๘๑
การจัดกิจกรรมใหผูเรียนไดเรียนรูจากประสบการณจริง ฝกการใชทักษะ ฝกปฏิบัติใหคิดเปน ทําได
การดําเนินการจัดการศึกษาระบบดังกลาวนั้น ในระยะแรกยังไมมีกฎหมายหรือระเบียบใดรองรับให
สามารถดําเนินการได แตเปนการดําเนินการภายใตความรวมมือในการจัดการศึกษารวมกันระหวาง
สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานสายสามัญและสถานศึกษาอาชีวศึกษาในพื้นที่ ซ่ึงตอมาสํานักงานคณะกรรมการ
ขา ราชการพลเรอื น (ก.พ.) ไดมีมตริ ับรองคุณวฒุ ิและรับทราบการปรับปรุงหลักสูตรของผูสาํ เรจ็ การศึกษา
ตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ของสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รวมทั้ง
รฐั มนตรวี าการกระทรวงศึกษาธกิ าร ไดมีประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เร่ือง การจัดการศึกษาเรียนรว ม
หลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศึกษา) เมื่อ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยสรุปวา
สถานศึกษาอาชีวศึกษาและสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานที่มีความพรอม สามารถเปดสอนในระบบทวิศึกษา
ในสาขาตาง ๆ ได ตามความรวมมือและขอตกลงรวมกันในการจัดการศึกษา ซึ่งหมายความวา
สถานศึกษาขั้นพื้นฐานและสถานศึกษาอาชีวศึกษาในพื้นท่ี ตองทําความรวมมือกันในการจัดการศึกษา
ระบบดังกลาวในสาขาวิชาที่มีความพรอมทั้งในเร่ืองหลักสูตร ผูเรียน ครูผูสอน สื่อการเรียนการสอน
วัสดุ อปุ กรณ และครภุ ณั ฑสําหรับใชใ นการจดั การเรียนการสอนดว ย
พระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แกไขเพิ่มเติม ใหความสําคัญกับ
การปฏิรูปการศึกษาทั้งดานการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอนโดยเนนใหผูเรียนมีโอกาส
เรียนรูตลอดชีวิตตามความถนัด ความสนใจ ท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษา
ตามอัธยาศัย ดงั นั้น สาํ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษาจงึ มนี โยบายในการจัดการเรยี นแบบคขู นาน
เพื่อใหผูเรียนที่เรียนอยูในสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดสํานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ไดมีความรูและมีทกั ษะในสายวิชาชีพตามความถนดั และความสนใจ โดยการเรยี น
การสอนจะเรียนควบคูกันไปท้ังสายสามัญและสายวิชาชีพ และเม่ือผูเรียนไดเรียนครบตามหลักสูตร
ท่ีกําหนดไวแลวนั้น ผูเรียนจะไดคุณวุฒิการศึกษา ท้ังหลักสูตรในระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานและหลักสูตร
อาชีวศึกษาพรอมกันไป ระบบทวิศึกษาดังกลาว นอกจากจะเปนระบบการศึกษาที่ชวยลดปญหา
ความเหล่ือมลํ้าทางการศึกษาแลว ยงั เปนระบบการจัดการศึกษาทชี่ วยในการเพิม่ โอกาสและเปดชองทาง
ใหกับผูเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายไดมีทางเลือกในการศึกษาและการมีงานทําพรอมกันไป
ซ่ึงสอดคลองตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ที่ได
กาํ หนดในสวนของการสรา งความเปนธรรมและลดความเหลื่อมล้ําเอาไว สรุปสาระสําคัญไดวา ในชวง ๕ ป
ตอจากนี้ไป ยังตองมุงเนนการยกระดับคุณภาพบริการทางสังคมใหเกิดความทั่วถึง โดยเฉพาะอยางยิ่ง
ดานการศึกษาและสาธารณสขุ รวมทง้ั การปดชองวางการคมุ ครองทางสังคมอน่ื ๆ ตอเน่ืองจากท่ีไดผลักดัน
ในชวงแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี ๑๑ และมุงเนนในเร่ืองการเพ่ิมทักษะแรงงานและการใชนโยบายแรงงาน
ท่สี นับสนุนการเพิ่มผลติ ภาพแรงงานและเสริมสรา งรายไดสงู ขึน้ โดยประเดน็ การพฒั นาทสี่ าํ คัญ มีดงั น้ี
๑) การสรางโอกาสใหกับกลุมเปาหมายประชากรรอยละ ๔๐ ท่ีมีรายไดต่ําสุด
โดยจัดบริการของรัฐท่ีมีคุณภาพท้ังดานการศึกษา สาธารณสุข ใหกับผูท่ีดอยโอกาสและผูที่อาศัย
ในพื้นท่หี างไกล การจัดสรรท่ดี ินทํากินอยา งมีเงื่อนไข เพ่ือปองกนั การเปลี่ยนมือผูไดร ับการจัดสรรท่ีดิน
ใหแกกลุม คนจนในภาคเกษตรท่ไี รท่ีดนิ ทาํ กิน การพัฒนาทกั ษะของกลมุ เปาหมายใหสามารถประกอบ
อาชพี และมีรายได การพฒั นาระบบการประกนั ภยั พชื ผล การจัดตัง้ ธนาคารที่ดิน และการพฒั นาองคกร
การเงินฐานราก
๘๒
๒) การสรางโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมโดยเฉพาะอยางย่ิงการสนับสนุนในเร่ือง
การสรางอาชีพ สรางรายได และใหความชวยเหลือที่เช่ือมโยงการเพิ่มผลิตภาพสําหรับประชากร
กลุมรอยละ ๔๐ รายไดต่ําสุด ผูดอยโอกาส สตรี และผูสูงอายุ อาทิ การสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก
ขนาดกลางและขนาดยอม วิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพ่ือสังคม การพัฒนาองคกรการเงินฐานราก
และการเขาถึงเงินทุนเพื่อสรางอาชีพ และการสนับสนุนการเขาถึงปจจัยการผลิตคุณภาพดีท่ีราคา
เปนธรรม และในขณะเดียวกันก็ตองเพ่ิมประสิทธิภาพการใชงบประมาณเชิงพ้ืนท่ีและบูรณาการ
เพอื่ ลดความเหลื่อมลํา้
๓) การกระจายการจัดบรกิ ารภาครัฐใหมีความครอบคลุมและท่ัวถึงทงั้ ในเชิงปรมิ าณ
และคณุ ภาพในดา นการศกึ ษา สาธารณสุข โครงสรางพนื้ ฐาน และการจดั สวสั ดิการ รวมทั้งการจดั สรร
ทรัพยากรใหมีการกระจายตัวอยางเปนธรรม สรางปจจัยแวดลอมทางธุรกิจ รวมท้ังการปรับกฎหมาย
กฎระเบียบใหเกดิ การแขงขนั ทเี่ ปนธรรม
๔) การสรางชุมชนเขมแข็งใหเปนพลังรวมทางสังคมในการสนับสนุนการพัฒนาและ
พรอมรับผลประโยชนจากการพัฒนา โดยสงเสริมการประกอบอาชีพของผูประกอบการระดับชุมชน
การสนับสนุนศูนยฝกอาชีพชุมชนเพ่ือยกระดับทักษะของคนในชุมชน สงเสริมใหชุมชนจัดสวัสดิการ
และบริการในชุมชน และผลักดันกลไกการกระจายท่ีดินทํากินและการบริหารจัดการท่ีดินของชุมชน
เพอ่ื แกไ ขปญ หาการไมมีท่ดี นิ ทํากินและท่ีอยอู าศยั รวมถึงการมีสทิ ธใิ นการบริหารจัดการทรพั ยากรในพ้นื ท่ี
โดยหลักการในการสรางความเปนธรรมและลดความเหล่ือมลํ้าในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแหงชาติ ฉบับที่ ๑๒ ดังกลาว เปนหลักการสําคัญในการสงเสริมความเขมแข็งของคนในชาติ
ไปสคู วามเจริญกา วหนาและความเปนปกแผน ซึ่งสอดคลองกับยุทธศาสตรชาติ ๒๐ ป (พ.ศ. ๒๕๖๑ -
๒๕๘๐) ในสวนของยุทธศาสตรชาติดานการสรางความสามารถในการแขงขัน ซ่ึงมีเปาหมาย
การพัฒนาท่ีมุงเนนการยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมติ ิ บนพ้ืนฐานแนวคิด ๓ ประการ
ไดแก (๑) “ตอยอดอดีต” โดยมองกลับไปที่รากเหงาทางเศรษฐกิจ อัตลักษณ วัฒนธรรม ประเพณี
วิถีชีวิต และจุดเดนทางทรัพยากรธรรมชาติท่ีหลากหลาย รวมท้ังความไดเปรียบเชิงเปรียบเทียบ
ของประเทศในดานอื่น ๆ นํามาประยุกตผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อใหสอดรับกับบริบท
ของเศรษฐกิจและสังคมโลกสมัยใหม (๒) “ปรับปจจุบัน” เพ่ือปูทางสูอนาคต ผานการพัฒนาโครงสราง
พ้ืนฐานของประเทศในมิติตาง ๆ ท้ังโครงขายระบบคมนาคมและขนสง โครงสรางพ้ืนฐานวิทยาศาสตร
เทคโนโลยี และดิจิทัล และการปรับสภาพแวดลอมใหเอ้ือตอการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการอนาคต
และ (๓) “สรางคุณคาใหมในอนาคต” ดวยการเพิ่มศักยภาพของผูประกอบการ พัฒนาคนรุนใหม
รวมถึงปรับรูปแบบธุรกิจ เพื่อตอบสนองตอความตองการของตลาด ผสมผสานกับยุทธศาสตรท่ีรองรับ
อนาคตบนพ้ืนฐานของการตอยอดอดีตและปรับปจจุบัน พรอมทั้งการสงเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐ
ใหประเทศไทยสามารถสรางฐานรายไดและการจางงานใหม ขยายโอกาสทางการคาและการลงทุน
ในเวทีโลก ควบคูไปกับการยกระดับรายไดและการกินดีอยูดี รวมถึงการเพ่ิมขึ้นของคนชั้นกลางและ
ลดปญหาความเหล่ือมล้ําของคนในประเทศไดในคราวเดียวกัน ในขณะที่แผนการปฏิรูปประเทศ
ดานการศึกษา ก็ไดใหความสําคัญกับประเด็นในการลดความเหล่ือมลํ้าทางการศึกษา (reduce
disparity in education) เนื่องจากเร่ืองดังกลาวเปนสวนหนึ่งที่สําคัญของการสรางความเสมอภาค
ทางการศึกษา (equity in education) ประกอบดวยโอกาสในการเขาถึงการศึกษาและเทคโนโลยี
๘๓
ที่สนับสนุนการเรียนรู โอกาสในการไดรับทางเลือกในการศึกษาและการพัฒนาการเรียนรูที่เหมาะสม
กับศักยภาพของผูเรียน และโอกาสในการไดรับประโยชนจากการเรียนรูและการพัฒนาทักษะตาง ๆ
ในการประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพตามความถนัดของผูเรียน ท้ังในและนอกระบบการศึกษา
รวมถึงกระบวนการเรียนรูตลอดชีวิตอยางมีคุณภาพ เพ่ือมุงสูความเปนเลิศและสรางขีดความสามารถ
ในการแขงขันของประเทศ (leverage excellence and competitiveness) หมายถึง การสรางสมรรถนะ
และคุณลักษณะของผูเรียนท่ีมีศักยภาพสูง มีความเปนผูนํา ริเริ่มสรางสรรคนวัตกรรมใหม ๆ และ
การผลิตนกั วจิ ัยและนักเทคโนโลยีชั้นแนวหนา ใหส ามารถตอ ยอดงานวจิ ยั ทสี่ ามารถตอบโจทยการพฒั นา
ประเทศ การสรางความรวมมือและเช่ือมตอกับสถาบันวิจัยอ่ืน ๆ ท่ัวโลก ท่ีสอดคลองกับทิศทาง
การขับเคลอ่ื นทางเศรษฐกิจ สงั คมและส่ิงแวดลอมของประเทศ
โดยที่นโยบายของรัฐบาลภายใตก ารนําของพลเอก ประยุทธ จนั ทรโอชา นายกรฐั มนตรี
ไดแถลงนโยบายตอรัฐสภา เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ในสวนของนโยบายดานการศึกษา
ที่เก่ียวของ โดยเฉพาะในเร่ืองของการลดความเหลื่อมลํ้าทางการศึกษา โดยบูรณาการการดําเนินงาน
ระหวางหนว ยจดั การศกึ ษากบั กองทนุ เพ่อื ความเสมอภาคทางการศกึ ษา มงุ เนน กลมุ เด็กดอยโอกาสและ
กลุมเด็กนอกระบบการศึกษา ปรับเปลี่ยนการจัดสรรงบประมาณใหสอดคลองกับความจําเปนของ
ผูเรียนและลักษณะพื้นท่ีของสถานศึกษา จัดระบบโรงเรียนพี่เล้ียง จับคูระหวางโรงเรียนขนาดใหญ
ท่ีมีคุณภาพการศึกษาดีกับโรงเรียนขนาดเล็กเพ่ือยกระดับคุณภาพการศึกษา และการสงเสริมให
ภาคเอกชน ชุมชนในพื้นท่ีเขามามีสวนรวมในการออกแบบการศึกษาในพื้นท่ี สนับสนุนเด็กท่ีมี
ความสามารถแตไมมีทุนทรัพยเปนกรณีพิเศษ ตลอดจนแกไขปญหาหนี้สินทางการศึกษา โดยการปรับ
โครงสรางหนี้กองทุนเงินใหกยู มื เพ่ือการศึกษา และทบทวนรูปแบบการใหก ยู ืมเพ่ือการศกึ ษาท่ีเหมาะสม
นอกจากน้ี ยังตอ งมีการพัฒนาทกั ษะอาชีพทกุ ชวงวยั โดยกําหนดระบบทเี่ อือ้ ตอ การพัฒนาทักษะและ
เพิ่มประสิทธิภาพของทุกชวงวัย อาทิ การพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการศึกษา ใหเช่ือมโยงกับระบบ
คุณวุฒิวิชาชีพ โดยมีกลไกการวัดและประเมินผลเพ่ือเทียบโอนความรูและประสบการณหนวย
การเรยี นท่ชี ัดเจน สง เสรมิ เยาวชนทม่ี ศี ักยภาพดา นกฬี าใหส ามารถพัฒนาไปสนู กั กฬี าอาชพี การกาํ หนด
มาตรฐานฝมือแรงงาน การจัดใหมีระบบท่ีสามารถรองรับความตองการพัฒนาปรับปรุงทกั ษะอาชีพ
ของทุกชวงวัยเพื่อรองรับการเปลี่ยนสายอาชีพใหตรงกับความตองการของตลาดแรงงานที่อาจจะ
เปล่ียนไปตามแนวโนมความกาวหนาทางเทคโนโลยีในอนาคต ท่ีสัมพนั ธและเปนไปในทิศทางเดียวกัน
กับยุทธศาสตรสูการปฏิบัติของสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นโยบาย ยุทธศาสตร
การผลิตและพัฒนากําลงั คนอาชวี ศกึ ษา ในระยะ ๑๕ ป (พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๖๙) ในสว นของนโยบาย
ในการมุงสราง/ผลิตกําลังคนอาชีวศึกษา ใหตอบสนองความตองการของตลาดแรงงาน ผลิตและ
พัฒนากําลังคนอาชีวศึกษาภายใตบริบทความรว มมือกับสถานประกอบการใหไดตามเปาหมายของการ
ปฏิรปู การศึกษาในทศวรรษที่สองและฝกอบรมวิชาชีพกําลังคนอาชีวศึกษาท่ีอยูนอกระบบใหเพิ่มข้ึน
มียุทธศาสตรท่ีสําคัญ คือ มุงพัฒนาคุณภาพและปริมาณผูเรียนใหสัมพันธกับความตองการ
ของตลาดแรงงานในประเทศและระดับสากล ผลิตและพัฒนากําลังคนใหมีสมรรถนะไดมาตรฐาน
เปนท่ียอมรับของตลาดแรงงานและสังคม ทั้งในประเทศ ภูมิภาคอาเซียน และระดับสากล รวมถึง
สงเสริมและพัฒนาการจัดอาชีวศึกษา และการฝกอบรมวิชาชีพดวยรูปแบบท่ีหลากหลาย
ทั้งการศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาระบบทวิภาคี สงเสริม สนับสนนุ และเรง รดั
การจัดอาชีวศึกษาดานความรวมมือในการผลิตและพัฒนากําลังคนรวมกันระหวางสถานศึกษาและ
๘๔
สถานประกอบการ โดยเฉพาะการศกึ ษาระบบทวิภาคีและการฝก ประสบการณว ชิ าชพี ตามสาขาวิชา
ที่เปนความตองการของตลาดแรงงาน และส่ิงสําคัญของการอาชีวศึกษาคือการปรับภาพลักษณ
ทศั นคตแิ ละสรา งการยอมรับของสังคมทม่ี ีตอการเรยี นสายอาชีพดว ยกระบวนการเชงิ คุณภาพใหกบั นักเรียน
กลุมผูปกครองและชุมชน ยุทธศาสตรตอมาคือการเพ่ิมโอกาสการเรียนและการฝกอบรมวิชาชีพ
อาชีวศึกษาใหกับกลุมผูอยูนอกระบบ โดยการสงเสรมิ และพัฒนาอาชีพใหผูอยูนอกระบบการศึกษา
ใหสามารถสรางงาน สรางรายได การสงเสริม สนับสนุน และรวมมือพัฒนาการจัดอาชีวศึกษาและ
ฝกอบรมวิชาชีพตลอดชีวิตใหแกผูปฏิบัติงานในสถานประกอบการและผูที่อยูนอกระบบ สงเสริม
สนับสนุนอบรมวิชาชีพเพื่อการพัฒนาตอยอดอาชีพเดิมหรือสรางอาชีพใหมสําหรับผูประกอบอาชีพ
อิสระ และยุทธศาสตรท่ีสําคัญอีกประเด็น คือ พัฒนาระบบการประเมินมาตรฐานวิชาชีพตามระบบ
คุณวุฒิวิชาชีพ มีกลยุทธท่ีสําคัญ คือ การพัฒนาหลักสูตรใหมีผลลัพธการเรียนรูเปนไปตามสมรรถนะ
ของกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ รวมทัง้ การพฒั นาระบบประเมินมาตรฐานวชิ าชีพตรงตามคณุ วุฒิวิชาชีพ
จากหลักการขางตนจะเห็นไดวา การที่เด็กและเยาวชนของชาติไดมีโอกาสเขาถึงระบบ
การศึกษา และไดรับการศึกษาอยางเสมอภาค เทาเทียมและเปนธรรม อันนําไปสูการมีงานทํา มีอาชีพ
และมีรายไดเพียงพอในการดํารงชีวิตประจาํ วันของคนในประเทศท่ีไมจําเปนตองพ่ึงพาระบบสวัสดิการ
ที่รัฐจัดใหมากนัก และไมเปนภาระของสังคม จะเปนดัชนีช้ีวัดสําคัญท่ีสะทอนใหเห็นถึงความมั่งคง
ของชมุ ชน สังคมในระดับรากหญา ท่สี ง ผลตอความเจรญิ กาวหนา ความเปน ปกแผน ของประเทศ เมื่อคน
ในประเทศมีงานทํา มีอาชีพ มีรายไดและสามารถพ่ึงพาตนเองใหดํารงชีวิตอยูในสังคมดวยความสงบสุข
สงผลใหเกิดความมั่นคงตอระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในภาพรวม ซึ่งเปนพ้ืนฐานและ
เปนกลไกสําคัญท่ีจะสรางความสามารถในการแขงขันของคนในประเทศไดอยางชัดเจน ดังนั้น ระบบ
การจัดการศึกษาในชวงปจจุบันก็จะตองตอบโจทยการพัฒนาประเทศในทิศทางตาง ๆ และตองสอดคลอง
กบั ยุทธศาสตรชาติ ๒๐ ป (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ฉบับที่ ๑๒
(พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) แผนการปฏิรูปประเทศดานการศึกษา รวมถึงนโยบายของรัฐบาล และยุทธศาสตร
สูการปฏิบัติของสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นโยบาย ยุทธศาสตร การผลิตและพัฒนากําลังคน
อาชีวศึกษาในระยะ ๑๕ ป (พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๖๙) รวมถึงนโยบายของรัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ
(นางสาวตรีนุช เทียนทอง) ทั้งในสวนการปรับปรุงหลักสูตรและกระบวนการเรียนรูใหทันสมัย และทันตอ
การเปลย่ี นแปลงของโลกในศตวรรษท่ี ๒๑ การจัดสรรและการกระจายทรพั ยากรใหทั่วถึงทุกกลุมเปาหมาย
รวมถึงการระดมทรัพยากรทางการศึกษาจากความรวมมือทุกภาคสวน การศึกษาเพ่ืออาชีพและสราง
ขีดความสามารถในการแขงขันของประเทศ รวมท้ังการเพ่ิมโอกาสและการเขาถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ
ของกลุมผูดอยโอกาสทางการศึกษา และผูเรียนท่ีมีความตองการจําเปนพิเศษ ซึ่งกระบวนการจัดการศึกษา
เรียนรวมหลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศึกษา) หรือการจัดการเรียนการสอนคูขนาน
รูปแบบสะสมหนวยกิตในสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายน้ันจะเปนแนวทางหน่ึง
ที่สําคัญที่สามารถชวยแกไขปญหาความเหลื่อมลํ้าทางการศึกษา สรางความเสมอภาคในการจัดการศึกษา
สรางการเขาถึงระบบการศึกษาใหกับเยาวชนในทุกชวงวัยอยางเสมอภาค รวมท้ังสงเสริมการจัดการศึกษา
เพ่ือการเขาสูการมีงานทําที่สามารถสรางงาน สรางอาชีพ สรางรายได และสรา งความเปนอยูท่ีดีเพื่อให
เยาวชนและประชาชนในประเทศพ่ึงพาตนเองได อันนําไปสูความเปนปกแผนท่ีแข็งแกรงใหกับประเทศ
และสามารถสรางความเขมแข็งของประเทศใหมีความมั่นคง ม่ังคั่ง ที่นําไปสูการสรางความสามารถ
ในการแขง ขนั ของประเทศไดอ ยางสมบรู ณ
๘๕
๘๖
๓.๔ บทวิเคราะหก ารจัดการศึกษาระบบทวิศึกษาของสถานศึกษาอาชวี ศึกษา
สาํ หรับสถานการณก ารจัดการศกึ ษาอาชวี ศกึ ษาระบบทวศิ ึกษาในปจ จบุ นั น้นั หนวยงาน
ท่ีรับผดิ ชอบในการจัดการศกึ ษา ไดแก สถานศึกษาในสังกัดของสาํ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
และสถานศึกษาในสังกัดสํานักงานการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ที่มีการจัดการศึกษาถึงระดับมัธยมศึกษา
ตอนปลาย โดยแนวคิดในการจัดศึกษารูปแบบคูขนานนี้มีหลักการในการจัดการศึกษาสําหรับผูเรียน
ที่อยูในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใหเรียนสายวิชาชีพ ควบคูไปกับการศึกษาในระบบปกติ เพื่อเปน
การปลูกฝงวิชาชีพและสรางทักษะอาชีพใหผูเรียนที่สนใจเพ่ิมเติมจากการเรียนสายสามัญอยางเดียว
โดยกระบวนการจัดการเรยี นการสอนนัน้ จะมีการบรู ณาการการเรยี นในหลักสูตรสายสามัญและการเรยี น
สายอาชีพไปพรอมกัน ซ่ึงผูเรียนจะตองเขาเรียนและฝกปฏิบัติงานในสถานศึกษาสังกัดสํานักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ซึ่งประกอบไปดวย วทิ ยาลยั เทคนิค วิทยาลัยอาชีวศึกษา วิทยาลยั เกษตร
และเทคโนโลยี วิทยาลัยสารพัดชาง และวิทยาลัยการอาชีพ นอกจากนั้น ยังมีวิทยาลัยเฉพาะทาง เชน
วิทยาลัยศิลปหัตถกรรม วิทยาลัยการทองเที่ยว วิทยาลัยประมง กาญจนาภิเษกวิทยาลัยชางทองหลวง
เปนตน ซ่ึงในแตละสถานศึกษามีความแตกตางกัน ทั้งในดานหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน และ
การบริหารจัดการ จากความแตกตางดังกลาวมีผลทําใหการจัดการศึกษาระบบทวิศึกษาไมไดรับ
ความสนใจจากผูเรียนเทาที่ควร อีกท้ังสถานประกอบการสวนมากยังขาดความเช่ือม่ันในสมรรถนะ
ทางวิชาชีพท่ีมีการเรียนเพ่ิมบางสวนของผูเรียนในระบบทวิศึกษา วาจะสามารถปฏิบัติงานไดเทากับ
ผูเรียนที่เรียนจบในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) รวมถึงปจจัยความพรอมของสถานศึกษา
อาชวี ศึกษาแตละประเภทก็มคี วามแตกตา งกนั ซึ่งวิเคราะหไ ดด งั แสดงในตาราง ดงั น้ี
ตารางวเิ คราะหก ารจัดการศึกษาระบบทวิศึกษาของสถานศกึ ษาอาชีวศกึ ษา
ประเดน็ ประเภทสถานศึกษาอาชีวศกึ ษา
การวเิ คราะห วทิ ยาลยั เทคนิค/ วิทยาลัยเกษตรและ วทิ ยาลัย วิทยาลัย
วิทยาลัยอาชีวศึกษา เทคโนโลยี สารพัดชา ง การอาชพี
๑. สถานท/่ี ครุภณั ฑ - สวนใหญมีการจัดตั้ง - สวนใหญ จะต้ังอยู - ตั้งอยูในแหลงชุมชน - สวน ให ญ ตั้งอยูใน
มาอยางยาวนาน จึงมี แถบชานเมือง มีพ้ืนท่ี พ้ืนท่ีต้ังจะมีขนาดเล็ก พ้นื ที่ตัวอําเภอ มีขนาด
ท่ตี ้งั อยูในใจกลางเมือง ขนาดใหญ และยังมี เพื่อใหผูเรียนสะดวก เล็ก-ใหญ แตกตางกัน
ทาํ ให ไมส ามารถขยาย พ้ืนที่ที่ไมไดนํามาใช ในการมาเรียน ขยาย ต า ม ค ว า ม เจ ริ ญ ข อ ง
พน้ื ที่ได ประโยชนอ ีกมาก พนื้ ทย่ี าก แตล ะอําเภอ
- มีหองเรียน สถานที่ - สถาน ที่ ฝ กป ฏิ บั ติ - สวนใหญหองเรียน - สวนใหญจะมีแตตึก
ฝ ก ป ฏิ บั ติ งาน แ ล ะ และวัสดุ ครุภัณฑเปน และหองปฏิบัติการจะ หรืออาคารเรียน และ
ครุภัณฑ เปนแบบเกา ลักษณะของการปฏบิ ตั ิ อยูดวยกัน เน่ืองจาก สถานที่ฝกปฏิบัติงาน
ไมมีการเปลี่ยนแปลง จริงแ บ บ ค รบ วงจ ร วัตถุประสงคเดิมเปน ใน บ างส าข าอ าชี พ
จากเดิมมากนกั เชน งานฟารม ประมง การสอนในหลักสูตร เทานั้น และบางสาขา
พืชสวน พชื ไร ระยะสั้น และครุภัณฑ อาชีพยังขาดครุภัณฑ
- ยังขาดการนําเอา ที่ใชสวนใหญยังเปน ท่ีทนั สมยั
เทคโนโลยีมาปรับใช ของเดมิ
รวมกับการฝกวิชาชีพ
และการฝกปฏิบัติงาน
๘๗
ประเด็น ประเภทสถานศึกษาอาชีวศกึ ษา
การวิเคราะห วิทยาลยั เทคนิค/ วิทยาลยั เกษตรและ วิทยาลยั วิทยาลยั
วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษา เทคโนโลยี สารพดั ชา ง การอาชีพ
๒ . ค รู / บุ ค ล า ก ร - มีครูท่ีเปนขาราชการเดิมอยู แตไมไดรับอัตราทดแทนหลังเกษียณอายุ - ขาดครูผูสอนที่เปน
สายสนบั สนนุ ตามสาขาวิชา จึงแกปญ หาโดยการใชครอู ัตราจา งทดแทนท่ีสว นมากจะจา ง ขาราชการครู และ
ดวยเงินเดือนท่ีต่ํากวาเกณฑแ ละคุณวฒุ ิการศึกษา บคุ ลากรที่จัดการเรียน
- บุคลากรทท่ี ํางานสายสนับสนุน เชน การเงิน บัญชี พัสดสุ ว นมากยงั คงใช ก า ร ส อ น ส ว น ให ญ
ครูมาทํางานในหนาท่ีดังกลาว เพราะไมมีอัตราบรรจุคนท่ีจะเขามาทํางาน จะเปนครูอัตราจาง
ดงั กลา ว สถานศึกษาบางแหงมี
ขาราชการครูเฉพาะ
ผูบริหารและครูในบาง
สาขาวิชาเทา นั้น
- บคุ ลากรท่ีปฏิบัติงาน
สายสนับสนุนยังคงใช
ครูทําหนาท่ีแทน และ
สถานศึกษาบางแหงมี
การจางลกู จางในอตั รา
จางมาทาํ งานแทน
๓. งบประมาณ / - งบ ประมาณ และ - งบประมาณที่ไดรับ - งบประมาณที่ไดรับ - งบประมาณสว นใหญ
การบรหิ ารจดั การ ก ารบ ริห ารจั ด ก าร เปนรายหัว เม่ือผูเ รียน เปนงบอุดหนุนรายหัว ท่ีไดรับเปนงบอุดหนุน
สวนหนึ่งจะใชไปใน มีจํานวนนอย จึงไดรับ และมีรายไดเพ่ิมเติม รายหัว ซ่ึงสถานศึกษา
การจา งบคุ ลากร ทาํ ให งบประมาณ ท่ีจํากัด ใน การจัด ห ลั กสูต ร ยังตองมีการจัดสรร
การจัดห าวัสดุ แล ะ แ ล ะ ยั งต อ งจั ด ส รร ระยะสั้น และยังตอง งบประมาณสวนหนึ่ง
ครภุ ัณฑสําหรบั การจัด งบประมาณสวนหนึ่ง จัดสรรงบประมาณ ใน การจางค รู แ ล ะ
การเรียนการสอนมีไม ในการจางบุคลากร สวนหน่ึงในการจาง บคุ ลากรสายสนับสนุน
เพียงพอ แตก็พอท่ีจะ จึงทําให วิทยาลัยฯ บุ ค ล า ก ร เพ่ิ ม เติ ม ดวย
สามารถดําเนินงานได บางแหงยังคงมีปญหา ทําใหขาดงบประมาณ
เพราะสวนใหญเปน ในเรื่องงบประมาณท่ีมี ในการพฒั นาวทิ ยาลัย
วิทยาลัยเกาแกและต้ัง จํากัดและไมเพียงพอ
มาเปนระยะเวลานาน ในการบริหารจัดการ
จึงไดรับการสนับสนุน โดยเฉพาะสําหรับเปน
จาสถานประกอบการ คาใชจายในเรื่องของ
และชมรมศษิ ยเ กา สาธารณปู โภค
๔. ความนาสนใจ - หลักสูตรจะใชหลักสูตรเดิม ไมมีการพัฒนาตามมาตรฐานอาชีพ ขาดความทันสมัย ไมเปนท่ีสนใจ
ของหลักสูตรท่ีเปด ของผูเรียน และเปนหลักสูตรท่ีใชเหมือนกันในทุกวิทยาลัยที่มีความแตกตางกันท้ังในดานภูมิภาค
สอน สภาพแวดลอ มและความพรอมของแตล ะสถานศกึ ษา
๕. ความสนใจของ - ไมไดรับความสนใจ - มีผูสนใจนอย เพราะ - ผูเรียนเขาใจวาเปน - มีผูเรียนที่ขาดโอกาส
ผูเรียน เท าที่ ค วร เพ ราะ มี สถานที่ตั้งและสภาพ วิทยาลัยที่จัดการเรียน ไป เรียน ใน ตั วเมื อ ง
สถานศึกษาใหเลือกท่ี แ ว ด ล อ ม โด ย ร อ บ การสอนอาชีพใหกับ จะใหความสําคัญและ
หลากหลาย เนื่องจาก ไมไดรับการปรับปรุง/ กลุมผูใหญ ดังนั้น จึง สนใจในการเรียนสาย
มีที่ต้งั อยใู นเมือง พัฒนาใหเหมาะสมกับ ยังคงมีผูใหความสนใจ อาชพี เพมิ่ เตมิ
การเปนแหลงเรียนรู เขา ศกึ ษาคอนขางนอย
๘๘
ประเด็น ประเภทสถานศึกษาอาชีวศกึ ษา
การวิเคราะห วิทยาลยั เทคนคิ / วิทยาลัยเกษตรและ วิทยาลัย วทิ ยาลยั
วิทยาลัยอาชวี ศึกษา เทคโนโลยี สารพดั ชา ง การอาชพี
๖. ความเหมาะสม ท่ีทันสมัยและนาสนใจ
ในการจดั ทวศิ กึ ษา แกผูเรียน โดยเฉพาะ
หอพั กนั กศึกษ าท่ี มี
สภาพเกามาก และ
ไมไดรับงบประมาณ
ในการปรบั ปรุงมานาน
- ไมเหมาะสม เพราะ - เหมาะสม เพราะมี - ไมเหมาะสม เพราะ - เหมาะสม เพราะมี
มีผูเรียนในระบบปกติ ผูเรียนในระบบปกติ วิทยาลัยฯ ควรมุงเนน ความใกลชิดกับชุมชน
เปนจํานวนมาก ซ่ึงจะ ไมมาก และวิทยาลัยฯ ไปที่การจัดการเรียน เปนโรงเรียนในชุมชน
เปนการสรางภาระงาน บางแหงมีจํานวนครู การสอนในหลักสูตร โดยเฉพาะโรงเรียนที่มี
ใหก บั ครเู พิ่มมากขึน้ มากกวาผูเรียน ระยะสั้น เพ่ือสงเสริม ผูเรียนที่ขาดโอกาสใน
- สถานท่ีมีอยางจํากัด - วิทยาลัยฯ มีพ้ืนท่ี ใหเกิดการสรางอาชีพ หลาย ๆ เรื่องไดเรียน
ซึ่งการจัดการศึกษาใน มากสามารถบริหาร ใหมข องคนในชมุ ชน เรื่องอาชีพเพิ่มเติมจาก
ระ บ บ ป ก ติ นั้ น ก็ ไม จัดการใหเปนสถานท่ี สายสามัญเปนการเปด
เพียงพอในหลายเร่ือง ฝกปฏิบัติของผูเรียน โอกาสทางการศึกษา
โดยเฉพาะสาขาที่มี ในสาขาตาง ๆ ตามท่ี เพ่ือลดความเล่ือมล้ํา
ผสู นใจมาก สถานประกอบการมี ไดในระดบั หน่งึ
ความตอ งการได
ภาพท่ี ๓.๑ แสดงความสมั พนั ธแ ละความรวมมือในการจัดการศกึ ษาทวศิ กึ ษาเพือ่ ลดความเหลือ่ มลา้ํ
ของหนว ยงานทเ่ี กีย่ วขอ งในระดับพนื้ ที่
๘๙
๓.๕ บทวิเคราะหเปรียบเทียบการจัดการศึกษาทวิศึกษาในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดใหญ
กบั สถานศกึ ษาขยายโอกาสทางการศึกษา และสถานศกึ ษาท่ีตัง้ ในพืน้ ที่ชนบททีห่ า งไกล
การจัดการศึกษารูปแบบทวิศึกษา เปนการจัดการศึกษาทางเลือก สําหรับผูเรียนระดับ
มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) ที่มีความประสงคจะเรียนควบคูกันไปท้ังสายสามัญและสายอาชีพ
ในลักษณะของการจัดการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ใหแกผูเรียนท่ีมี
ความประสงคจะเรียนในสายวิชาชีพ เม่ือผูเรียนสําเร็จการศึกษาครบตามหลักสูตรจะไดรับ
ประกาศนียบัตรรับรองวุฒิการศึกษา ทั้งในระดับมัธยมศึกษาปที่ ๖ และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(ปวช.) จากการศกึ ษาและการวเิ คราะหข อมลู พบวา กระบวนการขับเคลอ่ื นการจดั การศกึ ษาในรูปแบบ
ทวศิ ึกษายังไมตรงตามวตั ถุประสงคท ต่ี องการ มุงเนนใหเ ขา ถงึ การสรา งงาน สรา งอาชพี และสรางรายได
อยางแทจริง การจัดการศึกษาระบบทวศิ ึกษาในสถานศึกษาข้ันพื้นฐานขนาดใหญ หรือขนาดใหญพเิ ศษ
ท่ีต้ังอยูในตัวเมือง ซึ่งมีความพรอมในการจัดการศึกษาทุกดาน ทั้งดานบุคลากร ดานงบประมาณ และ
ดานการบริหารจัดการ อีกท้ังกลุมผูเรียนสวนใหญมีความพรอม มีฐานะคอนขางดี จึงมีโอกาสและ
มีทางเลือกในการเขารับการศึกษาที่หลากหลายได ดังน้ัน การนําระบบทวิศึกษาไปจัดในสถานศึกษา
ขน้ั พนื้ ฐานขนาดใหญ จงึ มีผูสนใจเขาศึกษาในระบบดงั กลา วคอนขางนอ ยหรือไมม ีเลย ในขณะท่ีมกี ารนํา
ระบบทวิศึกษาไปจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาท่ีอยูในพื้นท่ีหางไกลออกหรือในสถานศึกษา
ขยายโอกาสทางการศึกษา ทขี่ าดโอกาสและความพรอ มในหลายดาน ไดแก กลุมผูเรยี นทเ่ี ปน กลมุ ผูล ภี้ ัย
กลุมชนเผา กลุมชาวเขา รวมถึงกลุมเด็กและเยาวชนท้ังที่อาศัยตามแนวตะเข็บชายแดน และอาศัยอยู
ในพ้ืนท่ีจังหวัดชายแดนภาคใต ในโรงเรียนขยายโอกาส โรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดน โรงเรียน
ราชประชานุเคราะห โรงเรียนศึกษาสงเคราะหตาง ๆ กลับไดรับความสนใจจากผูเรียนในการเขาศึกษา
ระบบดังกลาวในระดับท่ีนาพอใจอยางมาก เนื่องจากระบบทวิศึกษา ดังกลาว เปนการจัดการศึกษา
ท่ีมุงเนน ใหผูเรยี นไดเขาถึงระบบการศึกษาท่ีมีเปาหมายไปสูการประกอบอาชพี ทาํ ใหสามารถลดปญหา
ความเหล่ือมล้ําทางการศึกษา เปดโอกาสใหผูเรียนมีทางเลือกในการศึกษาที่หลากหลายมากขึ้น
เปนการเพิ่มชองทางการเขาถึงระบบการมีงานทํา มีทักษะและความรู ซ่ึงเปนชองทางสําคัญที่มุงไปสู
การประกอบอาชีพ หลังสําเร็จการศึกษา สามารถสรางงาน สรางรายได สรางอาชีพไดอยางเปนรูปธรรม
สามารถนาํ ขอ มลู มาวเิ คราะหเปรียบเทยี บได ดงั นี้
ตารางวเิ คราะหเ ปรยี บเทียบการจัดการศึกษาระบบทวิศึกษาในสถานศึกษาข้ันพื้นฐานขนาดใหญ
กบั สถานศึกษาขยายโอกาสทางการศกึ ษา และสถานศึกษาซง่ึ มที ตี่ ง้ั ในพื้นที่ชนบททีห่ า งไกล
ประเด็นวเิ คราะห ประเภทสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน
ขนาดใหญ/ ใหญพ เิ ศษ ขยายโอกาส ท่ีต้งั ในพ้ืนที่หางไกล
๑ . ค ว าม ส น ใจ ข อ ง - ผูเรียนมีความสนใจนอย - มีผูเรียนที่สนใจสายอาชีพ - มีผูเรียนสนใจเขาเรียนระบบ
ผู เรี ย น ต อ ก า รเรี ย น เพราะมีโอกาส ความพรอม แตเขาเรียนตอไมได จะให ทวิศึกษา เพ่ือไปประกอบอาชีพ
ระบบทวิศกึ ษา และมีทางเลือกที่จะเลือก ความสนใจเขาเรียนในระบบ เพราะขาดโอกาส และขาดความ
เรียนตอระดับอุดมศึกษา ทวิศึกษาจํานวนมาก เพราะ พรอมในการเขาเรียนตอระดับ
ไดม าก มโี อกาสและมีทางเลือกนอย อุ ด ม ศึ ก ษ าท่ี ตั้ งอ ยู ใน พ้ื น ที่
- นําเวลาท่จี ะใชในการเรียน อีกทั้งเพ่ือเปนการสรางและ ที่ตัวเมืองและพื้นท่ีท่ีมีความ
ระบบทวิศึกษาไปเรียนเสริม เพ่ิ ม โอกาสให กับ ต น เอง พรอ มในทกุ ๆ ดา น
๙๐
ประเด็นวเิ คราะห ประเภทสถานศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน ทต่ี ง้ั ในพนื้ ที่หางไกล
ขนาดใหญ/ ใหญพิเศษ ขยายโอกาส
เพ่ือเตรียมสอบเขาเรียน โดยเฉพาะหากเขาศึกษาตอ
ในระดับมหาวิทยาลยั ในมหาวทิ ยาลัยฯ ไมได กจ็ ะ
สามารถศึกษาตอไดในระดับ
ปวส. หรือสามารถประกอบ
อาชีพได
๒ . ค ว าม ส น ใจ ข อ ง - ไ ม อ ย า ก ให ม า เรี ย น - มคี าใชจ า ยเพม่ิ - มคี าใชจ ายเพ่มิ
ผูป กครองในการจัด ดวยสาเหตุจากการทะเลาะ
ก า ร ศึ ก ษ า ร ะ บ บ วิวาทของผูเรียนอาชีวศึกษา
ทวศิ กึ ษา มีคาใชจ า ยเพ่ิมขนึ้
๓. การใหความรวมมือ - ระบบงบประมาณรายหัว - มีการใหความรวมมือและ - ใหความรวมมือในการแนะนํา
ของสถานศึกษาระดับ จึงตองรกั ษาผเู รยี นไว ชวยเหลือในบางสถานศึกษา ผูเรียนใหมีโอกาสและชองทาง
- มุงหวังใหผูเรียนเขาเรียน เพราะเปนการเปดโอกาส ในการประกอบอาชพี
ขั้นพ้ืนฐาน ในการแนะ ใน ระดั บ ม ห าวิท ยาลัย ฯ ใหกับผูเรียนที่ไมประสงค
แนวใหกบั นักเรียน เนื่องจากจะเปนการสราง จะเรียนตอในมหาวิทยาลัย
ภาพลกั ษณข องสถานศึกษา
๓.๖ บทวเิ คราะหก ารจัดการศกึ ษาระบบทวิศึกษาเพ่ือลดความเหล่ือมลํ้า และสรางความสามารถ
ในการแขง ขันของประเทศ
หลักการสําคัญในการจัดการศึกษารูปแบบทวิศึกษา คือ การสงเสริมและสนับสนุนให
ผูเรียนในสถานศึกษาสายสามัญ ท่ีมีภูมิลํานาตั้งอยูในพ้ืนที่หางไกล หรือไมมีสถานศึกษาอาชีวศึกษา
ในพ้ืนท่ีบริเวณใกลเคียงไดเขาสูระบบการอาชีวศึกษา เพ่ือเปนการปูพ้ืนฐานในการประกอบอาชีพ
ในสาขาตาง ๆ สรุปแลว การจัดการศึกษาระบบทวศิ ึกษา เปนการจัดการศึกษาทางเลือกสําหรับผูเรียน
ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ท่ีมีความประสงคจะเรียนควบคูกันไปท้ังสายสามัญและสายอาชีพ
ในลักษณะของการจัดการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ใหกับผูเรียนท่ีมี
ความประสงคจะเรียนในสายวิชาชีพ และเม่ือผูเรียนสําเร็จการศึกษาครบตามหลักสูตรจะไดรับ
ประกาศนียบัตรรับรองวุฒิการศึกษา ทั้งในระดับมัธยมศึกษาปท่ี ๖ (ม.๖) และระดับประกาศนียบัตร
วิชาชีพ (ปวช.) การจัดการศึกษาดังกลาวเปนแนวคิดในการสรา งนวตั กรรมการจดั การศึกษารูปแบบใหม
ท่เี ปนการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาใหกับผูเ รียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทางดา นวิชาชีพ เพื่อเพ่ิม
ทักษะและความรูความสามารถตาง ๆ ซ่ึงเปนพื้นฐานสําคัญในการประกอบอาชีพ รวมท้ังเพิ่มโอกาส
ในการเขา ถึงแหลงงาน และการมีงานทํามากกวาการมวี ุฒิการศกึ ษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖)
เพียงอยางเดียว โดยการจดั การศึกษาระบบดังกลาวน้ีเปน ความรว มมือระหวางสํานักงานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา (สอศ.) สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสถานประกอบการ
ตาง ๆ ในพื้นท่ีใกลเคียงในการจัดทําหลักสูตรการเรียนการสอนรวมกัน การเทียบโอนหนวยกิต รวมทั้ง
การฝกงานและการฝกทักษะวชิ าชีพในสถานประกอบการ โดยมงุ หวังที่จะลดปญหาความเล่ือมลาํ้ และ
สรางความสามารถในการแขงขันของประเทศ จากการดําเนินงานที่ผานมานําขอมูลท่ีไดรับมาทํา
การวเิ คราะหไ ด ดงั นี้
๙๑
ตารางวเิ คราะหก ารจดั การศึกษาระบบทวศิ ึกษาเพ่อื ลดความเหลอื่ มลํา้ และสรางความสามารถ
ในการแขง ขันของประเทศ
ผมู ีสว นไดส วนเสีย หนาท่แี ละความ ปญหาและอุปสรรค ขอ เสนอแนะ
ในการจัดการ รบั ผิดชอบของ ในการดําเนนิ การจัด ในการดําเนนิ งาน
ศึกษาระบบ ผเู กยี่ วขอ งใน การศึกษาในระบบ ระบบทวศิ ึกษา
ทวศิ ึกษา การจดั การศกึ ษา ทวศิ ึกษา ใหมปี ระสทิ ธิผล
(Steak holder) ระบบทวิศกึ ษา - สํารวจความสนใจของผูเรียน
สาํ นกั งาน - ประสานความรวมมือกับ - สถานศึกษา บางแหงยังไมมี ในพ้ืนที่ เพ่ือวางแผนในการจัด
คณะกรรมการ ผูเกี่ยวของทุกระดับ เพื่อนํา ความพรอมในการดําเนินการ การศกึ ษา
การอาชีวศกึ ษา ขอมูลมาเลือกหลักสูตรที่ ทั้งดานงบประมาณ บุคลากร - ใหสถานศึกษาสํารวจความ
(สอศ.) เปนไปตามความตองการ สถานท่ี แตจําเปนตองจัด ระบบ พรอมของตัวเองและวางแผน
ของผูสนใจที่จะเขามาเรียน ทวิศึกษาเพิ่มจากระบบปกติ งบป ระมาณ บุ คลากร วัสดุ
ในระบบทวศิ กึ ษา เนื่องจากเปนนโยบาย ทําให ครุภัณฑกอนการรบั นักศกึ ษา
- จั ด เต รีย ม ค วาม พ รอ ม สงผลตอผูเรียน ทําใหความ - สถานศึกษาตอ งใหความสําคัญ
ในการจัดการศึกษา ระบบ สนใจลดลง ในการทําความรวมมือจัดการ
ทวิศึกษ า โดยจัดเตรียม - ยังไมมีกฎหมายใหการรองรับ ศึกษากับหนวยงานท่ีเก่ียวของ
งบ ป ระม าณ ครู ส ถาน ท่ี ในหลายเรื่อง ทาํ ใหเกิดปญหาใน อยางตอเนื่อง โดยเฉพาะสถาน
วัสดุ ครุภัณฑ ใหเพียงพอ การบริหารจดั การ สงผลกระทบ ประกอบการ และชมุ ชน
กับผูเรียนท่ีเพิ่มเขามาจาก ตอ สถานศกึ ษาและผเู รยี น - สอศ. ควรพิจารณาใหวิทยาลัย
ระบบปกติ - ขาดการประชาสัมพันธและ การอาชีพ มีบทบาทหลักในการ
- จัดการเรียนการสอนโดย การแนะแนว และการทําความ จั ด ก า ร ศึ ก ษ า ร ะ บ บ ท วิ ศึ ก ษ า
มุงเนนใหผูเรียนมีทักษะ เขาใจกับผูเรียน อกี ท้ังผปู กครอง เพราะใกลชิดกับชุมชนและเปน
ที่เปนพื้นฐานและทักษะ ยังไมมีความเขาใจในการศึกษา ก า ร ล ด ค ว า ม เ ห ลื่ อ ม ล้ํ า ให กั บ
ท่ีจําเปนในการประกอบ ระบบทวศิ กึ ษา เพราะเปน ระบบ ผูเรียนที่ขาดโอกาสในการเรียน
อาชีพ ที่ใหม ตอ ในระดับมหาวิทยาลยั
- มี ร ะ บ บ ก า ร วั ด แ ล ะ - ใหความสําคัญกับการเผยแพร
ประเมินผลที่สอดคลองกับ แ ล ะ ป ระ ช าสั ม พั น ธ เชิ งรุ ก
การศกึ ษาระบบทวิศึกษา ในทุกระดับอยางตอเนื่อง เพ่ือ
- นําขอมูล/ สถิติในการจัด เปนการเปดตลาดอาชีพใหกับ
การศึกษาระบบทวิศึกษา ผสู นใจทจี่ ะเขามาศกึ ษาในระบบ
มาทําการศึกษาวิจัย เพ่ือนํา ทวิศึกษา
ผ ล ที่ ได ม าพั ฒ น าระ บ บ - พัฒนาหลักสูตรการเรียนรู
ใหด ขี นึ้ โด ย ก ารบู รณ าก ารรว ม กั น
ระหวางหลักสูตร สอศ. และ
สพฐ. ใหตรงกับความตองการ
ของผูเรียน เพื่อจะไดไมตองเสีย
เวลาในการเรยี นเพิ่ม
สาํ นกั งาน - สํารวจความตองการของ - สถานศึกษา มีความตองการ - ปรับแก กฎหมายท่ีเกี่ยวของ
คณะกรรมการ ผู เรี ย น ที่ ไม เรี ย น ต อ ใน งบประมาณรายหัว จึงตองการ ให ส ถ า น ศึ ก ษ า ทํ า ง า น ไ ด
ระดบั อดุ มศกึ ษา ใหผูเรียนไดเรียนตอในระดับ อยา งมีประสิทธภิ าพ
การศกึ ษา
๙๒
ผูมีสว นไดส ว นเสยี หนา ทแ่ี ละความ ปญ หาและอปุ สรรค ขอเสนอแนะ
ในการจดั การ รับผิดชอบของ ในการดาํ เนินการจัด ในการดาํ เนนิ งาน
ศกึ ษาระบบ ผูเกีย่ วขอ งใน การศกึ ษาในระบบ ระบบทวศิ กึ ษา
ทวศิ ึกษา การจัดการศึกษา ทวศิ กึ ษา ใหม ปี ระสทิ ธผิ ล
(Steak holder) ระบบทวศิ กึ ษา - พั ฒ น าห ลักสูต รก ารเรียน
ขน้ั พนื้ ฐาน - แนะแนวระบบทวิศึกษา มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย การสอนโดยการบูรณ าการ
(สพฐ.) ใหกับผูเรียนและแนะนํา - ขาดการแนะแนวการศึกษา รวมกันระหวาง หลักสูตร สอศ.
ผูปกครอง ใหเขาใจถึงผลที่ ระบบทวิศึกษาและอาชีวศึกษา และ สพ ฐ. ให ตรงกับ ความ
ผูเรียนจะมีโอกาสในการ ใหกับผูเรียน ในขณะเดียวกันก็ ตองการของผูเรียน เพื่อใหไม
ประกอบอาชพี จะใหความสําคัญกับการศึกษา ตอ งเสียเวลาในการเรียนเพมิ่
ตอในระดับมหาวิทยาลยั
สถานประกอบการ - ไมม่ันใจวาผูเรียนระบบ - ก ารย อ ม รับ ใน ก ารรับ เข า - สอศ. ตองหาแนวทางความ
หนวยงานทอ งถ่นิ ทวิศึกษ าจะมีสมรรถน ะ ทาํ งานของสถานประกอบการ รวมมือและสรางความเขาใจ
ท่ีจะสามารถปฏบิ ัตงิ านได - ขาดความเขาใจในการจัด ระบบทวิศึกษา ใหกับสถาน
และชมุ ชน - ใหความรวมมือ และให การศึกษาระบบทวิศึกษา ประกอบการ
การสนับสนุนการจัดระบบ
ทวิศึกษา ใหกับโรงเรียน ใน
ชุมชน เพ่ือลดปญหาความ
เหล่ือมลํ้า และเปนการเพ่ิม
โอกาสในการเขา สูอาชพี ของ
ผูเรยี นในชมุ ชนของตนเอง
ในการจัดการศึกษาเพื่อใหผูเรียนไดเรียนรู และเลือกอาชีพไดตามความพรอมและ
ความสนใจ ควรมีการดําเนินการใหมีบรรจุไวในหลักสูตรทุกระดับการศึกษา โดยเฉพาะในระดับ
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพ่ือทําใหผูเรียนไดพบชองทางและโอกาสในการเลือกเรียนหรือเลือกที่จะเขาสู
การมีพื้นฐานอาชีพที่จะตองฝกฝนใหมีทักษะเพ่ือเปนพ้ืนฐานในการประกอบอาชีพในอนาคต ท่ี “คน”
ควรจะตองมีความรูความสามารถที่หลากหลาย มีทักษะเพียงพอท่ีจะชวยเหลือตนเอง ครอบครัว และ
สังคมตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะสอดคลองกับเปาหมายในการจัดการศึกษาตามท่ี
บัญญัติไวในพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๖ เก่ียวกับการจัดอาชีวศึกษา และ
การฝกอบรมวิชาชีพ ไววาตองเปนการจัดการศึกษาในดานวิชาชีพที่สอดคลองกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแหงชาติ เพ่ือผลิตและพัฒนากําลังคนในดานวิชาชีพระดับฝมือ ระดับเทคนิค และระดับ
เทคโนโลยี รวมทั้งเปนการยกระดับการศึกษาวิชาชีพใหสูงขึ้น เพื่อใหสอดคลองกับความตองการ
ของตลาดแรงงาน โดยนําความรูในทางทฤษฎีอันเปนสากล และภูมิปญญาไทยมาพัฒนาผูรับการศึกษา
ใหมีความรูความสามารถในทางปฏิบัติและมีสมรรถนะจนสามารถนําไปประกอบอาชีพในลักษณะ
ผปู ฏิบัตหิ รือผปู ระกอบอาชีพโดยอิสระได
๙๓
ภาพท่ี ๓.๒ ขอ เสนอรปู แบบการขบั เคลอ่ื นการจดั การศึกษาระบบทวศิ กึ ษาเพ่อื ลดความเหลื่อมลํา้ และสรา งความสามารถในการแขง ขนั ของประเทศ
บทท่ี ๔
สรปุ ผลการพิจารณาศกึ ษา ขอ้ สังเกตและขอ้ เสนอแนะ
๔.๑ สรปุ ผลการพิจารณาศึกษา
การพิจารณาศึกษาแนวทางในการจัดการศึกษาทวิศึกษาเพื่อลดความเหล่ือมล้าและ
สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ มีวัตถุประสงค์เพ่ือ ศึกษาและวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน
ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษาระบบทวิศึกษา รวมทังวิเคราะห์ทางเลือกในการจัดการศึกษา
เพื่อหาแนวทางท่ีเหมาะสมในการใช้ระบบการศึกษารูปแบบทวิศึกษาเป็นกลไกในการลดช่องว่าง
ลดความเหล่ือมล้าทางการศึกษา สร้างทางเลือกใหม่ ๆ ให้เด็กและเยาวชนในพืนท่ีห่างไกลและ
ในโรงเรียนมัธยมศึกษาเข้าถึงระบบการศึกษาอาชีวศึกษามากยิ่งขึน และสร้างโอกาสในการประกอบ
อาชีพหลังส้าเร็จการศึกษาได้ ผลการศึกษาจากเอกสารงานวิจัย กฎหมาย ระเบียบ การวิเคราะห์
สังเคราะห์ข้อมูลที่เก่ียวข้อง รวมทังจากผลการด้าเนินงานการจัดการศึกษาทวิศึกษาทผ่ี ่านมาและข้อมูล
เชิงประจักษ์ สรปุ ผลของการศกึ ษาได้ดงั ต่อไปนี
๔.๑.๑ การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษาระบบทวิศึกษา
พบวา่ การจดั การศกึ ษาระบบทวศิ ึกษา มกี ารด้าเนนิ การมาตังแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยส้านักงานเขตพืนท่ี
การศึกษามัธยมศึกษาเขต ๒๗ (ร้อยเอ็ด) ได้จัดโครงการน้าร่องเพ่ือทดลองจัดการศึกษาในรูปแบบ
ทวิศึกษา ภายใต้ชื่อโครงการ “ร้อยเอ็ดโมเดล” ซ่ึงเป็นโครงการท่ีมีแนวคิดส้าคัญในการให้โอกาสกับ
ผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) ได้มีโอกาสและสามารถเข้าเรียนร่วมกับหลักสูตร
อาชวี ศึกษา เพื่อจะไดม้ ที ักษะและองค์ความรูพ้ นื ฐานในการประกอบอาชพี และเพิ่มช่องทางในการเขา้ ถึง
อาชีพได้อีกทางหน่ึง อีกทังเมื่อส้าเร็จการศึกษาจะได้คุณวุฒิการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(ปวช.) หลังส้าเร็จการศึกษา เพ่ิมจากคุณวุฒิในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖ ) การจัด การศึกษา
ระบบดงั กล่าวโดยอาศยั ความรว่ มมือกับหลายภาคสว่ น ในการท้าความรว่ มมอื ในการจัดการศึกษาระบบ
ทวิศึกษา อาทิ ส้านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ส้านักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขันพืนฐาน (สพฐ.) สถานประกอบการ เครือข่ายผู้ปกครองและท้องถิ่น/ชุมชน ให้เข้ามามีส่วนร่วม
รับผิดชอบในการจัดการศึกษาในระบบดังกลา่ ว ซึง่ ได้รับความสนใจในการเข้าร่วมโครงการในระยะแรก
และไดม้ ีการขยายผลให้ดา้ เนินการในสถานศึกษาอาชีวศกึ ษาทั่วประเทศ โดยไม่มีการเตรยี มความพรอ้ ม
ให้กับสถานศึกษาในหลายด้าน เช่น งบประมาณ อัตราครู/บุคลากรสายสนับสนุน รูปแบบการบริหาร
จัดการ และที่ส้าคัญ คือ กฎหมาย ระเบียบ ข้อปฏิบัติท่ีส้าคัญไม่ได้ด้าเนินการให้การปฏิบัติงานเป็นไป
อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทังสถานศึกษาท่ีจัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) ส่วนใหญ่
ด้าเนินการอยู่ในเขตพืนท่ีเมือง และในสถานศึกษาขนาดใหญ่ โดยท่ีผู้เรียนส่วนใหญ่ที่เข้าเรียน
ในสถานศึกษาดังกล่าวมีฐานะค่อนข้างดี และมีทางเลือกในการเข้าถึงระบบการศึกษาที่มากกว่าจึงไม่ให้
ความส้าคัญกับการศึกษาในระบบทวิศึกษา ผู้บริหารในสถานศึกษาขันพืนฐานหลายแห่งก็ไม่ให้
ความส้าคัญส่วนหนึ่งก็ด้วยความวิตกว่าหากสถานศึกษามีจ้านวนผู้เรียนท่ีจะไปศึกษาต่อในสายอาชีพ
แล้วนันจะท้าให้ผู้เรียนในสถานศึกษานันลดลงส่งผลให้งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
ท่ีจัดสรรเป็นรายหัวลดลงตามไปด้วย รวมถึงสถานประกอบการส่วนใหญ่ก็ยังไม่ยอมรับผู้จบการศึกษา
๙๖
ระดบั ประกาศนียบตั รวิชาชพี (ปวช.) ในระบบทวิศึกษาเขา้ ทา้ งาน ท้าใหก้ ารจดั การศกึ ษาระบบทวศิ ึกษา
ที่ผ่านมามีจ้านวนผู้เรียนลดลงอย่างต่อเนื่อง ทังที่ในข้อเท็จจริงแล้วระบบการจัดการศึกษาดังกล่าว
หากมีการด้าเนินการอย่างเป็นระบบแล้วจะมีส่วนช่วยส้าคัญในการลดความเหลื่อมล้า สร้างคนให้เข้าสู่
อาชีพได้ มีรายได้ ไม่เป็นภาระของประเทศ และสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้
เป็นอยา่ งดี
๔.๑.๒ การศึกษาและวิเคราะห์ทางเลือกในการจัดการศึกษา การบูรณาการความร่วมมือ
ของสถานศึกษาอาชีวศกึ ษาในการจดั การศกึ ษาระบบทวศิ กึ ษาในสถานศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พบว่า
๑) ส้านักงานคณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน (สพฐ.) มีสถานศึกษาหลายขนาด
โดยพิจารณาจากจ้านวนผู้เรียน ท้าให้โรงเรียนขนาดใหญ่ และโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ ซึ่งมีท่ีตังอยู่ใน
พืนท่ีที่มีความเจริญ มีผู้เรียนจ้านวนมาก และมีความพร้อมในสาธารณูปโภคอย่างครบครัน ส่งผลต่อ
งบประมาณรายหัวท่ีจะน้ามาใช้ในการบริหารจัดการที่จะมีมากกว่าโรงเรียนขยายโอกาสและโรงเรียน
ซึ่งมีที่ตังในพืนท่ีห่างไกลท่ีผู้เรียนมีจ้านวนน้อย และได้รับงบประมาณในการบริหารจัดการท่ีน้อยตาม
สัดส่วนผู้เรียน ผู้เรียนถึงแม้จะจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) ก็ขาดโอกาสในการเข้า
ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา และไม่สามารถประกอบอาชีพได้ เพราะไม่มีสมรรถนะในอาชีพนัน
ส้านักงานคณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน (สพฐ.) จึงควรมีแนวนโยบายในการให้ผู้เรียนเหล่านี
ได้มีโอกาสได้รับความรู้เพิ่มในด้านอาชีพในระบบทวิศึกษา โดยไม่กระทบกับงบประมาณรายหัว
ของโรงเรยี น เพื่อเปิดโอกาสให้ผเู้ รียนทขี่ าดโอกาสได้มีสมรรถนะเพ่ิมในการประกอบอาชพี ได้หลังสา้ เร็จ
การศึกษาในระบบทวิศึกษา เป็นการลดความเหล่ือมล้าให้กับผู้เรียน ที่จะมีรายได้เลียงตนเองและ
ครอบครัวได้ ไม่เปน็ ภาระตอ่ สังคมและชุมชน โดยส้านักงานคณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน (สพฐ.)
ควรน้าตัวอย่างของสถานศึกษาในสังกัดที่ประสบความส้าเร็จ ในการจัดการศึกษาระบบทวิศึกษา เช่น
โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ จังหวัดนา่ น และโรงเรียนอ่นื ๆ ที่มีความแตกตา่ งกันไปใชเ้ ปน็ ต้นแบบ
ในการพัฒนาระบบทวิศึกษาให้มีความเข้มแข็ง และเป็นระบบการจัดการศึกษาที่ช่วยสร้างโอกาส
ในการเข้าถึงอาชีพไดจ้ รงิ
๒) ส้านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มีแนวนโยบายให้สถานศึกษา
ในสังกัดด้าเนินการจัดการศึกษาระบบทวิศึกษาในทุกสถานศึกษาอาชีวศึกษาท่ีมีความพร้อม โดยไม่ได้
มีการก้าหนด กฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติท่ีจะน้าไปใช้ในการบริหารจัดการได้
อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเรือ่ งงบประมาณและบคุ ลากรซงึ่ เปน็ ปัจจัยส้าคญั ในการจัดการศึกษา
ระบบดังกลา่ ว สง่ ผลกระทบกับสถานศึกษาท่ีมีนักศึกษาจ้านวนน้อย เชน่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี
และวทิ ยาลัยการอาชพี ท่ีมงี บประมาณจ้ากดั อยู่แล้ว นอกจากนี ยงั มีสถานศกึ ษาอาชีวศึกษาบางแหง่ ไม่มี
ความพร้อมในหลายด้าน แต่ก็ต้องด้าเนินการจัดการศึกษาระบบทวิศึกษา ส่งผลต่อผู้เรียนท่ีส้าเร็จ
การศกึ ษาออกไปมที ักษะไม่เพยี งพอและไม่สามารถประกอบอาชีพไดห้ ลงั สา้ เรจ็ การศกึ ษา เพราะไมไ่ ดร้ บั
การยอมรับจากสถานประกอบการ ส้านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และส้านักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน (สพฐ.) ใช้หลักสตู รเดิมที่จดั การเรียนการสอนในระบบปกติน้ามาใช้
จัดการศึกษาในระบบทวิศึกษา โดยไม่ได้ปรับโครงสร้างหลักสูตรเป็นการเฉพาะ ท้าให้ไม่สามารถ
เทียบโอนรายวิชากันได้ เพราะจ้านวนหน่วยกิตที่ไม่เท่ากัน และเนือหาสาระของรายวิชาท่ีแตกต่างกัน
ท้าให้ผู้เรยี นเสียเวลาในการเรยี นเพิ่มโดยไมจ่ า้ เป็น
๙๗
๓) สถานศึกษาของส้านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) บางแห่ง ยังขาด
การประชาสมั พันธ์ และการประสานความรว่ มมือกับผเู้ กีย่ วขอ้ ง ส่งผลท้าให้ผเู้ รยี นลดลง และไมม่ ผี เู้ รียน
ในบางสาขาวิชา จึงไม่สามารถจดั การศกึ ษาระบบทวิศกึ ษาได้
๔) สถานประกอบการ หนว่ ยงานท้องถ่ิน และชมุ ชน มีความสนใจทจ่ี ะใหค้ วามร่วมมือ
ในการจัดการศึกษาระบบทวิศึกษา แต่ขาดความเข้าใจในการด้าเนินการ โดยเฉพาะสถานศึกษา
อาชีวศึกษา ต้องมีการเข้าไปชีแจง ประชาสัมพันธ์ ให้กับผู้เกี่ยวข้องได้รับรู้อย่างต่อเน่ือง เพื่อก่อให้เกิด
ความร่วมมอื อย่างจริงจัง
๔.๑.๓ การศึกษาแนวทางในการใช้ระบบการศึกษารูปแบบทวิศึกษา เพ่ือเป็นกลไก
ในการลดช่องว่าง ลดความเหลื่อมล้าทางการศึกษา เป็นทางเลือกใหม่ๆ ในการเลือกประกอบอาชีพ
อิสระใหก้ ับผู้เรียนไดต้ ามความถนดั และสนใจ พบว่า
๑) นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และแนวทางการจัดการศึกษารูปแบบทวิศึกษา
ที่ผ่านมา เน้นไปท่ีปริมาณผู้เรียนในระบบทวิศึกษาเป็นหลักเพื่อเพ่ิมปริมาณผู้เรียนสายอาชีพ ดังนัน
กระทรวงศึกษาธิการควรมีความชัดเจนและทบทวนวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษาทวิศึกษา
ควรมีการก้าหนดกลุ่มเป้าหมายของสถานศึกษาและกลุ่มผู้เรียนท่ีจะเข้าร่วมโครงการ ตามวัตถุประสงค์
เพ่ือลดช่องว่างลดความเหล่ือมล้าทางการศึกษาอย่างแท้จริง โดยค้านึงถึงคุณภาพในการจัดการศึกษา
และคณุ ภาพของผเู้ รียนเม่ือสา้ เร็จการศกึ ษาแล้วเปน็ สา้ คญั
๒) แนวทางการจัดการศึกษารูปแบบทวิศึกษาจะประสบผลส้าเร็จได้ ต้องมีหลักสูตร
บรู ณาการโดยเฉพาะ เป็นหลักสตู รอาชีวศึกษาทวิศกึ ษาโดยตรง มิใช่เป็นเพียงการเทยี บโอนผลการเรยี น
จากหลักสูตรมัธยมศึกษาไปยังหลักสูตรอาชีวศึกษา ซึ่งทังสองหลักสูตรโครงสร้างไม่เหมือนกัน
ทังรายวิชา จ้านวนหน่วยกิต ช่ัวโมงการเรียนและเกณฑ์การส้าเร็จการศึกษา ทังนี เพื่อให้ผู้เรียนส้าเร็จ
การศึกษาตามหลักสูตรอาชีวศึกษาทวิศึกษาได้อย่างมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานอาชีวศึกษาและ
ตามเกณฑค์ ุณวุฒิมาตรฐานวิชาชีพซ่ึงจะเปน็ ท่ยี อมรับของสถานประกอบการ
๓) แนวทางการจดั การศกึ ษาทวิศึกษาให้มีคณุ ภาพและผ้สู า้ เรจ็ การศึกษาตามหลกั สตู ร
ทวิศึกษาจะเป็นที่ยอมรับของสถานประกอบการได้นัน ส้านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ต้องท้าความร่วมมือในการจัดการศึกษาระบบทวิศึกษา (MOU) ร่วมกับสถานประกอบการในพืนท่ี
ใกล้เคียงกับสถานศึกษา หรือพืนที่อ่ืนตามความเหมาะสมที่ไม่เป็นภาระกับผปู้ กครองและผู้เรยี นมากนัก
ทังในด้านการรับผู้เรียนเข้าฝึกประสบการณ์วิชาชีพ (ฝึกงาน) และให้การรองรับการมีงานท้าเม่ือผู้เรยี น
ส้าเร็จการศึกษาแล้ว
โดยสรุปแล้วหลักการส้าคัญในการจัดการศึกษารูปแบบทวิศึกษา คือ การส่งเสริม
และสนับสนุนให้ผู้เรียนในสถานศึกษาสังกัดส้านักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ระดับ
มัธยมศึกษา ในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในพ้ืนท่ีห่างไกล หรือไม่มีสถานศึกษาอาชีวศึกษาในบริเวณ
ใกล้เคียง ได้เข้าสู่ระบบการอาชีวศึกษาท่ีเป็นการปูพ้ืนฐานเพื่อการประกอบอาชีพในสาขาอาชีพ
ต่าง ๆ ดังนัน ทวิศึกษา ที่เป็นการจัดการศึกษาทางเลือกส้าหรับผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
(ม.๖) ท่ีมีความประสงค์จะเรียนควบคู่กันไปทังสายสามัญและสายอาชีพ และ เมื่อเรียนครบก้าหนด
๙๘
ตามหลักสูตรแล้ว ผู้เรียนจะได้คุณวุฒิการศึกษาทังในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) และระดับ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ทังนี ได้มีก้าหนดกระบวนการจัดการเรียนการสอน โดยการท้า
ความร่วมมือกันระหว่างสถานศึกษาในระดับมัธยมศึกษาท่ีมีความพร้อมจะเปิดสอนและสถานศึกษา
อาชีวศึกษาในพืนที่ใกล้เคียงที่มีความพร้อมจะจดั การเรียนการสอนในรูปแบบทวิศึกษา โดยมีเป้าหมาย
ตามท่ีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๖ ว่า การจัดอาชีวศึกษา และ
การฝึกอบรมวิชาชีพ ต้องเป็นการจัดการศึกษาในด้านวิชาชีพท่ีสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ เพือ่ ผลิตและพัฒนากา้ ลังคนในด้านวิชาชีพระดบั ฝีมอื ระดบั เทคนิค และระดบั เทคโนโลยี
รวมทงั เปน็ การยกระดับการศึกษาวชิ าชพี ให้สูงขึน เพ่ือให้สอดคล้องกบั ความต้องการของตลาดแรงงาน
โดยน้าความรู้ในทางทฤษฎีอันเป็นสากล และภูมิปัญญาไทยมาพัฒนาผู้รับการศึกษาให้มีความรู้
ความสามารถในทางปฏิบัติและมีสมรรถนะจนสามารถน้าไปประกอบอาชีพในลักษณะผู้ปฏิบัติหรือ
ผปู้ ระกอบอาชีพโดยอสิ ระได้
และด้วยสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบันท่ีต้องเผชิญกับภาวการณ์ท่ีเปล่ียนแปลง
ต่าง ๆ มากมาย ส่งผลให้เกิดการแข่งขันทังในเร่ืองระบบเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง วัฒนธรรม
ความเป็นอยู่ และปัญหาแรงงานทีผ่ ู้คนในประเทศมีอัตราการตกงานเพ่ิมมากขึน การจดั การศึกษาเรียน
ร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศึกษา) หรือการจัดการเรียนการสอนคู่ขนาน
รูปแบบสะสมหน่วยกิต จะเป็นการจัดการศึกษาท่ีจะสามารถแก้ไขปัญหาความเหล่ือมล้าทางการศึกษา
ทเี่ กิดขึนได้ เพราะระบบการศกึ ษาดงั กล่าวนอกจากจะเปน็ การสรา้ งและเพมิ่ โอกาสของผูเ้ รียนสายสามญั
ในการเข้าถึงการศึกษาสายอาชีพแล้ว ยังสามารถน้าไปสู่การสร้างอาชพี สร้างรายได้ใหก้ ับผู้เรียนไดเ้ ป็น
อย่างดี และหากมีการขยายผลน้าระบบดังกล่าวไปบูรณาการจัดการศึกษาให้กับผู้เรียนที่เป็นกลุ่ม
เยาวชนท่ีอาศัยอยู่ในพืนที่ห่างไกล กลุ่มผู้เรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา กลุ่มผู้เรียน
ในโรงเรียนต้ารวจตระเวนชายแดน กลุ่มผู้เรียนในกลุ่มโรงเรียนราชประชานุเคราะห์/ โรงเรียนศึกษา
สงเคราะห์ กลุ่มผู้เรียนในพืนท่ีจงั หวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่มผู้เรียนในโรงเรียนพระปริยัติธรรม (พระและ
สามเณร) กลุ่มผู้เรียนท่ีได้รับโทษในสถานพินิจและใกล้พ้นโทษ และกลุ่มผู้เรียนในโรงเรียนซึ่งมีท่ีตังอยู่
ในพืนที่ห่างไกล ผู้ลีภัย ชนเผ่า (ชาวเขา) กลุ่มเยาวชนที่อาศัยตามแนวตะเข็บชายแดน ผู้พิการ เป็นต้น
แต่ต้องบูรณาการความรู้และศาสตร์ในแต่ละวิชาชีพให้สอดคล้องกับช่วงวัย สถานภาพ ความเหมาะสม
ตามแต่ละบริบทพืนที่ และความต้องการของผู้เรียนที่จะเรียนรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ โดยเป้าหมายส้าคัญ
เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะทางด้านอาชีพและมีองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพอันน้าไปสู่การสร้างงาน
การมีงานท้า มีอาชีพ และมีรายได้ที่จะสร้างความมั่นคงในการด้ารงชีวิตได้ และไม่เป็นภาระของสังคม
ซ่ึงจะเป็นพืนฐานส้าคัญและเป็นกลไกท่ีจะช่วยสนับสนุนแนวทางการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
ของประเทศได้อย่างมีนัยส้าคัญ ดังนัน การจัดการศึกษารูปแบบทวิศึกษาจะเป็นจุดเปล่ียนส้าคัญ
เป็นนวัตกรรมการจัดการศึกษาเพ่ือการประกอบอาชีพและการมีงานท้าอย่างแท้จริงท่ีจะสามารถ
วางรากฐานการจดั การศึกษาเพ่ือสร้างความเขม้ แข็งให้กับกลุม่ คนในประเทศท่ีขาดโอกาสทางการศกึ ษา
ไดเ้ ขา้ ถึงระบบการศกึ ษาและเขา้ ถงึ ระบบการมงี านทา้ ท่ีนา้ ไปส่กู ารประกอบอาชพี อย่างเปน็ รปู ธรรม และ
ยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งในระดับฐานรากของประเทศที่สะท้อนถึงความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ
ของประเทศในระยาวได้
๙๙
๔.๒ ขอ้ สังเกตและข้อเสนอแนะ
จากผลการพิจารณาศึกษา คณะอนุกรรมาธิการการอาชีวศึกษา ในคณะกรรมาธิการ
การศึกษา วุฒิสภา มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะในการจัดการศึกษาทวิศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้า
และสรา้ งความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดงั นี
๑) กระทรวงศึกษาธิการ ควรก้าหนดนโยบายการส่งเสริมและสนับสนุนจัดการศึกษา
ระบบทวิศึกษา โดยพิจารณาบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ เพือ่ ท้าให้เกดิ การบูรณาการการท้างาน
ร่วมกันของส้านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และส้านักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขันพืนฐาน (สพฐ.) ที่มคี วามแตกต่างกันในหลายด้าน ทส่ี ่งผลให้การดา้ เนินงานเป็นไปอย่างไม่มีคณุ ภาพ
ทังในเรอื่ งหลักสูตร ครผู ู้สอน และงบประมาณที่จัดสรรให้แต่ละหน่วยงาน ซ่ึงเป็นสาเหตุท่ีท้าให้การจัด
การศกึ ษาระบบทวิศึกษาไม่ไดร้ บั ความสนใจ
๒) ส้านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และส้านักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขันพืนฐาน (สพฐ.) ต้องประสานการดา้ เนินการร่วมกัน ดังนี
๒.๑) ทา้ ความรว่ มมือกันในทกุ ดา้ น ทงั ในระดับนโยบายและระดบั ปฏบิ ัตกิ าร
๒.๒) ร่วมกันก้าหนดบทบาท หน้าที่ ภารกิจและความรับผิดชอบการด้าเนินการจัด
การศึกษาระบบทวศิ ึกษาในแตล่ ะภารกิจของแต่ละหน่วยงาน
๒.๓) ร่วมกันออกกฎหมาย กฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับต่าง ๆ รวมทัง
แนวทางปฏิบัติงานทีส่ อดคลอ้ งกับภารกิจของแตล่ ะหนว่ ยงาน
๒.๔) หารือและประสานงานในส่วนของการจัดสรรงบประมาณเพ่อื สนับสนนุ การจัด
การศึกษาท่ีแตกต่างจากการจัดสรรงบประมาณในระบบปกติ เพื่อให้สามารถด้าเนินการจัดการศึกษา
ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ
๓) สา้ นักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา (สอศ.) ตอ้ งด้าเนินการในสว่ นตา่ ง ๆ ดังนี
๓.๑) มอบหมายหน่วยงานในสังกัด ท้าหน้าที่ในการก้ากับดูแล ประสานงานและ
รับผิดชอบการจัดการศึกษาระบบทวิศึกษาเป็นการเฉพาะ เพ่ือให้การประสานความร่วมมือ
การส่งเสริม การสนับสนุน รวมทังการสรุปผลการด้าเนินงานการจัดการศึกษาระบบดังกล่าวในรูปแบบ
ของงานวจิ ัย เพ่ือจะได้น้าผลทไ่ี ด้จากการวจิ ัยดงั กล่าวไปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบทวศิ ึกษา
ตอ่ ไป
๓.๒) จัดท้าหลักสูตรการศึกษาระบบทวิภาคี ในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ ออกมาเป็น
การเฉพาะ โดยจะต้องเป็นหลักสูตรส้าหรับผู้เรียนในระบบทวิศึกษาที่มีการบูรณาการระหว่างหลักสูตร
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ม.๖) และหลกั สตู รระดบั ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ปวช.) โดยเนน้ ให้ผเู้ รยี น
ที่เขา้ ศึกษาในหลักสูตรดังกลา่ วมีพืนฐานหรอื ทักษะท่ีส้าคัญในวิชาชีพท่ีสนใจและสามารถน้าองค์ความรู้
ประกอบอาชีพไดจ้ ริงหลงั สา้ เรจ็ การศกึ ษา โดยใหเ้ ปน็ ไปตามบรบิ ทที่แตกต่างหลากหลายของแตล่ ะพนื ท่ี
มีความยืดหยุ่น เป็นหลักสูตรที่ทันสมัย สอดคล้องและเป็นไปตามบริบทการเปล่ียนแปลงของประเทศ
ในช่วงปัจจุบันท่ีผู้เรียนอาจจะไม่ให้ความส้าคัญของปริญญามากกว่าการน้าไปใช้ประกอบอาชีพ อีกทัง
หลักสูตรการศึกษาควรมุ่งเน้นในการปฏิบัติงานจริง โดยเฉพาะหลักสูตรด้านการเกษตรเพื่อสุขภาพ
การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรและการสร้างมูลค่าเพ่ิม รวมทังการตลาดสมัยใหม่ท่ีปรับรูปแบบเป็น
การขายออนไลนท์ ่สี อดคล้องกับสถานการณ์ของโลกทเี่ ปลย่ี นไป
๑๐๐
๓.๓) ส้ารวจปริมาณความต้องการในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพ
ใหม่ ๆ ซงึ่ อยู่ในความสนใจของผ้เู รยี น เพื่อออกแบบและจัดท้าหลกั สูตรใหม่ ๆ ใหเ้ ป็นไปตามความสนใจ
และความทา้ ทายของผู้เรียนทีจ่ ะเขา้ ศกึ ษา
๓.๔) เปดิ โอกาสให้กับผู้เรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศกึ ษา โรงเรียนท่ีตงั อยู่
ในพืนที่ห่างไกล และโรงเรียนที่ตังอยู่ในบริเวณพืนที่ตะเข็บชายแดน ชนเผ่า (ชาวเขา) ได้เข้าถึงระบบ
ทวิศึกษา เพ่ือเป็นการสร้างทักษะพืนฐานในการเข้าถึงการศึกษาสายอาชีพและได้เรียนรู้ในสิ่งส้าคัญ
ทีจ่ ะนา้ ไปใช้ในการประกอบอาชีพได้
๓.๕) ต้องให้ความส้าคัญกับการเผยแพร่และประชาสมั พันธ์ระบบการจัดการศึกษา
ทวิศึกษาให้ความต่อเนื่อง มีช่องทางการติดต่อสื่อสารที่สะดวก รวดเร็ว และหลากหลายเพ่ือเผยแพร่
ความรู้ความเข้าใจในวงกว้างให้กบั ผู้เกย่ี วขอ้ งและผ้สู นใจทงั ในระดบั นโยบาย และสถานศึกษา
๓.๖) การจัดการศึกษาระบบทวิศึกษา ไม่จ้าเป็นท่ีจะต้องจัดหรือด้าเนินการ
ในทุกสถานศึกษา แต่ควรพิจารณาส้ารวจหรือสอบถามความสนใจของผู้เรียนในสถานศึกษาขันพืนฐาน
ก่อนการเปิดหลักสูตร โดยที่ส้านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ควรให้การสนับสนุน
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยประมง วิทยาลัยสารพัดช่าง และวิทยาลัยการอาชีพ ที่มีจ้านวน
นักศึกษาในหลักสูตรการศึกษาปกติลดลงเป็นจ้านวนมากและลดลงต่อเน่ืองในทุกปีการศึกษา
ให้มีความพรอ้ มในการจัดการศึกษาในระบบทวิศึกษา โดยเฉพาะในเร่อื งสถานท่ี และวสั ดุ อุปกรณ์และ
ครภุ ณั ฑส์ ้าหรบั ฝึกปฏิบตั ิ
๓.๗) พัฒนารปู แบบการเทยี บโอนความร้แู ละประสบการณ์การท้างาน เพื่อสง่ เสริม
ให้คนท้างานได้รับคุณวุฒิทางการศึกษาเพิ่มขึนจากการประกอบอาชีพ และเรียนรู้เพ่ิมเติมเป็นบางส่วน
ในสมรรถนะที่ยังไม่มี (Competency Gap) เท่านนั
๓.๘) เพ่ือให้เกิดความยืดหยุ่นในการจัดการศึกษาร่วมกับกลุ่มโรงเรียนในระดับ
มัธยมศึกษา จึงควรกา้ หนดแนวทางและปรบั รูปแบบการจดั การเรียนการสอนระบบทวศิ ึกษา เพ่ือให้เกิด
ประสิทธิภาพมากขึน ในรปู แบบตา่ ง ๆ ดังนี
๓.๘.๑) บูรณาการจดั การศึกษาระบบทวศิ ึกษาให้กับผู้เรยี นในระดบั มธั ยมศกึ ษา
ตอนต้น (ม.๑ – ม.๓) โดยการฝึกอบรมอาชีพระยะสันให้กับผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ในลักษณะการบูรณาการไปกับหลักสูตรในกลุ่มสาระพืนฐาน ซ่ึงจะท้าให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และทราบ
ความตอ้ งการของตนเองว่าชอบในกลุ่มวชิ าชีพหรือไมแ่ ละมีทักษะพนื ฐานทางวิชาชีพหรอื ไม่ หากผูเ้ รียน
ชอบสายอาชีพจะสามารถเข้าเรียนต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ไดท้ ันที และจะลดปัญหา
การออกก่อนจบการศึกษา (Drop Out) เม่ือเข้าเรียนจริงในระดับ ปวช. ได้ แต่หากผู้เรียนไม่สนใจ
ท่ีจะเรียนสายอาชีพก็ยังสามารถเข้าเรียนต่อในสายสามัญหรือการศึกษานอกระบบได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งก็ยังจะมีพืนฐานและทกั ษะวชิ าชีพทส่ี ามารถจะต่อยอดไปสกู่ ารทา้ งานได้
๓.๘.๒) การจัดการศึกษาระบบทวิศึกษาให้กับผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษา
ตอนปลาย (ม.๔ – ม.๖) ซึ่งเป็นระบบท่ีมีการจัดการศึกษาอยู่เดิม แต่จะปรับรูปแบบการด้าเนินการ
ให้สอดคล้องกบั บริบทการเปล่ียนแปลงในปจั จุบนั เพอ่ื ให้เกดิ ความยืดหยุน่ ในการจดั การศกึ ษา ดังนี
๑๐๑
๓.๘.๒.๑) จัดการฝึกอบรบอาชีพระยะสัน เป็นลักษณะของการจัด
การศึกษาแบบโมดูลอาชีพแต่ละอาชีพ เพื่อให้ผู้เรียนท่ีสนใจได้เลือกท่ีจะเรียนรู้ได้ตามความถนัดและ
ความสนใจของตัวเอง
๓.๘.๒.๒) น้าเอาหลักสูตรการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(ปวช.) ไปบรู ณาการกับกลุ่มสาระพืนฐานอาชีพในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ – ม.๖) ในลักษณะ
ของการสะสมหน่วยกิต (Credit Bank) โดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้เพื่อเก็บและสะสมหน่วยกิตการเรียน
การสอนได้จนครบ ตามหลักสูตรก้าหนด และสามารถน้าผลการศึกษามาเทียบโอนความรู้ในระดับ
ประกาศนียบัตรวิชาชพี (ปวช.) ได้ โดยไม่มีการจา้ กัดในเรื่องกรอบและระยะเวลาในการศกึ ษา
๓.๘.๒.๓) น้าเอาวิชาพืนฐานของระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชันสูง
(ปวส.) จัดให้ผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ – ม.๖) ในลักษณะของ Credit Bank โดยเม่ือ
ผู้เรียนส้าเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแล้วนัน และประสงค์ที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับ
ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชนั สงู (ปวส.) ตอ่ จะสามารถเทยี บโอนรายวิชาเหลา่ นีได้ทนั ทโี ดยไมต่ อ้ งเสยี เวลา
ในการลงทะเบียนเรียนใหม่
๔) สถานศึกษาอาชวี ศึกษาที่จดั การศึกษาระบบทวิศกึ ษาร่วมกับสถานศึกษาขันพืนฐาน
ตอ้ งดา้ เนนิ การในส่วนตา่ ง ๆ ดังนี
๔.๑) ต้องประสานความร่วมมือกับสถานประกอบการซึ่งมีที่ตังในพืนท่ี หรือพืนที่
ใกล้เคียง (ท่ีไม่เป็นภาระกับผู้เรียนและผู้ปกครอง) ในการรับผู้เรียนระบบทวิศึกษาเข้าฝึกทักษะวิชาชีพ
ในภาคปฏิบตั ิ
๔.๒) ต้องจัดหาหรอื มรี ะบบรองรับการเขา้ สู่การมีงานทา้ ใหก้ ับผ้เู รยี นระบบทวิศกึ ษา
หลงั สา้ เรจ็ การศึกษาตามความเหมาะสม
๔.๓) แสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้เรียน
ให้เกิดการประกอบอาชีพอิสระ และเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก โดยการหาแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุน
โดยมีเงื่อนไขเป็นการเฉพาะ อันจะน้าไปสู่การประกอบอาชีพได้จริง และมีรายได้เพียงพอ ท่ีสามารถ
ด้ารงชีวิต ดูแลตนเองและครอบครัวได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจในระบบฐาน
รากของประเทศได้
บรรณานุกรม
หนังสอื และเอกสารทางวิชาการ
ไกรยส ภัทราวาท. โอกาส ความทาทาย และความสาํ คัญของการจัดการศึกษาแบบครอบคลุม
ในประเทศไทย (การเปด ตัวสรปุ รายงานการตดิ ตามผลการศกึ ษาทัว่ โลกประจาํ ป ๒๕๖๓)
ระดบั ชาติ, กรุงเทพ : กองกองทนุ เพ่อื ความเสมอภาคทางการศกึ ษา (กสศ.), ๒๕๖๓.
คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา. นโยบาย เปาหมาย ยทุ ธศาสตรก ารผลติ และพัฒนากาํ ลงั คนอาชีวศึกษา
สูสากล (พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๖๙), กรงุ เทพฯ : สาํ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๕๕.
สาํ นักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ. แผนพฒั นาการศกึ ษาของกระทรวงศึกษาธกิ าร ฉบบั ที่ ๑๒
(พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๙), กรุงเทพฯ : สํานกั นโยบายและยุทธศาสตร สํานักงานปลัดกระทรวง
ศึกษาธิการ, ๒๕๕๙.
สํานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. นโยบายและยทุ ธศาสตรก ารปฏริ ูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง
ดานการพัฒนาอาชีวศกึ ษา, กรงุ เทพฯ : หางหุนสว นจํากดั ว.ี ท.ี ซ.ี คอมมิวเคชัน่ , ๒๕๕๔.
. การพัฒนามอดูลแบบฐานสมรรถนะ. กรุงเทพฯ : สํานักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและ
วิชาชีพ สาํ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, (อัดสาํ เนา) ๒๕๔๘.
. แนวปฏบิ ตั ิเกีย่ วกบั หลกั สูตรอาชวี ศึกษา, กรงุ เทพฯ : สํานักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและ
วชิ าชีพ, ๒๕๕๑.
. อนาคตภาพของการผลิตและพัฒนากําลังคนอาชีวศึกษาตามความตอ งการของตลาดแรงงาน
และทศิ ทางการพฒั นาประเทศ, นนทบุรี : บรษิ ทั ๒๑ เซน็ จูรี่ จํากดั , ๒๕๖๑.
ยทุ ธศาสตร นโยบาย แผน และขอมลู ทเ่ี กย่ี วขอ ง
ยทุ ธศาสตรช าติ พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐. ราชกิจจานเุ บกษา ฉบบั กฤษฎกี า เลมท่ี ๑๓๕ ตอนที่ ๘๒ ก,
ลงวนั ท่ี ๑๓ ตลุ าคม ๒๖๖๑.
ยทุ ธศาสตรส กู ารปฏบิ ัตขิ องสาํ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา นโยบาย ยุทธศาสตรการผลติ และ
พัฒนากาํ ลงั คนอาชวี ศกึ ษา ในระยะ ๑๕ ป (พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๖๙)
แผนปฏิรูปประเทศดานการศึกษา. คณะกรรมการอิสระเพ่ือปฏิรูปการศึกษา, สํานักงานเลขาธิการ
สภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๒๕๖๐.
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔)
แผนการศกึ ษาแหง ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙
คําแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี. พลเอก ประยุทธ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี แถลงตอรัฐสภา
วันพฤหัสบดีท่ี ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ หอประชุมใหญ บริษัท ทีโอที จํากัด (มหาชน).
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/21750.
คําแถลงนโยบายการจัดการศกึ ษา ของรฐั มนตรวี า การกระทรวงศึกษาธกิ าร (นางสาวตรีนชุ เทยี นทอง)
https://moe360.blog/2021/04/16/education-policy/
๑๐๔
บรรณานกุ รม (ตอ)
กฎหมาย ระเบียบ ขอ บงั คบั และประกาศ
รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐
พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแหง ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ทีแ่ กไ ขเพ่มิ เติม (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕
และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓
พระราชบัญญตั ิการอาชวี ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑
การจดั การศึกษารปู แบบทวศิ กึ ษาของสาํ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ภาคผนวก
๑๐๗
การเดนิ ทางไปศึกษาดงู านเพ่อื รบั ทราบสภาพปญ หาในการจดั การศึกษาดา นอาชวี ศึกษา
ณ จังหวัดนครราชสีมา
๑๐๘
การเดนิ ทางไปศึกษาดงู านเพ่ือรบั ทราบสภาพปญหาในการจดั การศึกษาดา นอาชวี ศึกษา
ณ จงั หวัดราชบรุ ี
๑๐๙
การเดนิ ทางไปศึกษาดงู านเพอ่ื รับทราบสภาพปญ หาในการจดั การศึกษาดา นอาชวี ศึกษา
ณ จงั หวัดสรุ าษฎรธานี
๑๑๐
การเดนิ ทางไปศึกษาดงู านเพอื่ รบั ทราบสภาพปญ หาในการจดั การศึกษาดา นอาชวี ศกึ ษา
ณ จงั หวดั นา น
๑๑๑
การเดนิ ทางไปศึกษาดงู านเก่ยี วกับ “การบริหารจัดการสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชนท่ีมีคุณภาพ”
ณ วิทยาลยั เทคโนโลยภี าคตะวนั ออก (อี.เทค) อ.พานทอง จ.ชลบุรี
๑๑๒
การเดินทางไปศึกษาดงู านเกีย่ วกับ “การบริหารจัดการสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชนท่ีมีคุณภาพ”
ณ วิทยาลัยเทคโนโลยปี ญ ญาภวิ ฒั น อ.เมอื ง จ.นนทบุรี
๑๑๓
การเดนิ ทางไปศึกษาดูงานเกย่ี วกับ “การบูรณาการหลกั สูตรอาชวี ศกึ ษาเกษตรกรรม คหกรรม
การทอ งเทยี่ วและบรกิ าร สกู ารเปนผปู ระกอบการ SMEs รายใหม”
ณ บริษัท คลีนฟารม จาํ กดั อําเภอหนองแซง จงั หวัดสระบรุ ี
๑๑๔
การเดนิ ทางไปศกึ ษาดูงานเกยี่ วกบั การจดั การฝก อบรมวชิ าชีพใหผตู อ งขัง
เพื่อสรา งทกั ษะและองคความรูในการประกอบอาชพี
ณ เรือนจํากลางบางขวาง ตําบลสวนใหญ อําเภอเมอื ง จังหวัดนนทบรุ ี
---------------------------------------------