The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มรดกโลกล้ำค่า พระนครศรีอยุธยาธานี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-11-24 08:29:54

มรดกโลกล้ำค่า พระนครศรีอยุธยาธานี

มรดกโลกล้ำค่า พระนครศรีอยุธยาธานี

Keywords: พระนครศรีอยุธยา,ประวัติศาสตร์

มรดกโลกล้ำ�ค่า : พระนครศรีอยธุ ยาธานี ค�ำนำ�

หนงั สอื อา่ นเพม่ิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้จัดท�ำ
ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา หนังสือเรื่อง มรดกโลกล้�ำค่า : พระนครศรีอยุธยาธานี เพื่อใช้เป็น
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ หนังสืออ่านเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ
© ลิขสิทธ์ขิ องสำ�นกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา วฒั นธรรม ระดบั ประถมศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษา ตามหลกั สตู รแกนกลาง
สำ�นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ หนังสือเล่มน้ี ให้ความรู้
พมิ พ์ครงั้ แรก พ.ศ. ๒๕๕๗ เก่ียวกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองแห่งประวัติศาสตร์ท่ีเคยเป็น
พิมพจ์ �ำ นวน ๓๖,๐๐๐ เล่ม ศูนย์กลางการปกครองแหง่ ราชอาณาจักรไทย ระหวา่ ง พ.ศ. ๑๘๙๓ -
ISBN 978-616-372-258-4 ๒๓๑๐ รวม ๔๑๗ ปี พระราโชบายของพระมหากษตั รยิ ์ และภูมปิ ญั ญา
ผู้จดั พมิ พ ์ สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ของชาวอยุธยา ได้สร้างมรดกอันล�้ำค่า ทั้งในด้านการจัดระเบียบ
กระทรวงศึกษาธกิ าร อาคาร สพฐ.๓ ถนนราชด�ำ เนินนอก การปกครอง สังคม แบบแผนทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรม
เขตดสุ ิต กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๐ จิตรกรรม และวรรณคดี สะท้อนให้เห็นความสามารถเชิงสร้างสรรค์
เว็บไซต์ : http://academic.obec.go.th ที่ดีงาม เห็นได้จากวัดวาอาราม วรรณคดี วัฒนธรรมท่ีดีงามและ
พมิ พ์ท่ี โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว ประณตี ศลิ ปห์ ลายสาขาทส่ี บื ทอดสง่ ตอ่ มายงั กรงุ ธนบรุ แี ละกรงุ รตั นโกสนิ ทร์
๒๒๔๙ ถนนลาดพร้าว แขวงสะพานสอง เขตวงั ทองหลาง การศึกษาเร่ืองราวของพระนครศรีอยุธยา จึงท�ำให้เข้าใจความเป็นมา
กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๑๐ ของชาตไิ ทย วฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาไทย มคี วามรกั ชาติ ความภมู ใิ จ และ
โทรศัพท์ : ๐ ๒๕๓๘ ๓๐๒๒, ๐ ๒๕๓๘ ๐๔๑๐ ธ�ำรงความเปน็ ไทย ดงั พระราชด�ำรสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
โทรสาร : ๐ ๒๕๓๙ ๓๒๑๕ ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในคราวเสดจ็ ประพาสอยธุ ยา เมอื่ พ.ศ. ๒๕๐๔ ตรสั วา่
เว็บไซต์ : www.suksapan.or.th
อีเมล : [email protected] “อฐิ เกา่ ๆ แผน่ เดยี ว กม็ คี า่ ควรจะชว่ ยกนั รกั ษาไว้ ถา้ ขาดสโุ ขทยั
[email protected] อยธุ ยา และกรงุ เทพฯ แล้ว ประเทศไทยกไ็ มม่ ีความหมาย...”
ข้อมลู ทางบรรณานกุ รม
สำ�นกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน หวงั เป็นอยา่ งยง่ิ
มรดกโลกลำ�้ คา่ : พระนครศรอี ยธุ ยาธาน/ี ส�ำนักวชิ าการและมาตรฐาน ว่าหนังสือเรื่อง มรดกโลกล�้ำค่า : พระนครศรีอยุธยาธานี เล่มน้ี
การศึกษา, - - กรงุ เทพฯ : ส�ำนักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา ส�ำนักงาน จะอ�ำนวยประโยชน์ต่อการเรียนรู้ สร้างเสริมนิสัยรักการอ่าน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน, ๒๕๕๗. สร้างส�ำนึกรักท้องถ่ินให้แก่ผู้อ่าน จึงขอขอบคุณหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง
๒๐๐ หน้า. ภาพประกอบ ; ๓๐ ซม. ในการให้ข้อมูลการจัดท�ำหนังสือ คณะผู้จัดท�ำ ผู้เรียบเรียง และ
๑. พระนครศรอี ยุธยา - - ประวตั ิศาสตร์ท้องถิ่น ๒. ช่อื เร่อื ง. ผู้เก่ียวข้องทุกท่าน ท่ีท�ำให้หนังสือเล่มนี้ส�ำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
๙๐๗ ประวตั ิศาสตรท์ อ้ งถิ่น มา ณ โอกาสนี้
ส๖๙๑ม
ISBN 978-616-372-258-4 (นายกมล รอดคล้าย)
เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน

๑๗ ตลุ าคม ๒๕๕๗

สารบญั ๑

❃ ลำ� น�ำเมืองอยุธยา ๑๓
❃ อยุธยาราชธานี

❃ พระนครศรีอยุธยา ๗
อทุ ยานประวตั ศิ าสตร์
เมืองมรดกโลก ๕๓
๗๗
❃ ย้อนอดตี พระนครศรีอยธุ ยา
ผา่ นลีลานริ าศสุนทรภู่

❃ ทอ่ งเที่ยว
ณ แหล่งมรดกโลก มรดกไทย

❃ พระอารามหลวง ๑๐๕
❃ พระนครศรอี ยุธยาในปัจจบุ นั
❃ ศลิ ปะ วัฒนธรรม ๑๔๓
และภูมปิ ญั ญาของชาวอยุธยา ๑๕๗
❃ บรรณานุกรม

ลำ� น�ำอยธุ ยา

แดดผีตากผา้ ออ้ มยอ้ มปลายฟ้า
ชาวกรงุ ศรีอยุธยานำ้�ตาไหล
เหม่อมองผา่ นถา่ นเถ้าเขม่าไฟ
สะอน้ื ไห้โหยหาน้�ำ ตานอง
ตะเลงรบจบศึกแล้วเผาส้ิน
ผนื แผ่นดนิ อโยธยาพาหมน่ หมอง
ยอดปราสาทราชวังพังลงกอง
พระพทุ ธรปู ทองถกู ท�ำ ลาย
เจดีย์แซมเสยี ดฟา้ ก่อนหนา้ นี้
หลายรอ้ ยปีแลไปโอ้ใจหาย
ก�ำ แพงแกว้ ซุ้มระเบียงเคยเรียงราย
ตอ้ งกลบั กลายหายลับไปกับตา
เหลอื เพยี งซากเสาหลกั ลงรากลกึ
อนสุ รณเ์ สรจ็ ศกึ ทพั พมา่
เมื่อกรุงไกรใหญ่ย่ิงอยธุ ยา
ตอ้ งพินาศอปั รามาล่มจม
เมอื่ คนไทยไร้รักสมัครสมาน
สิ้นชาวบ้านบางระจนั กพ็ ลันล่ม
ผู้เป็นใหญไ่ มเ่ ป็นใหญ่ในอารมณ์
ขุนศกึ จึงระทมทกุ ขท์ อ้ ใจ
แดดผีตากผ้าออ้ มย้อมปลายฟ้า
ชาวพารายังหมน่ หมองยังร้องไห้
สยามยงั มีเหตมุ ีเภทภยั
เมือ่ คนไทยยังไล่ล่าฆา่ กันเอง

วินัย รอดจ่าย

อยธุ ยาราชธานี

จังหวดั อะไรเอ่ยท่ไี มม่ ีอำ� เภอเมือง เปน็ คำ� ถามที่ท�ำให้คนฟังหยุดคดิ
และนกึ ถงึ จังหวดั ของตนเอง เกอื บทั้งหมดก็มีอำ� เภอเมอื งทง้ั น้ัน เมอ่ื ไดฟ้ ัง
ค�ำตอบทุกคนทไี่ ด้ฟงั ก็ได้แตพ่ ยกั หน้า แต่ก็ยงั มีแววฉงนสนเทห่ ไ์ ม่หายเป็น
ไปได้อยา่ งไร และแล้วกต็ อ้ งยอมรับเพราะไมม่ ีอ�ำเภอเมืองจรงิ ๆ แตม่ ีคำ� วา่
อ�ำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา หรือชาวบา้ นเรยี กกนั
จนตดิ ปากส้ันๆ วา่ อยุธยา
อยธุ ยาเปน็ “ราชธานเี กา่ ” ท่ีเจรญิ ร่งุ เรอื งมาเป็นระยะเวลายาวนาน
ถึง ๔๑๗ ปี แม้กรุงศรีอยธุ ยาจะล่มสลายผ่านกาลเวลามากวา่ ๒๐๐ ปีแลว้
แต่ร่องรอยความเจริญทางด้านศิลปวัฒนธรรมอันงดงามและทรงคุณค่า
แสดงถงึ ความยง่ิ ใหญ่ทบี่ รรพชนไทยไดส้ รา้ งสรรค์ในอดตี ท�ำใหอ้ งค์การ
การศกึ ษาวทิ ยาศาสตร์และวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้
ยกยอ่ งใหอ้ ทุ ยานประวตั ศิ าสตรพ์ ระนครศรอี ยธุ ยา เปน็ มรดกโลกทางวฒั นธรรม
ท�ำให้พระนครศรีอยุธยามีนักท่องเท่ียวท้ังชาวไทยและชาวต่างประเทศให้
ความสนใจมาเย่ียมชมอยา่ งตอ่ เน่ืองมาโดยตลอด
แสงแดดยามเชา้ จบั ทอ้ งฟา้ ในชว่ งฤดฝู น แมน้ ไมแ่ จม่ จา้ เหมอื นฤดรู อ้ น
หรือฤดูหนาว แต่ยังอบอวลไปดว้ ยความชุ่มชื่นของหยาดน้�ำฝน ต้นไม้รอบ
เกาะเมอื งอยธุ ยายงั เขยี วขจไี ปทว่ั เมอื่ มองไปยงั แมน่ ำ้� เจา้ พระยา เรอื เมลย์ งั คง
ท�ำหนา้ ทลี่ ากจูงเรอื บรรทุกสนิ ค้าผา่ นสะพานข้ามแม่น้ำ� ไปอยา่ งช้าๆ อรณุ รุ่ง
ของชวี ิตชาวอยธุ ยาเรม่ิ ตน้ แลว้ คนชาวอยุธยาเป็นคนเรยี บงา่ ย วถิ ีชีวติ ผูกพัน
กบั สายน้�ำ จงึ ไม่แปลกใจส�ำหรบั คนท่ีมาจากอยธุ ยาจะพายเรอื ไดเ้ กอื บทกุ คน
ดว้ ยถิ่นฐานบ้านเรือนอยูใ่ นเขตทีร่ าบลมุ่ ของภาคกลาง ซึ่งอุดมไปดว้ ยแม่นำ้�
และแหลง่ น้ำ� จ�ำนวนมาก

4 5

แมน่ ำ�้ สำ� คญั ๆ ทไ่ี หลผา่ นอยธุ ยา ไดแ้ ก่ แมน่ ำ�้ เจา้ พระยาเสน้ เลอื ดใหญ่
ของจงั หวดั ทไี่ หลมาจากจงั หวดั นครสวรรค์ ผา่ นจงั หวดั ชยั นาท จงั หวดั สงิ หบ์ รุ ี
จงั หวดั อ่างทอง และไหลมาทางอ�ำเภอบางบาล ลอ้ มตัวเมืองอยุธยาทางดา้ น
ทศิ ตะวนั ตก ผ่านอำ� เภอบางปะอนิ และอ�ำเภอบางไทร เขา้ จังหวัดปทุมธานี
แมน่ ำ�้ ปา่ สกั ตน้ ก�ำเนดิ มาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ผ่านอำ� เภอท่าเรือ อำ� เภอ
นครหลวงอ้อมตัวเมืองทางด้านตะวันออกมาบรรจบแม่น้�ำเจ้าพระยาหน้าวัด
พนญั เชงิ แมน่ ำ้� ลพบรุ ไี หลมาจากจงั หวดั ลพบรุ ี ไหลสอู่ ยธุ ยาทอี่ ำ� เภอบา้ นแพรก
อ�ำเภอมหาราช และอำ� เภอบางปะหนั เข้าสูต่ ัวเมืองอยธุ ยาทางดา้ นเหนอื ราชธานีเกา่

แมน่ ้ำ� ลพบรุ ีมาบรรจบกบั แม่น้ำ� ป่าสกั ท่ีบริเวณหัวรอ สว่ นแมน่ ้ำ� น้อยแยกจาก ดา้ นเลิศล้ำ� กานท์กวี เชน่ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหาราชครู
แมน่ ำ้� เจา้ พระยาทจ่ี งั หวดั ชยั นาท ผา่ นจงั หวดั สงิ หบ์ รุ ี จงั หวดั อา่ งทอง แยกลงมา
บรรจบแมน่ �้ำเจา้ พระยาอกี ครัง้ ท่ีอ�ำเภอบางไทร จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา ศรปี ราชญ์ เจา้ ฟา้ ธรรมาธเิ บศร์ (เจา้ ฟา้ กงุ้ ) วรรณกรรมทส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ ลลิ ติ ยวนพา่ ย
(เปน็ เรอ่ื งศกึ สงครามระหว่างอยธุ ยากับล้านนา และการสรรเสรญิ พระเกยี รติ
ที่ชาวบ้านเรียกวา่ ลานเท ในอดีตมีช่ือเพลงลานเทสะเทอื นที่โดง่ ดงั มากๆ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ) มหาชาตคิ ำ� หลวง (เปน็ หนงั สอื คำ� หลวงฉบบั แรก
รอ้ งกันได้ท้งั ประเทศ
อยธุ ยาเปน็ “อขู่ า้ ว อนู่ ้�ำ” เป็นผลมาจากทต่ี ั้งและสภาพภมู ศิ าสตร์ ของไทยแตง่ ขน้ึ เพอ่ื ใหใ้ ชส้ วดในวนั สำ� คญั ทางพระพทุ ธศาสนา) สมทุ โฆษคำ� ฉนั ท์
(สะทอ้ นความเช่อื ในเร่อื งบาปกรรมทางพระพุทธศาสนาของคนไทย และ
พ้นื ทที่ ้งั หมดเปน็ ทีร่ าบลมุ่ ไมม่ ีภูเขา ไมม่ ีปา่ ไม้ ไม่มีพ้นื ท่ตี ดิ ชายฝง่ั ทะเล และ อู่ข้าว ขนบธรรมเนียมประเพณไี ทย) กาพย์มหาชาติ (เพ่อื ใชส้ ำ� หรับเทศน์ให้อบุ าสก
เปน็ พน้ื ทเี่ หมาะแกก่ ารเกษตรกรรมเปน็ อยา่ งยงิ่ เพราะจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา อบุ าสกิ า) โคลงพาลสี อนนอ้ ง (กลา่ วถงึ ขนบธรรมเนยี มทข่ี า้ ราชการพงึ ปฏบิ ตั )ิ
นอกจากมีแมน่ ำ้� ส�ำคัญดงั กลา่ วแล้ว ยังมลี �ำคลองใหญ่น้อยเชอ่ื มต่อกับแมน่ �้ำ
เกอื บท่ัวทุกพืน้ ท่ี ในฤดูน้ำ� หลากแมน่ ำ�้ จะพดั ตะกอนโคลนตมมาทับถมกัน กาพย์เหเ่ รอื (เพ่ือใชเ้ หเ่ รือพระท่ีนงั่ )
แม้ในสมัยรตั นโกสินทร์ ชาวอยุธยายงั ขึ้นชอ่ื ในเรือ่ งเจ้าบทเจา้ กลอน
ทว่ มพืน้ ทีเ่ กอื บทงั้ หมดเปน็ เวลานาน ตะกอนในทอ้ งท่งุ ท�ำใหด้ ินมคี วาม จะเหน็ ไดจ้ ากการละเล่นเพลงพื้นบ้าน ซึง่ มกี ารโตต้ อบระหว่างฝ่ายชายและ
อดุ มสมบูรณ์ การทำ� นาไดผ้ ลดี รวมทัง้ ยงั สมบูรณ์ดว้ ยปลาน้ำ� จืดและพชื น้ำ�
หลากหลายชนดิ นบั เปน็ อาหารหลกั ของชาวอยธุ ยาตลอดมา เหมอื นดงั สำ� นวน ฝ่ายหญงิ ด้วยภาษาทอ้ งถ่ินเรยี บง่าย โดยพอ่ เพลงและแมเ่ พลงจะใชป้ ฏภิ าณ
คดิ คน้ กลอนเปน็ เพลงแกก้ นั ไปมา มลี กู คคู่ อยทำ� จงั หวะกระทงุ้ เสยี งรอ้ งรบั เพลง
ของชาวไทยวา่ “ในนำ้� มปี ลา ในนามขี า้ ว” หนง่ึ ในพน้ื ทนี่ น้ั ในดนิ แดนไทยกค็ อื ทำ� ใหเ้ กดิ ความสนกุ สนานทง้ั สองฝา่ ย เชน่ เพลงพวงมาลยั เพลงสกั วา เพลงเรอื
พระนครศรอี ยธุ ยา ซึง่ นบั เป็น “อู่ขา้ ว อู่นำ�้ ” ของประเทศมาต้ังแตโ่ บราณ อ่นู ำ้�
น่นั เอง เพลงฉอ่ ย เปน็ ตน้ การละเลน่ เพลงพนื้ บา้ นดงั กลา่ วนบี้ างอยา่ งสญู หายไปแลว้
แต่บางอย่างยงั คงมกี ารเล่นสืบทอดตอ่ กนั มาในปัจจบุ ันน้ี
การมพี น้ื ทน่ี ำ้� ทว่ มยาวนานกอ่ ใหเ้ กดิ วฒั นธรรม และภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น สว่ น “คนดศี รอี ยธุ ยา” หมายถงึ บรรพบรุ ุษของอยุธยาที่มีคนดี
ขึ้นหลายประเภท และไดก้ ลายเปน็ เอกลักษณ์โดดเด่นของชาวอยธุ ยา เชน่
การประดษิ ฐ์และการใชเ้ รือในการสัญจรภายในจงั หวดั การสร้างเรือนไทย มีความสามารถในทกุ ยคุ สมยั แม้จะเสียกรุงศรีอยุธยาให้แกพ่ มา่ ถงึ ๒ ครั้ง
แต่ก็ยงั สามารถกอบกู้เอกราชกลับคืนมาได้ อนั เป็นที่มาของคำ� กล่าวทวี่ า่
ที่เหมาะสำ� หรับพน้ื ทีท่ ม่ี นี ้�ำทว่ มยาวนานทกุ ปี การปรุงอาหารที่ใช้ปลาน�ำ้ จดื “กรงุ ศรอี ยุธยาไม่ส้นิ คนด”ี
และการถนอมอาหาร (จากปลา) การละเล่นในฤดนู �้ำหลาก เช่น เพลงสกั วา
เพลงเรือ เปน็ ต้น อยธุ ยาวันนเ้ี ป็นเมืองท่นี า่ อยู่ สงบเงียบ ความเจรญิ ของเมืองทอี่ ยู่
ไมไ่ กลจากเมอื งหลวงมากนกั สภาพโรงงานอตุ สาหกรรมเรมิ่ ผดุ ขนึ้ ตามอำ� เภอ
“เลศิ ลำ้� กานทก์ ว”ี สะทอ้ นถงึ ภมู ปิ ญั ญาทางดา้ นภาษาและวรรณกรรม ต่างๆ ท่ตี ดิ กับถนนสายหลักของจังหวดั ผคู้ นทง้ั ชาวไทยและชาวต่างชาตมิ า
ของชาวอยุธยาที่สืบทอดมาแตอ่ ดตี เมื่อคร้งั ยังเป็นราชธานอี นั เจรญิ รงุ่ เรือง
โดยเฉพาะในสมยั ของสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช ซงึ่ ไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ เย่ียมเยยี นอยุธยาไมข่ าดสาย เพราะเป็นราชธานเี กา่ เป็นความภาคภมู ใิ จของ
คนในชาติ และชาวพระนครศรีอยธุ ยา สมกับคำ� ขวญั ของจังหวดั วา่
ยคุ ทองของวรรณกรรมในสมยั อยธุ ยา และในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ คนดศี รอี ยุธยา ราชธานเี กา่ อู่ข้าวอนู่ ้ำ�
ซงึ่ มกี วที ไี่ ดส้ รา้ งสรรคผ์ ลงานจำ� นวนมาก กวเี อกทไี่ ดร้ บั การยกยอ่ งในความสามารถ
เลศิ ลำ�้ กานทก์ วี เลศิ ล้�ำกานท์กว ี คนดศี รอี ยุธยา

…การสรา้ งอาคารสมยั นี้
คงเปน็ เกียรตสิ ำ� หรบั ผสู้ รา้ งเพียงคนเดียว

แตเ่ รื่องโบราณสถานนั้น
เป็นเกียรตขิ องชาติ

อิฐเกา่ ๆ แผน่ เดยี วก็มีคา่
ควรจะช่วยกันรกั ษาไว้ ถา้ ขาดสโุ ขทยั อยุธยา

และกรุงเทพฯ
แลว้ ประเทศไทยกไ็ มม่ ีความหมาย...

พระราชด�ำรัส
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั ภมู ิพลอดุลยเดช

ในวโรกาสเสดจ็ ฯ เปดิ
พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา

เม่ือวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๔

89

พระนครศรีอยธุ ยา
อทุ ยานประวตั ิศาสตร์ :

เมืองมรดกโลก

เป็นที่ทราบกันดีว่าอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
เป็นแหล่งมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ ร่องรอยความเจรญิ รุง่ เรือง
ครั้งอดตี ปรากฏชดั เจนในโบราณสถานและโบราณวตั ถุ สะทอ้ น
ความงดงามทางศลิ ปกรรมอันเป็นเอกลกั ษณ์โดดเดน่ ท�ำให้องคก์ าร
การศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ และวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติ หรอื ยเู นสโก
(UNESCO) มมี ติ ณ กรงุ คาร์เธจ ประเทศตนู เิ ซยี ใหข้ นึ้ ทะเบยี น
นครประวตั ศิ าสตรพ์ ระนครศรอี ยธุ ยาเปน็ มรดกโลก หรอื Ayutthaya :
The World Heritage เมอื่ วนั ท่ี ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๔

10 11

ภาพถ่ายทางอากาศของเกาะเมืองพระนครศรีอยธุ ยา แผนทีแ่ สดงสยามและเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ เขยี นข้นึ โดยบาทหลวงชาวฝร่งั เศส ในสมัยสมเด็จพระนารายณม์ หาราช
ในปัจจบุ นั มีแม่น�้ำใหญ่ไหลโอบออ้ มอยู่รอบทิศ

ท่มี า : กรมแผนทที่ หาร

มรดกทางวฒั นธรรมในพระนครศรีอยุธยา เปน็ ผลสืบเน่ืองมาจาก
การเป็นท่ีต้งั ของอดตี ราชธานไี ทย ซึ่งไดร้ ับการสถาปนาขึ้นใน พ.ศ. ๑๘๙๓
ปรากฏนามอยา่ งเป็นทางการว่า กรุงเทพพระมหานคอร ทวาราวดี
ศรีอยทุ ยามหาดลิ ก ภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย อุดมสวามศี รสี ุพรรณ
คฤหรัตน* กรงุ ศรีอยธุ ยาเปน็ ศนู ย์กลางการปกครองของราชอาณาจักรไทย
ในระหว่างพ.ศ. ๑๘๙๓ – ๒๓๑๐ ตลอดระยะเวลา ๔๑๗ ปีน้ี กรุงศรีอยุธยา
มีพัฒนาการเจริญเติบโตขึน้ อยา่ งรวดเร็ว ทงั้ ทางการเมือง การปกครอง
เศรษฐกจิ สงั คม และวัฒนธรรม สามารถควบคุมทรพั ยากรจำ� นวนมากจาก
ดินแดนตอนในทีอ่ ยูล่ ึกเข้าไปตามเส้นทางล�ำน�้ำตา่ งๆ ควบคมุ เมอื งท่าชายฝั่ง
ทะเลทง้ั หมดในอา่ วไทย และทำ� การคา้ เชอื่ มโยงกบั เครอื ขา่ ยการคา้ ขา้ มภมู ภิ าค
อยุธยาจึงได้กลายเป็นมหานครท่ียิ่งใหญ่เป็นท่ีรู้จักเลื่องลือในนานาประเทศ
ในฐานะท่ีเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าส�ำคัญในภูมิภาคเอเชีย
ตะวนั ออกเฉยี งใต้

_____________________________
* นามนสี้ ะกดตามทพี่ บในพระราชสาสนท์ ส่ี มเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม (พ.ศ.๒๑๕๔ -
๒๑๗๑) มีถงึ อุปราชโปรตเุ กสแหง่ เมอื งกวั เม่อื พ.ศ. ๒๑๕๙ (อา้ งจากวินัย พงศศ์ รเี พียร,
มรดกความทรงจำ� แห่งพระนครศรีอยุธยา, สำ� นักพมิ พอ์ ุษาคเนย.์ กรงุ เทพ. ๒๕๕๑)

12 13

ภาพจิตรกรรมฝาผนงั วัดประดทู่ รงธรรม แสดงขบวนเสดจ็ ทางสถลมารค (ทางบก) สถาปตั ยกรรม ภาพปูนป้ันและลวดลายไทย โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของวดั มหาธาตุ
ภาพจิตรกรรมฝาผนงั วัดประดูท่ รงธรรม ภายในวัดมหาธาตุ
เล่าเรื่องราวพทุ ธประวตั ิ ทศชาติชาดก

ภาพจติ รกรรมฝาผนงั วดั ประดูท่ รงธรรม แสดงวถิ ีชีวติ และการละเลน่

แมจ้ ะผา่ นระยะเวลาอนั ยาวนาน แตพ่ ระราโชบายของพระมหากษตั รยิ ์
และภูมิปัญญาของชาวอยุธยาท่ีได้สร้างสรรค์มรดกทางวัฒนธรรมอันล�้ำค่า
ไมว่ า่ จะเปน็ ความเป็นเย่ียมในการเลือกสรรท�ำเลท่ีตง้ั เมือง ในตำ� แหนง่ ทเี่ ปน็
ชุมนมุ ของแม่น�้ำหลายสาย การออกแบบผงั เมืองอยา่ งซับซ้อนเหมาะสมกับ
ชมุ ชนทอ่ี าศยั การสญั จรทางนำ้� เปน็ หลกั เออ้ื ตอ่ การรกั ษาพระนคร การปอ้ งกนั
การรกุ รานของศัตรู ลักษณะและแบบแผนทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรม
จิตรกรรม และประณีตศิลป์หลากหลายสาขาแสดงใหเ้ ห็นความตอ่ เนื่องและ
ววิ ฒั นาการทางศลิ ปกรรมที่เป็นแบบไทยแท้ สะทอ้ นถงึ แนวคดิ ความเชอ่ื
และความสามารถเชิงสรา้ งสรรค์ของบรรพบรุ ุษไทย รวมทัง้ การจดั ระเบียบ
ทางสงั คม วถิ ชี วี ิตความเปน็ อยู่ที่นับเปน็ วฒั นธรรมอันดงี ามท่ีสบื ทอดส่งตอ่ มา
ยงั กรุงธนบรุ ี และกรงุ รตั นโกสินทร์ ศูนยก์ ลางการปกครองของประเทศไทย
ในปัจจบุ นั

14 15

แผนที่แสดงเกาะเมอื งอยธุ ยา เขียนโดย Johanes Vingboons เมื่อ พ.ศ. ๒๒๐๘ ในสมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
จะเหน็ ยอดเจดยี ์ และพระมหาปราสาทเสยี ดยอดกนั ดารดาษงดงามดง่ั สมญาวา่ “อยธุ ยา ยศยิง่ ฟา้ ลง ดนิ แลฤา”
(ที่มา : วนิ ัย พงศศ์ รเี พยี ร, มรดกความทรงจ�ำแห่งพระนครศรอี ยธุ ยา)

โบราณสถานวดั ใหญช่ ัยมงคล ครุฑโขนเรอื ไมจ้ ำ� หลกั ความยิง่ ใหญข่ องกระบวนพยหุ ยาตราชลมารคของอยธุ ยา ซ่ึงมเี รือหลายร้อยลำ� ในกระบวน
ปางกรณมทุ รา ใช้เป็นหัวเรือ
ภาพลักษณ์ของกรงุ ศรีอยุธยาในอดีต สะทอ้ นจากจดหมายเหตุของ
ชาวตะวันตกหลายฉบับ เชน่ ครสิ โตเฟอร์ ไฟรก์ (Christopher Fryke) ชาว สมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา
ฮอลนั ดาทีม่ าเยอื นกรุงศรีอยุธยา เม่ือราว พ.ศ. ๒๒๒๕ ไดพ้ รรณนาไวว้ า่
“…พระนครศรอี ยธุ ยานนั้ กว้างขวางมาก แตบ่ า้ นเรือนส่วนใหญ่มัก
สร้างกันเต้ียมาก จนท�ำใหย้ อดเจดยี ว์ ิหาร (ซึ่งนับกันแล้วว่ามากกว่า ๕,๐๐๐
แห่ง) ดูสูงยงิ่ ขึ้นไปอีกนกั และก็มองเห็นกันอย่างงา่ ยดาย เพราะอาคารอื่นๆ
ต�ำ่ มาก ทั้งหมดดูแลว้ เหมือนปา่ ในฤดหู นาวทเี ดียว...”*

_____________________________
* อา้ งจากวินยั พงศ์ศรีเพียร, มรดกความทรงจ�ำแหง่ พระนครศรอี ยุธยา,
ส�ำนักพมิ พ์อษุ าอาคเนย.์ กรุงเทพ. ๒๕๕๑

16 17
ในบนั ทกึ ของโยส เชาเตน็ (Joost Schouten) ชาวฮอลนั ดาทเี่ ดนิ ทาง
มาคา้ ขายในกรงุ ศรอี ยธุ ยาในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม (พ.ศ. ๒๑๕๔-๒๑๗๑) ภาพกอ่ นการบูรณะ วดั พระศรีสรรเพชญ์
และสมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง (พ.ศ. ๒๑๗๒-๒๑๙๙) ไดก้ ลา่ วถงึ ความยง่ิ ใหญ่ แผ่นดินมรดกโลก
ของกรงุ ศรอี ยุธยาไวว้ า่

“...กรงุ ศรอี ยธุ ยาเปน็ ราชธานแี ละเปน็ ทป่ี ระทบั ของพระมหากษตั รยิ ์
บรรดาขนุ นาง ขา้ ราชการ เจา้ นายทง้ั หลายทง้ั ปวงกอ็ ยทู่ พ่ี ระนครศรอี ยธุ ยา
เมอื งๆ น้ีต้งั อยบู่ นเกาะเล็กๆ ในแม่น�ำ้ เจ้าพระยา ท้องท่ีรอบนอกเปน็
ที่ราบไปทัว่ ทกุ ทศิ รอบกรงุ ศรีอยธุ ยา มีกำ� แพงหินสร้างอยา่ งหนาแน่น
แขง็ แรงรอบกำ� แพงวดั ไดป้ ระมาณ ๒ ไมล์ฮอลนั ดา จงึ เปน็ นครหลวง
ทกี่ วา้ งขวางใหญ่มาก ภายในพระนครมโี บสถ์ วหิ าร วดั วาอาราม
สรา้ งข้นึ อยู่ติดๆ กัน ประชาชนพลเมืองทอ่ี ยอู่ าศยั กม็ ีอย่อู ย่างหนาแนน่
ภายในก�ำแพงเมืองมถี นนกวา้ งตดั ตรงและยาวมาก และมคี ลองขุดจาก
แมน่ ำ�้ เจา้ พระยาเขา้ มาในพระนคร จงึ สะดวกแกก่ ารสญั จรไปมาไดอ้ ยา่ ง
ทวั่ ถงึ กัน...”*

เจดีย์ศรีสรุ ิโยทยั ในเขตวัดสวนหลวงสบสวรรค์

แผนทีก่ รงุ ศรีอยธุ ยาในจดหมายเหตุ โคลงกำ� สรวลสมทุ ร (ก�ำสรวลศรปี ราชญ)์ วรรณกรรมรอ้ ยกรองของ
เดอ ลา ลูแบร์ แสดงโครงขา่ ยแม่นำ�้ ล�ำคลอง ไทยในสมัยอยธุ ยา ได้พรรณนาความรุ่งโรจนข์ องกรงุ ศรีอยธุ ยาไว้วา่
ซง่ึ เปน็ เสน้ ทางคมนาคม และแม่น�ำ้ ส�ำหรบั อยธุ ยายศยง่ิ ฟ้า ลงดิน แลฤๅ
อปุ โภคบรโิ ภค สะทอ้ นถงึ ภมู ปิ ญั ญาดา้ นการ อ�ำนาจบญุ พระเพรง ก่อเก้ือ
วางผงั เมืองเป็นเยย่ี ม เจดยี ์ลอออนิ ทร ์ ปราสาท
(ที่มา : วินัย พงศศ์ รีเพยี ร, ในทาบทองแล้วเนื้อ นอกโสรมฯ**
_____________________________ มรดกความทรงจำ� แห่งพระนครศรีอยธุ ยา
* อา้ งจากจุฬรกั ษ์ ด�ำริห์กลุ , นครประวัติศาสตรพ์ ระนครศรีอยุธยา มรดก
โลกทางวฒั นธรรม, โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.กรงุ เทพฯ ๒๕๓๖ _____________________________
** อ้างจากวินยั พงศ์ศรีเพยี ร เลม่ เดิม

18 19

ก่อนการสถาปนากรงุ ศรอี ยธุ ยานนั้ ชนชาตไิ ทยกลมุ่ ตา่ งๆ ไดต้ ั้ง เศียรพระพุทธรูป พระประธานของวดั ธรรมกิ ราช
บา้ นเมอื งเปน็ ปกึ แผน่ กระจายอยทู่ วั่ ไปในบรเิ วณทร่ี าบลมุ่ แมน่ ำ้� ทอี่ ดุ มสมบรู ณ์ เช่ือกนั ว่าสร้างขน้ึ กอ่ นสถาปนากรุงศรอี ยุธยา
ในระยะแรกแต่ละเมอื งตา่ งมีอสิ ระในการปกครอง เป็นบา้ นพีเ่ มืองนอ้ ง และ ซ่ึงพระมหากษัตรยิ ์อยุธยาหลายพระองค์ได้บรู ณะ
มีความสมั พนั ธก์ ันท้ังทางการเมือง การคา้ และวฒั นธรรม เชน่ มาโดยตลอด เดมิ พระวิหารหลวงขนาดใหญ่มาก
อาณาจกั รสุโขทยั พอ่ ขุนศรอี นิ ทราทิตยไ์ ด้สถาปนากรุงสุโขทยั ขึน้ เรียกวา่ วหิ ารเกา้ ห้อง เปน็ ทปี่ ระดิษฐานพระประธาน
เมือ่ ราว พ.ศ. ๑๗๙๒ ตอ่ มาจึงได้ขยายอำ� นาจครอบคลมุ เมอื งตา่ งๆ ในบรเิ วณ หลอ่ ด้วยส�ำริด ปจั จุบันเหลอื เพยี งพระเศียร
ลมุ่ แมน่ ำ้� ยม แม่นำ้� น่าน และแม่น้ำ� ป่าสัก อยู่ทพี่ พิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจา้ สามพระยา
อาณาจกั รลา้ นนา พอ่ ขุนมงั รายไดส้ ถาปนาเมอื งนพบรุ ศี รีเวียงพงิ ค์
(เมืองเชยี งใหม่) ขน้ึ เมือ่ พ.ศ. ๑๘๓๙ ซ่งึ มอี ำ� นาจครอบคลุมเมอื งต่างๆ ใน วิหารหลวงวดั ธรรมิกราช
บริเวณที่ราบลมุ่ แม่น้ำ� ปงิ แมน่ ้ำ� วงั และแมน่ �้ำกก เจดยี ว์ ัดธรรมิกราช
สว่ นในบรเิ วณทรี่ าบลมุ่ แมน่ ำ้� เจา้ พระยา มเี มอื งสพุ รรณบรุ ี (ตงั้ อยทู่ าง เปน็ เจดีย์ทรงลังกาหรอื ทรงระฆงั ควำ�่
ตะวนั ตกของแมน่ ำ�้ เจ้าพระยา) เมืองลพบุรี (ตั้งอยทู่ างตะวนั ออกของแมน่ �้ำ มีประตมิ ากรรมรูปสิงหอ์ ย่รู อบๆ ฐานเจดยี ์
เจ้าพระยา) เมอื งราชบุรี เมืองเพชรบุรี ทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ มีเมอื ง
หลายเมืองที่มีอิทธพิ ลของอาณาจักรเขมรมาแตก่ ่อน เชน่ เมอื งพิมาย และ พระเจ้าพะแนงเชงิ พระประธานในวิหาร
กลุ่มเมืองทตี่ ง้ั อยทู่ างใต้ เชน่ เมืองนครศรธี รรมราช เป็นตน้ วดั พนญั เชิงวรวหิ าร

ในพทุ ธศตวรรษที่ ๑๙ บริเวณท่เี ป็นท่ีตัง้ เมืองพระนครศรีอยธุ ยามี
ชมุ ชนเมอื งตง้ั ถิน่ ฐานอยู่หนาแน่น* หลักฐานสำ� คัญคือพระพทุ ธรปู ขนาดใหญ่
ทเี่ รยี กวา่ “พระเจา้ พะแนงเชงิ ” พระราชพงศาวดารฉบบั หลวงประเสรฐิ อกั ษรนติ ิ
ระบวุ ่าสรา้ งขึน้ เม่อื พ.ศ. ๑๘๖๗ ก่อนการสถาปนากรงุ ศรอี ยุธยาถึง ๒๖ ปี
และเศียรพระพทุ ธรูปขนาดใหญ่ ซ่งึ เดิมเปน็ พระประธานในวหิ ารหลวงวัด
ธรรมกิ ราชเป็นศลิ ปะอ่ทู อง** รว่ มสมยั เดยี วกับพระเจ้าพะแนงเชิง แสดงให้
เห็นว่าชุมชนท่ตี งั้ อยู่ ณ บรเิ วณนี้มคี วามมัง่ ค่ังทางเศรษฐกิจ มีกำ� ลังคนและ
กำ� ลังทรัพยจ์ �ำนวนมาก มีเทคโนโลยีโลหวทิ ยาในระดบั สูง รวมท้ังทักษะทาง
เชงิ ชา่ ง และความเจริญทางศิลปกรรมจึงสามารถสรา้ งพระพทุ ธรูปขนาดใหญ่
เชน่ นข้ี ึน้ ได้ และ ณ พ้ืนท่ีนีเ้ องท่พี ระเจา้ อทู่ อง ปฐมกษัตรยิ ์ของอาณาจกั ร
อยธุ ยาไดท้ รงสถาปนา “กรุงเทพพระมหานคอร ทวาราวดี ศรอี ยทุ ยา” หรอื
กรงุ ศรอี ยธุ ยาข้นึ เปน็ ราชธานไี ทยเม่ือ พ.ศ. ๑๘๙๓

_____________________________
* นกั วิชาการบางคนเชือ่ วา่ บริเวณพระนครศรอี ยธุ ยากอ่ นการสถาปนากรุงศรีอยุธยานน้ั มีเมืองชอ่ื วา่ “อโยธยา หรือ อโยธยาศรีราม-
เทพนคร” ตง้ั อยกู่ อ่ น แต่หลักฐานจากศิลาจารกึ ทกุ หลักทีเ่ ป็นหลกั ฐานรว่ มสมัยปรากฏนามอโยธยา หมายถงึ กรงุ ศรีอยุธยากอ่ นเสียกรุงศรีอยธุ ยา
ครง้ั ท่ี ๑ เมอื่ พ.ศ. ๒๑๑๒ ทง้ั สน้ิ เชน่ จารกึ เขาสมุ นกฏู ทน่ี ครสวรรคจ์ ารกึ ขนึ้ ราว พ.ศ. ๑๘๙๘ มนี าม “อโยธยาศรรี ามเทพนคร” จารกึ วดั พระศร-ี
รัตนมหาธาตุสุพรรณบุรีมีนาม “โยชฌราช” จารกึ ลานทองทพ่ี บในเจดีย์วัดส่องคบ จังหวดั ชัยนาท มนี าม “สุริอโยทยา” จารึกเจดีย์ศรสี องรกั
ท่อี �ำเภอด่านซา้ ย จงั หวัดเลย มนี าม “พระนครศรอี โยทยา”รวมทง้ั ในวรรณกรรมเก่าแก่ เช่น ยวนพา่ ย ลลิ ติ พระลอ ก็ใชอ้ โยธยา เช่นกัน
** ศิลปะอูท่ อง หมายถงึ รปู แบบศลิ ปะที่ได้รับอิทธพิ ลมาจากสกุลชา่ งต่างๆ โดยเฉพาะศิลปะทวารวดี และลพบุรี (ศลิ ปะเขมร)
ผสมผสานกนั ส่วนใหญ่เปน็ งานประติมากรรมทีส่ ร้างขึน้ ก่อนสมยั อยธุ ยา และอยุธยาตอนต้น ศิลปะอู่ทองพบในบรเิ วณเมืองสุพรรณบรุ ี
พระนครศรอี ยธุ ยา สรรคบุรี ชัยนาท

20 21

แม้จะไม่มีหลกั ฐานยนื ยนั ว่าพระเจ้าอูท่ องทรงเปน็ กษตั ริยป์ กครอง เรือส�ำเภาแบบฝร่งั ในภาพจิตรกรรมฝาผนงั สมัยอยธุ ยา ภายในตำ� หนักพระพุทธโฆษาจารย์
เมอื งใดมาก่อน และเหตุใดจงึ มาสร้างเมืองใหม่ เพราะหลกั ฐานทีห่ ลงเหลอื
ถงึ ปัจจุบนั มเี พยี งตำ� นานทเ่ี ลา่ ขานสืบต่อกนั มาแลว้ บนั ทึกข้ึนทหี ลงั เชน่ พระบรมราชานุสาวรยี ์
ตำ� นานสงิ หนวตั ิ กลา่ ววา่ พระเจา้ อทู่ องสบื เชอื้ สายมาจากพระเจา้ พรหมกมุ าร สมเด็จพระรามาธบิ ดีที่ ๑ (พระเจ้าอทู่ อง)
จากเมืองเชยี งแสน หรอื แควน้ โยนกนคร หลกั ฐานอ่นื ระบวุ า่ มาจากเมือง
เพชรบุรี เมอื งลพบุรี นกั ประวตั ิศาสตร์และโบราณคดบี างคนเชอื่ วา่ พระเจ้า
อ่ทู องอาจปกครองอยู่ในบรเิ วณใกล้เคยี ง แลว้ ตอ้ งยา้ ยเมอื งเพราะสาเหตุ
จากภยั ธรรมชาตหิ รอื เกิดอหวิ าตกโรคซง่ึ เปน็ โรคระบาดรา้ ยแรง ผู้คนลม้ ตาย
เป็นจำ� นวนมาก
อยา่ งไรกต็ ามกรงุ ศรอี ยุธยาท่ีพระเจ้าอู่ทองสถาปนาข้ึนใหม่ มีท�ำเล
ที่ต้ังเป็นจุดยุทธศาสตร์ส�ำคัญเพราะต้ังอยู่ในบริเวณชุมทางของแม่น้�ำใหญ่
๓ สาย คอื แมน่ ้�ำเจา้ พระยา ลพบุรี และปา่ สกั แมน่ ้ำ� ทั้งสามน้ันนอกจาก
เป็นแหลง่ อดุ มสมบูรณ์ทางธรรมชาตแิ ล้ว ยงั เปน็ เสน้ ทางคมนาคม เส้นทาง
วฒั นธรรม และเสน้ ทางการคา้ ซงึ่ มาจากทรพั ยากรและผลผลติ ของปา่ ระหวา่ ง
เมืองท่อี ยู่ภายใน เชน่ สุโขทยั และลา้ นนาที่อยทู่ างภาคเหนือ จากล้านชา้ ง
และหวั เมอื งในลุ่มแมน่ ้�ำปา่ สัก จากทรี่ าบสงู โคราชและเขมรทางตะวนั ออก
ของอยธุ ยา และจากลมุ่ นำ�้ แมก่ ลองทางตะวนั ตกของอยธุ ยา รวมทง้ั เครอื ขา่ ย
การคา้ รอบชายฝง่ั ทะเลอนั ดามนั และโดยรอบอา่ วไทย โดยเฉพาะแมน่ �้ำ
เจ้าพระยาซ่ึงเป็นแมน่ ำ�้ สายใหญ่ ทเ่ี รือสนิ ค้าจากต่างประเทศสามารถเดนิ ทาง
เขา้ ถึงไดอ้ ยา่ งสะดวก

ภาพเขยี นบนผนงั ศาลาการเปรยี ญวัดเชิงท่า ปัจจัยทางด้านท�ำเลที่ต้ังและสภาพภูมิศาสตร์ส่งผลให้กรุงศรีอยุธยา
แสดงภาพตลาดแผงลอยข้างก�ำแพงเมือง เปน็ แหลง่ รวมสนิ ค้าทหี่ ลากหลายจากเมืองทา่ ตา่ งๆ ทง้ั ภายในและภายนอก
อาณาจกั ร อนั เป็นสง่ิ ทด่ี งึ ดดู พอ่ ค้านานาชาติใหเ้ ดินทางเข้ามาค้าขาย เมื่อ
ภาพวาดลายเส้นรปู ฝพี ายชาวสยามจากหนังสือจดหมายเหตุของเดอ ลาลูแบร์ ราชทูตในคณะทตู ฝร่งั เศส ผนวกกับแสนยานุภาพทางทหารและความม่ันคงทางการเมืองการปกครอง
ที่เดินทางเขา้ มายงั กรงุ ศรอี ยธุ ยา ในรัชสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช เนื่องจากรวมเมืองในเขตท่ีราบลุ่มแม่น้�ำเจ้าพระยาท่ีมีความสัมพันธ์ทางด้าน
เครือญาตเิ ขา้ ด้วยกนั เชน่ เมืองลพบุรี (หรือเมอื งละโว้) เมืองสุพรรณบุรี เมือง
สรรค์บุรี เป็นต้น ทำ� ใหอ้ าณาจกั รอยุธยาเจริญรงุ่ เรอื งขึ้นอย่างรวดเรว็ เปน็
ศนู ย์กลางทางการเมืองการปกครอง ศนู ยก์ ลางทางการคา้ และเศรษฐกจิ ของ
ภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ ในระหว่างพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๐ – ๒๓

22 23

พระนามพระมหากษตั ริย์ และเหตกุ ารณ์สำ�คญั ในสมัยอยธุ ยา * ลำ�ดับ พระนามพระมหากษัตรยิ ์ ชว่ งเวลาครองราชย์ (พ.ศ.) เหตุการณ์สำ�คญั

ลำ�ดบั พระนามพระมหากษตั รยิ ์ ชว่ งเวลาครองราชย์ (พ.ศ.) เหตกุ ารณ์สำ�คญั ๗ สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชท่ี ๒ ๑๙๖๗ – ๑๙๙๑ เป็นพระราชโอรสในสมเดจ็ พระอินทราชา
(เจ้าสามพระยา) มีพระปรีชาสามารถทางด้านการรบ พ.ศ.
๑ สมเดจ็ พระรามาธิบดที ี่ ๑ ๑๘๙๓ – ๑๙๑๒ สถาปนากรุงศรีอยธุ ยาขึ้นใน พ.ศ. ๑๘๙๓ ๑๙๗๔ กองทพั อยุธยารบชนะอาณาจักร
(พระเจ้าอู่ทอง) จัดระเบียบการปกครองเปน็ จตุสดมภ์ เขมร ยึดนครธมได้ พ.ศ. ๑๙๘๑ ได้ผนวก
ฐานอำ�นาจสำ�คัญคือ เมอื งลพบุรี และ
สุพรรณบรุ ี มกี ารประกาศใช้กฎหมายหลาย สโุ ขทยั เขา้ มาเป็นสว่ นหนงึ่ ของอาณาจกั ร
ฉบบั และเร่ิมขยายอำ�นาจไปยังอาณาจักร อยธุ ยา พระองค์ยกทพั ไปตีเมอื งเชยี งใหม่
สโุ ขทัย และอาณาจักรเขมรทเ่ี มืองพระนคร แตไ่ ม่สำ�เร็จ

๒ สมเด็จพระราเมศวร (ครง้ั ที่ ๑) ๑๙๑๒ – ๑๙๑๓ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ๘ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ๑๙๙๑ – ๒๐๓๑ เปน็ พระราชโอรสในสมเดจ็ เจา้ สามพระยา
เมอ่ื ขนึ้ ครองราชย์ ขนุ หลวงพะง่ัวยกทัพมา สมัยน้อี าณาจกั รอยุธยาขยายอาณาเขตได้
อย่างกว้างขวาง จงึ ทรงปฏริ ปู การปกครอง
จากสพุ รรณบรุ ี พระองคจ์ งึ ต้องถวายราช เพ่อื ดงึ อำ�นาจเขา้ สู่ศนู ย์กลาง แบง่ ราชการ
สมบตั ิให้ แลว้ เสด็จกลบั ไปประทบั เมือง ออกเปน็ ฝ่ายทหารกบั พลเรอื น ประกาศใช้
ลพบรุ ี กฎหมายหลายฉบบั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั ศกั ดนิ า

๓ สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชท่ี ๑ ๑๙๑๓ – ๑๙๓๑ ขยายอาณาเขตไปยงั อาณาจักรสโุ ขทยั หลาย และมูลนายเพือ่ ควบคุมกำ�ลงั ไพร่พล
(ขุนหลวงพอ่ ง่วั เรยี กโดยทัว่ ไป ครั้ง จนสโุ ขทยั ต้องยอมเปน็ เมืองขนึ้ ของ
วา่ ขนุ หลวงพะงั่ว) อยธุ ยาใน พ.ศ. ๑๙๒๑ จากนน้ั กแ็ ผ่ขยาย ได้เสดจ็ ไปประทบั ทเี่ มืองพิษณโุ ลก เพอ่ื
อำ�นาจไปยังอาณาจักรลา้ นนา พระองค์ ทำ�สงครามกับอาณาจักรล้านนาเป็น
สวรรคตขณะยกทพั ไปตเี มอื งชากังราว ระยะเวลานาน แตไ่ มแ่ พ้ชนะกันเด็ดขาด
สมัยนมี้ ีวรรณกรรม ๒ เร่อื ง ท่มี ชี อื่ เสียงมาก
(กำ�แพงเพชร) ของอาณาจกั รสุโขทยั คือมหาชาตคิ ำ�หลวง และลิลติ ยวนพ่าย

๔ สมเดจ็ พระเจ้าทองลัน ๑๙๓๑ – ๑๙๓๑ (๗ วนั ) เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระบรม ๙ สมเด็จพระบรมราชาธริ าชท่ี ๓ ๒๐๓๑ – ๒๐๓๔ เป็นพระราชโอรสในสมเดจ็ พระบรม-
(เจา้ ทองจันท)์ ราชาธิราชท่ี ๑ ครองราชย์ไมน่ าน ไตรโลกนาถ ไดท้ รงปกครองกรงุ ศรีอยธุ ยา
ถกู สมเด็จพระราเมศวรชิงราชสมบตั ิ ขณะท่ีสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถประทับ

สมเด็จพระราเมศวร (คร้ังท่ี ๒) ๑๙๓๑ – ๑๙๓๘ มีนโยบายขยายอำ�นาจไปทางล้านนา และ ท่เี มืองพษิ ณุโลก
อาณาจักรเขมร เชน่ เดยี วกับพระมหา
กษัตรยิ อ์ งค์ก่อนๆ ๑๐ สมเดจ็ พระรามาธบิ ดีท่ี ๒ ๒๐๓๔ – ๒๐๗๒ เปน็ พระราชโอรสในสมเด็จพระบรมไตรโลก
(พระเชษฐาธริ าช) นาถ ในสมัยน้ี โปรตเุ กสได้เข้ามาเจรญิ
๕ สมเดจ็ พระรามราชาธิราช ๑๙๓๘ – ๑๙๕๒ เป็นพระโอรสในสมเดจ็ พระราเมศวร สมั พันธไมตรกี บั ไทย (พ.ศ. ๒๐๕๔) จงึ มี
(พระรามราชา) พยายามขยายอำ�นาจไปยงั อาณาจักรล้านนา การเรียนรูว้ ิทยาการของชาติตะวนั ตก
แต่ไม่ประสบความสำ�เรจ็ ทัง้ สโุ ขทัยประกาศ
เอกราช ในที่สดุ ถกู เจ้านครอนิ ทร์ชิงราช โดยเฉพาะด้านการทหาร ได้ทรงนพิ นธ์ตำ�รา
สมบัติ ต้องเสด็จไปประทับท่ีปทาคูจาม พชิ ัยสงคราม เริม่ มกี ารสำ�รวจทำ�บญั ชีผคู้ น
และสตั ว์เล้ียงตา่ งๆ สมัยนม้ี ีการทำ�สงคราม
๖ สมเดจ็ พระอินทราชา ๑๙๕๒ – ๑๙๖๗ เป็นพระนดั ดาในสมเดจ็ พระบรมราชาธิราช กับอาณาจกั รล้านนาหลายครง้ั จนกระทง่ั
(พระนครินทราธิราช) ที่ ๑ ทำ�ให้สุโขทัยตกเป็นเมืองขน้ึ อยุธยาอกี พ.ศ. ๒๐๖๕ จงึ ทำ�ไมตรตี อ่ กนั
คร้ังหน่ึง ทรงมีความสัมพันธอ์ นั ดกี บั จีน ใน
ระบบบรรณาการ สมยั นก้ี ารค้ากบั จีนเจรญิ ๑๑ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชที่ ๔ ๒๐๗๒ – ๒๐๗๖ เปน็ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระรามาธบิ ดี
(หน่อพทุ ธางกรู หรือ ท่ี ๒ และแตง่ ตัง้ ใหพ้ ระไชยราชา (พระอนชุ า
ร่งุ เรอื งมาก พระอาทิตย์วงค์) ต่างพระมารดา) ไปปกครองเมืองพิษณโุ ลก

24 25

ลำ�ดบั พระนามพระมหากษตั ริย์ ชว่ งเวลาครองราชย์ (พ.ศ.) เหตกุ ารณส์ ำ�คญั ลำ�ดับ พระนามพระมหากษัตรยิ ์ ชว่ งเวลาครองราชย์ (พ.ศ.) เหตกุ ารณส์ ำ�คัญ
๑๒ พระรัษฎาธริ าช
๑๓ สมเดจ็ พระไชยราชาธริ าช ๒๐๗๖ – ๒๐๗๗ (๕ เดอื น) เปน็ พระราชโอรสในสมเด็จพระบรม ๑๗ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธริ าช ๒๑๑๒ – ๒๑๓๓ พระนามเดมิ วา่ ขนุ พเิ รนทรเทพ เปน็ เจา้ เมอื ง
ราชาธิราชท่ี ๔ ไดถ้ กู พระไชยราชาธริ าช พษิ ณโุ ลกกอ่ นเสดจ็ ขน้ึ ครองราชยใ์ นชว่ ง ๑๕
๑๔ พระยอดฟา้ (พระแก้วฟ้า) ชงิ ราชสมบัติ ปีแรกกรงุ ศรอี ยุธยาอย่ใู นฐานะเมืองขน้ึ หรือ
เมืองประเทศราชของพม่า ซงึ่ เขมรถอื โอกาส
* ขุนวรวงศาธริ าช ๒๐๗๗ – ๒๐๘๙ เปน็ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระรามาธบิ ดี โจมตชี ายแดนไทยและกวาดตอ้ นผคู้ นหลายครง้ั
๑๕ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ท่ี ๒ พระองค์ปรีชาสามารถทางด้านการรบ
โปรดให้ทหารอาสาโปรตเุ กสเปน็ องครกั ษ์ จนถงึ พ.ศ.๒๑๒๗ สมเดจ็ พระนเรศวรได้
๑๖ สมเด็จพระมหนิ ทราธริ าช และสอนการใช้ปืน พ.ศ. ๒๐๘๑ อยธุ ยาทำ� ประกาศอิสรภาพ ขบั ไล่กองทพั พมา่ และ
สงครามกับพมา่ ในศึกเชยี งกราน เป็นคร้งั โจมตีเขมร เพ่ือสรา้ งความมัน่ คงให้
* ไม่นับเป็นกษัตริย์อยุธยา แรก และทำ�สงครามไดล้ า้ นนาเป็นเมอื งขน้ึ อาณาจักรไทย

๒๐๘๙ – ๒๐๙๑ เปน็ พระราชโอรสในสมเด็จพระไชยราชา- ๑๘ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ๒๑๓๓ – ๒๑๔๘ เปน็ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระมหาธรรมราชา
(สมเดจ็ พระนเรศ) เม่ือทรงพระเยาว์ถกู นำ�ไปพม่าในฐานะตัว
ธริ าชกับทา้ วศรีสุดาจันทร์ เน่อื งจากทรง ประกนั ถึง ๖ ปี ทรงเปน็ กษัตรยิ น์ กั รบ ทรง
พระเยาว์จงึ มที า้ วศรีสดุ าจันทร์ เป็นผู้สำ�เรจ็ ตระเตรยี มกองทัพไทยให้เข้มแข็งจนสามารถ
ราชการ ซ่งึ มีความสัมพันธ์กับ ขนุ วรวง กอบกเู้ อกราชให้อยุธยาไดใ้ นปพี .ศ. ๒๑๒๗
ศาธริ าช ตอ่ มาไดถ้ ูกขุนวรวงศาธิราชปลง ขณะที่ยังทรงเป็นรชั ทายาท ทรงประกอบ
พระชนม์ วรี กรรมดา้ นการรบหลายคร้งั เชน่ พ.ศ.
๒๑๓๕ ทำ�ยทุ ธหัตถีกับพระมหาอุปราชา
๒๐๙๑ – ๒๐๙๑ (๔๒ วัน) ขึน้ ครองราชยส์ มบัตทิ า่ มกลางความไมพ่ อใจ
ของขุนนาง จึงถูกจบั ประหารชวี ติ พร้อมกบั
ทา้ วศรสี ุดาจนั ทร์ ของพม่า ในสมัยนน้ั อยุธยาขยายอาณาจักร
ไดก้ ว้างขวาง ได้ล้านนา ลา้ นช้าง อาณาจกั ร
๒๐๙๑ – ๒๑๑๑ เดิมมพี ระนามวา่ พระเฑยี รราชา ได้รับการ เขมร เปน็ เมืองข้ึน ทรงสง่ ทตู ไปจนี และ
อญั เชิญใหล้ าผนวช ขึน้ ครองราชยส์ มบัติ ทำ�การคา้ อยา่ งกว้างขวางทั้งตะวนั ออก
พระองคจ์ งึ ตอบแทนความดใี ห้กล่มุ ขนุ นาง
เช่น ขนุ พเิ รนทรเทพ ไดร้ ับพระราชทาน และตะวันตก ติดต่อกับสเปนซ่งึ ยึดครอง
พระธดิ าคอื พระวสิ ทุ ธก์ิ ษตั รยิ ์ เปน็ พระชายา ฟลิ ปิ ปินส์อยู่ และทำ�การค้ากบั ฮอลันดา
และไดป้ กครองเมืองพิษณโุ ลก ในสมยั น้ี ในสมยั นถ้ี อื วา่ อาณาจกั รอยธุ ยามคี วามมน่ั คง
กองทพั พมา่ เขา้ รกุ รานไทยหลายครง้ั ครง้ั แรก เจรญิ รุ่งเรืองและมอี ำ�นาจมาก
พ.ศ. ๒๐๙๑ เสยี สมเด็จพระสรุ ิโยทยั ในการ
รบ พ.ศ. ๒๑๐๖ ไทยเสยี ชา้ งเผือก ส่วยช้าง ๑๙ สมเด็จพระเอกาทศรถ ๒๑๔๘ – ๒๑๕๓ เปน็ พระอนชุ าในสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
และเงนิ ให้พม่า รวมท้งั ต้องสง่ พระราเมศวร ได้ทรงทำ�นุบำ�รุงกจิ การภายในประเทศ
และขุนนางบางคนเปน็ ตวั ประกนั ใหพ้ ม่า สง่ เสรมิ การคา้ ระหวา่ งประเทศ เชน่ จนี รวิ กวิ
(ญี่ปนุ่ ในปจั จบุ ัน) โปรตุเกส สเปน ฮอลนั ดา
๒๑๑๑ – ๒๑๑๒ เปน็ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ โดยใน พ.ศ. ๒๑๕๑ ไทยสง่ คณะทตู ไทยไปยงั
กรงุ เฮก ประเทศฮอลันดา นบั เปน็ การสง่
เสดจ็ ขน้ึ ครองราชย์ขณะทพ่ี ระเจา้ บเุ รงนอง คณะทูตไปประเทศในยโุ รปเป็นครั้งแรก
ยกกองทพั พมา่ มาลอ้ มกรงุ ศรอี ยธุ ยา เนอ่ื งจาก
มไี สศ้ กึ และไทยขาดความสามคั คี ไทยจงึ เสยี ๒๐ พระศรเี สาวภาคย์ ๒๑๕๓ – ๒๑๕๔ เป็นพระราชโอรสสมเดจ็ พระเอกาทศรถ
(๑ ปี ๒ เดือน) ครองราชยไ์ มน่ านถกู พระอนิ ทราชาชงิ ราชสมบตั ิ
กรงุ ศรอี ยธุ ยาครง้ั ท๑่ี แกพ่ มา่ ใน พ.ศ. ๒๑๑๒

26 27

ลำ�ดับ พระนามพระมหากษัตรยิ ์ ช่วงเวลาครองราชย์ (พ.ศ.) เหตุการณ์สำ�คัญ ลำ�ดบั พระนามพระมหากษตั รยิ ์ ชว่ งเวลาครองราชย์ (พ.ศ.) เหตุการณ์สำ�คญั
๒๑ สมเด็จพระเจา้ ทรงธรรม
๒๑๕๔ – ๒๑๗๑ เปน็ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระเอกาทศรถ ตนิ ฟอล คอน) ชาวกรกี สมยั นย้ี งั เปน็ ยคุ ทอง
(พระอินทราชา) ทรงสง่ เสรมิ การค้ากบั ต่างประเทศอย่าง ของวรรณคดี มกี วีทีม่ ชี อ่ื เสียงหลายคน
กว้างขวาง ส่งเสรมิ พระพทุ ธศาสนา ทรง วรรณกรรมท่ีมีชอ่ื เสียง เชน่ เสือโคคำ�ฉันท์
๒๒ สมเด็จพระเชษฐาธิราช นิพนธ์มหาชาตทิ ่ีเรียกวา่ กาพยม์ หาชาติ สมุทโฆษคำ�ฉันท์
๒๓ พระอาทิตยวงศ์ และทรงสร้างพระไตรปฎิ ก
๒๔ สมเด็จพระเจา้ ปราสาททอง ๒๘ สมเดจ็ พระเพทราชา ๒๒๓๑ – ๒๒๔๖ เป็นขุนนางช้นั ผูใ้ หญ่ ภายหลังได้
๒๑๗๑ – ๒๑๗๒ (๘ เดอื น) เปน็ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ได้
(เจ้าพระยากลาโหมสรุ ยิ วงศ์ แต่ครองราชยไ์ มน่ านถูกพระยากลาโหม กำ�จดั อำ�นาจฝรง่ั เศส และเจา้ พระยาวชิ าเยนทร์
หรือศรีวรวงศ์) สุริยวงศ์ สำ�เร็จโทษ สมยั นีก้ ารค้ากบั ตะวนั ตกลดลง ในด้าน
การเมืองการปกครอง มีการกบฏเกิดข้นึ
๒๕ สมเด็จเจา้ ฟา้ ไชย ๒๑๗๒ – ๒๑๗๒ (๓๘ วนั ) เป็นอนุชาของสมเดจ็ พระเชษฐาธิราช หลายคร้งั ที่รนุ แรงทสี่ ุด คอื กบฏพระยา
๒๖ สมเดจ็ พระศรสี ธุ รรมราชา ถกู เจา้ พระยากลาโหมสรุ ยิ วงศ์ ชิงราชสมบตั ิ นครศรธี รรมราช ตอ้ งใช้เวลาประมาณ ๓ ปี
และสำ�เร็จโทษ จึงสามารถปราบปรามจนยตุ ิลงได้
๒๗ สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช
๒๑๗๒ – ๒๑๙๙ เดมิ เปน็ ขุนนางท่คี มุ อำ�นาจทางทหาร เมือ่ ๒๙ สมเดจ็ พระสรรเพชญท์ ี่ ๘ ๒๒๔๖ – ๒๒๕๑ เปน็ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระเพทราชา
ปราบดาภเิ ษกเปน็ กษตั รยิ แ์ ลว้ ไดก้ ำ�จดั ออกญา (พระเจ้าเสือ) ในสมยั นบี้ า้ นเมอื งสงบ ทรงโปรดปราน
เสนาภมิ ขุ (ยามาดา นางามาซา) หวั หนา้ การตกปลา ชกมวย คล้องช้าง ทำ�ให้เกดิ
กองทหารอาสาญ่ีปนุ่ ในสมยั น้ีมีการสง่ เสรมิ วรี กรรมของพันท้ายนรสิงห์ ซ่ึงเป็นนายทา้ ย
การคา้ ระหวา่ งประเทศโดยเปดิ เมอื งทา่ มะรดิ เรือที่เคารพกฎเกณฑย์ อมเสยี สละชพี เพ่ือ
ทางอ่าวเบงกอล (เดิมมเี ฉพาะเมืองทวาย รักษากฎหมายไว้
และตะนาวศร)ี และสนพระทยั ในวิทยาการ
และความเจรญิ ของชาวตะวนั ตกมาก ๓๐ สมเด็จพระสรรเพชญ์ท่ี ๙ ๒๒๕๑ – ๒๒๗๕ เป็นพระราชโอรสในพระเจา้ เสอื สมัยนี้
(พระเจ้าท้ายสระ) เวยี ดนามและไทยแผ่ขยายอำ�นาจเหนือเขมร
๒๑๙๙ – ๒๑๙๙ เปน็ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง (กมั พชู า) แต่เขมรยอมเปน็ เมืองขนึ้ ไทยและ
(๓ – ๕ วัน) ครองราชย์ไมน่ านถกู พระศรสี ุธรรมราชา การคา้ กับจนี เจรญิ รุ่งเรอื งมาก
และพระนารายณ์สำ�เร็จโทษ
๓๑ สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชที่ ๓ ๒๒๗๕ – ๒๓๐๑ เปน็ พระอนชุ าในพระเจา้ ทา้ ยสระ พระนาม
๒๑๙๙ – ๒๑๙๙ (๒ เดอื น) เปน็ พระอนชุ าในสมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง (สมเด็จพระเจ้าอยู่หวั บรมโกศ) เดิมวา่ เจา้ ฟา้ พร ดำ�รงตำ�แหน่งพระอปุ ราช
ครองราชยไ์ มน่ านมเี รอ่ื งขดั แยง้ กบั พระนารายณ์ ภายหลงั ท่ีพระเจา้ ทา้ ยสระสวรรคต เกิด
เกิดเป็นสงครามกลางเมอื งซึ่งสมเดจ็ พระศรี สงครามกลางเมืองระหว่างวังหลวง มี
สุธรรมราชาเป็นฝา่ ยพา่ ยแพ้ เจา้ ฟา้ อภัยซ่งึ เปน็ พระราชโอรสเป็นผนู้ ำ�
และวังหนา้ ซ่ึงมเี จา้ ฟ้าพรเปน็ ผูน้ ำ� เจา้ ฟ้า
๒๑๙๙ – ๒๒๓๑ เป็นพระโอรสในสมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง
สมยั นกี้ ารคา้ และการทูตเจรญิ รุ่งเรืองมาก
โดยเฉพาะกบั ชาตติ ะวนั ตกทง้ั องั กฤษ ฮอลนั ดา พรได้ชยั ชนะจงึ ข้นึ ครองราชย์ สงครามครัง้
ฝรง่ั เศสและอาหรบั ทรงสนพระทยั ในวทิ ยาการ น้ที ำ�ใหส้ ูญเสยี ขนุ นางท่ีมคี วามสามารถเป็น
ความเจริญของตะวนั ตกหลายดา้ น มกี าร จำ�นวนมาก สมยั นพ้ี ระพุทธศาสนาเจรญิ
สง่ ทูตไปตา่ งประเทศ ทีม่ ชี อ่ื เสยี งคือ ออก ร่งุ เรอื ง เปน็ ศนู ยก์ ลางพทุ ธศาสนาเถรวาท
พระวสิ ทุ ธสนุ ทร (โกษาปาน) ไปฝรง่ั เศส และ ทรงส่งสมณะทูตไปฟ้ืนฟพู ระพทุ ธศาสนาที่
มชี าวตา่ งชาตทิ เ่ี ขา้ รบั ราชการในราชสำ�นกั ไทย ลงั กา วรรณกรรมทีเ่ ด่นในสมยั นค้ี อื บทเห่
ทส่ี ำ�คญั คอื เจา้ พระยาวชิ าเยนทร์ (คอนสแตน เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้าก้งุ )

28 29

ลำ�ดับ พระนามพระมหากษัตรยิ ์ ชว่ งเวลาครองราชย์ (พ.ศ.) เหตกุ ารณ์สำ�คัญ ภาพจติ รกรรมฝาผนงั ทีว่ ัดเชงิ ทา่ แสดงวิถีชีวิตของชาวอยุธยาทใี่ ชเ้ รอื เป็นพาหนะสำ� คญั
๓๒ สมเดจ็ พระเจ้าอุทุมพร
๒๓๐๑ – ๒๓๐๑ (๑ เดือน) เปน็ พระราชโอรสในพระเจ้าอยูห่ ัวบรมโกศ แม่น�้ำ ๓ สายน�ำความอดุ มสมบรู ณม์ าส่พู ระนครศรีอยธุ ยา แตเ่ มือ่
(ขนุ หลวงหาวดั ) แต่ได้ถวายราชสมบตั แิ กพ่ ระเชษฐา แลว้ ถงึ ฤดฝู นปรมิ าณน้�ำจะไหลบา่ เข้าทว่ มพนื้ ทเี่ มืองหลวง ดงั นน้ั กรงุ ศรีอยธุ ยา
เสด็จออกผนวช ภายหลังเสยี กรุงศรีอยธุ ยา จงึ ออกแบบผงั เมอื งให้เป็นเมอื งนำ้� คอื รกั ษาแม่น�้ำลำ� คลองเดิมไว้ และขดุ คู
๓๓ สมเด็จพระทนี่ งั่ สรุ ิยาศน์ (พ.ศ. ๒๓๑๐) พระองคถ์ ูกนำ�ตวั ไปพมา่ และ คลองเพ่ิมเติมโดยเฉพาะในแนวเหนือ – ใต้ ใหเ้ ปน็ แนวตรงเชอ่ื มตอ่ กบั แมน่ ำ�้
อมรนิ ทร์ (พระเจ้าเอกทศั ) สิ้นพระชนม์ที่นัน่ และเครอื ข่ายคคู ลองโยงใยกันทัง้ ในเมืองและนอกเมือง ท�ำใหก้ ระแสน้ำ�
ระบายไปจากตวั เมอื งได้สะดวกรวดเร็ว คคู ลองต่างๆ จะแบ่งพน้ื ทอี่ อกเป็น
๒๓๐๑ – ๒๓๑๐ เป็นพระเชษฐาในสมเด็จพระเจา้ อทุ ุมพร ใน ส่วนๆ ใชเ้ ป็นเขตวัด เขตวงั เขตท่อี ยอู่ าศยั อย่างเปน็ ระเบียบ นอกจากน้ียงั มี
สมัยนก้ี องทัพพมา่ ไดย้ กทัพรุกรานไทยอยา่ ง การสร้างถนนดนิ และถนนอิฐขนานไปกับแนวคคู ลองรวมทงั้ สร้างสะพาน
ต่อเน่อื ง ต้องสึกเจา้ ฟา้ อทุ มุ พรให้ออกมา จำ� นวนมากขา้ มคคู ลองดงั กลา่ ว นอกตวั เมอื งเปน็ พนื้ ทเี่ กษตรกรรม ทอ่ี ยอู่ าศยั
ช่วยนำ�ทัพ (พ.ศ.๒๓๐๓) แต่เม่ือเสรจ็ ศึก ของชาวอยุธยา และวดั วาอาราม
แลว้ เสดจ็ ออกผนวชอีก เน่อื งจากพระองค์
ไม่ได้เตรยี มพร้อมป้องกนั บ้านเมอื ง กรุง
ศรอี ยุธยาจงึ เสยี แกพ่ มา่ ครัง้ ท่ี ๒ เมอ่ื พ.ศ.
๒๓๑๐ ถือเปน็ การสิ้นสดุ สมยั อยุธยา

ทม่ี า : สรุปจากสารานกุ รมประวัติศาสตร์ไทย เลม่ ๑ อักษรก. ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.๒๕๔๙

ในระยะแรกของการสถาปนากรงุ ศรอี ยธุ ยานน้ั พระเจา้ อทู่ องใหส้ รา้ ง
พระต�ำหนักเปน็ ท่ีประทับชว่ั คราว ณ เวยี งเหล็ก (ทางใต้ของเมอื ง) ซึ่งต่อมา
โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างเป็นวัดพุทไธสวรรคข์ น้ึ แลว้ ทรงเลือกพืน้ ทบ่ี ริเวณใกล้
หนองโสน (ปจั จบุ นั เรยี กวา่ บงึ พระราม) ซงึ่ เปน็ ทดี่ อนสรา้ งพระนครศรอี ยธุ ยาขนึ้
โดยอาศยั แมน่ ำ้� ลพบรุ ี และแมน่ ำ้� เจา้ พระยาเปน็ คเู มอื งทางดา้ นเหนอื ตะวนั ตก
และดา้ นใต้ ต่อมาจึงขุดคเู มืองทางตะวนั ออก ตรงแยกแม่น้�ำลพบุรแี ละแมน่ ำ้�
ปา่ สกั บรเิ วณตำ� บลหวั รอ ไปบรรจบกบั แมน่ ำ�้ เจา้ พระยาทบี่ างกะจะทป่ี อ้ มเพชร
เรียกวา่ คูขอ่ื หนา้ ท�ำใหพ้ ระนครศรีอยธุ ยามแี มน่ ้�ำลอ้ มรอบทงั้ ๔ ดา้ น

30 31

พระราชวงั ซ่งึ เปน็ ท่ีประทบั ของพระมหากษตั รยิ น์ น้ั พระเจา้ อ่ทู อง วัดพระศรีสรรเพชญ์ กอ่ นการบรู ณะ
ทรงโปรดให้สร้างข้ึนในบริเวณท่ีปัจจุบันเป็นที่ต้ังวัดพระศรีสรรเพชญ์ใน
พระราชพงศาวดารระบุนามพระทน่ี ่ังสำ� คัญ ๕ หลัง คอื พระทนี่ ั่งไพทรู ย์ วัดพระศรีสรรเพชญ์ในปัจจบุ นั
มหาปราสาท พระทน่ี งั่ ไพชยนตม์ หาปราสาท พระทนี่ ง่ั ไอศวรรยม์ หาปราสาท วดั พระศรสี รรเพชญ์ เปน็ วัดในพระราชวงั กรงุ ศรีอยุธยา ไมม่ พี ระภิกษุจ�ำพรรษา
พระทน่ี ั่งมงั คลาภิเษกและพระท่นี ่งั ตรีมุข สันนษิ ฐานวา่ สร้างดว้ ยไม้ท้ังหมด สรา้ งขนึ้ ในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ซงึ่ ไดถ้ วายพนื้ ทบี่ รเิ วณพระราชวงั หลวงเดมิ
ต่อมาใน พ.ศ. ๑๙๘๓ เกดิ ไฟไหม้เสียหาย สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ อทู่ องให้เปน็ เขตพุทธาวาส เพ่อื ให้ใชป้ ระกอบราชพิธสี ำ� คญั
(พ.ศ.๑๙๙๑ – ๒๐๓๑) จงึ ยกพ้นื ทีพ่ ระราชวังเดิมให้เป็นเขตพุทธาวาส และ ภายในประดษิ ฐานพระศรีสรรเพชญ์ ซง่ึ สมเด็จพระรามาธบิ ดีที่ ๒ โปรดให้สรา้ งข้ึน
โปรดเกล้าฯ ใหส้ รา้ งพระราชวงั ข้นึ ใหมท่ างดา้ นเหนือของพระราชวงั เดิม แล้ว เป็นพระพทุ ธรูปขนาดใหญ่ มคี วามสูง (๑๖ เมตร) หุ้มดว้ ยทองคำ� หนกั ๒๘๖ ชงั่
ขยายพระราชวังหลวงออกไปทางเหนือจนจรดแนวคูเมืองแม่น้�ำลพบุรี (๑๗๓ กโิ ลกรัม) พระเจดีย์ใหญ่ทั้ง ๓ องคเ์ ป็นท่บี รรจพุ ระบรมอฐั ิของสมเด็จ
พระราชวงั หลวงทใี่ หส้ รา้ งขน้ึ ใหมแ่ บง่ เปน็ ๓ สว่ นคอื เขตพระราชฐานชน้ั นอก พระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ และสมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี ๒
เขตพระราชฐานชน้ั กลาง และเขตพระราชฐานชัน้ ใน โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ซ่ึงทัง้ สองพระองค์เป็นพระราชโอรสในสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ
พระท่นี ั่งขึน้ หลายหลัง ซ่งึ ในรชั กาลต่อมาได้มีการกอ่ สร้างเพมิ่ เติมและใช้
สบื ต่อมาจนสิ้นสมยั อยธุ ยา

วัดพระศรสี รรเพชญ์
ภายในเขตพระราชวังหลวงกรงุ ศรอี ยธุ ยา

32 33

ในชว่ งหนงึ่ ศตวรรษแรก (๑๐๐ ป)ี ของการสถาปนาอาณาจกั รอยธุ ยา วดั กุฎีดาว เปน็ วดั ขนาดใหญส่ นั นษิ ฐานว่า วัดมหาธาตุ ต้งั อยู่ทางทศิ ตะวนั ออกของ
ได้สร้างความเปน็ เอกภาพทางการเมอื ง ดว้ ยการขยายอ�ำนาจไปดนิ แดน สรา้ งขน้ึ ในสมยั อยุธยาตอนต้น เนือ่ งจาก พระราชวังกรงุ ศรอี ยธุ ยา พระราชพงศาวดาร
ใกล้เคียง ซึง่ มสี าเหตมุ าจากปจั จยั ส�ำคญั ๒ ประการ คือทางดา้ นเศรษฐกจิ บวั หวั เสาคลา้ ยวิหารวัดพระศรีสรรเพชญ์ ระบวุ ่า สร้างข้ึนในรัชกาลสมเดจ็ พระราเมศวร
อาณาจักรอยุธยาตอ้ งการครอบครองแหลง่ ทรพั ยากร และเมืองทา่ ส�ำคัญ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศครัง้ ด�ำรงตำ� แหนง่ ใหอ้ ญั เชิญพระบรมสารีรกิ ธาตมุ าบรรจใุ ต้ฐาน
ทางทะเลเพอ่ื การคา้ ขา้ มภมู ภิ าค และทางดา้ นการเมอื ง คอื การแสดงอทิ ธพิ ล วงั หน้าไดป้ ฏิสังขรณว์ ัดนี้ เมอ่ื พ.ศ. ๒๒๕๔ พระปรางค์ประธานของวัดเมื่อ พ.ศ. ๑๙๒๗
ทางการเมอื งเหนอื อาณาจกั รอื่นๆ ทเ่ี ป็นรัฐเพอื่ นบ้านท้ังที่เป็นรฐั ของคนไทย โดยสร้างตำ� หนกั เพอ่ื ใช้เปน็ ท่ีประทับเมื่อเสดจ็ ฯ พระปรางคว์ ดั มหาธาตุถอื เปน็ ปรางค์ท่สี รา้ งข้ึน
ด้วยกัน และรัฐของชาวตา่ งชาตติ า่ งภาษา โดยเฉพาะอาณาจักรเขมร ซง่ึ มาทอดพระเนตรการปฏิสังขรณ์ ซ่งึ แล้วเสรจ็ ในช่วงสมัยอยธุ ยาตอนต้น ฐานของพระปรางค์
เคยมอี �ำนาจปกครองบริเวณนีม้ าก่อน ใน ๓ ปตี ำ� หนกั หลงั นเี้ รยี กวา่ ก่อด้วยศิลาแลงตามรูปแบบการสร้างปราสาท
ทางเหนอื อยธุ ยาไดข้ ยายอำ� นาจครอบครองอาณาจกั รสโุ ขทยั ไดส้ ำ� เรจ็ “ต�ำหนักกำ� มะเลียน” ของอาณาจกั รเขมรโบราณ
แตไ่ ม่สามารถยดึ ครองเมืองเชยี งใหม่ ของอาณาจักรลา้ นนาไดอ้ ยา่ งถาวร สมเด็จพระเจ้าปราสาททองไดป้ ฏิสงั ขรณ์
ทางตะวนั ออก อยธุ ยาไดท้ ำ� สงครามเพอื่ ใหม้ อี ำ� นาจเหนอื เมอื งตา่ งๆ พระปรางคใ์ หม่ โดยเสริมใหส้ งู ขน้ึ กว่าเดิม
ในทร่ี าบสงู โคราช เชน่ เมืองพิมาย เมอื งพนมรุง้ และอาณาจกั รเขมร เปน็ แตพ่ งั ทลายมาทั้งองค์ในสมยั รชั กาลที่ ๖
ผลให้เขมรออ่ นก�ำลังลง และยา้ ยเมืองหลวงหลายคร้งั แห่งกรงุ รตั นโกสนิ ทร์
เมอ่ื กรมศิลปากรได้ขดุ แต่งพระปรางค์
เจดีย์ประธาน วัดมหาธาตุ พบวตั ถโุ บราณทส่ี ำ� คัญหลายช้ิน
เชน่ ผอบศลิ า ชั้นในบรรจุพระบรมสารรี กิ ธาตุ
พระวหิ ารวัดกฎุ ีดาว (ปจั จุบนั ประดิษฐานอยทู่ ี่
พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา)
ตำ� หนักกำ� มะเลียน
เศยี รพระพุทธรูปหินทราย ในวัดมหาธาตุ เข้าใจว่า เศยี รไดห้ ล่นมาอย่ทู ี่โคนตน้ ไม้
ในสมยั เสียกรงุ ศรอี ยุธยาคร้งั ท่ี ๒ จนรากไม้ขน้ึ ปกคลุมพระพทุ ธรปู

34 35
ทางใต้ อยธุ ยาขยายอำ� นาจไดม้ น่ั คงเหนอื เมอื งนครศรธี รรมราช และ
พยายามควบคุมรฐั มลายู วัดใหญ่ชัยมงคล เดมิ ชือ่ วดั ป่าแก้ว หรอื
ทางตะวนั ตก ได้หัวเมืองมอญซึ่งเป็นเมอื งท่าทางฝั่งตะวันตกได้แก่ วดั เจา้ พระยาไทย ตง้ั อยู่ทางตะวันออกของ
เมอื งทวาย มะรดิ และตะนาวศรี แม่นำ�้ ป่าสกั สันนษิ ฐานวา่ พระเจ้าอูท่ อง
สองศตวรรษตอ่ มา เป็นช่วงเวลาท่ีกรุงศรีอยธุ ยาเป็นปกึ แผน่ ทาง ทรงโปรดเกล้าฯ สร้างขน้ึ เมื่อ พ.ศ. ๑๙๐๐
การเมือง และเจรญิ รุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ในสมยั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในบริเวณท่ีถวายพระเพลงิ ศพเจา้ แก้วเจ้าไท
(พ.ศ.๑๙๙๑ – ๒๐๓๑) พระองค์ไดป้ ฏริ ูปการปกครองเพ่อื ให้เหมาะสมกับ และใหเ้ ปน็ สำ� นักสงฆท์ ่ีบวชเรยี นทางลังกาวงศ์
อาณาจกั รทขี่ ยายไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง โดยรวมอำ� นาจไวท้ ศ่ี นู ยก์ ลาง แบง่ อำ� นาจ จงึ เรยี กว่า วัดป่าแกว้ ตอ่ มาไดน้ ามว่า
ออกเปน็ ฝา่ ยทหารและฝา่ ยพลเรอื น ปรบั ปรงุ การปกครองแบบเดมิ ทมี่ ลี กั ษณะ วัดเจา้ พระยาไท เพราะเป็นทพ่ี �ำนกั ของ
เปน็ จตสุ ดมภ์ กำ� หนดการควบคมุ ราษฎรท่วั ทัง้ อาณาจักรในรปู ของศักดนิ า สมเดจ็ พระวันรัต พระสังฆราชฝ่ายขวา
คือการกำ� หนดสิทธิและหน้าทข่ี องชาวไทยทงั้ ปวง ไพร่ (ราษฎร) ต้องสงั กัด ในแผน่ ดินสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
มลู นาย (พระราชวงศ์ และขนุ นาง) แบง่ เปน็ ไพรห่ ลวง ซงึ่ ตอ้ งมารบั ราชการ หลงั จากทพี่ ระองค์ไดช้ ยั ชนะในการท�ำยทุ ธหตั ถี
หรือมาทำ� งานให้บ้านเมอื งปีละ ๖ เดอื น เรียกว่า “เขา้ เดอื นออกเดอื น” และ กับพระมหาอุปราชาของพม่าใน พ.ศ. ๒๑๓๕
ไพรส่ ม ซงึ่ เปน็ คนของมลู นายจะทำ� งานตามทมี่ ลู นายมอบหมาย สว่ นไพรส่ ว่ ย สมเด็จพระวันรตั วดั ปา่ แกว้ ไดข้ อพระราชทาน
คือราษฎรที่เสียภาษีเป็นผลผลิตในท้องถิ่นแทนการถูกเกณฑ์แรงงานหรือ อภยั โทษแกน่ ายทัพนายกองท่ตี ามเสด็จไปไมท่ ัน
แทนการเข้าเดือนออกเดอื น พระองคไ์ ด้โปรดเกล้าฯ ใหส้ รา้ งพระเจดีย์
ทรงระฆงั ขนาดใหญ่ (สงู ประมาณ ๖๐ เมตร)
ไพรแ่ ละขนุ นางในภาพเขียนแสดงการแตง่ กายของชาวอยธุ ยาในจดหมายเหตลุ าลูแบร์ราชทูตฝรัง่ เศสในสมยั พระนารายณ์มหาราช ขนานนามวา่ พระเจดยี ์ชยั มงคล วัดนี้จึงเรยี กกัน
ต่อมาวา่ วดั ใหญ่ชยั มงคล

36 37
การเปน็ เมอื งศนู ย์กลางทางการคา้ ท�ำให้กรงุ ศรอี ยธุ ยาเปน็ ท่ีรวม
ผคู้ นหลากหลายเชอ้ื ชาตแิ ละศาสนา ซง่ึ มที งั้ เขา้ มาอยอู่ าศยั เพอื่ ประกอบกจิ การ พพิ ธิ ภณั ฑป์ ระวตั ศิ าสตร์
คา้ ขาย การเผยแพรศ่ าสนา บางคนได้เขา้ มารับราชการในราชส�ำนกั อยุธยา ในบรเิ วณหมบู่ า้ นฮอลนั ดา
ได้รับพระราชทานต�ำแหน่งเป็นขุนนางท่ีมีชื่อเสียงเป็นท่ีรู้จักในประวัติศาสตร์
เชน่ ออกญาเสนาภิมขุ (นายยามาดะ นางามาซะ ชาวญป่ี ุ่น) เจา้ พระยา หมบู่ า้ นโปรตเุ กส
วิชาเยนทร์ (นายคอนสแตนติน ฟอลคอน ชาวกรีก) ออกพระศกั ดสิ งคราม วดั นกั บญุ ยอแซฟ คลองตะเคยี น
(นายเฟอรว์ าลิเยร์ เดอ ฟอรแ์ ปง ชาวฝรั่งเศส) คนต่างชาติบางกลุ่มได้รบั
ราชการในฝ่ายการทหาร เช่น กลุ่มอาสาญ่ปี นุ่ อาสาจาม กลุ่มทหารรบั จา้ ง ศาลเจา้ ของชาวจนี
ชาวโปรตเุ กส เปน็ ตน้
นอกจากน้ียงั มีกลมุ่ คนซง่ึ สว่ นใหญเ่ ป็นชาติเพอื่ นบา้ นที่อพยพเขา้ มา
พ่ึงพระบรมโพธิสมภาร หรอื ถกู กวาดตอ้ นในสงคราม ซ่ึงอยธุ ยาได้ควบคุม
กลมุ่ คนตา่ งชาตเิ หลา่ นอี้ ยา่ งเปน็ ระบบคอื หวั หนา้ ของกลมุ่ คนดงั กลา่ ว จะไดร้ บั
การแต่งตัง้ จากราชส�ำนักอยธุ ยาใหม้ ีหนา้ ที่ควบคมุ กล่มุ ชน ไดร้ ับพระราชทาน
ทด่ี นิ ใหต้ ง้ั ถน่ิ ฐานรวมกนั ในกลมุ่ เชอื้ ชาติ เชน่ ชมุ ชนชาวฮอลนั ดา ชาวโปรตเุ กส
หมบู่ า้ นชาวญ่ปี นุ่ ยา่ นแขกมัวร์ แขกมลายู แขกจาม ชุมชนชาวมอญ ชาว
ตา่ งชาตเิ หล่านี้ มีเสรภี าพทางด้านการนับถอื ศาสนา การสรา้ งศาสนสถาน
และการประกอบพธิ กี รรมตามความเชือ่ ของตนได้อย่างเสรี

มสั ยดิ ของชาวมสุ ลมิ
หมบู่ า้ นญปี่ นุ่

38 39

พระราชานุสาวรยี ์ วัดวรเชษฐาราม เป็นวดั ท่ีตงั้ อยใู่ นเขตอทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ พระราชพงศาวดาร
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช กรุงศรีอยธุ ยา ระบวุ ่า สมเดจ็ พระเอกาทศรถ เมอ่ื ขึน้ ครองราชย์ได้สร้างวดั วรเชษฐ์
ท้ังพระวหิ าร พระพทุ ธรูป พระเจดยี บ์ รรจสุ ารรี ิกธาตุ และหอพระธรรม เพ่ืออุทศิ
การขยายอำ� นาจของอยุธยาทำ� ให้เกดิ ความขัดแย้งกับประเทศเพอ่ื น พระราชกศุ ลแดส่ มเดจ็ พระเชษฐาธริ าช (สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช)
บ้าน โดยเฉพาะพม่า ซง่ึ แข่งขันกันมอี ำ� นาจเหนือเมืองเชยี งใหม่ และหัวเมอื ง
มอญ ทำ� ใหอ้ ยุธยาต้องทำ� สงครามกบั พมา่ หลายครง้ั เร่มิ ต้นทีศ่ ึกเชยี งกราน วดั หน้าพระเมรุหรือวัดพระเมรุราชิการาม
เมอ่ื พ.ศ. ๒๐๘๑ สงครามครงั้ สำ� คญั เชน่ สงครามครง้ั เสยี สมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั ต้ังอย่บู ริเวณริมคลองสระบวั (แม่น�ำ้ ลพบรุ )ี
พ.ศ. ๒๐๙๑ สงครามเสยี กรงุ ศรีอยุธยาคร้งั ที่ ๑ พ.ศ. ๒๑๑๒ ท�ำให้อยธุ ยา ทางด้านเหนือนอกเกาะเมืองอยุธยา สรา้ งขึน้
ตอ้ งตกเปน็ เมอื งขน้ึ ของพมา่ นานถงึ ๑๕ ปี จนกระทงั่ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ในสมัยอยุธยาตอนต้น เดมิ คงเป็นสถานที่
กอบกเู้ อกราชไดเ้ มื่อ พ.ศ. ๒๑๒๗ และท�ำสงครามยุทธหตั ถกี บั พม่าคร้ัง ส�ำหรับสรา้ งพระเมรถุ วายพระเพลิงพระบรมศพ
พระมหาอปุ ราชาของพมา่ สน้ิ พระชนมบ์ นคอชา้ งเมอื่ พ.ศ. ๒๑๓๕ หลงั จากนนั้ พระมหากษัตริย์พระองคใ์ ดพระองคห์ นึ่ง
บ้านเมืองเข้าสู่ความสงบ กรงุ ศรอี ยุธยาได้กลบั มามอี �ำนาจทางการเมอื งการ ของอยธุ ยา
ปกครอง และเจรญิ ร่งุ เรืองทางเศรษฐกิจอีกคร้ังหนงึ่ วัดน้ีมคี วามสำ� คญั กับเหตกุ ารณ์ใน
ประวตั ิศาสตรอ์ ยธุ ยาก่อนเสียกรงุ ศรอี ยุธยา
ครั้งที่ ๑ ในรชั กาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
เมื่อครั้งท�ำศึกกับบุเรงนองของพม่า ไดม้ ีการ
สรา้ งพลบั พลาทป่ี ระทับระหวา่ งหน้าพระเมรุ
กับวัดหสั ดาวาส เพือ่ ใชเ้ ป็นทที่ ำ� สญั ญาสงบศกึ
ระหว่างไทยกบั พม่า เมือ่ พ.ศ. ๒๑๐๖
พระคนั ธารราฐ ประทบั นั่งห้อยพระบาท
ศิลปะสมยั ทวารวดี เดิมอยทู่ ่วี ัดมหาธาตุ
ในสมยั รชั กาลที่ ๓ แหง่ กรงุ รตั นโกสินทร์
ได้อญั เชิญมาไวใ้ นวหิ ารสรรเพชญ์
(หรอื วิหารนอ้ ย) ขา้ งพระอุโบสถ
วัดหน้าพระเมรุ ซง่ึ ประดษิ ฐานจนถงึ ทกุ วนั น้ี

40 41

วัดราชบูรณะ สรา้ งข้นึ ในสมยั สมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี ๒ (เจา้ สามพระยา)
เม่อื พ.ศ. ๑๙๖๗ ตรงบรเิ วณทถ่ี วายพระเพลงิ พระศพเจา้ อา้ ยพระยาและเจา้ ยพ่ี ระยา
ซงึ่ เปน็ พระเชษฐาของพระองค์ วัดราชบรู ณะเปน็ วัดสำ� คญั วัดหนง่ึ ในสมยั อยธุ ยาตอนต้น
ภายในพระปรางคป์ ระธานพบเครอ่ื งราชปู โภคทองคำ� พระพุทธรปู และพระพมิ พ์ต่างๆ
จำ� นวนมาก ปจั จบุ ันแสดงอย่ใู นพพิ ิธภณั ฑสถานแห่งชาตเิ จา้ สามพระยา

วัดพุทไธศวรรย์ เป็นวัดท่สี มเดจ็ พระรามาธิบดที ี่ ๑ (พระเจา้ จิตรกรรมฝาผนงั วดั พทุ ไธศวรรย์ เคร่ืองทองและเคร่ืองราชกกธุ ภัณฑท์ ีค่ ้นพบในกรพุ ระปรางคว์ ัดราชบรู ณะ
อทู่ อง) ทรงโปรดให้สร้างข้ึนในบริเวณเวียงเหล็ก ซ่งึ เปน็ ท่ีตงั้ ภาพจิตรกรรมภายในต�ำหนกั สมเด็จ ซ่ึงพระมหากษัตริยอ์ ยธุ ยาสร้างขน้ึ เพอ่ื อทุ ศิ ถวายแด่พระบรมธาตุ
พลับพลาทีป่ ระทับก่อนสรา้ งพระราชวงั หลวงทีก่ รุงศรีอยธุ ยา พระพทุ ธโฆษาจารย์ เป็นงานจติ รกรรมในสมยั แสดงถึงความเจริญทางเศรษฐกจิ และศลิ ปวทิ ยาการของอาณาจกั รอยธุ ยา
จะแล้วเสร็จ ในวัดมีพระตำ� หนักพระพทุ ธโฆษาจารย์ ภายใน อยธุ ยาท่ที รงคณุ ค่ายงิ่ เพราะเปน็ การเขียนภาพ
ผนงั มจี ติ รกรรมฝาผนงั เปน็ หมเู่ ทวดา นกั พรตและการนมสั การ ทีบ่ อกเล่าเร่อื งราวทางประวัตศิ าสตร์ ศาสนา
พระพทุ ธบาท สังคม และวัฒนธรรม ภาพจติ รกรรมฝาผนงั
พระปรางคป์ ระธานวดั พุทไธศวรรย์ เปน็ ศลิ ปะแบบเขมร ภายในตวั อาคาร สามารถลำ� ดบั เรอื่ งราวไดด้ งั น้ี
ทีม่ ีความงดงามมาก บริเวณพระปรางคล์ อ้ มรอบดว้ ย ผนงั ดา้ นทศิ ตะวนั ออกเขียนเล่าเรอื่ งเกย่ี วกับ
พระระเบียงมพี ระพทุ ธรูปปูนปน้ั ลงรกั ปดิ ทองตงั้ เรียงราย ประวตั สิ มเด็จพระพทุ ธโฆษาจารยเ์ สดจ็ ไป
โดยรอบ นมสั การรอยพระพุทธบาท ณ ประเทศลังกา
ลักษณะของงานจิตรกรรมที่ตำ� หนกั
สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารยน์ ้ี จัดเป็นงาน
จิตรกรรมในช่วงสมยั อยุธยาตอนปลาย
ซึง่ ตรงกบั รัชสมัยของสมเด็จพระเพทราชา
ราวปี พ.ศ. ๒๒๓๑ ถงึ ปี พ.ศ. ๒๒๔๖

42 43

วดั ไชยวฒั นาราม ตงั้ อยรู่ ิมแมน่ �ำ้ เจ้าพระยา ฉนวน เป็นทางเดนิ ท่ีมีก�ำแพงต้ังอยทู่ ้งั สองข้าง วัดมเหยงคณ์ สร้างข้ึนในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธริ าชท่ี ๒ (เจา้ สามพระยา)
ฝงั่ ตะวนั ตกนอกเกาะเมอื ง เป็นวัดท่ี ทางเดินเช่อื มระหวา่ งซุม้ ประตูทางเข้าและ เจดยี ์ประธานทรงระฆังบนฐานมีชา้ งลอ้ มรอบเปน็ ศิลปะแบบลงั กา
สมเดจ็ พระเจ้าปราสาททองโปรดใหส้ ร้างขนึ้ พระอุโบสถ ลกั ษณะก�ำแพงเป็นก�ำแพงทม่ี ี สมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวทา้ ยสระไดโ้ ปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏสิ ังขรณ์ เม่ือ พ.ศ. ๒๒๕๒
เม่ือ พ.ศ. ๒๑๗๓ เพ่ืออุทิศถวายใหเ้ ปน็ อนุสรณ์ บัวประดับอยูด่ ้านบนคล้ายกำ� แพงแก้ว ในระหวา่ งน้ันโปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งต�ำหนักขึ้นเพ่อื ใชเ้ ป็นที่ประทับ
สถาน ณ บา้ นเดิมของพระราชมารดาและเพอ่ื เปน็ ทางเดินส�ำหรับพระมหากษตั รยิ ์หรือ ทอดพระเนตรการปฏิสงั ขรณ์ดว้ ย ตามพระราชพงศาวดารกรุงศรอี ยุธยาระบุวา่
เฉลมิ พระเกยี รติในการเสด็จข้ึนครองราชย์ เจา้ นายช้นั สงู ใชเ้ สดจ็ เขา้ ออก ในสงครามเสียกรุงศรอี ยธุ ยาครัง้ ที่ ๑ นน้ั พระเจ้ากรุงหงสาวดีไดต้ ั้งทัพหลวงอยู่
สถาปัตยกรรมของพระปรางค์ประธาน ณ วัดมเหยงคณ์แห่งน้ี ตลอดระยะเวลาท่ีปิดล้อมกรุงศรอี ยุธยาถงึ ๙ เดอื น
เป็นแบบเขมร ตอ่ มาไดใ้ ชเ้ ปน็ ทีฝ่ ังพระศพของ
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ พระราชโอรสของสมเด็จ ตำ� หนกั ริมวัดมเหยงคณ์
พระเจา้ อยหู่ ัวบรมโกศ ซึ่งเป็นกวีเอกในสมยั เป็นอาคารรูปสี่เหล่ียมผนื ผ้าทรงตึก ๒ ชน้ั ไดร้ บั อทิ ธิพลมาจากตะวนั ตก
อยธุ ยาตอนปลาย ตัง้ อย่บู นเกาะทมี่ คี นู �้ำลอ้ มรอบ มีขนาดกวา้ ง ๑๐.๕๐ เมตร ยาว ๒๔.๘๐ เมตร
ภายในอาคารมีเสาตง้ั อยู่ ๒ แถว แถวละ ๖ ต้นส�ำหรับรองรับพ้นื ไมอ้ าคารชั้นบน
ผนงั อาคารชนั้ บนเจาะชอ่ งหนา้ ต่างเป็นรปู สเี่ หลยี่ ม สว่ นชั้นล่างเจาะเปน็ ซมุ้
รปู กลบี บัว ตำ� หนักน้สี มเด็จพระเจา้ ท้ายสระ โปรดฯ ใหส้ รา้ งข้นึ เพอื่ พระองค์
จะเสดจ็ มาประทบั ทอดพระเนตรการปฏิสังขรณว์ ดั มเหยงคณ์

44 45

ในชว่ งสมยั อยธุ ยาตอนปลาย อำ� นาจของกรงุ ศรีอยธุ ยาเร่มิ เสื่อมลง พระเจา้ พะแนงเชงิ เปน็ พระประธานในพระวหิ าร
เน่อื งจากปัจจัยภายใน คือ การเมอื งภายในราชสำ� นกั ไมม่ คี วามม่ันคงทำ� ให้ วดั พนัญเชงิ ไมป่ รากฏหลกั ฐานว่าใครเปน็ ผูส้ รา้ ง
เกดิ การแขง่ ขนั อำ� นาจระหวา่ งขนุ นางกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ เกดิ กบฏขน้ึ พงศาวดารกรุงศรอี ยุธยาระบุวา่ สร้างขนึ้
หลายคร้งั ในหวั เมอื งต่างๆ การแย่งชิงราชสมบตั ิระหวา่ งวงั หน้าและวังหลัง เม่ือ พ.ศ. ๑๘๖๗ นบั เปน็ พระพุทธรปู ปนู ปั้น
ซงึ่ ทำ� ใหเ้ สยี ชวี ติ ขนุ นางและไพรพ่ ลจำ� นวนมาก การควบคมุ หวั เมอื งและกำ� ลงั ปางมารวิชัยทม่ี อี ายเุ กา่ แก่ท่สี ดุ และใหญ่ที่สุด
ไพรพ่ ลกห็ ยอ่ นประสิทธิภาพลง สว่ นปจั จยั ภายนอก เปน็ ผลมาจากความ (หน้าตักกวา้ ง ๒๐.๑๗ เมตร สูง ๑๙ เมตร)
เขม้ แข็งของอาณาจกั รพมา่ ที่สามารถปราบปรามหัวเมืองตา่ งๆ และมีความ เปน็ ทเ่ี คารพสกั การะของชาวพระนครศรีอยธุ ยา
มัน่ คงทางการเมือง แมว้ ่าการค้ากบั ตะวันตกจะตกต่ำ� ลง แต่การค้ากับจนี ยงั และชาวจีน ทั้งอยู่บรเิ วณใกลเ้ คยี งและท่หี ่างไกล
เจรญิ รุ่งเรือง ในชว่ งทีอ่ ยุธยาเส่อื มโทรมทางการเมืองภายในนก้ี องทัพพม่า พระพุทธรปู องคน์ ้ไี ด้รับการขนานนามว่า
ไดข้ ยายอ�ำนาจรุกรานอาณาจักรไทยหลายคร้ังและตอ่ เนือ่ ง ท�ำให้ไทยต้อง “ซำ� ปอกง” ตามต�ำนานเล่าวา่ เมือ่ คราว
เสียกรงุ ศรอี ยธุ ยาแกพ่ มา่ เปน็ ครัง้ ที่ ๒ เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๑๐ เสยี กรุงศรอี ยธุ ยา พระพทุ ธรปู องคน์ ี้
หลงั จากนน้ั เพยี ง ๘ เดอื น สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงสามารถ มีนำ้� พระเนตรไหลออกมาทง้ั สองข้าง
กอบกเู้ อกราชไดส้ ำ� เรจ็ และขบั ไลก่ องทพั พมา่ ออกจากดนิ แดนไทย เนอ่ื งจาก
กรงุ ศรอี ยธุ ยาเสยี หายอยา่ งมาก จงึ โปรดเกลา้ ฯ ใหย้ า้ ยราชธานมี าอยทู่ ก่ี รงุ ธนบรุ ี
ได้มกี ารกวาดต้อนผ้คู นมาสร้างบ้านเรอื นแห่งใหม่ แตพ่ ระนครศรีอยุธยาใช่จะ
เปน็ เมอื งร้างเสียทเี ดยี ว พอบา้ นเมอื งสุขสงบก็มผี ู้คนตง้ั ถ่นิ ฐานอาศัยอยสู่ ืบมา
กรงุ ศรอี ยุธยาในสมัยกรงุ ธนบุรีจึงถกู เรียกขานว่า “เมอื งกรุงเก่า”

วดั พนญั เชงิ วรวหิ าร ตั้งอยู่ริมแม่นำ�้ ปา่ สักไปทาง
ด้านใต้ฝง่ั ตรงข้ามของเกาะเมืองอยุธยา เปน็ วัด
ที่มอี ยู่กอ่ นการสรา้ งกรงุ ศรอี ยุธยา

46 47
เมอ่ื พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช ทรงสถาปนา
กรงุ เทพมหานครเปน็ ราชธานแี หง่ ใหม่ โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งพระบรมมหาราชวงั ภาพจติ รกรรมฝาผนงั
วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม วงั หน้า และวังหลงั ให้งดงามเชน่ เดียวกบั กรุงศรี- ภายในพระวหิ ารวดั สวุ รรณดาราราม
อยุธยาเมอ่ื ครัง้ เจริญรงุ่ เรือง จงึ ไดม้ กี ารรือ้ อิฐจากก�ำแพงเมือง เชงิ เทนิ
ป้อมปราการจากกรุงศรีอยุธยาไปใช้ในการก่อสร้างพระราชวังท่ีกรุงเทพฯ พระวหิ ารวดั สวุ รรณดาราราม
เพราะศึกสงครามกับพม่ายังคงมีอยู่และเพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกใช้เป็น วดั สวุ รรณดาราราม ตงั้ อยรู่ มิ ปอ้ มเพชร เปน็ วดั ทพ่ี ระอยั กาในพระบาทสมเดจ็
ประโยชน์ในการสงคราม สภาพบ้านเมอื งของเมืองกรงุ เกา่ จงึ ทรุดโทรม พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สร้างข้ึนในสมัยอยธุ ยาตอนปลาย ให้ชอื่ ว่า วัดทอง
พระบรมมหาราชวังวดั วาอาราม และโบราณสถานตา่ งๆ มตี ้นไม้ข้นึ ปกคลุม ต่อมาเมอ่ื พระองคข์ น้ึ ครองราชยเ์ ป็นรัชกาลที่ ๑ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทรไ์ ด้โปรดเกลา้ ฯ
สภาพของพระนครศรีอยุธยาในครั้งน้ันสะท้อนได้จากงานวรรณกรรมนิราศ ใหป้ ฏสิ ังขรณว์ ัดน้ีใหม่ทัง้ หมด และสมเดจ็ พระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทโปรดเกล้าฯ
พระบาทของสนุ ทรภ่กู วเี อกในสมยั ตน้ รัตนโกสนิ ทร์ แตง่ เมื่อประมาณ พ.ศ. ใหเ้ ขยี นภาพจิตรกรรมฝาผนงั เปน็ ภาพเทพชุมนุม พทุ ธชาดก และภาพพระพทุ ธรูป
๒๓๕๐ วา่ ปางมารวิชยั มแี มพ่ ระธรณียนื บีบมวยผมอยตู่ รงกลาง วัดสวุ รรณดารารามไดร้ ับการ
“ถึงวงั หลวง วงั หลงั กร็ า้ งรก เหน็ นกหกซอ้ แซบ้ นพฤกษา บรู ณะจากพระมหากษัตรยิ ใ์ นราชวงศ์จกั รีอยา่ งต่อเนอื่ งเกือบทกุ รชั กาล
ดปู ราสาทราชวังเป็นรังกา ด่ังป่าช้าพงชฎั สงดั คน”

วัดกษตั ราธริ าชวรวิหาร เดิมชอ่ื วา่ วัดกษัตรา หรือวัดกษัตรารามเปน็ วดั โบราณ
ตัง้ อย่บู รเิ วณนอกเกาะเมืองรมิ แม่นำ้� เจา้ พระยา ตรงข้ามกับเจดียพ์ ระศรสี รุ ิโยทยั
ในวดั มีพระปรางคใ์ หญเ่ ป็นประธานหลกั ของวัด ภายในพระอุโบสถมลี ายดาวเพดาน
จำ� หลักไม้ และจติ รกรรมฝาผนงั สรา้ งขึ้นในสมยั รตั นโกสินทร์

48 49

พลบั พลาจตรุ มขุ พระทน่ี งั่ พมิ านรตั ยา

หอพสิ ยั ศลั ลกั ษณ์ (หอสอ่ งกลอ้ ง)

อาคารมหาดไทย

พระราชวงั จนั ทรเกษม

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั เมอื่ พ.ศ. ๒๓๙๔ อาคารโรงมา้ พระทน่ี ง่ั
เป็นต้นมา โปรดใหบ้ ูรณะพระราชวังจนั ทรเกษม หรือวงั หนา้ ซงึ่ เรยี กวา่
วงั จันทรบ์ วร ซงึ่ เคยเปน็ ทป่ี ระทบั ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชข้ึนมาใหม่
ขุดสระน�้ำและสร้างพลับพลาท่ีประทับตามร่องรอยของแนวฐานอาคารเดิม
ไดแ้ ก่ พลบั พลาจตรุ มขุ ซง่ึ เปน็ อาคารเครอื่ งไม้ หมอู่ าคารพระทน่ี งั่ พมิ านรตั ยา
ซงึ่ มีลักษณะเปน็ หมูต่ ึกกลางพระราชวงั หอพสิ ยั ศัลลกั ษณ์ (หอสอ่ งกลอ้ ง) ใช้
สำ� หรบั ทอดพระเนตรดวงดาว โรงละคร หอ้ งเครือ่ ง และตึกโรงมา้ พระท่นี ั่ง
พรอ้ มสรา้ งกำ� แพงพระราชวงั ลอ้ มรอบ แลว้ พระราชทานนามวา่ วงั จนั ทรเกษม
และใชเ้ ป็นทป่ี ระทับเวลาแปรพระราชฐานเสดจ็ ประพาสกรุงเกา่

50 51
ตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ได้ประกาศให้สงวน
พ้ืนท่ขี องเกาะเมืองอยุธยาไว้เปน็ สมบัตแิ ผ่นดิน และทรงมอบหมายให้พระยา
โบราณบรุ านุรักษ์ สมุหเทศาภบิ าลมณฑลกรุงเก่า (มณฑลอยุธยา) ขณะนั้น
ท�ำการส�ำรวจโบราณสถาน และขดุ แต่งปรับปรุงบริเวณพระราชวังหลวง
ถอื วา่ เปน็ จุดเรมิ่ ตน้ ของการอนุรักษน์ ครประวตั ิศาสตร์ พระนครศรีอยธุ ยา
เป็นครัง้ แรก และภายหลงั กรมศิลปากร จงึ ได้ดำ� เนนิ การส�ำรวจ ขดุ แต่งและ
บูรณะโบราณสถานในเกาะเมอื งพระนครศรีอยุธยาต่อมาจนถงึ ปัจจบุ ันน้ี

พระมงคลบพติ ร เปน็ พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ยั
ขนาดใหญท่ ่มี ีความงดงามมาก สร้างดว้ ยอฐิ บุทอง
สำ� ริด สันนษิ ฐานวา่ สร้างข้นึ ในสมัยอยุธยาตอนต้น
เพือ่ เป็นพระพทุ ธรูปประจ�ำวดั ชเี ชยี งประดษิ ฐาน
อยู่กลางแจ้งต่อมาสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
โปรดเกลา้ ฯ ให้ชะลอมาไว้ทางตะวนั ตกเฉยี งใต้
ของวดั พระศรสี รรเพชญ์ และสรา้ งมณฑปครอบไว้
ในสมยั รชั กาลท่ี ๕ แห่งกรงุ รตั นโกสนิ ทร์
พระยาโบราณราชธานินทร์ ขณะนั้นด�ำรงตำ� แหน่ง
สมหุ เทศาภบิ าล มณฑลอยุธยาได้ซ่อมแซม และ
บรู ณะอีกหลายครง้ั

วิหารพระมงคลบพิตร เร่มิ สรา้ งขน้ึ ในสมยั พระเจา้ ทรงธรรม เพอ่ื เป็นทีป่ ระดษิ ฐาน
พระมงคลบพิตร ในสงครามเสียกรุงศรอี ยุธยาคร้ังท่ี ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐ วิหาร
พระมงคลบพิตรถกู ไฟไหม้ทรุดโทรมมากซ่งึ ได้บูรณะขึน้ ใหมเ่ ร่ิมในรัชกาลท่ี ๕
แห่งกรงุ รัตนโกสินทร์ และได้รบั การบูรณะอีกหลายครง้ั ตอ่ มา ในภาพเป็นชว่ งที่
น�ำ้ ทว่ มใหญ่ ในเดือนตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๔

ย้อนอดตี พระนครศรอี ยธุ ยา
ผา่ นลลี านิราศสนุ ทรภู่

แมก้ ารเดนิ ทางไปสถานทต่ี า่ งๆ การจากสถานทท่ี เี่ คยพำ� นกั อาศยั และ
การพลัดพรากจากสงิ่ ทรี่ กั เป็นเร่ืองทเ่ี กดิ ขน้ึ ไดเ้ สมอส�ำหรบั มนษุ ยก์ ็ตาม
แต่เม่อื หลายประการประกอบกัน ได้กลายเปน็ ความทุกขข์ องผูต้ กอยใู่ น
ภาวะเชน่ น้ัน ท�ำให้ขณะเดนิ ทางเมอื่ ไดพ้ บเห็นส่ิงตา่ งๆ จงึ มวิ ายคดิ ถึงคนรกั
โหยหาอาลัย ปรารถนาให้คนรกั ได้มาพบเหน็ อยา่ งตนบา้ ง “การพลัดพราก
จากสิ่งทีร่ ักเป็นทุกข์” เป็นดงั พระพทุ ธวจนะ
กวีผู้มีจิตวิญญาณการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดด้วยโวหาร
การประพนั ธ์ ยอ่ มเขา้ ใจปกตวิ สิ ยั ของมนษุ ย์ เมอื่ เดนิ ทางไปสถานทต่ี า่ งๆ กม็ กั
พรรณนาส่ิงที่ได้พบเหน็ ผนวกความรสู้ กึ โยงถงึ คนรักทจ่ี ากมา กวีบางท่าน
เติมสีสนั ให้ตนเองทกุ ขเ์ พราะความพลดั พราก ผ่านตัวอกั ษรหรือภาษากม็ ี
ทงั้ ที่มิไดจ้ ากผเู้ ป็นท่ีรกั แตอ่ ย่างใด ถอื เป็นขนบการแตง่ นริ าศที่จะสร้างความ
ประทบั ใจ ให้ผ้อู ่านเกดิ อารมณ์สะเทือนใจร่วมกบั ผ้แู ต่งสอดคลอ้ งกบั สจั ธรรม
ขา้ งตน้
หากกลา่ วถงึ คำ� วา่ นริ าศ ในทางวรรณกรรมหรอื วรรณคดแี ลว้ นริ าศ
คือ การประพันธท์ ีม่ เี น้อื หาพรรณนาการเดนิ ทาง มักเลา่ ถึงเส้นทาง สิง่ ท่ี
พบเหน็ ระหว่างการเดินทาง และสอดแทรกความคดิ เชอ่ื มโยงความรสู้ กึ ต่างๆ
ทเ่ี กิดขนึ้ ระหวา่ งการเดินทางน้ัน มีความคดิ ถึงคนรกั เป็นต้น
คุณคา่ ของนริ าศ นอกจากมคี ุณค่าดา้ นวรรณศิลป์และขอ้ คดิ ต่างๆ
ทก่ี วีฝากไวแ้ ลว้ การกลา่ วถึงสถานที่ วิถีชีวิต ขนบประเพณี และวฒั นธรรม
ของผคู้ นทก่ี วไี ด้พบในขณะน้นั เมอี่ นริ าศตกทอดถงึ ปจั จุบนั ส่ิงต่างๆ ทไ่ี ด้
พรรณนากล่าวถงึ ยอ่ มสะท้อนใหผ้ ูท้ ่ีสนใจศึกษาในปัจจุบนั ได้สมั ผสั ภาพใน
อดตี รากเหงา้ ตน้ ทางแห่งวฒั นธรรม และอ่นื ๆ ของสมยั นั้นๆ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี

อนสุ าวรียส์ ุนทรภวู่ ัยเยาว์ ท่วี ดั ศรสี ดุ าราม
เขตบางกอกนอ้ ย ฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร

54 55
กรงุ ศรีอยธุ ยาเปน็ เมอื งทีม่ ีความส�ำคญั มีประวัตคิ วามเจริญรุ่งเรอื ง
มายาวนาน ทั้งเคยเปน็ ราชธานี เปน็ ศูนย์กลางการปกครอง การต่างประเทศ เจดียภ์ ูเขาทอง สันนษิ ฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมยั สมเดจ็ พระราเมศวร เมื่อ พ.ศ. ๑๙๓๐
การคา้ ศิลปวัฒนธรรม และอืน่ ๆ เมอื งหลวงแห่งนีส้ วยงามตระการตา โอ่อ่า รปู แบบของเจดยี ์องค์ปจั จุบนั นา่ จะได้รบั การบรู ณปฏิสงั ขรณ์ ในรชั สมัยสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวบรมโกศ
เพยี บพรอ้ มเยยี่ งไร พระผสู้ รา้ งกรงุ เทพฯ ไดท้ รงชะลอสรรคส์ รา้ งไวท้ ก่ี รงุ เทพฯ
เยยี่ งน้ัน แมต้ ่อมาพระนครศรอี ยุธยามีสถานะเป็นเพยี งเมืองหนง่ึ หรือ เสน้ ทางส�ำคัญท่สี ุนทรภูเ่ ดินทางจากกรุงเทพฯไปพระนครศรอี ยุธยา
จงั หวดั หนงึ่ ของราชอาณาจกั รไทยกต็ าม แตย่ งั คงเปน็ เมอื งทน่ี า่ สนใจ นา่ ศกึ ษา ปรากฏในนริ าศทัง้ ๓ เร่อื งคอื ล่องเรือไปตามแม่น�ำ้ เจา้ พระยาผา่ นจงั หวดั
ค้นควา้ อย่างมากของผู้คนร่นุ หลงั ๆ จนถงึ ปัจจุบัน นนทบรุ ี ปทมุ ธานแี ลว้ เขา้ สพู่ ระนครศรอี ยธุ ยา สว่ นสถานทใ่ี นพระนครศรอี ยธุ ยา
ไม่ว่ากาลเวลาจะผา่ นไปนานเพยี งใด ผ้มู าเยอื นพระนครศรอี ยุธยา ทีป่ รากฏในนริ าศทง้ั ๓ เรื่อง ไดแ้ ก่ เกาะราชคาม บางไทร สีกุก เกาะเกิด
ยังคงประทบั ใจอารยธรรมลำ�้ คา่ ของอดีตราชธานีแห่งนี้ บางท่านสะท้อน บางปะอิน เกาะพระ เกาะเรียน คลองตะเคยี น วัดพนญั เชิง วดั ใหญ่ชยั มงคล
ความรู้สึกนึกคดิ ในรปู แบบวรรณกรรม มนี ิราศ เป็นต้น สนุ ทรภูก่ วีเอก วัดแมน่ างปลม้ื คลองหัวรอ ทา่ ศาลาเกวียน บ่อโพง ปากจ่ัน บางระก�ำ
คนส�ำคญั ของไทยและของโลกกเ็ ช่นกัน เมอ่ื ไดเ้ ดนิ ทางผ่านกรงุ ศรีอยธุ ยา นครหลวง แม่ลา บ้านอรญั ญกิ ตะเคยี นดว้ น ศาลาลอย วังตะไล บา้ นขวาง
ครั้งแรก ราว ๒๐๐ กว่าปมี าแลว้ และมาอีก ๒ ครัง้ ก็ได้บรรยายและ ทา่ เรือ วดั หนา้ พระเมรุ วงั เก่า วัดธรรมาราม ต�ำบลกรุงเก่า เจดีย์ภูเขาทอง
พรรณนาถึงสถานทแ่ี ละสิ่งทน่ี ่าสนใจท่ีได้พบเหน็ ไวใ้ นนริ าศรวม ๓ เร่อื ง ด้วย สถานทกี่ ลา่ วขา้ งตน้ กวหี ลายคนรวมทง้ั สนุ ทรภดู่ ว้ ย ไดเ้ ดนิ ทางผา่ น
สายตา อารมณ์ และจติ วิญญาณของกวี กลายเป็นวรรณคดีช้ินเอกของชาติ หรอื ไปเยือนมาชา้ นาน ปัจจบุ นั มีสภาพและความสำ� คญั เช่นไร จะได้น�ำเสนอ
สืบมาและตอ่ ไปอกี ตราบนานเท่านาน ในหนงั สอื นี้ เปรยี บเทยี บเชอ่ื มโยงกบั วรรณคดนี ริ าศ ๓ เรอ่ื งทส่ี นุ ทรภกู่ ลา่ วถงึ
สาเหตสุ ำ� คญั ทส่ี นุ ทรภเู่ ดนิ ทางไป หรอื เดนิ ทางผา่ นพระนครศรอี ยธุ ยา
และแตง่ นริ าศมดี งั น้ี
๑. นิราศพระบาท แต่งราวปลาย พ.ศ. ๒๓๕๐ ขณะเดนิ ทางไป
นมสั การรอยพระพทุ ธบาท จงั หวดั สระบรุ ี และผา่ นกรงุ ศรอี ยธุ ยา ครงั้ สนุ ทรภู่
เป็นมหาดเลก็ ตามเสดจ็ พระองคเ์ จ้าปฐมวงศ์ พระโอรสในสมเด็จฯ เจ้าฟ้า
กรมหลวงอนุรกั ษเ์ ทเวศร์ กรมพระราชวงั บวรสถานพิมุข ซงึ่ ผนวชอย่ทู ี่วดั
ระฆงั โฆสติ าราม
๒. นริ าศภเู ขาทอง แตง่ เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๗๑ ขณะเดนิ ทางไปนมสั การ
พระเจดียภ์ เู ขาทอง วัดภูเขาทอง ทพ่ี ระนครศรีอยธุ ยา ครง้ั สนุ ทรภ่บู วช
อยู่ทว่ี ดั ราชบรู ณะ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจ้าอยูห่ ัว เดนิ ทาง
พร้อมกับพดั บุตรชายท่เี กิดจากนางจันภรรยาคนแรก
๓. นิราศวดั เจ้าฟ้า สันนษิ ฐานวา่ แตง่ เมอื่ พ.ศ. ๒๓๗๙ ครง้ั สุนทรภู่
บวชอยู่วัดพระเชตพุ นวิมลมังคลาราม (วัดโพธ์ิ) พาเณรพดั กบั ตาบบุตรคนเล็ก
ไปพระนครศรอี ยธุ ยาอกี ครัง้ หน่ึง เพอ่ื ไปหายาอายวุ ฒั นะซงึ่ เช่ือว่าฝงั อย่ทู ่ี
วดั เจ้าฟ้าอากาศ โดยแกลง้ ระบุว่าเณรพัดเปน็ ผูแ้ ต่ง ปัจจุบนั ยงั ไม่มีข้อยตุ วิ ่า
วดั เจ้าฟ้าอากาศคอื วัดพระพทุ ธฉาย จังหวัดสระบรุ ี หรอื วดั เขาดิน จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา

มณฑปวดั พระพทุ ธบาทราชวรมหาวหิ าร

56 57

เกาะราชคาม เป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแมน่ ้ำ� เจา้ พระยา ราชคาม ใน นิราศพระบาท
ปัจจบุ นั มีบ้านเรือนและชมุ ชนเรียงรายริมฝ่งั รอบๆ เกาะ ถึงทงุ่ ขวางกลางย่านบ้านกระบอื ท่ลี มอื้อนั้นค่อยเหือดดว้ ยคงุ้ ขวาง
ถงึ ยา่ นหนงึ่ นำ้� เซาะเปน็ เกาะกลาง ต้องแยกทางสองแควกระแสชล
๑. เกาะราชคาม ปางบรุ �ำค�ำบุราณขนานนาม ราชคามเกาะใหญ่บา้ นไพรสณฑ์
ในแถวทางกลางยา่ นกนั ดารคน นาวาดลเดนิ เบ้ืองบรู พา
เดิมชุมชนท่ีอาศยั ทเี่ กาะราชคามหรือต�ำบลราชคามน้ี อพยพจาก โอก้ ระแสแควเดียวทเี ดยี วหนอ มาเกดิ ก่อเกาะถนดั สกดั หนา้
เกาะเมอื งอยธุ ยา มาต้ังบ้านเรอื นอย่รู มิ แม่น�ำ้ เจ้าพระยากวา่ ๑๘๐ ปแี ลว้ ต้องแยกคลองออกเปน็ สองทางคงคา น่หี รือคนจะมนิ า่ เป็นสองใจ
สภาพพ้ืนทเ่ี ดมิ เปน็ ปา่ สะแก ผู้อพยพมาไดถ้ างปา่ ยึดเป็นพืน้ ท่ีทำ� นา และ
ประกอบอาชพี ประมง ตอ่ มายา้ ยมาอยทู่ เ่ี กาะราชคามซงึ่ เปน็ เกาะใหญอ่ ยกู่ ลาง ราชคาม ใน นิราศภเู ขาทอง ตดั สวาทตัดรักมิยกั ไหว
แม่น�้ำเจ้าพระยา ปจั จุบนั เป็นตำ� บลหน่ึงของอำ� เภอบางไทร จังหวัดพระนคร- ถงึ เกาะใหญ่ราชคามพอยามเย็น
ศรอี ยธุ ยา เขตตดิ ตอ่ กบั ตำ� บลบา้ นกระบอื จงั หวดั ปทมุ ธานี โอค้ ดิ มาสารพดั จะตัดขาด ระวงั ทัง้ สัตวน์ ้ำ� จะทำ� เข็ญ
นริ าศทง้ั ๓ เรอ่ื งของสนุ ทรภู่ กลา่ วถงึ เกาะนวี้ า่ อยใู่ นเสน้ ทางสายสำ� คญั ถวลิ หวังนง่ั นึกอนาถใจ เทย่ี วซอ่ นเรน้ ตีเรือเหลอื ระอา
ในการเดนิ ทางไปสพู่ ระนครศรอี ยธุ ยา แตแ่ ตกตา่ งกนั ในรายละเอยี ด กลา่ วคอื ดูหา่ งยา่ นบา้ นชอ่ งทั้งสองฝ่ัง
ท้ังนิราศพระบาทและนิราศภูเขาทองกล่าวว่าเกาะราชคามเป็นเกาะใหญ่ เป็นทีอ่ ยู่ผู้ร้ายไมว่ ายเว้น
เตม็ ไปดว้ ยตน้ ไมป้ กคลมุ อยหู่ า่ งไกลจากบา้ นเรอื นผคู้ นซง่ึ ตงั้ อยรู่ มิ แมน่ ำ�้ สว่ น
นิราศวดั เจา้ ฟา้ สุนทรภู่พรรณนาถงึ เกาะราชคามวา่ เปล่ยี นแปลงจากป่ารก ราชคาม ใน นิราศวัดเจ้าฟ้า เห็นนกหกหากินบินไสว
เปน็ พนื้ ทเ่ี กษตรทั้งของชาวไทยและชาวลาว แสดงให้เห็นถงึ การขยายตวั ของ ทำ� นาไร่ร้านผกั ปลูกฟกั แฟง
ชมุ ชนและการประกอบอาชพี ในสมัยนัน้ ได้เปน็ อยา่ งดี ถงึ เกาะหาดราชคามรำ� รามรก แลตะโลง่ ลิบเนตรทุกเขตแขวง
เขาถากถางกว้างยาวทั้งลาวไทย ฝงู นกแร้งร่อนตวั เท่าถว่ั ด�ำ
สดุ ละเมาะเกาะกว้างสว่างโวง่ จะชนื่ ช่วยชมชิมใหอ้ ม่ิ หน�ำ
เห็นควนั ไฟไหม้ป่าจบั ฟา้ แดง เหลือจะรำ� ลึกโฉมประโลมลาน
โอ้เช่นนีม้ คี ู่มาดูด้วย
มายามเยน็ เหน็ แต่ของทนี่ อ้ งท�ำ

ชมุ ชนบนเกาะราชคาม

58 59
สนุ ทรภกู่ ลา่ วถงึ บางไทรและสกี กุ ในนริ าศพระบาทวา่ แมน่ ำ�้ บรเิ วณนี้
๒. บางไทร - สกี กุ ตื้นเขนิ มปี ลาและนกชกุ ชมุ อีกทั้งมดี ่านดักเรือทเ่ี รยี กวา่ ด่านสกี กุ อย่ดู ว้ ย

บางไทรตง้ั อยู่บนฝั่งตะวันออกของแมน่ �ำ้ เจา้ พระยา ฝ่ังตรงข้าม บางไทร - สกี กุ ใน นริ าศพระบาท นาวาเพียบน�ำ้ ลงก�ำลงั ไหล
บางไทร (ฝง่ั ตะวันตก) เรยี กวา่ สกี กุ เดมิ บางไทรเป็นตำ� บลขน้ึ กับอ�ำเภอ ถงึ บางไทรดา่ นดกั นาวาเดิน
ราชคราม ในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ หลวงประสิทธินรกรรมได้ยา้ ยที่ทำ� การอ�ำเภอ ครน้ั พอสนิ้ ถน่ิ เกาะคอ่ ยเลาะเลยี บ เป็นสามงา่ มน�้ำนองในคลองเขิน
จากราชคามมาท่ีต�ำบลบางไทร จงึ ไดเ้ ปล่ียนชื่อจากราชคามมาเป็นอำ� เภอ โอ้อนาถเหนอ่ื ยนา่ ระอาใจ มัจฉาเพลนิ ผุดพลา่ นในคงคา
บางไทรนับแตน่ นั้ มา เขาบอกชอ่ื สีกุกตรงด่านขา้ ม เอาปากจกิ บินฮอื ขึ้นเวหา
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ โปรดเกลา้ ฯ ปกั ษาโบกปกี บินลงดนิ เดิน โอ้ปกั ษาเอย๋ จะลอยถงึ ไหนไป
ใหจ้ ดั ตงั้ ศนู ยศ์ ลิ ปาชพี ขนึ้ รมิ ฝง่ั แมน่ ำ�้ เจา้ พระยา ตำ� บลชา้ งใหญ่ อำ� เภอบางไทร นกยางเลียบเหยียบปลานขาหยิก ใหแ้ นบอกของพร่ี วู้ า่ โหยไห้
เพ่ือส่งเสริมงานช่างฝีมือศิลปะไทยโบราณให้แก่เกษตรกรท่ีสนใจฝึกอาชีพ กระทงุ นอ้ ยลอยทวนนาวามา ลงจบั ใกล้นกตะกรมุ ริมวุ้งวน
เปน็ รายได้ ปัจจุบนั มีกวา่ ๒๐ แผนก เชน่ แผนกตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ แผนกทอผ้า หนา้ วังหรือจะส่งั ด้วยนะนก เหนียงกระเพ่อื มร้องแรงแสยงขน
ลายตีนจก แผนกเคร่อื งเรือนไม้ เป็นต้น ผลงานทผ่ี ลิตไดน้ อกจากจะจ�ำหนา่ ย มทิ ันสั่งสกุณนิ ก็บนิ ไป เม่อื ยามยลพยี่ ่งิ แสนระก�ำทรวง
ทศ่ี นู ยฯ์ แลว้ ยงั สง่ ไปจำ� หนา่ ยทร่ี า้ นจติ รลดาซง่ึ มสี าขาทว่ั ประเทศ และสง่ ออก ศีรษะเตยี นเลี่ยนโลง่ หัวลา้ นเล่อื ม
ตา่ งประเทศดว้ ย โอ้หัวนกน่ีก็ล้านประจานคน

ทา่ ชัยยุทธเป็นท่าเทยี บเรือและใช้ชมวิว
ของศนู ย์ศลิ ปาชพี บางไทร

สภาพบ้านเรอื นตรงขา้ มด่านสกี กุ ในปัจจุบนั หมู่บา้ นศลิ ปาชีพ ภายในแบ่งเป็นบ้านทรงไทยของแต่ละภาค
โดยมีสระนำ้� ขนาดใหญ่อยกู่ ลางพ้ืนท่ี

60 61
ในนริ าศพระบาทสนุ ทรภกู่ ล่าวถึงเกาะเกิด และเกาะบางปะอนิ ซึ่ง
ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด เป็นศูนยฝ์ ึกอาชพี แห่งใหม่ รบั ซอื้ และจัดแสดงงานฝีมือของเกษตรกร เพ่ือส่งเสริมรายได้นอกเหนือจากการเกษตร ในนริ าศ เรยี กวา่ “บางเกาะอนิ ” และ “เกาะบางอออนิ ” วา่ อยถู่ ดั จากเกาะเกดิ
เกาะบางปะอนิ มกี ระแสนำ้� ไหลวน และทา่ นยงั เคยไดย้ นิ มาวา่ บรเิ วณนเ้ี คยเปน็
๓. เกาะเกดิ - บางปะอนิ พระราชวงั ของพระเจา้ แผน่ ดนิ ในสมัยอยธุ ยา
ทั้งนิราศพระบาทและนิราศวัดเจ้าฟ้าได้อธิบายถึงประวัติของ
เกาะเกิดเป็นเกาะอยู่กลางแม่น�้ำเจ้าพระยาในเขตอ�ำเภอบางปะอิน บางปะอนิ พร้อมรายละเอียดท่ีใกลเ้ คียงกนั
จังหวดั พระนครศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรม
ราชนิ ีนาถ ไดม้ ีพระราชเสาวนีย์ให้กอ่ สรา้ งศนู ยศ์ ลิ ปาชพี แหง่ ใหม่ ในเขตพ้นื ท่ี พระทน่ี งั่ ไอศวรรยท์ พิ ยอาสน์ ในพระราชวงั บางปะอนิ เกาะเกดิ - บางปะอนิ ใน นริ าศพระบาท
ต�ำบลเกาะเกดิ และได้ทรงวางแนวทางด�ำเนินโครงการศิลปาชีพเกาะเกิด ภายในประดษิ ฐานพระบรมรปู หล่อสัมฤทธิ์ ถึงเกาะเกิดเกดิ เกาะขนึ้ กลางน้�ำ เหมอื นเกดิ กรรมเกดิ ราชการหลวง
โดยใหใ้ ชเ้ งนิ ของมลู นิธิสง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ในสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกติ ิ์ พระบรม
ราชนิ นี าถ จดั ซื้อผลงานของเกษตรกร เพอ่ื ช่วยให้มีรายไดเ้ พิม่ ข้ึน ของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั
เกาะบางปะอนิ อยใู่ ตเ้ กาะเกดิ ในสมยั อยธุ ยา เมอ่ื ครัง้ สมเดจ็ พระ-
เอกาทศรถ ดำ� รงตำ� แหนง่ วังหนา้ ไดเ้ สดจ็ ประพาสมาถงึ เกาะแห่งน้ี เกิดพายุ จึงเกดิ โศกขดั ขวางข้นึ กลางทรวง จะตักตวงไวก้ ็เตบิ กว่าเกาะดนิ
จนเรือพระทน่ี ่ังล่ม พระองคท์ รงวา่ ยนำ�้ ขนึ้ ฝง่ั ไปพักและประทับแรมท่ีบ้าน ร�ำพงึ พายตามสายกระแสเชี่ยว ยิ่งแสนเปลย่ี วเปล่าในฤทัยถวลิ
ของสตรีชื่อ อออิน นางไดถ้ วายตวั เปน็ บาทบริจารกิ า และให้กำ� เนิดโอรส สกั ครหู่ นึ่งกม็ าถงึ บางเกาะอนิ กระแสสนิ ธุ์สายชลเปน็ วนวงั
ซงึ่ ต่อมาไดเ้ สด็จขนึ้ ครองราชย์ มีพระนามว่า สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง อันเทจ็ จรงิ สิง่ นไี้ ม่รู้แน่ ไดย้ ินแตใ่ นยุบลแต่หนหลงั
เมอ่ื เสวยราชยแ์ ล้ว พระองคไ์ ดโ้ ปรดเกล้าฯ ใหส้ ร้างพระราชวังทบี่ างปะอนิ วา่ ทเี่ กาะบางอออินเป็นถนิ่ วงั กษตั ริย์ครง้ั ครองศรีอยธุ ยา
เพ่ือเป็นทปี่ ระทบั พักผอ่ น และสรา้ งพระท่ีน่ังไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ณ นวิ าส พาสนมออกมาชมคณานก ก็เร้ือรกร้ังร้างเปน็ ทางปา่
สถานเดิมของพระมารดา รวมทงั้ เพ่ือฉลองการประสตู ิของพระราชโอรส อันค�ำแจ้งกบั เราแกลง้ สังเกตตา ก็เหน็ นา่ ทจี่ ะแนก่ ระแสความ
(สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช) แตเ่ ด๋ยี วนม้ี ไี ม้กต็ ายโกรน๋ ท้ังเกดิ โจรจระเข้ใหค้ นขาม
เม่ือครง้ั เสยี กรุงครัง้ ท่ี ๒ พระราชวังบางปะอินถูกปลอ่ ยท้ิงรกร้าง โอฉ้ ะนีแ้ กว้ พ่เี จา้ มาตาม จะวอนถามยา่ นน้ำ� พี่ร�ำ่ ไป
จนถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทร์ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ
ให้บูรณะขึ้นใหม่และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ เกาะเกิด-บางปะอนิ ใน นิราศวัดเจา้ ฟ้า
ใหบ้ ูรณะสร้างเพมิ่ เติมดงั ท่เี ห็นอยู่ในปจั จุบัน ถงึ เกาะเกดิ เกิดสวัสด์ิพิพฒั นผ์ ล อยา่ เกดิ คนติเตยี นเปน็ เสี้ยนหนาม
ใหเ้ กดิ ลาภราบเรยี บเงียบเงียบงาม เหมอื นหนง่ึ นามเกาะเกดิ ประเสรฐิ ทรง
ฯลฯ
ถงึ เกาะเรยี งเคยี งคลองเปน็ สองแสก ป่าละแวกวังราชประพาสสนิ ธุ์
ได้นางห้ามงามพร้อมชอื่ หม่อมอิน จงึ ตั้งถิ่นทเี่ พราะเสนาะนาม
หอวิฑรู ทศั นาในพระราชวังบางปะอนิ หวังถวลิ อนิ นอ้ งละอองเอ่ยี ม แสนเสงยี่ มงามพรอ้ มเหมอื นหมอ่ มหา้ ม
สรา้ งข้นึ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ จะหายศอตสา่ ห์พยายาม คงจะงามพกั ตรพ์ รอ้ มเหมอื นหมอ่ มอนิ
อาลยั น้องตรองตรึกรำ� ลกึ ถงึ หวังจะพึ่งผูกจติ คดิ ถวิล
เพือ่ ใชเ้ ป็นท่ที อดพระเนตรโขลงชา้ งปา่
และภูมปิ ระเทศโดยรอบพระราชวงั

เวลาเย็นเหน็ นกวหิ คบนิ ไปที่ถนิ่ ทำ� รงั ประนังนอน

62 63

๔. เกาะพระ – เกาะเรยี น ๕. คลองตะเคยี น

เกาะพระและเกาะเรยี นตง้ั อยใู่ นแมน่ ำ�้ เจา้ พระยาเหนอื เกาะบางปะอนิ คลองตะเคียนอยู่ต�ำบลตะเคียนทางฝั่งตะวันตกของแม่น�้ำเจ้าพระยา
ขน้ึ ไป ในอดีตเคยเป็นทีพ่ ักของบรรดาพอ่ ค้าจากเมอื งจนี ที่นำ� เรอื สำ� เภาเขา้ มา เขตอ�ำเภอพระนครศรีอยธุ ยา เปน็ ตำ� บลเกา่ แกแ่ ละเปน็ ชมุ ชนส�ำคัญแหง่ หนงึ่
คา้ ขายกับชาวอยุธยา ปัจจุบันเกาะพระเป็นต�ำบลบ้านโพธ์ิ อำ� เภอบางปะอิน สมัยอยุธยาเป็นราชธานี ใชเ้ ปน็ ท่ีลอ่ งซุง เน่อื งจากบรเิ วณท่ีตั้งมีคลองและ
ส่วนเกาะเรยี นเปน็ ต�ำบลเกาะเรยี น อ�ำเภอพระนครศรอี ยุธยา ท่ีเกาะเรยี นนี้ ตน้ ตะเคียนขนาดใหญข่ ึ้นอยู่บรเิ วณปากคลองดา้ นทศิ ตะวันออก จงึ เรยี กว่า
มศี าลเจา้ พ่อเรยี นต้ังอยู่ ซงึ่ เป็นท่ีเคารพนับถอื ของชาวบ้าน “คลองตะเคยี น”
สภาพพนื้ ทีข่ องตำ� บลแหง่ นเ้ี ป็นทร่ี าบลุม่ แต่เดิมชาวบ้านมเี ชือ้ สาย
ในนิราศพระบาทและนิราศเจ้าฟ้าสุนทรภู่กล่าวถึงเกาะพระ บา้ นเรือนทีต่ ัง้ อย่บู นเกาะพระ เกาะพระ มุสลมิ จากปัตตานมี าตงั้ บ้านเรอื นอยแู่ ถววัดลอดชอ่ ง มีอาชีพทอผ้าไหมผา้ ฝ้าย
เกาะเรยี นตอ่ เนื่องกัน และกลา่ วถึงเกาะพระว่าเป็นเกาะทต่ี ง้ั อยูใ่ นจุดทม่ี ี นอกจากน้ียงั มชี าวชวา มลายู ปตั ตานี น�ำสนิ คา้ จากบา้ นเมอื งของตนมา
เรือลม่ เนือ่ งจากกระแสน้�ำไหลเชย่ี ว จอดเรือขาย
ตอนหน่ึงของนิราศพระบาท อธิบายว่า คลองตะเคียนเปน็ หมู่บ้าน
ท่มี ผี คู้ นพดู ภาษาแขกอยูเ่ ป็นจำ� นวนมาก

เกาะพระ-เกาะเรยี น ใน นิราศพระบาท คลองตะเคยี น ใน นิราศพระบาท เข้าในคลองตะเคยี นใหโ้ หยหา
ถึงเกาะพระที่ระยะสำ� เภาลม่ เภตราจมอยู่ในแควกระแสไหล ล้วนภาษาพวกแขกตะนีองึ
ถงึ เกาะเรยี นโอเ้ รียมย่งิ เกรียมใจ ท่เี พอื่ นไปเขาก็โจษกันกลางเรอื ไม่เคยตายเขาบ่ายนาวาล่อง พีแ่ ข็งขนื อารมณท์ ำ� ก้มขึง
วา่ ค้งุ หนา้ ทา่ เสอื ข้ามกระแส พแี่ ลแลหาเสอื ไม่เหน็ เสอื ระยะย่านบ้านช่องในคลองมา จนเรือถงึ ปากช่องคลองตะเคยี น
ถา้ มจี ริงก็จะวิ่งลงจากเรือ อทุ ศิ เน้ือให้เป็นภกั ษพ์ ยัคฆา ศาลเจา้ พ่อเรียน คลองตะเคียน ดหู นา้ ตาก็ไม่น่าจะชมชนื่
ที่เพือ่ นเรารอ้ งหยอกมันออกองึ

เกาะพระ - เกาะเรยี น ใน นิราศวดั เจ้าฟ้า
ถึงเกาะพระไม่เหน็ พระปะแต่เกาะ แต่ชือ่ เพราะชอื่ พระสละหลง
พระของนอ้ งนี้ก็นั่งมาท้ังองค ์ ทง้ั พระสงฆเ์ กาะพระมาประชมุ
ขอคณุ พระอนุเคราะหท์ ัง้ เกาะพระ ให้เปดิ ปะตรุทองสกั สองขมุ
คงจะมพี ่ีป้ามาชมุ นมุ ฉะออ้ นอุ้มแอบอรุ าเป็นอาจิณ
ฯลฯ
ถึงเกาะเรยี นเรยี นรักนีห้ นักอก แสนวติ กเต็มตรองเจียวนอ้ งเอ๋ย
เม่ือเรียนกนั จนจบถึงกบเกย ไมย่ ากเลยเรียนได้ดังใจจง
แตเ่ รียนรักรกั นกั กม็ กั หน่าย รักละม้ายมิไดช้ มสมประสงค์
ยิ่งรักมากพากเพียรยง่ิ เวียนวง มแี ต่หลงลมลวงแทบทรวงโทรม

เกาะเรียน

64 65

วดั พนญั เชิงตงั้ อยูร่ ิมแม่น้�ำปา่ สกั ฝงั่ ตะวันออก ๗. วดั ใหญ่ชัยมงคล

๖. วดั พนัญเชงิ วดั ใหญช่ ยั มงคลเดมิ ชอื่ วดั ปา่ แกว้ สรา้ งในรชั สมยั สมเดจ็ พระรามาธบิ ดี
ท่ี ๑ (พระเจา้ อทู่ อง) มคี วามส�ำคญั ในประวัตศิ าสตรม์ ากวดั หนงึ่ โดยเฉพาะ
วดั พนัญเชงิ ตั้งอยูท่ ี่ตำ� บลคลองสวนพลู อ�ำเภอพระนครศรอี ยธุ ยา อยา่ งยง่ิ เชอื่ กนั วา่ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช โปรดเกลา้ ฯ ใหบ้ รู ณะพระเจดยี ์
จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา เป็นพระอารามหลวง มพี ระพุทธไตรรัตนนายก องค์ใหญ่ เพอ่ื เฉลมิ พระเกียรตทิ ที่ รงมชี ยั ชนะในการยุทธหตั ถเี หนอื พระมหา-
หรือท่ีชาวจีนนยิ มเรียกว่าหลวงพอ่ ซ�ำปอกง เป็นพระประธานในพระวหิ าร อุปราชาแห่งพมา่ และเปน็ ท่มี าของการเปล่ยี นชื่อวัดเป็น วัดใหญช่ ยั มงคล
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ทส่ี ุดของจงั หวดั ปัจจุบนั เป็นวดั ราษฎร์อยทู่ างทศิ ตะวนั ออกเฉยี งใต้ของเกาะเมอื ง ในพืน้ ที่
วดั พนัญเชิง ในนริ าศวดั เจ้าฟ้า สนุ ทรภูเ่ รียกว่า วดั พนงั เชงิ และ ต�ำบลคลองสวนพลู อำ� เภอพระนครศรอี ยุธยา จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
พรรณนาวา่ เปน็ วดั ทมี่ บี รเิ วณรม่ รน่ื นา่ อยอู่ าศยั มพี ระอโุ บสถและพระประธาน ชาวไทยและชาวต่างประเทศจ�ำนวนมากนยิ มมาทอ่ งเท่ยี ววดั แหง่ นี้
ขนาดใหญซ่ งึ่ มคี วามศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ มกั สรา้ งปาฏหิ ารยิ บ์ อกเหตรุ า้ ย-ดใี หแ้ กบ่ า้ นเมอื ง ในนิราศวดั เจ้าฟา้ สุนทรภ่กู ล่าวถงึ “วดั ใหญ”่ ซง่ึ กค็ อื วัดใหญ่
เป็นท่เี คารพสกั การะของชาวจนี ในพระนครศรอี ยุธยาด้วย และขานนาม ชัยมงคล และได้พรรณนาตอ่ ว่ามีเจดยี ท์ ่ีมีองคแ์ ละฐานขนาดใหญ่มสี ภาพ
พระพุทธรปู องค์น้ีวา่ พระเจา้ ปูนเถ้าก๋ง หกั ช�ำรดุ ที่ฐานมตี น้ โพธแ์ิ ละตน้ ไทรขึ้นปกคลุม

วดั ใหญ่ชัยมงคล ใน นิราศวัดเจา้ ฟ้า
จงึ มาหายาอายุวัฒนะ ตามได้ปะลายแทงแถลงไข
พระพุทธไตรรัตนนายก เขา้ ลำ� คลองล่องเรอื มาเหลือไกล ถงึ วดั ใหญ่ชายท่งุ ดวู งุ้ เว้งิ
หรอื ที่ชาวอยุธยาเรยี กวา่ หลวงพ่อโต พระเจดยี ์ท่ยี ังอยู่ดูตระหง่าน เปน็ ประธานทวิ ทงุ่ ดูสูงเท่ิง

ต้นโพธไิ์ ทรไผ่พุม่ เปน็ ซ้มุ เซงิ ข้นึ รอบเชงิ ชัน้ ล่างข้างเจดีย์
เสยี ดายนักหักทรดุ ช�ำรดุ รา้ ง ใครจะสร้างสูงเกินจำ� เริญศรี
ท่านบิดาว่าถงึ ให้ใหญ่กวา่ น ้ี ก็ไม่มผี ูใ้ ดว่าใหญโ่ ต
ผหู้ ญงิ ยา่ นบา้ นเราชาวบางกอก เขาอมกลอกกลนื พระเสยี อะโข
แตพ่ ระเจ้าเสาชิงชา้ ทที่ า่ โพธ ์ิ ก็เต็มโตแตช่ าววงั เขายังกลืน
ฉนั กลัวบาปกราบพระอย่าปะพบ ไมข่ อคบคนโขมดทโี่ หดหนื
วัดพนญั เชิง ใน นริ าศวัดเจ้าฟ้า พอคำ่� คลมุ้ พมุ่ พฤกษ์ดูครึกครื้น เงาทะม่นื มืดพยับอบั โพยม
มาถงึ วดั พนังเชิงเทิงถนดั ว่าเป็นวัดเจ้าฟา้ พระกลาโหม พายฝุ นอนธการสะทา้ นทุ่ง เปน็ ฝนุ่ ฟงุ้ ฟา้ ฮือกระพือโหม
ผนังกอ่ ยอ่ มมุ เป็นซุม้ โคม ลอยโพยมเย่ยี มฟ้านภาลัย น�ำ้ ค้างชะประเปรยเชยชโลม ทา่ นจุดโคมขึน้ อารามตอ้ งตามไป
มีศาลาท่านำ้� ดฉู ำ�่ ชื่น รม่ ระร่นื รกุ ขาน่าอาศยั เทย่ี วหลีกรกวกวนอยู่จนดกึ เห็นพมุ่ พฤกษโ์ พธ์ทิ องที่ผอ่ งใส
บดิ า๑ พร�่ำร�ำ่ เลา่ ใหเ้ ขา้ ใจ ว่าพระใหญอ่ ยา่ งเย่ยี งทเ่ี สย่ี งทาย ตกั นำ�้ ผงึ้ ครง่ึ จอกกับดอกไม้ จดุ เทียนใหญอ่ ยา่ งตำ� ราบูชาเชญิ
ถึงบ้านเมอื งเคอื งเขญ็ จะเปน็ เหตุ กอ็ าเพศพังหลดุ ทรุดสลาย หวงั จะปะพระปรอททยี่ อดย่งิ ประนมน่งิ นึกรำ� พันสรรเสริญ
แมน้ พาราผาสกุ สนุกสบาย พระพักตรพ์ รายเพราพรม้ิ ดูอ่ิมองค์ สำ� รวมเรยี นเทียนอร่ามงามเจริญ จนดกึ เกนิ ไกข่ นั หว่ันวิญญาณ์
แตเ่ จก๊ ย่านบา้ นน้ันกน็ บั ถอื ร้องเรยี กชื่อว่าพระเจา้ ปูนเถา้ กง๋ ท้งั เทียนดับศพั ท์เสียงสำ� เนยี งเงยี บ เย็นยะเยียบนำ้� ค้างพร่างพฤกษา
ด้วยบนบานการไดด้ งั ใจจง ฉลององคพ์ ทุ ธคณุ กรุณงั เห็นแวบวบั ลับลงตรงนยั นา ปรอทมาสบู ซึง่ น�้ำผง้ึ รวง
อนึ่งวา่ ถา้ แมน้ ใครน้�ำใจบาป จะเขา้ กราบเกรงจะทบั ตอ้ งกลบั หลงั คร้ันคล�ำไดใ้ นกลางคืนกล็ ่นื หลดุ ตอ้ งจบั จดุ ธปู เทยี นเวยี นบวงสรวง
ตรงหน้าท่าสาชลเปน็ วนวงั ดูพลงั่ พลง่ั พลงุ่ เชี่ยวน่าเสียวใจ ประกายพรกึ ดึกเดน่ ข้ึนเหน็ ดวง ดงั โคมชว่ งโชติกว่าบรรดาดาว
_____________________________ จักจนั่ แจว้ แว่วหวีดจงั หรดี หรงิ่ ป่แี ก้วกริง่ ตรับเสียงส�ำเนยี งหนาว
๑ สนุ ทรภใู่ ชค้ ำ� วา่ บดิ า หรอื ทา่ นบดิ า ในนริ าศ หมายถงึ เณรพดั เอย่ ถงึ สนุ ทรภู่
เปน็ ไปตามทีแ่ สรง้ ระบุวา่ เณรพัดเป็นผูแ้ ตง่ นริ าศ ยง่ิ เยน็ ฉ่ำ� นำ�้ คา้ งลงพรา่ งพราว พระพายผ่าวพัดไหวทกุ ใบโพธ์ิ

66 67

เจดียป์ ระธานทรงระฆัง ของวัดแมน่ างปลมื้ แม่น้�ำลพบุรี (เดมิ ) ทห่ี วั รอเชื่อมตอ่ แม่น�้ำป่าสกั แมน่ ำ�้ ปา่ สกั หรือคขู ่อื หน้า บริเวณหนา้ พระราชวงั จนั ทรเกษม
แมน่ ำ�้ ลพบุรีเดิม ปจั จุบันคือคลองเมอื ง
๘. วดั แม่นางปลม้ื พระประธานภายในวิหาร ๙. คลองหวั รอ – ทา่ ศาลาเกวยี น

วัดแมน่ างปลม้ื ต้งั อยรู่ ิมคลองซง่ึ เคยเป็นแม่นำ้� ลพบุรเี ดิม ตรงขา้ ม คลองหวั รอเดมิ เปน็ แมน่ ำ้� ลพบรุ ี เมอ่ื แมน่ ำ้� เปลยี่ นเสน้ ทางไดก้ ลายเปน็
ตลาดหวั รอ ตำ� บลหวั รอ อำ� เภอพระนครศรอี ยธุ ยา จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา คลองคูเมอื ง เชื่อมต่อกับแมน่ �้ำเจา้ พระยาดา้ นหัวแหลม บรเิ วณวังหลงั และ
เปน็ วดั เกา่ ทม่ี มี าตงั้ แตส่ มยั อยธุ ยาตอนตน้ สรา้ งขน้ึ เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. ๑๙๒๐ แมน่ ้�ำป่าสกั ออกจากคลองหวั รอสู่แม่น้ำ� ป่าสกั ขึ้นไปทางเหนอื เปน็ บา้ นท่า-
ชาวบา้ นเรยี กวา่ “วดั นางปลม้ื ”หรอื “วดั สม้ ปลม้ื ”เดมิ ชอ่ื “วดั ทา่ โขลง”เพราะ ศาลาเกวียน
เป็นเขตท่ีโขลงช้างเขา้ มาก่อนถกู ต้อนเขา้ เพนียด เคยเปน็ ท่ตี ัง้ คา่ ยพม่า และ หวั รอ หรือทำ� นบรอ อยบู่ ริเวณหวั มุมเกาะเมืองด้านตะวนั ออก
ยังมเี นินค่ายปรากฏอยู่ตรงด้านทิศตะวนั ออกหน้าอุโบสถ เรียกวา่ “โคกพม่า” เฉียงเหนือ ใกลก้ ับพระราชวงั จันทรเกษม และปอ้ มมหาไชย (พระราชวัง
ปจั จบุ นั บริเวณวดั ถูกถนนตัดผา่ นจงึ แยกวัดออกเปน็ ๒ ส่วน จันทรเกษมคือ วงั หนา้ ในสมัยอยุธยาตอนกลาง สรา้ งขน้ึ ในรัชสมยั สมเดจ็
ในนิราศพระบาท ไมไ่ ด้กล่าวถงึ ลักษณะของวัดแหง่ นี้ เพียงกล่าวถึง พระมหาธรรมราชา เพือ่ ให้เปน็ ทป่ี ระทบั ของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช)
ชื่อวดั ซึ่งสนุ ทรภู่ใช้เป็นท่พี ักแรม ทำ� นบรอน้สี ร้างขนึ้ ในแผ่นดินสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ โดยทหาร
พม่าเนื่องจากในคร้ังน้ันพระเจ้ากรุงหงสาวดียกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา
วดั แม่นางปลม้ื ใน นิราศพระบาท ประทับล�ำเรอื เรียงเคยี งขนาน ทหารพม่าได้เอาไมต้ าลโตนดมาปักเปน็ ทำ� นบรอ ถมดินท�ำสะพานไม้ชั่วคราว
ใครขนานช่ือหนอได้ต่อมา ข้ามแม่นำ�้ มาท�ำสงครามลอ้ มกรุง เมือ่ เสร็จส้ินสงครามไมไ่ ด้รนื้ ถอนออก ชาว
สุริยนเยน็ สนธยาคำ่� จะรจู้ ักคุณจรงิ ไม่แกลง้ ว่า พระนครศรอี ยธุ ยาจงึ ใชเ้ ปน็ สะพานขา้ มแมน่ ำ�้ ตอ่ มา และเรยี กวา่ “ตะพานใหญ”่
เขาเรียกวัดแม่นางปล้มื ลืมร�ำคาญ หงุ ขา้ วหาฟนื ใสก่ ่อไฟฮือ ปจั จบุ นั หวั รอ หรอื ทำ� นบรอ ตะพานใหญ่ กระทง่ั ตลาดปา่ ปลาบรเิ วณทำ� นบรอ
ชา่ งแปลงโศกใหเ้ ราปลมื้ พอลืมรัก เหน็ อาหารหวนทอดใจใหญห่ ือ ไมเ่ หลือให้เห็นแล้ว
พลพายนายไพร่บรรดามา พอกลนื ครือคอแคน้ ดงั ขวากคม นิราศพระบาทกล่าวถึงคลองหัวรอว่าเต็มไปด้วยท�ำนบรอของ
พ่ีตนั อกตกยากจากสถาน ท่เี ค็มเปรย้ี วกล้�ำกลืนกข็ น่ื ขม พวกพม่าเมอื่ คราวสงครามไทยกบั พมา่ และไดร้ า้ งไปแลว้
ค่อยขืนเค้ยี วข้าวค�ำสักกำ� มือ ครัน้ ค่�ำพรมน�้ำคา้ งอยู่พร่างพราย
จะเจอื นำ้� ซ�ำ้ แสบในทรวงเสยี ว พี่ไม่ลมื อาลยั ใหใ้ จหาย คลองหัวรอ – ท่าศาลาเกวียน ใน นริ าศพระบาท
กินประทบั แต่พอรับกบั โรคลม พงศน์ ารายณน์ รนิ ทรว์ งศท์ ท่ี รงญาณ เขา้ ลำ� คลองหัวรอตอระดะ ดูเกะกะรอรา้ งทางพมา่
กแ็ รมรอนนอนวัดแม่นางปลมื้ เขารวบรูดรอบดีทงั้ สด่ี ้าน ซุม้ ประตูบรเิ วณทางเข้าเขตพุทธาวาส เห็นรอหักเหมือนหนึ่งรักพรี่ อรา แตร่ อทา่ รง้ั ทกุ ข์มาตามทาง
ทงั้ ไพรน่ ายนอนกลาดบนหาดทราย จัดแจงมา่ นให้เคลือ่ นนาวาคลา
บรรทมเรอื พระท่ีนัง่ บังวิสตู ร พอเลยี้ วแหลมถึงทา่ ศาลาเกวยี น ตลิ่งเตยี นแลโล่งดงั คนถาง
ครน้ั รุ่งเชา้ ราวโมงหนึ่งนานนาน พต่ี ้งั ตาหาเกวียนสองข้างทาง หมายจะจ้างบรรทุกไปทา่ เรือ
แตท่ ุกข์รกั กเ็ ห็นหนักถนัดอก ถงึ สกั หกเจด็ เกวยี นก็เจียนเหลือ
ชุมชน และตลาดหัวรอในปจั จบุ ัน แตโ่ ศกรักมาจนหนกั ในล�ำเรอื เฝา้ เติมเจือไปทุกค้งุ ร�ำคาญครัน

68 69

๑๐. บอ่ โพง – ปากจัน่ – บางระกำ� พระต�ำหนกั นครหลวง ดา้ นบนมีมณฑป ๑๑. นครหลวง – แม่ลา
ทีป่ ระดษิ ฐานพระพทุ ธบาท ๔ รอย
บอ่ โพง และปากจนั่ เป็นตำ� บลอยู่ในอำ� เภอนครหลวง จงั หวดั พระ- พระนครหลวง คอื อำ� เภอนครหลวง จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ตงั้ อยู่
นครศรีอยุธยา ริมแมน่ �้ำปา่ สกั ฝง่ั ซ้ายมือ มีลักษณะเป็นท่ีราบลมุ่ และดอนใน ฝั่งซา้ ยแม่น้�ำป่าสกั มีโบราณสถานส�ำคญั คอื ต�ำหนกั พระนครหลวง เป็นท่ี
บางสว่ น ตำ� บลบอ่ โพงเดมิ ตงั้ อยใู่ นบรเิ วณบา้ นทา่ ชา้ ง มบี อ่ นำ้� ขนาดใหญส่ ำ� หรบั สำ� หรบั พระมหากษตั รยิ ป์ ระทบั แปรพระราชฐานระหวา่ งทางทเ่ี สดจ็ ไปนมสั การ
ประชาชนตกั น้�ำมาใช้ การน�ำน�ำ้ ขนึ้ มาใช้ ชาวบ้านจะใชเ้ ครื่องมอื ท่เี รยี กว่า พระพุทธบาททสี่ ระบุรี หรือเสด็จไปประพาสเมอื งลพบุรี พระต�ำหนักนไี้ ด้
“คันโพง” จงึ เรยี กบอ่ น�้ำแห่งนว้ี า่ “บ่อคนั โพง” ต่อมาเรยี กสัน้ ๆ ว่า “บอ่ โพง” เปลีย่ นมาสร้างด้วยอิฐถือปนู ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และ
สว่ นปากจน่ั เดิมเปน็ ชุมชน ตอ่ มาชมุ ชนขยายตวั ขึน้ จึงยกฐานะเปน็ โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งปราสาทหนิ แบบขอม เพ่อื เฉลมิ พระเกียรตทิ ท่ี รงชนะ
ตำ� บลเมอื่ พ.ศ. ๒๔๖๒ สาเหตทุ เ่ี รยี กวา่ ปากจน่ั มาจากผคู้ นในยา่ นนมี้ อี าชพี ศกึ เขมร แลว้ เรยี กชอื่ ตามต้นแบบวา่ “ปราสาทพระนครหลวง” แต่สร้าง
จับสตั ว์น้�ำโดยใชเ้ คร่ืองมือทเ่ี รียกวา่ “จั่น” จงึ เรียกว่า บา้ นปากจ่ัน ไมท่ นั เสรจ็ ก็ส้นิ รัชกาลเสียก่อน หรอื เหตใุ ดไมท่ ราบแนช่ ดั ต่อมามีการสร้าง
ถัดขึน้ ไปทางทิศเหนือเป็นตำ� บลบางระก�ำ ซ่ึงไดย้ กฐานะเปน็ ตำ� บล มณฑปและพระพทุ ธบาทสรี่ อยขนึ้ บนปราสาทน้ี
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒ เช่นเดยี วกบั ตำ� บลปากจัน่ สันนิษฐานว่าแต่เดมิ เปน็ พ้ืนทีท่ ี่ ทอ่ี ำ� เภอนครหลวง มตี ำ� บลหนง่ึ ชอื่ แมล่ า พน้ื ทเ่ี ปน็ ทรี่ าบลมุ่ ทางทศิ
มตี ้นระก�ำข้นึ อยู่มาก จงึ เป็นท่ีมาของชื่อ “บางระก�ำ” ตะวนั ออกมแี มน่ ้�ำป่าสักไหลผ่าน มีเขตติดต่อกบั ตำ� บลอรัญญิก และตำ� บล
บางระกำ�
ในนิราศพระบาท สนุ ทรภู่กลา่ วว่า เมื่อมาถึงนครหลวงเศร้าใจมาก
ด้วยต้องรอนแรมอกี หลายคนื และเมื่อมาถงึ แม่ลากโ็ ยงไปถงึ การลาจากนาง
ผเู้ ป็นทร่ี กั ด้วยอารมณส์ ะเทือนใจ

นครหลวง – แมล่ า ใน นริ าศพระบาท
ถงึ คุง้ แคว้นแดนพระนครหลวง ยงิ่ โศกทรวงเสียใจให้สะอ้ืน
โอ้อกเอ๋ยยังจะไปอีกหลายคนื กว่าจะชน่ื แทบชำ�้ ระก�ำกาย
ถงึ แมล่ าเม่ือเรามาก็ลาแม ่ แม่จะแลแลหาไมเ่ ห็นหาย
จะถามขา่ วเช้าเย็นไม่เวน้ วาย แตเ่ จา้ สายสดุ ใจมิได้มา

สภาพปากจั่นปัจจบุ นั ๑๒. บา้ นอรัญญกิ – ตะเคยี นด้วน – ศาลาลอย

ในนิราศพระบาท สนุ ทรภกู่ ลา่ วพรรณนาถงึ บอ่ โพงและปากจ่นั ว่า บา้ นอรญั ญกิ อยใู่ นตำ� บลปากทา่ อำ� เภอทา่ เรอื จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
เปน็ พนื้ ทที่ ี่มตี ลงิ่ ชนั เมื่อถึงบางระก�ำได้สะทอ้ นความรสู้ กึ ที่สะเทือนอารมณ์ ในอดีตมีบอ่ นการพนันอยใู่ นหมู่บ้าน ถดั จากหมู่บ้านอรญั ญิกคอื บ้านตน้ โพธิ์
ซึง่ ผ้อู า่ นนยิ มจดจ�ำบทกลอนตอนนี้กนั มาก และบา้ นไผห่ นอง เปน็ แหลง่ ผลติ มดี ทม่ี คี ณุ ภาพดี คนทมี่ าเลน่ การพนนั ทหี่ มบู่ า้ น
อรัญญิก เมือ่ เดนิ ทางกลบั มกั แวะซอ้ื มดี ที่หมูบ่ ้านใกล้เคยี งนัน้ กลบั ไปดว้ ย
บ่อโพง – ปากจัน่ – บางระก�ำ ใน นริ าศพระบาท จึงเป็นท่ีมาของค�ำว่า “มดี อรัญญกิ ”
ถงึ บ่อโพงถ้ามโี พงจะผาสุก จะโพงทกุ ขเ์ สียให้สิน้ ทีโ่ ศกศัลย์ ในนริ าศพระบาท สุนทรภู่ บอกว่ามาถงึ บ้านอรัญญกิ ในยามแดดจดั
นแ่ี ลแลกเ็ หน็ แต่ตล่งิ ชัน ถึงปากจน่ั ตะละเตอื นใหต้ รอมใจ ตอ่ จากนน้ั ไดเ้ ดนิ ทางถึงบา้ นตะเคยี นดว้ น และศาลาลอย ปจั จุบนั ศาลาลอย
โอ้นามน้องฤามาพ้องกับช่อื บ้าน ลมื ร�ำคาญแลว้ มานึกร�ำลึกได้ เป็นตำ� บลหนึ่งของอ�ำเภอทา่ เรอื

ถงึ บางระกำ� โอก้ รรมระย�ำใจ เคราะห์กระไรจงึ มารา้ ยไมว่ ายเลย สถานทีจ่ ัดแสดงและจ�ำหน่ายผลติ ภัณฑ์มดี อรญั ญกิ อรัญญกิ – ตะเคียนด้วน – ศาลาลอย ใน นริ าศพระบาท
ระกำ� กายมาถึงท้ายระก�ำบา้ น ระก�ำยา่ นนี่ก็ยาวนะอกเอย๋ ซ่ึงข้ึนชอ่ื ในเร่อื งของความคมและทน
โอค้ นผเู้ ขาชา่ งอยอู่ ย่างไรเลย ฤาอย่เู คยความระกำ� ทกุ ค�ำ่ คนื ถึงอรัญญิกยามแดดแผดพยับ เสโทซับซาบโทมนสั สา
ถึงตะเคียนด้วนด่วนรบี นาวามา ถึงศาลาลอยแลลิงโลดใจ

70 71

๑๓. วังตะไล – บ้านขวาง – ท่าเรือ พระอโุ บสถวดั หน้าพระเมรุ สถาปตั ยกรรมแบบอยธุ ยาท่ยี ังคงสภาพดีมาก

วังตะไล บ้านขวางเป็นชุมชนอยูใ่ นอ�ำเภอทา่ เรอื ตง้ั อย่ทู างทศิ ๑๔. วดั หนา้ พระเมรุ
ตะวนั ออกเฉียงเหนือสุดของจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา มีเขตพืน้ ที่ตดิ ตอ่ กับ
อ�ำเภอบา้ นหมอ จงั หวดั สระบุรี วดั หน้าพระเมรุต้งั อย่ทู ร่ี มิ คลองสระบัวด้านเหนือของคูเมอื ง (แม่น�้ำ
ท่าเรือหรือท่าเกยต้ังอยู่ฝั่งซ้ายหรือฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำป่าสัก ลพบรุ เี ดมิ ) ตรงขา้ มกบั พระราชวงั โบราณ มชี อ่ื เดมิ วา่ “วดั พระเมรรุ าชกิ าราม”
ใกลก้ บั วดั ไม้รวก มกี ารสร้างเกยช้างไว้ และเปน็ จดุ เร่มิ ตน้ ของ “ถนนฝรงั่ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดที่สร้างข้ึนบริเวณท่ีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
สอ่ งกลอ้ ง” (การพกั แรมตามนริ าศพระบาท นา่ จะพักฝัง่ ท่าเกย) ฝั่งตรงข้าม พระเจา้ แผน่ ดนิ พระองค์ใดพระองคห์ นึง่ ในสมยั อยุธยาตอนต้น เป็นวดั เดียว
ทา่ เรอื คอื “ทา่ เจา้ สนกุ ” เปน็ จดุ เปลย่ี นเสน้ ทางจากนำ้� ขน้ึ บก เพอ่ื ไปมนสั การ ในกรุงศรีอยธุ ยาทีไ่ ม่ถูกพมา่ ท�ำลาย และยังคงสภาพทด่ี มี าก เพราะพมา่ ได้
พระพุทธบาท สระบรุ ี ต้ังอยู่บรเิ วณฝ่งั ขวาของแม่นำ้� ปา่ สกั ริมตลง่ิ มคี วาม ไปตง้ั กองบญั ชาการอยูท่ ว่ี ัดนี้
ลาดเอยี งสะดวกแกก่ ารขนึ้ ฝง่ั จงึ ใชเ้ ปน็ ทา่ เทยี บเรอื ของขบวนพยหุ ยาตราชลมารค พระอุโบสถวัดหน้าพระเมรุเป็นสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาซึ่งมีเสา
ในการเสด็จไปมนสั การพระพุทธบาทจะประทับพักแรมทฝี่ ่งั น้ี และมีการสรา้ ง รบั นำ้� หนกั อยภู่ ายใน แต่น่าจะมาเพม่ิ เสารบั ชายคาภายหลังในรชั สมัยสมเด็จ
ต�ำหนกั ท่ปี ระทบั คอื ต�ำหนักเจ้าท่าสนุก พระเจา้ อยู่หัวบรมโกศ พระประธานในพระอุโบสถซงึ่ สรา้ งปลายสมัยอยธุ ยา
สนุ ทรภู่กล่าวถงึ สถานทท่ี ีอ่ ย่บู รเิ วณท่าเรอื คือ วังตะไลและบา้ นขวาง เป็นพระพุทธรปู ทรงเครอ่ื งหล่อสมั ฤทธข์ิ นาดใหญม่ ีความงดงามมาก
ในนริ าศพระบาท วา่ เปน็ ชมุ ชนบรเิ วณทา่ เรอื ทม่ี เี รอื และชมุ ชนอาศยั อยหู่ นาแนน่ ในนริ าศภเู ขาทอง สุนทรภูก่ ล่าวว่าวดั หนา้ พระเมรุเป็นวดั รมิ แมน่ ้�ำ
ทมี่ ที า่ น้�ำและมเี รอื จอดเทียบเคียงกันอยหู่ ลายล�ำ
วังตะไล – บ้านขวาง – ทา่ เรือ ใน นริ าศพระบาท
เง้อื มตล่ิงง้วิ งามตระหง่านยอด ระกะกอดเกะกะก่งิ ไสว
พยยุ วบกิง่ เยือกเขย้อื นใบ ถงึ วงั ตะไลเหน็ บ้านละลานแล
ถงึ บา้ นขวางทท่ี างนาวาจอด เรอื ตลอดแลหลามตามกระแส
ถงึ ทา่ เรือเรือยัดกันอัดแอ ดูจอแจจอดริมตล่งิ ชุม
ทห่ี น้าทา่ รารับประทับหยุด อุตลุดขนของขึ้นกองสุม
เสบียงใครใครนง่ั ระวงั คุม พรอ้ มชมุ นุมแนน่ หนา้ ศาลารี

วดั หนา้ พระเมรุ ใน นริ าศภเู ขาทอง
มาจอดท่าหนา้ วดั พระเมรุขา้ ม รมิ อารามเรือเรียงเคยี งขนาน
บา้ งขึน้ ล่องร้องล�ำเลน่ สำ� ราญ ท้ังเพลงการเกย้ี วแกก้ ันแซเ่ ซง็
บา้ งฉลองผา้ ป่าเสภาขับ ระนาดรบั รวั คลา้ ยกับนายเสง็
มีโคมรายแลอร่ามเหมอื นสามเพง็ เมือ่ คราวเคร่งกม็ ใิ คร่จะไดด้ ู
อ้ายล�ำหนึง่ ครึ่งท่อนกลอนมนั มาก ช่างยาวลากเลื้อยเจ้ือยจนเหนอ่ื ยหู
ไมจ่ บบทลดเลี้ยวเหมือนเงี้ยวง ู จนลกู คขู่ อทเุ ลาวา่ หาวนอน
พระพุทธรูปทรงเคร่ืองหลอ่ สมั ฤทธิ์
ศิลปะอยธุ ยาตอนปลาย ซงึ่ ประดษิ ฐาน
เป็นพระประธานของพระอโุ บสถวัดหน้าพระเมรุ

72 73

๑๕. วดั ธรรมาราม – วงั เก่า วัดธรรมาราม ๑๖. ตำ� บลกรุงเก่า
หอไตรวดั ธรรมาราม
จากแมน่ ำ้� ลพบรุ เี ดมิ ไปออกแมน่ ้ำ� เจา้ พระยาด้านวงั หลงั มีวัดส�ำคัญ ตำ� บลกรงุ เกา่ ในท่ีนีห้ มายถึง “กรุงศรอี ยธุ ยา” และคำ� ว่าตำ� บลใน
วดั หนึง่ คือ “วดั ธรรมาราม” ตงั้ อย่ทู างฝัง่ ขวาของแมน่ �ำ้ เจ้าพระยา ต�ำบล นริ าศภเู ขาทองของสนุ ทรภหู่ มายถึง “ท้องท่”ี เนอ่ื งจากในสมัยรัชกาลท่ี ๓
บา้ นปอ้ ม อำ� เภอพระนครศรอี ยธุ ยา เปน็ วดั เกา่ แก่ มอี ายไุ มน่ อ้ ยกวา่ ๔๑๕ ปี ยงั ไม่มกี ารจดั ระเบียบการปกครองแบบแบ่งเป็นมณฑล เมอื ง ต�ำบล และ
สรา้ งในสมัยกรุงศรอี ยุธยาเป็นราชธานี ในอดีตเมือ่ พม่ายกทพั มาลอ้ มกรุง- หม่บู ้าน ส่วน “ทา่ หน้าจวนจอมผู้รัง้ ” นี้ คือ จวนผรู้ กั ษากรงุ เก่า ในสมัยนั้น
ศรอี ยธุ ยา จะตงั้ คา่ ยทว่ี ัดนที้ ุกคร้ังเพอ่ื ควบคุมเสน้ ทางคมนาคมทางน้ำ� อันเป็น คือ เจ้าพระยาไชยวิชติ (เผือก) ซง่ึ เคยสนทิ สนมกบั สนุ ทรภคู่ รั้งรชั กาลที่ ๒
จดุ ยทุ ธศาสตรส์ ำ� คัญ และปอ้ งกนั การเคล่อื นย้ายกำ� ลงั ของไทย ครัง้ รัชกาล ต�ำบลกรุงเก่าในนริ าศภูเขาทอง สุนทรภกู่ ลา่ วว่ามจี วนของเจ้าเมอื ง
ที่ ๑ แห่งกรุงรตั นโกสนิ ทร์ โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสงั ขรณ์ขึ้นใหม่ท่วั ซง่ึ เคยสนทิ สนมกบั สนุ ทรภู่ แตส่ ุนทรภ่ไู มไ่ ด้เขา้ ไปพบ เนือ่ งจากเกรงว่า
ทั้งพระอาราม โดยอยูใ่ นความรับผิดชอบของกรมพระราชวังหลังและได้ เจา้ พระยาไชยวิชติ (เผือก) จะดูแคลนในความตกยากของตน
พระราชทานนามใหใ้ หมว่ ่า “วัดราชธรรมาวาสวรวหิ าร” หรอื “วัดธรรมาราม”
มฐี านะเป็นพระอารามหลวง ตำ� บลกรุงเกา่ ใน นริ าศภเู ขาทอง ในทุง่ กวา้ งเหน็ แต่แขมแซมสลอน
ในอดตี พระอบุ าลจี ากวดั นี้ ไดเ้ ปน็ สงั ฆทตู ไทยไปเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา กระเรียนรอ่ นร้องกอ้ งเม่อื สองยาม
และประกอบพธิ อี ปุ สมบทใหช้ าวลงั กา เนอื่ งจากลงั กาในขณะนน้ั ไมม่ พี ระสงฆ์ แสนวติ กอกเอย๋ มาอ้างว้าง พระพายเฉ่อื ยฉิวฉวิ วะหววิ หวาม
เหลอื อยู่ จงึ เกดิ นกิ ายสยามวงศข์ น้ึ ในประเทศศรลี งั กา ปจั จบุ นั เมอื่ ชาวศรลี งั กา จนดึกดาวพราวพร่างกลางอัมพร ถงึ เมือ่ ยามยงั อดุ มโสมนัส
มาประเทศไทย มักจะมาวดั ธรรมาราม เพื่อระลึกถึงความสำ� คญั ของวัดนี้ ทงั้ กบเขยี ดเกรียดกรีดจังหรดี เรอื่ ย อย่แู วดล้อมหลายคนปรนนบิ ตั ิ
ส่วนวังเก่าหรอื วังหลวง เดิมเปน็ พระราชวังท่ปี ระทบั ของพระมหา- วังเวงจิตคดิ คะนึงรำ� พงึ ความ ชว่ ยนัง่ ปัดยงุ ใหไ้ ม่ไกลกาย
กษัตรยิ ์และเป็นทงั้ ศูนย์กลางดา้ นการเมืองการปกครอง เมื่อปี พ.ศ. ๑๙๙๑ สำ� รวลกับเพอื่ นรกั สะพรกั พรอ้ ม ระดะดอกบัวเผ่อื นเมอื่ เดือนหงาย
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้ทรงยกพื้นท่ีนเ้ี ปน็ พทุ ธาวาส เรียกว่า วดั พระ- โอย้ ามเข็ญเหน็ อยู่แตห่ นพู ดั ขา้ งหน้าทา้ ยถ่อมาในสาคร
ศรสี รรเพชญ์ แลว้ ย้ายบรรดาพระราชมนเทียรเลยขึน้ ไปทางทิศเหนอื ต่อจาก จนเดอื นเดน่ เห็นเหล่ากระจับจอก ดูนา่ รกั บรรจงส่งเกสร
เขตวดั ไปจนจรดริมแม่นำ�้ ลพบุรใี นปจั จุบนั วัดพระศรีสรรเพชญใ์ ชป้ ระกอบ เห็นร่องน�้ำล�ำคลองท้ังสองฝา่ ย กา้ มก้งุ ช้อนเสยี ดสาหร่ายใต้คงคา
พระราชพิธสี ำ� คญั ต่างๆ เชน่ พระราชพิธีถือน�ำ้ พิพฒั น์สัตยา ตลอดจนใช้เป็น จนแจ่มแจ้งแสงตะวนั เหน็ พันธ์ผุ กั เปน็ เหลา่ เหลา่ แลรายท้ังซา้ ยขวา
ทีเ่ ก็บพระบรมอัฐิของพระมหากษตั ริยแ์ ห่งกรุงศรอี ยธุ ยาเกือบทุกพระองค์ เหล่าบัวเผอ่ื นแลสล้างริมทางจร ดาษดาดูขาวดังดาวพราย
สนุ ทรภกู่ ลา่ วในนริ าศพระบาทวา่ สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ กรมหลวงอนรุ กั ษ์ สายติ่งแกมแซมสลบั ต้นตบั เตา่ จะลงเลน่ กลางทงุ่ เหมอื นมงุ่ หมาย
เทเวศร์ กรมพระราชวงั บวรสถานพมิ ุข เปน็ ผูบ้ รู ณปฏิสังขรณ์วัดธรรมาราม กระจบั จอกดอกบัวบานผกา เท่ียวถอนสายบัวผนั สันตะวา
และพระราชวงั เก่าทอี่ ยใู่ กลๆ้ บรเิ วณคลองสระประทมุ มีสภาพรา้ งรกเหมอื น โอเ้ ชน่ นสี้ กี าไดม้ าเห็น ไหนจะนิง่ ดดู ายอายบุปผา
รังนกรงั กา ไมม่ ผี ้คู นเงยี บสงดั ดังป่าชา้ ที่มีเรอื น้อยน้อยจะลอยพาย อุตสา่ หห์ าเอาไปฝากตามยากจน
ถึงตวั เราเล่าถา้ มีโยมหญงิ ขี้เกยี จเก็บเลยทางมากลางหน
วดั ธรรมาราม – วงั เก่า ใน นิราศพระบาท คงจะใช้ใหศ้ ิษย์ทต่ี ดิ มา ถงึ ตำ� บลกรงุ เกา่ ยง่ิ เศร้าใจ
เห็นวัดวาอารามตามตลงิ่ ออกแจง้ จรงิ เหลอื จะจ�ำในคำ� เขียน นีจ่ นใจไม่มเี ท่าข้ีเล็บ คดิ ถงึ คร้งั กอ่ นมาน�้ำตาไหล
พระเจดียด์ กู ลาดดาษเดยี ร การเปรียญโบสถ์กุฏิชำ� รุดพัง พอรอนรอนอ่อนแสงพระสรุ ิยน ก็จะไดร้ ับนิมนต์ขน้ึ บนจวน
ถงึ วัดธารมาใหม่ใจระยอ่ ของพระหน่อสุรยิ ์วงศ์พระวังหลัง มาทางทา่ หนา้ จวนจอมผู้รงั้ อกมิแตกเสยี หรอื เราเขาจะสรวล
อุตส่าหท์ รงศรทั ธามาประทัง อารามร้ังฤามางามอร่ามทอง ภาพจิตรกรรมฝาผนงั หอไตรวัดธรรมาราม จะแวะหาถา้ ทา่ นเหมือนเมอื่ เปน็ ไวย จะต้องมว้ นหนา้ กลับอัประมาณ
แต่ยามยากหากวา่ ถา้ ทา่ นแปลก
สังเวชวดั ธารมาทีอ่ าศยั ถึงสร้างใหม่ช่อื ยังทารมาหมอง เหมือนเข็ญใจใฝ่สูงไมส่ มควร
เหมอื นทุกขพ์ ี่ถึงจะมจี นิ ดาครอง มงกฎุ ทองสรอ้ ยสะองิ้ มาใส่กาย
อนั ตวั งามยามน้กี ็ตรอมอก แสนวติ กมาตามแควกระแสสาย
ถงึ คลองสระปทมุ านาวาราย น่าใจหายเห็นศรีอยธุ ยา
ท้งั วงั หลวงวังหลงั กร็ ัง้ รก เห็นนกหกซอ้ แซ้บนพฤกษา
ดปู ราสาทราชวงั เป็นรงั กา ดงั ป่าชา้ พงชฏั สงดั คน

พระวหิ ารวัดธรรมาราม

74 75

อ่างเกบ็ นำ�้ ทุ่งภูเขาทอง สนุ ทรภูก่ ลา่ วถงึ เจดีย์ภเู ขาทองวา่ สูงเสียดฟา้ ดโู ดดเด่นอยกู่ ลางทุ่ง
ขณะนนั้ มีนำ�้ สำ� หรบั เลน่ เรอื ได้ บรเิ วณฐานบวั ชั้นแรกมนี �้ำล้อมรอบองคเ์ จดยี ์
ถัดมาเป็นขัน้ บนั ไดขึน้ ส่อู งค์เจดยี ์ ซง่ึ มีทงั้ ๔ ด้าน องคเ์ จดยี ก์ ่อแบบยอ่ มมุ
ไม้ ๑๒ อยา่ งสวยงาม คณะของสนุ ทรภชู่ วนกนั ขน้ึ ไปชน้ั ๓ เดนิ วนขวา ๓ รอบ
จนครบแลว้ กราบองคเ์ จดยี ์ ทุกวนั น้พี ระเจดยี ์เกา่ และทรดุ โทรมมาก

เจดยี ์ภเู ขาทอง ใน นริ าศภูเขาทอง
ครนั้ รุ่งเชา้ เขา้ เป็นวันอุโบสถ เจริญรสธรรมาบชู าฉลอง
ไปเจดยี ท์ ช่ี อ่ื ภเู ขาทอง ดูสงู ล่องลอยฟ้านภาลัย
อยู่กลางทุ่งรุง่ โรจน์สนั โดษเด่น เป็นทเี่ ลน่ นาวาคงคาใส
ทีพ่ ืน้ ลานฐานบทั ม์ถดั บนั ได คงคาไหลล้อมรอบเปน็ ขอบคัน
มเี จดีย์วหิ ารเป็นลานวัด ในจงั หวัดวงแขวงก�ำแพงกั้น
ทอี่ งค์ก่อยอ่ เหลย่ี มสลบั กัน เป็นสามช้นั เชงิ ชานตระหง่านงาม
บนั ไดมสี ่ีดา้ นส�ำราญรื่น ตา่ งชมชน่ื ชวนกนั ขึน้ ชน้ั สาม
ประทักษิณจนิ ตนาพยายาม ไดเ้ สรจ็ สามรอบคำ� นบั อภวิ นั ท์
มหี ้องถ�ำ้ ส�ำหรับจุดเทียนถวาย ดว้ ยพระพายพดั เวยี นอยเู่ หยี นหนั
เจดยี ์องคใ์ หญ่ ทมี่ ีองค์ระฆงั เปน็ ลมทกั ษณิ าวรรตนา่ อศั จรรย ์ แต่ทกุ วนั น้ีชราหนักหนานกั
กอ่ แบบยอ่ มุมไม้ ๑๒ บนฐานแบบมอญ ท้ังองคฐ์ านรานรา้ วถึงเก้าแฉก เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหกั

โอ้เจดยี ์ทส่ี ร้างยังร้างรกั เสยี ดายนกั นกึ น่าน�ำ้ ตากระเด็น
กระนี้หรอื ชอ่ื เสยี งเกยี รติยศ จะมหิ มดล่วงหน้าทันตาเหน็
เป็นผู้ดีมมี ากแล้วยากเยน็ คดิ ก็เป็นอนิจจงั เสยี ท้งั นั้น

๑๗. เจดีย์ภเู ขาทอง บนั ไดทางขึ้นดา้ นหนา้ สอู่ งคเ์ จดยี ์ วดั ภูเขาทอง สุนทรภไู่ ด้บนั ทกึ เรือ่ งราว วถิ ีชีวติ ภมู ปิ ัญญา และวัฒนธรรมของ
ผคู้ นชาวพระนครศรีอยธุ ยาในสมยั รตั นโกสินทรต์ อนต้น ผา่ นบทนิราศไว้ได้
เจดยี ภ์ ูเขาทองเป็นเจดยี ์องค์ใหญต่ ้งั อยกู่ ลางทงุ่ นา สามารถเห็นได้ อย่างงดงาม เราจะสังเกตไดว้ า่ แม้สนุ ทรภู่จะเปน็ ปถุ ชุ นทีม่ ิอาจลืมความสขุ
แต่ไกลอยใู่ นวัดภเู ขาทอง ซ่ึงตัง้ อยใู่ นเกาะเมือง อำ� เภอพระนครศรอี ยธุ ยา แตห่ นหลงั ได้ กพ็ ยายามปลกุ ปลอบใจตนเองกลา่ วถงึ สจั ธรรมสำ� คญั ขอ้ หนงึ่ คอื
จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เชอ่ื กนั วา่ ภายในองคเ์ จดยี บ์ รรจพุ ระบรมสารรี กิ ธาตุ หลกั อนตั ตา ความไมเ่ ทย่ี งแทแ้ นน่ อนของสรรพสง่ิ และการพลดั พรากอยเู่ สมอ
ดา้ นหนา้ มพี ระบรมราชานสุ าวรยี ข์ องสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชประดษิ ฐานไว้ การยอ้ นอดีตพระนครศรอี ยธุ ยาผา่ นลลี าวรรณกรรมของท่าน จึงมิใชเ่ พยี ง
เพอ่ื เปน็ อนสุ รณร์ ะลกึ ถงึ เหตกุ ารณค์ รงั้ พระองคท์ รงกอบกเู้ อกราชกลบั คนื มาได้ สมั ผสั สถานทที่ อ่ งเทยี่ วเทา่ นนั้ หากแตเ่ ปน็ การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์ หลกั ศรทั ธา
ในพระพุทธศาสนา ความเชือ่ และสงิ่ ศกั ด์สิ ิทธทิ์ ค่ี นสมยั นน้ั เคารพนบั ถือ
อกี ด้วย
กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดพ้ จิ ารณากำ� หนดใหเ้ ยาวชนไดศ้ กึ ษาวรรณกรรม
นิราศของสุนทรภู่ ๓ เร่อื ง ได้แก่ นิราศเมอื งแกลง นริ าศพระบาท และ
นริ าศภูเขาทอง มาหลายหลกั สูตร โดยเฉพาะนริ าศเรอ่ื งหลงั ไดร้ ับยกยอ่ งว่า
เป็นยอดแห่งนริ าศ และได้กำ� หนดเปน็ บทเรยี นในช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ ใน
ปัจจบุ ัน หากผูเ้ รยี นและเยาวชนคนไทยศึกษาดว้ ยความเขา้ ใจ จะไดร้ บั รส
สาระ และคตจิ ากวรรณกรรมตามเจตนารมณ์ของกวี

76 77

ณ แหลง่ มมทรรอ่ ดดงกกเทไโทลีย่ กยว

พระนครศรอี ยธุ ยาถอื เปน็ จงั หวดั ทอ่ งเทย่ี วทางวฒั นธรรมทท่ี รงคณุ คา่
ทางประวัตศิ าสตรแ์ ละโบราณคดี เปน็ แหล่งรวมวดั วาอารามท่ีงดงามทางด้าน
ศิลปกรรมอนั โดดเด่น ทั้งยังข้ึนชอื่ ทางดา้ นไหวพ้ ระขอพร ขอโชค ขอลาภ
จากการสักการะส่ิงศักด์ิสิทธ์ิที่คนไทยและคนจีนเชื่อถือมาคร้ังอดีตกาล
การทเ่ี คยเปน็ ทตี่ ง้ั ของกรงุ ศรอี ยธุ ยาราชธานไี ทย เปน็ เวลายาวนานถงึ ๔๑๗ ปี
ท�ำใหพ้ ระนครศรีอยธุ ยาปรากฏร่องรอยความยิ่งใหญ่ทางอารยธรรม สมเป็น
เมอื งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทยตราบจนทกุ วันนี้

78 79

ศูนย์บรกิ ารนักท่องเท่ยี วของการทอ่ งเท่ยี วแหง่ ประเทศไทย พิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาตเิ จา้ สามพระยา

ก่อนจะไปและเยี่ยมเยือนสถานท่ีท่องเท่ียวอื่นของจังหวัด ส�ำหรับผู้ที่มุ่งเน้นต้องการศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดีของ
พระนครศรอี ยธุ ยา ขอแนะนำ� ใหน้ กั ทอ่ งเทย่ี วแวะไปทศ่ี นู ยบ์ รกิ ารนกั ทอ่ งเทยี่ ว อาณาจกั รอยุธยาขอเสนอแนะให้ไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ๒ แหง่ ในจงั หวดั
ของการท่องเทย่ี วแห่งประเทศไทย ต้งั อยบู่ รเิ วณอาคารศาลากลางหลังเกา่ พระนครศรอี ยธุ ยา แหง่ แรกคอื พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตเิ จา้ สามพระยา ตงั้ อยู่
เสียก่อน เพอื่ จะได้ทบทวนหรือย้อนรำ� ลกึ ถงึ พระนครศรีอยธุ ยาจากอดีตสู่ ท่ีตำ� บลประตูชัย ใกล้กับศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา (หลังเกา่ ) เย้อื ง
ปจั จบุ นั เพราะท่ี ศนู ยบ์ รกิ ารนกั ทอ่ งเทย่ี ว ชนั้ ลา่ งจะมหี นงั สอื และขา่ วสาร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนครศรอี ยธุ ยา เรยี กวา่ ไมไ่ กลกวา่ ศนู ยศ์ กึ ษาประวตั ศิ าสตร์
การทอ่ งเทย่ี ว (แจกฟรี) พร้อมค�ำแนะนำ� ใหน้ กั ท่องเท่ียวทุกคน สว่ นชั้นบน และศูนย์บรกิ ารนกั ท่องเทย่ี วของ ททท. เท่าใดนกั พิพิธภณั ฑแ์ ห่งน้จี ดั เปน็
จดั เป็น หอนิทรรศการประวตั ศิ าสตร์อยธุ ยา จดั แสดงเกีย่ วกับศลิ ปกรรม พิพิธภณั ฑสถานแหง่ แรกของประเทศไทยทม่ี ีรูปแบบจัดแสดงแบบใหม่ คือ
แห่งอาณาจักรอยธุ ยา วถิ ชี ีวติ และภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน อยธุ ยามรดกโลก การเลือกนำ� โบราณวตั ถุมาจดั แสดงไม่มากจนแนน่ และใชห้ ลักการทางดา้ น
แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเมอื งอยธุ ยาและวดั ตา่ งๆ ในจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เรยี กวา่ แสงและสีมาชว่ ยนำ� เสนอ ทำ� ใหก้ ารชมพิพิธภณั ฑ์นนั้ นา่ สนใจมากขนึ้
แนะนำ� ใหร้ จู้ กั อทุ ยานประวตั ศิ าสตรพ์ ระนครศรอี ยธุ ยาในภาพรวม โดยศกึ ษา
จากวดี ิทัศน์ รูปภาพ และการจำ� ลองผา่ นเทคโนโลยีท่ีทนั สมยั แห่งนี้เสียกอ่ น บรรยากาศบรเิ วณภายนอกของพพิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาตเิ จา้ สามพระยา
นน่ั เอง (ศนู ยบ์ รกิ ารนกั ทอ่ งเทยี่ ว ณ อาคารศาลากลางหลงั เกา่ เปดิ ใหช้ มทกุ วนั
เวลา ๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. สอบถามขอ้ มลู ไดท้ เ่ี บอรโ์ ทรศพั ท์ ๐๓๕ ๓๒๒ ๗๓๐-๑)

ศนู ย์ศึกษาประวตั ิศาสตร์อยธุ ยา ศนู ย์ศกึ ษาประวัตศิ าสตรอ์ ยุธยา แหล่งเรยี นรู้
ส�ำหรบั นกั เรยี น นสิ ิต นักศกึ ษา และนกั ทอ่ งเที่ยว
หรือจะเลือกไปศนู ยศ์ กึ ษาประวตั ศิ าสตร์อยุธยา ตง้ั อยู่ที่ถนนโรจนะ
ใกล้กับมหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนครศรอี ยธุ ยากย็ อ่ มได้ เนอ่ื งจากศนู ยแ์ หง่ น้ี
จดั ตง้ั ขนึ้ เพอ่ื ทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ สถาบนั วจิ ยั และพพิ ธิ ภณั ฑสถานเกย่ี วกบั อาณาจกั ร
อยุธยาโดยรวม โดยใช้งบประมาณจากรัฐบาลญป่ี ุ่น เพ่อื เฉลิมพระเกยี รติ
ในวโรกาสท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ
๖๐ พรรษา และเพ่ือเป็นท่รี ะลกึ ในโอกาสทมี่ ิตรภาพระหวา่ งประเทศญ่ีปุ่น
กับราชอาณาจักรไทย ดำ� รงยนื ยาวมาครบ ๑๐๐ ปี
บนอาคารช้ันที่สองของศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยามีห้อง
จดั นทิ รรศการทมี่ งุ่ เนน้ สภาพชวี ติ สงั คม และวฒั นธรรมของชาวอยธุ ยาในอดตี
ใหก้ ลบั ฟน้ื ขนึ้ มาใหมด่ ว้ ยการจำ� ลองอาคารสถานที่ชมุ ชนกจิ กรรมและสงิ่ ของ
ที่สูญหายไปแล้วให้ปรากฏขึ้นใหม่ในรูปลักษณ์สมจริงตามหลักฐานทาง
ประวตั ศิ าสตร์ เพอ่ื ให้ผูช้ มไดเ้ ข้าใจชีวิตของชาวอยธุ ยาในอดตี ไดช้ ดั เจนข้นึ
ศนู ยศ์ ึกษาประวัตศิ าสตร์อยธุ ยาจัดแสดงนทิ รรศการในอาคารหลัก ๔ หวั ขอ้
ได้แก่
๑) อยธุ ยาในฐานะราชธานี
๒) อยุธยาในฐานะเมอื งทา่
๓) อยธุ ยาในฐานะศนู ย์กลางอ�ำนาจทางการเมืองการปกครอง
๔) ชีวิตชุมชนชาวบา้ นไทยสมยั กอ่ น
การไปชมศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยาก่อนท่ีจะเจาะจงไปเท่ียว
ณ ทอี่ นื่ ใด จงึ เปน็ การสรา้ งพนื้ ฐานความรู้ ความเขา้ ใจ และจนิ ตภาพทถี่ กู ตอ้ ง
โดยใช้เทคโนโลยที ่ที ันสมัยทำ� ให้ผชู้ มรูส้ ึกเสมอื นอยใู่ นสถานทจ่ี ริง ซึ่งจะท�ำให้
การเที่ยวชมในสถานทต่ี า่ งๆ มีรสชาติและสนุกยิง่ ขึ้น
ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยาเปิดท�ำการทุกวันเว้นวันจันทร์-
อังคาร (วันหยดุ นกั ขตั ฤกษ์ไม่ปดิ ทำ� การ) เวลา ๙.๐๐-๑๖.๓๐ น. สอบถาม
ขอ้ มูลโทรศพั ท์ (๐๓๕) ๒๔๕ ๑๒๓-๔

80 81
ชัน้ ล่าง มเี ศยี รพระพทุ ธรูปสำ� ริดขนาดใหญจ่ ากวดั ธรรมกิ ราช
พพิ ธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติเจา้ สามพระยาแห่งน้ี สร้างข้ึนจาก พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวพรอ้ มด้วย พระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาทสมัยทวารวดีท่ีเคยประดิษฐานในซุ้ม
พระราชปรารภของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช ดงั ความ สมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ ีนาถ พระสถปู โบราณวดั พระเมรุ จงั หวดั นครปฐม รวมทงั้ บานประตไู มแ้ กะสลกั เปน็
ตอนหนึ่งวา่ เสด็จพระราชด�ำเนนิ เปิดพิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ รูปเทวดาทรงพระขรรค์ ครุฑโขนเรอื ในกระบวนเรือพระท่นี ัง่ ตามเสดจ็ ขบวน
...โบราณวัตถแุ ละศลิ ปวัตถุทพี่ บในกรพุ ระปรางค์วัดราชบูรณะน้ี เจ้าสามพระยา เมื่อวนั ที่ ๒๖ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ พยหุ ยาตราทางชลมารค และไม้แกะสลกั อนื่ ๆ ที่วจิ ติ รงดงามมาก ภายใน
สมควรจะได้มพี ิพธิ ภณั ฑสถานเก็บรักษา และตง้ั แสดง ตกู้ ระจกจดั แสดงพระพทุ ธรปู หลายสกุลชา่ ง
ใหป้ ระชาชนชมในจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
หาควรน�ำไปเก็บรกั ษาและตง้ั แสดง ณ ทอ่ี นื่ ไม่... พระพทุ ธรูปประทับน่ังห้อยพระบาท
พระราชปรารภนที้ ำ� ใหร้ ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ ารและอธบิ ดี
กรมศิลปากรหาทางดำ� เนินการตามพระราชประสงค์ ดังนัน้ เมอ่ื ดำ� เนนิ การ เศยี รพระพทุ ธรูปสำ� รดิ ศลิ ปะอู่ทอง
ขุดค้นองค์พระปรางค์วดั ราชบูรณะ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้
พบกรอุ กี ๖ กรุ ทกุ กรมุ พี ระพทุ ธรปู และพระพมิ พด์ บี กุ จำ� นวนมาก กระทรวง
ศึกษาธิการ จึงอนมุ ัตใิ ห้กรมศิลปากรรับบรจิ าคเงินเพอื่ สรา้ งพิพิธภัณฑสถาน
แห่งชาติจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้เป็นที่เก็บทรัพย์สินอันมีค่าท่ีขุดค้น
มาได้ เงินท่ีไดบ้ ริจาคมาทั้งสน้ิ กวา่ ๓ ล้านบาท สมทบกับเงินงบประมาณ
จึงไดก้ ่อสร้างพิพิธภัณฑ์แหง่ น้ขี น้ึ การก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓
และเพ่อื เปน็ อนสุ รณ์แด่สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ (เจ้าสามพระยา)
ผูท้ รงสถาปนาวัดราชบรู ณะเมือ่ พ.ศ. ๑๙๖๗ ซงึ่ เป็นท่มี าของโบราณวตั ถทุ ี่
แสดง ณ พิพธิ ภณั ฑ์ทางราชการจึงขนานนามพิพธิ ภัณฑสถานแห่งชาตนิ ้ีว่า
พพิ ธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาตเิ จา้ สามพระยา
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตเิ จา้ สามพระยา ประกอบด้วยอาคารหลัก
๓ อาคาร จดั แสดงโบราณวตั ถุแตกต่างกันดังน้ี
๑. อาคารตึกเจา้ สามพระยา เป็นอาคารหลักที่ส�ำคญั ทีส่ ดุ เพราะ
จัดแสดงศิลปวัตถุของอาณาจักรอยุธยาท่ีล้�ำค่าและมีความส�ำคัญต่อการศึกษา
ประวัติศาสตรแ์ ละโบราณคดีของพระนครศรอี ยุธยา

ภาพแกะสลักหนา้ บันพระนารายณ์ทรงครุฑ ศิลปะอยุธยา ภาพแกะสลกั บานประตูไม้จ�ำหลกั ครุฑโขนเรอื ไมจ้ ำ� หนัก ตูพ้ ระไตรปฎิ ก ลงรกั ปดิ ทอง

82 83
ช้ันบนของอาคารมีห้องมหาธาตุจัดแสดงเครื่องทองและพระบรม-
สารีริกธาตุรวมทั้งผอบเจ็ดช้ันภายในบรรจุพระธาตุท่ีได้มาจากกรุวัดมหาธาตุ พพิ ิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติจันทรเกษม
และเจดยี ์ศรสี ุรโิ ยทัย และห้องราชบรู ณะ จัดแสดงศิลปะวัตถุทไี่ ด้มาจากกรุ
วดั ราชบูรณะ เช่น เคร่ืองราชูปโภคทองคำ� ทองกร พาหรุ ดั ทับทรวง เครือ่ ง พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตจิ นั ทรเกษมตงั้ อยรู่ มิ แมน่ ำ้� ปา่ สกั ใกลต้ ลาด
ประดบั เศยี รสำ� หรบั ชายและหญงิ พระแสงดาบฝกั ทองคำ� ประดบั พลอยสตี า่ งๆ หวั รอในอำ� เภอพระนครศรีอยธุ ยา เปน็ อีกหนง่ึ สถานทีส่ ำ� หรบั ผทู้ ี่ต้องการ
ศกึ ษาประวัติศาสตรแ์ ละโบราณคดีของอยุธยา ควรไปแวะชมกอ่ นสถานท่ีอื่น
หอ้ งพระบรมสารีริกธาตุ เพราะที่แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังจันทรเกษมซึ่งเป็นท่ีประทับของสมเด็จ-
พระนเรศวรมหาราช เมอื่ ครง้ั ดำ� รงพระยศเปน็ อปุ ราช หรอื วงั หนา้ ของอาณาจกั ร
อาคารเรือนไทย จัดแสดงศิลปะพ้นื บ้าน ภาพเขยี นพระพทุ ธเจ้า และพระอคั รสาวก อยุธยา
พระราชวังจันทรเกษมหรือวังหน้าตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ
๒. อาคาร ๒ ชั้น จัดแสดงศิลปวัตถุโดยเฉพาะเคร่อื งป้นั ดนิ เผาและ พระราชวงั หลวงสรา้ งขนึ้ ในสมยั สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธริ าช เมอื่ ประมาณ
เครื่องสงั คโลกสมัยต่างๆ ท่ีรวบรวมมาจากจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เช่น พ.ศ. ๒๑๒๐ เพอ่ื ให้เปน็ ทีป่ ระทบั ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนือ่ งจาก
สมยั ทวารวดี ศรีวชิ ยั ลพบุรี รวมท้ังภาพจำ� ลองวถิ ีชวี ติ ของชาวอยธุ ยา และ เมือ่ คร้ังเป็นอุปราชนัน้ จะประทับอยู่ทวี่ งั จันทร์ เมืองพิษณุโลก เวลาเสด็จมา
ชาวตา่ งชาตอิ น่ื ๆ ทม่ี าพักอาศยั ในอยธุ ยา เป็นตน้ พระนครศรีอยุธยามักมีข้าราชบริพารและทหารตามมาเป็นจ�ำนวนมากไม่มี
๓. หมูอ่ าคารเรอื นไทยสร้างอยู่รมิ สระน�ำ้ แสดงรูปแบบเรือนไทย ทพี่ ักแรมเปน็ การเฉพาะ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชซงึ่ เปน็ พระราชบดิ า
ในภาคกลางซึ่งถือเปน็ ภูมิปญั ญาของชาวอยธุ ยาท่สี ำ� คัญ รวมทั้งไดจ้ ดั แสดง จึงโปรดใหส้ รา้ งวังขนึ้ ใหม่เพ่อื ใหพ้ ระองค์เสดจ็ มาประทบั ท่ีพระราชวงั น้ี และ
สง่ิ ของเครอื่ งใชภ้ ายในเรอื นไทยไว้ มักเรียกวงั นี้วา่ วังจันทรต์ ามชอื่ พระราชวงั ท่เี มอื งพษิ ณโุ ลก
(พพิ ธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาตเิ จ้าสามพระยา เปิดให้เขา้ ชมทกุ วนั ตั้งแต่ ตอ่ มาเมอ่ื สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชเสด็จข้ึนครองราชสมบตั ิ จึง
เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น) โปรดเกลา้ ฯ สถาปนาสมเดจ็ พระเอกาทศรถเป็นอปุ ราชประทบั ทว่ี ังจันทรน์ ี้

บรรยากาศบริเวณภายนอกของพิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาตจิ ันทรเกษม

84 85

พระราชวงั แหง่ น้เี ปน็ ท่ปี ระทบั ของอปุ ราชของอยธุ ยาหลายพระองค์ พลบั พลาจตุรมุข พระทน่ี ัง่ พิมานรตั ยา เนอื่ งจากพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั มคี วามสนพระทยั
เช่น ในสมยั ของสมเดจ็ พระศรสี ธุ รรมราชา (พ.ศ. ๒๑๙๙) โปรดเกลา้ ฯ ให้ หอพสิ ัยศัลลกั ษณ์ (หอสอ่ งกล้อง) ภายในห้องทอ้ งพระโรงใหญ่ ในกิจการพพิ ิธภณั ฑสถาน ซึ่งหลวงอนรุ กั ษ์ภเู บศร์ (พร เดชะคปุ ต)์ ขา้ หลวง
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเมอื่ คร้งั เป็นพระอุปราชประทับที่วังน้ี ตอ่ มาใน แสดงนิทรรศการพระพุทธรูปสมัยต่างๆ มหาดไทยมณฑลกรุงเก่าเป็นผู้สนใจในงานประวัติศาสตร์โบราณคดีและเป็น
รชั กาลของสมเดจ็ พระเพทราชา (พ.ศ. ๒๒๓๑ - ๒๒๔๖) ไดแ้ ตง่ ตงั้ หลวงสรศกั ด์ิ ผสู้ ะสมความรใู้ นวชิ าดงั กลา่ ว จนไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ ผรู้ ทู้ างประวตั ศิ าสตร์
ซงึ่ เป็นพระราชโอรสใหเ้ ปน็ อุปราชและเรียกตำ� แหนง่ น้วี ่า กรมพระราชวัง และโบราณคดีในมณฑลกรงุ เก่า ภายหลงั ไดร้ บั พระราชทานสญั ญาบัตรเป็น
บวรสถานมงคล จงึ เข้าใจวา่ วงั จนั ทร์คงไดร้ บั พระราชทานนามใหมว่ า่ กรม พระยาโบราณบุรานุรกั ษ์ (พร เดชะคปุ ต์) ปลัดเทศาภบิ าลมณฑลกรงุ เกา่
พระราชวงั บวรสถานมงคลเพอื่ เปน็ ทป่ี ระทบั ของอปุ ราช (สว่ นวงั หลงั เรยี กวา่ ได้รวบรวมโบราณวัตถุ ศลิ ปวัตถทุ ่ีได้จากท่ีตา่ งๆ ในมณฑลกรุงเก่ามาไวท้ ี่
กรมพระราชวงั บวรสถานพิมขุ ตง้ั อย่ทู างทศิ ตะวนั ตกของพระราชวงั หลวง) พระราชวงั จนั ทรเกษมเปน็ จำ� นวนมาก เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๔๕ สมเดจ็ ฯ กรมพระยา
เมอื่ หลวงสรศกั ดข์ิ น้ึ ครองราชยเ์ ปน็ สมเดจ็ พระสรรเพชญท์ ่ี ๘ (พ.ศ. ๒๒๔๖ - ดำ� รงราชานภุ าพซง่ึ ดำ� รงตำ� แหนง่ เสนาบดกี ระทรวงมหาดไทยในขณะนน้ั ไดเ้ สดจ็
๒๒๕๑) โปรดเกลา้ ฯ ให้พระเจ้าทา้ ยสระ พระราชโอรสด�ำรงตำ� แหนง่ กรม ไปทอดพระเนตรบรรดาโบราณวตั ถทุ พี่ ระยาโบราณฯ รวบรวมไว้ ณ พระราชวงั
พระราชบวรสถานมงคลประทบั ณ พระราชวังน้ี เมอ่ื พระองค์เสดจ็ ขน้ึ จันทรเกษม จึงได้ชักชวนใหพ้ ระยาโบราณบุรานรุ กั ษ์ (พร เดชะคุปต)์ จดั ตั้ง
ครองราชย์เปน็ สมเด็จพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ ๙ (พ.ศ. ๒๒๕๑ - ๒๒๗๕) พระเจา้ เป็นพพิ ธิ ภณั ฑ์ ในระยะแรกรวบรวมและจดั แสดงไว้ในพน้ื ทบี่ ริเวณตกึ โรงมา้
อยู่หวั บรมโกศ ซง่ึ เป็นพระอนุชาได้ด�ำรงตำ� แหน่งเป็นวงั หนา้ และประทับท่ี พระที่นั่งและเรียกว่า “โบราณพิพธิ ภัณฑ”์
พระราชวังนี้ เมือ่ พระองคป์ ราบดาภเิ ษกเปน็ กษตั รยิ ค์ รองพระนครศรีอยุธยา เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๗๗ รชั กาลที่ ๕ ไดเ้ สดจ็ ทอดพระเนตรโบราณพพิ ธิ ภณั ฑ์
โปรดเกล้าฯ ให้กรมขนุ เสนาพิทกั ษ์ (เจา้ ฟ้าธรรมธเิ บศร์) เป็นกรมพระราชวงั ทพี่ ระราชวงั จนั ทรเกษมและพระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหน้ ำ� โบราณวตั ถุ
บวรสถานมงคล และเปน็ อปุ ราชองคส์ ดุ ทา้ ยทป่ี ระทบั ณ พระราชวงั น้ี ดังกล่าวมาจัดแสดงไว้ ณ พลบั พลาจตรุ มุข ส่วนโบราณวัตถทุ ่เี ปน็ ศิลาและ
หลงั รชั กาลของพระองค์ วงั หนา้ กถ็ กู ทงิ้ รา้ งจนกระทงั่ เสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยาครงั้ ที่ ๒ โลหะขนาดใหญ่ ใหแ้ สดงไว้ตามระเบยี งกำ� แพงตลอดแนวภายในกำ� แพงวัง
พ.ศ. ๒๓๑๐ พระราชวงั แหง่ นกี้ เ็ หลอื แตซ่ ากอาคาร เชน่ เดยี วกบั โบราณสถาน ดา้ นทศิ เหนอื และตะวนั ออกทใี่ หก้ อ่ สรา้ งขนึ้ ใหม่ เรยี กวา่ “อยธุ ยาพพิ ธิ ภณั ฑสถาน”
อื่นๆ ของพระนครศรอี ยุธยา ซ่ึงได้กลายเป็นสถานที่ส�ำคัญในการรับแขกบ้านแขกเมืองที่ขึ้นไปเท่ียวชม
ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระราชวังไ้ ดร้ บั การฟ้ืนฟแู ละบรู ณะข้นึ มาใหม่ อย่เู สมอ
ในรชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รัชกาลที่ ๔) เมอ่ื ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๔๗๙ กรมศลิ ปากรไดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษา
พ.ศ. ๒๓๙๕ โปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระยาโบราณกรงุ เกา่ ซอ่ มแซมพระทนี่ ง่ั จนั ทรเกษม ใหอ้ ยธุ ยาพพิ ธิ ภณั ฑสถานเปน็ “พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตจิ นั ทรเกษม” นบั เปน็
ใน พ.ศ. ๒๓๙๗ พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ มาทอดพระเนตรพระราชวงั พิพิธภณั ฑสถานทีเ่ กิดข้ึนในภูมภิ าคแหง่ แรกในประเทศไทย
จนั ทรเกษมแลว้ มพี ระราชดำ� รโิ ปรดเกลา้ ฯ ใหฟ้ น้ื ฟพู ระราชวงั ขน้ึ มาใหม่ เรม่ิ ใน พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาตจิ นั ทรเกษม มีอาคารหลายหลังเป็น
พ.ศ. ๒๔๐๐ เปน็ ตน้ มา โปรดเกลา้ ฯ ให้เจ้าเมืองกรงุ เกา่ ในเวลานั้นเป็นผู้ดูแล โบราณสถานแสดงรูปแบบสถาปตั ยกรรมไทย ในสมยั รัชกาลที่ ๔ - ๖ และ
การสร้างกำ� แพงพระราชวัง พ.ศ. ๒๔๐๓ ใหข้ ดุ สระน�้ำและสรา้ งพลบั พลา โบราณวัตถทุ ่จี ัดแสดงในพระทีน่ ่ังและอาคารต่างๆ รวม ๔ อาคารด้วยกัน
ทปี่ ระทบั ขนึ้ มาใหมต่ ามรอ่ งรอยของแนวฐานอาคารเดมิ เพอื่ ใหเ้ ปน็ ทป่ี ระทบั ไดแ้ ก่
ในเวลาท่ีเสดจ็ ประพาสกรุงเก่า และพระราชทานนามพระราชวังแห่งนี้วา่ อาคารท่ี ๑ พลับพลาจตรุ มุขเปน็ หอ้ งท่รี ะลึกถึงพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ภายในหอ้ งตา่ งๆ จดั แสดงเครอื่ งราชปู โภคของพระองค์
หมอู่ าคารท่สี รา้ งขน้ึ ในสมยั รัชกาลท่ี ๔ ไดแ้ ก่ พลบั พลาจตุรมุขเป็น ซง่ึ เปน็ สิง่ ทีอ่ ยู่ในพระราชวงั จันทรเกษมมาแตเ่ ดิม นอกจากนยี้ งั มพี ระบรม
อาคารเครอ่ื งไมห้ มอู่ าคารพระทน่ี ั่งพิมานรัตยา ซ่ึงเป็นหมู่ตึกกลางพระราชวงั ฉายาลักษณ์รัชกาลท่ี ๔ และรชั กาลที่ ๕ ทเี่ ปน็ ฝมี ือของชา่ งภาพเยอรมัน
หอพสิ ยั ศลั ลักษณ์ (หอสอ่ งกลอ้ ง) ใช้สำ� หรับทอดพระเนตรดวงดาว โรงละคร อาคารที่ ๒ พระที่นั่งพิมานรัตยา ในทอ้ งพระโรงใหญ่ จัดแสดง
หอ้ งเครอ่ื ง และตกึ โรงมา้ ส่งิ กอ่ สร้างบางสว่ นคงแลว้ เสร็จในรัชสมยั พระบาท พระพุทธรูปสมัยต่างๆ ที่พระยาโบราณราชธานินทร์รวบรวมจากเกาะเมือง
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ใน พ.ศ. ๒๔๓๙ โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเด็จ อยธุ ยา รวมทงั้ พระพมิ พแ์ บบตา่ งๆ ทพ่ี บจากกรพุ ระปรางคว์ ดั ราชบรู ณะ และ
พระเจา้ นอ้ งยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานวุ งศ์ กรมขนุ มรพุ งศ์สิรพิ ัฒน์ ข้าหลวง วัดมหาธาตุ ห้องกลางจดั แสดงประติมากรรมขนาดใหญ่ท่สี ลักจากศลิ า โดย
เทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่าในขณะนั้นเป็นผู้ปรับปรุงพระราชวังจันทรเกษม เฉพาะเทวรูปท่ีพบที่ศาลพระกาฬในพระนครศรีอยุธยาจัดเป็นประติมากรรม
เพอ่ื พระราชทานให้สำ� หรับเป็นทีว่ า่ การมณฑลกรุงเก่า ชน้ิ สำ� คัญทหี่ ายากยง่ิ

86 87

อาคารที่ ๓ อาคารที่ทำ� การภาคหรืออาคารมหาดไทย จดั แสดง อาคารมหาดไทย เศียรพระพทุ ธรปู บริเวณระเบยี งอาคาร ๔ จากนนั้ แวะชมคมุ้ ขนุ แผน ตงั้ อยทู่ างทศิ ใตข้ องพระวหิ ารพระมงคลบพติ ร
ศลิ ปะโบราณวัตถุภายในอาคาร ๗ หอ้ งด้วยกนั คอื ๑) ศิลปะสถาปตั ยกรรม ห้องแสดงอาวธุ ภณั ฑ์ ทีใ่ ขท้ ำ� ศกึ สงคราม นบั เปน็ ภมู ปิ ญั ญาของชาวอยธุ ยาทปี่ รากฏในสถาปตั ยกรรมเรอื นไทยทรงโบราณ
อยธุ ยา ๒) เครอ่ื งปนั้ ดินเผาของอยุธยา ๓) อาวธุ ภัณฑ์ ๔) เครอื่ งถวาย ๕ หลงั สร้างขึ้นเพอ่ื ให้ผู้คนในยคุ ปจั จุบันได้เหน็ และศึกษารปู แบบเรอื นไทย
พทุ ธบชู า ๕) วิถชี วี ิตริมนำ้� ชาวอยุธยา สมยั โบราณ เช่น เรือนเอก เรอื นโท หอพระ ครัวไฟ แตต่ ั้งชือ่ วา่ คมุ้ ขนุ แผน
อาคารท่ี ๔ ระเบียงจัดตง้ั ศลิ าจำ� หลกั จัดแสดงโบราณวตั ถจุ �ำพวก ซ่งึ เป็นบุคคลในวรรณคดีไทย
ประตมิ ากรรมขนาดใหญท่ ที่ ำ� มาจากศลิ า เชน่ พระพทุ ธรปู ใบเสมา ศลิ าจารกึ ชาวต่างประเทศส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปชมเพนียดคล้องช้างและ
เปน็ ต้น พระท่นี ง่ั เพนียด เป็นสถานท่ีทสี่ ร้างขน้ึ เพ่อื ใช้ในการคลอ้ งชา้ งปา่ ซงึ่ นำ� มาใช้
(พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตจิ นั ทรเกษม เปดิ ใหเ้ ขา้ ชมทกุ วนั เวน้ วนั หยดุ ประโยชน์ทงั้ ในยามสงครามและเวลาปกติ ในบางครง้ั สมเด็จพระเจ้าแผ่นดนิ
นักขตั ฤกษ์ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น.) โปรดใหท้ �ำพิธีคลอ้ งชา้ งปา่ เพื่อใหแ้ ขกเมืองชมดว้ ย จึงมกี ารสรา้ งพระที่นัง่
การเขา้ ชมศนู ยบ์ รกิ ารนกั ทอ่ งเทย่ี ว ศนู ยบ์ รกิ ารประวตั ศิ าสตรอ์ ยธุ ยา เพนียดขึ้นเพ่ือให้เป็นท่ีส�ำหรับพระมหากษัตริย์ประทับทอดพระเนตรการจับ
และพพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาตทิ ั้ง ๒ แห่ง จะท�ำให้ท่านมพี น้ื ฐานความรู้ใน ชา้ งปา่ เดมิ เพนียดคล้องชา้ งในพระนครศรอี ยธุ ยาตง้ั อยูท่ ่วี ัดซอง ดา้ นเหนอื
ภาพรวมของพระนครศรอี ยุธยาไดเ้ ป็นอยา่ งดีก่อน จากนัน้ นักท่องเทยี่ วควร ของพระราชวงั จนั ทรเกษม ในแผน่ ดนิ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชา พ.ศ. ๒๑๒๓
เตรยี มรม่ หมวก และนำ้� ใหพ้ รอ้ มอาจเดนิ ทางดว้ ยพาหนะตา่ งๆ เชน่ รถจกั รยาน โดยใหข้ ยายกำ� แพงพระนครดา้ นตะวันออกไปถงึ รมิ แม่นำ้� จงึ ใหย้ ้ายเพนียด
หรือรถยนต์ไปชมแหล่งโบราณสถานภายในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ไปทตี่ �ำบลทะเลหญ้า ในสมยั รัตนโกสินทร์ เพนยี ดคล้องชา้ งไดบ้ รู ณะซอ่ มแซม
และพ้ืนทโี่ ดยรอบ ส่วนใหญเ่ ปน็ โบราณสถานทางพระพุทธศาสนา และ เรอื่ ยมา รัชกาลที่ ๕ แห่งกรงุ รัตนโกสินทรโ์ ปรดใหม้ กี ารคล้องช้างป่าทเ่ี พนียด
พระราชวงั โบราณซง่ึ หลงเหลอื อยเู่ ฉพาะฐานอาคารของพระทน่ี ง่ั ตา่ งๆ ในบรเิ วณ คล้องช้างตำ� บลทะเลหญา้ ในรชั กาลปัจจบุ นั พ.ศ. ๒๕๐๕ พระบาทสมเด็จ
ซง่ึ ปจั จบุ นั เป็นวัดพระศรสี รรเพชญ์ รวมทั้งชมความงามทางสถาปตั ยกรรม พระเจ้าอยหู่ วั ภูมิพลอดลุ ยเดช และสมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ
ของวดั โบราณต่างๆ ทอ่ี ยู่ใกล้เคียง เช่น วดั มหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัด พรอ้ มดว้ ยพระราชาและพระราชนิ ปี ระเทศเดนมารก์ ไดเ้ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ มา
พระมงคลบพิตร วัดภเู ขาทอง วัดพระราม วัดโลกยสุธา วดั วรโพธิ์ วดั ชมเพนียดคลอ้ งช้างแหง่ น้ดี ว้ ย
วรเชษฐาราม วัดพระราม วดั ธรรมิกราช เปน็ ต้น

พระยาโบราณราชธานนิ ทร์ พระท่นี ั่งเพนียด
พระยาโบราณราชธานนิ ทร์ (พร เดชะคปุ ต)์ เปน็ ผรู้ เิ รม่ิ กอ่ ตงั้ พพิ ธิ ภณั ฑข์ นึ้
ทา่ นไดเ้ ขา้ ถวายตวั เปน็ มหาดเลก็ ในสมเดจ็ เจา้ ฟา้ มหาวชริ ณุ หศิ เมอ่ื จบการศกึ ษาแลว้ บริเวณเพนยี ดคล้องชา้ ง
ไดร้ บั ราชการครง้ั แรกเปน็ ครใู นโรงเรยี นพระตำ� หนกั สวนกหุ ลาบ ตอ่ มาไดร้ บั ราชการ
ในกระทรวงธรรมการ กระทรวงการคลงั และกระทรวงมหาดไทย ตามลำ� ดับ พระยาโบราณราชธานินทร์
พ.ศ. ๒๔๓๙ ไดร้ บั พระราชทานสญั ญาบตั รเปน็ หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ ข้าหลวง (พร เดชะคุปต)์
มหาดไทยมณฑลกรุงเกา่ ตอ่ มาได้เปน็ พระยาโบราณบรุ านุรักษ์ ปลัดเทศาภิบาล
มณฑลอยธุ ยา และสมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยา ใน พ.ศ. ๒๔๕๕ พระบาท
สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ ัว ไดพ้ ระราชทานราชทินนามเป็นพระยาโบราณ-
ราชธานนิ ทรส์ ยามนิ ทรภกั ดพี ริ ยิ พาหะ ตอ่ มาอกี ปกี ไ็ ดเ้ ลอ่ื นยศเปน็ มหาอำ� มาตยโ์ ท
พ.ศ. ๒๔๕๙ ไดเ้ ป็นอุปราชภาคอยธุ ยา ในสมัยรัชกาลที่ ๗ ท่านไดเ้ ปน็ สมุห-
เทศาภิบาลอยุธยาอกี ครัง้ หนึ่ง จนถึง พ.ศ. ๒๔๗๒ รัชกาลที่ ๗ โปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหอ้ อกจากตำ� แหนง่ สมหุ เทศาภบิ าล และ
พระราชทานเบีย้ บ�ำรุงตลอดชวี ิต
เม่ือออกจากต�ำแหน่งแล้วพระยาโบราณยังคงเป็นอุปนายกแผนก
“โบราณคดีในราชบัณฑติ ยสภา ซึ่งไดร้ ับการยกยอ่ งจากสมเด็จกรมพระยาด�ำรงฯ
ว่าเปน็ ผู้รอบร้โู บราณคดีของมณฑลอยธุ ยา ไม่มผี ู้อื่นเปรียบไดท้ เี ดียว”

88 89
หมู่บา้ นญป่ี นุ่ ต้งั อยทู่ ่ีตำ� บลเกาะเรียน อ�ำเภอพระนครศรีอยธุ ยา
จากนัน้ ควรแวะไปชมหมูบ่ ้านชาวตา่ งประเทศ เพ่อื ประจักษว์ า่ อาคารหมบู่ ้านโปรตุเกส รมิ ฝง่ั แมน่ ำ้� เจา้ พระยาตรงกนั ขา้ มกบั หมบู่ า้ นโปรตเุ กส ทงั้ นช้ี าวญปี่ นุ่ ไดเ้ ดนิ เรอื
อยธุ ยาเปน็ เมอื งศนู ย์กลางการค้าทส่ี �ำคญั เช่น หมู่บา้ นโปรตเุ กส ตัง้ อยู่ที่ มาคา้ ขายกับอยธุ ยานานแล้ว เพราะทางการญ่ีปุ่นจะออกใบอนญุ าตเรียกวา่
ตำ� บลส�ำเภาลม่ อำ� เภอพระนครศรีอยธุ ยา บรเิ วณริมฝงั่ แม่น้ำ� เจา้ พระยาทาง ชอู นิ (ตราแดง) ให้ชาวญ่ปี ุ่นเดนิ ทางมาค้าขายกับประเทศตา่ งๆ ในภมู ภิ าค
ทศิ ตะวนั ตก หรอื ทางใต้ของตัวเมอื งพระนครศรอี ยธุ ยา ชาวโปรตุเกสเปน็ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ชาวญปี่ นุ่ บางคนไดเ้ ปน็ ทหารอาสาในกองทพั อยธุ ยาดว้ ย
ชาติตะวันตกชาติแรกที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับอยุธยาในรัชกาลสมเด็จ พระมหากษัตริย์ไทยจะมีพระบรมราชานุญาตให้ชาวญี่ปุ่นตั้งถ่ินฐานใน
พระรามาธบิ ดที ่ี ๒ เมอ่ื พ.ศ. ๒๐๕๔ ต่อมาไทยได้ทำ� สนธสิ ญั ญาทางการค้า กรงุ ศรอี ยุธยาเหมอื นกับชาติอื่นๆ โดยจะมหี วั หนา้ ชาวญีป่ ุน่ ปกครองกนั เป็น
ขึ้นเป็นคร้งั แรกกับโปรตุเกส โดยโปรตุเกสไดร้ ับสทิ ธพิ เิ ศษในด้านการค้าและ ชุมชน
การตง้ั หลกั แหลง่ พรอ้ มประกอบกจิ ทางศาสนาไดอ้ ยา่ งเสรี ชาวโปรตเุ กสไดน้ ำ� ชาวญี่ปุน่ ชื่อ ยามาดะ นางามาซะ หวั หนา้ กองทหารอาสา เปน็ ผทู้ ่ี
อาวุธปนื พร้อมด้วยยทุ ธวธิ ีการรบแบบใหมเ่ ขา้ มาฝกึ ให้กองทหารไทย สมเดจ็ พระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ. ๒๑๕๔ - ๒๑๗๑) โปรดปรานไดร้ บั ตำ� แหน่ง
ตอ่ มาในสมยั พระไชยราชาธริ าช (พ.ศ. ๒๐๗๐ - ๒๐๘๙) ชาวโปรตเุ กส เปน็ ออกญาเสนาภมิ ขุ (ภายหลงั สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรมเสดจ็ สวรรคต ออกญา
ไดเ้ ข้ารว่ มรบในสงครามระหวา่ งไทยกบั พม่า (คร้ังแรก) และสงครามระหว่าง เสนาภมิ ขุ ไดแ้ สดงความจงรกั ภกั ดตี อ่ พระโอรสของพระเจา้ ทรงธรรม เจา้ พระยา
อยธุ ยากบั เชยี งใหมด่ ว้ ย พระองคโ์ ปรดใหต้ ง้ั กองทหารโปรตเุ กสเปน็ กองทหาร กลาโหมสุริยวงศ์ให้น�ำกองทหารอาสาสมัครไปปราบกบฏท่ีเมืองนครศรีธรรมราช
ลอ้ มวัง พรอ้ มพระราชทานที่ดิน และพระบรมราชานญุ าตใหส้ ร้างโบสถ์ และไดร้ บั แตง่ ต้ังเป็นเจา้ เมอื งนครศรีธรรมราช เสยี ชีวติ ใน พ.ศ. ๒๑๘๒)
ครสิ ต์ศาสนาข้ึนได้ ปัจจุบนั มีหลักฐานเหลอื อยู่ ๓ แหง่ คอื โบสถ์ซานเปาโล ปจั จบุ นั สมาคมไทย-ญป่ี นุ่ ไดป้ รบั ปรงุ หมบู่ า้ นญป่ี นุ่ ใหเ้ ปน็ อนสุ รณส์ ถาน
คณะเยซอู ิต โบสถ์ซานโดมงิ โก คณะโดมินิกัน และโบสถ์ซานเปรโต และแหล่งท่องเทย่ี ว
ใน พ.ศ. ๒๕๒๗ กรมศลิ ปากรและมูลนิธิกลุ เบงเกียนของประเทศ
โปรตุเกสได้เข้ามาขุดแต่งบรู ณะโบราณสถานในบริเวณหม่บู า้ นโปรตเุ กส ได้ มมุ จัดแสดงนิทรรศการ เครื่องใชภ้ ายในพพิ ธิ ภณั ฑข์ องหมบู่ า้ นญี่ปนุ่
พบรากฐานของโบราณสถาน โครงกระดกู และเครื่องป้นั ดนิ เผาจ�ำนวนมาก

หลุมฝงั ศพของชาวโปรตเุ กส
พบโครงกระดูกและเครอ่ื งปัน้ ดินเผา

ยนิ ดีตอ้ นรบั สูบ่ า้ นฮอลันดา
บ้านฮอลันดาเป็นศูนย์ข้อมูลประวัติศาสตร์
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเนเธอร์แลนด์
บอกเลา่ ความเปน็ มาเมอื่ ครงั้ อดตี ของการเขา้ มา
ต้ังถ่นิ ฐาน การท�ำการคา้ และวถิ คี วามเป็นอยู่
ของชาวดัตช์ หรือ “ชาวฮอลนั ดา” ในอยุธยา
รวมถงึ ความสัมพนั ธก์ บั ชาวไทย บ้านฮอลนั ดา
ตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ต้ังของ
สถานกี ารคา้ บรษิ ทั อนิ เดยี ตะวนั ออกของฮอลนั ดา
(หรอื เรยี กว่า วโี อซ)ี และชุมชนท่ปี ระกอบดว้ ย
ชาวฮอลนั ดาและผคู้ นเชอื้ ชาตอิ นื่ กรงุ ศรอี ยธุ ยา
เป็นเมืองท่านานาชาติที่รุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่ง
ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ และเตม็ ไปดว้ ย
ชาตหิ ลากหลาย ซ่ึงจ�ำนวนมากไดเ้ ลือกอยุธยา
เป็นท่ีลงหลกั ปักฐาน

90 91

พระเจดยี ศ์ รีสรุ ิโยทยั พระบรมราชานสุ าวรยี ส์ มเดจ็ พระรามาธบิ ดีที่ ๑ เทีย่ วชมพระบรมราชานสุ าวรีย์พระมหากษตั รยิ อ์ ยุธยา
(พระเจา้ อู่ทอง) หากได้มาท่องเท่ียวเมอื งประวตั ิศาสตร์ “พระนครศรีอยุธยา” ควร
พระเจดีย์ศรีสุริโยทัยตั้งอยู่บริเวณสวนหลวงซ่ึงเป็นบริเวณที่สมเด็จ ไดไ้ ปสกั การะปชู นยี สถานทเ่ี ป็นอนสุ รณ์แหง่ วีรกรรม และคณุ ความดีของ
พระมหาจักรพรรดิ โปรดใหป้ ลงพระศพสมเด็จพระสรุ ิโยทัย และสถาปนาที่ พระมหากษัตริย์ไทยสมัยอยุธยาที่ได้สร้างสรรค์ความเจริญและความเป็น
ปลงพระศพนข้ี น้ึ เปน็ วดั เรยี กวา่ วดั สวนหลวงสบสวรรค์ ภายหลงั กรงุ ศรอี ยธุ ยา ปึกแผน่ มน่ั คงในดนิ แดนไทย เชน่
เสียแก่พม่า คร้ังท่ี ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงศรอี ยุธยาถกู ทง้ิ รกรา้ งเส่ือมโทรมจนถึง พระบรมราชานุสาวรีย์สมเดจ็ พระรามาธิบดที ่ี ๑ (พระเจ้าอ่ทู อง)
สมยั รตั นโกสินทรใ์ นรชั กาลสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ไดม้ ีการตั้ง ประดิษฐานอยูห่ นา้ พระราชวังโบราณ
กรมทหารขึน้ ในบรเิ วณภายในก�ำแพงเมืองด้านตะวันตกรมิ แมน่ �ำ้ เจ้าพระยา สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๑ (พระเจา้ อทู่ อง) ทรงสถาปนากรงุ ศรอี ยธุ ยา
องคเ์ จดยี ศ์ รสี รุ โิ ยทยั เปน็ เจดยี ย์ อ่ มมุ ไมส้ บิ สอง ในลกั ษณะทใี่ กลเ้ คยี ง ขน้ึ เปน็ ราชธานไี ทยเมอื่ พ.ศ. ๑๘๙๓ และทรงเปน็ ปฐมกษตั รยิ ค์ รองกรงุ ศรอี ยธุ ยา
กบั เจดยี ภ์ เู ขาทอง สงิ่ ทตี่ า่ งกนั คอื บนยอดซมุ้ มณฑปทงั้ สท่ี ศิ ของเจดยี ศ์ รสี รุ โิ ยทยั ในระหว่าง พ.ศ. ๑๘๙๓-๑๙๑๒ รวมระยะเวลาประมาณ ๑๙ ปี
มเี จดยี อ์ งคเ์ ลก็ ตั้งอยู่ พระราชกรณยี กจิ ทส่ี ำ� คญั ของพระองค์ คอื ทรงปรชี าสามารถในการ
เลอื กชยั ภูมิทตี่ งั้ กรงุ ศรีอยธุ ยา คือต้ังอยู่ตอนกลางท่รี าบลมุ่ แม่น้�ำเจา้ พระยา
ทอ่ี ดุ มสมบรู ณ์ ทงั้ ยงั เปน็ จดุ ยทุ ธศาสตรท์ างดา้ นการเมอื งการปกครอง เศรษฐกจิ
และการคา้ เดิมทรงเลอื กตั้งเมอื งอยทู่ ีต่ ำ� บลเวียงเหล็ก (ปัจจบุ นั คือ บรเิ วณ
ท่ตี ั้งวัดพทุ ไธศวรรย)์ เป็นเวลา ๓ ปี ต่อมาจงึ ไดย้ า้ ยมาตั้งกรงุ ศรอี ยุธยาท่ี
ตำ� บลหนองโสน (บรเิ วณบึงพระราม) เนอ่ื งจากมสี ภาพเปน็ เกาะทมี่ ีแมน่ �้ำ
ลอ้ มรอบเสมอื นเปน็ เกราะปอ้ งกนั ศตั รไู ดเ้ ปน็ อยา่ งดี สว่ นบรเิ วณรอบเกาะเมอื ง
เป็นท่ีราบลุ่มน้ำ� ทว่ มถึงในฤดูน้ำ� หลาก ท�ำใหเ้ กดิ การทบั ถมของตะกอนดิน
ทำ� ใหอ้ ดุ มสมบรู ณด์ ว้ ยขา้ วปลาและธญั ญาหาร พน้ื ดินเหมาะแก่การเพาะ
ปลูกขา้ ว
นอกจากนกี้ ารทีต่ ้งั อยู่ ณ บรเิ วณท่ีรวมของแมน่ ำ้� เจา้ พระยา แมน่ ำ้�
ปา่ สกั และแมน่ ้ำ� ลพบุรีท�ำใหอ้ ยธุ ยาคา้ ขายกับหัวเมอื ง ในดนิ แดนท่ีอยลู่ ึก
เขา้ ไปในแผน่ ดนิ เชน่ สโุ ขทยั และเชยี งใหม่ อกี ทงั้ ยงั ตง้ั อยใู่ กลอ้ า่ วไทย ทำ� ให้
อยธุ ยาควบคมุ เสน้ ทางเขา้ ออกทางทะเล และสามารถทำ� การคา้ กบั ตา่ งประเทศ
ทางตะวนั ออกกบั จีน ทางตะวนั ตกกับอินเดีย เปอร์เซยี ทางใตก้ บั มลายูและ
หมเู่ กาะตา่ งๆ ผลประโยชนท์ างการคา้ อนั เนอื่ งมาจากทตี่ งั้ และสภาพภมู ศิ าสตร์
สง่ ผลให้อยุธยาเป็นอาณาจกั รท่มี คี วามมง่ั คงั่ เข้มแข็ง และม่นั คงสืบตอ่ มา
เปน็ เวลาถึง ๔๑๗ ปี
ทางดา้ นพระพทุ ธศาสนา พระองคท์ รงเปน็ องคศ์ าสนปู ถมั ภกพทุ ธศาสนา
ลทั ธลิ งั กาวงศ์ ทรงอทุ ศิ พระตำ� หนกั เวยี งเหลก็ สถาปนาใหเ้ ปน็ วดั พทุ ไธศวรรย์
ทย่ี ังคงปรากฏความสงา่ งามจนถงึ ปจั จบุ ันนี้

พระปรางคว์ ัดพทุ ไธศวรรย์

92 93

พระราชานสุ าวรีย์สมเดจ็ พระสุริโยทยั ประดษิ ฐานอยู่ ณ บรเิ วณ ภาพประติมากรรมบรเิ วณสวนสาธารณะ เมอื่ พ.ศ. ๒๐๙๑ คอื ปแี รกทสี่ มเดจ็ พระมหาจกั รพรรดขิ น้ึ ครองราช
ทุง่ มะขามหยอ่ ง ซึง่ เปน็ สว่ นหน่งึ ของสมรภูมิภูเขาทอง เพอื่ เป็นท่ีระลึกถึง แสดงถงึ ความจงรักภักดีต่อองค์สมเด็จพระสุริโยทัย สมบตั ิ พระเจา้ ตะเบงชะเวตี้ กษตั รยิ พ์ มา่ ไดย้ กทพั เขา้ มาประชดิ กรงุ ศรอี ยธุ ยา
วรี กรรมของวรี สตรไี ทย องคพ์ ระราชานสุ าวรยี เ์ ปน็ ประตมิ ากรรมขนาด ๒ เทา่ สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดจิ งึ ทรงน�ำทพั ออกไปลองก�ำลงั ขา้ ศกึ ทท่ี งุ่ มะขามหยอ่ ง
ขององค์จริง ทรงชา้ งเครือ่ งสูง ประดิษฐานบนเกาะเนนิ ดินล้อมรอบด้วย ภาพประติมากรรมทหารกล้า ในครง้ั นน้ั สมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั ซงึ่ เปน็ พระอคั รมเหสที รงแตง่ พระองคอ์ ยา่ งชาย
อา่ งเกบ็ นำ้� เพอื่ อ�ำนวยประโยชน์แกพ่ ้นื ท่เี กษตรกรรมโดยรอบ เปน็ สถานท่ี บนฐานอนสุ าวรยี ส์ มเด็จพระสรุ โิ ยทัย พรอ้ มดว้ ยพระโอรสสองพระองค์ไดต้ ามเสด็จไปดว้ ย เมอ่ื ทัพไทยปะทะกับ
พักผ่อนหยอ่ นใจของชาวพระนครศรอี ยธุ ยา และแหล่งทอ่ งเท่ยี วทสี่ ร้างความ ทัพพมา่ ที่ทุ่งลุมพลี สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดทิ รงชนชา้ งกับเจา้ เมืองแปร
ศรทั ธาแก่ผู้มาเยีย่ มชม ชา้ งของพระองคเ์ สยี ทขี า้ ศกึ สมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั ทรงเหน็ เชน่ นน้ั เกรงวา่ พระสวามี
โครงการกอ่ สรา้ งพระราชานสุ าวรยี น์ เี้ รมิ่ ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๕๓๑ จนสำ� เรจ็ จะเปน็ อนั ตราย จงึ ไสชา้ งเขา้ ไปขวางไว้ พระองคจ์ งึ ถกู เจา้ เมอื งแปรฟนั สนิ้ ชวี ติ
ลุล่วงใน พ.ศ. ๒๕๓๖ ในวโรกาสท่ีสมเดจ็ พระนางเจ้าพระบรมราชนิ ีนาถ บนคอชา้ ง การกระทำ� ของพระองคค์ รง้ั นน้ี บั เปน็ การเสยี สละพระชนมเ์ พอื่ ชาติ
มีพระชนมายคุ รบ ๕ รอบ และเพ่อื เฉลิมพระเกยี รติฯ สมเด็จพระสรุ โิ ยทยั อย่างกล้าหาญ
วรี กษัตรีย์ในประวตั ศิ าสตร์ชาตไิ ทย ครัง้ เมื่อเสรจ็ สงครามแล้ว สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ โปรดเกลา้ ฯ
สมเดจ็ พระสุริโยทยั เปน็ อคั รมเหสีของสมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ ให้สรา้ งพระเมรพุ ระราชทานเพลิงศพสมเดจ็ พระสรุ โิ ยทัย และใหส้ ร้าง
(พ.ศ. ๒๐๙๑-๒๑๑๑) พระมหากษตั รยิ อ์ งคท์ ่ี ๑๕ แหง่ กรงุ ศรอี ยธุ ยา พระองค์ พระอารามข้ึน ณ บริเวณน้ัน เรียกว่า วัดสวนหลวงสบสวรรค์ พรอ้ มทั้ง
ทรงไดร้ ับการยกยอ่ งว่าเปน็ “วีรสตรไี ทย” เนื่องจากความกลา้ หาญ และ โปรดเกลา้ ฯ ให้สร้างเจดียไ์ ว้เป็นอนุสรณ์สถาน เรยี กว่า เจดยี ศ์ รีสุรโิ ยทัย
ความเสียสละ เพอ่ื ปอ้ งกนั สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ พระสวามขี องพระองค์ เพ่อื เปน็ อนสุ รณแ์ หง่ ศกั ดศ์ิ รี จารกึ เกียรติประวัตอิ ยคู่ ู่ชาตไิ ทย ณ สถานที่
และการรุกรานของพมา่ ไวไ้ ด้ เหตกุ ารณใ์ นประวตั ศิ าสตรท์ งุ่ มะขามหยอ่ ง ซง่ึ อยทู่ างทศิ เหนอื ของทงุ่ ภเู ขาทอง
จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา


Click to View FlipBook Version