The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tuahuay, 2023-02-28 22:52:15

รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน

กมธ.1

ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๘๕ ทะเล ไอเสียที่ได้รับการบ าบัดแล้วจากแต่ละหอดูดซับ จะถูกท าให้ร้อนขึ้นอีกครั้ง โดยการรวมกับไอเสีย จากหม้อน้ าที่ยังไม่ได้รับการบ าบัด และปล่อยสู่บรรยากาศทางปล่องของโรงงาน ในการใช้เทคโนโลยี แบบ Seawater Washing FGD นี้ จะต้องใช้ Absorber internal seawater/Flue gas contacting surface กับ Tower ชนิด Packed Type น้ าทะเลที่ใช้ในระบบ FGD จะเป็นน้ าทะเลที่ระบายออกจาก เครื่องควบแน่น แล้วน าเข้าสู่ระบบดูดซับ (แบบ once-through basis) เพื่อดึงก๊าซ SO2ออกจากไอเสีย ซึ่งจะท าให้น้ าทะเลที่เป็นกรด มีสารซัลไฟด์เป็นส่วนประกอบ การเพิ่มค่า พี. เอช. ของน้ าที่ผ่านการดัก จับก๊าซ SO2นั้น ท าได้โดยน้ าเข้าไปในบ่ออัดอากาศ (Aeration Pond) หนึ่งบ่อต่อหนึ่งหน่วยอุปกรณ์ อากาศจะถูกอัดเข้าในของเหลว เพื่อให้ออกซิเจนออกซิไดซ์สารซัลไฟด์จนกลายเป็นซัลเฟต และเพื่อไล่ ก๊าซ CO2จากนั้นค่า pH (พี. เอช.) จะเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับที่เป็นกลางก่อนแล้วจึงน าไปผสมกับน้ า ทะเลส่วนที่เหลือจากเครื่องควบแน่น ซึ่งยังไม่ได้ผ่านการดักจับก๊าซ SO2 ต่อจากนั้นจึงส่งผ่านไปยัง Out Fallอุปกรณ์ที่มีการท างานด้วยการหมุนเป็นส่วนใหญ่ และเป็นส่วนประกอบของระบบ FGD คือ พัดลม อากาศ (Aeration Fans) และ Absorber Pumps แต่ละหน่วยจะประกอบด้วยพัดลมอัดอากาศ และ Booster Pumps ๓ เครื่องใช้งานตามปกติ ๒ เครื่อง อีก ๑ เครื่องส าหรับ Standby ๓. วงจรการท างาน (Plant Cycle) ไอน้ าซึ่งผ่านออกจาก LP Turbine จะถูกควบแน่นเป็นน้ า รวมอยู่ใน Condenser hotwell โดยใช้น้ าทะเลเป็นตัวหล่อเย็น (Once through cooling) น้ าซึ่งอยู่ใน Condenser hotwell จะถูกสูบผ่านไปยัง Gland condenser, Low pressure heater เป็นการเพิ่มอุณหภูมิของน้ าก่อนที่น้ า จะผ่านเข้าไปยัง De-aerator จากนั้นน้ าร้อนจะถูกสูบจาก De-aerator โดย Turbine driven boiler Feed pump เข้าสู่ Boiler drum โดยผ่าน High pressure heater และ Economizer เพื่อเป็นการ เพิ่มอุณหภูมิให้แก่น้ าร้อนอีกครั้งหนึ่งก่อนจะน าไปต้มภายในหม้อต้มน้ า น้ าร้อนภายใน Boiler drum จะถูกสูบให้เกิดการไหลเวียน รับความร้อนภายในห้องเผา ไหม้และไหลวนกลับมาที่ Boiler drum เป็นวงจร Boiler Drum มีหน้าที่แยกน้ า และไอน้ าออกจากกัน โดยไอน้ าจะไหลผ่านเข้าไปยัง Super heater coil ส่วนที่เป็นน้ าร้อนจะถูกสูบ และไหลเวียนรับความ ร้อน ไอน้ าที่เข้าไปยัง Super heater coil รับความร้อนจากภายในห้องเผาไหม้ เพื่อให้ไอน้ าที่จะน าไป หมุนกังหันไอน้ ามีอุณหภูมิและความดันสูง (การควบคุมอุณหภูมิในชุด Super heater coil ใช้ Spray ลดความร้อน ในกรณีอุณหภูมิสูงมากกว่าค่าที่ก าหนด) Main Stream และ Reheat Stream Main Stream ที่มีอุณหภูมิสูง และความดันสูงเป็น Super heat steam (ค่าที่ก าหนด) จะวิ่งผ่าน Governor control valves เพื่อควบคุมปริมาณไอน้ าให้ไหลเข้าไปหมุนกังหันไอน้ า (HP Turbine) ไอน้ าที่ผ่านเข้าสู่ HP Turbine จะถ่ายพลังงานให้กับกังหันไอน้ า และจะถูกน ากลับมา Reheat ในห้องเผาไหม้ เพื่อเพิ่มอุณหภูมิก่อนที่จะเข้าสู่ HP Turbine และ LP Turbine เมื่อไอน้ ากลับ เข้าไปหมุน LP Turbine และจะวิ่งผ่านท่อ cross over pipe ต่อไปยัง LP Turbine จากนั้นก็ไหลลงสู่ เครื่องควบแน่น และกลั่นตัวเป็นน้ า เป็นวงจรเช่นนี้ จากการที่แกนกังหันไอน้ าต่อเป็นแกนเดียวกับ เครื่องก าเนิดไฟฟ้า เมื่อกังหันไอน้ าหมุนก็จะท าให้เครื่องก าเนิดไฟฟ้าหมุนตาม ท าให้สามารถผลิตไฟฟ้า ขึ้นมาได้


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๘๖ กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จะวิ่งไปบน Conductor ซึ่งอยู่ภายใน Isolate Phase Busduct ต่อไปยังหม้อแปลงไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้าจะเพิ่มแรงดันขึ้นเป็น ๕๐๐ กิโลโวลท์ ส่งผ่านเข้าลานไกซึ่งอยู่ ภายในโรงไฟฟ้า เพื่อป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ เดินสายส่งมารับกระแสไฟฟ้าที่ Switch yard ของโรงไฟฟ้า ๔. น้ าหล่อเย็น และระบบ Sea Water FGD โรงไฟฟ้าจะใช้น้ าทะเล ประมาณ ๕.๓๔ ล้าน ลบ.ม./วัน ส าหรับการด าเนินการ ตามปกติ โดยจะใช้ในระบบหล่อเย็น และระบบดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ด้วยน้ าทะเล (FGD) สถานีสูบน้ าจะสูบน้ าทะเลที่อยู่ในบริเวณท่าเรือของโรงไฟฟ้า โดยจะสูบน้ าด้วยความเร็วต่ า (Slow Velocity) ประมาณ ๐.๓ เมตร/วินาที เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนกระแสน้ าในการเดินเรือ และปล่อยให้ ปลา หรือสัตว์น้ าสามารถว่ายหนีออกไปได้ มีการติดตั้ง Bar Screen เพื่อดักขยะชิ้นใหญ่ๆ ออกจากน้ าสูบเข้า และติดตั้ง Travelling Screen เพื่อป้องกันปลาตัวเล็กๆ หรือสัตว์น้ าขนาดเล็กหลุดติดเข้าไปกับน้ าที่สูบเข้า ตะแกรงทั้ง ๒ ชนิดนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ปั๊มสูบน้ า และอุปกรณ์อื่นๆ ของระบบหล่อเย็นอุดตันเสียหาย ขยะที่ถูกดักด้วย Bar Screen จะแยกออกไปก าจัดพร้อมกับกากของเสียอื่นๆ ขยะ หรือสิ่งต่างๆ ที่ติด อยู่บน Travelling Screen จะถูกล้างออกด้วยน้ า สิ่งมีชีวิตที่ติดบนตะแกรง และยังมีชีวิตอยู่จะถูกล้าง ออกมา และไหลออกไปทางรางน้ ากลับลงสู่ทะเลได้ ความเร็วในการไหลในรางนี้จะได้รับการออกแบบให้ เป็นอันตรายต่อปลา หรือสิ่งมีชีวิตในน้ าเหล่านี้น้อยที่สุด ขยะ ที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจะถูกเก็บ และแยกออกไป ทิ้ง นอกโครงการ เช่น กากของเสียอื่นๆ เป็นต้น ในระบบหล่อเย็นจะมีการเติมสารคลอรีนเป็นครั้งคราว เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการเน่า ของสารอินทรีย์ที่ติดมากับน้ า มิเช่นนั้น สารอินทรีย์ที่เน่าเสียจะท าให้ประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อน ในอุปกรณ์คอนเดนเซอร์ต่ าลง และส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตต่ าลงไปด้วยเช่นกัน ปริมาณการเติม คลอรีนจะควบคุมไว้ เพื่อไม่ให้น้ าที่ออกจากระบบมีสารคลอรีนเจือปนเกินค่ามาตรฐาน คือไม่เกินกว่า ๐.๐๑ มก./ลิตร ส่วนการก าจัดสารคลอรีนที่เกิดในระบบของโรงไฟฟ้า สารคลอรีนในน้ าทะเลจะมีการ สลายตัวเอง โดยอาศัยความร้อนในขณะผ่านระบบหล่อเย็น นอกจากนี้ ๒ ใน ๓ ส่วนของน้ าทะเลที่ผ่าน ระบบหล่อเย็นแล้ว จะผ่านเข้าระบบ FGD จากนั้นจะถูกส่งต่อไปยังบ่อเติมอากาศ เพื่อปรับสภาพน้ า ทะเล เป็นขั้นตอนสุดท้าย โดยการเติมอากาศลงในน้ าทะเล จะมีผลให้สารคลอรีนในน้ าทะเลสลายหมด ไป น้ าที่ผ่านเข้าสู่คอนเดนเซอร์ของโรงไฟฟ้าจะใช้ส าหรับหล่อเย็นไอน้ าที่ออกจากอุปกรณ์ก าเนิดไฟฟ้า น้ าที่หล่อเย็นแล้วนี้ บางส่วนจะถูกน าไปใช้ต่อในระบบ FGD โดยพ่นเป็นละอองน้ าผ่านไอเสียที่ได้ดักฝุ่น ด้วยอุปกรณ์ ESP (Electrostatic Precipitators) มาก่อนแล้ว สภาพด่างธรรมชาติที่มีอยู่ในน้ าทะเลจะ ท าปฏิกิริยากับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ปนอยู่ในไอเสีย และท าให้น้ าที่ออกจากระบบมีค่า พี. เอช. ลดลงบ้าง ไอเสียจะถูกส่งผ่านเข้าสู่ระบบบ าบัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ประมาณร้อยละ ๗๐ น้ าทะเลที่ผ่านระบบ FGD และมีค่า พี. เอช. ลดลงนี้ จะถูกส่งเข้าระบบปรับสภาพ โดย เติมอากาศเพื่อไล่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อิสระที่เกิดจากการท าปฏิกิริยาของสภาพด่างในน้ า ผลจาก การไล่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นี้จะท าให้ค่า pH ของน้ ากลับเพิ่มขึ้น ซึ่งน้ าที่ออกจากบ่อเติมอากาศนี้จะ มีค่า พี. เอช. ๗ นอกจากนี้ การเติมอากาศจะช่วยออกซิไดซ์สารซัลไฟด์ในน้ าให้กลายเป็นซัลเฟต ซึ่งจะ ท าให้น้ าทิ้งมีคุณภาพดีขึ้น เนื่องจากท าให้ค่า COD ต่ า หลังจากนั้นน้ าส่วนนี้จะถูกส่งไปรวมกับน้ าหล่อ


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๘๗ เย็นส่วนที่เหลือจากเครื่องควบแน่น ซึ่งยังไม่ได้ผ่านการดักจับก๊าซ SO2 การถ่ายเทความร้อนจะเกิดขึ้น ตั้งแต่ในคอนเดนเซอร์และในระบบ FGD ด้วย ระบบนี้ได้ถูกออกแบบเพื่อให้มีน้ าทิ้งที่มีอุณหภูมิไม่เกิน ๔๐ ๐ C น้ าทิ้งจะถูกระบายผ่านรางที่อยู่ทางชายฝั่งด้านใต้ของโครงการด้วยความเร็ว ๑.๕ เมตร/วินาที ๕. การใช้น้ าจืด โรงไฟฟ้าใช้น้ าจืดในอัตรา ๔,๕๐๐ ลบ.ม./วัน โดยแบ่งเป็นการใช้ เพื่ออุปโภคบริโภคใน ส านักงาน และน้ าชดเชยให้กับหม้อน้ า และระบบผลิตอื่นๆ ประมาณ ๒,๑๗๙ ลบ.ม./วัน ใช้ในกิจกรรม ลานกองถ่าน ๑,๘๒๑ ลบ.ม./วัน และในการจัดการขี้เถ้า ประมาณ ๕๐๐ ลบ.ม./วัน แหล่งน้ าจืดที่ใช้ใน โรงไฟฟ้า ได้รับการจ่ายมาจากอ่างเก็บน้ าดอกกราย และอ่างเก็บน้ าหนองปลาไหล โดยน้ าดิบประมาณ ๒,๑๗๙ ลบ.ม./วัน จะถูกส่งไปปรับปรุงคุณภาพน้ าตามมาตรฐาน และคุณภาพน้ าประปา ส าหรับน้ าใช้ ในกระบวนการผลิต และใช้เพื่ออุปโภคบริโภคในส านักงาน ส่วนน้ าดิบอีกประมาณ ๒,๓๒๑ ลบ.ม./วัน จะใช้โดยตรงกับการลดฝุ่นในบริเวณลานกองถ่านหิน และการจัดการขี้เถ้าที่เกิดขึ้น ๖. การจัดการน้ าเสีย ๖.๑ น้ าเสีย ระบบบ าบัดน้ าเสียของโรงไฟฟ้า จะรองรับน้ าเสีย รวมทั้งสิ้นประมาณ ๑,๗๐๔ ลบ.ม./วัน โดยแบ่งออกเป็นน้ าเสียจากระบบผลิตไฟฟ้า ๑,๕๐๔ ลบ.ม./วัน และน้ าเสียจาก พนักงาน และกิจกรรมทั่วไป ๒๐๐ ลบ.ม./วัน ๖.๑.๑ น้ าเสียจากกระบวนการผลิตไฟฟ้ า รวม ๑,๕๐๔ ลบ.ม./วัน มี แหล่งก าเนิดมาจาก – ถังตกตะกอนของระบบปรับปรุงคุณภาพน้ า ๙๕ ลบ.ม./วัน – ระบบ Cycle Makeup Treatment ๑๑๒ ลบ.ม./วัน – น้ าล้างพื้น ๒๐๐ ลบ.ม./วัน – Plant Cycle Blowdown Pit ๗๘๗ ลบ.ม./วัน – Service Water ๓๐๐ ลบ.ม./วัน – Chemical Laboratory Drain ๑๐ ลบ.ม./วัน น้ าเสียในบางส่วนที่มีค่า พี. เอช. ไม่เท่ากับ ๗ จะถูกส่งไปบ าบัดโดยการปรับค่า pH โดยระบบ Neutralization ส่วนน้ าเสียที่มาจากเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ มักจะปนเปื้อนด้วยน้ ามัน การบ าบัดเพื่อก าจัดน้ ามัน และไขมันจะท าโดยหน่วยบ าบัดน้ าเสียที่มีหน้าที่แยกน้ ามันโดยเฉพาะ (Oil Separator) กากน้ ามันที่แยกจากหน่วยนี้แล้ว จะถูกน าไปผสมกับน้ ามันเชื้อเพลิงส ารอง เพื่อใช้ในการ เผาไหม้หรือจ้างบริษัทภายนอกน าออกไปก าจัดต่อไป นอกจากน้ าเสียที่เข้าสู่ระบบบ าบัดน้ าเสียของโรงไฟฟ้าแล้ว ยังมีน้ าเสียบางส่วนที่มาจาก การก าจัด SO2 ใน Flue Gas โดยทางโรงไฟฟ้าจะใช้ระบบ Sea Water FGD น้ าเสียในส่วนนี้จะผ่านเข้า สู่บ่อเติมอากาศ (Aeration Pond) ก่อนที่จะระบายออกสู่ทะเล ๖.๑.๒ น้ าเสียจากพนักงานและกิจกรรมทั่วไป (Seawage) จะมีประมาณ ๒๐๐ ลบ.ม./ วัน ซึ่งจะท าการบ าบัดโดย Biological Wastewater Treatment Process ให้ได้มาตรฐานน้ าทิ้งของ กรมโรงงานอุตสาหกรรม


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๘๘ น้ าฝนที่ชะพื้นที่ภายในโรงไฟฟ้า น้ าเสียส่วนนี้จะถูกรวบรวมแยกจากน้ าเสียจากกิจกรรมอื่นในโครงการ แล้วทิ้ง โดยตรงลงสู่ทะเล น้ าเสียจากโรงไฟฟ้าทั้งหมดที่ได้รับการบ าบัดแล้ว จะระบายลงสู่ทะเล ณ จุดปล่อยน้ า ทิ้งของโรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. (Sea Water Outfall) ซึ่งระบบน้ าทิ้งของโครงการมีอัตราการไหล ประมาณ ๖๒.๓ ลบ. ม./วินาที และความเร็วการไหล ๑.๕ เมตร/วินาที โดยคุณภาพน้ าทิ้งจะเป็นไปตาม มาตรฐานน้ าทิ้งจากอุตสาหกรรม ๗. มลพิษทางอากาศ มลพิษทางอากาศที่ระบายจากปล่อง โรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. มีปล่องระบายก๊าซจากการเผาไหม้ จ านวน ๒ ปล่อง ลักษณะต่างๆ ของปล่องมีดังต่อไปนี้ ความสูงปล่อง ๒๐๐ เมตร ความสูงของสิ่งก่อสร้างใกล้เคียง ๘๐ เมตร จ านวนปล่อง ๒ เชื่อมต่อกัน เส้นผ่าศูนย์กลางปล่อง ๘ เมตร ความเร็วของก๊าซออกจากปล่อง ๓ เมตร/วินาที ปริมาณซัลเฟอร์ในถ่านหินร้อยละ ๗๐ ตารางที่3.1 การระบายมลสารของโรงไฟฟ้า สารมลพิษ ปริมาณ (กรัม/วินาที) ความเข้มข้น* ค่ามาตรฐาน SO2 ๑๐๒๐ ๒๖๒ สนล ๓๒๐ สนล NOX ๖๘๑ ๒๔๑ สนล ๓๕๐ สนล TSP ๖๔ ๔๓ มก./ลบ.ม. ๑๒๐ มก./ลบ.ม. CO – ๙๔ สนล ๘๗๐ สนล หมายเหตุ * คือ ที่ความดัน ๑ บรรยากาศ ๒๕๐ C O2 ๗%, Excess Dry, สนล = ส่วนในล้านส่วน (ppm.) มาตรฐานการระบายมลพิษที่ระบุไว้เป็นมาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อม และมีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกรม ควบคุมมลพิษเป็นผู้ใช้ควบคุมบังคับโรงไฟฟ้าต่างๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรฐาน


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๘๙ มลพิษทางอากาศจากระบบจัดการถ่านหิน ฝุ่นต่างๆ จะเกิดจากการขนถ่ายถ่านหินจากเรือ หรือบริเวณจุดเปลี่ยนถ่าย ระบบ สายพานล าเลียงถ่านหิน หรือบริเวณลานกองถ่านหิน ฝุ่นจากแหล่งต่างๆ ดังที่กล่าวจะถูกควบคุมโดยการเลือกใช้ระบบสายพานล าเลียงถ่าน หินที่เป็นระบบปิด หรือมี Wind Guard และมีน้ าคอยฉีดพ่นลานกองถ่านหินด้วยหัวฉีดน้ าที่จะฉีดน้ า ด้วยระบบอัตโนมัติ พร้อมทั้งมีก าแพงเปลี่ยนทิศทางลม (Wind Fence) ติดตั้งอีกชั้นหนึ่งทางด้านทิศใต้ ๘. ถ่านหิน (Coal) โรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. เลือกใช้ถ่านหินประเภทบิทูมินัส (Bituminous) เป็นเชื้อเพลิง ในการผลิตกระแสไฟฟ้า น าเข้าจากประเทศออสเตรเลีย และอินโดนีเซียเป็นหลัก ถ่านหินที่น าเข้ามาทุก เที่ยวเรือจะต้องมีการตรวจสอบคุณภาพของถ่านหินบิทูมินัสทุกๆ เที่ยวเรือ โดยมีก ามะถันเจือปน ในช่วง ๐.๒๗ ถึง ๐.๗ % ต่อเที่ยวเรือ และเฉลี่ยประมาณ ๐.๔๕% ต่อปี ถ่านหินจะถูกขนส่งทางเรือ และขนถ่ายที่ท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน บี. แอล. ซี. พี. ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ รวมจ านวน ๓ กอง โดยมีปริมาณรวมทั้งสิ้น ๖๖๒,๐๐๐ เมตริกตัน ซึ่งถ่านหินจ านวนนี้สามารถใช้ในการผลิตไฟฟ้าได้ ประมาณ ๖๐ วันต่อเนื่อง แยกเป็นถ่านหินที่ใช้งานประมาณ ๔๕๙,๐๐๐ ตัน และถ่านหินส ารอง ประมาณ ๒๐๓,๐๐๐ ตัน ระบบขนถ่ายถ่านหิน ใช้ระบบสายพาน (Conveyor Belt) ขนถ่ายถ่านหินจากเรือ และ น ามากองไว้ที่ลานกองถ่านหินในพื้นที่โรงไฟฟ้า และมีระบบฉีดพ่นน้ าเพื่อป้องกันฝุ่นจากกองถ่านหิน การขนถ่ายถ่านหินเข้าสู่ลานกองถ่านหิน และตัวโรงไฟฟ้า ท าโดยใช้สายพานล าเลียงถ่านหิน เพื่อป้องกันการตกหล่นของถ่านหิน และลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น พร้อมทั้งมีการติดตั้งอุปกรณ์สเปรย์ น้ าในขณะขนถ่ายถ่านหินขึ้นจากเรือ ที่ Unloader hopper เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่นอีก ขั้นตอนหนึ่งด้วย ส าหรับน้ าจากการสเปรย์ จะถูกรวบรวมลงสู่บ่อพักน้ า และสูบกลับ เพื่อน าไปบ าบัด โดยไม่มีการปล่อยออกสู่ทะเล นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ท าการตรวจสอบคุณภาพน้ าทะเลโดยรอบบริเวณ ท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน บี. แอล. ซี. พี. อย่างต่อเนื่อง ท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน (Coal Unloading Facility) การขนส่งถ่านหินจะใช้ทางเรือ ซึ่งจ าเป็นจะต้องมีท่าเรือน้ าลึกส าหรับจอดขนถ่าย ถ่านหิน จ านวนเรือส าหรับขนถ่ายถ่านหินมายังโรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. จะมีประมาณ ๒๙ ล าต่อปี โดยเรือขนถ่ายถ่านหินจะเป็นเรือขนาด ๑๕๐,๐๐๐ ตัน เรือแต่ละล าจะใช้เวลาประมาณ ๒.๕ วันในการ ขนถ่ายถ่านหินลงจากเรือ และร่องน้ าจะต้องมีความลึกไม่น้อยกว่า ๑๕ เมตร ดังนั้น จึงจ าเป็นต้องมีการ ขุดลอกร่องน้ าเพิ่มเติมหลังจากที่มีการขนถ่ายถ่านหินจากเรือขึ้นสู่ท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน บี. แอล. ซี. พี. แล้ว ถ่านหินจะถูกล าเลียงด้วยสายพานล าเลียง (Conveyor Belt) ไปยังล่านกองถ่านหิน ซึ่งมีเนื้อที่ ประมาณ ๙๐ ไร่ โดยแบ่งถ่านหินออกเป็น ๓ กองหลักๆ ดังนี้๒ กองแรก จะใช้หมุนเวียน (Active Stock) ส าหรับการผลิตไฟฟ้าในแต่ละวัน กองใต้สุด เป็นกองถ่านหินส ารอง (Dead Stock) เพื่อส ารอง ไว้ใช้กรณีขาดแคลนเชื้อเพลิงฉุกเฉิน (ใช้ได้ ๓๐ วันต่อเนื่อง) นอกจากนี้ รอบๆ ลานกองถ่านหินทั้ง ๓ กอง บริษัทฯ ได้มีมาตรการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ดังนี้


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๙๐ ติดตั้งระบบสเปรย์น้ าที่สามารถปรับความแรงของน้ าได้ตามความแรงของ กระแสลม จ านวน ๓๒ จุด โดยน้ าจากการสเปรย์ลานกองถ่านหินจะถูกรวบรวมไปยังบ่อตกตะกอน ก่อนจะถูกน ากลับมาใช้ใหม่ในการสเปรย์ต่อไป ติดตั้งก าแพงเปลี่ยนทิศทางลม (Wind Fence) ที่มีความสูง ๖ เมตร เพื่อช่วย ลดแรงลมที่อาจปะทะ กับลานกองถ่านหินโดยตรง ช่วยลดการเกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย และการสันดาปจาก ความร้อน ติดตั้งเครื่องตรวจวัดปริมาณฝุ่นละออง ๓ บริเวณโดยรอบ ได้แก่ ด้านทิศเหนือ ด้านทิศใต้ของลาน กองถ่านหิน และบริเวณชุมชนตากวน-อ่าวประดู่ บริเวณใต้ลานกองถ่านหิน ได้ท าการปูด้วยพลาสติกกันซึมชนิดความหนาแน่น สูง (High-Density Polyethylene; HDPE) เพื่อป้องกันน้ าซึมลงสู่ใต้ดิน บริษัท บี. แอล. ซี. พี. เพาเวอร์ จ ากัด หรือโรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. มีนโยบาย ด าเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility; CSR) ด้วยความ ตระหนัก และให้ความส าคัญในการสนับสนุนการด าเนินกิจกรรมเพื่อสังคม และชุมชนโดยรอบ รวมทั้ง ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องมีเจตนารมณ์ที่จะท างานร่วมกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมุ่งสร้าง และ สืบสานความสัมพันธ์อันดีที่เกิดจากการยอมรับ และไว้วางใจซึ่งกัน และกัน ค านึงถึงผลกระทบที่อาจจะ มีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ผู้ถือหุ้น พนักงาน ชุมชนที่บริษัทฯ ประกอบกิจการอยู่ ลูกค้า คู่ค้า และ หน่วยงานภาครัฐตลอดจนถึงสังคม และประเทศชาติ พร้อมทั้งสร้างทัศนคติและวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้พนักงานมีความรับผิดชอบต่อสังคมที่อยู่ร่วมกัน โดยมีหลักการก าหนดไว้เพื่อเป็นแนวปฏิบัติ ร่วมกัน ประกอบด้วยหลัก ๗ ประการ ดังนี้ ๑. การก ากับดูแลองค์กร บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเป็นต้นแบบที่ดีของโรงไฟฟ้าถ่านหินใน ประเทศไทย ด้วยการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการด าเนินธุรกิจ เพิ่ม มูลค่า และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร รวมถึงการบริหารจัดการตามหลักการก ากับดูแล กิจการที่ดีอันเป็นสากล และเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และด ารงรักษา ความเป็นเสิศในคุณธรรม อันเป็นคุณค่าพื้นฐานขององค์กรชั้นน า ๒. สิทธิมนุษยชน บริษัทฯ ให้ความส าคัญกับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการ เคารพต่อสิทธิและเสรีภาพด้วยการไม่เลือกปฏิบัติ ส่งเสริมความเสมอภาค ไม่แบ่งแยกเพศ และชนชั้น ไม่ใช้แรงงานเด็ก และต่อต้านการคอรัปชั่นทุกรูปแบบ ๓. การปฏิบัติด้านแรงงาน บริษัทฯ มีการก ากับดูแลให้ค่าจ้างอยู่ในระดับที่เหมาะสม กับอุตสาหกรรมของไทย การปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง และการจัดระเบียบองค์กรนั้นจะ ด าเนินการอย่างรับผิดชอบโดยอยู่ภายใต้กรอบแห่งกฎหมายไทย รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย และ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับอาชีวอนามัย และความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด สร้างสภาพแวดล้อมการท างาน ที่มีความปลอดภัยส าหรับพนักงาน ผู้รับเหมา และผู้มาเยี่ยมชมโรงไฟฟ้า บี.แอล.ซี.พี. โดยพยายามให้ ทุกคนปลอดจากอุบัติเหตุและอันตรายใดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ๔. สิ่งแวดล้อม บริษัทฯ มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน และถือเป็นแนวปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด เช่น มีมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมในกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร ทั้งนี้เพื่อรักษา


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๙๑ และด ารงไว้ซึ่งระบบนิเวศ และสิ่งแวดล้อมของชุมชนที่บริษัทฯ ประกอบกิจการอยู่ รวมทั้งสร้าง วัฒนธรรมองค์กร ด้วยการสร้างจิตส านึกของพนักงาน และผู้ที่ปฏิบัติงาน ในโรงไฟฟ้า บี. แอล.ซี. พี. สู่วัฒนธรรมสีเขียว และเครือข่ายสีเขียวอย่างยั่งยืน ๕. การด าเนินงานอย่างเป็นธรรม บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการด าเนินธุรกิจอย่างเป็น ธรรม และมีจริยธรรม ใส่ใจในการปฏิบัติตามกฎหมาย เคารพกฎระเบียบของสังคม และเป็นองค์กรที่มี ความเป็นกลางทางการเมือง ๖. ความสัมพันธ์กับลูกค้า และผู้จัดหา มุ่งเน้นการบริการที่ดีเพื่อความพึงพอใจสูงสุด ของลูกค้า มีความจริงใจต่อการจัดการข้อร้องเรียนของลูกค้า รวมทั้งพยายามที่จะแก้ไขข้อบกพร่อง ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการผลิต และ/หรือการบริการ ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีความคาดหวังที่จะ ได้รับสินค้า และการบริการในลักษณะเดียวกันนี้จากองค์กรผู้จัดหาสินค้า โดยมุ่งเน้นที่จะคงไว้ซึ่ง ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า และผู้จัดหา ๗. การมีส่วนร่วม และการพัฒนาชุมชน บริษัทฯ จะพิจารณาความต้องการของชุมชน ส่งเสริมบุคลากรเพื่อเป็นหุ้นส่วนกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในท้องถิ่นรอบสถานประกอบการในด้านการพัฒนา การศึกษา วัฒนธรรม สังคม และมีส่วนในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชนให้ดีขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริม และสนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วมท างานอาสาสมัคร และกิจกรรม ๗.๑ การมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม โรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัท จึงท าการจดทะเบียนในจังหวัดระยอง และเป็นบริษัทแรกๆ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุตที่ท า การจดทะเบียนบริษัทฯ ในพื้นที่ประกอบการ โดยน าส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีหัก ณ ที่จ่าย เพื่อให้เงิน ภาษีนั้นกลับคืนสู่การพัฒนาท้องถิ่นอย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดตั้งอาคารพลังงาน เคียงสะเก็ด เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านพลังงานแก่ นักเรียก นักศึกษา ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และบุคคลที่สนใจได้มีโอกาสเรียนรู้ โดยภายในอาคารมีห้องจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ ที่น่าสนใจเป็น อย่างยิ่ง เน้นการสร้างการเรียนรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพลังงานถ่านหิน และพลังงาน ประเภทต่างๆ ๗.๒ กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ โรงไฟฟ้า บี. แอล. ซี. พี. ด าเนินนโยบายโดยยึดหลักบรรษัทภิบาล และ นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคม กล่าวคือ ใช้หลักคุณธรรม นิติธรรม ความคุ้มค่า ความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ความรับผิดชอบต่อสังคม การมีส่วนร่วมของชุมชน การดูแลความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง สร้างความไว้วางใจ การยอมรับ ให้แก่พนักงาน ชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ บริษัท ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และสม่ าเสมอจนถึงปัจจุบัน เพื่อบริษัทฯ จะได้มีความรู้ความเข้าใจความต้องการ ของชุมชนอย่างถูกต้อง ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง ยังช่วยท าให้บริษัทฯ สามารถประมวลผล ประเมินองค์กร ปรับปรุงการด าเนินงานชุมชนสัมพันธ์ งานประชาสัมพันธ์และการ สื่อสาร เป็นต้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนอย่างทันท่วงที มีประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผล บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการไปพบปะเยี่ยมเยียน และพูดคุย พร้อมรับฟังข้อกังวล หรือข้อคับ ข้องใจต่างๆ จากชุมชนอย่างสม่ าเสมอ และจริงใจ ถือเป็นกลยุทธ์ส าคัญที่จะช่วยคลายข้อกังวล สามารถ


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๙๒ ช่วยแก้ไขปัญหาของชุมชนได้อย่างถูกต้องทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ให้ความส าคัญกับการบริหารจัดการทุกด้าน พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความส าเร็จร่วมกัน ทั้งนี้ต้องได้รับความเห็นชอบ และการสนับสนุนจากผู้มีส่วนได้เสียส าคัญ อย่างยิ่ง คือ การยอมรับจากชุมชนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ซึ่งจ าเป็นที่จะต้องมีการด าเนินงานที่ชัดเจน จริงจัง จริงใจ สม่ าเสมอ และต่อเนื่อง เพื่อสร้างเสริมความเข้าใจความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เรียนรู้ซึ่งกัน และกัน โดยปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชน และโรงงานอย่างมีความสุข และยั่งยืน ๓.๒.๔ การศึกษาดูงาน ณ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โรงไฟฟ้าแม่เมาะ และเหมืองแม่เมาะ จังหวัดล าปาง โรงไฟฟ้าแม่เมาะ เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลิกไนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งกฟผ.ด าเนินการมาแล้ว ๒๘ ปี เดินเครื่อง และส่งจ่ายเป็นไฟฟ้าฐานล าดับแรก ต้นทุนในการผลิต ไฟฟ้าต่ า และใช้ทรัพยากรพลังงานในประเทศ โรงไฟฟ้าแม่เมาะจ่ายไฟฟ้าให้แก่ประชาชนภาคเหนือ ๑๗ จังหวัด คิดเป็นร้อยละ ๕๐ ของการผลิต ภาคกลางร้อยละ ๓๐ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ ๒๐ มีก าลังผลิตเครื่องที่ ๔-๑๓ รวม ๒,๑๘๐ เมกะวัตต์ (ก าลังผลิตสุทธิตามสัญญา) เฉลี่ยผลิตไฟฟ้าปี ละ ๑๘,๐๐๐ ล้านหน่วย ใช้ถ่านลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิงปีละประมาณ ๑๖ ล้านตัน ขณะนี้ก าลังก่อสร้าง โรงไฟฟ้าทดแทนเครื่องที่ ๔-๗ (MMRP1) ก าลังผลิตสุทธิ๖๐๐ เมกะวัตต์ ตามแผนจะเชื่อมต่อระบบใน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ อันเป็นผลมาจากเห็นความส าคัญของการมีแหล่งทรัพยากรเชื้อเพลิง ภายในประเทศ จึงมีแผนงานขยายระยะเวลาการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะออกไปจนถึงปี ๒๕๙๐ ส าหรับ ส่วน โรงไฟฟ้าทดแทนเครื่องที่ ๘-๙ หรือ MMRP2 ตามแผน PDP 2015 จะเข้ามาทดแทน เครื่องที่ ๘-๙ ในปี ๒๕๖๕ ๑. โรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่ใช้ถ่านลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิง ด้วยการแปรสภาพพลังงานสะสมของถ่านลิกไนต์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยใช้น้ าเป็นตัวกลาง กระบวนการแปรสภาพพลังงานดังกล่าว มีขั้นตอนดังนี้ ๑) เปลี่ยนพลังงานสะสมในถ่านลิกไนต์ให้เป็นพลังงานความร้อน โดยการเผาไหม้หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการสันดาป (Combustion or Oxidation) ๒) พลังงานความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้ถูกส่งผ่านไปให้กับน้ าท าให้น้ ากลายเป็นไอน้ า ที่มีอุณหภูมิและความดันสูง ๓) เปลี่ยนพลังงานของไอน้ าให้เป็นพลังงานกล โดยใช้ไอน้ าไปขับกังหันไอน้ า ๔) เปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยให้กังหันไอน้ าไปขับเครื่องก าเนิดไฟฟ้า


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๙๓ ๒. การท างานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การท างานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะมีลักษณะเดียวกันกับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทั่วไป อุปกรณ์ที่ส าคัญของโรงไฟฟ้า ประกอบด้วย - เครื่องอุ่นอากาศ (Air Heater) เป็นอุปกรณ์เพิ่มอุณหภูมิแก่อากาศก่อนที่จะเข้าไป ช่วยในการเผาไหม้เชื้อเพลิง เครื่องอุ่นอากาศนี้ท างานโดยรับความร้อนจากก๊าซร้อนที่ออกจากหม้อน้ า (Boiler) และถ่ายความร้อนดังกล่าวให้กับอากาศ - แผงท่อรับความร้อน (Economizer) คือแผงท่อน้ าซึ่งท าให้น้ าที่เข้าไปในหม้อน้ ามี อุณหภูมิสูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง แผงนี้จะติดตั้งอยู่บริเวณช่วงสุดท้ายก่อนที่ก๊าซร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้จะ ออกจากตัวหม้อน้ า เพื่อรับความร้อนจากก๊าซร้อนและถ่ายเทให้แก่น้ าที่เข้าหม้อน้ า - เครื่องแยกไอน้ า ( Boiler Drum) ลักษณะเป็นเหล็กหนารูปแคปซูลที่สามารถทน ความดันและอุณหภูมิสูง ภายในเครื่องแยกไอน้ ามีอุปกรณ์ Cyclone Separator และ Steam Scrubber ท าหน้าที่แยกไอน้ าออกจากน้ า โดยอาศัยหลักของแรงหนีศูนย์กลางและการเปลี่ยนทิศ ทางการไหล - หม้อน้ า (Boiler) คือตัวเตาซึ่งมีท่อเหล็กทนต่อความดันและอุณหภูมิสูงประกอบกัน เป็นผนัง ๔ ด้านของเตา ภายในท่อเหล่านจะมีน้ าไหลวนอยู่ ส่วนบนของตัวเตามีแผงท่อไอน้ าแขวนลอย เป็นท่อรับไอน้ าที่ออกจากเครื่องแยกไอน้ า(Boiler Steam Drum) มารับความร้อนจากการเผาไหม้ เชื้อเพลิงอีกครั้งเพื่อเพิ่มอุณหภูมิแก่ไอน้ าให้สูงขึ้นและส่งไอน้ าอุณหภูมิสูงนี้ออกจากหม้อน้ าไปยังท่อ น าไอน้ าเพื่อไปขับเครื่องกังหันไอน้ า ๓. การท างานของระบบหม้อน้ า ขั้นแรก น้ าบริสุทธิ์ปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) จะถูกสูบเข้าไปสู่หม้อน้ า ในระดับที่เหมาะสม จากนั้นจะจุดเชื้อเพลิงภายในเตา ความร้อนจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงส่งผ่านไปยัง น้ าในท่อผนังเตา ท าให้อุณหภูมิสูงขึ้นและเกิดการไหลเวียน น้ าที่มีอุณหภูมิสูงจนกลายเป็นไอน้ าและมี ความดันสูงขึ้น จะไหลเข้าสู่เครื่องแยกไอน้ าเพื่อแยกไอน้ าออก ไอน้ าจะไหลเข้าสู่แผงท่อไอน้ าเพื่อรับ ความร้อนจากก๊าซร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงอีกครั้งหนึ่ง จนมีอุณหภูมิสูงขึ้นพอเหมาะที่จะไหล ออกจากหม้อน้ า ผ่านไปยังท่อน าไอน้ าเพื่อไปขับเครื่องกังหันไอน้ าต่อไป ๔. การท างานของกังหันไอน้ า (Steam Turbine) กังหันไอน้ า ใช้เปลี่ยนพลังงานของไอน้ าให้เป็นพลังงานกล มีส่วนประกอบส าคัญคือ ระบบควบคุม (Governor System) เพลาหมุนและใบพัด (Rotor) ตัวถังและใบพัด (Casing & Stationary Blade) และเครื่องควบแน่น(Condenser) ไอน้ าอุณหภูมิและความดันสูงจากท่อน าไอน้ าจะไหลผ่านวาล์วของระบบควบคุม (Governing Control System) ซึ่งจะควบคุมการไหลของไอน้ าให้อยู่ในภาวะที่ต้องการเข้าสู่กังหันไอน้ า ซึ่งประกอบด้วยตัวถังมีเพลาหมุนและใบพัดติดตั้งอยู่ภายใน เมื่อไอน้ าไหลเข้าไปในตัวกังหัน ความดัน ของไอน้ าจะลดลงและเกิดการขยายตัวท าให้ปริมาตรของไอน้ าเพิ่มขึ้น มีผลให้ความเร็วในการไหลของไอ น้ าสูงขึ้น เมื่อไอน้ าความเร็วสูงนี้ไปปะทะกับใบพัด (Moving Blade) จ านวนหลายชุดที่ติดอยู่กับเพลา ก็


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๙๔ จะผลักดันให้เพลาของกังหันหมุนก่อก าเนิดพลังงานกลเมื่อไอน้ าผ่านชุดของใบพัดจนครบ ความดันและ อุณหภูมิจะลดลง ไอน้ าจะไหลออกจากกังหัน เข้าสู่เครื่องควบแน่นซึ่งมีท่อโลหะสอดขวางอยู่เป็นจ านวน มากภาย ในท่อมีน้ าเพื่อใช้ระบายความร้อนไหลอยู่ เมื่อไอน้ าไหลเข้าสู่เครื่องควบแน่นไอน้ าจะถ่ายเท ความร้อนให้น้ าไนท่อ ส่วนตัวไอน้ าเองจะควบแน่นและเปลี่ยนสถานะเป็นน้ าบริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง และถูก สูบวนกลับเข้าหม้อน้ า การท างานของระบบกังหันที่กล่าวมานี้เป็นเพียงโดยสังเขปเท่านั้น ในการท างาน จริงจะมีระบบอื่นๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินระบบเครื่องกังหันไอน้ า ๕. เครื่องก าเนิดไฟฟ้า เครื่องก าเนิดไฟฟ้าติดตั้งอยู่ในแนวระดับเดียวกับเครื่องกังหันไอน้ า โดยเพลาของเครื่อง ก าเนิดไฟฟ้าจะต่อโดยตรงเข้ากับเพลาของกังหันไอน้ า เมื่อเพลากังหันไอน้ าหมุนก็จะท าให้เพลาเครื่อง ก าเนิดไฟฟ้าหมุนไปด้วย ที่เพลาของเครื่องก าเนิดไฟฟ้ามีตัวน าพันอยู่กับแกนเหล็ก ไฟฟ้ากระแสดตรงจะ ถู ก จ่ ายให้ กับ ตั วน านี้ ดังนั้ น จ ะ เกิ ด สน าม แ ม่ เห ล็ ก ขึ้ น ที่ เพ ล าข องเค รื่องก าเนิ ดไฟ ฟ้ า เมื่อเพลาของเครื่องก าเนิดไฟฟ้าหมุนสนามแม่เหล็กก็หมุนไปด้วย สนามแม่เหล็กนี้จะหมุนไปตัดกับตัวน า อีกชุดหนึ่งซึ่งพันอยู่กับแกนเหล็กที่ติดอยู่รอบตัวถังของเครื่องก าเนิดไฟฟ้า ท าให้เกิดการเหนี่ยวน าและ เกิดกระแสไฟฟ้าไหลในตัวน าที่ติดอยู่กับตัวเครื่องก าเนิดไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นนี้จะส่งเข้าไปยัง หม้อแปลงไฟฟ้าแรงดันสูงเพื่อจ่ายให้กับสายส่งแรงสูงต่อไปเครื่องก าเนิดไฟฟ้ายังประกอบด้วยระบบ อุปกรณ์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ระบบระบายความร้อน ระบบควบคุม ๖. ขั้นตอนการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ถ่านหินลิกไนต์ที่ขุดจากเหมืองแม่เมาะ ถูกส่งเข้ามาบดในเครื่องย่อยถ่านชุดแรกและ ผ่านออกมาในขนาดเล็กกว่า ๓๐ ลบ.ซม. จากนั้นจะใช้สายพานล าเลียงมากองไว้ยังลานกองย่อย ถ่าน หินจากลานกองจะถูกส่งขึ้นมายังโรงย่อยถ่านหิน โดยมีระบบแม่เหล็กไฟฟ้าและระบบตรวจสอบโลหะ เพื่อแยกโลหะไม่พึงประสงค์ออก ก่อนจะผ่านไปยังเครื่องย่อยถ่านหินชุดที่สอง ซึ่งจะย่อยถ่านหินให้มี ขนาดไม่โตกว่า ๓ ลบ.ซม. และส่งไปเก็บไว้ในยุ้งถ่านหิน (Coal Bunker) ภายในโรงไฟฟ้าเพื่อเตรียมใช้ งานต่อไป ถ่านหินลิกไนต์ติดไฟค่อนข้างยาก ในช่วงแรกของการจุดเตาจึงต้องใช้ Light Oil จุดน าก่อน โดยใช้หัวฉีดน้ ามันฉีด Light Oil ให้กระจายเป็นฝอยเข้าไปในตัวเตาและใช้ระบบจุดระเบิดโดยการ Spark ของไฟฟ้าแรงสูง ท าให้ Light Oil ลุกไหม้ภายในเตา เมื่อการเผาไหม้ Light Oil อยู่ในสภาวะ คงที่ (Stable) และอุณหภูมิภายในเตาสูงพอ จึงจะเริ่มเผาถ่านหินลิกไนต์ ถ่านหินลิกไนต์จากยุ้งเก็บถ่านหินถูกป้อนเข้าโม่บดโดยเครื่องป้อนถ่านหิน (Coal Feeder) ซึ่งเป็นตัวควบคุมปริมาณถ่านที่จะเผา ในโม่บดถ่านหินจะมีลมร้อนจากเครื่องอุ่นอากาศเป่าเข้า ไปในโม่ ถ่านหินจะถูกบดโดยมีลมร้อนเป็นตัวกวนให้การบดมีประสิทธิภาพดีและไล่ความชื้นออกจาก ถ่านหิน ถ่านหินที่ถูกบดแล้วจะมีขนาดประมาณ ๗๕/๑,๐๐๐ มิลลิเมตร และอุณหภูมิประมาณ ๖๐ องศาเซลเซียส จะถูกลมร้อนพาขึ้นไปตามท่อส่งถ่านหินไปยังหัวเผาถ่านหิน (Coal Burner) หัวเผาถ่าน หินจะท าหน้าที่ควบคุมให้ถ่านหินกระจายตัวตามที่ออกแบบไว้และเกิดการเผาไหม้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อผงถ่านหินปะทะกับ Light Oil ที่ก าลังลุกไหม้และมีอุณหภูมิสูง ผงถ่านหินจะติดไฟและเกิดการเผา ไหม้ขึ้น เมื่อถ่านหินติดไปแล้วจะหยุดใช้ Light Oil


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๙๕ การเผาถ่านจะท าให้เกิดขี้เถ้า ซึ่งแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ ๑) เถ้าหนัก (Bottom Ash) จะตกลงสู่ก้นเตาและถูกล าเลียงออกจากเตาโดยระบบ สายพาน (Scrapper Conveyor) ๒) เถ้าลอย (Fly Ash) จะปนไปกับก๊าซร้อน ปริมาณเถ้าลอยที่เกิดขึ้นมีปริมาณร้อยละ ๘๐-๙๕ ของเถ้าที่เกิดขึ้นทั้งหมด จึงต้องมีการติดตั้งเครื่องดักจับฝุ่นด้วยไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Precipitator) เพื่อแยกฝุ่นละอองออกจากก๊าซร้อน ก่อนจะปล่อยก๊าซร้อนออกทางปล่อง ๗. มาตรการในการดูแลและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม โรงไฟฟ้าแม่เมาะได้ด าเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องในการจัดการสิ่งแวดล้อมแบ่งออกเป็น การติดตั้งระบบควบคุมมลภาวะทางอากาศและมาตรการตรวจติดตาม ดังนี้ ๗.๑ การติดตั้งระบบควบคุมมลภาวะทางอากาศ โรงไฟฟ้าแม่เมาะได้ด าเนินการติดตั้งเครื่องดักจับฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิตย์ (Electro Static precipitator, ESP) และเครื่องดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์(Flue Gas Desulfurization, FGD) ที่ โรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ ๔-๑๓ ในส่วนของโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ ๔-๗ ได้ท าการ ติดตั้งระบบก าจัดก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์หลังการเผาไหม้โดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา (Selective Catalytic Reduction, SCR) เพิ่มจากอุปกรณ์ที่กล่าวข้างต้นเพื่อแสดงถึงเจตจ านงอย่างแน่วแน่ของ กฟผ ที่จะ ดูแลและควบคุมคุณภาพอากาศที่ดี ๗.๑.๑ ระบบดักจับฝุ่นละอองและเถ้าลอย ก๊าซร้อนจากการเผาไหม้ไหลเข้าสู่อุปกรณ์ดักจับฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Precipitator, ESP) เพื่อดักจับฝุ่นละอองและขี้เถ้าลอย (Fly Ash) จากไอเสียของโรงไฟฟ้า ซึ่งอาศัย หลักความต่างศักย์ทางไฟฟ้าในการแยกฝุ่น โดยการผ่านไอเสียเข้าไปในห้อง (Chamber) ที่บรรจุด้วย แผ่นโลหะแบนวางขนานในระยะห่างเท่าๆ กันในแนวตั้ง และเส้นลวดซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างแผ่นโลหะ เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงกระแสตรงเข้าไปที่เส้นลวดจะทาให้เส้นลวดมีศักย์ไฟฟ้าเป็นลบและแผ่น โลหะมีศักย์เป็นบวกเมื่อฝุ่นละอองและขี้เถ้าลอยผ่านเข้ามาอนุภาคของฝุ่นจะถูกเหนี่ยวนาให้เกิดประจุ ไฟฟ้าลบ และจะถูกดูดจับไว้ที่แผ่นโลหะซึ่งมีศักย์เป็นบวก เมื่อมีปริมาณของฝุ่นมาเกาะอยู่เป็นจ านวน มาก จะต้องท าการเคาะฝุ่นโดยระบบการท างานภายในของ ESP เพื่อให้ฝุ่นตกลงมาสู่กรวยรับฝุ่นที่อยู่ ทางด้านล่าง ฝุ่นและเถ้าลอยที่ถูกดักจับได้จะถูกล าเลียงไปเก็บที่ไซโล (Fly Ash Silo) เพื่อรอจ าหน่ายให้ บริษัทเอกชนที่มารับซื้อน าไปใช้งานต่อไป อุปกรณ์ดักจับฝุ่นของโรงไฟฟ้าแม่เมาะมีประสิทธิภาพระหว่าง ร้อยละ ๘๙.๕-๙๙.๗ ๗.๑.๒ ระบบดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ระบบดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นแบบใช้น้ าหินปูนเป็นตัว ดูดซับ (Wet Limestone-Forced Oxidation Process) ประกอบด้วยระบบและอุปกรณ์หลักคือ ระบบเตรียมน้ าหินปูน(limestone preparation system), หอดูดซับ (Absorber) และระบบแยกน้ า จากยิปซั่ม (Gypsum Dewatering system) โดยหลักการท างานของระบบเริ่มจากระบบเตรียมน้ า หินปูน หินปูนจะถูกน ามาบดร่วมกับน้ าให้ได้ขนาดความละเอียดที่ต้องการ น้ าหินปูนที่ได้จากขั้นตอนนี้


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๙๖ จะถูกเก็บในถังเพื่อใช้ในกระบวนการต่อไป ก๊าซไอเสียที่ผ่านเครื่องดักจับฝุ่นจะเข้าสู่ระบบ FGD เพื่อ ก าจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นล าดับต่อไป โดยก่อนที่ก๊าซเข้าสู่หอดูดซับก๊าซไอเสียจะผ่านอุปกรณ์ แลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างก๊าซกับก๊าซ (Gas to Gas Heater, GGH) เพื่อลดอุณหภูมิก่อนเข้าสู่หอดูด ซับและเพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้กับก๊าซที่ออกจากหอดูดซับ ก๊าซไอเสียที่แลกเปลี่ยนความร้อนแล้วเข้าสู่หอ ดูดซับทางส่วนล่างของหอและไหลขึ้นสู่ด้านบน ในขณะเดียวกันน้ าหินปูนถูกฉีดพ่นภายในหอดูดซับ น้ า หินปูนจะท าปฏิกิริยากับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เปลี่ยนรูปเป็นซัลเฟตละลายอยู่ในน้ าหินปูนตกลงสู่อ่าง ด้านล่างของหอดูดซับ (Absorber sump) เพื่อให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นสมบูรณ์อากาศจะถูกเติมที่อ่าง ด้านล่างของหอดูดซับ (Absorber sump) เกิดผลิตภัณฑ์เป็นยิปซั่ม ยิปซั่มที่เกิดขึ้นจะถูกน าออกมาแยก น้ าที่ระบบแยกน้ าจากยิปซั่ม (Gypsum Dewatering system) ซึ่งอุปกรณ์หลักของระบบประกอบด้วย Vacuum belt filter และ Vacuum pump น้ าที่ได้จะระบบแยกน้ าจะถูกน ากลับไปใช้ภายในระบบ FGD ทั้งหมด เมื่อผ่านระบบแยกน้ าแล้วจะได้ยิปซั่มที่มีความชื่นประมาณร้อยละ ๑๐-๑๕ ประสิทธิภาพ การก าจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ ๔-๑๓ อยู่ที่ประมาณร้อยละ ๙๕ ๗.๑.๓ ระบบควบคุมก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX) การควบคุมก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX) ระหว่างเผาไหม้ด้วยระบบ Low NOX Burner หัวเผาชนิดพิเศษ จะติดตั้งไว้ในหม้อไอน้ า ท าให้กระบวนการเผาไหม้เกิดประสิทธิภาพสูง และ ไนโตรเจนออกไซด์ต่ า ในการเผาไหม้เชื้อเพลิงถ่านหินโดยใช้วิธีการพ่นเชื้อเพลิงเป็นละอองฝอยเล็กๆ ผสมกับอากาศก่อนที่จะเข้าสู่การเผาไหม้เพื่อลดการสูญเสียเชื้อเพลิงและช่วยให้อุณหภูมิในห้องเผาไหม้ ลดลง เพื่อควบคุมการเกิดออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX) ตั้งแต่ต้นทางที่เกิดการเผาไหม้ ระบบก าจัดก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจนหลังการเผาไหม้แบบ Selective Catalytic Reduction (SCR) โดยใช้หลักการท าปฏิกิริยาเคมีระหว่างแอมโมเนีย (NH3) กับก๊าซออกไซด์ของ ไนโตรเจน แอมโมเนียที่ใช้อาจจะอยู่ในรูป แอมโมเนียน้ า (Aqueous Ammonia) โดยแอมโมเนียจะ ผสมกับอากาศร้อนในอัตราส่วนที่เหมาะสมก่อนพ่นเป็นละออง (Vaporizer) เข้าไปใน Reactor ที่มี ตัวเร่งปฏิกิริยาวางเรียงเป็นชั้นๆ ท าปฏิกิริยากับ NOX ที่อยู่ในไอเสียโดยมีตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) เปลี่ยน NOX เป็นน้ าและก๊าซไนโตรเจน (N2) ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในอากาศและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและ ร่างกายต่ า ๗.๒ มาตรการในการดูแลและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๗.๒.๑ ติดตั้งจุดตรวจวัดค่าความเข้มข้นของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไว้ตามหมู่บ้าน ต่างๆรวม ๑๖ จุด จาก จุดตรวจวัดเครื่องจะรายงานผลเข้าสู่ห้องควบคุมในโรงไฟฟ้า และยังรายงานเป็น ระบบออนไลน์ไปยังโรงพยาบาลแม่เมาะและ กรมควบคุมมลพิษอีกด้วยหากพบว่ามีค่าความเข้มของก๊าซ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกินมาตรฐาน กฟผ. จะลดการเดินเครื่องลงทันที ๗.๒.๒ ฉีดพ่นน้ าบนถนนเป็นประจ า เพื่อลดฝุ่นและพรมน้ าลงบนวัสดุที่มีการฟุ้ง กระจายขณะขนถ่าย ๗.๒.๓ น้ าจากกระบวนการผลิตในโรงไฟฟ้าจะผ่านขบวนการบ าบัดทางชีวภาพ โดย กฟผ. ขุดบ่อพักน้ า เป็นระยะๆ เพื่อให้สารแขวนลอยตะกอน รวมทั้งปลูกพืชดูดซับสารละลายที่เจือปน มาในน้ า เติมอากาศในน้ า และตรวจสอบคุณภาพน้ าอย่างสม่ าเสมอ


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๙๗ ๗.๒.๔ ตรวจวัดแหล่งก าเนิดเสียงภายในโรงไฟฟ้า ซึ่งเกิดจากการเดินเครื่องก าเนิด ไฟฟ้า และบริเวณใกล้เคียงโรงไฟฟ้าเพื่อควบคุมให้อยู่ในระดับที่เป็นมาตรฐาน ๗.๒.๕ การตรวจวัดมลสารประเภทสารปรอทที่ระบายจากปล่อง การตรวจวัดมลสารประเภทสารปรอท (Hg) ที่ระบายจากปล่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ได้ ด าเนินการตรวจวัดปีละ ๒ ครั้ง (ทุก ๖ เดือน) โดยบริษัทที่ปรึกษาภายนอก ซึ่งวิธีการเก็บและวิเคราะห์ ตัวอย่างจะอ้างอิงจาก U.S.EPA Method 29 มีหน่วยเป็น ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ได้ด าเนิการในเป็น ช่วงเดียวกับการตรวจวัดสารปรอทในฝุ่นบรรยากาศโดยทั่วไป โดยพบว่าปริมาณสารปรอท (Hg) และ สารหนู(As) ที่ระบายจากปล่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะทุกปล่องมีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานฯ ตามประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ก าหนดค่าปริมาณของสารเจือปนในอากาศที่ระบายออกจากโรงงาน (พ.ศ. ๒๕๔๙) ภาพที่ ๓.๑ การตรวจวัดมลสารประเภทสารปรอทที่ระบายจากปล่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะครั้งที่ 1/2559


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๙๘ ภาพที่ ๓.๒ การตรวจวัดมลสารประเภทสารปรอทที่ระบายจากปล่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะครั้งที่ 2/2559 ภาพที่ ๓.๓ การตรวจวัดมลสารประเภทสารปรอทที่ระบายจากปล่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะครั้งที่ 1/2560


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๙๙ ภาพที่ ๓.๔ การตรวจวัดมลสารประเภทสารปรอทที่ระบายจากปล่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะครั้งที่ 2/2560 ๘. ภาพรวมการด าเนินงานของเหมืองแม่เมาะ เหมืองแม่เมาะ เป็นเหมืองถ่านหินลิกไนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อ าเภอแม่เมาะ จังหวัดล าปาง เหมืองแม่เมาะ เป็นหน่วยงานหนึ่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการผลิตถ่านลิกไนต์ เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ส าหรับผลิตกระแสไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลิกไนต์ที่ใหญ่ที่สุดใน ประเทศไทย ซึ่งกฟผ.ด าเนินการมาแล้ว ๒๘ ปี ปัจจุบันโรงไฟฟ้าเครื่องที่ ๑ และ ๓ ได้หยุดเดินเครื่อง จึง มีก าลังผลิตเครื่องที่ ๔-๑๓ รวม ๒,๑๘๐ เมกะวัตต์ (ก าลังผลิตสุทธิตามสัญญา) เดินเครื่อง และส่งจ่าย เป็นไฟฟ้าฐานล าดับแรก เนื่องจากมีต้นทุนต่ า และใช้ทรัพยากรพลังงานในประเทศ ปัจจุบันเหมืองแม่ เมาะได้ท าการขุดขนถ่านหินจ านวนประมาณ ๑๖ ล้านตันต่อปีส่งให้โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ านวน ๑๐หน่วย ก าลังผลิตรวม๒,๑๘๐ เมกะวัตต์ (ก าลังผลิตสุทธิตามสัญญา)ซึ่งจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังจังหวัดต่างๆ ทั้ง ภาคเหนือตอนบนและล่าง เชื่อมต่อไปยังภาคกลางจนถึงกรุงเทพมหานคร และเชื่อมโยงกับภาค ตะวันออกเฉียงเหนือด้วย เหมืองแม่เมาะ เป็นเหมืองแบบเปิดมีปริมาณส ารองทางธรณีวิทยาราว ๑,๐๘๘ ล้านตัน คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ๘๒๗ ล้านตัน ปัจจุบันขุดขึ้นมาใช้แล้ว ๔๕๙ ล้านตัน ยังเหลือปริมาณส ารอง ทางเศรษฐกิจอีกราว ๓๖๘ ล้านตัน โดยจะน าไปใช้กับ MMRP1 และ MMRP2 ถึงปี ๒๕๙๔ อีก ๒๔๒


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๐๐ ล้านตัน ทั้งนี้ยังคงต้องเก็บถ่านไว้ค้ ายันพื้นที่ Fossil หอยประมาณ ๑๒๖ ล้านตัน โดยยังไม่มีแผนที่จะ น าขึ้นมาใช้ ๙. มาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการท าเหมืองแม่เมาะ เหมืองแม่เมาะได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตาม เงื่อนไขแนบท้ายรายงาน EIA และยังคงด าเนินการตามระบบมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) อย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมา พบว่าเหมือง แม่เมาะสามารถควบคุมผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านที่ส าคัญ ได้แก่ ฝุ่น เสียง แรงสั่นสะเทือน และ คุณภาพน้ า ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือดีกว่ามาตรฐานที่ทางราชการก าหนด จากการด าเนินงานการ ท าเหมืองตลอดจนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ อย่างยั่งยืน ๑๐. มาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านฝุ่น เหมืองแม่เมาะได้ก าหนดมาตรการการป้องกันผลกระทบด้านฝุ่น เริ่มจากขั้นตอนวาง แผนการจัดเตรียมเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อนเข้าท าเหมือง โดยจัดให้มีรถน้ าราดน้ าถนน และรถส าหรับ ฉีดพ่นน้ าที่วัสดุก่อนการขุดขน ส าหรับขั้นตอนการขุดขน มีมาตรการควบคุมการเกิดฝุ่นอย่างเข้มงวด ตั้งแต่แหล่งก าเนิดโดยการเพิ่มความชื้นบริเวณหน้างานก่อนการขุดขน มีการติดตั้งระบบสเปรย์น้ าที่ เครื่องโม่และระบบสายพานล าเลียงเป็นระยะๆ มีการปิดคลุมบริเวณจุดเปลี่ยนสายพานรวมถึงมีระบบ ฉีดน้ าก่อนการโปรยกองดินและถ่าน บริเวณลานกองถ่านจะมีระบบฉีดพ่นน้ าคลุมลานกองเพื่อป้องกัน การฟุ้งกระจายของฝุ่น ส าหรับถนนจะท าการฉีดพรมน้ าบนถนนบริเวณบ่อเหมืองและที่ทิ้งดิน เพื่อลด ปริมาณฝุ่นละออง โดยก าหนดให้มีการราดน้ าถนนในบ่อเหมือง อย่างน้อยวันละ ๕ ครั้ง และราดน้ าถนน บนที่ทิ้งดิน อย่างน้อยวันละ ๔ ครั้ง ทั้งนี้ให้พิจารณาจากสภาพอากาศและฤดูกาลประกอบรวมถึงมีการ ด าเนินการฟื้นฟูสภาพเหมือง โดยปลูกต้นไม้เป็นแนวกันฝุ่น (Green Belt) การปลูกพืชคลุมดินและ ไม้ยืนต้นควบคู่ไปกับการท าเหมือง ซึ่งจะช่วยลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นจากพื้นที่ว่างเปล่าได้อย่างมี ประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตรวจสอบประสิทธิภาพของมาตรการควบคุมฝุ่น อีกทั้งยังเป็น การสร้างความมั่นใจและสามารถตรวจสอบได้ กฟผ.แม่เมาะ จึงได้ติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ บริเวณชุมชนโดยรอบจ านวน ๑๕ สถานี โดยบางสถานีจะมีเครื่องตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ตรวจวัดควบคู่ด้วยจ านวน ๓ สถานี ๑๑. มาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านกลิ่น กลิ่นเกิดจากการลุกไหม้ด้วยตัวเองของถ่านหิน (Spontaneous Combustion) มีมาตรการการควบคุมคือ ควบคุมปริมาณถ่านส ารองไม่ให้มีมากเกินไป โดยก าหนดให้ใช้ถ่านหินที่บด แล้วให้หมดภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อลดการลุกติดไฟด้วยตนเอง โดยถ่านที่มาก่อนจะใช้ก่อน การเปิดหน้า ดินบริเวณบ่อเหมืองจะเหลือดินคลุมถ่านไว้ประมาณ ๑ เมตรเพื่อไม่ให้ถ่านสัมผัสกับออกซิเจน อันเป็น สาเหตุที่ท าให้เกิดการลุกไหม้ ท าการบดอัดผิวกองถ่านหินชั่วคราวนอกลานกองถ่านให้แน่น รวมถึงมี ทีมงานส ารวจคอยเฝ้าระวังและเข้าดับทันทีหากพบการลุกไหม้ของถ่าน ซึ่งปัจจุบันได้มีการน าอุปกรณ์


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๐๑ Infrared Thermography (IR) มาช่วยตรวจสอบพื้นที่ที่มีแนวโน้มติดไฟ และหากพบจุดที่เสี่ยงติดไฟก็ เข้าด าเนินการควบคุม โดยการบดอัดก่อนที่ถ่านจะเกิดการลุกติดไฟ ซึ่งเป็นมาตรการในการป้องกันเชิงรุก ๑๒. มาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านเสียง เสียงที่เกิดการจากท าเหมือง กฟผ. แม่เมาะได้มีมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านเสียง โดยก าหนดให้บริษัทผู้รับจ้าง มีการซ่อมบ ารุงและดูแลรักษาเครื่องจักรกลระบบสายพานให้อยู่ ในสภาพดีอยู่เสมอ มีการจัดท าก าแพงกั้นเสียง (Sound Barrier) บริเวณปลายสายพาน เพื่อลดเสียง จากปลายมอเตอร์สายพายบนที่ทิ้งดิน ก่อนเข้าสู่ฤดูหนาวจะท าการตรวจวัดระดับเสียงจากลูกกลิ้ง สายพานที่ท างานบนที่ทิ้งดินทั้งชุดและท าการเปลี่ยนลูกกลิ้งที่มีเสียงดังเกินเกณฑ์ที่ก าหนด นอกจากนี้ ได้ท าคันดินและปลูกต้นไม้เพื่อเป็นแนวป้องกันเสียงระหว่างบ่อเหมืองกับชุมชน พร้อมทั้งมีการตรวจวัด เสียงรบกวนและระดับเสียงทั่วไปบริเวณชุมชนที่อาศัยอยู่โดยรอบเหมือง ๑๓. มาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านแรงสั่นสะเทือน มาตรการด้านแรงสั่นสะเทือน ได้มีการควบคุมน้ าหนักวัตถุระเบิดตามระยะทางและ ควบคุมการจุดระเบิดโดยการหน่วงเวลาเพื่อไม่ให้ระเบิดพร้อมกัน โดยใช้เครื่องจักร อุปกรณ์ และวิธีการ ที่เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบด้านความสั่นสะเทือน ทั้งนี้เหมืองแม่เมาะได้น ามาตรฐานความ สั่นสะเทือนส าหรับอนุรักษ์โบราณสถานของประเทศออสเตรเลียที่ก าหนดความเร็วอนุภาคต่ าสุดไม่เกิน ๒ มิลลิเมตร/วินาที มาใช้เป็นเกณฑ์ควบคุม ซึ่งถือเป็นมาตรฐานที่เข้มงวดกว่ามาตรฐานแรงสั่นสะเทือน เพื่อป้องกันผลกระทบต่ออาคาร ของประเทศไทยที่ก าหนดความเร็วอนุภาคต่ าสุดไม่เกิน ๕ มิลลิเมตร/ วินาที นอกจากนี้มีการติดตามตรวจวัดแรงสั่นสะเทือนบริเวณชุมชนใกล้เคียงพื้นที่โครงการอย่าง ต่อเนื่อง ๑๔. มาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคุณภาพน้ า ด้านคุณภาพน้ า มีการก าหนดให้แยกจัดการน้ าผิวดินบริเวณที่มีกิจกรรมต่างๆ ออกจาก กัน เพื่อลดการปนเปื้อนสู่แหล่งน้ าธรรมชาติ ลดปริมาณน้ าทิ้งที่ต้องระบายออกสู่ธรรมชาติ โดยสูบน้ า จากบ่อตกตะกอน (Settling Pond) มาใช้เป็นน้ าหมุนเวียนในเขตเหมืองให้มากที่สุด โดยน าไปรดน้ า ต้นไม้ ฉีดพรมถนนเพื่อลดฝุ่น และใช้ในการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ผ่านการท าเหมืองแล้ว ส่วนน้ าทิ้งจาก ขุมเหมืองที่ถูกควบคุมให้ไหลลงสู่หลุมต่างๆ จะต้องผ่านการบ าบัดคุณภาพน้ าให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ก่อนปล่อยให้ไหลลงสู่ล าน้ าสาธารณะต่อไป นอกจากนี้ยังมีการติดตามตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพ น้ าทุกๆ ๓ เดือน โดยเก็บตัวอย่างครอบคลุมทั้งฤดูแล้งและฤดูฝน ต่อเนื่องกันเป็นเวลา ๓ ปี ๑๕. การฟื้นฟูสภาพเหมือง การฟื้นฟูสภาพเหมืองจะมีแผนการด าเนินการตั้งแต่ระยะด าเนินการท าเหมืองจะถึง ระยะสิ้นสุดการท าเหมือง โดยในพื้นที่บ่อเหมืองจะท าการปลูกต้นไม้และพืชคลุมดินเพื่อช่วยลดการชะ ล้างของดินบริเวณพื้นที่ลาดชันของขอบบ่อเหมือง ด าเนินการรักษาสภาพป่าไม้ในบริเวณแนวกั้นเขตไม่ ท าเหมืองโดยรอบพื้นที่โครงการให้เจริญเติบโตเป็นปกติ และปลูกซ่อมแซมในบริเวณที่เบาบาง เพื่อใช้ เป็นแนวเขตตามธรรมชาติ ไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของฝุ่นละอองไปเป็นบริเวณกว้าง สงวนพื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่ชุ่มน้ าที่อยู่ใกล้เคียงพื้นที่โครงการให้เป็นแหล่งหากินและอยู่อาศัยของสัตว์ป่า ในบริเวณที่ดินที่


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๐๒ ผ่านการท าเหมืองแล้ว จะถูกน ากลับมาใช้ประโยชน์ตามแผนที่มีการก าหนดไว้ ในลักษณะการใช้ ประโยชน์ที่ดินเดิมไปพร้อมๆ กับการเดินหน้าเหมืองใหม่ เช่น การปลูกพืชคลุมดิน ปรับความลาดชันให้ อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ปลูกป่าทดแทน และการฟื้นฟูสภาพดิน เพื่อรักษาสมดุลทางนิเวศวิทยาและ สภาพแวดล้อม เป็นต้น ๑๖. รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่รอบ กฟผ.แม่เมาะ ๑๖.๑ คุณภาพอากาศเหมืองแม่เมาะ เหมืองแม่เมาะด าเนินการติดตามตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองรวม (TSP) และฝุ่นละออง ขนาดเล็กกว่า ๑๐ ไมครอน (PM-10) บริเวณพื้นที่ชุมชนโดยรอบ กฟผ.แม่เมาะ โดยมีสถานีตรวจวัด คุณภาพอากาศของ กฟผ.แม่เมาะ จ านวน ๑๖ สถานี และยังมีสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ จ านวน ๓ สถานี ผลที่ได้จากการตรวจวัดได้มีการรายงานให้กับตัวแทนของหมู่บ้านที่เข้ามามีส่วนร่วมใน การตรวจวัดสิ่งแวดล้อมกับ กฟผ. โดยติดไว้ที่บอร์ดของหมู่บ้านเพื่อให้ชุมชนได้รับรู้สถานการณ์ฝุ่น ละอองของแต่ละหมู่บ้าน ข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองจะถูกค านวณในรูปดัชนีคุณภาพอากาศตามที่กรมควบคุม มลพิษก าหนด โดยแบ่งเป็น ๕ ระดับ คือ ๐ ถึง มากกว่า ๓๐๐ ซึ่งแต่ละระดับ จะใช้สีเปรียบเทียบระดับ ของผลกระทบที่มีต่อสุขภาพอนามัย โดยเฉพาะหากมีค่าดัชนีเกินกว่า ๑๐๐ แสดงว่าปริมาณของฝุ่น ละอองมีค่าเกินมาตรฐานและบอกได้ว่า คุณภาพอากาศในวันนั้นเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและอนามัย แล้ว ๑๖.๒ คุณภาพน้ าเหมืองแม่เมาะ เหมืองแม่เมาะ มีการจัดการคุณภาพน้ าจากการท าเหมือง โดยลดปริมาณน้ าทิ้งที่ต้อง ระบายออกสู่ธรรมชาติ กลับมาใช้เป็นน้ าหมุนเวียนในเขตเหมืองให้มากที่สุด เช่น การสเปร์ยน้ าดับฝุ่น และการฟื้นฟูสภาพเหมือง น้ าส่วนที่เหลือจากการใช้จะน าเข้าสู่ขบวนการบ าบัดคุณภาพน้ า โดยการ ตกตะกอน และ ใช้ระบบบ าบัดทางชีววิธี (Wetland) เพื่อลดปริมาณสารละลายที่ปนอยู่ในน้ าให้มีค่าอยู่ ในเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๙) เรื่อง ก าหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ าทิ้งจากแหล่งก าเนิดประเภทอุตสาหกรรมและนิคม อุตสาหกรรม ก่อนระบายลงสู่ล าน้ าสาธารณะ โดย กฟผ. ได้ก าหนดจุดตรวจวัดค่าของแข็งละลายน้ า ทั้งหมด (TDS) บริเวณสุดท้ายก่อนออกจากเหมืองจ านวน ๒ จุดตามแผนที่แสดงจุดตรวจวัดคุณภาพน้ า โดยมีสัญลักษณ์จะจ าแนกสีตามเกณฑ์มาตรฐาน (ของแข็งละลายน้ าทั้งหมด (TDS) ไม่เกิน ๓,๐๐๐ มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณที่ของแข็งละลายน้ าทั้งหมด (TDS) เกิน ๓,๐๐๐ มิลลิกรัมต่อลิตร) ๑๖.๓ แรงสั่นสะเทือน เหมืองแม่เมาะได้ด าเนินการตรวจวัดแรงสั่นสะเทือน บริเวณพื้นที่ชุมชนโดยรอบจ านวน ๓ หมู่บ้านได้แก่ บ้านหัวฝาย บ้านหางฮุง และบ้านห้วยคิง ผลที่ได้จากการตรวจวัดได้มีการรายงานให้กับ ตัวแทนของหมู่บ้านที่เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจวัดสิ่งแวดล้อมกับ กฟผ. โดยติดไว้ที่บอร์ดของหมู่บ้าน เพื่อให้ชุมชนได้รับรู้สถานการณ์แรงสั่นสะเทือนของแต่ละหมู่บ้าน


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๐๓ ส าหรับมาตรฐานแรงสะเทือนเพื่อป้องกันผลกระทบต่ออาคาร ตามประกาศโดย คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓๗ วันที่ ๒๖ เม.ย. ๒๕๕๓ ที่ก าหนดค่าความเร็วอนุภาค สูงสุด ส าหรับที่อยู่อาศัย ต่ าสุดไว้ไม่เกิน ๕.๐ มิลลิเมตร/วินาที แต่ กฟผ. ได้มีการประยุกต์จาก มาตรฐานความปลอดภัยจากความสั่นสะเทือนจากการระเบิดของประเทศออสเตรเลีย (AS 2187 – 1983) ที่ก าหนดค่าความเร็วอนุภาคสูงสุด ส าหรับสิ่งปลูกสร้างที่เป็นโบราณสถานไว้ไม่เกิน ๒.๐ มิลลิเมตร/วินาที เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการระเบิดของเหมืองนั้นไม่เกิดผลกระทบต่อบริเวณชุมชน โดยรอบ ๑๖.๔ เสียงรบกวนในชุมชน รอบพื้นที่โครงการเหมืองลิกไนต์แม่เมาะ เหมืองแม่เม าะด าเนินก ารติดต ามตรวจวัดเสียงรบกวนบ ริเวณพื้นที่ชุมชน โดยรอบ จ านวนทั้งหมด ๔ หมู่บ้าน ด้านทิศเหนือได้แก่ บ้านสวนป่าแม่เมาะ และบ้านหัวฝายหล่ายทุ่ง ด้านทิศใต้ได้แก่ บ้านหางฮุง และบ้านห้วยคิง ผลที่ได้จากการตรวจวัดได้มีการรายงานให้กับตัวแทนของ หมู่บ้านที่เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจวัดสิ่งแวดล้อมกับ กฟผ. โดยติดไว้ที่บอร์ดของหมู่บ้าน เพื่อให้ ชุมชนเพื่อให้ชาวบ้านได้รับรู้สถานการณ์เสียงของแต่และหมู่บ้าน ส าหรับมาตรฐานเสียงรบกวนในประเทศไทยก าหนดไว้ไม่เกิน ๑๐ เดซิเบลเอ แต่ กฟผ. เหมืองแม่เมาะ ได้ก าหนดเกณฑ์ควบคุมไว้ที่ ๙ เดซิเบลเอ เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบเหตุ เดือดร้อนร าคาญต่อบริเวณชุมชนโดยรอบ ๑๖. ๕ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการตรวจวัดด้านสิ่งแวดล้อม โครงการการมีส่วนร่วมของชุมชนในการตรวจวัดด้านสิ่งแวดล้อม ได้เริ่มด าเนินการมา ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ โดยคัดเลือกตัวแทนชุมชนหมู่บ้านละ ๕ คน จากหมู่บ้านที่อยู่ใกล้พื้นที่โครงการและมี สถานีตรวจวัดอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด ๑๕ หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านห้วยเป็ด บ้านหางฮุง บ้านห้วยคิง บ้านใหม่นาแขม บ้านนาแขมพัฒนา บ้านสบป้าด บ้านสวนป่าแม่จาง บ้านปงต้นปิน บ้านหัวฝาย บ้านท่าสี บ้านสวนป่าแม่เมาะ บ้านหัวฝายหล่ายทุ่ง บ้านแม่จาง บ้านใหม่รัตนโกสินทร์ และ บ้านข่วงม่วง รวมตัวแทนชุมชนทั้งสิ้น ๗๕ คน โดยในแต่ละปีจะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวแทนชุมชน เพื่อเข้ามาร่วมตรวจวัดด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับ กฟผ. ดังนั้นจึงมีการจัดอบรมให้ความรู้เรื่องกระบวนการ มีส่วนร่วมและการตรวจวัดด้านสิ่งแวดล้อมแก่ตัวแทนชุมชน และมีการบรรยายทบทวนความรู้เรื่องการ ตรวจวัดด้านสิ่งแวดล้อมจากวิทยากรผู้มีความรู้ความสามารถในแต่ละด้าน ทั้งด้านฝุ่น ก๊าซซัลเฟอร์ ไดออกไซด์ เสียง และแรงสั่นสะเทือน พร้อมทั้งการน าข้อมูลผลการตรวจวัดไปรายงานที่บอร์ดแสดงผล คุณภาพสิ่งแวดล้อม และตอบข้อซักถามต่างๆ เพื่อให้ตัวแทนชุมชนได้มีความรู้ ความเข้าใจ และมี ความสามารถเพียงพอในการร่วมกับ กฟผ. ตรวจวัดและรายงานผลคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่บอร์ดใน หมู่บ้านที่ตัวแทนชุมชนอาศัยอยู่ นอกจากนี้ตัวแทนชุมชนยังเข้าร่วมตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการ ป้องกันแก้ไขผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของ กฟผ.เหมืองแม่เมาะ เป็นประจ าทุกปี ในช่วงที่มีการอบรมประจ าปี ตัวแทนชุมชนได้มีส่วนร่วมในการจัดท าแผนการตรวจสอบ ตรวจวัดร่วม พร้อมทั้งแจ้งปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะจากการด าเนินงานในแต่ละปี ให้ กฟผ. รับทราบ เพื่อน าไปปรับปรุงกระบวนการการมีส่วนร่วมฯ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อผ่านการ


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๐๔ อบรมแล้ว จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนชุมชนอย่างเป็นทางการ สามารถปฏิบัติภารกิจตามอ านาจ หน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ตัวแทนชุมชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ประทานบัตรยังได้เข้าร่วมกับองค์การ บริหารส่วนท้องถิ่น ในการตรวจตามโครงการเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับการถ่ายโอนภารกิจ จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ปัจจุบัน กฟผ.ได้ด าเนินการประชาสัมพันธ์ด้านสิ่งแวดล้อมเชิงรุก โดยเน้นให้ตัวแทน ชุมชนรับทราบข้อมูลผลการตรวจวัดผ่านทางเว็บไซด์ และเข้าร่วมประชุมชี้แจงข้อมูลการจัดการ สิ่งแวดล้อมในที่ประชุมหมู่บ้านที่มีตัวแทนชุมชนทั้ง ๑๕ หมู่บ้าน ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับ ประชาชนในแต่ละหมู่บ้านได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ๑๖. ๖ มาตรการติดตามเฝ้าระวังด้านสุขภาพของประชานในพื้นที่ มีการจะดตั้ง กองทุนด้านสุขภาพแก่ประชาชนในเขตพื้นที่เหมือง ดังนี้ ๑๖.๖.๑ กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนโครงการเหมืองแร่หินปูนเพื่อ อุตสาหกรรมเคมีกฟผ. เหมืองแม่เมาะ ได้มีการจัดตั้งกองทุนเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนโครงการเหมือง แร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมเคมี ซึ่งเริ่มด าเนินการมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ ต่อมาเมื่อได้รับอนุญาตประทานบัตร ฉบับร่วมแผนผังโครงการใหม่ในปี ๒๕๖๐ จึงมีการจัดสรรงบประมาณเข้ากองทุนฯ ตามเงื่อนไข ประกาศของ กพร. โดยน าเงินเข้ากองทุนตามสัดส่วน ๕๐ สตางค์ต่อเมตริกตันการผลิตในปีก่อนหน้า แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท/ปี ครอบคลุมพื้นที่ ๓ หมู่บ้าน ได้แก่ ห้วยคิง แม่จาง และข่วงม่วง เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังสุขภาพของชุมชนโดยรอบ พร้อมทั้งได้จัดท าแผนที่ชุมชนเพื่อเชื่อมโยงกับข้อมูล ด้านสุขภาพ และโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนที่มีโอกาสเสี่ยงการเกิดโรค จากการประกอบกิจการเหมืองแร่ โดยมีการจัดตั้งตั้งคณะกรรมการมวลชนสัมพันธ์โครงการเหมืองแร่หินปูนฯ เป็น ผู้บริหารจัดการกองทุน ซึ่งองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย ผู้แทน กฟผ. ผู้แทนภาค ประชาชน ผู้แทนส่วนราชการท้องถิ่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้แทนสถานศึกษา และผู้แทนวัด ๑๖.๖.๒ กองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมเคมี กฟผ. เหมืองแม่เมาะได้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่หินปูนเพื่อ อุตสาหกรรมเคมี ภายหลังจากได้รับอนุญาตประทานบัตรฉบับร่วมแผนผังโครงการใหม่ในปี ๒๕๖๐ ซึ่งมีการจัดสรรงบประมาณเข้ากองทุนฯ ตามเงื่อนไขประกาศของ กพร. โดยน าเงินเข้ากองทุนตาม สัดส่วน ๑ บาทต่อเมตริกตันการผลิตในปีก่อนหน้า แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท/ปี ครอบคลุม พื้นที่ ๓ หมู่บ้าน ได้แก่ ห้วยคิง แม่จาง และข่วงม่วง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส าหรับการด าเนินกิจกรรมพัฒนา สาธารณประโยชน์ การศึกษา ประเพณี และวัฒนธรรมของชุมชนโดยรอบพื้นที่ โดยมีการจัดตั้งตั้งคณะกรรมการมวลชนสัมพันธ์โครงการเหมืองแร่ลิกไนต์ทั้ง 3 หมู่บ้าน เป็นผู้บริหารจัดการทั้งกองทุนเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนและกองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่ หินปูนฯ ๑๖.๖.๓ ผลการตรวจสุขภาพประชาชน ภายใต้กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพประชาชน โครงการเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมเคมีประจ าปี ๒๕๖๐ ได้ด าเนินตรวจสุขภาพประชาชนรวม


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๐๕ ทั้งสิ้น ๑๓๕ คน โดยศูนย์เวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมโรงพยาบาลแม่เมาะ พบผู้มีผลเอ๊กซ์เรย์ปกติ จ านวน ๕ คน อย่างไรก็ตามส าหรับผู้ที่พบอาการผิดปกติก็ได้ประสานความร่วมมือกับทางศูนย์เวชศาสตร์ สิ่งแวดล้อมโรงพยาบาลแม่เมาะ เพื่อท าเรื่องส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลแม่เมาะ ตาม ระบบของทางสาธารณสุขต่อไป ๑๖.๖.๔ กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนโครงการเหมืองแร่ลิกไนต์ กฟผ. เหมืองแม่เมาะ ได้มีการจัดตั้งกองทุนเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนโครงการเหมือง แร่ลิกไนต์แม่เมาะ ต าบลละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท/ปี จ านวน ๖ ต าบล รวมปีละ ๖๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อใช้ใน การเฝ้าระวังสุขภาพของชุมชนโดยรอบ พร้อมทั้งได้จัดท าแผนที่ชุมชนเพื่อเชื่อมโยงกับข้อมูลด้านสุขภาพ และโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนที่มีโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคจากการ ประกอบกิจการเหมืองแร่ โดยมีการจัดตั้งตั้งคณะกรรมการมวลชนสัมพันธ์โครงการเหมืองแร่ลิกไนต์ทั้ง ๖ ต าบล เป็นผู้บริหารจัดการกองทุน ซึ่งองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย ผู้แทน กฟผ. ผู้แทนภาค ประชาชน ผู้แทนส่วนราชการท้องถิ่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้แทนสถานศึกษา และผู้แทนวัด ผลการตรวจสุขภาพประชาชน ภายใต้กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนโครงการ เหมืองแร่ลิกไนต์แม่เมาะประจ าปี ๒๕๖๐ ได้ด าเนินตรวจสุขภาพประชาชน ทั้ง ๖ ต าบล รวมทั้งสิ้น ๒,๐๖๔ คน โดยศูนย์เวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมโรงพยาบาลแม่เมาะ พบผู้มีผลเอ๊กซ์เรย์ปกติ จ านวน ๑,๙๘๖ คน และพบผู้มีผลเอ๊กซ์เรย์ผิดปกติต้องพบแพทย์ ๗๐ คน โดยผลเอ๊กซ์เรย์ที่ผิดปกติมากส่วน ใหญ่จะพบที่ ต.จางเหนือ กับ ต.บ้านเสด็จ ส่วน ต.บ้านดง และ ต.แม่เมาะ ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่การท าเหมือง มากกว่ากลับพบผลเอ็กซเรย์ที่ผิดปกติน้อยกว่า จากอาการที่ผิดปกติทั้งหมดจะมีทั้งโรคปอด ภาวะหัวใจ โต และกระดูกสันหลังคดแต่ก าเนิด โดยผู้ที่มีอาการผิดปกติก็ทราบว่าตนเองมีโรคประจ าตัว ซึ่งไม่ได้มี สาเหตุเกิดจากกิจกรรมการท าเหมือง อย่างไรก็ตามส าหรับผู้ที่พบอาการผิดปกติก็ได้ประสานความ ร่วมมือกับทางศูนย์เวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมโรงพยาบาลแม่เมาะ เพื่อท าเรื่องส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ต่อที่โรงพยาบาลแม่เมาะ ตามระบบของทางสาธารณสุขต่อไป ๑๗ . ประเด็นข้อซักถามในการศึกษาดูงาน ๑) สถานการณ์ค่ามาตรฐานมลภาวะที่ปล่อยสู่บรรยากาศ ในปัจจุบันเป็นอย่างไร ตอบ ในอดีตการปล่อยมลภาวะเกิดขึ้นเนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้ไม่สามารถควบคุมสารที่ ปล่อยสู่บรรยากาศให้เป็นไปตามมาตรฐาน ประกอบกับช่วงที่เกิดเหตุการณ์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสภาอากาศมีลักษณะปิด ส่งผลให้มลภาวะที่เกิดขึ้นไม่สามารถลอยขึ้นไปในบรรยากาศ จึงตก ลงสู่พื้น แต่เทคโนโลยีที่ใช้ในโรงไฟฟ้าปัจจุบันสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและในอนาคต โรงไฟฟ้าใหม่ที่ก่อสร้างเสร็จก็จะลดมลภาวะลงได้ ๒) กรณีค่าสารปรอท มีการตรวจวัดความเข้มข้นของสารปรอท หรือไม่ ตอบ ค่าความเข้มข้นของปรอทบริษัทที่ปรึกษาก าหนดให้มีการตรวจวัดทุก ๖ เดือน แต่ ที่ผ่านมาในอดีตไม่มีการตรวจวัด ทั้งนี้ ในโรงไฟฟ้าทดแทน (MMR 1) ไม่มีการติดตั้งเครื่องก าจัด เนื่องจากมีการพบปริมาณสารปรอทที่น้อยมาก แต่ในโรงไฟฟ้ากระบี่มีการออกแบบให้มีการติดตั้งติดตั้ง เครื่องก าจัดปรอท ACI


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๐๖ ๓) ปริมาณการผลิตไฟฟ้า ซึ่งศักยภาพตามแหล่งพลังงานเห็นว่าภาคเหนือมีความมั่นคง สูง ต้นทุนในการผลิตมีราคาถูก ทั้งเชื้อเพลิงจากถ่านหินและน้ าจากเขื่อน การรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า หงสา หากการค านวณเป็นรายภูมิภาคพบว่าภาคเหนือมีต้นทุนที่ถูก ซึ่งการจัดท าแผนพีดีพีแยกตามราย ภูมิภาค จะส่งผลอย่างไรต่อการด าเนินงานขององค์กรหรือไม่ ตอบ กฟผ. เล็งเห็นความมั่นคงในประเทศ หากสัดส่วนไม่เหมาะสม ความมั่นคงก็จะ ลดลง ตามแผน PDP ที่อยู่ในระหว่างพิจารณาจัดท า หากมีการก าหนดให้จัดท าความต้องการใช้ไฟฟ้า รายภูมิภาค นั้น การลงทุนก็จะเกิดขึ้นในพื้นที่มี่การผลิตมีต้นทุนถูก การก าหนดแผนการจัดท าความต้องการใช้ไฟฟ้ารายภูมิภาค จะส่งผลให้เกิดปัญหาไฟ ไม่เพียงพอในบางพื้นที่ เช่น ในกรณีภาคใต้ เนื่องด้วยประสบปัญหาความความล่าช้าในการก่อสร้าง โรงไฟฟ้า และหากจะติดตั้งระบบสายส่งเพิ่มก็มีข้อจ ากัดด้านพื้นที่ซึ่งไม่สามารถขยายพื้นที่ติดตั้งได้ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หากการก่อสร้างระบบสายส่ง ๕๐๐ เควี จาก สปป. ลาว เสร็จสิ้นก็จะมีความมั่นคงในระบบ เหลือเพียงปัญหาความต้องการใช้งานในภาคใต้เท่านั้น โดยคณะกรรมาธิการได้ร่วมแสดงความเห็นว่า โรงไฟฟ้าหลักก็ต้องใช้โรงไฟฟ้าหลัก ส่วนโรงไฟฟ้าทดแทนก็ท าหน้าที่เพียงทดแทน ไม่สามารถน ามาเป็นโรงไฟฟ้าหลักได้ รัฐมีหน้าที่หลักใน การควบคุม ก ากับดูแลแต่ก็ต้องให้เอกชนมีส่วนร่วม แต่ไม่ควรให้เอกชนเป็นผู้ควบคุมด้านความมั่นคง ทั้งหมด สัดส่วนที่ กฟผ ดูแลเห็นว่ายังน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่ปัญหาไฟฟ้าดับเมื่อ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาได้อย่างดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กฟผ. ก็รักษาความมั่นคงได้เป็นอย่างดี ๔) หากมีข้อเสนอให้เอกชนมาด าเนินการสร้างโรงไฟฟ้า ๕๐๐ เมกะวัตต์ โดยมีการ ก าหนดเงื่อนไขที่ต้นทุนการผลิตในระดับที่ไม่เกิน ๒.๕ บาทต่อหน่วย ให้ด าเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ ใน ๕ ปี จะสามารถด าเนินการได้หรือไม่ ตอบ หากภายใน ๕ ปี โครงการโรงไฟฟ้าใหม่ยังไมได้รับการสนับสนุน การน าก๊าซมาใช้ น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ซึ่งปัญหาต้นทุนในการผลิตนับว่าเป็นประเด็นที่ส าคัญ หากไม่ใช้ LNG ก็ มีตัวเลือกคือก๊าซจากอ่าวไทยและถ่านหิน แต่แหล่งก๊าซที่มีความน่าสนใจ คือ ก๊าซจากแหล่ง JDA เนื่องจากมาเลเซียใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก โดยผู้แทนจากกฟผ. ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีขั้นตอนการด าเนินงานที่ก าหนดไว้ ประกอบกับมีการด าเนินงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การ ด าเนินงานของกฟผ. ยังอยู่ภายใต้การควบคุมจากอุตสาหกรรมจังหวัด อุตสาหกรรมเขต ที่ก าหนดให้มี การจัดท าข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบ Realtime ให้ประชาชนสามารถท าการเข้ามา ตรวจสอบข้อมูลได้ตลอดเวลา ซึ่งมีการติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในแหล่งชุมชน ร่วมด้วย อาสาสมัครชุมชนที่มาเข้ามาร่วมตรวจสอบการด าเนินงาน โดยมีการเปรียบเทียบระดับมลภาวะกับเขต เมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่น เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ การด าเนินการในปัจจุบันจึงเน้น มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังเป็นหลัก


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๐๗ ๕) คณะกรรมาธิการได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการน าเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งมาใช้ร่วมกับ ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ดังนี้ (๑) ชีวมวลซึ่งมีความร้อนต่ า อาจส่งผลให้เกิดปัญหาก๊าซคาร์บอนในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากประเทศไทยเข้าร่วมลงนามใน COP ซึ่งการด าเนินงานต่างๆต้องให้สอดคล้องกับข้อตกลง ระหว่างประเทศด้วย (๒) การน าวัตถุใดที่มูลค่าสูงมาท าเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ทั้งที่สามารถน าไป ผลิตเป็นสินค้าอื่นๆ (๓) ในกรณีที่น าขยะมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ส่วนมากกรผลิตไฟฟ้าเป็น เพียงผลพลอยได้จากการก าจัดขยะ อีกทั้งต้นทุนในการด าเนินการสูงกว่าเชื้อเพลิงจากฟอสซิล (๔) การน าชีวมวลมาท าให้อยู่ในรูปของ wood pallet เพื่อความสะดวกในการ ขนส่ง แต่ก็เป็นการเพิ่มต้นทุน ซึ่งปัจจุบันระดับราคาของ wood pallet คือ ๓,๕๐๐ บาทต่อตัน หาก น าเอาชีวมวลไปเผาโดยตรงก็จะส่งผลให้ต้นทุนปรับลดลงได้ ๖) การด าเนินงานในการน าเอา wood pallet มาเป็นเชื้อเพลิงร่วมกับถ่านหิน เป็นการ ด าเนินงานที่ลงทุนปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ใช้อยู่เพียงบางส่วนเพื่อให้รองรับการใช้งาน แต่ประโยชนที่ได้ จากการน า wood pallet มาใช้ มี ๒ ทาง คือ ทางด้านเศรษฐศาสตร์และทางด้านจิตวิทยา ที่มีการตั้ง คณะกรรมการในการด าเนินงาน มีการร่วมมือจากภาคประชาชน ตั้งแต่ต้นน้ า กลางน้ า ปลายน้ า การค านวณค่าแรง พันธุ์ไม้ที่น ามาปลูก เมื่อน าไม้ที่ปลูกได้มาขายก็จะมีการหักค่าใช้จ่ายในตอนท้าย ซึ่งราคาและค่าตอบแทนขึ้นอยู่ภายใต้หลักความพึงพอใจของประชาชน ๓.๓ การจัดสัมมนา เรื่อง พลังงานไทย ท าอย่างไรให้มั่นคง ยั่งยืน วันอังคารที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๑ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ผลการสัมมนา การใช้พลังงานของโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยแหล่งพลังงานที่ใช้สูงสุด ได้แก่ น้ ามัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ที่ส าคัญหากโลกมีการใช้พลังงานในระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และไม่มีการค้นพบแหล่งพลังงานอื่นเพิ่มเติมได้อีก คาดว่าโลกจะมีปริมาณส ารองน้ ามันใช้ได้อีก ๕๒ ปี ก๊าซธรรมชาติ ๕๔ ปี และถ่านหินอีกประมาณ ๑๐๐ ปี ดังนั้นการใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานเหล่านี้ จ าเป็นต้องค านึงถึงความสมดุลระหว่างความต้องการใช้พลังงานกับปริมาณส ารองของพลังงานที่มี เหลืออยู่อีกทั้งจ าเป็นต้องท าการศึกษาและพัฒนาแหล่งพลังงานใหม่ ๆ เพื่อทดแทนแหล่งพลังงานเก่าที่ ก าลังจะหมดไป นอกจากนี้สิ่งที่ต้องตระหนักเป็นอย่างยิ่ง คือ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการ ใช้พลังงานเหล่านี้โดยเฉพาะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ในชีวิตประจ าวันของมนุษย์มีการใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลายประกอบด้วย น้ ามัน ก๊าซ ธรรมชาติ พลังงานน้ า พลังลม พลังแสงอาทิตย์ หรือถ่านหิน โดยพลังงานเหล่านี้ มีสัดส่วนในการใช้ และต้นทุนที่แตกต่างกัน จึงจ าเป็นที่จะต้องมีการจัดการสัดส่วนการใช้พลังงานให้เกิดความเหมาะสม เพื่อความยั่งยืนของพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีปัจจัยการพิจารณาเลือกประเภทของเชื้อเพลิง และเทคโนโลยี การผลิตไฟฟ้า ประกอบไปด้วย


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๐๘ ๑. ความเหมาะด้านเศรษฐศาสตร์พิจารณาจากราคาของเชื้อเพลิง และเทคโนโลยีที่ คุ้มค่าต่อการลงทุน ๒. ความเหมาะสมด้านสิ่งแวดล้อม พิจารณาเชื้อเพลิงที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม น้อยที่สุดในการผลิตไฟฟ้าในปริมาณที่เท่ากัน ๓. ความมั่นคง พิจารณาความมั่นคงด้านพลังงานที่จะต้องผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอ และ จัดหาได้อย่างต่อเนื่อง ๔. เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เพื่อความส าคัญในการปรับให้เหมาะสมกับ ทั้ง ๓ ข้อที่กล่าวมา และเป็นสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้น ควรจะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า และ ทันสมัยกว่าเพื่อรองรับ แผน PDP๒๐๑๕ ได้เน้นการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ด้วยการกระจายเชื้อเพลิงใน การผลิตไฟฟ้า ลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินเทคโนโลยีสะอาด และ เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งพลังงานแต่ละประเภทที่ประเทศไทยใช้ในการผลิต ไฟฟ้าเป็นหลักมีข้อดี หรือข้อจ ากัดต่างกัน อาทิ ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า มีสัดส่วนการใช้รวมร้อยละ ๕๘ เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยในการผลิต แต่มีข้อจ ากัดตรงที่ราคาแพง และต้องอาศัยการน าเข้าจาก ต่างประเทศ ขณะที่มีแหล่งในประเทศอยู่ที่อ่าวไทย แต่เหลือใช้ได้อีกเพียง ๑๐ ปีเท่านั้น พลังงานน้ า เป็นพลังงานสะอาด ที่หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ ผลิตไฟฟ้าได้อย่าง รวดเร็ว แต่ผลิตได้ในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ าขนาดใหญ่เท่านั้น แต่วัตถุประสงค์หลักของเขื่อนนั้นใช้เพื่อการ ชลประทาน แต่การผลิตไฟฟ้าเป็นเพียงจุดประสงค์รอง แต่การขยายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ า โดยการสร้างเขื่อนใหม่นั้น ต้องใช้งบประมาณและมีปัญหาเรื่องสถานที่ตั้งที่เหมาะสม จึงท าให้พลังงาน น้ ามีข้อจ ากัด และมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าเพียงร้อยละ ๓ เท่านั้น พลังงานลม ข้อดีของพลังงานลมคือ การไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ และเป็นพลังงานที่ไม่มี วันหมด แต่เพราะไม่อาจควบคุมให้เกิดลมตลอดได้ เมื่อลมพัดไม่สม่ าเสมอ ก็ท าให้น ามาผลิตไฟฟ้าได้ ยาก และมีต้นทุนการผลิตที่สูง ปัจจุบัน พลังงานลมจึงถูกใช้ผลิตไฟฟ้าแค่ร้อยละ ๐.๗๑ พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานที่ไม่มีวันหมด ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ แต่มีราคา แพง และยังมีข้อจ ากัดในการผลิตพลังงาน ผลิตได้เฉลี่ยวันละ ๕-๖ ชั่วโมงเท่านั้น เพราะแสงแดดมีเพียง แค่ช่วงกลางวัน หรืออาจพบกับสภาวะอากาศที่แปรปรวน ดังนั้น พลังงานแสงอาทิตย์จึงไม่ใช่พลังงานที่ สามารถพึ่งพาเป็นพลังงานหลักได้ ปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้อยู่ร้อยละ ๒.๓๑ ต้นทุนราคาการผลิตไฟฟ้า จากแสงอาทิตย์มีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ ปัจจุบันต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากโซล่า ฟาร์มอยู่ที่หน่วยละ ๒.๕๖ บาท ถ่านหิน เป็นพลังงานที่ดี มีความเสถียรเมื่อเทียบกับพลังงานทดแทน มีปริมาณส ารอง ในโลกเป็นจ านวนมาก มีราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงอื่นๆ และราคาไม่ผันผวน หากสามารถน าเทคโนโลยี สมัยใหม่มาใช้ควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ปลอดภัยได้ก็จะสร้างความ เชื่อมั่นให้กับประชาชน นอกจากนั้นประเทศไทยมีสัดส่วนการใช้ถ่านหินอยู่ที่ประมาณร้อยละ ๑๘ ซึ่งใน กลุ่มอาเซียนและกลุ่มยุโรปได้ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงประมาณร้อยละ ๖๐ ดังนั้น ประเทศไทยสามารถ


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๐๙ เพิ่มสัดส่วนการใช้ถ่านหินให้มากขึ้นได้เพื่อท าให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงาน ต้นทุนการผลิตที่สามารถ แข่งขันได้ในตลาด และให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าในราคาที่ถูกลง มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมในการควบคุมผลกระทบจากการใช้พลังงาน รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม คือ กระบวนการศึกษาและประเมินผล กระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดการด าเนินโครงการ หรือกิจการหรือการด าเนินการใดของรัฐหรือที่รัฐจะ อนุญาตให้มีการด าเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพ สิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยผ่าน กระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อก าหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบดังกล่าว ประเภทโครงการโรงไฟฟ้าที่ต้องท า EIA โรงไฟฟ้าพลังความร้อนทุกประเภท ที่มีก าลัง ผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ ๑๐ MW ขึ้นไป ต้องท ำ EIA ยกเว้นโรงไฟฟ้ำพลังควำมร้อนที่ใช้ขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิง ทั้งนี้ ต้องไม่ใช่โรงไฟฟ้ำที่ตั้งอยู่พื้นที่ที่กฎหมำยก ำหนด การประเมินผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อทรัพยากรธรรมชาติและคุณค่าด้าน ต่าง ๆ วิธีการประเมินเป็นไปตามหลักวิชาการ รวมทั้งเป็นไปตามแนวทางและมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ค านึงถึง - สภาพพื้นที่ที่มีข้อจ ากัดด้านสิ่งแวดล้อมหรือเงื่อนไขเฉพาะ - มาตรฐานด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่บังคับใช้ ฯลฯ ทั้งนี้ การประเมินต้องมีการประเมินผลกระทบในกรณีเลวร้ายที่สุด (Worst Case) ที่อาจเกิดจากโครงการ การควบคุมมลพิษจากโครงการที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง - เทคโนโลยีการผลิต : ปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นท าให้ประสิทธิภาพในการผลิต ไฟฟ้าหรือใช้พลังงานดีขึ้น (มลพิษที่เกิดขึ้นต่อหน่วยผลิตไฟฟ้าลดลง) - การควบคุมคุณภาพถ่านหิน : เลือกใช้ที่มีคุณภาพดี (มีปริมาณซัลเฟอร์และ โลหะหนักต่างๆ) - มีระบบการจัดการถ่านหินป้องกันการฟุ้งกระจายฝุ่น โดยเป็นระบบปิดทั้งหมด - มีการควบคุมมลพิษทางอากาศจากปล่อง รวมทั้งก าหนดค่ามาตรฐานด้าน สิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน อาทิ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ไนโตรเจนออกไซด์ (NOX) และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ส าหรับการตรวจวัดค่าความเข้มข้นของสารปรอทในบรรยากาศ กรมควบคุม มลพิษได้เริ่มด าเนินการตรวจวัดสารปรอทในอากาศ ตั้งแต่ปลายปี๒๕๕๗ เป็นต้นมา เพื่อจัดท าข้อมูล พื้นฐานปริมาณสารปรอทในบรรยากาศ (ambient mercury baseline) ของประเทศไทย ส าหรับใช้ ประกอบการก าหนด และประเมินมาตรการการจัดการแก้ไขปัญหาสารปรอทในสิ่งแวดล้อมของ ประเทศ โดยการตรวจวัดสารปรอทรวม (Total Mercury; Hg) ด้วยเครื่องตรวจวัดปรอทใน บรรยากาศแบบอัตโนมัติเทคนิค Cold Vapor Atomic Fluorescence Spectrophotometry (CVAFS) ติดตั้งในหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่ เพื่อให้สามารถประเมินสถานการณ์


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๑๐ สารปรอทในอากาศในเบื้องต้น (Screening) การตรวจวัด ก าหนดเป็นจุดตรวจวัดชั่วคราว (Temporary site) ระยะเวลาตรวจวัดประมาณ ๒ สัปดาห์โดยตรวจวัดในระดับนาโนกรัมต่อ ลูกบาศก์เมตร (ng/m3 ) ได้ด าเนินการในพื้นที่เสี่ยง (Hot spot) หรือพื้นที่ที่อาจมีแนวโน้มของปัญหา สารปรอทในอากาศเป็นหลัก ได้แก่ พื้นที่ใกล้แหล่งก าเนิดที่ปลดปล่อยสารปรอทออกสู่บรรยากาศ เช่น โรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน โรงงานผลิตปูนซีเมนต์อุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง โรงกลั่น น้ ามัน และเตาเผาขยะ เป็นต้น ตรวจวัดฯ ทั้งหมด ๖ พื้นที่ และพื้นที่อ้างอิง (Remote sites, Background) อยู่ห่างไกลจากแหล่งก าเนิดหลัก จ านวน ๑ พื้นที่ - มีมาตรการการจัดการน้ าหล่อเย็น (ระบบหอหล่อเย็นใช้น้ าน้อยลง) - มีมาตรการการจัดการเถ้า (น าเถ้าไปใช้ประโยชน์) การมีส่วนร่วมของประชาชน - ด าเนินการตาม “แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการ ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม” ของ สผ. - มุ่งเน้นให้ผู้มีส่วนได้เสีย ได้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ แลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อหาทางเลือกหรือมาตรการที่เหมาะสมในการด าเนินโครงการ และสอดคล้องกับ ความต้องการของประชาชน - ก าหนดกลุ่มเป้าหมาย: อย่างน้อย ๗ กลุ่มหลัก (ผู้รับผลกระทบ หน่วยงาน รับผิดชอบจัดท า EIA หน่วยงานพิจารณารายงาน หน่วยงานราชการ องค์การอิสระ สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป) การด าเนินงานด้านประชาสัมพันธ์ ๑) ภาครัฐควรก าหนดแนวทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์โดยตระหนักถึงการ มีส่วนร่วมของสังคม และสิทธิของของชุมชน เพื่อให้การพัฒนาพลังงานของประเทศ ตอบสนองความ ต้องการที่แท้จริงของประชาชน รับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ความเห็นที่แตกต่าง และพร้อมชี้แจงทุก ประเด็นสงสัย เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีร่วมกันต่อไป ๒) ในการด าเนินงานด้านการติดตามตรวจสอบมาตรฐานมลพิษจาก แหล่งก าเนิดจะเห็นได้ว่า หากน าเทคโนโลยีกล้อง CCTV เข้ามาติดตั้งเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ามาท า การตรวจสอบข้อมูลได้ ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับการด าเนินงานของผู้ประกอบการ บทสรุป จากการสัมมนากล่าวโดยสรุปได้ว่าผู้เข้าร่วมสัมมาทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนมี ความเชื่อว่าถ่านหินยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือกการกระจายสัดส่วนเชื้อเพลิง ถือเป็นการสร้างความสมดุล ของเชื้อเพลิงส าหรับการผลิตไฟฟ้า โดยผู้ร่วมสัมมนาส่วนใหญ่เชื่อว่าจะมีการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ ๒๐-๒๕ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเชื้อเพลิงชนิดใด ชนิดหนึ่งมากเกินไป เพื่อให้ได้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่มีราคาถูก


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า๑๑๑ ถ่านหินยังเป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาถูกและมีเสถียรภาพ เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น และไม่สร้างภาระค่าไฟฟ้าที่จะกระทบต้นทุนภาคการผลิต และค่าครองชีพของประชาชนในอนาคต จากการใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดในปัจจุบัน จะสร้างความเชื่อมั่นว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้า ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการสัมมนามีข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมสัมมนาว่า ควรมีการ ตรวจสอบการรายงานในเรื่องของสารปรอท และติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อรายงานผลการปลดปล่อย มลพิษในลักษณะ real time เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๑๑๓ บทที่ ๔ วิเคราะห์ผลการศึกษา พลังงานแต่ละประเภทที่ประเทศไทยใช้ในการผลิตไฟฟ้าเป็นหลักมีข้อดี หรือข้อจ ากัดที่ ต่างกัน อาทิ ๑. ก๊าซธรรมช าติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้ าในปั จจุบันมีสัดส่วน การใช้รวม ร้อยละ ๕๘(๑๔) เนื่องจากเกิดค่ามลพิษน้อยกว่าพลังงานบางประเภท มีแหล่งผลิต ภายในประเทศอยู่ที่อ่าวไทย ปัจจุบันประเทศไทยยังคงพึ่งพาการน าเข้าก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศ จ านวนหนึ่ง รวมถึงมีการใช้แอล เอ็น จี ที่สัดส่วนร้อยละ ๒๐ หากปริมาณส ารองก๊าซธรรมชาติในอ่าว ไทยยังไม่มีการส ารวจเพิ่มเติม คาดว่าจะใช้ได้อีกประมาณ ๑๐ ปี (ข้อมูลจากกระทรวงพลังงาน) ประกอบกับการ เติบโตทางเศรษฐกิจท าให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ในอนาคตคาดว่าต้องน าเข้า แอล เอ็น จี จากต่างประเทศมากขึ้น โดยที่ตามแผนระยะยาวมีแนวโน้มที่จะต้องใช้ แอล เอ็น จี กับโรงไฟฟ้า ที่ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น มีผลท าให้ต้นทุนเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ สูงขึ้น คิดเป็นต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ๒.๖๖ บาทต่อหน่วย ๒. พลังงานน ้า เป็นพลังงานสะอาด ที่หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ ผลิตไฟฟ้าได้อย่าง รวดเร็ว โดยจะผลิตได้ในพื้นที่ ที่มีแหล่งน้ าขนาดใหญ่เท่านั้น แต่วัตถุประสงค์หลักของเขื่อนนั้นใช้เพื่อ การชลประทาน การผลิตไฟฟ้าจึงเป็นเพียงจุดประสงค์รอง ทั้งนี้การขยายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ า โดยการสร้างเขื่อนใหม่นั้น ต้องใช้งบป ระมาณสูงและมีปัญห าเรื่องสถานที่ตั้งที่เหมาะสม จึงท าให้พลังงานน้ ามีข้อจ ากัด และมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าร้อยละ ๓ (๑๔) เท่านั้น โดยเป็นการรับซื้อไฟฟ้า จากพลังงานน้ าในต่างประเทศที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าหน่วยละ ๒.๔๘ บาท ๓. พลังงานลม เป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด แต่ไม่เสถียรเพราะไม่อาจควบคุมให้เกิดลม ได้ตลอดเวลา ลมที่พัดไม่สม่ าเสมอน ามาผลิตไฟฟ้าได้ยาก และมีต้นทุนการผลิตที่สูง ในปี ๒๕๖๑ พลังงานลมถูกใช้ผลิตไฟฟ้าร้อยละ ๐.๗๑(๑๕) มีต้นทุนการผลิตอยู่ที่หน่วยละ ๓.๗๗ บาท(๑๕) ๔. พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นแหล่งพลังงานที่ไม่มีวันหมด ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ แต่มี ราคาแพงมาก และยังมีข้อจ ากัดในการผลิตพลังงาน ผลิตได้เฉลี่ยวันละ ๕-๖ ชั่วโมงเท่านั้น เพราะ แสงแดดมีเพียงแค่ช่วงกลางวัน หรืออาจพบกับสภาวะอากาศที่แปรปรวน ดังนั้น พลังงานแสงอาทิตย์จึง ไม่ใช่พลังงานที่สามารถพึ่งพาเป็นพลังงานหลักได้ ในปี ๒๕๖๑ มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ในสัดส่วนร้อยละ ๒.๓๑(๑๕) ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ ปัจจุบันมี ต้นทุนการผลิตอยู่ที่หน่วยละ ๒.๕๖ บาท(๑๕) ไม่รวมแบตเตอรี่ หรือหน่วยละ ๘-๑๐ บาท เมื่อรวม แบตเตอร์รี่ (๑๔) ส านักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน, เวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างแผนพัฒนาก าลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan : PDP) ของประเทศไทยฉบับใหม่ (Public Hearing), ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑, ๓ (๑๕) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ณ ๒๕๖๑


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๑๑๔ ในบทนี้จะท าการวิเคราะห์ข้อดีข้อด้อยของการใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน โดยพิจารณาถึงจุด แข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค ในการน าเชื้อเพลิงถ่านหินมาใช้ในประเทศไทยด้วยหลักการวิเคราะห์ SWOT (SWOT Analysis) มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ๔.๑ จุดแข็ง (Strength) ๔.๑.๑. ปัจจัยด้านราคา ด้วยราคาน้ ามันดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเมื่อหลายสิบปีก่อน ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน น้ ามันดิบจะมีราคาต่ าลงมากก็ตาม แต่หากพิจารณาถึงแนวโน้มของราคาน้ ามันดิบใน ภาพรวมจากในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน สามาถคาดการณ์ได้ว่าราคาน้ ามันดิบมีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่เรื่อยๆ อีก ทั้งในอดีตเคยเกิดวิกฤตเรื่องราคาพลังงานมาแล้วถึงสองครั้ง การผลิตไฟฟ้าในปี ๒๕๖๑ ใช้ก๊าซ ธรรมชาติเป็นหลักถึงร้อยละ ๕๘ ไม่ได้ใช้น้ ามันเซล หรือน้ ามันเตา ราคาก๊าซธรรมชาติเปลี่ยนแปลงตาม ราคาน้ ามันดิบ หากราคาน้ ามันดิบสูงขึ้น ราคาก๊าซธรรมชาติก็จะสูงตามขึ้นไปด้วย หากสัดส่วนในการ ใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตกระแสไฟฟ้าสูงเกินไป ท าให้ต้องปรับเปลี่ยนลดการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิต กระแสไฟฟ้าลง และหันมาใช้พลังงานชนิดอื่นให้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และแก้ไข ปัญหาการพัฒนาพลังงานของประเทศให้เป็นไปอย่างยั่งยืน ดังนั้นเหตุผลประการหนึ่งที่ท าให้ถ่านหิน กลายเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกที่มีความส าคัญก็คือ ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนต่ ากว่าเชื้อเพลิงประเภท อื่นๆ ส าหรับการใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า แต่กลับมีสัดส่วนในการผลิตไฟฟ้าเพียงร้อยละ ๑๘ อีกทั้ง การเพิ่มเติมถ่านหินให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้านั้น ก็จะช่วยลดความ เสี่ยงที่เกิดขึ้นหากเชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ ที่ใช้เกิดการขาดแคลน จุดเด่นของถ่านหินที่เห็นได้ชัดนั้น คือ ราคาต่ า และค่อนข้างคงที่ รวมถึงมีปริมาณ ส ารองมาก จึงมีความมั่นคงมากกว่าก๊าซธรรมชาติและน้ ามัน อย่างไรก็ตามการใช้พลังงานเหล่านี้ มีข้อจ ากัดที่แตกต่างกัน เช่น ก๊าซธรรมชาติ ต้องมีการวางท่อขนส่ง และราคาไม่มีเสถียรภาพ พลังงาน ทดแทนก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการลงทุนสูง ท าให้พลังงานที่ ผลิตได้มีต้นทุน และราคาสูง ส่วนถ่านหินเองก็ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนชน เนื่องจากยังฝังใจใน ภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของโรงไฟฟ้าถ่านหินในอดีต ที่ใช้ถ่านหินคุณภาพต่ า และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทยไม่ได้ด าเนินการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศตามก าหนดระยะเวลา ท าให้เกิดปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อมขึ้น ถึงแม้ว่าในปัจจุบันได้แก้ไขปัญหาต่างๆ เป็นที่เรียบร้อย แต่ประชาชน เกรงว่าจะมี ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีก การที่ประเทศไทยใช้เชื้อเพลิงราคาสูงในการผลิตไฟฟ้ามีผลเสียต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ท าให้มีต้นทุนสินค้าที่ไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ปัจจุบันจะมีการน าเข้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด จากต่างประเทศมาใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินด้วย เทคโนโลยีปกติไม่มาก แต่ราคาก๊าซธรรมชาติมีความผันผวนตาม ราคาน้ ามันดิบ และมีแนวโน้มสูงขึ้น ภาครัฐและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรร่วมมือกันด าเนินการต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดการยอมรับ และความ เชื่อมั่นจากประชาชนในการใช้ถ่านหิน และเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดในประเทศไทย หากเปรียบเทียบในเรื่องราคาของถ่านหินกับเชื้อเพลิงชนิดอื่นแล้ว ราคาที่นิยมน ามาใช้ ในการเปรียบเทียบคือต้นทุนเฉลี่ยตลอดอายุโครงการ (Levelized cost of energy - LCOE)


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๑๑๕ ซึ่งหมายถึงต้นทุนทั้งหมด (คิดเป็นต่อหน่วย MWh) และการด าเนินการผลิตตลอดอายุของโครงการ ถ่านหินยังคงเป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนอยู่ในระดับต่ าเมื่อเทียบกับพลังงานชนิดอื่นๆ เช่น พลังงาน นิวเคลียร์ ก๊าซธรรมชาติ พลังงานแสงอาทิตย์ แม้ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาพลังงานแสงอาทิตย์จะมี ต้นทุนที่ต่ าลงเรื่อยๆ ก็ตาม ๔.๑.๒ ปริมาณส้ารอง ประเทศไทยมีปริมาณส ารองถ่านหินที่พิสูจน์แล้ว (Proved reserve) ณ สิ้นปี ๒๕๕๙ จ านวน ๑,๐๖๓ ล้านตัน (BP, ๒๕๖๐) มีสัดส่วน Reserve to production ratio (R/P ratio) ถึง ๖๓ ปี ซึ่งสูงกว่าก๊าซธรรมชาติและน้ ามันซึ่งมี R/P ratio เพียง ๕ และ ๒ ปีตามล าดับ ด้วยปริมาณส ารองที่ มากกว่า จึงท าให้ถ่านหินมีความมั่นคงมากกว่าก๊าซธรรมชาติและน้ ามัน อีกทั้งประเทศเพื่อนบ้านของ ไทย เช่น เมียนมาร์ลาว เวียดนาม และอินโดนีเซีย มีแหล่งถ่านหินส ารองอยู่ในปริมาณมาก จึงถือได้ว่า ประเทศไทยมีแหล่งพลังงานถ่านหินส ารองทั้งภายใน และภายนอกประเทศในปริมาณมาก และด้วย ปริมาณส ารองของถ่านหินทั่วโลกที่สูงกว่าปริมาณส ารองน้ ามัน ๔-๕ เท่า และมีแหล่งถ่านหินกระจายอยู่ ทั่วโลก ย่อมส่งผลให้ราคาถ่านหินนั้นต่ า และมีเสถียรภาพสูง ซึ่งสอดคล้องกับค าอธิบายในข้อก่อนหน้า หากประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าสูงถึงร้อยละ ๕๘ ต้องน าเข้าก๊าซธรรมชาติจาก ต่างประเทศเป็นจ านวนมาก ซึ่งเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้แอล เอ็น จี ที่ร้อยละ ๒๐ โดยที่ราคา แอล เอ็น จี มีความผันผวนมาก เพราะอิงอยู่กับราคาน้ ามันโลก ซึ่งใน อดีตเคยเกิดวิกฤตราคาพลังงานมาหลายครั้งแล้ว อีกทั้งการขนส่งก๊าซ แอล เอ็น จีมีราคาแพง เพราะต้องใช้เรือที่เป็นตู้เย็น อุณหภูมิ −162 °C (−260 °F) ความดันสูงสุดในการขนส่ง 25 kPa หรือ 4 psi ท าให้มีขั้นตอนยุ่งยากในการขนส่ง อีกทั้งการน าไปใช้มีขั้นตอนมากมายเพราะต้องเพิ่มอุณหภูมิ และแรงดัน นอกจากนี้เนื ่องจากคว ามส ามารถในก ารจ ่ายก๊าซจากแหล ่งอ ่าวไทยมีลดลง ตามแผนระยะยาวจึงมีความจ าเป็นต้องใช้ แอล เอ็น จี กับโรงไฟฟ้าที ่ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซ ธรรมชาติเพิ่มขึ้น ยิ่งท าให้ต้นทุนเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มสูงขึ้น ๔.๑.๓ การกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาพลังงาน ความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้า การที่ประเทศไทยพึ่งพาก๊าซธรรมชาติใน การผลิตไฟฟ้าในสัดส่วนถึงร้อยละ ๕๘ โดยมีถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในสัดส่วนร้อยละ ๑๘ และอื่นๆ ร้อยละ ๒๔ ถือว่า ประเทศไทยพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้ามากเกินไป ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย การใช้ก๊าซธรรมชาติของโลก ท าให้ต้นทุนการใช้พลังงานของประเทศไทยสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก เพราะ ประเทศไทยใช้ถ่านหินที่มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงต่ าในสัดส่วนที่ต่ ามาก และใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีต้นทุนค่า เชื้อเพลิงสูงในสัดส่วนที่สูงมาก การเพิ่มสัดส่วนของการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าให้สูงขึ้นเพื่อให้ สอดคล้องกับปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ลดลงเรื่อยๆ จึงมีประโยชน์ในการที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงจาก การพึ่งพาพลังงานชนิดหนึ่งชนิดใดมากเกินไป และลดต้นทุนการใช้พลังงานของประเทศไทยได้การปรับ สัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าลงเหลือไม่เกินร้อยละ ๔๐ ณ ปี ๒๕๗๙ ตามแผน PDP 2015 เพิ่มสัดส่วนการใช้ถ่านหินสะอาดในการผลิตไฟฟ้าเป็นร้อยละ ๔๐ เพื่อรักษาระดับค่าไฟฟ้าไม่ให้ สูงกว่าปัจจุบันตามราคาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติและ แอล เอ็น จี ที่ราคามีแนวโน้มสูงขึ้น


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๑๑๖ ๔.๑.๔. ความปลอดภัยในการขนส่ง การขนส่งถ่านหินมีความปลอดภัยสูงกว่าการขนส่งน้ ามัน และก๊าซธรรมชาติมากด้วย การขนส่งซึ่งเป็นระบบปิดตลอดทั้งระบบเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และไม่เกิดการฟุ้งกระจายของ ถ่านหินออกไปยังภายนอก โดยทั่วไปนิยมใช้เรือบรรทุกถ่านหินแบบเฉพาะที่เรียกว่า Bulk Cargo Vessel ซึ่งมีฝาปิดมิดชิด ดังแสดงในภาพที่ ๔.๒ ภาพที่ ๔.๑ เรือบรรทุกถ่านหินแบบ Bulk Cargo Vessel ที่มา: (Wikipedia. ๒๕๖๑. ออน-ไลน์) ในต่างประเทศ การขนส่งถ่านหินน าเข้าจากประเทศผู้ผลิต เช่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ ส่งมายังท่าเทียบเรือของโรงไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใกล้ทะเล เพื่อสะดวกในการขนส่งถ่านหิน แต่หากโรงงาน หรือโรงไฟฟ้าอยู่ลึกเข้ามาในแผ่นดิน เช่นหลายเมืองในยุโรป ถ่านหินจากแหล่งผลิตจะ ถูกบรรทุกโดยเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ๕๐,๐๐๐-๑๐๐,๐๐๐ ตัน ขนถ่ายลงเรือบรรทุกขนาดเล็ก (Barge) ที่เมืองท่าส าคัญๆ เช่น แอนต์เวิร์ป ร็อตเตอร์ดัม หรืออัมสเตอร์ดัม จากนั้นเรือบรรทุกขนาดเล็ก จะเดินเรือไปตามแม่น้ า หรือล าคลอง ทั้งแม่น้ าไรน์ ดานูป และเซน ระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรไปยัง เมืองต่างๆ เช่น มหานครแฟรงก์เฟริ์ต ประเทศเยอรมนี กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส หรือแม้กระทั่งกรุง เวียนนา ประเทศออสเตรีย และกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ฯลฯ เนื่องจากประเทศต่างๆ และประชาคมยุโรป มีนโยบายสนับสนุนการขนส่งทางเรือ เพราะช่วยลดอุบัติเหตุและการจราจรบนท้องถนน ทั้งยังประหยัดเชื้อเพลิง ซึ่งมีส่วนช่วยลดการปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศถึง ๑ ใน ๔ โดยการด าเนินการจะว่าจ้างบริษัทเดินเรือ ที่มีความ เชี่ยวชาญในการใช้เรือลากจูง (Tug) และเรือบรรทุก (Barge) ขนาด ๑,๕๐๐-๒๘๐๐ ตัน จึงสามารถเห็น เรือขนส่งถ่านหินในเมืองท่องเที่ยวที่ส าคัญ จนเป็นภาพชินตาของนักท่องเที่ยวโดยปริยาย


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๑๑๗ ส าหรับเรือบรรทุกถ่านหินจะเดินเรือเฉพาะในช่วงเวลากลางวันเท่านั้นตามตารางน้ าขึ้น น้ าลง ด้วยความเร็วในการเดินเรือไม่เกิน ๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนการล าเลียงถ่านหินขึ้นไปยังท่าเรือ เพื่อน าเอาไปใช้ก็จะใช้สกรูดูดถ่านหิน (Screw Unloader) ดังแสดงในภาพที่ ๔.๓ และส่งผ่านสายพาน ล าเลียงระบบปิดมายังโรงไฟฟ้า ถ่านหินจะถูกล าเลียงมาถึงอาคารเก็บถ่านหินหลักซึ่งเป็นอาคารระบบ ปิด ถ่านหินจะถูกน ามาเก็บไว้โดยมีการติดตั้งจุดฉีดน้ าซึ่งเป็นมาตรการป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่น ถ่านหินและการลุกติดไฟของถ่านหิน จะเห็นได้ว่าขั้นตอนทั้งหมดมีลักษณะเป็นระบบปิดเพื่อป้องกันการ ฟุ้งกระจายของถ่านหิน และเป็นมิตรต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม ภาพที่ ๔.๒ สกรูดูดถ่านหิน (Screw Unloader) ที่มา: (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย. ๒๕๖๑. ออน-ไลน์) ๔.๑.๕ เทคโนโลยีสะอาด ตามนิยามของ IEA (International Energy Agency) โรงไฟฟ้าถ่านหินเทคโนโลยี สะอาดหมายถึง โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ใช้เทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงปล่อยก๊าซคารบ์อนไดออกไซด์ในระดับ ต่ า รวมทั้งสามารถก าจัดมลสารต่างๆ อาทิ ฝุ่นละออง ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน ก๊าซซัลเฟอร์ ไดออกไซด์ หรือดักจับโลหะหนัก ดังนั้นโรงไฟฟ้าถ่านหินเทคโนโลยีสะอาดส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่ใช้เทคโนโลยี Ultra Supercritical (USC) ซึ่งมีประสิทธิภาพการเผาไหม้สูง ประหยัดการใช้เชื้อเพลิง และช่วยลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ระบบก าจัดมลสาร ประกอบด้วย ระบบก าจัดก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (SCR) ระบบดักจับฝุ่นด้วยไฟฟ้าสถิต (ESP) ระบบก าจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (FGD) และระบบดักจับ สารปรอท (ACI) ดังแสดงในภาพที่ ๔.๔ จึงถือเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินเทคโนโลยีสะอาดตามาตรฐานสากล มีการใช้งานกันแพร่หลายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ ๓๕ ประเทศในกลุ่ม OECD ออสเตรเลีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๑๑๘ ภาพที่ ๔.๓ ระบบก าจัดมลสาร ที่มา: (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย. ๒๕๖๑. ออน-ไลน์) ปัจจุบันเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในเชิงพาณิชย์ จะเป็นการใช้ระบบเผาไหม้และหม้อไอน้ า เทคโนโลยีแบบ Ultra Supercritical ที่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลด CO2 ได้ร้อยละ ๒๐ เมื่อเทียบกับระบบเดิม (Subcritical) ภาพที่ ๔.๔ ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ที่มา: (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย. ๒๕๖๑. ออน-ไลน์)


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๑๑๙ ๔.๒ จุดอ่อน (Weakness) ๔.๒.๑ มลพิษจากถ่านหิน แม้ว่าการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงจะมีข้อดีเป็นจ านวนมากดังที่กล่าวมา แต่ปัญหา ที่ส าคัญอย่างหนึ่งคือ มลพิษที่เกิดจากการใช้ถ่านหิน ถ่านหินสามารถปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใน ระดับ ๒๐๕-๒๓๐ ปอนด์ต่อ ๑ ล้านบีทียูของการผลิตพลังงานไฟฟ้า เปรียบเทียบกับน้ ามัน และก๊าซ ธรรมชาติซึ่งจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ ๑๕๗ และ ๑๑๗ ปอนด์ต่อ ๑ ล้านบีทียูตามล าดับ ภาพ ที่ ๕.๖ แสดงปริมาณของการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์(CO) ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ฝุ่นละออง และปรอท ของเชื้อเพลิง ประเภทน้ ามัน และก๊าซธรรมชาติ เมื่อเปรียบเทียบกับถ่านหิน จะเห็นว่าถ่านหินมีการปลดปล่อยมลพิษ มากที่สุดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น และอาจท าให้เกิดมลภาวะในอากาศ เนื่องจากควันที่ถูกปล่อย ออกมาอันเป็นสาเหตุให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลโดยตรงต่อมนุษย์และบรรยากาศของโลก เช่น การเกิดฝนกรด ปรากฏการณ์ก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น ภาพที่ ๔.๕ ระดับการปล่อยมลพิษของเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ เปรียบเทียบกับถ่านหิน ที่มา: (U.S. EPA-Natural Gas Issues and Trends. ๒๕๔๑. ออน-ไลน์) ด้วยการใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดระดับ Ultra Supercritical ในปัจจุบันดังที่ได้ อธิบายในหัวข้อที่แล้ว ซึ่งจะช่วยก าจัดก๊าซมลพิษชนิดต่างๆ อีกทั้งดักจับฝุ่นละออง และปรอท จะท าให้ ปัญหาการปล่อยมลพิษลดลงมาก และลดจุดอ่อนที่ส าคัญของถ่านหินได้เป็นอย่างดี ๔.๒.๒ ค่าใช้จ่ายในการขนส่งถ่านหิน ลักษณะของสินค้า หรือวัตถุดิบเช่น ถ่านหินนั้น เป็นวัตถุดิบที่มีราคาต่ า แต่ต้องใช้ใน ปริมาณมาก ดังนั้นค่าขนส่งจึงสูงมากเมื่อเทียบต่อหน่วยน้ าหนัก ค่าขนส่งถ่านหินจึงเป็นปัจจัยหลัก


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๑๒๐ ส าคัญประการหนึ่งในการก าหนดแหล่งการใช้ถ่านหิน การใช้ถ่านหินโดยทั่วไปจึงมักจะอยู่ไม่ไกลจาก แหล่งที่ขุด หรือท าเหมืองเพื่อเป็นการประหยัดค่าขนส่ง ดังนั้นการใช้ถ่านหินผลิตกระแสไฟฟ้าก่อนแล้ว จึงส่งไฟฟ้าที่ผลิตได้เข้าสู่ระบบสายไฟฟ้าแรงสูงเพื่อน าพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งผลิตไปยังเมืองใหญ่ หรือ แหล่งอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ไฟฟ้า จึงเป็นวิธีการที่ประหยัดกว่าการขนส่งถ่านหินเข้ามายังโรงไฟฟ้าที่ มีอยู่เดิม ข้อจ ากัดหรือจุดอ่อนนี้ท าให้การใช้ประโยชน์จากถ่านหินต้องจ ากัดอยู่เฉพาะในอาณาเขตไม่ ไกลจากแหล่งที่พบถ่านหินนัก ๔.๓ โอกาส (Opportunity) ๔.๓.๑ แนวโน้มการใช้ถ่านหินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การใช้พลังงานหมุนเวียนส าหรับประเทศพัฒนาแล้ว โดยยกตัวอย่างถึงประเทศเยอรมัน ซึ่งได้สร้างโรงไฟฟ้าฐานให้แก่ประเทศตนเองอย่างพอเพียง จนกระทั่งถึงจุดอิ่มตัวด้านพลังงานไฟฟ้า กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมีลักษณะที่ส าคัญคือประชากรแทบจะไม่เพิ่มขึ้น หรือไม่ก็มีอัตราการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่สูงมากนัก เพราะเป็นประเทศที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีแล้ว และได้พัฒนา ระบบสาธารณูปโภคมามากจนเพียงพอส่งผลให้มีอัตราการเพิ่มขึ้นของการใช้ไฟฟ้าที่ต่ า จึงท าให้ก าลัง การผลิตไฟฟ้าฐานแทบจะไม่เพิ่ม นั่นคือ มีก าลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศถึงจุดอิ่มตัว หลังจากนั้นจึงได้ พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น แต่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีราคาแพง อย่างไรก็ตามคน เยอรมันมีรายได้มากไม่เดือดร้อนที่จะติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแม้ว่าจะท าให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น เยอรมันสามารถผลิตเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนได้เอง และสามารถสร้างธุรกิจท ารายได้จาก การขายเทคโนโลยีนี้ด้วย จากหลักการดังกล่าว ประเทศก าลังพัฒนาหลายๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทยจึงยังคง มีความจ าเป็นในการพึ่งพลังงานพื้นฐานอย่างถ่านหินอยู่ ยกตัวอย่างตลาดถ่านหินส าคัญที่สุดตอนนี้คือ อินเดีย ประเทศที่ความต้องการยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินโรงใหม่เพิ่มทุกเดือน อินเดียอาจจะไม่ได้มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเทียบเท่าจีนในระยะ ๓๐ ปีที่ผ่านมา แต่ถือได้ว่าก าลัง อยู่ในช่วงก้าวสู่การเป็นผู้น าด้านเศรษฐกิจ แต่ปัญหาก็คือ การจะเติบโตทางเศรษฐกิจ จ าเป็นต้องมีแหล่ง พลังงานราคาถูกในปริมาณมาก และในวินาทีนี้ แหล่งพลังงานนั้นคือ ถ่านหิน ส่วนพลังงานนิวเคลียร์ แสงอาทิตย์และลม จะช่วยเสริมได้ แต่ถ่านหินจะเป็นพลังงานแหล่งใหญ่สุด ปัจจุบัน ถ่านหินยังคงมีปริมาณมาก และมีราคาถูก ซึ่งจะถูกลงไปได้อีก หากผู้ผลิต ถ่านหินในสหรัฐอเมริกา ที่เผชิญกับภาวะกดดันจากราคาก๊าซที่ต่ าของตลาดในประเทศ จะเลือกส่งออก ถ่านหินมากขึ้นจนกว่าโลกจะมีแหล่งพลังงานใหม่ที่ราคาต่ ากว่าถ่านหิน ถ่านหินจะยังคงเป็นเชื้อเพลิง หลักที่ให้ความร้อน และพลังงานไฟฟ้า โดยจะครองสัดส่วนถึง ๑ ใน ๓ ภูมิภาคที่การใช้ถ่านหินจะเพิ่ม สูงสุดคือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีอัตราการใช้ถ่านหินเพิ่มร้อยละ ๔.๖ ต่อปี จนถึงปี ๒๕๗๓ เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ถ่านหินสามารถตอบโจทย์ทั้งในแง่ของต้นทุนต่ า และการเข้าถึงแหล่ง เชื้อเพลิงได้ง่าย ขณะเดียวกัน สัดส่วนโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง และปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ า จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นถ่านหินจะยังคงเป็นทางเลือกของประเทศก าลังพัฒนาไปอีกระยะหนึ่ง เหตุผลดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานวิเคราะห์ปริมาณความต้องการถ่านหินในอนาคต ของทบวงพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency : IEA) ว่าจะเพิ่มขึ้น ๑๗๗ ล้านตัน


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๑๒๑ (ร้อยละ ๓ จากปัจจุบัน) ภายในปี ๒๕๖๕ ซึ่งถึงแม้การใช้ถ่านหินในหลายส่วนของโลกจะลดลง แต่จะ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศอินเดีย (๑๓๕ ล้านตัน) ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (๗๐ ล้านตัน) รวมถึงประเทศซึ่งปัจจุบันใช้ถ่านหินในปริมาณน้อยแต่จะเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ ปากีสถาน และบังกลาเทศ (๓๕ ล้านตัน) ดังแสดงในภาพที่ ๔.๗ ภาพที่ ๔.๖ การเปลี่ยนแปลงความต้องการใช้ถ่านหินในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ที่มา: (ทบวงพลังงานระหว่างประเทศ (IEA). ๒๕๖๐. ออน-ไลน์) ๔.๔ อุปสรรค (Threat) ๔.๔.๑ ความไม่ชัดเจนทางกฎหมาย การบังคับใช้และการก้ากับดูแลจากหน่วยงาน ภาครัฐ ส าหรับนโยบายการใช้ถ่านหินในประเทศไทยในภาคการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ไทยมีนโยบายชัดเจนจากแผนพัฒนาก าลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับปัจจุบัน ซึ่งจะมีโรงไฟฟ้าใหม่ ที่จะเข้าระบบในอนาคตรวมทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินเก่าที่หมดอายุด้วย ในขณะที่แนวทางการบริหารจัดการ การใช้ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยยังไม่มีความชัดเจนทั้งในเรื่องของปริมาณการใช้ ถ่านหินในอนาคต การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตต่างๆ รวมถึงการก ากับดูแลการใช้ถ่านหินอย่างเป็น ระบบ นอกจากนี้ยังพบว่ามีหลายหน่วยงานของภาครัฐท าหน้าที่ก ากับดูแลในแต่ละขั้นตอนต่างกันไป ภายใต้อ านาจทางกฎหมายของแต่ละหน่วยงานนั้นๆ เช่น การก ากับดูแลผู้ใช้ถ่านหินขนาดเล็ก และ ขนาดกลางในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งจะมี ๒ ประเด็นกฎหมาย คือ กฎหมายด้านความปลอดภัย และกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยในการประกอบกิจการถ่านหิน ทั้งโรงงาน และแหล่งแร่ การคมนาคมขนส่ง การเก็บกอง และแรงงาน ประกอบด้วย พระราชบัญญัติ โรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕, พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕, พระราชบัญญัติการนิคม


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๑๒๒ อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒, พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐, พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙, พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ าไทย พ.ศ. ๒๔๕๖, พระราชบัญญัติการท่าเรือแห่ง ประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔, พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒, พระราชบัญญัติคุ้มครอง แรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑, พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘, กฎกระทรวง ก าหนดมาตรฐานใน การบริหาร จัดการ และด าเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน เกี่ยวกับการป้องกัน และระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๕๕๕, และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การป้องกัน และระงับอัคคีภัยในสถานประกอบการเพื่อความปลอดภัยในการท างานส าหรับลูกจ้าง เป็นต้น นอกจากนี้ในกระบวนการการใช้ถ่านหินข้างต้น เริ่มตั้งแต่การท าเหมืองถ่านหิน การขน ถ่าย และล าเลียงถ่านหิน ตลอดจนการน าถ่านหินไปใช้ประโยชน์ ทุกขั้นตอนของกิจกรรมเหล่านี้จะ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม กล่าวคือ เกิดมลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ า มลพิษทางกลิ่น และมลพิษทางเสียง และการสั่นสะเทือน กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน และรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ได้กระจายอยู่ในกฎหมายแม่บทหลายฉบับ โดยมีพระราชบัญญัติส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นกฎหมายพื้นฐานที่มีขอบข่ายครอบคลุมการ ป้องกัน และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และการควบคุมมลพิษทุกๆ ด้าน นอกจากนี้ยังมีกฎหมายอื่นๆ อีกหลายบทบัญญัติและหลายข้อก าหนดที่สามารถใช้ควบคุมการปล่อยมลพิษจากกระบวนการใช้ถ่าน หินอีก เช่น พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ก าหนดค่าปริมาณสารเจือปนในอากาศที่ระบายออกจากโรงงานปูนซีเมนต์ พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ก าหนดค่าปริมาณสารของเจือปนในอากาศที่ระบาย ออกจากโรงงานผลิต ส่ง หรือจ าหน่ายพลังงานไฟฟ้า พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ระบุมาตรฐานคุณภาพน้ าทิ้งจากโรงงาน อุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรม และประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๕ (พ.ศ. ๒๕๔๐) จะเห็นได้ว่ามีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องอยู่ภายใต้อ านาจหน้าที่ของหน่วยงาน ภาครัฐหลายส่วน ปัญหาด้านความชัดเจนทางกฎหมาย การบังคับใช้และการก ากับดูแลจากหน่วยงาน ภาครัฐยังขาดการบูรณาการ ท าให้การบังคับใช้กฎหมายขาดประสิทธิภาพ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการ ลงทุนของภาคอุตสาหกรรม และการยอมรับจากประชาชน ๔.๔.๒ การขาดความเชื่อมั่นของประชาชนในการใช้พลังงานถ่านหิน ปัญหาความไม่ยอมรับ และความไม่เชื่อถือของภาคประชาชนที่มีต่อภาครัฐ และ ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน ถือว่าเป็นปัญหาส าคัญที่ควรต้องได้รับการแก้ไข ก่อน มิฉะนั้นจะไม่สามารถด าเนินการ หรือริเริ่มโครงการใหม่ๆ หรือขยายก าลังผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหินได้ เพราะประสบการณ์ในอดีตของประชาชนที่มีต่อโรงไฟฟ้าแม่เมาะในเชิงลบ ดังนั้น การสร้างความเข้าใจ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตเกี่ยวกับถ่านหิน และโรงไฟฟ้าถ่านหินด้วยความจริงใจโดยภาครัฐ ผู้ประกอบการ โรงไฟฟ้าถ่านหิน และนักวิชาการจึงเป็นสิ่งส าคัญ ดังเช่น มีการให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการตรวจวัดค่า ความเข้มข้นของสารปรอทในบรรยากาศ ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษได้เริ่มด าเนินการตรวจวัด สารปรอทในอากาศ ตั้งแต่ปลายปี๒๕๕๗ เป็นต้นมา เพื่อจัดท าข้อมูลพื้นฐานปริมาณสารปรอทใน บรรยากาศ (ambient mercury baseline) ของประเทศไทย ส าหรับใช้ประกอบการก าหนด และ


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้า ๑๒๓ ประเมินมาตรการการจัดการแก้ไขปัญหาสารปรอทในสิ่งแวดล้อมของประเทศ โดยการตรวจวัดสาร ปรอทรวม (Total Mercury; Hg) ด้วยเครื่องตรวจวัดปรอทในบรรยากาศแบบอัตโนมัติเทคนิค Cold Vapor Atomic Fluorescence Spectrophotometry (CVAFS) ติดตั้งในหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบ เคลื่อนที่ เพื่อให้สามารถประเมินสถานการณ์สารปรอทในอากาศในเบื้องต้น (Screening) การตรวจวัด ก าหนดเป็นจุดตรวจวัดชั่วคราว (Temporary site) ระยะเวลาตรวจวัดประมาณ ๒ สัปดาห์ โดยตรวจวัดในระดับนาโนกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ng/m3 ) ได้ด าเนินการในพื้นที่เสี่ยง (Hot spot) หรือ พื้นที่ที่อาจมีแนวโน้มของปัญหาสารปรอทในอากาศเป็นหลัก ได้แก่ พื้นที่ใกล้แหล่งก าเนิดที่ปลดปล่อย สารปรอทออกสู่บรรยากาศ เช่น โรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน โรงงานผลิตปูนซีเมนต์อุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหิน เป็นเชื้อเพลิง โรงกลั่นน้ ามัน และเตาเผาขยะ เป็นต้น ตรวจวัดฯ ทั้งหมด ๖ พื้นที่ และพื้นที่อ้างอิง (Remote sites, Background) อยู่ห่างไกลจากแหล่งก าเนิดหลัก จ านวน ๑ พื้นที่ ดังนั้น การให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเกี่ยวกับ โรงไฟฟ้าถ่านหิน การอธิบายถึงความส าคัญ และความจ าเป็นในการใช้ถ่านหิน เทคโนโลยีต่างๆ ที่จะถูก น ามาใช้กับโรงไฟฟ้าถ่านหิน และความก้าวหน้าทางวิชาการเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าถ่านหินก็เป็นสิ่งส าคัญ หากประชาชนได้เข้าใจถึงปัญหาต่างๆ ในอดีตข้อจ ากัดต่างๆ และเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าในอดีต และ ปัจจุบัน รวมถึงความจ าเป็นของการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า ก็น่าจะท าให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ในอดีตลดลงได้ ดังมีตัวอย่างที่เกิดขึ้นในหลายประเทศเช่น ประเทศเยอรมนีรัฐบาลมีความเข้มแข็งใน เรื่องการพัฒนา และการใช้แหล่งพลังงานต่างๆ รวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของพลังงานในประเทศ โดยเฉพาะความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานต่าง ๆ ความจ าเป็นในการสร้าง โรงไฟฟ้าถ่านหิน เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน เทคโนโลยีในการควบคุม และป้องกัน มลพิษที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตไฟฟ้า หลังจากได้ด าเนินการในส่วนต่างๆ ที่กล่าวข้างต้นแล้ว รัฐบาลได้ส ารวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าถ่านหินพบว่า ประชาชนในประเทศ เยอรมนีมากกว่าร้อยละ ๘๐ สนับสนุนอุตสาหกรรมถ่านหิน และยินยอมให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า การให้ข้อมูลที่รอบด้านแก่ประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบโดยตรงจึงมีความส าคัญอย่างยิ่ง


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หน้า ๑๒๕ บทที่ ๕ สรุป ข้อเสนอแนะ คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาและติดตามด้านพลังงานฟอสซิล พิจารณาจากข้อมูล เอกสารต่างๆ ประกอบกับการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการด้าน พลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการลงพื้นที่ดูงานแล้วน ากลับมาวิเคราะห์สรุปโดยมีความเห็นว่า ตาม แผน PDP 2015 หรือ แผนพัฒนาก าลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.๒๕๕๘-๒๕๗๙ ที่ก าหนดทิศทางพลังงานไฟฟ้าในอนาคตให้ประเทศไทยมีไฟฟ้าใช้อย่างมั่นคง ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิง ชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ก๊าซธรรมชาติที่ปัจจุบันมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ ๕๘๑๖ ซึ่งท าให้มีความเสี่ยงกับระบบไฟฟ้ากรณีเกิดปัญหาแหล่งก๊าซธรรมชาติขัดข้อง ดังนั้น จึงควรให้สัดส่วน การใช้ก๊าซธรรมชาติลดลงเหลือไม่เกินร้อยละ ๔๐ ในปี ๒๕๗๙ และยังสามารถช่วยรักษาเสถียรภาพของ อัตราค่าไฟฟ้า เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติมีความผันผวนไม่แน่นอน แปรผันตามราคาน้ ามันดิบ ทั้งนี้ ข้อมูลสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงเพื่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยในปี ๒๕๖๑ มีการใช้ก๊าซธรรมชาติ อยู่ที่ร้อยละ ๕๘ ถ่านหินอยู่ที่ร้อยละ ๑๘ พลังน้ าอยู่ที่ร้อยละ ๓ พลังงานทดแทนร้อยละ ๑๐ ที่เหลือ เป็นการน าเข้าไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านร้อยละ ๑๑ ปัจจุบันมีการน าถ่านหินมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม และการผลิตไฟฟ้า เนื่องด้วยถ่านหินเป็น เชื้อเพลิงที่มีราคาถูก ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตมีราคาต่ า ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันในตลาดได้ อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งถ่านหิน ยังมีค่าความร้อนสูง และมีความเสถียรกว่าพลังงานทดแทนชนิด อื่นๆ ดังนั้นการน าถ่านหินมาใช้ก่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านพลังงาน ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงชนิดใดชนิด หนึ่งมากจนเกินไป เช่น ก๊าซธรรมชาติ ที่ต้องมีการหยุดซ่อมบ ารุงระบบการส่งก๊าซธรรมชาติส่งผลให้ ต้องจัดหาแหล่งเชื้อเพลิงชนิดอื่นมาทดแทนในช่วงเวลาดังกล่าว บางครั้งยังคงเป็นอุปสรรคอยู่มากใน การจัดหาเชื้อเพลิงอื่นมาทดแทน แต่จากข้อมูลปริมาณส ารองของถ่านหินทั้งใน และต่างประเทศ ที่ พิสูจน์แล้วมีปริมาณส ารองคงเหลือเป็นจ านวนมาก รองรับการน ามาใช้งานเพื่อให้เกิดความมั่นคงใน อนาคต ส่วนที่สังคมยังมีความกังวลเกี่ยวกับมลภาวะจากการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินอยู่นั้น เนื่องจาก ประสบการณ์ในอดีตของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ซึ่งเทคโนโลยีในสมัยนั้นยังไม่ทันสมัย และการลงทุนติดตั้ง เครื่องมืออุปกรณ์ควบคุมมลภาวะในขณะนั้นยังไม่คุ้มค่า ประกอบกับแหล่งถ่านหินในประเทศเป็นถ่าน หินที่คุณภาพต่ า ในปัจจุบันโรงไฟฟ้าแม่เมาะได้มีการแก้ไขปัญหาโดยการใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดใน การผลิตไฟฟ้า การใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในปัจจุบันมีการบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถควบคุมและลดมลภาวะได้ดีมากกว่าในอดีต อีกทั้ง ถ่านหินมีราคาถูก สามารถจัดหาได้ง่ายและ กองเก็บไว้ในโรงไฟฟ้าได้โดยใช้พื้นที่เก็บกองไม่มากนักท าให้ต้นทุนในการผลิตต่ า ถึงแม้บางครั้งราคา ๑๖ ส ำนักงำนนโยบำยและแผนพลังงำน กระทรวงพลังงำน, เวทีรับฟังควำมคิดเห็นต่อร่ำงแผนพฒันำกำ ลงัผลิตไฟฟ้ำ (Power Development Plan : PDP) ของประเทศไทยฉบบัใหม่(Public Hearing), ๑๗ ธันวำคม ๒๕๖๑, ๓


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หน้า ๑๒๖ ถ่านหินมีความผันผวนบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากถ่านหินเป็นสินค้าโภคภัณฑ์(Commodity) ชนิดหนึ่ง มีการซื้อขายกันในตลาดโลกเช่นเดียวกับน้ ามัน ราคาถ่านหินจึงอาจมีแนวโน้มสูงขึ้นหรือต่ าลงในลักษณะ เดียวกับน้ ามันได้ ซึ่งเป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจ ความต้องการใช้ และการเก็งก าไรในตลาด อย่างไรก็ ตามถ่านหินยังคงมีราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น ส าหรับพลังงานทดแทนซึ่งประชาชนมองว่าเป็นพลังงานที่สะอาดกว่าถ่านหิน แต่พลังงาน ทดแทนยังมีข้อจ ากัดอยู่มาก อาทิ พลังงานน้ า ต้องใช้พื้นที่แหล่งต้นน้ าจ านวนมากท าให้กระทบ สิ่งแวดล้อมและชุมชน พลังงานลมมีจ ากัดบางพื้นที่ ปริมาณลมไม่แน่นอน พลังงานแสงอาทิตย์ใช้ได้ บางช่วงเวลา และมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนสูง ไม่สามารถใช้เป็นพลังงานในการผลิตไฟฟ้าหลักได้ เนื่องจากไม่สามารถท างานได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง อีกทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ไม่สามารถ จ่ายกระแสไฟฟ้าในปริมาณมากๆ ได้ โรงไฟฟ้ามีขนาดเล็ก ไม่เหมาะที่จะท าเป็นหน่วยผลิตไฟฟ้าฐานหลัก ดังนั้น จึงมีความจ าเป็นต้องส่งเสริมการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดให้ ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน บูรณาการร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ รวมถึงประชาชนทั่วไป ท าให้สังคมเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ซึ่งจะ สามารถช่วยให้ประเทศไทยเกิดการพัฒนาเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดเป็นของตนเองได้ ลดการน าเข้า เทคโนโลยีจากต่างประเทศ และสามารถผลักดันให้โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ปรับปรุง ประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหินส าหรับกระบวนการผลิตได้โดยลดการปลดปล่อยมลพิษสู่ บรรยากาศได้อีกด้วย รายงานฉบับนี้จัดท าขึ้นเพื่อน าเสนอแนวทางการจัด “ทิศทางการใช้พลังงานของไทยในอนาคต” เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงาน การกระจายสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงแต่ละชนิด มีผลท าให้ค่าไฟฟ้า มีราคาเหมาะสม จูงใจนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ ๑. ถ่านหิน ยังคงเป็นเชื้อเพลิงที่ส าคัญของประเทศไทย และสามารถเพิ่มสัดส่วนการใช้ถ่านหิน เพื่อให้ราคาต้นทุนเฉลี่ยการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงทุกชนิดไม่สูงกว่าปัจจุบันตามราคาเชื้อเพลิงก๊าซ ธรรมชาติ และ แอล เอ็น จี ที่ราคามีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่ดี มีความ เสถียร ท าให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงาน ราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงอื่นๆ ถึงแม้จะมีการน าเทคโนโลยี สมัยใหม่เข้ามาใช้ ก็ยังคงมีต้นทุนที่ต่ ากว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่น และราคาไม่ผันผวนมาก ส่งผลให้ต้นทุน การผลิตในภาคอุตสาหกรรมและภาคอื่นๆ มีราคาที่เหมาะสม ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าและบริโภคสินค้าใน ราคาถูก นอกจากนั้นยังเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านราคากับประเทศอื่นๆ ๒. แผน PDP (Thailand Power Development Plan: แผนพัฒนาก าลังผลิตไฟฟ้าประเทศไทย) ซึ่งเป็นแผนแม่บทในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าในระยะยาว ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข ควรค านึงถึง การกระจายสัดส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า เพื่อท าให้ค่าไฟฟ้ามีราคาที่เหมาะสมไม่สูงมากเกินไป จนส่งผลกระทบต่อประชาชน ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม จะท าให้ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศ ที่น่าลงทุนในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ และไม่ต้องมีความกังวลเรื่องมลภาวะจากถ่านหินซึ่งชดเชย


ทิศทางการใช้พลังงานฟอสซิลของไทยในอนาคต กรณีถ่านหิน คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หน้า ๑๒๗ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยการก าจัดมลภาวะต่างๆให้เหลือน้อยที่สุด ไม่เป็นอันตรายต่อ ประชาชน และสิ่งแวดล้อม ๓. รัฐต้องก าหนดให้มีองค์กรหรือคณะกรรมการร่วมในระดับปฏิบัติเพื่อท าหน้าที่เป็น หน่วยงานในการบูรณาการ การก ากับดูแลในภาพรวมที่เกี่ยวข้องกับการด าเนินกิจการด้านถ่านหิน โดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคอุตสาหกรรม และการยอมรับจากประชาชนในการน าถ่านหินมาใช้ ๔. รัฐต้องมีการควบคุม และก ากับดูแลให้น าเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยสามารถควบคุม มลภาวะได้ รวมทั้งก าหนดค่ามาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน อาทิ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ไนโตรเจนออกไซด์ (NOX) และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สารปรอท ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ รายเดิมน าเทคโนโลยีในการลดมลพิษเข้ามาใช้ในการประกอบกิจการ และก าหนดบทลงโทษที่เข้มงวด แก่ผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ๕. รัฐต้องก าหนดแนวทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์โดยตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของสังคม และสิทธิของชุมชน เพื่อให้การพัฒนาพลังงานของประเทศ ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของประชาชน รับฟังข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะ โดยรัฐพร้อมชี้แจงทุกประเด็นข้อสงสัยจากการก าหนดนโยบายการ เลือกใช้ชนิดเชื้อเพลิงที่คุ้มค่า เช่น ถ่านหิน เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีร่วมกันต่อไป


คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาและติดตามด้านพลังงานฟอสซิล ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน บริษัท เอสซีจี เทรดดิ้ง จ ากัด ในเครือ เอสซีจี ซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ ก่อสร้าง ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ เยี่ยมชมจุดขนถ่ายถ่านหินจากเรือบาธที่ขนส่งมาในล าน ้าป่ าสัก (๑)


(๒)


ไซโลเก็บถ่านหิน เรือบาธขนส่งถ่านหิน ตักใส่ hopper เข้าสู่สายพาย สายพานล าเลียงถ่านหิน (๓)


คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาและติดตามด้านพลังงานฟอสซิล ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน บริษัท เอสซีจี บริษัท ทีพีไอ โพลีน จ ากัด (มหาชน) ณ จังหวัดสระบุรี วันจันทร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ (๔)


สภาพแวดล้อมโดยรอบโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ (๕)


คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาและติดตามด้านพลังงานฟอสซิล ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ณ จังหวัดระยอง วันอังคารที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (๖)


ลานกองถ่านหิน (๗)


การจัดสัมมนา เรื่อง พลังงานไทย ท าอย่างไรให้มั่นคง ยั่งยืน วันอังคารที่ ๑๘ กันยาน ๒๕๖๑ (๘)


Click to View FlipBook Version