากกวา่ บริเวณ ข

ตอบขอ้ 3. บริเวณ ก มีพลงั งานศกั ยม์ ากกวา่ บริเวณ ข
แนวคิดในการตอบ เพราะบริเวณ ก เป็ นน้าน่ิง ข. น้าไหล

30. พจิ ำรณำข้อควำมต่อไปนี้ แล้วตอบคำถำม
ก. ว่ำวลอยสูงบนท้องฟ้ำ
ข. ก้อนหินวำงนิ่งบนหน้ำผำ
ค. ลกู บอลกำลงั กลงิ้ บนพืน้ ดิน

วตั ถุในข้อใดไม่มีพลงั งำนจลน์ 2. ข
1. ก 4. ก และ ค
3. ค

ตอบขอ้ 4.
แนวคิดในการตอบ เพราะ วา่ วที่ลอยอยมู่ ีพลงั งานจลน์ และลูกบอลกาลงั กลิ้งบนพ้ืนดิน

มีพลงั งานจลน์
31.



กค

แผนภำพ วฏั จักรหิน

ก ข ค ในแผนภำพ คืออะไร เรียงตำมลำดบั

1. หินอคั นี หินตะกอน หินแปร

2. หินตะกอน หินแปร หินอคั นี

3. หินแปร หินตะกอน หินอคั นี

4. หินอคั นี หินแปร หินตะกอน

ตอบขอ้ 3. หินแปร หินตะกอน หินอคั นี
แนวคิดในการตอบ เพราะการเรียงลาดบั ของหิน ก. คือ หินแปร ข. หินตะกอน ค. หินอคั นี

32. หนิ ตะกอนเกดิ จำกกำรสะสมของตะกอนเมด็ ขนำดต่ำง ๆ ดงั นี้

เม็ดตะกอน ก ขนำดมำกกว่ำ 2 มลิ ลเิ มตร

เม็ดตะกอน ข ขนำดน้อยกว่ำ 1 มลิ ลเิ มตร
256
1
เมด็ ตะกอน ค ขนำดระหว่ำง 16 มิลลเิ มตร ถึง 2 มิลลเิ มตร

เม็ดตะกอน ง ขนำดระหว่ำง 1 มลิ ลเิ มตร ถงึ 1 มิลลเิ มตร
256 16

ข้อใดเรียงลำดบั ขนำดตะกอน จำกขนำดเลก็ ไปขนำดใหญ่ได้ถูกต้อง
1. ก ข ง
2. ข ง ค
3. ค ง ก
4. ง ก ข

ตอบขอ้ 2. เพราะเรียงลาดบั จากขนาดเล็กไปขนาดใหญ่ไดถ้ ูกตอ้ ง ขนาดเล็กดูท่ีเศษส่วน
แนวคิดในการตอบ มากที่สุด มีขนาดเลก็

33. ค่ำ pH ของดนิ

8 

6

4

2

0 ชนิดของดนิ
ก ขค

กรำฟ ค่ำ pH ของดินชนิดต่ำง ๆ

ข้อใดคือ ดนิ กรด และดนิ ด่ำง เรียงตำมลำดับ
1. ก ข
2. ก ค
3. ข ค
4. ค ข

ตอบขอ้ 1.
แนวคิดในการตอบ เพราะ ก เป็นดินกรด ข. คือ ดินด่าง

34.
สำรส้ มหลอมละลำย

ผ้ำห่อ
นำ้ แข็ง

ภำพ 1 ภำพ 2

ภำพ กำรทดลองแสดงกำรเกิดหินอคั นี

ข้อใดเปรียบเทยี บกำรทดลองกบั กำรเกดิ หนิ อคั นีได้ถูกต้อง
1. ภาพ 1 เปรียบเหมือนการเกิดหินอคั นีพุ ภายใตผ้ วิ โลก
2. ภาพ 1 เปรียบเหมือนการเกิดหินอคั นีแทรกซอน บนผวิ โลก
3. ภาพ 2 เปรียบเหมือนการเกิดหินอคั นีพุ บนผวิ โลก
4. ภาพ 2 เปรียบเหมือนการเกิดหินอคั นีแทรกซอน ภายใตผ้ วิ โลก

ตอบขอ้ 4.
แนวคิดในการตอบ เพราะภาพ 2 เปรียบเหมือนการเกิดหินอคั นีแทรกซอน ภายใตผ้ วิ โลก

35. ก๊ำซเชื้อเพลงิ
หน่วยกลน่ั นำ้ มันดบิ แก๊สหุงต้ม
นำ้ มนั A
นำ้ มนั B
นำ้ มนั C
นำ้ มัน D

แผนภำพกำรกลน่ั นำ้ มันดิบบำงส่วน

A B C D คืออะไร เรียงตำมลำดบั
1. เบนซิน ดีเซล ก๊าด เตา
2. เบนซิน ก๊าด ดีเซล เตา
3. ดีเซล เบนซิน ก๊าด เตา
4. ดีเซล เบนซิน เตา กา๊ ด

ตอบขอ้ 2. เบนซิน ก๊าด ดีเซล เตา
แนวคิดในการตอบ เพราะเป็นการเรียงลาดบั ช้นั ของการกลนั่ น้ามนั ดิบ

36. ดวงอำทติ ย์ขนึ้ ทำงทศิ ตะวนั ออกในตอนเช้ำ และตกลบั ขอบฟ้ำทำงทิศตะวนั ตกในตอนเยน็
เรียกว่ำ กำรขนึ้ ตกของดวงอำทติ ย์ จำกสถำนกำรณ์ดงั กล่ำว ซึ่งสรุปได้ดงั นี้
ก. กำรขนึ้ ตกของดวงอำทติ ย์เป็ นกำรเคลื่อนทป่ี รำกฏ
ข. กำรขนึ้ ตกของดวงอำทติ ย์เกิดจำกกำรทโี่ ลกหมุนรอบตวั เอง
ค. กำรขนึ้ ตกของดวงอำทติ ย์ทำให้ทรำบว่ำโลกเป็ นศูนย์กลำงของจักรวำล

ข้อใดสรุปถูกต้อง
1. ก ข
2. ก ค
3. ข ค
4. ก ข ค

ตอบขอ้ 1. เพราะ ขอ้ ค. เป็นการสรุปท่ีผดิ เพราะการข้ึนตกไมท่ าใหท้ ราบวา่ โลก
แนวคิดในการตอบ เป็นศูนยก์ ลางของจกั รวาล

37. 

 โลก  โลก

ภำพ 1 

ภำพ 2

ภำพตำแหน่งของดวงจันทร์ทโี่ คจรรอบโลก

ข้อใดกล่ำวถูกต้อง

1. ภาพ 1 และ ภาพ 2 เป็นวนั น้าเกิด
2. ภาพ 1 และ ภาพ 2 เป็นวนั น้าตาย
3. ภาพ 1 เป็นวนั น้าเกิด ภาพ 2 เป็นวนั น้าตาย
4. ภาพ 1 เป็นวนั น้าตาย ภาพ 2 เป็นวนั น้าเกิด

ตอบขอ้ 3.

แนวคิดในการตอบ เพราะ ภาพ 1 เป็นภาพวนั น้าเกิด ส่วนภาพที่ 2 เป็ นภาพวนั น้าตาย
น้าเกิด หมายถึง น้าข้ึนในระดบั สูงมากและลงต่ามากในช่วงวนั เนื่องจากดวงจนั ทร์

และดวงอาทิตยโ์ คจรมาอยใู่ นแนวเดียวกนั กบั โลก จึงมีอิทธิพลในการดึงดูดน้าทะเลใหม้ ีระดบั ตา่ งกนั มาก
ในแตล่ ะเดือน มีน้าเกิน 2 ช่วง คือ เดือนเพญ็ ต้งั แตข่ ้ึน 13 ค่า ถึง แรม 2 ค่า และช่วงเดือนดบั ต้งั แตว่ นั แรม
13 ค่า ถึง ข้ึน 2 ค่า

น้าตาย หมายถึง น้าข้ึนนอ้ ยและลงนอ้ ย ท้งั น้ีเนื่องจากดวงจนั ทร์ โลก และดวงอาทิตยโ์ คจรมา
อยใู่ นแนวต้งั ฉากซ่ึงกนั และกนั ในแต่ละเดือน มี 2 ช่วง คือ ระหวา่ งข้ึน 5 – 9 ค่า และระหวา่ งแรม 5 - 9 ค่า

38. ตำรำง รำยละเอยี ดเก่ียวกบั ดำวเครำะห์ต่ำง ๆ

ดำวเครำะห์ เส้ นผ่ำศูนย์กลำง ส่ วนประกอบ ควำมหนำแน่น แก๊สส่ วนใหญ่
(km) (g/cm3) ในบรรยำกำศ
พุธ 4,879 หนิ โลหะ 5.43
พฤหัสบดี 142,984 H2 He 1.33 He
12,104 หิน โลหะ 5.24 H2 He
ศุกร์ 12,756 หนิ โลหะ 5.52 CO2
โลก 6,794 หนิ โลหะ 3.94 N2 O2
องั คำร 120,536 H2 He 0.70 CO2
เสำร์ H2 He

ถ้ำใช้กำรมีแก๊สฮีเลยี มในบรรยำกำศเป็ นเกณฑ์ จะแบ่งกลุ่มดำวเครำะห์ได้เป็ น 2 กล่มุ

ตำมข้อใด
1. พุธ พฤหสั บดี เสาร์ กบั ศุกร์ โลก องั คาร
2. พธุ ศุกร์ โลก กบั องั คาร พฤหสั บดี เสาร์
3. พุธ พฤหสั บดี ศุกร์ กบั โลก องั คาร เสาร์
4. พธุ โลก องั คาร กบั พฤหสั บดี ศุกร์ เสาร์

ตอบขอ้ 1. เพราะ ถา้ ดูจากตารางเมื่อดูแกส๊ ฮีเลียมในบรรยากาศเป็นเกณฑ์ จะเห็นวา่
แนวคิดในการตอบ ดาวเคราะห์ที่มีแก๊สฮีเลียมจะมี พุธ, พฤหสั บดี และเสาร์

39.
A

B
C

จำกภำพ A B C คืออะไร เรียงตำมลำดับ

1. กาแล็กซี ดาวฤกษ์ เนบิวลา

2. กาแลก็ ซี เอกภพ ดาวฤกษ์

3. เอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์

4. เอกภพ ดาวฤกษ์ ฝ่ นุ ละออง

ตอบขอ้ 3. เอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์
แนวคิดในการตอบ เพราะจากภาพ ถา้ เรียงตามขนาดจากใหญ่ไปเล็ก

จะได้ A = เอกภพ , > B = กาแลก็ ซี , > C = ดาวฤกษ์

40.

ก ขค

นักเรียนทดลองปลกู พืชนำ้ ขนำดเลก็ ชนิดหน่ึง ในโหลแก้วชนิดเดยี วกนั ขนำดเท่ำกนั มีนำ้ ปริมำณเท่ำกนั
เตมิ สำรลงในนำ้ ดังนี้

โหลแก้ว ก เตมิ ป๋ ุยชนิดท่ี 1
โหลแก้ว ข เติมป๋ ยุ ชนิดท่ี 2
โหลแก้ว ค ไม่เติมสิ่งใดเลย

นำโหลแก้วท้งั 3 ไปวำงไว้ในบริเวณเดยี วกนั ทงิ้ ไว้ 5 วนั แล้วเปรียบเทยี บผลกำรทดลอง

ตัวแปรต้น และตัวแปรตำม คือข้อใด เรียงตำมลำดบั
1. ตน้ พชื ขนาดเล็ก ปริมาณน้าท่ีหายไป
2. ชนิดของป๋ ุย น้าหนกั ของตน้ พืชที่เพ่ิมข้ึน
3. ชนิดของตน้ พชื การเจริญเติบโตของตน้ พืช
4. ขนาดของตน้ พชื บริเวณที่วางโหลแกว้

ตอบขอ้ 2. ชนิดของป๋ ุย น้าหนกั ของตน้ พืชที่เพิ่มข้ึน
แนวคิดในการตอบ เพราะ จากการทดลองปลูกพืชน้าขนาดเล็กในโหลแกว้ สิ่งที่ตอ้ งการท่ีจะศึกษา

คือ ชนิดของป๋ ุยท่ีเติมลงไปในน้า ผลท่ีตอ้ งการที่จะศึกษาคือ น้าหนกั ของตน้ พืชท่ีเพมิ่ ข้ึน
(การเจริญเติบโตของพืช) เพราะฉะน้นั ถา้ เรียงลาดบั ตวั แปรตน้ และตวั แปรตาม กจ็ ะไดว้ า่
ตวั แปรตน้ = ชนิดของป๋ ุย ตวั แปรตาม = น้าหนกั ของตน้ พืชท่ีเพิม่ ข้ึน (ตวั แปรตน้ คือ เหตุ
(สิ่งท่ีตอ้ งการศึกษา , ตวั แปรตาม คือ ผลที่เกิดข้ึน)

41.

วงจร 1 วงจร 2

แบตเตอรี่ชนิดเดยี วกนั เหมือนกนั ทุกประกำร ต่อกบั ลวดตวั นำ 3 เส้น

มคี วำมต้ำนทำนเท่ำกนั ทุกเส้น ข้อใดสรุปถูกต้อง
1. ความตา้ นทานรวมของลวดตวั นา 3 เส้น ในวงจร 1 และ 2 มีค่าเทา่ กนั
2. ความตา้ นทานรวมของลวดตวั นา 3 เส้น ในวงจร 1 มีคา่ นอ้ ยกวา่ วงจร 2
3. ความตา้ นทานรวมของลวดตวั นา 3 เส้น ในวงจร 1 มีค่ามากกวา่ วงจร 2
4. กระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจร 1 มีคา่ เท่ากบั กระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจร 2
5. กระแสไฟฟ้าท่ีไหลในวงจร 1 มีคา่ มากกวา่ กระแสไฟฟ้าท่ีไหลในวงจร 2
6. กระแสไฟฟ้าท่ีไหลในวงจร 1 มีคา่ นอ้ ยกวา่ กระแสไฟฟ้าท่ีไหลในวงจร 2

ตอบขอ้ 3. กบั ขอ้ 6.

แนวคิดในการตอบ Rรวม = R1 + R2 + R3

สมมติ วงจร 1 เป็นการต่อแบบอนุกรม ให้ R = 2  จะได้ 2+2+2+2 = 6 

R = 2  วงจร 2

แลว้ มาอนุกรมกบั R3 จะได้ 1 + 2 = 3 
สรุป วงจรที่ 1 ความตา้ นทานมากกวา่ วงจร 2

จาก ความตา้ นทานมาก กระแสไหลเขา้ นอ้ ย

ความตา้ นทานนอ้ ย กระแสไหลเขา้ มาก

42. คำน AB มีนำ้ หนักสมำ่ เสมอ ยำว 80 cm วำงอยู่บนท่รี องรับตรงจุดห่ำง A 30 cm
วตั ถุหนัก 40 N แขวนทสี่ ุดกงึ่ กลำงพอดี และมีวตั ถุหนัก 20 N แขวนไว้ทจ่ี ุด C

ซ่ึงห่ำงจำกปลำย B 10 cm จะต้องแขวนนำ้ หนักที่ A กน่ี ิวตันคำนจึงจะสมดุล

และโมเมนต์ตำมเข็มนำฬิกำมคี ่ำกน่ี ิวตนั – เมตร
1. 120
2. 96
3. 40
4. 20
5. 12
6. 6

ตอบขอ้ 3. และ ขอ้ 5. A 30 50 10 B
แนวคิดในการตอบ
ก่ึงกลาง (40) 20 N
เขียนรูป
จุดหมุน

=?

40 N

จาก โมเมสตต์ าม = โมเมนตท์ วน

จะได้ (40  10) + (20 40) = 30 

400 + 800 = 30

1200 = 30
1,200
 = 30

 = 40

 แขวนวตั ถุที่ จุด A = 40 N

หาโมเมนตต์ าม จะได้ = 1,200 N-cm. เปลี่ยนหน่วยเป็น N – m.
1,200
จะได้ = 100 = 12 N – m.

43. นักเรียนนำขวดพลำสตกิ มำประกอบเป็ นส่ิงประดษิ ฐ์ 3 แบบ คือ
1. วำงขวดพลำสตกิ แนวนอน เจำะรูด้ำนข้ำง 2 รู
2. วำงขวดพลำสติกแนวต้งั เจำะรูด้ำนข้ำง 2 รู
3. วำงขวดพลำสติกแนวต้งั สองช้ันซ้อนกนั ไม่เจำะรู
นำอุปกรณ์ท้งั 3 แบบ ไปดักจับแมลงวนั ทอง
ข้อใดเป็ นวตั ถุประสงค์หลกั ของโครงงำนประดิษฐ์นี้
1. เพ่ือประดิษฐข์ วดดกั จบั แมลงวนั ทอง
2. เพ่อื ประดิษฐอ์ ุปกรณ์จากขวดพลาสติก
3. เพ่ือฝึกทกั ษะกระบวนการทางานกลุ่ม
4. เพอ่ื ศึกษาคุณภาพของอุปกรณ์ท่ีประดิษฐข์ ้ึนมา
5. เพ่อื ศึกษาความสามคั คีที่เกิดจากการทาโครงงานร่วมกนั
6. เพอ่ื นาอุปกรณ์ที่ประดิษฐข์ ้ึนไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั

ตอบขอ้ 1. และ ขอ้ 4.
แนวคิดในการตอบ วตั ถุประสงคห์ ลกั ของโครงงานประดิษฐ์น้ีคือ

ขอ้ 1. เพื่อประดิษฐข์ วดดกั จบั แมลงวนั ทอง (ตามโจทย)์
ขอ้ 4. เพื่อศึกษาคุณภาพของอุปกรณ์ท่ีประดิษฐข์ ้ึนมา ซ่ึงพจิ ารณาจากการวางขวดและการเจาะรู

ซ่ึงแตกต่างกนั
ส่วนขอ้ 2, 3, 5, 6 ไม่ใช่จุดประสงคห์ ลกั

44. ตำรำง จำนวนโครโมโซมของเซลล์ร่ำงกำยของส่ิงมีชีวติ บำงชนิด

ชนิดของสิ่งมีชีวติ จำนวนโครโมโซม (แท่ง)
แมลงวนั 12
คน 46
ชิมแพนซี 48
ไก่ 78

ข้อใดสรุปถูกต้อง
1. สัตวข์ นาดเลก็ มีจานวนโครโมโซมนอ้ ยกวา่ สัตวข์ นาดใหญ่
2. จานวนโครโมโซมของส่ิงมีชีวติ แต่ละชนิดไม่เท่ากนั
3. ไก่มีจานวนโครโมโซมมากกวา่ คน เพราะมีขนาดเล็กกวา่
4. จานวนโครโมโซมไมส่ ัมพนั ธ์กบั ขนาดร่างกายของส่ิงมีชีวติ
5. ไก่มีขนาดร่างกายใหญก่ วา่ แมลงวนั จึงมีจานวนโครโมโซมมากกวา่
6. คนกบั ชิมแพนซีมีขนาดใกลเ้ คียงกนั จึงมีจานวนโครโมโซมใกลเ้ คียงกนั

ตอบขอ้ 2. และ ขอ้ 4.
แนวคิดในการตอบ ขอ้ 2. จานวนโครโมโซมของส่ิงมีชีวติ แตล่ ะชนิดไมเ่ ทา่ กนั

ขอ้ 4. จานวนโครโมโซมไม่สัมพนั ธ์กบั ขนาดร่างกายของสิ่งมีชีวติ
ส่วน ขอ้ 1, 3, 5, 6 ไมถ่ ูกตอ้ ง เพราะขนาดเลก็ หรือใหญ่  โครโมโซม

45. ตำรำง มวล ปริมำตร และลักษณะกำรจมในนำ้ ของวตั ถุต่ำง ๆ

วตั ถุ มวล (g) ปริมำตร (Cm3) ลกั ษณะกำรจมในนำ้

ก 100 - ลอยนำ้

ข 100 60 -

ค 400 360 จมนำ้

ง 1,200 1,000 -

ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1. วตั ถุ ก มีปริมาตรมากกวา่ 100 cm3
2. วตั ถุ ก และ ค ลอยน้า วตั ถุ ข และ ง จมน้า
3. วตั ถุ ค มีความหนาแน่นนอ้ ยกวา่ วตั ถุ ง
4. วตั ถุ ข มีความหนาแน่นมากกวา่ วตั ถุ ค แต่นอ้ ยกวา่ วตั ถุ ง
5. วตั ถุ ก และ วตั ถ ข เป็นวตั ถุชนิดเดียวกนั
6. วตั ถุที่มีความหนาแน่นเรียงลาดบั จากมากไปหานอ้ ย คือ ข ค ง ก

ตอบขอ้ 1. และ ขอ้ 3.
แนวคิดในการตอบ ขอ้ 1. วตั ถุ ก มีปริมาตรมากกวา่ 100 cm3

ขอ้ 3. วตั ถุ ค มีความหนาแน่นนอ้ ยกวา่ วตั ถุ ง
ขอ้ 2 , 4 , 5 , 6 ผดิ
ขอ้ 2 ผดิ ตรง ค. ลอยน้า , ข และ ง จมน้า
ส่วน ขอ้ 4 , 5 , 6 ตามท่ีคานวณ

MiAl 2

rJill 09.00- 10.30 1-!•

..., ...,

1J1 ヲャセvQ@uG

nu1. tfJ-il! ., .,

ih t'tin"tl!

2. 1J1 flUQ..f Q..l ャヲセuGQ@ <V ' Q.,l

!'flll!l!

3. tfJ-il! ih ヲセャゥQ@uG nil,il!



mVJf'l1
lセ@ オュョッ。 。 Q。セュョオゥャ@ッウ ュッ。ウオBGセI@H Q セ Q@11-Hll't1VIfJ't1 28 m.Jill'Yfl-!fi 2559
.., ""' clq .., c! セᄋ@ NIETS

Q •- Ni!tlorlallnstltuteol Eduartlonai Testing Service (Publlc()rganlzation) セ@ bl 09.00- 10.30 '1-!•

1 q .,...,

!ll q

f.HHll fl VI '1-!'t1 2 1.J'H;Y'H 1Vlll '1-!

1fl. t'lfJ@セ 'H!llV!lIl'I-! '[L@セt1
1 1 11tl fl GエivQャ^セュヲ@ !ll ""'

!ll q 'lJ

Vl'l-!'tl

1'\J. 1 @セ 'H!llV!llI'I-!@セ[L'tl ヲャMZjエQG@ュセ^ !ll

!ll q 2 11 t l f l @jヲセ^エ .,:

Vl'l-!'tl 'lJ

!ll q 11 1
fl. 3 11tl n @セ^エ fJャAセ@ 'H VI '1-!rアセAャ@ 1 @セ^エ m n m1!'Vi 1セ@ m tQl エ@セ^
Vl'l-!'tl 'lJ

1... 1

-:J. 1..N, 3 V!lll'l-! 11gn セ^エヲj@ セ@ 'H!llV!llI'I-!アセ@'tl MGャ・^ivQAヲュセエ@ !ll

'l1'e1・@イQセャエオAキjMGゥィ oe1

1. fl hエャセ@ '\J
f'1
2. '\J エ@セャh





. .tLJtgtHN"U·UtYU@ エlhMuャ@yGセ 'f'

"" !i=' ""' 0 "" !i='

セGゥ@ AセLN`@QuエljァM hセ@エl '£

1'511\P "" 0 ""

ァエ@jlhMセALN ,,.., "" ·z

エLANヲlhセM@ャ ,.,.., 0 '1

""

hiNゥャヲエGuイ`セA@ェH "'
,.

ttY Z ヲN@セエu lb エMセゥャGiuイLヲァjlNAhェ@ n エLNAyヲセMオャGhュ@iljイmゥ b .!i=' b 'f'

""' "" "" ,.., ' 15 ? ,., 0 "" ,.., ""' '

エヲNイLMQ@jゥAセ` b "",.エGャゥヲN@`uセl AセャエヲlNゥェ@ ·p
15
"" ""' uエ@Mセ[Hオャy '£
ェセヲャ@NlAエゥ
Q@LセlイjANM `jイセlLiANM@ ·z

LQMNAljイセ@ "",.@NヲエゥGl`セuャ 15 MLlセi`イj@NA ' '1
'
@セ`ゥエイjヲNALMQ b AlNゥェセヲャ@エ CD 「m@エオセ @flg

"" ""' 0 エセオ「m@ 15

@ オセエ@m「 I

セGゥ@ エャイセAumヲNゥェG@ ""? ,.., br b / 5ゥN@umlエセjァェyL 15 .""'""' 0 エyiGイjセ@ iU @mャエセuNヲGM`jァ セlNjMヲエイゥ@ ""'
,.""'
b ""' ,.., ,.., 0 '£
@ オMエAセョ@Guャ`ォaイ
@ エMセョュlLャヲNu@y . ""
CD. エLuZyセjイlAMNi`ゥG@B
ZjエNヲrャォセLiイゥlmA@`uGェ .

.

'tt 0£'01- 00'60 セlエ@ i Q [ZNGBセLM@H s@zセ b
!U\Mllfrtll 8Z ャ@ゥlセwiN
t L\'1,!,.-1, {' rb !:=> {' "" @1\t
15 rb
' -' r -

letSJ..l3A1N, t§·=- ' · '

NセャゥAjイス@エlェ S6 j@セᄏエェNゥl

09.00- 10.30 'U.

rJewnu n&i '@ヲhカャuGセ ""'

I 1 I I

'tilfJ 0 'tilfJ Qwセ@G ""
u

... "" .... 1VI

ャuGエヲセw@ijゥQ "" '""""'iャゥQエヲA[Gu@jHwセ ' ..
u ... ...
_
1. ヲャイエセゥオョG@u
...
2. Gャvuヲエセ@
-=tv

1. 11t1...'.Utf1'111'1fJ u
2. セカvQゥMFュィヲイオ@LャG

4. Vlfl.n,A@セョ (;l! ョ ᄋ Lセ@ VI!オ・@セQ ..'

n'l1f>fJiJijtJmu1-u



11l«''hn 95 ュゥャヲセィG@ .'VIP1
' ·. NIETS
. 2559 。オョッュ ッ オ ュ ュッ ウゥ エョ ャ[Lゥ o セ ャo@ H 。oaャsuB セ u @I
•• Natlooalln$tltuteofEducatlona1TestWigScrvlce(Publk:Orgaolzatlon) ョQ@セ 09.00 -10.30 u.
1uennvlfJn 28 @ヲセャGujエ
Q

Qャセu@ u n /___.

.Ue1ィGオカQセZュMゥャヲhmエvi@ ...

"' flU Ufl
.t.;.V,
1. !M"tl"'£.11 VlflHVIU M'Uel'U

2. Qセャヲ@エv I flU Ufl

I flU !M["."J' [.J1

3. Qャヲ セ ャv@エ

4. M'Uel'U



セ2559 ipャjHエ@v a1 1 ""l 09.00- 10.30 'U .
d
セ@ᄋ NIETS bl
セャQヲゥオョLウュッd@。[ オB@dュッウHゥGセIN
..- National Institute of Educational Testlrlg SeNice H オp 」セ@Iゥ「ャ

8. イゥjfuGセ・ヲエQ@ャhカMZivェ、 ' ャAエィ@jセuGゥヲQ

c:l .t::). 0 'セ@ @ZエセN」

Qヲャ@セujivG

1AャセQゥGj」@ jLセ@ uGQvヲャセhィ、A@w ャヲゥセj@

1. N'n ---+ l'il!@ャAセ n---+ 1 ---+ f'll!

3. AセャMK@vGォ セ@ ャエセh@ ---+ un ---+ m@セm' n



nt;n 09.00- 10.30 t!.

I C02 Qヲャ@セエ I\ft

f) @セ

セ@ @セ

@iセ ..VI
セョエュオ@

'U!llf) fl 'U fl @セ
111t1lu
1. 111t11'll 111t11'll ..... t!!ll セ@
t!!ll t l セAヲゥQZ@ャエhv
2. 111t11'll 111t11'll ..... 111t11'll
t l ZQvャエh@ゥAヲセ 111t11'll @セ 111t11'll
111t11'll 11lt11'll
3. ..... c!ll @セ
111t11'll t l ャQZエhvセAヲゥ@

..... t!!ll 111t11'll

4. tlヲ@ャAZvQゥエセh セ@



ョセ@ 09.00- 10.30 'W.

... 'W<!:!. ,. (1,... ...オ@セM] , AZ@セ\ セ@
キゥィセオョQ@jGェ Hl1J'l<f!':W! 0
'W 'Yl 1) ill'W1'W tltl'W(;l'W
1
2 120 75
3
200 90
4
250 150

500 180
.Qャヲァu@セゥエョェGhjオwAイキ
.1. 1J"1"rJW'Y-=1l 1 l

2. U"1"rJW'Y-=l1 2 flel1J'jnw1V'l



.3. 1J"1"rJW'Y-=1l 3

4. U"1"rJW'Y-=l1 4



'Yiih 10

n'tn 09.00 -10.30 'U.

11. 'YI QJ f l 1 l i 1 ·n J 'tf 1V""I

I 1 'VU.Jl

V""l'U I
@ィゥQセ
I

. f:Ill'W't"'i"'W

'lh 'IJ'U 1l1 nvJ セャGtエh@c

v-u.n u1. 'YI 1QJ n1 't'i @セ n""' t1'U ..rtil fl1 セ@ tlfl@セ 'tfi! VI
2. vゥイャMi@セヲQyGエAu

3. fl111'1fml1't'ilJVIQGエyijvhwカャ@ヲセ

14. fl111rU'tJ1@セ tl'tf,j'\Jfl @セ 'YI セvゥ@



!11;11 09.00-10.30 @Nセ

I I;HY11 I
I IiJ11f-.!iJll
d I
I
iJ111J"1"' iJ'YI"f"i' I
@ヲゥセャ Q セ@ Q
I "'
{!'Vi!;lfl)
ャィセゥjQGヲI@ (lh)

1. @ヲャセゥ
Q

2. iJ11f-.!iJll

3. iJ11'J.h@セ flf)1J

d

4. iJ111J"1"' l;f'YI"f"i'



'l1iil 12

!1tll 09.00- 10.30 1-&.

.,

13. キLj\ュ・ャセ@ゥエN ml1VIel'UthonJ

100
80
60
40
20

ct

L----+--+--+---+---+--t--• !1tll (1-&H'l)

0 123 4 5 6

1. 20

2. 40
3. 60
4. 100



•11-!ell'YIVIti'YI 28 Qllill'Wl!fi 2559 t(JVIFI 'HiAl 13
v "" .!-='! v .! · NIETS Q @QL セ
ッセ@ョオゥュ。ャhoェウd (DonmsunlijU) 09.00- 10.30 1-!.
National Institute of Educational Testing Service (PubllcOrgat!izatlon) & lbl

14. •A <:!i -=! 0
D•• B
. 'HlJfltl'V'Il
----. -• c
ャヲj@・QセィNZGhゥエイカLA ..
.!
lll
-fl
----- ---- -------

..

1Qvゥセヲエャ@ fl'jlJ11flfl'jlf.l 1 エャセtujゥ@Av

1. A D

2. B

3. c

4. B セ@u



l'iih 14

09.00- 10.30 'W•

1. ヲャQエGセw@ ... ヲャQ・セ@

2. ャ@GエセwQヲ 0 fll11'!liflHll'!'t'it<'Slfl

...

0

3. fll11'!liflHll'!'t'it<'Slfl fll11e'l'W .,

4. fll11'!liflUll'!'t'it<'Slfl ャ@wGエセQヲ QGャMセエィ@ヲ
.,

0

ャ@Qヲセ・

m ..ャGQエセ@ョゥw
ャエGセ@Q (cm3) ャ@QivエGセw (em3)

\ 120 30

f) ' 80 24

'U 60 15

'fl

3. fl セャhエG@ fl

4. fl 'U Gャh@エセ fl



RYUtunn n'QJ セ@ .!<d. QJ .! @セセ@ Gセ \セュゥ @\ '11ih 15
1 @セ t1 28 fltl il TV'fW fi
セ@ "'"'""""""'''""'"""'<>M<So""'IP•blo"""'Oallool Qセ@A 09.00- 10.30 'W.

...
17. GャNオhuセwヲj@エBQュL

fl. fll1tl'fltlfll'l111

"'

1. f) !'Y'il'WQ'JW

"'
2. fl !'Y'il'WQ'JW

18. tャゥセエ@w @ヲセャhuGュi A fl1'U 2 wヲセ@ャGuQ セGi@
A 2 'Wl'n @ャヲIAQエセjGゥカw
'
ャヲセAエGカwゥQ@j '
セャAGエiu@ A AセエwGャヲQョュゥ@ 2. 1.5
4. 176.0
1. 0
3. 88.0



'Hih 16

09.00- 10.30 l!.

d yhャVセGjI@HQi I -=t

f1111H'n

50

40

30

20

10

0

5 10 15 20 25

II I

vセQゥGhャ@jwAョエiヲ
1. 0 - 5 l!l't"'"l

2. 5- 10 l!l't"'"l

3. 10 '" 15 l!l't"'"l

4. 20 - 25 l!l't"'"l



•2559 t<IVJP1 1 1• 1i'11 09.00- 10.30 l!.

@セᄋ NIETS & bl

amuunaaDumomsiinu1n,;ou1a (Donmsu"luu)

- Natlonal!nstltuteofEdueationaiTestlnf:Service (Publlc()rgaoization)

20. fl lOOm 'U

'' ''' ''' ' ' ' 60m

120m ' ' 80m

' '

' ' '

' '

' '

'

AュェエャヲGゥセQvjh@ ' fl-+ 'U-+ fl -+ @セ 1i'n(;ll 6 l!lll
ヲャQuェAG[スセw・エ@ゥjィ
1. 112 '
2. 113
3. 2/3
4. 3/3



09.00- 10.30 u.

HVl 'l Vセ@ l'lfHH' l'lV!1ll 1£JH'H 10 '"U" 1g<)v'U QuオAGセᆪj@hiy @セi 25 !lJg)1

@セQ @hQjヲャセエwuᆪG 400 ゥオ@「セ QjuGyセhAi@

6ijl1 ャエセQュゥィᆪjhG@ 150 ゥオセィ@ ... ... ...
オャセQエカNゥ@ 10 .Uu オセGャNh@

15 !C)f'U""g)!lJg)'j 1Vl,QャGセ@ U

1U'YIHl'YI£Jlf11 tfgJ セ@ セQ@ fll1 fl1 セ@ ャヲQ@ゥェセGjV "

2. HVl'l hセ@ 6ij11
3. セQ@ セ@h 6ijl1
4. HVl'l @Qセ セh@ 6ij11

22.

_1_0_N--+1·1 %,-- I



•2559 mVJPI &•1 '-"l 09.00- 10.30 1.!.

ᄋセ@ NIETS lbl

amuunoaaumomsnm1nt1oa1o (aonmsunlau)

National nstltuteofEdvcatlonal TestingSerrice(P\IblicOrganizatlon)

4 ll1i;l (g)

-----------------------Xc

3

2 ---------------X'' B

1 -------xA
I

Mッl@NセSRQ

lVItl'lf-nVIャエィQ・[viセゥ@ ...
"'

2. A Hi;l:t: C
3. B Hi;l:t: C

4. A B !!i;l:t: C



v ""' t!-='! 28 v t! nrn 09.00- 10.30 1-!.
1'1-Hll'YI VI tl 'YI
fltf il Wfl-!1:i mtflVI1 (cm3)
" 20
25
24. Vll1H ヲャvQGu・セZNエi@hjュ ... 40
4 @ャセA 45
<U "

1VItl tf1(;l (g)

'"l"..f'.l!'Y-=I'! " 1 20
'"l"..f'.l!'Y-=I'! 2 30
'"l.".f'.l!'Y-=I'! 3 50
'"l.".f'.l!'Y-=I'! 4 50

I3 -

ft1ltf'Hl!1Hl!l! (g/cm ) -

-
-

fl 'U

1. '"l"..f'.l!'Y-=I'! 1 fl

2. '"l"..f'.l!'Y-=I'! 2 'U

3. '"l.".f'.l!'Y-=I'! 3 = ft

... ' .:.'1

4. '"l"f'l!'Y-=I! 4



Vlfl 'Hih 21
NIETS
(aoflmsunnsu) r.nn 09.00- 10.30 'hi.
セ。ッョオュウヲゥキQh|ャNu@

Natlooallnstituteof EducatlonaiTestingService(PubllcOrganl.wtiol1)

2s. ャョA|ᄋイQエGセュヲィ_j@ゥvL .

"

2. fl W'V''Hl fOlJU VaI fl'lf 1mfl' 'l

"

,.., <l '

3. fJWHtlfl1J!VIfl'lfl£Hfl'l

26. 1-----1m ----.

ャエh@ヲQ・セjAィG A B

@MNセ

1--50 em-+ F

lOON .., .r::::.. Q..l
0 Q,.l セ@ Q.J
' A 100 'h!1Vl'h! Vl'lill'Vi

0 @セ

AB tl'ilVI F @ヲAィiGhャyュQセ

"

1. 50
2. 100
3. 150
4. 200



27. fill! 3 HUU -=1 H'j-:Jfi1UJ'V'U.IltlllJ (E) AN|Gャゥ@ivjQヲZMェyセエh nt'n 09.00 -10.30 'W.

lJ1lVI't'i1Jl! (F) セ@ QJ

(W) VI-:Jill'W

'-=1 •

• •HUU'YI 1 W
EF

'-=1 •

• •HUU'YI 2 W
FE

'-=1 •

• •HUU'YI 3
E WF

0 QJ

Vl'j-:J0Ufll'\.!!!UU1VI VlllJtllVIU

-=1' '-=1

1. HUU'YI 1 h@セエャ HUU'YI 2

-=1' -=1'

2. HUU'YI 1 エセャh@ HUU'YI 3

-=1' -=1'

3. HUU'YI 2 hエャセ@ HUU'YI 1

4. '-=1 '-=1

HUU'YI 2 エャセh@ HUU'YI 3



l@セ t\Iオョ。ュッ@ゥGャdウヲセoh VJFI H Nッオdゥウョセャュ @ャ'OJ "" .!eJ.

1'1-Hllfl VI f.J fl
28 OJ .! 2559 - NIETS 1--,-ro.l 09.00- 10.30 hi.

fllJ ill'Vfi.Hi - National nstltute of Educational Testklg Service (Pubic @ッャエセョI 6 dllbl
Q

.. ..
em-+' '
''
セP@U
28. @セ」osMK
II II

1. 50
2. 300
3. 350

'

4. 400

'llhltriH GQjカィゥ@NヲセAャwviuh '

OJ OJ .! QJ .! OJ ゥGセwャィ@vNjQ
.! GwセゥャィQ@hイ
1. 't'HN'i1hift fl f.J ゥGャィセw@ 'll ゥィ@セ wセGゥャィヲ@
G@ィyNjvQゥャBセ
2. OJ QJ .! QJ QJ .! QJ QJ .! GwセゥャィQvjN@
ゥGィャ@セw
ft f)f.J ゥャィGヲセw@ f)f.J @ャィセGゥw

QJ .! QJ QJ

3. @ィセャGゥw Gwセゥャィヲエ@ @Gwセゥャィヲ

QJ .! QJ QJ

4. @ャィセGゥw ャゥGセwィヲ@ ャゥGセwヲNj@ィエ


Click to View FlipBook Version