ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หน้า ๓๕ ๒.๑๐.๒. พิธีสารเกียวโต การประชุมสมัชชาภาคีภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ (Conference of the Parties: COP) สมัยที่ ๓ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ (ค.ศ. ๑๙๙๗) ณ กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบต่อ พิธีสารเกียวโต ซึ่งเป็นข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายซึ่งอยู่ภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ มีวัตถุประสงค์ หลัก คือ การก าหนดพันธกรณีในการลดก๊าซเรือนกระจก โดยก าหนดเป็นตัวเลขเป้าหมายการลดใน ภาพรวม และเป้าหมายรายประเทศส าหรับกลุ่มภาคผนวกที่ ๑ และก าหนดระยะพันธกรณี (ระยะเวลา เป้าหมาย) โดยในระยะพันธกรณีที่ ๑ (First Commitment Period) คือ ภายในช่วงปี ค.ศ. ๒๐๐๘- ๒๐๑๒ (พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๕) ประเทศกลุ่มภาคผนวกที่ ๑ มีเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจก โดยรวมให้ได้ ร้อยละ ๕ จากระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของปี ค.ศ. ๑๙๙๐ (พ.ศ. ๒๕๓๓) นอกจากนี้ พิธีสารเกียวโตยังได้ก าหนดกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศไว้ ๓ รูปแบบ เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ได้แก่ (๑) กลไกการซื้อขายหน่วยก๊าซเรือนกระจก หรือ คาร์บอนเครดิต ระหว่างประเทศกลุ่มภาคผนวกที่ ๑ ด้วยกันเอง (Emission Trading) (๒) การลงทุน ด าเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกร่วมกันระหว่างประเทศกลุ่มภาคผนวกที่ ๑ ด้วยกัน (Joint Implementation) และ (๓) การลงทุนด าเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกร่วมกันระหว่างประเทศใน และนอกกลุ่มภาคผนวกที่ ๑ หรือที่เรียกว่า กลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism: CDM) ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันต่อพิธีสารเกียวโตเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ต่อมาการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๘ เมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. ๒๐๑๒ (พ.ศ. ๒๕๕๕) ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ประเทศภาคีพิธีสารฯ ได้มีมติ (ข้อตัดสินใจที่ ๑/CMP.๘) แก้ไข พิธีสาร โดยมีสาระส าคัญ ดังนี้ (๑) ก าหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกโดยรวมของประเทศกลุ่มภาคผนวกที่ ๑ เป็นร้อยละ ๑๘ จากระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี ค.ศ. ๑๙๙๐ (พ.ศ. ๒๕๓๓) ภายในระยะ พันธกรณีที่ ๒ ได้แก่ ช่วงปี ค.ศ. ๒๐๑๓ - ๒๐๒๐ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๓) (๒) เพิ่มเติมประเภทก๊าซเรือนกระจกให้ครอบคลุมก๊าซไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์ (NFR๓R) ในการก าหนดเป้าหมาย และระยะพันธกรณีที่ ๒ ของพิธีสารเกียวโต มีประเทศภาคีในกลุ่ม ภาคผนวกที่ ๑ ที่ขอสงวนสิทธิ์ไม่เข้าร่วม/ไม่เสนอเป้าหมายในระยะพันธกรณีที่ ๒ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น สหพันธรัฐรัสเซีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศภาคีที่ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนเป้าหมายในระยะ พันธกรณีที่ ๒ ตามความเหมาะสม ได้แก่ เครือรัฐออสเตรเลีย และประเทศภาคีที่ขอถอนตัวจากการเป็น ภาคีพิธีสารเกียวโต ได้แก่ ประเทศแคนาดา ส าหรับประเทศไทย ในฐานะที่เป็นประเทศนอกกลุ่ม ภาคผนวกที่ ๑ จึงยังไม่มีพันธกรณีในรูปแบบของเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกทั้งในระยะพันธกรณี ที่ ๑ และ ๒ (จนถึงปลายปี ค.ศ. ๒๐๒๐ หรือ พ.ศ. ๒๕๖๓) ๒.๑๐.๓ ความตกลงปารีส เนื่องจากพิธีสารเกียวโตมีข้อจ ากัดบางประการที่ท าให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างเต็มที่ ข้อจ ากัดหลักได้แก่ การที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศใน กลุ่มภาคผนวกที่ ๑ และปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตัดสินใจไม่เข้าร่วมเป็น ภาคีของพิธีสารฯ จึงได้มีการเจรจาข้อตกลงภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ โดยมุ่งเน้นที่จะให้มีข้อตกลงใหม่
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หน้า ๓๖ นอกเหนือจากพิธีสารเกียวโตที่มีผลผูกพันครอบคลุมประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ของโลก โดยได้จัดตั้งกระบวนการเจรจาในรอบ แรก ได้แก่ Ad Hoc Working Group on Long Term Cooperative Action (AWG-LCA) ซึ่งระบุให้ก าหนดข้อตกลงให้แล้วเสร็จภายใน ปี ค.ศ. ๒๐๐๙ (พ.ศ.๒๕๕๒) ในการประชุม COP สมัยที่ ๑๕ ณ กรุงโคเปนฮาเกน ราชอาณาจักรเดนมาร์ก อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่สามารถมีมติเกี่ยวกับข้อตกลงใหม่ร่วมกันได้ จนกระทั่งการประชุม COP สมัยที่ ๑๗ ณ เมือง เดอร์บัน สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เมื่อ ปี ค.ศ. ๒๐๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ที่ประชุมจึงได้จัดตั้งกระบวนการ เจรจาในรอบที่ ๒ ขึ้น ได้แก่ Ad Hoc Working Group on the Durban Platform for Enhanced Action (ADP) ซึ่งระบุให้ก าหนดข้อตกลงใหม่ให้แล้วเสร็จภายในปี ค.ศ. ๒๐๑๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ในการ ประชุม COP สมัยที่ ๒๑ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส กระบวนการเจรจา ADP ที่จัดตั้งขึ้นโดยที่ประชุม COP สมัยที่ ๑๗ นั้น มีวัตถุประสงค์ หลักประการหนึ่งเพื่อเป็นเวทีให้ประเทศภาคีเจรจาข้อตกลงใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้หลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ ซึ่งจะมาแทนที่พิธีสารเกียวโต โดยคาดหวังว่าข้อตกลงใหม่นี้จะครอบคลุมประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือน กระจกรายใหญ่ของโลก และให้มีการก าหนดเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจกภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ อย่างเป็นรูปธรรม ในการประชุม COP สมัยที่ ๒๑ ที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ได้มีข้อตัดสินใจ รับรอง “ความตกลงปารีส” (Paris Agreement) เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เป็นกรอบความร่วมมือ ในการด าเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระยะยาวที่ทุกภาคีมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม ความตกลงปารีสมีวัตถุประสงค์ส าคัญ ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ ากว่า ๒ องศาเซลเซียสเมื่อ เทียบกับก่อนยุคอุตสาหกรรม และมุ่งพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่ให้เกิน ๑.๕ องศา เซลเซียส เมื่อเทียบกับก่อนยุคอุตสาหกรรม (๒) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวต่อผลกระทบทางลบจากการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ และการส่งเสริมความสามารถในการฟื้นตัวจากผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ และการพัฒนาประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ าโดยไม่กระทบต่อการผลิตอาหาร (๓) ท าให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนที่มีความสอดคล้องกับแนวทางที่น าไปสู่การพัฒนาที่ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ า และสร้างความสามารถในการฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ ในความตกลงปารีสมีบทบัญญัติรวม ๒๙ มาตรา ครอบคลุมการด าเนินงาน เกี่ยวกับการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อผลกระทบทางลบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนทางการเงิน การพัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยี การเสริมสร้างศักยภาพของประเทศก าลัง พัฒนา กรอบการรายงานข้อมูลการด าเนินงาน และการให้การสนับสนุนอย่างโปร่งใส และการทบทวน สถานการณ์และการด าเนินงานระดับโลก (Global Stock take) ความตกลงปารีสมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙ ภายหลังจากมี ประเทศให้สัตยาบันเป็นภาคีเกิน ๕๕ ประเทศ และมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกันมากกว่า ร้อยละ ๕๕ ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งโลก ส าหรับประเทศไทยได้ให้สัตยาบันความตก ลงปารีสเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เนื้อหาบทบัญญัติในความตกลงปารีสมีทั้งในส่วนที่เป็น
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หน้า ๓๗ ข้อผูกพันชัดเจน ส่วนที่เป็นกรอบแนวทางการด าเนินงาน และส่วนที่เป็นหลักการกว้างๆ ที่ต้องมีการ เจรจาจัดท ารายละเอียด หรือแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมต่อไป ส าหรับในส่วนเนื้อหาที่เป็นข้อผูกพัน การเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงปารีสจะส่งผล ผูกพันให้ภาคีต้องด าเนินการเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สรุปได้ดังนี้ (๑) ประเทศภาคีจะต้องจัดท าเป้าหมายการด าเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ โดยเป็นเป้าหมายที่แต่ละประเทศก าหนดเองตามความเหมาะสม หรือ ที่เรียกว่า NDCs (Nationally Determined Contributions) มีการทบทวน และเสนอใหม่ทุก ๕ ปี และมีการ น าเสนอรายงานติดตามประเมินผลการด าเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวอย่างโปร่งใส (๒) ประเทศภาคีจะต้องจัดท า และด าเนินการมาตรการภายในประเทศ เพื่อสนับสนุน การด าเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย NDCs ที่ประเทศตนเองได้ก าหนดไว้ (๓) ประเทศภาคีควรจะพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาไปสู่การพัฒนาแบบ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ า สร้างความต้านทาน และความสามารถในการฟื้นตัวจากผลกระทบของการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (๔) ประเทศภาคีจะต้องจัดท าแผนการปรับตัวระดับชาติ (National Adaptation Plan: NAP) และด าเนินการตามแผนที่จัดท า (๕) ประเทศภาคีจะต้องจัดท าและน าเสนอรายงานแห่งชาติ (National Communications) รายงานรายสองปี (Biennial Reports) และรายงานความก้าวหน้ารายสองปี (Biennial Update Reports) (๖) ประเทศพัฒนาแล้วจะต้องให้ความช่วยเหลือประเทศก าลังพัฒนาในการด าเนินงาน เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการสนับสนุนทางการเงิน การพัฒนา และ ถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศก าลังพัฒนาในการด าเนินงานที่เกี่ยวข้อง และมีการติดตามประเมินผลการสนับสนุนดังกล่าวอย่างโปร่งใส (๗) ให้มีการประเมินสถานการณ์ด าเนินงานระดับโลก (Global Stock take) ทุก ๕ ปี เพื่อติดตามผลการด าเนินงาน และประเมินความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศในภาพรวมทุกมิติทั้งการด าเนินงาน และการให้การสนับสนุน โดยเฉพาะการประเมินระดับ ความส าเร็จในการควบคุมการเพิ่มของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ณ ปลายศตวรรษ ไม่ให้เกิน ๒ หรือ ๑.๕ องศาเซลเซียส ในการด าเนินงานเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของความตกลงปารีส มีกลไกหลาย รูปแบบที่ก าหนดไว้ในความตกลงปารีส เช่น การสร้างความร่วมมือ (Cooperative approach) ทั้งใน รูปแบบของกลไกทางตลาด (Market based approach) และมิใช่กลไกทางตลาด (Non-market approaches) การพัฒนา และการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology Development and Transfer) การเสริมสร้างศักยภาพ (Capacity Building) รวมทั้งเรื่องการสร้างจิตส านึก และการศึกษา (Awareness and Education) ดังนั้น ประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีของอนุสัญญาฯ จะสนับสนุนการ เจรจาที่ก าลังด าเนินอยู่ภายใต้อนุสัญญาฯ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาคมโลก โดยจะเข้าร่วมการ เจรจาพหุภาคีด้วยความเชื่อมั่นในกระบวนการของสหประชาชาติ ยึดถือแนวทางการหารือที่จะ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หน้า ๓๘ ก่อให้เกิดฉันทามติ โดยค านึงถึงการรักษาภูมิอากาศของโลกไปพร้อมกับผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะ ได้รับอย่างยั่งยืน โดยเห็นว่าความตกลงปารีสเป็นกรอบความร่วมมือส าคัญในการด าเนินงานด้านการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประชาคมโลก โดยตั้งใจจะร่วมหารือการจัดท า Work programmed ภายใต้ความตกลงปารีส ร่วมกับภาคีอื่นๆ ให้แล้วเสร็จ เพื่อน าเข้าสู่การพิจารณา และรับรองภายในการ ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๒๔ โดยให้ความส าคัญกับประเด็นต่างๆ อย่างสมดุล ภายใต้รูปแบบ การด าเนินงานที่เป็นไปตามความต้องการของภาคี มีความชัดเจน โปร่งใส ค านึงถึงความเชื่อมโยง ระหว่างประเด็นต่างๆ และเป็นไปโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคี ประเทศไทยเห็นว่าการด าเนินงานก่อนปี ค.ศ. ๒๐๒๐ (พ.ศ. ๒๕๖๓) เป็นเรื่องเร่งด่วน และจะเป็นพื้นฐานส าคัญในการด าเนินงานภายใต้ความตกลงปารีส จึงเรียกร้องให้ทุกภาคีเร่งด าเนินการ เพื่อให้พันธกรณีระยะที่ ๒ ของพิธีสารเกียวโตมีผลใช้บังคับโดยเร็ว และเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้ว เร่งยกระดับการด าเนินงานในช่วงก่อนปี ค.ศ. ๒๐๒๐ อย่างจริงจัง รวมถึงการสนับสนุนทางการเงิน เทคโนโลยีและการเสริมสร้างศักยภาพ โดยมุ่งหวังให้ภาคี โดยเฉพาะภาคีประเทศพัฒนาแล้ว ยกระดับ การด าเนินงานตามพันธกรณีของตน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯ พิธีสารเกียวโต และความ ตกลงปารีส
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๓๙ บทที่ ๓ วิธีการพิจารณาศึกษา คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาและติดตามด้านพลังงานฟอสซิล ได้ด าเนินการพิจารณา ศึกษา ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน โดยพิจารณาจากข้อมูลตาม บทที่ ๒ ประกอบผลการประชุม เอกสารต่างๆ ทางวิชาการ มาตราการ กฎเกณฑ์ข้อบังคับ กฎหมาย ผลการศึกษา วิจัยที่เกี่ยวข้อง ผลการจัดสัมมนา และการเดินทางไปศึกษาดูงาน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ๓.๑ การเชิญนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุม ๓.๑.๑ นายอภิสิทธิ์ ซาล า อาจารย์ประจ าภาควิชาธรณีวิทยา คณ ะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้น าเสนอข้อมูลภาพรวมของการใช้พลังงานถ่านหิน โดยสรุปดังนี้ แนวโน้มการใช้ถ่านหินของโลก ในปีพ.ศ. ๒๕๕๘ มีการพยากรณ์ว่า ปริมาณความต้องการใช้ถ่านหินคงที่ ทั้งในอเมริกา ยุโรป และเอเชีย การผลิตถ่านหินทั่วโลก มีการผลิตในระดับเดิม ไม่มีการเพิ่มปริมาณการผลิต ทั้งในจีน และอินเดีย รวมทั้งสหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศผู้ส่งออกถ่านหินรายใหญ่ คือ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย กลุ่มประเทศที่มีการใช้ถ่านหินมากที่สุด คือ อินเดีย การใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน ถ่านหินถูกน ามาใช้ในการผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก โดยใช้ถ่านหินชั้นซับบิทูมินัส และบิทูมินัส มากที่สุด รองลงมา คือ การน าถ่านหินมาใช้ในอุตสาหกรรมเหล็ก แต่ทั้งนี้ในบางประเทศใช้ในภาค ครัวเรือน การพิจารณาราคาซื้อขายถ่านหิน จะพิจารณาจากค่าความร้อน คาร์บอน ความชื้น เป็นเกณฑ์ การน าถ่านหินมาใช้ประโยชน์เริ่มขั้นตอน ตั้งแต่การท าเหมือง จากนั้นจึงท าการคัด คุณภาพถ่านหิน เพื่อแยกประเภทถ่านหิน แล้วจึงท าการขนส่ง การเก็บรักษาถ่านหิน ต้องท าการเก็บ รักษาภายใต้การควบคุมที่ดีเนื่องจากสามารถเกิดการติดไฟได้เอง จึงต้องฉีดน้ าไว้ตลอด ขั้นตอนการน าไปใช้งาน จะท าการบดถ่านหินก่อนน าไปท าการเผาไหม้เพื่อใช้ในการต้มน้ า หมุนกังหันไอน้ า เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เทคโนโลยีที่จะใช้ในโรงไฟฟ้า - เทคโนโลยี Flue Gas Desulfurization (FGD) ซึ่งคือกระบวนการก าจัดก๊าซซัลเฟอร์ ไดออกไซด์ที่ออกมาพร้อมก๊าซทิ้ง เทคโนโลยีดังกล่าวมี ๒ แบบหลักๆ คือ แบบเปียก (Wet Type) และ แบบแห้ง (Dry Type) เทคโนโลยีแบบเปียก จะเป็นที่นิยมมาก ส่วนใหญ่ ที่ใช้เป็นแบบ Limestonegypsum คือ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในก๊าซทิ้ง จะท าปฏิกิริยากับของผสมระหว่างน้ ากับหินปูน ที่ฉีด เข้าไปในระบบก๊าซทิ้งของโรงไฟฟ้า จากนั้นจะเกิดยิปซั่มขึ้นในกระบวนการดังกล่าวเป็นผลพลอยได้ขึ้น ซึ่งเป็นสารประกอบที่สามารถน ามาใช้ประโยชน์อื่นได้โดยเทคโนโลยีดังกล่าว สามารถน ามาใช้กับ โรงไฟฟ้าที่ด าเนินการอยู่ในปัจจุบันได้ โดยส่วนมากจะติดตั้งกระบวนการดักจับก๊าซ ๒ รอบ เพื่อให้ขจัด ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๔๐ -กระบวนการก าจัดไนโตรเจนออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซที่เกิดผลต่อบรรยากาศ และ สิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า “ฝนกรด” โดยกระบวนการท างานของเครื่องก าจัดไนโตรเจนออกไซด์ เรียกว่า Selective Catalytic Reduction (SCR) จะท างานโดยการผสมแอมโมเนียเข้าไป เมื่อผสมก๊าซ ที่ผ่านเข้ามา ก็จะกลายเป็นก๊าซไนโตรเจน (N2) และน้ า ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีการใช้ เทคโนโลยีดังกล่าวในญี่ปุ่น เยอรมนีสามารถดักจับไนโตรเจนออกไซด์ได้เป็นอย่างดีและสามารถดักจับ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ด้วย แต่มีราคาสูง ทั้งนี้ Selective Catalytic Reduction (SCR) สามารถดักจับก๊าซซัลเฟอร์และ ไนโตรเจน จากการกระบวนการกลั่นน้ ามันได้ ไม่เฉพาะกรณีการผลิตไฟฟ้า ซึ่งได้กรดซัลฟูริก เป็นผล พลอยได้จากกระบวนการก าจัดก๊าซดังกล่าว ในประเทศไทย มีการใช้กระบวนการดักจับสารพิษในนิคม อุตสาหกรรมผาแดงอินดัสตรี มีกระบวนการดักจับซัลเฟอร์จากแร่พาราไรซ์ ซึ่งเกิดจากการถลุงแร่แล้วได้ สังกะสี เมื่อผ่านกระบวนการดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และไนโตรเจนออกไซด์ก็จะได้กรดซัลฟูริก เป็นผลพลอยได้เช่นกัน - กระบวนการก าจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซที่ส่งผลต่อการเกิดภาวะโลก ร้อน ในกระบวนการก าจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ยังไม่มีเทคโนโลยีที่ก าจัดก๊าซดังกล่าวได้อย่างมี ประสิทธิภาพในโรงไฟฟ้า ยังคงมีการศึกษา เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการใช้ Circulating Fluidized-bed (CFB) technology ก าจัดมลพิษที่ออกมาจากโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยี ที่สามารถก าจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไนโตรเจนไดออกไซด์และคาร์บอนไดออกไซด์ได้ โดยเป็น เทคโนโลยีที่ใช้หินปูนพ่นไปในเตาเผาถ่านหินบดแล้ว โดยเป็นการใช้เตาเผาอุณหภูมิต่ า เพื่อลดการเกิด ก๊าซไนโตรเจน ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถก าจัดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในขณะเดียวกัน สามารถใช้ในการ ก าจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการใช้ไบโอแมสในการผลิตไฟฟ้าได้อีกด้วย ความเห็นในการเลือกใช้เทคโนโลยีก าจัดก๊าซในโรงไฟฟ้าที่ด าเนินการอยู่แล้วของ ประเทศไทย สามารถเลือกใช้เทคโนโลยีการก าจัดก๊าซแบบแยกส่วน เนื่องจากใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก และสามารถก าจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ ซึ่งเป็นก๊าซที่มีผลกระทบโดยตรงกับคน และสิ่งแวดล้อม มากกว่าก๊าซไนโตรเจนหรือคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีผลกับชั้นบรรยากาศ ปัญหาที่เกิดจากการใช้ประโยชน์จากถ่านหิน ปัญหาของสารพิษที่ปล่อยสู่บรรยากาศจากการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ประกอบด้วย ขี้เถ้า ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นตัวก่อมลภาวะ แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยี ที่สามารถลดมลภาวะ ผลกระทบจากการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน ผลกระทบที่เกิดขึ้นในอดีตจากการใช้ถ่านหิน เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายด้าน สิ่งแวดล้อม ยังไม่มีความเข้มงวด แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนา เพื่อปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น - ปัญหาสุขภาพ จากการใช้ประโยชน์จากถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า เช่น ปัญหา สิ่งแวดล้อมที่เกิดผลกระทบ ในพื้นที่อ าเภอแม่เมาะ จังหวัดล าปาง สะท้อนถึงปัญหาในอดีต ที่ยังไม่มีการ ติดตั้งเครื่องก าจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ แต่ในปัจจุบันมีการติดตั้งเครื่องก าจัดก๊าซเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๔๑ - ข้อกฎหมายที่เคร่งครัด เพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามหลักสากล การควบคุม ตั้งแต่ เรื่องคุณภาพของถ่านหิน ที่จะน ามาเป็นเชื้อเพลิง เช่น ในสหรัฐอเมริกาห้ามไม่ให้ใช้ถ่านหินที่มีซัลเฟอร์ สูง แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการจ ากัดค่าซัลเฟอร์ในถ่านหินที่น ามาใช้งาน แต่ให้มีการออกแบบ เครื่องจักรให้สามารถควบคุมปริมาณค่าซัลเฟอร์ให้ต่ ากว่าค่าที่กฎหมายก าหนด ข้อเสนอแนะ ของผู้เข้าร่วมประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมกันพิจารณาว่าประเทศไทยมีความจ าเป็นต้องใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้น หรือไม่ โดยพิจารณาจากข้อมูลการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงต่างๆ ดังนี้ ๑. ก๊าซธรรมชาติ ประเทศไทยมีก๊าซธรรมชาติ แต่ไม่เพียงพอ จึงต้องน าเข้าก๊าซ ธรรมชาติและ แอล เอ็น จี จากต่างประเทศ ราคา แอล เอ็น จี ในปี ๒๕๖๑ อยู่ที่ ๓๕๐ บาท/ล้านบีทียู ท าให้ราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยอยู่ที่ ๒๓๐ บาท/ล้านบีทียู คิดเป็นต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจาก ก๊าซธรรมชาติ ๒.๖๖ บาทต่อหน่วย สัดส่วนการใช้ แอล เอ็น จี เพื่อการผลิตไฟฟ้าในปี ๒๕๖๑ อยู่ที่ร้อยละ ๒๐ ทั้งนี้หาก ราคา แอล เอ็น จี สูงขึ้นก็จะส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยมีค่าสูงขึ้น ตามแผนระยะยาวมีแนวโน้ม ที่สัดส่วน แอล เอ็น จี จะมากขึ้นเนื่องจากความสามารถในการจ่ายก๊าซจากแหล่งอ่าวไทยลดลง ดังนั้น หากมีการใช้ แอล เอ็น จี ทั้งหมดกับโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ราคา แอล เอ็น จี จากการ ประมาณการในปี ๒๕๘๐ ที่ ๔๓๑ บาท/ล้านบีทียู จะท าให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้นเป็น ๔.๐๑ บาทต่อหน่วย ๒. ถ่านหิน ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินอยู่ที่หน่วยละ ๒ .๕๔ บาท(๑๒) แต่ประชาชนยังฝังใจ เรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ ในเรื่องมลภาวะ การจะน าถ่านหินมาใช้อย่างไร มีมาตรการอย่างไร ในการตรวจสอบ และก ากับดูแล ในเรื่องสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนมั่นใจใน โรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะไม่ไว้วางใจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยาจะติดตั้งอุปกรณ์ก าจัดมลภาวะ ครบถ้วน หรือไม่ ๓. พลังงานนิวเคลียร์ประเทศไทย ยังไม่มีความพร้อมในด้านความรู้ ความช านาญ บุคลากร ค่าใช้จ่ายในการก าจัดกากกัมมันตรังสี และการยอมรับจากประชาชน ต้นทุนการผลิตไฟฟ้า จากนิวเคลียร์อยู่ที่หน่วยละ ๒.๖๐ บาท(๑๒) ๔. พลังงานหมุนเวียน ก. พลังงานน้ า ประเทศไทยแม้ว่าจะมีเขื่อนจ านวนมาก แต่เนื่องจากปัจจุบันมีการ ตัดไม้ท าลายป่าเพิ่มขึ้นส่งผลให้ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ปริมาณน้ าในเขื่อนลดลง ในบางปีก็มีปริมาณน้ า ไม่เพียงพอเพื่อใช้ในการเกษตรและผลิตไฟฟ้า แต่วัตถุประสงค์หลักของเขื่อนนั้นใช้เพื่อการชลประทาน การผลิตไฟฟ้าจึงเป็นเพียงผลพลอยได้แต่ กฟผ ก็ได้บริหารจัดการผลิตไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุดตาม เงื่อนไขการปล่อยน้ าของกรมชลประทาน นอกจากนี้ปัจจุบัน ไม่สามารถขยายการสร้างเขื่อนไปในพื้นที่ อื่นเพิ่มเติม แต่มีการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานน้ าในต่างประเทศที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าหน่วยละ ๒.๔๘ บาท(๑๓) โดยต้นทุนดังกล่าวเป็นต้นทุนเฉลี่ยทั้งช่วงเวลาที่ระบบมีความต้องการใช้ไฟฟ้ามาก (Peak) และช่วงเวลา (๑๒) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ณ ๒๕๖๑
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๔๒ ที่ระบบมีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อย (Off Peak) โดยในฤดูฝนจะต้องรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ า ต่างประเทศต่อเนื่องทั้ง ๒๔ ชั่วโมงเพื่อให้สามารถรองรับปริมาณน้ าที่ไหลเข้าเขื่อน (Inflow) ที่มีมากได้ ซึ่งจะท าให้ ค่ าไฟฟ้ าเฉลี่ยต่ าลง เนื่ องจ ากค่ าไฟฟ้ าช่ วง Off Peak จะมีค่ าไฟฟ้ าที่ ถูกก ว่ า แต่ในช่วงฤดูแล้งจะต้องมีการบริหารจัดการน้ าเพื่อให้เพียงพอต่อการรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วง Peak ข. ชีวมวล มีขนาดสูงสุด เพียง ๑๐ เมกกะวัตต์ เพราะหากใหญ่กว่านี้ ก็จะไม่ สามารถหาเชื้อเพลิงในท้องถิ่นนั้นป้อนโรงงานได้เพียงพอ การผลิตไฟฟ้าจากไบโอแมส ๑ เมกกะวัตต์ ต้องใช้ไม้ ๕๐ ตันต่อวัน ๑๐ เมกกะวัตต์ ต้องใช้ไม้ ๕๐๐ ตันต่อวัน หรือเท่ากับ ๑๘ คันรถพ่วง และต้อง มีพื้นที่ส าหรับปลูกต้นไม้หมุนเวียน ๓-๕ ปี ตัวอย่างเช่น การปลูกกระถินยักษ์ จะได้ไม้ป้อนโรงไฟฟ้า จ านวน ๖ ตันต่อไร่ ต่อ ๑.๕ ปี คิดเป็นพื้นที่ ๔๕,๐๐๐ ไร่ หากต้องการทดแทนโรงไฟฟ้าขนาด ๑๐๐ เมกกะวัตต์ จะต้องใช้พื้นที่ ๔๕๐,๐๐๐ ไร่ ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลอยู่ที่หน่วยละ ๔.๖๖ บาท(๑๓) ค. พลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าเซลล์) ปัจจุบันมีราคาถูกลงมาก สามารถแข่งขันกับ การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ แต่ก็ไม่สามารถใช้เป็นพลังงานหลักได้ เนื่องจากสามารถท างานได้ เฉพาะในเวลาที่มีแสงอาทิตย์เท่านั้น ประมาณวันละ ๔-๖ ชั่วโมง และเทคโนโลยีการเก็บพลังงาน (แบตเตอรี่) ประเภทต่างๆ ที่จะท าให้โรงไฟฟ้าสามารถท างานได้ ๒๔ ชั่วโมง ยังมีราคาสูง ท าให้ต้นทุน การผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยสูง อีกทั้งเป็นชิ้นส่วนทางอิเลคทรอนิคส์ จึงยังไม่สามารถสร้างให้มีขนาดใหญ่ได้ เท่ากับเครื่องผลิตไฟฟ้าที่ท ามาจากเครื่องยนต์และเครื่องก าเนิดไฟฟ้าได้ ประกอบกับมีความคงทนน้อยกว่า ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากโซล่าฟาร์มที่ไม่มีแบตเตอรี่อยู่ที่หน่วยละ ๒.๕๖ บาท(๑๓) ง.พลังงานลม เนื่องจากลมไม่ได้พัดตลอด ๒๔ ชั่วโมง จึงไม่สามารถใช้เป็นไฟฟ้า ฐานได้ และหากติดตั้งเครื่องเก็บพลังงานเข้าไป ก็จะท าให้มีต้นทุนการผลิตสูง ประเทศไทย มีลมพัดที่ไม่ แรง ต่ ากว่า ๒.๕ เมตรต่อวินาทีจึงไม่เหมาะสม ที่จะติดตั้งกังหันลม ถึงแม้จะมีกังหันลมรุ่นใหม่ ที่ ต้องการความเร็วลมต่ ากว่า ๒.๕ เมตรต่อวินาทีแต่ก็มีประสิทธิภาพที่ไม่สูงนัก มีราคาแพง ปัจจุบัน ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากลม ที่ไม่รวมแบตเตอรี่อยู่ที่หน่วยละ ๓.๗๗ บาท(๑๓) จ.ขยะ ประเทศไทย มีขยะที่ต้องการก าจัดเป็นจ านวนมากในเมืองใหญ่ แต่ใน ชนบท ถึงแม้จะมีขยะมาก แต่เมื่อคิดเป็นน้ าหนักที่ต้องใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยเฉลี่ยมีปริมาณ ขยะไม่เพียงพอที่จะป้อนโรงงานไฟฟ้าขยะ โรงไฟฟ้าขยะ ต้องมีขนาดไม่เล็กกว่า ๑๐ เมกกะวัตต์ ถึงจะ สามารถอยู่รอดได้ เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าจากขยะมีต้นทุนสูง ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากขยะ อยู่ที่หน่วย ละ ๔.๑๓ บาท โรงไฟฟ้าขนาด ๑๐ เมกกะวัตต์ ต้องมีขยะป้อนโรงงาน ๕๐๐ ตันต่อวัน แต่ในชุมชนมี ขยะไม่ถึง ๕ ตันต่อวัน โรงไฟฟ้าขยะ จึงต้องท าการรวมขยะจากหลายพื้นที่ในรัศมีไม่เกิน ๕๐-๗๕ กิโลเมตร แล้วน ามาเผาที่เดียวกัน จึงจะสามารถท าได้ อีกทั้งควรคิดว่าต้องการก าจัดขยะ มิใช่ท าไฟฟ้า เพื่อแสวง ก าไรจากขยะ เพราะการเผาขยะมีต้นทุนสูง ฉ.ก๊าซชีวภาพ มีขนาดสูงสุดเพียง ๒ เมกกะวัตต์ เพราะไม่สามารถสร้างบ่อหมัก ก๊าซชีวภาพให้มีขนาดใหญ่กว่า ๒ เมกกะวัตต์ได้ และในแต่ละท้องถิ่น ก็ไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบป้อน โรงงานผลิตก๊าซชีวภาพได้เกิน ๒ เมกกะวัตต์ ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพอยู่ที่หน่วยละ ๒.๓๒- ๒.๘๒ บาท(๑๓)
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๔๓ เนื่องจากประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าร้อยละ ๕๘ (๑๓) มีการใช้ถ่านหิน ในการผลิตไฟฟ้าร้อยละ ๑๘ ใช้น้ าในการผลิตไฟฟ้าร้อยละ ๓ พลังงานทดแทนร้อยละ ๑๐ ที่เหลือเป็น การน าเข้าไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านร้อยละ ๑๑ หากราคา แอล เอ็น จี ขยับตัวสูงขึ้นก็จะส่งผลอย่างมากต่อ ค่าไฟฟ้า ดังนั้นจึงควรปรับสัดส่วนของเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าให้เหมาะสม เพื่อป้องกันค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่ จะขยับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ และความเป็นอยู่ของประชาชน ประเด็นข้อซักถาม และแสดงความคิดเห็น ดังนี้ ๑. โรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินลิกไนต์แห่งเดียวในประเทศไทย คือ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ในประเทศลาวมีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าเช่นกัน คุณภาพของถ่านหินในประเทศลาวมี ลักษณะเหมือน หรือแตกต่างจากถ่านหินในไทยอย่างไร และโรงไฟฟ้าในลาวจะส่งผลกระทบด้าน สิ่งแวดล้อมต่อประเทศไทยหรือไม่ โดยผู้ชี้แจงได้น าเสนอว่า ถ่านหินที่ประเทศลาวเลือกใช้น่าจะเป็น ลิกไนต์หรือซับบิทูมินัส ส าหรับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่อประเทศไทย ขึ้นอยู่กับประเทศลาว มีมาตรการในการควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร ทั้งทางด้านกฎหมาย และเทคโนโลยีในการ ป้องกันผลกระทบต่อประชาชน และสิ่งแวดล้อม แต่ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าในประเทศลาวเป็นการลงทุนจากนัก ลงทุนชาวไทย ซึ่งหากประเทศลาวไม่มีมาตรการบังคับทางกฎหมาย จะขึ้นอยู่กับความสมัครใจของ ผู้ประกอบการในการด าเนินการ เพื่อป้องกันผลกระทบด้านต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ๒. การด าเนินงานด้านเหมืองแร่ถ่านหินในประเทศไทย ซึ่งผู้ชี้แจงได้ให้ข้อมูลความ คิดเห็นว่าเทียบเคียงกับทองค า ตราบใดที่ไม่ส ารวจ ก็จะไม่มีโอกาสทราบว่าจะมีแร่หรือไม่ ดังนั้น การส ารวจจะท าให้ทราบว่า มีปริมาณแร่คุ้มค่าต่อการลงทุนท าเหมืองหรือไม่ ถ่านหินในประเทศไม่ สามารถขุดพบได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน อาจจะต้องลงทุนสูงในการขุดเจาะส ารวจ ซึ่งตรงกันข้ามกับเหมือง ในต่างประเทศอาจจะท าการส ารวจขุดพบง่ายกว่า จึงไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเห็นว่าคุ้มค่าในการ ลงทุนมากกว่า แต่หากต่างประเทศเข้มงวดในการส่งออก นักลงทุนชาวไทยอาจกลับมาท าการส ารวจใน ประเทศ ความเข้มงวดในการท าเหมืองของประเทศไทยยังไม่อยู่ในระดับที่เข้มงวดมากนัก จากพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่บังคับใช้ใหม่ มาตรการทางด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ถือว่าส่งผลกระทบ ต่อบรรยากาศการลงทุนท าเหมือง เพราะบริษัทเอกชนขนาดใหญ่เห็นว่าการด าเนินการตามกฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ ไม่ใช่ประเด็นที่เป็นปัญหาอุปสรรค เพราะในประเทศ ของผู้ลงทุนเอง ก็มีกฎระเบียบที่เข้มงวด และเคยผ่านการบังคับใช้กฎหมายมาแล้ว การท าเหมือง บางชนิด ในต่างประเทศ มีต้นทุนสูง บริษัทต่างชาติมักมาลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในประเทศ ไทย เนื่องจากมีต้นทุนในการด าเนินงานที่ต่ ากว่า ซึ่งปัญหาจากการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดในการท า เหมืองถ่านหินจึงไม่พบในประเทศไทย สิ่งที่ควรพิจารณา คือ ที่ตั้งของโรงไฟฟ้า หากในกรณีที่มีความ จ าเป็นต้องใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง สิ่งที่ต้องค านึงถึง คือ ที่ตั้งของโรงไฟฟ้า และเทคโนโลยีที่ใช้ ที่ส่งผล (๑๓ ) ส านักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน, เวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างแผนพฒันากา ลงัผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan : PDP) ของประเทศไทยฉบบัใหม่(Public Hearing), ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑, ๓
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๔๔ กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด เพราะผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมย่อมกระทบเท่ากันไม่ว่าจะสร้างใน บริเวณใด ส าหรับประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม หากด าเนินการอย่างถูกต้อง โปร่งใส ไม่ให้เกิดเป็น กรณีของผลประโยชน์ทับซ้อน มวลชนก็จะให้การยอมรับ และควรให้หน่วยงานที่ให้การยอมรับว่ามี ความเป็นกลางเข้าไปท าการเก็บข้อมูลในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เพื่อประเมินสถานการณ์การ ยอมรับของชุมชน ในพื้นที่ ๓. โรงไฟฟ้าที่ยังคงด าเนินงานอยู่ในปัจจุบัน หากจะน าถ่านหินมาเป็นเชื้อเพลิง ในการ ผลิตไฟฟ้า จะมีศักยภาพรองรับการผลิตไฟฟ้าหรือไม่ เนื่องจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ มักพบการ ต่อต้าน หากพิจารณาน าโรงไฟฟ้าที่มีอยู่มารองรับการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน จะมีความคุ้มค่าเหมาะสม หรือไม่ ซึ่งผู้ชี้แจงได้ให้ข้อมูลความคิดเห็นว่า โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ใช้ถ่านหินที่ผลิตเองในพื้นที่ หากจะ น าเข้าจากอินโดนีเซียมาเป็นเชื้อเพลิง จะส่งผลต่อต้นทุนการผลิต เนื่องจากการขนส่งที่ไกลจากเหมือง ผลิต ท าให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้ามีราคาแพงหรือไม่ ซึ่งหากมีโรงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ใกล้กับทะเล ก็น่าจะเป็น ทางเลือกที่ดี โดยอาจท าการขยายโรงไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่ เพื่อรองรับการใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน ดังนั้น ที่ตั้ง โรงไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นล าดับแรก โดยที่ตั้งควรมีความเหมาะสม ส่งผลกระทบต่อประชาชน น้อยที่สุด เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม การคัดค้านก็จะลดลง กรณีโรงไฟฟ้าแม่เมาะ มีปริมาณส ารองที่จะผลิตไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการ ในอนาคต หากจะพัฒนาโรงไฟฟ้า เพื่อลดปัญหาพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ จะเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งพบว่า กฟผ. แม่เมาะ มีถ่านหินที่สามารถใช้ผลิตไฟฟ้าได้อีก ประมาณ ๓๐ ปี ๓.๑.๒ รองศาสตราจารย์ ภิญโญ มีช านะ นักวิชาการด้านถ่านหิน อดีตอาจารย์ประจ า ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักการเลือกใช้เชื้อเพลิงในการน ามาผลิตกระแสไฟฟ้า ต้องพิจารณาถึงความสมดุลย์ใน หลายปัจจัย ที่เรียกว่า ๔ E ประกอบด้วย ๑. Economic ปัจจัยทางด้านเศรษฐศาสตร์ ค่าไฟฟ้าควรอยู่ในระดับที่คนส่วนใหญ่ของประเทศนั้นๆ สามารถยอมรับได้ ๒. Environment ปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม และสังคม การเลือกใช้เชื้อเพลิงชนิดใด หรือโรงไฟฟ้าแบบไหน ควรค านึงถึงผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นนั้น ควรอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ของสังคม โดยไม่เกิดอันตรายต่อสุขภาพ และความ เป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้านั้น ๓. Energy security ความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้า สิ่งที่ควรค านึงที่จะท าให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศ คือ จะต้องลด ความเสี่ยง ซึ่งได้แก่ - ความเสี่ยงจากปริมาณส ารองเชื้อเพลิงไม่เพียงพอ การใช้เชื้อเพลิงชนิดหนึ่งมากเกินไป อาจท าให้แหล่งเชื้อเพลิงหมดไปก่อนเวลาอันควร การวางแผนการใช้เชื้อเพลิงจากแหล่งเชื้อเพลิงชนิด ต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศให้เหมาะสมกับสภาพของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จะช่วยลดความเสี่ยง ลงไปได้
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๔๕ - ความเสี่ยงจากการพึ่งพาพลังงานชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป การที่ประเทศไทยพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าในสัดส่วนถึงร้อยละ ๕๘ โดยมี ถ่านหิน เป็นเชื้อเพลิงมีสัดส่วนร้อยละ ๑๘ และอื่นๆ ร้อยละ ๒๔ ถือว่า ประเทศไทยพึ่งพาก๊าซในการ ผลิตไฟฟ้ามากเกินไป - ความเสี่ยงจากการเมืองระหว่างประเทศ การน าเข้าเชื้อเพลิง หรือไฟฟ้า จากประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องเหมาะสม ไม่พึ่งพาการ น าเข้าเชื้อเพลิง หรือไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านมากเกินไป จนอาจเกิดปัญหาความมั่นคง ซึ่งส่งผลกระทบต่อ การจ่ายไฟฟ้าให้ประชาชนในประเทศ - ความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ หรือกรณีฉุกเฉิน โดยไม่คาดคิด อุบัติเหตุ หรือกรณีฉุกเฉิน ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น กรณีไฟฟ้าดับใน ๑๔ จังหวัดภาคใต้เนื่องจากสายส่งหลักที่ส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปยังภาคใต้ถูกฟ้าผ่าที่จังหวัดเพชรบุรี ส่งผลให้เกิดการลัดวงจร จึงไม่สามารถส่งไฟฟ้าเกินพิกัดได้ ท าให้เกิดสภาพก าลังผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ กับความต้องการ ๔. Engineering เทคโนโลยีทางด้านวิศวกรรม ต้องท าความเข้าใจว่าโรงไฟฟ้าแต่ละแบบ จะมีเทคนิคเฉพาะทางเทคโนโลยีของแต่ละ โรงไฟฟ้าที่แตกต่างกัน เนื่องจากเทคโนโลยีในการผลิตไฟฟ้ามีหลายแบบ และแต่ละแบบอาจใช้ชนิด เชื้อเพลิงที่ต่างกัน การใช้พลังงานหมุนเวียนในทวีปยุโรป ประเทศเยอรมนีได้สร้างโรงไฟฟ้าฐาน ให้แก่ประเทศตนเองอย่างพอเพียง จนกระทั่งถึงจุดอิ่มตัว ด้านพลังงานไฟฟ้า กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมีลักษณะที่ส าคัญคือ ประชากรแทบจะไม่เพิ่มขึ้น หรือไม่ก็มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่สูงมากนัก เพราะเป็นประเทศที่มีความเจริญทางเทคโนโลยี แล้ว และได้พัฒนาระบบสาธารณูปโภคมามากจนเพียงพอส่งผลให้มีอัตราการเพิ่มขึ้นของการใช้ไฟฟ้าที่ต่ า จึงท าให้ก าลังการผลิตไฟฟ้าฐานแทบจะไม่เพิ่ม นั่นคือ มีก าลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศถึงจุดอิ่มตัว หลังจากนั้น จึงได้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น แต่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีราคาแพง อย่างไรก็ตามคนเยอรมันมีรายได้มาก ไม่เดือดร้อนที่จะติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน แม้ว่าจะท าให้ ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น เยอรมนีสามารถผลิตเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนได้เอง และสามารถสร้าง ธุรกิจท ารายได้จากการขายเทคโนโลยีนี้ด้วย จากหลักการดังกล่าว ประเทศไทยควรจะต้องสร้างโรงไฟฟ้าหลัก ให้แก่ประเทศจนกระทั่งอิ่มตัว ทางด้านพลังงานไฟฟ้าจนเป็นประเทศที่พัฒนา จากนั้นจึงท าการพัฒนาสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน แต่ขณะนี้ไทยยังคงเป็นประเทศก าลังพัฒนาอยู่ การสร้างโรงไฟฟ้าพลังหมุนเวียน จึงยังไม่จ าเป็นต้องสร้าง แต่ถ้าจะสร้างก็อาจจะสร้างเพื่อมาเสริมระบบไฟฟ้าฐาน เพราะโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีราคาแพง ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานฐาน เปรียบเสมือนอาหารหลัก ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเปรียบเสมือนอาหารเสริม กระบวนการก าจัดสารพิษในกระบวนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน - เทคโนโลยี Activated Carbon Injection (ACI) เป็นการดักจับสารปรอท การเผาไหม้ ถ่านหินในโรงไฟฟ้าถ่านหิน ท าให้ปรอทที่อยู่ในถ่านหินกลายเป็นไอปรอท เมื่อเย็นตัวลงจะกลายเป็นสาร
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๔๖ ปรอท ที่เป็นของแข็งซึ่งจะถูกดักจับด้วยเถ้าลอย (Coal fly ash) ในเครื่องแยกฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิตได้ส่วน หนึ่ง และไอปรอทอีกส่วนหนึ่งจะถูกดักจับด้วยน้ าในกระบวนการดักจับซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือ WetFlue Gas Desulfurizer (Wet-FGD) แล้วน้ าที่ดักจับปรอทได้จะถูกบ าบัด ส่วนไอปรอทที่เหลือที่ดักจับ ไม่ได้จะถูกปล่อยสู่บรรยากาศ กรณีสารปรอทที่พบในพื้นที่แหล่งถ่านหินมีเพียง ๕ แห่ง ทั่วโลก คือ แหล่ง Donbas (Ukraine), Appalachian basin and Texas (USA) Russian Far East และ Southern China ส่วน ถ่านหินจากแหล่งอื่น มีปริมาณปรอทน้อยมาก อย่างไรก็ตามการปลดปล่อยปรอทสู่บรรยากาศ จนอาจ เกิดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน เกิดเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาประเทศเดียวเท่านั้น และเกิดขึ้นใน เฉพาะบางโรงไฟฟ้าถ่านหิน ปัญหานี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ - ระบบก าจัดก๊าซไนโตรเจนออกไซด์(Selective Catalytic Reduction หรือ SCR) เป็น การใช้แอมโมเนียท าปฏิกิริยากับก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ จนเกิดเป็นไนโตรเจน และน้ า โดยมีประสิทธิภาพ การบ าบัดที่ออกแบบไว้ที่ร้อยละ ๗๖ - ระบบดักจับฝุ่นด้วยไฟฟ้าสถิต (Electro-Static Precipitator หรือ ESP) ระบบนี้ถือว่า มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถบ าบัดฝุ่นได้ถึง ร้อยละ ๙๙.๙๙ สามารถดักจับฝุ่น โดยให้ฝุ่นละออง มีประจุไฟฟ้าขั้วหนึ่ง และถังเก็บฝุ่นละอองมีประจุไฟฟ้าอีกขั้วหนึ่ง ฝุ่น หรือเถ้าลอยที่ได้สามารถน าไปใช้ ประโยชน์ได้ESP ก าจัดฝุ่น ที่มีค่า PM ๒.๕๐ - ระบบก าจัดก๊ าซซัลเฟอ ร์ไดออกไซด์ (Flue Gas Desulfurizer ห รือ FGD) เป็น กระบวนการก าจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ที่ถูกปล่อยออกมาพร้อมก๊าซทิ้งหลังการเผาไหม้ มีประสิทธิภาพการบ าบัดที่ออกแบบไว้ ร้อยละ ๙๔ โดยการฉีดส่วนผสมของน้ ากับหินปูนเข้าไปท า ปฏิกิริยากับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ผสมอยู่ในก๊าซทิ้ง ผลของปฏิกิริยาดังกล่าวจะท าให้เกิดการรวมตัว และตกตะกอน เป็นยิปซั่ม ซึ่งเป็นสารประกอบที่สามารถน ามาใช้ประโยชน์ได้ - ขี้เถ้า เถ้าถ่านหินทุกชนิด ที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ถ่านหินในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ไม่จัด ว่าเป็นของเสียอันตราย โดย USEPA เป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศ เมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. ๒๐๑๔ และได้มีการน าเอาเถ้าถ่านหินมาใช้ประโยชน์อย่างมากมาย ทั้งในงาน คอนกรีต งานก่อสร้าง งานวิศวกรรมโยธา งานวัสดุใหม่ๆ จากเถ้าถ่านหิน เถ้าถ่านหินถูกน าไปผลิตเป็น ปุ๋ย และผลิตภัณฑ์ป รับป รุงดิน เพื่อใช้ในด้ านเกษตรกรรมเพื่อเป็นอาห ารส าห รับมนุษย์ ทั้งนี้เกิดจากการท าการวิจัยเป็นเวลานานมาก ส าหรับในประเทศไทย ได้มีการน าเอาเถ้าลอย (Coal fly ash) มาใช้ประโยชน์ในงานวิศวกรรมโยธา เช่น น าไปก่อสร้างงานคอนกรีตขนาดใหญ่ (Mass concrete) เช่น ตอม่อของรถไฟฟ้า BTS งานคอนกรีตในงานอุโมงค์ใต้ดินรถไฟฟ้า MRT และนอกจากนั้นแล้ว ยังสามารถน าไปเป็นส่วนผสมในคอนกรีต RCC ในการสร้างเขื่อน เช่น เขื่อนคลองท่าด่าน จังหวัด นครนายก และเขื่อนปากมูล จังหวัดอุบลราชธานี นอกจากนั้นแล้ว ยังมีงานวิจัยอื่นๆ ในประเทศไทย ที่จะน าเอาเถ้าถ่านหินไปใช้ประโยชน์ในการเกษตรเพื่อปรัปรุงคุณภาพดินที่ใช้เพาะปลูกพืชส าหรับการ บริโภคทั่วไปและการเพาะปลูกพืชเพื่อผลิตเป็นอาหารสัตว์ ส าหรับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงไฟฟ้า จากรายงานทางวิชาการ พบว่าประเทศ ที่ปล่อย ก๊าซมาก เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งบางประเทศ ไม่ยอมร่วมลงนามร่วมในข้อตกลงลดการปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นปัญหาทั้งในระดับธุรกิจ และระดับ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๔๗ บุคคล ตัวอย่างเช่น รถยนต์ที่กินน้ ามันมากเกินไป เนื่องมาจากเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลมากกว่า รถยนต์ ที่มีประสิทธิภาพทางพลังงาน อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาดังกล่าวที่โลกร้อนขึ้นมานี้ ได้มีผู้เสนอทฤษฎีโลก ร้อน หรือ Global Warming ที่ระบุว่ามนุษย์เราเป็นตัวการส าคัญที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ก๊าซธรรมชาติ น้ ามัน และถ่านหิน การศึกษาทางเคมีและพิษวิทยา พบว่า ถ่านหินที่ตกลงสู่น้ านั้นไม่เป็นมลพิษ (Pollutant) แต่เป็นเพียงสิ่งปนเปื้อน (Contaminant) ในน้ าเท่านั้น เนื่องจากถ่านหิน เกิดจากการทับถมซากพืช หลายสิบหลายร้อยล้านปีก่อน ในขณะที่ทับถมกันอยู่นั้น ก็มีเศษดินเศษหิน และแร่ธาตุต่างๆ สะสมตัว ไปพร้อมๆ กับซากพืชเหล่านั้น ส่วนใหญ่แร่ธาตุที่เกิดร่วมนั้น มักจะเป็นของแข็งที่เสถียร (Stabilized) คือไม่ละลายน้ า สรุปก็คือธาตุ หรือโลหะหนัก เช่น ปรอท ที่อยู่ในถ่านหิน หากหล่นลงไปในน้ าก็จะละลายโลหะ หนักออกมาปริมาณน้อยมากๆ เช่น ปรอท (หากมีในถ่านหิน) จะไม่ละลายน้ าออกมา (หรือละลาย ออกมาน้อยมากๆ) ในงานกรองน้ า ไม่ว่าจะเป็นน้ าประปา หรือถังกรองน้ าทั่วไปใช้ถ่านหินแอนทราไซต์ใน การกรองน้ า ประเด็นข้อซักถาม และแสดงความคิดเห็น ดังนี้ ๑) ศักยภาพของพลังงานทดแทนในประเทศเดนมาร์ก ได้ประโยชน์จากการมีพลังงานลมมาก แต่ก็ยังต้องใช้ถ่านหิน เป็นเชื้อเพลิงเสริม ระยะเวลาที่มีพลังงานลม ซึ่งสามารถใช้ผลิตไฟฟ้าได้ เฉลี่ยวัน ละ ๑๒ ชั่วโมง และเดนมาร์กยังได้รับประโยชน์จากการใช้ระบบยูโรกริด หากไฟฟ้าในประเทศใด ไม่เพียงพอ ก็สามารถส่งไฟฟ้าจากอีกประเทศมาใช้ส าหรับประเทศอื่นๆ เช่น สวีเดน มีแผนการเป็น สังคมปราศจากคาร์บอน จึงท าการสร้างเขื่อนเพื่อด าเนินโครงการ ๒) การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในธิเบต ไม่ต้องจ่ายค่าเวนคืน พื้นที่ แต่เมื่อ เปรียบเทียบกับพื้นที่โครงการโรงไฟฟ้ากระบี่แล้ว ศักยภาพด้านพื้นที่เพียงพอที่จะรองรับโครงการผลิต ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ประกอบกับปัญหาของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ ติดตั้งบนหลังคา (Solar rooftop) เกิดปัญหาความร้อนสะสม ท าให้เกิดเพลิงไหม้ได้หากไม่ได้ท าการ บ ารุงรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีปัญหาเรื่องระบบการเก็บสะสมพลังงาน (Energy storage) หากมีการใช้พลังงานทดแทน มากกว่าร้อยละ ๔๐ ก็จะส่งผลถึงระบบการเก็บส ารองพลังงาน ในระบบ โครงข่ายไฟฟ้า ๓.๑.๓ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ผู้แทนจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้น าเสนอข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมของทรัพยากรถ่านหิน ในประเทศ และแนวทางการบริหารจัดการด้านพลังงาน ภาพรวมสถานการณ์ถ่านหินในประเทศ ปริมาณส ารองถ่านหินในประเทศประมาณ ๑,๗๐๐ ล้านตัน ในปี๒๕๕๙ ที่ผ่านมา มีก าลังการผลิตรวม ๑๖ ล้านตัน น าเข้า ๒๑ ล้านตัน รวมปริมาณการใช้ประโยชน์ ๓๗ ล้านตัน
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๔๘ แหล่งที่มาของถ่านหินที่ผลิตได้ภายในประเทศไทย - ถ่านหิน (ลิกไนต์) ผลิตจาก แหล่งแม่เมาะ อ าเภอแม่เมาะ จังหวัดล าปาง เป็นหลัก - ส่วนแหล่งขนาดเล็กอื่นๆ เช่น แหล่งแม่ทาน แหล่งแม่ตีบ ใช้ในการผลิตปูนซีเมนต โดยแหล่งถ่านหินในประเทศ ผลิตถ่านหินประเภทลิกไนต์เป็นหลัก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน มีหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ - กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม มีอ านาจในการ ก ากับดูแลการส ารวจ และท าเหมืองถ่านหิน โดยอาศัยอ านาจตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ - กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน มีภารกิจส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการส่งเสริม สนับสนุน และเร่งรัดการจัดหาพลังงาน โดยการส่งเสริมและเร่งรัดการส ารวจและพัฒนาแหล่งเชื้อเพลิง ธรรมชาติในประเทศ ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ถ่านหินที่น าเข้ามาเพื่อใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าให้ได้ตาม มาตรฐานสากล โดยด าเนินการด้านต่างๆดังนี้ ด้านแผน และข้อมูลเชื้อเพลิงถ่านหิน โดยการจัดท าระบบฐานข้อมูลเชื้อเพลิงถ่านหิน วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อก าหนดยุทธศาสตร์ด้านเชื้อเพลิงถ่านหิน ด้านวิชาการและการส่งเสริมภาพลักษณ์การประกอบกิจการถ่านหิน ด าเนินการ เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจด้านถ่านหินที่ถูกต้องในการประกอบกิจการถ่านหินที่ดี และศึกษาจัดท า แนวทางปฏิบัติที่ดีในการน าเข้าเชื้อเพลิงถ่านหิน อีกทั้งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสะอาดในการใช้ถ่านหิน เป็นเชื้อเพลิง ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยประสานความร่วมมือด้านถ่านหินกับประเทศ สมาชิกอาเซียน กลุ่มภาคีและองค์กรระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวกับถ่านหิน ผลักดันการด าเนินกิจกรรม ด้านถ่านหินให้สอดคล้องกับแนวนโยบายถ่านหินอาเซียน เช่น การใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด สร้าง โอกาสการลงทุนด้านเชื้อเพลิงถ่านหินในประเทศสมาชิกอาเซียน นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานในสังกัด กระทรวงพลังงาน ที่เข้ามามีบทบาทในการด าเนินงาน คือ ส านักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรม พัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน แต่ทั้งนี้การท าเหมืองถ่านหิน ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจาก ๙ กระทรวง ๑๕ หน่วยงาน เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง คมนาคม ในเรื่องที่เกี่ยวข้องในการขนส่งถ่านหิน (ทางน้ า ทางเรือ ทางบก) กระทรวงสาธารณสุข ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวอนามัย กระทรวงมหาดไทยในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเรื่องที่ เกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้บริษัทต่างๆ เก็บส ารองถ่านหินในพื้นที่ กรมศุลกากรเกี่ยวข้องกับการก าหนด พิกัดอัตราภาษีน าเข้าถ่านหิน การน าเข้าถ่านหิน ประเทศไทย น าเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ และเริ่มมีการ น าเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นถ่านหินคุณภาพดีชั้นบิทูมินัสหรือซับบิทูมินัส ประมาณ ๖๐ ตัน อนาคตของประเทศไทยกับการใช้ถ่านหิน ตามแผนพัฒนาพลังงาน PDP 2015 (๒๕๕๘-๒๕๗๙) ปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้า ในช่วงปลายของแผน จะมีการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินมากขึ้น เนื่องจากการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น แต่จากการ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๔๙ พยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าในปัจจุบัน และนโยบายของผู้บริหารกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างการ ทบทวนแผน PDP 2015 ซึ่งส่งผลให้มีการใช้พลังงานด้านอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น ๓.๑.๔ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผู้แทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้น าเสนอภาพรวมการใช้เชื้อเพลิง ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ โดยสรุป ดังนี้ ๑. ข้อมูลก าลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยจากเชื้อเพลิงถ่านหิน - โรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีก าลังการผลิต ๒,๑๘๐ เมกะ วัตต์ - โรงไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ และผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (IPP & SPP) มีก าลังการผลิตรวม ๒,๓๘๕ เมกะวัตต์ - โรงไฟฟ้าจากต่างประเทศ (หงสา) ๑,๔๗๓ เมกะวัตต์ รวมปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศซึ่งผลิตจากเชื้อเพลิงถ่านหิน ๖,๐๓๘เมกะวัตต์ จากแผน PDP 2015 ซึ่งอยู่ในระหว่างการปรับปรุง โดยมีเป้าหมายให้ปรับปรุงเสร็จ ภายในเดือน มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งหน่วยงานที่รับนโยบายไปปรับปรุง คือ ส านักงานนโยบายและแผน พลังงาน ซึ่งตามแผน PDP 2015 เดิมนั้นมีการก าหนดว่าในระยะสุดท้ายของแผน หรือประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๙ ภาพรวมของปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเชื้อเพลิงถ่านหิน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทยจะมีก าลังการผลิตประมาณ ๖,๘๕๐ เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าจากเอกชน ๑,๒๘๓ เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้า จากต่างประเทศ (หงสา) ๑,๔๗๓ เมกะวัตต์ ซึ่งตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าก าหนดไว้ ระยะเวลา ๒๕ ปี การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ. ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้า ทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ ๔ - ๗ โดยโครงการจะเสร็จต้นปี ๒๕๖๒ มีก าลังการผลิต ๖๐๐ เมกะวัตต์ และตามแผน PDP 2015 ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงใหม่ มีโครงการโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ ๘ และ ๙ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการ เพื่อน าเสนอต่อส านักงานนโยบายและแผนพลังงาน เพื่อน าเสนอต่อกระทรวงพลังงานต่อไป โดยถ่านหินที่แม่เมาะ จะสามารถใช้งานได้อีกประมาณ ๒๐ ปี คาดการณ์ปริมาณที่จะขุดในเชิงพาณิชย์ได้อีก ๒๕๐ ล้านตัน ซึ่งโรงไฟฟ้าที่สร้างขึ้นใหม่ทดแทน สามารถ ด าเนินการไปได้ตลอดอายุการใช้งานโดยมีถ่านหินจากเหมืองแม่เมาะ มาใช้ในการผลิต ตลอดอายุการใช้ งานของโรงไฟฟ้า และอายุการใช้งานของโรงไฟฟ้าจะสิ้นสุดลงในเวลาที่ใกล้เคียงกับปริมาณถ่านหินที่ถูก น าขึ้นมาใช้จนหมด โดยเทคโนโลยีที่จะน ามาใช้ในโรงไฟฟ้าทดแทน เป็นเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี ๒๕๔๓ เป็นต้นมา มีการติดตั้งเทคโนโลยีก าจัดก๊าซแบบ FGD สามารถควบคุมมลพิษทั้งฝุ่น และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะให้อยู่ในระดับสากล และส่งข้อมูลแบบเวลาปัจจุบันให้ กรมควบคุมมลพิษได้ จากการพิจารณาสัดส่วนของเชื้อเพลิง ที่ใช้ผลิตไฟฟ้า พบว่ามีการใช้ก๊าซมากกว่าร้อยละ ๕๐ จึงเห็นว่าควรพิจารณาสัดส่วนของการใช้เชื้อเพลิง โดยเพิ่มสัดส่วนของการใช้ถ่านหิน ซึ่งการปรับ สัดส่วนของเชื้อเพลิง มีผลต่อความมั่นคงด้านพลังงาน เพราะการส ารองน้ ามันดีเซลเพื่อทดแทนก๊าซ ธรรมชาติจะเก็บส ารองไว้ ๓ วัน แต่ถ่านหินจะส ารองไว้๑-๓ เดือน ซึ่งเป็นความมั่นคงทางด้านพลังงาน มากกว่า และลดความเสี่ยงของการขาดแคลนก๊าซลง
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๕๐ ความห่วงใยด้านสิ่งแวดล้อมในระดับโลก แม้ว่าผู้น าประเทศในยุโรป มักเสนอข่าวการ ลดจ านวนโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพื่อมาใช้โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน แต่ในความเป็นจริงยังคงใช้ถ่านหิน มากกว่าร้อยละ ๕๐ ซึ่งทิศทางการใช้ถ่านหินทั่วโลก ก็ไม่ได้ลดลง และหากในอนาคตการใช้ถ่านหินมี ปริมาณลดลง ย่อมส่งผลต่อราคาถ่านหินที่จะลดลง กลายเป็นเชื้อเพลิงราคาถูกลง ประเด็นข้อซักถาม และแสดงความคิดเห็น ดังนี้ ๑. ต้นทุนการผลิตไฟฟ้า จากการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินที่ผลิตในประเทศ (โรงไฟฟ้า แม่เมาะทดแทนมีต้นทุนการผลิตหน่วยละ ๒.๓๔ บาท) เปรียบเทียบกับต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน น าเข้า (มีต้นทุนการผลิตหน่วยละ ๒.๕๔ บาท) พบว่าต้นทุนการผลิตจากถ่านหินในประเทศมีต้นทุนที่ถูก กว่าหน่วยละ ๐.๒๐ บาท แต่ไฟฟ้าที่รับซื้อจากโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศลาวถูกกว่าไฟฟ้าที่ผลิตจาก โรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศ เนื่องจากโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศลาวเป็นถ่านหินที่ผลิตในประเทศลาว ท าให้การเจรจาต่อรองราคาได้ถูกกว่า โดยโรงไฟฟ้าหงสามีต้นทุนการผลิตประมาณหน่วยละ ๒.๒๘ บาท ส าหรับสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับโรงไฟฟ้าหงสา ก าหนดระยะเวลา ๒๕ ปี ซึ่งหลักในการ ค านวณระยะเวลาผูกพัน มักจะคาดการณ์จากปริมาณส ารองของถ่านหินว่า จะใช้ได้มากกว่า ๒๕ ปี จึง ตกลงระยะเวลาผูกพันในสัญญา ๒. ราคาไฟฟ้า จากแหล่งผลิตในประเทศจีนทางตอนใต้ ราคาถูกกว่า การผลิตไฟฟ้าจาก ลาวจริงหรือไม่นั้น เนื่องจากไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจนด้านราคาต้นทุนการผลิตไฟฟ้า จากแหล่งผลิตใน ประเทศจีนทางตอนใต้ แต่จากการเจรจาสัญญาซื้อขายพบว่า ไฟฟ้าจากจีนราคาแพง จึงไม่ได้ท าการ รับซื้อ ซึ่งประเทศจีนมีองค์กรที่เรียกว่า เซาส์เทิร์นไชน่ากริด ดูแลระบบไฟฟ้าทางใต้ของประเทศ โดยมี การก่อสร้างเขื่อน และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา จีนมีเป้าหมายสร้างโรงไฟฟ้า นิวเคลียร์ ๑ โรง ทุกสามเดือน ด้วยปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ทางตอนใต้ของจีนอาจจะไม่มาก จึงมีแผนส่งไฟฟ้าออกไปจ าหน่ายกับประเทศใกล้เคียง แต่จากการเจรจาไฟฟ้าที่ซื้อจากหงสา ราคาถูก กว่าที่รับซื้อจากจีน ดังนั้น ไทยจึงท าการรับซื้อไฟฟ้าจากหงสา ประเทศลาว ๓. ประเด็นของการน าเสนอเรื่อง ถ่านหินสะอาด ในข้อเท็จจริง ไม่ใช่ถ่านหินที่มีความ สะอาด แต่เป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่ท าให้ถ่านหินสะอาดขึ้น จึงควรท าความเข้าใจกับประชาชน เพื่อ ป้องกันการให้ข้อมูลที่ขัดแย้ง และบุคคลบางกลุ่มน าเอาข้อมูลไปหาผลประโยชน์ได้ซึ่งผู้แทนจาก กฟผ. ได้น าเสนอว่า เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดเป็นกระบวนการเทคโนโลยี ซึ่งลดผลกระทบจากการใช้ถ่านหิน ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ลดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งไม่ได้ถูกเรียกว่าเป็นถ่านหิน สะอาด แต่อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของกลุ่มที่คัดค้าน อาจมองว่าการใช้ถ่านหินอย่างไรก็ต้องมีคาร์บอน มอนไดออกไซด์ เพียงแต่เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดจะเป็นการลดก๊าซที่เป็นมลพิษลงได้ซึ่งการ ด าเนินงานด้านการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ เช่น ชุมชนในพื้นที่โรงไฟฟ้ากระบี่ได้มี การเข้าไปสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ตลอดจนน าคณะผู้แทนกลุ่ม ประชาชนในพื้นที่ เข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ต่างประเทศ ซึ่งประชาชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่จึงมี ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ถ่านหิน แต่ที่เทพามีปัญหาในการอพยพครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โครงการ โรงไฟฟ้า ซึ่งไม่ใช่ปัญหาด้านเทคโนโลยี
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๕๑ ๔. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กฟผ. ควรพิจารณาศึกษาประเด็นด้านกฎหมาย หรือ ระเบียบที่ไม่เอื้อต่อการด าเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ และเห็นว่าในบางพื้นที่ที่มีการต่อต้าน โครงการโรงไฟฟ้า อยากให้พิจารณาประเด็นดังกล่าวอย่างรอบคอบ เพราะการสร้างความมั่นคงทางด้าน พลังงาน จากแหล่งทรัพยากรในประเทศได้เอง ย่อมมีข้อดีกว่าการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ โดยผู้แทนจาก กฟผ. ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การสร้างความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่ และประชาชนทั่วไป ก็เป็นเรื่องส าคัญที่ กฟผ. เล็งเห็นว่าจะต้องเร่งสร้างความเข้าใจ ส าหรับกรณีการสร้างความมั่นคง ทางด้านพลังงาน จากแหล่งทรัพยากรในประเทศ นั้น ในด้านการด าเนินงานระบบไฟฟ้าของประเทศ ในช่วงเวลาหนึ่งของทุกปีจะมีการปิดซ่อมบ ารุง แท่นก๊าซในเมียนมาร์ โดยจะมีการแจ้งช่วงเวลาหยุดท า การส่งก๊าซเข้ามาในประเทศไทย ส่งผลต่อโรงไฟฟ้าที่ต้องใช้ก๊าซจากต่างประเทศ ซึ่ง กฟผ. ได้วางแผน การด าเนินงานไม่ให้เกิดผลกระทบ แม้แต่กรณีก๊าซจากอ่าวไทยยังเคยเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถส่งก๊าซ ขึ้นมาบนฝั่งได้ ซึ่ง กฟผ. ได้ด าเนินการเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านพลังงานมาโดยตลอด ๓.๑.๕ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนจากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ น าเสนอเกี่ยวกับการก าหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า โดย สรุป ดังนี้ การก าหนดมาตรฐานการระบายมลพิษจากแหล่งก าเนิด กรณีที่เกี่ยวข้อง โดยตรงกับ ถ่านหิน จะมีส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒ กรณีคือ ๑) การขนถ่าย ที่มีการก าหนดมาตรฐานท่าเรือ ในการขนถ่ายถ่านหิน ควบคุมโดยการ วัดค่าความทึบแสง ในกรณีที่เป็นการขนถ่ายแบบเทกอง ก าหนดค่าความทึบแสง ร้อยละ ๕ ๒) การน ามาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม จะก าหนดเฉพาะในการน ามาเป็นเชื้อเพลิงใน โรงไฟฟ้า ส่วนการน ามาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอื่น ยังไม่มีการก าหนด ประกาศมาตรฐานโรงไฟฟ้าใหม่ ในส่วนของเชื้อเพลิงถ่านหินมีการก าหนดเป็นสอง ประเภท คือ โรงไฟฟ้าที่มีก าลังการผลิตติดตั้งมากกว่า ๕๐ เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าที่ก าลังการผลิตน้อย กว่า ๕๐ เมกะวัตต์โดยมีการตรวจวัด ๓ พารามิเตอร์ได้แก่ ๑. ฝุ่นละออง ๒. ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ๓. ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ประเด็นการร้องเรียนปัญหาสิ่งแวดล้อม มักเกิดในกรณีการขนส่ง และการเทกอง เนื่องจากปัญหาการตกหล่นของถ่านหินขณะการขนถ่ายจากเรือบาร์ทมาขึ้นท่าเรือ และในส่วนของ สถานที่เก็บกอง และการบรรจุ การขนส่ง แต่ปัญหาการปล่อยของเสียจากปล่องโรงไฟฟ้า ยังไม่มีปัญหา การร้องเรียน ประเด็นข้อซักถาม และข้อเสนอแนะ ดังนี้ ๑) มาตรการก าหนดเกี่ยวกับการจัดการเถ้าที่เหลือจากการเผา กรมควบคุมมลพิษได้มี การก าหนดมาตรการก่อนการขนส่งออกจากโรงงานจะต้องได้รับอนุญาต แต่โดยลักษณะกิจการของ โรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะต้องเสนอรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก่อนการ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๕๒ ด าเนินโครงการ ซึ่งจะมีการก าหนดไว้ในรายงานว่า จะท าการฝังกลบ หรือจะน าไปท าวัสดุอื่นๆ เช่น อิฐบล็อก เป็นต้น หรือน าส่งโรงผลิตปูนซีเมนต์เพื่อผสมวัตถุดิบในการผลิตปูนซีเมนต์ ๒) ความถี่ในการจัดเก็บข้อมูลการเก็บตัวอย่างข้อมูลในการวัดค่ามาตรฐานด้านมลพิษ โรงไฟฟ้าจะมีมาตรการติดตามตรวจสอบ การตรวจวัดการระบายมลพิษจากปล่องปีละ ๒ ครั้ง ซึ่งเป็น มาตรการตามรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นมาตรการของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ที่ต้อง รายงานปีละ ๒ ครั้ง ส าหรับการเก็บข้อมูลโดยกรมควบคุมมลพิษจะท าการสุ่มตรวจ เพื่อปรับปรุง มาตรฐานระบายมลพิษ การเฝ้าระวังทางด้านสิ่งแวดล้อม มีการติดตั้งสถานีตรวจวัดมาตรฐานคุณภาพ สิ่งแวดล้อมรอบโรงไฟฟ้า เช่น โรงไฟฟ้าแม่เมาะ มีสถานีตรวจวัด ๓ สถานี ส่วนในจุดอื่นๆ ที่ไม่มีสถานี ตรวจวัดก็จะใช้หน่วยเคลื่อนที่ไปตรวจวัดเป็นรายครั้ง ที่ผ่านมาเคยตรวจพบค่ามลพิษที่เกินกว่าค่า มาตรฐาน โรงไฟฟ้าที่รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้รับการอนุมัติ จะมีมาตรการ จัดการด้านการระบายมลพิษที่ดี มีอุปกรณ์ก าจัดมลพิษที่มีประสิทธิภาพ เช่น การก าจัดก๊าซซัลเฟอร์ได ออกไซด์และฝุ่น แต่ในบางพื้นที่มีข้อจ ากัดด้านสิ่งแวดล้อม จึงจะต้องมีมาตรการก าจัดก๊าซไนโตรเจนได ออกไซด์เพิ่มด้วย การวัดความทึบแสงจะวัดที่ท่าเรือ เนื่องจากการโปรยถ่านหิน ในระหว่างการเทกองจะ มีการฟุ้งกระจาย จึงต้องใช้น้ าฉีดพ่นเพื่อลดการฟุ้งกระจาย ดังนั้น การตรวจวัด จะท าในระยะห่างจาก จุดโปรย ๑ เมตร โดยค่ามาตรฐานต้องไม่เกิน 5 % Opacity ๓) มาตรการลงโทษกรณีที่ผู้ประกอบการ ไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่ บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๓๕ ได้ก าหนดให้ เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษต้องไปตรวจมลพิษ และหากพบว่าแหล่งก าเนิดมลพิษปล่อยมลพิษเกินกว่า มาตรฐาน โดยหากเป็นโรงงานต้องรายงานต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นผู้ด าเนินการในล าดับแรก หรือในกรณีที่เป็นท่าเรือ จะต้องรายงานต่อหน่วยงานที่ก ากับดูแล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้รับทราบด าเนินการแก้ไขปรับปรุง ๔) ส าหรับการตรวจวัดค่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พบว่ากรณีการใช้ถ่านหิน เพื่อเป็น เชื้อเพลิงให้ความร้อนในอุตสาหกรรม มักจะมีการเผาไหม้โดยสมบูรณ์ ส่งผลให้ไม่มีการปล่อยก๊าซ คาร์บอนมอนอกไซด์แต่ยังคงมีการตรวจวัดค่าคาร์บอนไดออกไซด์ และค่าคาร์บอนมอนนอกไซด์เพื่อ หาค่าเฉลี่ยของก๊าซชนิดอื่น ที่ปล่อยออกมา แต่ไม่มีการรายงานการตรวจวัด เนื่องจากค่าของก๊าซทั้งสอง ชนิดพบได้ในปริมาณน้อย ๕) การตรวจวัดอุณหภูมิในน้ า ก าหนดให้อุณหภูมิของน้ าจะต้องเพิ่มขึ้นไม่เกิน ๑ องศา เซลเซียส จากอุณหภูมิปกติซึ่งเป็นการควบคุมตามมาตรการ EIA ๖) การตรวจวัดท่าเรือในการขนส่ง เทกอง มีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง คือ กรม ควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม บริษัทที่ปรึกษาที่ให้บริการตรวจวัด โดยขึ้นทะเบียนกับกรม โรงงานอุตสาหกรรมจะท าการตรวจวัดให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ส าหรับการตรวจวัดในส่วนของกรมควบคุมมลพิษ แบ่งเป็น การตรวจวัด เพื่อท าการ เก็บข้อมูลมาท าการศึกษา ซึ่งจะไม่ได้มีการก าหนดเวลาที่แน่นอนในการเข้าตรวจวัด และการตรวจวัด
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๕๓ เมื่อมีการร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบจากมลพิษจะท าการตรวจวัดการระบายมลพิษ และตรวจวัดค่า มาตรฐานสิ่งแวดล้อม ๗) กฎหมายๆ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ได้แก่ พระราชบัญญัติ ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งก าหนดเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ที่ผู้ประกอบการต้องด าเนินการก่อนเริ่มโครงการ ในส่วนของการก ากับดูแลกิจการไฟฟ้า เป็นหน้าที่ของ คณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน ที่เข้ามาก ากับดูแล รวมถึงการอนุญาตประกอบกิจการ ซึ่งจะต้อง น ารายงานมาประกอบการพิจารณาอนุญาต ในส่วนของการตั้งโรงงานจะมีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้า มาด าเนินการ กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีของโรงงานอุตสาหกรรม มีพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยโรงไฟฟ้าจะมีคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงานก ากับดูแล ท่าเรืออยู่ภายใต้การ ก ากับดูแลจากกรมเจ้าท่า ในส่วนของกิจการที่เกี่ยวข้องกับการท าเหมืองถ่านหินจะมีกรมอุตสาหกรรม พื้นฐานและการเหมืองแร่ ท าหน้าที่ในการก ากับดูแล นอกเหนือจากกฎหม ายข้ างต้นแล้ว ยังคงมีกฎหม ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งก าหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเข้ามาก ากับ ดูแล ในส่วนของการขนส่งที่ใช้เส้นทางจราจรมีเศษวัสดุตกหล่นจะมีพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ พระราชบัญญัติรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ ๘) ตามกฎหมายที่ประกาศบังคับใช้ของกรมควบคุมมลพิษ มีการก าหนดให้ถ่านหินเป็น วัตถุที่มีพิษ หรือไม่นั้น กรณีถ่านหินที่น าเข้าจากต่างประเทศ หากเป็นถ่านหินคุณภาพดีจะมีมลพิษน้อย ค่าโลหะหนักอยู่ในระดับต่ า ค่าซัลเฟอร์ต่ ากว่าร้อยละ ๑ แต่หากเป็นถ่านหินคุณภาพต่ ามลพิษจะสูง การเกิดมลพิษในระหว่างการขนส่งหรือไม่ เช่น การตกหล่นลงในน้ า พบเพียงร่องรอยการตกหล่น ใน บริเวณที่มีการขนถ่าย เช่น อ าเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ส าหรับกรณีผลกระทบจาก มลพิษ ยังไม่มีรายงานปรากฏชัด มีเพียงรายงานการพบสารซัลเฟต อย่างไรก็ตาม จะต้องรายงานให้ กรมเจ้าท่า และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีหน้าที่ก ากับดูแลรับทราบ ทั้งนี้หากถ่านหินตกหล่นไป ในน้ าเป็นจ านวนมาก อาจส่งผลกระทบต่อปะการังหรือปลา เนื่องจากปริมาณถ่านหิน ที่เกิดทับถมลงไป ในแหล่งอาหารของปลาหรือสัตว์น้ า แต่ไม่พบรายงานของสารพิษ ที่ละลายออกมา เนื่องจากถ่านหินไม่ ละลายน้ า ถ่านหินบางส่วนที่เป็นฝุ่น หากสูดดมเข้าไปจะเกิดการระคายเคืองแบบฝุ่น ซึ่งที่ผ่านมา มักจะมีปัญหาการร้องเรียนเรื่องฝุ่นละออง ปัญหาเรื่องกลิ่น หรือหากถ่านหินอยู่ในสภาวะที่แห้งจะติดไฟ ได้ง่าย ส าหรับโลหะที่มีอยู่ในถ่านหิน หากมีการเก็บกอง และน้ าชะที่ดี ก็จะไม่พบปัญหา แต่ยังไม่มี รายงานทางการแพทย์ที่ชัดเจนว่าในถ่านหินมีพิษหรือไม่ กรณีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ จะใช้การขนส่งในระบบปิด การปล่อยมลพิษจะมีการบ าบัดให้ อยู่ในระดับมาตรฐาน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม แต่หากอุปกรณ์ในการดักจับเกิดขัดข้องจะ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการดักจับสารพิษลดลง และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ๙) หากเปรียบเทียบระหว่างถ่านหินกับก๊าซ ความเป็นพิษอย่างใดมากกว่ากัน ซึ่งจาก ข้อมูลพบว่า เชื้อเพลิงที่สะอาดที่สุด คือ ก๊าซ เนื่องจากค่าซัลเฟอร์คอนเทนต์ต่ า ส าหรับถ่านหิน นับว่า
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๕๔ เป็นเชื้อเพลิงที่มีความสะอาดน้อยที่สุด แต่ถ่านหินมีหลายประเภท หากเป็นถ่านหินที่มีคุณภาพสูง เช่น บิทูมินัสจะมีคุณภาพสูงกว่าลิกไนต์ - การเปรียบเทียบค่าปริมาณมลพิษเชื้อเพลิงอัดแท่ง Wood pallet กับถ่านหิน พบว่า Wood pallet เป็นชีวมวลที่มีค่าความร้อนต่ า การที่จะน ามาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อให้สามารถผลิตไฟฟ้า ได้เทียบเท่ากับความสามารถในการผลิตจากถ่านหินจะต้องใช้ในปริมาณมาก จึงจะมีปัญหาในเรื่องการ เก็บกอง ส าหรับปัญหาเรื่องการเผา ไม่มีปัญหาจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ แต่เมื่อใช้ในปริมาณมากจะมี เถ้าสูงกว่า ๑๐) ก่อนการน าถ่านหินไปใช้ในโรงงาน กรมควบคุมมลพิษมีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องด้าน มาตรฐานมลพิษ ซึ่งอยู่ภายใต้การก ากับดูแลอย่างไรนั้น กรมฯ ให้ข้อมูลว่าไม่ต้องผ่านการตรวจสอบ จากกรม แต่ต้องผ่านหน่วยงาน ที่ให้การอนุญาตก่อสร้างโรงงาน คือ กรมโรงงานอุตสาหกรรม หากใน ต่างจังหวัดจะเป็นส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ในส่วนของโรงไฟฟ้า ตั้งแต่ ๑๐ เมกะวัตต์ขึ้นไปต้อง จัดท ารายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยส านักงานนโยบาย และแผนสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ตรวจสอบ ควบคุม ซึ่งจะยังไม่อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบจากกรมควบคุมมลพิษ ๑๑) โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ปัจจุบันมีปัญหามลพิษ ทั้งจากการเทกองและการเผาไหม้ หรือไม่ ซึ่งได้รับทราบข้อมูลในการประชุมว่า ในส่วนของการเผาไหม้ มีการตรวจวัดจากปล่อง และ ตรวจวัดจากสิ่งแวดล้อมในบริเวณรอบโรงไฟฟ้า และใกล้เคียง พบว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั้งหมด ในส่วนของเหมือง และเทกอง ยังคงมีปัญหาในเรื่องของฝุ่นและแรงสั่นสะเทือน ซึ่งทางกรมควบคุม มลพิษ ได้เข้าไปตรวจสอบปีละครั้ง และมักจะมีปัญหาในช่วงที่เปิดหน้าดิน ๑๒) จากการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม กระบวนการ มาตรการที่บังคับใช้อยู่ ในปัจจุบันเพียงพอ ต่อการป้องกัน หรือแก้ไขสถานการณ์ที่อาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือไม่ พบว่า การสร้างโรงไฟฟ้าต้องเริ่มตั้งแต่ EIA หากมีข้อทักท้วง หรือประเด็นข้อสังเกตอย่างไร แล้วน ามาพิจารณา ปรับปรุง ติดตาม ด าเนินการตลอดอายุโครงการ ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด การปฏิบัติการที่ดีที่สุด ไปใช้กับ รายงานผลกระทบที่จัดท า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับความเชื่อมั่น ในการ ด าเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ก าหนดไว้ในรายงานผลกระทบอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการ โดยที่ผ่านมาพบว่าปัญหาการร้องเรียนมักเกิดขึ้นในบางช่วงเวลาที่มาตรฐานการด าเนินการลดต่ าลง ด้วยปัญหาทางด้านเทคนิค แม้ว่าในรายงานจะเขียนว่าเมื่อเกิดปัญหาจะหยุดการผลิต แต่ในความเป็น จริงไม่สามารถหยุดได้ ดังนั้น ในรายงานอาจเปลี่ยนแปลงข้อก าหนด หากในกรณีที่เกิดปัญหาที่ให้หยุด การผลิต ควรเปลี่ยนเป็นการจัดให้มีระบบส ารองมาแทน ๓.๑.๖) กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้น าเสนอข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการควบคุม ถ่านหิน ตามบทบาท และอ านาจหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยสรุป ดังนี้ พลังงานที่น ามาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ร้อยละ ๖๖ คือ ก๊าซ รองลงมาคือ ถ่านหิน โรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหิน เพื่อผลิตไฟฟ้า แบ่งเป็นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่อยู่ภายใต้การ ก ากับดูแลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม มีจ านวน ๕ โรง โดยโรงไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ โรงไฟฟ้า
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๕๕ แม่เมาะ จังหวัดล าปาง และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่อยู่ภายใต้การก ากับดูแลของการนิคมอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทย (มาบตาพุต) จ านวน ๘ โรง ในส่วนของการใช้ถ่านหินในอุตสาหกรรมขั้นต้น เช่น การท าเหมือง การถลุงแร่ นั้น จะอยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน และการเหมืองแร่ การก ากับดูแลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรมโรงงานอุตสาหกรรมบังคับใช้กฎหมายเฉพาะในส่วนถ่านหินที่เข้ามาใช้ในโรงงาน โดยมีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ - ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ก าหนดค่าปริมาณของสารเจือปนในอากาศที่ ระบายออกจากโรงงานผลิต ส่ง หรือ จ าหน่ายพลังงานไฟฟ้า พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยประกาศฉบับนี้จะก าหนดมาตรฐานการระบายก๊าซของโรงไฟฟ้าโดยเฉพาะ - ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ก าหนดค่าปริมาณของสารเจือปนในอากาศที่ ระบายออกจากโรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งเป็นการบังคับใช้กับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป จากฐานข้อมูลมีการใช้ถ่านหินในโรงงานอุตสาหกรรม ๑๘ ล้านตันต่อปี โดยใช้มากที่สุด ในโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ๑๖ ล้านตันต่อปีเมื่อเสร็จสิ้นการใช้งานแล้ว การก าจัดกากอุตสาหกรรมใน โรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งประกอบด้วยเถ้าลอย และเถ้าหนัก จะมีโรงงานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอนุญาตจาก กรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นผู้รับผิดชอบในการก าจัด บทบาทของกรมโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า คือ ขั้นตอน ในการพิจารณาอนุญาตการก่อตั้งโรงงาน จะท าการพิจารณาเอกสารอื่นๆ ประกอบกัน เช่น รายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากนั้นจึงพิจารณาให้ความเห็นชอบตามหลักการ และเหตุผล เพื่อ เสนอให้คณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าต่อไป ทั้งนี้ มลพิษที่ปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้า กรมฯต้องเป็นผู้ควบคุมก ากับดูแล ในส่วนของหม้อน้ าที่มีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง กรมฯ ก็จะท าการตรวจสอบว่ามีการ ติดตั้งระบบบ าบัดตามมาตรฐานหรือไม่ และมีการตรวจวัดคุณภาพของหม้อน้ า รวมทั้งอ านาจในการ ตรวจวัดก ากับดูแลในด้านฝุ่นละออง ประเด็นสอบถาม และแสดงความคิดเห็น ดังนี้ ๑) ปัจจุบัน โรงไฟฟ้าถ่านหินที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรม จ านวน ๕ โรง ด าเนินการ ตามมาตรฐานป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งหมดแล้ว โดยไม่พบปัญหาด้านมลพิษ ที่ปล่อยออกมา จากโรงงานแต่อย่างใด ๒) มาตรการบังคับหากกรณีโรงงานไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมาย ในการควบคุม การปล่อยมลพิษสู่สภาวะแวดล้อม ประกอบด้วยมาตรการบังคับทางกฎหมาย มีทั้งมาตรการทาง ปกครอง และการปรับ กล่าวคือ มาตรา ๓๗ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ มีอ านาจสั่งให้โรงงานระงับการกระท าที่ฝ่าฝืน หรือ แก้ไข หรือปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้อง หรือเหมาะสมภายในระยะเวลาที่ก าหนดได้ มาตรา ๓๙ ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานใด จงใจไม่ปฏิบัติตามค าสั่งของพนักงาน เจ้าหน้าที่ ตามมาตรา ๓๗ โดยไม่มีเหตุอันควร อาจจะก่อให้เกิดอันตราย ความเสียหาย หรือความ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๕๖ เดือดร้อนอย่างร้ายแรงแก่บุคคล หรือทรัพย์สินที่อยู่ในโรงงาน หรือที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงาน ให้ ปลัดกระทรวง หรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมาย มีอ านาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานนั้นหยุด ประกอบกิจการโรงงานทั้งหมด หรือบางส่วน เป็นการชั่วคราว และปรับปรุงแก้ไขโรงงานนั้นเสียใหม่ หรือปฏิบัติให้ถูกต้อง ภายในระยะเวลาที่ก าหนด ถ้าผู้ประกอบกิจการโรงงานได้ปรับปรุงแก้ไขโรงงาน หรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายใน ระยะเวลาที่ก าหนดแล้ว ให้ปลัดกระทรวง หรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมาย สั่งให้ประกอบกิจการ โรงงานต่อไปได้ ถ้าผู้ประกอบกิจการโรงงานไม่ปรับปรุงแก้ไขโรงงาน หรือไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง ภายใน เวลาที่ก าหนด ให้ปลัดกระทรวง หรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมาย มีอ านาจสั่งปิดโรงงานได้และใน กรณีที่เป็นโรงงานจ าพวกที่ ๓ ให้ค าสั่งปิดโรงงานดังกล่าว มีผลเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตด้วย มาตรา ๔๕ ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ที่ออกตามมาตรา ๘ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๘) หรือประกาศของรัฐมนตรีที่ออกตามกฎกระทรวงดังกล่าว ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน สองแสนบาท ๓) เมื่อมีการร้องเรียน กรมโรงงานอุตสาหกรรม มีมาตรการด าเนินการตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่จากส านักงานอุตสาหกรรมในจังหวัด จะเข้าไปตรวจสอบ คือ ท าการตรวจสอบ และออก มาตรการตามมาตรา ๓๗ มาตรา ๓๙ ต่อไป ๔) ความถี่ในการออกตรวจคุณภาพมาตรฐานอากาศ จะมีการก าหนดไว้ในรายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีบริษัทเอกชนที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม มาด าเนินการตรวจ ซึ่งจะต้องรายงานผลการตรวจสอบ ไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรม และส านักงาน นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทุก ๖ เดือน ส าหรับการติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติContinuous Emission Monitoring Systems; CEMS คือ เครื่องตรวจวัดความเข้มข้นของมลพิษอากาศจากปล่อง ที่เป็น แหล่งก าเนิดมลพิษทางอากาศแบบอัตโนมัติ ประกอบด้วยส่วนส าคัญ ๓ ส่วน คือ ส่วนการเก็บ และส่ง ตัวอย่าง (Sampling interface/Sampling delivery System ส่วนการวิเคราะห์ (Analyzer) และส่วน การจัดการข้อมูล (Data acquisition System) เป็นมาตรการบังคับให้ติดตั้งเฉพาะในเขตนิคม อุตสาหกรรมมาบตาพุต นิคมอุตสาหกรรมผาแดง นิคมอุตสาหกรรมตะวันออก นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย และโรงงานอื่นตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมก าหนด แต่ในพื้นที่อื่นไม่มีการบังคับให้ติดตั้ง นอกจากมี การก าหนดเป็นกรณีพิเศษ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ก าหนดให้โรงงานต่างๆ ต้องติดตั้ง เครื่องมือ หรืออุปกรณ์พิเศษ เพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติ พ.ศ. ๒๕๔๔ แต่ใน มาตรการของส านักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาจจะมีการก าหนดให้มี การติดตั้ง ๕) การอนุญาต การก ากับดูแล ตามบทบาทหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ครอบคลุมโรงงานของส่วนราชการ ยกเว้นโรงงานตามมาตรา ๓๐ คือ โรงงานในเขตการนิคม อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไม่ต้องมีใบอนุญาต แต่โรงงานอื่นที่ไม่เข้าข่ายตามมาตรา ๓๐ และไม่เป็น โรงงานของรัฐ เพื่อความมั่นคงต้องมาขอใบอนุญาต ดังนั้น โรงไฟฟ้าต้องมาขออนุญาตตั้งโรงงานจาก กรมโรงงานอุตสาหกรรม และขออนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าจากคณะกรรมการก ากับกิจการพลังงาน
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๕๗ ๖) ข้อก าหนดโดยเฉพาะในการก าจัดสารพิษ ที่จะปล่อยออกมาสู่บรรยากาศของ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ เริ่มตั้งแต่การยื่นแบบ เพื่อขออนุญาตก่อสร้างจะต้องระบุไว้ในแบบแปลนเกี่ยวกับ ระบบบ าบัดสารพิษต่างๆ ทั้งนี้ มลพิษที่จะต้องบ าบัดเป็นไปตามกฎหมาย ที่ก าหนดของโรงไฟฟ้า ตาม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ก าหนดค่าปริมาณของสารเจือปนในอากาศที่ระบายออกจาก โรงงานผลิต ส่ง หรือจ าหน่ายพลังงานไฟฟ้า พ.ศ. ๒๕๔๗ ทั้งนี้ ระบบบ าบัดที่เลือกใช้จะขึ้นอยู่กับ เทคโนโลยีของแต่ละโรงงาน แต่ต้องมีวิศวกรลงชื่อรับรอง ๗) ในกฎ หรือระเบียบ ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม มีการก าหนดให้มีระบบส ารอง เพื่อป้องกันปัญหาการหยุดเดินเครื่อง หรือเพื่อป้องกันไม่ให้มีการผลิตต่อเนื่องไป โดยที่ระบบบ าบัดไม่ได้ คุณภาพตามมาตรฐาน หรือไม่ นั้น ในระเบียบการพิจารณาอนุญาต ไม่ได้ก าหนดให้ต้องติดตั้งเครื่อง บ าบัดส ารอง แต่อย่างไรก็ตาม มีการก าหนดเรื่องความปลอดภัยของโรงงาน ที่จะมีข้อก าหนดในกรณี ฉุกเฉินเป็นมาตรการรองรับ เพียงแต่ไม่ได้เป็นขั้นตอน หรือมาตรการบังคับที่ก าหนดไว้ตั้งแต่ต้นในการ ขออนุญาต ๓.๑.๗ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้แทนจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้น าเสนอเกี่ยวกับการก าหนด มาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า โดยสรุป ดังนี้ ในกรณีการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่การนิคมอุตสาหกรรม หากเป็นโรงไฟฟ้า ที่ก าหนดให้ต้องจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และรายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ต้องด าเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตามประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องก าหนดประเภท และขนาดของโครงการ หรือ กิจการซึ่งต้องจัดท ารายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๕ และประกาศ เรื่อง ก าหนดประเภท ขนาด และวิธีปฏิบัติส าหรับโครงการ หรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน อย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน จะต้องจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๓ ตั้งแต่ ก่อนเริ่มโครงการไปจนถึงการติดตามภายหลังจากการด าเนินการผลิต โดยเป็นการรายงานผลการปล่อย มลพิษจากการผลิต ทุก ๖ เดือน ทั้งนี้ คณะกรรมการ กนอ. ได้ออกข้อบังคับคณะกรรมการ กนอ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ ระบุให้ผู้ขออนุญาตประกอบกิจการ จัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ส าหรับ โครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนรุนแรงฯ และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นฯ รวมทั้งให้องค์การอิสระให้ความคิดเห็นประกอบก่อน กนอ. จึงจะพิจารณาการประกอบกิจการดังกล่าว ต่อไป มาตรการควบคุมมลพิษในเขตนิคมอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไม่ได้มีอ านาจในการบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับ การควบคุมมลพิษโดยตรง แต่อาศัยบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้ เช่น มาตรฐาน
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๕๘ คุณภาพอากาศจากปล่องของกรมโรงงานอุตสาหกรรม คุณภาพมาตรฐานอากาศในบรรยากาศทั่วไป มาตรการในการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายของโรงงานที่ตั้ง อยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม นอกจากมาตรการในการก ากับดูแล กนอ. ยังมีมาตรการเฝ้าระวังโดยอาศัยการ ก าหนดค่ามาตรฐานตามประกาศที่เกี่ยวข้อง และติดตั้งเครื่องวัดอัตโนมัติต่อเนื่อง รวมทั้งมีการจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการ กนอ. (I-EA-T Operation Center) หรือ EMC2@ I-EA-T” ขึ้น ณ ส านักงานใหญ่ เพื่อ ท าหน้าที่เป็นศูนย์กลางการก ากับดูแลนิคมอุตสาหกรรม และโรงงานอุตสาหกรรม ในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะท าให้การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมี การบูรณาการข้อมูลร่วมกัน โดยศูนย์ปฏิบัติการจะเชื่อมโยงข้อมูลจากนิคมอุตสาหกรรมเข้าสู่ศูนย์ ปฏิบัติการฯ โดยผ่านศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ที่เป็นศูนย์รวม (Hub) ข้อมูล สิ่งแวดล้อม มาตรการบังคับใช้กฎหมาย หากกรณีโรงงานไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายใน การควบคุมการปล่อยมลพิษสู่สภาวะแวดล้อม ๑) การบังคับใช้กฎหมายหากกรณีโรงงานไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายในการ ควบคุม การปล่อยมลพิษสู่สภาวะแวดล้อม มีมาตรการบังคับทางกฎหมาย มีทั้งมาตรการทางปกครอง และการปรับ กล่าวคือ พระราชบัญญัติโรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๓๕ ในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ ประเด็นข้อสอบถาม และแสดงความคิดเห็น ดังนี้ ๑) กรณีที่มีโรงงานอยู่รวมกันมากขึ้น ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม กนอ. ได้รับมอบหมาย จากส านักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กรมควบคุมมลพิษ ให้จัดท า แบบประเมินผลกระทบ โดยใช้แบบจ าลองทางคณิตศาสตร์เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนที่ และกระจายตัว ของมลพิษทางอากาศจากแหล่งก าเนิดในการจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประเมิน ความเพียงพอของมาตรการ และ/หรืออุปกรณ์ควบคุม การปล่อยมลพิษทางอากาศจากแหล่งก าเนิด ออกสู่สิ่งแวดล้อม พิจารณาก าหนดที่ตั้งสถานีติดตามตรวจสอบมลพิษทางอากาศที่เหมาะสม เพื่อ ประกอบการพิจารณาก าหนดนโยบาย แผน โครงการ และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพอากาศ โดยตรง ผลจากการใช้แบบจ าลองทางคณิตศาสตร์หาค่าการปล่อยมลพิษ ที่จะปล่อยออกสู่อากาศในพื้น ที่ว่าสามารถรองรับการปล่อยมลพิษได้อีกหรือไม่ จะเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตก่อตั้งโรงงานที่ส าคัญ ในบริเวณพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง การจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (EIA) เสนอต่อ สผ. ภายหลังจากปี ๒๕๕๒ ต้องอิงกับหลักเกณฑ์การพิจารณารายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการด้านอุตสาหกรรม และด้านพลังงาน ในบริเวณพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง เกี่ยวกับการปรับลดมลพิษตามมาตรการปรับลด และส ารอง ส่วนค่าการระบายมลพิษ ทางอากาศ คือ หากผู้ประกอบการจะก่อสร้าง หรือขยายโรงงาน จะต้องลดอัตราการระบายมลพิษจาก ค่าที่ด าเนินการได้จริง เช่น หากผู้ประกอบการลดการปล่อยมลพิษได้ ๑๐๐ ส่วน ผู้ประกอบการจะ ลงทุนในโครงการที่ก่อมลพิษได้ไม่เกินร้อยละ ๘๐ ของอัตราที่ปรับลดลงเท่านั้น ส่วนร้อยละ ๒๐ ที่เหลือ ต้องคืนให้กับสิ่งแวดล้อม หรือเรียกว่า หลักการ ๘๐/๒๐ ซึ่งค่ามาตรฐานมลพิษที่ปล่อยออกมาของ โรงงานเก่า และที่ต้องการขยายใหม่ รวมกันจะน าอัตราการระบาย ที่ลดลงมาใช้ในโครงการขยายได้ ไม่เกินร้อยละ ๘๐ ของอัตราการปรับลด จึงจะอยู่ในข่ายที่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ โดยโรงงานที่ขอ ขยายในช่วงที่บังคับใช้มาตรา ๘๐/๒๐ ในช่วงแรกจะมีความได้เปรียบกว่าโรงงานที่มาขอขยายในระยะ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๕๙ หลัง เนื่องจากมีการน าเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อลดมลพิษในการผลิตมาใช้เป็นจ านวนมาก หากเป็น โรงงานที่ตั้งก่อนหน้านั้น กนอ. จะใช้มาตรการทางกฎหมายก ากับ หรือนโยบายขอความร่วมมือ โดยเน้น การก ากับตามที่ก าหนดไว้รายงาน EIA เป็นหลัก หรือตามค่ามาตรฐานที่มีการบังคับใช้อยู่เป็นการทั่วไป ๒) โรงงานที่มีความประสงค์จะจัดตั้งในเขตนิคมอุตสาหกรรม หากเป็นกิจการที่อยู่ใน เกณฑ์ต้องจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ก็ต้องจัดรับฟังความคิดเห็น ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของการจัดท า รายงานผลกระทบฯ รวมถึงกรณีการก่อตั้งเขตนิคมอุตสาหกรรม ก็จะต้องมีการจัดท ารายงานผลกระทบ สิ่งแวดล้อมด้วย เนื่องจากในเขตนิคมอุตสาหกรรม จะมีโรงงานประเภทต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดมลพิษ ดังนั้น การจัดตั้งโรงงาน จึงมีการจัดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามที่กฎหมายก าหนด ทั้งนี้ กนอ. ให้ความส าคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนโดยรอบ จึงมีคณะกรรมการจ านวนหลายชุด ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการด าเนินการติดตามตรวจสอบ เช่น คณะกรรมการโครงการธงขาวดาวเขียว คณะกรรมการไตรภาคี คณะกรรมการที่ กนอ. จัดตั้ง หรือ คณะกรรมการที่ตั้งขึ้น ตามรายงานฯ ๓) ในการขยายโรงงานในอุตสาหกรรมมาบตาพุต ก็จะมีการใช้มาตรการปรับลด และ ส ารองสัดส่วนค่าการระบายมลพิษทางอากาศ (๘๐/๒๐) เพื่อให้พื้นที่ยังคงมีศักยภาพรองรับการปล่อย มลพิษจากโรงงานไม่เกินค่ามาตรฐานที่ก าหนด ส าหรับโรงงานที่จะท าการก่อสร้างขึ้นใหม่ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุต จะใช้ มาตรการระดับผลกระทบที่มีนัยส าคัญ หรือ Significant Impact Level : SIL ในกรณีที่ไม่มีการตั้ง โรงงานเก่ามาก่อน จะต้องใช้ค่าการประเมินมลพิษทุกโรงงาน ในพื้นที่การนิคมมาบตาพุต และแหล่ง ใกล้เคียงมาตั้ง เพื่อหาค่า SIL แล้วน ามาค านวณแบบจ าลองทางคณิตศาสตร์ ตามเกณฑ์ที่ สผ. ก าหนด เพื่อก าหนดค่ามลพิษที่โรงงานตั้งใหม่จะปล่อยมลพิษได้ซึ่งต้องไม่เกินค่า SIL ๔) โรงไฟฟ้าเดิมที่ก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรม ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของการจัดท า EHIA แต่ยังคงต้องจัดท า EIA ซึ่งขั้นตอนก่อนเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้า สผ. จะก าหนดตั้งแต่ เรื่องคุณภาพของถ่าน หิน เช่น โรงไฟฟ้าบี. แอล. ซี. พี. ก าหนดให้ใช้ถ่านหินประเภทบิทูมินัส การก าหนดมาตรการระบบบัด บ าบัดมลพิษ การบริหารจัดการคุณภาพน้ า อากาศ ของเสีย การติดตั้งระบบเฝ้าระวัง และติดตั้งระบบ CEMs ซึ่งเป็นมาตรการใน EIA ภายหลังจากโรงไฟฟ้าด าเนินงานแล้ว ก็จะต้องจัดส่งรายงานติดตามให้กับ สผ. และ หน่วยงานอนุญาตที่เกี่ยวข้อง รับทราบทุก ๖ เดือน โดย กนอ. ก ากับดูแลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๕) ในพื้นที่ของ กนอ. ซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมจ านวนมากค่ามลพิษในบริเวณนิคม อุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับมาตรฐานคุณภาพอากาศ ไม่มีรายงานค่ามลพิษสูงเกินกว่าเกณฑ์ที่ก าหนด และมีการติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของการนิคม และสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของ หน่วยงานอื่นๆ ที่ท าการเฝ้าระวังด้านสิ่งแวดล้อมด้วย ๖) การติดตามตรวจสอบการด าเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของโรงงานในนิคม อุตสาหกรรม กนอ. ได้จัดโครงการธงขาวดาวเขียว ซึ่งเป็นมาตรการในทางส่งเสริม และก ากับดูแล โดยโรงงานจะต้องให้คณะท างานโครงการฯ เข้าไปตรวจสอบ ในพื้นที่โรงงาน ซึ่งคณะท างาน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่จากส่วนราชการในท้องถิ่น และผู้แทนชุมชนใกล้เคียง โดยท าการตรวจสอบในเรื่องการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และมาตรการด้าน
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๖๐ ความปลอดภัย มาตรการชุมชนสัมพันธ์ เป็นประจ าทุกปี ซึ่งเริ่มต้นโครงการในเขตนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุตเป็นแห่งแรก เพื่อลดปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และปัญหาการอยู่ร่วมกันของโรงงาน อุตสาหกรรม และชุมชน ๗) การรับทราบข้อมูลของ กนอ. ในการตรวจค่ามลพิษ ของโรงงานมีแนวทางดังต่อไปนี้ - กนอ. จะได้รับทราบข้อมูลรายงานจากส านักงานนโยบาย และแผนสิ่งแวดล้อม ซึ่ง ผู้ประกอบการจะต้องรายงานการด าเนินงานตามที่ระบุไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยก าหนด ๒ ครั้งต่อปีหาก สผ. พบข้อมูลที่ผิดปกติจะท าการแจ้งให้ กนอ. ทราบ - กนอ. มีการเก็บตัวอย่างส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการ และการวัดค่าต่อเนื่อง ๒๔ ชั่วโมง - กรณีที่โรงงานมีการติดตั้งระบบตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่องระบายอย่าง ต่อเนื่อง อัตโนมัติ(หรือ CEMs ) หรือ ในพื้นที่ที่มีสถานีตรวจวัดแบบออนไลน์ที่ส่งข้อมูลเข้ามาในระบบ เช่น ข้อมูลศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุต หรือ ศูนย์ EMC จะมี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลที่ส่งเข้ามา หากพบกรณีที่ผิดปกติก็จะท าการตรวจสอบกลับไปในพื้นที่ รวมทั้ง มีการตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่ ๘) กนอ. ท าการเข้าตรวจโรงงานที่มีอายุการด าเนินงานมานานกว่า ๑๐ ปี โดยเป็นการ ตรวจในด้านความปลอดภัยในการท างานเป็นหลัก ตลอดจนติดตามการด าเนินงานด้านการมีส่วนร่วม ทั้งนี้ หากไม่พบการปล่อยมลพิษที่สูงเกินกว่ามาตรฐานจะไม่มีมาตรการในการเร่งรัดให้เปลี่ยนแปลง เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต ๙) ประเด็นการน าถ่านหินมาใช้เป็นเชื้อเพลิง และการขนส่งถ่านหินเพื่อน าเข้ามาใช้งาน ซึ่งพื้นที่ที่ด าเนินโครงการโรงไฟฟ้าบางส่วนอยู่ในพื้นที่ของการนิคม และบางส่วนอยู่ในพื้นที่ที่ท าการถม ทะเล ซึ่งโรงไฟฟ้าที่มีก าลังการผลิตตั้งแต่ ๑๐ เมกกะวัตต์ ขึ้นไป จะต้องจัดท า EIA โดย สผ. จะเป็น หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการพิจารณารายงานฯ เมื่อผ่านความเห็นชอบแล้ว จึงจะท าการก่อสร้างได้ จากนั้นเมื่อมีการด าเนินการผลิตไฟฟ้า กนอ. จะก ากับดูแลในส่วนของมลพิษที่ปล่อยสู่อากาศตลอด ๒๔ ชั่วโมง มีการสุ่มตรวจวัด และการติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ๑๐) ขั้นตอนการสุ่มตรวจค่ามลพิษ กนอ. มีขั้นตอนการด าเนินการ ดังนี้ - มาตรการติดตามตรวจสอบตามกฎหมายส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปีละ ๒ ครั้ง ซึ่งหาก สผ. พบข้อมูลการปล่อยมลพิษที่ผิดไปจากปกติจะรายงานมายัง กนอ. - กนอ. มีการตรวจติดตามที่ก าหนดไว้ในรายงาน EIA คือ การสุ่มเก็บตัวอย่าง - การติดตั้งเครื่องมือวัดค่าต่อเนื่อง CEMs ๑๑) การด าเนินงานของหน่วยงานในปัจจุบันมีการแบ่งอ านาจหน้าที่ดังนี้ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกันในปี ๒๕๓๕ โดยอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติ โรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามล าดับ โดย สผ. และ คพ. เป็นหน่วยงานที่บังคับใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งจะก าหนดค่ามาตรฐานมลพิษทั่วไป แต่ในกรณี คพ. จะประกาศค่ามลพิษใน พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง จะต้องมีการออกประกาศให้โรงงานใดเป็นแหล่งก าเนิดมลพิษตามกฎหมาย จากนั้น จึงจะออกประกาศก าหนดค่ามาตรฐานมลพิษจากแหล่งก าเนิดได้ ในส่วนของ กรอ. จะก ากับดูแลเฉพาะ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๖๑ ในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรมจะออกมาตรฐานที่ควบคุมเฉพาะกิจการที่เข้าข่ายในเขตโรงงานเท่านั้น ไม่ได้ก าหนดค่ามาตรฐานมลพิษเป็นกรณีทั่วไป กนอ. ท าหน้าที่ก ากับดูแลโรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม โดยอาศัยอ านาจตาม พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ หากเกิด กรณีที่ กนอ. ไม่สามารถด าเนินการให้เป็นไปตามมาตรการบังคับทางกฎหมายในการควบคุมการปล่อย มลพิษของโรงงานในเขตการนิคม คพ. สามารถเข้ามาบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติส่งเสริม คุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของการนิคมฯ ได้ ในทางปฏิบัติกนอ. จะท าการการเฝ้าระวังเรื่องคุณภาพอากาศ น้ า จากโรงงานที่ปล่อย ออกสู่ทะเล เมื่อน้ า หรือของเสียลงไปสู่ทะเลก็จะเป็นอ านาจหน้าที่ของ คพ. ที่จะตรวจสอบค่า มาตรฐานน้ าทะเล เมื่อพบค่ามลพิษที่สูงเกินกว่ามาตรฐานก็สามารถบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่ง เป็นการใช้อ านาจในลักษณะการตรวจสอบ ถ่วงดุลย์กันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด วิกฤต ปัญหาสิ่งแวดล้อมในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสี่หน่วยงาน (สผ. คพ . กนอ. กรอ.) ได้เข้าไปบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สร้างความ ตระหนักให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ถึงความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย และมาตรการด้าน สิ่งแวดล้อมของหน่วยงานรัฐได้เป็นอย่างดี ๑๒) ที่ผ่านมาโรงงานที่ผลิตไฟฟ้าใช้เอง อาจมีปัญหาการตกหล่นของถ่านหินในการ ขนส่งที่ไม่มีการปกคลุมมิดชิด น้ าในลานเทกองถ่านหิน กนอ. ได้มีมาตรการเริ่มตั้งแต่ การตักเตือน สั่งการให้ปรับปรุงแก้ไข จนกระทั่งการเปรียบเทียบปรับ ส่งผลให้มีความเรียบร้อยมากขึ้น การฟุ้ง กระจายของฝุ่น ได้สั่งการให้ใช้ม่านน้ าลดการฟุ้งกระจาย การพลิกกลับกองถ่านหินเพื่อลดอุณหภูมิภายใน การแจ้งเรื่องการปรับปรุงคุณภาพโรงงาน การควบคุมเรื่องอุณหภูมิโดยรอบของโรงงาน ไม่มีการประกาศก าหนดเกี่ยวกับอุณหภูมิ ที่ปล่อยสู่บรรยากาศโดยเฉพาะ แต่ในพื้นที่อุตสาหกรรมจะมีหอเผา (Flare Stack) ที่อาจส่งผลต่อ อุณหภูมิในพื้นที่ของเขตนิคมอุตสาหกรรม จึงมีมาตรฐานการปฏิบัติในการดูแลค่าความร้อนกับค่าการ แผ่รังสีความร้อน แต่อุณหภูมิที่สูงขึ้นไม่มีการก าหนดมาตรฐานที่แน่ชัด เหมือนกับเรื่องมาตรฐานค่า อากาศ ที่มีการก าหนดในกฎหมาย นอกจากมาตรการควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กล่าวมา กนอ. ยังมีมาตรการ ก ากับดูแล ดังนี้ - คณะกรรมการชุดติดตาม ซึ่งเป็นคณะเทคนิค โดยมีชุมชนประมงรอบพื้นที่ เข้าไป ติดตามการท างานของโรงงาน และท่าเรือ ทุก ๒ เดือน แยกตรวจโรงไฟฟ้ากับท่าเรือขนส่งถ่านหิน - คณะกรรมการที่ท าหน้าที่ก ากับ โดยรองผู้ว่าการนิคมฯ ชุมชน ส านักงานสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่เข้าร่วมเข้าตรวจสอบทุก ๓ เดือน - คณะกรรมการไตรภาคีตรวจสอบทุกราย ๔ เดือน การก าหนดมาตรการในการก ากับดูแลของ กนอ. แม้จะก าหนดมาตรการที่เข้มงวดมา ตั้งแต่ต้น แต่หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ไฟฟ้าดับ ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบการก าจัดมลพิษของโรงงาน
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๖๒ จ าเป็นต้องมีระบบการส ารองไฟฟ้า เพื่อไม่ให้ประสิทธิภาพในการก าจัดมลพิษลดลง โดยจะมีมาตรการ รองรับเหตุฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ ๑๔) แม้ว่าตามหลักการโรงไฟฟ้าถ่านหิน จะปล่อยมลพิษมากที่สุด แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะต้องมีการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เริ่มตั้งแต่คุณภาพถ่านหินที่ใช้เทคโนโลยี ในการก าจัดสารปนเปื้อนต่างๆ ที่จะปล่อยออกสู่บรรยากาศ การก าจัดขยะอุตสาหกรรมซึ่งมีทั้งที่เป็น อันตราย และไม่เป็นอันตราย การควบคุมจัดการค่อนข้างยาก เกิดปัญหาเรื่องกลิ่น เชื้อโรค การเผาไหม้เกิดค่าไดออกซิน ซึ่งค่ามาตรฐานต่างๆ จะต้องตรวจวัดอย่างเข้มข้น ปัจจุบันห้องปฏิบัติการ ที่สามารถท าการตรวจสอบค่าไดออกซินได้มีจ านวนค่อนข้างน้อย ทั้งนี้ประเด็นเรื่องขยะอุตสาหกรรม กนอ. มุ่งเน้นการก าจัดขยะมากกว่าการน ามาผลิตไฟฟ้า โรงไฟฟ้าถ่านหินถึงแม้จะมีมาตรการก ากับควบคุมด้านสิ่งแวดล้อม และระบบควบคุมที่ดี แต่จากข้อมูลรายงานของต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น พบว่ามีการเปลี่ยนรูปของสารที่ปล่อยออกมาจาก โรงไฟฟ้า เช่น ในที่ราบคันโต ประเทศญี่ปุ่น มีสารที่แปรรูปจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นฝนกรด ส่งผลต่อพื้นที่โดยรอบ เนื่องจากเป็นการรายงานค่ามลพิษในนิคมอุตสาหกรรมเป็นหลัก แต่ไม่มีข้อมูล การแปรรูปสถานะของมลพิษสู่สภาพแวดล้อมภายนอกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งหากจะพิจารณา ประเด็นของมลพิษอื่นๆ ต่อเนื่อง อาจต้องดูผลกระทบจากการแปรรูปของมลพิษที่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อม นอกพื้นที่ด้วย กรณีโรงไฟฟ้าแม่เมาะใช้ลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งในอดีตยังไม่มีการติดตั้งระบบบ าบัด เมื่อเกิดปัญหา จึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าว จึงได้มีการติดตั้ง เครื่องก าจัดก๊าซต่างๆ ตลอดจนการคัดเลือกถ่านหินที่มีคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันค่ามาตรฐานมลพิษอยู่ใน ระดับไม่เกินกว่าค่ามาตรฐานที่กฎหมายก าหนด แต่ในการนิคมฯ ไม่ได้ใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหินลิกไนต์ แต่เป็นบิทูมินัส ซึ่งมีการรับรองคุณภาพถ่านหิน โดยค่าซัลเฟอร์คอนเทนต์ที่อยู่ในระดับมาตรฐาน หาก พบว่าถ่านหินที่ใช้คุณภาพไม่ตรงตามที่ก าหนดจะถูกปรับในวงเงินที่สูง ซึ่งโรงไฟฟ้าในเขตนิคม อุตสาหกรรมมาบตาพุตทั้งสองโรงงานจะต้องน าเสนอข้อมูลของถ่านหิน ตลอดจนการปลดปล่อยก๊าซต่อ คณะกรรมการที่เข้าตรวจว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่แจ้งต่อ สผ. หรือไม่ ส าหรับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับถ่านหินสะอาด จะเริ่มต้นตั้งแต่การท าให้ค่าซัลเฟอร์ ในถ่านหินน้อยลง จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการเผาไหม้จะท าการเลือกใช้เทคโนโลยีการเผาไหม้ที่ดีเพื่อลด การเกิดมลพิษ และขั้นตอนสุดท้ายคือ เทคโนโลยีในการบ าบัดสารที่ปล่อยออกมาสู่บรรยากาศ ส าหรับ ประเทศไทยเริ่มต้นจากการเลือกใช้เทคโนโลยีที่บ าบัดค่าสารพิษที่ปล่อยสู่บรรยากาศมาใช้ก่อน ซึ่งเป็น การเริ่มต้นจากการน ากระบวนการในท้ายสุดเข้ามาใช้ก่อนการปรับเปลี่ยนด้านอื่นๆ ๓.๑.๘ ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนจากส านักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้น าเสนอเกี่ยวกับการจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยสรุป ดังนี้ ๑. บทบาท และอ านาจหน้าที่ของส านักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (สผ.) ส านักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เป็นหน่วยงาน ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่โรงไฟฟ้า ซึ่งใช้
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๖๓ เชื้อเพลิงฟอสซิล และเข้าข่ายเป็นกิจการตามประเภท และขนาดที่กฎหมายก าหนด ให้ต้องจัดท า รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กําหนดประเภท และขนาดของโครงการ หรือกิจการ ซึ่งต้องจัดทํารายงาน การวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทํารายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๕ (ยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดประเภท และขนาดของโครงการ หรือกิจการ ซึ่งต้องจัดท ารายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางการจัดท ารายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๒) โดยก าหนดให้โรงไฟฟ้าพลังความ ร้อน ที่มีก าลังผลิตกระแสไฟฟ้า ตั้งแต่ ๑๐ เมกกะวัตต์ขึ้นไป ต้องจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (EIA) ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ ให้เป็นไปตามที่ประกาศก าหนด โดยให้เสนอ รายงานฯ ในขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้าง เพื่อประกอบกิจการ หรือขั้นขออนุญาตประกอบกิจการ แล้วแต่กรณี แต่ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้ยกเว้นให้โรงไฟฟ้า ที่ใช้ขยะมูลฝอยชุมชน เป็นเชื้อเพลิง หากไม่ได้อยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ า ชั้น ๑ และชั้น ๒ ไม่อยู่ในพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงฯ ไม่อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม ตามมติของ ครม. ให้โรงไฟฟ้าพลังความร้อน ที่ใช้ขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิงดังกล่าว ไม่ต้องจัดท า รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการ จัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป โดยผู้ประกอบการจะต้องเลือกบริษัทที่ปรึกษาที่ขึ้นทะเบียนกับส านักงาน เป็นผู้จัดท า รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ๒. แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนกรณีการจัดท า EIA จะจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น อย่างน้อย ๒ ครั้ง กล่าวคือ - ครั้งที่ ๑ ในระหว่างเริ่มต้นโครงการ โดยรับฟังความคิดเห็นต่อร่างข้อเสนอโครงการ และขอบเขตการศึกษา วัตถุประสงค์ ให้ประชาชน รับทราบข้อมูลโครงการ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น แนวทาง การศึกษา และประเด็นที่จะศึกษา ในรายงาน EIA และเพื่อให้ประชาชนได้แสดงข้อคิดเห็นต่อ ประเด็นที่ห่วงกังวล และให้เจ้าของโครงการน าประเด็นนั้นไปศึกษา และเสนอมาตรการป้องกัน และ แก้ไขผลกระทบ และมาตรการติดตามตรวจสอบ - ครั้งที่ ๒ ในระหว่างการเตรียมจัดท าร่างรายงาน และมาตรการป้องกัน และแก้ไข ผลกระทบสิ่งแวดล้อม วัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และให้ข้อคิดเห็น ต่อผลการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบ มาตรการติดตามตรวจสอบ กรณีมี การอพยพ การรอนสิทธิ ต้องเสนอแผนอพยพ การรอนสิทธิและการเวนคืนให้ชัดเจน ๓. การจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ (EHIA) กรณีโครงการ ที่มีผลกระทบรุนแรง หรือโครงการขนาดใหญ่ก็จะต้องจัดท ารายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ (EHIA) ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยก าหนดให้โรงไฟฟ้าพลังความร้อน ขนาดก าลังผลิตกระแสไฟฟ้ารวมตั้งแต่
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๖๔ ๑๐๐ เมกะวัตต์ขึ้นไป ต้องจัดท ารายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจาก การพัฒนาโครงการ โดยก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เรื่อง กําหนดประเภท ขนาด และวิธีปฏิบัติสําหรับโครงการ หรือกิจการที่อาจ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและ สุขภาพ ที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน จะต้องจัดทํารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งก าหนดให้โรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาดก าลังผลิต กระแสไฟฟ้ารวมตั้งแต่ ๑๐๐ เมกะวัตต์ขึ้นไป ต้องจัดท ารายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทาง สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ โดยโครงการที่เข้าข่ายต้องจัดท า รายงาน ได้แก่ โรงไฟฟ้ากระบี่ โรงไฟฟ้าเทพา โรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ (EHIA) ซึ่งประกอบด้วยการรับฟังความคิดเห็น ๓ รอบ ประกอบด้วย • ครั้งที่ ๑ (ค. ๑) กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย ในการก าหนดขอบเขต และแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ • ครั้งที่ ๒ (ค. ๒) กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย ในขั้นตอนการประเมิน และจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบฯ • ครั้งที่ ๓ (ค. ๓) กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย ในการทบทวนร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบฯ จากนั้นจึงน าส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ เสนอต่อ สผ. เพื่อน าเข้าสู่การพิจารณาของ คณะกรรมการผู้ช านาญการ (คชก.) พิจารณารายงาน และน าส่งความคิดเห็นกลับไปยังหน่วยงาน เจ้าของโครงการ และองค์กรอิสระ เพื่อให้ความคิดเห็นประกอบ จากนั้น จึงเข้าสู่กระบวนการรับฟัง ความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียโดยหน่วยงานอนุมัติหรือหน่วยงานอนุญาต ไปจัดรับฟัง ความคิดเห็นในขั้นตอนสุดท้าย และน าส่งความคิดเห็นที่ได้ให้กับ สผ. เพื่อรวบรวมประกอบกับความ คิดเห็นขององค์กรอิสระ น าเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อเสนอความคิดเห็นต่อ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการ ประเด็นข้อสอบถาม และแสดงความคิดเห็น ดังนี้ ๑) มาตรการควบคุมมลพิษจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน มีการด าเนินการควบคุมคุณภาพ อากาศจากโรงไฟฟ้าถ่านหินระบุไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นมาตรการ ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้ง อากาศเสียจากโรงไฟฟ้า ตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยคณะกรรมการผู้ชาญการ (คชก.) จะเป็นผู้พิจารณารายงาน ซึ่งจะมีการระบุข้อมูลว่าโครงการจะ ปล่อยค่ามลพิษเท่าใด ซึ่งส่วนมากโครงการจะเสนอค่าการปล่อยมลพิษที่ต่ ากว่าค่ามาตรฐาน โดยจะ ก าหนดเป็นค่าควบคุม และมาตรการในการด าเนินงานไว้ การก าหนดค่าควบคุมผู้ประกอบการ จะท าการศึกษาเทคโนโลยีที่ใช้ว่าจะส่งผลต่อการ ปล่อยมลพิษอย่างไร เช่น กรณีที่มีการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จะใช้วิธีใดในการก าจัด และ ก าหนดค่ามลพิษที่จะปล่อยออกสู่บรรยากาศ โดยโรงไฟฟ้าจะเป็นผู้แจ้งการก าหนดปริมาณค่ามลพิษ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๖๕ หรือในการก าหนดค่าก๊าซอื่นๆ ก็จะใช้วิธีการก าหนดเช่นเดียวกัน หากผลิตมลพิษ หรือก๊าซเกินกว่าค่าที่ แจ้งไว้ในรายงาน ก็จะถือว่ามีความผิด โดยหน่วยงานผู้อนุญาตจะเป็นหน่วยงานในการก ากับดูแลการ ด าเนินงานของโรงไฟฟ้า เนื่องจากรายงาน EIA เป็นเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาต การตรวจวัดคุณภาพอากาศจากปล่อง และการตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศ รอบโครงการ มีการติดตั้งสถานตรวจวัดคุณภาพอากาศ โครงการจะเป็นผู้ส่งรายงานการปล่อยมลพิษ โดยจัดท าเป็นรายงานการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันลดผลกระทบ และมาตรการติดตามตรวจสอบ ส่ง ต่อ สผ. และหน่วยงานอนุญาต ปีละ ๒ ครั้ง ซึ่งจะท าการตรวจวัด โดยบริษัทเอกชน ที่ได้รับการขึ้น ทะเบียนจาก สผ. หากพบค่าการปล่อยมลพิษเกินกว่าที่ระบุไว้ในรายงาน สผ.ก็จะท าการแจ้งไปยัง เจ้าของโครงการ และหน่วยงานที่มีหน้าที่ก ากับดูแลกิจการนั้นๆ ๒) ค่ามาตรฐานอุณหภูมิรอบบริเวณโครงการ ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายก าหนดเกี่ยวกับ การปล่อยอุณหภูมิ แต่การควบคุมการแพร่กระจายมลพิษจากปล่อง พบว่าการปลดปล่อยอากาศ อุณหภูมิที่สูงจะส่งผลให้ค่ามลพิษเจือจางกว่าอุณหภูมิต่ า แต่ในโรงไฟฟ้ามักจะมีการปล่อยอุณหภูมิต่ า เนื่องจากต้องการดึงเอาความร้อนมาใช้งาน แต่โรงไฟฟ้าในบางพื้นที่ที่ชุมชนมีข้อกังวลว่าอาจมีส่วน ก่อให้เกิดอุณหภูมิที่สูงขึ้นในพื้นที่ เช่น กรณีโรงไฟฟ้าราชบุรี ซึ่งคณะกรรมการผู้ช านาญการที่พิจารณา รายงาน EIA จะประเมินคุณภาพอากาศจากปล่องว่าจะส่งผลกระทบในรัศมีเท่าใด โดยใช้ภาพถ่าย ดาวเทียมในการตรวจวัด ซึ่งได้ก าหนดให้เป็นมาตรฐานในการจัดท ารายงานฯของโรงไฟฟ้า ๓) การค านวณแบบจ าลองทางคณิตศาสตร์น ามาก าหนดมาตรการเฝ้าระวังการสะสม มลพิษในอากาศ เช่น การเกิดฝนกรด ภายใน และภายนอกพื้นที่ ซึ่งจะประเมินการคาดการณ์เรื่องการ เกิดฝนกรดไว้ โดยคณะกรรมการผู้ช านาญการจะใช้แบบจ าลองดังกล่าวเป็นหลักเกณฑ์ในการจัดท า รายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ๔) กรณีการขนส่งถ่านหินทางเรือ หรือทางรถ มีกฎ ระเบียบ มาตรการควบคุมด้าน สิ่งแวดล้อมตามข้อก าหนด ที่ต้องจัดท าในรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ทั้งนี้ ในกิจการขนส่ง ถ่านหินที่น าไปใช้ในกิจการประเภทอื่น ที่ไม่ได้ก าหนดให้มีการท ารายงานฯ จะไม่มีข้อก าหนดให้จัดส่ง รายงานการลดผลกระทบมายังส านักงานฯ แต่เป็นอ านาจของหน่วยงานอนุญาต หรือหน่วยงานในพื้นที่ เช่น กรมเจ้าท่าในการก ากับดูแล เว้นแต่ กรณีท่าเรือที่มีขนาดใหญ่ขนาดตั้งแต่ ๕๐๐ ตันกรอสขึ้นไป ซึ่งกฎหมายก าหนดให้ต้องท ารายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากท่าเรือขนาดใหญ่นั้นเป็นท่าเรือ ที่ ใช้ในการขนส่งถ่านหินจะต้องมีมาตรการลดผลกระทบที่เกี่ยวข้องในรายงาน ที่จะต้องน าส่งมายัง ส านักงานทุก ๖ เดือน ๕) ปัญหาการร้องเรียนของโรงไฟฟ้าถ่านหิน พบว่าปัจจุบันจ านวนโรงไฟฟ้าถ่านหิน มีไม่มาก ในอดีตโรงไฟฟ้าแม่เมาะไมได้อยู่ภายใต้กฎหมายก าหนดให้ต้องจัดท าการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม เนื่องจากก่อสร้าง และด าเนินการมาก่อนที่กฎหมายประกาศใช้ ซึ่งการจัดท ารายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบฯ จะมีผลบังคับกับโรงไฟฟ้าทดแทน ที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งจะต้องมีการจัดท ารายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบฯ ตั้งแต่เริ่มขั้นตอนการก่อสร้างไปจนด าเนินการผลิต ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่าง การก่อสร้าง จึงยังไม่พบข้อมูลปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้าง หรือการผลิตไฟฟ้า
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๖๖ ปัญหาการร้องเรียนของโรงไฟฟ้าถ่านหิน บี. แอล. ซี. พี. ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุต ปัจจุบันไม่มีการร้องเรียนปัญหาผลกระทบด้านมลพิษ หรือโรงไฟฟ้าของบริษัท แอดวานซ์ อะโกร ซึ่งมี ก าลังการผลิต ๓๐๐ เมกะวัตต์ไม่พบการร้องเรียน ส าหรับโรงไฟฟ้าของบริษัท เอ็กโก มีการฟ้องคดีต่อ ศาลปกครอง แต่ไม่ได้เป็นประเด็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งการร้องเรียนในปัจจุบันไม่ได้เป็นการ ร้องเรียนโรงไฟฟ้าที่ด าเนินการอยู่ แต่เป็นการร้องเรียนกับโครงการที่ก าลังจะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดผลกระทบอย่างที่ผ่านมาเช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ กรณีใช้เชื้อเพลิงถ่านหินผสมพบว่ามีปริมาณการใช้งานไม่มากนัก ซึ่งพบว่าเคยมีการ ร้องเรียน ในบริษัท แอดวานซ์ อะโกร ซึ่งโครงการเคยท ารายงานขอเปลี่ยนแปลงการใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน ผสม โดยคณะกรรมการผู้ช านาญการไม่ได้ให้ความเห็นชอบ ซึ่งปัจจุบันก็ใช้ชีวมวลเพียงอย่างเดียว หรือ กรณีการใช้ถ่านหินผสมกับเชื้อเพลิงอาร์. ดี. เอฟ. ของ บริษัท ที. พี. ไอ. เพาเวอร์ จ ากัด ก็ยังไม่พบการ ร้องเรียนแต่อย่างใด ๖) การก าหนดค่าความเป็นพิษของถ่านหิน เนื่องจากถ่านหิน มีที่มาจากมาหลายแหล่ง แต่ละแหล่งมีสารปนเปื้อนที่แตกต่างกัน แต่ถ่านหินที่จะน ามาใช้ในโรงไฟฟ้าที่ก าหนดให้มีการจัดท า รายงาน EIA จะต้องแสดงข้อมูลคุณภาพของถ่านหิน ที่จะน ามาใช้ในโครงการ ซึ่งจะแสดงข้อมูล สารประกอบต่างๆ ในถ่านหิน ซึ่งจะส่งผลต่อการน าไปใช้งาน และรายงานของถ่านหินที่ก่อให้เกิดโรค ก็ มีเฉพาะข้อมูลจากการร้องเรียนในกรณีโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จึงจ าเป็นต้องเลือกใช้ถ่านหิน การจัดการ กระบวนการเผาไหม้ การควบคุมมลพิษจากปล่องที่ต้องท าการควบคุมดูแล ๗) ก าหนดระยะเวลาในการพิจารณารายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในกรณีกิจการที่จัดท ารายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเจ้าของโครงการไม่ใช่ หน่วยงานของรัฐ หรือไม่ใช่โครงการที่ต้องขออนุมติจากคณะรัฐมนตรี จะมีระยะเวลาในการก าหนดให้ ส านักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการผู้ช านาญการ ด าเนินงาน ตามมาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ พระราชบัญญัติส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ ดังนี้ - ภายใน ๑๕ วันท าการ นับแต่ได้รับรายงาน ให้ส านักงานฯ ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น หากข้อมูลในรายงานไม่สมบูรณ์ให้แจ้งแก่เจ้าของโครงการจัดท ารายงาน ให้มีความสมบูรณ์ - หาก สผ. พิจารณารายงานแล้วไม่มีข้อทักท้วง ก็จะจัดท าสรุปข้อมูลเบื้องต้น ภายใน ระยะเวลา ๑๕ วัน เพื่อส่งให้คณะกรรมการผู้ช านาญการพิจารณา - เมื่อคณะกรรมการผู้ช านาญการได้รับข้อมูลสรุปแล้ว จะพิจารณารายงานภายใน ๔๕ วัน เพื่อจัดท าความคิดเห็น กรณีที่ คชก. ให้ความเห็นชอบ ผู้ประกอบการจะต้องน ารายงาน ที่ผ่านความเห็นชอบ พร้อมทั้งความเห็นของ คชก. เสนอต่อหน่วยงานอนุญาต เพื่อขออนุญาตตั้งโรงงานต่อไป (ถ้าเป็นกรณี EHIA หน่วยงานอนุญาตต้องจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นด้วย) กรณีที่ คชก. ไม่เห็นชอบในรายงาน และแจ้งให้แก้ไขประเด็นใด เพื่อให้เจ้าของ โครงการท าการแก้ไข เมื่อเจ้าของโครงการท ารายงานการชี้แจงเพิ่มเติมเข้ามา สผ. จะน าเล่มรายงาน รอบสอง เสนอต่อ คชก. ภายใน ๓๐ วัน หากเห็นชอบ จะเข้าสู่กระบวนการของหน่วยงานอนุญาต และ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๖๗ หาก คชก. ไม่ให้ความเห็นชอบอีกจะถือว่าจบกระบวนการพิจารณา ถ้าเจ้าของโครงการ ยังคงต้องการ จัดท าโครงการต่อไป ต้องจัดท ารายงานฉบับใหม่ขึ้นมา และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาใหม่ตั้งแต่ต้น แต่โครงการของรัฐจะไม่มีการก าหนดระยะเวลาสิ้นสุดกระบวนการพิจารณา ในแบบ กรณีโครงการของเอกชน แต่จะมีตัวชี้วัดการด าเนินงานของเจ้าหน้าที่ สผ. เห็นได้จากการพิจารณา โครงการของโรงไฟฟ้าเทพา มีการพิจารณาจนสิ้นสุด กระบวนการของ คชก. ถึง ๖ ครั้ง หากเป็น โครงการเอกชน จะพิจารณาเพียง ๒ ครั้ง ๘) ประเด็นของความเชื่อมั่นว่า หน่วยงานเจ้าของโครงการจะปฏิบัติตามมาตรการที่ ก าหนดไว้ในรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่ยากในการสร้างความเข้าใจ ในรายงานจะ ก าหนดมาตรการ และขั้นตอนในการปฏิบัติ ซึ่ง คชก. ที่พิจารณา และให้ความเห็นชอบย่อมแสดงให้เห็น ว่า คชก.มีความเชื่อมั่นว่า หากด าเนินการตามที่ระบุไว้ในรายงานย่อมไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม หรือเกิดผลกระทบน้อย แต่การสร้างความเชื่อมั่น แก่ชุมชน นั้น ด้วยชุมชน มักจะมีความ คาดการณ์ล่วงหน้า เกี่ยวกับปัญหามลพิษที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งความเป็นจริงมีหลายปัจจัยที่ก่อให้เกิด ปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัญหาความไม่เชื่อมั่นว่าโรงงานจะปฏิบัติได้จริง และน าเอาประสบการณ์การ รับรู้ในอดีตมาเป็นเกณฑ์การตัดสิน รวมถึงการที่มีกลุ่มบุคคลเข้าไปสร้างความรับรู้ในพื้นที่ ซึ่งเป็นข้อมูล ที่อาจก่อให้เกิดความไม่มั่นใจในคุณภาพสิ่งแวดล้อม หากมีการด าเนินโครงการดังกล่าวขึ้น โครงการอื่นๆ ของภาครัฐ และเอกชน ซึ่งไม่ใช่โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่ผ่านมาก็พบ ปัญหาการคัดค้านการก่อสร้างโครงการ ซึ่งเริ่มคัดค้าน ตั้งแต่ในขั้นตอนของการรับฟังความคิดเห็น แต่ เมื่อด าเนินการผลิตไปแล้ว ก็ไม่พบปัญหาการร้องเรียนหรือคัดค้าน ๙) ประเด็นข้อทักท้วง หรือข้อเสนอแนะของ คชก. ถือว่าเป็นข้อเสนอแนะในการจัดท า รายงานฯ ที่ให้แนวทางแก่ผู้ประกอบการควรน าไปปรับปรุง เพื่อให้รายงานผ่านการพิจารณา ซึ่งปัญหาความล่าช้า หรือการไม่ได้รับอนุมัติโครงการไม่ได้อยู่ที่การพิจารณาของ คชก. แต่มีประเด็นอื่น ที่นอกเหนือจากการควบคุม รวมถึงการร้องเรียนคัดค้านโครงการ สผ. ในฐานะหน่วยงานของรัฐ ที่มีส่วน เกี่ยวข้องในขั้นตอนของการขออนุญาตโครงการ จะต้องน าเสนอประเด็นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาถึงการร้องเรียนดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ขั้นตอนการจัดท ารายงานฯ ไม่ได้ เป็นการชะลอเวลา ในการพิจารณาอนุมัติโครงการ ๓.๑.๙ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ผู้แทนจากกรมศุลกากร ได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการน าเข้าและส่งออก ถ่านหิน ของประเทศไทย ดังนี้ พิกัดอัตราอากรศุลกากรของถ่านหิน ตามพระราชก าหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ มีการก าหนดเพดานการจัดเก็บร้อยละ ๒๕ โดยท าการจัดเก็บจริงในอัตราร้อยละ ๑ มาโดย ตลอด จนถึง ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ จึงได้ยกเลิกอัตราอากรศุลกากรในการน าเข้ากรณีปกติเนื่องจากเป็น เชื้อเพลิงในการผลิต คงเหลือเพียงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ ๗ เท่านั้น รวมถึงมีการประกาศ กระทรวงการคลัง ส าหรับการลดอัตราอากร และยกเว้นอากรศุลกากร ส าหรับเขตการค้าเสรีต่างๆ ซึ่ง เป็นการยกเว้นอากรน าเข้าถ่านหินด้วยเช่นกัน และตามความตกลงมาร์ราเกซ ซึ่งก าหนดในอัตรา ร้อยละ ๑๒
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๖๘ ส าหรับปริมาณการน าเข้าถ่านหินของประเทศไทยมีแนวโน้มการน าเข้าเพิ่มขึ้นมาโดย ตลอด ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ โดยในปี ๒๕๖๐ มีปริมาณการน าเข้า ๒๒,๓๙๗ ล้านกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า ๔๙,๖๘๔ ล้านบาท ในด้านการส่งออกถ่านหินของประเทศ นับตั้งแต่ ปี ๒๕๔๘ ก็พบว่ามีแนวโน้ม เพิ่มขึ้น แต่มีปริมาณการส่งออกไม่มากนักเมื่อเทียบกับการน าเข้าโดยเป็นการส่งถ่านหินแอนทราไซต์ ข้อมูลการด าเนินคดีกับผู้ประกอบการ พบบริษัท ๑ ราย น าเข้าถ่านหิน ที่ขุดจากเมียนมาร์เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ผ่าน ทางด่านศุลกากรประจวบคีรีขันธ์ ตามใบขนสินค้าขาเข้าจ านวน ๒,๒๐๑ ฉบับ โดยส าแดงสินค้าเป็น พิกัด ๒๗๐๑.๑๙ อัตราอากร (ขณะน าเข้า) ร้อยละ ๑ ต่อมา ตรวจพบว่า เป็นการส าแดงราคาสินค้าเป็น เท็จต่ ากว่าความเป็นจริง เป็นเหตุให้อากรขาเข้าขาด ๘,๔๘๙,๕๘๒.๔๓ บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มขาด ๖๐,๐๒๑,๓๔๗.๗๖ บาท รวมค่าภาษีอากรขาดเป็นเงินทั้งสิ้น ๖๘,๕๑๐,๙๓๐.๑๙ บาท โดยกรม ศุลกากรเป็นโจทย์ร่วมกับกรมสรรพากร ฟ้องบริษัทเป็นจ าเลยต่อศาลภาษีอากรกลาง ซึ่งขณะนี้ศาลภาษี อากรกลาง ได้มีค าพิพากษาให้จ าเลยช าระหนี้ค่าภาษีอากรที่ขาด คดีถึงที่สุดแล้ว รวมทั้งสิ้น ๖๔ คดี ซึ่งอยู่ระหว่างการด าเนินการบังคับคดี โดยส านักกฎหมายยื่นค าขอรับช าระหนี้ในคดีล้มละลาย เนื่องจากศาลล้มละลายกลางได้มีค าสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ตามคดีหมายเลขแดงที่ ล.๑๖๒๘/๒๕๖๐ คณะอนุกรรมาธิการได้ตั้งประเด็นสอบถาม และข้อสังเกต ดังนี้ ๑) กรมศุลกากรก าหนดหลักเกณฑ์การตรวจสอบสินค้าอย่างไร ตอบ ผู้แทนจากกรมศุลกากรชี้แจงว่า จะมีการก าหนด Profile ในการตรวจสอบ หาก เป็นสินค้า ที่ต้องท าการตรวจสอบตาม Profile ก็จะเข้าช่องแดง โดยมีการก าหนดเป็น Central profile และ Local profile ซึ่งมีปริมาณสินค้าเพียงร้อยละ ๑๐-๒๐ ที่จะถูกก าหนด แต่ทั้งนี้แม้เป็นสินค้าที่ได้ ใบเขียว แต่หากเจ้าหน้าที่ มีเหตุอันควรต้องสงสัยก็สามารถเปิดตรวจได้ ส าหรับกรณีการตรวจปล่อยถ่านหิน มี ๒ วิธี ๑.๑) การตรวจปล่อยโดยวิธีปฏิบัติพิธีการขนถ่ายข้างล า (Over side) โดยการขน ถ่ายลงเรือลากจูง ไปยังสถานที่เฉพาะคราวที่บริษัทผู้น าเข้าได้ขออนุมัติไว้ โดยใช้ระยะเวลาในการขน ถ่าย เพื่อตรวจปล่อยจากอารักขาศุลกากร ประมาณ ๑๐ วัน ๑.๒) การตรวจปล่อยโดยวิธีวัดระดับเรือ (Draft Survey) โดยพนักงานศุลกากร จะ ท าการวัดระดับเรือก่อน และหลังการขนถ่ายสินค้า เพื่อค านวณปริมาณสินค้าที่น าเข้า ส าหรับตรวจ ปล่อย โดยใช้เวลาขนถ่ายสินค้าประมาณ ๒-๕ วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณสินค้าที่น าเข้า สภาพอากาศ และเรือล าเลียง ที่จะมารับสินค้า (โดยเฉลี่ยขนถ่าย ได้ประมาณ ๑๐,๐๐๐ เมตริกตันต่อวัน) ๒) การขนส่งถ่านหินเข้ามาในประเทศ มักเป็นการขนส่งทางเรือ และเป็นการน าเข้า แบบสินค้าเทกองในลักษณะ Bulk Cargo บรรทุกในระวางเรือ โดยไม่มีภาชนะบรรจุ ๓) การปฏิบัติหน้าที่ของกรมศุลกากร นั้น ไม่ได้มีหน้าที่ในการจ ากัดการน าเข้า หรือ ส่งออกสินค้าใดๆ เป็นการเฉพาะ เว้นแต่มีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ก็จะด าเนินการตามกฎหมายนั้น เช่น ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการอนุญาตให้ส่งถ่านหินออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๔๑ ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยก าหนดให้ส่งออกถ่านหินไปนอกราชอาณาจักร กรณีที่เป็นถ่านหิน
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๖๙ ที่น าเข้าจากต่างประเทศแล้วส่งออกไปในลักษณะเดิม หรือน าเข้ามาแปรรูปในประเทศแล้วส่งออกไป นอกราชอาณาจักร โดยจะต้องแสดงหนังสือรับรองจากกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (ปัจจุบัน คือ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สังกัดกระทรวงพลังงาน ตามประกาศพระราชบัญญัติ ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕) ซึ่งกรมศุลกากร จะท าการตรวจสอบในส่วนของปริมาณ และชนิดของถ่านหิน ในการน าเข้า ส่งออก เท่านั้น แต่ไม่มีการตรวจสอบ เรื่องคุณภาพ หรือมาตรฐาน ด้านอื่นๆ ของถ่านหิน ๓) ความคุ้มค่าในการน าเข้าถ่านหินมาใช้ในอุตสาหกรรมของประเทศ เมื่อเปรียบเทียบ กับระหว่างการจัดเก็บภาษีน าเข้า และการผลิตถ่านหินในประเทศ พบว่ามีการเก็บอากรน าเข้าน้อยมาก จนกระทั่งมีการเลิกเก็บอากร ในปี ๒๕๖๐ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา ร้อยละ ๗ ซึ่งเมื่อเทียบเคียงกับบริษัทที่ถูกด าเนินคดี จะพบว่า อากรศุลกากรที่ถูกเรียกเก็บ มีมูลค่าเพียง ๘ ล้านบาท แต่ภาษีมูลค่าเพิ่มมีมูลค่า ๖๐ ล้านบาท ๔) กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานแรก ที่จะเป็นผู้ตรวจสอบสินค้าที่เข้ามาในประเทศ แต่ เมื่อผ่านพิธีการศุลกากรแล้ว ผู้ประกอบการจะน าส่งไปยังแห่งใด กรมศุลกากรจะไม่มีข้อมูลดังกล่าว ความเห็นของคณะอนุกรรมาธิการ ๑) ปัจจุบันมีการต่อต้านเรื่องการใช้ถ่านหิน จะท าอย่างไรให้ประชาชนเชื่อมั่น ในการใช้ ถ่านหินว่า มีความปลอดภัย ในฐานะของส่วนราชการที่ควบคุมการน าเข้าถ่านหินเข้ามาในประเทศ กรม ศุลกากรเป็นหน่วยงานแรก ที่จะเป็นผู้อนุญาตให้น าเข้ามาในประเทศได้หรือไม่ แล้วท าการจัดเก็บอากร ศุลกากรตามที่กฎหมายก าหนด ซึ่งจะเห็นได้ว่ากรมศุลกากรมีบทบาทส าคัญในการพิจารณาถึงความ เหมาะสมของสินค้าว่ามีอันตราย หรือควรน าเข้ามาในประเทศ หรือไม่ หากปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ ของกรมให้ครอบคลุมการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวได้น่าจะเป็นการเหมาะสม ๒) ถ่านหินมีการใช้งานทั่วโลก เนื่องจากมีการก าหนดมาตรฐาน เพื่อให้ลดผลกระทบต่อ สภาพแวดล้อม แต่ปัจจุบันถ่านหินยังไม่ได้ถูกก าหนดให้เป็นสินค้ามาตรฐานของประเทศไทย เมื่อไม่มี การก าหนดให้เป็นสินค้ามาตรฐาน กรมศุลกากรจึงไม่สามารถตรวจสอบ ดังนั้นหากก าหนดให้ถ่านหิน เป็นสินค้ามาตรฐาน ที่จะต้องได้รับการตรวจสอบ ในลักษณะเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่จะต้องมีการ ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า เพื่อการน าเข้ามาในประเทศจะส่งเสริมให้มีการควบคุม ตรวจสอบการน าเข้า มาในประเทศได้อีกทางหนึ่ง ๓.๑.๑๐ ข้อมูลจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน และการเหมืองแร่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ปริมาณส ารอง โดยสรุปดังนี้ จากข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณีประเทศไทยมีปริมาณส ารองถ่านหินที่พิสูจน์ แล้ว (Proved reserve) ณ สิ้นปี ๒๕๕๙ จ านวน ๑,๑๘๑ ล้านตัน โดยเป็นถ่านหินคุณภาพต่ าทั้งหมด มีสัดส่วน R/P ratio หรือปริมาณส ารองต่อการผลิตประมาณ ๖๓ ปี สัดส่วนของถ่านหินในโลก พบ ๑,๑๓๙,๓๓๑ ล้านตัน หรือปริมาณส ารองต่อการผลิตประมาณ ๑๕๓ ปี จากข้อมูลของ Sivavong (๒๐๐๙) พบว่า แหล่งก าเนิดถ่านหินของไทย ส่วนใหญ่ อยู่บริเวณภาคเหนือที่อ าเภอแม่เมาะ จังหวัดล าปาง ผลิตถ่านหินชนิดเดียว คือ ลิกไนต์ มีประมาณ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๗๐ ส ารองร้อยละ ๙๐ ของปริมาณส ารองถ่านหินคงเหลือทั้งหมดของประเทศไทย มีผลผลิตประมาณ ๑๗ ล้านตันต่อปี ทั้งนี้ แหล่งที่มีปริมาณส ารองล าดับรองลงมา คือ อ าเภอเมือง จังหวัดกระบี่ - ค่าความร้อนของถ่านหิน (Heating value) ลิกไนต์ที่ผลิตในประเทศ ตามแหล่ง แร่ดังนี้ แหล่งแร่ทางภาคเหนือ อ าเภอลี้ จังหวัดล าพูน มีค่าความร้อน ๔,๘๐๐ - ๕,๓๐๐ แคลอรี่ต่อกรัม อ าเภอแม่เมาะ จังหวัดล าปาง มีค่าความร้อน ๒,๕๐๐ แคลอรี่ต่อกรัม แหล่งแร่ทางภาคกลาง อ าเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี มีค่าความร้อน ๔,๕๐๐ - ๔,๘๐๐ แคลอรี่ต่อกรัม แหล่งแร่ทางภาคใต้ อ าเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีค่าความร้อน ๒,๖๐๐ -๔,๐๐๐ แคลอรี่ต่อกรัม - การน าถ่านหินมาใช้ประโยชน์ ถ่านหินที่ผลิตในประเทศ ผลิตไฟฟ้า ๔,๐๖๔ Ktoe คิดเป็นร้อยละ ๙๔.๑ ภาคอุตสาหกรรม ๒๕๖ Ktoe คิดเป็นร้อยละ ๕.๙ ถ่านหินน าเข้า ผลิตไฟฟ้า ๕,๒๒๑ Ktoe คิดเป็นร้อยละ ๘.๔ ภาคอุตสาหกรรม ๘,๓๖๙ Ktoe คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๖ รวมปริมาณการใช้ถ่านหิน(ผลิตในประเทศ และน าเข้า) ภาคการผลิตไฟฟ้า ๙,๒๘๕ Ktoe คิดเป็นร้อยละ ๕๑.๘ ภาคอุตสาหกรรม ๘,๖๒๕ Ktoe คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๒ - แนวโน้มในอนาคต ตามแผนพัฒนาก าลังการผลิตไฟฟ้าของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (PDP ๒๐๑๕) การใช้ถ่านหินลิกไนต์ที่ผลิตในประเทศจะมีแนวโน้มลดลง จากที่ใช้ในปัจจุบัน ๑๖ ล้านตัน เหลือเพียง ๕ ล้านตันในปี ๒๕๗๙ ในขณะที่การใช้ถ่านหินน าเข้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น จากปริมาณที่ใช้๗ ล้านตัน ในปี ๒๕๕๘ เพิ่มขึ้นในระดับ ๒๑ ล้านตัน ในปี ๒๕๗๙
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๗๑ ๓.๑.๑๑ ข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อมูลกรมทรัพยากรธรณี ผู้แทนจากกรมทรัพยากรธรณีได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการถ่านหิน ดังนี้ ภายหลังจากการปฏิรูประบบราชการ กรมทรัพยากรธรณีไม่ได้ท าการส ารวจปริมาณ ถ่านหิน แต่ทั้งนี้ โดยข้อมูลจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน มีการรวบรวมสถิติปริมาณ ถ่านหิน พบว่า ประเทศไทยพบถ่านหินจ านวน ๔๓ แหล่ง มีปริมาณทรัพยากรถ่านหินรวมประมาณ ๒,๐๐๘ ล้านตันแบ่งเป็น (๑) แหล่งถ่านหินที่มีการพัฒนาแล้ว จ านวน ๑๔ แหล่ง มีปริมาณส ารอง ประมาณ ๑,๑๘๑ ล้านตัน และ (๒) แหล่งถ่านหินที่ยังไม่ได้พัฒนา จ านวน ๒๙ แหล่ง มีปริมาณ ทรัพยากรถ่านหินประมาณ ๘๒๖ ล้านตัน โดยพบถ่านหินหลายแห่ง เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ล าพูน ล าปาง เชียงราย แพร่ ตาก เพชรบูรณ์ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้มีการสงวนพื้นที่ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๐ (เดิมคือมาตรา ๖ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐) ซึ่งก าหนดพื้นในการส ารวจ การทดลอง การศึกษา หรือการ วิจัย เกี่ยวกับแร่ เช่น แอ่งเวียงแหง อ าเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ แอ่งเคียนซา อ าเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานีแอ่งสินปุน อ าเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช แอ่งสะบ้าย้อย อ าเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา คณะอนุกรรมาธิการ ได้ตั้งประเด็นสอบถามและแสดงความคิดเห็น ดังนี้ ๑) ภาพรวมของประเทศไทยในการน าถ่านหินมาใช้ประโยชน์ พบว่า ประเทศไทยมี ปริมาณส ารองถ่านหินที่พิสูจน์แล้ว (Proved reserve) ณ สิ้นปี ๒๕๕๙ จ านวน ๑,๑๘๑ ล้านตัน โดยเป็นถ่านหินคุณภาพต่ าทั้งหมด มีสัดส่วน R/P ratio หรือปริมาณส ารองต่อการผลิตประมาณ ๖๓ ปี แต่แนวโน้มตามแผน PDP ๒๐๑๕ มีการใช้ถ่านหินลดลง จากที่ใช้ในปัจจุบัน ๑๖ ล้านตัน เหลือเพียง ๕ ล้านตันในปี ๒๕๗๙ โดยมีเหตุจาก ๑) การพัฒนาด้านพลังงานทดแทน แนวโน้มความต้องการใช้ พลังงานฟอสซิลลดลงเนื่องจากกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ๒) การท าเหมืองถ่านหินไม่ได้รับความ นิยมเนื่องจากต้นทุนสูง เพราะต้องเปิดหน้าดินในการท าเหมือง ๓) คุณภาพของถ่านหินที่จะส่งเข้าไป เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าอาจจะลดลง แต่ในขณะที่การใช้ถ่านหินน าเข้าในการผลิตกระแสไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ใช้ในปี ๒๕๕๘ เพียง ๗ ล้านตัน มาอยู่ในระดับ ๒๑ ล้านตัน ในปี ๒๕๗๙ เพื่อทดแทนการผลิตในประเทศ ผู้แทนกรมทรัพยากรธรณีวิทยาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตามภารกิจของกรมไม่มีข้อมูลความ ต้องการใช้แร่ในภาคอุตสาหกรรม แต่ในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากร กรมฯเป็นเลขานุการร่วมกับ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน และการเหมืองแร่ ให้กับคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ โดยอยู่ในระหว่างการน าเสนอแผนแม่บทแร่ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ซึ่งแผนแม่บทจะก าหนดยุทธศาสตร์ ๔ ประการ คือ (๑) การจ าแนกเขตแหล่งแร่ เป็นการก าหนดพื้นที่ใช้ประโยชน์จากแร่ หรือ ด าเนินกิจการที่เกี่ยวกับการแร่ ในแผนแม่บทแร่จึงมีการก าหนดพื้นที่ที่มีศักยภาพแร่ ที่สามารถท า เหมืองได้ ให้เป็น Mining zone เพื่อก าหนดว่า เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพเหมาะสมในการผลิตแร่ แต่จะให้
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๗๒ ด าเนินการผลิตแร่ได้หรือไม่นั้น ต้องผ่านการพิจารณาในด้านความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัย ต่อประชาชน (๒) การก าหนดนโยบายบริหารจัดการแร่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (๓) การพัฒนากลไกการก ากับ ดูแล และอ านวยความสะดวก (๔) การเสริมสร้างและส่งเสริมการมีส่วนร่วม ทั้งนี้ ในการก ากับดูแล กรมฯ จะพิจารณานโยบายจากกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นมิติของ ความต้องการใช้พลังงานว่า มีปริมาณความต้องการเท่าใด จากนั้นกรมฯ จะน าความต้องการใช้งานมา ก าหนดแผนงาน เพื่อพิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมในการเปิดให้เข้าไปใช้ประโยชน์จากแร่ โดยพิจารณา ความเหมาะสมตามเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ให้มีความพร้อมในด้านดังกล่าวก่อนการอนุญาตเปิดท า เหมืองต่อไป ๒) ความต้องการน าเข้าถ่านหินมาใช้งานในภาคอุตสาหกรรม พบว่าถ่านหินที่ผลิตใน ประเทศ ส่วนมากใช้ในการผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก แต่การใช้งานในภาคอุตสาหกรรม นั้น ถ่านหินผลิตใน ประเทศถูกน ามาใช้เพียง ๒๕๖ Ktoe คิดเป็นร้อยละ ๕.๙ แต่ส าหรับถ่านหินน าเข้า มีปริมาณการใช้ใน ภาคอุตสาหกรรม ๘,๓๖๙ Ktoe คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๖ ดังนั้น ถ่านหินน าเข้า จะถูกน ามาใช้ใน อุตสาหกรรมเป็นหลัก แสดงให้เห็นว่าถ่านหิน ยังคงมีความจ าเป็นต้องใช้ในภาคอุตสาหกรรม เช่น ในอุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์ ๓) การบริหารจัดการแร่ ในบางประเทศอาจมีแหล่งแร่ไว้เพื่อผลิตแร่มาใช้งานใน ภาคอุตสาหกรรม แต่หากช่วงใด ที่ราคาแร่ในตลาดโลกมีราคาถูก ก็จะน าเข้าแร่มากกว่าผลิตในประเทศ ช่วงใดราคาแร่ในตลาดโลกสูงกว่าการผลิตในประเทศ จะเน้นการผลิตในประเทศเพื่อใช้งานเป็นหลัก ซึ่งเป็นการบริหารจัดการแร่ ให้เกิดความสมดุลและควบคุมราคาได้ ๔) นับตั้งแต่แบ่งส่วนราชการในปี ๒๕๔๕ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มีภารกิจส่วนหนึ่ง ในการประเมินศักยภาพและจัดท าฐานข้อมูลเชื้อเพลิงถ่านหินเพื่อเป็นพลังงานทางเลือก ทั้งนี้ กรมทรัพยากรธรณีจะท าการส ารวจแร่ชนิดอื่นๆ แต่การพิจารณาอนุญาตประกอบกิจการเหมืองแร่ หรือ การน าแร่ขึ้นมาใช้ประโยชน์ยังคงมีหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายส่วน เช่น กรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน และการเหมืองแร่ ดังนั้น ในเรื่องการด าเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการน าแร่ขึ้นมาใช้ประโยชน์โดยเฉพาะ ถ่านหิน จึงมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายแห่ง ขั้นตอนส ารวจและท าเหมืองภายใต้พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต้องขออาชญา บัตร ประทานบัตร จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ทั้งนี้ อาชญาบัตรส ารวจแร่ที่สิ้นสุดปี ๒๕๕๙ ยังไม่มีการออกอาชญาบัตรเพิ่มเติม เพราะยังไม่มีกระบวนการรองรับตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ปัจจุบันมีจ านวนประทานบัตร ๗๐ แปลง โดยประทานบัตรส่วนมากอยู่ภายใต้การ ด าเนินการของ กฟผ. แม่เมาะ เป็นการผลิตแร่ เพื่อน ามาใช้ผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก แต่ในกรณีของ เอสซีจี จะส่งเข้าโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วน ส าหรับกรณีฐานข้อมูลแหล่งแร่ถ่านหิน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะเป็นผู้รวบรวมข้อมูล เพื่อน ามาใช้วางแผน นโยบาย และก าหนดยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศในภาพรวมโดยในช่วง ปัจจุบันได้รวบรวมข้อมูลการน าเข้าเชื้อเพลิงถ่านหินอีกด้วย ซึ่งกรมทรัพยากรธรณีได้อ้างอิงข้อมูลจาก กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในการก าหนดแหล่งแร่หรือเขตสัมปทานเหมืองถ่านหินต่างๆ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๗๓ ส าหรับกรณีฐานข้อมูลแหล่งแร่พลังงานกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะเป็นผู้รวบรวมมาโดย ตลอด ซึ่งกรมทรัพยากรธรณีได้อ้างอิงข้อมูลจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในการก าหนดแหล่งแร่ หรือเขต สัมปทานเหมืองต่างๆ ๕) ความจ าเป็นในการสงวนพื้นที่ตามมาตรา ๖ ทวิพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ เป็นการสงวนพื้นที่ เพื่อส ารวจ ศึกษา วิจัย ของภาครัฐ หากเอกชนต้องการส ารวจเพิ่มเติมในพื้นที่ ดังกล่าว จะต้องท าการประมูล โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทน แก่รัฐเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่มีการส ารวจ และลงทุนในเบื้องต้นแล้ว ๖) ข้อมูลด้านการส ารวจปริมาณส ารองต่างๆ เป็นข้อมูลที่รวบรวมจากหน่วยงาน ภาคเอกชนเป็นหลัก เนื่องจากการด าเนินงานส ารวจปริมาณส ารอง ต้องใช้เงินงบประมาณค่อนข้างมาก แม้ว่าจะมีการส ารวจธรณีฟิสิกส์มาเบื้องต้นก็ตาม แต่ยังต้องท าการเจาะส ารวจ ซึ่งที่ผ่านมาการจ าแนก ข้อมูลของรัฐ ยังไม่มีมาตรฐาน แต่การด าเนินการของภาคเอกชน ซึ่งมีการลงทุนค่อนข้างสูง เพื่อท าการ เปิดเหมืองจึงมีการเก็บรวบรวมข้อมูลได้มากกว่า ทั้งนี้กรมทรัพยากรธรณีได้มีแผนงานศึกษา เพื่อจะใช้ วิธีการ UNFC หรือ UN. Framework Classification ของสหประชาชาติ (โดยจ าแนกปริมาณส ารองแร่ อาศัย ๓ พารามิเตอร์ คือ ๑) สถานภาพทางเศรษฐศาสตร์ที่รัฐสนับสนุน ๒) ความเป็นไปได้ทางการเงิน ๓) ระดับการส ารวจแร่ทางธรณีวิทยา ซึ่งในการจ าแนกแหล่งแร่จะใช้รหัสตัวเลขสามหลัก เป็นตัวก าหนด ระดับความเชื่อมั่น ส าหรับแหล่งแร่นั้นๆ เพื่อมาใช้ประเมิน) ที่ผ่านมาภาครัฐมีการส ารวจ เพื่อให้ทราบ ข้อมูลของแหล่งแร่ว่า มีศักยภาพหรือไม่ เพื่อน าแหล่งแร่ออกประกาศเชิญชวน ให้มีการขอรับสิทธิในพื้นที่ ๗) สาระส าคัญของแผนแม่บทแร่ เป็นภาพรวมการบริหารจัดการแร่ของประเทศ พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ ๒๕๖๐ ก าหนดให้มีการจัดท านโยบาย มีการบริหารจัดการในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่ง ในอดีตไม่มีการก าหนดนโยบายดังกล่าว ผู้ที่ต้องการประกอบกิจการท าเหมืองแร่ เพียงแต่ด าเนินการให้ เป็นไปตามข้อก าหนดในการจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็เพียงพอ แต่ พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่พบปัญหาจากความขัดแย้งในสังคม ผลกระทบต่อสุขภาพ ภาค ประชาชน ภาควิชาการ เห็นว่าการใช้แร่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ทั้งทางด้านราคา และความ ยั่งยืน จึงเป็นที่มาในการก าหนดแผนยุทธศาสตร์การใช้แร่ ประกอบด้วย ๑) การจ าแนกเขตแหล่งแร่ ๒) การก าหนดนโยบายบริหารจัดการแร่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ๓) การพัฒนากลไกการก ากับ ดูแล และอ านวยความสะดวก ๔) การเสริมสร้าง และส่งเสริมการมีส่วนร่วม ซึ่งสถานะของแผนแม่บทอยู่ในระหว่างการพิจารณากลั่นกรองของสภาพัฒนาการ เศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดท ายุทธศาสตร์ชาติ โดยกฎหมายก าหนดให้ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติพิจารณาแผนแม่บทในเบื้องต้นว่าสอดคล้องกับแผน ยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ หรือไม่ ก่อนน าเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๗๔ ๓.๒ การศึกษาดูงาน ๓.๒.๑ คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษา และติดตามด้านพลังงานฟอสซิล ได้เดินทางไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการจัดการระบบขนส่งถ่านหินของบริษัท เอส. ซี. จี. เทรดดิ้ง จ ากัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ สรุปผลดังนี้ บริษัท เอส. ซี. จี. จ ากัด (มหาชน) ใช้ถ่านหินในอุตสาหกรรมปูน และกระดาษ ประมาณปี ละ ๒-๓ ล้านตัน โดยมีท่าเรือขนถ่านหินในอ าเภอนครหลวง ๒ แห่ง คือ โครงการบ่อโพง และโครงการ วัดบันได ซึ่งเป็นระบบปิดตลอดการล าเลียง ตั้งแต่การตักถ่านหินจากท่าเรือ สู่ระบบสายพานล าเลียงไป ยังโกดังเก็บถ่านหิน และจ่ายถ่านหินลงรถบรรทุก จะขนถ่านหินจากท่าเรือ เพื่อมากองเก็บถ่านหิน หรือ จ่ายไปยังโรงงานปูนและกระดาษของ เอส. ซี. จี. โดยตรงที่สระบุรีด้วยรถบรรทุก ระบบการจัดเก็บถ่านหินแบบปิด เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (วัดบันได) ระยะที่ ๑ วัตถุประสงค์ของโครงการ ๑. เพื่อเป็นต้นแบบการจัดเก็บถ่านหิน และยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมการขนถ่าย และจัดเก็บถ่านหินในระบบปิด และมาตรฐานการจัดการทางด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และอาชีวะ อนามัย ๒. เพื่อป้องกันผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม ให้แก่ชุมชน ๓. เป็นการพัฒนารูปแบบการด าเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของเครือซิเมนต์ไทย ส าหรับโครงการวัดบันไดได้มาตรฐานสิ่งแวดล้อม ตามข้อก าหนดของกฎหมาย และมี การยกระดับมาตรฐานการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย โดยเริ่มจากหน้าท่าเรือจะคลุมผ้าใบ ระหว่างกราบเรือ และใช้รถตักถ่านหินใส่ Hopper เข้าสู่สายพานโดยระวังไม่ให้ล้นบุ้งกี๋ โดยบริเวณหน้า ท่าเรือ และที่ Hopper จะฉีดสเปรย์น้ าเพื่อดักฝุ่นไม่ให้ฟุ้งกระจาย รวมถึงติดตั้งเครื่องดักฝุ่น และถุง กรองฝุ่นตลอดแนวล าเลียงสายพาน ทั้งนี้ถ่านหินที่ล าเลียงสายพานมาจากหน้าท่าจะแบ่งเป็น ๒ ทาง คือ ล าเลียงตรงไปยังรถบรรทุกที่มารอรับถ่านหิน และล าเลียงเข้าโกดังเก็บ ซึ่งโกดังนี้จะฉีดสเปรย์น้ าผสม สารเคมีที่ลดการคุของถ่านหินก่อนจัดเก็บ โดยแต่ละครั้งจะเก็บไว้ไม่เกิน ๑๕ วัน เมื่อมีการสั่งถ่านหิน จะมีเครื่องจักร Stacker และ Reclaimer เกลี่ยถ่านหินลงสายพานล าเลียงมายังรถบรรทุก หลังจากนั้น ปิดคลุมด้วยผ้าใบ และมีระบบล้างล้อรถ และล้างรถบรรทุกก่อนออกนอกโครงการ ส าหรับการขนส่งด้วยรถบรรทุก ทาง เอส. ซี. จี. ได้ก าหนดให้รถบรรทุกทุกคันต้องคลุม ผ้าใบมิดชิดท าความสะอาดล้อรถด้วยบ่อล้างล้อ และพ่นสเปรย์น้ า รอบคันรถก่อนออกจากโรงงานทุก ครั้งเพื่อป้องกันฝุ่นฟุ้งกระจาย ติดตั้งเครื่องเก็บเสียงบริเวณสายพาน เพื่อลดเสียงรบกวน และบ่อบ าบัด น้ าภายในพื้นที่ เพื่อน าน้ ากลับมาใช้หมุนเวียนภายในโครงการ ระบบป้องกันด้านสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย ที่ติดตั้งภายในโครงการวัดบันได ประกอบด้วย ๑. ระบบสเปรย์น้ าบน Hopper หน้าท่า เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นถ่านหินในจังหวะตัก ลงสายพาน
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๗๕ ๒. เครื่องกรองฝุ่น หรือ Bag Filter เพื่อใช้ดักจับฝุ่นละอองของถ่านหิน โดยติดตั้งทุกจุด เปลี่ยนถ่ายของสายพาน ต าแหน่งหัวถังไซโลรวมทั้งหัวจ่ายทั้ง ๕ ชุด ๓. การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติได้แก่ Stacker และ Reclaimer ในการเทกอง และจ่าย สินค้า ๔. ระบบสเปรย์สารเคมีและสเปรย์น้ าบนสารเคมีบนสายพานล าเลียง เพื่อช่วยลดปัญหา การฟุ้งกระจาย และยืดระยะเวลาคุไหม้ด้วยตัวเองของถ่านหิน (Self-ignition) ๕. ติดตั้งหัวจ่าย (Bulk loader) ๕ ชุด เพื่อป้องกันฝุ่นฟุ้งกระจายขณะโหลดสินค้าลงรถบรรทุก ๖. ระบบบ่อล้างล้อ และสเปรย์ล้างล้อ เพื่อท าความสะอาดล้อรถบรรทุกก่อนออกนอก โครงการ ๗. ติดตั้งรางสายไฟแนวตั้งพร้อมฝาครอบปิด เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นถ่านหิน ซึ่งอาจ เป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ ๘. ติดตั้งระบบดับเพลิง และระบบสเปรย์น้ าแบบอัตโนมัติพร้อม Heat detector ตลอด แนวสายพานล าเลียง ๙. ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดทั่วทั้งพื้นที่โครงการ และในสายการผลิต โครงการติดตั้ง Screw Unloader เพื่อปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ระยะที่ ๒ เป็นการติดตั้งเครื่องดูดถ่านหินจากเรือเข้าสู่ระบบสายพานโดยตรง จึงท าให้ไม่เกิดการฟุ้ง กระจาย และท าให้โครงการวัดบันไดเป็นระบบปิดทั้งหมด ข้อดีของโครงการ Screw unloader เพื่อยกระดับมาตรฐานของ Operation และลดการแตกของถ่านหินในระหว่างการขนถ่าย การท างาน ของเครื่องจักรชนิดนี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชมที่ตั้งอยู่โดยรอบพื้นที่โครงการ กิจกรรม CSR และการดูแลชุมชนในพื้นที่ ๑. ด าเนินการด้านชุมชนสัมพันธ์ ๒. สนับสนุนด้านการส่งเสริมอาชีพ ด้านสังคม วัฒนธรรม และศาสนา เพื่อส่งเสริมให้ ชุมชนในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ๓. รับฟังข้อเสนอแนะของชุมชนโดยรอบ เพื่อน ามาพัฒนาระบบการท างานให้สอดคล้อง กับความต้องการของชุมชนในพื้นที่อย่างสม่ าเสมอ กลุ่ม “รักษ์ชุมชน” จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนามาตรฐานการด าเนินงาน และเป็นแบบอย่างของ ผู้ประกอบการที่ดี และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน และสังคม โดยความร่วมมือของผู้ประกอบการ ๙ องค์กร ได้แก่ ๑. เอส. ซี. จี. ๒. สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ๓. บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จ ากัด (มหาชน) ๔. บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จ ากัด (มหาชน) ๕. บริษัท บ้านปูจากัด (มหาชน) ๖. บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจีจ ากัด (มหาชน)
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๗๖ ๗. บริษัท ลานนา รีซอร์สเซส จ ากัด (มหาชน) ๘. บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จ ากัด (มหาชน) ๙. บริษัท เปรมไทย เอ็นเนอร์ยี่ จ ากัด วัตถุประสงค์การจัดตั้ง “กลุ่มรักษ์ชุมชน” ๑) เพื่อพัฒนามาตรฐานการด าเนินงาน และเป็นแบบอย่างของผู้ประกอบการที่ดี ๒) ดูแลเอาใจใส่ และจัดกิจกรรม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน และสังคมโดยน าหลัก ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมสีเขียว ตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมมาประยุกต์ใช้ ๓) ด้วยความมุ่งหวังให้อุตสาหกรรม และชุมชนเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยได้ศึกษาการด าเนินงาน และน าแนวทางของกลุ่มเพื่อนชุมชน ในจังหวัดระยอง และ กลุ่มโรงปูนรักษ์ชุมชนในจังหวัดสระบุรีมาประยุกต์ใช้ด้วยความตระหนักว่าความร่วมมือของ ภาคอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาต้นแบบโรงงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชนนั้น เป็นแนวทางที่ดี ประเด็นสอบถามความคิดเห็น ๑) การปรับปรุง โครงการระยะที่ ๒ ส่งผลต่อต้นทุนค่าขนส่งหรือไม่ ตอบ ไม่ส่งผลต่อต้นทุนค่าขนส่ง เนื่องจากขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการหน้าท่า แต่หาก พิจารณาต้นทุนในการลงทุนที่ใช้งบประมาณ ๓๐๐ ล้านบาท ในการจัดท าระบบปิด พบว่า ไม่มีความคุ้ม ทุนในเชิงเศรษฐกิจ แต่มีความคุ้มค่าทางด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีการตั้งประเมินความคุ้มค่าโครงการไว้ที่ ระยะเวลา ๒๐ ปี ๒) ต้นทุนในการลงทุนของบริษัท เพิ่มสูงขึ้นหรือไม่ ตอบ การลงทุนในโครงการระยะที่ ๑ เพิ่มต้นทุนจากเดิม ๗๐ บาทต่อตัน แต่ทั้งนี้ยังไม่ รวมค่าบริหารจัดการหน้าท่า หากโครงการในระยะที่ ๒ แล้วเสร็จ ก็จะเพิ่มต้นทุนในการบริหารจัดการ อีก ๗๐ บาทต่อตัน ค่าขนส่ง อีก ๑๐๐ บาท โดยเฉลี่ยค่าบริหารจัดการเพิ่มขึ้นประมาณ ๑๔๐ บาทต่อตัน ๓) น้ าที่น ามาใช้ในโครงการ เพื่อลดปัญหาการฟุ้งกระจายของถ่านหินมีผลกระทบต่อ สภาพแวดล้อม หรือไม่ ตอบ น้ าที่ใช้ในโครงการไม่พบสารปนเปื้อนแต่อย่างใด ทั้งนี้ โครงการจัดเก็บถ่านหิน ของบริษัทเป็นโครงการที่ต้องจัดท ารายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายด้วย ซึ่งรายงานได้ ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการผู้ช านาญการ และมีการควบคุม ติดตามตรวจสอบตามกฎหมายที่ เกี่ยวข้อง ๓.๒.๒ การศึกษาดูงาน ณ บริษัท ที. พี. ไอ. โพลีน จ ากัด (มหาชน) จังหวัดสระบุรี บริษัท ที. พี. ไอ. โพลีน จ ากัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิต และจ าหน่ายผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ ปูนเม็ด และปูนส าเร็จรูป ภายใต้ตรา ที. พี. ไอ. โพลีน โดยมีโรงงานผลิตตั้งอยู่ในจังหวัดสระบุรี ปูนซีเมนต์ทั้งหมดของบริษัทมีคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศไทย สหรัฐอเมริกา (ASTM) และสหพันธรัฐยุโรป (EU) ทั้งนี้บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ด้านคุณภาพ ISO
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๗๗ ๙๐๐๒ สามารถผ่านมาตรฐาน ด้านอุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อม ท าให้สามารถส่งออกปูน ที. พี. ไอ. โพลีน ไปยังรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งขึ้นชื่อว่า ดูแล และระมัดระวังปัญหาสิ่งแวดล้อมสูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ได้รับอนุมัติฉลากคาร์บอนทั้งผลิตภัณฑ์ ปูนซีเมนต์และปูนส าเร็จรูป ทั้งนี้ตราฉลากคาร์บอนที่ได้รับ ถือเป็นการรับรองกระบวนการผลิต ที่มี ประสิทธิภาพ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุ ท าให้ เกิดภาวะโลกร้อน ด้วยความพร้อมของเครื่องจักรประกอบกับโรงงานปูนซีเมนต์ ๔ สายการผลิต (โดย สายการผลิตที่ ๔ ได้แล้วเสร็จ เมื่อต้นปี ๒๕๕๙) ก าลังการผลิตรวม ๑๓.๕ ล้านตันต่อปี ตั้งอยู่ในพื้นที่ แห่งเดียวกัน โดยติดกับเหมืองหินปูนของบริษัท รวมทั้งมีเครือข่ายการตลาด และการจัดส่งที่ครอบคลุม พื้นที่ทั่วประเทศ ท าให้บริษัท มีความได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ า นอกจากนี้บริษัทในกลุ่ม ที. พี. ไอ. โพลีน ยังสามารถน าพลังงานความร้อนทิ้งจากกระบวนการผลิตของโรงปูนซีเมนต์ทั้ง ๔ สายการผลิต และพลังงานเชื้อเพลิง RDF มาผลิตกระแสไฟฟ้า ส่งผลให้กลุ่มบริษัท ที. พี. ไอ. โพลีน เป็นผู้น าในการผลิตกระแสไฟฟ้า จากพลังงานเชื้อเพลิงขยะ ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียน เพื่อสิ่งแวดล้อม ๑) ภาวะอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในปีพ.ศ. ๒๕๕๙ บริษัทคาดว่า ความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศจะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการลงทุนในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งมวลชน และระบบ โครงข่ายการคมนาคมในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคของภาครัฐ รวมทั้งจากการลงทุนเพิ่มของ ภาคเอกชน นอกจากนี้การเตรียมตัวเข้าสู่ ASEAN Economics Community (AEC) จะท าให้มีการ ลงทุนเพิ่มขึ้นในด้านสิ่งอ านวยความสะดวก ส าหรับพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ ได้แก่ อ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก อ าเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว อ าเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด อ าเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร และอ าเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งจะส่งผลให้มีความต้องการใช้ ปูนซีเมนต์เพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนต่อไป ๑.๑ ปัจจุบันโรงปูน ที. พี. ไอ. มีก าลังการผลิตรวม ดังนี้ - เตาเผาปูนเม็ด ๔ เตาเผา ก าลังผลิตปูนเม็ด ๑๐ ล้านตัน/ปี - หม้อบดปูนซีเมนต์ ๑๐ หม้อบด ก าลังผลิต ๑๓ ล้านตัน/ปี ๑.๒ การใช้ถ่านหินในกิจการอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของบริษัทฯ การใช้พลังงานความร้อนในกระบวนการผลิตของโรงงานปูนฯ (ที. พี. ไอ.) พลังงานความร้อนที่ใช้ได้มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง ๒ ชนิด คือ ถ่านหิน และน้ ามันเตา ทั้งนี้ โรงงาน ปูนฯ (ที. พี. ไอ.) จะมีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักในกระบวนการผลิตประมาณ ๑,๕๐๐,๐๐๐ ตัน ต่อปีซึ่งเป็นถ่านหินซับบิทูมินัส น าเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย มีปริมาณซัลเฟอร์ไม่เกินร้อยละ ๑ ส่วน น้ ามันเตานั้นจะใช้เป็นเชื้อเพลิงในการจุดเตาเผา มีปริมาณซัลเฟอร์ไม่เกินร้อยละ ๒ ๒) ธุรกิจด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าของบริษัท บริษัท ที. พี. ไอ. โพลีน เพาเวอร์ จ ากัด (ถือหุ้นร้อยละ ๙๙.๙๙ โดยบริษัทฯ) ด าเนินธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าแยกตามประเภทเชื้อเพลิง ดังนี้
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๗๘ ๒.๑) โรงไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนทิ้งจากโรงปูน จ านวน ๒ โครงการ มีก าลังการผลิต ๗๐ เมกะวัตต์ โดยขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้แก่โรงงานปูนซีเมนต์ของบริษัทฯ ทั้งนี้โรงไฟฟ้า ดังกล่าวได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ๒.๒) โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF จ านวน ๓ โครงการ รวมก าลังการ ผลิต ๑๕๐ เมกกะวัตต์ จ าหน่ายกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๒.๓) โรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงถ่านหิน - ก าลังการผลิต ๑๕๐ เมกกะวัตต์ใช้ถ่านหินประมาณ ๖๐๐,๐๐๐ ตันต่อปี โดยเป็นถ่านหินซับบิทูมินัส น าเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย โดยจะขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้แก่โรงงาน ปูนซีเมนต์ของบริษัทฯ ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นค าขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน - ก าลังการผลิต ๔๐ เมกะวัตต์ ใช้ถ่านหินประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ ตันต่อปี โดยเป็นถ่านหินซับบิทูมินัส น าเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย เป็นโครงการลงทุนในปี ๒๕๕๙ โดยเมื่อ แล้วเสร็จจะขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้แก่โรงงานปูนซีเมนต์ของบริษัทฯ ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นค าขอรับการ ส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ๓) การจัดการถ่านหินในโรงงาน ๓.๑) การควบคุมก่อนการใช้งาน ๓.๑.๑ การตรวจประเมินแหล่งถ่านหิน - ปริมาณส ารอง - การผลิต - การขนส่งซึ่งท าการควบคุมตั้งแต่การขนส่งทั้งในทะเล และการขนส่งทางบก ๓.๑.๒ การตรวจประเมินคุณภาพ ค่าความร้อน ความชื้น ปริมาณก ามะถัน ปริมาณเถ้า ขนาด ความแข็ง สาร กัมมันตรังสีในถ่านหิน การประเมินองค์ประกอบทางเคมี ๓.๒) การควบคุมระหว่างการใช้งาน - ควบคุมตั้งแต่กระบวนการย่อย - กองเก็บ โดยท าการเก็บในอาคารปิดเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของถ่านหิน - การล าเลียง โดยใช้สายพานล าเลียงแบบมีฝาครอบปิด - การบดโดยการใช้เครื่องบดย่อยถ่านหิน (Hammer Crusher) - การเผาไหม้ การควบคุมฝุ่น โดยการใช้เครื่องดักฝุ่นแบบผ้ากรอง (Bag House filter) ซึ่งมี หลักการท างาน ดังนี้ ๑. อากาศที่มีฝุ่นถ่านหินปนเปื้อนไหลผ่าน เข้าผ้ากรอง หรือถุงกรอง ที่มีความ ละเอียดมากพอ ที่จะดักฝุ่นถ่านหิน ๒. ฝุ่นถ่านหินจะติดอยู่ที่ผิวหน้าของผ้ากรอง ๓. ฝุ่นถ่านหินจะถูกเป่าลงมาในภาชนะจัดเก็บ ๔. ประสิทธิภาพในการแยกฝุ่นสูงถึงร้อยละ ๙๙
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๗๙ เครื่องดักฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Precipitator, EP) ซึ่งมีหลักการ ท างาน ดังนี้ ๑. ใช้ไฟฟ้าสถิตในการแยกฝุ่นถ่านหิน โดยใส่ประจุให้ฝุ่นถ่านหิน ๒.ผ่านฝุ่นถ่านหิน ที่มีประจุเข้าไปในสนามไฟฟ้าสถิต ๓.ฝุ่นถ่านหิน จะเคลื่อนเข้าหาแผ่นเก็บที่มีขั้วไฟฟ้าตรงข้ามกัน ๔. ประสิทธิภาพในการดักฝุ่น ได้มากกว่าร้อยละ ๙๙.๕ ๓.๓) การเฝ้าระวังหลังการใช้งาน ประกอบด้วย ๓.๓.๑ ตรวจสอบคุณภาพอากาศที่ปล่องระบาย และในชุมชน ๑) ปล่องระบายที่ตรวจวัด ๒๘ ปล่อง - Main Stack ๔ ปล่อง - Coal Mill ๑๐ ปล่อง - Clinker Cooler ๔ ปล่อง - Cement Mill ๑๐ ปล่อง ๒) คุณภาพอากาศที่ตรวจวัด : - ฝุ่นละอองรวม (TSP) - ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) - ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2 ) ๓) การตรวจสอบคุณภาพอากาศในชุมชนรอบโรงงาน สถานีตรวจวัดอากาศ : ๗ สถานีรัศมี ๕ กิโลเมตรรอบโรงงาน คุณภาพอากาศที่ตรวจวัด - ฝุ่นละอองรวม (TSP) - ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๑๐ ไมครอน (PM-๑๐) - ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ - ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ๓.๓.๒ โครงการศึกษาคุณภาพอากาศเชิงพื้นที่ ซึ่งทางบริษัทได้ร่วมกับ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์น าโดย รศ.ดร.วราวุธ เสือดีและคณะ จาก ส านักงานศูนย์วิจัยและให้ค าปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดท าโครงการศึกษา คุณภาพอากาศเชิงพื้นที่ รอบโรงงานของบริษัทในจังหวัดสระบุรี รัศมี ๕ กิโลเมตร โดยก าหนด ระยะเวลาในการศึกษา ๓ ปี (๒๕๖๑-๒๕๖๓ ) ประกอบด้วยกิจกรรมการศึกษาทั้งหมด ๕ กิจกรรม กิจกรรมที่ ๑ ศึกษาการตกสะสมของโลหะหนักในอากาศ กิจกรรมที่ ๒ ศึกษาศักยภาพการรองรับ SO2, NO2, TSP, PM10 และโลหะหนัก กิจกรรมที่ ๓ ศึกษาศักยภาพการรองรับ TSP และ PM10 ในพื้นที่เหมืองหินปูน กิจกรรมที่ ๔ ศึกษาการตกสะสมของโลหะหนักในดิน กิจกรรมที่ ๕ ศึกษาแนวทางการจัดการด้านคุณภาพอากาศ
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๘๐ ๓.๓.๓ การตั้งคณะกรรมการ ติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม และ มวลชนสัมพันธ์ โดยคณะกรรมการ มีหน้าที่ดังต่อไปนี้ - ให้ค าปรึกษาข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะ ต่อแนวทางการด าเนินงานของ โครงการ และมีการประสานงานกับชุมชนเพื่อให้ทราบถึงการด าเนินงานของโครงการเป็นระยะๆ เพื่อ เสริมสร้าง ความเข้าใจอันดีแก่ประชาชนในพื้นที่ - ติดตามตรวจสอบการด าเนินงาน ของโรงไฟฟ้า เพื่อรับรู้ผลการปฏิบัติตาม มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม และการติดตามตรวจสอบคุณภาพ สิ่งแวดล้อม และมีการแจ้งผลการปฏิบัติ ตาม มาตรการดังกล่าวให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ - ในกรณีที่การด าเนินโครงการก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคน ในชุมชนจะมีการประสานงานไปยังโครงการ เพื่อแจ้ง และร่วมก าหนดแนวทางการแก้ไข รวมทั้งติดตาม เร่งรัดให้มีการด าเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม - ร่วมเสนอแผนพัฒนาชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ประชาชนในพื้นที่ องค์ประกอบของคณะกรรมการประกอบด้วย - ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ๓ ต าแหน่ง - ผู้แทนจากหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นในรัศมี ๕ กิโลเมตร ๔ ต าแหน่ง - ผู้แทนภาคประชาชนในพื้นที่รัศมี ๕ กิโลเมตร ๑๖ ต าแหน่ง - ผู้แทนโครงการ ๔ ต าแหน่ง รวมคณะกรรมการ ๒๗ คน ๓.๓.๔ กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ ๑)กองทุนประกันสุขภาพ – เพื่อเป็นหลักประกันค่ารักษาพยาบาลของประชาชน ในกรณีเจ็บป่วย เนื่องมาจากโครงการฯ โดยน าส่งเงินเข้ากองทุน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทในปีแรก ปีถัดไปปีละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒) กองทุนสนับสนุนคุณภาพด้านบุคลากร อุปกรณ์ทางการแพทย์และ งานวิจัยทางด้านสาธารณสุข ๓๐๐,๐๐๐ บาท/ ปี ๓) กองทุนตรวจสุขภาพองประชาชน ประเด็นสอบถามความคิดเห็น และข้อสังเกต ๑) การติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ บริษัทฯ ใช้หลักเกณฑ์ มาตรฐานการ ตรวจวัด และใช้พารามิเตอร์เดียวกับการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ หรือไม่ ตอบ พารามิเตอร์ที่ตรวจวัด และการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศบริษัทฯ ปฏิบัติตามที่ก าหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จากประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๘๑ หลักเกณฑ์และมาตรฐานการตรวจวัด บริษัทฯ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก าหนดไว้ รวมไปถึงตาม ประกาศของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติก าหนดไว้ ๒) ผลพลอยได้จากการเผาไหม้ของถ่านหินสามารถน ามาใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ตอบ ผลพลอยได้จากการเผาไหม้ของถ่านหินจะได้เป็น เถ้าหนัก และเถ้าลอย โดยเถ้าที่ เกิดขึ้นนี้จะถูกน าไปเป็นวัตถุดิบเสริมในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ ๓) การก าจัดมลพิษที่เกิดจากการแปรสภาพทางเคมี (ฝนกรด) บริษัทฯ มีการด าเนินการ อย่างไร ตอบ ในกระบวนการเผาไหม้ถ่านหินจะท าให้เกิดSOx, NOxซึ่งจะท าปฏิกิริยากับความชื้น ในอากาศ เกิดเป็นฝนกรด โดยทางบริษัทจะมีมาตรการต่างๆ ที่จะควบคุมมลพิษต่างๆ ดังนี้ ๑) เลือกใช้ถ่านหินคุณภาพที่มีปริมาณซัลเฟอร์ไม่เกินร้อยละ ๑ ๒) ฉีดพ่นผงหินปูนเข้าไปในกระบวนการผลิต เพื่อดักจับซัลเฟอร์ที่เกิดขึ้น ๓) ควบคุมอุณหภูมิภายในห้องเผาไหม้ของหม้อไอน้ าเพื่อควบคุมปริมาณ Thermal NOx โดยมีการติดตั้งระบบตรวจวัดอุณหภูมิภายในห้องเผาไหม้ที่แสดงค่าไปยังห้องควบคุมได้ ตลอดเวลา ๔)ข้อมูลขั้นตอน วิธีการ และการด าเนินงาน ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจประเมินคุณภาพถ่านหิน ตอบ ขั้นตอน และวิธีการด าเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจประเมินคุณภาพถ่านหินมีดังนี้ ๑. ก าหนด Spec ถ่านหิน ที่ต้องการใช้งาน ๒. ส่ง Spec ถ่านหินให้ผู้ขาย ๓. ผู้ขายส่งตัวอย่าง และใบรับรองคุณภาพถ่านหิน ๔. ตรวจประเมินคุณภาพตัวอย่างถ่านหิน ที่ผู้ขายส่งมาโดยมีล าดับขั้นตอนการตรวจฯ ดังนี้ ๔.๑) ตรวจประเมินคุณภาพถ่านหินเบื้องต้น (ค่าความร้อน ความชื้น ปริมาณ ก ามะถัน ปริมาณเถ้า) ๔.๒) ตรวจประเมินคุณภาพทางกายภาพ (ขนาดถ่านหิน ความแข็ง สาร กัมมันตรังสี การหลอมตัวของเถ้าถ่าน) ๔.๓) ตรวจประเมินองค์ประกอบทางเคมีของเถ้าถ่าน (ธาตุหลัก: Si, Al, Ca, Fe,ธาตุรอง: Mg, S, Na, K, Ti, P, Zn, Mn, Br,โลหะหนัก: Hg, Pb, Cr, Cd) ๕. เมื่อมีการซื้อถ่านหินเข้ามาใช้งาน จะมีการเก็บตัวอย่างเป็นระยะ เพื่อตรวจสอบคุณภาพถ่านหิน ว่า เป็นไปตามข้อก าหนด หรือไม่ ถ้าไม่เป็นไปตามที่ก าหนด จะท าการปฏิเสธการรับถ่านหินของ ช่วงการส่งนั้น
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๘๒ ๓.๒.๓ การศึกษาดูงานด้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ณ โรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. เพาเวอร์ จ ากัด จังหวัดระยอง ที่มา https://www.stock2morrow.com/discuss/index.php/room/1/topic/248 การด าเนินงานของโรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. ตามปกติจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้า ได้ประมาณ ๑๐ ล้านเมกะวัตต์-ชั่วโมง ต่อปีโรงไฟฟ้าได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้ง ประหยัดพลังงานด้วย สามารถใช้พลังงานจากถ่านหิน ที่น าเข้าได้เต็มประสิทธิภาพ เน้นด้านเทคโนโลยี ถ่านหินสะอาด โดยการออกแบบค านึงถึงขั้นสุดท้ายของการผลิต และการอนุรักษ์พลังงาน ๑. เทคโนโลยีถ่านหินที่โรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. น ามาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า โรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. ใช้ถ่านหินประเภทบิทูมินัส (Bituminous) จากแหล่งผลิต ในประเทศออสเตรเลีย และอินโดนีเซียเป็นเชื้อเพลิง ถ่านหินจะถูกขนส่งทางเรือ และขนถ่าย ที่ท่าเรือขน ถ่ายถ่านหิน บี. แอล. ซี. พี. ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. และจะขนถ่าย ขึ้นจากเรือโดย Coal Unloader ที่ติดตั้งอยู่บนท่าเรือ จากนั้นถ่านหิน จะถูกล าเลียงไปเก็บยังลานกอง ถ่านหิน จ านวน ๓ กอง โดยมีปริมาณทั้งสิ้น ๖๖๒,๐๐๐ เมตริกตัน ซึ่งถ่านหินจ านวนนี้สามารถใช้ในการ ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ ๖๐ วันต่อเนื่อง จากลานกองถ่านหิน ถ่านหินจะถูกล าเลียงเข้าสู่โรงไฟฟ้าด้วย ระบบสายพานล าเลียงไปยัง Coal Bunker และส่งต่อไปยัง Coal Pulverizer เพื่อบดถ่านให้ได้ขนาดที่ ต้องการก่อนที่จะถูกส่งเข้าไปยังเตาเผา (Boiler Furnace) โดยการใช้ลมพาผงผ่านเข้าไป เมื่อถ่านเผา ไหม้ก็จะคายพลังงานความร้อนออกมา และถ่ายเทให้น้ าที่อยู่ภายในท่อรอบๆ ผนังเตา น้ าที่ใช้จะต้อง เป็นน้ า ที่ก าจัดแร่ธาตุต่างๆ ออกแล้ว (Demineralized Water) เมื่อน้ าได้รับความร้อน จะร้อนขึ้นจน เดือด และน้ าบางส่วนจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นไอน้ า อุปกรณ์ที่เรียกว่า Boiler Drum ซึ่งติดตั้งอยู่ ส่วนบนของเตาเผา จะท าหน้าที่แยกไอน้ า และน้ าออกจากกัน ส่วนที่เป็นน้ า จะกลับไปรับความร้อนจาก เตาเผาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนที่เป็นไอน้ าจะผ่านไปเข้า Superheat Coil เพื่อเพิ่มอุณหภูมิและความดันให้ เหมาะสม กับการที่จะน าไปใช้ในการขับเคลื่อนกังหันไอน้ า (Steam Turbine) ไอน้ าเมื่อผ่านกังหัน จะคายพลังงานให้ตัวกังหันท าให้กังหันหมุน กังหันจะต่อแกนร่วมกับเครื่องก าเนิดไฟฟ้า (Generator) เมื่อเครื่องก าเนิดไฟฟ้าหมุน สนามแม่เหล็กจะหมุนไปตัดกับขดลวดที่อยู่ภายในเครื่องก าเนิดไฟฟ้า ท าให้ เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น กระแสไฟฟ้าส่วนนี้จะถูกยกระดับแรงดัน ขึ้นด้วยหม้อแปลงไฟฟ้า (Generator
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๘๓ Transformer) เพื่อให้แรงดันไฟฟ้าเหมาะสมต่อการส่งกระแสไฟฟ้า เข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (EGAT) ต่อไป ไอน้ าที่ผ่านกังหันไอน้ าแล้ว จะมีอุณหภูมิและความดันลดลง และจะถูกควบแน่นให้ กลายเป็นน้ าภายในเครื่องควบแน่น (Condenser) เพื่อส่งกลับไปรับความร้อนในห้องเผาไหม้ต่อไป กระบวนการเผาไหม้ของถ่านหินจะเกิดขี้เถ้าขึ้น หลังจากเผาไหม้ภายในห้องเผาไหม้ ขี้เถ้าส่วนที่มี น้ าหนักมากจะตกลงสู่ด้านล่างของเตาซึ่งเรียกว่า Bottom Ash ขี้เถ้าส่วนที่มีน้ าหนักน้อยจะลอยขึ้นไป กับอากาศที่ถูกเผาไหม้แล้ว (Flue Gas) สู่ส่วนบนของเตาเผาไหม้ ขี้เถ้าส่วนนี้จะถูกดักจับด้วยเครื่องดัก จับฝุ่นระบบไฟฟ้าสถิตย์ (Electrostatic Precipitator; ESP) และเนื่องจากในถ่านหินจะมีส่วนประกอบ ของก ามะถันปนอยู่ด้วย เมื่อเกิดกระบวนการเผาไหม้ ก ามะถันนี้จะเปลี่ยนรูปเป็นก๊าซซัลเฟอร์ได ออกไซด์ (SO2) อุปกรณ์ Sea Water Desulfurization (Sea Water FGD) ได้ถูกติดตั้ง เพื่อดักจับก๊าซ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ก่อน ที่จะปล่อยสู่บรรยากาศต่อไป ๒. เครื่องจักรหลักที่ใช้ในเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหิน ๒.๑ เครื่องก าเนิดไอน้ า โรงไฟฟ้าพลังความร้อนแต่ละโรง ประกอบด้วยเครื่องก าเนิดไอน้ าขนาดใหญ่ ๑ เครื่อง เป็นชนิด Sub-critical single drum face circulation และ Balance draft type เผาไหม้ ด้วยถ่านหินที่ถูดบดย่อย (Pulvarised coal) ติดตั้ง Electrostatic Precipitator เพื่อก าจัดฝุ่น และ ระบบ Sea Water FGD เพื่อบ าบัดก๊าซ SO2 และลดปริมาณ NOx โดยมีระบบเผาไหม้ที่ควบคุมการเกิด NOx ด้วยอุปกรณ์จ่ายอากาศแบบ Separate Over Fire Air ระบบเชื้อเพลิง ส่วนเผาไหม้ถ่านหินในแต่ละชั้นจะรับถ่านหินที่ถูกบดย่อยจาก อุปกรณ์บดย่อย (Pulvariser) ซึ่งเป็นแบบ Vertical Roller Type โดยจะมีอุปกรณ์ Coal Bunker เป็น ตัวป้อนถ่านหินเข้าสู่อุปกรณ์บดย่อย ระบบเชื้อเพลิงที่ใช้น้ ามันเชื้อเพลิงเบาจะติดตั้งไว้ส าหรับการ Start up ระบบ และเป็นระบบส ารองเมื่อเกิดสภาวะ Low Load ระบบอากาศ ประกอบไปด้วยอากาศที่ใช้ในการเผาไหม้ และไอเสียที่เกิดจากการ เผาไหม้ โดยจะถูกดูดออกผ่านปล่องร่วมที่มีความสูง ๒๐๐ เมตร โดยมี force draft fan ๒ ตัว เป็นพัด ลมดูดอากาศเข้าห้องเผาไหม้ ติดตั้ง Rotary Air Heater จ านวน ๒ ตัว เพื่อน าความร้อนจากไอเสียมา อุ่นอากาศก่อนที่จะเข้าไปในส่วนเผาไหม้ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการเผาไหม้ ห้องเผาไหม้ห้องเผาไหม้ถูกออกแบบเป็น Single Vertex มีขนาดใหญ่ เพื่อลด ปริมาณ NOx ที่เกิดจากการเผาไหม้ได้ร้อยละ ๖๐ เมื่อเปรียบเทียบกับหม้อน้ าแบบธรรมดา โดยในการ ท างานของเครื่องก าเนิดไอน้ าแบบนี้ จะมีโซนการเผาไหม้แบบ Sub-stoichiometric ขนาดใหญ่ คือ ใน โซนนี้จะมีออกซิเจนส าหรับการเผาไหม้เพียง ๐.๙ เท่าของค่าที่ค านวณได้จากสมการ Stoichiometric วิธีการนี้จะท าให้เกิดการขาดออกซิเจน ส าหรับการเผาไหม้ในระยะหนึ่ง ท าให้อุณหภูมิของเปลวไฟ (Peak flame) ลดลงจากปกติ ๑,๕๐๐ องศาเซลเซียส ลดลงเป็น ๑,๓๐๐ องศาเซลเซียส และท าให้ อุณหภูมิไม่สูงถึงระดับการเกิดไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) (เกิดจากการออกซิเดชันของก๊าซไนโตรเจนที่ ปนอยู่ในอากาศ) ขนาดของเครื่องก าเนิดไอน้ าที่ใหญ่ท าให้สภาวะการขาดออกซิเจนเกิดได้นานเพียงพอ ก่อนที่จะมีการเติมอากาศครั้งที่ ๒ เพื่อท าให้การเผาไหม้สมบูรณ์ นอกจากนี้ในโซนขาดออกซิเจนนี้NOx
ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๘๔ ที่เกิดขึ้นจากไนโตรเจนที่ปนมากับเชื้อเพลิงจะสลายตัวให้ออกซิเจนออกมาบางส่วนเพื่อช่วยใน กระบวนการเผาไหม้ แล้วกลายเป็นก๊าซไนโตรเจน และน้ าระเหยออกไป การลด NOx ในหม้อน้ าแบบนี้ เพื่อให้การเผาไหม้มีความสมบูรณ์ที่สุด ขั้นตอนการเติมอากาศเข้าไปในห้องเผาไหม้และในการผลิต ขั้นที่ ๒ จะถูกควบคุมด้วยระบบไมโครโปรเซสเซอร์ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบตรวจวัดปริมาณ NOx ๒.๒ กังหันไอน้ า กังหันไอน้ าเป็น แบบ Single Reheat, Condensing Tandem Compound Type, Three Cyclinders Combined HP/IP and 2LP designed with a quadresple exhaust, ส่วนแกน (Shaft) ของกังหันไอน้ าจะถูกต่อเป็นแกนเดียวกับเครื่องก าเนิดไฟฟ้า กังหันไอน้ าถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือสูง ประกอบด้วย Horizontal Main Stop Valve, Governing Valve, Reheat Stop Valve, Intercept Valve แ ละ อุปกรณ์ Safety Device เพื่อป้องกันกังหันไอน้ าหมุนด้วยความเร็วเกินก าหนด (Overspeed) ในกรณี กังหันไอน้ าหมุนเร็วกว่าค่าที่ตั้งไว้ อุปกรณ์ควบคุมความปลอดภัย (Safety Device) ท างานจะท าให้ วาล์วควบคุมไอน้ าปิดลง และตัดไม่ให้ไอน้ าไปขับกังหันไอน้ า ๒.๓ เครื่องก าเนิดไฟฟ้า เครื่องก าเนิดไฟฟ้าเป็นแบบ Brushless Exciter ระบายความร้อนด้วยน้ า และก๊าซ ไฮโดรเจน ขนาดแรงดัน ๑๙ กิโลโวลท์ ความถี่ ๕๐ Hz มีอุปกรณ์ Cylindrical Rotor ๒ pole ๓ เฟส ความเร็วรอบ ๓,๐๐๐ รอบต่อนาที (RPM) กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จะส่งไปยัง Main Generator Transformer โดยผ่าน Isolate Phase Bus Duct เพื่อยกระดับแรงดันจาก ๑๙ กิโลโวลท์ ให้เป็น ๕๐๐ กิโลโวลท์ และส่งต่อไปยังลานไก (Switch yard) ซึ่งเป็นจุดเชื่อมกับระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๒.๔ เครื่องควบแน่น (Condenser) คอนเดนเซอร์ของแต่ละหน่วยอุปกรณ์เป็นแบบ Horizontal Radial Flow Onepass, Surface cooling type with divided water box และ Turbine exhaust inlet-hoot อยู่ ด้านบน ติดตั้ง Vacuum pump ๓ ตัว เพื่อดูดอากาศ และก๊าซที่ไม่ควบแน่นออกจากเครื่องควบแน่น ใน Condenser water boxes จะเคลือบด้วยยางเพื่อป้องกันการกัดกร่อน ส่วนท่อควบแน่นจะท าด้วย โลหะไททาเนียม และมีระบบ On-line ball cleaning equipment ส าหรับท าความสะอาดเครื่อง ควบแน่นอัตโนมัติ ๒.๕ เครื่องดักจับฝุ่นระบบไฟฟ้าสถิตย์(Electrostatic Precipitator; ESP) ระบบ ESP ประกอบด้วย ๒ ชุดต่อเครื่องก าเนิดไอน้ า ๑ ตัว เป็น Rigid frame out-door type fourfield มีประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นสูงมากกว่าร้อยละ ๙๙ ๒.๖ ระบบดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์(Flue Gas Desulfurization; FGD) ระบบนี้ใช้ Flakt Seawater Washing FGD โดยแต่ละหม้อน้ าจะติดตั้งหอดูดซับ (Absorber tower) ชนิดเดี่ยว ไอเสียจากแต่ละหม้อน้ า (Flue gas) ประมาณร้อยละ ๗๐ จะถูกสูบออกไปผ่าน Induced draught fans เข้าสู่อุปกรณ์ดูดซับ (Absorber) ไอเสียเหล่านี้จะถูกป รับให้เย็น โดยอุปกรณ์ Quenchers ก่อนจะเข้าอุปกรณ์ดูดซับ ซึ่งเมื่อผ่านเข้าไปแล้ว ไอเสียจะไหลสวนทางไปเจอกับกระแสน้ า ทะเลที่ไหลเข้ามาผ่าน Tower Packing ณ ที่นั้นก๊าซ SO2 ในไอเสียจะท าปฏิกิริยากับสภาพด่างในน้ า