- ๕๘ -
องค์กร หน่วยงาน บทบาทหน้าท่ี
• สนบั สนุนใหน้ กั ธรุ กจิ ไทยไปลงทุน
ประกอบธรุ กจิ ในตา่ งประเทศ
• เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพของผปู้ ระกอบการ
และสร้างเครอื ขา่ ยผูป้ ระกอบการดา้ นการ
ผลิตและสง่ ออก
๓) ส่านกั งานมาตรฐาน • กา่ หนดมาตรฐานทตี่ รงความต้องการและ
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
สอดคล้องกบั แนวทางสากล ตลอดจน
กา่ กบั ดแู ลผลติ ภณั ฑ์ และการตรวจสอบ
และรบั รองดา้ นการมาตรฐานให้ได้รับการ
ยอมรบั รวมท้ังสง่ เสริมและพฒั นาดา้ นการ
มาตรฐานของประเทศ
• ช่วยเหลือ SMEs ในการพฒั นามาตรฐาน
ผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรมของประเทศให้
เปน็ ไปตามแนวทางมาตรฐานสากล เพื่อ
สามารถแขง่ ขนั ได้ในตลาดสากล
๔) กรมส่งเสริมการเกษตร • สง่ เสริมและพฒั นาเกษตรกร ครอบครัว
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกษตรกรองคก์ รเกษตรกร และวิสาหกจิ
ชุมชนใหม้ คี วามเขม้ แขง็ และสามารถ
พึ่งพาตนเองได้
• ส่งเสรมิ และพฒั นาเกษตรกรกรให้มี
ขีดความสามารถในการผลิต และจัดการ
สินค้าเกษตรตามความตอ้ งการของตลาด
๕) กรมพฒั นาชุมชน • ส่งเสรมิ และพฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชนฐาน
รากใหม้ ีความมน่ั คงและมเี สถยี รภาพ
• การพัฒนาผลติ ภณั ฑช์ ุมชนให้ได้
มาตรฐานและรปู แบบตามความตอ้ งการ
ของตลาด
• การสรา้ งโอกาสทางการตลาดให้
ผลติ ภัณฑ์ชุมชนท้งั ในและตา่ งประเทศ
• การพัฒนาผลติ ภณั ฑ์หน่ึงต่าบลหน่งึ
ผลติ ภัณฑ์
- ๕๙ -
องค์กร หน่วยงาน บทบาทหนา้ ที่
หน่วยงานในกากับ สา่ นกั งานพฒั นาวิทยาศาสตร์ • พัฒนาขีดความสามารถด้านวทิ ยาศาสตร์
ของรฐั และเทคโนโลยีแหง่ ชาติ (สวทช.) และเทคโนโลยี
• ชว่ ยเหลอื SMEs ให้เขา้ ถึงนวตั กรรมใหม่
เพ่อื ยกระดบั การแข่งขัน
หนว่ ยงานรฐั 1) ส่านักงานสง่ เสริมวิสาหกจิ • เป็นผนู้ ่าในการก่าหนดนโยบายและเปน็
(องคก์ รอสิ ระ)
ขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ศนู ย์กลางประสานระบบการท่างาน เพอื่
รฐั วิสาหกิจ
ขบั เคลอ่ื นการสง่ เสริมวสิ าหกจิ ขนาดกลาง
และขนาดยอ่ มของประเทศ
2) ส่านกั งานสง่ เสริมการลงทุน • สง่ เสรมิ การลงทนุ ทัง้ ในประเทศและ
(BOI) ต่างประเทศ
3) สถาบันพฒั นาวสิ าหกิจ • เป็นหนว่ ยช่านาญการ และแกนนา่ ในการ
ขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) พฒั นาขีดความสามารถในการแข่งขนั
(Competitive Capacity Building) ใหแ้ ก่
SMEs
1) บรรษัทสินเช่อื เพอื่ อตุ สาหกรรม • ชว่ ยเหลืออุตสาหกรรมขนาดกลางและ
ขนาดย่อม (บสย.) ขนาดย่อมให้ได้รบั สินเชือ่ จากสถาบนั
การเงินจา่ นวนมากขึ้น
2) ธนาคารพฒั นาวสิ าหกิจ • ช่วยเหลือและสง่ เสริม SMEs โดย
ขนาดกลางและขนาดยอ่ มแหง่ ให้บรกิ ารทางการเงินและบริการอืน่ ๆ
ประเทศไทย (SMEs Bank) ท่ตี อบสนองความต้องการของ SMEs ไทย
และสง่ เสรมิ และพัฒนา SMEs ไทย ใหม้ ี
ศักยภาพ
3) ธนาคารเพ่อื การสง่ ออก • สนับสนุนทางการเงนิ แกผ่ ู้ประกอบการ
และนา่ เขา้ แหง่ ประเทศไทย ไทยในวงจรการค้าระหว่างประเทศ เพือ่
(EXIM Bank) เพิ่มการเข้าถงึ แหลง่ เงนิ ทนุ ให้แก่
ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกล่มุ
ผปู้ ระกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises:
SMEs)
4) ธนาคารเพือ่ การเกษตร • สนบั สนนุ ทางการเงินและการพัฒนา
และสหกรณ์ ใหก้ บั เกษตรกรและสหกรณก์ ารเกษตร
• การพัฒนาศกั ยภาพเกษตรกรและ
สหกรณใ์ หม้ ีความเข้มแข็งและมี
ประสิทธภิ าพในการผลิต รวมทัง้ การ
ส่งเสรมิ ใหม้ ีการแปรรปู ผลผลิตทาง
การเกษตรเพอื่ เพม่ิ มลู ค่า
- ๖๐ -
องคก์ ร หนว่ ยงาน บทบาทหนา้ ที่
5) บริษัทไปรษณยี ไ์ ทย จา่ กดั
• ส่งเสริมและเปิดตลาดออนไลนใ์ หก้ ับ
หนว่ ยงานรัฐ 1) สา่ นกั งานสง่ เสริมอุตสาหกรรม ผลิตภณั ฑช์ ุมชน เพ่ือสามารถเข้าถงึ ตลาด
(องคก์ ารมหาชน)
ซอฟต์แวรแ์ หง่ ชาติ ได้งา่ ย
(องคก์ ารมหาชน)
• สนบั สนนุ การพัฒนา อุตสาหกรรม
2) สา่ นกั งานวตั กรรมแหง่ ชาติ ซอฟต์แวรข์ องประเทศ การพัฒนาบุคลากร
การตลาด การลงทุน กระบวนการผลติ
เอกชน 1) สภาหอการคา้ แหง่ ประเทศไทย และการใหบ้ ริการทไ่ี ด้มาตรฐานสากล
2) สภาอตุ สาหกรรมแห่ง รวมถงึ การสรา้ งแรงจงู ใจในการลงทนุ
ประเทศไทย ทางดา้ นอุตสาหกรรม ซอฟตแ์ วร์
โดยการเสนอแนะมาตรการ ทางดา้ นภาษี
3) สถาบันวสิ าหกจิ ขนาดกลาง และสทิ ธปิ ระโยชน์ต่าง ๆ
และขนาดย่อมอตุ สาหกรรม • ส่งเสริมให้ธุรกจิ ขนาดกลาง และขนาด
การผลติ (SMI) เล็ก (SMEs)ในประเทศใชซ้ อฟต์แวร์ในการ
ทมี่ า: การรวบรวมของคณะทางาน (2563) บรหิ ารจัดการเพอื่ เพม่ิ ศกั ยภาพธรุ กิจ
• ดา่ เนินกจิ กรรมเพอ่ื เร่งรัดใหเ้ กดิ การ
พัฒนานวัตกรรมในภาคการผลติ ภาครัฐ
และภาคสงั คมโดยรวมอยา่ งเปน็ ระบบและ
ยงั่ ยืน
• เสรมิ สร้างขีดความสามารถดา้ น
นวตั กรรมให้กับผปู้ ระกอบการ SMEs
ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต
• ให้ค่าปรึกษาและช่วยเหลือผู้ประกอบการ
ในการประกอบธุรกจิ รวมทงั้ การออก
หนงั สือรบั รองมาตรฐานสนิ คา้ สง่ ออก
• ส่งเสริมและพฒั นาการประกอบ
อุตสาหกรรม
• สง่ เสริม สนบั สนนุ การศึกษา วจิ ัย อบรม
เผยแพร่วชิ าการและเทคโนโลยีเก่ียวกับ
อตุ สาหกรรม
• ตรวจสอบสินคา้ ออกใบรับรอง
แหลง่ ก่าเนดิ หรือใบรบั รองคณุ ภาพสินค้า
• พฒั นา ประสานงาน ส่งเสริม สนบั สนุน
และเช่อื มโยงเครือข่าย ผปู้ ระกอบการ
วิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม
ภาคการผลิต เพ่ือเพมิ่ ศักยภาพและขดี
ความสามารถทางการแข่งขนั
- ๖๑ -
นอกจากน้ี ยังมีหน่วยงานท่ีเป็นหน่วยร่วมด่าเนินการตามแผนบูรณาการส่งเสริม SMEs
ปี 2562 อีก 22 หนว่ ยงาน 1 รัฐวสิ ากจิ และ 1 กองทนุ เพม่ิ เตมิ ดงั นี้
• สานกั นายกรัฐมนตรี
- ส่านักงานบรหิ ารและพัฒนาองคค์ วามรู้ (องคก์ รมหาชน)
• กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- กรมตรวจบัญชสี หกรณ์
- กรมสง่ เสริมการเกษตร
• กระทรวงพาณิชย์
- กรมการค้าภายใน
- กรมทรพั ยส์ ินทางปญั ญา
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
- กรมสง่ เสรมิ การค้าระหว่างประเทศ
- สถาบันวิจัยอญั มณแี ละเครื่องประดับแหง่ ชาติ
• กระทรวงยตุ ธิ รรม
- กรมบังคับคดี
• กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
- ส่านกั งานปลดั กระทรวงวทิ ยาศาตร์และเทคโนโลยี
- กรมวทิ ยาศาสตรบ์ ริการ
- สา่ นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี ห่งชาติ
- ส่านักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม
- สถาบันมาตรวทิ ยาแหง่ ชาตแิ ห่งชาติ
- สถาบนั เทคโนโลยนี วิ เคลยี ร์แห่งชาติ (องคก์ ารมหาชน)
- สา่ นกั งานนวัตกรรมแหง่ ชาติ (องค์การมหาชน)
- ศูนย์ความเปน็ เลิศดา้ นชวี วทิ ยาศาสตร์ (องค์การมหาชน)
• กระทรวงศึกษาธิการ
- สา่ นกั งานคณะกรรมการอาชีวศึกษา
- ส่านักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา
• กระทรวงสาธารณสุข
- ส่านกั งานคณะกรรมการอาหารและยา
• กระทรวงอุตสาหกรรม
- กรมโรงงานอตุ สาหกรรม
- กรมสง่ เสริมอุตสาหกรรม
• รัฐวสิ าหกจิ
- สถาบันวิจยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
• กองทุนและเงนิ ทนุ หมนุ เวียน
- กองทุนสง่ เสรมิ วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม
- ๖๒ -
ในการนี้ เพื่อให้การส่งเสริมและพัฒนา SMEs ด่าเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ครอบคลุมทุกมิติของการพัฒนา และตอบโจทย์ท่ีครบถ้วน จ่าเป็นต้องอาศัยการบูรณาการร่วมกันระหว่าง
หน่วยงานหลายหน่วยงาน ดังนั้น จึงจ่าเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องมีหน่วยงานเจ้าภาพที่แท้จริง เพ่ือท่าหน้าท่ี
และมีบทบาทในการมองภาพของการพัฒนาSMEs ในภาพรวม และเปน็ แกนกลางทม่ี ีอา่ นาจอยา่ งสมบูรณ์
โดยเฉพาะอย่างย่ิงบทบาทในการบูรณาการวางแผนและจัดท่าแผนร่วม การก่าหนดเป้าหมายร่วม
และการกา่ หนดงบประมาณประจ่าปีท่ีใช้ในการพัฒนาSMEs
๒.5 แนวทางการสง่ เสรมิ และพฒั นา SMEs ของตา่ งประเทศ
ประเทศญีป่ ุ่น
รัฐบาลญ่ีปุ่นด่าเนินนโยบายส่งเสริม SMEsต่าง ๆ ผ่านส่านักงานวิสาหกิจขนาดกลาง
และขนาดย่อม Small and Medium Enterprise Agency (SMEA) ซึ่งถูกจัดต้ังขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๑
ภายใต้กฎหมาย Act for Establishment of the Small and Medium Enterprise Agency มีสถานะ
เป็นองค์กรอิสระภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและการอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and
Industry: METI) ท่าหน้าท่ีก่าหนดนโยบายและมาตรการสนับสนุน SMEs เพ่ือใช้เป็นแนวทางให้หน่วยงาน
ระดบั ปฏบิ ัตนิ ่าไปกา่ หนดมาตรการและโครงการชว่ ยเหลอื และสนบั สนุน SMEs
มาตรการในการสง่ เสรมิ SMEs โดยแบง่ ออกเปน็ ๔ ด้านหลกั ได้แก่
๑) การส่งเสริมด้านการบริหารจัดการ (ManagementSupport) ในการส่งเสริมด้าน
การบรหิ ารจัดการให้แก่ SMEs น้ัน รัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือแก่ SMEs ตั้งแต่การจัดต้ังธุรกจิ ดว้ ยการให้
ค่าปรึกษาแนะน่าการร่วมทุน การส่งเสริมให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยแี ละนวัตกรรมเพ่อื ใช้ในการขับเคลือ่ น
ธรุ กจิ ตลอดจนถึงการส่งออกและการกระจายสนิ คา้
๒) การสง่ เสรมิ ด้านการเงนิ (FinancialSupport) ในการส่งเสริมด้านการเงินของรัฐน้ัน
รฐั บาลได้พยายามสร้างระบบการค้่าประกัน และระบบการให้สินเช่ือแก่ SMEsเพ่ือเพิ่มโอกาสทางการเงิน
ใหก้ บั ธุรกิจกล่มุ Start-up รวมถงึ เพ่ือเพ่มิ โอกาสให้กับกลมุ่ ธรุ กจิ ทขี่ าดเงนิ ทนุ หมุนเวียน
๓) การส่งเสริมด้านการคลัง (FiscalSupport) รัฐบาลจะท่าหน้าที่ในการให้บริการ
ดา้ นค่าปรึกษาและคา่ แนะน่าเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้ผ้ปู ระกอบการสามารถเข้าถึง
สทิ ธิประโยชนด์ า้ นภาษีตา่ ง ๆ ได้
๔) การส่งเสริมด้านการค้า และการส่งเสริมในระดับภูมิภาค (Commerce and
Regional Support)
ประเทศญี่ปุ่นมีการกระจายอ่านาจการส่งเสริม SMEs ระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐท้องถิ่น
ท้ังน้ี รัฐบาลกลางและรัฐท้องถิ่นจะต้องก่าหนดมาตรการในการส่งเสริม SMEsให้สอดคล้องกับนโยบาย
พื้นฐานที่ระบุไว้ใน SMEs Basic Law และรัฐบาลได้พยายามในการปรับปรุงรูปแบบของธุรกิจ SMEs
ด้วยการปรับปรุงเขตพ้ืนที่ส่าคัญ ๆ ในระดับภูมิภาค เช่น แหล่งการช้อปป้ิง แหล่งกลางเมือง เป็นต้น
เพ่ือสร้างแรงดึงดูดให้เกิดการค้า ตลอดจนสร้างความร่วมมื อระหว่างภาคการเกษตร การค้า
และอตุ สาหกรรม เพ่อื ให้เกดิ การบรู ณาการทางธรุ กจิ ร่วมกนั
- ๖๓ -
นโยบายและมาตรการส่งเสริมSMEsต่างๆทร่ี ัฐบาลได้ก่าหนดข้ึนน้ันจะถกู SMEA กระจาย
ไปให้แก่หน่วยงานระดับปฏิบัติการท่ีรับผิดชอบในแต่ละด้านโดยตรงโดย SMEAใช้การจัดสรรงบประมาณ
เป็นกลไกในการจัดการส่งเสริม SMEs เป็นไปตามแผนการส่งเสริมที่วางไว้ และหน่วยงานต่าง ๆ
มี ก าร ด่ าเนิ น ก าร ต าม แ น ว ท าง แ ล ะ เป้ าป ระ ส งค์ ท่ี ก่ า ห น ด ท้ั งนี้ อ งค์ ก ร ใน ร ะดั บ ป ฏิ บั ติ ก า รใน ญ่ี ปุ่ น
มีอย่หู ลายองคก์ รโดยส่วนมากจะเป็นองค์กรท่มี ีสาขาในภูมิภาคเพ่ือกระจายความชว่ ยเหลือไปยังพืน้ ท่ีตา่ ง ๆ
ท่วั ประเทศ อาทิ
๑) องค์กรเพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและนวัตกรรมในระดับภูมิภาค
( Organization for Small and Medium Enterprises and Region alI nnovation ,Japan:
SMRJ)
SMRJ จัดต้ังข้ึน ใน ปี พ .ศ. ๒ ๕๔๗ ต ามกฎหมายActon the Organization for
Small&Medium Enterprises and Regional Innovation, Japan ,Independent Administrative Agency
เป็นหน่วยงานระดับปฏิบัติท่าหน้าท่ีส่งเสริม SMEs ในระดับภูมิภาคโดยรับนโยบายมาจาก SMEA
มีส่านักงานสาขาในภูมิภาค ๑๐ แห่งและมีเครือข่าย SMEs Universities หรือ SMEsTraining Institutes
ทั้งหมด ๙ แห่งทั่วประเทศซ่ึ งเป็นสถาบันทางธุรกิจการบริหารจัดการและเทคโนโลยีขนาดเล็ก
ท่ีใหก้ ารส่งเสริม SMEs ในทอ้ งถน่ิ โดยเฉพาะดา้ นการฝกึ อบรมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
๒) องค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (Japan External Trade Organization:
JETRO)
JETRO เป็นหน่วยงานรัฐกอ่ ตง้ั ขนึ้ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ท่าหน้าที่ส่งเสรมิ การค้าและการลงทุน
ของบริษัทญ่ี ปุ่นในต่างประเทศและช่วยเหลือ SMEsในขยายธุรกิจท้ังด้านการส่งออกและลงทุน
ในต่างประเทศปัจจุบันมีพนักงานท้ังหมด ๑,๕๓๖ คน ประจ่าในประเทศ ๘๓๖ คนและต่างประเทศ
๗๐๐ คน
๓) สถาบนั การเงนิ ตา่ ง ๆ (Finance Institutes)
Shoko Chukin Bank หรือที่เรียกว่าธนาคารเพ่ือ SMEs จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๙
ตามกฎหมาย Shoko Chukin Bank Lawเป็นธนาคารท่ีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ท่าหน้าที่สนับสนุน
ด้านการเงินแก่ SMEs
Japan Finance Corporation เป็นสถาบันการเงินท่ีรัฐบาลถือหุ้นทั้งหมดท่าหน้าที่
สนับสนุนเงินกู้แก่ผู้ประกอบกิจการวิสาหกิจตามนโยบายของรัฐบาล Japan Finance Corporation
มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชนคือหอการค้าและอุตสาหกรรมและSocieties of Commerce
and Industry ในการให้ความชว่ ยเหลือด้านการเงินแก่SMEsหอการค้าและอตุ สาหกรรมและ Societies of
Commerce and Industry จะท่าหน้าท่ีเป็นท่ีปรึกษาและเสนอแนะแก่สถาบันการเงินและ SMEs
เกี่ยวกบั วธิ ีการให้กูย้ ืมเงนิ ทเ่ี หมาะสมโดยไม่ตอ้ งมหี ลักทรพั ย์หรือคนคา้่ ประกัน
๔) สถาบันที่ให้การค้าประกันสินเช่ือ(Credit Guarantee Corporations) Credit
Guarantee: CGCs เป็นสถาบันของรัฐที่ให้ความช่วยเหลือในการค้าประกันสินเช่ือแก่ผู้ประกอบการ
SMEs ในการกูย้ มื เงินจากสถาบนั การเงินมที ้งั หมด ๕๒ แห่งทวั่ ประเทศ
- ๖๔ -
๕) รัฐบาลท้องถิ่น
หน่วยงานภาครัฐในระดับท้องถ่ินของแต่ละจังหวัด/เขต (Prefectures) มีทั้งหมด
๔๗ เขต ซึ่งมีการบริหารจัดการงบประมาณและก่าหนดนโยบายส่งเสริม SMEs ในท้องถิ่นของตนเอง
โดยจะประสานงานและร่วมมือด้านการส่งเสรมิ SMEs กบั SMEA แต่ละจงั หวัด/เขต ซ่ึงจะเปน็ ผู้รบั ผิดชอบ
ศูนย์สนับสนุน SMEs (Prefectural SMEs Support Center) โดยมีหน้าท่ีให้ความช่วยเหลือ SMEs
ในทอ้ งถ่ินของตนเองด้วยการจัดหาผู้เชี่ยวชาญหลากหลายดา้ นเชน่ ด้านกฎหมายด้านบัญชีมาให้คา่ ปรึกษา
SMEs ให้การฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและการใหบ้ ริการด้านขอ้ มูลข่าวสาร
๖) องค์กรภาคเอกชน
รัฐบาลญ่ีปุ่นให้ความส่าคัญกับการประสานความร่วมมือร่วมกับภาคเอกชนในการพัฒนา
เศรษฐกิจมาอย่างมากองค์กรหลักภาคเอกชนของญี่ปุ่นที่ถือว่าเป็นตัวแทนภาคเอกชนคือสมาคมหอการค้า
และอตุ สาหกรรมแห่งประเทศญีป่ นุ่ (the Japan Chamber of Commerce and Industry: JCCI)
JCCI เป็นองค์กรสาธารณะท่ีไม่แสวงผลกาไรจัดตั้งข้ึนตามพระราชบัญญัติหอการค้า
และอุตสาหกรรม (Chamber o fCommerce and Industry Act) ก่ากับดูแลโดย METI ซ่ึง JCCI
มีหอการค้าและอุตสาหกรรมทั้งในระดับภูมิภาคและท้องถ่ินกระจายอยู่ท่ัวประเทศทั้งหมด ๕๑๔ แห่ง
มีสมาชิกซึ่งประกอบด้วยบริษัทใหญ่ขนาดกลางและขนาดย่อมท้ังหมด ๑.๒๖ ล้านบริษัท โดย JCCI
จะเป็นตัวแทนของหอการค้าของท้องถ่ินในการให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง
รวมทง้ั เปน็ กลุ่มท่ีนานโยบายของรัฐบาลมาปฏบิ ัติและเผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายและโครงการ
ทร่ี ัฐใหก้ ารสง่ เสริม
ในขณะที่หอการค้าและอุตสาหกรรมในแต่ละเมืองมีบทบาทส่าคัญได้การเป็นตัวแทน
ภาคเอกชนในระดบั ทอ้ งถ่ินในการตดิ ต่อประสานงานและเจรจาหารือกับรัฐบาลสนบั สนุนการประกอบธรุ กิจ
ของสมาชิกด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินทั้งการให้คาปรึกษาและประสานงานกับสถาบัน ต่าง ๆ
ให้คา่ ปรกึ ษาด้านการบรหิ ารจัดการจัดฝึกอบรมสมั มนาและจดั ตั้งศนู ย์ใหค้ ่าปรึกษาแนะนา่ แบบครบวงจร
ดังน้ัน จึงเห็นได้ว่าหน่วยงานส่งเสริม SMEs ของญี่ปุ่นประกอบด้วยหลายหน่วยงาน
ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนในระดับส่วนกลางภูมิภาคและท้องถิ่นซึ่งแต่ละแห่งมีหน้าท่ีความรั บผิดชอบ
ท่ีชัดเจนและประสานงานกนั อย่างใกล้ชิดจงึ ทา่ ให้ช่วยเหลอื SMEs ได้อย่างทัว่ ถงึ การมี SMEA เป็นองคก์ ร
อิสระท่ีท่าหน้าท่ีก่าหนดนโยบายและมาตรการสนับสนุนSMEsและมอบหมายงานไปยังหน่วยงานระดับ
ปฏิบตั ซิ งึ่ เป็นข้อดที ี่ทา่ ใหก้ ารด่าเนนิ งานมคี วามคล่องตวั และมีอสิ ระในการบริหารจดั การ
ตารางท่ี ๒ - 15 หนว่ ยงานสาคัญของรัฐทส่ี ง่ เสริม SMEs ในญปี่ ุ่น
หนว่ ยงาน หน้าที่ความรับผดิ ชอบ
SMEA
- วางแผนและกา่ หนดนโยบายสง่ เสรมิ SMEs ของประเทศ
SME Support, JAPAN (SMRJ) - ดแู ลด้านความมนั่ คงทางการเงิน
- ให้ค่าปรกึ ษาแนะนาทางธุรกิจ
- จดั ฝกึ อบรม/สมั มนา
- เผยแพรข่ ้อมลู ข่าวสาร
- Dispatchin experts
- ๖๕ -
หน่วยงาน หน้าท่ีความรบั ผิดชอบ
SME Universities (SME Training พัฒนาทรพั ยากรบุคคลและจดั ฝึกอบรม
Institutes)
JETRO ส่งเสริมด้านการต่างประเทศ
-การขยายการคา้ และการลงทุนไปยังตา่ งประเทศ
Japan Finance Corporation (JFC) - ใหข้ อ้ มลู ข่าวสาร
Shoko Chukin Bank - จดั ใหม้ ีท่ปี รึกษาใหค้ ่าแนะนาแกS่ MEs
Credit Guarantee Corporations ให้ความช่วยเหลอื ด้านการเงินและเงินกู้ยืม
Prefecture and City และศูนย์ SMEs
(Prefectural SME Support Centers) การค้า่ ประกนั สนิ เชื่อ
- วางแผนและก่าหนดนโยบายสง่ เสรมิ SMEs ในท้องถนิ่
Chamber of Commerce and ของตนเอง
Industry - ศนู ย์SMEsจะท่าหน้าที่ให้คา่ ปรึกษาทางธรุ กจิ จัดฝกึ อบรม/
Societies of Commerce and สมั มนาให้ข้อมลู ขา่ วสารและ Dispatchingexperts
Industry - ให้โปรแกรมให้ความชว่ ยเหลือธรุ กจิ
ขนาดเลก็ (Micro Business)
Federation of Shopping Center - สง่ เสรมิ การสรา้ งเครอื ข่ายSMEs
Promotion Associations - ใหค้ า่ ปรกึ ษาทางธุรกิจให้ขอ้ มลู ขา่ วสาร
- Dispatching experts
- ส่งเสรมิ กจิ กรรม Shopping Centers
ที่มา: JETRO, ๒๐๑๖
สำหรับด้ำนกำรบริหำรงบประมำณ และกำรติดตำมประเมินผล ญี่ปุ่นใช้งบประมำณในกำร
ขับเคลื่อนนโยบำยกำรส่งเสริม SMEs ของประเทศโดย METI จะได้รับกำรจัดสรรงบประมำณเป็นรำยปี
จำกรัฐบำลในกำรจัดทำงบประมำณในกำรส่งเสริม SMEs ประจำปี เมื่อได้งบประมำณแล้ว METI
จะกระจำยเงินงบประมำณในกำรสง่ เสรมิ SMEs ท่ีได้รบั กำรจัดสรรในแตล่ ะปีผ่ำน SMEA ไปยังองคก์ รอ่ืนๆ
ได้แก่ JETRO, SMRJ, Shoko Chukin Bank, Japan Finance Corporation และสถำบันธุรกิจที่ให้
หลักคำประกันสินเชื่อ (Credit Guarantee Corporations) ไปสู่ผู้ประกอบกำร SMEs ด้วยวิธีนีโครงกำร
ส่งเสริม SMEs ท่ีมีกำรนำเสนอเพื่อของบประมำณทุกโครงกำรจะต้องผ่ำนกำรพิจำรณำและอนุมัติ
โดย SMEA ทำให้กิจกรรมในกำรส่งเสริม SMEs ของหน่วยงำนต่ำง ๆ ของรัฐส่วนกลำงมีควำมชัดเจน
เปน็ เอกภำพและมีลกั ษณะท่ีบรู ณำกำรและสอดคลอ้ งกบั กรอบนโยบำยในกำรส่งเสริม SMEs ของประเทศ
อย่ำงไรก็ดี เป็นที่น่ำสังเกตว่ำหน่วยงำนที่เป็นผู้จัดสรรงบประมำณ คือ SMEA ไม่ได้เป็น
ผดู้ ำเนนิ โครงกำรส่งเสรมิ เอง หำกแต่ทำหนำ้ ทเ่ี ป็นเพยี งผู้กระจำยงบประมำณทำให้ไมม่ ีปัญหำควำมทบั ซอ้ น
ของผลประโยชน์นอกจำกนีแล้ว SMEA ยังเป็นผู้ประเมินผลกำรดำเนินงำนของโครงกำรต่ำง ๆ ท่ีได้รับ
กำรจัดสรรงบประมำณโดยหน่วยงำนของรัฐต่ำง ๆ ที่เป็นผู้ดำเนินโครงกำรจะต้องจัดทำรำยงำน
ควำมคืบหน้ำและผลสัมฤทธ์ิของโครงกำรต่อ SMEA ทำให้มีข้อมูลท่ีสำมำรถนำมำใช้ในกำรปรับปรุง
- ๖๖ -
หรอื ปรบั เปลี่ยนโครงกำรหรือกิจกรรมในกำรส่งเสริม SMEs ให้มีประสิทธิภำพหรือให้ตรงกับเป้ำประสงค์
มำกขึนได้ กำรติดตำมประเมินผลโดย METI ประเมินผลงำนของหน่วยงำนท่ีได้รับงบประมำณ
โดยหน่วยงำนต่ำง ๆ ของรัฐซ่ึงเป็นผู้ดำเนินโครงกำรจะต้องจัดทำรำยงำนควำมคืบหน้ำและผลสัมฤทธิ์
ของโครงกำรตอ่ SMEA และ METI กำรจัดตังคณะกรรมกำรตรวจสอบและประเมินผลนโยบำยกำรสง่ เสริม
SMEs ซึ่งเป็นกรรมกำรจำกภำยนอกนอกจำกนียังมีกำรสำรวจควำมคิดเห็นของผู้ประกอบกำร SMEs
ถึงกำรรับรู้รับทรำบกำรใช้ประโยชน์และกำรประเมินควำมพึงพอใจต่อนโยบำยกำรส่งเสริม SMEsของ
รัฐบำลเพ่อื นำไปใช้ในกำรกำหนดนโยบำยสง่ เสริมSMEsท่เี หมำะสมในปตี อ่ ไป
ประเทศไตห้ วัน
ไต้หวันเป็นประเทศที่พัฒนำกำรทำงเศรษฐกิจ ทังในด้ำนขนำดและนวัตกรรมถูกขับเคล่ือน
ด้วย SMEs เป็นหลัก โดยมีโครงสร้ำงของธุรกิจส่วนใหญ่เป็นบริษัทในกลุ่มเครือญำติ กิจกำรครอบครัว
และ SMEs โดยบริษัทเหล่ำนีผลิตสนิ ค้ำและบรกิ ำรขันกลำงใหก้ ับธุรกจิ อ่ืน ๆ ในทำงตรงกันข้ำมกบั ประเทศ
เกำหลีใต้และญี่ปุ่นท่ีมักจะมีเครือบริษัทขนำดใหญ่ ท่ีมีกำรกระจุกตัวสูง ที่เรียกว่ำกลุ่ม “แชโบล”
(Chaebol) และ “เคเร็ทสึ” (Keiretsu)
นยิ าม SMEs ประเทศไต้หวนั
- อุตสำหกรรมกำรผลิต ธุรกิจกำรก่อสร้ำง และธุรกิจเหมืองแร่ ท่ีมีเงินทุนชำระแล้วไม่เกิน
๘๐ ลำ้ นดอลลำร์ไต้หวนั (ประมำณ ๘๘ ล้ำนบำท) หรอื มพี นักงำนไมเ่ กนิ ๒๐๐ คน
- ธุรกิจกำรค้ำและบรกิ ำร (รวมถึงภำคกำรเกษตร) ที่มีรำยได้ไม่เกินปีละ ๑๐๐ ล้ำนดอลลำร์
ไตห้ วนั (๑๑๐ ลำ้ นบำท) หรอื มีพนกั งำนไมเ่ กิน ๑๐๐ คน
มาตรการพฒั นา SMEs ของประเทศไต้หวัน
กระทรวงเศรษฐกิจ (Ministry of Economic Affairs: MOEA) ได้จัดตังสำนักงำนวิสำหกิจ
ขนำดกลำงและขนำดย่อม (Small and Medium Enterprise Administration: SMEA) ขึนเพื่อเป็น
หน่วยงำนหลกั ในกำรให้ควำมช่วยเหลือแก่ SMEs ของภำครัฐ โดยในช่วงแรกมภี ำรกจิ หลักในกำรยกระดับ
ควำมสำมำรถทำงเทคโนโลยแี ละกำรบริหำรจัดกำรของบริษัท SMEs และได้ผ่ำนพระรำชบัญญัติเพือ่ รองรับ
และกำหนดอำนำจและหนำ้ ทขี่ อง SMEA โดยใหอ้ ำนำจหน้ำที่ ดงั นี
๑) จัดทำแผนเพ่ือกำรพฒั นำ SMEs และเสนอแนะกฎหมำยท่ีเกี่ยวข้อง
๒) กำหนดแนวทำงและทำกำรประเมินผลกำรดำเนินงำนของ SMEs
๓) สำรวจและวจิ ยั เรื่องทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับ SMEs
๔) ให้ควำมช่วยเหลือในกำรพัฒนำเทคโนโลยีกำรผลิตของ SMEs รวมถึงกำรฝึกอบรม และ
ควำมช่วยเหลืออ่นื ท่เี ก่ยี วขอ้ ง
๕) ให้ควำมช่วยเหลอื SMEs ในกำรพฒั นำกำรบรหิ ำรจัดกำรและกำรเงนิ
๖) ใหค้ วำมชว่ ยเหลือในกำรพฒั นำ SMEs ในดำ้ นอนื่ ๆ
ภำรกิจหลกั อยำ่ งหนึ่งที่ SMEA ได้รับมอบหมำย คือ กำรสนบั สนุนกฎหมำยท่ีมคี วำมเป็นธรรม
ตอ่ SMEs เพือ่ ป้องกันกำรถูกเอำเปรียบและทำให้ SMEs สำมำรถเตบิ โตได้ โดยในกำรรำ่ งกฎหมำยเหล่ำนัน
จะต้องมีกำรสำรวจและวิจัยปัญหำของ SMEs เพ่ือวิเครำะห์สภำพแวดล้อมในกำรทำธุรกิจของ SMEs
และนำเสนอนโยบำยท่ีตอบสนองต่อควำมต้องกำรอย่ำงแท้จริง นอกจำกนี SMEA ยังมีภำรกิจในกำร
- ๖๗ -
ดำเนินงำนเรื่องอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง อำทิ กำรสนับสนุนกำรใช้งำนเทคโนโลยีสำรสนเทศ ( Information
technology) กำรส่งเสริมนวัตกรรม กำรจัดตังศูนย์บ่มเพำะธุรกิจ ศูนย์ One-stop service center
เพ่ือกำรแก้ปัญหำทำงด้ำนเงินทุนของ SMEs กำรให้สินเชื่อแก่ SMEs และกำรบริหำรกองทุนคำประกัน
สินเชอื่ สำหรับ SMEs อกี ด้วย
SMEA จึงเป็นผู้รับผิดชอบในกำรวำงแผนและกำรสร้ำงสิ่งแวดล้อมท่ีเอือต่อกำรพัฒนำ
ของ SMEs ใหก้ ลำยเป็นบริษัทที่มคี วำมแขง็ แกรง่ หรอื อำจพฒั นำเป็นบรษิ ทั ขนำดใหญ่ เช่น กรณีของบริษัท
ACER และบริษัท Foxcom ซ่ึงเป็นบริษัท SMEs ของประเทศไต้หวันที่กลำยมำเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์รำยใหญข่ องโลก
ลักษณะเด่นของกำรให้ควำมช่วยเหลือของประเทศไต้หวัน คือ กำรท่ีหน่วยงำนภำครัฐทุก
หน่วยงำนท่ีเก่ียวข้องกับ SMEs นันอยู่ภำยใต้กระทรวงเศรษฐกิจ (MOEA) เพียงที่เดียว ซ่ึงทำให้เกิด
เอกภำพและกำรดำเนนิ งำนทีส่ อดประสำนกันได้ดีในดำ้ นตำ่ ง ๆ โดยภำครฐั ได้ออกนโยบำยในกำรให้ควำม
ช่วยเหลอื ที่เรียกวำ่ “Guidance” ทงั หมด 11 ดำ้ น มี SMEA เป็นผรู้ ับผิดชอบหลกั ในขณะเดียวกนั สำหรับ
ภำรกิจบำงอย่ำงซึ่งดำเนินกำรโดยหน่วยงำนอ่ืนอยู่แล้ว SMEA จะเป็นศูนย์ติดต่อประสำนงำนส่วนกลำง
โดยเฉพำะสำนักงำนพัฒนำอุตสำหกรรม (Industrial Development Bureau) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินกำร
นโยบำยด้ำนนวัตกรรมและยกระดบั เทคโนโลยีกำรผลิตสำหรับอุตสำหกรรมกำรผลติ
ภาพท่ี ๒-๒๓ โครงสรา้ งของหนว่ ยงานการส่งเสริม SMEs ของประเทศไต้หวนั
ทีม่ า: Small and Medium Enterprise Administration
ถงึ แม้ว่ำรัฐบำลไต้หวนั ไม่ได้เน้นใช้มำตรกำรทำงกำรเงนิ เปน็ เคร่ืองมอื หลักในกำรให้ควำมช่วยเหลือ
แก่ SMEs อยำ่ งไรกต็ ำม รัฐบำลไต้หวันกไ็ ดม้ กี ำรให้ควำมช่วยเหลือทำงด้ำนกำรเงนิ แก่ SMEs ในระดบั หนึ่ง
เนื่องจำกในอดีตนัน SMEs มีปญั หำในกำรเข้ำถึงแหล่งเงินทุนจำกธนำคำรพำณิชย์ โดยกลไกสำคัญในกำร
ช่วยเหลือคือ Taiwan Business Bank ซึ่งเป็นธนำคำรที่รัฐบำลท้องถิ่นของไต้หวัน ซือมำจำกภำคเอกชน
ทำกำรให้สินเชื่อแก่ SMEs โดยเฉพำะ และกำรจัดตังกองทุนเพ่ือกำรคำประกันสินเช่ือ (SMEs Credit
Guarantee Fund of Taiwan: SMEG) ขนึ เพอ่ื แก้ไขปัญหำในกำรเข้ำถงึ แหล่งเงนิ ทนุ ของ SMEs ในอดีต
- ๖๘ -
รัฐบำลไต้หวนั ได้จดั ตงั กองทุนคำประกันสนิ เช่ือแก่ SMEs ขึนในปีพ.ศ. ๒๕๑๗ ซงึ่ เป็นสถำบัน
ค้ำประกันสินเชื่อแห่งแรกที่ช่วยค้ำประกันสินเชื่อของ SMEsเมื่อกู้ยืมจำกธนำคำรพำณิชย์เดิมทีถูกจัดตัง
เป็นองค์กรไม่แสวงหำกำไรภำยใต้กำรกำกับดูแลของกระทรวงกำรคลัง อย่ำงไรก็ดี กองทุนดังกล่ำว
ได้ถูกถ่ำยโอนมำยังกระทรวงเศรษฐกิจ (MOEA) ในปีพ.ศ. ๒๕๔๖ โดยใช้รำยได้จำกกำรคำประกัน
และงบประมำณสนับสนนุ จำกรฐั บำลส่วนกลำงและรัฐบำลทอ้ งถิ่นในกำรดำเนนิ งำนเป็นหลกั
กองทุนจะทำหน้ำท่ีคำประกันกำรกู้ยืมให้แก่ SMEs ที่มีโครงสร้ำงทำงกำรเงินไม่แข็งแรง
และขำดแคลนสินทรพั ย์คำประกัน ซง่ึ ระบบกำรคำประกันสนิ เช่ือนีจะช่วยลดควำมเสี่ยงของสถำบันกำรเงิน
ในกำรปล่อยสินเช่ือให้กับ SMEs และทำให้สถำบันกำรเงินขยำยสินเชื่อให้แก่ SMEs มำกขึนกองทุน
จะคำประกันสินเช่ือให้ SMEs ผ่ำนระบบธนำคำรพำณิชย์ โดยมีลักษณะคล้ำยบรรษัทคำประกันสินเชื่อ
เพอ่ื รำยย่อย (บสย.) ของประเทศไทย เนื่องจำกให้สถำบนั กำรเงินเปน็ ผู้ที่คอยตรวจสอบสนิ เชอ่ื ปล่อยสนิ เชื่อ
และตดิ ตำมสนิ เชือ่ โดยมกี องทุนเป็นผคู้ ำประกนั
SMEA ได้ดำเนินกำรเป็นศูนย์กลำงในกำรให้ควำมช่วยเหลือทำงด้ำนกำรเงิน เนื่องจำกมีกำร
จัดตัง SMEs Instant Solution Service Center ซึ่งเป็นศูนย์ One-stop Service Center ทำงด้ำน
กำรเงนิ แก่ SMEs โดยมีอำนำจหน้ำท่ดี ังนี
๑) ให้ควำมช่วยเหลือในกำรประเมินควำมแข็งแกร่งทำงด้ำนกำรเงิน บัญชี และแ ผนกำร
บรหิ ำรธุรกิจ
๒) เปน็ ผู้ประสำนระหว่ำง SMEs กับธนำคำร ทังกำรเตรยี มพรอ้ ม SMEs และชว่ ยให้ธนำคำร
เข้ำใจถึงคณุ ลกั ษณะพิเศษของธรุ กจิ แตล่ ะรำย
๓) อบรมควำมรทู้ ำงดำ้ นกำรเงินให้แก่เจำ้ ของกจิ กำร
๔) สง่ เสริมให้ SMEs เข้ำถงึ กำรค้ำประกันสนิ เช่อื
๕) ใหค้ วำมช่วยเหลอื SMEs ในกำรจดั ตงั ระบบกำรบริหำรกำรเงิน ระบบบัญชี และกำรบรหิ ำร
ภำยใน (Internal control)
๖) ชว่ ย SMEs ในกำรหำชอ่ งทำงทำงกำรเงนิ เพื่อแกป้ ัญหำกำรขำดแคลนเงนิ ทุนหมนุ เวยี น
๗) เสนอแนะรูปแบบกำรเงินที่เหมำะสมแก่ SMEs ท่ีจะช่วยให้ต้นทุนทำงกำรเงินต่ำท่ีสุด
โดยกำรใช้กองทุนคำประกันสินเช่ือ (SMEG) รวมกับ ศูนย์ให้คำปรึกษำด้ำนกำรเงิน (Small Business
Integrated Assistance Center: SBIAC)
จะเห็นได้ว่ำ ไต้หวันเป็นประเทศท่ีมีพัฒนำกำรทำงเศรษฐกิจท่ีเน้นกำรเติบโตของ SMEs
มำโดยตลอดตังแต่ในอดีต แตกต่ำงจำกประเทศอ่ืนที่เดมิ ทเี คยส่งเสริมกลุ่มนำยทุนบริษทั ใหญ่แลว้ จึงหันมำ
ให้ควำมสำคัญต่อ SMEs เมื่อเกิดวิกฤตทำงเศรษฐกิจขึน โดยไต้หวันเน้นกำรสร้ำงสภำพแวดล้อม
และใช้นโยบำยและมำตรกำรภำครัฐในกำรชว่ ยเหลือ SMEs อย่ำงมำก ซึ่งมีต้นกำเนิดจำกนโยบำยกำรเงิน
เพื่อแก้ไขปัญหำกำรเข้ำไม่ถึงแหล่งเงินทุน และขยำยไปสู่ควำมช่วยเหลือแบบครบวงจรแก่ SMEs
ซ่ึงกำรช่วยเหลือทำงด้ำนกำรเงินไมไ่ ดม้ ีควำมสำคัญเป็นลำดับแรก
หน่วยงำนภำครัฐที่ให้ควำมช่วยเหลือแก่ SMEs ของประเทศไต้หวันอยู่ภำยใต้กระทรวง
เดียวกัน คือ กระทรวงเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้เกิดควำมเชื่อมโยงในควำมช่วยเหลือได้ง่ำย และทำให้เกิด
กำรช่วยเหลือแบบบูรณำกำรกัน นอกจำกนีหน่วยงำนอื่น ๆ เช่น องค์กรไม่แสวงหำกำไร และกองทุนคำ
ประกันสินเช่ือสำหรับ SMEs ที่มีหน่วยงำนบริหำรแยกนัน ก็อยู่ภำยใต้กำรกำกับดูแลของหน่วยงำนย่อย
- ๖๙ -
ภำยใต้กระทรวงเศรษฐกิจทังสิน โดยมี SMEA เป็นหน่วยงำนที่ทำหน้ำท่ีวำงแผน เสนอแนวทำงต่อภำครัฐ
เพื่อพัฒนำสภำพแวดล้อมให้เหมำะกับ SMEs ภำยใต้บริบทกำรค้ำโลกท่ีเปลี่ยนแปลงไป ในด้ำนควำม
ช่วยเหลอื แก่ SMEs หนว่ ยงำน SMEA ถกู ออกแบบมำให้เปน็ One-stop service center ซง่ึ เปน็ หน่วยงำน
ท่ีทำกำรติดต่อและจัดหำควำมช่วยเหลือมำให้แก่ SMEs ทังภำรกิจท่ีหน่วยงำนตนเองได้รับมอบหมำย
และกำรประสำนงำนกับหน่วยงำนภำครัฐที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนท่ีปรึกษำเอกชนและสถำบันกำรเงิน
ภำคเอกชนทจ่ี ะเข้ำมำมบี ทบำทในกำรใหค้ วำมช่วยเหลือแก่ SMEs
ประเทศเกาหลใี ต้
กำรส่งเสริม SMEs ของประเทศเกำหลีใต้เป็นระบบภำครัฐนำ กล่ำวคือ มีหน่วยงำนภำครัฐ
เป็นผู้กำหนดแผนและเป็นผู้ดำเนินกำรหลัก โดยกำรจัดตังองค์กรจำนวนมำกขึนมำเพ่ือส่งเสริม SMEs
อย่ำงเป็นระบบ องค์กรที่เป็นแกนกลำงของระบบดังกล่ำว คือ Small and Medium Business
Administration: SMBA ซึ่งเป็นหน่วยงำนภำครัฐที่มีบทบำทในกำรวำงแผนเพ่ือส่งเสริม SMEs
มีผู้อำนวยกำร (SME Minister) เป็นผู้กำกับดูแลองค์กรและขึนตรงต่อกระทรวงพำณิชย์ อุตสำหกรรม
และพลังงำน ซ่ึงมีหน้ำที่ในกำรบริหำรจัดกำรและกำรดำเนินงำนส่งเสริม SMEs ให้เป็นไปตำมกรอบ
ของกฎหมำย Framework act on small and medium enterprises ซ่ึงถือเป็นกฎหมำยแม่บท
สำหรับกำรสง่ เสรมิ SMEs ของประเทศ
ภำย ใต้กฎห มำย Framework act on small and medium enterprises ดังกล่ำวได้
ให้อำนำจแก่รัฐบำลกลำงและรัฐบำลท้องถิ่นในกำรกำหนดนโยบำยเบืองต้นสำหรับกำรส่ งเสริม SMEs
ซ่ึงหมำยถึง SMBA ทังในระดับรัฐบำลกลำง และ SMBA ในท้องถิ่นจะมีหน้ำที่เพียงกำกับดูแลทิศทำง
ในกำรส่งเสรมิ SMEs และทำหน้ำที่เป็นผู้ประสำนงำนระหว่ำงรฐั บำลกลำง รฐั บำลท้องถ่ิน องค์กรเอกชน
และองคก์ รส่งเสริม SMEs เท่ำนัน ซ่ึง SMBA มีสำนักงำนอยู่ในแต่ละภูมิภำคทังหมด ๑๑ แห่งทั่วประเทศ
ทำหน้ำท่ีในกำรประสำนระหว่ำงรัฐบำลในท้องถิ่นกับองค์กรส่งเสริม SMEs รวมทังเป็นผู้ให้บริกำร
ด้ำนข้อมูลข่ำวสำรแก่ SMEs เท่ำนัน มิได้เป็นหน่วยงำนในกำรลงมือปฏิบัติกำรส่งเสริม SMEs เช่น สสว.
ของประเทศไทย
- ๗๐ -
ภาพท่ี ๒-๒๔ โครงสรา้ งของหน่วยงานการสง่ เสรมิ SMEs ของประเทศเกาหลีใต้
ทมี่ า: Terence O’Donnell and David Golding. (November 7, 2012). SME Support Overseas –
Learning from International Peer Reviews. Enterprise and Industry,
European Commission.
อย่ำงไรก็ตำม กำรปรับแนวคิดเก่ียวกับนโยบำยในกำรส่งเสริม SMEs ดังกล่ำว กำหนดให้
SMBA เปน็ เพียงผู้ออกนโยบำยและทิศทำงในกำรส่งเสริม SMEs และในระดับกำรดำเนินงำนส่งเสรมิ SMEs
ไดม้ อบหมำยหนำ้ ทีใ่ ห้กับหนว่ ยงำนท่เี ก่ยี วข้อง ทงั หน่วยงำนภำครัฐและภำคเอกชน เช่น กำรช่วยเหลือและ
ส่งเสริมทำงด้ำนกำรเงินจะอยู่ภำยใต้ควำมรับผิดชอบของ SBC เป็นต้น องค์กรเหล่ำนันมีควำมเช่ียวชำญ
และเขำ้ ใจบริบทในกำรดำเนินงำนส่งเสริม SMEs ไดต้ รงตำมเปำ้ หมำยมำกกวำ่
หำกมองภำพรวมแล้ว จะเห็นได้วำ่ SMBA เป็นเพียงผู้สนับสนุนงบประมำณในกำรดำเนินงำน
ด้ำนกำรส่งเสริมให้กับหน่วยงำนอื่นท่ีเกี่ยวข้องเท่ำนัน มิได้เป็นผู้ดำเนินกำรเอง ซึ่งเป็นกำรสร้ำง
สภำพแวดล้อมท่ีเอือต่อกำรส่งเสริมให้กับ SMEs กำรส่งเสริมด้ำนเงิน เกี่ยวโยงกับหน่วยงำนหลำยแห่ง
ไม่ว่ำจะเป็น SBC KOTEC หรือแม้แต่ SMBA เอง ดังนัน กำรมอบภำระงำนให้กับหน่วยงำนท่ีรับผิดชอบ
โดยตรงซึง่ เชีย่ วชำญมำกกว่ำจะทำให้ควำมชว่ ยเหลือเข้ำถงึ กลุม่ SMEs ได้ตรงจดุ กวำ่
อน่ึง ภำยใต้กรอบนโยบำยและทิศทำงในกำรส่งเสริม SMEs ของ SMBA สำมำรถแบ่งเป็น
๕ แนวทำงหลัก ไดแ้ ก่
๑) การสง่ เสริมกลมุ่ Start-ups
SMBA พยำยำมที่ผลักดันให้เกิดกลุม่ ธุรกิจใหม่ ๆ หรอื กลุ่มธรุ กิจ Start-ups ด้วยกำรเข้ำไป
สนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมกำรเรียนรู้ต่ำง ๆ เพ่ือสร้ำงแรงจูงใจให้กับกลุ่มเด็กนักเรียนและนักศึกษำ
อยำกประกอบธุรกิจ นอกจำกนี SMBA ยังได้สร้ำงสภำพแวดล้อมท่ีช่วยให้ควำมรู้แก่กลุ่มนักเรียน นักศึกษำ
- ๗๑ -
ตลอดจนบุ คคลทั่ วไปท่ี สนใจเริ่มต้นประกอบธุรกิจ ด้วยกำรสร้ำงศูนย์บ่ มเพำะและกำรเรียนรู้
ตำม สถำบันกำรศกึ ษำในแต่ละภมู ิภำค
๒) การสง่ เสริมกล่มุ ธุรกิจรว่ มทนุ (Venture Business)
SMBA ได้จดั ตงั กองทุน “Angel Fund” และ “Future Creation Fund” เพื่อสรำ้ งโอกำส
ให้กลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ ได้มีโอกำสเติบโตต่อไปได้ ด้วยกำรเข้ำไปร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจ start-ups ให้พัฒนำ
ต่อยอดแนวทำงกำรประกอบธุรกิจ ทังนี SMBA ได้ตังหน่วยงำน KONEX ขึนมำเพื่อให้ทำหน้ำที่ในกำร
บริหำรจัดกำรด้ำนกองทุนร่วมลงทุน รวมทังให้ควำมช่วยเหลือและส่งเสริมด้ำนเทคโนโลยี นวัตกรรม
ตลอดจนชว่ ยเหลือใหส้ ำมำรถเขำ้ ถงึ สทิ ธิประโยชนต์ ่ำง ๆ ทคี่ วรไดร้ ับ เช่น สิทธปิ ระโยชน์ดำ้ นภำษี เปน็ ตน้
๓) การสง่ เสรมิ กลมุ่ ธรุ กิจที่มีศกั ยภาพสงู (High Potential Enterprise)
SMBA พยำยำมส่งเสริมให้ SMEs เข้ำถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทังส่งเสริมให้ SMEs
ใช้เทคโนโลยีในกำรขับเคลื่อนธุรกิจให้สำมำรถแข่งขันได้ในระยะยำว เพื่อลดควำมช่วยเหลือด้ำนกำรเงิน
ด้ำนภำษี รวมถึงกำลังคน และให้ SMEs เหล่ำนันสำมำรถเติบโตได้อย่ำงย่ังยืน SMBA ยังได้พยำยำม
ปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบต่ำง ๆ ท่ีเป็นอุปสรรคต่อกำรดำเนินธุรกิจให้กับกลุ่ม SMEs เพื่อให้เอือต่อ
กำรประกอบธุรกิจและสำมำรถเตบิ โตไปองค์กรที่มศี กั ยภำพสงู ได้
๔) การสง่ เสริมกล่มุ ธุรกจิ สง่ ออก
SMBA วำงกรอบเพื่อสนั บสนุน และส่งเสริมให้ SMEs ส่งออกสินค้ำและบริกำร
ไปต่ำงประเทศมำกขึน ทังสนับสนุนให้ SMEs ไปออกงำนนิทรรศกำรและงำนจัดแสดงสินค้ำ รวมทัง
ทำหน้ำท่ีเป็นท่ีปรึกษำให้องค์กรภำคเอกชนด้ำนต่ำง ๆ เพื่อสรำ้ งโอกำสในกำรส่งออก ตลอดจนจัดตังศูนย์
ให้บริกำรในระดับภูมิภำคเพ่ือให้บริกำรแก่กลุ่ม SMEs ให้สำมำรถเข้ำถึงควำมช่วยเหลือและกำรส่งเสริม
ต่ำง ๆ ได้ง่ำยขนึ
๕) การสร้างสภาพแวดล้อมใหเ้ ออ้ื ตอ่ การทาธุรกจิ (Business Environment)
SMBA พยำยำมสร้ำงสภำพแวดล้อมเพื่อจูงใจให้แก่ผู้ประกอบกำร SMEs ในกำรพัฒนำ
ขีดควำมสำมำรถในกำรแข่งขัน ทังกำรจัดหำเงินทุน กำรจัดทำโครงกำรพัฒนำศักยภำพด้ำนต่ำง ๆ
กำรสง่ เสริมกำรเข้ำถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม กำรสง่ เสริมด้ำนกำรตลำด ตลอดจนสิทธิประโยชน์ต่ำง ๆ
ท่ี SMEs จะได้รับภำรกิจหลักอย่ำงหนึ่งท่ี SMEA ได้รับมอบหมำย คือ กำรสนับสนุนกฎหมำยท่ีมีควำม
เป็นธรรมต่อ SMEs เพื่อป้องกันกำรถูกเอำเปรียบและทำให้ SMEs สำมำรถเติบโตได้ โดยในกำร
ร่ำงกฎหมำยเหล่ำนันจะต้องมีกำรสำรวจและวิจัยปัญหำของ SMEs เพ่ือวิเครำะห์สภำพแวดล้อมในกำร
ทำธรุ กิจของ SMEs และนำเสนอนโยบำยทต่ี อบสนองต่อควำมตอ้ งกำรอย่ำงแท้จรงิ
นอกจำกนี SMEA ยังมภี ำรกิจในกำรดำเนินงำนเร่อื งอ่ืน ๆ ทีเ่ ก่ียวข้อง อำทิ กำรสนับสนุน
กำรใช้งำนเทคโนโลยีสำรสนเทศ (Information technology) กำรส่งเสริมนวัตกรรม กำรจัดตังศูนย์
บ่มเพำะธุรกิจ ศูนย์ One-stop service center เพ่ือกำรแก้ปัญหำทำงด้ำนเงินทุนของ SMEs กำรให้
สนิ เช่ือแก่ SMEs และกำรบรหิ ำรกองทุนคำประกันสินเช่อื สำหรับ SMEs อีกด้วย
รัฐบำลไต้หวันได้จัดตังกองทุนคำประกันสินเช่ือแก่ SMEs ขึนในปีพ.ศ. ๒๕๑๗ ซึ่งเป็น
สถำบันคำประกันสินเชื่อแห่งแรกท่ชี ่วยคำประกนั สินเชอื่ ของ SMEs เม่อื กู้ยืมจำกธนำคำรพำณิชย์ เดิมทีถูก
จดั ตังเป็นองค์กรไม่แสวงหำกำไรภำยใต้กำรกำกับดูแลของกระทรวงกำรคลัง อย่ำงไรก็ดี กองทุนดังกล่ำว
- ๗๒ -
ได้ถูกถ่ำยโอนมำยังกระทรวงเศรษฐกิจ (MOEA) ในปีพ.ศ. ๒๕๔๖ โดยใช้รำยได้จำกกำรคำประกัน
และงบประมำณสนับสนนุ จำกรัฐบำลสว่ นกลำงและรฐั บำลทอ้ งถนิ่ ในกำรดำเนนิ งำนเปน็ หลัก
กองทุนจะทำหน้ำที่คำประกันกำรกู้ยืมให้แก่ SMEs ท่ีมีโครงสร้ำงทำงกำรเงินไม่แข็งแรง
และขำดแคลนสินทรัพยค์ ำประกนั ซึ่งระบบกำรคำประกันสนิ เชื่อนีจะช่วยลดควำมเส่ียงของสถำบนั กำรเงิน
ในกำรปล่อยสินเชื่อให้กับ SMEs และทำให้สถำบันกำรเงินขยำยสินเช่ือให้แก่ SMEs มำกขึน กองทุน
จะคำประกันสินเชอ่ื ให้ SMEs ผำ่ นระบบธนำคำรพำณิชย์ โดยมลี กั ษณะคลำ้ ยบรรษัทคำประกันสินเชือ่ เพื่อ
รำยย่อย (บสย.) ของประเทศไทย เนื่องจำกให้สถำบันกำรเงินเป็นผู้ที่คอยตรวจสอบสินเช่ือ ปล่อยสินเชื่อ
และติดตำมสินเชื่อ โดยมีกองทุนเป็นผู้คำประกันทังนี SMEA ได้ดำเนินกำรเป็นศูนย์กลำงในกำรให้
ควำมช่วยเหลือทำงดำ้ นกำรเงนิ เน่ืองจำกมีกำรจัดตัง SME Instant Solution Service Center ซง่ึ เปน็ ศูนย์
One-stop Service Centerทำงด้ำนกำรเงนิ แก่ SMEs
ประเทศสิงคโปร์
สิงคโปร์ มีเป้ำหมำยสำคัญในกำรสร้ำงควำมสำมำรถทำงกำรแข่งขันให้กับประเทศ
มำอย่ำงยำวนำน โดยเฉพำะเป้ำหมำยในกำรเป็นต้นแบบทำง SMEs ที่มีศักยภำพสูงแต่ควำมสำมำรถเชิง
กำรแข่งขันของ SMEs นัน ไม่ใช่แค่เงิน ไม่ใช่แค่กำรสร้ำงทักษะ เพรำะน่ันคือเร่ืองจำเป็นพืนฐำนอยู่แล้ว
และทุกประเทศดำเนินกำรกันอยู่ แต่ถ้ำ SMEs จะไปแข่งกับโลกได้ต้องมี ๓ สิ่งคือ IT, Innovation
และ Research
กำรส่งเสริม SMEs มำจำกนโยบำยท่ีสนับสนุนกำรลงทุนจำกต่ำงชำติ กำรประกอบธุรกิจ
ของผู้เข้ำมำอำศัยในดินแดน และพลเมืองสิงคโปร์ ดังนัน รัฐบำลสิงคโปร์จึงมุ่งส่งเสริมพัฒนำ SMEs
ไปสู่ธุรกิจขนำดใหญ่อย่ำงม่ันคงและยั่งยืน สิงคโปร์ไม่มีกำรบัญญัติกฎหมำยที่นำมำปรับใช้เฉพำะ
ในกำรสง่ เสริม SMEs จึงไม่มีกำรให้คำจำกัดควำมอย่ำงเป็นทำงกำรโดยกฎหมำยของ SMES ส่วนคำนิยำม
ของ SMEs ท่ีคณะกรรมกำรกำรสร้ำงมำตรฐำนกำรเพิ่มผลผลิตและกำรสร้ำงนวัตกรรม หรือ Standard,
Productivity And Innovation Board (SPRING) ซึ่งเป็นผู้มีหน้ำท่ีส่งเสริม SMEs โดยตรงนำมำใช้นี
ไม่ได้เป็นคำนยิ ำมอย่ำงเป็นทำงกำรของ SMEs แต่เป็นกำรกำหนดหลกั เกณฑ์เบอื งตน้ ระบุถึงผู้ประกอบกำร
ที่สำมำรถขอรับกำรช่วยเหลือตำมแผนงำนสนับสนุน SMEs ที่คณะกรรมกำร SPRING จัดทำขึนเท่ำนัน
กฎหมำยให้อิสระแกอ่ งค์กร SPRING กำหนดรูปแบบและวิธีกำรตำมอำนำจอย่ำงครบวงจรและกว้ำงขวำง
รวมถงึ ไม่ไดจ้ ำกดั ใหส้ มำชกิ ของคณะกรรมกำร SPRING ต้องเป็นสมำชกิ โดยตำแหน่ง ดังนัน กรรมกำรมำได้
จำกทังภำคเอกชนและภำครัฐเช่นเดียวกับไทยก็มีกรรมกำรส่งเสริม SMEs และกรรมกำรบริหำร สสว.
มำจำกทังภำครัฐและเอกชนแตไ่ ทยจะระบตุ ำแหนง่ กรรมกำรจำกภำครฐั ไว้ด้วย
อย่ำงไรกต็ ำมรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคำ้ และอุตสำหกรรมของสงิ คโปร์มีบทบำทสำคัญ
ในกำรจัดตังและควบคุมกำรทำงำนของคณะกรรมกำร SPRING โดยกฎหมำยให้อำนำจรัฐมนตรีเป็นผู้
แตง่ ตงั และถอดถอนคณะกรรมกำรทงั คณะ (ยกเว้นผอู้ ำนวยกำรฝำ่ ยบรหิ ำร)
SPRING เป็นผู้ทำหน้ำที่หลำยๆด้ำนในแนวเดียวกัน จึงลดกำรจัดตังหน่วยงำนรฐั อ่ืนขึนมำ
ลดกำรทำงำนท่ีซำซ้อนกันลดกำรขำดเอกภำพ ทำให้กำรจัดสรรงบประมำณในกำรจัดตังหน่วยงำน
มคี วำมเหมำะสม ซงึ่ เห็นไดว้ ่ำแตกต่ำงจำกกำรกระจำยงบประมำณส่งเสริม SMEs ไปตำมหน่วยงำนภำครัฐ
ของไทย อย่ำงไรก็ตำมกำรจดั สรรงบประมำณให้แก่ SPRING จะกำหนดเป็นนโยบำยประจำปีงบประมำณ
- ๗๓ -
จึงเป็นตัวกำหนดนโยบำย ซึ่งแตกต่ำงจำกไทยที่ยืดหยุ่นให้คณะกรรมกำรส่งเสริม SMEs เป็นผู้กำหนด
นโยบำยในกำรให้กำรสนบั สนนุ SMEs โดยไม่ผูกติดกบั กำรจัดสรรงบประมำณดังเช่นสงิ คโปร์
คณะกรรมกำรมำตรฐำนผลิตภำพและนวัตกรรมแห่งประเทศสิงคโปร์ หรือ SPRING
(“Standards, Productivity and Innovation Board of Singapore”) เป็นองค์กรหลักซึ่งถูกจัดตังเพ่ือ
ส่งเสริมศักยภำพและขีดควำมสำมำรถในกำรแข่งขันของเหล่ำธุรกิจเพ่ือควำมรุ่งเรืองท ำงเศรษฐกิจของ
สงิ คโปร์ โดยให้ควำมช่วยเหลือกับผู้ประกอบกำร SMEs ในหลำยด้ำน ตังแต่สนับสนุนกำรวิจัยนวัตกรรม
ใหม่ๆ กำรประสำนงำนเพ่อื ควำมสะดวกทำงกำรค้ำระหว่ำงประเทศ กำกบั ดูแลสินค้ำและบริกำรให้เป็นไป
ตำมมำตรฐำนสำกล และเป็นไปตำมหลักกำรรักษำสิ่งแวดล้อม ตลอดจนอำนวยควำมสะดวกและใหค้ วำม
ชว่ ยเหลือดำ้ นกำรเงนิ เช่น โครงกำร Local Enterprise Financial Scheme ของ SPRING ผู้ประกอบกำร
SMEs สำมำรถขอสินเช่ือจำกธนำคำรโดยให้วงเงินเครดิต ในอัตรำสูงสุดถึงร้อยละ ๘๐ หรือในรูปแบบ
ของกำรมอบคูปอง Voucher มูลค่ำใบละ ๕,๐๐๐ เหรียญสิงคโปร์ ให้แก่ผู้ประกอบกำรเพื่อเป็นเงินทุน
สนับสนุนกำรปรบั ปรงุ เทคโนโลยแี ละคิดค้นนวตั กรรมใหมๆ่ ตอ่ ไป
๒.๕.๑ สรุปบทเรียนการสง่ เสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มของต่างประเทศ
กำรศึกษำโครงสร้ำงองค์กรส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อมในหลำย
ประเทศ พบว่ำ ทุกประเทศจะมีหน่วยงำนหลักท่ีดูแลนโยบำยกำรส่งเสริม SMEs ในภำพรวม หน่วยงำน
ดงั กลำ่ วจะมีภำรกิจในกำรจัดทำแผนกำรพัฒนำ SMEs ของประเทศรวมทังประสำนงำนระหว่ำงหน่วยงำน
ต่ำง ๆ ท่ีมีกิจกรรมในกำรส่งเสริม SMEs หน่วยงำนหลักที่ดูแลกำรส่งเสริม SMEs มีรูปแบบที่หลำกหลำย
สว่ นมำกจะเปน็ หน่วยงำนท่อี ยู่ภำยใตก้ ระทรวงท่ีเกย่ี วข้องกบั กำรคำ้ และอุตสำหกรรมเชน่ ไต้หวัน มำเลเซีย
เกำหลีใต้ เป็นต้น ประสบกำรณ์ต่ำงประเทศยังแสดงให้เห็นว่ำหน่วยงำนท่ีให้กำรช่วยเหลือ SMEs นัน
มีอยู่หลำยหน่วยงำนเช่นเดียวกับประเทศไทย อย่ำงไรก็ตำม ในต่ำงประเทศมักมีกำรแบ่งหน้ำท่ี
กำรดำเนินงำนที่ชัดเจนโดยมีหน่วยงำนกลำงท่ีทำหน้ำท่ีวำงแผน กระจำยงำนและงบประมำณ
ไปสู่หน่วยงำนอื่นทใี่ ห้ควำมชว่ ยเหลอื ในระดับปฏิบัติกำร โดยมีควำมเชอ่ื มโยงกับหนว่ ยภำครัฐในส่วนกลำง
หน่วยงำนรฐั บำลส่วนทอ้ งถน่ิ และหน่วยงำนเอกชน เชน่ มหำวิทยำลัย อยำ่ งเข็มแข็ง
ถึงแม้ประเทศไทยจะมี Model และหนว่ ยงำนส่งเสริมพฒั นำ SMEs เหมือนหลำย ๆ
ประเทศ แต่กเ็ หมือนแคโ่ ครงสรำ้ งแตว่ ิธีกำรปฏิบตั ิต่ำงกนั ดังนี
๑) มีกฎหมายและหน่วยงานนโยบายหลัก เช่น สสว. แต่ไม่สามารถบูรณาการ
หนว่ ยงานต่างๆมาร่วมดาเนินการได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ เนอื่ งจำก
(๑) กระทรวงสำคัญทีเ่ กีย่ วขอ้ งไม่ไดข้ นึ ตรงกบั สสว.
(๒) สดั สว่ นงบบูรณำกำรน้อยมำกเม่อื เปรยี บเทยี บกบั งบประมำณดำ้ น SMEs
ผำ่ นกระทรวงต่ำง ๆ
(๓) สสว.เป็นผู้ลงมือดำเนินกำรปฏิบัติเสียเองแทนจะเป็นหน่วยงำนจัดสรร
งบประมำณ เกิดกำรซำซ้อนและแข่งขันกันเองจำกหน่วยร่วมดำเนินกำร
ขำดควำมเช่อื ถือและไวใ้ จ
- ๗๔ -
(๔) ยังไม่มีกำรจัดทำแผนส่งเสริม SMEs รำยกลุ่มจังหวัด รำยจังหวัด รำยสำขำ
เน่ื องจำกข้อจำกัดและควำมพร้อมของจังหวัด ยังไม่เพียงพอ สสว.
ไม่มีหน่วยงำนระดับพืนท่ี หรือจังหวัดท่ีเข้มแข็งพอ ทำให้แผนส่วนใหญ่เป็น
แบบ Top Down ไม่มี Bottom Up กำรบรู ณำกำรแผนงำนโครงกำรเป็นแบบ
รวมโครงกำรรำยหน่วยงำนมำกกว่ำกำรมีส่วนร่วมในกำรออกแบบโครงกำร
และดำเนินกำรรว่ มหลำยหน่วยงำน โครงกำรท่ีจดั ลงไปในพืนทไี่ มต่ รงกบั ควำม
ต้องกำรของพืนท่ี ขำดกำรมสี ่วนรว่ มของพืนที่
๒) มีเครื่องมือทางการเงินเหมือนกับหลายประเทศทั้ง สถาบันการเงินเฉพาะกิจ
กองทนุ และมาตรการทางการเงินตา่ ง ๆ แต่ SMEs ส่วนใหญ่ยงั เขา้ ไมถ่ งึ แหลง่ ทนุ เนอื่ งจำก
(๑) กำรใชม้ ำตรกำรทำงกำรเงินผำ่ นสถำบันกำรเงนิ ภำคเอกชนเพื่อให้ปล่อยสินเชื่อ
อตั รำดอกเบียต่ำ ไม่ได้แก้ปัญหำด้ำนควำมเส่ียงในกำรชำระหนีคืนของ SMEs
เนื่องจำกไม่มีข้อมูลเพียงพอ หรือข้อมูลไม่น่ำเช่ือถือในกำรเสนอแผนธุรกิจ
ต่อสถำบันกำรเงนิ โดยเฉพำะช่วงเกิดวกิ ฤตเศรษฐกิจและโรคระบำดในปัจจุบัน
ถึงแม้มี บสย. หรือภำครัฐรับควำมเสี่ยงแทนในสัดส่วนท่ีสูงขึนแต่ยังมีส่วนท่ี
สถำบนั กำรเงนิ ยังตอ้ งรบั ควำมเส่ยี งอยู่
(๒) กำรใช้สถำบันกำรเงินเฉพำะกิจปล่อยสินเช่ือผ่ำน Soft Loan ท่ีมีกำรกำกับ
จำก ธปท. ท่ีคล้ำยคลึงกับสถำบันกำรเงินเอกชนท่ัวไป ประกอบกับระบบ IT
และกระบวนกำรอนุมัตสิ ินเชอ่ื ยังไมม่ ีประสทิ ธิภำพทำให้เม็ดเงินผ่ำนชอ่ งทำงนี
ยังไม่สำมำรถสนองตอบนโยบำยรัฐในกำรส่งเสริมสนับสนุน SMEs ทังใน
ชว่ งปกตแิ ละชว่ งวิกฤตได้
(๓) กำรมีกองทุน แต่รัฐยังคำดหวังว่ำกองทุนท่ีดำเนินกำรกับกลุ่มเสี่ยงกว่ำปกติ
จะต้องไม่เสียหำย และติดตำมเอำผิดกับหน่วยงำน ผู้บริหำรกองทุน
และเจ้ำหน้ำท่ีทังภำพรวมและเป็นเคสๆไป ทำให้สะท้อนออกมำด้วย
ควำมเข้มงวดในกำรอนุมัติสินเช่ือและร่วมลงทุนเหมือนภำคเอกชน กำร
ดำเนนิ กำรเปน็ ไปอย่ำงล่ำช้ำ และเขำ้ ถึงยำก
(๓) SMEs ไทยไม่ยอมเข้ำระบบ ขำดกำรกำกับดูแลท่ีทั่วถึงและยุติธรรม ไม่มี
แรงจูงใจในกำรเข้ำระบบ ทำให้ข้อมูลด้ำนงบกำรเงินของกิจกำรขำดควำม
นำ่ เชื่อถอื และไดร้ บั กำรปฏิเสธจำกสถำบันกำรเงิน
๓) มีหนว่ ยงานส่งเสริมสนับสนุน SMEs มากมายแต่ไม่มปี ระสิทธภิ าพ เนือ่ งจำก
(๑) นโยบำย Outsourcing งำนบริกำรต่ำง ๆ ทำให้หน่วยงำนภำครัฐขำด
Competency ท่ีจะให้คำปรึกษำแนะนำโดยตรงต่อ SMEs เหมือนทเ่ี คยทำมำ
ได้ในอดดีต กำรให้บริกำรต้องรองบประมำณมำจัดจ้ำงและดำเนินกำรตำม
ระยะเวลำและเป้ำหมำยซึ่งกำหนดไวจ้ ำกัดในแต่ละโครงกำร SMEs ไม่สำมำรถ
Walk In มำขอรับบรกิ ำรจำกหนว่ ยงำนภำครัฐเมอ่ื มปี ัญหำได้ทันที
- ๗๕ -
(๒) ระบบงบประมำณไม่เปิดโอกำสให้ภำคเอกชนที่ไม่แสวงหำผลกำไรที่มีควำม
เช่ี ยวชำญ เก่ี ยวกั บ SMEs เข้ ำมำรับ เป็ น Agent รั บมอบห มำย งำน
และงบประมำณประจำไปทำเลย ต้องรองบประมำณจัดจ้ำงเป็นรำยโครงกำร
ผ่ำนสว่ นรำชกำรต่ำงๆ ขำดควำมตอ่ เน่อื งในกำรใหบ้ ริกำร
(๓) ปริมำณและคุณภำพของที่ปรึกษำยังเป็นข้อจำกัด กำรออกแบบโครงกำร
เน้นวัดผลกำรจัดกิจกรรมมำกกวำ่ ผลสัมฤทธิ์ และกำรมี Standard Unit Cost
ทตี่ ำยตัวและต่ำ ทำใหท้ ี่ปรึกษำคณุ ภำพทมี่ ีจำกัดไมส่ ำมำรถเข้ำมำให้บรกิ ำรได้
กำรจัดจำ้ งเนน้ ทีมงำนท่สี รู้ ำคำโดยลดคุณภาพลงเปน็ หลัก
บทที่ ๓
การวิเคราะหส์ ภาพปญั หาในการเข้าถึงแหล่งเงนิ ทุนของผู้ประกอบการวิสาหกิจ
ขนาดกลางและขนาดย่อม
จากสถิตขิ ้อมลู และข้อเทจ็ จริงขา้ งต้นแสดงให้เห็นว่า วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (SMEs)
เป็นวิสาหกิจที่มีจานวนมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจานวนประมาณร้อยละ ๙๐ ของจานวนวิสาหกิจ
ท้ังประเทศ หากแต่ปัจจบุ ันกลุ่มวิสาหกจิ เหลา่ นี้กลับพบปัญหาและอุปสรรคตา่ ง ๆ โดยสว่ นใหญ่เป็นปัญหา
จากการที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้เท่าที่ควร ซ่ึงจา กการให้ข้อมูล
ของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง พบว่า ไม่สามารถแยกการวิเคราะห์การเข้าถึงแหล่งทุนของ SMEs ออกจาก
การเข้าถึงมาตรการท่ีไม่ใช่การเงิน เพราะมาตรการที่ไม่ใช่การเงินจะช่วยเปลี่ยน SMEs จากการเป็น
Un-Bankable เปน็ Bankable ได้
อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการ สามารถสรุปปัญหาและอุปสรรค
ในการเขา้ ถึงแหลง่ เงินทนุ ของ SMEs ไทย ออกเป็น ๓ ดา้ น ประกอบดว้ ย
๑) ปัญหาขอ้ จากัดดา้ นนโยบายและมาตรการดา้ นการเงนิ ของรัฐ
๒) ปัญหาข้อจากัดของผ้ปู ระกอบการ SMEs ท่สี ่งผลตอ่ การเข้าถึงแหล่งเงนิ ทุน
๓) ปญั หาด้านโครงสรา้ งการส่งเสริมและสนับสนุน SMEsของประเทศไทย
๓.๑ ปัญหาข้อจากดั ดา้ นนโยบายและมาตรการดา้ นการเงนิ ของรัฐ
๓.๑.๑ นโยบายและมาตรการทางการเงินหวังผลแบบภาพรวมเน้นปริมาณมากกว่า
คุณภาพ และไมต่ อ่ เนอื่ ง
Package สินเชื่อพิเศษ หรือ Policy Loan และมาตรการทางการเงินต่าง ๆ
มักจะออกมาในช่วงที่เกิดปัญหากับระบบเศรษฐกิจ หรือปัญหาบาง Sector เป็นมาตรการเร่งด่วน
และเน้นการประชาสัมพันธ์ในรูปจานวนวงเงินสินเช่ือ/ร่วมลงทุนสูง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐได้ดูแล
ปัญหาเหล่าน้ัน แต่เพ่ือให้สถาบันการเงินปล่อยสินเช่ือได้ตามเป้าหมายที่กาหนดก็มักมีการขยายขอบเขต
คุณสมบัติ SMEs ทอี่ ย่ใู นขา่ ยขอรบั บริการใหค้ รอบคลมุ SMEs หลายกลมุ่ ท่มี ีปญั หาแตกตา่ งกนั
อย่างไรก็ตาม ผลท่ีตามมา คือ กลุ่มที่มีความเส่ียงต่า แข็งแรง และเป็นลูกค้าท่ีดี
ของสถาบนั การเงินอยู่แล้วเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเข้าถงึ สนิ เชื่อมากกว่ากลุ่มที่มปี ัญหาอยู่ และตามมาดว้ ยปญั หา
การร้องเรียนว่า วงเงินไม่เพียงพอ หรือกลุ่มบางกลุ่มเข้าไม่ถึงสินเชื่อ ซ่ึงหากมีการเปลี่ยนมาตรการ
ทางการเงินจากการต้ังรับเป็นเชิงรุก โดยทาการสารวจความต้องการ แยกกลุ่มเป้าหมาย กาหนดขอบเขต
ผู้อยู่ในข่ายบริการให้ชัดเจน มีเกณฑ์พิจารณาสินเช่ือและการผ่อนปรนด้านหลกั ประกันและอัตราดอกเบี้ย
ที่เหมาะสมกับความเส่ียงของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจน กาหนดเป้าหมายวงเงินสินเชื่อ
รวมแตล่ ะ Package ทส่ี อดคลอ้ งกับความตอ้ งการ โดยมใิ ช่ One Fit All
ทั้งน้ี แม้ในแต่ละ Package วงเงินสินเชื่อรวมจะไม่สูงมากเพื่อใช้ประโยชน์ในการ
ประชาสัมพันธ์ แต่เมื่อรวมทุก Package แล้ว วงเงินสินเชื่อรวมจะสูงเช่นกัน ทาให้ภาครัฐสามารถใช้
งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนดูแล SMEs ได้หลายกลุ่มสง่ ผลต่อการลดปัญหาการร้องเรียน
เร่ืองเข้าไม่ถึงแหล่งทุนลงไปได้ นอกจากน้ี Package สินเชื่อที่มักจะออกแบบเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหา
- ๗๘ -
เฉพาะหน้ามักจะมีระยะเวลารับคาขอก้ทู ี่จากดั ทาให้ SMEs รายย่อยทม่ี ีความไม่พร้อมด้านข้อมูล หรือต้อง
ไปดาเนินการต่าง ๆ กอ่ นเพื่อใหเ้ ข้าเงื่อนไขการอนุมัติสินเชอื่ ไม่มีเวลาพอในการยน่ื คาขอสินเช่ือ เปิดโอกาส
ให้ SMEs ที่แข็งแรง และมีความพรอ้ มอยแู่ ลว้ ใช้ประโยชน์ดา้ นการผ่อนปรนตา่ ง ๆ
๓.๑.๒ นโยบายและมาตรการดี แตล่ ม้ เหลวจากการปฏบิ ัติแบบ Safety First
การสนับสนุนเงินทุนแก่ SMEs ถึงแม้จะมี Package ออกมาหลายโครงการ
และมักจะประกาศว่ามีหลักเกณฑ์การพิจารณาผ่อนปรนกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป แต่ในกระบวนการ
ขออนมุ ัติหลกั การต่อคณะรฐั มนตรี ข้าราชการที่เก่ยี วข้องท่ีเจตนาดไี ม่อยากใหเ้ กิดความเสียหายจากการใช้
งบประมาณของรัฐ ทั้งที่เจตนารมณ์ในการออก Package นั้น ควรต้องผ่อนปรนกว่าปกติเพื่อช่วย
กลุ่มเป้าหมายเฉพาะอยู่แล้ว ท้ังนี้ มักจะมกี ารเพ่ิมเติมถ้อยคาท่ีเป็นอุปสรรคในการออกหลักเกณฑ์สินเช่ือ
ในรายละเอียดหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติ ตลอดจนมักมีการตั้งคณะกรรมการหรือใช้คณะกรรมการ
ของสถาบันการเงินขึ้นบริหารกองทุน หรือ Package นั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะมีผู้แทนส่วนราชการที่เก่ียวข้อง
มาร่วมเป็นกรรมการและนาเอาแนวทางหลักเกณฑ์การปฏิบัติของหน่วยงานตนเองมาเป็นกรอบในการ
พิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติของ Package สินเช่ือนั้นอีก และหากคณะกรรมการนั้นมีผู้ทรงคุณวุฒิ
ที่เชี่ยวชาญด้านวิชาการ หรือเคยมีประสบการณ์บริหารธนาคารพาณิชย์ หรือมาจากหน่วยงานกากับ
ตรวจสอบ ซ่ึงมักจะเน้นการบริหารความเสี่ยงมากกว่าเจตนารมณ์ของ Policy Loan น้ัน ก็จะทาให้
หลักเกณฑ์สินเชื่อนน้ั ไม่แตกต่างจากธนาคารพาณิชยท์ ่วั ไป
เม่ือหลักเกณฑ์สินเช่ือถูกประกาศออกไป สถาบันการเงินโดยทีมงานการตลาด
และสินเชื่อจะเป็นผู้ปฏิบัติโดยถูกกากับด้วยหลักเกณฑ์ของกองทุนหรือ Package สินเช่ือนั้น ๆ บวกกับ
Credit Policy ของสถาบันการเงินน้ัน ๆ นอกจากน้ี ยังต้องปฏิบัติตามประกาศต่าง ๆ ของธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) อีกด้วย และท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ท่ีมีหน้าที่ในการทา Credit Analysis
และผู้มีอานาจอนุมัติท้ังหมด ก็จะพิจารณาถึงความปลอดภัยของตนเองท่ีมิให้มีการผิดกฎระเบียบท่ีมีอยู่
มากมาย ไม่ต้องการถูกลงโทษตักเตือน ระงับการขน้ึ เงินเดือน ตัดเงินเดือน ถูกแขวน ตลอดจนเสียโอกาส
ในการข้ึนตาแหน่งที่สูงกว่า โดยเฉพาะปัจจุบัน ธปท. มีอานาจในการให้ความเห็นชอบการดารงตาแหน่ง
ของผูบ้ รหิ ารสถาบนั การเงนิ เฉพาะกิจด้วย
ประกอบกับวัฒ นธรรมของรัฐวิสาหกิจกับธนาคารพ าณิ ชย์แตกต่างกัน
ชว่ งการพิจารณาขึ้นตาแหน่งมกั จะมีการนาเร่ืองในอดีตของคู่แข่งขันเสนอไปยัง ธปท. ท้ังท่ีเป็นความจริง
และไม่เป็นความจริง ทาให้ผู้บริหารจากสายสินเช่ือมีความเสี่ยงมากกว่าปกติในการข้ึนดารงตาแหน่ง
ระดับสูงในสถาบันการเงินเฉพาะกิจและระมัดระวังตนเองมากกว่าท่ีจะมุ่งเน้นดาเนินการตามเจตนารมย์
ทอ่ี อกกองทุนหรอื Package น้ันมา ทาให้ยังคงเลือกทีจ่ ะอนมุ ัติสนิ เชอื่ ให้กับลูกค้าเก่าประวตั ิดี และ SMEs
รายใหม่ท่ีเข้าระบบ มีงบการเงิน และเอกสารหลักฐานแสดงรายได้ที่น่าเชื่อถือมากกว่า SMEs ที่มีปัญหา
ทาให้การใชเ้ งนิ กองทุนไม่ตรงกลุม่ เป้าหมาย การใชเ้ งินกู้ผดิ วัตถุประสงค์ หรือ การอนุมัตสิ นิ เช่ือไม่ครบถว้ น
ตามวงเงินสนิ เชอื่ ที่ต้ังไว้ และมีการรอ้ งเรียนเร่ืองการเข้าไม่ถึงเงินทุนของ SMEs ต่อไป ดังน้ัน การนาเรื่อง
Policy Loan เข้าขออนุติต่อคณะรัฐมนตรีควรทาในรายละเอียด และระบุหลักเกณฑ์ที่ต้องผ่อนปรน
ที่ยกเว้นแนวทางปฏิบัติของ ธปท. หรือ สถาบันการเงิน ไว้ให้ชัดเจน หากต้องการแก้ปัญหาของ SMEs
ท่ตี รงกลมุ่ เป้าหมายจริง มใิ ชเ่ พยี งเพอื่ ประชาสัมพนั ธ์ตวั เลขวงเงนิ ความช่วยเหลือ
- ๗๙ -
๓.๒ ปัญหาขอ้ จากดั ของผู้ประกอบการ SMEs ทีส่ ง่ ผลตอ่ การเข้าถงึ แหล่งเงนิ ทนุ
๓.๒.๑ SMEs ขาดความรู้ในการดาเนนิ ธรุ กิจ และไมม่ ีการพฒั นาตนเองอย่างต่อเนอ่ื ง
เน่ืองจากสถานการณ์ธุรกจิ ปจั จุบนั จะต้องมีการเปลีย่ นแปลงลกั ษณะการประกอบธุรกิจ
และปรับปรุงกระบวนการดาเนินงานอยตู่ ลอดเวลา ซ่ึงพบว่า ผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบความสาเร็จส่วนใหญ่
คือ กลุ่มที่มีการพัฒนาตนเองอยเู่ สมอ มีความคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์ มีการนาเทคโนโลยีและการคิดค้นเพ่ือสร้างสรรค์
นวตั กรรมใหม่ ๆ หากแต่ SMEs ท่ีมีปัญหาจะเป็นผู้ท่ีขาดความรู้เกี่ยวกับการจัดทาแผนธุรกิจหรือแผนการ
ตลาด ไม่สามารถให้รายละเอียดของข้อมูลแหล่งที่มาของรายได้หรอื แหล่งที่มาของส่วนทุนได้อย่างชัดเจน
การปิดบังข้อมูลหรอื ให้ขอ้ มลู ไม่ครบถว้ น ทาใหส้ ถาบันการเงินไม่ม่ันในในเรื่อง Ability to Pay ของ SMEs
รัฐจึงต้องเช่ือมโยงมาตรการที่มิใช่การเงินเข้ากับมาตรการทางการเงินเพ่ือเพ่ิมโอกาสการเข้าถึง แหล่งทุน
ของ SMEs ให้มากข้ึน ซ่ึงที่ผ่านมานั้น หน่วยงานพัฒนา SMEsมีหลายหน่วยงานและการเช่ือมโยง
ในการพัฒนาใหก้ บั SMEsยงั มีน้อย
๓.๒.๒ SMEs ไมจ่ ัดทาบัญชีที่เปน็ ระบบและถกู ตอ้ ง
SMEs ส่วนใหญ่ ยังขาด Financial Literacy และ Digital Literacy ส่งผลให้
ไม่มปี ระวตั ิทางการเงนิ กับธนาคารมากอ่ น หรอื สามารถตรวจสอบขอ้ มลู Online ได้ ท้ังในส่วนของประวัติ
การฝากเงิน ประวัติการก้เู งิน และไมม่ ีความรู้ความเขา้ ใจท่ีถกู ต้องเกี่ยวกับการจัดทาบญั ชี และการบริหาร
ภาษี ประกอบกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจหรือวงจรธุรกิจที่ไม่ถกู ต้องทั้งกระบวนการทสี่ ่งผลให้ผู้ประกอบ
ธรุ กิจ SMEs ไม่สามารถแสดงบญั ชขี องกิจการทแ่ี ท้จรงิ หรอื ข้อมูลทางบัญชีที่นา่ เชอื่ ถอื ได้ ทาให้มีการจัดทา
บัญชีหลายเล่ม เช่น เม่ือยื่นภาษี SMEs จะใช้บัญชีที่มีผลประกอบการขาดทุนหรือกาไรสุทธิน้อย
เพื่อให้ชาระภาษีต่า ในขณะท่ีเมื่อยื่นขอสินเช่ือจากธนาคารจะใช้บัญชีที่มีผลประกอบการดีเพอ่ื ให้มีโอกาส
ในการไดร้ ับสินเช่ือ สง่ ผลใหธ้ นาคารขาดขอ้ มูลทีน่ ่าเชือ่ ถือมาใชใ้ นการพิจารณาสนิ เชื่ออย่างเพียงพอ
๓.๒.๓ SMEs ขาดหลักทรัพย์คาประกันหรือมีหลักทรัพย์คาประกันไม่เพียงพอต่อ
วงเงนิ สินเชอ่ื
โดยสาเหตุส่วนหน่ึงมาจากการบริหารหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นระบบ ไม่สามารถแยก
หลักทรัพย์ส่วนตัวและหลักทรัพย์ธุรกิจได้ หรือใช้หลักทรัพย์ไปกับสินเช่ืออื่นแลว้ จนเตม็ จานวน นอกจากน้ี
หลักทรัพย์ที่ธนาคารส่วนใหญ่ยอมรับยังคงเป็นหลักทรัพย์ท่ีจับต้องได้ แม้จะมีกฎหมายหลักประกันทาง
ธรุ กจิ แลว้ กต็ าม
๓.๒.๔ SMEs ขาดความเข้าใจในการเข้าถงึ แหลง่ ทนุ อ่ืน ๆ ท่มี ีในระบบ
สินเช่ือจากธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินต่าง ๆ ไม่ใช่แหล่งเงินทุนเดียว
สาหรับวสิ าหกิจท่จี ะสามารถหาทุนได้ ปัจจุบันยังมีแหล่งทนุ อ่ืน ๆ ทเ่ี ปิดให้ SMEsสามารถเขา้ แสวงหาทุนได้
อาทิ Venture capital ของภาคเอกชนต่าง ๆ การระดมทุนจาก Cloud Funding เพียงแต่ความเข้าใจ
ของ SME ต่อระบบการเงินแบบนีย้ ังมีน้อย รวมทัง้ ทัศนคตแิ ละความหวาดระแวงท่ีมีตอ่ นักลงทุนที่อาจจะ
เขา้ มายึดธุรกจิ หรือนวตั กรรมของตนเอง หรือ SME บางรายต้องการแค่ทุน แต่ไม่ตอ้ งการให้ใครเข้ามาร่วม
ลงทนุ ดว้ ย ในขณะท่นี ักลงทนุ ก็ตอ้ งการเขา้ มามีสว่ นร่วมเพื่อปกปอ้ งทนุ ของตนเอง ทาใหก้ ารเขา้ ถึงแหลง่ ทุน
ประเภทนีข้ อง SMEsจึงมจี ากัดเฉพาะบางกลุ่มเท่าน้นั
- ๘๐ -
๓.๓ ปัญหาดา้ นโครงสรา้ งการสง่ เสรมิ และสนับสนนุ SMEs ของประเทศไทย
๓.๓.๑ มีหลายหน่วยงานที่ทาหน้าทีเ่ กีย่ วกบั การพัฒนาวสิ าหกิจขนาดกลางขนาดยอ่ ม
จานวนของหน่วยงานภาครัฐท้ังหมดที่ดูแล SMEsน้ันมีเกือบทุกกระทรวง โดยเฉพาะ
กระทรวงท่ีเก่ียวข้องทางเศรษฐกิจและพัฒนา ตงั้ แต่กระทรวงมหาดไทย พาณิชย์ อตุ สาหกรรม เกษตรและสหกรณ์
การเกษตร สานักงานสง่ เสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม สานักงานส่งเสรมิ วสิ าหกิจขนาดกลางขนาดย่อม
ธนาคารเฉพาะกจิ ของรัฐทกุ ธนาคาร และท่เี ป็นปัญหาคอื ทกุ หน่วยงานต่างคนต่างทา และหลายกิจกรรมจะซา้ ซ้อน
กัน โดยไม่มีการประสานงานกันเท่าที่ควร ทุกหน่วยงานไม่มีการทางานโดยมองภาพใหญ่และช่วยกันเติมเต็ม
ในแต่สว่ นท่ตี ัวเองทาไดด้ ีทสี่ ุด
๓.๓.๒ การกาหนดนโยบายพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภาพรวม
และการกากบั ดแู ล ติดตามยังไม่มปี ระสิทธิภาพ
แม้วา่ จะเปน็ ทเ่ี ข้าใจท่วั ไปวา่ สานักงานส่งเสรมิ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
จะทาหน้าท่ีในส่วนนี้ แต่ในทางปฏิบัติ สสว. ไม่สามารถทาหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าท่ีควรจะเป็น
เนื่องจากระบบงบประมาณด้าน SME นั้น แม้ว่าจะมีงบประมาณแบบบรูณาการ แต่ในที่สุดก็ข้ึนอยู่กับ
แต่ละหน่วยงานที่จะยื่นสานักงบประมาณเอง ทาให้หลายหน่วยงานเลือกทาให้งานท่ีเกี่ยวข้องหรือตอบนโยบาย
ของหน่วยงานตัวเองมากกว่าภาพรวม และ สสว. ไม่ได้มีอานาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการกาหนดงบประมาณ การ
กาหนดความสาคัญและเรง่ ดว่ นของกจิ กรรม และการติดตามงานยังเป็นการติดตามแบบผลผลติ ของโครงการที่ได้
งบประมาณเป็นส่วนมาก แต่ไม่มีการติดตามงานที่เป็นงานประจาหรืองานในหน้าท่ีของแต่ละหน่วยงาน
นอกจากนี้ องค์ประกอบของคณะผู้บริหารของสานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
แห่งประเทศไทย (สสว.)ที่ยังมีองค์ประกอบตามตาแหน่งของหน่วยงานภาครัฐในสัดส่วนท่ีสูง และมีตัวแทน
ภาคเอกชนนอ้ ยทาให้นโยบายสว่ นใหญย่ งั ไม่ตรงกบั ความตอ้ งการของ SMEs
๓.๓.๓ การพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ท่ีมีหลักการพิจารณา
คล้ายธนาคารพาณิชย์ โดยสินเช่ือแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ สินเช่ือตามปกติ และสินเช่ือตามนโยบายภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า SFIs จะได้รับมอบให้ดาเนินการสินเช่ือตามนโยบายของรัฐ แต่เท่าท่ีผ่านมา ยังพบว่า
มขี ้อจากัดในการให้สนิ เชื่อ เน่ืองจากการกากบั ดูแลของ SFIs ส่วนใหญ่ใชก้ ฎเกณฑ์เดียวกับหนว่ ยงานรัฐวิสาหกิจ
และธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้ SFIs ต้องมีความระมัดระวังในการให้สินเชื่อกับ SMEs แม้จะมีการยืดหยุ่น
ด้านหลักเกณฑ์บางประการแล้วก็ตาม แต่ก็ยังยากสาหรับ SMEs ท่ีจะเข้าสู่ระบบสินเช่ือ และบ่อยคร้ัง SME
ท่ไี ด้รบั สินเชื่อตามมาตรการพิเศษของรัฐมักจะเป็น SMEs ท่ีมีความสามารถในการเข้าสู่ระบบสินเชื่อปกติอยู่แล้ว
ส่วนรายท่เี ข้าไม่ได้กย็ งั คงไม่พร้อมตามเดมิ
๓.๓.๔ กลไกการเตรียมความพรอ้ มให้แก่ SMEs ก่อนเข้ารบั สนิ เชอ่ื ยงั ไม่เพยี งพอ
เนื่องจากความพร้อมของวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมในการเข้าสู่ระบบสินเชื่อ
หรือการเงินที่มีระบบน้ันต้องการข้อมูลทางด้านธุรกิจของ SME ในระดับหน่ึงเพ่ือพิจารณาในปล่อยสินเช่ือ
ซึ่ง SME มักไม่มีความรู้ทางการเงิน การจัดทาแผนธุรกิจ และการทาบัญชี พอเพียง และหน่วยงานรัฐ
ท่ีควารสนับสนุนเพ่ือเตรียมความพร้อมให้วิสาหกิจเพ่ือเข้าสู่การรับสินเช่ืออย่างเพียงพอ แม้ว่าในปัจจุบัน
ความช่วยเหลือดังกล่าวอาจพอมีอยู่บ้าง อาทิเช่น ระบบพ่ีเลี้ยงท่ีปรึกษา นักวินิจฉัย ท่ีดาเนินงานโดยหน่วยงาน
ตา่ ง ๆ อยู่บ้าง แตก่ ็กระจดั กระจาย ไมเ่ ป็นระบบ และยงั ไม่เพยี งพอกบั ความตอ้ งการของ SME
- ๘๑ -
นอกจากน้ี ยังขาดการให้ความรู้และคาปรึกษาแนะนาอย่างใกล้ชิด (Coaching) รวมท้ังการให้ความรู้
ความเข้าใจด้านการเงิน (Financial Literacy) ให้แก่ SMEs อย่างเป็นระบบ ซ่ึงแนวทางน้ี จาเป็นต้องยกเคร่ือง
ระบบงานส่งเสริมพัฒนา SMEs ใหม่ท้ังระบบ โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างและภารกิจของ สสว. การจัดทาแผน
ส่งเสริม SMEs และการจัดทางบบูรณาการส่งเสริม SMEs ทัง้ ในระดบั ประเทศและจังหวัดที่ตอ้ งดึงเอาภาคเอกชน
และสถาบันการศึกษาเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนี้ การบริหารความช่วยเหลือและสนับสนุน SMEs ก่อนเข้าสู่ระบบ
สินเชือ่ และหลงั จากได้สนิ เชื่อตอ้ งบรูณาการและเชื่อมโยงกนั
บทท่ี ๔
ขอ้ สรุปและข้อเสนอแนะ
๔.๑ ขอ้ สรปุ
จากการศึกษามาตรการและโครงการในการสนับสนุนช่วยเหลือด้านแหล่งเงินทุนแก่ SMEs
รวมถึงการวิเคราะห์ผลของมาตรการและโครงการของรัฐ และการวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรค
ของการเขา้ ถงึ แหล่งเงนิ ทนุ ของ SME ในบททผ่ี ่านมา คณะอนุกรรมาธิการดา้ นการเงนิ พบขอ้ มูลที่หนว่ ยงาน
ภาครัฐได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ตามมาตรการและโครงการต่าง ๆ
อยู่เป็นจานวนมากท้ังมาตรการช่วยเหลือทางด้านการเงินและมาตรการที่ไม่ใช่การช่วยเหลือด้านการเงิน
โดยมีหนว่ ยงานปฏบิ ัติท่เี ก่ียวข้องกับ SMEs หลายหน่วยงานเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนผูป้ ระกอบการ
SMEs ในดา้ นตา่ ง ๆ หลายรปู แบบ แต่อยา่ งไรก็ตาม ถึงแม้จะมีหน่วยงานหลายหน่วยงานที่เขา้ มามบี ทบาท
ในการสนับสนุน SMEs ในรปู แบบต่าง ๆ แต่ในทางปฏิบัตยิ ังขาดหน่วยงานทีท่ าหนา้ ท่ใี นการกากับ ควบคุม
ติดตาม และบูรณาการการทางานอย่างแท้จริง รวมท้ัง ขาดความเช่ือมโยงในเป้าหมายการส่งเสริม
ระหว่างหน่วยงาน จึงทาให้ไมส่ ามารถเสริมการดาเนินงานกนั และสะท้อนให้เหน็ ภาพรวมของการพัฒนาได้
อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงในการส่งเสริมและพัฒ นาผู้ประกอบการ SMEs อย่างมีประสิทธิภาพ
และครอบคลุมทุกมิติของการพัฒนา สามารถตอบโจทย์ที่ครบถว้ น จาเป็นตอ้ งอาศัยการบูรณาการร่วมกัน
ระหว่างหน่วยงานหลายหน่วยงาน ดังน้ัน จึงจาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องมีหน่วยงานเจ้าภาพที่แท้จริง
เพื่อทาหนา้ ทีแ่ ละมีบทบาทในการมองภาพของการพฒั นา SMEs ในภาพรวม และเป็นแกนกลางที่มีอานาจ
อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงบทบาทในการบูรณาการวางแผนและจัดทาแผนร่วม การกาหนดเป้าหมาย
รว่ ม และการกาหนดงบประมาณประจาปีทใ่ี ช้ในการพัฒนาSMEs
นอกจากน้ัน หากพิจารณาความสามารถในการประกอบธุรกิจของ SMEs จะพบว่าปัญหา
และอปุ สรรคของผปู้ ระกอบการ SMEs ไมไ่ ดจ้ ากดั อยู่เพียงการไมส่ ามารถเขา้ ถึงแหล่งเงนิ ทนุ เท่าน้ัน หากแต่
ยังมีปัญหาอื่น ๆ ซ่ึงควรได้รับการช่วยเหลือแก้ไขควบคู่กันไปเพื่อพัฒนาศักยภาพในการดาเนินกิจการซึ่ง
สามารถสรุปปญั หาและอุปสรรคในการเขา้ ถงึ แหล่งเงนิ ทนุ ของ SMEs ไทย ประกอบดว้ ย ๓ ดา้ น คอื
๑) ปญั หาขอ้ จากัดดา้ นนโยบายและมาตรการด้านการเงนิ ของรฐั
๒) ปญั หาขอ้ จากดั ของผูป้ ระกอบการ SMEs ทส่ี ง่ ผลต่อการเขา้ ถงึ แหลง่ เงนิ ทนุ
๓) ปญั หาด้านโครงสร้างการส่งเสรมิ และสนับสนนุ SMEs ของประเทศไทย
ดังนั้น คณะอนุกรรมาธิการด้านการเงินจึงมีข้อเสนอแนะเพ่ือให้การดาเนินนโยบายส่งเสริม
และสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ให้มปี ระสิทธผิ ลมากยง่ิ ข้ึน ดงั น้ี
๔.๒ ขอ้ เสนอแนะ
ต ามที่ ได้ ส รุ ปก าร ศึ กษ าเป รี ย บ เที ย บ รูป แ บ บ การ บริ ห ารก ารส่ งเส ริ ม แ ล ะพั ฒ น าวิ ส าห กิ จ
ขนาดกลางขนาดย่อมของประเทศต่าง ๆ ในพ้ืนท่ีเอเชีย ซ่ึงประเทศเหล่าน้ีมีวัฒนธรรมและลักษณะ
พฤติกรรม ความคิดของผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางขนาดเล็กคล้ายๆกับประเทศไทย
และในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็พบว่าหน่วยงานส่งเสริม SMEs และตัวผู้ประกอบการ SMEs ของประเทศไทย
ได้มีการศึกษาดูงาน และมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกันในทุกระดับมาแล้วเป็นเวลานาน โดยจะเห็นได้ว่า
- ๘๔ -
ประเทศต่าง ๆ ในประเทศเหล่าน้ีมีลักษณะหน่วยงาน รูปแบบบริหาร SMEs คล้าย ๆ กัน และจาก
การศึกษาของคณ ะท างาน ฯ ของคณ ะกรรมาธิการฯ พ บว่าในประเทศไท ยนั้ นมีหน่ วยงาน
และแนวทางดาเนินการที่เหมือนกับประเทศเหล่านั้นแต่ก็ยังว่าประสิทธิภาพการช่วยเหลือ SMEs
ในประเทศยังไม่ดีพอ หน่วยงานที่มีในประเทศไทยเทียบกับประเทศต่าง ๆ ที่ประสบความสาเร็จน้ัน
ถือได้ว่าครบถว้ น แตท่ กี่ ารศกึ ษาครง้ั น้ีพบกค็ ือ หน่วยงานที่ถูกจดั ตงั้ ขนึ้ มานนั้ กระจัดกระจายอย่ใู นกระทรวง
ต่าง ๆ จานวนมาก และที่สาคัญยังขาดการประสานงานกัน ไม่มีหน่วยงานท่ีเป็นศูนย์และเป็นเจ้าภาพ
ท่ีกาหนดภาพการพัฒนาส่งเสริม กากับ ติดตาม ประสานงาน หน่วยงานต่าง ๆ ให้ไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งประเทศ
ในส่วนของมาตรการทางการเงินเข้ากับมาตรการท่ีมิใช่ทางการเงิน อาทิ ด้านการตลาด
การบริหารธุรกจิ และองค์กร หรือด้านการผลิตและพัฒนาผลิตภณั ฑ์ สง่ ผลทาให้เกิดปัญหาตอ่ ความเข้มแข็ง
และความพร้อมในการเข้าถึงเงินทุนของ SMEs ดังนั้นจึงต้องมีการแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้าง
ทเี่ ป็นรากฐานในการเข้าถงึ แหล่งทนุ ของ SMEs ควบคู่ไปกับการแกไ้ ขปญั หาเก่ียวกับมาตรการทางการเงิน
ในปจั จุบนั โดยคณะอนุกรรมาธกิ ารดา้ นการเงนิ มีข้อเสนอแนะ ดงั น้ี
๑) ปรับบทบาท สสว. เป็น Policy Body และผู้จัดสรรงบประมาณส่งเสริมพัฒนา SMEs
ทย่ี ิง่ ใหญแ่ ทจ้ ริง และมีประสิทธภิ าพ
๑.๑ ยกเลิกบทบาทการเป็นหน่วยงานปฏิบัติของ สสว. เพื่อสร้างความน่าเช่ือถือ
และลดความขัดแย้งกับหน่วยงานปฏิบัติของกระทรวงต่าง ๆ ท่ีเปน็ หน่วยร่วมดาเนินการ (ถึงแม้เป็น Pilot
Project กไ็ ม่ตอ้ งดาเนนิ การเอง สง่ ใหห้ นว่ ยรว่ มดาเนนิ การปฏบิ ัตแิ ทน)
๑.๒ จัดทาแผนบูรณาการส่งเสริมพัฒนา SMEs ให้ตรงความต้องการของ SMEs
เป้าหมายในแต่ละพื้นที่อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
๑.๒.๑ เพ่ิมสัดส่วนงบประมาณแผนบูรณาการต่องบประมาณ ด้าน SMEs
รวมไม่น้อยกวา่ สัดส่วน GDP ของ SMEs ต่อ GDP ของประเทศ และปรับคณะกรรมการ สสว. ให้มีผู้แทน
SMEs มากขนึ้
๑.๒.๒ จัดทาแผนบูรณาการส่งเสริม SMEs รายกลุ่มจังหวัด และรายจังหวัด
โดยมีกลไกดาเนินการ ดังน้ี
๑.๒.๑.๑ จัดตั้งสานักงาน สสว. ระดับภาค เพื่อจัดเก็บข้อมูลพื้นฐาน
และประสาน/สนบั สนุนกบั จังหวดั ในการจัดทาแผนบรู ณาการส่งเสริมพัฒนา SMEs ในแตล่ ะพนื้ ท่ี
๑.๒.๑.๒ จัดต้ังคณะกรรมการจัดทาแผนบูรณาการส่งเสริมพัฒนา SMEs
รายกลุ่มจังหวัด และรายจังหวัดเพ่ือกาหนดตัว SMEs เป้าหมาย และแผนงาน/โครงการส่งเสริมพัฒนา
SMEs ที่สอดคล้องกับ SWOT Analysis ของแต่ละพ้ืนท่ีโดยหน่วยงานในพ้ืนที่ไม่ต้องเสนอแผนงาน/
โครงการเข้ามาที่กระทรวงในส่วนกลาง และกระจายอานาจให้คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมีอานาจ
ในการคัดเลือกแผนงาน/โครงการ อนุมัติและบริหารงบประมาณโดยการกากับของหน่วยงานตรวจสอบ
ทอ้ งถนิ่ และการติดตามประเมนิ ผลจาก สสว.
๑.๒.๓ ปรับกระบวนการวางแผนจากการรวมแผนงาน/โครงการตามหน่วยงาน
ที่มีเป้าหมายสอดคล้องกับแผนระดับชาติ เป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้แต่ละหน่วยงานแต่ละ แห่ง
- ๘๕ -
ร่วมระดมสมองพัฒนาแผนงานท่ีมีเป้าหมายร่วมกัน และประสานร่วมกันดาเนินงานเป็นโครงการร่วม
(ปรบั ทั้งในภูมภิ าคและสว่ นกลาง) โดยการแนะนาจาก สสว. โดยมีประเดน็ ท่คี วรปรบั ปรงุ เพม่ิ เตมิ ดงั นี้
๑.๒.๓.๑ SMEs ทุกรายควรได้รับบริการจากภาครัฐโดยเท่าเทียม กัน
ผา่ นการไดร้ บั ข้อมูล ความรู้ คาแนะนา และความช่วยเหลือผ่านระบบ Online หรอื G2B (Government
to Business) ทุกหน่วยงานต้อง Post ขายบริการให้ SMEs เข้ามาเลอื กใช้โดยรัฐอาจแจกคูปองอุดหนุน
ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ หน่วยงานใดให้บริการไม่ดีจะได้รับ Rating ต่า หรือขายบริการไม่ได้
และถกู ตัดทอนงบประมาณ หรือ ยกเลกิ การเป็นหนว่ ยร่วมดาเนินการไปในทส่ี ุด โดยรฐั สนับสนุนให้ SMEs
แตล่ ะรายมี Digital / Financial Literacy และศนู ย์ Digital ชมุ ชนอานวยความสะดวกดา้ น Hardware
และความช่วยเหลือแก่ แก่ SMEs เข้าถึงบริการ Online จากรัฐได้โดยสะดวกและเท่าเทียม นอกจากนี้
ยังเป็นการประหยัดงบประมาณในการจัดกิจกรรมของภาครัฐด้วย เพราะปัญหาของ SMEs ส่วนใหญ่
คล้ายคลึงกัน สามารถนา Case ความช่วยเหลือรายนึงมาเป็นต้นแบบแก่รายอื่น ๆ ได้ สามารถให้บริการ
แบบ Mass เข้าถึงพรอ้ มกนั ได้ด้วย Online Knowledge Center, Online Course/Seminar/Workshop
และ Online Advisory/Consultancy เป็นต้น และเอางบประมาณท่ีประหยัดได้มาใช้ในเรื่องอ่ืน ๆ
ทีม่ ีความซบั ซอ้ นมากขึน้ และไมส่ ามารถให้บรกิ าร Online ได้
๑.๒.๓.๒ จัดสรรงบประมาณให้แผนงาน/โครงการแบบเน้นผลลัพธ์
(Result Based) แ ท น การกาห น ด Standard Unit Cost (Activity / Output Based) ที่ส่งเสริม
ให้หน่วยงานต่าง ๆ เสนอโครงการที่เน้นการจัดกิจกรรม และจานวนคนเข้าร่วมกิจการมากกว่าผลลัพธ์
ซงึ่ ทาใหเ้ กดิ การแขง่ ขันดา้ นต้นทุนและมีคณุ ภาพต่าลง
ภาพท่ี ๔-๑ ข้อเสนอ Model การบูรณาการส่งเสรมิ SMEs ทีย่ ึด SMEs เปน็ แกน
ท่ีมา: คณะทางาน (๒๕๖๓)
- ๘๖ -
ภาพท่ี ๔-๒ ข้อเสนอการปรับกระบวนการจัดทาแผนและจัดสรรงบประมาณบูรณาการ
ส่งเสริม SMEs
ทมี่ า: คณะทางาน (๒๕๖๓)
ภาพที่ ๔-๓ ขอ้ เสนอระบบบรหิ ารงบประมาณแผนบูรณาการส่งเสรมิ SMEs
ที่มา: คณะทางาน (๒๕๖๓)
- ๘๗ -
๒) เพมิ่ หนว่ ยงาน และความเชีย่ วชาญของผู้ให้บรกิ ารสง่ เสรมิ พัฒนา SMEs ในแต่ละพื้นท่ี
ปัจจบุ ันหน่วยงานภาครัฐแทบไม่ได้ให้บริการแก้ปัญหาโดยตรงแก่ SMEs เนอื่ งจากนโยบาย
การควบคุมอัตรากาลังของส่วนราชการ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค การตลาด การจัดการท่ีแท้จริง
ได้เกษยี ณอายุ หรอื เป็นผู้บริหารไปกันหมดแลว้ เจ้าหน้าท่ีรัฐเปลี่ยนมาเป็นผ้จู ัดจ้างที่ปรึกษาเพ่อื ให้บริการ
แก่ SMEs แทน ก่อให้เกิดปัญหาการให้บริการไม่ทั่วถึง เพราะแต่ละโครงการกาหนดกลุ่มเป้าหมาย
จานวน SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ ระยะเวลารับสมัคร และดาเนินการไว้จากัด ซ่ึงแต่ละปีหากนา
ทุกโครงการมารวมกนั จะให้บรกิ ารได้นอ้ ยมากเมือ่ เปรยี บเทียบกับจานวน SMEs ท้ังหมด แต่ตามความเป็นจริง
ปญั หาและความต้องการของ SMEs เกิดข้ึนทุกวัน แต่ SMEs จานวนมาก Walk In เขา้ ไปหาหน่วยราชการ
แต่ไม่ได้รับบริการต้องรอเข้าโครงการปีหน้าที่ไม่มีความแน่นอนว่าหน่วยงานน้ันจะได้รับการสนับสนุน
อีกไหม หรือ SMEs รายนจ้ี ะขอรับบริการทันหรือไม่ จากปัญหาดังกล่าวนี้จึงต้องมีการเพ่มิ เตมิ และปรับปรุง
หน่วยงานปฏิบตั ิผู้ให้บริการแก่ SMEs โดยตรง ดงั น้ี
๒.๑ แยกหน่วยงานให้บริการ SMEs เป็น ๒ กลุ่ม คือ ๑) หน่วยงานปฏิบัติ และ
๒)หน่วยงานจดั จา้ งท่ีปรึกษา เพอื่ ลดจานวนหน่วยงานจดั จ้าง และเปลี่ยนบทบาทมาเปน็ ผ้ปู ฏิบตั ิให้บรกิ าร
โดยตรงมากขน้ึ
๒.๒ เปล่ียนบทบาทหน่วยงานจัดจ้าง จากการจ้างที่ปรึกษารายเดียวมารับเหมาดาเนิน
โครงการ หรือให้บริการแก่ SMEs มาเป็นหน่วยงานแจกคูปองแก่ SMEs ไปเลือกท่ีปรึกษาที่มีคุณภาพ
และข้นึ ทะเบียนไวแ้ ล้วเอง ลดขั้นตอนการดาเนินงาน และ Overhead ลงไดอ้ ยา่ งมาก
๒.๓ พัฒนาระบบท่ปี รึกษาให้บรกิ าร SMEs ที่มปี ระสิทธิภาพ
๒.๓.๑ เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนท่ีมีความเชี่ยวชาญด้าน SMEs ท่ีไม่แสวงหากาไร
เข้ามารับงบประมาณจากรัฐ และดาเนินการให้บริการแก่ SMEs ที่เป็นงานประจาต่อเน่ืองและมคี ุณภาพ
แทนการจ้างงานเปน็ รายโครงการในปัจจบุ นั ดงั นี้
๒.๓.๑.๑ ศูนย์ส่งเสริมพัฒนา SMEs เมือง สนับสนุนให้หน่วยงานท้องถิ่น
สถาบันการเงิน และเอกชนในพ้ืนที่จัดต้ังมูลนิธิทาหน้าที่ให้บริการ SMEs ในพ้ืนท่ีโดยได้รับเงินบริจาค
จากงบประมาณหน่วยงานท้องถ่ิน/ส่วนกลาง และเงินบริจาคจากชุมชน เพ่ือเป็นคา่ ใช้จ่ายประจาทั้งหมด
และค่าดาเนินการบางส่วน โดยมีรายได้จากการรับดาเนินการตามแผนงาน/โครงการภาครัฐ และรายได้
จากคูปองที่ปรึกษาที่ SMEs ได้รับจากหน่วยงานภาครัฐและมาเลือกใช้ศูนย์นี้เป็นผู้ให้บริการ
ศูนย์นี้จะบริหารแบบเอกชนมีผเู้ ชี่ยวชาญด้านการผลติ การตลาด การเงิน/บัญชี กฎหมาย และการจัดการ
ให้ บริการแ ก่ SMEs ทุ กราย ที่ Walk In เข้ ามารับบ ริการ ทุ กวัน รวมท้ั งบริการ Online 24 Hrs.
ท้ังที่ฟรี คิดค่าบริการบางส่วน และคิดค่าใช้จ่ายเต็ม ตามศักยภาพของ SMEs และโครงการสนับสนุนภาพรัฐ
โดยวัดผลการทางาน จากจานวนและความสาเร็จในการสร้างยอดขาย กาไร และการจ้างงานในชุมชน
ของกิจการ ทั้งน้ีหากต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือรายสาขาสามารถร้องขอการสนับสนุนเพิ่มเติม
จากส่วนกลางได้โดยมีงบประมาณอุดหนุนจากส่วนกลาง ศูนย์นี้อาจริเร่ิมจัดต้ังโดยเทศบาลใหญ่ ๆ ก่อน
เช่นเดียวกับประเทศญ่ีปุ่น เพราะถือเป็นบริการชุมชนของเมืองท่ีเป็นหน่วย งานท้องถิ่นมิใช่หน่วยงาน
สว่ นกลาง
- ๘๘ -
๒.๓ .๑ .๒ ศูน ย์สนับ สนุน ที่ป รึกษ า SMEs แห่งชาติ รัฐสนั บสนุน
ให้ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับ SMEs รวมตัวกันจัดตั้งมูลนิธิเพื่อรับจ้างภาครัฐด้านการบริหารงานให้บริการ
ที่ปรึกษา SMEs โดยมีภารกิจด้านขึ้นทะเบียน คัดเลือกและส่งที่ปรึกษาสนับสนุน “ศูนย์ส่งเสริมพัฒนา
SMEs เมือง” ติดตามประเมินผล เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายท่ีปรึกษา จัดทา Case Study การให้บริการปรึกษา
แนะนาเผยแพร่ Online โดยปกปิดขอ้ มลู ทอ่ี าจสรา้ งความเสียหารแกก่ ิจการทร่ี ับคาปรกึ ษา เปน็ ต้น
๒.๓.๑.๓ Industrial Transformation Center (ITC) : เปน็ Incubation
Center ของเมืองท่ีสนับสนุนให้เกิดการค้นคว้าวิจัย การแปรรูปวัตถุดิบท้องถิ่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์
การพัฒนา Prototype และการทดสอบผลิตและจาหน่ายคร้ังแรกของ SMEs ตลอดบ่มเพาะให้เกิด
Startup และผู้ประกอบการใหม่ของเมือง จัดตั้งคล้ายคลึงกับ “ศูนย์ส่งเสริมพัฒนา SMEs เมือง ”
แต่ไม่ใช่แค่สานักงาน ศูนย์ ICT น้ีต้องมี Pilot Plant พร้อมให้บริการแก่ SMEs ที่มีแนวคิดดี ๆ จนถึง
ข้ันการทดลองผลิตออกสู่ตลาด โดยรัฐทั้งส่วนกลางและท้องถ่ินสนับสนุนเงินลงทุน ค่าใช้จ่ายประจา
และค่าใช้จ่ายดาเนินการบางส่วน และมีรายได้จากการร่วมลงทุน และใหบ้ ริการจากคูปองต่าง ๆ ท่ี SMEs
มาเลือกใช้บรกิ ารที่ศูนย์นี้ที่มิใช่เป็นเพยี งคา่ จ้างท่ีปรกึ ษา แต่ตอ้ งครอบคลมุ ค่าใช้จ่ายการจัดทา Prototype
และการทดลองผลิตทดสอบตลาดด้วย (อาจใช้สถานที่ เคร่ืองจักรอุปกรณ์ของภาครัฐที่มีอยู่แล้วให้มูลนิธิ
ทจ่ี ัดตัง้ ขึน้ เขา้ ไปดาเนนิ การ หรอื สรา้ งใหมต่ ามความจาเปน็ )
๓. ประสานบริการทางการเงินเข้ากับระบบส่งเสริมพัฒนา SMEs ของชาติอย่างมี
ประสิทธภิ าพ
มาตรการทางการเงินในปัจจบุ นั มที ้ัง เงนิ ใหเ้ ปล่า (Grant) สินเช่ือ (loan) และเงนิ รว่ มลงทุน
(Venture Capital) ครบถ้วนเหมือนประเทศต่าง ๆ ช่องทางการให้บริการมี ๓ ช่องบริการ คือ
๑) ผ่านหน่วยงานของรัฐที่มิใช่สถาบันการเงินโดยตรงแก่ SMEs ๒) ผ่านสถาบันการเงินของรัฐ
๓) ผ่านหน่วยงานของรัฐหรือสถาบันการเงินของรัฐให้สถาบันการเงินเอกชนดาเนินการต่อ ท่ีผ่านมารัฐ
พยายามทาเอง หรือใช้สถาบันการเงินของรัฐดาเนินการมาโดยตลอด (๑+๒) แต่ข้อจากัดท่ีสาคัญ
คือ ขีดความสามารถในการให้บริการอย่างท่ัวถึง รวดเร็ว มีประสิทธิภาพยังทาได้จากัด มีอุปสรรค
จากกฎระเบียบภาครัฐที่ไม่สอดคล้องกับความเสี่ยง หรือวัตถุประสงค์ในการให้ความช่วยเหลือ SMEs
ส่วนช่องทางท่ี ๓ พยายามมาหลายคร้ัง แต่มักมีการปล่อยสินเชื่อได้น้อยไม่ตรงกลุ่มเป้ าหมาย
และวัตถุประสงค์ ส่วนใหญ่ SMEs ที่เป็นลูกค้าดี แข็งแรงมักได้รับประโยชน์มากกว่า บางครั้งกาหนด
อัตราดอกเบ้ียและเงื่อนไขการอนุมัติสินเชื่อเข้มงวด หรือสร้างภาระทางการเงินแก่สถาบันการเงินเอกชน
มากกว่าการดาเนินธุรกิจตามปกติจึงไม่ได้รับความร่วมมือและปล่อยสิ นเชื่อไม่ได้ตามเป้าหมาย
จากปญั หาดังกลา่ วขา้ งตน้ จึงต้องยกเคร่อื งมาตรการทางการเงนิ ของรัฐใหมท่ ัง้ หมด ดงั นี้
- ๘๙ -
ภาพที่ ๔-๔ ข้อเสนอเชิงโครงสร้างเพื่อแก้ไขอุปสรรคการเข้าถึงแหล่งทุนของ SMEs
แยกตามปัญหา
ทมี่ า: คณะทางาน (๒๕๖๓)
๓.๑ กาหนดประเภทมาตรการทางการเงินท่ชี ัดเจน เพื่อใหม้ เี งอ่ื นไข กระบวนการอนมุ ัติ
และการชดเชยความเสยี หายทเ่ี หมาะสม
๓.๑.๑ มาตรการการเงินเชิงรุกเพ่ือยกระดับขีดความสามารถการแข่งขัน
เป็นการเลือก Sector หรอื ประเด็นการปรบั ปรุงเปลี่ยนแปลงสาคัญของ SMEs ที่ภาครฐั อยากเห็นท่ีเรว็ ข้ึน
มากขึ้น โดยการใช้อัตราดอกเบ้ียผ่อนปรนเป็นตัวกระตุ้น SMEs และไม่มีความเส่ียงกับสถาบันการเงิน
เพ่มิ ขึน้ โดยรัฐประกาศให้ทกุ สถาบนั การเงนิ เขา้ ร่วมโครงการ และอดุ หนุนอัตราดอกเบย้ี ที่ลดลงต่ากวา่ ปกติ
นั้นแกส่ ถาบันการเงนิ ด้วยการอดุ หนนุ ดอกเบ้ียโดยตรง หรือให้สถาบนั การเงนิ ของรัฐจัดหาเงินทนุ ต้นทุนต่า
ให้สถาบันการเงินท่ีร่วมโครงการ ตัวอย่างเช่น Transformation Loan ท่ีธนาคารออมสินดาเนินการ
ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และเอกชนแบบ Soft Loan หรือ Two Steps Loan หรือกองทุนพิเศษ
เช่น กองทุนพัฒนา SMEs ตามแนวประชารัฐของกระทรวงอุตสาหกรรม หากเป็นกรณี Startup
รัฐควรจัดต้ังกองทุนพิเศษให้ผู้เชี่ยวชาญภาคเอกชนบริหารตามเกณฑ์ท่ีผ่อนปรนกว่าปกติ หรือจัดตั้งเป็น
กองทุนที่ร่วมลงทุนใน Startup พร้อมไปกับ Venture Capital Company ในลักษณะ Matching Fund
และยอมรับความเสยี หายท่ีจะเกดิ ขึน้
๓.๑.๒ มาตรการการเงินเพื่อเปิดโอกาสให้ SMEs ท่ีมีศักยภาพเข้าถึงเงินทุน
เพื่อปรับปรุงกิจการ เป็นบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจท่ีจะสนับสนุนนโยบายด้านต่าง ๆ ของรัฐ
ที่มีต่อ SMEs คล้ายกับ ๒.๑.๑ แต่ดาเนินการกับกลุ่ม SMEs ท่ียังอ่อนแอ และไม่มีข้อมูลหรือเอกสาร
- ๙๐ -
ทางการเงินเพียงพอผ่านการบรหิ ารความเส่ียงของสถาบันการเงินเอกชน แต่มศี กั ยภาพพอ รัฐจะช่วยเหลือ
ผา่ น Soft Loan หรือ Two Step Loan หรอื กองทนุ พิเศษ ผา่ นสถาบันการเงนิ ของรัฐเท่านัน้ โดยเฉพาะ
SMEs Bank โดยอาจจะพิจารณาชดเชยความเสียหายใหส้ ถาบันการเงนิ เฉพาะกิจมากน้อยตามความเสี่ยง
ของกลมุ่ เปา้ หมาย ตัวอยา่ งเชน่ สนิ เชื่อบญั ชีเดียว, Local Economy Loan ของ SMEs Bank
๓.๑.๓ มาตรการทางการเงินเพ่ือช่วยเหลือ SMEs ที่มีปัญหา เร่ืองน้ีสามารถดาเนินการ
ได้ ๒ แนวทาง ดังน้ี
๓.๑.๓.๑ ตั้งกองทุนหรือโครงการพิเศษที่รัฐชดเชยความเสียหายให้ SFIs
บริหาร เป็นการแทรกแซงกลไกการตลาดโดยคาดว่าสถาบันการเงินเอกชนไม่ให้โอกาสมากพอแก่ลูกค้า
ในการพลิกฟ้ืนกิจการ และ SFIs มีขีดความสามารถมากพอในการแยกแยะ SMEs ท่ีมีโอกาสฟ้ืนตัว
ออกจากหนี้เสียของสถาบันการเงิน โดยมีเงื่อนไขสินเชื่อท่ีผ่อนปรนทุกด้าน พร้อมบริการปรึกษาแนะนา
ดา้ นอืน่ ๆ ที่ไม่ใช่ทางการเงนิ เพื่อฟ้ืนฟูกิจการท่ีมีศักยภาพอยู่กลับข้ึนมา โดยตั้งเป็นกองทุนพิเศษประเภท
Off Balance Sheet ที่สถาบันการเงินดาเนินการบริหารสินเช่ือตามห ลักเกณฑ์ท่ีภาครัฐกาหนด
แต่ไม่มีภาระจากความเสียหายที่เกิดขึ้น รับเพียงค่าบริหารโครงการเท่านั้น หรือใช้เงินของ SFIs เอง
แต่ได้รับการชดเชยด้านอัตราดอกเบี้ยและความเสียหาย ท้ังนี้ รัฐต้องกาหนดให้ SFIs เป็นหน่วยงาน
รบั งบประมาณ และเสนอแผนงาน/โครงการขอรบั งบประมาณจากแผนบรู ณาการส่งเสรมิ SMEs ดว้ ย
๓.๑.๓.๒ สนับสนนุ ใหส้ ถาบนั การเงินเอกชนดูแลลูกค้าเอง เป็นการปลอ่ ยให้
กลไกการตลาดทางาน สนบั สนุนให้สถาบนั การเงินเปน็ ผูด้ ูแลพฒั นาลูกคา้ ของตนเอง ถ้าลกู ค้าชาระหนไ้ี ม่ได้
ก็ปรับเงื่อนไขการชาระหน้ี ปรับโครงสร้างหนี้ จดั ทาแผนฟื้นฟูกิจการ หากถึงทส่ี ุดแล้วไม่ไหวก็ปล่อยเข้าสู่
กระบวนการทางกฎหมาย เพราะไม่มีทางพลิกฟ้ืนกิจการได้แล้ว และ SFIs เองไม่ควรเข้าไป Re-Finance
หรือให้สินเชอื่ เพ่ิม ทั้งนี้ รัฐอาจพิจารณาใหส้ ถาบนั การเงินได้รบั งบประมาณสนบั สนุน หรือได้รับประโยชน์
จากบรกิ ารทีไ่ มใ่ ช่ทางการเงินจากรัฐเพือ่ จดั หาท่ีปรกึ ษามาพลกิ ฟ้ืนกจิ การแกล่ กู คา้ ดว้ ย
๓.๑.๓.๓ สรา้ งกลไกการตลาดใหมร่ องรบั หนีท้ ่ีมปี ญั หา ปรบั บทบาท AMC
รฐั ท่ีมีอยู่ในปัจจุบันเพื่อรับซื้อหนี้ SMEs ท่ีมีปัญหาและมีเจ้าหน้ีหลายรายมารวมไว้ที่เดียวกัน โดยพัฒนา
ระบบการซ้อื ขายหนร้ี ะหว่าง AMC(Asset Management Company) กบั สถาบันการเงินที่สะดวกรวดเร็ว
โดยมกี ระบวนการดังน้ี
• SMEs ที่มีปัญหาการชาระหน้ีกับเจ้าหน้ีเดิม และกาลังจะถูกส่ง
ฟอ้ งศาล สามารถยืน่ คาร้องขอให้เจ้าหนี้ทุกรายขายหนี้ให้ AMC
ตามเง่ือนไขท่ีมีการตกลงไว้ล่วงหน้า ในเรือ่ งราคาซื้อขาย การทา
Profit Sharing หรืออื่น ๆ
• สถาบันการเงินพิจารณาคาขอตามเกณฑ์ท่ีตกลงไว้กับ AMC
และทาการซ้อื ขายหน้ี
• AMC รว่ มกับที่ปรึกษาฟนื้ ฟูกิจการที่ได้รับการสนับสนนุ ดา้ นคปู อง
ท่ีปรึกษา หรืองบประมาณตามแผนบูรณาการส่งเสริม SMEs
จดั ทาแผนฟื้นฟกู ิจการ เง่ือนไขการชาระหน้ีใหม่ สนิ เช่ือเพ่ิมเติม
และตดิ ตามดูแลให้ SMEs ฟ้นื ตวั ได้ตามแผน
• AMC ส่งคนื หนใ้ี หส้ ถาบนั การเงินตามข้อตกลง
- ๙๑ -
๓.๑.๔ มาตรการทางการเงินช่วงวิกฤต เป็นมาตรการเร่งดว่ นเพอ่ื แกไ้ ขผลกระทบต่อ
SMEs จากวิกฤตเศรษฐกิจ และอื่น ๆ เช่น โรคระบาด ซึ่งต้องผ่อนคลายเป็นพิเศษเพราะ SMEs
มีความเสี่ยงสูงด้านการตลาด การผลิต และโอกาสในการชาระคืนเงินกู้ไม่ชัดเจน รัฐต้องออกเกณฑ์
การพิจารณ าสินเชื่อผ่อนปรนเป็นพิเศษกึ่งเงินให้เปล่า โดยใช้ท้ัง Soft Loan หรือ Two Steps Loan
และการจัดตั้งกองทุนพิเศษเพ่ือเยียวยาและฟ้ืนฟู SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว โดยมีการชดเชย
ความเสียหายทเ่ี หมาะสมกับสถาบนั การเงนิ ที่เข้ารว่ มดาเนินการ
๓.๑.๕ มาตรการทางการเงินสาหรับ Startup เม่ือพิจารณาจากผลการดาเนินงาน
ของกองทุนร่วมลงทุนท่ีมอบหมายให้ SMEs Bank ธนาคารออมสิน และ ธนาคารกรุงไทย ไปจัดตัง้ กองทุน
เพื่อร่วมลงทุนแห่งละ ๒,๐๐๐ ล้านบาท พบว่า ยังมีความคืบหน้าน้อยมาก โดย SMEs Bank มีความ
คืบหน้าไม่มากนักเน่ืองจากจากมีการจัดต้ัง Trust Manager มาดูแลกองทุน ซึ่งมาจากกลุ่ม Wealth
Management มากว่ากลุ่ม Venture Capital Company (VCC) จึงมีความเข้มงวดในการหาโครงการ
มาร่วมลงทุน และหนีไปลงทุนในกลุ่มที่ไม่ใช่ Seed Capital แต่เป็นการลงทุนในธุรกิจท่ีไม่ใช่ Startup
หรือเป็นการสนับสนุนการร่วมทุนแบบสินเช่ือแบบไม่มีหลักประกันมากกว่า ธนาคารกรุงไทย ยังไม่ได้
เริ่มดาเนินการที่ดีที่สุด คือ ธนาคารออมสินท่ีเลือก Trust Manager ที่เช่ียวชาญด้าน Venture Capital
มาบริหารกองทุน จึงสามารถลงทุนใน Startup ได้จริง รัฐจึงควรพิจรณาหาทางเลือกใหม่ โดยสนับสนุน
ให้มี Platform การเสนอโครงการรว่ มทุนจาก Angle ของประเทศไทย แตร่ ะดมทุนจากท่ัวโลก เน้นเงินทุน
ที่เป็น Seed Capital พร้อม Strategic Partner นอกจากน้ัน รัฐควรจัดต้ัง VC Matching Fund ข้ึน
เพ่ือร่วมลงทุนในสัดส่วน ๑ : ๑ หรือตามท่ีตกลง กับ Venture Capital Company ในโครงการ Startup
ที่ VCC ได้พิจารณารว่ มลงทุนไปแลว้ และ Exit ในการเพ่ิมทนุ ครงั้ ถัดไปท่เี ปิดโอกาสให้ Startup และ VCC
ซอื้ หุ้นคืนในราคาทต่ี กลงกนั ไวล้ ่วงหน้า เพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการทากาไรสูงขึ้นให้ VCC และมีจานวน
โครงการรว่ มลงทุนไดม้ ากขน้ึ
๓.๒ เพ่มิ ขีดความสามารถดาเนนิ การของสถาบนั การเงินเฉพาะกิจ
ในการดาเนินมาตรการทางการเงินแต่ละประเภทรัฐต้องการให้เป็นไปอย่างทั่วถึง
และรวดเร็ว ดังนั้น สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องนา IT หรือ Digital Banking เข้ามาดาเนินการด้านการ
บริหารสินเช่ือ และร่วมลงทุน แต่การลงทุนค่อนข้างสูง จึงเห็นควรมีการพัฒนาระบบงานด้านสินเช่ือ
และร่วมลงทุนกลางขึ้น โดยอาจใช้ธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารออมสินเป็นแกนนาพัฒนาระบบ
และให้ธนาคารเฉพาะกิจอ่ืน ๆ ใช้ระบบร่วมกัน นอกจากนี้ ควรพิจารณาใช้ Loan Agent ทเี่ ปน็ สถาบันการเงิน
ชุมชน หรือ หน่วยงานภาครัฐ และรัฐวสิ าหกิจต่าง ๆ เข้าร่วมให้คาปรึกษาแนะนา และเป็นช่องทางรับคาขอ
สินเชื่ออยา่ งทั่วถึงด้วย สาหรับธนาคารเฉพาะกิจที่มีปัญหาด้าน BIS Ratio หรือ สภาพคล่อง ควรพิจารณา
เพม่ิ ทุนให้เหมาะสม หรือ จัดตง้ั กองทุนใหบ้ ริหาร เช่น SMEs Bank
ปรับเกณ ฑ์การกากับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้รับ ความเสี่ยงได้มากกว่า
ธนาคารพาณชิ ย์: ความพยายามของ ธปท. และ สคร. ในการกากับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจเปน็ ส่งิ ท่ีดี
แต่ในช่วงท่ี SMEs ยังไม่สามารถปรับตัวเข้าสู่ระบบบัญชีเดียว และยังมีขนาดเล็กไม่แข็งแรงมากพอ
แต่ยงั เป็นกลุ่มเป้าหมายสาคัญของรัฐควรเปิดโอกาสให้สถาบนั การเงนิ ของรัฐใชข้ ้อมูลคุณภาพเชงิ ประจักษ์
ควบคู่ไปกับข้อมูลเชิงปริมาณท่ีเป็นเอกสารในการวิเคราะห์สินเช่ือ ตลอดจนทบทวนเกณฑ์การแต่งตั้ง
- ๙๒ -
ผู้บริหารให้แตกต่างจากธนาคารพาณิชย์เพราะมีวัฒนธรรมองค์กรท่ีแตกต่างกันโดยส้ินเชิง มีประเด็น
รอ้ งเรยี นกล่ันแกล้งมาก อาจเป็นปัญหากบั ผบู้ ริหารที่ตง้ั ใจสนับสนนุ นโยบายรฐั บาลโดยสดุ จรติ อาจถูกกลั่น
แกล้งได้ และเป็นเหตุในการเสียโอกาสเติบโตในองค์กร และจะนามาซ่ึงแนวคิด Safety First และไม่รับ
ความเสี่ยงเพิ่มเติม ซ่ึงขัดกับเจตนารมย์การจัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ควรโอนอานาจน้ีกลับมาให้
กระทรวงการคลังเหมอื นเดิม
๓.๓ เพ่ิมบทบาทธนาคารพาณิชย์ในการสนับสนุนเงินทุนแก่ SMEs เงินทุนที่สนับสนุน
ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และกองทุนต่าง ๆ ของรัฐยังมีสัดส่วนน้อยเม่ือเปรียบเทียบกับศักยภาพ
ของระบบสถาบันการเงินทั้งระบบ จึงควรให้สถาบันการเงินภาคเอกชนเข้ามามีบทบาท มากข้ึน
นอกเหนือจากมาตรการเข้าร่วมใช้ Soft Loan หรือ Two Steps Loan โดยสมัครใจแล้ว ควรมีการ
กาหนดสัดส่วนการสนับสนุนเงินทุนแก่ SMEs เช่นเดียวกับท่ีเคยกาหนดสัดส่วนสินเช่ือเกษตร โดยนับรวมทั้ง
ท่ดี าเนนิ การเอง และการใช้ Soft Loan หรอื Two Steps Loan
๓.๔ บรรจุมาตรการทางการเงินและงบประมาณที่เก่ียวข้องไว้ในแผนบูรณาการส่งเสริม
พฒั นา SMEs ประจาปี
ที่ผ่านมาการจัดทาแผนงานหรือโครงการส่งเสริมสนับสนุน SMEs ประจาปี
เน้นแต่การจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานภาครัฐ ไม่เปิดโอกาสให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจเสนอ
ขอรับงบประมาณ หากจะมีการดาเนินโครงการหรือมาตรการทางการเงินต้องไปใช้ช่องทาง
ผ่านกระทรวงการคลงั เป็นครงั้ ๆ ไป ซึง่ เกณฑ์ทอี่ อกมาจะเปน็ ภาพกว้างไม่เหมาะสมกบั แต่ละกลุ่มเปา้ หมาย
หรืออาจจะเฉพาะกลุ่มเป้าหมายใดเป้าหมายนึง และมักจะคาดว่าเรื่องการเงินเปน็ เรอ่ื งท่ี SMEs ที่เข้าร่วม
โครงการตอ้ งไปตดิ ต่อสถาบนั การเงินเอง ดงั น้ัน เพอื่ ให้การใช้งบประมาณของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธภิ าพ
สูงสุด ควรจัดให้มีงบประมาณที่เกี่ยวกับมาตรการทางการเงินไว้รองรับแผนงานประจาปีพร้อมกันไป
ทง้ั ที่เป็นงบประจา และงบโครงการ เช่น งบประมาณจัดตั้งและเพ่ิมเงนิ ในกองทุนพิเศษต่าง ๆ, งบประมาณ
อุดหนุนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย, งบประมาณเพิ่มทุนสถาบันการเงินเฉพาะกิจ, งบประมาณชดเชยค่าใช้จ่าย
ดาเนินการและความเสียหายของรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น โดยการใช้งบประมาณดังกล่าว SMEs ที่เข้าร่วม
โครงการอาจติดต่อขอรับบริการโดยตรงจากสถาบันการเงินเฉพาะกจิ หรือนาคูปองจากหน่วยงานภาครัฐ
ไปใช้กบั สถาบนั การเงนิ เพ่อื ใหส้ ถาบนั การเงินไปเบกิ จา่ ยต่อไป
ทั้งนี้ สสว. ต้องเปิดให้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็น “หน่วยร่วมดาเนินการ”
และ สานักงบประมาณ กาหนดให้สถาบันการเงนิ เฉพาะกิจเป็น “หน่วยงานรับงบประมาณ” โดยตรงได้
ไมต่ ้องผ่านกระทรวงต่าง ๆ หรือถือเป็นหน่วยงานเทยี บเท่ากรมของกระทรวงการคลังในกระบวนการจัดทา
งบประมาณ ซ่ึงจะทาให้แผนบูณาการส่งเสริมพัฒนา SMEs มีงบประมาณทั้งด้านการเงนิ และมิใช่การเงิน
และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ โดยสถาบนั การเงินเฉพาะกจิ จะไดร้ ับงบประมาณทางด้านการเงิน
และมิใช่การเงินมาดูแลลูกค้าในปัจจุบันและรายใหม่ โดยจะสามารถทาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะจะดูแลลูกค้านั้นต่อเนื่อง 5-7 ปี และต้องดูแลให้ SMEs ท่ีเป็นลูกค้าเติบโตและสามารถชาระหน้ี
ได้ดว้ ยมิเช่นนน้ั จะสร้างความเสียหายกับธนาคาร เปรียบเทียบกับหนว่ ยราชการที่มกั ดาเนินการเป็นรายปี
เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายไปเรื่อย และไม่ต้องรับผิดชอบต่อความสาเร็จและเติบโตของ SMEs แต่ละรายที่
เข้าร่วมโครงการอย่างแท้จริง เพราะมักวัดผลเพียง Activity หรือ Output Based ไม่ใช่ Result Based
ถงึ แม้บางครงั้ มกี ารเขยี นผลลพั ธ์ไว้ แตข่ าดการตดิ ตามประเมินผลตอ่ เนอ่ื งและน่าเช่อื ถอื
- ๙๓ -
๔. ยกระดบั SMEs เขา้ สู่มาตรฐานการวเิ คราะห์สนิ เชื่อของสถาบนั การเงนิ เอกชน
ทีผ่ ่านมามขี ้อร้องเรียนมากมายว่า SMEs ขอสินเชื่อ หรือเงินร่วมลงทุนจากสถาบันการเงิน
ภาคเอกชนไม่ได้ และถึงแม้มีสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และกองทุนต่าง ๆ จากรัฐมาให้บริการด้วยเง่ือนไข
ที่ผ่อนปรนแล้วก็ยังมี SMEs ท่ีไม่ได้รับบริการอีกเป็นจานวนมาก และ SMEs ก็จะโทษว่าหลักเกณฑ์
ไม่ผ่อนปรน เจ้าหน้าท่ีสินเช่ือไม่เข้าใจธุรกิจ ข้ันตอนการดาเนินงานยุงยาก ล่าช้า เรียกเอกสารมากมาย
หลายครั้ง เรียกหลักประกันท่ี SMEs ส่วนใหญ่ไม่ดี ไม่ช่วย SMEs ที่มีปัญหา แต่ในความเป็นจริงแล้ว
การสนับสนุนด้านการเงนิ ทุกประเภทถึงแม้เป็นเงินให้เปล่าก็มีการคาดหวังว่าจะได้รับการชาระคืนเงินต้น
พร้อมดอกเบ้ีย หรือนาเงินให้เปล่าไปใช้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์มีผลกระทบตามท่ีรัฐคาดหวังไว้
สถาบันการเงินต้องมีการบริหารความเสี่ยงท่ีเหมาะสมตามท่ี ธปท. กาหนด และผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่
ของสถาบนั การเงนิ ตอ้ งปฏิบัติตามกฎระเบยี บท่ีเกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดมเิ ชน่ นั้นจะมีความผิดส่งผลต่อรายได้
ความก้าวหน้า และการมีงานทา หากเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะมีโทษทางวินัย ละเมิด แ ละอาญา
ตามมาได้ ดังนั้น การโทษฝั่งสถาบันการเงินอย่างเดียวไม่สามารถทาให้ SMEs เข้าถึงเงินทุนได้ เพราะรัฐ
ไดพ้ ยายามผ่อนปรนมาจนถงึ ท่ีสดุ เทา่ ท่ีจะทาได้แล้ว ดังน้นั SMEs ตอ้ งชว่ ยตัวเองโดยปรับปรุงและยกระดับ
ตัวเองให้เขา้ เกณฑ์การอนมุ ัตสิ นิ เช่อื เพ่ือแก้ปัญหาการปฏเิ สธ หรอื ลดวงเงนิ สินเชือ่ ของสถาบนั การเงนิ ดงั นี้
(๑) SMEs ไม่มีประวัติธุรกรรมทางการเงินและภาษีและใบอนุญาตประกอบการที่ถูกต้อง (๒) ไม่มีเอกสาร
รายไดร้ ายจ่ายของธรุ กจิ ท่ีน่าเช่อื ถือ (๓) SMEs ขาดแผนธุรกจิ ที่น่าเชอ่ื ถือ และ (๔) SMEs ขาดหลักประกัน
ตามเกณฑ์ของสถาบันการเงนิ
๔.๑ ตัดสินใจพาตนเองและธุรกิจเข้าสู่ระบบโดยรัฐมีแรงจูงใจและความช่วยเหลือ
สนับสนุนไม่ใช่บังคับให้ SMEs เสียภาษีให้ถูกต้องครบถ้วนทันที แต่ต้องมีข้ันตอนการสนับสนุนให้ SMEs
เห็นประโยชน์ในการทาบัญชีท่ีถูกต้อง จัดการภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ เข้าถึงเงินทุนธุรกิจเติบโต
มีกาไร เสยี ภาษีสอดคลอ้ งกบั ขีดความสามารถ และยตุ ธิ รรม โดยมแี นวทางดาเนนิ การ ดงั น้ี
๔.๑.๑ รัฐจัดกิจกรรม และรณรงค์ให้ SMEs มี Financial/Digital Literacy
เพ่ือให้มี Financial / Digital Footprint เป็นเอกสารประกอบการขอสินเช่ือ โดยส่ือสารผ่าน Social
Media และ Online Course ตลอดจนระบุเง่อื นไขการขอรับบรกิ ารต่าง ๆ จากภาครฐั ตอ้ งมีองค์ประกอบ
ด้าน Financial / Digital Literacy เช่น การเปิดบัญชีเงินฝากผูกบัญชี Prompt Pay การใช้ QR Code
และช่องทางการชาระเงิน Online อ่ืน ๆ เอกสารการบันทึกรายรับรายจ่าย หลักฐานการยื่นเสียภาษี
เป็นต้น
๔.๑.๒ รฐั จัดหาส่ิงจงู ใจและอานวยความสะดวกในการเขา้ ระบบ ดงั นี้
๔.๑.๒.๑ เพิ่มวงเงินรายได้ขั้นต่าที่อยู่ในข่ายเสียภาษี และปรับโครงสร้าง
อัตราภาษีให้ SMEs รายย่อยท่ีมีรายน้อยได้เสียภาษีในอัตราต่ามาก ๆ เพ่ือจูงใจให้ SMEs เข้าสู่ฐานภาษี
มากขน้ึ ซง่ึ จะทาให้รายไดจ้ ากภาษีของรัฐไม่ลดลง และอาจเพม่ิ ขน้ึ ไดใ้ นอนาคตด้วย
๔.๑.๒.๒ รัฐพัฒนา หรอื จดั จ้างผูพ้ ัฒนา Software ด้านบัญชีให้บริการฟรี
หรืออุดหนุนค่าใช้จ่ายในการให้คาปรึกษาแนะนาการวางระบบบัญชี การจัดทาเอกสารลงบัญชี การลง
และผ่านรายการทางบัญชี การปิดงบและเสียภาษี แก่ SMEs แบบ Online และมีการลดภาษีให้ SMEs
ทีใ่ ช้ระบบนี้เป็นพเิ ศษด้วย ในกรณรี ายย่อยรายไดน้ ้อยมากอาจให้ SMEs รับรองงบการเงินของตนเองได้
- ๙๔ -
๔.๑.๒.๓ ล็อตตอรี่ใบกากับภาษี เพ่ือป้องกันการเลี่ยงภาษีรัฐควรรณรงค์
ใหม้ กี ารออกใบกากับภาษีเม่อื มีธุรกรรมทางการเงิน โดยจูงใจใหผ้ ูจ้ ่ายเงนิ เรียกใบกากบั ภาษีเพื่อนำไปชงิ โชค
แบบล็อตตอรโี่ ดยใช้เลขท่ใี บกากบั ภาษที ่ีไดร้ างวลั ทั้งผ้อู อก และผ้รู บั ใบกากบั ภาษี
๕. เตรียมความพร้อมของ SMEs รองรับ Digital Disruption, Economic Crisis และ New
Normal หลังสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรอื Covid 19
ปรับแนวทางพัฒนาประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง รักษาสมดุลท่ีเหมาะสม
ระหว่างภาคเศรษฐกิจภายใน และภายนอกประเทศ กาหนด Sector เป้าหมายที่จะพัฒนารองรับนโยบาย
เศรษฐกจิ พอเพียงอย่างชัดเจน เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร และแปรรูปสนิ ค้าเกษตรแบบ Premium, ธรุ กิจ
ท่ีเกี่ยวข้องกับสุขภาพและผู้สูงวัย เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้าง Brand และการเป็นผู้นาในตลาดโลก ท้ังน้ี
ตอ้ งมีการเพม่ิ เตมิ งบประมาณการวิจัยเพ่ือผลิตสนิ คา้ ทดแทนการนาเข้า และกระจายคคู่ า้ ออกไปทุกภมู ิภาค
และประเทศท่ัวโลก ลดการพึ่งพาประเทศใดประเทศหน่ึง ตลอดจนใหค้ วามสาคัญมากข้ึนการค้าชายแดน
โดยมแี นวทางดาเนนิ การทสี่ าคญั ดงั นี้
• ปรับปรงุ มาตรการสง่ เสรมิ การลงทุนให้สอดคลอ้ งกบั นโยบายเศรษฐกจิ พอเพยี งมากขึ้น
• เร่งรดั การแก้ปญั หาการค้าชายแดน และ การใช้ Local Currency
• จัดตั้งกองทุนอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการปรับตัวของ SMEs เข้าสู่ตลาดใหม่ และการค้า
Online การทา R&D เพ่ิมขึ้นร่วมกับสถาบันการศึกษา ตลอดจนส่งเสริมการรวมตัว
ของ SMEs ในแต่ละ Supply Chain เพอ่ื ยกระดบั ขีดความสามารถในการแข่งขัน
• จัดทาแผนรองรับวิกฤติเศรษฐกิจและโรคระบาดพร้อมงบประมาณรองรับในแต่ละ
ปีงบประมาณ เพื่อให้มีระบบรองรับการใช้จา่ ยงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว
และเขา้ ถงึ กลมุ่ เปา้ หมาย
• จัดต้ังศูนย์ติดตามและพัฒนาสิทธิบัตรหมดอายุ เพื่อส่งเสริมให้ SMEs ทาการผลิต
ในประเทศทดแทนการนาเขา้ และการพ่งึ พาตนเอง
- ๙๕ -
บรรณานุกรม
กฎกระทรวงกำหนดจำนวนกำรจ้ำงงำนและมูลค่ำสินทรัพย์ถำวรของวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม
พ.ศ. ๒๕๔๕. รำชกจิ จำนเุ บกษำ เล่มที่ ๑๑๙ ตอนที่ ๙๓ ก หนำ้ ๑๗. วันท่ี ๒๐ กันยำยน ๒๕๔
กฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดยอ่ ม พ.ศ. ๒๕๖๒. รำชกิจจำนุเบกษำ เล่มที่๑๓๗
ตอนที่ ๑ ก. วันท่ี ๗ มกรำคม ๒๕๖๓
ธนำคำรพัฒนำวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อมแห่งประเทศไทย. การสารวจสถิติและสถานภาพธุรกิจ
ของผู้ประกอบการ SMEs ปี ๒๕๖๑. https://www.smebank.co.th/news/detail/473. มถิ นุ ำยน ๒๕๖๑.
ธนำคำรแห่งประเทศไทย. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย. ที่ สกส๑. ๒ /๒๕๖๓. เรื่อง การให้ความช่วยเหลือ
ทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา
2019. วันที่ ๒๒ เมษำยน ๒๕๖๓
รำชกิจจำนเุ บกษำ. พระราชบัญญัตสิ ง่ เสรมิ วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑.
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/027/24.PDF. ๑๙ เมษำยน ๒๕๖๑.
สำนักงำนส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม. แผนการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม
ของประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙).https://www.sme.go.th/th/download.php?modulekey=12.
สำนักงำนส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม. แผนการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม
ของประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔. https://www.sme.go.th/th/download.php?modulekey=12.
สำนักงำนส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม. แผนการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม
ของประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙).https://www.sme.go.th/th/download.php?modulekey=12.
สำนักงำนส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม. แผนการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม
ของประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔https://www.sme.go.th/th/download.php?modulekey=12.
สำนักงำนส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม. รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ปี ๒๕๖๑.https://www.sme.go.th.
สำนักงำนส่งเสรมิ วิสำหกจิ ขนำดกลำงและขนำดย่อม. รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ปี ๒๕๖๒. https://www.sme.go.th.
สำนักงำนส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม. แผนงานบูรณาการพัฒนาผู้ประกอบการเศรษฐกิจ
ชุมชนและวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มสูส่ ากลhttps://www.sme.go.th/upload/mod_download/
download-20190322091436.pdf.
สำนักงบประมำณ. เอกสารงบประมาณขาวคาดแดง ฉบับที่ ๓ เล่มท่ี ๑๘ (๒) หน้า ๑ – ๓๓ แผนงานบูรณาการ
พฒั นาผ้ปู ระกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มสสู่ ากล. ๒๕๖๒
ThammarakMoenjak&VorapatPraneeprachachon&TanatasBumpenboon&Pornchanok
Bumrungruan&ChompoonootMonchaitrakul, 2019. Gaining from Digital Disruption:
The Financial Landscape in the Digital Era.PIER Discussion Papers 120, Puey
Ungphakorn Institute for Economic Research, revised Dec 2019.
Terence O’Donnell and David Golding. SME Support Overseas – Learning from International
Peer Reviews. Enterprise and Industry. European Commission. 7 November 2012