สำหรับแถลงกำรณ์ร่วมฯ ลงวันที่ ๑๘ มิถุนำยน พ.ศ. ๒๕๕๐ แม้จะไม่ได้ปรำกฏ
สำระสำคญั ชดั เจนวำ่ เป็นหนังสือสญั ญำท่มี ีบทเปลย่ี นแปลงเขตพน้ื ที่ อันเปน็ อำณำเขตของประเทศไทย
ก็ตำม แต่เมื่อพิจำรณำข้อบทท้ังหมดในคำแถลงกำรณ์ร่วมฯ ประกอบแผนที่หรือแผนผังแนบท้ำย
ซงึ่ จัดทำโดยประเทศกัมพูชำเพียงฝำ่ ยเดียว จะเหน็ ไดช้ ดั เจนวำ่ แผนที่ดงั กลำ่ วไดก้ ลำ่ วอ้ำงถึงพนื้ ที่ N ๑,
N ๒, และ N ๓ โดยไม่ได้กำหนดเขตของพ้ืนที่ดังกล่ำวให้ชัดเจนว่ำ ครอบคลุมส่วนใดของประเทศใด
เป็นจำนวนเท่ำใด ซ่ึงเป็นกำรสุ่มเส่ียงต่อผลกระทบในเร่ืองอำณำเขตของประเทศไทย อันเป็นปัญหำ
ละเอยี ดออ่ น และอำจกอ่ ใหเ้ กดิ ขอ้ พพิ ำทระหวำ่ งประเทศตอ่ ไปในภำยหนำ้ ได้
นอกจำกนี้ กำรที่ประเทศกมั พูชำเสนอข้ึนทะเบยี นปรำสำทพระวิหำรเป็นมรดกโลกนั้น
มีควำมเป็นมำทำงประวัติศำสตร์ ที่เป็นประเด็นถกเถียงกันในเรื่องของเส้นเขตแดน และขอบเขต
ที่ปรำสำทต้ังอยู่ ทั้งประเด็นทำงกำรเมือง และด้ำนสงั คม กำรทรี่ มว.กำรตำ่ งประเทศ เจรจำกับประเทศกัมพูชำ
ก่อนที่จะมีกำรลงนำมในแถลงกำรณร์ ่วมฯ นนั้ เล็งเหน็ ไดว้ ่ำ หำกลงนำมคำแถลงกำรณร์ ว่ มฯ ไปก็อำจกอ่ ให้เกิด
ควำมแตกแยกกันทำงด้ำนควำมคิดเห็น ของคนในสังคมท้ัง ๒ ประเทศ อีกท้ังอำจก่อให้เกิดวิกฤต
แก่ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศไทย - กัมพูชำ อันส่งผลกระทบต่อควำมมั่นคงทำงสังคมอย่ำงกว้ำงขวำง
คำแถลงกำรณ์รว่ มไทย - กัมพชู ำ หรอื Joint Communique กรณปี ระสำทพระวิหำร สนบั สนุนกมั พูชำ
ข้ึนทะเบียนปรำสำทพระวิหำรเป็นมรดกโลก ลงวันท่ี ๑๘ มิถุนำยน ๑๕๕๐ เป็นหนังสือสัญญำ
ที่อำจมีบทเปลี่ยนแปลงอำณำเขตประเทศไทย จึงเป็นหนังสือตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย
พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๑๙๐ วรรคสอง ที่ต้องผ่ำนควำมเห็นชอบจำกรัฐสภำ ทั้งยังมีผลกระทบ
ต่อควำมม่ันคงทำงสังคมของประเทศอย่ำงกว้ำงขวำงจึงต้องรับควำมเห็นชอบจำกรัฐสภำ
ตำมรฐั ธรรมนูญแหง่ รำชอำณำจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๑๙๐ วรรคสอง
๒.๕ การใช้แบบจ้าลองกายภาพ (Physical model) ในการวิเคราะห์ผลกระทบ
ต่อส่งิ แวดลอ้ มจากการก่อสรา้ งเข่ือนกนั คล่ืน ทา่ เทยี บเรอื และการถมทะเล
แบบจ้าลองกายภาพคอื อะไร
แบบจำลองกำยภำพหรือ Physical model เป็นกำร ซึ่งเป็นกำร “ย่อ” ขนำดของโครงสร้ำง
จริงลงมำในอัตรำส่วนที่เหมำะสม เพ่ือให้สำมำรถก่อสร้ำงลงในแอ่งคล่ืน (Wave basin) ซ่ึงมีกำรติดตั้ง
เคร่ืองกำเนิดคล่ืนและเซนเซอร์วัดคลื่นต่ำง ๆ ไว้ในแอ่งคล่ืนเพ่ือทำกำรตรวจวัดและนำผลต่ำง ๆ
ไปวิเครำะห์ต่อไป ส่วนแบบจำลองคณิตศำสตร์คือกำรใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในกำรคำนวณ
ดว้ ยสมกำรคณติ ศำสตร์
ประโยชน์ของแบบจา้ ลองกายภาพ
กำรใช้แบบจำลองกำยภำพจะสำมำรถช่วยในกำรวิเครำะห์กำรเปลี่ยนแป ลงชำยฝ่ังท่ีเกิดขึ้น
จำกกำรก่อสร้ำงโครงสร้ำงชำยฝ่ังประเภทต่ำง ๆ เพื่อให้สำมำรถวำงแผนหรือกำหนดมำตรกำรเพื่อลด
ผลกระทบหรอื ป้องกนั กำรเกิดผลกระทบดังกลำ่ ว กำรใชแ้ บบจำลองกำยภำพวเิ ครำะห์กำรก่อสร้ำงเข่ือนกันคล่ืน
ท่ำเทียบเรอื และกำรถมทะเลน้นั ผลท่ไี ด้รบั จำกกำรใช้แบบจำลองจะทำให้ทรำบถงึ ขอ้ มลู ตำ่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปนี้
๑. กำรเปล่ยี นแปลงชำยฝั่งบริเวณขำ้ งเคยี ง
๒. ผลกระทบจำกกำรเปลีย่ นแปลงของกำรเลี้ยวเบนของคลน่ื กับปลำยเข่อื นกนั คลนื่
หน้า | 38 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา
๓. ประสิทธิภำพในกำรกำบังคลื่นของเขื่อนกันคล่ืนท่ีสร้ำงใหม่ เพ่ือให้ทรำบว่ำเขื่อนกันคล่ืน
ท่สี ร้ำงข้นึ น้ัน จะสำมำรถกันคล่นื ใหก้ ับทำ่ เทียบเรอื ได้อยำ่ งมปี ระสิทธิภำพแคไ่ หน
๔. ผลกระทบกับท่ำเทียบเรือด้ำนใน เน่ืองจำกบำงคร้ังคลื่นที่ปะทะกับปลำยเขื่อนกันคลื่น
จะเกิดกำรเลี้ยวเบน ทำให้ควำมสูงคล่ืนในบำงบริเวณเพ่ิมมำกขึ้น ซ่ึงจะส่งผลกระทบต่อกำรจอดเรือ
และลำเลียงสินค้ำ
ข้อดขี องแบบจ้าลองทางกายภาพ
๑. สำมำรถจำลองเหตกุ ำรณ์ได้จริง ได้ไมต่ อ้ งมีควำมรดู้ ้ำนวศิ วกรรมชำยฝง่ั หรอื ไมต่ ้องเชย่ี วชำญ
สมกำรคณติ ศำสตร์
๒. แบบจำลองกำยภำพมีควำมถูกต้องแม่นยำกว่ำแบบจำลองคณิตศำสตร์ ถึงแม้ปัจจุบันจะมี
สมกำรคณิตศำสตร์ใช้อธิบำยปรำกฏกำรณ์ต่ำงๆ แต่สมกำรคณิตศำสตร์ดังกล่ำวน้ันไม่มีควำมถูกต้อง
อย่ำงสมบูรณ์ เพรำะยังมีปรำกฏกำรณ์อีกมำกมำยที่สมกำรทำงคณิตศำสตร์ยังอธิบำยไม่ได้ กำรใช้
แบบจำลองกำยภำพมีจุดเด่นคือ ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสมกำรใดๆ ตัวอย่ำงเช่น สมกำรคณิตศำสตร์
พ้ืนฐำนของคล่ืนที่ได้สมมติให้อนุภำคของน้ำไม่หมุนควงขณะเคล่ือนที่ ซ่ึงสมมติฐำนนี้ไม่เป็นควำมจริง
จึงหมำยควำมว่ำ แมแ้ ต่สมกำรพนื้ ฐำนของของคลื่นยงั ไมม่ ีควำมถกู ตอ้ ง กำรคำนวณอื่น ๆ ทีซ่ บั ซ้อนกวำ่
กย็ อ่ มไม่ถูกต้องดว้ ย
๓. สำมำรถเหน็ ผลลพั ธเ์ ชิงประจกั ษ์ สำมำรถเข้ำใจไดง้ ่ำยวำ่ จะเกดิ ผลกระทบอะไรขึน้
๔. กำรประยกุ ต์ใช้แบบจำลองกำยภำพ จะต้องเป็นหลกั และเสริมด้วยแบบจำลองคณิตศำสตร์
เพื่อเติมเต็มข้อด้อยของแบบจำลองแต่ละประเภท หำกใช้แต่แบบจำลองคณิตศำสตร์เพียงอย่ำงเดียว
กจ็ ะทำให้เกิดควำมผิดพลำดโดยเฉพำะโครงกำรขนำดใหญ่ที่อำจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
อยำ่ งมำก เชน่ โครงกำรถมทะเล โครงกำรกอ่ สร้ำงเขอ่ื นกนั คล่นื ขนำดใหญ่ กำรใช้แบบจำลองคณติ ศำสตร์น้นั
มีตวั แปรมำกมำย สมมตฐิ ำนมำกมำย อำจทำให้ผลกำรจำลองน้นั มคี วำมถูกต้องตำ่
๕. ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีสถำบันไหนที่มีแบบจำลองกำยภำพท่ีสำมำรถจำลองคล่ืน
ให้เสมือนจริงได้ เน่ืองจำกคลื่นในทะเลต้องเป็นแบบ Irregular wave กำรที่มีแบบจำลองกำยภำพ
จะสำมำรถพัฒนำประเทศได้อีกมำก ช่วยลดผลกระทบต่ำงๆ และทำให้โครงกำรที่ต้องกำรศึกษำนั้น
มคี วำมถูกตอ้ ง แข็งแรง และย่งั ยนื
ข้อด้อยของแบบจ้าลองทางกายภาพ
๑. ใชพ้ ้นื ท่ใี นกำรก่อสรำ้ ง ใชง้ บประมำณสูงในกำรติดตั้งเคร่ืองตีคล่ืน เซนเซอรต์ ำ่ ง ๆ
๒. กำรทำกำรจำลองด้วยแบบจำลองกำยภำพในแต่ละคร้งั อำจใช้เวลำหลำยเดือน เพรำะตอ้ งมี
กำรย่อสว่ นทกุ องค์ประกอบ ในกรณีทีจ่ ะจำลองผลกระทบของท่ำเทยี บเรอื กต็ ้องมีกำรป้นั กอ้ นหนิ แตล่ ะก้อน
มีกำรหำเม็ดพลำสติกเพื่อจำลองเป็นมวลทรำย ต้องมีกำรย่อส่วนพื้นท้องทะเลให้มีควำมลำดชัน
คล้ำยคลงึ กบั สภำพธรรมชำติ
๓. ค่ำใชจ้ ่ำยสูงในกำรจำลองแตล่ ะครง้ั สงู มำก เนื่องจำกเกี่ยวข้องกับแรงงำนมนษุ ยจ์ ำนวนมำก
๔. ไมย่ ืดหยนุ่ ถำ้ หำกก่อสร้ำงย่อส่วนผิดพลำด อำจต้องรื้อส่วนอ่นื ๆ ดว้ ย
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา หน้า | 39
๕. ไม่สำมำรถจำลอง ในแนวแกน Z ได้ กำรย่อส่วนจะย่อได้ถูกต้องเพียงในแนวแกน X
และแกน Y เชน่ หำกตอ้ งกำรจำลองพนื้ ทก่ี ว้ำง ๑๐๐ เมตร ลกึ ๑ เมตร ด้วยอัตรำสว่ น ๑ : ๑๐๐ ดงั นัน้
เม่ือย่อแล้วในแนวระนำบจะเหลือ ๑ เมตร แต่ในแนวด่ิงจะเหลือเพียง ๐.๐๑ เมตร ซึ่งไม่สำมำรถ
นำไปวิเครำะหไ์ ด้ ดังนน้ั แบบจำลองกำยภำพมักถูกใชก้ บั งำนทไ่ี มจ่ ำเป็นต้องพจิ ำรณำในแนวด่งิ
๖. ไม่สำมำรถจำลองสิ่งที่ตำมองไม่เห็น เช่น ในกรณีกำรจำลอง BOD หรือกำรแพร่กระจำย
ของตะกอน หรือกำรแพร่ของน้ำหล่อเยน็
ภาพที่ ๒๒ แบบจา้ ลองทางกายภาพ
หน้า | 40 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา
บทที่ ๓
วิธกี ารและการดา้ เนินการพิจารณาศกึ ษา
กำรพิจำรณำศึกษำ ผลกระทบจำกกำรถมทะเลตำมโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรม
มำบตำพุด คณะผู้ศึกษำได้กำหนดวิธีกำรพิจำรณำศึกษำ ระเบียบวิธีวิจัย (methodology) เพ่ือให้
กำรศกึ ษำบรรลุวัตถุประสงคท์ ว่ี ำงไว้ ซ่งึ คณะผูศ้ ึกษำใช้วิธีกำรวจิ ยั เชิงคณุ ภำพ (Qualitative Research)
โดยมีกำรเก็บรวบรวมข้อมูลท้ังท่ีเป็นข้อมูลปฐมภูมิ และข้อมูลทุติยภูมิ ประกอบด้วย รูปแบบ วิธีกำร
รวบรวมข้อมูล กำรสร้ำงเครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูล และวิธีกำรวิเครำะห์ข้อมูล โดยกำรศึกษำ
เชิงคณุ ภำพนี้ คณะผู้ศึกษำไดใ้ ชว้ ิธีกำรอันประกอบด้วย
๑) กำรวจิ ัยเชงิ เอกสำร (Documentary Research)
๒) กำรสัมภำษณ์เชิงลึกผู้เช่ียวชำญและผู้ทรงคุณวุฒิจำกหน่วยงำนท่ีเก่ียวข้อง (In - depth
Interview)
๓) กำรลงสำรวจพ้ืนที่โครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด เพ่ือรวบรวมข้อมูล
ทไ่ี ดจ้ ำกกำรสงั เกตกำรณ์ กำรบรรยำยสรุปและจำกกำรตอบขอ้ ซกั ถำมเชงิ ลึกจำกหนว่ ยงำน ผู้ปฏิบตั งิ ำน
และผู้ท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั โครงกำรพัฒนำท่ำเรอื อตุ สำหกรรมมำบตำพดุ
สำหรับกำรนำเสนอระเบียบวิธีกำรวิจัยน้ัน คณะผู้ศึกษำได้กำหนดกรอบและขอบเขต
ของกระบวนกำรวจิ ัย รวมท้ังได้ดำเนนิ กำรศึกษำรวบรวมข้อมูลและข้อสังเกตตำ่ ง ๆ มีรำยละเอียดดงั นี้
๓.๑ รูปแบบการศกึ ษา
กำรวิจัยเชิงคุณภำพ (Qualitative Research) ในครั้งน้ี ผู้ศึกษำเลือกใช้วิธีกำรเก็บรวบรวม
ข้อมูลโดยใช้เทคนิคกำรสัมภำษณ์แบบเจำะลึก (In-depth Interview) แบบก่ึงมีโครงสร้ำง (Semi
Structure interview) เพื่อให้ได้มำซ่ึงคำตอบที่เป็นควำมจริงตรงกับวัตถุประสงค์ของกำรศึกษำ ท้ังนี้
กำรสัมภำษณ์เจำะลึก ไม่ใช่กำรซักถำมประเด็นหรือกำรสัมภำษณ์รำยละเอียดด้วยคำถำมท่ีจัดไว้
เป็นจำนวนมำกมำยหลำกข้อ แต่เป็นกำรซักถำมประเด็นหลักท่ีผู้ศึกษำกำหนดไว้เพียงไม่ก่ีข้อเพื่อใช้
เป็นแนวทำงในกำรสัมภำษณ์ และกำรติดตำมซักถำมเพ่ิมเติม เพื่อให้เกิดควำมชัดเจนและได้ใจควำม
ในประเดน็ ท่ีสำคญั ทค่ี ณะผศู้ ึกษำจะสำมำรถนำข้อมูลมำวเิ ครำะห์ สงั เครำะห์ได้
สำหรับกำรศึกษำจำกเอกสำร ผู้ศึกษำได้ค้นคว้ำจำก รำยงำนผลกำรศึกษำ และข้อมูลต่ำง ๆ
เพ่ือนำไปสู่คำตอบ วิเครำะห์ข้อมูลเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของกำรศึกษำ อย่ำงเป็นระบบและเช่ือมโยง
แนวคิดที่เกี่ยวข้องกันตำมวัตถุประสงค์ของกำรศึกษำ โดยอำศัยข้อมูลท่ีได้มำสนับสนุนในส่วนที่เป็น
กำรสัมภำษณ์เชิงลึก (In-depth interview) จำกผเู้ ช่ียวชำญและผูท้ รงคุณวุฒจิ ำกหน่วยงำนท่เี ก่ยี วข้อง
และสนับสนุนข้อมูลท่ีได้จำกกำรสังเกตกำรณ์ กำรบรรยำยสรุปและจำกกำรตอบข้อซักถำมเชิงลึก
ของหน่วยงำน ผปู้ ฏิบตั ิงำนและผู้ท่ีเก่ียวข้อง จำกกำรลงสำรวจพื้นทีโ่ ครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรม
มำบตำพุด
คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒสิ ภา หนา้ | 41
๓.๒ การกา้ หนดผูใ้ หข้ อ้ มูลสา้ คัญ (Key Informants)
กำรกำหนดผู้ให้ข้อมลู สำคัญในกำรศกึ ษำ ผู้ศกึ ษำได้เสนอชื่อหนว่ ยงำนทจ่ี ะให้ข้อมลู ในกำรสัมภำษณ์
แบบเชิงลึก (In-depth interview) ประกอบดว้ ยผูเ้ ช่ียวชำญ ผูท้ รงคณุ วฒุ ิ และผู้เกย่ี วข้องจำกท้ังภำครัฐ
และภำคเอกชน ตำมวัตถุประสงค์และกรอบแนวคิดที่ตั้งไว้ กำรสัมภำษณ์เป็นกำรสัมภำษณ์เชิงลึก
(In-depth interview) แบบกึ่งมีโครงสร้ำง (Semi Structure interview) ท่ีผู้ศึกษำสร้ำงรูปแบบข้ึน
ตำมวัตถุประสงค์ของกำรศึกษำเพ่ือใช้เก็บข้อมูล ทำกำรแจ้งวัตถุประสงค์พร้อมท้ังรำยละเอียด
ของกำรศกึ ษำให้ผูใ้ หข้ อ้ มูลทรำบ ในกำรสมั ภำษณผ์ ู้ศกึ ษำจะใช้กำรสมั ภำษณ์แบบเชิงลกึ กลมุ่ ผู้เชีย่ วชำญ
ผทู้ รงคุณวุฒิ ตวั แทนหนว่ ยงำนรำชกำรและภำคเอกชนท่เี กี่ยวข้อง
ผศู้ ึกษำจะทำกำรสัมภำษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ โดยใช้กำรสัมภำษณ์แบบก่งึ มีโครงสรำ้ ง (Semi
Structure interview) โดยผ้ใู ห้ขอ้ มูลสำคัญประกอบดว้ ย
๑. การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอข้อมูลในภำพรวมและแสดงควำมคิดเห็น
ต่อคณะผู้ศึกษำ ดงั น้ี
สถานการณ์ด้าเนินการของโครงการพัฒนาทา่ เรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด
กำรดำเนินโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะท่ี ๓ นั้น คณะรัฐมนตรี
มีมติเม่ือวันที่ ๑ ตุลำคม ๒๕๖๒ เห็นชอบกำรลงทุนโครงกำรขยำยพื้นท่ีนิคมอุตสำหกรรมมำบตำพุด
และได้มีกำรลงนำมสัญญำร่วมลงทุนโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดระยะที่ ๓
ระหว่ำงกำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทยและบริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด
เมื่อวันที่ ๑ ตุลำคม ๒๕๖๒ และในเวลำต่อมำโครงกำรนี้ได้รับอนุญำตให้ปลูกสร้ำงส่ิงล่วงล้ำลำน้ำ
จำกกรมเจ้ำท่ำตำมพระรำชบัญญัติกำรเดินเรือในน่ำนน้ำไทย พุทธศักรำช ๒๔๕๖ เรียบร้อยแล้ว
เม่ือเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๓ อย่ำงไรก็ตำม โครงกำรดังกล่ำวไม่ได้ทำกำรศึกษำผลกระทบ
ต่อกำรเปล่ียนแปลงเส้นเขตแดนทำงทะเล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกฎหมำยทำงทะเลระหว่ำงประเทศ
เน่ืองจำกกำรถมทะเลเพ่ือก่อสร้ำงท่ำเรือในระยะท่ี ๓ เป็นกำรดำเนินกำรตำมแผน ท้ังนี้ คณะผู้ศึกษำ
ขอให้กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย ส่งแบบโครงสร้ำงของโครงกำรท่ำเรอื อุตสำหกรรมมำบตำพุด
ระยะท่ี ๓ ให้กับกรมอุทกศำสตร์ เพ่ือใช้ประกอบในกำรคำนวณกำรเปลี่ยนแปลงเส้นเขตแดนทำงทะเล
ตอ่ ไป
การประเมินผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มและสุขภาพ EHIA
โครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดระยะที่ ๓ ได้รับควำมเห็นชอบจำก
คณะกรรมกำรผู้ชำนำญกำรและนำรำยงำน EHIA เสนอคณะกรรมกำรส่ิงแวดล้อมแห่งชำติ
สำนักนโยบำยและแผนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม มีแนวทำงในกำรจัดทำรำยงำน EHIA
ด้ำนโครงสร้ำงพื้นฐำนทำงน้ำให้อยู่ภำยใต้กรอบที่กำหนด กำรมีส่วนร่วมกับประชำชนในกระบวนกำร
พิจำรณำ EIA มีกำรกำหนดแนวทำงด้ำนสุขภำพที่ชัดเจน ในกำรพิจำรณำรำยงำน EHIA โดยเน้น
ในประเด็นท่ีสำคัญต่ำง ๆ ซ่ึงกำรพิจำรณำของสำนักนโยบำยและแผนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม
จะมผี ู้เช่ยี วชำญในดำ้ นตำ่ ง ๆ เป็นผู้พิจำรณำให้เปน็ ไปอยำ่ งละเอยี ดรอบคอบมำกที่สดุ
หนา้ | 42 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา
โครงกำรพัฒนำท่ำเรอื อุตสำหกรรมมำบตำพุดระยะที่ ๓ มีกำรจัดทำกำรวิเครำะห์ผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมและสุขภำพ ( Environmental Health impact Assessment: EHIA) โดยนำเสนอ
คณะกรรมกำรสิ่งแวดล้อมแห่งชำติ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๖๒ ส่วนกรมเจ้ำท่ำในฐำนะหน่วยงำน
พิจำรณำอนุญำตให้ก่อสร้ำงสง่ิ ลว่ งล้ำลำน้ำ ได้นำโครงกำรดงั กลำ่ วเข้ำสกู่ ระบวนกำรรับฟงั ควำมคิดเห็น
เม่อื วันที่ ๒๑ สิงหำคม ๒๕๖๒ และคณะรัฐมนตรไี ด้มมี ติเหน็ ชอบกำรลงทนุ เมอ่ื วันที่ ๑ ตลุ ำคม ๒๕๖๒
และกำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทยได้ลงนำมในสัญญำกับบริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี
เทอร์มินอล จำกดั เม่ือวันท่ี ๑ ตลุ ำคม ๒๕๖๒
ส่วนกำรเลือกใช้แบบจำลองเพ่ือประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะต้องเลือกแบบจำลอง
ที่ได้รับกำรยอมรับให้ใช้ในระดับสำกล ทั้งนี้ กำรเลือกใช้แบบจำลองจะต้องคำนึงถึงบริบทของแต่พ้ืนที่
เพื่อให้มีควำมสอดคล้องกัน ในกำรใช้แบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) น้ันเกิดข้ึนได้ยำก
เนื่องจำกจะต้องลงทุนในกำรก่อสร้ำงสูง และกำรทดสอบแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model)
ใชร้ ะยะเวลำทนี่ ำน
๒. ส้านักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้นำเสนอข้อมูลในภำพรวมและแสดงควำมคิดเห็น
ตอ่ คณะผ้ศู กึ ษำ ดงั น้ี
กำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะท่ี ๑ และระยะที่ ๒ มีกำรคำนึงถึง
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยมีกำรจัดทำรำยงำนผลกระทบส่ิงแวดล้อม กำรปฏิบัติตำมมำตรกำรป้องกัน
และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมำตรกำรติดตำม ตรวจสอบ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่ำงต่อเน่ือง
และมีกำรส่งรำยงำนให้สำนักนโยบำยและแผนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมและหน่วยงำน
ในพื้นทท่ี ีเ่ ก่ียวขอ้ งไม่วำ่ จะเป็นในสว่ นของจังหวัดหรอื ท้องถ่ินไดร้ ับทรำบรำยงำน
ในกำรบริหำรจัดกำรได้ให้ควำมสำคัญในกำรติดตำม ตรวจสอบคุณภำพส่ิงแวดล้อม
บริเวณท้องทะเลในเขตรัศมีที่ EIA ได้กำหนดเอำไว้ มีเรือตรวจกำรเพ่ือตรวจสอบกำรร่ัวไหลของน้ำมัน
มีคณะกรรมกำรไตรภำคีโดยเป็นกำรร่วมกันกันระหว่ำงกำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย
หน่วยงำนรำชกำรในพน้ื ท่ี (จงั หวัด อำเภอ และท้องถน่ิ ) และผู้แทนภำคประชำชน ทำหนำ้ ที่ในกำรตรวจสอบ
และติดตำมสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่ำงต่อเน่ือง ในบริเวณพ้ืนท่ีมำบตำพุดคอมเพล็กซ์มีโครงกำร
ธรรมำภิบำลสิ่งแวดล้อม ทำ่ เรืออุตสำหกรรมจะอยู่ในโครงกำรน้ีด้วย มีกำรตรวจสอบโรงงำนอย่ำงน้อย
จำนวน ๒ คร้ังต่อปี มีกำรประเมินในด้ำนสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมที่จะต้องเป็นไปในทิศทำง
เดยี วกนั ไดอ้ ย่ำงยัง่ ยนื
โครงกำรท่ำเรอื อุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะท่ี ๓ มกี ำรจัดทำกำรวิเครำะห์ผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมและสุขภำพ ( Environmental Health Impact Assessment: EHIA) โดยนำเสนอ
คณะกรรมกำรส่ิงแวดล้อมแห่งชำติ เมื่อวันท่ี ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๖๒ กรมเจ้ำท่ำในฐำนะหน่วยงำน
พิจำรณำอนุญำตใหก้ ่อสร้ำงสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ไดน้ ำโครงกำรดงั กล่ำวเข้ำสกู่ ระบวนกำรรับฟังควำมคดิ เห็น
เมื่อวันที่ ๒๑ สงิ หำคม ๒๕๖๒ และคณะรฐั มนตรีได้มีมติเห็นชอบกำรลงทุนเม่อื วันที่ ๑ ตลุ ำคม ๒๕๖๒
และกำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทยได้ลงนำมในสัญญำกับบริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี
เทอรม์ นิ อล จำกดั เมอ่ื วันที่ ๑ ตลุ ำคม ๒๕๖๒
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา หน้า | 43
๓. กระทรวงการต่างประเทศ ได้นำเสนอข้อมูลในภำพรวมและแสดงควำมคิดเห็น
ต่อคณะผู้ศึกษำ ดงั นี้
รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ มำตรำ ๑๗๘ กำหนดเร่ือง
กำรทำหนังสอื สญั ญำซงึ่ จะต้องประกอบด้วย
(๑) เปน็ กำรกระทำของรฐั ต่อรัฐ
(๒) เปน็ ลำยลักษณ์อกั ษร
(๓) เพอื่ ประโยชนแ์ ห่งรฐั อันอำจมผี ลกระทบต่อเศรษฐกิจในภำพรวม
กรณีท่ีหนังสือสัญญำมีผลกระทบอำนำจอธิปไตย หรือกำรออกพระรำชบัญญัติรองรับ
พันธกรณี ส่งผลต่อควำมม่ันคง หรือส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคม กรณีท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด
เปน็ กำรกระทำฝ่ำยเดียวของรฐั และคูก่ รณีไมใ่ ชร่ ัฐ จงึ ไม่ตอ้ งได้รบั กำรรบั รองจำกรัฐสภำ
สำหรับผ่ำนเคยมีคำวินิจฉัยมำตรำ ๑๙๐ ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย
พุทธศักรำช ๒๕๔๐ กรณีประเทศไทยเข้ำร่วมเป็นภำคีอนุสัญญำควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ
ซึ่งเขำ้ องคป์ ระกอบที่จะตอ้ งได้รบั กำรพิจำรณำจำกรัฐสภำ และมีกำรตรำพระรำชบญั ญตั ริ องรบั
๔. กรมเจ้าทา่ ได้นำเสนอขอ้ มูลในภำพรวมและแสดงควำมคดิ เห็นตอ่ คณะผศู้ กึ ษำ ดังนี้
กำรดำเนินโครงกำรพฒั นำท่ำเรอื อุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะที่ ๓ น้ัน กำรนิคมอตุ สำหกรรม
แห่งประเทศไทยได้รับอนุญำตให้ปลูกสร้ำงส่ิงล่วงล้ำลำน้ำจำกกรมเจ้ำท่ำ ตำมพระรำชบัญญัติกำรเดินเรือ
ในน่ำนน้ำไทย พุทธศักรำช ๒๔๕๖ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๓ โดยในกำรพิจำรณำ
ออกใบอนญุ ำตนัน้ เป็นไปตำมหลักเกณฑ์และวิธีกำรท่ีกำหนดในกฎกระทรวงออกตำมควำมในมำตรำ ๑๑๗
วรรคสองของ พระรำชบัญญัติกำรเดินเรือในน่ำนน้ำไทย พุทธศักรำช ๒๔๕๖ ซ่ึงขณะน้ีตำมหลักเกณฑ์
ท่ีกำหนดในกฎกระทรวงน้ัน ยังไม่มีเงื่อนไขกำรพิจำรณำในเรื่องผลกระทบที่จะมีต่อกำรเปลี่ยนแปลง
เส้นแนวเขตทำงทะเลแต่อย่ำงใด อย่ำงไรก็ตำม เร่ืองเส้นเขตแดนของประเทศน้ันถือว่ำมีควำมสำคัญ
ดังนั้น กำรอนุญำตให้ปลูกสร้ำงส่ิงล่วงล้ำลำน้ำในพ้ืนที่มีควำมอ่อนไหวท่ีอำจกระทบเส้นเขตแดน
ทำงทะเลหรือมีผลกระทบต่อเขตพรมแดนของประเทศเพื่อนบ้ำนต่อไป จะต้องมีกำรบูรณำกำร
กับกรมอุทกศำสตร์ในกำรนำข้อมูลพนื้ ท่มี ีควำมอ่อนไหวและประเดน็ พิจำรณำในเรอ่ื งท่อี ำจมผี ลกระทบ
ต่อเขตพรมแดนของประเทศเพ่ือนบ้ำน มำหำรือร่วมกันและนำข้อมูลมำประกอบเพ่ือใช้เป็นแนวทำง
กำรพิจำรณำได้ รวมถึงได้เสนอให้มีกำรแก้ไขเพ่ิมเติมกฎกระทรวงที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีกำร
ในกำรอนุญำตปลูกสร้ำงส่ิงล่วงล้ำลำน้ำท่ีออกตำมควำมในมำตรำ ๑๑๗ วรรคสองของ พระรำชบัญญัติ
กำรเดินเรือในน่ำนน้ำไทย พุทธศักรำช ๒๔๕๖ ให้ครอบคลุมประเด็นพิจำรณำเร่ืองผลกระทบ
ตอ่ เส้นเขตแดนทำงทะเลดว้ ย
๕. กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ได้นำเสนอข้อมูลในภำพรวมและแสดงควำมคิดเห็น
ตอ่ คณะผศู้ กึ ษำ ดังน้ี
ผลกระทบจำกกำรก่อสร้ำงโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะที่ ๓
ต่อเส้นเขตแดนทำงทะเล กฎหมำยท่ีเก่ียวข้องกับท่ำเรือต่ำง ๆ ในทะเลเป็นไปตำมอนุสัญญำ
สหประชำชำติว่ำด้วยกฎหมำยทะเล ค.ศ. ๑๙๘๒ (UNCLOS) ในข้อ ๑๑ ซึ่งบัญญัติเกี่ยวกับท่ำเรือไว้ว่ำ
“เพ่ือควำมมุ่งประสงค์ในกำรกำหนดขอบเขตของทะเลอำณำเขต สิ่งก่อสร้ำงถำวรตอนนอกสุดของ
เขตท่ำ ซึ่งประกอบเป็นส่วนอันแยกออกมิได้ของระบบกำรท่ำน้ัน ให้ถือว่ำประกอบเป็นส่วนของฝ่ังทะเล
หนา้ | 44 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา
สิ่งติดต้งั นอกฝั่งและเกำะเทียมมใิ ห้ถอื วำ่ เป็นส่ิงกอ่ สร้ำงถำวรของเขตทำ่ ” โดยสรุปว่ำทำ่ เรือสำมำรถสรำ้ ง
เปน็ ส่วนหนึ่งของเส้นฐำนได้ เช่นเดยี วกับแนวนำ้ ลดต่ำสุดบนแผนท่ี
หนังสือเทคนคิ เกี่ยวกับกฎหมำยของทะเล (technical state on the law of the sea)
ในข้อ ๔.๕.๑ ระบุไว้ว่ำ สิ่งก่อสร้ำงถำวร เช่น ท่ำเรือ เขื่อนกันคลื่น หรือเขื่อนป้องกันร่องน้ำต่ำง ๆ
รวมถงึ เข่ือนป้องกนั ตล่งิ ท่ีอยู่เหนือระดับนำ้ ลงต่ำสดุ แต่ไม่รวมถงึ แนวท่อนำ้ ทิ้งให้ถอื เปน็ ส่ิงกอ่ สร้ำงชำยฝ่ัง
สำมำรถกำหนดเป็นเสน้ ฐำนในกำรกำหนดเขตทำงทะเลได้
กรมอุทกศำสตร์ได้ทำกำรทดลองผลกระทบต่ำง ๆ ของท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด
ทมี่ ีผลตอ่ เส้นฐำนในปัจจุบัน พบวำ่ เม่ือเปรียบเทียบเส้นฐำนปกตทิ ี่ไม่มกี ำรก่อสร้ำงท่ำเรืออุตสำหกรรม
มำบตำพุด ระยะท่ี ๑ และระยะท่ี ๒ ทำให้ทะเลอำณำเขตมีพ้ืนท่ีเพ่ิมข้ึนจำนวน ๑๒ ตำรำงกิโลเมตร
แต่ไม่กระทบต่อเส้นเขตแดนเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเพำะ และเมื่อมีกำรก่อสร้ำงท่ำเรืออุตสำหกรรม
มำบตำพุด ระยะที่ ๓ จะทำให้มีพื้นที่ทะเลอำณำเขตเพ่ิมขึ้นเป็น ๒๘ ตำรำงกิโลเมตร แต่ไม่กระทบ
ต่อเส้นเขตแดนเขตเศรษฐกจิ พิเศษจำเพำะเช่นกัน
เน่ืองจำกที่ตั้งท่ำเรือท่ียื่นออกไปน้ัน มีเกำะเสม็ด และเกำะจวงขนำบอยู่ แม้จะไม่กระทบ
ต่อเขตต่อเนื่องและเขตเศรษฐกิจจำเพำะ รวมท้ัง ไหล่ทวีป แต่อำจกระทบต่อเสรีภำพในกำรเดินเรือ
ของรัฐอื่น และกำรบังคับใช้กฎหมำยของรัฐชำยฝ่ัง (ประเทศไทย) ได้โดยต้องเป็นใช้สิทธิในกำรผ่ำน
โดยสจุ ริตในบริเวณทข่ี ยำยออกไป
ในสว่ นของเขตแดนทำงทะเลทำ่ เรืออุตสำหกรรมมำบตำพดุ ไม่มีผลตอ่ เขตแดนทำงทะเล
ระหว่ำงประเทศไทยและรำชอำณำจักรกัมพูชำ ส่วนที่มีผลต่อเขตแดนทำงทะเลระหว่ำงประเทศไทย
และรำชอำณำจักรกัมพูชำจะอยู่ในส่วนของภำคใต้ประเทศไทย ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปแต่ในส่วน
ของจงั หวัดระยองและจนั ทบุรอี ำจมผี ลกระทบน้อยมำกหรืออำจจะไม่มเี ลย
ดงั น้ัน จำกกำรทดลองของกรมอุทกศำสตร์ พบว่ำ กำรสร้ำงทำ่ เรอื อตุ สำหกรรมมำบตำพุด
จะมีผลกระทบต่อพ้ืนท่ีทะเลอำณำเขตท่ีเพ่ิมขึ้นแต่ไม่มีผลกระทบต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเพำะ
เนื่องจำกอิทธิพลจำกเกำะเสม็ดและเกำะจวงที่ขนำบอยู่ ผลกระทบเขตแดนทำงทะเลไม่มีผลเน่ืองจำก
ทิศทำงของ Coastal Front ชำยฝ่ังทะเลภำคตะวันออกและเส้นเขตแดนมีทิศทำงไปในภำคใต้
ของประเทศไทย
๖. ส้านักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ได้นำเสนอข้อมูล
ในภำพรวมและแสดงควำมคดิ เห็นตอ่ คณะผ้ศู ึกษำ ดังน้ี
สำนักนโยบำยและแผนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมให้ควำมสำคัญกับโครงกำร
พัฒนำขนำดใหญ่ และโครงกำรพัฒนำท่ำเรอื อุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะท่ี ๓ ไดร้ บั ควำมเห็นชอบจำก
คณะกรรมกำรผู้ชำนำญกำร (คชก.) และนำรำยงำน EHIA เสนอคณะกรรมกำรส่ิงแวดล้อมแห่งชำติ
(กก.วล.) สำนักนโยบำยและแผนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมมีแนวทำงในกำรจัดทำรำยงำน
EHIA ด้ำนโครงสร้ำงพ้ืนฐำนทำงน้ำให้อยู่ภำยใต้กรอบที่กำหนด กำรมีส่วนร่ว มกับประชำชน
ในกระบวนกำรพิจำรณำ EIA มีกำรกำหนดแนวทำงทำงด้ำนสุขภำพท่ีชัดเจน ในกำรพิจำรณำรำยงำน
EHIA โดยเนน้ ในประเดน็ ท่สี ำคัญต่ำง ๆ ซง่ึ กำรพจิ ำรณำของสำนักนโยบำยและแผนทรพั ยำกรธรรมชำติ
และส่งิ แวดลอ้ มจะมผี ้เู ชย่ี วชำญในดำ้ นตำ่ ง ๆ เปน็ ผู้พจิ ำรณำและจะเป็นไปอยำ่ งละเอยี ดรอบคอบมำกที่สดุ
คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒิสภา หนา้ | 45
สำหรับในกรณีมีข้อเสนอควำมเห็นท่ีหลำยประเทศในกำรประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ที่เกิดในน้ำเช่นกำรกัดเซำะชำยฝั่งจำกสิ่งก่อสร้ำงต่ำงๆในทะเล ซ่ึงนอกจำกที่มีกำรใช้แบบจำลอง
ทำงคณิตศำสตร์ LITPACK แล้ว ยังมีแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) ท่ีสำมำรถใช้ในกำรประเมิน
ผลกระทบส่ิงแวดล้อมได้ และหน่วยงำนท่ีเก่ียวข้องกับกำรประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของไทย
มคี วำมเห็นอย่ำงไรกับกำรนำแบบจำลองทง้ั ๒ แบบ มำใช้ในกำรประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมร่วมกัน
อย่ำงไรบ้ำง ซ่ึงผู้แทนสำนักนโยบำยและแผนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม ได้ให้ควำมเห็นว่ำ
กำรเลือกใช้แบบจำลองเพื่อประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะต้องเลือกแบบจำลองที่ได้รับกำรยอมรับ
ให้ใช้ได้ในระดับสำกล ท้ังน้ี กำรเลือกใช้แบบจำลองจะต้องคำนึงถึงบริบทของแต่พ้ืนท่ีเพ่ือให้มี
ควำมสอดคล้องกัน ในกำรใช้แบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) น้ัน เกิดขึ้นได้ยำกเนื่องจำก
จะต้องลงทุนในกำรก่อสร้ำงสูง และกำรทดสอบแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model)
ใชร้ ะยะเวลำท่ีนำน
๗.บรษิ ทั ทจ่ี ดั ท้ารายงานการประเมินผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มของโครงการ ได้นำเสนอขอ้ มูล
ในภำพรวมและแสดงควำมคิดเห็นต่อคณะผู้ศกึ ษำ ดงั นี้
กำรพยำกรณ์ไปในอนำคตในอีก ๒๕ ปี ข้ำงหน้ำ ด้วยแบบจำลองทำงคณิตศำสตร์ LITPACK
ด้ำนชำยฝัง่ ตะวันออกและชำยฝั่งตะวนั ตก พบวำ่
ชำยฝ่ังด้ำนตะวันออก พบว่ำ ท้ังสองกรณีไม่มีควำมแตกต่ำงกันนั่นคือ ชำยฝ่ังด้ำนตะวันออก
จะไมไ่ ด้รับผลกระทบจำกกำรพฒั นำโครงกำร เน่ืองจำกมแี นวหนิ ทงิ้ (Detach Break Water) ยำวตลอดแนวอยูแ่ ลว้
ชำยฝั่งด้ำนตะวันตก พบว่ำ มีกำรกัดเซำะและทับถมตำมสภำพธรรมชำติ เน่ืองจำกอิทธิพล
ของโครงสร้ำงชำยฝ่ังท่ีมีอยู่เดิม เช่น ท่ำเรือประมงและรอดักทรำยต่ำงๆ ซ่ึงแม้จะไม่มีกำรพัฒนำโครงกำร
ชำยฝัง่ ด้ำนตะวันตกของทำ่ เรอื อุตสำหกรรมมำบตำพุดในบำงพืน้ ท่กี จ็ ะถกู กดั เซำะหรอื ทบั ถมอยู่แล้ว
มาตรการปอ้ งกนั และแก้ไขผลกระทบส่ิงแวดล้อม และมาตรการตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบ
สิ่งแวดลอ้ ม
มาตรการตดิ ตามตรวจสอบ (ระยะก่อสร้าง)
- ติดตำมตรวจสอบกำรเปลี่ยนแปลงชำยฝั่งโดยกำรสำรวจควำมลึกสำรวจระดับขอบฝั่ง
และจัดทำรูปตดั หำด สำรวจ ๑ ครง้ั กอ่ นดำเนินกำรกอ่ สรำ้ ง
มาตรการตดิ ตามตรวจสอบ (ระยะด้าเนนิ การ)
- ติดตำมตรวจสอบกำรเปล่ียนแปลงชำยฝง่ั โดยกำรสำรวจอตั รำควำมเร็วของกระแสลม ทิศทำง
ของกระแสลม ลักษณะของคล่ืนในทะเล กำรเคล่ือนย้ำยของมวลทรำย กำรงอกของมวลทรำย
และกำรกัดเซำะชำยฝั่ง สำรวจด้ำนทศิ ตะวันตกและตะวันออกของทำ่ เรอื ปีละ ๑ ครั้ง ตลอดระยะเวลำ
ดำเนนิ กำร
ลักษณะทางสมทุ รศาสตร์
มาตรการปอ้ งกนั และแกไ้ ข (ระยะก่อสรา้ ง)
๑) หลกี เล่ยี งกำรขุดลอกและถมทะเลในช่วงท่ีมีคลน่ื ลมแรง (คล่นื สูงกวำ่ ๑.๕ เมตร) เพอื่ ป้องกัน
คล่ืนลมซ่งึ เปน็ ตน้ เหตุของกำรฟุ้งกระจำยของตะกอน
หน้า | 46 คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒสิ ภา
๒) กำหนดให้ใช้เรือขุดแบบดูด (Cutter Suction Dredger) สูบถ่ำยดินทรำยที่ขุดได้ผ่ำนท่อ
ไปยงั บรเิ วณท่จี ะถมทะเลซ่งึ สำมำรถลดกำรฟุง้ กระจำยของตะกอนลงได้มำก
๓) ก่อสร้ำงตำมขั้นตอนท่กี ำหนดไว้ รวมทัง้ ใช้เคร่ืองมืออุปกรณต์ ำมท่ีกำหนด และควบคุมดูแล
ใหม้ กี ำรขนยำ้ ยตะกอนไปยงั จุดทีก่ ำหนดอยำ่ งเครง่ ครัด
๔) ติดต้ังม่ำนกันตะกอนโดยรอบบริเวณที่จะทำกำรขุดลอกและบริเวณจุดปล่อยน้ำออกจำก
พื้นทถี่ มทะเล เพอื่ ปอ้ งกันกำรฟงุ้ กระจำยของตะกอน
นเิ วศวิทยาทางทะเล
มาตรการปอ้ งกันและแก้ไข (ระยะกอ่ สรา้ ง)
๑) กำหนดให้มีกำรควบคุมกำรร่ัวไหลของน้ำมนั จำกเครอ่ื งยนตเ์ รือ
๒) น้ำเสียและของเสียท่ีเกิดขึ้นในเรือจะต้องเก็บรวบรวมข้ึนมำบำบัดบนฝ่ัง โดยส่งไปให้
หนว่ ยงำนทไี่ ดร้ ับอนุญำตจำกทำงรำชกำรกำจัด ซึ่งไมม่ ีกำรปลอ่ ยนำ้ เสยี และของเสยี ลงทะเลโดยเด็ดขำด
๓) ติดตั้งม่ำนกันตะกอนโดยรอบบริเวณที่จะทำกำรขุดลอกและบริเวณจุดปล่อยน้ำออกจำก
พ้ืนทถ่ี มทะเล เพื่อป้องกนั กำรฟงุ้ กระจำยของตะกอน
๔) สนับสนุนกิจกรรมในชุมชนของชำวประมงเรือเล็กพืน้ บ้ำน ไดแ้ ก่ โครงกำรอบรมกำรแปรรูป
สตั วน์ ำ้ โครงกำรเพำะเลย้ี งปลำกำรต์ นู เชิงพำณิชย์ โครงกำรอบรบเพื่ออนรุ ักษส์ ่งิ แวดล้อม (ตัวอยำ่ งเช่น
โครงกำรฟื้นฟูทรัพยำกรและระบบนิเวศทำงทะเล) โครงกำรแนะแนวกำรศกึ ษำ โครงกำรเปิดโลกทำ่ เรือ
อตุ สำหกรรมมำบตำพุด และสอบถำมปญั หำในกำรประกอบอำชพี อย่เู สมอ
การประมงและการเพาะเลยี งสตั ว์น้า
มาตรการป้องกนั และแกไ้ ข (ระยะก่อสรา้ ง)
๑) ประชำสัมพันธ์ให้ประชำชนโดยรอบพื้นที่โครงกำร ได้รับทรำบแผนกำรก่อสร้ำงล่วงหน้ำ
ก่อนดำเนนิ กำร
๒) ให้ผู้แทนชุมชนมีส่วนร่วมในกำรติดตำมตรวจสอบผลกระทบส่ิงแวดล้อมในระยะก่อสร้ำง
และสรุปผลกำรตดิ ตำมตรวจสอบใหช้ ุมชนได้รบั ทรำบ
๓) กำหนดให้มีศูนยร์ บั เรื่องร้องเรยี น/ตอบข้อสงสยั ประชำชน
๔) กำหนดให้กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดต้ัง “กองทุนหลักประกัน
ควำมเสียหำยฉุกเฉินและพัฒนำคุณภำพชีวิตของประชำชน” โดยจัดตั้งก่อนเริ่มก่อสร้ำงโครงกำร
ไม่น้อยกว่ำ ๑ เดือน
๕) กำหนดให้มีกำรสรรหำหรือแต่งต้ังคณะกรรมกำรติดตำมตรวจสอบด้ำนสิ่งแวดล้อม
และมวลชนสมั พนั ธ์
๖) เพ่ือสร้ำงควำมมน่ั ใจให้กับประชำชน ทำงโครงกำรไดเ้ ปดิ ให้ประชำชน/ผู้นำชุมชนทอ่ี ยูใ่ กล้โครงกำร
สำมำรถขอเขำ้ ดพู ืน้ ทโ่ี ครงกำรได้
๗) จดั ใหม้ ีกำรประชำสมั พนั ธ์/เผยแพรข่ ้อมูลกำรดำเนนิ งำนโครงกำร
๘) กำหนดใหม้ ศี นู ยร์ บั เรอ่ื งร้องเรียน/ตอบขอ้ สงสัยประชำชน
๙) กำหนดให้กำรนคิ มอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมเป็นคณะกรรมกำรบริหำรกองทุน
“กองทนุ หลกั ประกันควำมเสยี หำยฉุกเฉินและพัฒนำคุณภำพชวี ติ ของประชำชน”
คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒิสภา หน้า | 47
๑๐) กำหนดให้กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมเป็นคณะกรรมกำรติดตำม
ตรวจสอบด้ำนสงิ่ แวดลอ้ มและมวลชนสัมพันธ์ ตอ่ เนื่องจำกระยะกอ่ สร้ำง
คณุ ภาพอากาศ
มาตรการป้องกันและแกไ้ ข (ระยะก่อสร้าง)
๑) ฉดี พรมน้ำบนถนนในบริเวณพ้นื ท่ีกอ่ สรำ้ งและพ้ืนทกี่ องเก็บวสั ดุ
๒) ตรวจสอบเคร่ืองมอื เครื่องจกั ร และเครื่องยนต์ ใหอ้ ยู่ในสภำพดอี ยเู่ สมอ
๓) ดแู ลบำรุงรกั ษำพ้ืนถนนอย่ำงสม่ำเสมอ
๔) รถบรรทุกวสั ดตุ ้องมีผำ้ ใบคลมุ ระหวำ่ งกำรขนส่ง และลำ้ งล้อรถก่อนออกจำกพ้นื ที่กอ่ สร้ำง
๕) ล้ำงล้อรถบรรทุกก่อนออกจำกพ้ืนที่ก่อสร้ำงและแหล่งวัสดุทุกคร้ังเพื่อป้องกันเศษดิน หิน
ทรำย ตดิ ล้อรถไปตกบนทำงหลวง และลดกำรฟงุ้ กระจำยของฝ่นุ ละออง
๖) รถยนต์ทใี่ ชบ้ รรทุกวัสดหุ รือคนงำน ต้องดบั เคร่อื งยนตท์ กุ คร้งั ที่จอดรอ
๗) กำหนดให้คนงำนก่อสร้ำงที่ปฏิบัติงำนในบริเวณพื้นที่มีฝุ่นละอองจะต้องสวมใส่อุปกรณ์
ป้องกันฝ่นุ ละอองตำมประเภทฝนุ่ ละอองนน้ั ๆ
คณุ ภาพนา้
มาตรการปอ้ งกนั และแกไ้ ข (ระยะก่อสร้าง)
๑) ต้องมีบ่อพักน้ำเสียจำกห้องน้ำห้องส้วมท่ีรองรับน้ำท้ิงได้อย่ำงน้อย ๓ วันก่อนระบำยออกสู่
ภำยนอก
๒) ติดต้ังม่ำนกันตะกอนโดยรอบบริเวณท่ีจะทำกำรขุดลอกและบริเวณจุดปล่อยน้ำออกจำก
พน้ื ทีถ่ มทะเล เพอ่ื ป้องกันกำรฟุ้งกระจำยของตะกอน
๓) หยดุ กิจกรรมกำรขดุ ลอกกรณีท่ีมกี ำรรั่วไหลของตะกอนออกจำกทอ่ หรือเรอื ขุด
๔) ในกำรขุดลอกและถมทะเล ต้องควบคุมปริมำณสำรแขวนลอยในน้ำทะเลไม่ให้เกินค่ำมำตรฐำน
คุณภำพนำ้ ทะเล
๕) ตรวจสอบท่อสูบตะกอนให้อยู่ในสภำพใช้งำนได้ดีอยู่เสมอ ป้องกันกำรแตกร้ำวของท่อ
และป้องกันกำรร่วั ไหลของตะกอนออกสูท่ ะเล
มาตรทางเสยี ง
มาตรการปอ้ งกนั และแกไ้ ข (ระยะก่อสร้าง)
๑) จัดวำงเครือ่ งจักรหรอื เครื่องยนต์ทีม่ ีเสยี งดงั ใหอ้ ยูห่ ่ำงจำกชมุ ชนให้มำกทส่ี ุด
๒) วำงแผนกำรทำงำนให้เหมำะสม โดยหลีกเลี่ยงกำรใช้งำนเครื่องจักร เคร่ืองยนต์ท่ีมีเสียงดัง
พร้อม ๆ กัน
๓) กำหนดให้คนงำนก่อสร้ำงที่จะต้องไปปฏิบัติงำนในบริเวณพ้ืนท่ีท่ีมีเสียงดังเกินเกณฑ์
มำตรฐำน จะตอ้ งสวมใส่อุปกรณป์ อ้ งกันอันตรำย เครื่องอุดหู หรอื เครอ่ื งครอบหู
๔) ประชำสัมพันธ์ให้ประชำชนในพื้นท่ีใกล้เคียง ได้รับทรำบข้ันตอนกำรก่อสร้ำงตลอดช่วง
กำรก่อสร้ำงโครงกำรรวมท้ังติดตั้งป้ำยประกำศแจ้งเวลำกำรทำงำน พร้อมหมำยเลขโทรศัพท์ติดต่อ
ในกรณีทม่ี ีปัญหำเกดิ ขึ้น
๕) รบั ฟงั ควำมคิดเหน็ หรือข้อรอ้ งเรยี นเกย่ี วกบั ระดบั เสียงท่ีรบกวนประชำชนและหำแนวทำงแก้ไขต่อไป
หนา้ | 48 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา
การคมนาคมขนสง่
มาตรการป้องกนั และแกไ้ ข (ระยะก่อสร้าง)
๑) ตรวจสอบพนักงำนขับรถบรรทุกก่อนปฏิบัติหน้ำท่ี หำกอยู่ในอำกำรมึนเมำ ให้พนักงำนขับรถ
หยดุ ปฏบิ ัตหิ นำ้ ทโ่ี ดยทนั ที
๒) หลกี เล่ียงกำรขนส่งวัสดกุ ่อสรำ้ งบนเส้นทำงท่ีต้องผ่ำนพน้ื ท่ีชมุ ชนหนำแนน่
๓) จำกัดควำมเรว็ ของรถบรรทกุ ไมเ่ กนิ ๖๐ กม./ชม. หรอื ตำมทีก่ ฎหมำยกำหนด
๔) กรณีเกิดควำมเสียหำยกับสภำพถนน ให้ผู้รับเหมำประสำนงำนกับหน่วยงำนผู้รับผิดชอบ
ในกำรซ่อมแซมและแกไ้ ขทันที
มาตรการปอ้ งกันและแกไ้ ข (ระยะด้าเนินการ)
๑) จดั บริกำรรถรับส่งเจ้ำหนำ้ ที่เพอื่ ชว่ ยลดจำนวนรถยนตใ์ นสภำพกำรจรำจร
๒) จำกัดควำมเร็วของรถท่เี ข้ำออกโครงกำรทุกชนดิ ตำมที่กฎหมำยกำหนด
๓) ควบคุมรถและยำนพำหนะของโครงกำรใหป้ ฏิบตั ิตำมกฎจรำจรอย่ำงเคร่งครัด
มาตรการตดิ ตามตรวจสอบ (ระยะกอ่ สรา้ ง)
- บันทึกปริมำณจรำจรท่ีเข้ำออกพ้ืนท่ี บริเวณทำงเข้ำออกพน้ื ที่โครงกำรทุกวนั ตลอดระยะเวลำ
กำรกอ่ สรำ้ ง
การใช้น้า
มำตรกำรปอ้ งกันและแกไ้ ข (ระยะก่อสรำ้ ง)
๑) ให้ใช้คอนกรีตผสมเสร็จจำกภำยนอกโครงกำรเป็นหลัก หลีกเล่ียงกำรผสมคอนกรีตภำยใน
พื้นทโี่ ครงกำร
๒) รณรงค์ปลกู จิตสำนึกให้คนงำนกอ่ สร้ำงใชน้ ้ำอย่ำงประหยดั
๓) ให้ผู้รับเหมำก่อสร้ำงเปิดใช้มำตรวัดน้ำชั่วครำว เพื่อติดตำมและควบคุมกำรใชน้ ้ำในระหว่ำง
กำรกอ่ สรำ้ ง
๔) หำกพบกำรร่ัวซึมในระบบท่อจ่ำยและอุปกรณ์ ให้ผู้รับเหมำก่อสร้ำงหรือผู้เก่ียวข้อง
ดำเนินกำรแก้ไขโดยเรง่ ด่วน
๕) ให้ผู้รับเหมำก่อสร้ำงจัดเตรียมถังพักน้ำ/ถังสำรองน้ำประปำให้เพียงพอต่อกำรใช้น้ำ
อย่ำงนอ้ ย ๓ วนั
การระบายนา้ และการปอ้ งกันน้าท่วม
มาตรการป้องกนั และแก้ไข (ระยะกอ่ สร้าง)
๑) ห้ำมผู้รับเหมำก่อสร้ำง/คนงำนท้ิงขยะมูลฝอย เศษวัสดุก่อสร้ำง ลงในระบบระบำยน้ำ
ของโครงกำรโดยเด็ดขำด รวมถงึ ห้ำมกองวสั ดหุ รือเครอื่ งจกั รอปุ กรณป์ ดิ ทับระบบระบำยนำ้ ของโครงกำร
๒) หำกมีกองวัสดุก่อสร้ำง เช่น กองหิน/ทรำย จะต้องไม่กองใกล้แนวระบบระบำยน้ำ
ของโครงกำร เพอื่ ลดกำรถูกชะล้ำงลงส่รู ะบบระบำยนำ้ ของโครงกำร
มาตรการตดิ ตามตรวจสอบ (ระยะก่อสร้าง)
ตรวจสอบสภำพโครงสร้ำง และกำรอุดตันของระบบระบำยน้ำภำยในพ้ืนที่โครงกำร รวมถึง
สภำพปัญหำกำรระบำยน้ำและกำรท่วมขังภำยในพื้นท่ี บริเวณพ้ืนที่ก่อสร้ำงจุดเช่ือมต่อท่อระบำยน้ำ
ปีละ ๒ ครงั้ ตลอดระยะเวลำกอ่ สร้ำง
คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒสิ ภา หนา้ | 49
การใช้ไฟฟ้า
มาตรการปอ้ งกันและแกไ้ ข (ระยะก่อสร้าง)
๑) รณรงค์ให้คนงำนมกี ำรใช้ไฟฟำ้ อยำ่ งประหยดั
๒) ติดตง้ั อุปกรณแ์ ละกำรจ่ำยไฟฟ้ำให้ถกู ต้องตำมมำตรฐำน
๓) กำรดำเนินงำนด้ำนระบบไฟฟ้ำและระบบท่ีเกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องเป็นไปตำมแบบ
ขออนุญำตที่โครงกำรกำหนด และผู้ดำเนินกำรก่อสร้ำงต้องได้รับควำมเห็นชอบจำกวิศวกรควบคุม
ของโครงกำรทุกขั้นตอน
๔) จัดให้มีหม้อแปลงไฟฟ้ำภำยในโครงกำรสำหรับเครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้ำงเพื่อป้องกัน
ไฟฟ้ำกระชำกหรอื กระตกุ กบั ชุมชน
การจดั การขยะมลู ฝอย
มาตรการป้องกนั และแก้ไข (ระยะกอ่ สร้าง)
๑) ให้ผู้รับเหมำจัดหำภำชนะรองรับขยะมูลฝอยในพ้ืนที่ก่อสร้ำง และบริเวณที่พักคนงำน
ใหเ้ พยี งพอ
๒) ตอ้ งจัดให้มเี จ้ำหนำ้ ท่ีรวบรวมขยะมูลฝอยไปไวท้ ห่ี อ้ งพกั มูลฝอยและรวบรวมเศษวสั ดกุ อ่ สรำ้ ง
ไปยังพน้ื ที่รวบรวมเศษวสั ดกุ อ่ สรำ้ ง
๓) ต้องมีห้องพกั ขยะมลู ฝอยทีร่ องรับขยะมลู ฝอยได้อยำ่ งนอ้ ย ๓ วนั โดยแยกเปน็ ๔ ประเภท
๔) ควบคุมและจัดเก็บรวบรวมของเสียท่ีเกิดจำกกำรก่อสร้ำงท่ำเรือ หำกพบกำรตกหล่น
ให้เก็บรวบรวมใหก้ ับเทศบำลเมอื งมำบตำพดุ หรือบริษทั เอกชนทไี่ ดร้ บั อนญุ ำตตำมกฎหมำยนำไปกำจดั
มาตรการติดตามตรวจสอบ (ระยะก่อสรา้ ง)
- บนั ทึกประเภทและปริมำณขยะมลู ฝอยในแตล่ ะเดอื น บรเิ วณพน้ื ท่กี ่อสรำ้ ง และพื้นทบี่ ำ้ นพักคนงำน
เดอื นละ ๒ คร้ัง ตลอดระยะกอ่ สร้ำง
การจดั การน้าเสยี
มาตรการปอ้ งกนั และแก้ไข (ระยะกอ่ สรา้ ง)
๑) หำ้ มกอ่ สรำ้ งบำ้ นพักคนงำนภำยในพื้นทโี่ ครงกำร
๒) ต้องมีบอ่ พักน้ำทงิ้ จำกห้องนำ้ ห้องส้วมที่รองรบั นำ้ ทิ้งไดอ้ ยำ่ งนอ้ ย ๓ วัน ก่อนระบำยออกสู่ภำยนอก
๓) ในกรณีท่ีมีน้ำเสียปนเป้ือนน้ำมัน และน้ำอับเฉำจำกเรือ ให้เรือแต่ละลำทำกำรสูบน้ำเสีย
ปนเปื้อนน้ำมันและน้ำอับเฉำจำกเรอื ท่ีเกิดขึน้ เกบ็ รวบรวมไว้ แลว้ ตดิ ต่อหนว่ ยงำนที่ได้รับอนญุ ำตตำมกฎหมำย
มำรบั ไปกำจดั และหำ้ มปลอ่ ยลงทะเลโดยเด็ดขำด
๔) ตดิ ตำมตรวจสอบคณุ ภำพน้ำทิ้งในบ่อพกั น้ำทิ้งเดือนละ ๑ คร้งั ตลอดระยะกอ่ สรำ้ ง
๕) กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทยต้องเตรียมควำมพร้อมของเรือที่ติดตั้งอุปกรณ์เครื่องมือ
และอุปกรณก์ ำจดั ครำบน้ำมนั
มาตรการติดตามตรวจสอบ (ระยะกอ่ สรา้ ง)
๑) คุณภำพน้ำทิ้งจะตรวจวัดที่บ่อพักนำ้ ทิ้ง ๑ จุด บริเวณพื้นท่ีบ้ำนพักคนงำนก่อสร้ำงตรวจวัด
เดือนละ ๑ ครัง้ ตลอดระยะเวลำกอ่ สรำ้ ง
หน้า | 50 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา
๒) น้ำเสียปนเปื้อนน้ำมันและน้ำอับเฉำจำกเรือ โดยบันทึกปริมำณน้ำเสียปนเป้ือนน้ำมัน
และน้ำอับเฉำจำกเรือที่ใช้ก่อสร้ำงโครงกำรท่ีส่งให้หน่วยงำนที่ได้รับอนุญำตตำมกฎหมำยนำไปกำจัด
ตลอดระยะเวลำก่อสรำ้ ง
เศรษฐกิจและสังคม
มำตรกำรปอ้ งกันและแกไ้ ข (ระยะกอ่ สรำ้ ง)
๑) กำหนดให้ผู้รับเหมำก่อสร้ำงปฏิบัติตำมมำตรกำรป้องกันและแก้ไขผลกระทบด้ำนต่ำง ๆ
อย่ำงเครง่ ครดั
๒) กำหนดใหม้ ีศนู ย์รับเร่ืองรอ้ งเรียน/ตอบข้อสงสยั ประชำชน
๓) กำหนดให้กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดต้ัง “กองทุนหลักประกัน
ควำมเสียหำยฉุกเฉินและพัฒนำคุณภำพชีวิตของประชำชน” โดยจัดตั้งก่อนเร่ิมก่อสร้ำงโครงกำร
ไมน่ อ้ ยกว่ำ ๑ เดือน
๘. ผู้เช่ียวชาญด้านการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อมทางทะเล รองคณบดีฝ่ายวิจัย
และบริการวิชาการ คณะพาณิชยนาวีนานาชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา
ไดน้ ำเสนอข้อมลู ในภำพรวมและแสดงควำมคดิ เห็นตอ่ คณะผู้ศึกษำ ดงั น้ี
กำรประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดใช้แบบจำลอง
ทำงคณิตศำสตร์ (LITPACK) ในกำรวิเครำะห์ เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในเวลำนั้นแต่ยังมีข้อจำกัด
ค่อนข้ำงมำก เช่น กำรประเมินผลกระทบทำงสิ่งแวดล้อม (EIA) ทำงทะเล โดยใช้แบบจำลองทำง
คณิตศำสตร์ (LITPACK) จะใช้ได้ผลก็ต่อเม่ือชำยหำดต้องเป็นเส้นตรง ชำยฝ่ังต้องเป็นทรำยเท่ำน้ัน
แต่หำกเป็นป่ำชำยเลนหรือมีลักษณะของชำยฝ่ังผิดไปจำกแนวเส้นตรง กำรใช้แบบจำลองทำง
คณิตศำสตร์ (LITPACK) จะใหผ้ ลกำรคำนวณผิดพลำด ดงั นัน้ กำรใชแ้ บบจำลองทำงกำยภำพ (Physical
model) จึงเป็นทำงเลือกท่ีจะทำให้ได้ผลกำรวิเครำะห์ที่ถูกต้องและแม่นยำ แต่ด้วยปัญหำ
ในกำรสร้ำงแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) ต้องใช้งบประมำณสูง ดังนั้น กำรใช้แบบจำลอง
ทำงกำยภำพ (Physical model) จงึ เหมำะกบั โครงกำรขนำดใหญ่ ทใ่ี ช้งบประมำณในกำรดำเนินกำรสูง
ข้อมูลรำยละเอียดเก่ียวกับกำรใช้แบบจำลองกำยภำพ (Physical model) ในกำรวิเครำะห์ผลกระทบ
ต่อส่ิงแวดล้อมจำกกำรก่อสรำ้ งเข่อื นกันคลื่น ทำ่ เทียบเรอื และกำรถมทะเล
แบบจำลองทำงคณิตศำสตร์แบ่งออกเปน็ ๓ ประเภท คอื แบบจำลอง ๑ มิติ แบบจำลอง
๒ มิติ และแบบจำลอง ๓ มิติ ซึ่งแบบจำลองทำงคณิตศำสตร์แต่ละประเภทไม่สำมำรถตัดสินได้ว่ำ
แบบจำลองประเภทไหนดีที่สุด โดยจะต้องดูควำมเหมำะสมของข้อมูลเป็นหลัก ตัวแปรที่ใช้ในกำรคำนวณ
กระแสคลื่นโดยใช้ควำมเร็วลมเป็นข้อมูลตั้งต้นในกำรคำนวณคลื่น มำเป็นตัวแปรในกำรคำนวณ
แบบจำลองทำงคณิตศำสตร์ (LITPACK)
แบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) มีข้อเสียในกำรย่อส่วนในกำรทำแบบจำลอง
จะไม่สำมำรถย่อส่วนในแนวดิ่งได้ สำเหตุท่ีแนวดิ่งมีควำมสำคัญ เช่น กรณีกำรเคล่ือนที่ของคลื่นจะมี
กำรหมุนตัวของมวลน้ำ ในแนวระนำบควำมกวำ้ งและควำมยำวสำมำรถย่อสว่ นได้ แต่ย่อส่วนในแนวต้ัง
หรือแนวด่ิงจะไม่สำมำรถทำได้ กำรทำแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) มีไว้วิเครำะห์
ผลกระทบในแนวระนำบและจำลองกำรออกแบบโครงสรำ้ ง หำกดำเนินกำรทำแบบจำลองทำงกำยภำพ
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา หน้า | 51
(Physical model) เพ่ือใช้กับโครงกำรท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดจะต้องใช้เคร่ืองสร้ำงคล่ืน
ในแนวเฉยี งเพือ่ ทดสอบกำรไหลของตะกอน ซ่งึ มีรำคำสูงประมำณ ๒๕ ล้ำนบำท กำรสรำ้ งเขอ่ื นกันคล่ืน
ใต้น้ำ (submerged breakwater) เป็นกำรลดผลกระทบของคลื่นท่ีเข้ำมำในแนวต้ังฉำกกับชำยหำด
หลกั กำรทำงำนของกำรสร้ำงเขอ่ื นกนั คล่ืนใต้น้ำจะเป็นกำรทำให้คลื่นมกี ำรแตกตัวก่อนทจ่ี ะเข้ำปะทะชำยฝั่ง
ซ่ึงสำมำรถลดทอนควำมแรงของคล่ืนได้ประมำณร้อยละ ๕๐ท้ังนี้ ปัญหำกำรกัดเซำะที่ชำดหำดบริเวณ
ท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดไม่ได้เกิดจำกคลื่นท่ีเข้ำมำปะทะในแนวตั้งฉำกกับหำด แต่เกิดจำก
กำรกอ่ สรำ้ งท่ำเรอื กีดขวำงกำรไหลของตะกอนทรำยกำรสร้ำงเขอื่ นกันคลื่นที่หำดแสงจันทร์จะเกิดกำรสะสม
ของตะกอนทรำยที่เปน็ ลักษณะสันดอนเชอ่ื มเกำะ (Tombolo)
กรณีกำรกดั เซำะชำยฝงั่ ที่อำเภอหัวไทร อำเภอระโนด จะเปน็ ลักษณะกำรกดั เซำะของคล่ืน
ในแนวตั้งฉำกกับชำยฝ่ังในฤดูมรสุม วิธีกำรแก้ไขปัญหำคือกำรทำเข่ือนกันคล่ืนนอกชำยฝั่ง (Offshore
Breakwater) หรือเข่ือนกันคล่ืนใต้น้ำ (submerged breakwater) จะแตกต่ำงจำกกำรกัดเซำะที่หำดแสงจันทร์
กำรแก้ไขปัญหำจงึ ตอ้ งคำนงึ ถงึ ที่มำของเหตทุ ที่ ำให้เกิดกำรกัดเซำะ
สำหรบั ในกรณีท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะท่ี ๑ และระยะท่ี ๒ ซึ่งสร้ำงเสรจ็ แล้ว
ต้ังแต่ปี ๒๕๔๒ แต่ก่อให้เกิดผลกระทบกำรกัดเซำะชำยฝ่ังบริเวณหำดแสงจันทร์ซึ่งอยู่ฝ่ังตะวันออก
ของโครงกำรน้ัน แนวทำงแก้ไขฟนื้ ฟูสภำพชำยหำดใหก้ ลับคืนมำใหไ้ ด้มำกท่ีสุดอกี วิธหี นึ่งคือ กำรดูดทรำย
จำกฝ่ังด้ำนตะวันตกของท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดท่ีมีกำรตกตะกอนของทรำยค่อนข้ำงมำกไปเติม
ยังชำยหำดฝั่งตะวันออกของท่ำเรือ โดยไม่ต้องทำกำรดูดทรำยมำถมเกล่ียบนชำยหำดใด ๆ ท้ังสิ้น
แต่ควรใช้วิธีพ่นทรำยนอกชำยฝ่งั ไปกับกระแสคล่ืนตำมธรรมชำติ ให้กระแสคลื่นพดั พำเม็ดทรำยไปเติม
ตลอดแนวชำยหำดและปรับสภำพชำยหำดด้วยตัวเองตำมธรรมชำติ โดยจะต้องคำนวณให้ได้ว่ำ
ในแตล่ ะปีจะตอ้ งดูดทรำยจำกฝั่งตะวันตกไปพ่นเติมชำยหำดฝง่ั ตะวนั ออก (หำดแสงจนั ทร์) เป็นปริมำณเท่ำใด
เพอื่ เปน็ กำรปรับสมดุลของชำยหำดทงั้ ฝั่งตะวันตกทีม่ กี ำรตกตะกอนและฝัง่ ตะวันออกทีม่ ีกำรกัดเซำะ
สำหรับกำรกอ่ สร้ำงเขือ่ นหินทิง้ กนั คล่ืนท่ีหำดแสงจันทร์ท่ีเปน็ อยู่ในขณะน้ี หำกกลำ่ วตำม
หลักวิศวกรรมเป็นกำรดำเนินกำรก่อสร้ำงท่ีป้องกันกำรกัดเซำะท่ีถูกต้อง แต่หำกพิจำรณำเก่ียวกับ
ภำพลักษณ์จะไม่สำมำรถระบุได้ เน่ืองจำกควำมชอบของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน โดยบำงบุคคล
อำจมองว่ำเป็นกำรทำลำยทัศนียภำพทำงธรรมชำติแต่บำงคนอำจมองว่ำเป็นส่ิงท่ีสวยงำมแปลกตำ
ประกอบกับในกำรก่อสร้ำงดังกล่ำวสำมำรถกักเกบ็ ตะกอนทรำยไดจ้ ริงแตจ่ ะต้องใชร้ ะยะเวลำทยี่ ำวนำน
กว่ำท่ีทรำยจะเติมเต็มท้ังชำยหำด ซ่ึงปัจจุบันบริเวณชำยหำดแสงจันทร์ระยะเวลำท่ีได้ก็สร้ำงเสร็จ
มที รำยเข้ำมำเติมจนเต็มได้เพียง ๒ ช่องเท่ำนั้น ดังนั้น ในอนำคตหำกมีแนวคิดตอ้ งกำรให้มีกำรรื้อถอน
เขื่อนกนั คล่ืนที่หำดแสงจันทร์ ก็จะสำมำรถทดลองโดยกำรนำทรำยมำเตมิ ลงที่ชำยหำดแลว้ สังเกตกำรณ์
เปลย่ี นแปลง เพ่ือนำมำเปน็ ข้อมูลอ้ำงองิ กอ่ นกำรรอื้ ถอนได้
๙. ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านส่ิงแวดล้อม ในคณะกรรมาธิการทรัพยากรและ
สิ่งแวดล้อม วุฒสิ ภา ได้นำเสนอข้อมูลในภำพรวมและแสดงควำมคิดเห็นต่อคณะผู้ศกึ ษำ ดังน้ี
ในกำรพิจำรณำกำรประเมินผลกระทบทำงด้ำนส่ิงแวดล้อม ปัญหำหลักของกำรสำนักงำน
นโยบำยและแผนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมเก่ียวกับกำรพิจำรณำรำยงำนผลกระทบทำงด้ำน
สิ่งแวดล้อม คือ ขำดผู้เช่ียวชำญในกำรวิเครำะห์ว่ำรำยงำนนั้น ๆ มีควำมถูกต้องหรือไม่ จึงทำให้
ขำดควำมน่ำเช่ือถือ เพื่อให้เห็นภำพกำรทำแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) ให้ชัดเจน
หนา้ | 52 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา
โดยมีตวั อย่ำงกำรทำแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) คือ โครงกำรนำนำ้ จำกปำกแม่นำ้ เลย
มำใช้เติมในแม่นำ้ มูลเพ่ือใช้ในกำรเกษตรในจังหวัดทำงภำคตะวันออกเฉยี งเหนือ แต่แนวเสน้ ทำงกำรผันน้ำ
มำใช้จะมีแนวเขำกันอยู่ เพ่ือท่ีจะนำน้ำมำได้ต้องทำกำรเจำะท่อส่งน้ำผ่ำนอุโมงค์ และได้ทำกำรศึกษำ
โดยใช้แบบจำลองทำงคณิตศำสตร์ (Mathematical Model) และเพื่อให้ผลกำรศึกษำมีควำมถูกต้อง
และแม่นยำจงึ ไดน้ ำแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) ทัง้ นี้ ไดม้ กี ำรวำ่ จำ้ งมหำวทิ ยำลยั เกษตรศำสตร์
ทำกำรศึกษำ โดยกำรสร้ำงอุโมงค์น้ำจำลองยำวประมำณ ๓ กิโลเมตรซึ่งจำลองจำกระยะทำงจริง
๘๐ กิโลเมตร ดำเนินกำรก่อสร้ำงตำมแบบที่ได้มีกำรศึกษำจำกแบบจำลองทำงคณิตศำสตร์
(Mathematical Model) จำกผลกำรทดลองปริมำณนำ้ สำมำรถผำ่ นมำเต็มท่อเป็นระยะทำง ๓ สว่ น ๔
ของควำมยำวท่อ ระยะท่อหลังจำกนัน้ ปรมิ ำณน้ำทีผ่ ่ำนทอ่ ออกมำไดเ้ พยี งครึง่ ทอ่ เทำ่ นน้ั แสดงให้เหน็ ว่ำ
กำรคำนวณโดยใชแ้ บบจำลองทำงคณิตศำสตร์ (Mathematical Model) เกิดข้อผดิ พลำดขึน้ จนในท่สี ุด
ไดห้ ำวธิ กี ำรที่ถูกต้องจำกกำรทำแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model)
กำรสร้ำงแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) เพ่ือใช้ในกำรประเมนิ ผลกระทบ
ทำงด้ำนสิ่งแวดล้อมของท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะที่ ๓ จะเป็นกำรลงทุนท่ีสูงมำก
จึงไม่มีบริษัทที่ปรึกษำที่รับทำรำยงำนผลกระทบทำงด้ำนส่ิงแวดล้อมทำรำยงำน ผลกระทบทำงด้ำน
ส่ิงแวดล้อมโดยใช้แบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) เนื่องจำกติดปัญหำเรื่องผลกระทบ
ทำงด้ำนส่ิงแวดล้อมที่เกิดจำกกำรดำเนินก่อสร้ำงท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด จำกกำรตรวจสอบ
กำรเปล่ียนแปลงกำรกัดเซำะชำยฝั่งพบว่ำชำยหำดฝ่ังตะวันตกของท่ำเรือมีลักษณะของท รำยเม็ด
ค่อนข้ำงใหญ่กว่ำฝ่ังตะวันออก ลักษณะของชำยหำดเข้ำสู่สภำวะท่ีสมดุลแล้ว ส่วนชำยหำดด้ำนซ้ำย
ของท่ำเรือที่มีกำรกัดเซำะค่อนข้ำงรุนแรง ภำยหลังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดำเนินกำรก่อสร้ำง
เขือ่ นกนั คลืน่ ทำให้ลดปญั หำกำรกัดเซำะชำยฝง่ั ลงได้
คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคมลงส้ารวจพืนที่ ณ ท่าเรอื อุตสาหกรรมมาบตาพดุ จังหวดั ระยอง
คณะผู้ศึกษำได้เดินทำงไปสำรวจพื้นที่ ณ ท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด จังหวัดระยอง
ในวันท่ี ๓๐ กรกฎำคม ๒๕๖๓ ที่ผ่ำนมำ เพ่ือศึกษำ รวบรวมข้อมูล และสังเกตกำรณ์เก่ียวกับลักษณะทำง
กำยภำพ โครงสรำ้ งพนื้ ฐำน ตลอดจนสภำพปัญหำกำรกัดเซำะชำยฝ่งั ในพ้ืนที่ใกล้เคียง
ภาพที่ ๒๓ การเดนิ ทางลงไปส้ารวจพืนทโี่ ครงการพัฒนาทา่ เรอื อุตสาหกรรมมาบตาพุด
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา หนา้ | 53
๓.๓ วิธกี ารเก็บรวบรวมขอ้ มลู
กำรศึกษำคร้ังนี้ ได้เก็บรวบรวมข้อมูลท้ังที่เป็นข้อมูลปฐมภูมิ (Primary data) และข้อมูล
ทตุ ยิ ภมู ิ (Secondary data) โดยมีรำยละเอียด ดังนี้
๓.๓.๑ กำรเก็บข้อมูลปฐมภูมิ (Primary data) ทำกำรศึกษำโดยกำรสัมภำษณ์เชิงลึก
(In-depth interviews) ผเู้ ช่ียวชำญ ผู้ทรงคุณวุฒแิ ละหน่วยงำนทเี่ กี่ยวขอ้ ง (Key Informants) รวมทั้ง
กำรลงสำรวจพ้ืนที่โครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด เพ่ือรวบรวมข้อมูลท่ีได้จำกกำร
สังเกตกำรณ์ กำรบรรยำยสรุปและจำกกำรตอบข้อซักถำมเชิงลึกจำกหน่วยงำน ผู้ปฏิบัติงำน
และผทู้ ่เี กี่ยวขอ้ งกับโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออตุ สำหกรรมมำบตำพดุ
๓.๓.๒ กำรเก็บข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary data) ในงำนศึกษำคร้ังน้ี คณะผู้ศึกษำทำกำรเก็บ
รวบรวมข้อมูลทุติยภูมิอันประกอบด้วยรำยงำนผลกำรศึกษำ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงกำรพัฒนำ
ท่ำเรืออตุ สำหกรรมมำตำพุด
๓.๔ วิธกี ารวเิ คราะห์ข้อมูล
คณะผู้ศึกษำได้ทำกำรสร้ำงแบบสัมภำษณ์แบบเจำะลึก และเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้
กำรบันทึกลงสมุดโน้ต เป็นอุปกรณ์หลักในกำรเก็บรวบรวมข้อมูลในระหว่ำงกำรสัมภำษณ์ หลังจำกข้ันตอน
กำรสมั ภำษณแ์ ล้ว ได้บนั ทกึ เพื่อวเิ ครำะห์และสรุปผลกำรศกึ ษำตำมขน้ั ตอนดังน้ี
๓.๔.๑ นำขอ้ มูลทไ่ี ด้มำจดบันทึกมำแบง่ แยกระหว่ำงส่วนทเี่ ป็นข้อมูลกับส่วนที่เป็นควำมคิดเหน็
ของผู้ศึกษำ โดยกำรบรรยำยรำยละเอียดของเหตุกำรณ์หรอื ปรำกฏกำรณ์ตำมทเ่ี ก็บรวบรวมไว้เสียก่อน
หลังจำกนั้นจึงใส่ควำมเห็น กำรตีควำม กำรสรุปหรือกำรโยงเข้ำสู่กรอบควำมคิดทฤษฎีแล้วอธิบำย
ตำมวัตถปุ ระสงค์แตล่ ะขอ้ ตอ่ ไป
๓.๔.๒ วิเครำะห์ข้อมูลเชิงคุณภำพ ในกำรวิเครำะห์ข้อมูลท่ีได้จำกกำรทบทวนวรรณกรรม
ตลอดจนกำรวิเครำะห์ข้อมูลท่ีได้จำกกำรสัมภำษณ์นั้น ผู้ศึกษำจะใช้วิธีกำรวิเครำะห์เชิงเนื้อหำ
(Content Analysis) โดยกำรรวบรวมและตีควำมสร้ำงข้อสรุปจำกปรำกฏกำรณ์เฉพำะท่ีได้จำก
กำรสัมภำษณ์ และข้อมูลทตุ ยิ ภูมทิ ี่ได้จำกกำรศึกษำเอกสำร
หนา้ | 54 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา
ขนั ตอนการศกึ ษา วิธดี า้ เนนิ การศกึ ษา ผลลพั ธ์
ขันตอนท่ี ๑ ๑ . ศึ ก ษ า ข้ อ มู ล ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ รบั ทราบสถานะการดา้ เนนิ
โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ท่ า เ รื อ โครงการพัฒนาท่าเรอื
การศึกษาสถานะการด้าเนิน อุตสาหกรรมมาบตาพุด (๑) อตุ สาหกรรมมาบตาพุด
โครงการพัฒนาทา่ เรอื อุตสาหกรรม กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับเขตทาง
มาบตาพุด ทะเล (๒) กฎหมายที่เก่ียวข้องกับ รบั ทราบผลกระทบตอ่
การถมทะเลและสิ่งแวดล้อมทาง อาณาเขตทางทะเลของไทย
ขันตอนท่ี ๒ ทะเล (๓) กรณีศึกษาและงาน
วิ ช า ก า ร ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ก า ร รบั ทราบความเปน็ หนังสือ
การศกึ ษาผลกระทบตอ่ อาณาเขต เปลี่ยนแปลงเส้นเขตทะเลและ สัญญาท่ีมบี ทเปล่ียนแปลง
ทางทะเลไทย ส่ิงแวดล้อมทางทะเล (๔) ค้า อาณาเขตไทยตามกฎหมาย
วินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณา
ขนั ตอนท่ี ๓ ขอบเขตความหมายของหนังสือ จกั รไทย พ.ศ. ๒๕๖๐
สญั ญาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๘
การศกึ ษาความเป็นหนงั สอื สญั ญา
ทมี่ บี ทเปลย่ี นแปลงอาณาเขตไทย ๒. สมั ภาษณผ์ ูเ้ ชยี่ วชาญและผ้ทู รง รบั ทราบผลผลกระทบตอ่
ตามกฎหมายรฐั ธรรมนูญแหง่ คุณวุฒิ ท่ีเกี่ยวข้องกับโครงการ การกดั เซาะชายฝง่ั ทะเล
ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ พฒั นาท่าเรอื อตุ สาหกรรม และแนวทางการแก้ไขปญั หา
มาตรา ๑๗๘ มาบตาพดุ ท่มี าบตาพุด
ขันตอนท่ี ๔ ๓. ลงสา้ รวจพืนท่โี ครงการพฒั นา
ทา่ เรอื อตุ สาหกรรมมาบตาพดุ
การศึกษาผลกระทบต่อการกดั เพอื่ รวบรวมขอ้ มลู ที่ได้จากการ
เซาะชายฝั่งทะเลและแนวทาง แกไ้ ข สงั เกตการณ์ การบรรยายสรปุ และ
ปญั หา จากการตอบข้อซักถามเชิงลึกจาก
หน่วยงาน ผู้ปฏบิ ัตงิ านและผู้
ทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั โครงการพฒั นา
ท่าเรอื อตุ สาหกรรมมาบตาพดุ
รายงานการพจิ ารณาศึกษาผลกระทบจากการถมทะเล
ตามโครงการพัฒนาท่าเรอื อุตสาหกรรมมาบตาพดุ
ภาพท่ี ๒๔ แผนภาพแสดงขนั ตอนกระบวนการศกึ ษา
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา หน้า | 55
บทที่ ๔
ผลการพจิ ารณาศกึ ษา
รำยงำนกำรพิจำรณำศึกษำผลกระทบจำกกำรถมทะเลตำมโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด
ประกอบด้วยกำรศึกษำ ๔ ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ ๑ ศึกษำสถำนกำรณ์ดำเนินโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรม
มำบตำพุด สว่ นที่ ๒ ศึกษำผลกระทบต่ออำณำเขตทำงทะเลของไทย ส่วนที่ ๓ ศึกษำควำมเป็นหนังสือสัญญำ
ที่มีบทเปลี่ยนแปลงอำณำเขตไทยตำมกฎหมำยรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มำตรำ ๑๗๘
และส่วนท่ี ๔ ศึกษำผลกระทบต่อกำรกัดเซำะชำยฝั่งทะเลและแนวทำงแก้ปัญหำโดยกำรศึกษำทั้ง ๔ ส่วนนี้
จำเป็นทจี่ ะต้องทำกำรพจิ ำรณำศึกษำไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้สำมำรถได้ผลกำรพิจำรณำศึกษำครบถ้วน
ท้ัง ๔ ส่วน ตลอดจนได้ข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่อกำรดำเนินโครงกำรหรือกิจกรรมต่ำง ๆ
ท้ังสำหรับโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพดุ และโครงกำรอนื่ ๆ ทีจ่ ะดำเนินกำรในลกั ษณะเดยี วกัน
โดยผลกำรพจิ ำรณำศึกษำในแตล่ ะสว่ นสำมำรถสรุปรำยละเอยี ดไดด้ งั ต่อไปนี้
๔.๑ สถานะการด้าเนนิ โครงการพฒั นาท่าเรืออตุ สาหกรรมมาบตาพดุ ระยะท่ี ๓
โครงกำรพฒั นำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดนัน้ มกี ำรดำเนนิ กำรไปแล้ว ๒ ระยะ คือ ระยะท่ี ๑
และระยะที่ ๒ ส่วนระยะที่ ๓ น้ัน เป็นกำรถมทะเลและก่อสร้ำงต่อขยำยจำกระยะที่ ๑ ฝ่ังตะวันตก
โดยกำรก่อสร้ำงท้ัง ๓ ระยะเป็นกำรดำเนินกำรตำมแผนงำนตำมท่ีกำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย
ได้ประกำศไว้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ ดังนั้น จึงเป็นกำรดำเนินงำนก่อสร้ำงตำมแผนงำนเดิมโดยโครงกำร
พัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะท่ี ๓ มีเนื้อท่ีประมำณ ๑,๐๐๐ ไร่ แบ่งเป็น พ้ืนที่กักเก็บ
ตะกอน ๔๕๐ ไร่ พนื้ ท่ีทำ่ เทยี บเรือสนิ คำ้ เหลว ๒๐๐ ไร่ พื้นท่ที ่ำเทยี บเรือก๊ำซ ๒๐๐ ไร่ พน้ื ที่ประกอบธุรกิจ
๑๕๐ ไร่ และจัดทำเข่ือนกันคล่ืนท่ีมีควำมยำว ๕,๔๑๐ เมตร โครงกำรมีมูลค่ำรวม ๕๕,๔๐๐ ล้ำนบำท
ซึ่งปัจจุบันได้มีกำรลงนำมในสัญญำเป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว และกำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย
ได้รบั อนุญำตให้ปลูกสร้ำงส่ิงล่วงล้ำลำนำ้ จำกกรมเจ้ำท่ำ ตำมพระรำชบัญญัติกำรเดินเรือในน่ำนน้ำไทย
พุทธศักรำช ๒๔๕๖ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๓ รายละเอียดตามภาคผนวก จ
โดยโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะท่ี ๓ จะถมทะเลสร้ำงท่ำเรือและพ้ืนท่ีรองรับ
อตุ สำหกรรมก๊ำซธรรมชำติและปิโตรเคมเี พ่ิมขึ้นจำกระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ ในปัจจุบันจำกกำรสอบถำม
ขอ้ มลู และลงพื้นท่ีดูงำนทีท่ ่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด จังหวัดระยอง ค้นพบว่ำ ลักษณะทำงกำยภำพ
ของท่ำเรือท่ีถมย่ืนออกไปในทะเลน้ัน ปลำยสุดของโครงสร้ำงแต่ละระยะจะยื่นออกไปในทะเลห่ำงจำก
เส้นแนวชำยฝั่งเป็นระยะทำงทแี่ ตกต่ำงกันไป ดังนี้
โครงกำรระยะที่ ๑ ถมทะเลเป็นพ้ืนที่ ๑,๔๐๐ ไร่ ส่วนปลำยสุดของเขื่อนท่ำเรืออยู่ห่ำงจำก
เสน้ แนวชำยฝ่ังเปน็ ระยะทำง ๒,๙๘๓ เมตร
โครงกำรระยะที่ ๒ ต้ังอยู่ฝ่ังตะวันออกของโครงกำรระยะที่ ๑ ถมทะเลเป็นพ้ืนท่ีขนำดใหญ่
๑,๔๗๐ ไร่ โดยส่วนปลำยสุดของเขื่อนท่ำเรืออยู่ห่ำงจำกเส้นแนวชำยฝ่ังเป็นระยะทำง ๓,๔๒๒ เมตร
โครงกำรระยะที่ ๓ ซ่ึงอยรู่ ะหว่ำงดำเนินกำรและจะแลว้ เสรจ็ ในปี ๒๕๖๘ นัน้ จะมโี ครงสรำ้ งเชื่อมตอ่ กับ
โครงกำรระยะที่ ๑ โดยจะมีกำรถมทะเลเพม่ิ ขึ้นอกี ๑,๐๐๐ ไร่ ซ่ึงสว่ นปลำยสุดของเข่ือนท่ำเรือระยะที่ ๓
เมือ่ สรำ้ งแล้วเสร็จ จะอยู่หำ่ งจำกเส้นแนวชำยฝั่งเปน็ ระยะทำง ๔,๗๖๗ เมตร
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา หน้า | 57
ภาพที่ ๒๕ ระยะห่างฝ่งั ของเขตทา่ เรือมาบตาพุด
ที่มา : การทา่ เรอื อตุ สาหกรรมมาบตาพุด
หนา้ | 58 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา
เน่ืองด้วยชำยฝั่งทะเลจังหวัดระยอง ไม่อยู่ในพ้ืนที่ประกำศเส้นฐำนตรงใด ๆ ดังน้ัน ตำมกฎหมำยทะเล
หรือ UNCLOS 1982 แล้ว เส้นแนวนำ้ ลดตลอดฝั่งหรือแนวชำยฝั่งทะเล จึงเป็นเส้นฐำนปกติ (Normal
baseline) ท่ีจะใช้วัดควำมกว้ำงทะเลอำณำเขต และตำมกฎหมำยทะเลน้ีเช่นกันในข้อ ๑๑ ท่ำเรือ
กำหนดว่ำสิ่งก่อสร้ำงถำวรตอนนอกสุดของเขตท่ำให้ถือเป็นส่วนของฝั่งทะเลซึ่งเป็นเส้นฐำนปกติที่ใช้
วัดควำมกว้ำงของทะเลอำณำเขตด้วย ในกรณีของท่ำเรือมำบตำพุดก็คือ ระยะปลำยสุดของท่ำเรือ
ทกี่ ่อสร้ำงย่ืนไปในทะเล (ระยะที่ ๑ = ๒,๙๘๓ เมตร, ระยะที่ ๒ = ๓,๔๒๒ เมตร, ระยะท่ี ๓ = ๔,๗๖๗ เมตร)
ดังนั้นกำรถมทะเลเพื่อสร้ำงท่ำเรือและส่ิงก่อสร้ำงต่ำง ๆ ย่ืนออกไปไกลเช่นนี้ จะส่งผลกระทบที่สำคัญ
ทั้งต่อเส้นเขตแดนทำงทะเลซึ่งจะวัดควำมกว้ำงนับจำกเส้ นฐำนปกติและกำรเปล่ียนแปลงทิศทำง
กระแสนำ้ ก่อให้เกดิ ปญั หำกำรกัดเซำะชำยฝั่งในพ้นื ท่ใี กลเ้ คยี ง
๔.๒ ผลกระทบตอ่ อาณาเขตทางทะเลของไทย
เนื่องจำกท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดมีตำบลที่ต้ังอยู่บนพื้นที่ริมชำยฝั่งทะเลของจังหวัดระยอง
ซ่งึ โดยลักษณะทำงภมู ิศำสตร์ของชำยฝ่ังทะเลภำคตะวันออกในพ้ืนท่ี จังหวัดระยองมีลักษณะเป็นทะเล
เปิดคือเป็นชำยฝั่งทะเลท่ีเปิดออกสู่อ่ำวไทย และเมื่อพิจำรณำถึงเขตทำงทะเลประเภทต่ำง ๆ
ตำมที่กำหนดไว้ในอนุสัญญำสหประชำชำติว่ำด้วยกฎหมำยทะเล ค.ศ.๑๙๘๒ หรือ UNCLOS 1982
ซ่ึงไทยก็เข้ำเป็นภำคีอนุสัญญำน้ีด้วยแล้ว ชำยฝั่งทะเลภำคตะวันออกส่วนนี้ไม่ได้อยู่ในเขตอ่ำวไทยตอนใน
ซงึ่ ไทยประกำศเม่ือปี ๒๕๐๒ เป็นอ่ำวประวัติศำสตร์ และไม่ไดอ้ ยู่ในเขตพน้ื ท่สี ว่ นที่ไทยประกำศเปน็ เสน้ ฐำนตรง
และนำ่ นนำ้ ภำยในตำมทป่ี ระเทศไทยได้ประกำศไว้แลว้ จำนวน ๔ พื้นทีด่ ว้ ยกัน
ดว้ ยลักษณะเช่นนีท้ ำให้ชำยฝ่ังทะเลของจังหวดั ระยองซง่ึ เปน็ ที่ตัง้ ของท่ำเรือมำบตำพดุ ทงั้ หมด
ถอื เปน็ เส้นฐำนปกติ (Normal baseline) ที่ใช้วัดควำมกว้ำงของทะเลอำณำเขตซึ่งไทยประกำศกำหนด
ควำมกว้ำงไว้ ๑๒ ไมล์ทะเล (ประมำณ ๒๒.๒ กิโลเมตร) ตำมกฎหมำยทะเล ค.ศ.๑๙๘๒ ข้อ ๓ และข้อ ๕
นอกจำกนั้นแล้วตำมกฎหมำยทะเลข้อ ๑๑ ในเร่ืองของท่ำเรือกำหนดไว้ว่ำ “เพื่อควำมมุ่งประสงค์
ในกำรกำหนดขอบเขตของทะเลอำณำเขต สิ่งก่อสร้างถาวรตอนนอกสุดของเขตท่าเรือซึ่งประกอบ
เปน็ ส่วนอันแยกออกมิไดข้ องระบบการท่านัน ใหถ้ ือว่าประกอบเปน็ สว่ นของฝั่งทะเลสิ่งติดตั้งนอกฝ่ัง
และเกำะเทยี มมิให้ถอื ว่ำเป็นส่งิ ก่อสรำ้ งถำวรของเขตทำ่ ” ดังนน้ั ตำมกฎหมำยทะเลแลว้ สง่ิ ก่อสรำ้ งถำวร
ตอนนอกสุดของเขตท่ำเรือมำบตำพุดซ่ึงประกอบเป็นส่วนอันแยกออกมิได้ของระบบกำรท่ำเรือมำบตำพุด
จะถือเป็นส่วนของฝั่งทะเลซึ่งจะเป็นเส้นฐำนปกติ (Normal baseline) ท่ีใช้วัดควำมกว้ำงของทะเล
อำณำเขตของไทยดว้ ย
ดังนั้น กำรที่ในปัจจุบันพื้นที่ของท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒
ซ่ึงแล้วเสร็จเมื่อปี ๒๕๔๒ มีกำรถมทะเลรวม ๒,๘๗๐ ไร่ ส่ิงก่อสร้ำงถำวรของเขตท่ำยื่นจำกชำยฝ่ัง
เป็นระยะทำง ๓,๔๒๒ เมตรนั้น กรมอุทกศำสตร์กองทัพเรือได้ตรวจสอบตำมหลักกฎหมำยระหว่ำงประเทศ
และหลักเทคนิคกำรทำแผนที่ทำงทะเลแล้วพบว่ำจะทำให้ทะเลอำณำเขตของไทย มีพ้ืนที่เพิ่มข้ึนอีก
๑๒ ตำรำงกโิ ลเมตร ตามภาพที่ ๒๖
คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒิสภา หนา้ | 59
ภาพที่ ๒๖ ผลกระทบของโครงการท่าเรืออตุ สาหกรรมมาบตาพดุ ระยะท่ี ๑ ระยะที่ ๒
ตอ่ อาณาเขตทางทะเล
ทีม่ า : กรมอทุ กศาสตร์ กองทัพเรือ
สำหรับโครงกำรพัฒนำท่ำเรอื อุตสำหกรรมมำบตำพดุ ระยะที่ ๓ ซึ่งอยู่ระหว่ำงดำเนนิ โครงกำร
และจะแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๘ จะมีพ้ืนที่ถมทะเลเพ่ิมขึ้นอีก ๑,๐๐๐ ไร่ โดยสิ่งก่อสร้ำงถำวรของเขตท่ำ
เมือ่ แล้วเสร็จจะยื่นจำกชำยฝ่ังเปน็ ระยะทำง ๔,๗๖๗ เมตรนน้ั กรมอุทกศำสตร์กองทัพเรอื ได้ตรวจสอบ
แล้วพบว่ำจะทำให้ทะเลอำณำเขตของไทยมีพื้นท่ีเพิ่มขึ้นโดยรวมท้ังหมดแล้วเป็น ๒๘ ตำรำงกิโลเมตร
ตามภาพที่ ๒๗ และเส้นแนวทะเลอำณำเขตรวมท้ังเขตต่อเน่ือง ๑๒ ไมล์ทะเลจำกเส้นแนวทะเลอำณำ
เขตจะขยำยออกเช่นกันตำมขนำดของพื้นท่ีที่เพ่ิมขึ้น แต่กำรเพ่ิมข้ึนของพ้ืนที่ทะเลอำณำเขตของไทย
คร้ังนี้ จะไม่มีผลกระทบต่อเขตเศรษฐกิจจำเพำะและไหล่ทวีปของไทยที่อยู่ประชิดกับประเทศอื่น
เน่ืองจำกอิทธิพลจำกเกำะเสม็ดและเกำะจวงที่ขนำบอยู่ รวมถึง ทิศทำงของ Coastal Front ชำยฝ่ัง
ทะเลภำคตะวันออกซ่ึงหันเปิดทิศทำงไปทำงภำคใต้ของประเทศไทย ดังนั้น ในกรณีของเขตเศรษฐกิจ
จำเพำะและไหล่ทวีปของไทยจึงไม่เป็นประเด็นปัญหำท่ีจะนำไปสู่ควำมขัดแย้งระหว่ำงไทยกับประเทศ
เพื่อนบำ้ นอ่ืนทมี่ ีเขตทำงทะเลประชิดติดกนั
หน้า | 60 คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒสิ ภา
ภาพที่ ๒๗ การเปล่ยี นแปลงพนื ทท่ี ะเลอาณาเขตและเส้นแนวทะเลของไทยจากผลกระทบของ
โครงการท่าเรอื อุตสาหกรรมมาบตาพดุ ระยะท่ี ๓ ต่ออาณาเขตทางทะเล
ทมี่ า : กรมอทุ กศาสตร์ กองทพั เรือ
อยำ่ งไรก็ตำม กำรเพม่ิ ขน้ึ ของพื้นทท่ี ะเลอำณำเขตของไทยอีก ๒๘ ตำรำงกโิ ลเมตรน้ี หมำยถึง
อำนำจอธิปไตยของไทย สิทธิต่ำงๆของไทยในฐำนะรัฐชำยฝ่ังที่พึงมีในทะเลอำณำเขตก็จะเพิ่มขึ้นอีก
๒๘ ตำรำงกิโลเมตรด้วย พื้นที่ส่วนน้ีเดิมจะเป็นเขตต่อเนื่องและเขตเศรษฐกิจจำเพำะท่ีรัฐชำยฝ่ังอ่ืน
มีสิทธิเสรีภำพในกำรใช้พื้นท่ีด้วยตำมที่กฎหมำยทะเลหรือ UNCLOS 1982 ข้อ ๕๘ กำหนดไว้เช่น
เสรีภำพในกำรเดินเรือและกำรบินผ่ำน กำรวำงสำยเคเบิลและท่อใต้ทะเล และกำรใช้ทะเลในทำงอ่ืน
ที่ชอบด้วยกฎหมำยระหว่ำงประเทศ แต่เมื่อถูกปรับเปล่ียนสถำนะมำเป็นทะเลอำณำเขตของไทย
สิทธิ เสรีภำพของรัฐอื่นในกำรใช้พ้ืนท่ีส่วนนี้ดังกล่ำวจะถูกจำกัดลงด้วย ซึ่งอำจเป็นประเด็นขัดแย้ง
กับกลุ่มผู้แสวงประโยชน์และกลุม่ ผูเ้ สยี ประโยชน์เช่นกลุ่มแนวคดิ ตัง้ นคิ มบ้ำนลอยนำ้ หรือ Seasteading
คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒิสภา หน้า | 61
ภาพท่ี ๒๘ บ้านลอยน้า (Seasteading)
ทม่ี า : ศูนย์อ้านวยการรกั ษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต ๓
ซ่ึงเคยเข้ำกอ่ ปัญหำกรณสี รำ้ งบำ้ นลอยน้ำบริเวณชำยขอบทะเลอำณำเขตนอกชำยฝ่ังภูเก็ตเม่อื ช่วงเดอื น
เมษำยน ๒๕๖๒ แต่ต้องถูกรื้อถอนและถูกดำเนินคดีในที่สุด รายละเอียดตามภาคผนวก ฉ หน่วยงำน
และผู้ที่เก่ียวข้องมำให้ควำมเห็นเก่ียวกับเขตทำงทะเลและกำรวิเครำะห์ส่ิงแวดล้อมทำงทะเล
ของโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะท่ี ๓ พบวำ่ ผลกระทบจำกกำรก่อสร้ำงโครงกำร
พัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรม มำบตำพุด ระยะท่ี ๓ ต่อเส้นเขตแดนทำงทะเล กฎหมำยท่ีเก่ียวข้อง
กับท่ำเรือต่ำง ๆ ในทะเลเป็นไปตำมอนุสัญญำสหประชำชำติว่ำด้วยกฎหมำยทะเล ค.ศ. ๑๙๘๒
(UNCLOS) ในข้อ ๑๑ บัญญัติว่ำ “เพื่อควำมมุ่งประสงค์กำรกำหนดขอบเขตของทะเลอำณำเขต
สิ่งก่อสร้ำงถำวรนอกสุดของเขตท่ำ ซ่ึงประกอบเป็นส่วนอันแยกออกมิได้ของระบบกำรท่ำนั้นให้ถือว่ำ
ประกอบเป็นสว่ นของฝ่งั ทะเล ส่งิ ติดตั้งนอกฝง่ั และเกำะเทยี มใหถ้ ือเปน็ สง่ิ ก่อสร้ำงถำวรของเขตของทำ่ ”
โดยสรุปคือท่ำเรือสำมำรถสร้ำงเป็นส่วนหน่ึงของเส้นฐำนได้เช่นเดียวกับแนวน้ำลดต่ำสุดบนแผนท่ี
หนังสือเทคนิคเกี่ยวกับกฎหมำยของทะเล (technical state on the law of the sea) ในข้อ ๔.๕.๑
ระบุไว้ว่ำ “ส่ิงก่อสร้ำงถำวร เช่น ท่ำเรือ เข่ือนกันคล่ืน หรือเข่ือนป้องกันร่องน้ำต่ำง ๆ รวมถึง
เขื่อนป้องกันตล่ิงท่ีอยู่เหนือระดับน้ำลงต่ำสุด แต่ไม่รวมถึงแนวท่อน้ำทิ้งให้ถือเป็นสิ่งก่อสร้ำงชำยฝ่ัง
สำมำรถกำหนดเป็นเส้นฐำนในกำรกำหนดเขตทำงทะเลได้”
หนา้ | 62 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา
๔.๓ ความเป็นหนังสือสัญญาท่ีมีบทเปล่ียนแปลงอาณาเขตไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๘
สำหรับประเด็นท่ีว่ำหนังสือสัญญำท่ีกำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทยซ่ึงเป็นรัฐวิสำหกิจ
ไดล้ งนำมกับบริษทั กลั ฟ์ เอม็ ทีพี แอลเอน็ จี เทอร์มนิ อล จำกัดเม่อื วันท่ี ๑ ตุลำคม ๒๕๖๒ เพ่ือรว่ มลงทุน
โครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะที่ ๓ ซึ่งจะมีกำรถมทะเลอันจะมีผลให้เกิด
กำรเปล่ียนแปลงต่ออำณำเขตทำงทะเลของไทยด้วยน้ัน จะถือว่ำหนังสือสัญญำดังกล่ำวเป็นหนังสือ
สัญญำตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ มำตรำ ๑๗๘ หรือไม่นั้น
เนื่องจำกในมำตรำ ๑๗๘ วรรคสองกำหนดว่ำหนังสือสัญญำใดมีบทเปลี่ยนแปลงอำณำเขตไทย
ต้องได้รับควำมเห็นชอบของรัฐสภำก่อนได้ข้อสรุปว่ำ หนังสือสัญญำตำมควำมหมำยของรัฐธรรมนูญ
มำตรำนี้ จะต้องมีองค์ประกอบสำคัญประกำรหนึ่งคือ คู่สัญญำต้องเป็นรัฐต่อรัฐด้วยกัน แต่กรณีน้ี
เป็นกำรกระทำโดยรัฐวิสำหกิจซ่ึงเป็นหน่วยงำนรัฐของไทยฝ่ำยเดียวกับบริษัทเอกชนท่ีเป็นคู่สัญญำ
ดังน้นั หนังสอื สัญญำดงั กลำ่ วจงึ ไม่เขำ้ ลักษณะเงื่อนไขตำมบทบัญญตั ิของรฐั ธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย
มำตรำ ๑๗๘ ท่ีจะต้องขอควำมเหน็ ชอบจำกรฐั สภำ กำหนดให้พระมหำกษัตริยท์ รงไวซ้ งึ่ พระรำชอำนำจ
ในกำรทำหนังสอื สัญญำสนั ติภำพสัญญำสงบศึกและสญั ญำอืน่ กบั นำนำประเทศหรือกับองค์กำรระหว่ำงประเทศ
หนังสือสัญญำใดมีบทเปล่ียนแปลงอำณำเขตไทย หรือเขตพื้นท่ีนอกอำณำเขตซึ่งประเทศไทย
มีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนำจตำมหนังสือสัญญำหรือตำมกฎหมำยระหว่ำงประเทศหรือจะต้อง
ออกพระรำชบัญญัติเพื่อให้กำรเป็นไปตำมหนังสือสัญญำ และหนังสือสัญญำอ่ืนท่ีอำจมีผลกระทบต่อ
ควำมมั่นคง ทำงเศรษฐกิจ สังคม หรือกำรค้ำหรือกำรลงทุนของประเทศอย่ำงกว้ำงขวำง ต้องได้รับ
ควำมเห็นชอบของรัฐสภำ ซ่ึงองค์ประกอบท่ีชี้ชัดว่ำกำรกระทำใดท่ีเข้ำข่ำยต้องได้รับควำมเห็นชอบ
จำกรฐั สภำ ประกอบด้วย
(๑) เป็นกำรกระทำของรฐั ตอ่ รัฐ
(๒) เปน็ ลำยลกั ษณ์อกั ษร
(๓) เพ่อื ประโยชนแ์ ห่งรฐั อนั อำจมีผลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ในภำพรวม
หำกเทียบเคียงกรณีกำรก่อสร้ำงท่ำเรอื อตุ สำหกรรมมำบตำพุดเป็นกำรกระทำฝ่ำยเดียวของรัฐ
และค่กู รณไี มใ่ ช่รัฐ จึงไมต่ อ้ งไดร้ บั กำรรบั รองจำกรฐั สภำ
ประเด็นกำรขอค วำมเห็นชอบกำร จัดทำโครงกำรพัฒนำท่ำเรือ อุตสำ หกรรมมำบตำพุด
และกำรทำกิจกรรมต่ำง ๆ ทำงทะเล จำกรัฐสภำก่อนหรือไม่น้ัน บทบัญญัติมำตรำ ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญ
แห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ กำหนดให้หนังสือสัญญำใดมบี ทเปลีย่ นแปลงเปลย่ี นแปลงอำณำเขตไทย
หรือเขตพ้ืนท่ีนอกอำณำเขต ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนำจตำมหนังสือหรือ
ตำมกฎหมำยระหว่ำงประเทศหรือจะต้องออกพระรำชบัญญัติเพ่ือให้กำรเป็นไปตำมหนังสือสัญญำ
และหนังสือสัญญำอื่นที่อำจมีผลกระทบต่อควำมมั่นคงทำงเศรษฐกิจ สังคม หรือกำรค้ำหรือกำรลงทุน
ของประเทศอย่ำงกว้ำงขวำงต้องได้รับควำมเห็นชอบของรัฐสภำ แต่เนื่องจำกคำว่ำ หนังสือสัญญำ
จะต้องมีองค์ประกอบสำคัญประกำรหนึ่งคือ คู่สัญญำต้องเป็นรัฐ แต่กรณีนี้เป็นกำรกระทำฝ่ำยเดียว
ของไทย จึงไม่เขำ้ เง่ือนไขตำมบทบัญญัตขิ องรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย มำตรำ ๑๗๘ ท่ีจะต้อง
ขอควำมเหน็ ชอบจำกรฐั สภำ
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา หน้า | 63
๔.๔ ผลกระทบตอ่ การกัดเซาะชายฝัง่ ทะเลและแนวทางแกป้ ัญหา
จำกสภำพของหำดแสงจันทร์ ซึ่งอยฝู่ ั่งตะวนั ออกของทำ่ เรือมำบตำพุด ถูกกดั เซำะ ต้ังแตป่ ี ๒๕๓๕
เม่ือโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดระยะที่ ๑ แล้วเสร็จโดยสร้ำงท่ำเรือและเข่ือนยื่นออกมำ
ในทะเลห่ำงชำยฝั่งกว่ำ ๒,๙๘๓ เมตร และกำรกัดเซำะย่ิงรุนแรงขึ้น ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๔๒ เม่ือโครงกำร
ระยะที่ ๒ แล้วเสร็จทำให้โครงสร้ำงท่ำเรือและเขื่อนท่ีสร้ำงย่ืนออกมำในทะเลห่ำงชำยฝั่งท้ังสิ้นกว่ำ
๓,๔๒๒ เมตร ซ่ึงส่ิงก่อสร้ำงท้ังหมดที่ยื่นออกมำในทะเลนี้จะขวำงทิศทำงกระแสน้ำโดยเฉพำะอย่ำงย่ิง
ในช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งมีอิทธิพลมำกท่ีสุดในพื้นที่ชำยฝั่งทะเลภำคตะวันออก ทำให้เกิด
กำรกัดเซำะชำยฝ่ังส่วนท่ีอยู่ฝั่งตะวันออกของท่ำเรือมำบตำพุดอย่ำงรุนแรง ในขณะท่ีชำยฝ่ังส่วนที่อยู่
ฝัง่ ตะวนั ตกจะมกี ำรตกตะกอนทรำยค่อนขำ้ งมำก
หน่วยงำนรฐั โดยกรมเจำ้ ท่ำแกป้ ัญหำกำรกัดเซำะชำยฝั่งหำดแสงจนั ทร์นี้ ด้วยกำรสร้ำงเขื่อนกนั คลื่น
นอกฝงั่ เพื่อลดควำมรุนแรงของคลื่น โดยสร้ำงเขือ่ นหินทิ้งเป็นช่วง ๆ ตลอดแนวชำยหำด เร่มิ ดำเนนิ กำร
ตั้งแต่ปี ๒๕๔๓ ผ่ำนมำจนถึงปัจจุบันกว่ำ ๒๐ ปี ปรำกฏว่ำหำดแสงจันทร์ที่เดิมเคยเป็นชำยหำดยำว
เรียบต่อเน่ืองไปตำมธรรมชำติ ต้องมีสภำพที่ผิดธรรมชำติคือกลำยเป็นชำยหำดเว้ำแหว่งเป็นช่วง ๆ
ตำมเขอ่ื นกันคลืน่ นอกชำยฝัง่ ทส่ี รำ้ งเปน็ ชว่ ง ๆ
จำกกำรศึกษำพบว่ำกำรแก้ปัญหำกัดเซำะชำยฝั่งด้วยกำรสร้ำงเข่ือนนอกฝั่งเป็นช่วง ๆ เช่นนี้
เป็นกำรแก้ที่ปลำยเหตุ เพรำะต้นเหตุเกิดจำกกำรที่เม็ดทรำยซึ่งเดิมเคยถูกพัดไปเติมเกล่ียตลอดแนว
ชำยหำดบริเวณนี้ในแต่ละปี จะถูกโครงสร้ำงของท่ำเรือมำบตำพุดซง่ึ วำงตวั ในแนวทิศเหนือ – ใต้ขวำงก้ันไว้
ทำให้ฝั่งตะวันตกเกิดทรำยกำรทับถมพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ จำกอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ในขณะที่ฝั่งตะวันออกเช่นหำดแสงจันทร์ เม็ดทรำยท่ีหำดจะถูกกัดเซำะหำยไปเร่ือย ๆ เช่นกัน
โดยไม่มเี ม็ดทรำยใหมไ่ ปเตมิ ข้อเสนอทำงแก้คือ ควรแก้ปญั หำท่ตี น้ เหตดุ ้วยกำรดูดทรำยทีส่ ะสมงอกทับถม
ด้ำนฝ่ังตะวันตกของท่ำเรือในแต่ละปี ไปพ่นเติมปรับสมดุลชำยหำดฝั่งตะวันออกคือ หำดแสงจันทร์
โดยอำจใช้วิธีพ่นทรำยเติมในน้ำทะเลก่อนถึงชำยหำดเพ่ือให้กระแสคล่ืนพัดเม็ดทรำยไปเกล่ียเติม
ปรับสมดุลชำยหำดในลักษณะคลำ้ ยธรรมชำติตลอดแนวชำยหำด โดยจะต้องมีกำรคำนวณปริมำณของทรำย
ทจ่ี ะเคลื่อนย้ำยให้สอดคล้องและสมดุลใกลเ้ คยี งปริมำณกำรสะสมตำมธรรมชำติมำกทีส่ ดุ
อย่ำงไรก็ตำม ในกำรประเมินผลดำเนินงำนเพ่ือแก้ปัญหำกำรกัดเซำะชำยฝั่งเพ่ือให้ได้
ผลกำรประเมินทใี่ กลเ้ คียงสภำพตำมธรรมชำติจริงมำกที่สุดน้ัน นอกจำกวิธีกำรและเครือ่ งมือในกำรประเมิน
ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมอันเกิดจำกกระแสน้ำหรือคลื่นในทะเลด้วยวิธีกำรคำนวณ ทำงคณิตศำสตร์
และสร้ำงแบบจำลองเสมือนจริงด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Numerical / Mathematical Model)
เช่นที่ดำเนินกำรอยู่แล้วกับโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดแล้ว ในหลำยประเทศ
ทม่ี ีโครงกำรถมทะเลขนำดใหญ่จะใช้วธิ ีสร้ำงแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) รายละเอียด
ตามข้อ ๒.๕ เพื่อประเมินผลกระทบต่ำง ๆ ท่ีเกิดข้ึนจริงในแบบโครงสร้ำงจำลองเสมือนธรรมชำติจริง
ควบคู่ไปด้วย แต่ประเทศไทยยังมีขดี ควำมสำมำรถทีจ่ ำกัดในเรอ่ื งน้ีมำกยังขำดหน่วยงำนและเครือ่ งมือ
อุปกรณท์ ่ีทันสมัยในด้ำนน้ี
หนา้ | 64 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา
ดงั นนั้ ดว้ ยขอ้ จำกัดน้กี ำรนิคมอตุ สำหกรรมแห่งประเทศไทยและสำนักงำนท่ำเรอื อตุ สำหกรรม
มำบตำพุด อำจใชว้ ิธีจ้ำงหน่วยงำนจำกต่ำงประเทศท่ีมีขีดควำมสำมำรถด้ำนน้ี ในกำรสร้ำงแบบจำลอง
ทำงกำยภำพ (Physical model) ของชำยฝ่ังในพื้นท่ีน้ี เพื่อประเมินผลกระทบแต่ละห้วงเวลำและทดสอบ
แนวทำงแก้ไขด้วยวิธีกำรต่ำง ๆ นอกเหนือจำกเดิมท่ีทำเพียงแบบจำลองคณิตศำสตร์ (Mathematical
model) เพ่ือประเมินผลกำรดำเนินกำรแก้ปัญหำกำรกัดเซำะชำยฝ่ังทะเลอันเนื่องจำกกำรสร้ำงท่ำเรือ
อุตสำหกรรมมำบตำพุดอย่ำงต่อเนื่องและปรับปรุงวิธีกำรแก้ปัญหำให้เหมำะสมสอดคล้องตลอดเวลำ
ทั้งนี้ ก็เพื่อคืนสภำพหำดแสงจันทร์ท่ีปัจจุบันอยู่ในสภำพเว้ำแหว่งเป็นช่วง ๆ ให้กลับมำเป็นชำยหำดทรำย
ท่ียำวรำบเรียบต่อเนื่องสวยงำมตำมธรรมชำติเหมือนท่ีเคยเป็นในอดีตหรือใกล้เคียงสภำพเดิมในอดีต
ให้มำกที่สุด
คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒิสภา หนา้ | 65
บทที่ ๕
บทสรปุ และข้อเสนอแนะ
รำยงำนกำรพิจำรณำศึกษำผลกระทบจำกกำรถมทะเลตำมโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรม
มำบตำพุดในครงั้ น้ี คณะผศู้ ึกษำขอสรุปผลกำรพจิ ำรณำศึกษำและมขี อ้ เสนอแนะดังต่อไปน้ี
๕.๑ สรปุ ผลการพจิ ารณาศึกษา
โครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพดุ ในปัจจุบันมีกำรดำเนนิ กำรเสรจ็ ไปแล้ว ๒ ระยะ
คือระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ โดยโครงกำรระยะที่ ๑ เป็นกำรก่อสร้ำงท่ำเทียบเรือสำหรับสินค้ำเหลว ๑ ท่ำ
และท่ำเทียบเรือสำหรับสินค้ำท่ัวไป ๒ ท่ำ มีกำรถมทะเลเป็นพื้นที่ ๑,๔๐๐ ไร่ กำรก่อสร้ำงแล้วเสร็จ
เม่ือเดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๓๕ โครงกำรระยะท่ี ๒ เป็นกำรขุดลอกร่องน้ำทำงเดินเรือ และพ้ืนที่กลับเรือ
ให้เหมำะสมกับขนำดของเรือ เพ่ือเพิ่มควำมปลอดภัยกำรเดินเรือในร่องน้ำ นำวัสดุที่ขุดได้ไปถมให้เกิดพ้ืนที่
ในกำรประกอบอุตสำหกรรมประมำณ ๑,๔๗๐ ไร่ โครงกำรแล้วเสร็จเมื่อเมษำยน ๒๕๔๒ รวมพ้ืนที่
ถมทะเลทง้ั ๒ โครงกำร ๒,๘๗๐ไร่ สิง่ ก่อสร้ำงมรี ะยะทำงยื่นจำกชำยฝ่งั ๓,๔๒๒ เมตร
สำหรับโครงกำรพฒั นำท่ำเรืออตุ สำหกรรมมำบตำพุด ระยะที่ ๓ ขณะนี้อยู่ระหว่ำงดำเนินกำร
เปน็ ไปตำมมติคณะรัฐมนตรีเมอ่ื วันท่ี ๓๐ ตุลำคม ๒๕๖๑ ซ่ึงอนมุ ตั หิ ลกั กำรของโครงกำรเพ่อื สร้ำงทำ่ เรือ
และพ้ืนท่ีอุตสำหกรรมรองรับกำรขนถ่ำยก๊ำซธรรมชำติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสำหกรรมปิโตรเคมี
และต่อมำเมื่อวันท่ี ๑ ตุลำคม ๒๕๖๒ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำรลงทุนโครงกำรขยำยพ้ืนท่ี
นิคมอุตสำหกรรมมำบตำพุดและได้มีกำรลงนำมสัญญำร่วมลงทุนระหว่ำงกำรนิคม อุตสำหกรรม
กับบริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอลจำกัด เพื่อดำเนินกำรตำมโครงกำรระยะที่ ๓ แล้ว คำดว่ำ
จะเปิดให้บริกำรได้ในปี ๒๕๖๘ โดยโครงกำรระยะที่ ๓ จะมีพ้ืนท่ีถมทะเลเพ่ิมข้ึนอีก ๑,๐๐๐ ไร่
ทำให้พ้นื ทถ่ี มทะเลทง้ั ๓ โครงกำรรวมเปน็ ๓,๘๗๐ ไร่ โดยปลำยสุดของส่ิงก่อสร้ำงของท่ำเรอื มำบตำพุด
ระยะท่ี ๓ จะมีระยะทำงย่นื ไปในทะเลหำ่ งชำยฝ่ังถงึ ๔,๗๖๗ เมตร
ด้วยลักษณะทำงกำยภำพของท่ำเรือที่มีกำรถมทะเลยื่นห่ำงชำยฝ่ังเป็นระยะทำงไกลเช่นนี้
จะสง่ ผลกระทบสำคญั ๒ ประกำร
๕.๑.๑ ผลกระทบต่ออาณาเขตทางทะเลของไทย เนื่องจำกท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด
มตี ำบลท่ีตงั้ อยู่บนพน้ื ทร่ี ิมชำยฝั่งทะเลของจังหวัดระยอง ซึง่ โดยลักษณะทำงภูมศิ ำสตร์ของชำยฝง่ั ทะเล
ภำคตะวันออกในพื้นที่จงั หวัดระยองนั้น มีลักษณะเปน็ ทะเลเปดิ คอื เป็นชำยฝงั่ ทะเลที่เปิดออกสู่อำ่ วไทย
และเมื่อพิจำรณำถึงเขตทำงทะเลประเภทต่ำง ๆ ตำมท่ีกำหนดไว้ในอนุสัญญำสหประชำชำติว่ำด้วย
กฎหมำยทะเล ค.ศ. ๑๙๘๒ หรือ UNCLOS 1982 ซึ่งไทยก็เข้ำเป็นภำคีอนุสัญญำนี้ด้วยแล้ว ชำยฝ่ังทะเล
ภำคตะวนั ออกสว่ นน้ี ไมไ่ ดอ้ ยใู่ นเขตอำ่ วไทยตอนในซ่ึงไทยประกำศเมื่อปี ๒๕๐๒ เป็นอำ่ วประวัตศิ ำสตร์
และไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่ส่วนท่ีไทยประกำศเป็นเส้นฐำ นตรงและน่ำนน้ำภำยในตำมท่ีประเทศไทย
ไดป้ ระกำศไว้แล้วจำนวน ๔ พน้ื ทด่ี ้วยกนั
ด้วยลกั ษณะเชน่ นี้ทำใหช้ ำยฝ่งั ทะเลของจังหวัดระยองซ่งึ เป็นทีต่ ง้ั ของทำ่ เรือมำบตำพดุ ทง้ั หมด
ถอื เปน็ เส้นฐำนปกติ (Normal baseline) ท่ีใช้วดั ควำมกวำ้ งของทะเลอำณำเขตซ่งึ ไทยประกำศกำหนด
ควำมกวำ้ งไว้ ๑๒ ไมล์ทะเล (ประมำณ ๒๒.๒ กิโลเมตร) ตำมกฎหมำยทะเล ค.ศ. ๑๙๘๒ ขอ้ ๓ และข้อ ๕
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา หน้า | 67
นอกจำกน้ันแล้วตำมกฎหมำยทะเลข้อ ๑๑ ในเรื่องของท่ำเรือกำหนดไว้ว่ำ “เพ่ือควำมมุ่งประสงค์
กำรกำหนดขอบเขตของทะเลอำณำเขต สิ่งก่อสร้างถาวรตอนนอกสุดของเขตท่าซงึ่ ประกอบเป็นส่วน
อนั แยกออกมไิ ด้ของระบบการทา่ นันให้ถือว่าประกอบเปน็ ส่วนของฝัง่ ทะเลสงิ่ ติดต้ังนอกฝง่ั และเกำะเทียม
มิให้ถอื เปน็ สง่ิ ก่อสร้ำงถำวรของเขตของท่ำ” ดังนั้นตำมกฎหมำยทะเลแลว้ สง่ิ กอ่ สร้ำงถำวรตอนนอกสุด
ของเขตท่ำเรือมำบตำพุดซ่งึ ประกอบเป็นส่วนอนั แยกออกมิไดข้ องระบบกำรทำ่ เรือมำบตำพดุ จะถอื เปน็ ส่วนของ
ฝง่ั ทะเลซึง่ จะเป็นเสน้ ฐำนปกติ (Normal baseline) ทใี่ ช้วดั ควำมกว้ำงของทะเลอำณำเขตของไทยด้วย
ดังนน้ั กำรทใ่ี นปจั จบุ ันพ้นื ทีข่ องทำ่ เรืออุตสำหกรรมมำบตำพดุ ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ ซ่ึงแล้วเสรจ็
เมื่อปี ๒๕๔๒ มีกำรถมทะเลรวม ๒,๘๗๐ไร่ สิ่งก่อสร้ำงถำวรของเขตท่ำย่ืนจำกชำยฝ่ังเป็นระยะทำง
๓,๔๒๒ เมตรน้ัน กรมอุทกศำสตร์กองทัพเรือได้ตรวจสอบตำมหลักกฎหมำยระหว่ำงประเทศ
และหลักเทคนิคกำรทำแผนที่ทำงทะเลแล้วพบว่ำจะทำให้ทะเลอำณำเขตของไทยมีพื้นที่เพ่ิมขึ้นอีก
๑๒ ตำรำงกิโลเมตร ตามภาพที่ ๒๖ และสำหรับโครงกำรพัฒนำท่ำเรอื อุตสำหกรรมมำบตำพุดระยะท่ี
๓ ซ่ึงอยู่ระหว่ำงดำเนินโครงกำรและจะแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๘ จะมีพ้ืนที่ถมทะเลเพ่ิมขึ้นอีก ๑,๐๐๐ ไร่
โดยสิ่งก่อสร้ำงถำวรของเขตท่ำเม่ือแล้วเสร็จ จะยื่นจำกชำยฝั่งเป็นระยะทำง ๔,๗๖๗ เมตรนั้น
กรมอุทกศำสตร์กอง ทัพเรือได้ตรวจสอบแล้วพบว่ำ จะทำให้ทะเลอำณำเขตข องไทยมีพื้นที่เพิ่มขึ้ น
โดยรวมท้ังหมดแล้วเป็น ๒๘ ตำรำงกิโลเมตร ตามภาพท่ี ๒๗ และเส้นแนวทะเลอำณำเขตรวมท้ัง
เขตต่อเนอ่ื ง ๑๒ ไมล์ทะเลจำกเส้นแนวทะเลอำณำเขตจะขยำยออกเช่นกันตำมขนำดของพ้ืนทที่ ่ีเพมิ่ ขึ้น
แต่กำรเพิ่มข้ึนของพ้ืนที่ทะเลอำณำเขตของไทยคร้ังน้ี จะไม่มีผลกระทบต่อเขตเศรษฐกิจจำเพำะ
และไหลท่ วปี ของไทยท่ีอยู่ประชิดกบั ประเทศอ่ืนเนื่องจำกอทิ ธพิ ลจำกเกำะเสมด็ และเกำะจวงทขี่ นำบอยู่
รวมถึงทิศทำงของ Coastal Front ชำยฝ่ังทะเลภำคตะวันออกซ่ึงหันเปิดทิศทำงไปทำงภำคใต้
ของประเทศไทย ดังน้ันในกรณีของเขตเศรษฐกิจจำเพำะและไหล่ทวปี ของไทยจึงไม่เป็นประเด็นปัญหำ
ท่จี ะนำไปสู่ควำมขดั แย้งระหว่ำงไทยกับประเทศเพอ่ื นบำ้ นอืน่ ที่มีเขตทำงทะเลประชิดติดกนั อย่ำงไรก็ตำม
กำรเพิ่มขน้ึ ของพ้ืนท่ีทะเลอำณำเขตของไทยอีก ๒๘ ตำรำงกิโลเมตรน้ี หมำยถงึ อำนำจอธปิ ไตยของไทย
สิทธิต่ำง ๆ ของไทยในฐำนะรัฐชำยฝั่งที่พึงมีในทะเลอำณำเขตก็จะเพ่ิมข้ึนอีก ๒๘ ตำรำงกิโลเมตรด้วย
พ้นื ท่ีส่วนน้ีเดิมจะเป็นเขตตอ่ เนื่องและเขตเศรษฐกิจจำเพำะทีร่ ัฐชำยฝั่งอ่ืนมีสิทธิเสรีภำพในกำรใช้พ้ืนที่
ด้วยตำมทกี่ ฎหมำยทะเลหรือ UNCLOS 1982 ข้อ ๕๘ กำหนดไวเ้ ชน่ เสรภี ำพในกำรเดนิ เรอื และกำรบินผำ่ น
กำรวำงสำยเคเบิลและท่อใต้ทะเล และกำรใช้ทะเลในทำงอื่นท่ีชอบด้วยกฎหมำยระหว่ำงประเทศ
แตเ่ มื่อถกู ปรบั เปล่ยี นสถำนะมำเป็นทะเลอำณำเขตของไทย สิทธเิ สรีภำพของรัฐอน่ื ในกำรใชพ้ ้นื ทีส่ ว่ นนี้
ดงั กล่ำวจะถูกจำกัดลงดว้ ย ซึง่ อำจเป็นประเด็นขัดแย้งกับกลุ่มผู้แสวงประโยชน์และกลุ่มผู้เสียประโยชน์
เช่นกลุ่มแนวคิดตั้งนิคมบ้ำนลอยน้ำหรือ Seasteading ซึ่งเคยเข้ำก่อปัญหำกรณีสร้ำงบ้ำนลอยน้ำ
บริเวณชำยขอบทะเลอำณำเขตนอกชำยฝ่ังภูเก็ตเมื่อช่วงเดือนเมษำยน ๒๕๖๒ แต่ต้องถูกร้ือถอน
และถูกดำเนินคดใี นทส่ี ดุ
สำหรับประเด็นทีว่ ่ำหนังสือสัญญำที่กำรนิคมอุตสำหกรรมแหง่ ประเทศไทยซ่ึงเป็นรัฐวิสำหกิจ
ได้ลงนำมกับบริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด เมื่อวันที่ ๑ ตุลำคม ๒๕๖๒ เพ่ือร่วมลงทุน
โครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะท่ี ๓ ซึ่งจะมีกำรถมทะเลอันจะมีผลให้เกิด
กำรเปลี่ยนแปลงต่ออำณำเขตทำงทะเลของไทยด้วยนั้น จะถือว่ำหนังสือสัญญำดังกล่ำวเป็นหนังสือสัญญำ
ตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ มำตรำ ๑๗๘ วรรคสองที่กำหนดว่ำ
หน้า | 68 คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒสิ ภา
หนังสือสัญญำใดมีบทเปลี่ยนแปลงเปล่ียนแปลงอำณำเขตไทย ต้องได้รับควำมเห็นชอบของรัฐสภำ
หรือไม่น้ัน ได้ข้อสรุปว่ำหนังสือสัญญำตำมควำมหมำยของรัฐธรรมนูญมำตรำน้ีจะต้องมีองค์ประกอบ
สำคัญประกำรหน่ึงคือ คู่สัญญำต้องเป็นรัฐต่อรัฐด้วยกัน แต่กรณีนี้เป็นกำรกระทำโดยรัฐวิสำหกิจ
ซ่ึงเป็นหน่วยงำนรัฐของไทยฝ่ำยเดียวกับบริษัทเอกชนท่ีเป็นคู่สัญญำ ดังน้ันหนังสือสัญญำดังกล่ำว
จึงไม่เข้ำลักษณะเงื่อนไขตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย มำตรำ ๑๗๘ ท่ีจะต้อง
ขอควำมเห็นชอบจำกรัฐสภำ
กล่ำวโดยสรุปคือ กำรถมทะเลตำมโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดส่งผลกระทบ
ต่ออำณำเขตทำงทะเลของไทยในลักษณะทำให้พ้ืนท่ีทะเลอำณำเขตเพิ่มข้ึนถือว่ำเป็นกำรเปลี่ยนแป ลง
อำณำเขตของประเทศ โดยโครงกำร ระยะท่ี ๑ และ ๒ ซึ่งเป็นสถำนภำพในปจั จุบันน้ัน พ้ืนท่ีทะเลอำณำเขต
เพิ่มขึ้น ๑๒ ตำรำงกิโลเมตร และสำหรับโครงกำรระยะที่ ๓ เม่ือแล้วเสร็จ พ้ืนที่ทะเลอำณำเขต
จะเพิ่มขนึ้ โดยรวมทั้งหมดแล้วเปน็ ๒๘ ตำรำงกิโลเมตร ซ่ึงอำจกระทบสิทธิเสรีภำพของรัฐอื่นในกำรใช้
พื้นทท่ี ะเลส่วนน้ี แตอ่ ยำ่ งไรก็ตำมไมม่ ผี ลกระทบตอ่ ขอบเขตของพนื้ ทีเ่ ขตเศรษฐกจิ จำเพำะและไหล่ทวปี
ของไทยท่ีประกำศอยู่เดิมและอยู่ประชิดกับประเทศอื่น ในส่วนของหนังสือสัญญำร่วมลงทุนระหว่ำง
กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทยกับบริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล เพ่ือดำเนิน
โครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดระยะท่ี ๓ นั้น เนื่องจำกเป็นกำรกระทำโดยหนว่ ยงำนรัฐ
ของไทยฝ่ำยเดียวกบั บริษัทเอกชนที่เป็นคู่สัญญำ ดังนั้นหนังสือสญั ญำดังกล่ำวจึงไม่เข้ำลักษณะเง่ือนไข
ตำมบทบัญญัติของรฐั ธรรมนูญแหง่ รำชอำณำจกั รไทย มำตรำ ๑๗๘ ทจี่ ะต้องขอควำมเห็นชอบจำกรัฐสภำ
๕.๑.๒ ผลกระทบต่อการกัดเซาะชายฝ่ังทะเล จำกสภำพของหำดแสงจันทร์ ซ่ึงอยู่ฝ่ัง
ตะวันออกของท่ำเรือมำบตำพุด ถูกกัดเซำะตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ เม่ือโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรม
มำบตำพดุ ระยะท่ี ๑ แล้วเสร็จโดยสร้ำงท่ำเรือและเข่ือนย่ืนออกมำในทะเลห่ำงชำยฝ่ังกว่ำ ๓ กิโลเมตร
และกำรกัดเซำะย่ิงรุนแรงข้ึน ตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ เมื่อโครงกำรระยะท่ี ๒ แล้วเสร็จทำให้โครงสร้ำงท่ำเรือ
และเข่ือนที่สร้ำงย่ืนออกมำในทะเลห่ำงชำยฝ่ังทั้งสิ้นกว่ำ ๓,๔๒๒ เมตร ซึ่งสิ่งก่อสร้ำงทั้งหมด
ท่ีย่ืนออกมำในทะเลนี้ จะขวำงทิศทำงกระแสน้ำโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ซึ่งมีอิทธิพลมำกที่สุดในพ้ืนที่ชำยฝ่ังทะเลภำคตะวันออก จึงทำให้เกิดกำรกัดเซำะชำยฝ่ังส่วนที่อยู่
ฝง่ั ตะวนั ออกของท่ำเรือมำบตำพุดอยำ่ งรุนแรง ในขณะท่ีชำยฝ่งั สว่ นท่อี ยู่ฝง่ั ตะวันตกจะมกี ำรตกตะกอน
ทรำยค่อนข้ำงมำก ตามท่ีแสดงไวใ้ นภาพท่ี ๗ หนว่ ยงำนรัฐโดยกรมเจ้ำทำ่ แกป้ ัญหำกำรกัดเซำะชำยฝั่ง
หำดแสงจันทร์น้ี ด้วยกำรสร้ำงเข่ือนกันคล่ืนนอกฝั่งเพ่ือลดควำมรุนแรงของคลื่น โดยสร้ำงเขื่อนหินทิ้ง
เป็นช่วง ๆ ตลอดแนวชำยหำด เริ่มดำเนินกำรต้ังแต่ปี ๒๕๔๓ ผ่ำนมำจนถึงปัจจุบันกว่ำ ๒๐ ปี ปรำกฏว่ำ
หำดแสงจันทร์ที่เดิมเคยเป็นชำยหำดยำวเรียบต่อเน่ืองไปตำมธรรมชำติ ต้องมีสภำพท่ีผิดธรรมชำติ
คือกลำยเปน็ ชำยหำดเว้ำแหวง่ เปน็ ชว่ ง ๆ ตำมเขือ่ นหนิ ทิง้ ทส่ี รำ้ งเป็นช่วง ๆ
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา หน้า | 69
ภาพท่ี ๒๙ การสรา้ งเข่อื นกนั คลน่ื เพอ่ื แกป้ ญั หาการกดั เซาะชายฝั่งหาดแสงจนั ทร์
ทม่ี า : https://blog.traveloka.com/th/local-attraction/rayong-must-see
จำกกำรศกึ ษำพบว่ำกำรแก้ปญั หำกัดเซำะชำยฝั่งด้วยกำรสร้ำงเขอื่ นกันคล่ืนนอกฝ่ังเป็นชว่ ง ๆ
เช่นน้ีเป็นกำรแก้ท่ีปลำยเหตุ เพรำะต้นเหตุเกดิ จำกกำรท่ีเม็ดทรำยซ่งึ เดิมเคยถูกพดั ไปเติมเกล่ียตลอดแนว
ชำยหำดบริเวณน้ีในแต่ละปีจะถูกโครงสร้ำงของท่ำเรือมำบตำพุดซ่งึ วำงตวั ในแนวทิศเหนือ - ใต้ขวำงก้ันไว้
ทำให้ฝ่ังตะวันตกเกิดทรำยกำรทับถมพอกพูนข้ึนเร่ือย ๆ จำกอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ในขณะที่ฝั่งตะวันออกเช่นหำดแสงจันทร์ เม็ดทรำยที่หำดจะถกู กดั เซำะหำยไปเรอ่ื ย ๆ เช่นกนั โดยไม่มี
เม็ดทรำยใหม่ไปเติม ข้อเสนอทำงแก้คือ ควรแก้ปัญหำท่ีต้นเหตุด้วยกำรดูดทรำยท่ีสะสมงอกทับถม
ด้ำนฝ่ังตะวันตกของท่ำเรือในแต่ละปี ไปพ่นเติมปรับสมดุลชำยหำดฝั่งตะวันออกคือ หำดแสงจันทร์
โดยอำจใช้วิธีพ่นทรำยเติมในน้ำทะเลก่อนถึงชำยหำดเพื่อให้กระแสคลื่นพั ดเม็ดทรำยไปเกล่ียเติม
ปรับสมดุลชำยหำดในลักษณะคล้ำยธรรมชำติตลอดแนวชำยหำด โดยจะต้องมีกำรคำนวณปริมำณ
ของทรำยทจ่ี ะเคลอื่ นย้ำยใหส้ อดคลอ้ งและสมดุลใกล้เคียงปริมำณกำรสะสมตำมธรรมชำติมำกทส่ี ดุ
อย่ำงไรก็ตำม ในกำรประเมินผลดำเนินงำนเพอ่ื แก้ปัญหำกำรกัดเซำะชำยฝั่งเพื่อใหไ้ ด้ผลกำรประเมิน
ท่ใี กล้เคียงสภำพตำมธรรมชำติจริงมำกทส่ี ุดนั้น นอกจำกวิธกี ำรและเครื่องมอื ในกำรประเมินผลกระทบ
ต่อสิ่งแวดล้อมอันเกิดจำกกระแสน้ำหรือคลื่นในทะเลด้วยวิธีกำรคำนวณ ทำงคณิตศำสตร์ และสร้ำง
แบบจำลองเสมอื นจริงด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Numerical / Mathematical Model) เชน่ ท่ดี ำเนนิ กำรอยแู่ ลว้
กบั โครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดแลว้ ซึ่งในด้ำนวิศวกรรมชำยฝ่ังนั้นได้ทรำบอยู่แล้วว่ำ
แบบจำลองเสมือนจริงด้วยระบบคอมพิวเตอร์น้ันมีข้อจำกัดหลำยด้ำน ไม่ว่ำจะเป็นกำรคำนวณด้วย
กำรใช้สมกำร ซ่ึงสมกำรดังกล่ำวมีกำรตัดตัวแปรหลำยตัวออกและมีสมมติฐำนหลำยอย่ำงท่ีขัดแย้ง
กับธรรมชำติ (Simplified equation) ในหลำยประเทศท่ีมีโครงกำรถมทะเลขนำดใหญ่จะใช้วิธีสร้ำง
แบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) เพื่อประเมินผลกระทบต่ำง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงในแบบโครงสร้ำง
จำลองเสมือนธรรมชำติจริงควบคู่ไปด้วยแต่ประเทศไทยยังมีขีดควำมสำมำรถที่จำกัดในเร่ืองน้ีมำก
ยังขำดหน่วยงำนและเครอ่ื งมอื อุปกรณ์ทีท่ ันสมยั ในด้ำนน้ี
หนา้ | 70 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา
ดงั นัน้ ดว้ ยข้อจำกัดนี้กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทยและสำนักงำนท่ำเรืออุตสำหกรรม
มำบตำพุด อำจใช้วิธีจ้ำงหน่วยงำนจำกต่ำงประเทศสถำบันกำรศึกษำของไทยท่ีมี ขีดควำมด้ำนน้ี
ในกำรสร้ำงแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) ของชำยฝ่ังในพ้ืนที่นี้ เพ่ือประเมินผลกระทบ
แต่ละห้วงเวลำและทดสอบแนวทำงแก้ไขด้วยวิธีกำรต่ำง ๆ นอกเหนือจำกเดิมที่ทำเพียงแบบจำลอง
คณิตศำสตร์ (Mathematical model) เพ่อื ประเมนิ ผลกำรดำเนินกำรแก้ปญั หำกำรกดั เซำะชำยฝ่งั ทะเล
อันเนื่องจำกกำรสร้ำงท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดอย่ำงต่อเน่ืองและปรับปรุงวิธีกำรแก้ปัญหำ
ให้เหมำะสมสอดคล้องตลอดเวลำทั้งนี้ก็เพ่ือคืนสภำพหำดแสงจันทร์ที่ปัจจุบัน อยู่ในสภำพเว้ำแหว่ง
เป็นช่วง ๆ ให้กลับมำเป็นชำยหำดทรำยท่ียำวรำบเรียบต่อเนื่องสวยงำมตำมธรรมชำติเหมือนที่เคยเป็น
ในอดตี หรอื ใกลเ้ คยี งสภำพเดมิ ในอดตี ใหม้ ำกทสี่ ดุ
๕.๒ ขอ้ เสนอแนะ
คณะผู้ศกึ ษำมขี อ้ เสนอแนะดงั ต่อไปนี้
๕.๒.๑ การแก้ไขและป้องกนั ปญั หาผลกระทบตอ่ อาณาเขตทางทะเล
(๑) เพ่ือให้เกิดควำมปลอดภัยในกำรเดินเรือในกรณีกำรเพิ่มขึ้นของพ้ืนท่ีชำยฝ่ัง
อนั เนื่องจำกกำรถมทะเลเพ่ือกอ่ สรำ้ งท่ำเรอื อุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะที่ ๓ กรมเจ้ำทำ่ และกรมอุทกศำสตร์
ควรดำเนินกำรเร่งออกประกำศในส่วนท่ีรับผิดชอบให้ทันสมัยและเป็นไปตำมข้อกำหนดของอนุสัญญำ
ระหว่ำงประเทศว่ำควำมปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ.๑๙๗๔ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม International
Convention for the Safety of Life at Sea, 1974 as amended (SOLAS 1974) รวมทั้ง ให้กรมเจ้ำท่ำ
ในฐำนะผอู้ อกหนังสอื อนุญำตสง่ิ ล่วงล้ำลำนำ้ แจ้งกำรอนญุ ำตถมทะเลให้กรมอุทกศำสตร์เพอื่ เปลย่ี นแปลง
แผนทีเ่ ดินเรอื ให้ทนั สมยั และออกประกำศชำวเรือให้ทรำบถงึ กำรแก้ไขแผนทีด่ งั กล่ำว ตลอดจนคำเตือน
ตำมมำตรฐำนควำมปลอดภยั ในกำรเดินเรือ
(๒) ในกำรออกใบอนุญำตก่อสร้ำงส่ิงล่วงลำ้ ลำน้ำ สำหรับโครงกำรขนำดใหญ่ที่ต้องมี
กำรถมทะเล กรมเจ้ำท่ำควรต้องกำหนดให้เจ้ำของโครงกำรหรือผู้ขอใบอนุญำตต้องแสดงผลกำรศึกษำ
ผลกระทบต่ออำณำเขตทำงทะเลหรอื เส้นขอบเขตของเขตทำงทะเลเขตต่ำง ๆ ท่ีอำจเกิดข้ึนจำกกำรถมทะเล
ดังกล่ำวประกอบกำรขอใบอนุญำตเพ่ือให้เป็นตำมกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๖๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตำม
ควำมในมำตรำ ๑๑๗ วรรคสองแห่งพระรำชบัญญตั ิกำรเดินเรือในนำ่ นน้ำไทย พระพุทธศักรำช ๒๔๕๖
ท่กี ำหนดหลักเกณฑ์และวิธีกำรในกำรอนุญำตให้กอ่ สร้ำงสิ่งลว่ งล้ำลำนำ้ รายละเอียดตามภาคผนวก จ
ทั้งนี้ เพ่ือให้ครอบคลุมกรณีสิ่งก่อสร้ำงท่ีต้องมีกำรถมทะเลในพ้ืนท่ีชำยฝั่งท่ีมีลักษณะทำงภูมิศำสตร์
ท่ีใช้เส้นฐำนปกติ (Normal baseline) ในกำรวัดควำมกว้ำงของทะเลอำณำเขตและเขตทำงทะเล
เขตต่ำง ๆ ตำมท่ีกำหนดไว้ในอนุสัญญำสหประชำชำติว่ำด้วยกฎหมำยทะเล ค.ศ.๑๙๘๒ (UNCLOS
1982) หรือจะมีส่ิงก่อสร้ำงที่โดยลักษณะอำจกระทบกับอำณำเขตทำงทะเลของประเทศซ่ึงต้องกำหนดให้
มีกำรศกึ ษำผลกระทบต่ำง ๆ อย่ำงรอบคอบก่อนด้วย
(๓) สำนกั งำนคณะกรรมกำรนโยบำยเขตพัฒนำพเิ ศษภำคตะวันออก (สกพอ.) ซ่ึงกำกบั ดูแล
โครงสร้ำงพ้ืนฐำนขนำดใหญใ่ น ๓ จังหวดั ของพื้นทีภ่ ำคตะวนั ออกเชน่ โครงกำรพัฒนำท่ำเรอื อุตสำหกรรม
มำบตำพุดระยะท่ี ๓ โครงกำรพัฒนำท่ำเรือแหลมฉบัง ระยะท่ี ๓ เป็นต้น ซ่ึงโครงกำรขนำดใหญ่เหล่ำน้ี
จะมีกำรถมทะเลเพ่ือสร้ำงท่ำเรือและสิ่งก่อสร้ำงต่ำง ๆ ล่วงล้ำพ้ืนท่ีทำงทะเลเป็นพ้ืนท่ีขนำดใหญ่
คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒสิ ภา หน้า | 71
ดังนนั้ สกพอ.ควรตระหนกั ถึงควำมสำคญั ของผลกระทบจำกกำรถมทะเลในบำงพนื้ ทท่ี ี่จะมตี อ่ อำณำเขต
ทำงทะเลของประเทศและจะต้องติดตำมกำกับดูแลกำรศึกษำและประเมินผลกระทบต่ำง ๆ ในเร่ืองน้ี
ของหน่วยงำนเจ้ำของโครงกำรอย่ำงจริงจังและให้ชัดเจนในทุกข้ันตอนกำรขออนุญำตจำกหน่วยงำน
ที่เกีย่ วข้องดว้ ย
๕.๒.๒ การแก้ไขและปอ้ งกนั ปญั หาผลกระทบตอ่ การกัดเซาะชายฝงั่ ทะเล
(๑) กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทยโดยสำนักงำนท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด
ควรแกป้ ัญหำสภำพหำดแสงจันทรท์ ่ีมลี กั ษณะผดิ ธรรมชำติเป็นชำยหำดเวำ้ แหว่งเป็นชว่ ง ๆ ใหค้ นื สภำพ
ใกลเ้ คยี งลักษณะเดิมท่ีเป็นชำยหำดยำวเรียบต่อเน่ืองไปตำมธรรมชำติ ด้วยกำรดดู ทรำยที่สะสมงอกทบั ถม
ด้ำนฝ่ังตะวันตกของท่ำเรือในแต่ละปี ไปพ่นเติมปรับสมดุลชำยหำดฝั่งตะวันออกคือหำดแสงจันทร์
โดยอำจใช้วิธีพ่นทรำยเติมในน้ำทะเลก่อนถึงชำยหำดเพื่อให้กระแสคลื่นพดั เม็ดทรำยไปเกลี่ยเติมปรบั สมดุล
ชำยหำดในลักษณะคล้ำยธรรมชำติตลอดแนวชำยหำด โดยจะต้องมีกำรคำนวณปริมำณของทรำย
ทจ่ี ะเคลื่อนย้ำยให้สอดคล้องและสมดลุ ใกล้เคียงปริมำณกำรสะสมตำมธรรมชำติมำกทสี่ ุด
(๒) เน่ืองด้วยในประเทศไทยยังขำดหน่วยงำนและเคร่ืองมืออุปกรณ์ที่มีขีดควำมสำมำรถ
สร้ำงแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) เพื่อใช้งำนด้ำนอุทกวิทยำ ด้ำนสมุทรศำสตร์
และวิศวกรรมชำยฝั่ง (Coastal engineering) และประเมินผลกระทบต่อส่ิงต่ำง ๆ จำกกำรเคล่ือนตัว
ของน้ำและตะกอนชำยฝั่งที่เกิดข้ึนจริงในแบบโครงสร้ำงจำลอง ควบคู่ไปกับวิธีกำร คำนวณ
ทำงคณิตศำสตร์และสร้ำงแบบจำลองเสมือนจริงในจอภำพด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Numerical /
Mathematical Model) ซ่ึงเคร่ืองมือและอุปกรณ์ท่ีจะใช้ในกำรสร้ำงแบบจำลองทำงกำยภำพน้ี
มีกำรออกแบบมำโดยเฉพำะและมีรำคำสูง ดังน้ันสำนักนโยบำยและแผนทรัพยำกรธรรมชำติ
และส่งิ แวดล้อม และกรมทรัพยำกรทำงทะเลและชำยฝั่ง ควรเป็นหน่วยงำนหลักท่จี ะผลกั ดนั ขับเคลื่อน
ให้เกิดขีดควำมสำมำรถน้ีข้ึนในประเทศไทย โดยหำกสร้ำงขีดควำมสำมำรถนี้ให้เกิดข้ึนในสถำนศึกษำ
ของรัฐที่มีกำรเรียนกำรสอนวิชำด้ำนวิศวกรรมชำยฝ่ัง (Coastal engineering) และมีบุคลำกรเฉพำะ
ด้ำนวิศวกรรมชำยฝ่ังที่มีประสบกำรณ์ในกำรออกแบบโครงสร้ำงป้องกันชำยฝั่งให้มีอำคำรสถำนที่
เครื่องมืออุปกรณ์ต่ำงๆที่จะสร้ำงแบบจำลองทำงกำยภำพของสถำนที่ต่ำง ๆ ได้ ก็จะเป็นประโยชน์
ท้ังในด้ำนกำรศกึ ษำและสำมำรถรับงำนสร้ำงแบบจำลองทำงกำยภำพสำหรับโครงกำรต่ำง ๆ ท้ังของรัฐ
และเอกชนได้
(๓) กระทรวงทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม ควรออกระเบียบให้คณะกรรมกำร
ผ้ชู ำนำญกำรเพ่อื พจิ ำรณำรำยงำนกำรวิเครำะหผ์ ลกระทบส่งิ แวดล้อม จะตอ้ งพิจำรณำตดิ ตำมกำรจดั ทำ
รำยงำนกำรวิเครำะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม สำหรับโครงกำรก่อสร้ำงขนำดใหญ่ท่ีมีกำรถมทะเล
โดยกำหนดให้ต้องมีกำรสร้ำงแบบจำลองทำงกำยภำพ (Physical model) เพิ่มเติมร่วมกับกำรจัดทำ
แบบจำลองทำงคณิตศำสตร์และสร้ำงแบบจำลองเสมือนจริงในจอภำพด้วยระบบคอมพิวเตอร์
(Numerical / Mathematical Model) ในขั้นตอนที่เหมำะสม เพื่อให้กำรวิเครำะห์ผลกระทบต่ำง ๆ
มีควำมแม่นยำชัดเจนมำกยิ่งขึ้น นอกจำกนั้น ในกำรแต่งตั้งคณะกรรมกำรผู้ชำนำญกำรเพื่อพิจำรณำ
รำยงำนกำรวิเครำะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ควรต้องมีผู้แทนจำกหน่วยงำนท่ีดูแลรับผิดชอบกิจกำร
ทำงทะเล ให้ครบถ้วนทุกสำขำทั้งท่ีมีอยู่ในปัจจุบันหรือในกรณีที่มีควำมจำเป็น เช่น กรมเจ้ำท่ำ
กรมทรัพยำกรทำงทะเลและชำยฝั่งหรือศูนย์อำนวยกำรรักษำผลประโยชน์ของชำติทำงทะเล (ศรชล.) ฯลฯ
หน้า | 72 คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒิสภา
เข้ำมำเป็นคณะกรรมกำรผู้ชำนำญกำรเพ่ือพิจำรณำรำยงำนกำรวิเครำะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อมของ
โครงกำรนั้นด้วยเพื่อให้กำรพิจำรณำมีควำมละเอียดรอบคอบมำกยิ่งข้ึน นอกจำกนี้ กระทรวง
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมควรกำหนดให้นิติบุคคลที่จัดทำรำยงำนกำรประเมินผลกระทบ
ส่ิงแวดล้อมและรำยงำนดังกล่ำวได้รับควำมเห็นชอบ ในโครงกำรเข่ือนกันคล่ืน/โครงกำรถมทะเล
/โครงกำรท่ำเทียบเรือ จะต้องมีประสบกำรณ์เคยจัดทำรำยงำนประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ด้ำนโครงกำรเข่ือนกันคลื่น/โครงกำรถมทะเล/โครงกำรท่ำเทียบเรือ และได้รับควำมเห็นชอบ
จำกสำนักงำนนโยบำยและแผนทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มมำไมน่ ้อยกวำ่ ๕ โครงกำร
(๔) สำนักงำนคณะกรรมกำรนโยบำยเขตพัฒนำพิเศษภำคตะวันออก (สกพอ.)
ซ่ึงกำกับดูแลโครงสร้ำงพื้นฐำนขนำดใหญ่ใน ๓ จังหวัดของพื้นที่ภำคตะวันออกรวมถึงโครงกำรพัฒนำ
ท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดระยะที่ ๓ ด้วย ควรเป็นหน่วยรับผิดชอบกำกับดูแลกำรปฏิบัติและ
กำรดำเนินกำรต่ำง ๆ ตำมข้อเสนอแนะข้ำงต้นเพอ่ื แก้ไขและป้องกันปัญหำผลกระทบของกำรถมทะเล
ตำมโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดที่มีต่อกำรกัดเซำะชำยฝั่ งบริเวณโดยรอบท่ำเรือ
มำบตำพดุ ให้บังเกดิ ผลสำเร็จตำมข้อเสนอแนะตอ่ ไป
จำกที่ได้รำยงำนกำรพิจำรณำศึกษำผลกระทบจำกกำรถมทะเลตำมโครงกำรพัฒนำ
ท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด รวมท้ังข้อเสนอแนะต่ำงๆตำมที่กล่ำวมำทั้งหมดน้ี คณะผู้ศึกษำ
มีข้อสังเกตว่ำกำรดำเนินกิจกรรมต่ำงๆทำงทะเลของหน่วยงำนหรือองค์กรต่ำง ๆ ของไทยนั้น
ควรให้ควำมสำคัญและพิจำรณำดำเนินกำรให้สอดคล้องกับอนุสัญญำสหประชำชำติว่ำด้วยกฎหมำยทะเล
ค.ศ. ๑๙๘๒ (UNCLOS 1982) ซ่ึงไทยได้ให้สัตยำบันเข้ำเป็นภำคีแล้ว ท้ังน้ีเพรำะหลำยกิจกรรมทำงทะเล
ของโครงกำรพัฒนำต่ำง ๆ นั้น ใช้เงินลงทุนมหำศำล หำกกำรพิจำรณำเพ่ืออนุมัติอนุญำตหรือตกลงใจ
ไมร่ อบคอบรดั กมุ ครบถว้ นทุกแง่มมุ ต่ำง ๆ ของกฎหมำยรวมถงึ กฎหมำยระหว่ำงประเทศด้วย อำจทำให้
เกิดข้อขัดแยง้ ท้ังภำยในประเทศและกบั ตำ่ งประเทศได้ ซ่งึ จะเปน็ อปุ สรรคต่อกำรดำเนนิ โครงกำรพฒั นำตำ่ ง ๆ
รวมถึง หน่วยงำนเจ้ำของโครงกำรและหน่วยงำนรัฐควรให้ควำมสำคัญในกำรนำวิธีกำรหรือเทคโนโลยี
กำรศึกษำท่ีทันสมัยมำใช้หรือพัฒนำสร้ำงเสริมให้เกิดข้ึนเพื่อใช้ประเมินผลกระทบหรือแก้ไขป้องกัน
ผลกระทบในเรื่องต่ำง ๆ ของกำรดำเนินกิจกรรมทำงทะเล ซ่ึงด้วยข้อเสนอแนะต่ำง ๆ ข้ำงต้น
หำกรฐั บำลและหน่วยงำนที่เกยี่ วขอ้ งไดน้ ำไปปฏบิ ัติอยำ่ งจริงจงั แล้ว คณะผู้ศึกษำมีควำมมั่นใจว่ำจะทำ
ให้โครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดซึ่งเป็นหน่ึงในโครงสร้ำงพ้ืนฐำนหลักที่สำคัญของเขต
พัฒนำพิเศษภำคตะวันออกหรือ Eastern Economic Corridor (EEC) สำมำรถดำเนินไปได้ด้วย
ควำมรำบรื่นและเป็นกำลังสำคัญท่ีจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ไปสู่ควำมมั่นคง มั่งคั่ง
และยง่ั ยนื ต่อไป
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา หนา้ | 73
บรรณานุกรม
เอกสารต่างประเทศ
Leendert Dorst, Alex Oude Elferink, Thijs Ligteringen. (๒ ๐ ๑ ๒ ) . Recent
Changes in the Dutch Baseline: The inseparable Connection of Human Activities
and Natural Process. International Law Association, Baselines Under the
International Law of the Sea; Conference Report Sofia ๒๐๑๒.
ส่อื อิเลก็ ทรอนกิ ส์
กำรนคิ มอตุ สำหกรรมแหง่ ประเทศไทย. โครงกำรพัฒนำทำ่ เรอื อุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะที่ ๓
สบื คน้ จำก https://www.ieat.go.th/investment/map-ta-phut-industrial-port/map-ta-
phut-industrial-port-3
กำรถมทะเลขยำยทำ่ เรอื มำรท์ ลักทู (Maasvlakte2) หำดทรำย Zandmotor
สืบค้นจำก Recent Changes in the Dutch Baseline: The inseparable Connection of Human Activities
and Natural Process 2012
ผงั เขตทำงทะเลตำมอนุสัญญำสหประชำชำติวำ่ ดว้ ยกฎหมำยทะเล ค.ศ.๑๙๘๒
สืบค้นจำก http://www.mkh.in.th/index.php?option=com_content&view=article&id
๔๗&Itemid=๑๕๓&lang=th#internalwater
กำรประกำศไหล่ทวปี ของประเทศกมั พูชำ
สบื คน้ จำก https://www.un.org/Depts/los/LEGISLATIONANDTREATIES/PDFFILES/
KHM_1982_Decree.pdf
กำรประกำศไหลท่ วปี ของประเทศมำเลเซยี
สบื คน้ จำก https://www.researchgate.net/figure/West-Malaysias-EEZ-and-CSAdapted
-from-Haller-Trost-1998_fig1_237373426
เขตทำงทะเลของไทย
สบื คน้ จำก http://mkh.in.th/index.php?option=com_content&view=article&id=47:2
0100322175825&catid=8&lang=th&Itemid=153
ประกำศเขตทำงทะเลของไทยและประเทศเพอ่ื นบ้ำนทไ่ี ดก้ ่อให้เกิดพนื้ ที่อ้ำงสทิ ธิทับซอ้ น
สบื ค้นจำก Victor Prescolt and clve Schofeld
พืน้ ทพ่ี ัฒนำรว่ มระหวำ่ งไทยกับมำเลเซีย
สบื คน้ จำกhttp://planinter.customs.go.th/cont_strc_simple.php?lang=th&top_menu
=¤t_id=14232832404e505e4e
ย่อคำวินิจฉัยศำลรฐั ธรรมนญู ท่ี ๑๑/๒๕๔๒
สืบค้นจำก http://appthca.krisdika.go.th/Naturesig/CheckSig?whichLaw=jud&year=2542
&lawPath=cc_23226
คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒสิ ภา หน้า | 75
สรุปคำวินจิ ฉยั ศำลรัฐธรรมนูญท่ี๓๓/๒๕๔๓
สืบค้นจำก http://www.constitutionalcourt.or.th/occ_web/download/article/file_import/
center-law33_43.pdf
คำวนิ ิจฉัยศำลรัฐธรรมนญู ที่ ๖-๗/๒๕๕๑ วนั ท่ี ๘ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕๕๑
สบื ค้นจำก https://www.constitutionalcourt.or.th/occ_web/ewt_dl_link.php?nid=2311
เอกสารอ่นื ๆ
กรมอุทกศำสตร์ กองทัพเรือ. (มิถุนำยน ๒๕๖๓). เอกสำรประกอบคำบรรยำยเร่ืองผลกระทบ
ของโครงกำรพฒั นำทำ่ เรือมำบตำพุดตอ่ กำรเปลย่ี นเส้นเขตแดนทำงทะเลของไทย.
กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย. (ตุลำคม ๒๕๖๒). เอกสำรประกอบคำบรรยำยเรื่อง
โครงกำรพฒั นำท่ำเรอื อุตสำหกรรมมำบตำพดุ ระยะท่ี ๓.
กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย. (กรกฎำคม ๒๕๖๓). เอกสำรประกอบคำบรรยำยเรื่อง
โครงกำรพฒั นำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพดุ ระยะท่ี ๓.
กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย, “รำยงำนกำรประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อมสำหรับ
โครงกำรกิจกำรหรือกำรดำเนินกำรท่ีอำจมีผลกระทบต่อทรัพยำกรธรรมชำติ คุณภำพสิ่งแวดล้อม
สขุ ภำพ อนำมัย คุณภำพชีวิต ของประชำชนในชุมชนอย่ำงรุนแรง โครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรม
มำบตำพดุ ระยะท่ี ๓”, ๒๕๖๒.
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร. (๒๕๖๐). รฐั ธรรมนูญแหง่ รำชอำณำจกั รไทย (พิมพค์ ร้ัง
ท่ี ๑) กรงุ เทพฯ: สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผู้แทนรำษฎร.
หน้า | 76 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา
ภาคผนวก ก
ขอ้ มูลเกีย่ วกบั โครงการพัฒนาท่าเรอื อุตสาหกรรมมาบตาพดุ
ข้อมลู เก่ยี วกับโครงการพฒั นาท่าเรอื อุตสาหกรรมมาบตาพุด
ท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสำหกรรมมำบตำพุด ตำบลมำบตำพุด
อำเภอเมอื ง จงั หวัดระยอง จดั ต้ังข้นึ ตำมนโยบำยรัฐบำลต้ังแต่ตน้ ปี ๒๕๒๔ ภำยใต้โครงกำรพฒั นำพื้นที่
บริเวณชำยฝงั่ ทะเลภำคตะวันออก (Eastern Seaboard Development Program : ESB) โดยกำหนด
แนวทำงพัฒนำพืน้ ทีเ่ ป้ำหมำยทมี่ ำบตำพดุ จงั หวดั ระยอง และแหลมฉบัง จงั หวดั ชลบรุ ี ใหเ้ ปน็ ศูนย์กลำง
กำรพฒั นำเศรษฐกิจของประเทศแหง่ ใหม่ ในส่วนของโครงกำรท่ำเรอื อุตสำหกรรมมำบตำพุดแบ่งกำรพัฒนำ
ออกเป็น ๓ ระยะ ดงั น้ี
ภาพแสดงโครงการพฒั นาท่าเรือมาบตาพุดระยะตา่ ง ๆ
ระยะที่ ๑ เปน็ ไปตำมมติคณะรัฐมนตรเี มื่อ ๑๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๓๑ ดำเนินกำรถมท่ีในทะเลได้
พน้ื ทเี่ พอื่ กำรอุตสำหกรรมจำนวน ๑,๔๐๐ ไร่ เพอื่ กอ่ สร้ำงท่ำเทียบเรือสำหรบั สินคำ้ เหลว ๑ ทำ่ และท่ำ
เทยี บเรือสำหรบั สนิ ค้ำทว่ั ไป ๒ ทำ่ กำรก่อสร้ำงแลว้ เสร็จตำมกำหนดเมื่อ กมุ ภำพันธ์ ๒๕๓๕ มีพธิ ีเปิดใช้งำน
อย่ำงเปน็ ทำงกำรเม่อื ๒๘ กันยำยน ๒๕๓๖
ระยะท่ี ๒ เป็นไปตำมมติคณะรัฐมนตรีเม่ือ ๒๙ ธันวำคม ๒๕๓๕ ดำเนินกำรขุดลอกร่องน้ำ
ทำงเดินเรือ และพื้นที่กลับเรือให้เหมำะสมกับขนำดของเรือ เพื่อเพิ่มควำมปลอดภัยกำรเดินเรือในร่องน้ำ
นำวัสดุท่ีขุดได้ไปถมให้เกิดพื้นที่ในกำรประกอบอุตสำหกรรมประมำณ ๑,๔๗๐ ไร่ โครงกำรแล้วเสร็จ
เม่ือเดอื นเมษำยน ๒๕๔๒
ระยะท่ี ๓ เป็นไปตำมมติคณะรัฐมนตรีเม่ือ ๓๐ ตุลำคม ๒๕๖๑ ซ่ึงอนุมัติหลักกำรโครงกำร
พัฒนำทำ่ เรอื อตุ สำหกรรมมำบตำพุดระยะที่ ๓ ซ่งึ จะถมทะเลสร้ำงทำ่ เรอื และพื้นทีอ่ ตุ สำหกรรมเพิ่มขึ้น
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา หน้า | 79
อกี ๑,๐๐๐ ไร่ เพือ่ รองรบั กำรขนถ่ำยก๊ำซธรรมชำติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลมุ่ อตุ สำหกรรมปิโตรเคมี
และต่อมำเม่ือ ๑ ตุลำคม ๒๕๖๒ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำรลงทุนโครงกำรขยำยพ้ืนท่ีนิคม
อุตสำหกรรมมำบตำพุดและได้มีกำรลงนำมสัญญำร่วมลงทุนระหว่ำงกำรนิคมอุตสำหกรรมกับบริษัท
กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอลจำกัด เพ่ือดำเนินกำรตำมโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรม
มำบตำพุดระยะท่ี ๓ ตอ่ ไป คำดว่ำจะเปดิ ใหบ้ รกิ ำรไดใ้ นปี ๒๕๖๘
ปัจจุบันโครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดระยะที่ ๓ ถือเป็นหนึ่งในโครงกำร
โครงสร้ำงพ้ืนฐำนหลักท่ีสำคัญของเขตพัฒนำพิเศษภำคตะวันออก ตำม พ.ร.บ.เขตพัฒนำพิเศษ
ภำคตะวันออก พ.ศ.๒๕๖๑ ซ่ึงเป็นกำรพัฒนำพ้ืนที่ในเขต ๓ จังหวัดคือฉะเชิงเทรำ ชลบุรีและระยอง
ต่อเนื่องมำจำกระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภำคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ภำยใต้
ก ำ ร ก ำ กั บ ดู แ ล ร ะ ดั บ น โ ย บ ำ ย โ ด ย ค ณ ะ ก ร ร ม ก ำ ร น โ ย บ ำ ย เ ข ต พั ฒ น ำ พิ เ ศ ษ ภ ำ ค ต ะ วั น อ อ ก
ซึ่งนำยกรัฐมนตรีเป็นประธำนกรรมกำรฯ และมีสำนักงำนคณะกรรมกำรนโยบำยเขตพัฒนำพิเศษ
ภำคตะวันออก (สกพอ.) ซ่ึงเป็นหน่วยธุรกำรของคณะกรรมกำรและทำ หน้ำที่กำกับ ติดตำม
และรำยงำนควำมคืบหนำ้ กำรพฒั นำของ EEC ตอ่ คณะกรรมกำรฯ
โครงการพัฒนาท่าเรอื อตุ สาหกรรมมาบตาพดุ ระยะที่ ๑ และ ๒
ท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะที่ ๑ และ ๒ ได้เปิดทำกำรแล้วโดยมีท่ำเทียบเรือจำนวน
๓ ท่ำเทียบเรอื แบ่งออกเป็นทำ่ เรยี บเรือสำหรับของเหลว ๑ ทำ่ และท่ำเทียบเรือสำหรับสินคำ้ ทั่วไป ๒ ท่ำ
และท่ำเรือเฉพำะกิจส่วนโครงกำรขยำยพื้นที่นิคมอุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะท่ี ๓ มีท่ำเรือ ๒ ประเภท
ได้แก่ ท่ำเรือสำธำรณะ และท่ำเรอื เฉพำะกิจที่มีผู้ประกอบกำร จำนวน ๙ รำย โดยท่ำเรืออุตสำหกรรม
มำบตำพุดจะกำกับดูแลโดยกำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งไม่ได้สังกัดกับกำรท่ำเรือ
แห่งประเทศไทย โดยที่ท่ำเทียบเรือในท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดบริหำรจัดกำรโดยบริษัท
ทไี่ ดร้ บั สมั ปทำน ดังน้ี
๑) บริษัท ไทยพรอสเพอริตี้เทอร์มินัล จำกัด (TPT) ขนำดควำมจุท่ำ ๒๐,๐๐๐ เดทเวทตัน
นำเขำ้ สนิ ค้ำประเภท ผลติ ภณั ฑ์จำกเหล็ก เคร่ืองจักรกล ช้ินส่วนอะไหล่ ฯลฯ
๒) บริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด (TTT) ขนำดควำมจุท่ำ ๘๐,๐๐๐ เดทเวทตัน นำเข้ำ
สินค้ำประเภท เคมภี ัณฑ์
๓) สถำนีอุตสำหกรรมมำบตำพุด (MIT) ขนำดควำมจุท่ำ ๖๐,๐๐๐ เดทเวทตัน นำเข้ำสินค้ำ
ประเภท ผลิตภณั ฑ์เหล็กและสนิ คำ้ ท่วั ไป
๔) บมจ. เอ็นเอฟซี (NFC) ขนำดควำมจุท่ำ ๖๐,๐๐๐ เดทเวทตัน นำเข้ำสินค้ำประเภท ปุ๋ย
กรดซัลฟูรกิ และแอมโมเนยี
๕) บริษัท พที ที ีโกลบอลเคมคิ อล จำกดั (มหำชน) (PTTGC) ขนำดควำมจุทำ่ ๘๕,๐๐๐ เดทเวทตนั
นำเข้ำสินคำ้ ประเภท ผลติ ภณั ฑป์ โิ ตรเลยี มและน้ำมัน
๖) บมจ. สตำร์ปิโตรเลียมรีไฟน์น่ิง (SPRC) ขนำดควำมจุท่ำ ๘๕,๐๐๐ เดทเวทตัน นำเข้ำ
สนิ คำ้ ประเภท ผลิตภัณฑป์ ิโตรเลียมและนำ้ มัน
๗) บริษัท โกลว์เอสพีพี ๓ จำกัด (โกลว์เอสพีพี ๓) ขนำดควำมจุท่ำ ๖๐,๐๐๐ เดทเวทตัน
นำเขำ้ สนิ คำ้ ประเภท ถำ่ นหิน
๘) บริษัท มำบตำพุดแทงค์เทอร์มินัล จำกัด (MTT) ขนำดควำมจุท่ำ ๑๐๐,๐๐๐ เดทเวทตัน
นำเข้ำสนิ ค้ำประเภท ปโิ ตรเคมีและเคมีภณั ฑ์
หน้า | 80 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา
๙) บรษิ ทั ระยองเทอรม์ ินัล จำกดั (RTC) ขนำดควำมจุท่ำ ๕๐,๐๐๐ เดทเวทตัน นำเข้ำสินค้ำ
ประเภท เคมภี ัณฑ์
๑๐) บริษัท พีทีทีแทงค์เทอร์มินัล จำกัด (ปตท. ถัง) ขนำดควำมจุท่ำ ๖๐,๐๐๐ เดทเวทตัน
นำเขำ้ สินคำ้ ประเภท กรดกำมะถัน แอมโมเนีย และโพรพลิ ีน
๑๑) บรษิ ัท บีแอลซีพีเพำเวอร์ จำกดั (BLCP) ขนำดควำมจุทำ่ ๑๗๐,๐๐๐ เดทเวทตัน นำเขำ้
สินคำ้ ประเภท ถ่ำนหนิ
๑๒) บริษัท พีทีทีแอลเอ็นจี จำกัด (PTT LNG) ขนำดควำมจุท่ำ ๒๖๔,๐๐๐ เดทเวทตัน
นำเข้ำสนิ ค้ำประเภท ก๊ำซธรรมชำตเิ หลว
สำหรับกำรดำเนินงำนของท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุดในปัจจุบันมีท่ำเทียบเรือให้บริกำร
จำนวน ๑๒ รำย แบ่งเป็นท่ำเทียบเรือสำธำรณะ (Public Berths) จำนวน ๓ รำย และท่ำเทียบเรือ
เฉพำะกิจ (Dedicated Berths) จำนวน ๙ รำย มีปริมำณเรอื ผ่ำนท่ำเรอื อตุ สำหกรรมมำบตำพุดจำนวน
๔,๒๕๘ ลำ ปริมำณสินค้ำผ่ำนท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ณ วันท่ี ๒๓ กรกฎำคม ๒๕๖๓
อยู่ท่ี ๔๑,๙๗๗,๗๗๘ ตนั และจำกสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของเชื้อไวรัสโควิค ๑๙ เป็นผลให้ปริมำณ
สินคำ้ ผำ่ นท่ำลดลงประมำณรอ้ ยละ ๖.๘
ภาพแสดงขอ้ มลู ประมาณการสินค้า ทา่ เรอื มาบตาพดุ ระยะที่ ๓
ข้อบังคับว่ำด้วยกำรรักษำควำมปลอดภัยของเรือและท่ำเรือระหว่ำงประเทศ (INTERNATIONAL
SHIP AND PORT FACILITY SECURITY CODE : ISPS CODE) ท่ำเทียบเรือทุกแห่งจะต้องทำโดยมีกำรแต่งต้ัง
เจ้ำหน้ำทดี่ ูแลควำมปลอดภยั ประจำท่ำเทยี บเรือทกุ แหง่
ด้านการควบคุมการจราจรทางน้า (Vessel Traffic Monitoring System : VTMS) ติดตั้ง
บนช้ัน ๑๕ ของอำคำรศูนย์ประสำนและอำนวยควำมสะดวกในกำรเดนิ เรือทำ่ เรืออตุ สำหกรรมมำบตำพดุ
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา หนา้ | 81
ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย นอกจำกด้ำนกำรควบคุมกำรจรำจรทำงน้ำ
แล้ว กำรนิคมอุตสำหกรรมได้จัดเรือตรวจกำรณ์เฝ้ำระวังโดยรอบท้ังกลำงวันและกลำงคืนหำกพบ
ผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อม บริษัททเี่ ปน็ ตน้ เหตจุ ะตอ้ งเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดในกำรปรบั ปรงุ แก้ไข
ดา้ นมวลชนสัมพันธ์และประชาสัมพันธ์ มีกำรปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ กำรฝึกอบรมนักสืบชำยฝ่ัง
และยวุ ประมง นอกจำกนั้น ท่ำเรืออตุ สำหกรรมมำบตำพุด มรี ะบบบรหิ ำรจัดกำรควบคุมกำรจรำจรทำงน้ำ
โดยใช้ระบบ Vessel Traffic Monitoring System (VTMS) ซ่ึงเป็นไปตำมมำตรฐำนสำกลของกำรให้บริกำร
จรำจรทำงน้ำ ซ่ึงเป็นระบบเฝ้ำสังเกตกำรณ์กำรเคล่ือนที่ของเรือในทะเล โดยใช้หลักกำรทำงำน
จำกอุปกรณ์เซนเซอร์ต่ำงๆ เช่น เรดำร์ AIS (ระบบแสดงตนโดยอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์สำคัญในกำรบริหำร
จัดกำรทำงน้ำ) กล้องโทรทัศน์วงจรปิด อุปกรณ์ตรวจวัดทำงอุตุนิยมวิทยำ และอุปกรณ์ตรวจจับ
อเิ ลก็ ทรอนิกส์อืน่ ๆ โดยระบบดังกล่ำวสำมำรถตดิ ตำมกำรเคลอื่ นท่ีของเรือได้ตลอดเวลำ ทำให้สำมำรถ
ควบคุมกำรจรำจรทำงนำ้ ในพน้ื ท่ีได้อย่ำงมปี ระสทิ ธภิ ำพและปลอดภัย
ภาพแสดงศนู ย์ควบคุมการจราจรทางนา้ VTMS ของท่าเรืออตุ สาหกรรมมาบตาพดุ
หน้า | 82 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา
ภาพแสดงผังโครงการทา่ เรอื มาบตาพดุ ระยะท่ี ๓
ท่ำเรอื อตุ สำหกรรมมำบตำพดุ ระยะท่ี ๓ มีพ้ืนทีร่ วม ๑,๐๐๐ ไร่ แบ่งเป็น
๑) พืน้ ที่กกั เก็บตะกอน ๔๕๐ ไร่
๒) พื้นทที่ ำ่ เทยี บเรือของเหลว ๒๐๐ ไร่ ควำมยำวหน้ำท่ำ ๘๐๐ เมตร
๓) พน้ื ที่ท่ำเทยี บเรอื กำ๊ ซ ๒๐๐ ไร่ ควำมยำวหน้ำท่ำ ๑,๔๐๐ เมตร
๔) พน้ื ทป่ี ระกอบธรุ กจิ ๑๕๐ ไร่
๕) เขอ่ื นกันคล่นื มีควำมยำว ๕,๔๑๐ เมตร มูลค่ำโครงกำรรวม ๕๕,๔๐๐ ล้ำนบำท มีกำรลงนำม
ในสญั ญำแล้ว โดยแบ่งกำรลงทนุ เป็น ๒ ชว่ ง
ช่วงท่ี ๑ กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทยเปน็ ผลู้ งทุนในสว่ นของกำรถมทะเลและขุดลอก
รอ่ งน้ำ มูลคำ่ กำรลงทุน ๑๒,๙๐๐ ล้ำนบำท โดยมีบริษัทเอกชนเข้ำมำร่วมทุน กำรกอ่ สร้ำงท่ำเทียบเรือ
กำ๊ ซธรรมชำติบรษิ ทั เอกชนเปน็ ผลู้ งทนุ มลู ค่ำ ๓๕,๐๐๐ ล้ำนบำท
ช่วงที่ ๒ กำรกอ่ สร้ำงท่ำเทียบเรือสนิ ค้ำเหลว บรษิ ัทเอกชนเปน็ ผูล้ งทนุ มลู ค่ำ ๔,๓๐๐ ลำ้ นบำท
และกำรก่อสร้ำงคลังสินค้ำหรือกิจกำรท่ีเกี่ยวข้องบริษัทเอกชนเป็นผู้ลงทุนมูลค่ำ ๓,๒๐๐ ล้ำนบำท
มพี ื้นที่รวมท้ังโครงกำรประมำณ ๑,๐๐๐ ไร่ ได้มีกำรถมทะเลเพ่อื ให้ได้พื้นท่ีหลังท่ำ ๕๕๐ ไร่ และพ้ืนท่ี
สำหรบั กกั เกบ็ ตะกอน ๔๕๐ ไร่ ประมำณรำคำคำ่ กอ่ สร้ำงในส่วนของโครงสรำ้ งพน้ื ฐำน (Infrastructure)
จำนวน ๑๒,๙๐๐ ล้ำนบำท และค่ำก่อสร้ำงในส่วนของท่ำเรือ (Superstructure) สำหรับกำรประกอบธุรกิจ
อยรู่ ะหว่ำง ๔๒,๕๐๐ – ๖๘,๐๐ ลำ้ นบำท (ขน้ึ อยู่กบั ประเภทธรุ กจิ ท่เี อกชนลงทุน)
หลงั จำกมกี ำรก่อสร้ำงเสรจ็ แล้วกำรนคิ มอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทยจะมพี นื้ ท่ีในกำรพัฒนำ
ทั้งหมด ๓ แปลง แปลงที่ ๑ พ้ืนที่ ๒๐๐ ไร่ จะให้บริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด
ซง่ึ เป็นบรษิ ัทร่วมทนุ ระหว่ำงบริษทั กัลฟ์ เอน็ เนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหำชน) และบริษัท พีทที ี
แทงค์ เทอรม์ ินลั จำกัด ซงึ่ เป็นผชู้ นะประมูลโครงกำรดังกลำ่ ว โดยเป็นสัญญำรว่ มทุนในรูปแบบ Public
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา หนา้ | 83
Private Partnership (PPP) NET Cost หรือร่วมทุนระหว่ำงรัฐและเอกชน โดยให้เอกชนได้รับสิทธิ
ในกำรประกอบกิจกำรบนพื้นที่ ๒๐๐ ไร่ และจัดสรรผลตอบแทนบำงส่วนให้แก่ภำครัฐตำมข้อตกลง
เพื่อกำรพัฒนำเป็นท่ำเรือก๊ำซธรรมชำติเหลว หรือ LNG (Liquefied Natural Gas) พื้นท่ีแปลงที่ ๒
ประมำณ ๒๐๐ ไร่ จะพฒั นำเปน็ ท่ำเรือสินค้ำเหลว และพื้นท่ีแปลงท่ี ๓ อีกจำนวน ๑๕๐ ไร่ จะพัฒนำ
เปน็ คลังสินค้ำและธรุ กิจเกีย่ วเนอื่ งกบั กำ๊ ซธรรมชำติ
แบ่งกำรพัฒนำโครงกำรออกเป็น ๒ ช่วง คือ ช่วงท่ี ๑ กำรลงทุนพัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำน
(Infrastructure) ได้แก่ งำนขุดลอกและถมทะเล งำนระบบสำธำรณูปโภค งำนอุปกรณ์เดินเรือ
และกำรพัฒนำท่ำเรือก๊ำซบนพ้ืนที่ ๒๐๐ ไร่ ช่วงที่ ๒ กำรลงทุนก่อสร้ำงท่ำเทียบเรือ ติดตั้งอุปกรณ์
และกำรบรหิ ำรจดั กำรท่ำเรอื ของเหลวบนพื้นท่ี ๒๐๐ ไร่ และพ้นื ที่ ๑๕๐ ไร่ สำหรับธุรกิจต่อเนือ่ งอ่ืน ๆ
เมื่อดำเนินกำรแล้วเสร็จจะรองรับสินค้ำกลุ่มน้ำมัน, ก๊ำซธรรมชำติเหลวและสินค้ำเหลวคำดว่ำจะสำมำรถ
ขนถ่ำยผ่ำนท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะท่ี ๓ ได้รวมประมำณ ๑๕ ล้ำนตันต่อปีในอีก ๓๐ ปี
ขำ้ งหน้ำ ซึ่ง กนอ.ไดท้ ำกำรพัฒนำท่ำเรือดังกล่ำวมำแล้วรวม ๒ ระยะ คือ ระยะท่ี ๑ กอ่ สร้ำงแล้วเสร็จ
ใน พ.ศ. ๒๕๓๕ และระยะที่ ๒ ก่อสร้ำงแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๔๒ ตำมลำดับ ในส่วนของกำรพัฒนำ
ท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ได้กำหนดรูปแบบในกำรพัฒนำท่ำเรือเพ่ือรองรับกับอุตสำหกรรม
ขนำดใหญ่ เช่น อุตสำหกรรมปิโตรเคมี อุตสำหกรรมเหล็กครบวงจร อุตสำหกรรมปุ๋ยเคมี
และอุตสำหกรรมโซดำแอช เป็นต้น เนื่องจำกสถำนกำรณ์ทำงเศรษฐกิจของประเทศไทยได้มีกำรเปล่ียนแปลง
ไปอย่ำงรวดเร็ว กนอ. ไดจ้ ัดใหม้ ีกำรศึกษำทบทวนแผนแม่บทกำรพัฒนำท่ำเรืออตุ สำหกรรมมำบตำพุด
ข้นึ ใน พ.ศ. ๒๕๔๙ ทงั้ นี้ เพ่อื กำหนดแนวทำงในกำรพฒั นำท่ำเรอื อตุ สำหกรรมมำบตำพดุ ในระยะต่ำง ๆ
ให้เหมำะสม และสอดคล้องกับสภำพของตลำด เศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม และควำมปลอดภัย
จงึ มีควำมจำเปน็ ต้องเตรยี มกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพดุ ระยะที่ ๓ เพื่อรองรับกำรขยำยตัว
ของภำคส่วนต่ำง ๆ เพื่อสถำนกำรณ์ควำมมั่นคงด้ำนพลังงำนของประเทศ และเพ่ือเพ่ิมศักยภำพ
ในกำรแขง่ ขนั ของประเทศในเวทนี ำนำชำติ
โครงกำรพัฒนำท่ำเรืออุตสำหกรรมมำบตำพุด ระยะที่ ๓ นับเป็น ๑ ใน ๕ โครงกำรท่รี ัฐบำล
ให้ควำมสำคัญและกำหนดให้เป็นโครงกำรเร่งด่วนในกำรพัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำนเพื่อตอบสนอง
และสอดคลอ้ งกบั แผนกำรพฒั นำระเบยี งเศรษฐกจิ พเิ ศษภำคตะวันออก (Eastern Economic Corridor
: EEC) ทมี่ ีพ้ืนที่ครอบคลุม ๓ จงั หวดั ในภำคตะวันออก ไดแ้ ก่ ฉะเชิงเทรำ ชลบุรี ระยอง และเขตจงั หวดั อื่น
ท่ีมีพื้นท่ีต่อเนื่องหรือเกี่ยวข้อง ภำยใต้กำรกำกับดูแลระดับนโยบำยโดยคณะกรรมกำรนโยบำย
เขตพัฒนำพิเศษภำคตะวันออกซ่ึงมีนำยกรัฐมนตรีเป็นประธำนกรรมกำร และมีสำนักงำนคณะกรรมกำร
นโยบำยเขตพัฒนำพิเศษภำคตะวันออก (สกพอ.) กำกบั ดูแลระดับกำรปฏบิ ัตแิ ละรำยงำนควำมคืบหน้ำ
ตอ่ คณะกรรมกำรฯ โดยมีเป้ำหมำยในกำรพัฒนำท่ำเทียบเรือเพ่ือขนถ่ำยสินค้ำเหลวและก๊ำซธรรมชำติ
ซ่ึงจะมีบทบำทสำคัญในกำรนำเข้ำพลังงำน ท้ังน้ี กนอ. เปิดโอกำสในกำรส่งเสริมและสนับสนุน
ให้ภำคเอกชนได้มีส่วนร่วมในกำรลงทุนและขับเคลื่อนประเทศ เพื่อเป็นกำรลดภำระด้ำนงบประมำณ
และกำรบริหำรจัดกำรของภำครัฐในระยะยำว รวมถึงส่งเสริมให้ภำคเอกชนนำควำมเช่ียวชำญ
ในด้ำนนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่ำง ๆ เข้ำมำช่วยให้กำรดำเนินงำนเป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ
โดยดำเนินกำรให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์ วิธีกำร เง่ือนไข และกระบวนกำร กำรร่วมลงทุนกับเอ กชน
ตำมท่คี ณะกรรมกำรนโยบำยกำรพฒั นำเศรษฐกิจพเิ ศษภำคตะวันออกเปน็ ผู้กำหนด
หน้า | 84 คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒสิ ภา
ภาคผนวก ข
การประกาศอ่าวประวัติศาสตร์ เสน้ ฐานตรงและนา่ นน้าภายในของประเทศไทย
คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา หนา้ | 85
การประกาศอา่ วประวัติศาสตร์ เสน้ ฐานตรงและนา่ นนา้ ภายในของประเทศไทย
การประกาศอ่าวประวัติศาสตร์ วันที่ ๒๒ กันยำยน ๒๕๐๒ เป็นกำรประกำศอ่ำวประวัติศำสตร์
ด้วยกำรลำกเส้นฐำนตรงปิดปำกอ่ำวตอนบนหรือที่เรียกว่ำ อ่ำวตอนในเหนือเส้นฐำนตรงไปถึงฝ่ังด้ำนเหนือ
และอ่ำวประวัติศำสตร์ของประเทศซึ่งมีสถำนะทำงกฎหมำยเป็นน่ำนน้ำภำยใน ได้แก่พื้นที่บริเวณ
อ่ำวไทยรูปตัว ก. ไดแ้ ก่
บรเิ วณท่ี ๑ ไดแ้ ก่ พืน้ ท่บี ริเวณแหลมลงิ ถึงหลกั เขตแดนไทย - เขมร
บริเวณท่ี ๒ ไดแ้ ก่ พนื้ ที่บรเิ วณตง้ั แตแ่ หลมใหญ่ ถงึ แหลมหน้ำถ้ำ
บริเวณท่ี ๓ ได้แก่ พื้นท่ีบริเวณตั้งแต่เกำะภูเก็ต ถึงพรมแดนไทย - มำเลเซีย เชื่อมเส้นฐำนตรง
และน่ำนน้ำภำยในของประเทศไทย
บรเิ วณที่ ๔ ได้แก่ พ้ืนทีบ่ ริเวณตัง้ แต่เกำะกงออก ถงึ พรมแดนไทย - มำเลเซีย
ประกาศสา้ นักนายกรัฐมนตรี เรอื่ งเส้นฐำนตรงและนำ่ นนำ้ ภำยในของประเทศไทย
ประกำศเส้นฐำนตรงมที งั้ สิ้นรวม ๓ ครง้ั
การประกาศเส้นฐานตรง
ครงั ที่ ๑ เมือ่ วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๑๓ เป็นการประกาศเส้นฐานตรงคลมุ ๓ บรเิ วณ คือ
บริเวณท่ี ๑ จำกแหลมลงิ จงั หวดั จนั ทบุรี โอบรอบนอกหมู่เกำะชำ้ ง เกำะกูด และเข้ำบรรจบ
ชำยฝง่ั ท่ีหลักเขตแดนไทย - กัมพชู ำ ที่ ๗๓ ทแี่ หลมสำรพัดพิษ จงั หวดั ตรำด
บริเวณที่ ๒ จำกแหลมใหญ่ จังหวดั สุรำษฎร์ธำนี โอบรอบนอกผ่ำนหม่เู กำะต่ำงๆ เกำะสมุย
เกำะพงัน แล้วโอบรอบนอกเกำะต่ำง ๆ ที่อยู่เหนือข้ึนไปด้ำนนอกสุด จนเข้ำบรรจบฝั่งท่ีแหลมหน้ำถ้ำ
จงั หวัดชมุ พร
บริเวณที่ ๓ อยูท่ ำงด้ำนทะเลอนั ดำมนั โดยเริม่ ต้นจำกตอนใตเ้ กำะภูเกต็ โอบรอบเกำะต่ำง ๆ
ท่ีใกลฝ้ ัง่ ลงไปจนเข้ำบรรจบฝง่ั ท่ีหลกั เขตแดนไทย - มำเลเซีย ท่ี ๑ ท่ีผำขำว จังหวดั สตลู
การประกาศเสน้ ฐานตรง
ครังที่ ๒ เมอ่ื วันท่ี ๑๗ สงิ หาคม ๒๕๓๕ เป็นการประกาศเสน้ ฐานตรงบรเิ วณท่ี ๔
บริเวณที่ ๑ ด้ำนอ่ำวไทย โดยเร่มิ จำกเกำะกงออก (ซึ่งเป็นเกำะหนงึ่ อย่ทู ำงตอนใตเ้ กำะสมุย
และเป็นจุดฐำนจดุ หนงึ่ ของระบอบเสน้ ฐำนตรง
บริเวณที่ ๒ ผ่ำนเกำะกระ เกำะโลซิน และเข้ำบรรจบฝ่ังท่ีจะเขตแดนไทย - มำเลเซีย
ณ ปำกนำ้ โกลก จงั หวัดนรำธิวำส
ครังท่ี ๓ ซงึ่ เป็นกำรประกำศแกช้ ่ือและคำ่ พิกัดของเส้นฐำนตรงบรเิ วณที่ ๓ ลำดับท่ี ๕ , ๑๒
และ ๒๒ ตำมลำดับ เมอ่ื วนั ท่ี ๒ กมุ ภำพันธ์ ๒๕๓๖
คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม วุฒสิ ภา หนา้ | 87