The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

GET 100 ม.ปลาย ชีววิทยา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-12-15 10:20:54

GET 100 ม.ปลาย ชีววิทยา

GET 100 ม.ปลาย ชีววิทยา

Keywords: ชีววิทยา

กากอาหาร เพอ่ื ใหส้ ามารถผา่ นเขา้ สเู่ ซลลแ์ ละผา่ นกระบวนการสลายอาหารระดบั เซลล์ จงึ จะไดพ้ ลงั งานออกมาใชใ้ นกระบวนการตา่ งๆ
ของรา่ งกาย การยอ่ ยอาหารแบง่ ออกเปน็
1) การยอ่ ยเชงิ กล ทำ� ใหอ้ าหารมขี นาดเลก็ ลง
เปน็ การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพเพอื่ ใหเ้ กดิ การยอ่ ยเชงิ เคมไี ดด้ ขี น้ึ เชน่ การเคยี้ วอาหาร
2) การยอ่ ยเชงิ เคมี
เปน็ การยอ่ ยใหไ้ ดส้ ารหนว่ ยเลก็ สดุ ทจ่ี ะสามารถผา่ นเขา้ สเู่ ซลลไ์ ด้ โดยใชน้ ำ้� ยอ่ ยในระบบทางเดนิ อาหาร
• การยอ่ ยอาหารของคน
คนมที างเดนิ อาหารแบง่ ออกเปน็ สว่ นๆ ประกอบดว้ ย
• อวยั วะทเ่ี ปน็ ทางเดนิ อาหาร คอื ปาก คอหอย หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำ� ไสเ้ ลก็ ลำ� ไสใ้ หญ่ ไสต้ รงและทวารหนกั
• อวยั วะชว่ ยยอ่ ยอาหาร (ไมใ่ ชท่ างเดนิ อาหาร) คอื ตบั ตอ่ มนำ�้ ลาย ตบั ออ่ น และถงุ นำ้� ดี
1 ปาก (mouth) ประกอบดว้ ยฟนั ซง่ึ ทำ� หนา้ ทบ่ี ดเคย้ี วอาหารใหล้ ะเอยี ด ฟนั คนมี 2 ชดุ คอื ฟนั นำ�้ นม (20 ซ)ี่ และ

ฟนั แท้ (32 ซ)่ี นอกจากนยี้ งั มเี พดานออ่ น เพดานแขง็ และลนิ้ ทำ� หนา้ ทร่ี บั รสและคลกุ เคลา้ อาหารกบั นำ�้ ลายซง่ึ
ผลติ จากตอ่ มนำ�้ ลาย 3 คู่ ทอ่ี ยขู่ า้ งกกหู ใตล้ น้ิ และขากรรไกร ในนำ้� ลายมเี อนไซมอ์ ะไมเลส (amylase) ทำ� หนา้ ที่
ยอ่ ยแปง้ และไกลโคเจนใหม้ โี มเลกลุ เลก็ ลง ซงึ่ ทำ� งานไดด้ ที ช่ี ว่ ง pH 6.2-7.4 เนอ่ื งจากอาหารอยใู่ นปากชว่ งเวลา
สนั้ ๆ จงึ ทำ� ใหย้ อ่ ยไดไ้ มส่ มบรู ณ์ อาหารทถี่ กู เคยี้ วและคลกุ เคลา้ กบั นำ้� ลายแลว้ เรยี กวา่ bolus จะถกู กลนื ผา่ น
คอหอยลงสหู่ ลอดอาหารซง่ึ มกี ลไกการกลนื ดงั นี้

เพดานออ่ นและลนิ้ ไก่ กลอ่ งเสยี งยกตวั ชน กลา้ มเนอ้ื ทผ่ี นงั อาหารเคลอ่ื นที่
ยกตวั ปดิ ชอ่ งจมกู ฝาปดิ กลอ่ งเสยี ง คอหอยบบี ตวั ลงสหู่ ลอดอาหาร

✓ เพดานออ่ นและลน้ิ ไกจ่ ะปดิ ชอ่ งจมกู เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ การสำ� ลกั (ดงั นนั้ ถา้ นอ้ งๆ คยุ หรอื หวั เราะระหวา่ งกลนื อาหารก็
จะสำ� ลกั อาหารไหลออกมาจากจมกู ได)้
2 หลอดอาหาร (esophagus) เปน็ ทางเดนิ อาหารจากปากไปสกู่ ระเพาะอาหาร จะมกี ารหดและคลายตวั ของผนงั

กลา้ มเนอ้ื หลอดอาหารตอ่ เนอ่ื งเปน็ คลน่ื เรยี กวา่ เพอรสิ ตลั ซสิ (peristalsis) เพอื่ ดนั อาหารเขา้ สกู่ ระเพาะอาหาร
3 กระเพาะอาหาร (stomach) มกี ลา้ มเนอื้ หรู ดู ปดิ กนั้ ไมใ่ หอ้ าหารยอ้ นกลบั ไปสหู่ ลอดอาหารไดอ้ กี เรยี กวา่ คารด์ ิ

แอค สฟงิ คเ์ ตอร์ (cardiac sphincter) ผนงั ดา้ นในของกระเพาะมลี กั ษณะเปน็ รว้ิ ยน่ ๆ เรยี ก รกู ี (rugae) สามารถ
ขยายความจไุ ดถ้ งึ 500-2000 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร ภายในกระเพาะมคี วามเปน็ กรดสงู จงึ ตอ้ งมกี ลไกในการปอ้ งกนั
ไมใ่ หเ้ ซลลใ์ นกระเพาะถกู นำ�้ ยอ่ ยทำ� ลาย คอื การสรา้ งเมอื กมาเคลอื บผวิ ผนงั กระเพาะและผลติ นำ้� ยอ่ ยออกมาใน
รปู proenzyme ซงึ่ ยงั ไมส่ ามารถทำ� งานไดจ้ นกวา่ กรดไฮโดรคลอรกิ จะชว่ ยเปลย่ี นใหเ้ ปน็ เอนไซมก์ อ่ น นอกจากนี้
กระเพาะยงั สามารถสรา้ งเยอื่ บมุ าทดแทนอยเู่ สมอ สรปุ เขยี นเปน็ แผนภาพไดด้ งั นี้

เพปซโิ นเจน โพรเรนนนิ
เพปซนิ เรนนนิ
กระเพาะอาหารหลงั่ สรา้ ง HCI
ฮอรโ์ มนแกสตรนิ
(gastrin) เมอื ก

50 ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

✓ เรนนนิ พบมากในเดก็ ทารก ทำ� หนา้ ทย่ี อ่ ยนำ�้ นม แตใ่ นผใู้ หญพ่ บนอ้ ยและไมค่ อ่ ยมคี วามสำ� คญั (เนอ่ื งจากพอเราโต
ขนึ้ มากก็ นิ อาหารประเภทอนื่ ไดม้ ากมายและกนิ นมนอ้ ยลง)
✓ ปจั จยั ทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ การหลงั่ กรด HCl มากผดิ ปกติ คอื การดม่ื แอลกอฮอล์ คาเฟอนี อาหารรสจดั (รวมทง้ั ความเครยี ด
ดว้ ย และถา้ มกี รดมากเกนิ ไปในกระเพาะของเรากจ็ ะเกดิ ผลเสยี ตอ่ รา่ งกาย ทำ� ใหเ้ ปน็ โรคกระเพาะไดน้ ะ!!)

(แนวขอ้ สอบ)

การหลงั่ เพปซโิ นเจนออกจากเซลลผ์ นงั กระเพาะอาหารอาศยั กระบวนการใด
1. การลำ� เลยี งแบบฟาซลิ เิ ทต
2. กระบวนการเอกโซไซโทซสิ
3. กระบวนการแพร่
4. กระบวนการแอคทฟี ทรานสปอรต์

เฉลย 2. หลงั่ นำ�้ ยอ่ ยโดยกระบวนการเอกโซไซโทซสิ (exocytosis) เปน็ การลำ� เลยี งสารโมเลกลุ ใหญอ่ อกนอกเซลล ์ โดยใชก้ ารสรา้ งถงุ

เวสเิ คลิ ภายในเซลลซ์ ง่ึ บรรจนุ ำ้� ยอ่ ยอยู่ จากนนั้ ถงุ เวสเิ คลิ จะเคลอ่ื นทไี่ ปรวมกบั เยอ่ื หมุ้ เซลลแ์ ละปลอ่ ยนำ�้ ยอ่ ยออกไปนอกเซลล์ ขอ้ 1. ผดิ
เพราะเปน็ การลำ� เลยี งแบบใชโ้ ปรตนี เขา้ สเู่ ซลล์ ขอ้ 3. และ 4. ผดิ เพราะสารโมเลกลุ ใหญไ่ มส่ ามารถแพรเ่ ขา้ ออกเซลลเ์ องได้

(แนวขอ้ สอบ)

สารในขอ้ ใดไมม่ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การยอ่ ยโปรตนี ภายในกระเพาะอาหารของคน
1. ทรปิ ซนิ 2. เพปซนิ
3. กรดไฮโดรคลอรกิ 4. โซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนต

1. 1 และ 2
2. 2 และ 3
3. 3 และ 4
4. 4 และ 1

เฉลย 4. เพราะโซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนตไมอ่ ยใู่ นกระเพาะอาหารแตอ่ ยใู่ นลำ� ไสเ้ ลก็ ขอ้ อน่ื ๆ ผดิ เนอ่ื งจากเปน็ สารทมี่ อี ยใู่ นกระเพาะ

อาหารของคนและเกย่ี วขอ้ งกบั การยอ่ ยโปรตนี

4 ลำ� ไสเ้ ลก็ (small intestine) มคี วามยาวมากทส่ี ดุ ตอ่ กบั หรู ดู สว่ นทา้ ยของกระเพาะอาหารเพอื่ กนั้ ไมใ่ หอ้ าหารไหลยอ้ นกลบั ท่ี
เรยี กวา่ ไพลอรคิ สฟงิ คเ์ ตอร์ (pyloric sphincter) แบง่ เปน็ 3 สว่ น คอื

4.1 ลำ� ไสเ้ ลก็ สว่ นตน้ (duodenum) มที อ่ จากตบั ทอ่ นำ้� ดี และทอ่ ตบั ออ่ นตอ่ อยเู่ พอ่ื หลงั่ นำ�้ ยอ่ ยตา่ งๆ เนอื่ งจากอาหารทมี่ า
จากกระเพาะอาหารมคี วามเปน็ กรดสงู จงึ ตอ้ งใชส้ ารโซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนต (NaHCO3) จากตบั ออ่ น ซงึ่ มฤี ทธิ์
เปน็ เบสมาลดความเปน็ กรดของอาหาร ลำ� ไสส้ ว่ นดโู อดนี มั นจ้ี ะมกี ารยอ่ ยอาหารมากทส่ี ดุ ดงั นี้

ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 51

• การยอ่ ยโปรตนี ตบั ออ่ น
ลำ� ไสเ้ ลก็
ทรปิ ซโิ นเจน - ไคโมทรปิ ซโิ นเจน
เอนไซมเ์ อนเทอโรไคเนส (trypsinogen) (chymotrpsinogen)
(enterokinase) - โพรคารบ์ อกซเิ พปทเิ ดส
ทรปิ ซนิ (procarboxypeptidase)
- อะมโิ นเพปทเิ ดส (trypsin) - ไคโมเทปซนิ (chymotrpsin)
- ไดเพปทเิ ดส - คารบ์ อกซเิ พปทเิ ดส
- ไตรเพปทเิ ดส (carboxypeptidase)

ทรปิ ซนิ และไคโมทรปิ ซนิ + โปรตนี เพปไทด์
คารบ์ อกซเิ พปทเิ ดส + โปรตนี หรอื เพปไทด ์ กรดอะมโิ น
อะมโิ นเพปทเิ ดส,ไดเพปทเิ ดส,ไตรเพปทเิ ดส + เพปไทด ์ กรดอะมโิ น

• การยอ่ ยคารโ์ บไฮเดรต
1) ตบั ออ่ นสรา้ งเอนไซมอ์ ะไมเลสมายอ่ ยแปง้ ไกลโคเจน และเดกซท์ รนิ ในลำ� ไสเ้ ลก็ ใหเ้ ปน็ มอลโทส
2) ผนงั ลำ� ไสเ้ ลก็ สรา้ งเอนไซม์

มอลเทส + มอลโทส กลโู คส + กลโู คส

ซเู ครส + ซโู ครส กลโู คส + ฟรกุ โทส
แลกเทส + แลกโทส กลโู คส + กาแลกโทส

• การยอ่ ยลพิ ดิ
ตบั สรา้ งนำ้� ดี (bile) แตถ่ กู สง่ มาเกบ็ ไวท้ ถี่ งุ นำ้� ดี (gall bladder) ซง่ึ มที อ่ มาเปดิ ทลี่ ำ� ไสเ้ ลก็ นำ้� ดมี ฤี ทธเิ์ ปน็ เบส นำ�้ ดี
ไมใ่ ชน่ ำ�้ ยอ่ ยแตจ่ ะมเี กลอื นำ้� ดี (bile salt) ซงึ่ จะชว่ ยใหไ้ ขมนั แตกตวั เปน็ กอ้ นเลก็ ๆ เปน็ emulsifier ใหเ้ อนไซมย์ อ่ ยไขมนั
ไดด้ ขี น้ึ จากนนั้ ตบั ออ่ นและลำ� ไสเ้ ลก็ จะสรา้ งเอนไซมล์ เิ พส (lipase) มายอ่ ยไขมนั และกรดไขมนั ใหก้ ลายเปน็ กลเี ซอรอล
4.2 ลำ� ไสเ้ ลก็ สว่ นกลาง (jejunum) เปน็ สว่ นทม่ี กี ารดดู ซมึ สารอาหารมากทส่ี ดุ มผี นงั ดา้ นในบดุ ว้ ยเซลลท์ ยี่ นื่ ออกมา เรยี กวา่

วลิ ลสั (villus) ชว่ ยเพมิ่ พนื้ ทใ่ี นการดดู ซมึ และดา้ นนอกของวลิ ลสั ยงั มไี มโครวลิ ลสั (microvillus) ชว่ ยเพมิ่ พนื้ ทผี่ วิ ในการ
ดดู ซมึ มากขนึ้
4.3 ลำ� ไสเ้ ลก็ สว่ นปลาย (ileum) มคี วามยาวมากทสี่ ดุ ในระบบทางเดนิ อาหาร ชว่ ยดดู ซมึ วติ ามนิ บี 12 และเกลอื นำ้� ดี

52 ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

5 ลำ� ไสใ้ หญ่ (large intestine) แบง่ เปน็ 3 สว่ น คอื
• ซคี มั (caecum) ทำ� หนา้ ทร่ี บั อาหารจากลำ� ไสเ้ ลก็ มสี ว่ นของไสต้ ง่ิ (appendix) ยน่ื ออกมา
• โคลอน (colon) มคี วามยาวมากสดุ ของลำ� ไสใ้ หญ่ ทำ� หนา้ ทดี่ ดู ซมึ นำ�้ วติ ามนิ บี 12 วติ ามนิ เค (ทแ่ี บคทเี รยี สงั เคราะหข์ น้ึ จาก
กากอาหาร) และกรดโฟลกิ (folate) biotin กากอาหารจะอยใู่ นนนี้ านสดุ ประมาณ 12 ชว่ั โมง
• เรกตมั (rectum) หรอื ไสต้ รงเปน็ ทางเปดิ ออกสทู่ วารหนกั
สรปุ การดดู ซมึ สารอาหาร

กระเพาะอาหาร - แอลกอฮอล์

- ยาบางชนดิ

- สารทล่ี ะลายไดด้ ใี นลพิ ดิ

ลำ� ไสเ้ ลก็ - โปรตนี และคารโ์ บไฮเดรต(เขา้ สหู่ ลอดเลอื ดผา่ นตบั และเขา้ สหู่ วั ใจ)

- ไขมนั (เขา้ สหู่ ลอดนำ้� เหลอื งและผา่ นเขา้ หวั ใจเลย)

ลำ� ไสใ้ หญ ่ - นำ้� และแรธ่ าตุ

- วติ ามนิ ตา่ งๆ

- กรดโฟลกิ

✓ เลอื ดทอ่ี อกจากหวั ใจจงึ มสี ารอาหารมากเพอื่ ไปเลย้ี งสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย

ระบบประสาท (nervous system)

เรอ่ื งนเ้ี ปน็ เรอ่ื งทข่ี อ้ สอบ O-NET ไมค่ อ่ ยออกเทา่ ไหร ่ แตย่ งั มใี นหลกั สตู รอยนู่ ะ ! พจ่ี ะสรปุ ใหน้ อ้ งๆ ดงั น.ี้ .
1. ระบบประสาท
ระบบประสาท เปน็ ระบบศนู ยก์ ลางทค่ี วบคมุ การทำ� งานของรา่ งกาย ทำ� หนา้ ทร่ี บั ความรสู้ กึ ควบคมุ ความคดิ
2. หนา้ ทข่ี องระบบประสาท : แบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น คอื
• สว่ นรบั ความรสู้ กึ (sensory division) : รบั ความรสู้ กึ จากภายนอกรา่ งกาย และตอบสนองความรสู้ กึ นน้ั
• สว่ นสง่ั การ (motor division) : การสง่ั การกบั หนว่ ยปฏบิ ตั งิ านทบี่ งั คบั ได้
3. โครงสรา้ งของระบบประสาท
ระบบประสาทแบง่ ออกเปน็ ๓ สว่ นคอื
- ระบบประสาทสว่ นกลาง (central nervous system; CNS) ไดแ้ ก่
• สมอง (brain) : ควบคมุ และสง่ั การการเคลอ่ื นไหวอารมณ์ ความจำ� การเรยี นรู้ และ รกั ษาสมดลุ ภายในรา่ งกาย
• ไขสนั หลงั (spinal cord) : ถา่ ยทอดกระแสประสาทระหวา่ งสมองและสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย และควบคมุ การ
เกดิ รเี ฟลก็ ซ์ (reflex)
• ระบบประสาทสว่ นปลาย (peripheral nervous system; PNS) : รบั และนำ� ความรสู้ กึ เขา้ สรู่ ะบบประสาทสว่ นกลาง
ไดแ้ ก ่ เสน้ ประสาทสมอง (cranial nerve; CN) เสน้ ประสาทไขสนั หลงั (spinal nerve; SN)
- ระบบประสาทอตั โนมตั ิ : ควบคมุ การทำ� งานของประสาททอ่ี ยนู่ อกเหนอื การควบคมุ ของจติ ใจใหเ้ ปน็ ไปตามปกติ

ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 53

ระบบขบั ถา่ ยกบั การรกั ษาดลุ ยภาพของรา่ งกาย (homeostasis)

• เรอ่ื งนพ้ี อี่ ยากจะเนน้ เรอ่ื งของ ปลานำ�้ จดื กบั ปลานำ้� เคม็ เปน็ พเิ ศษวา่ มนั สามารถอยใู่ นสภาพแวดลอ้ มเชน่ นนั้ ไดอ้ ยา่ งไร นอ้ ง
รไู้ หมวา่ ถา้ เราจบั ปลานำ�้ จดื มาไวใ้ นนำ้� เคม็ มนั จะตาย หรอื ทำ� ในทางกลบั กนั เอาปลานำ้� เคม็ มาไวใ้ นนำ้� จดื มนั กจ็ ะตาย เพราะระบบการปรบั
สมดลุ ของปลาสองแบบนมี้ นั ตา่ งกนั ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งทเี่ ราควรทำ� ความเขา้ ใจ เรอื่ งนเ้ี ปน็ พเิ ศษ เพราะวา่ ปลาเปน็ สงิ่ ทเ่ี ราพบเจอบอ่ ยๆ ในชวี ติ
ประจำ� วนั พจี่ ะเลา่ ใหเ้ ขา้ ใจกอ่ นวา่ เปน็ มายงั ไง

ปลานำ�้ เคม็ ปลานำ�้ เคม็
นำ้� ทะเล

แรธ่ าตถุ กู ขบั ทางเหงอื ก ไตขบั ปสั สาวะทมี่ คี วาม นำ้� และแรธ่ าตเุ ขา้ ไตขบั ปสั สาวะทเี่ จอื จาง
เขม้ ขน้ สงู (นำ้� นอ้ ย) ทางเหงอื ก (นำ�้ มาก)

• ปลานำ�้ จดื ดว้ ยความทว่ี า่ มนั อาศยั อยใู่ นนำ้� จดื ซงึ่ เมอ่ื เทยี บความเขม้ ขน้ ของสารละลายในรา่ งกายของปลานำ้� จดื กบั สภาพนำ้�
ทมี่ นั อาศยั อยเู่ ราจะพบวา่ นำ�้ จดื ภายนอกนน้ั มคี วามเจอื จางมากกวา่ ดงั นน้ั สงิ่ ทตี่ ามมากจ็ ะคลา้ ยกบั เรอื่ งเซลลท์ เ่ี ราไดเ้ นน้ ในตอนแรกวา่
สารละลายทมี่ คี วามเขม้ ขน้ มากกวา่ แสดงวา่ มนั มนี ำ�้ ในนนั้ นอ้ ย
แลว้ เมอ่ื เอาเซลลม์ าใสใ่ นสภาพแวดลอ้ มทเี่ จอื จางกวา่ จะทำ� ใหน้ ำ้� ซมึ ผา่ นเขา้ ไปในตวั ปลามากขน้ึ จนตวั บวมดงั นน้ั ทำ� ไมเราไมเ่ หน็ ปลา
น�้ำจืดมันตวั บวมกเ็ พราะวา่ ปลาน้ำ� จดื มีระบบรกั ษาสมดลุ ของตวั เองนน้ั เอง โดยทตี่ วั มันเข้มขน้ กวา่ น�ำ้ ภายนอกจะทะลักเข้ามามันกเ็ อา
เกลด็ ปลามาปดิ ผวิ หนงั อนั บอบบางของมนั แลว้ สว่ นเหงอื กของมนั ทต่ี อ้ งสมั ผสั นำ�้ ตลอดเวลาเพอื่ หายใจมนั กม็ กี ารปรบั ตวั โดยดงึ เอาเกลอื
กลบั ไมใ่ หโ้ ดนนำ้� ทผี่ า่ นเหงอื กชะเอาเกลอื แรใ่ นรา่ งกายหายไป รวมทง้ั เพอื่ ขบั นำ้� สว่ นเกนิ ทรี่ า่ งกายไมต่ อ้ งการออกไปเลยมกี ารปสั สาวะ
มากเปน็ พิเศษ
สว่ นปลานำ�้ เคม็ กจ็ ะเปน็ เรอื่ งตรงขา้ มกบั ปลานำ้� จดื เพราะนำ�้ ทะเลหรอื นำ้� เคม็ มคี วามเขม้ ขน้ มากกวา่ ดงั นนั้ ถา้ ปลานำ้� เคม็ ไมม่ รี ะบบ
รกั ษาสมดลุ มนั กจ็ ะโดนดดู นำ�้ ออกจากตวั ไปจนเหย่ี วไปหมดทงั้ ตวั การขบั ปสั สาวะของปลานำ้� เคม็ จะนอ้ ยมากเพราะวา่ เพอ่ื สงวนนำ้� เอาไว้
เนอื่ งจากการขบั ปสั สาวะออกไปทกุ ครง้ั จะมนี ำ้� ขบั ออกไปดว้ ยพรอ้ มกนั
• สว่ นเรอื่ งการรกั ษาสมดลุ กรดเบสของรา่ งกายเรานนั้ คงเนน้ ไปทเ่ี ลอื ดเปน็ หลกั เพราะวา่ มนั เกดิ จากการทร่ี า่ งกายเราในขณะ
นนั้ มคี ารบ์ อนไดออกไซดเ์ ยอะ ซง่ึ คารบ์ อนไดออกไซดจ์ ะละลายกบั นำ�้ ในเลอื ดจนทำ� ใหก้ ลายเปน็ สารเคมตี วั ใหมท่ มี่ สี ภาพความเปน็ กรด
ดงั นนั้ การจะทำ� ใหเ้ ลอื ดของเรากลบั มาสสู่ ภาพทปี่ กตกิ จ็ งหายใจเขา้ เยอะๆ แลว้ พกั ผอ่ นแปบ๊ หนง่ึ เพอ่ื ใหร้ า่ งกายปรบั สภาพกลบั มาเชน่ ดงั
เดมิ
ปกตริ า่ งกายเราจะมสี ภาพเลอื ดเปน็ กลางคอ่ นไปทางเบสดว้ ยซำ�้ ยกเวน้ วา่ เราออกกำ� ลงั กายอยา่ งหนกั จนรา่ งกายรบั ออกซเิ จนมา
ไมพ่ อ ถ้าถามตอ่ ว่าแล้วคาร์บอนมาจากไหน ก็จะตอบวา่ มนั มาจากการเผาผลาญพลงั งานระดับเซลล์ ซ่ึงเอากลโู คสมาสลายเพอ่ื เอา
พลงั งานแลว้ ผลติ ภณั ฑข์ องการหายใจระดบั เซลลค์ อื คารบ์ อนไดออกไซดซ์ งึ่ เวลาเราออกกำ� ลงั กายหนกั ๆ รา่ งกายตอ้ งใชพ้ ลงั งานเยอะ
นน่ั หมายถงึ ตอ้ งเอากลโู คสมาเผาผลาญเยอะ ดงั นนั้ เราเลยเกดิ คารบ์ อนไดออกไซดล์ ะลายผสมกบั นำ�้ ในเลอื ดมากแลว้ แปลสภาพกลาย
เปน็ กรด จะทำ� ใหก้ รดหายกแ็ คพ่ กั กจ็ บ

54 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

• ผวิ หนังของเราช่วยในการรกั ษาสมดลุ ของอุณหภูมไิ ดเ้ พราะว่ากอ่ นอนื่ เลยผวิ หนงั ของเราเปน็ ส่วนทสี่ มั ผัสกบั อากาศ หรือ
สภาพแวดลอ้ มภายนอกกอ่ นเลย ดงั นน้ั แนน่ อนวา่ เมอ่ื สภาพแวดลอ้ มมนั รอ้ นหรอื เยน็ รา่ งกายเรากต็ อ้ งปรบั ตวั ไปดว้ ย
• มนษุ ยเ์ ปน็ สตั วเ์ ลอื ดอนุ่ ดงั นน้ั เราเลยตอ้ งปรบั ตวั ใหอ้ ณุ หภมู ขิ องรา่ งกายเราไมม่ ากหรอื ลดเกนิ จากปกตทิ เ่ี ราเปน็ แลว้ สง่ิ ทจี่ ะ
มาชว่ ยใหร้ า่ งกายเราปรบั สภาพไดน้ นั้ กค็ อื เหงอ่ื ไง เพราะนำ้� เปน็ ตวั พาความรอ้ นทดี่ ี และในรา่ งกายเราประกอบดว้ ยนำ้� เยอะมาก ถา้ ถาม
ตอ่ วา่ เมอ่ื ไรทเ่ี ราจะขบั เหงอ่ื ออกมา กจ็ ะตอบวา่ เมอ่ื อณุ หภมู ภิ ายในรา่ งกายรอ้ นกวา่ ภายนอก เมอื่ นน้ั เหงอ่ื จะถกู ขบั ออกมาแลว้ เหงอื่ จะ
นำ� พาเอาความรอ้ นออกมาพรอ้ มๆ กนั ดว้ ยทำ� ใหร้ า่ งกายเยน็ ลง
✓ แนวขอ้ สอบกจ็ ะออกประมาณวา่ ใหเ้ ปรยี บเทยี บสภาวะปกตกิ บั ไมป่ กตจิ ะมอี ะไรทแี่ ตกตา่ งกนั เชน่ เรอ่ื งของปสั สาวะทปี่ กติ
จะไมพ่ บโปรตนี เมด็ เลอื ด โจทยก์ อ็ าจจะถามตรงๆ แบบนเี้ ลย เพราะโปรตนี มนั มโี มเลกลุ ขนาดใหญ ่
• เรอ่ื งการขบั เกลอื สว่ นเกนิ หรอื สารทม่ี ากเกนิ พอออกมานนั้ มนั จะออกมาทางไหนไดบ้ า้ ง กจ็ ะเปน็ ตวั เลอื กมาให้ แลว้ เรากแ็ คต่ ดั
ตวั เลอื กทไี่ มถ่ กู ตอ้ งออกไป ยกตวั อยา่ งตวั เลอื ก เชน่ ก.ไต ข.เหงอื ก ค.ทวารหนกั ง.ผวิ หนงั อะไรประมาณน้ี กเ็ ลอื กกนั ไปใหถ้ กู นะครบั
• เรอ่ื งของเมแทบอลซิ มึ กอ็ าจจะยกตวั อยา่ งเหตกุ ารณ์ เชน่ สมชายไปวง่ิ ในหอ้ งแอรจ์ ะเกดิ อะไรขนึ้ แลว้ กโ็ จทยจ์ ะใหต้ วั เลอื กมา
ถามว่า สมชายจะมสี ภาวะของรา่ งกายเปน็ เช่นไรบ้าง ไม่วา่ จะเป็นอัตราการเมแทบอลซิ มึ ลดลงหรือไม่ หลอดเลอื ดขยายหรือหดตวั
ผวิ หนงั มเี หงอ่ื ออกหรอื ไม่

การเคลอื่ นทข่ี องสง่ิ มชี วี ติ (Locomotion)

• สำ� หรบั การเคลอื่ นทคี่ งไมน่ า่ จะใชเ่ รอื่ งทไ่ี กลเกนิ ตวั นา่ จะเนน้ ไปทเ่ี รอื่ งของการเคลอ่ื นไหวกลา้ มเนอื้ ของรา่ งกายมนษุ ยอ์ ยา่ ง
พวกเรานแ้ี หละ โดยเฉพาะกลา้ มเนอ้ื แขนทเ่ี วลาเราถอื ของไปจา่ ยตลาดวา่ เราใชอ้ ะไรในการทำ� งานของกลา้ มเนอื้ ไงจะ้ เรอื่ งนถี้ า้ ใครไม่
เขา้ ใจกค็ งตอ้ งจำ� ไปเลยจะงา่ ยกวา่ ทำ� ความเขา้ ใจนะ ถา้ สมมตวิ า่ เรากำ� ลงั ถอื ไมโครโฟนอยู่ biceps คอื อนั ทเี่ ปน็ กลา้ มเนอื้ ทเี่ ราสามารถ
มองเหน็ ดว้ ยตวั เราเองตอนรอ้ งเพลง สว่ น triceps เปน็ กลา้ มเนอ้ื ทเ่ี รามองไมเ่ หน็ ตอนรอ้ งเพลง แลว้ จะจำ� วา่ อนั ไหนมนั หดตวั คลายตวั
ตอนไหนพแ่ี นะแบบนนี้ ะ คอื จำ� biceps กบั triceps ใหไ้ ดก้ อ่ นวา่ ใครอยตู่ ำ� แหนง่ ไหนอะไร แลว้ เมอ่ื โจทยถ์ าม เรากล็ องพบั แขน กางแขน
ในหอ้ งสอบตามทโี่ จทยบ์ อกเลย แตอ่ าจจะดเู สยี เวลานดิ หนง่ึ แตถ่ า้ ทำ� บอ่ ยๆ เราจะเขา้ ใจแลว้ ชนิ จนจำ� ไดเ้ อง เวลาเราจะเชค็ วา่ กลา้ มเนอ้ื
สว่ นไหนหดตวั ใหล้ องกางแขนใหส้ ดุ หรอื พบั แขนใหส้ ดุ แลว้ เกรง็ ถา้ หากวา่ เอามอื อกี ขา้ งหนง่ึ มาบบี จะพบวา่ กลา้ มเนอื้ ทหี่ ดตวั จะแขง็

ทมี่ า : musclemwit2241.blogspot.com
✓ สง่ิ ทต่ี อ้ งอา่ นเนน้ เพมิ่ นนั้ กค็ อื การอา่ นในเรอ่ื งของสตั วแ์ ตล่ ะชนดิ นน้ั เคลอ่ื นทอี่ ยา่ งไร อยา่ งเชน่ สตั วบ์ างชนดิ นนั้ สามารถใช้

ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 55

กลา้ มเนอ้ื เคลอ่ื นทไ่ี ด้ พวกกลา้ มเนอื้ ตามวงและกลา้ มเนอื้ ตามยาว แลว้ ถา้ ถามตอ่ วา่ สตั วท์ มี่ แี ตก่ ลา้ มเนอื้ ตามยาว เวลามนั เคลอ่ื นทม่ี นั จะ
เคลอื่ นทแ่ี บบบดิ ไปบดิ มาแตจ่ ะไมไ่ ปขา้ งหนา้ หรอื บางทกี่ ารเคลอ่ื นทข่ี องพวกสตั วช์ น้ั ตำ�่ อาจจะเคลอื่ นทโ่ี ดยอาศยั การดดู นำ้� เขา้ และการ
พน่ นำ�้ ออกมานน้ั เชน่ พวก หอย ดาวทะเล เปน็ ตน้

ระบบหมนุ เวยี นเลอื ด และระบบนำ้� เหลอื ง

1. หวั ใจ แผนผงั แสดงการไหลเวยี นของเลอื ด



เลอื ดเสยี จากทกุ สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย

หลอดเลอื ดพลั โมนารเ่ี วน
(เปน็ หลอดเลอื ดดำ� เสน้ เดยี ว

ทม่ี เี ลอื ดดไี หลผา่ น )

หวั ใจหอ้ งบนซา้ ย หวั ใจหอ้ งบนขวา
ไบคสั ปดิ หวั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ย ไตรคสั ปดิ

หวั ใจหอ้ งลา่ งขวา

เสน้ เลอื ดเอออรต์ าร์ หลอดเลอื ดพลั โมนารอี าเตอรร์ ี่
สบู ฉดี ไปทว่ั รา่ งกาย (เปน็ หลอดเลอื ดแดงเสน้ เดยี วทม่ี เี ลอื ดเสยี ไหลผา่ น)

ฟอกทป่ี อด

56 ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

2. เซลลเ์ มด็ เลอื ด แบง่ เปน็ 3 สว่ น คอื
- สว่ นนำ�้ เลอื ด (พลาสมา) มมี ากทสี่ ดุ
- สว่ นเมด็ เลอื ด แบง่ ออกเปน็
o เซลลเ์ มด็ เลอื ดแดง (erythrocyte, red blood cell; RBC) (มอี ายุ 100–120 วนั ) : ลำ� เลยี งออกซเิ จนไปเลยี้ ง
สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย มฮี โี มโกลบนิ เปน็ องคป์ ระกอบ
o เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาว (leucocyte, white blood cell; WBC) ( มอี ายุ 7-14 วนั ) : ปอ้ งกนั และทำ� ลายเชอ้ื โรค
- เกลด็ เลอื ด (platelet) (มอี ายุ 3-4 วนั ) : เปน็ ชนิ้ สว่ นของเซลลท์ ม่ี ขี นาดเลก็ ไมม่ นี วิ เคลยี ส มหี นา้ ทหี่ ลงั่ สารเคมี
(ไฟบรนิ ) ชว่ ยใหเ้ ลอื ดแขง็ ตวั เมอื่ เกดิ บาดแผล
3. หมเู่ ลอื ดและการใหเ้ ลอื ด
หมเู่ ลอื ดตามระบบ ABO จำ� แนกได้ 4 หมู่ ตามชนดิ ของไกลโคโปรตนี หรอื แอนตเิ จนทเี่ ยอ่ื หมุ้ เซลลเ์ มด็ เลอื ดแดง คอื
หมู่ A B AB และ O สว่ นในพลาสมาพบวา่ มแี อนตบิ อดที จ่ี ำ� เพาะตอ่ หมเู่ ลอื ด 2 ชนดิ คอื แอนตบิ อดี A และแอนตบิ อดี B ใน
คนทม่ี เี ลอื ดตา่ งหมกู่ นั จะมแี อนตเิ จนและแอนตบิ อดแี ตกตา่ งกนั เชน่ คนทมี่ หี มเู่ ลอื ด A คอื มแี อนตเิ จน A และมแี อนตบิ อดี B
เปน็ ตน้
การใหเ้ ลอื ด : ยดึ หลกั 2 ขอ้ คอื
- ผใู้ หแ้ ละผรู้ บั ควรจะมเี ลอื ดหมเู่ ดยี วกนั จงึ จะปลอดภยั ทสี่ ดุ
- เลอื ดของผใู้ หต้ อ้ งไมม่ แี อนตเิ จนตรงกบั แอนตบิ อดขี องผรู้ บั
คนทมี่ หี มเู่ ลอื ด O (ไมม่ แี อนตเิ จนเลย) จงึ ใหเ้ ลอื ดไดก้ บั คนทกุ หมไู่ ง
4. ระบบนำ้� เหลอื ง : ชว่ ยในการลำ� เลยี งสารตา่ งๆ ใหก้ ลบั เขา้ สเู่ สน้ เลอื ดโดยเฉพาะสารอาหารพวกกรดไขมนั ทดี่ ดู ซมึ จากลำ� ไสเ้ ลก็
ระบบนำ้� เหลอื งจะไมม่ อี วยั วะสำ� หรบั สบู ฉดี ไปยงั สว่ นตา่ งๆ
5. ระบบภมู คิ มุ้ กนั : ระบบทค่ี อยปกปอ้ งรา่ งกายของเราจากสง่ิ แปลกปลอมตา่ งๆ ทอ่ี าจเขา้ มาทำ� อนั ตรายรา่ งกายเราได้ เชน่
- เชอื้ โรคตา่ งๆ
- เซลลท์ กี่ ำ� ลงั เจรญิ เตบิ โตไปเปน็ มะเรง็
- อวยั วะของผอู้ น่ื ทป่ี ลกู ถา่ ยเขา้ มาในรา่ งกาย
- การไดร้ บั เลอื ดผดิ หมู่
- สารกอ่ ภมู แิ พ้
สงิ่ ตา่ งๆ เหลา่ นม้ี คี ณุ สมบตั เิ ปน็ สง่ิ แปลกปลอมทร่ี า่ งกายยงั ไมร่ จู้ กั เรยี กวา่ antigen
o ระบบภมู คิ มุ้ กนั แบง่ เปน็ 2 ระบบ คอื
- ภมู คิ มุ้ กนั แบบกอ่ เอง: เกดิ จากการกระตนุ้ แอนตเิ จน ซง่ึ จะเกดิ ไดช้ า้ แตอ่ ยไู่ ดน้ าน ไดแ้ ก ่ วคั ซนี : เปน็ เชอื้ โรคทอี่ อ่ น
ฤทธิ์ หรอื ตายแลว้ จนไมส่ ามารถทำ� ใหเ้ กดิ โรคได้
- ทอกซอยด์ : เปน็ สารพษิ ทถี่ กู ทำ� ใหห้ มดฤทธ์ิ
- ภมู คิ มุ้ กนั แบบรบั มา: เกดิ จากรา่ งกายไดร้ บั สารทม่ี คี ณุ สมบตั ปิ อ้ งกนั โรคอยแู่ ลว้ เชน่ แอนตบิ อดี เปน็ ภมู คิ มุ้ กนั ท่ี
เกดิ ไดท้ นั ที แตอ่ ยไู่ ดไ้ มน่ าน ไดแ้ ก่ เซรมุ่ ของมา้ หรอื กระตา่ ย และนำ้� นมเหลอื ง เปน็ ตน้

ระบบตอ่ มไรท้ อ่ (endrocrine gland)

✓ เรอื่ งนเ้ี ปน็ เรอ่ื งทตี่ อ้ งทอ่ งจำ� เยอะเปน็ พเิ ศษแตส่ ง่ิ หนง่ึ ทเี่ ราควรใหค้ วามสนใจใหม้ ากกค็ อื การนำ� เอาฮอรโ์ มนทเ่ี รารจู้ กั เนยี่ มาอธบิ าย
สง่ิ ตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชวี ติ ของเราใหไ้ ด้ หมายถงึ วา่ เมอ่ื พดู ถงึ การเจรญิ เตบิ โตของกระดกู และกลา้ มเนอื้ เราควรจะนกึ ถงึ growth hormone
หรอื วา่ ถา้ พดู ถงึ การเปลย่ี นแปลงสผี วิ ตอ้ งนกึ ถงึ MSH ถามวา่ ทำ� ไมพถี่ งึ เนน้ เรอ่ื งแบบนี้ นอ้ งจะเหน็ วา่ เวลาเราเรยี นเรามกั จะเรยี นจาก

ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 57

มมุ A ไปหา มมุ B แตเ่ วลาโจทยห์ รอื ขอ้ สอบถามเขาจะถามจาก มมุ B มาหามมุ A ซง่ึ หมายถงึ เราตอ้ งมองทง้ั ไปขา้ งหนา้ และเดนิ ทาง
กลบั ใหเ้ ปน็ สำ� หรบั การออกขอ้ สอบแนวนน้ี น้ั ไมใ่ ชแ่ คใ่ นวชิ าชวี วทิ ยาเทา่ นนั้ แตย่ งั มอี กี หลายวขิ าทใี่ ชก้ ารถามแบบมองยอ้ นกลบั ได้
✓ เทคนคิ การจำ� เรอ่ื งฮอรโ์ มนนน้ั ไมไ่ ดย้ ากมากเพราะศพั ทส์ ว่ นใหญท่ เี่ ราเรยี นกนั มาจากภาษาองั กฤษซงึ่ เราควรหาเวลาทอ่ งเปน็
ภาษาองั กฤษจะดกี วา่ อา่ นแบบทบั ศพั ทเ์ พราะวา่ การท่ี Hormone จะตง้ั ชอื่ วา่ อะไรยอ่ มตอ้ งมที ม่ี าทไี่ ป ขอเพยี งเราใสใ่ จสกั นดิ การทำ�
ขอ้ สอบใหไ้ ดค้ ะแนนดนี น้ั กค็ งไมไ่ กลเกนิ เออ้ื มมอื ของเราไปอยา่ งแนน่ อน ชวี วทิ ยา เปน็ วชิ าทหี่ ยบิ ภาษาละตนิ มาใชด้ ว้ ยแตไ่ มต่ อ้ งกลวั
เพราะภาษาละตนิ เปน็ ภาษาทใี่ ชว้ ธิ ผี สมคำ� เพอื่ สรา้ งคำ� นน้ั หมายถงึ ถา้ เราจำ� รากศพั ทม์ นั ไดเ้ รากย็ อ่ มสามารถทจ่ี ะเอามาประกอบเปน็ คำ�
แลว้ สามารถทจี่ ะแปลคำ� ไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย อกี หนงึ่ ลกั ษณะการจำ� ชอ่ื คอื บางชอื่ เปน็ ตวั ยอ่ ของฮอรโ์ มนเนอ่ื งจากฮอรโ์ มนชนดิ นน้ั ๆ มนั อาจ
จะมชี อ่ื เตม็ ทยี่ าวเกนิ ไป การทเ่ี ราจบั มนั มายอ่ เปน็ การเรยี กทงี่ า่ ยกวา่ แนน่ อน เชน่ FSH มนั มาจากคำ� วา่ follicle stimulating hormone
แลว้ เรากเ็ พยี งแคแ่ ปลคำ� มนั ไป อกี หนงึ่ ประเดน็ ทนี่ า่ สนใจคอื เรอ่ื งของชอ่ื ทฮี่ อรโ์ มนบางตวั มชี อื่ หลายชอ่ื เอาไวเ้ รยี กสง่ิ ทเ่ี ราตอ้ งเขา้ ใจนน่ั
กค็ อื เมอ่ื ตวั เราเองนเี่ หละทมี่ ที งั้ ชอ่ื จรงิ นามสกลุ แตเ่ รากย็ งั มชี อ่ื เลน่ หรอื ฉายา ไมว่ า่ จะเรยี กเราวา่ อะไรสดุ ทา้ ยกค็ อื เรยี กเรานแ่ี หละ อกี
เทคนคิ การจำ� คอื การจำ� แบบตรงขา้ มกนั ดงั นนั้ ใหจ้ ำ� เปน็ คู่ เชน่ insulin กบั Glucagon
• พเ่ี องเคยสบั สนเรอ่ื งคำ� ศพั ทค์ อื melanocyte melanin และ melatonin
• ซง่ึ สามคำ� นมี้ นั ตา่ งกนั นะ pineal gland ผลติ melatonin ซงึ่ ฮอรโ์ มนตวั นที้ ำ� หนา้ ทใ่ี นการควบคมุ นาฬกิ าชวี ติ และยบั ยง้ั ไมใ่ ห้
เปน็ หนมุ่ สาวเรว็ กวา่ ปกตทิ ค่ี วร
• สว่ น MSH หรอื melanocyte stimulating hormone จะทำ� หนา้ ทเ่ี กย่ี วกบั การกระตนุ้ การสรา้ ง melanin ในเซลลเ์ มด็ สี
melanocyte
✓ เรอ่ื งของเหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ขนึ้ ในชวี ติ กน็ า่ จะออก เชน่ เขาอาจจะยกตวั อยา่ งวา่ ถา้ หากมอี าการคอบวม และการทำ� งานของ
ระบบประสาทผดิ ปกติ สตปิ ญั ญามปี ญั หา นา่ จะเกดิ จากการขาดฮอรโ์ มนใด หรอื อาจจะถามแนวทว่ี า่ ยกตวั อยา่ งแลว้ ใหเ้ ราอธบิ าย
เหตกุ ารณว์ า่ ใชฮ่ อรโ์ มนอะไรบา้ ง เชน่ เมอ่ื เกดิ เหตกุ ารณไ์ ฟไหม้ ผหู้ ญงิ คนหนงึ่ สามารถทจ่ี ะขนตเู้ ยน็ ออกมาจากทพี่ กั ไดท้ นั ถามวา่ การท่ี
ผหู้ ญงิ คนนสี้ ามารถทจี่ ะยกของทหี่ นกั กวา่ ตนเองไดโ้ ดยทป่ี กตเิ ปน็ คนทไ่ี มค่ อ่ ยยกของหนกั เกดิ ขนึ้ ไดเ้ พราะฮอรโ์ มนอะไรบา้ ง ประมาณนี้
✓ หรอื ถา้ ยากหนอ่ ยกอ็ าจจะเอาไปปนกบั เรอื่ งของสมดลุ รา่ งกาย พวกการรกั ษาสมดลุ เกลอื แร่ การรกั ษาสมดลุ นำ้� มากกวา่ ดงั
นน้ั เราตอ้ งเชอื่ มโยงใหเ้ ปน็ ถา้ อา่ นแลว้ เขา้ ใจเชอ่ื มโยงเปน็ เรากเ็ ทา่ กบั วา่ ประยกุ ตเ์ ปน็ เนอ้ื หากเ็ หมอื นจำ� ลดลง เพราะเราจำ� สองเรอ่ื งไป
พรอ้ มกนั

น้องๆ ศกึ ษาเพิ่มเตมิ ไดท้ ี่
Tag : สอนศาสตร์, ชีววิทยา, ระบบในรา่ งกาย, ระบบหายใจ, ระบบย่อยอาหาร, ระบบต่อมไรท้ อ่ , ระบบหมนุ เวียนเลือด,

ระบบขบั ถา่ ย, ระบบประสาท, การรักษาดุลยภาพในร่างกาย

• 06 : ระบบประสาท1
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch4-1

• 08 : ระบบต่อมไร้ท่อ
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch4-2

• 10 : ระบบหายใจ
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch4-3

58 ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

• 11 : ระบบหมุนเวียนเลือด 1 • สอนศาสตร์ : ม.ปลาย : ชีววทิ ยา :
http://www.trueplookpanya.com/ ระบบประสาท (อ.วิเวียน)
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch4-4 book/m6/onet-biology/ch4-9

• 12 : ระบบหมนุ เวยี นโลหติ 2 • สอนศาสตร์ : ม.ปลาย : ชวี วิทยา :
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch4-5 ระบบในรา่ งกาย
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch4-10
• 13 : ระบบยอ่ ยอาหาร
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch4-6 • ชีววิทยา ม.4-6 เรอ่ื ง การรกั ษา
ดลุ ยภาพในร่างกาย ตอนที่ 3
http://www.trueplookpanya.com/
• 14 : ระบบขับถ่าย book/m6/onet-biology/ch4-11
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch4-7

• 15 : ระบบสบื พันธุ์
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch4-8

บนั ทึกชว่ ยจ�ำ

ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 59

บทท่ี 7

อนกุ รมวิธาน (Taxonomy)

อนุกรมวธิ าน (Taxonomy)

• ในหวั ขอ้ นส้ี งิ่ ทต่ี อ้ งเนน้ เปน็ พเิ ศษคอื เรอื่ งของการรจู้ กั ชอ่ื ของสง่ิ มชี วี ติ นน้ั ๆ แลว้ สามารถเรยี งลำ� ดบั ววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี วี ติ
จากตำ�่ ไปสงู ได ้ แลว้ วธิ ดี วู า่ ใครววิ ฒั นาการสงู กวา่ ใครกใ็ หด้ ทู เ่ี รอ่ื งของ เซลลว์ า่ มกี เี่ ซลล ์ แลว้ เซลลม์ กี ารทำ� งานเปน็ เนอื้ เยอื้ หรอื ไม่ แลว้
มเี อมบรโิ อ หรอื ไม่ เพราะสง่ิ มชี วี ติ ขนั้ สงู อยา่ ง Plantae กบั Animalia จะตอ้ งมเี นอื้ เยอื่ กบั เอมบรโิ อแนน่ อน
• เมอ่ื กเ้ี ราไดล้ องเลา่ ครา่ วๆ ใหฟ้ งั แลว้ วา่ เราควรจะเนน้ อา่ นในเรอื่ งไหน คราวนเ้ี รามาดเู นอื้ หาของจรงิ กนั เลยดกี วา่ วา่ ทเ่ี รารนู้ นั้
ถกู ตอ้ งรเึ ปลา่ ความจรงิ แลว้ เรอ่ื งการเรยี งลำ� ดบั ววิ ฒั นาการเนยี่ หนงั สอื ของกระทรวงฯ เขาใจดเี รยี งใหเ้ ราแลว้ โดยถา้ หนา้ แรกๆ กจ็ ะ
เปน็ สง่ิ มชี วี ติ ชน้ั ตำ่� พวกนจ้ี ะมเี ซลลเ์ ดยี ว หรอื อาจจะมขี นาดเลก็ มโี ครงสรา้ งรา่ งกายงา่ ยๆ
ยกตวั อยา่ งเชน่ พวก อาณาจกั ร Monera ซงึ่ อาณาจกั นก้ี จ็ ะเปน็ พวก Archaea หรอื ทเี่ ราเรยี กวา่ แบคทเี รยี โบราณ และ Bacteria
(monera เปน็ สง่ิ มชี วี ติ ทเี่ ซลลเ์ ปน็ แบบ prokaryotic cell คอื ไมม่ เี ยอื่ หมุ้ นวิ เคลยี ส (nuclear membrane)
ตอ่ มา กจ็ ะววิ ฒั นาการสงู ขน้ึ เปน็ พวกทมี่ เี ซลลแ์ บบ eukaryotic cell ซงึ่ พวกยคู ารโี อต (eukaryote) นน้ั ยงั แบง่ ยอ่ ยลงมาไดอ้ กี ส่ี
กลมุ่ คอื Protista fungi plantae และ animalia แลว้ จะดยู งั ไงวา่ ใครววิ ฒั นาการสงู กวา่ กนั กม็ าดทู ค่ี วามซบั ซอ้ นของเซลล์ เรมิ่ ท่ี Protista
พวกนจ้ี ะเปน็ พวกทเ่ี รามกั จะพบและเจอเปน็ ประจำ� ในชวี ติ คอื โพรโทซวั (เราสามารถหาไดต้ ามบอ่ นำ�้ ของโรงเรยี น หรอื เวลาเรยี นแลบ็
การทดลอง ) สาหรา่ ยทเี่ ราชอบกนิ กนั กเ็ ปน็ Protista
สดุ ทา้ ยคอื พวก ราเมอื ก (ระวงั ตรงจดุ นน้ี ะ เพราะราเมอื กไมใ่ ชพ่ วกเดยี วกบั รา เพราะ รา อยใู่ นกลมุ่ เหด็ รา Fungi ซงึ่ มมี นั มคี วาม
ซบั ซอ้ นมากกวา่ Protista) ววิ ฒั นาการสงู ขน้ึ ตอ่ มากค็ อื พวก fungi พวกนจี้ ะเปน็ ทน่ี า่ รงั เกยี จเวลาเจอ แตก่ ก็ นิ ไดน้ ะจะ้ มนั กค็ อื พวก เหด็
รา ยสี ต์ นนั้ เอง ถามวา่ ทำ� ไมพถี่ งึ พดู วา่ นา่ รงั เกยี จกเ็ พราะวา่ รา ทเ่ี ราเจอบนขนมปงั เวลาทม่ี นั หมดอายแุ ลว้ มนั กค็ อื ราดำ� รวมทงั้ พนื้ หอ้ ง
นำ้� ดำ� ๆ เชน่ กนั นะ สว่ นเหด็ นน้ั บางชนดิ เทา่ นน้ั ถงึ จะเอามากนิ ได้ แตบ่ างชนดิ กนิ แลว้ ตายนะ อยา่ เผลอเลอหยบิ ผดิ เอาไปทำ� อาหารละ่
ยสี ตก์ เ็ อามาทำ� ขนมได้ เอามาหมกั อาหารตา่ งๆ ได้ ตอ่ มาคอื Plantae ซงึ่ สงิ่ ทนี่ า่ สนใจกค็ อื ตงั้ แต่ plantae จนถงึ animalia เปน็ ตน้ ไป มนั จะ
มเี นอ้ื เยอื้ และ เอมบรโิ อ ซง่ึ แสดงวา่ มนั ววิ ฒั นาการสงู กวา่ สง่ิ มชี วี ติ ในกลมุ่ plantae

 คอื จดุ สำ� คญั ทเ่ี ราตอ้ งรจู้ กั ชอ่ื ของพชื ในบทเรยี นใหค้ รบแลว้ มนั จะชว่ ยเราไดม้ ากมายเลยทเี ดยี ว ถามวา่ ใน plantae เองมกี ารวดั วา่

ใครววิ ฒั นาการสงู กวา่ ใคร เราสงั เกตทโ่ี ครงสรา้ งทอ่ ลำ� เลยี ง ลกั ษณะของใบ และ การสบื พนั ธว์ุ า่ มดี อกหรอื ไมม่ ดี อก
• ดงั นน้ั เราจะเรยี งลำ� ดบั ไดด้ งั น้ี “ขา้ วตอกฤาษ ี (sphagnum moss) (มอส) สนหางสงิ ห์ สรอ้ ยสกุ รม สามรอ้ ยยอด ชอ้ งนางคลี่
(เปน็ พวก lycopodium สรา้ ง homospore มขี นาดเทา่ กนั ) ตนี ตกุ๊ แก (selaginella) และ กระเทยี มนำ้� (isoetes สองพวกนสี้ รา้ ง heterospore
มขี นาดไมเ่ ทา่ กนั ) หวายทะนอย (psilotum; พวกนแี้ ตกกง่ิ ทล่ี ะสอง dichotomous) หญา้ ถอดปลอ้ ง (equisetum) เฟนิ ขา้ หลวงหลงั ลาย
กระแตไตไ่ ม้ ชายผา้ สดี า ผกั กดู ยา่ นลเิ ภา (พวกนส้ี รา้ งสปอรข์ นาดเทา่ กนั homospore) ยกเวน้ พวกเฟนิ นำ้� เชน่ แหนแดง จอกหหู นู ผกั
แวน่ เปน็ ตน้ (พวกนจี้ ะสรา้ งสปอรข์ นาดไมเ่ ทา่ กนั heterospore)
• ทสี่ ำ� คญั นอ้ งๆ ตอ้ งจำ� ใหแ้ มน่ นะครบั วา่ แหนแดง กบั แหนทม่ี สี เี ขยี วลอยอยบู่ นผวิ นำ�้ เปน็ คนละชนดิ กนั นะครบั แลว้ จอกหหู นู
กบั จอก กเ็ ปน็ คนละกลมุ่ กนั กลมุ่ ของ จอก แหน และไขน่ ำ�้ (ผำ� ) จดั เปน็ พวกพชื ดอกนะครบั โดยเฉพาะไขน่ ำ้� ยงั จดั เปน็ พชื ดอกทเี่ ลก็ ทส่ี ดุ
ในโลกอกี ดว้ ยครบั นอกจากนกี้ ย็ งั มพี วกทม่ี ชี อ่ื เหมอื นสาหรา่ ย ทเี่ ราชอบนำ� มาทำ� การทดลองในหอ้ งแลบ็ กค็ อื สาหรา่ ยหางกระรอก และ
สาหรา่ ยขา้ วเหนยี ว นกี่ จ็ ดั เปน็ พชื ดอกนะครบั นอ้ งๆ)
• สำ� หรบั เรอ่ื งพชื นนั้ เราจะตอ้ งเขา้ ใจเองกอ่ นวา่ พชื แตล่ ะชนดิ ทเี่ ราทอ่ งชอ่ื มนั เนยี่ มนั มรี ปู รา่ งยงั ไง แลว้ เมอ่ื จำ� ไดก้ ม็ าแยกตาม
เกณฑด์ งั นี้ อนั ไดแ้ ก่ พวกไมม่ เี นอื้ เยอ่ื ลำ� เลยี ง (non-vascular tissue) จะเปน็ พวกทต่ี ำ่� สดุ ตอ่ มาคอื พวกทมี่ เี นอื้ เยอ่ื ลำ� เลยี ง (vascular
tissue) แตย่ งั ไมม่ เี มลด็ ตอ่ มากค็ อื พวกทม่ี เี นอ้ื เยอื่ ลำ� เลยี งและมเี มลด็ แตย่ งั ไมม่ เี ครอื่ งหอ่ หมุ้ เมลด็ หรอื ทเ่ี ราเรยี กวา่ พวกเมลด็ เปลอื ย

60 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

(gymnosperm) และววิ ฒั นาการสงู สดุ ของพวกพชื กค็ อื พชื ดอก (angiosperm) ซงึ่ มที งั้ เนอ้ื เยอ่ื ลำ� เลยี ง มเี มลด็ และมเี ครอ่ื งหอ่ หมุ้
เมลด็ แลว้ กส็ งู สดุ ๆ ของพชื ดอกคอื พชื ใบเลย้ี งเดย่ี ว ในบรรดาสง่ิ มชี วี ติ animal เปน็ สงิ่ มชี วี ติ ทวี่ วิ ฒั นาการสงู ทสี่ ดุ เรากท็ อ่ งตามเนอ้ื หา
แบบเรียนน้ันแหละครบั อยา่ ไดไ้ ปหาหนังสอื มาอ่านเพมิ่ เพราะเร่อื งอนุกรมวธิ านนนั้ หลักสูตรของพวกเราตัดมาจากมหาวิทยาลัย
เพียงบางสว่ นเทา่ นน้ั
✓ เคยมคี ำ� ถามเกย่ี วกบั เรอื่ งของสตั วเ์ ลอื ดเยน็ กบั สตั วเ์ ลอื ดอนุ่ ซงึ่ นอ้ งหลายคนมกั จะงงวา่ เตา่ เปน็ สตั วเ์ ลอื ดเยน็ หรอื เลอื ดอนุ่

ซง่ึ ความจรงิ คอื เตา่ เปน็ สตั วเ์ ลอื ดเยน็ เพราะเตา่ เปน็ สตั วเ์ ลอ้ื ยคลาน วธิ ที พี่ จ่ี ำ� คอื พวกนก กบั พวกเลยี้ งลกู ดว้ ยนำ�้ นมเปน็ เลอื ดอนุ่ หมด
นอกนน้ั เปน็ เลอื ดเยน็ ทง้ั สนิ้ ยกตวั อยา่ งเชน่ แมวนำ�้ เปน็ สตั วเ์ ลอื ดอนุ่ แมจ้ ะอยใู่ นนำ�้ ทเ่ี ยน็ มากๆ กต็ าม หวั ขอ้ นจี้ ะทอ่ งเยอะเปน็ พเิ ศษ
เพราะมชี อื่ ของสง่ิ มชี วี ติ เยอะแยะมากมายทเี่ ราควรจะรจู้ กั และจำ� ได้ เทคนคิ การชว่ ยจำ� คอื ไปหารปู มาดู
✓ แนวขอ้ สอบบางครง้ั ถามงา่ ยๆ แคว่ า่ ใครเปน็ สตั วเ์ ลอื ดเยน็ ใครเปน็ สตั วเ์ ลอื ดอนุ่ หรอื อาจจะออกแนวทว่ี า่ จดุ เดน่ ของสง่ิ มชี วี ติ
แตล่ ะชนดิ เปน็ อยา่ งไร เรากจ็ ำ� แคส่ งิ่ มชี วี ติ ทเ่ี ดน่ ๆ กพ็ อ
ยกตัวอยา่ งเชน่ อาจจะถามวา่ สิ่งมชี วี ติ ในตวั เลือกขอ้ ใดท่ีไม่มีการสงั เคราะห์โปรตนี ด้วยตวั เอง? ถา้ หากวา่ เรา
สามารถจำ� ลกั ษณะพเิ ศษของไวรสั ได้ ทวี่ า่ มนั ตอ้ งอาศยั host (เซลลเ์ จา้ บา้ น) ในการผลติ โปรตนี และองคป์ ระกอบ
เซลล์ เรากจ็ ะทำ� ขอ้ นไ้ี ดแ้ นน่ อน
หรอื บางทขี า่ วกค็ วรอา่ นบา้ ง ยกตวั อยา่ งเชน่ ชว่ งทม่ี เี รอ่ื งไขห้ วดั สายพนั ธใ์ุ หม่ ไขห้ วดั นก H5N1 หรอื H5 N2
อะไรพวกนกี้ อ็ าจจะออกมาใหเ้ หน็ ไดใ้ นขอ้ สอบคนทอ่ี า่ นขา่ วกเ็ ทา่ กบั ไดค้ ะแนนฟรๆี งา่ ยๆเลยแตถ่ า้ คนทไี่ มอ่ า่ นขา่ ว
กจ็ บเหเ่ ลย
ตวั อยา่ งอกี แบบทเ่ี ปน็ ตารางแลว้ ถามกอ็ าจจะเปน็ ในลกั ษณะตารางตกิ๊ ถกู เชน่ มอส (อาจจะใชช้ อ่ื ภาษาไทย หรอื
ชอ่ื inter อยา่ งเชน่ ไบรโอไฟต์ (bryophyte)…) ขอเพยี งเราจำ� ไดว้ า่ มนั มลี กั ษณะเดน่ อะไรกพ็ อ เชน่ มอส มเี นอ้ื เยอ้ื
หรอื เปลา่ สรา้ งอาหารเองไดไ้ หม มผี นงั เซลลห์ รอื เปลา่ มที อ่ ลำ� เลยี งหรอื เปลา่ มดี อกหรอื เปลา่ อะไรประมาณน้ี
(แนวขอ้ สอบ)
1.สงิ่ มชี วี ติ ใดทม่ี กี ารปรบั อณุ หภมู ไิ ปตามสภาพแวดลอ้ มทม่ี นั อยู่
ก. นกเพนกวนิ โลมา วาฬ
ข. ฮปิ โป แมว ปลา
ค. จระเข ้ ตวั เงนิ ตวั ทอง กงิ้ กา่ ทะเล
ง. ปลา สนุ ขั กบ

คำ� ตอบ คอื สง่ิ มชี วี ติ ทสี่ ามารถทจี่ ะปรบั เปลยี่ นอณุ หภมู ใิ หเ้ ปน็ ไปตามสภาพแวดลอ้ มไดน้ น้ั จะถอื เปน็ สตั วเ์ ลอื ดเยน็ ซงึ่ สตั วเ์ ลอื ดเยน็ ก็

เชน่ พวกสตั วเ์ ลอื้ ยคลาน ปลา ครงึ่ บกครงึ่ นำ�้ ดงั นน้ั เรากต็ อ้ งมาเชค็ ตวั เลอื กกนั โลมากบั วาฬ แมจ้ ะอยใู่ นนำ้� แตม่ นั นน้ั เปน็ สตั วเ์ ลยี้ งลกู
ดว้ ยนำ�้ นมดงั นน้ั มนั ตอ้ งเปน็ สตั วเ์ ลอื ดอนุ่ เทา่ นนั้ ดงั นนั้ ขอ้ นเ้ี ลยตอบ ค เปน็ คำ� ตอบสดุ ทา้ ย
2. การเรยี งลำ� ดบั ววิ ฒั นาการของสง่ิ มชี วี ติ ในขอ้ ใดถกู ตอ้ ง
ก. แบคทเี รยี >>>ราเมอื ก >>>ชบา
ข. อะมบี า >>>สาหรา่ ยสเี ขยี วแกมนำ�้ เงนิ >>>ยงุ
ค. ไสเ้ ดอื นดนิ >>>แมลง>>>หอย
ง. โพรทสิ ต>์ >>ยสิ ต>์ >>สาหรา่ ยสเี ขยี วแกมนำ้� เงนิ

ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 61

คำ� ตอบ ทถ่ี กู ตอ้ งของการจดั เรยี งขอ้ นค้ี อื ก. มวี ธิ กี ารจำ� คอื ตามเรอ่ื งทเ่ี ราเรยี นในแบบเรยี นเลย บทไหนทเ่ี ราเรยี นกอ่ นแสดงวา่ บทนน้ั

มกี ารววิ ฒั นาการตำ�่ กวา่ นน้ั หมายถงึ วา่ แบคทเี รยี เปน็ พวก มอนเนอรา่ มกี ารววิ ฒั นาการตำ่� กวา่ ราเมอื กซง่ึ เปน็ โปรตสิ ตา้ และพวกโพรติ
สตา้ กว็ วิ ฒั นาการตำ�่ กวา่ พชื ดอกเชน่ ชบาอกี (อยา่ เขา้ ใจผดิ เหมา ราเมอื กเปน็ รานะเพราะมนั ไมใ่ ชร่ านะ แคช่ อื่ เหมอื น สว่ นขอ้ อน่ื ทถี่ กู ตอ้ ง
ตอ้ งเปน็
สาหรา่ ยสเี ขยี วแกมนำ�้ เงนิ >>>อะมบี า >>>ยงุ
หอย>>>ไสเ้ ดอื นดนิ >>>แมลง
สาหรา่ ยสเี ขยี วแกมนำ้� เงนิ >>>โพรทสิ ต์ >>>ยสี ต์

น้องๆ สามารถศึกษาเพม่ิ เติมไดท้ ี่

Tag : สอนศาสตร์, ชวี วทิ ยา, อนุกรมวธิ าน

• สอนศาสตร์ : ม.ปลาย : ชวี วทิ ยา : • อนกุ รมวิธาน ตอนท่ี 4
อนกุ รมวิธาน http://www.trueplookpanya.com/
http://www.trueplookpanya.com/ book/m6/onet-biology/ch5-6
book/m6/onet-biology/ch5-1
• อนุกรมวิธาน ตอนที่ 5
• ชวี วิทยา ม.ปลาย – อนุกรมวิธาน http://www.trueplookpanya.com/
http://www.trueplookpanya.com/ book/m6/onet-biology/ch5-7
book/m6/onet-biology/ch5-2
• อนุกรมวธิ าน ตอนท่ี 6
• อนุกรมวธิ าน ตอนท่ี 1 http://www.trueplookpanya.com/
http://www.trueplookpanya.com/ book/m6/onet-biology/ch5-8
book/m6/onet-biology/ch5-3
• อนกุ รมวิธาน ตอนที่ 7
• อนุกรมวธิ าน ตอนที่ 2 http://www.trueplookpanya.com/
http://www.trueplookpanya.com/ book/m6/onet-biology/ch5-9
book/m6/onet-biology/ch5-4

• อนุกรมวิธาน ตอนที่ 3
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch5-5

62 ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

บทที่ 8

พืช (Plant)

พชื (Plant)

นอ้ งๆ คงคนุ้ เคยกบั สง่ิ มชี วี ติ ทเ่ี รยี กวา่ พชื หรอื ตน้ ไมก้ นั เปน็ อยา่ งดเี พราะในสงิ่ แวดลอ้ มรอบๆ ตวั เรามพี ชื ใหเ้ หน็ ทกุ หนทกุ แหง่
พชื กจ็ ดั เปน็ สงิ่ มชี วี ติ ชนดิ หนง่ึ ซง่ึ มคี ณุ อนนั ตแ์ กโ่ ลกของเรา เรยี กไดว้ า่ ถา้ ไมม่ พี ชื มนษุ ยก์ อ็ ยไู่ มไ่ ดเ้ ลยทเี ดยี ว

โครงสรา้ งของพชื ดอก

ราก (Root) คอื สว่ นทงี่ อกออกมาจากเมลด็ เปน็ สว่ นแรกและเจรญิ ลงสใู้ ตด้ นิ ปกตริ ากมหี นา้ ทด่ี ดู นำ้� และแรธ่ าตตุ า่ งๆ ในดนิ แต่
ในรากพชื บางชนดิ กจ็ ะมหี นา้ ทพ่ี เิ ศษเชน่
• ทำ� หนา้ ทเี่ กบ็ สะสมอาหาร: กระชาย แครอท มนั เทศ มนั แกว
• ทำ� หนา้ ทชี่ ว่ ยหายใจ : แสม ลำ� พู
• ทำ� หนา้ ทค่ี ำ�้ จนุ : โกงกาง ขา้ วโพด เตย ขา้ วฟา่ ง
• ทำ� หนา้ ทสี่ งั เคราะหแ์ สง: กลว้ ยไม้
ระบบรากของพชื แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คอื
1) ระบบรากแกว้ (tap root) พบในพชื ใบเลย้ี งคู่ เจรญิ มาจากรากแรกเกดิ (radical) มขี นาดใหญ่ และสามารถแตกแขนงรากไดม้ าก
ชอนไชลงไปในดนิ ไดล้ กึ
2) ระบบรากฝอย (fibrous root) พบในพชื ใบเลย้ี งเดย่ี ว งอกจากโคนตน้ ไมไ่ ดเ้ จรญิ มาจากรากแรกเกดิ มขี นาดเทา่ ๆ กนั
โครงสรา้ งภายในของราก แบง่ เปน็ ออกเปน็ 4 บรเิ วณ คอื

  1) บรเิ วณหมวกราก (root –cap) ประกอบดว้ ย เซลลพ์ าเรงคมิ า
(parenchyma) สามารถผลติ เมอื ก เพอื่ ใหด้ นิ บรเิ วณหมวก
รากออ่ นตวั งา่ ยตอ่ การชอนไชของราก

2) บริเวณเซลล์ก�ำลังแบ่งตัว (meristematic region) หรือ
เนอ้ื เยอื่ เจรญิ ปลายราก (apical meristem) เปน็ บรเิ วณทอี่ ยู่
ถดั จากบรเิ วณหมวกรากขน้ึ มายาวประมาณ 1-2 มลิ ลเิ มตร
แบง่ แบบ ไมโทซสิ (mitosis) เพอ่ื เพมิ่ จำ� นวนเซลล์

3) บรเิ วณเซลลข์ ยายตวั ตามยาว (region of cell elongation) –
ทำ� ใหร้ ากยาวขน้ึ

4) บรเิ วณทเี่ ซลลเ์ ปลยี่ นแปลงไปทำ� หนา้ ทเ่ี ฉพาะและเจรญิ
เตบิ โตเตม็ ที่ root-hair region (maturation) – จะพบเซลล์
ขนราก (root hair cell) อยทู่ ผี่ ิวช่วยเพิ่มพ้ืนท่ีผิวใน

การดดู ซมึ นำ�้ และแรธ่ าตแุ ละจะมเี ซลลห์ ลายชนดิ ทเ่ี ปลย่ี นแปลงรปู รา่ งเพอื่ ใหเ้ หมาะสมกบั หนา้ ทเ่ี มอ่ื เราตดั ตามขวางและนำ� เนอื้ เยอื่ บรเิ วณนี้
มาศึกษาจะพบเน้อื เยอื่ ในข้ันการเจรญิ เตมิ โตขน้ั แรก (primary growth) แบง่ เปน็ 3 สว่ นดงั น้ี



ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 63

1. เอพเิ ดอรม์ สิ (epidermis) อยนู่ อกสดุ เปน็ เซลลเ์ รยี งตวั ชดิ กนั แถวเดยี ว มบี างเซลลเ์ จรญิ เปน็ ขนราก
2. คอรเ์ ทกซ์ (cortex) สว่ นใหญเ่ ปน็ เซลลพ์ าเรงคมิ า(parenchyma) ทำ� หนา้ ทสี่ ะสมนำ้� และอาหาร ดา้ นในสดุ เปน็ เอนโด
เดอรม์ สิ (endodermis) ซง่ึ มคี วามพเิ ศษคอื สะสมสารซเู บอรนิ และลกิ นนิ ทผี่ นงั เซลลท์ ำ� ใหผ้ นงั เซลลห์ นาเปน็ แถบ
เรยี กวา่ แคสพาเรยี นสตรพิ (casparion strip) ทไ่ี มย่ อมใหน้ ำ�้ ผา่ น
3. สตลี (stele) อยถู่ ดั จากชน้ั เอนโดเดอรม์ สิ เขา้ มาประกอบดว้ ย
- เพอรไิ ซเคลิ (pericycle) ทำ� หนา้ ทส่ี รา้ งรากแขนง (พบในรากเทา่ นนั้ )
- กลมุ่ ทอ่ ลำ� เลยี ง (vascular bundle) ประกอบดว้ ย โฟลเอม็ (phloem) และไซเลม (xylem) ซงึ่ ประกอบดว้ ย
เซลลห์ ลายชนดิ ดงั น้ี




ทมี่ า: http://cnx.org/contents/a4f293cf-f2c6-453e-930a-9668078a8eca@1/2.1.1_-_Anatomy_of_dicotyleden
• โฟลเอม็ (Phloem)
- ซฟี ทวิ บ์ (sieve tube) เปน็ เซลลผ์ นงั บางมรี ทู ะลตุ อ่ กนั เปน็ ทอ่ ยาวใหอ้ าหารผา่ นได้ เมอ่ื โตเตม็ ทไี่ มม่ นี วิ เคลยี ส
- เซลลค์ อมพาเนยี น (companion cell) อยตู่ ดิ กบั ซฟี ทวิ บเ์ สมอ ชว่ ยลำ� เลยี งอาหาร
- พาเรงคมิ า (parenchyma) สะสมอาหาร
- ไฟเบอร์ (fiber) เพม่ิ ความแขง็ แรง
• ไซเลม (Xylem)
- เทรคดี (tracheid) เซลลย์ าวเรยี วมรี พู รนุ ใหน้ ำ้� และแรธ่ าตผุ า่ น
- เวสเซล (vessel) เซลลเ์ ปน็ ทอ่ กลวงเรยี งกนั ตามยาวหวั ทา้ ยมรี ทู ะลุ ทำ� หนา้ ทล่ี ำ� เลยี งนำ้� และอาหาร
- พาเรงคมิ า (parenchyma)
- ไฟเบอร์ (fiber)

64 ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

ทม่ี า : http://cnx.org
✓ Phloem อยรู่ ะหวา่ งแฉกของ xylem จำ� นวนแฉกของไซเลมจะตา่ งกนั คอื พชื ใบเลย้ี งคจู่ ำ� นวนแฉกนอ้ ย สว่ นใหญม่ ี 4 แฉก
สว่ นพชื ใบเลย้ี งเดย่ี วมจี ำ� นวนแฉกมากกวา่
ลำ� ตน้ (stem) คอื สว่ นทเ่ี จรญิ ถดั ขนึ้ มาจากราก ประกอบดว้ ย ขอ้ ปลอ้ ง(ซง่ึ ในรากไมม่ )ี และตา ปกตทิ ท่ี ำ� หนา้ ทล่ี ำ� เลยี งนำ้� แรธ่ าตุ
และอาหาร แตอ่ าจมหี นา้ ทอ่ี น่ื ในพชื บางชนดิ เชน่
- สงั เคราะหแ์ สง เชน่ กระบองเพชร พญาไรใ้ บ
- สะสมอาหาร เชน่ เผอื ก แหว้ ขงิ มนั ฝรง่ั
- ลดรปู เปน็ หนาม เชน่ มะนาว เฟอ่ื งฟา้ โปย๊ เซยี น
โครงสรา้ งภายในลำ� ตน้ ถา้ เราตดั ลำ� ตน้ ตามขวาง จะพบลกั ษณะการเรยี งตวั ของเนอ้ื เยอ่ื ขน้ั แรก (primary growth) คลา้ ยในราก
แบง่ เปน็ 3 สว่ น ดงั นี้
1. เอพเิ ดอรม์ สิ (epidermis) อยชู่ นั้ นอกสดุ เซลลเ์ รยี งตวั ชนั้ เดยี ว มคี วิ ทนิ เคลอื บอยปู่ อ้ งกนั การระเหยของนำ�้
2. คอรเ์ ทกซ์ (cortex) ถดั จากเอพเิ ดอรม์ สิ สว่ นใหญป่ ระกอบดว้ ย พาเรงคมิ า คอลเลงคมิ า (collenchyma) และสเกอเรงคมิ า
(sclerenchyma) ชว่ ยเพม่ิ ความแขง็ แรงใหล้ ำ� ตน้ นอกจากนย้ี งั มเี ซลลท์ แ่ี บง่ ตวั สรา้ งกงิ่ ของพชื อยดู่ ว้ ย
3. สตลี (stele) แยกจากชน้ั คอรเ์ ทกซไ์ มช่ ดั เจน ประกอบดว้ ย
- มดั ทอ่ ลำ� เลยี ง (vascular bundles) ในพชื ใบเลยี้ งเดย่ี ว มดั ทอ่ ลำ� เลยี งจะกระจายทว่ั ไปในลำ� ตน้ และไมม่ วี าสควิ

ลารแ์ คมเบยี มคน่ั ระหวา่ ง โฟลเอม็ กบั ไซเลม ไมม่ กี ารเจรญิ ขนั้ 2 (secondary growth) ในพชื บางชนดิ สว่ นของ
พธิ (pith; แกน่ ) จะสลายไปกลายเปน็ ชอ่ งกลวง ในพชื ใบเลยี้ งคมู่ ดั ทอ่ ลำ� เลยี งจะเรยี งเปน็ วงในแนวรศั มเี ดยี วกนั
มวี าสควิ ลาแคมเบยี มคน่ั กลาง ดา้ นในเปน็ ไซเลม ดา้ นนอกเปน็ โฟลเอม็ ซงึ่ จะมกี ารเจรญิ เตบิ โตขนั้ ทส่ี องเพอื่
ขยายขนาดดา้ นขา้ ง โดยวาสควิ ลารแ์ คมเบยี ม จะสรา้ งไซเลมขนั้ ทส่ี องเพมิ่ ทางดา้ นในและสรา้ งโฟลเอม็ ขน้ั ท่ี
สองเพมิ่ ทางดา้ นนอก ซงึ่ โฟลเอม็ ขนั้ ทสี่ องจะเบยี ดโฟลเอม็ ขน้ั แรกจนสลายไปแลว้ แบง่ เซลลส์ รา้ ง คอรก์ เพม่ิ
ขนึ้ และไซเลม็ ขน้ั ทสี่ องจะดนั เขา้ ไปเบยี ดพธิ ทอ่ี ยตู่ รงกลางใหส้ ลายไป ดงั นนั้ ไซเลมสว่ นในสดุ จงึ มอี ายมุ ากสดุ
เพราะถกู สรา้ งมากอ่ น
ในรอบ 1 ปี แตล่ ะฤดู วาสควิ ลารแ์ คมเบยี มของพชื จะแบง่ เซลลส์ รา้ งโฟลเอม็ และไซเลมขนั้ ท่ี 2 ไดไ้ มเ่ ทา่ กนั ในฤดฝู นไซเลม็ ขนั้
ทสี่ องจะกวา้ งและมสี จี าง (spring wood) แตใ่ นฤดรู อ้ นพชื ขาดนำ�้ ไซเลมจะเจรญิ ชา้ และเบยี ดกนั เปน็ แถบสเี ขม้ (summer wood หรอื
autumn wood) ทำ� ใหเ้ รามองเหน็ เนอ้ื ไมเ้ ปน็ สจี างและสเี ขม้ สลบั กนั เหน็ เปน็ วงเรยี กวา่ วงปี (annual ring)

ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 65

• กระพไ้ี ม้ (sap wood) คอื ไซเลมทย่ี งั ทำ� หนา้ ทล่ี ำ� เลยี งนำ้�
และแรธ่ าตอุ ยมู่ สี จี างๆ

• แกน่ ไม้ (heart wood) คอื ไซเลมชนั้ ในทไ่ี มท่ ำ� หนา้ ทลี่ ำ� เลยี ง
นำ�้ และแรธ่ าตแุ ลว้ จะมสี ารอนิ ทรยี ต์ า่ งๆ มาสะสม เชน่
เทนนนิ ลกิ นนิ ทำ� ใหเ้ หน็ เปน็ สเี ขม้

ทม่ี า : http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/ap-biology1/ • เนอ้ื ไม้ (wood) คอื สว่ นของกระพไ้ี มแ้ ละแกน่ ไมร้ วมกนั
• เปลอื กไม้ (bark) ในพชื อายมุ ากเอพเิ ดอรม์ สิ และคอรเ์ ทกซ์
Chapter5/Picture_Chapter5/5.21.jpg
จะสลายไปและมคี อรก์ กบั คอรก์ แคมเบยี มทส่ี รา้ งจากโฟส
เอม็ ขนึ้ มาแทน ทำ� หนา้ ทล่ี ำ� เลยี ง
- วาสควิ ลารเ์ รย์ (vascular ray) อยรู่ ะหวา่ งมดั ทอ่ ลำ� เลยี ง
ประกอบดว้ ยพาเรงคมิ า
- พธิ (pith) อยชู่ นั้ ในสดุ ของลำ� ตน้ ประกอบดว้ ยเซลลพ์ าเรงคิ
มา ทำ� หนา้ ทส่ี ะสมอาหาร

ใบ (Leaf) คอื สว่ นทงี่ อกออกมาจากลำ� ตน้ ทำ� หนา้ ทส่ี งั เคราะห์ แลกเปลย่ี นกา๊ ซ คายนำ้� มกั มสี เี ขยี ว เพราะมคี ลอโรฟลิ ล์ ในพชื
บางชนดิ ใบอาจทำ� หนา้ ทอี่ นื่ ๆ ได้ เชน่ เกบ็ สะสมอาหาร เชน่ วา่ งหางจระเข้ หอมใหญ่ ลำ� ตน้ กระบองเพชรลดรปู เปน็ หนามเพอื่ ลดการคาย
นำ�้ ทำ� หนา้ ทพ่ี ยงุ ลำ� ตน้ เชน่ ถวั่ ลนั เตา ใบพชื บางชนดิ เปลย่ี นเปน็ ถงุ ดกั แมลง เชน่ หมอ้ ขา้ วหมอ้ แกงลงิ กาบหอยแครง แพรพ่ นั ธ์ุ เชน่
เศรษฐพี นั ลา้ น ควำ�่ ตายหงายเปน็
• ใบของพชื

   
พชื ใบเลย้ี งเดย่ี ว
พชื ใบเลย้ี งคู่ เสน้ ใบจะมขี นาดใหญเ่ รยี งขนานกนั จากโคน
เสน้ ใบจะแตกแขนงออกจากเสน้ กลางใบ ถงึ ปลายใบและเสน้ ใบยอ่ ยจะแตกแขนงขนานกนั ไป
สานกนั เปน็ รา่ งแห (netted venation) เชน่ (parallel venation) เชน่ ใบขา้ วโพด ใบออ้ ย เปน็ ตน้
ใบฝรง่ั ใบขนนุ เปน็ ตน้

ทมี่ า : http://cnx.org/contents/539bbdf7-42d3-4b33-99e6-33aeb33b0c42@6/Root_and_Leaf_Structur

66 ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

• โครงสรา้ งภายนอกของใบ


แผน่ ใบ (Blade)

กา้ นใบ (Petiole)
หใู บ (Stipules)

เสน้ แขนงใบ ( Small netted veins )

เสน้ กลางใบ เสน้ ใบ

( Midrib ) ( Vein )

ทม่ี า : http://cnx.org/contents/539bbdf7-42d3-4b33-99e6-33aeb33b0c42@6/Root_and_Leaf_Structure

• โครงสรา้ งภายในของใบ ประกอบดว้ ย



1. เอพเิ ดอรม์ สิ (epidermis) อยชู่ นั้ นอกสดุ เปน็ เซลลเ์ รยี งตวั กนั บางๆ แถวเดยี ว ทงั้ ดา้ นบน (upper epidermis) และดา้ นลา่ ง (lower
epidermis) ของใบ ไมม่ คี ลอโรฟลิ ล์ มคี วิ ทนิ เคลอื บอยทู่ ผ่ี นงั เซลลด์ า้ นนอก เพอื่ ปอ้ งกนั การระเหยของนำ�้ ออกจากใบ บางเซลลใ์ นชนั้ นี้
เปลย่ี นไปเปน็ เซลลค์ มุ (guard cell) มลี กั ษณะคลา้ ยเมลด็ ถว่ั แดง 2 เมลด็ มาประกบกนั ทำ� ใหเ้ กดิ รตู รงกลางขน้ึ เรยี กวา่ ปากใบ (stomata)

ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 67

พบทผ่ี วิ ดา้ นลา่ งมากกวา่ เซลลค์ มุ มคี ลอโรฟลิ ลอ์ ยู่ ทำ� ใหส้ ามารถสงั เคราะหแ์ สงได้ นอกจากนย้ี งั ควบคมุ การปดิ เปดิ ชอ่ งปากใบเพอ่ื รกั ษา
สมดลุ พชื ในทแ่ี หง้ แลง้ จะมปี ากใบอยตู่ ำ่� กวา่ ระดบั epidermis (sunken stomata) เพอื่ ลดการสญู เสยี นำ้� สว่ นพชื ปรมิ่ นำ�้ เชน่ บวั ปากใบจะ
อยดู่ า้ นบนมากกวา่
2. มโี ซฟลิ ล์ (mesophyll) อยรู่ ะหวา่ งชน้ั เอพเิ ดอรม์ สิ ทง้ั 2 ดา้ น สว่ นใหญเ่ ปน็ เซลล์ chlorenchyma แบง่ เปน็ 2 แบบ คอื
- แพลเิ ซดมโี ซฟลิ ล์ (palisade mesophyll) มลี กั ษณะเรยี วยาว เรยี งตวั อยใู่ ตช้ น้ั เอพเิ ดอรม์ สิ ดา้ นบน ทำ� ใหเ้ หน็ ใบดา้ นบนมสี ี
เขม้ กวา่ ดา้ นลา่ ง มคี ลอโรฟลิ ลห์ นาแนน่
- สปองจมิ โี ซฟลิ ล์ (spongy mesophyll) ตวั เซลลร์ ปู รา่ งไมแ่ นน่ อน เรยี งตวั กนั หลวมๆ อยถู่ ดั จากชนั้ เซลลแ์ พลเิ ซดลงมาจนถงึ
ชนั้ เอพเิ ดอรม์ สิ ดา้ นลา่ ง มคี ลอโรพลาสตห์ นาแนน่ นอ้ ยกวา่ ในเซลลช์ น้ั แพลเิ ซดมโี ซฟลิ ล์
3. มดั ทอ่ ลำ� เลยี ง (vascular bundle) คอื สว่ นของเสน้ กลางใบและเสน้ ใบ ประกอบดว้ ยไซเลม (ดา้ นบน) และโฟลเอม็ (ดา้ นลา่ ง) มี
บนั เดลิ ชที (bundle sheath) มาลอ้ มรอบมดั ทอ่ ลำ� เลยี งไว้ พชื บางชนดิ (พชื C4 plants) ทบ่ี นั เดลิ ชที จะมคี ลอโรฟลิ ลด์ ว้ ย

การคายนำ้� (Transpiration)
นอ้ งๆ เคยสงั เกตหรอื เปลา่ วา่ เวลาทหี่ อ่ ดอกไมห้ รอื ตน้ ไมเ้ ลก็ ดว้ ยถงุ พลาสตกิ แลว้ ทงิ้ ไวจ้ ะมหี ยดละอองนำ�้ เลก็ ๆ เกาะอยู่
ภายในถงุ แลว้ หยดละอองนำ้� เหลา่ นน้ั มาจากไหน ?
พชื คายนำ้� ผา่ นทางปากใบเปน็ สว่ นใหญ่ ความเขม้ ขน้ ของสารละลายในเซลลค์ มุ จะเปน็ ตวั กำ� หนด การปดิ เปดิ ของปากใบ โดยแสง
จะกระตนุ้ ให้ K+ แพรเ่ ขา้ ไปในเซลลค์ มุ ซง่ึ ทำ� ใหส้ ารละลายภายในเซลลค์ มุ มคี วามเขม้ ขน้ มากขน้ึ นำ้� จงึ แพรเ่ ขา้ สเู่ ซลลท์ ำ� ใหป้ ากใบเปดิ
และถา้ ลดปรมิ าณ K+ ในเซลลค์ มุ ทำ� ใหป้ ากใบปดิ นอกจากนเี้ มอื่ อยใู่ นสภาวะทพี่ ชื ขาดนำ�้ พชื จะสงั เคราะหก์ รดแอบไซซกิ (abscisic acid)
มาควบคมุ ทำ� ใหป้ ากใบปดิ แมจ้ ะยงั มแี รงกระตนุ้ อยกู่ ต็ าม
การลำ� เลยี งนำ้� และแรธ่ าตุ
1. นำ�้ จากดนิ จะแพรผ่ า่ นเยอ่ื หมุ้ เซลลบ์ รเิ วณรากเขา้ สทู่ อ่ ลำ� เลยี งของพชื โดยมรี ปู แบบการเคลอ่ื นที่ 2 แบบ คอื
- อโพพลาส (apoplast) นำ�้ เคลอื่ นทผ่ี า่ นผนงั เซลลห์ รอื ชอ่ งวา่ งระหวา่ งเซลล์
- ซมิ พลาส (symplast) นำ�้ เคลอ่ื นทผ่ี า่ นทางไซโทพลาสซมึ เยอ่ื หมุ้ เซลลแ์ ละชอ่ งพลาสโมเดสมาตา

(Casparian strip)
(Apoplastic route)

(Symplastic route) (Xylem vessels)

(Root hair) (Endodermis)
(Cortex)

(Endidermis)

68 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

✓ เมอ่ื นำ�้ เคลอ่ื นทม่ี าถงึ ผนงั เอนโดเดอรม์ สิ ซง่ึ มแี ถบแคสพาเรยี นสตรพิ (ทมี่ ซี เู บอรนิ สะสมอย)ู่ กน้ั ไมใ่ หน้ ำ�้ ไหลผา่ นผนงั cell
เขา้ ไปสทู่ อ่ ลำ� เลยี ง นำ้� จงึ ตอ้ งเคลอ่ื นทแ่ี บบซมิ พลาสเทา่ นน้ั จงึ จะเขา้ ไปในไซเลมได้
การทพ่ี ชื สามารถลำ� เลยี งนำ้� จากรากไปสยู่ อดได้ ตอ้ งอาศยั แรงชว่ ยตา่ งๆ ดงั น้ี
• แรงดนั ราก (root pressure) เกดิ ในขณะทพ่ี ชื ไดร้ บั นำ�้ เพยี งพอแลว้ แตร่ ากยงั ดดู นำ้� เขา้ มาในไซเลมอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ถา้ มแี รงดนั
มากๆ จะทำ� ใหเ้ กดิ ปรากฏการณก์ ตั เตชนั (guttation) คอื พบหยดนำ้� ทใี่ บ หรอื ขอบใบ เชน่ นำ้� คา้ งบนยอดหญา้
• แรงดงึ จากการคายนำ�้ (transpiration pull) เมอ่ื พชื คายนำ�้ จะเกดิ แรงดงึ ใหน้ ำ�้ ไหลขน้ึ มาตามไซเลมได้ เนอ่ื งจากโมเลกลุ นำ้� มี
แรงยดึ เหนย่ี วกนั เอง เรยี กวา่ โคฮชี นั (cohesion)
• แรงดงึ ในทอ่ ไซเลม เกดิ จากแรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งโมเลกลุ ของนำ้� กบั ผนงั ทอ่ ไซเลม เรยี กวา่ แอดฮชี นั (adhesion)

(แนวขอ้ สอบ)

ขอ้ ใดตอ่ ไปนเ้ี กยี่ วขอ้ งนอ้ ยทสี่ ดุ ในการปรบั ตวั เพอื่ ลดการคายนำ้� ของพชื
ก. การมปี ากใบอยดู่ า้ นหลงั ใบของพชื
ข. ผลดั ใบบางสว่ น
ค. การมใี บเปน็ หนามของตน้ กระบองเพชร
ง. การมเี ปลอื กแขง็ หมุ้ ลำ� ตน้

เฉลย ก. ปากใบของพชื สว่ นใหญจ่ ะอยบู่ รเิ วณดา้ นหลงั ใบ เนอื่ งจากพชื จะมปี ากใบอยดู่ า้ นหลงั ใบอยแู่ ลว้ แตแ่ ตกตา่ งกนั ทป่ี รมิ าณ

เทา่ นน้ั สว่ นขอ้ ข. ค. และ ง.ผดิ เนอ่ื งจากเปน็ การปรบั ตวั ทเ่ี หน็ ไดช้ ดั เจนวา่ พชื ตอ้ งการลดการคายนำ้�

2. การลำ� เลยี งแรธ่ าตุ มี 2 วธิ ี คอื
1. การลำ� เลยี งแบบไมใ่ ชพ้ ลงั งาน (passive transport)
2. การลำ� เลยี งแบบใชพ้ ลงั งาน (active transport)
✓ ธาตอุ าหารจะเขา้ ไปในไซเลมโดยการเคลอื่ นทแ่ี บบอโพพลาส และซมิ พลาส ธาตอุ าหารแบง่ เปน็ 2 กลมุ่
1. ธาตทุ พ่ี ชื ตอ้ งการเปน็ ปรมิ าณมาก (macro nutrients) มี 9 ธาตุ ไดแ้ ก่ C H O N P K Ca Mg และ S
2. ธาตทุ พี่ ชื ตอ้ งการปรมิ าณเลก็ นอ้ ย (micro nutrients) มี 9 ธาตุ ไดแ้ ก่ B Fe Cu Zn Mn Mo Cl และ Ni
✓ ธาตอุ าหารทงั้ สองกลมุ่ นม้ี คี วามจำ� เปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื เทา่ กนั แตพ่ ชื ตอ้ งการในปรมิ าณทแ่ี ตกตา่ งกนั

การลำ� เลยี งอาหารของพชื



แหลง่ สรา้ งกลโู คส Active โฟลเอม แรงดนั จากนำ้� ที่ โฟลเอม เนอ้ื เยอ่ื ตา่ งๆ
(ความเขม้ ขน้ สงู ) (ตน้ ทาง) ออสโมซสิ เขา้ มา (ปลายทาง) (ความเขม้ ขน้ ตำ่� )
transport

✓ การลำ� เลยี งอาหารจงึ เกดิ ไดโ้ ดยมแี รงดนั จากความตา่ งของความเขม้ ขน้ กลโู คสระหวา่ งโฟลเอม็ (ตน้ ทาง) กบั โฟลเอม็ (ปลายทาง)

ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 69

(แนวขอ้ สอบ)

ขอ้ ใดไมถ่ กู ตอ้ งเกย่ี วกบั การลำ� เลยี งในพชื
ก. การลำ� เลยี งนำ�้ และแรธ่ าตเุ ขา้ สเู่ อนโดเดอรม์ สิ เปน็ แบบซมิ พลาสเทา่ นน้ั
ข. การแพรข่ องนำ้� ในไซเลมเขา้ สโู่ ฟลเอม ทำ� ใหเ้ กดิ แรงดนั ทใี่ ชใ้ นการลำ� เลยี งสารอาหารในซฟี ทวิ บ์
ค. การลำ� เลยี งนำ้� จากรากไปสยู่ อดของตน้ ไมข้ นาดใหญ่ เกย่ี วขอ้ งกบั แรงดงึ จากการคายนำ�้ ทใี่ บ และแรงดนั รากมากทส่ี ดุ
ง. การลำ� เลยี งธาตอุ าหารแบบใชพ้ ลงั งาน ทำ� ใหพ้ ชื สะสมธาตอุ าหารสำ� คญั บางชนดิ ได้

เฉลย ค. สว่ นใหญเ่ ปน็ แรงดงึ จาการคายนำ้� มากกวา่ แรงดนั รากมสี ว่ นชว่ ยนอ้ ยสว่ นขอ้ อน่ื ๆ ถกู ตอ้ งแลว้

การสบื พนั ธข์ุ องพชื ดอก

ลกั ษณะของดอกสามารถแบง่ แยกโดยใชห้ ลกั เกณฑห์ ลายหลกั ดงั น้ี
1. พจิ ารณาโครงสรา้ งหลกั
โครงสรา้ งหลกั ของดอกมี 4 สว่ น คอื กลบี เลยี้ ง กลบี ดอก เกสรตวั ผู้ เกสรตวั เมยี
- ดอกสมบรู ณ์ (complete flower) = มโี ครงสรา้ งหลกั ขา้ งตน้ ครบ 4 สว่ น
- ดอกไมส่ มบรู ณ์ (incomplete flower) = มโี ครงสรา้ งหลกั ไมค่ รบ 4 สว่ น
- ดอกสมบรู ณเ์ พศ (perfect flower) = มที งั้ เกสรตวั ผแู้ ละเกสรตวั เมยี ในดอกเดยี วกนั
- ดอกไมส่ มบรู ณเ์ พศ (imperfect flower) = ขาดเกสรเพศใดเพศหนงึ่ ไป (ในหนง่ึ ดอก มเี กสรตวั ผู้ หรอื เกสรตวั เมยี
เพยี งอยา่ งเดยี ว)
2. พจิ ารณาจากตำ� แหนง่ ของรงั ไข่
ดอกทม่ี สี รี งั ไขเ่ หนอื ฐานรองดอก (superior ovary) เชน่ มะเขอื จำ� ปี
ดอกทมี่ รี งั ไขใ่ ตฐ้ านรองดอก (inferior ovary) เชน่ ฟกั ทอง ทบั ทมิ
3. พจิ ารณาจากจำ� นวนดอกบนกา้ นดอก
- ดอกเดยี่ ว หมายถงึ บนกา้ นมแี คด่ อกเดยี ว เชน่ ดอกบวั ดอกจำ� ปี
- ชอ่ ดอก หมายถงึ บนกา้ นมหี ลายๆ ดอก เชน่ ดอกเขม็ ดอกมะลิ
✓ ดอกไมบ้ างชนดิ มลี กั ษณะคลา้ ยดอกเดย่ี ว เชน่ ทานตะวนั ดาวเรอื ง แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้ เปน็ ดอกชอ่ ทดี่ อกยอ่ ยเกดิ ตรงปลายกา้ น
ดอกชอ่ ดอกเดยี วกนั ดอกยอ่ ยเรยี งกนั อยบู่ นฐานรองดอก ไมม่ กี า้ นดอกยอ่ ย จงึ อาจทำ� ใหเ้ ขา้ ใจผดิ ได้

(แนวขอ้ สอบ)

วธิ กี ารขยายพนั ธพ์ุ ชื แบบใดทม่ี โี อกาสเกดิ การกลายพนั ธส์ุ งู ทส่ี ดุ
ก. ตดิ ตา
ข. ตอนกงิ่
ค. เพาะเลยี้ งเนอ้ื เยอื่
ง. เพาะเมลด็

เฉลย ง. เพราะมกี ารแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซสิ สว่ นขอ้ อนื่ ๆ เปน็ การขยายพนั ธจ์ุ ากตน้ เดมิ ไมม่ กี ารปฏสิ นธจิ งึ ไมเ่ กดิ การเปลยี่ นแปลง

ของสารพนั ธกุ รรม

70 ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

การสรา้ งเซลลส์ บื พนั ธข์ุ องพชื ดอก

การสรา้ งเซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศผู้ การสรา้ งเซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศเมยี
ไมโครสปอรม์ าเทอรเ์ ซลล์ (2n) เมกะสปอรม์ าเทอรเ์ ซลล์ (2n)
(magacrospore mother cell )
(microspore mother cell)

ไมโอซสิ (meiosis)

ไมโครสปอร์ (n) เมกะสปอร์ (n)
จำ� นวน 4 cell 1 นวิ เคลยี ส จำ� นวน 4 cell แต่ 3 cell สลายไป

ไมโอซสิ (meiosis) (3 ครง้ั )

ละอองเรณู (แกมโี ทไฟตเ์ พศผ)ู้ ถงุ เอม็ บรโิ อ (แกมโี ทไฟตเ์ พศเมยี )
- 2 นวิ เคลยี ส จำ� นวน 4 cell มี 7 cell 8 นวิ เคลยี ส
- เจเนอรเ์ รทฟิ นวิ เคลยี ส - แอตโิ พเดล
- ทวิ บน์ วิ เคลยี ส - เซลลโ์ พลารน์ วิ คลไี อ 1cell 2
• เกดิ ในอบั เรณู (anther) นวิ เคลยี ส
- เซลลไ์ ข่
- ซนิ เนอรจ์ ดิ ส์
• เกดิ ในรงั ไข่

การปฏสิ นธซิ อ้ น (Double Fertilization)

ในพชื ดอกจะมกี ารผสม 2 ครงั้ ของสเปริ ม์ นวิ เคลยี ส โดยเมอ่ื ละอองเรณตู กลงบนยอดเกสรตวั เมยี ทวิ บน์ วิ เคลยี สของละอองเรณู
จะงอกหลอดไปตามกา้ นเกสรตวั เมยี ผา่ นเขา้ รไู มโครไพลข์ องออวลุ จากนนั้ เจเนอเรทฟิ นวิ เคลยี สจะแบง่ นวิ เคลยี สแบบไมโทซสิ ได้2สเปริ ม์
นวิ เคลยี ส ซง่ึ อนั หนงึ่ จะเขา้ ผสมกบั เซลลไ์ ขไ่ ดไ้ ซโกต สว่ นอกี ตวั จะเขา้ ผสมกบั เซลลโ์ พลารน์ วิ คลไี อได้ เอนโดสเปริ ม์ (Endosperm) หลงั
จากปฏสิ นธแิ ลว้
ออวลุ เมลด็
รงั ไข ่ ผล
ไซโกต เอม็ บรโิ อ

ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 71

การเกดิ ผล (fruit)

แบง่ ผลตามลกั ษณะของดอกและการเกดิ ผลออกเปน็ 3 ชนดิ ดงั นี้
1. ผลเดย่ี ว (simple fruit) เกดิ จากดอกเดยี่ วหรอื ชอ่ ดอกกไ็ ด้ แตด่ อกนน้ั ตอ้ งมรี งั ไขเ่ พยี งอนั เดยี ว เชน่ เงาะ ลำ� ไย องนุ่ ทเุ รยี น
2. ผลกลมุ่ (aggregate fruit) เกดิ จากดอกหนง่ึ ดอกทมี่ หี ลายรงั ไขบ่ นฐานดอกเดยี วกนั เชน่ สตรอเบอรร์ ่ี นอ้ ยหนา่ กระดงั งา
3. ผลรวม (multiple fruit) เกดิ จากรงั ไขข่ องดอกยอ่ ยบนชอ่ ดอกหลอมรวมกนั เปน็ ผล เชน่ ขนนุ สปั ปะรด ลกู ยอ
สว่ นประกอบของเมลด็ (seed)

1. เปลอื กหมุ้ เมลด็ (seed coat) อยชู่ นั้ นอกสดุ ทำ� หนา้ ทปี่ อ้ งกนั อนั ตรายแกเ่ อม็ บรโิ อทอี่ ยภู่ ายใน และลดการสญู เสยี นำ�้ เพราะมี
สารพวกไขเคลอื บอยู่
2. เอม็ บรโิ อ (embryo) คอื สว่ นทเ่ี จรญิ มาจาก zygote และจะเจรญิ ไปเปน็ ตน้ ออ่ น ประกอบดว้ ย
- ใบเลย้ี ง (Cotyledon) พชื ใบเลยี้ งเดย่ี วมใี บเลยี้ งเพยี งใบเดยี ว พชื ใบเลย้ี งคมู่ ใี บเลยี้ ง 2 ใบ ทำ� หนา้ ทสี่ ะสมอาหาร
- เอพคิ อททลิ (Epicotyl) เปน็ สว่ นทอ่ี ยเู่ หนอื ตำ� แหนง่ ใบเลยี้ ง สว่ นนจ้ี ะเจรญิ ไปเปน็ ลำ� ตน้ ใบ และดอกของพชื
- ไฮโพคอททลิ (Hypocotyl) เปน็ สว่ นทอ่ี ยใู่ ตต้ ำ� แหนง่ ใบเลยี้ ง ในพชื หลายชนดิ สว่ นนจี้ ะทำ� หนา้ ทด่ี งึ ใบเลย้ี งใหโ้ ผล่
เหนอื ดนิ
- แรดเิ คลิ (Radicle) เปน็ สว่ นลา่ งสดุ ซงึ่ จะเจรญิ เปน็ รากตอ่ ไป (เจรญิ ไปเปน็ รากแกว้ ในพชื ใบเลยี้ งค)ู่
3. เอนโดสเปริ ม์ (Endosperm) เกดิ จากการปฏสิ นธิ (มโี ครโมโซม = 3n) เปน็ แหลง่ อาหารในการเจรญิ เตบิ โตของเอม็ บรโิ อ

การตอบสนองของพชื

นอ้ งๆ รหู้ รอื ไมว่ า่ พชื กเ็ คลอื่ นไหวไดน้ ะ!! แตอ่ าจไมช่ ดั เจนเหมอื นการเคลอ่ื นไหวของคนหรอื สตั ว์
1 ) การเคลอื่ นไหวและตอบสนองตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มชองพชื มี 2 แบบ คอื
1.1 ทรอปกิ มฟู เมนต์ (tropic movement) เปน็ การตอบสนองทม่ี ที ศิ ทางสมั พนั ธก์ บั สง่ิ เรา้ เชน่ ตอบสนองตอ่ แรงโนม้ ถว่ ง
(gravitropism) ตอบสนองตอ่ แสง (phototropism) ตอบสนองตอ่ การสมั ผสั (thigmotropism)
1.2 แนสตกิ มฟู เมนต์ (nastic movement ) เปน็ การตอบสนองไมถ่ กู กำ� หนดโดยทศิ ทางของสงิ่ เรา้ เชน่ การหบุ และบานของ
ดอกไม้ การหบุ ใบของตน้ ไมยราพ
2 ) การตอบสนองตอ่ ฮอรโ์ มนพชื

ฮอรโ์ มน หนา้ ทแ่ี ละการตอบสนองของพชื

ออกซนิ - ยบั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โตของตาขา้ ง
(auxin; IAA) - กระตนุ้ การงอกของราก
(สรา้ งจากยอดออ่ น) - ควบคมุ การเคลอ่ื นไหว ในยอดออ่ นออกซนิ เคลอื่ นทหี่ นแี สงและทำ� ให้
เซลลด์ า้ นนย้ี ดื ออก ยอดพชื จงึ เอนเขา้ หาแสง สว่ นในรากมกี ารลำ� เลยี ง
2 ทศิ ทาง ขน้ึ และลง
- ควบคมุ การเจรญิ เตบิ โตของผล
- ควบคมุ การหลดุ รว่ งของใบ พชื แกๆ่ จะมกี ารสรา้ งออกซนิ นอ้ ย ทำ� ให้
ใบรว่ งงา่ ย
- ควบคมุ การออกดอก ของพชื

72 ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

ฮอรโ์ มน หนา้ ทแี่ ละการตอบสนองของพชื
จบิ เบอเรลลนิ
(gibberellin; GA) - กระตนุ้ ใหต้ น้ สงู ขน้ึ
- กระตนุ้ การออกดอกของพชื
ไซโทไคนนิ - กระตนุ้ การงอกของเมลด็ และการเจรญิ ของตน้ ออ่ น
cytokinin - สง่ ผลใหผ้ ลมขี นาดใหญข่ นึ้ เชน่ องนุ่

เอทลิ นี - ชว่ ยใหแ้ บง่ เซลลม์ ากขน้ึ
ethylene - กระตนุ้ การเจรญิ ของกงิ่ แขนง การแตกกง่ิ
- ชว่ ยชะลอการแกข่ องใบ
กรดแอบไซซกิ - ชว่ ยในการปดิ เปดิ ของปากใบ ชว่ ยใหป้ ากใบเปดิ ในทม่ี ดื
(abscisic acid; ABA)
- กระตนุ้ การรว่ งของใบไม้
- กระตนุ้ การสกุ ของผลไม้
- กระตนุ้ ใหเ้ กดิ รากฝอยและรากแขนง
- ยบั ยงั้ การเคลอ่ื นยา้ ยออกซเิ จนจากยอดสดู่ า้ นลา่ ง

- กระตนุ้ การหลดุ ของใบและผลทแี่ กจ่ ดั
- ยบั ยงั้ การเจรญิ ของตาและยอดพชื
- ยบั ยงั้ การงอกของเมลด็
- กระตนุ้ การปดิ ของปากใบ เมอ่ื พชื ขาดนำ�้

กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง (photosynthesis)

นอ้ งๆ บางคนอาจเคยสงสยั วา่ พชื กนิ อาหารยงั ไงในเมอื่ มนั ไมม่ ปี าก คำ� ตอบคอื พชื สามารถสรา้ งอาหารดว้ ยตวั เองได้ !!
เรยี กวา่ กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงนน่ั เอง

โครงสรา้ งทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงแบง่ ออกเปน็ 2 ขน้ั ตอนใหญๆ่ คอื ปฏกิ ริ ยิ าแสง (Light Reaction) และปฏกิ ริ ยิ าการตรงึ
คารบ์ อนไดออกไซด์ (Carbon dioxide Fixation)
คลอโรพลาสต์ (chloroplast) ประกอบดว้ ยเยอ่ื หมุ้ สองชน้ั ภายในของเหลวเรยี กวา่ สโตรมา (Stroma) ซง่ึ มเี อนไซม์ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั
การตรงึ คารบ์ อนไดออกไซด์ ดา้ นในมเี ยอ่ื ไทลาคอยด์ (Thylakoid) ซอ้ นทบั ไปมาเปน็ ตง้ั ๆ เรยี กวา่ กรานมุ (Granum) สารสที ง้ั หมดจะอยบู่ น
เยอ่ื ไทลาคอยดซ์ งึ่ เปน็ บรเิ วณทเี่ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าแสง ในคลอโรพลาสตม์ ี DNA RNA และไรโบโซมเปน็ ของตวั เอง ทำ� ใหส้ ามารถสงั เคราะหส์ าร
ขนึ้ มาใชเ้ องได้
สารสใี นปฏกิ ริ ยิ าแสง
• คลอโรฟลิ ล์ (Chlorophyll) มี 2 ชนดิ คอื คลอโรฟลิ ลเ์ อ และคลอโรฟลิ ลบ์ ี โดยคลอโรฟลิ ลเ์ อ เปน็ ศนู ยก์ ลางในการรบั สง่
พลงั งานแสง (Reaction Center)

ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 73

• แคโรทนี อยด์ (Carotenoid) เปน็ สารสที มี่ อี ยใู่ นสง่ิ มชี วี ติ ทกุ ชนดิ ทสี่ งั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ มี 2 ชนดิ คอื แคโรทนี (Carotene) มสี ี
แดงหรอื สม้ และ แซนโทฟลิ ล์ (Xanthophyll) มสี เี หลอื งหรอื สนี ำ้� ตาล
• ไฟโคบลิ นิ (Phycobilin) มใี นสาหรา่ ยสแี ดงและไซยาโนแบคทเี รยี
✓ สารสที รี่ บั พลงั งานแสงแลว้ สง่ ตอ่ ใหค้ ลอโรฟลิ ลเ์ อ ทเ่ี ปน็ ศนู ยก์ ลางของปฏกิ ริ ยิ า เรยี กวา่ แอนเทนนา (Antenna)
✓ ถา้ พชื ไมม่ คี ลอโรฟลิ ลเ์ อ พชื จะไมส่ ามารถสงั เคราะหแ์ สงได้
ปฏกิ ริ ยิ าแสง (Light Reaction)

ระบบแสง (Photo system : PS) ประกอบดว้ ยโปรตนี ตวั รบั อเิ ลก็ ตรอน ตวั ถา่ ยทอดอเิ ลก็ ตรอน และแอนเทนนา
• ระบบแสง I (PS I) มคี ลอโรฟลิ ล์ เอ เปน็ ศนู ยก์ ลางปฏกิ ริ ยิ ารบั พลงั งานแสงไดด้ ที สี่ ดุ ทค่ี วามยาวคลนื่ 700 นาโนเมตร
จงึ เรยี กวา่ P700
• ระบบแสง II (PSII) รบั พลงั งานแสงไดด้ ที สี่ ดุ ทค่ี วามยาวคลนื่ 680 นาโนเมตร เรยี กระบบแสงนวี้ า่ P680
การถา่ ยทอดอเิ ลก็ ตรอนแบบไมเ่ ปน็ วฏั จกั ร

พลงั งานแสงทถ่ี กู สารสรี บั ไวจ้ ะถกู สง่ ตอ่ ไปเรอ่ื ยๆ จนถงึ โมเลกลุ ของคลอโรฟลิ ล์ เอ ท่ี PSI และPSII คลอโรฟลิ ล์ เอ ทถ่ี กู กระตนุ้ น้ี
จะถา่ ยทอดอเิ ลก็ ตรอนใหก้ บั ตวั รบั ตอ่ ไป ดงั นี้
PS I มี NADP+มารบั อเิ ลก็ ตรอนกลายเปน็ NADPH
PS II จะสง่ อเิ ลก็ ตรอนผา่ นตวั รบั หลายชนดิ รวมทง้ั พลาสโทควโิ นน (Plastoquinone) และไซโทโครมคอมเพลกซ์ (Cytochrome
Complex) ไปยงั PS I เพอ่ื ทดแทนอเิ ลก็ ตรอนทถี่ กู ถา่ ยทอดไป PS II กจ็ ะเสยี อเิ ลก็ ตรอนจงึ ไปดงึ อเิ ลก็ ตรอนของนำ้� มาแทนท่ี ทำ� ให้
โมเลกลุ ของนำ้� แยกสลายกลายเปน็ ออกซเิ จนและโปรตอน และความแตกตา่ งของระดบั โปรตอนระหวา่ งสโตรมากบั ลเู มนนเ้ี อง ทจี่ ะทำ� ให้
เกดิ การสงั เคราะห์ ATP ขนึ้ ในสโตรมา
การถา่ ยทอดอเิ ลก็ ตรอนแบบเปน็ วฏั จกั ร

ระบบแสง I ไมถ่ า่ ยทอดอเิ ลก็ ตรอนให้ NADP+แตก่ ลบั ถา่ ยทอดอเิ ลก็ ตรอนกลบั ไปทร่ี ะบบไซโทโครมคอมเพลก็ ซแ์ ทน ทำ� ใหไ้ มเ่ กดิ
NADPH และ O2 แตส่ ามารถสงั เคราะห์ ATP ไดจ้ ากความแตกตา่ งระหวา่ งความเขม้ ขน้ ของโปรตอนระหวา่ งลเู มนกบั สโตรมา
• ปฏกิ ริ ยิ าตรงึ คารบ์ อนไดออกไซด์ (Carbon dioxide Fixation)
เปน็ ปฏิกิรยิ าที่สรา้ งน้ำ� ตาลเพือ่ นำ� ไปใชใ้ นกระบวนการต่างๆ ของพืช มีขั้นตอนต่อเนอ่ื งเปน็ วฏั จกั รเรยี กว่า วฏั จกั รคลั วนิ
(Calvin cycle) ประกอบด้วยข้นั ตอน 3 ขั้นใหญ่ๆ ดงั นี้
ขน้ั ท่ี 1 คารบ์ อกซเิ ลชนั (Carboxylation)

6CO2 + 6 RuBP + เอนไซมร์ บู สิ โก (rubisco) 6 (2 PGA)

RuBP หรอื ชอ่ื เตม็ คอื ไรบโู ลสบสิ ฟอสเฟต (ribulose-1,5-bisphosphate) เปน็ สารประกอบจำ� พวกนำ้� ตาลทม่ี คี ารบ์ อน
5 อะตอม มาตรงึ CO2
- เอนไซมร์ บู สิ โก (rubisco) เปน็ คะตะลสิ ตข์ องปฏกิ ริ ยิ า
- PGA เปน็ สารประกอบตวั แรกทคี่ งตวั ของวฏั จกั ร ประกอบดว้ ยคารบ์ อน 3 อะตอม
ขนั้ ที่ 2 รดี กั ชนั (Reduction)

6 (2 PGA) + 12 ATP 6 (2 1,3 บสิ ฟอสโฟกลเี ซอเรต) + 12ADP

6 (2 1,3 บสิ ฟอสโฟกลเี ซอเรต) + 12NADPH 6 (2 G3P) + 12NADP+ + 12Pi

74 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

- ATP มาเตมิ หมฟู่ อสเฟตใหก้ บั PGA
- NADPH ใหอ้ เิ ลก็ ตรอนกบั 1,3 บสิ ฟอสโฟกลเี ซอเรต
- G3P (glyceraldehyde-3-phosphate) หรอื PGAL (phosphoglyceraldehyde) เปน็ นำ้� ตาลทม่ี คี ารบ์ อน 3 อะตอม ทจ่ี ะถกู นำ�
ไปสรา้ งเปน็ สารอาหารของพชื ตอ่ ไป
ขนั้ ท่ี 3 รเี จเนอเรชนั (Regeneration)

5(2 G3P) + 6ATP 6RuBP

- เปน็ ขน้ั ทส่ี รา้ ง RuBP ขนึ้ มาใหมเ่ พอื่ นำ� กลบั ไปรบั CO2ในขน้ั ท่ี 1 ตอ่ ไป วนเปน็ วฏั จกั ร

(แนวขอ้ สอบ)

ขอ้ ใดไมถ่ กู ตอ้ งเกย่ี วกบั ปฏกิ ริ ยิ าคารบ์ อกซเิ ลชนั
ก. ผลลพั ธท์ เี่ สถยี รเปน็ สารทม่ี คี ารบ์ อน 6 อะตอม
ข. ถกู เรง่ ปฏกิ ริ ยิ าโดยเอนไซมร์ บู สิ โก
ค. ไดผ้ ลลพั ธค์ อื 3-phosphoglycerate (3PGA)
ง. สารตงั้ ตน้ ของปฏกิ ริ ยิ ามคี ารบ์ อน 5 อะตอม

เฉลย ก. เพราะไดผ้ ลลพั ธท์ เ่ี สถยี รเปน็ สารทม่ี คี ารบ์ อน 3 อะตอมคอื PGA สว่ นขอ้ อน่ื ๆ นน้ั เกย่ี วขอ้ งกบั ปฏกิ ริ ยิ าคารบ์ อกซเิ ลชนั หมด

นอ้ งๆ ศึกษาเพมิ่ เติมไดท้ ี่

Tag : สอนศาสตร,์ ชวี วทิ ยา, พชื , อาณาจกั รพชื , การสงั เคราะหแ์ สง

• 05 : การสังเคราะห์แสง
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch6-1

• สอนศาสตร์ : ม.ปลาย : ชวี วทิ ยา : พืช (PAT2)
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch6-2

• อาณาจักรสิ่งมชี วี ิต ตอน อาณาจักรพชื
(Kingdom Plantae)
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch6-3

ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 75

บทท่ี 9

ววิ ฒั นาการ (evolution)

วิวฒั นาการ (evolution)

✓ บทนก้ี อ็ อกแบบตรงไปตรงมา อา่ นเยอะ จำ� ใหไ้ ดก้ ต็ อบไดแ้ ตเ่ นอื้ หาเยอะมาก เรอื่ งนพี้ เ่ี ลยแนะนำ� ใหท้ อ่ งตวั อยา่ งของสง่ิ มี
ชวี ติ ไปเลยวา่ มใี ครอะไรยงั ไงเพราะมนั งา่ ยกวา่ แมห้ วั ขอ้ นจี้ ะไมไ่ ดย้ ากมาก เนอื้ หาเยอะแต่ มนั เยอะเพราะนยิ ามเพอื่ จะอธบิ ายใหเ้ ราได้
เขา้ ใจแตค่ วามจรงิ แลว้ การจะตง้ั คำ� ถามเพอื่ ถามนยิ ามนน้ั มนั กม็ กั จะตง้ั ในลกั ษณะของการยกตวั อยา่ งนนั้ เอง หรอื บางครงั้ กถ็ งึ ขนั้ ถาม
นยิ ามดอื้ ๆ เลยวา่ ขอ้ ไหนถกู หรอื ผดิ ดงั นน้ั ถา้ หากเราสามารถทจ่ี ะหาตวั อยา่ งไดย้ ง่ิ เยอะเรากเ็ ทา่ กบั วา่ ตอนอยใู่ นหอ้ งสอบกไ็ มต่ อ้ งไปเสยี
เวลาเอาตวั เลอื กตวั อยา่ งสง่ิ มชี วี ติ มาเปรยี บเทยี บกบั นยิ ามความหมายทเ่ี ราจำ� มากอ่ นหนา้ นเ้ี พราะวา่ นน้ั อาจจะทำ� ใหน้ อ้ งเสยี เวลา
✓ เรอื่ งนอี้ าจจะเอาไปออกปนกบั เรอ่ื งของ DNA สารพนั ธกุ รรมดว้ ย หรอื พวก GMO อะไรพวกนนั้
• สมยั นข้ี อ้ สอบตวั เลือกมีตวั เลือกทมี่ ากขึ้นโอกาสเดาผดิ เลยมากขึน้ เช่นกัน ดงั นน้ั ถา้ จะเดาคำ� ตอบกค็ งไม่ใช่เร่ืองท่งี ่ายดาย
ซะแลว้ เพราะถา้ ไมแ่ มน่ จรงิ เขา้ ใจจรงิ กค็ งเดย้ี งแนๆ่ แตอ่ ยา่ พงึ่ เสยี ใจไปหรอื เครยี ดไปเมอ่ื ถงึ เวลาทเ่ี ราตอ้ งลองเดาดนู นั้ กใ็ หด้ ดู ๆี กอ่ น
คอื วา่ ถา้ เปน็ ขอ้ ทเ่ี ราคดิ วา่ ไมม่ ที างถกู แนน่ อนกต็ ดั ออกไปแลว้ มาคดิ ขอ้ ตอ่ ๆ ไปวา่ อนั ไหนนา่ จะไมน่ า่ จะใช่ ตดั ไปตดั มาอาจจะเหลอื ประมาณ
สองสามตวั เลอื กแบบนก้ี เ็ ทา่ กบั วา่ ความเปน็ ไปไดท้ จ่ี ะตอบถกู จากสองหรอื สามตวั เลอื กนนี้ า่ จะถกู ถ า้ เดาถกู กด็ ใี จดว้ ยแตถ่ า้ ผดิ กอ็ ยา่ เสยี ใจ
ไปเพราะเราเองกจ็ ำ� ไมไ่ ดต้ ง้ั แตแ่ รกอยแู่ ลว้ บางครงั้ ชวี วทิ ยาเปน็ วชิ าทท่ี ำ� ไมค่ อ่ ยทนั ถงึ กบั ตอ้ งเดาบา้ งกค็ งเปน็ เรอ่ื งทไ่ี มผ่ ดิ อะไรหรอกนะ
• สง่ิ ทข่ี อ้ สอบมกั ถาม เชน่ กฎแหง่ การใชแ้ ละไมใ่ ช้ (law of use and disuse) ของลามารก์ หรอื ทฤษฎกี ารคดั เลอื กโดยธรรมชาติ
ของชาลล์ ดารว์ นิ ทจ่ี ะชว่ ยตอบขอ้ สงสยั วา่ ทำ� ไม ยรี าฟ ถงึ มคี อยาว?...
• เรอื่ งนม้ี นั ตอ้ งอา่ นและจำ� ใหไ้ ด้ สง่ิ ทต่ี อ้ งทำ� คอื อา่ นซำ้� เพราะบททเ่ี นอ้ื หาเยอะมกั จะออกแบบตรงไปตรงมาแคจ่ ำ� ไดก้ โ็ อเค
✓ สำ� หรบั เรอ่ื งนพี้ วี่ า่ เขานา่ จะเนน้ เรอ่ื งของการสบื พนั ธเ์ุ สยี มากกวา่ โดยเฉพาะการสบื พนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศ โดยเขาจะถาม
วา่ การสบื พนั ธแ์ุ บบไหนทไ่ี มม่ ผี ลตอ่ พนั ธกุ รรม เรากต็ อบไปเลยวา่ การขยายพนั ธพ์ุ ชื ทกุ แบบทไี่ มใ่ ชก้ ารใชเ้ มลด็ เพราะการเกดิ เมลด็ ไดต้ อ้ ง
อาศยั เพศ ไง
✓ ถา้ เปน็ ไปไดค้ วรอา่ น เทคโนโลยกี ารสอ่ื พนั ธด์ุ ว้ ยกด็ ี ขอ้ สอบจะออกไมล่ กึ และมกั จะเอาตวั อยา่ งในบทเรยี นมาออก คงไมไ่ ด้

ยากถงึ ขนั้ เอางานวจิ ยั ของมหาวทิ ยาลยั มาออกหรอก หรอื ถา้ ไมไ่ ดถ้ ามตวั อยา่ งกน็ า่ จะถามอะไรทเี่ ปน็ นยิ ามเชน่ ถามวา่ นยิ ามไหนใชไ้ มไ่ ด้

กลบั สถานการณใ์ ดใน choice หรอื วา่ ถามถกู ผดิ ไปเลย ดงั นนั้ เราตอ้ งเอานยิ ามของคำ� ศพั ทม์ าวเิ คราะหค์ ดิ ใหเ้ ปน็
ถา้ ถามวา่ ยากไหมในบทนก้ี ค็ งตอ้ งตอบวา่ ยากสำ� หรบั คนไมอ่ า่ น แตง่ า่ ยสำ� หรบั คนอา่ นเพราะวา่ บทนเ้ี นอื้ หาเยอะสว่ นใหญจ่ ำ�
แมแ้ ตพ่ วกตวั อยา่ งมนั กย็ งั ดนั ออกแตต่ วั อยา่ งเดมิ ๆ ไมเ่ ชอื่ ลองดขู อ้ สอบเกา่ ๆ มนั จะซำ�้ ๆ กนั

ระบบนเิ วศ (Ecosystem)

• สำ� หรบั เรอื่ งนี้ ตง้ั แตท่ กุ คนหนั มาสนใจโลกของเรามากขน้ึ เรารกั โลกมากขน้ึ ถงุ พลาสตกิ เหน็ กนั นอ้ ยลง และเจอในขอ้ สอบ
มากขน้ึ เอะ๊ อะไรนะ เจอในขอ้ สอบมากขนึ้ เลย สง่ิ ทน่ี า่ จะออกคอื ปรากฏการณทเี่ กดิ ขนึ้ กบั โลกของเราในปจั จบุ นั ทม่ี เี ขยี นในหนงั สอื
กระทรวงฯ เชน่ เรอื่ งของโลกรอ้ นขน้ึ อากาศเปลย่ี นแปลงบอ่ ย เรอื่ งของพายุ ฝนกรด ซง่ึ สง่ิ ทเี่ ราจะตอ้ งพบเจอในชวี ติ ประจำ� วนั นน้ั เราควร
จะอธบิ ายไดว้ า่ เปน็ มายงั ไงและเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร ยกตวั อยา่ งเชน่ เรากร็ อู้ ยแู่ ลว้ วา่ ปจั จบุ นั ประชาชนใหค้ วามสำ� คญั เรอื่ งของภาวะโลกรอ้ น
อยา่ งมาก เรอื่ งของแกซ๊ เรอื นกระจกมอี ะไรบา้ ง สาเหตคุ อื อะไรแลว้ ทำ� อยา่ งไร จงึ จะทำ� ใหธ้ รรมชาตกิ ลบั มาสมดลุ เชน่ ดงั เดมิ สงิ่ ทเ่ี รา
จะพบในขอ้ สอบคอื อาจจะพดู ถงึ เรอื่ งโลกรอ้ น ในขอ้ สอบหลายหลายปแี ตจ่ ะไมถ่ ามเรอ่ื งเดมิ เชน่ ถา้ ปนี ถี้ ามชอ่ื สารเคมแี กซ๊ เรอื นกระจก
ไปแลว้ ปตี อ่ ไปกจ็ ะถามเรอ่ื งของผลกระทบจากอณุ หภมู ิ เปน็ ตน้ แตพ่ เี่ องคดิ วา่ เรอื่ งนค้ี งจะออกนอ้ ยลงแลว้ เพราะมอี ยชู่ ว่ งหนง่ึ ออก

76 ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

แทบทกุ ปจี นคำ� ถามนา่ จะไมม่ อี ะไรจะถามไดเ้ ยอะแลว้ นอกจากซำ้� กบั คำ� ถามเดมิ ทเ่ี คยถามไปแลว้ ดงั นนั้ สง่ิ ทน่ี อ้ งๆ ควรทำ� กค็ อื อา่ นเรอ่ื ง
ปรากฏการณใ์ นปจั จบุ นั แลว้ กลบั ไปดใู นแบบเรยี นวา่ มปี รากฏการณใ์ ดทเ่ี ราเคยอา่ นเจอในขา่ วหรอื ดทู วี ี
• เรอ่ื งความสมั พนั ธข์ องสงิ่ มชี วี ติ นนั้ บทนตี้ อ้ งทอ่ งตวั อยา่ งใหเ้ ยอะทส่ี ดุ เทา่ ทน่ี อ้ งจะทอ่ งได้ และควรจำ� ทง้ั ชอื่ ภาษาไทยและ
องั กฤษไปพรอ้ มๆ กนั ดว้ ยจะดที ส่ี ดุ
กรณที นี่ อ้ งมกั จะสบั สนคอื (+,+) อนั ไดแ้ ก่ ภาวะพง่ึ พา หรอื mutualism กบั ภาวะ ไดป้ ระโยชนร์ ว่ มกนั หรอื protocooperation ซงึ่

สองอนั นตี้ า่ งกนั ทถ่ี า้ เราลองจบั แยกกนั แบบ mutualism จะกลายเปน็ (-,-) ซงึ่ นนั้ อาจหมายถงึ ตายได้ แตถ่ า้ pritocooperation แบบนเ้ี มอ่ื
แยกกนั มนั จะเปน็ (0,0) ซง่ึ ไมม่ อี ะไรลำ� บาก มนั กแ็ คเ่ ฉยๆ ไมม่ ใี ครไดใ้ ครเสยี อะไร
เรอื่ งนเ้ี นน้ ยำ�้ อกี ครง้ั คอื ทอ่ งตวั อยา่ งไปเลย ไมต่ อ้ งทำ� ความเขา้ ใจอะไรมากเพราะยงิ่ ทำ� ความเขา้ ใจมากเดยี วนอ้ งจะสบั สน ดงั
นน้ั ทอ่ งตวั อยา่ งในแบบเรยี นไปเลยงา่ ยทส่ี ดุ
• สำ� หรบั เรอ่ื งวฏั จกั รสารนน้ั ในขอ้ สอบ O-NET กอ็ อกงา่ ยๆ พวกออกซเิ จน คารบ์ อนไดออกไซด์ และนำ้� เปน็ สว่ นมาก เพราะเจอ
ในชวี ติ บอ่ ยและสำ� คญั สดุ แตข่ อ้ สอบจะออกมาแบบไหนนนั้ หรอ กม็ กั จะเปน็ ในลกั ษณะทเ่ี ปน็ แผนรปู ภาพวงจรวฏั จกั รมาใหแ้ ลว้ เวน้ ชอ่ ง
วา่ งใหเ้ ตมิ ใหเ้ ตม็ หรอื ไมก่ อ็ าจจะเอาไปปนเรอ่ื งอน่ื ดว้ ย เชน่ การหายใจ เขา้ ออก เกดิ แกซ๊ อะไรแลว้ แกซ๊ ทอ่ี อกมาหลงั จากนน้ั แลว้ ไปไหน
ตอ่ พชื เอาไปสงั เคราะหแ์ สงตอ่ หรอื เปลา่ ประมาณนน้ั
• เรอื่ งของสารอาหารพลงั งานและสารพษิ สะสมในสง่ิ มชี วี ติ อนั นกี้ อ็ อกบอ่ ยโดยเฉพาะเรอ่ื งสารพษิ สะสมในสง่ิ มชี วี ติ มเี ทคนคิ
คอื วา่ สารพษิ นน้ั จะไมอ่ อกไปนอกรา่ งกาย จะสะสมไปเรอ่ื ยๆ เหมอื นเทนำ้� ใสข่ วดแลว้ ปดิ ฝาไวไ้ มใ่ หน้ ำ้� ระเหยออกมา ดงั นน้ั ถา้ รบั เขา้ ไปยง่ิ
เยอะ มนั กส็ ะสมยง่ิ เยอะไมม่ ลี ดลงเลยและจะเยอะมากขน้ึ เมอ่ื เปน็ สง่ิ มชี วี ติ ทอ่ี ยสู่ งู สดุ ของหว่ งโซอ่ าหาร เชน่ มนษุ ย ์ สงิ โต เสอื นก
อนิ ทรยี ์ เปน็ ตน้

(แนวขอ้ สอบ)

1.สมชายเดนิ ปา่ เขา้ ไปในพน้ื ทแ่ี หง่ หนง่ึ ดว้ ยความสงสยั เลยไดเ้ กบ็ เอาสงิ่ มชี วี ติ ทอ่ี ยบู่ รเิ วณนน้ั มาทดสอบ สงิ่ มชี วี ติ นน้ั คอื ปลาสายรงุ้ ผลที่
ตามมาคอื สมชายพบวา่ สงิ่ มชี วี ติ ทเ่ี ขาจบั มาทดสอบนน้ั มปี รมิ าณสารกำ� จดั แมลงปนเปอ้ื นอยทู่ กุ ตวั และในปรมิ าณทมี่ ากดว้ ย ถามวา่ ขอ้
สรปุ ตอ่ ไปนขี้ อ้ ไดถกู เกยี่ วกบั ปลาสายรงุ้
ก. เปน็ ผบู้ รโิ ภคพชื ลำ� ดบั แรกของหว่ งโซอ่ าหาร
ข. เปน็ ผบู้ รโิ ภคทง้ั สตั วแ์ ละพชื
ค. เปน็ ผบู้ รโิ ภคสตั วล์ ำ� ดบั แรกของหว่ งโซอ่ าหาร
ง. เปน็ ผบู้ รโิ ภคสตั วล์ ำ� ดบั สดุ ทา้ ยของหว่ งโซอ่ าหาร

คำ� ตอบ ทถ่ี กู ตอ้ งกค็ อื ปลาสายรงุ้ เปน็ ผบู้ รโิ ภคสตั วล์ ำ� ดบั สดุ ทา้ ยของหว่ งโซอ่ าหารในบรเิ วณทส่ี มชายไปตดิ ตามผลเพราะถา้ เปน็ เรอื่ งของ

สารพษิ นนั้ จะไมม่ กี ารขบั ออกมาและไมม่ กี ารสญุ เสยี ออกไปดงั นนั้ มแี ตย่ งิ่ กนิ เขา้ มากๆมนั กจ็ ะยง่ิ มสี ารพษิ เยอะเขา้ ไปในรา่ งกายkeyword
ของขอ้ นค้ี อื “พบสารพษิ ในปลาสายรงุ้ ทกุ ตวั ” อยา่ สบั สนนะเพราะสารอาหารนนั้ ใชก้ ฏ 10% law แตเ่ รอ่ื งของสารพษิ มนั มแี ตย่ งิ่ สะสมยง่ิ
มากนะ

• เรอื่ งการเปลย่ี นแปลงแทนทกี่ อ็ อกบา้ ง สง่ิ ทเี่ ปน็ ประเดน็ สำ� คญั มนั คอื ความแตกตา่ งระหวา่ งการเปลยี่ นแปลงแบบ ปฐมภมู ิ
กบั ทตุ ยิ ภมู ิ คอื ปฐมภมู จิ ะเกดิ ขน้ึ บนพนื้ ทที่ ไ่ี มเ่ คยมสี งิ่ มชี วี ติ อยเู่ ลยมากอ่ น เชน่ พวกเกาะทเ่ี กดิ จากภเู ขาไฟใตท้ ะเล แลว้ สง่ิ มชี วี ติ บกุ เบกิ

ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 77

จะเปน็ มอส กบั ไลเคนส ์ สว่ นทตุ ภิ มู ิ มกั จะเกดิ ขนึ้ หลงั จากเกดิ ภยั ธรรมชาติ หรอื ภยั ทม่ี ผี ลทำ� ใหพ้ น้ื ทน่ี น้ั ๆ เปลย่ี นแปลงไปจากเคย เชน่
ไฟปา่ ถกู มนษุ ยร์ กุ ราน สรา้ งเขอื่ น พวกนจี้ ะมหี ญา้ เปน็ สง่ิ มชี วี ติ บกุ เบกิ
• อกี จดุ ทน่ี อ้ งมกั จะสบั สนคอื เรอ่ื ง ประชากร คำ� วา่ ประชากร หรอื population จะตอ้ งเปน็ species เดยี วกนั แหลง่ อาศยั
เดยี วกนั และในเวลาเดยี วกนั ถา้ อยทู่ เี่ ดยี วกนั แตค่ นละ species แบบนไ้ี มน่ บั นะ สว่ นระบบนเิ วศ หรอื ecosystem จะเกดิ เรยี กไดจ้ ะตอ้ ง
มี ประชากร ของสงิ่ มชี วี ติ หลายๆ species ทม่ี คี วามสมั พนั ธก์ นั กอ่ น มาอยใู่ นสภาพแวดลอ้ มเดยี วกนั จงึ จะสามารถเรยี ก ecosystem ได้
ถา้ โจทยจ์ ะถามกม็ กั จะเปน็ เรอ่ื งของการ check choice มากกวา่ เชน่ ถามวา่ ตวั เลอื กขอ้ ไหนคอื ประชากร แลว้ แตล่ ะขอ้ กจ็ ะใหข้ อ้ ความมา
โดยใหเ้ ลอื กตอบตวั เลอื กทม่ี นั ตรงกบั นยิ ามของประชากรทเ่ี ราเรยี นไป
✓ ในเรอื่ งบทบาทของสงิ่ มชี วี ติ บางทเี รามกั จะใชภ้ าษาองั กฤษเยอะหนอ่ ยดงั นนั้ พมี่ วี ธิ กี ารจำ� มาเสนอ
Herbivore มนั คอื ผบู้ รโิ ภคพชื (พจ่ี ำ� วา่ herb คอื สมนุ ไพร แลว้ สมนุ ไพรคอื พชื )
Carnivore มนั คอื พวกบรโิ ภคสตั ว์ (พก่ี จ็ ำ� วา่ car คา เขยี้ ว มเี ขย้ี วไวก้ นิ เนอื้ )
สว่ น omni (โอม นิ พกี่ จ็ ำ� วา่ om หรอื โอม คอื การเอามารวมกนั ) ดงั นน้ั มนั จงึ เปน็ ผบู้ รโิ ภคทง้ั พชื และสตั ว์
สว่ น detritivore (พกี่ จ็ ำ� วา่ de คอื การลด มนั เลยนา่ จะเปน็ พวกกนิ ซาก อาจจะดแู ถไปหนอ่ ยแตก่ ท็ ำ� ใหจ้ ำ� ได)้
• หลายคนสบั สนอกี ตรงที่ decomposer กบั detritivore ตา่ งกนั ยงั ไง คำ� ตอบคอื decomposer หรอื ผยู้ อ่ ยสลายอนิ ทรยี ส์ าร
เทา่ นนั้ จงึ จะสามารถทจ่ี ะยอ่ ยอาหารทมี่ นั กนิ เขา้ ไปกลายเปน็ สารอนนิ ทรยี ์ แต่ detritivore ทำ� ไมไ่ ด้
• Auto แปลวา่ ดว้ ยตวั เองดงั นน้ั autotroph จงึ หมายถงึ producer ผผู้ ลติ ทสี่ รา้ งอาหารเองไดจ้ าก สารอนนิ ทรยี เ์ ปน็ สารอนิ ทรยี ์
โดยวธิ กี ารสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงนน้ั เอง กเ็ ชน่ พชื สาหรา่ ย แบคทเี รยี บางชนดิ
• เรอ่ื งพรี ะมดิ เรอื่ งนจ้ี งจำ� ไวเ้ สมอวา่ ไมย่ ากแตส่ ง่ิ ทท่ี ำ� ใหพ้ ลาดคอื ลมื ดใู หด้ ๆี และชอ่ื ของสง่ิ มชี วี ติ ในแตล่ ะชนั้ ของพรี ะมดิ
เรอื่ งนถ้ี า้ หากอยากจะลา่ คะแนนใหอ้ ยหู่ มดั กค็ งไมใ่ ชเ่ รอ่ื งทยี่ ากมากแตส่ ง่ิ สำ� คญั คอื เพราะมนั งา่ ยหลายคนเลยสะเพรา่ ผดิ แบบ
นา่ เสยี ดายไป ดงั นน้ั จงตง้ั สตกิ อ่ นแลว้ คอ่ ยฝนคำ� ตอบจะดที สี่ ดุ
โจทยอ์ กี แนวของบทนที้ ชี่ อบออกคอื ใหห้ ว่ งโซอ่ าหารมาแลว้ บางจดุ เปน็ ชอ่ งวา่ งแลว้ ใหเ้ ราแทน สงิ่ มชี วี ติ ในตวั เลอื กเขา้ ไปใน
กลอ่ งนนั้ ๆ แลว้ ตอ้ งถกู ตอ้ ง ทางทด่ี คี อื ลองแทนทกุ ตวั เลอื กเลย ถา้ ไมไ่ ดแ้ คต่ วั เดยี วกค็ อื ใหต้ ดั ทง้ั ตวั เลอื กนนั้ ออกไปเลย ไมย่ ากเกนิ ความ
สามารถแนน่ อน ทต่ี อ้ งรคู้ อื ถา้ มแี สงเมอ่ื ไหร่ ตวั แรกของสง่ิ มชี วี ติ มกั จะเปน็ autotroph แนน่ อน

1. หญา้ ตก๊ั แตน ______ อนิ ทรยี ์
ก. กระตา่ ย
ข. นก
ค. แมว
ง. หมู

คำ� ตอบ ของขอ้ นกี้ ค็ งจะตอ้ งลองใสค่ ำ� ตอบเขา้ ไปดนู ะ อยา่ ง กระตา่ ยนน้ั กนิ พชื ไมน่ า่ จะกนิ ตกั๊ แตน ถงึ แมอ้ นิ ทรยี จ์ ะกนิ กระตา่ ยแตย่ งั

ไงมนั กผ็ ดิ แหละ ตอ่ มา แมวไมน่ า่ จะกนิ ตก๊ั แตน และ หมกู ไ็ มน่ า่ จะกนิ ตก๊ั แตน สรปุ นกมนั เปน็ ไปไดท้ จี่ ะกนิ ตก๊ั แตน และ นกกอ็ าจจะถกู
อนิ ทรยี จ์ บั กนิ ได้ ขอ้ นเ้ี ลยนา่ จะตอบ ข. เปน็ คำ� ตอบทถี่ กู ทส่ี ดุ

ประชากร

• เรือ่ งนจ้ี ะเน้นที่กราฟรปู ภาพทางสถิตเิ ป็นส่วนใหญเ่ ลย ดังนัน้ ดขู ้อมลู ทางสถติ ใิ ห้เป็นกต็ อบไดแ้ ล้วไม่ยาก ขอเพยี งเข้าใจ
concept ของมนั วา่ อยยู่ งั ไง กนิ อะไร สง่ิ มชี วี ติ นนั้ ๆ ควรอยทู่ ไ่ี หนกนิ ใคร และถกู ใครกนิ
เนน้ ยำ้� อกี ทวี า่ ไมย่ าก แตต่ อ้ งดกู ราฟเปน็ ไปหาดจู ากแบบเรยี น เชน่ กราฟพรี ะมดิ เอย กราฟเสน้ โคง้ (เวลาดกู ราฟเสน้ โคง้ นน้ั ดู

78 ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

ดดี วี า่ มนั มแี กนตงั้ เปน็ อะไร มแี กนนอนเปน็ อะไร หนว่ ยของแกนตงั้ แกนนอนดใู หด้ ๆี อยา่ ใหพ้ ลาด) หวั ลกู ศรชไี้ ปทางไหนดใู หด้ ี ถา้ หากวา่
วนั สอบเปน็ ตอนบา่ ยกค็ วรทจี่ ะพกั นอนหลบั ใตต้ น้ ไมซ้ กั พกั หรอื พยายามอยา่ กนิ จนอม่ิ เกนิ ไปเพราะเดยี๋ วจะงว่ งนอนตอนสอบ
กอ่ นจบน้ี พขี่ อแนะนำ� อกี สง่ิ คอื เวลาทเ่ี ราสอบนนั้ พข่ี อใหน้ อ้ งๆ อา่ นโจทยใ์ หด้ ี ดวู า่ มนั ถามวา่ แตกตา่ งจากพวก ถามถกู หรอื
ถามผดิ เพราะเพอ่ื นพเี่ องบางคนประมาทมากและลนลานเวลาเขา้ หอ้ งสอบประมาณวา่ อา่ นมาเยอะแหละ แตเ่ วลาเจอขอ้ สอบกย็ งั ตน่ื
เตน้ อยู่ แบบนพ้ี อเขา้ ไปสอบ มกั จะกลวั ทำ� ขอ้ สอบไมท่ นั เวลาเจอขอ้ ทถ่ี ามเรอ่ื งของนยิ ามนน้ั มนั อา่ นโจทยป์ บุ เจออนั ทเ่ี หมอื นเคยอา่ นเจอ
มาแลว้ กก็ าเลย โดยพลาดไปวา่ โจทยถ์ ามวา่ ขอ้ ใดผดิ แบบนค้ี อื ประมาทนะ มสี ตดิ ๆี ละ่ เวลาทำ� ขอ้ สอบ การตโี จทยใ์ หถ้ กู ตอ้ งนนั้ กส็ ำ� คญั
นะครบั เพราะวา่ ตวั เลอื กเรามนั เยอะดงั นน้ั เราจงึ ควรทจ่ี ะดดู ๆี แตถ่ า้ ไมไ่ ดจ้ รงิ ๆ จำ� ไมไ่ ดเ้ ลย กใ็ ชว้ ธิ ตี ดั ตวั เลอื กแบบชาญฉลาดนนั้ กค็ อื
ตดั อนั ทไ่ี มม่ ที างใชแ่ นน่ อนออกกอ่ นแบบทเ่ี รามนั่ ใจ แลว้ ขอ้ ทไ่ี มม่ น่ั ใจกจ็ ะเหลอื ตวั เลอื กจำ� นวนนอ้ ยลงเรอื่ ยๆ กเ็ ทา่ กบั วา่ เราอาจจะเดา
ถกู กไ็ ด ้ ตามกฎความนา่ จะเปน็ เวลาทำ� ขอ้ สอบสว่ นใหญว่ ชิ านเี้ ปน็ ตวั เลอื กหมดจะฝนฝนฝน...จนมอื เปยี กเลยละ่ เขา้ มาเรยี นมหาลยั กย็ งั
ไมพ่ น้ การฝนในวชิ าชวี วทิ ยาเพราะวา่ มนั ไมค่ อ่ ยมเี รอ่ื งของการคำ� นวณสกั เทา่ ไหร่ หรอื ตอ่ ใหม้ บี างทกี่ ค็ ำ� นวณไมท่ นั กม็ กั จะขา้ มไปทำ� ขอ้
อน่ื แทน ตอ้ งเนน้ ยำ�้ วา่ อยา่ ลมื เผอื่ เวลาไวส้ ำ� หรบั การฝนเพราะวา่ หลายคนทำ� โจทยแ์ บบขา้ มขอ้ ไปขา้ มมาซงึ่ กด็ นี ะ แตป่ ระเดน็ คอื บางที
ตาลายกาผดิ ขอ้ แบบนต้ี อ่ ใหร้ วู้ า่ ตอบอะไรแตฝ่ นผดิ หรอื ฝนไมท่ นั กอ่ นหมดเวลากไ็ มม่ เี หตผุ ลนะ ดงั นนั้ ตอ้ งมสี ติ สตสิ ำ� คญั มากในวนั สอบ
ไมว่ า่ จะเกง่ ขนาดไหนถา้ ขาดสตวิ นั สอบ กอ็ าจจะเปดิ ดคู ะแนนพรอ้ มนำ�้ ตากไ็ ด้ วนั สอบชวี วทิ ยา ถา้ เปน็ การสอบในเวลาบา่ ยพแี่ นะนำ� ใหก้ นิ
ขา้ วเทยี่ งนอ้ ยหนอ่ ยแตไ่ มใ่ ชไ่ มก่ นิ เลยนะเพราะวนั สอบนนั้ เครยี ดไปเดยี๋ วเปน็ โรคกระเพาะ แตถ่ า้ กนิ มากไปกง็ ว่ งและตอื้ ได้ ดงั นน้ั พว่ี า่ กนิ
พอควรกพ็ ออยา่ ใหม้ นั อมิ่ มาก เอาเปน็ วา่ วนั สอบกนิ หลายๆ มอื้ แทนการกนิ ทเี ดยี วเยอะๆ แลว้ ถา้ หากวา่ สอบตอนเชา้ วชิ าแรกๆ เลยละ่ ทำ�
ยงั ไง พกี่ แ็ นะนำ� วา่ กอ่ นสอบหนงึ่ อาทติ ยน์ อ้ งควรจะตอ้ งอา่ นหนงั สอื ใหเ้ หมอื นเวลาทจ่ี ะเขา้ หอ้ งสอบจรงิ กค็ อื ตนื่ ใหเ้ หมอื นเวลาวนั สอบ
จะไปสนามสอบ และนอนใหค้ รบแปดถงึ สบิ ชวั่ โมง ดงั นนั้ ถา้ หากวา่ จะไปสนามสอบแปดโมงกต็ อ้ งตน่ื ประมาณหกโมง นอ้ งกค็ วรนอนเวลา
ประมานสามทมุ่ หา้ มเกนิ หา้ ทมุ่ นะเพราะเดย๋ี วตอนเชา้ ตนื่ มาสมองเบลอ กอ็ าจจะคดิ ไมท่ นั กไ็ ด ้ ขอ้ สอบชวี วทิ ยาแนวการทำ� การทดลอง
โจทยม์ กั จะยาวแตง่ า่ ย ดงั นนั้ อา่ นไวๆ สว่ นขอ้ สอบแบบคำ� นวณ กม็ อี ยไู่ มก่ บ่ี ทแหละทม่ี ี สตู รกเ็ ดมิ ๆ มแี คน่ น้ั โจทยก์ เ็ ดมิ ๆ ซำ้� เพราะออก
เยอะกวา่ นนั้ ไมไ่ ดด้ งั นน้ั กค็ ดิ ไวๆ อยา่ รน ขอ้ สอบชวี วทิ ยาไมใ่ ชเ่ ลขดงั นน้ั ไมค่ อ่ ยหลอกเรอ่ื งของตวั เลขสกั เทา่ ไร มกั จะเปน็ 10 15 25 50
75 100 อะไรพวกนท้ี ลี่ งตวั คดิ ได้ แลว้ ถา้ มกี ารถอดรทู กค็ งเปน็ ตวั ทเ่ี ราเจอบอ่ ยๆ เชน่ รทู เกา้ อะไรแบบนน้ั

น้องๆ สามารถศึกษาเพม่ิ เติมไดท้ ี่

Tag : สอนศาสตร์ ชวี วทิ ยา, ววิ ฒั นาการ, ระบบนเิ วศ, สงิ่ มชี วี ติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม, ประชากร, ระบบนเิ วศและประชากร

• 01 : ระบบนเิ วศ
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch7-1

• สอนศาสตร์ : ม.ปลาย : ชีววทิ ยา : ระบบนิเวศ
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch7-2

• สอนศาสตร์ ชวี วิทยา ม.6 : สง่ิ มชี วี ิตกบั
สภาวะแวดล้อม
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch7-3

ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 79

• ววิ ัฒนาการ ตอนท่ี 1 • ระบบนเิ วศและประชากรศาสตร์
http://www.trueplookpanya.com/ ตอนท่ี 3
book/m6/onet-biology/ch7-4 http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch7-9
• ววิ ัฒนาการ ตอนที่ 2
http://www.trueplookpanya.com/ • ระบบนิเวศและประชากรศาสตร์
book/m6/onet-biology/ch7-5 ตอนที่ 4
http://www.trueplookpanya.com/
• วิวัฒนาการ ตอนที่ 3 book/m6/onet-biology/ch7-10
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch7-6 • ระบบนิเวศและประชากรศาสตร์
ตอนที่ 5
• ระบบนเิ วศและประชากรศาสตร์ http://www.trueplookpanya.com/
ตอนท่ี 1 book/m6/onet-biology/ch7-11
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch7-7

• ระบบนเิ วศและประชากรศาสตร์
ตอนท่ี 2
http://www.trueplookpanya.com/
book/m6/onet-biology/ch7-8

บันทึกช่วยจ�ำ

80 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya


Click to View FlipBook Version