The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tuahuay, 2023-11-12 18:55:08

รายงานการพิจารณาศึกษา แนวทางการพัฒนา สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี ) ลาดกระบัง

กมธ.1

Êӹѡ¡ÃÃÁÒ¸¡Òà ñ Êӹѡ§Ò¹àÅ¢Ò¸¡ÒÃÇØ²ÔÊÀÒ á¹Ç·Ò§¡ÒþѲ¹Ò รายงานการพิจารณาศึกษา ʶҹպÃèØáÅÐá¡ÊÔ¹¤ŒÒ¡Å‹Í§ ของ คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา


(สำเนา) บันทึกข้อความ ส่วนราชการ คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา ที่ สว ๐๐๐๙.๐๙ / (ร ๒๓ ) วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๖ เรื่อง รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่องแนวทางการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง. กราบเรียน ประธานวุฒิสภา ด้วยในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ ๑๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันอังคารที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ที่ประชุมวุฒิสภาได้ลงมติตั้งคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาตามข้อบังคับการประชุม วุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๗๘ วรรคสอง (๔) ซึ่งคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา เป็นคณะกรรมาธิการ สามัญประจำวุฒิสภาคณะหนึ่ง มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กระทำกิจการ พิจารณา สอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับการคมนาคม ทั้งการจราจรทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ทางอวกาศ การขนส่งมวลชน การขนส่งสินค้า การพาณิชยนาวี โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมไทยเชื่อมโลก พิจารณาศึกษา ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันกรรมาธิการคณะนี้ ประกอบด้วย ๑. พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมาธิการ ๒. พลโท จเรศักณิ์ อานุภาพ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ๓. นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง ๔. พลเอก ธวัชชัย สมุทรสาคร รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม ๕. นายวิรัตน์ เกสสมบูรณ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ ๖. นางจิรดา สงฆ์ประชา เลขานุการคณะกรรมาธิการ ๗. นายสุวรรณ เลิศปัญญาโรจน์ รองเลขานุการคณะกรรมาธิการ ๘. นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล โฆษกคณะกรรมาธิการ ๙. หม่อมหลวงสกุล มาลากุล รองโฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๐. พลตรี กลชัย สุวรรณบูรณ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๑. นายอุปกิต ปาจรียางกูร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๒. นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๓. นายอมร นิลเปรม ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๔. พลเอก เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ กรรมาธิการ ๑๕. พลเรือเอก พัลลภ ตมิศานนท์ กรรมาธิการ ๑๖. นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ กรรมาธิการ ๑๗. นายเกียว แก้วสุทอ กรรมาธิการ ๑๗. นายถาวร ...


- ๒ - ๑๘. นายถาวร เทพวิมลเพชรกุล กรรมาธิการ ๑๙. พลเอก สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล กรรมาธิการ บัดนี้ คณะกรรมาธิการได้ดำเนินการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการพัฒนา สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอรายงานผลการพิจารณา ศึกษาเรื่องดังกล่าวต่อวุฒิสภา ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๘ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดทราบและนำเสนอรายงานของคณะกรรมาธิการต่อที่ประชุม วุฒิสภาต่อไป (ลงชื่อ) พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ (ยอดยุทธ บุญญาธิการ) ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา สำเนาถูกต้อง (นางสาวลักษณ์พรรณ แสงสีทอง) ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา (นายชูพงศ์ สายสร้อย) ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการคมนาคม สำนักกรรมาธิการ ๑ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สิพร พิมพ์ โทรศัพท์ ๐ ๒๘๓๑ ๙๑๕๓ ลักษณ์พรรณ ทาน


พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมาธิการ พลโท จเรศักณิ์ อานุภาพ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง พลเอก ธวัชชัย สมุทรสาคร รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม นายวิรัตน์ เกสสมบูรณ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ นางจิรดา สงฆ์ประชา เลขานุการคณะกรรมาธิการ นายสุวรรณ เลิศปัญญาโรจน์ รองเลขานุการคณะกรรมาธิการ นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล โฆษกคณะกรรมาธิการ หม่อมหลวงสกุล มาลากุล รองโฆษกคณะกรรมาธิการ พลตรี กลชัย สุวรรณบูรณ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายอุปกิต ปาจรียางกูร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายอมร นิลเปรม ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ พลเอก เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ กรรมาธิการ พลเรือเอก พัลลภ ตมิศานนท์ กรรมาธิการ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ กรรมาธิการ รายนาม คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา


นายเกียว แก้วสุทอ กรรมาธิการ นายถาวร เทพวิมลเพชรกุล กรรมาธิการ พลเอก สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล กรรมาธิการ


๑. นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๒. พลเอก เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง 3. นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สอง 4. นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สาม 5. นายสุวรรณ เลิศปัญญาโรจน์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สี่ 6. นายเกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล อนุกรรมาธิการ 7. พลตำรวจโท บริหาร เสี่ยงอารมณ์ อนุกรรมาธิการ 8. นายพีระกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา อนุกรรมาธิการ 9. นายไชยกร เกียรติอาภาเดช อนุกรรมาธิการ 10. นายสถาพร เขียววิมล อนุกรรมาธิการ ๑๑. นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ อนุกรรมาธิการ 1๒. นายวรรณศักดิ์ ทรายแก้ว เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ 1๓. พลอากาศเอก มนัส รูปขจร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ 1๔. นายจรินทร์ สุนทรถาวรวงศ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ 15. นางสาวฉันทิมา คู่อรุณ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ 16. นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ 17. นายปณิธิ บวรวนิชยกูร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ 1๘. นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๙. นายปราโมทย์ ประดิษฐ์แท่น ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๐. นายวิชิต จิรัฐิติเจริญ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๑. นายเกษตร วิเศษศักดิ์สันติ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๒. นายอารีศักดิ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๓. รองศาสตราจารย์ เอนก ศิริพานิชกร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๔. นายไกร ตั้งสง่า ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๕. นายกานต์พนธ์ เตชะเดชอภิพัฒธ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๖. นายชัยวรัตน์ เกษสุขสมวงษ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ 2๗. นายจเร รุ่งฐานีย ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๘. นายรัก ลาภานันต์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๙. รองศาสตราจารย์ อาณัฐชัย รัตตกุล ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๓๐. นายสุนทร ผจญ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๓๑. นายอภิชาติ สระมูล ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๓๒. นายนรินทร์ ศรีสัมพันธ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ รายนาม คณะอนุกรรมาธิการด้านการคมนาคมทางบกและทางราง


๓๓. นางสาวรวิสรา เลิศปัญญาโรจน์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๓๔. นายวิทยา จงวรกุล ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๓๕. นายธบดี ฐานะชาลา ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๓๖. นายธนวิทย์ วรปณิธาน ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ


๑. นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ๒. นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน ๓. นายเกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล เป็นคณะทำงาน ๔. พลตำรวจโท บริหาร เสี่ยงอารมณ์ เป็นคณะทำงาน ๕. นายพีระกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา เป็นคณะทำงาน ๖. นายวรรณศักดิ์ ทรายแก้ว เป็นคณะทำงาน ๗. นายไกร ตั้งสง่า เป็นคณะทำงาน ๘. รองศาสตราจารย์ ดร. อาณัฐชัย รัตตกุล เป็นคณะทำงาน ๙. นายสุนทร ผจญ เป็นคณะทำงาน ๑๐. นายจรินทร์ สุนทรถาวรวงศ์ เป็นคณะทำงาน ๑๑. นายวรายุ ประทีปะเสน ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นคณะทำงาน ๑๒. นางสาวจุฬาลักษณ์ ราหูรักษ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นคณะทำงาน ๑๓. นายสุรพงษ์ เมี้ยนมิตร รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เป็นคณะทำงาน ๑๔. นายศิริเกษ อภิรัตน์ ผู้อำนวยการกองจัดระบบการจราจรทางบก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เป็นคณะทำงาน ๑๕. นายอภิชัย อิสริยานุกูล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง เป็นคณะทำงาน ๑๖. นายพรพรต สุริยนต์ ผู้อำนวยการสำนักทางหลวงที่ ๑๓ กรมทางหลวง เป็นคณะทำงาน ๑๗. นายอภิสิทธิ์ กล่ำเหม็ง วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ กรมทางหลวง เป็นคณะทำงาน รายนาม คณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง


๑๘. นางสาวรัตนา อิทธิอมร ผู้อำนวยการสำนักการขนส่งสินค้า กรมการขนส่งทางบก เป็นคณะทำงาน ๑๙. นายวันพุธ สุดใจ หัวหน้าส่วนสถานีขนส่งสินค้า กรมการขนส่งทางบก เป็นคณะทำงาน ๒๐. นายเกียรตินรินทร์ ฤทธิรงค์ หัวหน้างานบริหารสถานีขนส่งสินค้า ๓ กรมการขนส่งทางบก เป็นคณะทำงาน ๒๑. นายฐากูร อินทรชม ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นคณะทำงาน ๒๒. นายศิริพงค์ คุมพ์ประพันธ์ หัวหน้ากองบริการตลาดและพัฒนา การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นคณะทำงาน ๒๓. นายสายัณห์ ทัศนโกศล ผู้อำนวยการส่วนออกแบบระบบการจราจร กรุงเทพมหานคร เป็นคณะทำงาน ๒๔. นายจักรพงษ์ เทียนพิทักษ์ หัวหน้ากลุ่มงานสัญญาณไฟจราจร กรุงเทพมหานคร เป็นคณะทำงาน ๒๕. พันตำรวจตรีวุฒิพันธ์ บุญทอง สารวัตรจราจร สถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นคณะทำงาน ๒๖. พันตำรวจโท พัชระ บุญกว้าง สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นคณะทำงาน ๒๗. นายวรพัฒน์ เชาว์วิศิษฐ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง กรมศุลกากร เป็นคณะทำงาน ๒๘. นางชวนพิศ วัฒนศิริธรรม รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการตรวจสอบสินค้า กรมศุลกากร เป็นคณะทำงาน ๒๙. นางวชิรญา เพิ่มภูศรี รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นคณะทำงาน ๓๐. นายพิทย อุทัยสาง ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นคณะทำงาน


รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “แนวทางการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง” ของ คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา -------------------------------- ด้วยในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ ๑๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เมื่อวันอังคารที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ที่ประชุมวุฒิสภาได้ลงมติตั้งคณะกรรมาธิการการคมนาคม ซึ่งเป็นคณะกรรมาธิการสามัญ ประจำวุฒิสภา ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๗๘ วรรคสอง (๔) มีหน้าที่และอำนาจ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับ การคมนาคม ทั้งการจราจรทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ทางอวกาศ การขนส่งมวลชน การขนส่งสินค้า การพาณิชยนาวี โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมไทยเชื่อมโลก พิจารณาศึกษา ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัด การปฏิรูปประเทศและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง บัดนี้ คณะกรรมาธิการได้ดำเนินการพิจารณาศึกษา เรื่อง “แนวทางการพัฒนาสถานี บรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง” เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงขอรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่อง ดังกล่าวต่อวุฒิสภาตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๘ ดังนี้ ๑. การดำเนินงาน ๑.๑ คณะกรรมาธิการได้มีมติเลือกตำแหน่งต่าง ๆ ดังนี้ ๑.๑.๑ พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๒ พลโท จเรศักณิ์ อานุภาพ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ๑.๑.๓ นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง ๑.๑.๔ พลเอก ธวัชชัย สมุทรสาคร รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม ๑.๑.๕ นายวิรัตน์ เกสสมบูรณ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ ๑.๑.๖ นางจิรดา สงฆ์ประชา เลขานุการคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๗ นายเกียว แก้วสุทอ รองเลขานุการคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๘ นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๙ หม่อมหลวงสกุล มาลากุล รองโฆษกคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๑๐ พลอากาศเอก มนัส รูปขจร ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๑๑ พลตรี กลชัย สุวรรณบูรณ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๑๒ นายอุปกิต ปาจรียางกูร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๑๓ นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๑๔ นายอมร นิลเปรม ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๑๕ พลเรือเอก ชุมนุม อาจวงษ์ กรรมาธิการ ๑.๑.๑๖ พลเอก เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ กรรมาธิการ


- ๒ - ๑.๑.๑๗ ร้อยเอก ประยุทธ เสาวคนธ์ กรรมาธิการ ๑.๑.๑๘ พลเรือเอก พัลลภ ตมิศานนท์ กรรมาธิการ ๑.๑.๑๙ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ กรรมาธิการ อนึ่ง นายเกียว แก้วสุทอ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เป็นต้นไป และในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ ๒๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันจันทร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติตั้งนายสุวรรณ เลิศปัญญาโรจน์ เป็นกรรมาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง ต่อมา ร้อยเอก ประยุทธ เสาวคนธ์ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมาธิการ ตั้งแต่ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เป็นต้นไป และในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ ๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ หนึ่ง) วันอังคารที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติตั้งนายเกียว แก้วสุทอ เป็นกรรมาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง ต่อมา พลอากาศเอก มนัส รูปขจร ได้ขอลาออกจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาตั้งแต่ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป เป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งกรรมาธิการ ตามข้อบังคับการ ประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๐๒ (๔) และในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ ๑๐ (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่สอง) วันจันทร์ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติตั้งนายถาวร เทพวิมลเพชรกุล เป็น กรรมาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง ต่อมา พลเรือเอก ชุมนุม อาจวงษ์ได้ถึงแก่อนิจกรรม เป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่ง กรรมาธิการ ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๐๒ (๒) และในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันจันทร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติตั้ง พลเอก สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล เป็นกรรมาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง ๑.๒ คณะกรรมาธิการได้มีมติแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการ ตามข้อบังคับ การประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๗ วรรคสี่ ดังนี้ ๑.๒.๑ นางสาวลักษณ์พรรณ แสงสีทอง ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน คณะกรรมาธิการการคมนาคม สำนักกรรมาธิการ ๑ ๑.๒.๒ นายชูพงศ์ สายสร้อย นิติกรชำนาญการ สำนักกรรมาธิการ ๑ ๑.๓ คณะกรรมาธิการได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมาธิการด้านการคมนาคมทางบกและทางราง ในคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา เพื่อทำหน้าที่พิจารณาศึกษา ติดตาม แนวทางการพัฒนา ระบบคมนาคมขนส่งทางบกและทางรางของประเทศให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติทั้งนี้ ตามข้อบังคับ การประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๙ ซึ่งปัจจุบันอนุกรรมาธิการคณะนี้ ประกอบด้วย ๑.๑.๓ นายสุรเดช ...


- ๓ - ๑.๓.๑ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๒ พลเอก เทพพงศ์ทิพยจันทร์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการคนที่หนึ่ง ๑.๓.๓ นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง รองประธานคณะอนุกรรมาธิการคนที่สอง ๑.๓.๔ นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการคนที่สาม ๑.๓.๕ นายสุวรรณ เลิศปัญญาโรจน์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการคนที่สี่ ๑.๓.๖ นายเกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล อนุกรรมาธิการ ๑.๓.๗ พลตำรวจโท บริหาร เสี่ยงอารมณ์ อนุกรรมาธิการ ๑.๓.๘ นายพีระกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา อนุกรรมาธิการ ๑.๓.๙ นายไชยกร เกียรติอาภาเดช อนุกรรมาธิการ ๑.๓.๑๐ นายสถาพร เขียววิมล อนุกรรมาธิการ ๑.๓.๑๑ นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ อนุกรรมาธิการ ๑.๓.๑๒ นายวรรณศักดิ์ ทรายแก้ว เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๑๓ พลอากาศเอก มนัส รูปขจร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๑๔ นายจรินทร์ สุนทรถาวรวงศ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๑๕ นางสาวฉันทิมา คู่อรุณ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๑๖ นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๑๗ นายปณิธิ บวรวนิชยกูร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๑๘ นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๑๙ นายปราโมทย์ ประดิษฐ์แท่น ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๒๐ นายวิชิต จิรัฐิติเจริญ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๒๑ นายเกษตร วิเศษศักดิ์สันติ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๒๒ นายอารีศักดิ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๒๓ รองศาสตราจารย์เอนก ศิริพานิชกร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๒๔ นายไกร ตั้งสง่า ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๒๕ นายกานต์พนธ์ เตชะเดชอภิพัฒธ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๒๖ นายชัยวรัตน์ เกษสุขสมวงษ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๒๗ นายจเร รุ่งฐานีย ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๒๘ นายรัก ลาภานันต์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๒๙ รองศาสตราจารย์อาณัฐชัย รัตตกุล ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๓๐ นายสุนทร ผจญ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๓๑ นายอภิชาติ สระมูล ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๓๒ นายนรินทร์ ศรีสัมพันธ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๓๓ นางสาวรวิสรา ...


- ๔ – ๑.๓.๓๓ นางสาวรวิสรา เลิศปัญญาโรจน์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๓๔ นายวิทยา จงวรกุล ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๓๕ นายธบดี ฐานะชาลา ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓.๓๖ นายธนวิทย์ วรปณิธาน ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๔ คณะกรรมาธิการได้มีมติตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนาสถานีบรรจุ และแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง ในคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภาซึ่ง คณะทำงานคณะนี้ ประกอบด้วย ๑. นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ๒. นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน ๓. นายเกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล เป็นคณะทำงาน ๔. พลตำรวจโท บริหาร เสี่ยงอารมณ์ เป็นคณะทำงาน ๕. นายพีระกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา เป็นคณะทำงาน ๖. นายวรรณศักดิ์ ทรายแก้ว เป็นคณะทำงาน ๗. นายไกร ตั้งสง่า เป็นคณะทำงาน ๘. รองศาสตราจารย์ ดร. อาณัฐชัย รัตตกุล เป็นคณะทำงาน ๙. นายสุนทร ผจญ เป็นคณะทำงาน ๑๐. นายจรินทร์ สุนทรถาวรวงศ์ เป็นคณะทำงาน ๑๑. นายวรายุ ประทีปะเสน ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นคณะทำงาน ๑๒. นางสาวจุฬาลักษณ์ ราหูรักษ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นคณะทำงาน ๑๓. นายสุรพงษ์ เมี้ยนมิตร รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเป็นคณะทำงาน ๑๔. นายศิริเกษ อภิรัตน์ ผู้อำนวยการกองจัดระบบการจราจรทางบก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเป็นคณะทำงาน ๑๕. นายอภิชัย อิสริยานุกูล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง เป็นคณะทำงาน ๑๖. นายพรพรต ...


- ๕ - ๑๖. นายพรพรต สุริยนต์ ผู้อำนวยการสำนักทางหลวงที่ ๑๓ กรมทางหลวง เป็นคณะทำงาน ๑๗. นายอภิสิทธิ์ กล่ำเหม็ง วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ กรมทางหลวง เป็นคณะทำงาน ๑๘. นางสาวรัตนา อิทธิอมร ผู้อำนวยการสำนักการขนส่งสินค้า กรมการขนส่งทางบก เป็นคณะทำงาน ๑๙. นายวันพุธ สุดใจ หัวหน้าส่วนสถานีขนส่งสินค้า กรมการขนส่งทางบก เป็นคณะทำงาน ๒๐. นายเกียรตินรินทร์ ฤทธิรงค์ หัวหน้างานบริหารสถานีขนส่งสินค้า ๓ กรมการขนส่งทางบก เป็นคณะทำงาน ๒๑. นายฐากูร อินทรชม ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นคณะทำงาน ๒๒. นายศิริพงค์ คุมพ์ประพันธ์ หัวหน้ากองบริการตลาดและพัฒนา การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นคณะทำงาน ๒๓. นายสายัณห์ ทัศนโกศล ผู้อำนวยการส่วนออกแบบระบบการจราจร กรุงเทพมหานคร เป็นคณะทำงาน ๒๔. นายจักรพงษ์ เทียนพิทักษ์ หัวหน้ากลุ่มงานสัญญาณไฟจราจร กรุงเทพมหานคร เป็นคณะทำงาน ๒๕. พันตำรวจตรีวุฒิพันธ์ บุญทอง สารวัตรจราจร สถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นคณะทำงาน ๒๖. พันตำรวจโท พัชระ บุญกว้าง สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นคณะทำงาน ๒๗. นายวรพัฒน์ ...


- ๖ - ๒๗. นายวรพัฒน์ เชาว์วิศิษฐ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง กรมศุลกากร เป็นคณะทำงาน ๒๘. นางชวนพิศ วัฒนศิริธรรม รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการตรวจสอบสินค้า กรมศุลกากร เป็นคณะทำงาน ๒๙. นางวชิรญา เพิ่มภูศรี รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นคณะทำงาน ๓๐. นายพิทย อุทัยสาง ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นคณะทำงาน ๒. วิธีการศึกษา คณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง ได้พิจารณาทบทวนข้อมูลทุติยภูมิจากเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทางการพัฒนาสถานีบรรจุและแยก สินค้ากล่อง ลาดกระบัง รวมทั้งข้อมูลปฐมภูมิจากการประชุมระดมความคิดเห็นร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับ จุดแข็ง จุดอ่อน ปัญหา และอุปสรรค ของทางการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง จากนั้นได้นำข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิที่ได้รับมาระดมความคิดเห็นเพื่อทำการวิเคราะห์ แยกแยะประเด็นสำคัญที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การศึกษาและนำผลการวิเคราะห์ดังกล่าวมาจัดทำ สรุปผลการพิจารณาศึกษาและข้อเสนอในการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง ๓. ผลการพิจารณาศึกษา คณะกรรมาธิการขอรายงานผลการพิจารณา เรื่อง แนวทางการพัฒนาสถานีบรรจุ และแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง โดยคณะกรรมาธิการได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการ ด้านการคมนาคมทางบกและทางรางดำเนินการพิจารณาศึกษากรณีดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมาธิการ ได้พิจารณารายงานผลการศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการด้านการคมนาคมทางบกและทางรางโดย ละเอียดรอบคอบแล้ว และได้มีมติให้ความเห็นชอบกับรายงานดังกล่าว โดยถือว่าเป็นรายงานการ พิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการ จากผลการพิจารณา ...


- ๗ - จากผลการพิจารณาศึกษาเรื่องดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมาธิการจึงขอเสนอรายงาน การพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการโดยมีรายละเอียดตามรายงานท้ายนี้เพื่อให้วุฒิสภาได้พิจารณา หากวุฒิสภาเห็นชอบด้วยกับผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการ ขอได้โปรดแจ้งไปยัง คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาดำเนินการตามแต่จะเห็นสมควรต่อไป ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนสืบไป (นางจิรดา สงฆ์ประชา) เลขานุการคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา


สารบัญ หน้า บทสรุปผู้บริหาร............................................................................................................. สารบัญ ก สารบัญตาราง สารบัญภาพ บทที่ ๑ บทนำ………………………………………………........................………………………….…... ๑ ๑. หลักการและเหตุผล............................................................................... ๑ ๒. วัตถุประสงค์.......................................................................................... ๒ ๓. กรอบแนวคิดการศึกษา.......................................................................... ๒ ๔. ขอบเขตการศึกษา................................................................................. ๓ ๕. ระยะเวลาในการศึกษา.......................................................................... ๔ ๖. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการศึกษา.............................................. ๔ ๒ ประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน.................................................... ๕ ๑. ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ ๒๐ ปี......... ๕ ๒. สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง..................................... ๖ ๓. รายละเอียดปัญหาสัญญาสัมปทา.................................................................. ๗ ๑. การเสนอโครงการ (การดำเนินการก่อนมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖).....................................................…… ๗ ๒. การเสนอโครงการ (การดำเนินการหลังมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖)........................................................… ๑๐ ๓. การดำเนินการหลังมติคณะรัฐมนตรี วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒......…… ๑๔ ๔. รายละเอียดปัญหาการจราจรติดขัดในสถานีฯ.................................... ๒๒ ๓ แผนการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง.....………………………………………….. ๒๕ ๑. ปริมาณสินค้าที่ขนส่งผ่านสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง.... ๒๕ ๒. แผนพัฒนาการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สินค้าทางรางระหว่างสถานีฯ ไอซีดี ลาดกระบัง และท่าเรือแหลมฉบัง............................................................ ๒๖ ๓. แผนการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ไอซีดี ลาดกระบัง.......... ๒๗


สารบัญ (ต่อ) บทที่ หน้า ๔ สรุปผลการศึกษา....………………………………………………………………………………….. ๓๕ ๑. ปัญหาสัญญาสัมปทาน.............................................................................. ๓๕ ๒. ปัญหาการจราจรภายในสถานีฯ…...……………………………….………………… ๓๕ ๓. การบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง............................ ๓๗ ๕ ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง.......... ๓๙ ๑. แนวทางการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน.................................................... ๓๙ ๒. แนวทางการแก้ไขปัญหาระยะกลางและระยะยาว.................................. ๓๙ บรรณานุกรม...................................................................................................... ๔๓


สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า ๓.๑ แสดงแผนการขนส่งทางรางระหว่างสถานีฯ ลาดกระบังและท่าเรือแหลมฉบัง.. ๒๖ ๓.๒ แสดงตารางขบวนรถไฟขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ๓๐ เที่ยวต่อวัน (ไป-กลับ)...... ๒๖ ๓.๓ แสดงการปรับปรุงระบบระบายน้ำภายในพื้นที่ให้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์....... ๒๘ ๓.๔ แสดงแนวคิดการปรับปรุงทางเลือกที่ ๑.............................................................. ๒๙ ๓.๕ แนวคิดการปรับปรุงทางเลือกที่ ๒...................................................................... ๓๐ ๓.๖ ผลการทดสอบสภาพการจราจรจากแบบจำลองด้านการจราจร......................... ๓๐ ๓.๗ แนวคิดการปรับปรุงระยะที่ ๓............................................................................. ๓๑ ๓.๘ แนวคิดการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่การเข้า-ออก สถานีฯ ไอซีดี ลาดกระบัง…. ๓๒ ๓.๙ ผลการทดสอบสภาพจราจรจากแบบจำลองด้านจราจร...................................... ๓๒ ๓.๑๐ แนวคิดการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่การเข้า-ออก สถานีฯ ไอซีดี ลาดกระบัง… ๓๓ ๕.๑ แสดงแนวคิดการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่การเข้า -ออก ลาดกระบัง ระยะที่ ๓ ๔๑


บทสรุปผู้บริหาร คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๓๔ อนุมัติให้ก่อสร้างสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (Inland Container Depot) หรือ ICD จำนวน ๖ สถานี ที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้รับผิดชอบโครงการเพื่อสนับสนุนกิจการนำเข้าและส่งออก ของประเทศ และรองรับการเติบโตของท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง โดยโครงการก่อสร้างสถานี ICD เป็นโครงการลงทุนของรัฐที่มีวงเงินลงทุนทั้งสิ้น ๑,๘๕๗ ล้านบาท ซึ่งเกินกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท ดังนั้น จึงต้องมีการประมูลคัดเลือกเอกชนที่จะดำเนินงานสถานีฯ การรถไฟฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอน พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการสรรหาผู้ประกอบการฯ เพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการ สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยวิธีการประมูลอัตรา ค่าธรรมเนียมสัมปทาน ได้ผู้ประกอบการฯ จำนวน ๖ ราย ได้แก่ ๑) สถานี A บริษัท สยามชอร์ไซด์ เซอร์วิส จำกัด ๒) สถานี B บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด ๓) สถานี C บริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด ๔) สถานี D บริษัท ทิฟฟ่า ไอซีดี จำกัด ๕) สถานี E บริษัท ไทย ฮันจิน โลจิสติกส์ จำกัด และ ๖) สถานี F บริษัท เอ็น.วาย.เค. ดิสทริบิวชั่น เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด โดยสัญญาสัมปทานฯ ในช่วงแรก เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี ๒๕๓๙ และสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๙ ต่อมา การรถไฟฯ ได้ทำสัญญาสัมปทานการดำเนินงานสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง กับ ผู้ประกอบการทั้ง ๖ สถานี เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เป็นการต่ออายุสัญญา ออกไปอีก ๕ ปี โดยสัญญามีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๔๙ และสิ้นสุดสัญญาวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๔ จากการติดตามงานของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา พบว่า การดำเนินงานของสถานีฯ ยังมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานมากพอสมควร ได้แก่ ๑) ปัญหาด้านการบริหารจัดการสัญญา สัมปทานที่ยังไม่มีผู้รับสัมปทานสถานีฯ ที่ชัดเจน เป็นระยะเวลานานถึง ๑๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๖) ๒) ปัญหาการจราจรติดขัดภายในสถานี ใช้เวลาในการรับส่งตู้สินค้าประมาณ ๔ - ๖ ชั่วโมงหรือมากกว่า ถนนในพื้นที่สถานีฯ มีความเสียหายมาก ขาดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ปัญหาทั้ง ๒ ประการ มีความสัมพันธ์กัน และนำมาสู่การไม่สามารถบริหารจัดการและพัฒนาสถานีฯ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตลอดจนภาครัฐสูญเสียรายได้ เสียโอกาสทางเศรษฐกิจและไม่สร้างศักยภาพในการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ นอกจากนั้น ปัญหาการจราจรเพิ่มต้นทุนแก่ผู้ประกอบการขนส่งอย่างมาก ตลอดจนทำให้เกิดมลภาวะ และฝุ่นพิษ PM ๒.๕ เป็นต้น อีกทั้งยังไม่เป็นไปตามตามยุทธศาสตร์การพัฒนาคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ ๒๐ ปี ที่มุ่งเน้นการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ การขนส่งที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการขนส่งที่ยั่งยืน ปัญหาดังกล่าวขาดการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา จึงได้มีมติมอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการด้านการคมนาคม ทางบกและทางราง พิจารณาศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสถานีฯ ทั้งในด้านการบริหารสัญญา สัมปทานและการบริหารการจราจร เพื่อนำเสนอผลการศึกษาและข้อเสนอแนะไปยังวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีต่อไป สรุปผลการศึกษาดังนี้


ข ๑. สภาพทั่วไป แผนงานและผลการดำเนินงานของสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ๑.๑ ผู้ประกอบการที่ได้รับสัญญาสัมปทาน จำนวน ๖ รายการ ได้แก่ ๑) สถานี A บริษัท สยามชอร์ไซด์ เซอร์วิส จำกัด ๒) สถานี B บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด ๓) สถานี C บริษัท เอเวอร์กรีนคอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด ๔) สถานี D บริษัท ทิฟฟ่า ไอซีดี จำกัด ๕) สถานี E บริษัท ไทย ฮันจิน โลจิสติกส์ จำกัด และ ๖) สถานี F บริษัท เอ็น.วาย.เค. ดิสทริบิวชั่น เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด และสัญญาสัมปทานสิ้นสุดเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๔ และยังไม่มีผู้ได้รับ สัญญาสัมปทานจนถึงปัจจุบัน (กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖) เป็นระยะเวลา ๑๒ ปี ๑.๒ สถานีฯ มีปริมาณตู้สินค้านำเข้าและส่งออก ปี พ.ศ.๒๕๖๒ - ๒๕๖๕ มีจำนวน ๑,๒๗๒,๑๓๓ ทีอียู๑,๒๔๙,๗๕๗ ทีอียู๑,๓๖๔,๖๙๒ ทีอียูและ ๑,๔๑๘,๔๓๒ ทีอียู ตามลำดับ ซึ่งมีปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การออกแบบสถานีฯครั้งแรกเพื่อรองรับตู้สินค้า จำนวนเพียง ๖๐๐,๐๐๐ ทีอียู และต่อมาพัฒนาให้รองรับตู้สินค้าได้ถึง ๑ ล้านทีอียู ๑.๓ การรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สินค้าทางรางระหว่างสถานีฯ ไอซีดี ลาดกระบัง และท่าเรือแหลมฉบัง โดยใช้รถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน ๕ คัน รถพ่วง บทต. ๓๔๐ คัน มีจำนวนขบวนไป - กลับต่อวัน ๓๐ ขบวน ใช้รถพ่วงต่อขบวน ๓๒ คัน (ศักยภาพ ๓๕ พ่วง ต่อขบวน แต่สายไฟเครื่องมือยก RMG ยาวได้ ๓๒ คัน) มีขีดความสามารถในการขนส่งต่อปี จำนวน ๗๐๐,๘๐๐ ทีอียู หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อปริมาณตู้สินค้าทั้งปีที่ขนส่งผ่านสถานีฯ ที่ร้อยละ ๕๓ (จำนวนปริมาณตู้สินค้า ทั้งปี เฉลี่ยประมาณ ๑.๓ ล้านทีอียู) การขนส่งตู้สินค้าระหว่างสถานีฯลาดกระบังและท่าเรือแหลมฉบังในปัจจุบัน ดำเนินการได้เฉลี่ย ๒๔ เที่ยว (ไป-กลับ) หรือ ๑๒ ขบวนต่อวัน ยังไม่ถึง ๓๐ ขบวนต่อวัน ตามแผนงานของการรถไฟ แห่งประเทศไทยที่กำหนดไว้อันเนื่องมาจากกระบวนการ SRTO และสภาพการจราจรที่ท่าเรือแหลมฉบัง ๑.๔ คณะกรรมการการรถไฟฯ อนุมัติโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) โดยกำหนดให้นำชิ้นส่วนภายในประเทศและต่างประเทศมาประกอบภายในประเทศ จำนวน ๙๔๖ คัน วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒,๔๕๙,๙๗๕,๕๖๒ บาท เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย นำเรื่องเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการการขนส่งได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๗๑ - ๒๕๗๕ เป็นต้นไป ผลที่คาดว่าจะได้รับ ปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางทั้งประเทศ เพิ่มขึ้น ๙,๐๐๐,๐๐๐ ตันต่อปี ๑.๕ สถานีฯ มีระบบระบายน้ำที่เสียหาย สภาพถนนภายในสถานีฯและทางเข้าสถานีชำรุด เสียหายมาก พื้นลานตู้ในแต่ละสถานีย่อยทรุดตัว มีการจอดรถภายในสถานีฯแบบถาวรและประกอบ อาชีพค้าขายของบุคคลภายนอก ขาดการจัดการพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีการบังคับใช้กฎหมาย ที่เข้มงวด ๑.๖ สัญญาสัมปทานสถานีฯ ไม่มีความชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการ ๖ สถานี ไม่ได้ลงทุน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เครื่องมือยกขนตู้สินค้าและระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดปัญหา การจราจรติดขัดภายในสถานีฯ


ค ๒. เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรค และ โอกาส ในการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ๑. ปัญหาสัญญาสัมปทาน คณะรัฐมนตรีมีมติในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ ให้เป็นไปตามนัยของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน รวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน โดยให้มีการศึกษาข้อมูลตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงาน สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวมทั้งความเห็นเพิ่มเติมของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังและเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาประกอบการดำเนินการก่อน นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและยืนยันตามหนังสือ ถึงปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ ๑/๑๐๘๖/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ เรื่อง รายงานชี้แจง เกี่ยวกับการดำเนินโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยรายงานชี้แจงรายละเอียดว่าโครงการดังกล่าว ดำเนินการเป็นไปตามนัยของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนแล้ว กระทรวงคมนาคม มีความเห็นว่า ถ้าหากการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังยืนยันจะเสนอ ผลการคัดเลือกเอกชนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย จะต้องยืนยันว่า ได้ดำเนินการครบถ้วนถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ แล้ว เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมท่านใหม่พิจารณาว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พิจารณาต่อไปหรือไม่อย่างไร การรถไฟแห่งประเทศไทยและกระทรวงคมนาคม ยังมีความเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่อง รายงานการวิเคราะห์และศึกษาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุ และแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง โดยกระทรวงคมนาคมประสงค์ให้ รฟท. จัดทำรายงานการ วิเคราะห์และศึกษาโครงการฯ ให้ครบถ้วนตามมติ ครม. ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ แต่ รฟท.ยืนยันว่ารายงาน ดังกล่าว ดำเนินการถูกต้องเป็นไปตามนัยของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนแล้ว สัญญาสัมปทานดังกล่าวจึงยังไม่ถูกนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีพิจารณา และยังไม่มีผู้ได้รับสัมปทานสถานีฯ ในปัจจุบัน ๒. ปัญหาการจราจรภายในสถานีฯ ๒.๑ สถานีฯ ประกอบด้วยผู้ประกอบการ ๖ ราย หรือ ๖ ประตู ซึ่งบริหารจัดการ ด้วยระบบของตนเอง ภายใต้การควบคุมดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทย ปริมาณตู้สินค้าผ่านเข้าออก สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง มีปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเฉลี่ย มีตู้สินค้าเข้าออกสถานีฯ จำนวน ๑.๓ ล้านทีอียู ในขณะที่โครงสร้างพื้นฐานสถานีฯ ออกแบบเพื่อรองรับ ตู้สินค้าเพียง ๖๐๐,๐๐๐ ทีอียู ถึงแม้จะมีการพัฒนาให้สถานีฯ ให้รองรับตู้สินค้าได้ถึง ๑ ล้านทีอียู ปัญหาการจราจรติดขัดทั้งภายในและทางเข้าสถานีฯ ยังคงเป็นปัญหาที่รุนแรงต่อเนื่องตลอดมา


ง ๒.๒ การรับส่งตู้คอนเทนเนอร์สินค้าในสถานีฯ ใช้เวลานานประมาณ ๔-๖ ชั่วโมงต่อการรับส่ง ตู้สินค้า ๑ ตู้ หรือใช้เวลามากกว่า เนื่องจากมีปริมาณรถบรรทุกเข้าออกสถานีฯ จำนวนมาก เฉลี่ยวันละ ประมาณ ๓,๐๐๐ คัน และมารับส่งตู้ในเวลาเดียวกัน ขาดระบบการบริหารจัดการการรับส่งตู้สินค้า ที่มีประสิทธิภาพ แต่ละสถานีย่อยมีประตูเข้าออกสถานีต่อเนื่องกัน เมื่อประตูใดประตูหนึ่งมีการจราจร ติดขัด จะทำให้ประตูใกล้เคียงได้รับผลกระทบไปด้วย ๒.๓ พื้นผิวถนนภายในสถานีฯ มีความเสียหายเป็นจำนวนมาก ๒.๔ พื้นที่จุดกลับรถบริเวณหน้าสถานีขนส่งสินค้าร่มเกล้าของกรมการขนส่งทางบก ผิวถนนชำรุดและเสียหายมาก เนื่องจากปัญหาการระบายน้ำที่เป็นปัญหาหลัก เส้นทางการจราจร มีจุดกลับรถหลายจุดกว่าจะเข้าสถานีฯ ได้ รถบรรทุกต้องวนกลับรถหลายรอบเพื่อเข้าสถานีฯ ทำให้ การจราจรเคลื่อนตัวได้ช้าและติดขัดต่อเนื่อง ๒.๕ การบริหารจัดการสถานีฯ ขาดการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดและต่อเนื่อง มีการ จอดรถแบบถาวรในพื้นที่สถานีฯ หลายจุด เช่น การจอดช่องทางซ้ายของถนน การจอดถาวรในพื้นที่ ส่วนกลาง ทำให้พื้นที่จอดและช่องทางการจราจรหายไป และมีการดำเนินกิจกรรมของบุคคลภายในเขต พื้นที่สถานี เช่น มีร้านปะยาง ร้านอาหาร เป็นต้น ทำให้ไม่มีพื้นที่ลานจอดสำหรับรถบรรทุกที่จะมารับส่ง สินค้า และทำให้การจราจรติดขัดในถนนภายในสถานีฯ ๒.๖ การขนส่งสินค้าด้วยระบบรางระหว่างสถานีฯ และท่าเรือแหลมฉบัง ดำเนินการได้ เพียงร้อยละ ๒๘ - ๓๐ เท่านั้น หรือประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ ทีอียูของปริมาณตู้เข้าออกสถานีทั้งหมด ๑.๓ ล้านทีอียู ดังนั้น สถานีฯ จำเป็นต้องใช้รถบรรทุกเพื่อขนส่งตู้ต่อไปยังท่าเรือแหลมฉบัง จำนวนประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ทีอียู (เที่ยว) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณรถบรรทุกเข้ามาขนส่งสินค้าในสถานีอีกรอบ ทำให้การจราจรหนาแน่น ติดขัด หากสถานีฯ สามารถส่งตู้ด้วยระบบรางไปท่าเรือแหลมฉบังได้มากขึ้น จะทำให้ปริมาณรถบรรทุก ที่จะมาขนส่งตู้จากสถานีฯ ไปท่าเรือแหลมฉบังลดลง ผลการศึกษาของกรมทางหลวงระบุว่า หากขนส่ง ตู้สินค้าทางรถไฟได้ร้อยละ ๔๐ จะทำให้ลดปริมาณรถบรรทุกที่เข้ามารับส่งตู้ได้ชั่วโมงละ ๑๐๐ คัน ๒.๗ ปัญหาการจราจรติดขัด เกิดจากการบริหารจัดการภายในสถานีฯ แต่ละสถานีฯ ยังขาดประสิทธิภาพในการให้บริการ เนื่องจากมีเครื่องมือขนที่ไม่เพียงพอหรือชำรุดเสียหาย ผู้ประกอบการในแต่ละสถานีฯ ไม่ลงทุนในเครื่องมือและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อันเนื่องมาจากปัญหา สัญญาสัมปทานที่ไม่ชัดเจน ๒.๘ ปัญหาการจราจรที่ติดขัดในสถานีฯ ทำให้เกิดต้นทุนขนส่งแก่ผู้ประกอบการ รถบรรทุก ชั่วโมงละประมาณ ๒๐๐ บาท ซึ่งการรับส่งตู้สินค้าที่ใช้เวลาต่อเที่ยว ๔ -๖ ชั่วโมง หรือมากกว่า ทำให้เกิดต้นทุนสูงแก่ผู้ประกอบการรถบรรทุก อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนโลจิสติกส์ ของประเทศสูงขึ้นไม่เป็นไปตามเป้าหมายยุทธศาสตร์การพัฒนาการขนส่งของกระทรวงคมนาคม นอกจากนั้น ยังทำให้เกิดมลภาวะแก่ชุมชน ทำให้สังคมส่วนรวมได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นพิษ PM ๒.๕ เป็นต้น และยังทำให้พนักงานขับรถเหนื่อยล้า ขาดสุขอนามัยที่ดี ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุทางถนนได้


จ ๓) แนวทางการแก้ไขปัญหา และ ข้อเสนอแนะในการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ๓.๑ ข้อเสนอแนะสำหรับแผนเร่งด่วน ๓.๑.๑ การแก้ไขปัญหาสัญญาสัมปทานสถานีฯ ระยะสั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย ควรเร่งตรวจสอบรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการเพื่อคัดเลือกเอกชนเป็นผู้ประกอบการ สถานีฯ และนำผลการศึกษาส่งให้กระทรวงคมนาคมเร่งพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓.๑.๒ การรถไฟแห่งประเทศไทย บริหารจัดการพื้นที่ลานจอด ไม่ให้รถบรรทุก จากภายนอกเข้ามาจอดในสถานีฯ แบบประจำโดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและเร่งรัดผู้ประกอบการ สถานีฯ ทั้ง ๖ ราย ให้บริหารพื้นที่ เพิ่มเครื่องมือยกขนและจัดการจราจร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่ง ตู้คอนเทนเนอร์สินค้าและลดระยะเวลารอคอย ๓.๑.๓ การรถไฟแห่งประเทศไทย เร่งพัฒนาพื้นที่ๆ ชำรุดภายในสถานีฯ โดยจัดสรร งบประมาณที่ได้รับ จำนวน ๒๓ ล้านบาท และเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ นี้ ๓.๑.๔ การรถไฟแห่งประเทศไทย ประสานผู้ประกอบการสถานีฯ และ SRTO ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเพิ่มเที่ยวการขนส่งตู้สินค้าระหว่างสถานีฯ และท่าเรือแหลมฉบังด้วยระบบราง ให้มากที่สุด อย่างน้อยวันละ ๔๐ เที่ยวภายในสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งจะลดปริมาณรถบรรทุกเข้าออก สถานีได้ชั่วโมงละ ๑๐๐ คัน ๓.๒ ข้อเสนอแนะสำหรับแผนระยะกลางและระยะยาว ๓.๒.๑ ปัญหาสัญญาสัมปทาน - การรถไฟแห่งประเทศไทยควรเร่งตรวจสอบโครงการสรรหาผู้ประกอบการอีกครั้ง ตามหนังสือที่เคยส่งถึงปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ ๑/๑๐๘๖/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ เรื่องรายงานชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีฯ ไอซีดีลาดกระบัง ที่ระบุว่าโครงการดังกล่าวดำเนินการเป็นไปตามนัยของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชนแล้ว ส่งให้กระทรวงคมนาคม - กระทรวงคมนาคมเร่งตรวจสอบ จัดทำข้อมูลประกอบการพิจารณา และนำเสนอผลการคัดเลือกและร่างสัญญาฯ ไปยังคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ผลการพิจารณาของ คณะรัฐมนตรีจะเป็นอย่างไร ย่อมทำให้เกิดความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาสัญญาสัมปทาน ๓.๒.๒ ปัญหาการจราจร - การรถไฟแห่งประเทศไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรแก้ไขปัญหา ในเชิงบริหารจัดการ โดยบังคับใช้กฎหมายจราจรกับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด และต่อเนื่อง เช่น ผู้ที่นำรถมาจอดในพื้นที่ห้ามจอด จอดรถในช่องจราจร จอดเป็นการถาวร หรือผู้ที่เปิดร้านขายของ ในช่องจราจร เป็นต้น เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดอีกทางหนึ่ง - การรถไฟแห่งประเทศไทย ประสานผู้ประกอบการไอซีดีปัจจุบัน ทั้ง ๖ ราย ในการบริหารการรับส่งตู้สินค้าที่มีประสิทธิภาพ โดยการกำหนด KPI truck turnaround time ไม่เกิน ๒ ชั่วโมง และประเมินผลต่อเนื่อง - การรถไฟแห่งประเทศไทยเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างสถานีฯ(ไอซีดี) ลาดกระบัง และท่าเรือแหลมฉบัง ให้ได้มากกว่า ๓๐ เที่ยวต่อวัน (ไป - กลับ) และเพิ่มขนส่งด้วย


ฉ ระบบรางอย่างน้อยร้อยละ ๕๐ ของจำนวนตู้สินค้าทั้งหมดที่ขนส่งผ่านสถานีฯ เพื่อลดปริมาณรถบรรทุก ที่เข้ามารับส่งตู้สินค้าในสถานีฯ และกรุงเทพมหานคร - การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของสถานีฯ โดยเฉพาะถนนซึ่งมีความเสียหายมาก จำเป็นต้องเร่งพัฒนาถนน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการสัญจร และลดความเสียหายต่อรถยนต์ - เนื่องจากปริมาณรถบรรทุกที่เข้าสู่สถานีฯ โดยส่วนใหญ่จะต้องผ่านบริเวณ ด้านหน้าสถานีขนส่งสินค้า ร่มเกล้า ของ ขบ. โดยเป็นทั้งรถขาเข้าและขาออก กรมทางหลวงจำเป็นต้อง ออกแบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเส้นทางการเข้าและออกสถานีฯใหม่ เพื่อการแก้ไขปัญหาจราจรแบบถาวร กรมทางหลวงได้นำตัวเลขความสามารถในการรองรับการขนส่งตู้สินค้าคอนเทนเนอร์๒ ล้านทีอียูต่อปี ของสถานีฯ ไอซีดีลาดกระบัง มาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาออกแบบโครงสร้างพื้นฐานใหม่ตามระบบ วิศวกรรมด้านการจราจร โดยการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่เข้า -ออก สถานีฯ ระยะที่ ๓ โดยการก่อสร้าง Ramp ทั้ง ๓ ตัว ได้แก่ Ramp ๑ สร้าง Directional Ramp เชื่อมต่อโครงการทางยกระดับ ศรีนครินทร์- สุวรรณภูมิของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย Ramp ๒ สร้าง Directional Ramp เชื่อมต่อโครงการทางยกระดับ ศรีนครินทร์ - สุวรรณภูมิของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย Ramp ๓ สร้าง Ramp เชื่อมต่อการเดินทางจาก ทล. ๓๗๐๑ (จากกรุงเทพมหานคร) เข้าสู่ ICD ลาดกระบัง โดยตรง โดยมีงบประมาณในการดำเนินงานระยะที่ ๓ การก่อสร้าง Ramp จำนวน ๓ ตัว มีงบประมาณรวม ๑,๔๕๐ ล้านบาท โดย Ramp ๑ กับ Ramp ๒ มีมูลค่าก่อสร้างประมาณ ๑,๓๐๐ ล้านบาท และ Ramp ๓ มีมูลค่าก่อสร้างประมาณ ๑๕๐ ล้านบาท ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดำเนินการ ได้ทันท่วงที ทล.ควรดำเนินการก่อสร้าง Ramp ๓ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางจาก ทล. ๓๗๐๑ (จากกรุงเทพมหานคร) เข้าสู่ ICD ลาดกระบัง โดยตรงก่อน แล้วจึงดำเนินการก่อสร้าง Ramp ตัวที่ ๒ และ ๓ ไปพร้อมกับโครงการทางยกระดับศรีนครินทร์ - สุวรรณภูมิ ของ กทพ. - สถานีฯไอซีดีลาดกระบัง ปัจจุบันรองรับปริมาณตู้สินค้ามากถึง ๑.๓ ล้านทีอียู และการพัฒนาสถานีฯ เพื่อให้รองรับปริมาณตู้สินค้าเต็มศักยภาพ ๒ ล้านทีอียูกระทรวงคมนาคม อาจจำเป็นต้องพิจารณาศึกษาการจัดสร้างสถานีฯไอซีดีแห่งที่ ๒ หรือ Dry port แห่งใหม่เพื่อรองรับ ปริมาณตู้สินค้านำเข้าและส่งออกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และรองรับการเติบโตของท่าเรือแหลมฉบัง จะเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรในระยะยาว เนื่องจากสถานีฯ ไอซีดีลาดกระบัง อยู่ในเมือง และเมื่อรองรับตู้สินค้าเต็มศักยภาพแล้ว จะเกิดปัญหาการจราจรและสิ่งแวดล้อมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากมีICD หรือ Dry Port แห่งใหม่แล้ว ปริมาณการขนส่งสินค้า ณ สถานีฯ ไอซีดีลาดกระบัง จะลดลง ประมาณร้อยละ ๒๓


บทที่ ๑ บทนำ ๑. หลักการและเหตุผล คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๓๔ อนุมัติให้ก่อสร้างสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (Inland Container Depot) หรือ ICD (ไอซีดี) จำนวน ๖ สถานี ที่ลาดกระบัง โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับผิดชอบโครงการเพื่อสนับสนุนกิจการนำเข้าและส่งออกของประเทศ และการเติบโตของท่าเรือ พาณิชย์แหลมฉบัง โดยโครงการก่อสร้างสถานี ICD เป็นโครงการลงทุนของรัฐที่มีวงเงินลงทุนทั้งสิ้น ๑,๘๕๗ ล้านบาท ซึ่งเกินกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท ดังนั้น การประมูลคัดเลือกเอกชนที่จะดำเนินงาน สถานี ICD ให้การรถไฟประเทศไทยดำเนินการตามขั้นตอนพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชน เข้าร่วมงานหรือดำเนินในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการสรรหาผู้ประกอบการฯ เพื่อรับสัมปทาน เป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๓๙ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยวิธีการประมูลอัตราค่าธรรมเนียมสัมปทานเป็นผู้ประกอบการฯ จำนวน ๖ รายการ ได้แก่ ๑) สถานี A บริษัท สยามชอร์ไซด์ เซอร์วิส จำกัด ๒) สถานี B บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด ๓) สถานี C บริษัท เอเวอร์กรีนคอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด ๔) สถานี D บริษัท ทิฟฟ่า ไอซีดี จำกัด ๕) สถานี E บริษัท ไทย ฮันจิน โลจิสติกส์ จำกัด และ ๖) สถานีF บริษัท เอ็น.วาย.เค. ดิสทริบิวชั่น เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด โดยสัญญาสัมปทานฯ ในช่วงแรก เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ปี ๒๕๓๙ และสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๙ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ทำสัญญาสัมปทาน การดำเนินงานสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง กับ ผู้ประกอบการทั้ง ๖ สถานี เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เป็นการต่ออายุสัญญาออกไปอีก ๕ ปี โดยสัญญามีผลย้อนหลังตั้งแต่ วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๔๙ และสิ้นสุดสัญญาวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๔ สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง (สถานีฯ) เป็นประตูการค้าที่สำคัญ ของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบคอนเทนเนอร์ โดยเป็นการขนส่งทางราง จากกรุงเทพมหานครเชื่อมต่อกับท่าเรือแหลมฉบัง มีปริมาณตู้สินค้านำเข้าและส่งออกผ่านสถานีฯ ปีละประมาณ ๑.๓ ล้านทีอียู (ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕) และในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ มีจำนวนตู้สินค้านำเข้าและส่งออกผ่านสถานีฯ จำนวน ๑,๓๗๗,๖๕๐ ทีอียูโดยมีสัดส่วนการขนส่งทางรางร้อยละ ๒๘ และขนส่งทางรถยนต์ร้อย ๗๒ (การรถไฟ แห่งประเทศไทย, ๒๕๖๕) ปริมาณการขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออกผ่านสถานีฯ มีปริมาณเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สถานีฯ มีโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพพื้นที่รองรับปริมาณตู้สินค้าได้เพียง ๖๐๐,๐๐๐ ทีอียูต่อปี และต่อมาได้พัฒนาพื้นที่ให้รองรับปริมาณตู้สินค้าได้มากถึง ๑ ล้านทีอียู โดยในปีพ.ศ.๒๕๕๑ มีตู้สินค้านำเข้าและส่งออกผ่านสถานี จำนวนถึง ๑.๗ ล้านทีอียู


๒ จากการติดตามงานของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา พบว่า การดำเนินงาน ของสถานีฯ ยังมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานมากพอสมควร ได้แก่ ๑) ปัญหาด้านการบริหารจัดการสัญญาสัมปทานที่ยังไม่มีผู้รับสัมปทานสถานีฯ ที่ชัดเจน เป็นระยะเวลานานถึง ๑๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๖) และนำมาสู่การไม่สามารถบริหารจัดการ และพัฒนาสถานีฯ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตลอดจนภาครัฐสูญเสียรายได้ โอกาสทางเศรษฐกิจ และศักยภาพในการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ๒) ปัญหาการจราจรติดขัดภายในสถานี ใช้เวลาในการรับส่งตู้สินค้าประมาณ ๔ ชั่วโมง หรือมากกว่า เนื่องจากมีปริมาณรถบรรทุกเข้า - ออก เป็นจำนวนมาก วันละประมาณ ๓,๐๐๐ คัน อีกทั้งถนนในพื้นที่สถานีฯ มีความเสียหายมาก ขาดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเพิ่มต้นทุน แก่ผู้ประกอบการขนส่งอย่างมาก ตลอดจนทำให้เกิดมลภาวะและฝุ่นพิษ PM ๒.๕ เป็นต้น ปัญหาทั้ง ๒ ประการ มีความสัมพันธ์กัน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานถึง ๑๒ ปี ขาดการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนั้น ปัญหาดังกล่าวยังเกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการ เป็นจำนวนมากที่จะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาร่วมกันแบบบูรณาการ เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น ลดความสูญเสียด้านเศรษฐกิจ และสร้างโอกาส ในการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ให้กับประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาคมนาคม ขนส่งของไทยระยะ ๒๐ ปี ที่มุ่งเน้นการขนส่งที่มีประสิทธิภาพการขนส่งที่ปลอดภัยและเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการขนส่งที่ยั่งยืน คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาและการพัฒนา สถานีฯ ไอซีดี ลาดกระบัง จึงมอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการด้านการคมนาคมทางบกและทางราง พิจารณาศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสถานีฯ ทั้งในด้านการบริหารสัญญาสัมปทานและการบริหาร การจราจร เพื่อนำเสนอผลการศึกษาและข้อเสนอแนะไปยังวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อศึกษาสภาพทั่วไป แผนงาน และผลการดำเนินงานของสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ๒. เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรค โอกาส ในการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ๓. เพื่อนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ข้อเสนอแนะในการพัฒนาสถานีฯ ไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบโลจิสติกส์และการคมนาคมของประเทศ ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล ๓. กรอบแนวคิดในการศึกษา คณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ได้กำหนดกรอบในการศึกษา ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ ชาติด้านการพัฒนาระบบราง เป้าหมายการเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางราง กฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน และการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ดังนี้


๓ ๔. ขอบเขตการศึกษา การศึกษาครั้งนี้ เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้ข้อมูลปฐมภูมิ และข้อทูลทุติยภูมิ โดยคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา ตั้งคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ ๙ หน่วยงาน ดำเนินการศึกษายุทธศาสตร์และการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งวิเคราะห์ข้อมูล กฎหมาย แนวคิด ปัญหาและอุปสรรค โอกาสเพื่อให้ได้ข้อคิดเห็น ข้อสรุปข้อเสนอแนะ ในการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า และการเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางให้เป็นไปตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล ที่กำหนดไว้ ข้อมูลปฐมภูมิ ข้อมูลที่ได้จากการประชุมคณะอนุกรรมาธิการการด้านการคมนาคมทางบกและทางราง ระดมความคิดเห็นจากคณะทำงานฯ (Focus Group) ซึ่งประกอบด้วย ๑) ผู้แทนกระทรวงคมนาคม ๒) ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ๓) ผู้แทนกรมทางหลวง ๔) ผู้แทนกรมการขนส่ง ทางบก ๕) ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ๖) ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ๗) ผู้แทนสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ ๘) ผู้แทนกรมศุลกากร และ ๙) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ โดยครอบคลุมรายละเอียดดังนี้ ๑. แนวคิด นโยบายของกระทรวงคมนาคม และแผนการดำเนินงานเกี่ยวกับการขนส่ง สินค้าด้วยระบบราง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง สัญญาสัมปทาน ๒. สภาพทั่วไปของสถานีฯ ปัญหาและอุปสรรค โอกาส ในการการพัฒนาสถานีบรรจุ และแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ๓. แนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ปัญหาสัญญาสัมปทาน และปัญหา การจราจร การพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้า กล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า และการเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางราง ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ ประเด็นโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และดิจิทัล


๔ ข้อมูลทุติยภูมิ รวบรวมข้อมูล แผนการดำเนินงานด้านคมนาคมของประเทศ แผนการดำเนินงาน ของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง รวมทั้งผลการศึกษาวิจัยในอดีตโดยคำนึงถึงความทันสมัยของข้อมูลเป็นสำคัญ มีรายละเอียดดังนี้ ๑. สภาพทั่วไปสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง แผนการดำเนินงาน และผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. ยุทธศาสตร์ชาติด้านการคมนาคม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการสัญญาสัมปทานสถานีฯ และการควบคุมการจราจร ๓. ปัจจัยสนับสนุน ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง สินค้าทางราง ๕. ระยะเวลาในการศึกษา คณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภาดำเนินการศึกษาตั้งแต่เดือนมีนาคม -กรกฎาคม ๒๕๖๖ ๖. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ๑. ผลการศึกษาทำให้ทราบสภาพทั่วไปในการดำเนินงาน แผนการดำเนินงาน ผลการดำเนินงาน ในปัจจุบันของสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ๒. ได้ทราบข้อมูลเชิงประจักษ์ ด้านปัจจัยสนับสนุน ปัญหาและอุปสรรค โอกาส ในการพัฒนาสถานีฯ และแนวทางการแก้ไขปัญหา ๓. นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาสัญญาสัมปทาน ปัญหาการจราจร การพัฒนา สถานีฯเพื่อรองรับปริมาณสินค้านำเข้าและส่งออกที่เพิ่มขึ้น ๔. ผลจากการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจของวุฒิสภาในการติดตาม เสนอแนะ เร่งรัด การดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และเป็นข้อมูลแก่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปปรับปรุงวางแผนยุทธศาสตร์การบริหารในระยะสั้น และระยะยาว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การขนส่งสินค้า และเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางราง ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ตามแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล


๕ บทที่ ๒ ประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา ศึกษาแนวทางการพัฒนาสถานีบรรจุและแยก สินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบังได้รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์และการสังเคราะห์ข้อมูล สรุปประเด็นที่ศึกษา ดังนี้ ๑. ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ ๒๐ ปี ๒. สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ๓. รายละเอียดปัญหาสัญญาสัมปทาน ๔. รายละเอียดปัญหาการจราจร ๑. ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ ๒๐ ปี กระทรวงคมนาคมได้จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต พฤติกรรมการเดินทาง และความต้องการในการเดินทางอันเป็นผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัตน์และบริบทการเปลี่ยนแปลง ที่ส่งผลต่อการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ให้สามารถตอบสนองผู้ใช้บริการ มีความทันสมัย รองรับ การเจริญเติบโตในอนาคตยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศ โดยคำนึงถึงประเด็นที่สำคัญ ดังนี้ ๑) การขนส่งที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Transport) : มุ่งเน้นการลด ใช้พลังงานฟอสซิล ปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานทางเลือก และส่งเสริมเทคโนโลยี ด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ๒) การขนส่งที่มีประสิทธิภาพ (Transport Efficiency) : เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง และโลจิสติกส์โดยลดต้นทุนโลจิสติกส์ส่งเสริมการขนส่งทางรางและทางน้ำให้เป็นรูปแบบการขนส่ง หลักโดยมีการขนส่งทางถนนเป็นระบบสนับสนุน (Feeder) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยง ระบบคมนาคมในรูปแบบต่างๆ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างเมืองหลักและภูมิภาค ลดปัญหาคอขวด การใช้ระบบขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent Transport Systems : ITS) ในการบริหารจัดการคมนาคมขนส่งให้เกิดประสิทธิภาพ ๓) การเข้าถึงระบบขนส่งอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม (Inclusive Transport) : ยกระดับ การขนส่งให้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้ทุกกลุ่ม (Universal Design/Transport for all) ทั้งกลุ่ม ผู้สูงอายุผู้พิการ และเด็ก เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึง (Accessible) บริการระบบขนส่ง มวลชนและระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวก มีค่าโดยสารที่เหมาะสม (Affordable) และมีประสิทธิภาพ ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ ๒๐ ปีกำหนดวิสัยทัศน์ คือ “มุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืน” ระบบคมนาคมขนส่งในอนาคต เป็นระบบคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ (เชื่อมโยง ตรงต่อเวลา สะดวก ปลอดภัย ค่าโดยสารที่เป็นธรรม) มีระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม ทั่วถึงและเท่าเทียม ทั้งในด้านการลงทุนและการให้บริการรองรับการพัฒนาในอนาคตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


๖ โดยมีเป้าประสงค์ประกอบด้วย ๑) ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ๒) รองรับการขยายตัว และการเปลี่ยนแปลงของสังคม และ ๓) ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เป้าหมายการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ กระทรวงคมนาคมได้กำหนดเป้าหมายสัดส่วน ปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางต่อปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งหมด เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ ๔ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนการขนส่งทางรางอยู่ที่ร้อยละ ๑.๔๔ (กรมการขนส่งทางราง, ๒๕๖๕) และมีเป้าหมาย ร้อยละ ๗ ในปี พ.ศ. ๒๕๗๐ ร้อยละ ๘ ในปี พ.ศ. ๒๕๗๕ และ ร้อยละ ๑๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๘๐ ๒. สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ( Inland Container Depot หรือ ICD (ไอซีดี)) ลาดกระบัง (สถานีฯ) ได้รับการเสนอแนะจากผลการศึกษาขององค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ แห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA: Japan International Cooperation Agency) เมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๒ เกี่ยวเนื่องกับ ระบบการขนส่งสินค้ากล่องเชื่อมต่อกับท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) เพื่อสนับสนุนการนำเข้าและส่งออก ของประเทศและการเติบโตของท่าเรือแหลมฉบังต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๓๒ และวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๓๓ ตามลำดับ ให้ความเห็นชอบในหลักการของโครงการและมีมติเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๓๔อนุมัติให้มีการเวนคืนที่ดินในเขตลาดกระบังเพื่อก่อสร้างสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง(ไอซีดี) โดยรัฐได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตลาดกระบังกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๓๔ และได้เวนคืนที่ดินจำนวน ๖๔๕ ไร่ โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยได้จ้างบริษัท TRANSMARK/Asian Engineering Consultants (AEC) เป็นบริษัทวิศวกรที่ปรึกษาให้ทบทวนรายงาน การศึกษาของ JICA รวมทั้งเสนอแนวรูปแบบเบื้องต้นรูปแบบการจัดการและการจัดวางระบบ การบริหาร ICD ลาดกระบัง (การรถไฟแห่งประเทศไทย, ๒๕๖๖) การก่อสร้าง แบ่งเป็น ๒ ระยะ ได้แก่ ระยะที่ ๑ ประกอบด้วย อาคารและสิ่งปลูกสร้างสถานีA และสิ่งปลูกสร้างส่วนกลาง ซึ่งได้แก่ ถนน อาคารสำนักงาน การติดตั้งระบบสาธารณูปโภค และงานวางรางรถไฟบางส่วน เริ่มก่อสร้างวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์๒๕๓๗ ก่อสร้างแล้วเสร็จวันที่ ๙ กุมภาพันธ์๒๕๓๘ ระยะที่ ๒ ประกอบด้วย อาคารและสิ่งปลูกสร้างสถานีB - F (๕ สถานี) ถนนรอบโครงการ สิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ และงานวางรางรถไฟที่เหลือ เริ่มก่อสร้างวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๓๗ แล้วเสร็จวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๓๘ ค่าลงทุนก่อสร้าง : เงินงบประมาณรวม ๒,๙๔๓.๕๔๓ ล้านบาท สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ได้ถูกออกแบบไว้เพื่อรองรับปริมาณ คอนเทนเนอร์ปีละประมาณ ๖๐๐,๐๐๐ ทีอียูและในปีพ.ศ. ๒๕๕๑ สถานีฯ ได้รับการพัฒนา และปรับปรุงขีดความสามารถในการให้บริการ ทำให้สามารถรองรับตู้สินค้าได้ถึงปีละประมาณ ๑.๔ ล้านทีอียู โดยปริมาณตู้คอนเทนเนอร์มากกว่าร้อยละ ๙๕ ที่ผ่านสถานีฯ มีจุดต้นทางและปลายทางที่ท่าเรือแหลมฉบัง (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร, ๒๕๖๑) การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการสรรหาผู้ประกอบการฯ เพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการ สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๓๙ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วย การให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้รับสัมปทาน จำนวน ๖ รายการ ได้แก่


๗ ๑)สถานี A บริษัท สยามชอร์ไซด์ เซอร์วิส จำกัด ๒) สถานี B บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด ๓) สถานี C บริษัท เอเวอร์กรีนคอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด ๔) สถานี D บริษัท ทิฟฟ่า ไอซีดี จำกัด ๕)สถานี E บริษัท ไทย ฮันจิน โลจิสติกส์ จำกัด ๖)สถานี F บริษัท เอ็น.วาย.เค. ดิสทริบิวชั่น เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด โดยสัญญาสัมปทานฯ ในช่วงแรก เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ และสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๙ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ทำสัญญาสัมปทานการดำเนินงานสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง กับผู้ประกอบการทั้ง ๖ สถานี เป็นการต่ออายุสัญญาออกไปอีก ๕ ปี เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ โดยสัญญามีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๔๙ และสิ้นสุดสัญญาวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๔ (การรถไฟแห่งประเทศไทย, ๒๕๖๖) ปริมาณตู้สินค้านำเข้าและส่งออกผ่านสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ - ๒๕๖๕ มีจำนวน ๓๐,๑๙๑,๓๐๖ ทีอียูตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นต้นไป สถานีบรรจุ และแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง มีปริมาณสินค้าขนส่งผ่านสถานี มากกว่า ๑ ล้านทีอียู จนถึงปัจจุบัน โดยช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๙ - ๒๕๔๓ เป็นช่วงที่มีสัดส่วนการขนส่งโดยรถไฟมากที่สุดถึงร้อยละ ๕๑.๒ และในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงปัจจุบัน ปริมาณสัดส่วนการขนส่งโดยรถไฟเฉลี่ยน้อยกว่าร้อยละ ๓๐ (การรถไฟ แห่งประเทศไทย, ๒๕๖๖) ๓. รายละเอียดปัญหาสัญญาสัมปทาน สัญญาสัมปทานบริหารสถานีฯ ได้หมดอายุสัญญาไปแล้วเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จากนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการคัดเลือกผู้รับสัมปทานสถานีฯ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ (การรถไฟแห่งประเทศไทย, ๒๕๖๖) ๑. การเสนอโครงการ (การดำเนินการก่อนมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖) การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการศึกษาโครงการและคัดเลือกผู้รับสัญญาสัมปทาน อย่างต่อเนื่อง โดยมีหนังสือถึงประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๔ แจ้งว่าในการบริหารการจัดการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ ตอบแทนจากโครงการสถานีฯ ไอซีดีลาดกระบังมากขึ้น การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงมีแนวคิด ที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินงานของสถานีฯ ไอซีดีที่ลาดกระบัง โดยการรถไฟ แห่งประเทศไทยจะเป็นผู้ประกอบการเองโดยจ้างผู้ประกอบการเอกชนเป็นผู้ดำเนินการบริหาร และเห็นสมควรนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้พิจารณาความเห็นชอบในเรื่องการต่ออายุสัญญา ออกไปก่อนอีก ๑ ปีโดยใช้อัตราค่าธรรมเนียมสัญญาสัมปทานฯสุดท้ายที่เรียกเก็บอยู่และคณะกรรมการรถไฟ แห่งประเทศไทยได้พิจารณาหนังสือของการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่ การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอให้นำเรื่องเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการ ดำเนินการ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการเอง โดยวิธีจ้างเอกชนเป็นผู้บริหารจัดการสถานี บรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง ทั้งนี้ให้ดำเนินการสรรหาผู้ประกอบการเอกชนโดยพิจารณา


๘ จากแผนการทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการนำเสนอในการบริหารจัดการตู้สินค้า และทำรายได้ให้การรถไฟ แห่งประเทศไทยสูงสุดตามผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือที่ ๑/๑๓๐๐/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๔ ถึงปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อขอความเห็นชอบรายงานผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี และเสนอขอให้กระทรวงคมนาคมจัดส่งให้กระทรวงการคลังใช้เป็นข้อมูล ประกอบการพิจารณา เมื่อกระทรวงการคลังเห็นด้วยกับโครงการจ้างเอกชนเป็นผู้บริหารจัดการสถานี บรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ก็จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาและดำเนินการ ตามกฎหมายต่อไป กระทรวงคมนาคมมีหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรีลงวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เพื่อขออนุมัติเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารจัดการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง จากการให้สัมปทานกับผู้ประกอบการสถานีไอซีดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วม หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นการรถไฟแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้ประกอบการสถานีไอซีดี ที่ลาดกระบังเอง โดยจ้างเอกชนเป็นผู้บริหารจัดการสถานีฯ ต่อมา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มีหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรีลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แจ้งข้อพิจารณา เห็นว่า ตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทยขออนุมัติเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารจัดการไม่มีรูปแบบการดำเนิน โครงการที่ชัดเจน และหากดำเนินการเป็นที่ยุติอย่างใดแล้วก็สามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบได้ กระทรวงคมนาคมมีหนังสือบันทึกลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ แจ้งให้ การรถไฟแห่งประเทศไทยทราบ ต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือที่ ๑/๒๖๙/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยเรื่อง ขออนุมัติดำเนินการสรรหาเอกชนให้เข้ารับ สัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง โดยให้คงรูป แบบเดิมที่ให้เอกชนเป็นผู้รับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง เพื่อจัดส่งให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป และการรถไฟแห่งประเทศไทย มีหนังสือถึงประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เรื่องขออนุมัติ ดำเนินการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง(เพิ่มเติม) โดยขอความเห็นชอบรายงานของกลุ่มที่ปรึกษาฯ บริษัท นิวเอสเซท แอดไวเซอร์รี่ จำกัด และบริษัท พีซีบีเค อินเตอร์เนชั่นแนล และ รายงานการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อจัดส่งให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการ รถไฟแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบรายงานผลการศึกษาในการประชุมคณะกรรมการรถไฟ แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์๒๕๕๕ อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการสรรหาฯ ตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาแล้วเห็นว่ารูปแบบการให้สัมปทานเช่นเดิมแต่ให้เหลือน้อยราย จะเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้ประกอบการเอง การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือถึงกระทรวงคมนาคม ลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ขออนุมัติดำเนินการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ตามผลการศึกษาของกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา บริษัทนิวแอสเซท แอดไวเซอรี่ จำกัด และบริษัท พีซีบีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในรูปแบบสัมปทานเดิม (แข่งขันเสนอราคา) และคงจำนวนผู้ประกอบการ ๖ ราย ตามเดิม และมีหนังสือลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ เสนอข้อมูล


๙ เพิ่มเติม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการ สรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง บนพื้นฐานของวิธีการ Tendering (แข่งขันลดราคาค่าบริการ) โดยจัดตั้งคณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ แห่ง พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ ปี๒๕๓๕ เพื่อดำเนินการคัดเลือกตามขั้นตอนของกฎหมาย ในขั้นตอนนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการสรรหา ผู้รับสัมปทานสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง จากเดิม “แข่งขันเสนอราคา และคงจำนวนผู้ประกอบการ ๖ รายตามเดิม” เป็น “วิธีการ Tendering คือ แข่งขันลดราคค่าบริการ” กระทรวงการคลังมีหนังสือด่วนที่สุด ที่กค ๐๘๐๗.๑/๑๕๘๔๖ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๖ ไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขออนุมัติดำเนินการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการ สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ไอซีดีที่ลาดกระบังของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยมีความเห็นดังนี้ ๑. การพิจารณาโครงการต้องนำหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชน เข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาใช้ภายใต้หลักการตามมาตรา ๖ ของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒. การดำเนินกิจกรรมตามโครงการนี้มีภารกิจหลักในการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางรถไฟสู่ท่าเรือแหลมฉบังเพื่อลดบทบาทการขนส่งทางถนน โดยกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทยจะกำหนดเงื่อนไขในการดำเนินงานให้ผู้รับสัมปทานไอซีดีต้องใช้การขนส่ง ทางรถไฟระหว่างท่าเรือแหลมฉบังและไอซีดีลาดกระบัง ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ในอัตราค่าบริการที่ต่ำ เป็นสาระสำคัญที่คณะกรรมการคัดเลือกผู้รับสัมปทานจะใช้ในการพิจารณาฯ ๓. จากการพิจารณาข้อมูลที่เกี่ยวข้องจึงเห็นสมควรนำเสนอโครงการสรรหาเอกชน เพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการไอซีดีให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยมอบหมายให้คณะกรรมการ คัดเลือกตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.๒๕๕๖ เป็นผู้พิจารณา ในรายละเอียดอย่างชัดเจนและครบถ้วน ภายใต้หลักการของการให้ผู้รับสัมปทานร่วมลงทุน ในกิจการของรัฐตามมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่เน้นประสิทธิภาพ ประโยชน์และความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรของรัฐต่อเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความโปร่งใสในการดำเนินการและการแข่งขันอย่างเป็นธรรมระหว่างผู้รับสัมปทาน ที่ประสงค์จะเข้าร่วมลงทุน รวมทั้ง การจัดสรรความเสี่ยงที่เหมาะสมของโครงการและสิทธิประโชน์ ของผู้รับบริการและผู้ให้บริการเป็นสำคัญ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ และกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีหนังสือเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาไปยังเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ อนุมัติในหลักการ ของโครงการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการของโครงการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการ สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง(ไอซีดี) ที่ลาดกระบังของการรถไฟแห่งประเทศไทยและให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) ดำเนินการต่อไปตามหมวด ๒ แห่ง พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ ปี๒๕๓๕ จนกว่า


๑๐ จะแล้วเสร็จ ส่วนการดำเนินการขั้นต่อไปให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุน ในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้การรถไฟ แห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณา ประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. การพัฒนาระบบการขนส่งทางรางและการบริหารจัดการการขนส่งสินค้าและตู้สินค้า ให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และครบวงจร จะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการขนส่งได้มาก และจะทำให้ประชาชนและผู้รับสัมปทานเลือกใช้บริการจากระบบการขนส่งทางรางมากยิ่งขึ้น จึงขอให้ กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับความเห็นดังกล่าวไปเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. การดำเนินโครงการ (การดำเนินการหลังมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖) การรถไฟแห่งประเทศไทยมีคำสั่งเฉพาะแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อดำเนินการ สรรหาผู้รับสัมปทานสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง (คณะกรรมการคัดเลือก คณะที่ ๑) โดยคณะกรรมการคัดเลือกมีมติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจ้างที่ปรึกษาทำการศึกษาเพิ่มเติม ประกอบการพิจารณา ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ทำการว่าจ้างสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษา แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศึกษาข้อดีข้อเสีย การกำหนดเงื่อนไข และวิธีการประมูลโดยใช้การแข่งขัน เสนอราคาค่าบริการต่ำที่สุดเป็นเกณฑ์ในการตัดสินคัดเลือกหาผู้ชนะการประมูลที่ไอซีดีลาดกระบัง เพื่อเป็น ข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือก ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกได้พิจารณาแล้ว เพื่อให้โครงการเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ คณะกรรมการคัดเลือก จึงพิจารณากำหนดแนวทางในการดำเนินโครงการ และได้มีประกาศเชิญชวนผู้ยื่นข้อเสนอ “ร่วมลงทุน” โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ตามประกาศเชิญชวน ฉบับเลขที่คน.๑/๒๑๓/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ กำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์ในการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยก สินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง คณะกรรมการคัดเลือกมีมติกำหนดให้ผู้ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุน ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุน ในวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เมื่อถึงวันเวลาตามกำหนดปรากฏว่ามีผู้สนใจยื่นข้อเสนอ ร่วมลงทุนโครงการจำนวน ๓ ราย ได้แก่ ๑) บริษัท คอนเทนเนอร์ดีโป้กรุงเทพ จำกัด ๒) กิจการร่วมค้า อาร์ซีแอล แอนด์แอทโซซิเอทส์ ๓) กิจการร่วมค้า เอ แอล จี(ประเทศไทย) ต่อมาเกิดปัญหาด้านกระบวนการคัดเลือกผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง เนื่องจากด้วยปรากฏว่า มีกระบวนการดำเนินการที่ผ่านมาบางส่วนและที่จะต้อง ดำเนินการต่อไปมีความไม่สมบูรณ์ในกระบวนการ เป็นเหตุให้การดำเนินการตามประกาศเชิญชวนฯ ต่อไป อาจไม่เป็นไปตามหลักการของความโปร่งใสในกระบวนการตัดสินที่เกี่ยวข้องตามาตรา ๖ (๔) แห่ง พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ จึงอาศัยเงื่อนไขตามข้อ ๑๒.๓ ตามประกาศเชิญชวนผู้ยื่นข้อเสนอ “ร่วมลงทุน”โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการ สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ฉบับเลขที่ คน.๑/๒๑๓/๒๕๕๘


๑๑ ลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกได้สงวนสิทธิยกเลิกประกาศเชิญชวนฯ ไว้ คณะกรรมการคัดเลือกจึงเห็นว่าเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น จึงไม่สมควรดำเ นินการ ในขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการคัดเลือกจึงให้ยกเลิกประกาศเชิญชวนฯ เลขที่ คน.๑/๒๑๓/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ จากปัญหาดังกล่าว การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๐ หารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ถึงแนวทางการดำเนินโครงการต่อไป สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมีหนังสือ ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์๒๕๖๐ ตอบข้อหารือ ของการรถไฟแห่งประเทศไทยสรุปความว่า กรณีคณะกรรมการคัดเลือกยกเลิกประกาศเชิญชวน และการรถไฟแห่งประเทศไทยในฐานะเจ้าของโครงการยังมีความประสงค์ดำเนินโครงการตามที่คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติไว้ต่อไป ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนในหมวด ๕ โดยเริ่มจากจัดทำร่างประกาศ เชิญชวน ร่างขอบเขตของโครงการและร่างสัญญาร่วมลงทุน ตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชน ร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีคำสั่งเฉพาะที่ก.๗๔/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๑ แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกชุดใหม่ ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกชุดที่ ๒ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ควรดำเนินโครงการตามเงื่อนไขประกาศเชิญชวนและขอบเขตโครงการเดิม เนื่องจากเป็นการ ดำเนินการตามขั้นตอนตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.๒๕๕๖ ครบถ้วน ถูกต้องแล้ว ประกอบกับการที่ศาลปกครองกลางได้มีคำวินิจฉัยว่า กระบวนการออกประกาศเชิญชวน ผู้ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง เลขที่ คน.๑/๒๑๓/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ นั้น ได้ดำเนินการ ตามขั้นตอนที่กำหนดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.๒๕๕๖ จึงมีประกาศเชิญชวน ผู้ยื่นข้อเสนอ “ร่วมลงทุน” โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุ และแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ฉบับลงวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๑ และดำเนินการตามกระบวนการ จนเสร็จสิ้น กระบวนการยื่นซองเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีผู้ร้องเรียนแต่อย่างใด ตามประกาศคณะกรรมการ คัดเลือกฉบับลงวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ประกาศผลให้กิจการร่วมค้า เอ แอล จี(ประเทศไทย) เป็นผู้ชนะการแข่งขันเสนอราคาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุ และแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง และตามหนังสือรายงานผลการดำเนินการคณะกรรมการ คัดเลือกโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ที่ รฟ.รวศ.๑๐๐๐/๑๑/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์๒๕๖๒ ที่นำส่งไปยังสำนักงาน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ พร้อมทั้งนำส่งร่างสัญญาให้อัยการสูงสุดพิจารณาตามหนังสือ ที่ รฟ.รวศ.๑๐๐๐/๑๒/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามมาตรา ๔๐ แห่ง พรบ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ สำนักงานอัยการสูงสุดมีหนังสือ ที่ อส ๐๐๐๕/๒๙๙๘ ลงวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีว่าร่างสัญญาที่ รฟท. เสนอมานี้ได้ยกร่างขึ้น โดยมีสาระสำคัญสอดคล้องกับสัญญาสัมปทานเดิมซึ่งผ่านการตรวจพิจารณาจากอัยการสูงสุดแล้ว โดยมีความแตกต่างในบางประเด็นเพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ของ รฟท. ซึ่งได้ตรวจพิจารณา


๑๒ และยกร่างให้ใหม่โดยมีข้อสังเกต ให้รฟท. พิจารณาความพร้อมในการส่งมอบพื้นที่ การค้ำประกัน ของบริษัททุกรายในกิจการร่วมค้า ทบทวนวงเงินหลักประกันสัญญาและภาคผนวกต่าง ๆ กระทรวงคมนาคม มีบันทึกลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย เสนอความเห็นเพิ่มเติมชี้แจงในแต่ละประเด็นตามหนังสือของ สคร. เลขที่ กค ๐๘๒๐.๒/๑๒๔๐ ลงวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๒ เรื่องความเห็นสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.๒๕๕๖ โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุน เป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังซึ่ง รฟท. ได้มีหนังสือเลขที่ รฟ.๑/๖๖๘/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๒ ชี้แจงในประเด็นข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย รัฐวิสาหกิจและมีหนังสือเลขที่รฟ.๑/๗๗๖/๒๕๖๒ลงวันที่ ๑๘ เมษายน๒๕๖๒ถึงรัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม เสนอรายงานผลการดำเนินการโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุ และแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง และต่อมามีหนังสือเลขที่ รฟ.๑/๙๓๑/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ถึงรัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วม ลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง กระทรวงการคลังมีหนังสือ ที่ กค ๐๘๑๗.๑/๘๑๙๑ ลงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ให้ความเห็นว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมกิจกรรมการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟสู่ท่าเรือแหลมฉบัง และลดบทบาทการขนส่งทางถนนลง (Shift Mode) อันมีผลต่อการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประกอบกับคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๕ ได้ดำเนินการครบถ้วนตามขั้นตอนที่พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ พร้อมทั้งได้ชี้แจงในประเด็นข้อสังเกตต่าง ๆ ครบถ้วนแล้ว สำนักงบประมาณมีหนังสือที่ นร ๐๗๒๐/๗๑๗ ลงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ให้ความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ อนุมัติหลักการของโครงการสรรหา เอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลังดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติการ พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.๒๕๕๖ แล้ว จึงเห็นสมควรที่คณะรัฐมนตรี จะรับทราบผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาสัมปทาน. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีหนังสือที่ ที่ นร ๐๙๐๓/๑๕๕ ลงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ให้ความเห็นว่า คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุน ในกิจการของรัฐ พ.ศ.๒๕๕๖ ได้เสนอผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุน ของโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ได้เสนอความเห็นเกี่ยวกับผลการคัดเลือก และภาระการเงินการคลังภาครัฐต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตรวจพิจารณาร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการเจรจากับเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกให้ร่วมลงทุนแล้ว จึงเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา ๔๐ และมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖


๑๓ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีหนังสือที่ นร ๑๑๐๖/๒๙๔๓ ลงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ให้ความเห็นว่า ข้อเสนอในครั้งนี้เป็นการเสนอผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุนเป็นผู้ประอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ระยะเวลาสัมปทาน ๒๐ ปี ของ รฟท. เนื่องจากสัญญาสัมปทานเดิมได้สิ้นสุดตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ และที่ผ่านมา รฟท. ได้ให้ผู้ประกอบการรายเดิมให้บริการจนถึงปัจจุบันโดยไม่มีการปรับปรุงสาธารณูปโภค แต่อย่างใด เนื่องจากรอความชัดเจนจากสัมปทานครั้งใหม่ ซึ่งการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการฯ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรถไฟและสนับสนุนการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า (Shift Mode) รวมทั้งมีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี ที่กำหนดให้มีการพัฒนาระบบรางให้เป็นโครงข่ายหลักในการเดินทางและขนส่งสินค้า ของประเทศ อย่างไรก็ดีเนื่องจากร่างสัญญาฯ ในส่วนของอายุสัญญา กรอบวงเงินลงทุน และค่าเช่า ใช้พื้นที่ อัตราค่าบริการรวมทั้งประมาณการปริมาณตู้สินค้าทางรถไฟที่แตกต่างจากรายงาน การศึกษาวิเคราะห์ความเหมาะสมของรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนของโครงการฯ ที่ รฟท. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเมื่อปี ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นผลการเจรจาต่อรองกับภาคเอกชน ดังนั้น จึงเห็นควรให้ รฟท. จัดทำข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อมูลทางการเงินที่ได้ปรับให้เป็นปัจจุบันและอัตราค่าบริการที่ แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของโครงการที่จะสามารถสนับสนุนให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง สินค้าจากถนนสู่ราง (Modal Shift) เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และหากคณะรัฐมนตรี พิจารณาแล้วเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการฯ ดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการให้บริการ ขนส่งสินค้าทางรถไฟของผู้ใช้บริการโลจิสติกส์ (LSP) รายอื่น ๆ ก็สามารถดำเนินการตามขั้นตอน ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน สำนักงานคณะกรรมการนโยบาย รัฐวิสาหกิจ มีหนังสือที่ กค ๐๘๒๐.๒/๒๘๖๒ ลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ให้ความเห็นว่า ประธาน กรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการนโยบายฯ ได้มีความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือก เพื่อดำเนินการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ได้ดำเนินการเจรจาพิจารณาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน และได้เสนอผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนที่ได้รับคัดเลือกให้ร่วมลงทุนดังกล่าวต่อรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาเสนอความเห็นประกอบเรื่องทั้งหมดแล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา ตามที่กำหนดในมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ (พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ปี๒๕๕๖) โดย สคร. ได้เสนอความเห็นเกี่ยวกับผลการคัดเลือกเอกชนและภาระการเงินการ คลังภาครัฐ และสำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการเจรจากับเอกชน ที่ได้รับการคัดเลือกให้ร่วมลงทุน แจ้งต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตามที่กำหนดในมาตรา ๔๐ แห่ง พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ปี๒๕๕๖ แล้ว ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๖๘ (๑)แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ (พระราชบัญญัติร่วมลงทุนฯ- ปี๒๕๖๒) ที่กำหนดให้โครงการ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามหมวด ๕ แห่งพระราชบัญญัติร่วมลงทุนฯ ปี๒๕๕๖ ในวันที่ พระราชบัญญัติร่วมลงทุนฯ- ปี๒๕๖๒ ใช้บังคับและเป็นโครงการภายใต้บังคับพระราชบัญญัติร่วมลงทุนฯปี๒๕๖๒ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามบทบัญญัติในหมวดดังกล่าวต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ


๑๔ และให้ดำเนินการขั้นตอนต่อไปตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติร่วมลงทุนฯ- ปี๒๕๖๒ ทั้งนี้ ขอให้ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป คณะรัฐมนตรีมีมติในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามหนังสือกระทรวงคมนาคม ด่วนที่สุด ที่ คค (ปคร.) ๐๒๐๘/๑๖๕ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เสนอผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการสรรหาเอกชนเพื่อรับ สัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ของการรถไฟ แห่งประเทศไทย โดยคณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาจัดทำรายงานการศึกษา และวิเคราะห์โครงการให้เป็นไปตามนัยของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน รวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน โดยให้มีการศึกษาข้อมูลตามความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งความเห็นเพิ่มเติมของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังและเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาประกอบการดำเนินการ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. การดำเนินการหลังมติคณะรัฐมนตรี วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย รัฐวิสาหกิจ หารือแนวทางการดำเนินการโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการ สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง เพื่อให้สามารถดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และมีหนังสือรายงานกระทรวงคมนาคม เรื่องรายงานสรุปผล การดำเนินการโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ตามลำดับ กระทรวงคมนาคมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกัน ๔ ครั้ง จนในที่สุดเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ที่ประชุมมีมติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์ โครงการฯ รวมทั้งขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ตามนัยกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดยให้ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในรายละเอียดถึงขั้นตอนที่ถูกต้อง และพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาในระหว่างที่รอการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย รัฐวิสาหกิจขอนำเสนอปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่เกิดขึ้นในโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีฯ ต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชนวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว หลังจากนั้น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค ๐๘๒๐.๒/๒๔๙๒ ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เรื่องปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.๒๕๖๒ ที่เกิดขึ้น โดย สคร. แจ้งว่าคณะอนุกรรมการ ด้านกฎหมายได้พิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นในโครงการฯ แล้ว และมีมติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยหารือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และการเสนอ ความเห็นว่าโครงการฯ ได้ดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔๐ และมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติร่วมลงทุนฯ- ปี๒๕๕๖ แล้ว การที่ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒


๑๕ จะสามารถถือว่าเป็นกรณีที่ ครม. ไม่เห็นด้วย โดยให้ส่งเรื่องคืนรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดเพื่อแจ้ง คณะกรรมการคัดเลือกพิจารณาทบทวนตามมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติร่วมลงทุนฯ ปี๒๕๕๖ หรือไม่ หากมิได้เป็นการดำเนินการตามมาตรา ๔๒ จะถือว่าการที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ กระทรวงคมนาคมรับไปดำเนินการโดยถือเป็นการใช้อำนาจในทางบริหารราชการแผ่นดินในฐานะ องค์กรฝ่ายบริหารใช่หรือไม่ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย รัฐวิสาหกิจ ที่ รฟ ๑/๑๒๒๑/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ เรื่องปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่เกิดขึ้นในโครงการสรรหา เอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง โดยเสนอข้อเท็จจริงเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายฯ ในการวินิจฉัยปัญหา การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติร่วมทุนฯ ปี๒๕๖๒ เกี่ยวกับการวินิจฉัย ว่าการจัดทำร่างสัญญา ร่วมลงทุนและการเจรจากับเอกชนผู้ร่วมลงทุนของโครงการฯ ได้ดำเนินการให้อยู่ภายใต้กรอบ และหลักการของมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนแล้วหรือไม่ และการรถไฟ แห่งประเทศไทย มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคมลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ เรื่องรายงาน ความก้าวหน้าการดำเนินการโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุ และแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง และรายงานข้อเท็จจริงกรณีการเสนอโครงการฯ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเชิญการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมประชุมพิจารณาเรื่องร้องเรียน กรณีโครงการ สรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังล่าช้า และได้มีการร่วมประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันศุกร์ที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ณ สำนักงาน ผู้ตรวจการแผ่นดิน และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีหนังสือ ที่ ผผ ๐๙/๒๒๑๖ ลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๓ โดยสรุปความว่า มอบหมายให้ทั้ง ๓ หน่วยงาน นำความเห็นของประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยให้แต่ละหน่วยงานประสานงานซึ่งกันและกันแล้วแจ้งผล การดำเนินการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบ ทั้งนี้ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอความเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่กรณีที่คณะรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยกับการดำเนินโครงการที่ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ซึ่งจะต้อง ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ แต่อย่างใด แต่เป็นกรณี ให้นำกลับไปพิจารณาทบทวนตามมาตรา ๔๒ และให้นำมาตรา ๔๐ และ มาตรา ๔๑ มาใช้โดยอนุโลม ซึ่งมีความมุ่งหมายให้ต้องนำไปดำเนินการตามขั้นตอนและกรอบระยะเวลาที่กำหนด และในการที่จะเสนอ ผลการคัดเลือกเอกชนต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งก็ต้องดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกา หรือหน่วยงานผู้เสนอความเห็นให้ครบถ้วน และต้องนำเสนอถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุ ให้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการในด้านภาระการลงทุน ด้านลดค่าบริการ และอายุสัญญา อันจะทำให้เห็นว่ามีความคุ้มค่าและรัฐได้ประโยชน์ ต่อคณะรัฐมนตรีด้วย อีกทั้งหากจะเริ่มดำเนิน โครงการใหม่ต้องประกาศเชิญชวนและคัดเลือกผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจถูก ฟ้องร้องต่อศาลได้ และรัฐอาจเสียประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการที่ล่าช้าออกไปอีก ซึ่งหาก พิจารณาหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบความเห็นของคณะรัฐมนตรี


๑๖ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยมีความเห็นว่า “..เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน ที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา ๔๐ และ มาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุน ในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ แต่เนื่องจากได้มีการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุน ในกิจการของรัฐ ตามมาตรา ๖๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้กำหนดให้โครงการซึ่งอยู่ในระหว่างขั้นตอนตามกฎหมายเดิม ต้องดำเนินการขั้นตอน ดังกล่าวต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงอาจพิจารณาผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุนตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอได้” จากความเห็นดังกล่าว จึงเห็นว่าคณะรัฐมนตรี อาจพิจารณาขั้นตอนนี้ต่อไปได้โดยไม่ต้องเสนอโครงการใหม่ หลังจากนั้น คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน สำนักงาน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มีหนังสือตอบข้อหารือเกี่ยวกับปัญหาการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่เกิดขึ้นในโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุน เป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง การทำความเข้าใจมติ คณะรัฐมนตรีมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายและอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายฯ ดังนั้น กรณีโครงการฯ จึงเป็นเรื่องที่ รฟท. ต้องรับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ รฟท. ที่มีอยู่ จึงให้ส่งเรื่องคืน รฟท. รวมถึงรับทราบความเห็นของประธานผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ ๑/๒๔๐๘/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง รายงานความเป็นมาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุน เป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง และมีหนังสือถึงสำนักงาน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่ รฟ ๑/๒๕๙๕/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๓ เรื่อง ปัญหา เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่เกิดขึ้น ในโครงการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง โดยขอปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำจาก สคร. เกี่ยวกับการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ๖๒ ตามมาตรา ๒๑ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการร่วมทุนฯ ในกรณีของการดำเนินการคัดเลือกเอกชนของ โครงการฯ ขั้นตอนต่อไป รวมถึงการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโครงการฯ ว่าจะดำเนินการตาม หลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการร่วมทุนฯ ใช่หรือไม่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มีหนังสือ ที่ กค ๐๘๒๐.๒/๗๑๖๘ ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ เรื่อง ปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่าง รัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่เกิดขึ้นในโครงการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการ สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง สคร. พิจารณาแล้วขอเรียนว่า เนื่องจาก โครงการฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการตามหมวด ๕ แห่งพระราชบัญญัติร่วมลงทุนฯ ปี ๒๕๕๖ ในวันที่ พ.ร.บ. การร่วมลงทุนฯ ปี ๒๕๖๒ ใช้บังคับและเป็นโครงการภายใต้บังคับพระราชบัญญัติร่วมลงทุนฯ ปี ๒๕๖๒ โครงการฯ จึงเข้าข่ายดำเนินการตามบทเฉพาะกาลมาตรา ๖๘ (๑) แห่งพ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ปี ๒๕๖๒ ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามบทบัญญัติในหมวด ๕ แห่ง พระราชบัญญัติร่วมลงทุนฯ ปี ๒๕๕๖ ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ


๑๗ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีหนังสือที่ ผผ ๐๙๐๓/๑๔๗ ลงวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔ เรื่อง แจ้งผลวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะ ต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการดังต่อไปนี้ ๑. ให้กระทรวงคมนาคมเสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการเพิ่มเติมที่ได้ ดำเนินการไปแล้วต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและมีความเห็นให้แก้ไขหรือยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ในส่วนการศึกษาและวิเคราะห์โครงการเพิ่มเติม ตามมาตรา ๔ (๙) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ.๒๕๔๘ ๒. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และกระทรวงคมนาคม ดำเนินการดังนี้ ๒.๑ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย เสนอร่างสัญญาร่วมลงทุนต่อคณะกรรมการ คัดเลือกพิจารณาทบทวนให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และความเห็น ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินการต่อไป ตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้อง ต่อรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดและส่งร่างสัญญาร่วมลงทุนให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา ตามมาตรา ๔๐ (๑) และ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.๒๕๕๖ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาเสนอความเห็นประกอบเรื่องทั้งหมดแล้ว นำเสนอผลการพิจารณาต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตัดสินชี้ขาด ตามมาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.๒๕๕๖ ทั้งนี้ในการดำเนินการตามคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะให้หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐประสานงานซึ่งกันและกัน และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑๒๐ วัน นับแต่วันที่ ได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย เว้นแต่ไม่อาจดำเนินการได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ นั้นแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบภายในกำหนดเวลาดังกล่าว เพื่อปรึกษาหารือร่วมกันแก้ไขปัญหา อุปสรรคดังกล่าวต่อไป และขอให้รายงานผลการดำเนินการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบด้วย การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ๑/๘๒๖/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เรื่อง รายงานเพิ่มเติมความเป็นมาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อรับ สัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ชี้แจงแนวทาง การดำเนินการสรรหาเอกชนรายใหม่ และแนวทางการบริหารจัดการผู้ประกอบการรายเดิม การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ๑/๑๐๑๓/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๔ เรื่อง รายงานเพิ่มเติมความเป็นมาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทาน เป็นผู้ประกอบการสถานีฯ ประจำเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ รายงานเพิ่มเติมจะดำเนินการตามที่ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีหนังสือที่ ผผ ๐๙๐๓/๑๔๗ ลงวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔ ซึ่งผู้ตรวจการ แผ่นดินได้มีคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป คณะกรรมการคัดเลือกได้มีการประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๔ เพื่อพิจารณาตามเรื่องของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ ผผ ๐๙๐๓/๑๔๗ ลงวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔ เรื่องแจ้งผลวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะ


๑๘ ต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอร่างสัญญาร่วมลงทุน ต่อคณะกรรมการคัดเลือกพิจารณาทบทวนให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เพื่อดำเนินการต่อไป ตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าต้องดำเนินการให้กระทรวงคมนาคมเสนอผลการศึกษา และวิเคราะห์โครงการเพิ่มเติมที่ได้ดำเนินการไปแล้วต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและมีความเห็นให้แก้ไข หรือยกเว้นการปฏิบัติตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ในส่วนการศึกษา และวิเคราะห์โครงการเพิ่มเติม ตามมาตรา ๔ (๙)แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุม คณะรัฐมนตรี พ.ศ.๒๕๔๘ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ ๑/๑๒๕๐/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๔ เรื่อง ผลการพิจารณาการดำเนินการโครงการสรรหาเอกชนเพื่อรับ สัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ตามคำวินิจฉัย และข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินลงวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔ นำส่งรายงานโครงการศึกษา ข้อดี- ข้อเสีย การกำหนดเงื่อนไขและวิธีการประมูลโดยใช้การแข่งขันเสนอราคาค่าบริการต่ำสุด เป็นเกณฑ์การตัดสินคัดเลือกหาผู้ชนะการประมูลที่ไอซีดี ลาดกระบัง โดยสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษา แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีคำวินิจฉัย และข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป กระทรวงคมนาคมเชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (อส. สคก. สลค. สงป. สศช. สคร. สนข. รฟท. และสปค. (กม. และ กยผ.) ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔ โดยที่ประชุมมีมติ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดส่งรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ (เพิ่มเติม) ที่ได้เสนอ กระทรวงคมนาคมพิจารณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สคร. สงป. สศช.) พิจารณารายละเอียดเบื้องต้นด้วย การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือที่ รฟ ๑/๑๖๕๑/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เรื่องนำส่งผลการพิจารณากำหนดรายละเอียดข้อมูลที่สำคัญของคณะกรรมการคัดเลือกโครงการสรรหา เอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีฯ โดยนำส่งรายงานต่างๆ ต่อหน่วยงานของรัฐ ที่เกี่ยวข้อง (สนข. สคร. สงป. สศช.) พิจารณา กระทรวงคมนาคมได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สคก. สศช. สคร. สนข. รฟท. และ สปค. (กม. และ กยผ.) เข้าร่วมประชุมเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนิน โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้มีมติให้ การรถไฟแห่งประเทศไทยรับไปพิจารณาตามที่กระทรวงคมนาคมมีข้อสังเกตุในประเด็นรายละเอียด ด้านกฎหมาย โดยมีระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน การรถไฟแห่งประเทศไทย มีหนังสือถึง ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ ๑/๒๒๗๕/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ เรื่อง รายงานการตรวจสอบตรวจสอบข้อกฎหมายและพิจารณาแนวทาง การดำเนินโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย


๑๙ คณะทำงานตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการ สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔ โดยมีมติที่ประชุมว่า หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่ในการการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยหากกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่าง ๆอย่างรอบด้านแล้ว เห็นว่าการดำเนินการสรรหาเอกชนในโครงการฯ ที่ผ่านมา เป็นไปตามกฎหมาย กฎ คำสั่ง มติคณะรัฐมนตรี หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานแล้ว ก็สามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามข้อเสนอแนะ ของผู้ตรวจการแผ่นดินได้และในกรณีที่พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่อาจดำเนินการตามข้อเสนอแนะได้ ไม่ว่าเหตุผลใดก็ต้องดำเนินการตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีหนังสือถึง การรถไฟแห่งประเทศไทยที่ ผผ ๐๙๐๑/ ๒๐๐๐ ลงวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๔ เรื่องเร่งรัดการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย มีหนังสือถึง ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ ๑/๒๖๒๕/ ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๔ เรื่อง รายงานผลการพิจารณาการตรวจสอบข้อกฎหมายและพิจารณา แนวทางการดำเนินโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมได้แก่ อสส. สคร. และการรถไฟ แห่งประเทศไทยโดยที่ประชุมมีมติว่า หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่ในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ของผู้ตรวจการแผ่นดินตามมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการ แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยหากกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องพิจารณา ข้อเท็จจริงต่าง ๆ อย่างรอบด้านแล้ว เห็นว่าการดำเนินการสรรหาเอกชนในโครงการฯ ที่ผ่านมา เป็นไปตามกฎหมาย กฎ คำสั่ง มติคณะรัฐมนตรีหรือขั้นตอนการปฏิบัติงานแล้ว ก็สามารถนำเสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินได้ และในกรณีที่พิจารณาแล้ว เห็นว่าไม่อาจดำเนินการตามข้อเสนอแนะได้ไม่ว่าเหตุผลใดก็ต้องดำเนินการตามมาตรา๓๓ วรรคสอง รองปลัดกระทรวงคมนาคม มีบันทึก ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ ท้ายหนังสือสำนักงาน ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ คค ๐๒๐๘/กยผ ๑๑๑๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๔ ให้การรถไฟ แห่งประเทศไทยจัดทำข้อสรุปทางด้านกฎหมาย การเปรียบเทียบผลดี ผลเสีย และแนวทางปฏิบัติ ที่ถูกต้อง ก่อนนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย มีหนังสือถึง เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ รฟ ๑/๒๙๐๒/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เรื่อง รายงานผลการดำเนินการตาม คำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และ มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ ๑/๒๙๐๓/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เรื่อง รายงานผลการดำเนินการตาม คำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ ๑/๒๙๕๒/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เรื่อง ผลการดำเนินการข้อสรุปทางด้านกฎหมายของโครงการสรรหา เอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง


๒๐ การรถไฟแห่งประเทศไทย มีหนังสือถึง ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ ๑/๒๐๖/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เรื่อง รายงานชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วม ลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ผู้ตรวจการแผ่นดินเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (อสส. สคก. สศช. สคร. คค. รฟท.) หารือร่วมกัน เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เรื่องร้องเรียนกรณีโครงการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทาน เป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังล่าช้า (ประชุมตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.๒๕๖๐) เรื่องร้องเรียนเลขดำที่ ๙๙๖/๒๕๖๓ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ ๑/๓๓๔/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เรื่อง นำเสนอผลการศึกษาประกอบการพิจารณากำหนดรายละเอียด ข้อมูลของคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานี บรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง เป็นไปตามมติที่ประชุมของการประชุมเรื่องร้องเรียน กรณีโครงการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังล่าช้า ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ การรถไฟแห่งประเทศไทย มีหนังสือถึง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ รฟ ๑/๓๕๑/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๕ เรื่อง รายงานการนำเสนอผลการศึกษาประกอบการพิจารณากำหนด รายละเอียดข้อมูลของคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุน เป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง รองปลัดกระทรวงคมนาคม มีบันทึก ลงวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๕ ท้ายหนังสือ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ คค ๐๒๐๘/กยผ ๔๖๔ ลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๕ ให้การรถไฟ แห่งประเทศไทยรับความเห็นของ สนข. ไปพิจารณาดำเนินการจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์ โครงการให้เป็นไปตามนัยกฎหมายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดยให้มีการศึกษาข้อมูล เพิ่มเติมตามความเห็นของ กค. และ สศช. รวมทั้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน และดำเนินการ ให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยเห็นควรให้หารือ สคร. ให้ชัดเจนว่า จะดำเนินการตามกฎหมายฉบับใด สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีหนังสือ ที่ ผผ ๐๙๐๑/๘๔๙ ลงวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เรื่องรายงานการประชุม เรื่องร้องเรียนกรณีโคงการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทาน เป็นผู้ประกอบสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังล่าช้า (ประชุมตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐) เรื่องร้องเรียนเลขดำที่ ๙๙๖/๒๕๖๓ วันจันทร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ รฟ ๑/๑๐๘๖/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ เรื่องรายงานชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินโครงการสรรหาเอกชน เพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง โดยรายงาน ชี้แจงรายละเอียดว่าโครงการดังกล่าวดำเนินการเป็นไปตามนัยของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชนแล้ว


๒๑ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีหนังสือ ที่ ผผ ๐๙๐๑/๔๐๗๓ ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง การปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ปรึกษาหารือ และเห็นชอบร่วมกัน จาการประชุมผู้เกี่ยวข้อง เห็นว่า ในการดำเนินการตามคำวินิจฉัย และข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นกรณีที่หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามข้อเสนอแนะไม่แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาที่กำหนด และเห็นว่าข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินไม่อาจดำเนินการไม่ว่าด้วย เหตุผลใด ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือและแก้ไขปัญหา อุปสรรคโดยเร็วตามาตรา ๓๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการ แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ แม้ในที่ประชุมจะได้พิจารณาและมีความเห็นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งรายงาน การศึกษาและวิเคราะห์โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา แต่ในการดำเนินการตามมติที่ประชุมดังกล่าว กระทรวงการคมนาคมพิจารณาแล้วเห็นว่าเล่มรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการที่การรถไฟ แห่งประเทศไทยดำเนินการมานั้น อาจไม่สอดคล้องเป็นไปตามความมุ่งหมายของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ที่ต้องการให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาจัดทำรายงานการศึกษา และวิเคราะห์โครงการให้เป็นไปตามนัยของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย จึงได้มอบหมายให้การรถไฟ แห่งประเทศไทยพิจารณาจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการให้ถูกต้อง โดยเห็นสมควร ให้หารือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจให้ชัดเจนว่าจะต้องดำเนินการตามกฎหมายฉบับใด ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว กรณีดังกล่าวแตกต่างจากความเห็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ได้ยืนยัน ความเห็นว่าได้ดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์โครงการมาอย่างถูกต้องและครบถ้วน และเห็นควร ส่งรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ประกอบกับความเห็น ของผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดที่สอดคล้องกับความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดินที่เห็นว่าไม่ว่ากรณีใด การดำเนินโครงการจำเป็นต้องเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาว่าต้องมีการแก้ไข หรือยกเว้น การปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ในส่วนของการศึกษาและวิเคราะห์ โครงการเพิ่มเติมหรือไม่ และพิจารณารายงานการศึกษาฯ ที่มีการศึกษาเมื่อปี๒๕๕๘ ดังกล่าว สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ที่มีมติให้หน่วยงานที่ รับผิดชอบโครงการไปการศึกษาและวิเคราะห์โครงการเพิ่มเติมในประเด็นที่เห็นว่าได้เปลี่ยนแปลงไป หรือไม่ แต่การดำเนินการตามมติที่ประชุมในส่วนสาระสำคัญเพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการเสนอเรื่องต่อ คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณานั้น ไม่อาจหาข้อยุติได้ ซึ่งมาตรา ๓๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.๒๕๖๐ บัญญัติให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องต่อ คณะรัฐมนตรีดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป ในส่วนของหลักการที่ ครม. อนุมัติหลักการเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๖ กับผลการคัดเลือก เอกชนของการรถไฟแห่งประเทศไทยเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๖๒ มีความแตกต่างกันในสาระสำคัญ ๓ ประเด็นหลัก ดังนี้


๒๒ ๑) เดิม กำหนดให้ภาครัฐรับภาระการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เปลี่ยนเป็น ให้เอกชน ผู้ร่วมลงทุนรับภาระการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากเห็นว่าจะทำให้เกิดความคล่องตัวในการ ดำเนินงานและเป็นประโยชน์กับภาครัฐมากกว่า ๒) เดิม ให้ความสำคัญกับผลตอบแทนที่ภาครัฐจะได้รับ เปลี่ยนเป็น ให้ความสำคัญกับ การลดค่าบริการ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่ง (Shift Mode) จากการขนส่ง ทางถนนเป็นการขนส่งทางราง ๓) เดิม กำหนดสมมติฐานอายุสัญญาร่วมลงทุนสูงสุด ๑๕ ปี เปลี่ยนเป็น กำหนดอายุ สัญญาร่วมลงทุน ๒๐ ปี เพื่อให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของอุปกรณ์และเครื่องมือหนักที่ใช้ในการ ยกขนตู้สินค้า ดังนั้น การให้การรถไฟแห่งประเทศไทยในฐานะเจ้าหน่วยงานเจ้าของโครงการ ดำเนินการจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการให้ครบถ้วนและถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๖๒ จึงเป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการเป็นลำดับแรก แต่ทั้งนี้ หากการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังยืนยันว่าได้จัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการเป็นไปตามนัยกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชนครบถ้วนแล้ว สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคมจะได้เสนอให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคมพิจารณาต่อไป แต่สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคมจะต้องนำเสนอข้อมูลด้านอื่น ๆ ประกอบการพิจารณาของรัฐมนตรีด้วย เช่น มติคณะรัฐมนตรีเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๖ และเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๖๒ ผลการดำเนินงานที่ผ่านของกระทรวงคมนาคม และความเห็นของหน่วยงานต่างๆ ที่มีความแตกต่างกัน เป็นต้น ประเด็นปัญหา คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย และกระทรวงคมนาคม ยังมีความเห็น ที่ไม่ตรงกันในเรื่องรายงานการวิเคราะห์และศึกษาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุน เป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบังตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ การสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีฯ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ปัจจุบันยังไม่มีผู้รับสัมปทานที่ชัดจเน ส่งผลต่อการพัฒนาสถานีสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง ด้านประสิทธิภาพการให้บริการการไม่ลงทุนในเครื่องมือยกขน โครงสร้างพื้นฐานที่ชำรุด เสียหายขาดการซ่อมบำรุง การจราจรที่ติดขัดภายในบริเวณพื้นที่สถานีฯ ต้นทุนขนส่งที่สูงขึ้น ทำให้ เกิดความเสียหายต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ และลดศักยภาพในการแข่งขัน ด้านโลจิสติกส์ของประเทศ ๔. รายละเอียดปัญหาการจราจรติดขัดในสถานีฯ สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่องลาดกระบัง ได้ออกแบบสถานนีฯ เป็น ๖ โมดูล เพื่อการบรรจุ การบรรทุกขนถ่ายตู้สินค้า จำนวน ๖๐๐,๐๐๐ ทีอียูต่อปี ถึงแม้จะมีการพัฒนาสถานีฯ ให้มีศักยภาพ ในการรองรับปริมาณตู้สินค้ามากกว่า ๑ ล้านทีอียู อย่างไรก็ตาม การบรรทุกขนถ่ายสินค้าผ่านสถานี บรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยปี พ.ศ. ๒๕๕๑ มีปริมาณตู้สินค้า นำเข้าและส่งออกผ่านสถานีสูงที่สุด จำนวน ๑,๗๔๓,๕๕๙ ทีอียู ปัจจุบันมีจำนวนตู้สินค้าขนส่ง ผ่านสถานีฯ จำนวนเฉลี่ยที่ ๑.๓ ล้านทีอียู (การรถไฟแห่งประเทศไทย, ๒๕๖๕) ซึ่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่สร้างไว้รองรับสินค้าไม่เพียงพอ ประกอบกับการขนส่งตู้สินค้าจากสถานีฯ


Click to View FlipBook Version