The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สุนทรียะทางศิลปะ เรียนเล่นเป็นสร้าง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by AXM NJ, 2019-09-25 03:09:11

สุนทรียะทางศิลปะ เรียนเล่นเป็นสร้าง

สุนทรียะทางศิลปะ เรียนเล่นเป็นสร้าง

1

“สนุ ทรยี ะทางศลิ ปะ เรยี นเลน่ เปน็ สรา้ ง”

หนว่ ยการเรียนรู้ดนตรแี ละศิลปะการแสดง
(Music & Performing Art)

กลมุ่ ประสบการณ์การเรียนรสู้ นุ ทรียะทางศิลปะ
(Appreciation of Arts) :

ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2561

อ.นธิ ิ จันทรธนู
อ.ชนาเมธ วกุลชยั
อ.เบญจ์ บุษราคมั วงศ์

ครูกล่มุ ประสบการณ์การเรียนรู้สนุ ทรียะทางศิลปะ (เร่ือง)

ดร.จฬุ ากรณ์ มาเสถยี รวงศ์
(บรรณาธิการ)

หนงั สอื ภายใตโ้ ครงการตาราสาธิตธรรมศาสตร์
โรงเรยี นสาธติ แห่งมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์



คานา

หนังสือ “สุนทรียะทางศิลปะ เรียนเล่นเป็นสร้าง” เป็นเอกสารที่คณะครูกลุ่มประสบการณ์
การเรยี นรู้สนุ ทรียะทางศลิ ปะ (Appreciation of Arts) จดั ทาขนึ้ ภายใตโ้ ครงการ “ตาราสาธติ ธรรมศาสตร”์
ของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยการสนับสนุนของคณะวิทยาการการเรียนรู้และ
ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อนาเสนอถึงกระบวนการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ด้านดนตรี
และศิลปะการแสดง (ละคร) ในระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ซึ่งมีแนวทางและกระบวนการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ทางศิลปะผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบเพื่อ
สร้างสนุ ทรียะใหเ้ กดิ ข้ึนกับผเู้ รียน ดังปรากฏในหนงั สอื เล่มนี้

คณะผู้จัดทาขอขอบพระคุณ คณบดีคณะวิทยาการการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ ผู้อานวยการ
โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ที่ให้การสนับสนุนการ
จัดทาหนังสือในคร้ังน้ี ขอบคุณเพ่ือนครูทุกท่านที่มีส่วนเก่ียวข้องท่ีทาให้หนังสือเสร็จลุล่วงด้วยดี ขอบคุณ
ผ้เู รียน ผูป้ กครองและผู้มีส่วนร่วมขับเคล่ือนการเรยี นรู้เพ่ือสรา้ งประสบการณ์การเรียนรู้สุนทรียะทางศิลปะ
จนเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อการแบ่งปัน ซึ่งคณะผู้จัดทาหวังว่าหนังสอื เล่มน้ีจะเป็นสื่อในการเผยแพร่ความรู้และ
ประสบการณ์ของครูของโรงเรียนสาธติ แหง่ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์อนั จะก่อใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อการศึกษา
และการนาไปประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาการเรียนรตู้ ่อไป

ดร.จุฬากรณ์ มาเสถยี รวงศ์
บรรณาธกิ าร

สารบญั ข

คานา ก
สารบัญ ข
บทนา แนวคิดและแนวทางจัดการเรยี นรู้ 1
บทท่ี 1 ดนตรีและศิลปะการแสดง Music & Performing Art 6
บทที่ 2 ชวี ติ ต้องมีจังหวะ: ร้จู ักเสียง และจังหวะ 8
บทท่ี 3 ดนตรปี ระกอบการเล่าเรือ่ ง 18
บทท่ี 4 การส่ือสารผา่ นงานศิลปะการแสดง: การสื่อสารดว้ ยภาษาภาพ 27
บทที่ 5 ติดเครื่องมือการเรยี นรู้เพอ่ื สร้างงานศลิ ป์ : ดนตรี ละคร 37
บทท่ี 6 ถงึ เวลาแหง่ การนาเสนองานสนุ ทรยี ะทางศิลปะ 49
บทสรุปบนเสน้ ทางการเรียนรู้เพอ่ื สรา้ งสุนทรยี ะทางศิลปะ 59
รายช่อื คณะทางาน 64

1

บทนา
แนวคดิ และแนวทาง

จดั การเรยี นรู้

2

บทนา

กลุ่มประสบการณ์การเรียนรู้สุนทรียะทางศิลปะ (Appreciation of Arts: AA) ดนตรีและ
ศลิ ปะการแสดง (Music & Performing Art) ในภาคเรียนที่ 1 ของระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ประกอบด้วย
4 หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ ดนตรี การแสดง ทัศนศิลป์ และออกแบบ โดยในหนังสือเล่มนี้เน้นนาเสนอหน่วย
การเรียนรู้ ”ดนตรีและการแสดง“ โดยมีเป้าหมายให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจและทักษะพ้ืนฐานท่ี
เกยี่ วขอ้ งกับการเรยี นร้สู ุนทรียะทางศิลปะผ่านประสาทสัมผสั ตา่ ง ๆ เข้าใจและสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกนึก
คิดผ่านกระบวนการสื่อสารศิลปะผ่านดนตรีและ ศิลปะการแสดง-ละคร สาหรับการเรียนรู้
ต่อยอดเพ่ือพัฒนาสุนทรียะทางศิลปะต่อไป ทั้งน้ีเป้าหมายจึงมีมิติด้านความรู้ ทักษะ และกระบวนการ
ทัศนคติ จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง ที่สาคัญคือการเสริมสร้างให้ผู้เรียนมีแรง
บันดาลใจและความซาบซึง้ ในสุนทรยี ะทางศิลปะ (Appreciation of Arts) ทเี่ กิดขนึ้ ดว้ ยตนเอง

ภาพรวมการออกแบบการเรียนร้หู ลากหลาย พาผู้เรียนส่เู ปา้ หมาย
กลุม่ ประสบการณ์การเรียนรู้สุนทรียะทางศลิ ปะ (Appreciation of Arts) การออกแบบการเรียนรู้

เน้นให้มีกิจกรรมท่ีหลากหลาย บนฐานความเช่ือว่าการเรียนรู้ศิลปะต้องผ่านการปฏิบตั ิจึงจะเกิดการเรยี นรู้
ที่มีความหมายและซึมซับความสุนทรียะได้ แนวคิดเร่ือง “ศิลปะปฏิบัติ” จึงเป็นหลักคิดสาคัญในการ
ออกแบบกระบวนการจัดการเรียนรู้ทั้งในโมดูลต่าง ๆ โดยจะเน้นให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ตรงจากการ
ปฏิบัติ (Learning by Doing) มุ่งให้ผู้เรียนได้ทดลอง ค้นหา สัมผัสกับความงาม มีประสบการณ์ต่าง ๆ
ชวนตีความความร้สู ึก ความคิดทน่ี าไปขยายตอ่ ยอดตามธรรมชาติการเรยี นร้แู ละชว่ งวัยของผเู้ รยี น

ครูจะออกแบบกิจกรรมย่อย ๆ ที่หลากหลายต่อเนื่องกันด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนในแต่ละคาบเรียน
ผ่านการเรียนรู้ในลักษณะห้องศิลปะปฏิบัติ (Studio Art Teaching/ Learning Approaches) ซึ่งในทุก ๆ
หน่วยการเรียนรู้จะประกอบไปด้วยกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้น ได้ฝึกฝน ฝึกซ้อม ฝึก
ทักษะการปฏิบัติต่าง ๆ ผ่านกระบวนการกลุ่ม กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ท่ีกระตุ้นให้
ผู้เรียนคิดโจทย์ที่จะนาไปสร้างสรรค์ผลงานผ่านการแสดงในหลากหลายลักษณะ นอกจากน้ีในตอนปลาย
ภาคจะเน้นกระบวนการสร้างการเรียนรู้ที่ผู้เรียนต้องฝึกทักษะและประสบการณ์โดยการนาตนเอง (Self-
directed Learning) มิใช่เพียงจากการรับข้อมูลข่าวสารหรือความรู้จากครูฝ่ายเดียว แต่ผ่านกระบวนการ

3

เรียนรู้ที่ผู้เรียนได้คิด ปฏิบัติ ค้นหา และเลือกออกแบบการสร้างสรรค์งานศิลป์ด้วยตนเองตามท่ีผู้เรียนได้
เลอื กสรร

ทัง้ นใี้ นกระบวนการออกแบบ
ก า ร เ รี ย น รู้ ที ม ค รู จ ะ ป ร ะ ชุ ม ก่ อ น
(Before Action Review: BAR) โดยจะ
มองเป้าหมายร่วมกันเพื่อวางแผนการ
จัดกระบวนการเรียนรู้ การเช่ือมต่อ
กิจกรรมต่าง ๆ แบ่งบทบาทในการดูแล
ด้านแนวคิดและเน้ือหาเฉพาะ อาทิ ด้าน
ด น ต รี ค รู เ อ้ เ ป็ น ผู้ อ อ ก แ บ บ โ ค ร ง ร่ า ง
บทเรียน ด้านละคร ครูเบญจ์ดูกิจกรรม
โดยในภาพรวม ทีมครูจะชว่ ยกันดูกระบวนการทงั้ หมด แบ่งการจัดการเรยี นรู้เปน็ โมดลู หนว่ ยการเรียนรู้ โดย
ทุกโมดูลจะออกแบบให้เชื่อมต่อกันเป็นลาดับ เพ่ือให้ผู้เรียนได้ฝึกทดลองและปฏิบัติการผ่านเคร่ืองมือสร้าง
งานท่ีหลากหลาย โดยในส่วนตอนสรุปงานจะมีการทบทวนหลังการปฏิบัติ (After Action Review: AAR)
เพ่ือตรวจสอบกระบวนการและกิจกรรมการเรียนรู้ว่าก่อให้เกิดผลอะไรอย่างไร ส่ิงใดที่ผู้เรียนสามารถ
ดาเนินการได้ สิ่งใดที่ครูต้องปรับหรือตัดทอนให้สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้เรียน เพ่ือนาพา
ผ้เู รียนไปสู่การพฒั นาทกั ษะหรือตอ่ ยอดการพฒั นาศักยภาพอย่างตอ่ เน่ืองใด เชน่ การเพ่ิมโจทยห์ รอื กิจกรรม
ท้าทายผู้เรียนให้ทดลองสิ่งใหม่ ๆ ของดนตรีหรือละคร โดยครูจะเตรียมแบบฝึกหัดหรือกิจกรรมย่อย และ
แบง่ บทบาทการดาเนนิ การหรอื สนบั สนนุ การเรียนรู้ของผู้เรยี น

ภายใตแ้ นวคิดดังกลา่ ว ทีมครจู ะเน้นการจดั กระบวนการและกจิ กรรมท่ีให้ผู้เรยี นได้มีประสบการณ์
จากการปฏิบัติและฝึกฝนฝึกซ้อมผ่านการเรยี นรู้ ดู ฟัง เล่นดนตรี คิด สร้าง ส่ือสารศิลปะการแสดง ฯลฯ ท่ี
จะพาผเู้ รยี นคอ่ ย ๆ คน้ หา ค้นพบและสร้างสรรคผ์ ลงานผ่านการลองผดิ ถกู และเรียนร้จู ากการลงมอื ทา

ส่วนในการวัดและประเมินการเปลี่ยนแปลงในตัวผู้เรียนนั้น เน้นการวัดและประเมินพัฒนาการ
โดยใช้เคร่ืองมือและวิธีการท่ีหลากหลายในการประเมินตามสภาพจริงของผู้เรียน ท้ังน้ีตัวอย่างการจัด
ประสบการณ์การเรียนรู้สุนทรียะทางศิลปะสาหรับผู้เรียนในระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในภาคเรียนท่ี 1
กรณีศึกษาการเรียนรู้ด้านดนตรีและศิลปะการแสดงละครน้ัน จะได้นาเสนอให้เห็นแนวทางและ
กระบวนการในบทต่อ ๆ ไป

4

แนวคดิ แนวทางจดั ประสบการณก์ าร
เรยี นรสู้ นุ ทรยี ะทางศลิ ปะ
YNการจดั การเรยี นรู้
แนวทง

สนุ ทรยี ะทางศลิ ปะ การจดั การเรียนรูร้ ะดับมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1
(Appreciation of Arts) (ภาคเรยี นที่ 1)

การจัดการเรียนรู้ด้านละคร ดนตรี • แนวทางการจัดการเรียนรู้สุนทรียะทางศลิ ปะ
ออกแบบ และทัศนศิลป์อย่าง (Appreciation of Arts) เน้นการให้ผเู้ รียนได้รับรแู้ ละ
บูรณาการ โดยเน้นให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้สุนทรียะทางศิลปะผ่านการสารวจ (Explore)
เรียนรู้สุนทรียะทางศิลปะผ่านการ และเรียนรู้ส่ือหรือผลงานทางศิลปะในรูปแบบต่างๆ
มีประสบการณ์ต่าง ๆ เพ่ือให้เกิด การมองภาพถ่าย/ภาพทัศนศิลป์ การใช้เฟรมเป็น
ความซาบซง้ึ (Appreciation) จาก เคร่ืองมือช่วยพัฒนาแนวคิดในการมองภาพ การสร้าง
กระบวนการเรยี นรู้โดยธรรมชาติ งานศิลปะ เคร่ืองมือการออกแบบ การใช้ร่างกาย
ตัวเองในการถ่ายทอดผลงาน และการใช้เทคโนโลยี
ส มั ย ใ ห ม่ เ พื่ อ ก า ร เ รี ย น รู้ ก า ร ฝึ ก ใ ห้ ผู้ เ รี ย น มี
ประสบการณ์ตรงกับการออกแบบ เกิดการรับรู้ใน
ภาพรวม (Orientation) ของศิลปะ มีประสบการณ์
ทางสุนทรียะทางศิลปะ สามารถคิดสร้างงานและ
นาเสนอผลงานศิลปะในลักษณะต่าง ๆ โดยจัดเป็น
หน่วยการเรยี นร้ใู นภาคเรยี นที่ 1

5

เปา้ หมายการเรยี นรู้

ผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีทักษะและ
ประสบการณ์พ้ืนฐาน เข้าใจศิลปะและซึมซับสุนทรียะ
ทางศิลปะ (Appreciation of Arts) ผ่านการเรียนรู้
และมีประสบการณ์ตรง การได้สัมผัส คิด สร้างสรรค์
ผ ล ง า น ท่ี ส ะ ท้ อ น ค ว า ม เ ข้ า ใ จ ใ น สุ น ท รี ย ศิ ล ป์ ที่
สอดคล้องกบั ธรรมชาตวิ ัยได้

โมดลู การจดั การเรยี นรู้

แนวคิดภาพรวมกลมุ่ แนวคิดการเรียนรู้
ประสบการณ์การเรียนรู้ ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ 1 ภาคเรียน

•ออกแบบการเรียนรใู้ น 4 โมดูล

สนุ ทรยี ะ •จดั กิจกรรมสลบั กลุ่มหอ้ งเรยี น โดยแต่ละ

โมดูล 4 โมดลู 2 หอ้ งได้เรยี นเทอมละ 2 โมดูล

ทางศิลปะออกแบบ ศิลปะการแสดง •เมอ่ื เรียน 2 ภาคเรยี น จะไดค้ รบ 4 โมดลู
•ทกุ ภาคเรียนจบภาคดว้ ยการนาเสนอ
โครงการตามโจทย์
•ภาคเรียนท่ี 2 นาเสนอผลงานบูรณาการ
โมดลู 3 4 โมดูล
ทศั นศลิ ป์

6

แนวทางจดั การเรยี นรู้ โมดลู ที่ 1 - 2

บทท่ี 1

ดนตรแี ละศลิ ปะการแสดง การจัดการเรียนรู้ที่ฝึกประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้
เรียนรู้ทักษะการเห็น การฟัง การสร้างเสียงทางดนตรี

(MUSIC & PERFORMING ART) และการเคลื่อนไหว ศิลปะการแสดงลกั ษณะต่าง ๆ และ
สร้างสรรค์ผลงานทางดนตรีและศิลปะการแสดง โดย

ผ่านกระบวนการทดลอง คิดวิเคราะห์ ออกแบบ

ฝึกปฏบิ ตั ิ นาเสนอผลงาน ซง่ึ มีแนวทางจดั กิจกรรม ดงั นี้

แนวคดิ 1) กิจกรรมนาเข้าสู่แนวคิดรวบยอดในภาพรวม
(Orientation)

• มุมมองทางศลิ ป์ เรอ่ื งการจดั องคป์ ระกอบภาพ

• ขับรอ้ งและดนตรี (2 สัปดาห์)

การจัดกระบวนการให้เกิดการเรียนรู้ 2) การเรียนรู้ภาคปฏิบัติ (Practical Learning) ให้
เข้าใจ และมีทักษะพื้นฐานเก่ียวกับ ลงมือฝึกปฏิบัติด้านดนตรีและศิลปะการแสดง จัด
มุมมองทางศลิ ปะ การจัดองคป์ ระกอบ กระบวนการเรยี นรู้ ดังนี้

• โมดลู 1 ดนตรี (4 สปั ดาห์)

ภาพ การขบั ร้องดนตรี การเคล่ือนไหว • โมดูล 2 ศลิ ปะการแสดง (4 สัปดาห์)

และศิลปะการแสดง เข้าใจความ 3) ขั้นนาเสนอผลงานผ่านโครงการสร้างสรรค์
สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง เ สี ย ง ด น ต รี (Performance) โดยการออกแบบและนาเสนอศิลปะ
ศิลปะการแสดง และการสร้างสรรค์ สร้างสรรค์ด้าน “ดนตรี” หรือ “ศิลปะการแสดง” ให้
เ พื่ อ น า เ ส น อ ผ ล ง า น ท า ง ด น ต รี แ ล ะ ผู้เรยี นเลอื กนาเสนอ (2 สัปดาห์)

ศลิ ปะการแสดง จานวนชั่วโมงเรียน 3 ชั่วโมง (2คาบ)/สัปดาห์ / 1 ห้องเรียน

รวม 12 สปั ดาห/์ ภาคเรียน

7

เปา้ หมายการเรยี นรู้ : ดนตรแี ละศลิ ปะการแสดง

ผเู้ รียนระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 มที กั ษะและประสบการณ์พนื้ ฐาน
เข้าใจดนตรี และศลิ ปะการแสดงผา่ นการฟงั เห็น เคล่ือนไหวและฝึก
ปฏิบัติ สร้างสรรคผ์ ลงานดนตรแี ละศิลปะการแสดงท่ีสอดคล้องกับ
ธรรมชาติวยั และความสนใจได้

เสน้ ทางการเรียนรู้

การแสดงผลงาน Performance การได้ออกแบบและนาเสนอศลิ ปะ
สรา้ งสรรค์

การเรียนรภู้ าคปฏบิ ตั ิ 1. ดนตรี เสียง จังหวะ องคป์ ระกอบ
Practical Learning ของดนตรี

2. การแสดง ศิลปะการเคลือ่ นไหว

Preparation 1 มุมมองทางศลิ ปะ เรอื่ งการจดั องค์ประกอบภาพ
2. ขบั ร้องและดนตรี
การเตรยี มพรอ้ ม

8

บทที่ 2
ชวี ิตตอ้ งมจี ังหวะ

(Rhythms)

แนวคดิ

เสียงและจังหวะเกิดข้ึนโดยธรรมชาติและ
การประกอบสร้าง มนุษย์รับรู้เสียงผ่านการ
ไดย้ ิน รู้สึกถึงความแตกตา่ งอารมณข์ องเสยี ง
ต่าง ๆ จากประสาทสัมผัส (Sensory)
เสียงนามาสู่จังหวะ ซ่ึงมนุษย์เข้าใจจังหวะ
โดยสัญชาติญาณผา่ นจังหวะของชพี จร หรือ
การเต้นของหัวใจ เป็นจังหวะที่เรียกว่า
“Pulses” ท่ีสม่าเสมอ และเรียนรู้ที่จะสร้าง
เสียงเพ่ือประกอบเป็นจังหวะ “Rhythms ”
เพื่อสรา้ งสนุ ทรียะ

9

แนวทางจดั การเรยี นรู้

การจัดการเรียนรู้ท่ีฝึกประสบการณ์ให้ผู้เรียน สอื่ การเรยี นรทู้ ใี่ ชใ้ นกจิ กรรม
ได้เรียนรู้ทักษะการฟัง (Listening) การจาแนกเสียง • การด์ ตัวโนต้ ใหผ้ เู้ รียนไดท้ ดลองฝกึ
(Sounds) การนับจังหวะ (Pulses) การเคล่ือนไหวท่ี
เป็นจังหวะ (Movement) ที่สร้างสรรค์เสียงเพ่ือ ทดลองนบั จงั หวะและปรบมอื วนกนั ไป
ประกอบเป็นจังหวะ (Rhythms) โดยมีกระบวน • กลองและเคร่อื งประกอบจังหวะ
การร่วมเรียนรู้จังหวะและการแสดงสร้ างสรรค์ • ส่อื วิดทิ ัศน์ คลิปวดิ โี อท่ีเกย่ี วขอ้ ง
ประกอบดว้ ย
กับจังหวะ
1) กิจกรรมวงกลมฝึกจังหวะ • เพลงประกอบการเต้น
2) กิจกรรมนักประพันธเ์ พลง
3) กิจกรรมนาเสนอและสร้างสรรค์ผลงานเพ่ือ ผลทค่ี าดหวงั

สร้างทักษะการเรียนรู้สาคัญ และฝึกปฏิบัติการ ผู้เรียนเข้าใจเร่ืองจังหวะ มี
สร้างสรรค์งานดนตรี จังหวะ และการเคลื่อนไหวผ่าน ทักษะการฟัง การนับจังหวะ
การแสดงสร้างสรรค์ และสามารถสร้างสรรค์งาน
จากจังหวะได้
จานวนชัว่ โมงเรียน 3 ชวั่ โมง (2 คาบ)/ สัปดาห์/ หอ้ งเรยี น

10

จังหวะ : กระบวนการเรยี นรเู้ พอ่ื เขา้ ใจ “ดนตร”ี

จงั หวะคอื อะไร ?

การเรยี นวชิ าดนตรีและจงั หวะ เรยี นไปทาไม ?

ครสู อนอะไร อย่างไร เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นเขา้ ใจจงั หวะ ?

น่ีเป็นคาถามที่เกี่ยวกับจังหวะที่ไม่ได้ถูกเฉลยคาตอบด้วยการเปิดตาราเรียน แต่ในคาบเรียนห้อง
กลุ่มประสบการณ์การเรียนร้สู ุนทรียะทางศิลปะ ครูได้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้จังหวะท่ีนาพาผู้เรียนไป
สัมผัสประสบการณ์ในเร่ืองเสียงและจังหวะ โดยเร่ิมจากการทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับเสียงที่ได้เรียนรู้ใน
เบ้ืองต้นและนาเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ 3 กิจกรรมหลัก ดังนี้ 1) วงกลมฝึกจังหวะ 2) นักประพันธ์เพลง
3) สร้างสรรค์ผลงาน โดยแต่ละกิจกรรมมีกระบวนการย่อยที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านการ “เล่นเรียน” และ
กระบวนการกลุ่มเรียนรู้สร้างงานและสื่อสาร โดยทุกคร้ังในกระบวนการ ครูจะเร่ิมด้วยการสาธิตนาให้
ผู้เรียนได้เห็นตัวอย่าง ก่อนให้ฝึกปฏิบัติด้วยตนเองจากเด่ียว เป็นคู่ และเป็นกลุ่ม 5-8 คน ทุก ๆ กิจกรรม
ย่อยจะจบด้วยการทดลองแสดงผลการปฏิบัติ และให้ผู้เรียนได้สะท้อนความคิดแลกเปลี่ยนส่ิงที่ได้เรียนรู้
รว่ มกนั

3 กิจกรรมเรยี นร้เู พอ่ื การเขา้ ใจจังหวะ

1) วงกลมฝึกจังหวะ เป็นกิจกรรมท่ีให้ผู้เรียนน่ังเป็นวงกลม โดยมีครูอานวยการเรียนรู้หลัก 1 คน
และครูผู้สนับสนนุ การเรียนรู้ 2 คน เริ่มจาก
การเรียนรู้เร่ืองเสียง โดยการฟังเสียงใน
รูปแบบต่าง ๆ ให้ผู้เรียนปิดตาแล้วใช้
ประสาทสัมผัส (Sensory) ในการเปิดรับฟัง
เสียงต่าง ๆ เช่น เสียงเขย่า เสียงสะบัด
กระดาษ ฟังเสียงหลากหลายสะท้อน
อารมณ์จากการได้ยินเสียง ฝึกการปรบมือ
และเรียนรู้จังหวะเริ่มจากวงใหญ่สู่กลุ่มย่อย
ฝกึ ฟังและปฏบิ ัติสร้างเสียงจงั หวะ

ครูมีกิจกรรมปฏิบัติ เช่น ปรบมือ แตะตัว สร้างเสียงเป็นจังหวะหลายๆ แบบ ให้ผู้เรียนทดลองฝึก
ปฏิบัติ สอดแทรกกับครูอธิบายความหมายของคาว่าจังหวะทางดนตรี ซึ่งมีคาว่าจังหวัดในศัพท์ทั้งคาว่า

11

“Pulses” ท่ีเป็นจังหวะที่สม่าเสมอ จนถึง “Rhythms” เสียงและจังหวะท่ีประกอบข้ึนทาให้เกิดเป็น
รูปแบบจังหวะทแ่ี ตกตา่ งกนั

สรุปกระบวนการด้วยทบทวนการใช้ร่างกายกับจังหวะ (Body with Pulse) การสื่อสารด้วยระดับ
เสียงท่ีแตกต่างกัน เข้าใจองค์ประกอบของดนตรี Pulse และ Rhythm ผ่านการใช้ร่างกายทาจังหวะเพลง
(Body Percussion) และออกเสียงประกอบ แสดงรว่ มกนั และสะทอ้ นผลการเรียนรู้

ผเู้ รยี น เลน่ เรยี นอะไรในกจิ กรรมยอ่ ย 1 ตวั อยา่ ง
กจิ กรรมปฏบิ ตั ิ

• ผู้เรยี นทาเสยี งทาจงั หวะท่าทางเลยี นแบบครู (ทา
พร้อมกนั ทกุ คน)
• ครูทาจงั หวะท่าทาง ถามตอบผเู้ รยี นแตล่ ะคน
• ครูให้ผู้เรียนเปิดการ์ดตัวโน้ตที่อยู่ข้างหน้า แล้ว
ทบทวนการทา Body Percussion เบ้ืองต้นด้วย
การตบมือ พร้อมกับการออกเสียง Rhythm
Syllables (ทาทิเทททิ า) ตามหลกั การของ Kodály
• ผูเ้ รยี นทดลองใชร้ า่ งกายทาจังหวะเพลง (Body
Percussion) ตามการด์ ตวั โนต้ ทีไ่ ด้
• ครูใหล้ องใส่คาพูดแทนสญั ลักษณต์ วั โนต้ แบบ

ต่าง ๆ
• ระบคุ วามหมาย “จังหวะ” Rhythms

2) นักประพนั ธเ์ พลง ลักษณะกิจกรรมคือครูใหผ้ ู้เรยี นแบง่ กล่มุ ๆ ละ 10 คน และครูแจกชดุ ตัวโนต้
ให้กลุ่มละ 8 ใบ ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันเรียงสัญลักษณ์โน้ตที่ได้อิสระพร้อมออกแบบการใช้ร่างกายทาจังหวะ
เพลง (Body Percussion) อย่างง่าย โดยให้เวลาเตรียมตัวและซ้อมภายในกลุ่ม 15 นาที ให้นักเรียน
ฝึกฟังเสียงและเลือกใช้องค์ประกอบทางดนตรีด้านจังหวะ จัดเรียงชุดตัวโน้ตเพ่ือสร้างเสียงและจังหวะให้
เป็นรูปแบบที่หลากหลายแตกต่างกัน ฝึกซ้อมเพื่อเตรียมการแสดง โดยครูจะสะท้อนบทเรียนจากกิจกรรม
พรอ้ มกนั น้คี รเู ตรียมผเู้ รียนใหพ้ ร้อมดว้ ยการรวมกันเต้น Chicken Dance กอ่ นจะเขา้ ส่กู ิจกรรมต่อไป

12

ผเู้ รยี นเลน่ เรยี นอะไรในกจิ กรรมยอ่ ย 2

• ผูเ้ รยี นเรยี นรตู้ วั โน้ตและจังหวะผ่านกระบวนการ
ฝกึ ปฏิบัตสิ รา้ งเสยี ง เป็นกลมุ่ ยอ่ ย 3 กล่มุ

• ผเู้ รยี นแต่ละกลมุ่ นาการด์ ตัวโนต้ ทไ่ี ดไ้ ปประกอบ
เพลง แลว้ ฝึกปฏิบัติ

• ผเู้ รยี นเตรยี มพร้อมชมการแสดง ใหส้ มาธิ
นักแสดงแตล่ ะกลมุ่ เม่ือผ้แู สดงพร้อมแล้วจึงแสดง ทุก
คนรวมกลมุ่ ใหญ่ กลับมาเล่นการฝกึ จงั หวะ มือหยบิ
ขยบั ปกี ย่อตัว ประกอบเพลง

• ผเู้ รยี นนาเสนอผลงานกลมุ่ ในการแสดง
การละเลน่ ประกอบจงั หวะ

3) สร้างสรรค์ผลงาน ลักษณะกิจกรรมคือผู้เรียนกลับมารวมกลุ่มหน้าห้อง สรุปสาระสาคัญเรื่อง
Pulses และ Rhythms จากกิจกรรมท่ีทา ให้ผู้เรียนตบมือตาม Pulses และ Rhythms ในเพลง Baby
Shark เพื่อเน้นย้าความเข้าใจ จากน้ันครูแบ่งผู้เรียนให้จับกลุ่ม 3 กลุ่มตามเดิมโดยแจกโน้ตชุดใหม่
กลุ่มละ 4 ชุด (เพ่ิม Pulses ชุดละจาก 2 เป็น 4 และให้ผู้เรียนจัดเรียงโน้ตเองโดยเพิ่มการซ้าย้าโน้ตแต่ละ
ชุดตามการออกแบบของแต่ละกลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มออกแบบท่าทาง Body Percussion โดยเพิ่ม
การเคลื่อนไหว (Movement) จากกิจกรรมแรก และเพ่ิมฉากเปิดการแสดงและฉากปิดเพื่อจบการแสดงไป
ด้วย โดยใหฝ้ ึกซ้อมภายในกลุ่ม และนาเสนอผลงานทีละกลุ่ม พรอ้ มด้วยกระบวนการแลกเปล่ยี นสะท้อนคิด
รว่ มกนั

13

ผเู้ รยี นเลน่ เรยี นอะไรในกจิ กรรมยอ่ ย 3
• ผเู้ รยี นทางานตามโจทย์ ดงั น้ี

- แกะโนต้ จากการด์ ตวั โน้ต (โน้ตทย่ี ากขน้ึ )
- ใส่ Movement ท่าทางประกอบ
- ฉากเปดิ ปิด ให้คิดโน้ตและ Movement
ประกอบ
• ผูเ้ รยี นแบง่ กล่มุ ลองฝกึ ให้อา่ นโนต้ จากการด์ ตวั โนต้
• แตล่ ะกลุ่มนาเสนอการแสดงของกลุม่ ตนเอง ตาม
จงั หวะท่ีไดส้ ร้างสรรค์

เม่ือจบการแสดงครูตั้งคาถามร่วม “อะไรท่ีเพื่อนทาได้ดี?” ให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น ช่วยกัน
ตอบ แลว้ หลงั จากนนั้ ใหก้ ล่มุ ทแ่ี สดงสะท้อนตนเอง (Reflection) ตัวเองว่า “อะไรท่ีเราทาไดด้ ี” จนครบทุก
กล่มุ

หลังจบการแสดง ครูนาผู้เรียนเข้าสู่การสรุปบทเรียนทั้งหมด โดยมีคาถามว่า “ผู้เรียนทาอะไรบ้าง
ใช้ทักษะอะไร หัวใจของการเรียนคร้ังนี้” ให้ผู้เรียนบันทึกและสะท้อนคิดในสมุดบันทึกของตัวเอง ครูจบ
กระบวนการด้วยการเปิดคลิปวิดีโอการใช้ร่างกายเป็นเครื่องประกอบจังหวะขั้นสูง (Advanced Body
Percussion) ให้ผู้เรียนดูพร้อมสรุปความคิดรวบยอดเป้าหมายของกิจกรรม และให้กาลังใจต่อการแสดง
ของผูเ้ รยี น

14

สรปุ การเรียนรู้ ครูชวนผูเ้ รียนสรุปบทเรยี นรว่ มกัน ดงั นี้
1) สรปุ กิจกรรมท้ังหมดทท่ี า
2) สรปุ หวั ใจของการเรียนรแู้ ละสรา้ งสรรค์ผลงานรว่ มกนั คอื (1) ได้สรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะจากโจทย์
จากเครื่องมอื ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ จงั หวะ การเคล่อื นไหว (2) ทางานรว่ มกนั (3) ออกแบบและฝึกซ้อม
3) สรปุ ทักษะทีใ่ ช้และฝึกประสบการณ์ดว้ ยกัน ได้แก่ ทกั ษะการฟงั การนบั จงั หวะ การเคลือ่ นไหว
การนบั จงั หวะในใจใหพ้ รอ้ มกับเพือ่ น

4)

15

ครทู าอะไร อยา่ งไรในกระบวนการจดั การเรยี นรู้

กระบวนการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนแห่งจังหวะ ครูแบ่งบทบาทการสอนเป็นทีม (Team
Teaching) โดยมบี ทบาท นั่นคอื

• ครู 1 (ครูแอม) เปน็ ผูอ้ านวยกระบวนการเรียนร้หู ลัก จดั การหอ้ งเรยี นและกระตนุ้ การเรียนรู้ใน
ภาพรวม พร้อมกบั การตัง้ คาถามเพ่ือให้ผเู้ รยี นไดส้ ื่อสารสะท้อนคิด และสรุปกระบวนการเรยี นรู้

• ครู 2 (ครูเบญจ์) เป็นผูจ้ ับสาระสาคัญการเรยี นรู้เพ่ือขึน้ กระดาษใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ หน็

• ครู 3 (ครูเอ้) จัดเตรียมส่ือการเรียนรู้และเป็นผู้คอยประกบการเรียนรู้เพื่อสร้างความรู้ความ
เขา้ ใจเกีย่ วกบั เน้ือหาความรแู้ ละทักษะเชิงลึกในกระบวนการกลุ่มย่อย โดยทคี่ รูเบญจแ์ ละครูเอ้ ทาหนา้ ท่ีตั้ง
คาถามและการสังเกตและตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของผ้เู รยี น

ผู้ เ รี ย น มี ส่ ว น ร่ ว ม ใ น ก า ร
วางแผน และซักซ้อมการแสดง โดยมี
ครูช่วยกระตุ้นเชิงบวกเร่ืองเวลาและ
ความก้าวหน้าเป็นระยะ ท่ีสาคัญคือ
บทของครูที่ช่วยแนะนาเทคนิคต่าง ๆ
ตามกระบวนการท่ีผู้เรียนออกแบบมา
ช่วยเสนอเทคนิคการใช้ท่าทางให้เกิด
เสียงท่ีชัดเจนและง่ายข้ึน รวมถึง
เทคนิคการตั้ง Pulses ให้เหมาสมพอดี
กับแต่ละกลุ่ม เช่น การโยกตัวนับ
จังหวะจะได้ Pulses ที่ไม่เร็วเกินไป รวมถึงครูคอยช่วยนาเสนอมุมมองใหม่ ๆ เช่น ยกตัวอย่างวิธีกาเนิด
เสียงเพ่ือการแสดง ครูคอยสอดแทรกเรื่องอื่น ๆ ท่ีนักเรียนสนใจ เช่น ความเข้าใจเรื่องอามรณ์ วัยและเพศ
เป็นระยะ ๆ ตลอดจนกระตุ้นการแลกเปล่ียนสะท้อนความคิดด้วยคาถามเพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจ
ของผู้เรียนหลังผ่านกระบวนการเรียนรู้ และสุดท้ายครูจบกระบวนการด้วยการสรุปความคิดรวบยอด
ร่วมกบั ผู้เรียน

16

สง่ิ ทคี่ รวู ดั ประเมนิ ผเู้ รยี น

1. การมีสว่ นรว่ มของผเู้ รยี น
2. การทางานของผู้เรยี น
3. การบันทึกการเรยี นรู้อย่าง
เปน็ ระบบ
4. การมีความเขา้ ใจเรื่องจังหวะ
มีทกั ษะการฟงั การนบั จงั หวะ และ
สามารถสรา้ งสรรคง์ านจากจงั หวะได้

สง่ิ ทผ่ี ู้เรียนสะทอ้ นความรคู้ วามเขา้ ใจผา่ นกจิ กรรมการแสดงและวจิ ารณง์ าน

ผแู้ สดงสะทอ้ นตน ผชู้ มวจิ ารณ์

• กลุ่ม 1 รสู้ กึ วา่ ต้ังใจมาก • กลมุ่ 1 มีความพร้อมเพรยี ง ความสามัคคี

• กลุ่ม 2 คดิ วา่ ดกี ว่าตอนซ้อม การจดั วาง • กลุ่ม 2 แสดงไดด้ ี ไม่ผดิ พลาด การเรียงโน้ต
เพลงกับโน้ต ถ้าทาโนต้ ใหเ้ หมือนกันมันจะ ที่ทาให้เลน่ งา่ ย มีท่าต้นตารบั แสดง
ง่ายกว่า (ให้โน้ตเหมือน ๆ กนั อยูใ่ กล้ ๆ กนั )
• กลมุ่ 3 ทา่ ยากจังหวะเป็นคลื่น มีเสยี งที่
• กลุ่ม 3 พยายามคิดท่าใหม่ ๆ ข้ึนมา น่าสนใจ คนหนงึ่ พาดแต่คน (สร้างอารมณ์)
เอาทา่ ง่ายทีเ่ ข้ากับจังหวะได้ ไม่สับสน ทีเ่ หลอื ไปต่อได้

17

“การเรยี นรู้ในกลมุ่ ประสบการณส์ นุ ทรียะทางศิลปะ น่คี อื
การเรียนวิชาดนตรีและจังหวะ อาจมีคาถามว่า เรียนไปทาไม ?
แต่ครูจะไม่มีรีบให้คาตอบ แต่จะนาผู้เรียนไปมีประสบการณ์
การเรียนรู้เร่ืองจังหวะจากแบบฝึกหัดที่ได้ทา นั่นคือ การนับ
จังหวะในใจการไปด้วยกัน การสร้างสรรค์งานจากจังหวะ การ
ฝึกซ้อม การทางานร่วมกัน ปฐมบทของงานสร้างสรรค์ จังหวะ
ทไ่ี ปด้วยกันเอ้ือกัน สรา้ งคุณภาพของการเห็นคนอ่ืน ๆ รอคอย
และฝึกฝนด้วยความอดทน การทางานร่วมกันยังไม่ค่อยราบรน่ื
นัก เป็นข้ันฝึกฝน การมีความรู้สึกสะเทือนใจผ่านดนตรีและ
จังหวะท่ีทาร่วมกัน สิ่งท่ีพบในคาบน้ีก็ถือว่าสาเร็จเบ้ืองต้น
โปรดตดิ ตามตอนตอ่ ไป”

(ครแู อม, บันทกึ หลงั สอน, 6 กนั ยายน 2561)

18

บทที่ 3

ดนตรปี ระกอบการเลา่ เรอื่ ง

แนวคดิ

แนวคิดเรื่องดนตรีประกอบการเล่าเรื่อง เป็นการ
เรียนรู้เรื่องของ “เสียง” (Sound) “ทัศนียภาพ
แห่งเสียง” (Soundscape) ทาความเข้าใจและมี
ประสบการณ์กับการฟังเสียงหลากหลายรูปแบบ
ทั้งท่ีเป็นเสียงจากธรรมชาติ เสียงเลียนแบบ
ธรรมชาติ เสยี งที่สร้างแตง่ ข้ึน เพอ่ื การใช้ประกอบ
เร่ืองราวต่าง ๆ หรือเพื่อเล่าเร่ืองให้มีความ
น่าสนใจ โดยผ่านการค้นหาและสร้างสรรค์เสียง
ดนตรี เพ่ือส่ือสารเสียงเน้ือหาเร่ืองราว ทาให้เกิด
การสร้างความหมายของการสื่อสารใหม่จากเสียง
ตา่ ง ๆ ทส่ี ร้างสรรค์ขนึ้

19

แนวทางจดั การเรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรทู้ ใี่ ชใ้ นกจิ กรรม

ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ โ ด ย ส่ ง เ ส ริ ม ใ ห้ • เคร่อื งมอื และอุปกรณส์ รา้ งสรรค์เสยี ง เชน่
ผู้ เ รี ย น ไ ด้ ฝึ ก ทั ก ษ ะ ก า ร ฟั ง เ สี ย ง ที่ ไมก้ วาด ขวดน้า แก้ว ผา้ รวมถึงอวัยวะ
หลากหลาย การค้นหาเสียงจากเครื่อง ของร่างกาย เปน็ ต้น
ดนตรี และสร้างสรรค์เสียงเพ่ือประกอบ
เรื่องราวหรือใช้เสียงเพื่อประกอบการเล่า • คลิปเสยี ง Audio Storytelling
เร่ือง จากนิทานหรือเร่ืองราวต่าง ๆ และ • QR code เขา้ ถงึ Website นทิ าน
ประกอบการบรรยายหรือบทพากย์ใน • กระดาษ และเครือ่ งเขียน
ลกั ษณะตา่ ง ๆ
• Smart Phone เพื่อค้นควา้
จานวนช่วั โมงเรียน 3 คาบ/สปั ดาห/์ ห้องเรียน
** หลกี เลย่ี งการใชเ้ ครอ่ื งดนตรสี าเร็จรูปเพือ่ ให้
ผ้เู รยี นทดลองค้นหาและสรา้ งเสยี งใหม่ ๆ
จากอปุ กรณ์และสอ่ื ตา่ ง ๆ ท่เี ป็นไปได้

ผลทคี่ าดหวงั

ผู้เรียนมีความเข้าใจเร่ืองเสียง และการเล่า
เร่ืองโดยใช้เสียงประกอบ มีทักษะการฟัง
และสามารถสร้างสรรค์งานเพื่อใช้เสียง
ประกอบการส่ือสารเลา่ เรอ่ื งต่าง ๆ ได้

20

เรยี นรู้การสรา้ งเสยี งประกอบเรอ่ื งราว

เสียงประกอบเรอ่ื งราวคืออะไร ? ทาไดอ้ ย่างไร ?

การเรียนรู้เร่ืองเสียงประกอบเรื่องราวน้ัน ครูออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่นาพาผู้เรียนไปสัมผัส
เสียง (Sounds) ทัศนียภาพของเสียง (Soundscape) และเสียงประกอบเรื่องราว (Sound Effect) ใน
หลากหลายรูปแบบ ฝึกทักษะการฟัง การรับรู้ การแยกจาแนกเสียงลักษณะต่างๆ ไปจนถึงการเรียนรู้เพ่ือ
การสร้างเสียงประกอบเรอ่ื งราว (Sound Effect) โดยมีกระบวนการดังนี้

1) กจิ กรรมวงกลม ทบทวนประสบการณเ์ ดิม

ผู้เรียนทบทวนเร่ืองทัศนียภาพของเสียง
(Soundscape) ท่ีไดเ้ รยี นรไู้ ปในครัง้ กอ่ น โดยทา
กิจกรรมวงกลม ตบพ้ืนและตบมือ โดยเริ่มจาก
ตบพื้นทีละคนซ้าย - ขวาข้างละ 1 ครั้ง จน
ครบรอบวงกลม และเปลี่ยนรูปแบบโดยใช้
สัญญาณการตบ เป็นการส่งต่อการส่ือสาร ตบ 1
ครั้ง คือการส่งต่อคนถัดไป และตบ 2 คร้ัง ให้วน
กลับมาที่คนเดิม จนคล่อง จากนั้นโยงเข้าสู่การเรียนรู้ท่ีจะเกิดข้ึน คือ การสร้างเสียงประกอบเร่ืองราว
(Sound Effect)

2) กจิ กรรมสร้างสรรคเ์ สียงประกอบ
• ฟังและวเิ คราะห์เสียงจากเร่อื งราว

กิจกรรมน้ีให้ผู้เรียนเลือกเคร่ืองมือหรือ
อุปกรณ์ที่สร้างเสียงได้คนละ 1 ชิ้น เพ่ือนามาใช้ใน
กิจกรรมการสื่อสารผ่านเสียงจากส่ิงที่ตนเองเลือก
โดยครูกาหนดรูปแบบของการส่งสาร ได้แก่ การพูด
ด้วยน้าเสียงปกติ เสียงสูง - ต่า เสียงแสดงอารมณ์
เช่น เกร้ียวกราด สงบ ฯลฯ ครูชวนผู้เรียนคิดว่าจะสามารถสร้างเสยี งจากเครื่องมือที่เลือกนั้นอย่างไรโดยที่
ไม่ตอ้ งพูด จากนนั้ ผ้เู รยี นฝึกฟังคลิปเสยี งเล่าเรื่อง (Audio Storytelling) แล้วเรยี บเรียงเรื่องราวจากการฟัง
ว่าเกิดอะไร ท่ีไหน อย่างไรขึ้นบ้าง ครูและผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์สิ่งที่เกิดข้ึนจากการฟังเสียงต่าง ๆ ท่ีได้
รบั รู้ โดยเช่อื มโยงไปส่กู ารสร้างสรรค์ผลงานของผ้เู รยี น

21

• สรา้ งสรรคเ์ สยี งประกอบเรอื่ ง

กิจกรรมกลุ่มปฏิบัติการ ผู้เรียนแบ่งกลุ่มแล้วเลือกนิทานจากเว็บไซต์ท่ีครูกาหนดกลุ่มละ 1 เร่ือง
แล้วนามาถ่ายทอดเป็นภาพวาด 5 ภาพ (Story Board) เป็นข้ันตอนเลือกสรรเพ่ือการเล่าเรื่อง ผู้เรียนได้
ลาดับความคิดการเล่าเร่ืองผ่านเสียงให้
ชัดเจน การออกแบบและวางแนวทั้งในเรื่อง
เสียง จังหวะ ท่วงทานอง เพ่ือประกอบบท
พากย์ บทบรรยาย กาหนดเสียงในการเล่า
เรื่องให้ส่ือความได้วา่ จะเล่าเรื่องหรือส่ือสาร
อะไรอย่างไรเป็นลาดับ ๆ ไป พร้อมกันน้ีให้
ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเลือกเครื่องดนตรีคนละ 1
ชิ้น เพ่ือนาไปสร้างเสียงและแสดงเล่าเร่ือง
ของตนเอง

แต่ละกลุ่มปฏิบัติการสร้างสรรค์เสียงแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ เพลงประกอบ (Sound track)
ทัศนียภาพ (Soundscape) และ เสียงประกอบเร่ืองราว (Sound Effect) และการใช้เสียงเล่าบรรยายโดย
ที่ไม่เกิน 7 ประโยค ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเลือก
เครื่องดนตรีต่างชนิดกันทดลองค้นหาและ
สร้างเสียงประกอบเรื่องราว แบ่งพื้นที่การ
ทางานของผู้เรียนไปตามจุดต่าง ๆ เพ่ือให้
ผู้เรียนทดลองค้นหาตามแต่ท่ีผู้เรียนสนใจ
เพื่อสร้างเสียงประกอบเร่ืองราวตามที่
ออกแบบไว้ไปพร้อมกับบทบรรยายและ
บทพากย์ ใช้เวลาในการทดลองสร้างเสียง
ประกอบเร่ืองราวประมาณ 45 นาที ระหวา่ ง
น้ผี ู้เรียนสามารถเลอื กและเปล่ยี นอุปกรณ์หรือสอ่ื สรา้ งเสียงได้

22

• นาเสนอผลงาน

เม่ือส้ินสุดเวลาทดลองสร้างเสียงจึงเป็นกิจกรรมให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงาน ซ่ึงภาพรวม
ผลงานท่ีเกดิ ขึ้น สรุปดนตรีประกอบเรอ่ื งทเี่ กิดขึน้ ในแต่ละกลุ่มได้ดังนี้

- ต้นโอ๊กกับต้นอ้อ ผู้เรียนนาเสนอเสียงประกอบ
เร่ืองราวโดยใช้ระดับความสูงของต้นไม้เป็นลักษณะแทน
การสร้างเสียง โดยใช้ตาแหน่งการสร้างเสียงสื่อความหมาย
แทนต้นไม้ ผเู้ รียนสร้างเสียงจากอปุ กรณ์ทาความสะอาดพ้ืน
เช่น ไม้กวาด เสียงไม้ที่ถูกพ้ืนในตาแหน่งที่ต่างกัน คือ ต้น
โอ๊กเติบโตสูงใหญ่ ยืนบนบันไดข้ันท่ีสูงกว่าสร้างเสียงแทน
ตน้ โอก๊ ส่วนต้นอ้อเปน็ ตน้ ไม้เล็ก ผเู้ รยี นอกี คนอยบู่ นพ้ืนใน
ระดบั ท่ีต่ากว่าสรา้ งเสียงแทนเป็นต้นอ้อ

- พี่และน้อง ผเู้ รยี นนาเสนอเสียงประกอบเรอ่ื งราว
โดยใช้เทคนิคการปดิ ไฟ ปดิ ตา เพ่อื ปิดประสาทการรับรู้ทาง
ตา และเปิดประสาทการรับรู้ทางการได้ยิน รวมถึงยังใช้
ทิศทางของเสียงเช่นการเปิดปิดประตูทางด้านหลังห้องเพื่อ
ส่ือเหมือนประตูบ้าน ใชเ้ สียงจากการสัมผัสร่างกาย เช่น เสียงการตีที่มอื ให้เกดิ เสยี ง สอ่ื ถึงพ่ีทีท่ ารา้ ยนอ้ ง

- ลมกับดวงอาทิตย์ ผู้เรียนใช้เครื่องมือสร้างเสียงแทนตัวละคร เช่น พระอาทิตย์ใช้เสียงของขิมที่
กังวาน เสียงลมจากการสะบัดเบาะน่ัง จุดเด่นคือสมาชิกในกลุ่มค่อนข้างใช้ส่ือสารกัน ฟัง และเสนอความ
คิดเหน็ ของทุกคนในการหาเครื่องมือสรา้ งเสยี งมาใช้เล่าเร่ือง

- มดกับตกั๊ แตน ผู้เรียนนาเสนอเสียงประกอบเร่ืองราวผ่านการจัดการแสดงละครโดยมีเวทีคือโตะ๊
และเก้าอ้ีโซนหน้าห้อง ผู้ชมหันหน้าเข้าหาเวที ใช้อุปกรณ์ท่ี
หลากหลายแสดงถึงความสนุกสนานของตัวละคร โดยใช้
การสะบดั ผา้ แทนเสยี งสายลมซงึ่ เปน็ จดุ เดน่ ท่นี า่ สนใจ

- ชาวประมงกับปลาหมกึ ยักษ์ ผู้เรียนนาเสนอเสียง
ประกอบเร่ืองราวโดยการใช้เสียงน้าเป็นเสียงแทนของ
มหาสมุทร และใช้เสียงการเหยียบย้าแผ่นกระดาษเสมือน
การเคลื่อนไหวของปลาหมึก

23

ข้อสะท้อนคิดในกลุ่ม คือ การค้นหาเสียงของผู้เรียนท่ีมีการพยายามหาเสียงจากอุปกรณ์
หลากหลาย บางกลุ่มทดลองค้นหาเสียงท่ีมีการเลือกและเปล่ียนเครื่องมือหลายครั้งทาให้มีเวลาซ้อมและ
สื่อสารกันระหว่างสมาชกิ ลดน้อยลง มผี ลตอ่ การฝกึ ซ้อม ซง่ึ กล่มุ ท่ีมีเวลาพอเพียงในการฝึกซ้อมและนาเสนอ
จะมคี วามพร้อมมากกว่า

นอกจากน้ีตัวอย่างเร่ืองที่กล่าวแล้ว ยังมีอีกหลายกลุ่มทดลองกระบวนการสร้างเสียงที่แตกต่างกัน
นามาเล่าเรื่องทห่ี ลากหลาย อาทิ เรอื่ งทีผ่ เู้ รียนในหอ้ งตา่ ง ๆ ได้ทดลองกระบวนการสร้างเสยี งประกอบเร่ือง
อีกหลายหลายเรอื่ ง แตล่ ะเรือ่ งนามาจากนทิ านอีสป

ท้ังน้ีหลังจากแต่ละกลุ่มนาเสนอ ครูตั้งคาถามให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนสะท้อนความรู้สึก ความคิด
ของการทากิจกรรม รวมถึงประเมินตนเองและหาทางพัฒนาชิ้นงานของตนเองให้ดีข้ึน “ถ้ามีเวลาและ
โอกาสจะพัฒนางานอย่างไรให้ดี หรือเจ๋งข้ึน” ให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนและให้ข้อเสนอแนะร่วมกันผ่านการ
สะท้อนผลงานของเพื่อนด้วยคาถาม “งานของเพ่ือนกลุ่มน้ี เราชอบตรงไหน” “อยากให้เพ่ือนเพ่ิมอะไร
เพ่อื ใหง้ านดีขึ้น”

3) สรปุ การเรยี นรู้
เม่ือผู้เรียนแสดงเสียงเล่าเรื่องครบทุกกลุ่ม ครูทบทวนกระบวนการเรียนรู้ท่ีเกิดขึ้นทั้งคาบเรียน
โยงไปสูส่ งิ่ ทีผ่ ู้เรยี นได้ทดลองสรา้ งสรรค์เสียงประกอบเรื่องราวท่ีมีความหมายเพ่ือให้การเล่าเร่ืองนน้ั มีพลังใน
การสื่อสารมากยงิ่ ขึ้น พรอ้ มด้วยให้ผู้เรียนสะทอ้ นความคิดเหน็ ผา่ นการบันทกึ สรุปการเรียนรู้อย่างเปน็ ระบบ

24

บทบาทครูในกระบวนการจดั การเรียนรู้

กระบวนการจัดการเรียนรู้ในการสร้างเสียงประกอบการเล่าเรื่องถูกออกแบบร่วมกัน โดยครู
ออกแบบกระบวนการ โครงสร้างของการสอน เตรียมส่ือการสอน ตลอดจนจัดกระบวนการเรียนรู้และ
ติดตามประเมนิ ผล ซง่ึ มฐี านคิดมาจากศาสตรแ์ ละศลิ ปข์ องดนตรี โดยทีมครแู บง่ บทบาทการทางานร่วมกัน
ได้แก่

• ครู 1 (ครแู อม) ทาหน้าท่ีเปน็ ผอู้ านวยกระบวนการ
เรียนรู้หลัก จัดการห้องเรียนและกระตุ้นการเรียนรู้ใน
ภาพรวม หน้าท่ชี ่วยรอ้ ยเรียงกระบวนการเช่อื มโยงส่งต่อจาก
การทางานของครูเอ้และครูเบญจ์ และเพิ่มเติมประเด็นท่ี
สามารถยกระดับการทางานร่วมกัน ใช้ทักษะของนักดนตรี
ประกอบการแสดงเพื่อให้มุมมองกับผู้เรียน พร้อมกับการต้ัง
คาถามเพื่อให้ผู้เรียนได้สื่อสารสะท้อนคิด และสรุป
กระบวนการเรียนรู้

• ครู 2 (ครูเบญจ์) คอยเติมกระตุ้นการต่ืนตัวของ
ผู้เรียน ช่วยจัดการช้ันเรียน ขัดเกลาผลงาน ช่วยกระตุ้น
ความคดิ สรา้ งสรรค์ของผูเ้ รียนในการลาดับเรื่องราวและเร่ือง
ที่จะสื่อสาร โดยใช้ทักษะนักการละครและผู้กากับละครเวที
มาแนะนาและฝกึ ประสบการณใ์ หผ้ ู้เรียน

• ครู 3 (ครูเอ้) ออกแบบกระบวนการ โครงสร้าง
ของการสอนดนตรี จัดเตรียมสื่อการเรียนรู้และเป็นผู้คอย
ประกบการเรียนรู้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจทักษะเชิงลึก
ในกระบวนการกลุ่มย่อย โดยเพิ่มเติมประเด็นที่สามารถ
ยกระดับการทางานร่วมกัน ใช้ทักษะของนักดนตรี
ประกอบการแสดงเพือ่ ใหม้ มุ มองต่อผูเ้ รียน

ท้ังน้ีในภาพรวม ครูทุกคนช่วยกันทาหน้าท่ีตั้งคาถาม สังเกตและตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของ
ผู้เรียน กระตุ้นกระบวนการคิดเชิงสร้างสรรค์ ที่สาคัญครูทุกคนร่วมกันทางานส่งต่อและเชื่อมโยงกิจกรรม
โดยใช้กระบวนการให้ผูเ้ รียนทาชน้ิ งานดว้ ยการคน้ หา การฝกึ ซ้อม และจบดว้ ยการนาเสนอผลงาน และสรปุ
ความคิดรวบยอดรว่ มกับผเู้ รยี น

25

สง่ิ ทค่ี รวู ดั ประเมนิ ผเู้ รยี น สงิ่ ทีพ่ บ

1. การมีสว่ นร่วมของผเู้ รียน • ผู้เรียนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ และมีส่วน
2. การสังเกตทักษะสาคัญ เช่น การฟัง การ ร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ ดี มีความกระตือรือร้น
สารวจและค้นหาเสียง การวิเคราะห์เสียงและ โดยเฉพาะกิจกรรมที่ครูจัดให้เด็กได้ตัดสินใจเลอื ก
ใช้เสียงประกอบการเล่าเรื่องหรือสร้างสรรค์ ทาด้วยตนเอง และยอมรับความคิดเห็นของเด็ก
งานจากเสียงตา่ ง ๆ ได้ ทกุ คนท่แี สดงออก
3. การสะท้อนคิดและการแลกเปลี่ยน • กิจกรรมกลมุ่ มผี นู้ าและผตู้ าม ตามธรรมชาติ
ประสบการณ์ของผู้เรียน ขยายสาระการ ของเดก็ แต่ละคน ซึง่ สว่ นใหญ่แลว้ ยอมรับในความ
เรียนรู้ เร่ืองความรู้สึกของดนตรีและการ คิดเห็นของเพื่อน พดู คยุ และแลกเปล่ียนในสิ่งทค่ี รู
แสดง (ทั้งนักแสดงและคนดู) เห็นข้อดีและ กาหนด
แง่งามของเพ่ือน • ผู้เรียนได้ฝึกทักษะสาคัญจากการฟัง การ
สารวจและค้นหาเสยี ง วิเคราะห์เสียง จนสามารถ
4. การประเมินผลงานและการบันทึกการ สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างหลากหลายรูปแบบท้ัง
เสียง การนาเสนอ และการสื่อสารเล่าเรื่องราว
เรียนร้อู ย่างเป็นระบบ โดยใช้เสียงประกอบ
• ผู้เรียนสามารถสะท้อนและวิเคราะห์ตนเอง
และผลงานจากการเรียนรู้ ในคาถามสาคัญจาก
การทางาน “มีข้ันตอนอย่างไรบ้าง” “มีปัญหา
อะไรเกิดขึ้นบ้าง” “ค้นพบว่ามีอะไรที่น่าสนใจ
บ้าง” “ถ้าจะต้องพัฒนาชิ้นงานให้ดีขึ้นจะต้องทา
อยา่ งไร”

26

ตั ว อ ย่ า ง ผ ล ง า น จ า ก บั น ทึ ก ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ โ ด ย ค รู แ อ ม
เรื่อง เสียงประกอบเร่อื ง, 22 ต.ค. 61

• กลุ่มที่ 1 เร่ืองหนูออกจากหีบ ใช้ห้องดนตรีไทย มีความโดดเด่นในเร่ืองการ
กระบวนการค้นหา กล้าลอง ตีความร่วมกัน เอาเสียงโน้นเสยี งน้ีมาใช้เล่าเรือ่ ง สอดคล้อง
กันอย่างมาก ส่ิงที่ทาอีกจะดี ก็คือ บางตอนของเรื่องสามารถ หยุด ช้า หรือ เร็ว หรือดัง
เบา เพ่ือขยายความรู้สึกของตัวละครนั้น ๆ ด้วยเสียงดนตรี ก็จะช่วยให้การเล่าเร่ือง
น่าสนใจขนึ้

• กลุ่มที่ 2 เรื่องเต่าอยากมีบ้านใหม่ โดยขอร้องให้นกอินทรีพาไป แต่โดนฆ่า
และกินไส้ด้วยการเส้ียมจากอีกา ตอนส่งงานครั้งแรก คุณครูคิดว่ากลุ่มนี้อาจจะแก้โจทย์
ไม่ได้ แต่ทาได้ และได้ดี ใช้เสียงเพื่อประกอบการเล่า มาได้ตรงจังหวะ หลาย ๆ อัน เป็น
เสียงเอฟเฟคประกอบ ที่ทาให้รู้สึกว่า โอ้ว โหดดี ตามท้องเรื่อง ร้อยเรียงลาดับได้ดี สิ่งที่
ทาอีกจะดีขึ้น คือ น้าเสียงของผ้เู ล่าเรื่อง แต่ถ้านบั จากต้นทนุ ประกอบกับทกั ษะทผ่ี ูเ้ รียนมี
ถอื ว่า นี่คือพฒั นาการท่ดี ีมาก

• กล่มุ ที่ 3 เรือ่ งค้างคาวกบั นกในกรง จดุ เดน่ คอื การสรา้ งสว่ นต่อขยายของเรอ่ื ง
เพ่ิมเติม แต่ไมห่ ลุดทศิ ทางของเรื่องเดิม มีเสยี งทีน่ า่ สนใจ รอ้ ยเรียงออกมาไดอ้ ยูใ่ นระดับท่ี
นา่ พอใจ

• กลุ่มที่ 4 เรื่องปาร์ต้ีราชสีห์ เห็นจุดเด่นท่ีสาคัญมาก ๆ คือ คุณภาพของการ
ใช้เสียงในการบรรยาย และเสียงในการพากย์เป็นตัวละครต่าง ๆ จังหวะจะโคนในการ
กระทบ กระแทก อุปกรณ์ให้เกิดเสียง มาในห้วงเวลาท่ีพอเหมาะพอดี โจทย์นี้เรื่อง
ค่อนข้างยาก แต่คดิ ว่าคุณภาพของเดก็ น่าสนใจ

• กลุ่มท่ี 5 เรื่องดอกกุหลาบกับบานไม่รู้โรย จุดที่เด่นท่ีสุดคือ สามารถตีความ
Soundscape ได้ดมี าก ๆ เหน็ ภาพเห็นบรรยากาศ

27

บทที่ 4

การสอ่ื สารผา่ นงานศลิ ปะการแสดง:
การสอ่ื สารดว้ ยภาษาภาพ

(Communication & Performing Arts)

แนวคดิ

การสื่อสารผ่านศิลปะการแสดง เป็นการใช้กระบวนการ
ส่อื สารดว้ ยการแสดงออกหลากหลายรูปแบบ ทง้ั ภาษากาย
การเคลื่อนไหว ภาษาภาพ การละคร โดยในส่วนของการ
สื่อสารด้วยภาษาภาพคือการทาความเข้าใจและจาลอง
ภาพท่ีเห็นเป็นรูปธรรม ส่ือสารออกสู่การรับรู้ด้วยภาษา
ภาพซึ่งเป็นสว่ นหนึ่งของศลิ ปะการแสดง

28

แนวทางจดั การเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรทู้ ใ่ี ชใ้ นกจิ กรรม

การจัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนมี • หนงั สือวรรณกรรม
ประสบบการณ์ผ่านการเรียนรู้โดย • กระดาษ และเคร่ืองเขยี น
การเคลอ่ื นไหว การแสดงออกโดยใช้ • Smart Phone สาหรบั ค้นควา้
ร่างกาย การละคร การสื่อสารด้วย
ภาษาภาพผ่านกระบวนการละคร ผลทค่ี าดหวงั
เชิงปฏิบัติการ มีแนวทางให้ผู้เรียน
ตีความภาษาท่าทางและภาพแห่ง ผู้เรียนได้ฝึกฝนทักษะต่าง ๆ
เรื่องราวตา่ ง ๆ พรอ้ มดว้ ยการฝึกหัด โดยเฉพาะทักษะการเคลื่อนไหว
สรา้ งภาพน่งิ ด้วยการจาลองภาพโดย การฟัง การลาดับภาพ การสร้าง
ใช้ร่างกายและท่าทาง รวมถึงการ เสียงประกอบภาพและเร่ืองราว
ส ร้ า ง ภ า พ น่ิ ง ม า ต่ อ ป ร ะ ก อ บ เ ป็ น เพ่ือสรา้ งสรรคแ์ ละส่อื สารดว้ ยภาพ
ภาพเคลื่อนไหว เพื่อสื่อสารเร่ืองราว
ผ่ า น ภ า ษ า ภ า พ ผ่ า น ก ร ะ บ ว น ก า ร
ศิลปะการแสดง

จานวนช่ัวโมงเรียน 3 คาบ/ วนั หอ้ งเรียน

29

กระบวนการเรยี นรขู้ องการสอ่ื สารด้วยภาษาภาพ

โจทย์ของกิจกรรมการเรียนรู้วันน้ีคือ "การสื่อสารด้วยภาษาภาพ" โดยมีกระบวนการจัดการเรยี นรู้
ดงั น้ี

1) กิจกรรมทบทวนความรเู้ ดมิ

เริ่มจากทบทวนการเรียนรู้ และสิ่งที่ครูมอบหมายให้เด็กไปดูละครหรือการแสดงที่สนใจพร้อม
บันทึกและสะท้อนความรู้สึกและความคิดเห็นต่อการไปดูงานละครที่ผู้เรียนเลือกชม ครูแนะนางานละครท่ี
น่าสนใจบางกิจกรรมให้ผู้เรียนรู้ทราบและให้ข้อเสนอสาหรับผู้เรียนบางคนท่ีสนใจจะไปดูงานละครที่แต่ละ
คนสนใจตามความต้องการของตวั เอง เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ ตรียมความพร้อมสาหรับการเรยี นรวู้ นั น้ี

2) กิจกรรมเตรียมความพรอ้ ม อุ่นเครอ่ื ง ทาร่างกายใหพ้ ร้อมสาหรบั การเรียนรู้

กิจกรรมเตรียมความพร้อมโดยการให้
ผู้เรียนได้อุ่นเครอื่ ง (Warm up) ร่างกายให้พรอ้ ม
สาหรับการเรียนรู้ด้วยการทาท่าแมงมุม โดย
กระโดดยกแขนยกขาไปข้าง ๆ ซ้าย - ขวา ข้าง
ละ 20, 15, 10, 5 เป็น 1 set เป็นท่าง่าย และ
เร็ว เพื่อเป็นการเตรียมร่างกายและสมาธิของ
นักแสดงก่อนขึ้นเวที จะช่วยเปิดประสาทสัมผัส
และตง้ั สมาธใิ หน้ กั แสดงไดง้ ่ายขนึ้

3) เข้าส่บู ทเรียนและแบบฝึกหดั ของการสอ่ื สารดว้ ยภาษาภาพ ประกอบดว้ ย 4 กจิ กรรม ดังน้ี
• การเดินเคลื่อนไหว (Walk &

Space) ไปรอบ ๆ ห้องและปรับลมหายใจ
เป็นการปรับสมดุลร่างกายหลังจากท่าแมงมุม
ปรับลมหายใจและจังหวะการเคลื่อนไหวให้นิ่ง
ข้ึน ครูเพ่ิมเง่ือนไขการรักษาสมดุลพ้ืนท่ี
(Balance Space) จงั หวะหยดุ (Freeze) และ
ระดับของความเร็ว (Speed) ในระดับต่าง ๆ
ไปจนถึงระดับการวัดความสูง-ต่าของร่างกาย
ในระดบั (Level) ตา่ ง ๆ ได้ เรียกว่าเปน็ การเดนิ อยา่ งมีจดุ สนใจ (Walk to Focus)

30

• ท่าทางและความเร็ว (Gesture & Speed) ครูแบ่งผู้เรียนฝั่งละ
ครึ่งห้องผลัดกันเดินเคลื่อนไหวให้ร่างกายเคล่ือนตัวตามระดับ เช่น
ระดับล่าง-กลาง-สูง-สูงมาก แล้วให้สถานท่ี (Place) เช่น ห้องสมุด
(ระดับสูงมากทาอะไร) โดยเน้นเร่ืองการแสดงออกของท่า ทาง
(Gesture) ร่วมด้วย ครูแตะตัวแล้วให้ผู้เรียนสร้างเสียงออกมาตาม
บทบาทที่ตัวเองเป็น การเชื่อมโยงกับการเรียนรู้เร่ืองทัศนียภาพของ
เสยี ง (Soundscape) หลงั จากนนั้ เพิ่มโจทย์ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเป็นตวั ละคร
เช่น ผู้คนที่อยู่ในโรงพยาบาล และสวนจตุจักร เป็นต้น โดยครูย้าให้
เด็กคานึงถึงเร่อื งของ Gesture & Speed

• กิจกรรมอนุสาวรีย์ (Monument
/Tableau Vivant) ให้ผู้เรียนใช้ร่างกายต่อ
เป็นอนุสาวรีย์ตามโจทย์ที่ให้ ใช้เวลา 10 นาที
โดยแต่ละกลุ่มออกแบบท่าทางแสดงเป็น
อนุสาวรีย์ เช่น อนุสาวรีย์ความรัก อนุสาวรีย์
ความเศรา้ จากน้ันครเู พิม่ โจทยโ์ ดยใหเ้ วลา 10
วินาทีในการเปลี่ยนภาพ ยา้ ให้ผเู้ รียนแต่ละคน
จาตาแหน่งของตัวเอง และลองให้แต่ละกลุ่ม
เร่ิมทาภาพจาก 1-2-3 โดยไม่มีการเตรียมมา
ก่อน (Improvisation) โดยเปล่ียนความเร็ว
ตามที่กาหนด ครูทบทวนเร่ืองการใส่เส้นแรง
และน้าหนักร่างกาย เพ่ิมเติมให้การส่ือสาร
ผา่ นทา่ ทาง (Gesture) ชดั เจนขึ้น

• ภาษาภาพ (Visual Language) ผเู้ รยี นเดินสารวจรอบโรงเรียน สงั เกตและรู้สึกถึงมุมต่าง ๆ ภาพที่
เห็น แสง อารมณ์ที่เกิดขึ้น ให้ผู้เรียนช่วยกันเติมภาพด้วยการนาตัวละครเข้าไปอยู่ในฉากให้เกิดอารมณ์ท่ี
แตกต่างกัน เช่น มุมเหงา มุมสนุกสนาน มุมเงียบสงบ ครูชวนให้เด็กสัมผัสถึงอารมณ์จากส่ิงที่เกิดขึ้น

31

ด้วยการจัดองค์ประกอบและให้อาสาสมัคร
ช่วยเข้าไปเติมหรือจัดองค์ประกอบเพื่อให้ฉาก
ที่ เ ห็ น เ กิ ด อ า ร ม ณ์ แ ล ะ ภ า ษ า ภ า พ อ ย่ า ง มี
ความหมาย

4) สรา้ งสรรคผ์ ลงาน

เร่ิมจากการแบ่งกลุ่ม 3 กลุ่ม นับ 1-3
ครูให้ไปหยิบหนังสือมากลุ่มละ 1 เล่มเก่ียวกับ
ประวัติศาสตร์ อาทิ กลุม่ ที่ 1 เป็นอตั ชวี ประวัติ
ของ JK Rolling ผู้แต่งวรรณกรรมเร่ือง Harry
Potter กลุ่มท่ี 2 วรรณกรรมเร่ือง ขุนช้าง
ขุนแผน กลุ่มท่ี 3 การปฏิวัติ 2475 จากนั้นแต่
ละกลุ่มนาเสนอว่าทาไมถึงเลือกหนังสือเล่มน้ี
มา หลังจากนั้นให้ผู้เรียนช่วยกันเลือกประโยค
ท่ีสนใจมา 5 ประโยค นาประโยคท่ีเลือกมาทา
เป็นภาพ 5 ภาพ ไมจ่ ากดั วิธีการและเรียงลาดับ
ตามความเหมาะสม โดยผูเ้ รยี นนาเสนอภาพทั้ง
5 ที่ละภาพ ตอนนาเสนอนั้นครูได้เล่นเปียโน
ประกอบไป โดยผู้เรียนคือต้องฟังเพลงและ
ปรับการเคลือ่ นไหวทงั้ กลุ่มใหเ้ ขา้ กบั เพลงด้วย

จากน้ันให้ผู้เรียนทางานร่วมกันอีกคร้ัง
โดยนาภาพน่ิงที่นาเสนอทั้ง 5 ภาพแสดง
ต่อเนื่องเป็นภาพเคลื่อนไหว พร้อมกับแทรก
ความเร็วช้าเข้าไปในการเคล่ือนไหวท่ีเลือก ภายใต้โจทย์ท้าทายว่าการเคล่ือนไหวนั้นไม่ต้องเชื่อมโยงกับ
ประโยคทง้ั 5 ที่ใชส้ ร้างงานเม่อื สักครู่ ใหค้ งการเคล่ือนไหวของร่างกายไว้ และเพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถตัดเรียง
ลดทอนหรือเพ่มิ ปรบั ส่ิงที่จะนาเสนอใหเ้ หมาะสมได้ ใหเ้ วลากับการฝกึ ซ้อมก่อนเพ่อื เตรียมนาเสนอ

ผู้เรียนนาเสนอผลงานโดยเลือกหรือสะท้อนว่าต้องการเพลงประกอบในลักษณะใด เพื่อใช้
ประกอบการเคล่ือนไหว โดยครูเล่นเปียโนตามโจทย์อารมณ์เพลงที่ใหผ้ ู้เรียนนาเสนอ พร้อมท้ังต้องฟังเพลง
และปรับการเคลือ่ นไหวของตัวเองและทัง้ กลมุ่ อย่างสอดคล้องกบั จงั หวะและท่วงทานองเพลงท่ีครูบรรเลง

32

ผู้เรียนนาเสนอภาพใหเ้ พื่อนดู แล้วให้เพอ่ื นและครูชว่ ยกันสะท้อนสิ่งท่เี ห็น ครเู พม่ิ เตมิ การรอ้ ยเรียง
5 ภาพให้มีการเช่ือมต่อหมุนเวยี น 5 ภาพให้เคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดยให้เวลา 15 นาที ระหว่างที่นักเรียนทา
กิจกรรม ครูเข้าไปแนะนา (Coach) แต่ละกลุ่มให้เห็นจุดเด่นจุดด้อยของตัวเอง ชวนเปิดมุมมองสร้างสรรค์
ให้เด็กช่วยกันออกแบบการนาเสนอ คอยเน้นย้าเรื่องการเคลื่อนไหวเหมือนจังหวะการหายใจที่ล่ืนไหลไม่มี
สะดุดเพื่อให้ภาพแต่ละภาพต่อเนื่องเป็นธรรมชาติ จากนั้นเพ่ิมเติมโจทย์เร่ืองการเปิดเรื่องและจบของฉาก
(Scene) ด้วยการเลือกใช้ความเร็วช้า (Speed) และระดับ (Level) ที่อยู่ในงาน โดยระหว่างซ้อมผู้เรียนยัง
สามารถช่วยกันออกแบบและช่วยกันดูตาแหน่งการยนื (Blocking) ของแตล่ ะคน หลงั ส้ินสุดการนาเสนอครู
ชวนผู้เรียนสะท้อนสง่ิ ทปี่ ระทับใจและช่วยกันเสนอส่งิ ทอี่ ยากให้เพ่ือนแต่ละกลมุ่ เพิม่ เติม

33

5) ขน้ั สรุป

ครูชวนผู้เรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนและสะท้อนความคิด “รู้สึกอย่างไรบ้าง ชอบอะไร” “เรามี
กระบวนการทางานอย่างไร” “ชอบอะไรของกลุ่มเพื่อนกลุ่มเรา” “เรียนรู้อะไรใหม่” “ถ้าต้องพัฒนางานน้ี
ให้ดีข้นึ จะปรบั ตรงไหน” ครชู ่วยยกระดบั การเรยี นร้ดู ว้ ยการใหข้ อ้ สงั เกตแกน่ กั เรยี นแต่ละกลุม่

ในขั้นนี้ทีมครูช่วยกันเน้นประเด็นเรียนรู้
จากกิจกรรมและปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นและ
เช่ือมโยงเข้ากับหลักและทฤษฎีการส่ือสารผ่าน
การแสดงแล้วใหน้ ักเรียนเขยี นสะทอ้ นการเรยี นรู้ที่
เกดิ ขนึ้ ลงในสมดุ

34

บทบาทครูในกระบวนการจดั การเรียนรู้

กระบวนการจดั การเรียนรู้ในการ "การสื่อสารด้วยภาษาภาพ" ถูกออกแบบร่วมกัน โดยทีมครูต่าง
มีบทบาทท่ตี า่ งกัน ดังน้ี

• ครู 1 (ครูเบญจ์) ทาหน้าท่ีเป็นผู้อานวย
กระบวนการเรียนรู้หลัก จดั การหอ้ งเรยี นและกระตุ้น
การเรียนรู้ในภ าพรว ม หน้าท่ีช่วยร้ อยเรียง
กระบวนการเช่ือมโยง เพื่อให้ผู้เรียนได้ส่ือสารผ่าน
รา่ งกายและการเคลอื่ นไหวในกระบวนการต่าง ๆ ตง้ั
คาถามสะท้อนคิด และสรุปกระบวนการเรียนรู้

• ครู 2 (ครูแอม) คอยเติมเต็ม และกระตุ้น
การคิดต่อยอดของผู้เรียน ช่วยจัดการช้ันเรียน
ให้คาแนะนาผู้เรียนในการลาดับเรื่องราวและเรื่องที่
จะส่อื สาร

• ครู 3 (ครูเอ้) เป็นหลักในการออกแบบ
กระบวนการและโครงสร้างการสอนดนตรี จัดเตรียม
ส่ือการเรียนรู้และเป็นผู้คอยประกบการเรียนรู้ เพ่ิมเติมประเด็นที่
สามารถยกระดับการทางานรว่ มกัน

ในภาพรวม ครูช่วยกันทาหน้าที่ตั้งคาถาม สังเกต และกระตุ้นการฝึกหัดฝึกซ้อมผู้เรียนให้สามารถ
สรา้ งสรรคง์ าน ผ่านกระบวนการทางานร่วมกนั เป็นกลุ่มใหผ้ ้เู รยี น การฝกึ ซ้อม และการนาเสนอผลงาน และ
สรุปความคิดรวบยอดร่วมกับผเู้ รียน

35

สงิ่ ทคี่ รวู ดั ประเมนิ ผเู้ รยี น ส่ิงทีพ่ บ

1. การมีสว่ นร่วมของผเู้ รยี น • ผู้เรียนสามารถสะท้อนงานตวั เองสะทอ้ น
2. การสร้างเกตทักษะสาคัญ การเคลอื่ นไหว งานเพ่ือน ซึ่งต้องฝึกฝนทักษะการวิจารณ์ร่วมกัน
การสร้างภาพน่ิงและภาพเคลื่อนไหว การฟัง โดยไม่ตัดสนิ ถกู ผิด
และการลาดบั ภาพ
3. การสะท้อนคิดและการแลกเปล่ียน • ผู้เรียนแต่ละกลุ่มมีกระบวนการทางานท่ี
ประสบการณ์ของผู้เรียน ขยายความเข้าใจใน แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น กลุ่มหน่ึงใช้วิธีมีผู้กากับ
การเรียนรู้และการปฏบิ ตั ิ จัดการทุกสิ่งและทุกคนก็พร้อมจะทาตาม หรือ
4. การประเมินผลงานและการบันทึกการ ตัวอย่างอีกกลุ่มท่ีใช้วิธีขายไอเดียกันและช่วยกัน
เรียนรูอ้ ย่างเป็นระบบ เลือกว่าแนวทางไหนน่าจะดี หรือกรณีอีกกลุ่มที่
ไม่ได้ยอมรับความคิดหรือข้อเสนอของเพื่อนคนใด
เป็นเด็ดขาดภายใต้เวลาท่ีจากัด ทาให้ไม่สามารถ
สรุปความคิดร่วมได้ จึงต้องอาศัยการ “ด้นสด”
เพื่อให้งานเกิด จากสามตัวอย่างน้ีมีนัยกับการ
พัฒนาการเรียนรู้ที่ครูต้องนาพาผู้เรียนก้าวข้าม
ความกลวั ผิดถูก

• ข้อสงั เกตของครู ผูเ้ รียน "กลวั ความถกู -
ผิด" วิชาศิลปะแก้ความกลัวน้ีด้วยการให้โจทย์ท่ี
แสดงใหเ้ หน็ ความเปน็ ไปได้ในหลากหลายมิติ ความ
เป็นไปได้ใหม่ ๆ สาคัญมาก แมจ้ ะช่วยปลดล็อค แต่
ไม่พอ ต้องฝกึ หัดทาเปน็ ประจา

36

ข้อคิดข้อสะท้อนจากครูผู้จัดกระบวนการเรียนรู้จากบันทึกประสบการณ์
จดั การเรยี นรโู้ ดยครูแอม บันทกึ หลังสอน, 5 พฤศจิกายน 2561

“โจทย์วันน้ีมีความท้าทาย และยั่วให้นักเรียนทา และเซอร์ไพรส์ด้วยเงื่อนไข
ใหม่ ๆ ทงี่ อกออกมา ปลกุ เร้าให้นกั เรียนต้องดูกัน ฟังกนั และไปด้วยกันอย่างแรง

โจทย์ ท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนต้องดูกัน เพราะเป็นภาพรวมของทีม เช่นตอนท่ี
ใหผ้ ้เู รยี นเคลอ่ื นสภู่ าพท่ี 2 และ 3 หลังจากนาเสนอภาพแรกแล้ว

โจทย์ ที่ให้ผู้เรียนได้ลอง Adjust การนาเสนอท่ีเตรียมมา กับส่ิงท่ีเข้ามา
เพ่มิ เตมิ แบบไม่ได้บอกล่วงหน้า เช่น เสียงเพลงประกอบ เป็นตน้ …..

ครูต้องเห็นและยกระดับการเรียนรู้ การทางานร่วมกันมีหลายรูปแบบและ
รูปแบบท่ีปรากฏขึ้นในชั้นเรียนของเราวันนี้ และไม่ใช่เร่ืองผิดที่จะมีการทางานหลาย
แบบ เพราะว่านั่นคือส่วนผสม และข้อตกลงร่วมกัน การยอมรับร่วมกันในแนวทาง
วิธกี ารทางาน สามารถทาให้เกิดขนึ้ ได้ ท้ังนี้ พื้นฐานความเชอ่ื และความสัมพนั ธ์ การถูก
ยอมรับ การให้การยอมรบั การฟังกัน ทาใหฉ้ ันได้เหน็ คณุ ภาพของเดก็ อีกมมุ หน่ึง ทีอ่ าจ
ไม่พบเจอในวชิ าด้านท่เี นน้ เนื้อหาอน่ื ๆ

กระบวนการทางานของครู วันน้ี เราเชื่อใจ ไว้ใจ และให้พ้ืนที่ในการรังสรรค์
กระบวนการ จากไอเดียที่อยู่ในหัว ค่อย ๆ ถูกลาเลียงออกมาโดยครูเบญจ์ ส่วนครูเอ้
กับครูแอม ช่วยเสริม ช่วยมอง ช่วงช้อนในบางช่วง วันแรกของสัปดาห์ อยู่ในระดับ
มาตรฐานท่ดี ี และปรับให้คมชดั ขึ้นในห้องตอ่ ๆ ไป

หนา้ ท่ขี องฉันคือ หยิบมาเขียน และบันทกึ ไว้ จะได้กลับมาดูได้ เผอ่ื ไว้รวมแผน
และรวมเลม่ รวมยุทธวธิ ี ใดใด การบนั ทกึ สาคญั ....”

37

บทที่ 5

ตดิ เครอื่ งมอื การเรยี นรู้

เพอ่ื สรา้ งงานศลิ ป์ : ดนตรี ละคร

แนวคดิ

การเรียนรู้ดนตรี ศิลปะการแสดง/ละคร ต้องอาศัย
กระบวนการและเครื่องมือการเรียนรู้พื้นฐานท่ีสาคัญ
ท่ีเกย่ี วข้องกบั กระบวนการรับรู้ ตคี วาม เข้าใจความหมาย
และสื่อสาร ผ่านภาษากาย การเคลื่อนไหว ภาษาภาพ
การละคร และเครื่องมือสร้างเสียง และองค์ประกอบตา่ ง
ๆ เพือ่ เปน็ เครื่องมือให้ผเู้ รียนนาเสนอผลงานศิลปะอย่าง
มเี ปา้ หมาย

38

แนวทางจดั การเรยี นรู้

ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ ท่ี ฝึ ก ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ใ ห้ สื่อการเรยี นรทู้ ใ่ี ชใ้ นกจิ กรรม
ผู้เรียนได้เคร่ืองมือการเรียนรู้พ้ืนฐานเพื่อเตรียม ด้านละคร
ผู้เรียนในการออกแบบก ารแสด ง โ ดยมี
สาระสาคญั • หนังสือวรรณกรรม
• บทละคร บทกวี
1) การฝึกอ่านบทละคร ตีความเนื้อหา หรือ • กระดาษ และเครอ่ื งเขียน
สรา้ งเสยี งดนตรีประกอบเรื่องราว • Smart phone

2) การสะท้อนประสบการณ์ผ่าน การ ดา้ นดนตรี
แสดงออกโดยใช้ร่างกาย สื่อสารด้วยภาษาภาพ • เครือ่ งดนตรีตา่ ง ๆ
ผา่ นกระบวนการละคร ภาพนิง่ ภาพเคลือ่ นไหว • อุปกรณ์สร้างเสียง
• กระดาษ และเคร่ืองเขียน
โดยใช้พื้นฐานจากการเรียนรู้ในบทก่อนเป็น
ส่วนประกอบเพ่ือสร้างสรรค์ผลงานตามโจทย์ท่ี ผลทคี่ าดหวงั
นักเรยี นไดเ้ ลือกสรร
ผู้ เ รี ย น ไ ด้ ฝึ ก ฝ น ทั ก ษ ะ ต่ า ง ๆ
จานวนชั่วโมงเรียนหนว่ ยละ 3 คาบ/ วัน/ ห้องเรียน โดยเฉพาะทักษะการตีความบทละคร
(รวม 2 หนว่ ย 6 คาบ) การฟัง การทดลองสร้างเร่ืองราวและ
เสียงประกอบ นาเสนอประสบการณ์
สะท้อนผา่ นเปน็ ภาพการแสดง

39

ตดิ เครื่องมอื การเรยี นรู้ : ดนตรี ศลิ ปะการแสดง

ในภาพรวมของกระบวนการติดเคร่ืองมือการเรียนรู้ให้ผู้เรียนในกลุ่มประสบการณ์ การเรียนรู้
สุนทรียะทางศิลปะ: ด้านดนตรี และละครนั้น หลังจากท่ีผู้เรียนได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานด้านต่าง ๆ แล้ว ใน
บทน้ี คือ การใหผ้ ้เู รียนไดเ้ ลือกกล่มุ การแสดงท่ผี เู้ รยี นสนใจ ไดแ้ ก่ 1) กลมุ่ ละคร 2) กลุม่ ดนตรี เพือ่ แบ่งกลุ่ม
ผู้เรยี นไปฝึกซ้อม คิดและนาเสนอศลิ ปะการแสดงด้วยโจทยท์ ผี่ ู้เรียนเลอื ก แบ่งกจิ กรรมทางานตามอสิ ระโดย
ครูเป็นที่ปรึกษา (Coach) และผู้ช่วยเอ้ืออานวยการฝึกซ้อม ช่วยแนะนาการทางานในกระบวนการเรียนรู้
ของผู้เรียน

ทั้งน้ีในแต่ละกลุ่มการแสดงต่างมีกระบวนการติดเครื่องมือการเรียนรู้ ฝึกหัด ฝึกซ้อมและนาเสนอ
แตกต่างกันไปตามธรรมชาติการทางานของกลุม่ โดยมกี ระบวนการเรียนรู้และสร้างงาน ดงั นี้

1. ด้านละคร
1.1 กระบวนการฝกึ อา่ นบทละคร ตีความบทละคร (4 คาบ)
เครื่องมือหน่ึงของการเรียนรู้คือ การคัดสรรบทละครท่ีมีคุณภาพเพ่ือให้ผู้เรียนได้ฝึกการอ่าน

วเิ คราะหแ์ ละตคี วามบทละคร โดยประสบการณเ์ ดมิ ของผู้เรยี นน้ันจะมผี ลต่อการตคี วาม การให้ความหมาย
เรอ่ื งราว ตัวละคร บทต่าง ๆ และสามารถแสดงบทบาท
ในกระบวนการละคร ดังน้ันการอ่านบทละครจึงเป็น
เครื่องมือเบื้องต้นท่ีจะทาให้ผู้เรียนเรียนรู้ที่จะทาความ
เข้าใจและวิเคราะห์ถงึ ความต้องการของตัวละครได้

ทั้งนี้ครูจะคัดเลือกบทละครจากผู้เขียนบท
ที่ ท า ง า น โ ด ย ก า ร เ ล่ า เ ร่ื อ ง ตั ว เ อ ง แ ล ะ สั ง ค ม ผ่ า น
ประสบการณ์ของผู้เขียนบท โดยเฉพาะท่ีมีความรู้จัก
กันเป็นการส่วนตัว ซึ่งเป็นส่ิงที่ครูต้องการกระตุ้นและ
ช้ีให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ วิเคราะห์และตีความบทละครว่า
ผู้เขียนบทละครส่วนใหญ่สร้างและเขียนบทจาก
ประสบการณ์ตนเอง ซึ่งน่ันหมายถึงผู้เรียนทุกคนก็
สามารถเล่าประสบการณ์หรือเขียนบทละครที่เป็นของ
ตนเองได้ และสามารถนาประสบการณ์มาสร้างเป็น
ละครได้

40

กระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้เรียนเลือกบท
ละครคัดสรร อ่านให้เพื่อนฟังแล้วชวนกันสะท้อนคิดจาก
บทท่ีได้ฟัง ฝึกการตีความ เรียนรู้ซึมซับเร่ืองบทละครท่ีดี
เพ่ือเป็นทุนสาหรับออกแบบการนาเสนอเรื่องราวของ
ตนเอง

นอกจากนี้ยังให้ผู้เรียนได้ฝึกอ่านบทกวีและ
บทละครส้ัน ผ่านการอ่านหนังสือวรรณกรรมที่ครูคัดสรร โดยให้ผู้เรียนมีเวลาในการอ่านเพื่อเลือกประโยค
เด่น หรือ “วรรคทอง” รวบรวมประโยคจากบทละครหรือบทกวีท่ีผู้เรียนประทับใจมาประมวลร่วมเป็น
ประโยคหรือข้อความสาคัญที่ต้องการส่ือสาร (Key Message) ท่ีเห็นว่ามีความหมายสามารถต่อยอด
การสร้างสรรคผ์ ลงานการละคร เป็นโจทย์ของการตีความและออกแบบการนาเสนอ เปน็ โจทย์แสดงผลงาน
ปลายภาคต่อไป

41

1.2 กระบวนการถอดประสบการณช์ วี ติ แปลงเปน็ ละคร (2 คาบ)

หลังผู้เรียนฝึกอ่านบท ตีความบทละคร และคัดเลือกเอา “วรรคทอง” ในบทละครหรือกวีมา
ตีความเป็นโจทย์สาหรับการสร้างเร่ืองละครแล้ว การติดเคร่ืองมือการเรียนรู้ท่ีสาคัญอีกประการคือ
กระบวนการชวนผ้เู รียนถอดประสบการณช์ วี ติ มาถา่ ยทอดเปน็ เร่อื งราวของละคร ดงั กิจกรรมยอ่ ยนี้

1) กระบวนการถอดประสบการณ์ ผู้เรียนจะมีกิจกรรมร่วมในการดึงเอาประสบการณ์
ตัวเองมาแบ่งปันกับเพื่อน เริ่มจาก “ความ
ทรงจา” ย่อยของแต่ละคนที่มีแกนร่วมกัน
โ ด ย ผู้ เ รี ย น ทุ ก ค น จ ะ ร่ ว ม กั น เ ล่ า
ประสบการณ์ตนเองในสิ่งท่ีอยากสะท้อน
เลือกคาสาคัญที่อยากเล่าให้เหลือประโยค
สั้น ๆ 3 ประโยคที่อยากสื่อสาร นามา
ร่วมกันถอดความ ตีความและเรียงร้อย
ให้เหลือประโยคร่วมกันเป็นประโยคหลัก
หรือโครงการเร่ือง (Theme) โดยครูให้
ผู้เรียนพิจารณาถึง “วรรคทอง” จากวรรณกรรมหรือบทละครที่ได้เรียนรู้ไป ดึงวรรคทองมาเป็นส่วนหนึ่ง
ของประโยคทีจ่ ะสือ่ สาร แปลงเป็นเน้อื หาเรือ่ งราวเชื่อมรอ้ ยเป็นเรอ่ื งละครสัน้ หนง่ึ

42

2) การแปลงประสบการณ์สู่การสื่อสารผ่านศิลปะการแสดง เม่ือผู้เรียนได้เน้ือหาและ
เรอ่ื งราวรว่ มกนั แล้ว ทุกคนจะเข้าสู่กระบวนการตคี วามและฝึกซ้อมการแสดง โดยครูใหอ้ ิสระในการฝึกซ้อม
ตง้ั แตก่ ารนาตนเองของผ้เู รยี น ท้งั การอุ่นรา่ งกาย การฝึกและตบี ทท่าทางตา่ ง ๆ

กิจกรรม ผู้เรียนฝึกซ้อมโดยการใช้ประสบการณ์
ร่วมที่ได้ประกอบเรื่องราวเป็นเน้ือหาส้ัน ๆ ท่ีต่อร้อยเป็น
เรื่องเดยี วกนั มาลองตีความคาสาคญั ท่ีอยากนาเสนอ ทั้งเชิง
ภาพน่ิง ภาพประกอบสร้าง ภาพเคล่ือนไหว และบทพูด
เชือ่ มรอ้ ยเพ่อื นาเสนอเป็นละคร

ตัวอยา่ งกิจกรรมกลุ่มยอ่ ย
•กลุ่ม 1 ผู้เรียนอยากส่ือสารว่า “การ

แสดงออกมีค่ามากกว่าถ้อยคาและความคิด” สารดังกล่าว
เป็นส่ิงท่ีสาคัญในชีวิตที่ผู้เรียนอยากแสดงออก แต่ไม่เคย
ได้ทา และมีหลายประสบการณ์ทอี่ ยากสอ่ื สาร

•กลุ่ม 2 เรื่อง “เมืองย่ิงใหญ่ คนยิ่งเหงา”
วรรคทองคือ “ภูเขาไม่มาหาโมฮาเหม็ด โมฮาเหม็ดจึงต้อง
เดินไปหาภูเขา” ผู้เรียนอยากสะท้อนร่วมกันถึงประสบการณ์ความเหงา ความรู้สึกที่โดดเดี่ยว แปลกแยก
ผลดั พรากจากรถ

นอกจากนี้ในผู้เรียนบางกลุ่ม ครูมีกิจกรรมเกมท่ีช่วยฝึกและกระตุ้นประสาทสัมผัสและจิตนาการ
ของผู้เรียนเพือ่ ชว่ ยผู้เรยี นในการตคี วามอารมณค์ วามรู้สึกในการส่ือสารเสริมอกี ทาง

43

• ตวั อยา่ งกจิ กรรมเกม “มาม่าปยุ ปยุ ”
ผู้เรียนเคล่ือนไหวด้วยการเดินแบบมีจุดหมาย (เดินโฟกัส) กระจายรอบห้อง
สมมติให้มีตัว “ปุยปุย” กับ “มาม่าปุยปุย” ผู้ท่ีเป็น “ปุยปุย” ให้หลับตาคลานคลาหา
มาม่าปุยปุย ส่วน “มามา่ ปยุ ปุย” จะไม่ขยับตัว และไม่ส่งเสียงโต้ตอบ เม่ือปุยปุยหาเจอ
มาม่าปุยปุยให้น่ัง แล้วตัวติดกัน เกมน้ีช่วยเปิดประสาทการฟัง ความไวใจ เห็นพฤติกรรม
ของการค้นหา การเข้าไปอยู่ในที่มืด ใช้น้ิวไปแตะคือตาย ให้หมุนตัวกระจายทั่วห้อง เดิน
หลับตา สร้างความซื่อสัตย์ เปิดประสาทสัมผัส เช็คอารมณ์ความรู้สึกไปด้วย ปลอดภัยไม่
ปลอดภัยเป็นอย่างไร ใหผ้ ูเ้ รยี นนามาเทียบกิจกรรมมามา่ ปุยปยุ กับต่อสใู้ นความเงยี บ

“ผลคอื ผเู้ รยี นบอกมามา่ อบอนุ่ ปลอดภยั แตเ่ ควา้ งควา้ ง แตต่ อ่ ส้คู วามมดื หวาดระแวง กลวั ”
(ครเู บจญ,์ 29 พฤศจกิ ายน 2561)

44

2. ดา้ นดนตรี (4 คาบ)

ใ น โ ม ดู ล ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ า น ด น ต รี มี
กระบวนการที่เน้นการให้ผู้เรียนได้ฝึกฟัง ทดลองสร้าง
เสียง และดนตรีประกอบเพ่ือนาเสนอเรื่องราว โดยใช้
ประสบการณ์จากการเรียนรู้เร่ืองทัศนียภาพแห่งเสียง
(Soundscape) จังหวะ ทานอง และการสร้างเสียง
ประกอบต่าง ๆ ท่ีได้เรียนรู้ไปในบทก่อน ๆ มาออกแบบ
การทางานภายใตโ้ จทยห์ รือเร่อื งราวท่ผี ู้เรียนเลอื ก

ท้ังนี้ในกระบวนการเรียนรู้ ครูให้ผู้เรียนจินตนาการถึงเร่ืองราวที่ต้องการนาเสนอ เช่น นิทาน
หรือเร่ืองเล่าต่าง ๆ โดยฝึกสร้างเสียง เลือกเคร่ืองดนตรีหรืออุปกรณ์สร้างเสียงต่าง ๆ ทดลองสร้างและ
ประกอบเสียงต่าง ๆ ให้เข้ากับเน้ือหาและเรื่องราวที่นาเสนอ รวมถึงการออกแบบตาแหน่งของวงและเสยี ง
เพ่ือส่ือสาร และแสดงสู่ผู้ชม โดยครูจะช่วยในการฝึกซ้อม แนะนาเทคนิค และช่วยกระตุ้นผู้เรียนในการ
คิดถึงความเป็นไปได้ที่หลากหลาย สามารถส่ือความหมายในส่ิงท่ีผู้เรียนต้องการสื่อสาร พร้อมกับทดลอง
และฝึกฝนการทาวงดนตรีประกอบการเล่าเรื่องในฐานะการแสดงประเภทหนึ่ง เพ่ือนาเสนอเป็นผลงาน
ตา่ ง ๆ ตามแตล่ ะกลุ่มยอ่ ย

45

46

บทบาทครใู นกระบวนการจดั การเรยี นรู้

กระบวนการตดิ เคร่ืองมือการเรียนรู้เป็นกระบวนการทค่ี รูคอยสนบั สนุนผูเ้ รียนในการทางานสร้าง
ผลงานตามโจทย์ท่ผี เู้ รยี นไดเ้ ลือก บทบาทของครูจึงมีการแบ่งบทบาทชดั เจนในกลมุ่ การเรียนรู้ทจี่ ัด

ด้านละคร
• ครู 1 (ครูเบญจ์) ทาหน้าที่เป็นผู้อานวยการ
กระบวนการเรียนรู้หลัก จัดการห้องเรียนและกระตุ้นการ
เรียนรู้ในภาพรวม หน้าที่ช่วยผู้เรียนในการตีความ ถอด
ประสบการณ์ และร้อยเรียงคาสาคัญเชื่อมโยงเป็นเน้ือหา
ละคร และฝึกซ้อมให้ผู้เรียนได้ถ่ายถอดเร่ืองราวส่ือสาร
ผ่านร่างกายและการเคล่ือนไหว และกระตุ้นให้ผู้เรียน
ฝกึ ฝนฝึกซ้อมงานของกลุ่ม
• ครู 2 (ครูแอม) คอยเติมเต็ม และกระตุ้นการ
คิดต่อยอดของผู้เรียน ช่วยให้คาแนะนาผู้เรียนในการตีบท
วิเคราะหแ์ ละสอ่ื สาร

ดา้ นดนตรี
• ครู 3 (ครูเอ้) เป็นที่ปรึกษาคอยประกบการ
เรียนรู้ สาธิตเคร่ืองมือ กระตุ้นจินตนาการ คอยฝึกทักษะ
การฟังเสียง สนับสนุนให้ผู้เรียนทดลองสร้างเสียงต่าง ๆ
เพ่ือประกอบเร่อื งราวตามท่ีผู้เรยี นออกแบบ

ในภาพรวม ครูช่วยกันทาหน้าท่ีต้ังคาถาม สังเกตและกระตุ้นการฝึกหัดฝึกซ้อมผู้เรียนให้สามารถ
สร้างสรรค์งาน ผ่านกระบวนการทางานรว่ มกันเปน็ กล่มุ ให้ผเู้ รียนการฝึกซอ้ ม และการนาเสนอผลงาน และ
สรุปความคิดรวบยอดรว่ มกับผู้เรยี น

47

สง่ิ ทคี่ รวู ดั ประเมนิ ผเู้ รยี น สง่ิ ทพี่ บ

1. การมสี ว่ นร่วมของผเู้ รยี น • ผู้เรียนแต่ละกลุ่มมีกระบวนการทางานท่ี
2. การสงั เกตทกั ษะสาคัญ การอ่าน การ แตกต่างกัน มีความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้
วเิ คราะห์และตคี วาม และเคร่ืองมือการเรียนรู้ที่มีให้ มีการทบทวนและ
3. การปฏิบัติงานการสร้างผลงานการ ฝึกฝนทกั ษะต่าง ๆ ทจ่ี าเป็นตอ้ งการสรา้ งงาน
แสดงตามโจทย์ท่ีผู้เรียนออกแบบไม่ว่าจะ
เป็นด้านละคร ดนตรี • ผู้ เ รี ย น ส า ม า ร ถ น า เ ค ร่ื อ ง มื อ แ ล ะ
4. การสะท้อนคิดและการแลกเปล่ียน ประสบการณ์ที่ได้ผ่านการเรียนรู้ไปทดลองสร้าง
ประสบการณ์ของผู้เรียนขยายความเข้าใจ งาน ฝึกซ้อมการแสดงด้วยตนเองได้ ทั้งการ
ในการเรยี นรจู้ ากการปฏบิ ตั ิ วิเคราะห์ตีความบท การถอดประสบการณ์ การ
5. การประเมินผลงานและร่อยรอง สร้างบทเพื่อสื่อสารเล่าเร่ืองราวของตนเองผ่าน
ความคดิ การแสดง หรือการสร้างสรรค์การแสดงดนตรี
ประกอบเร่ืองราว

• ผู้เรียนสามารถถอดประสบการณฝ์ ังลกึ ทม่ี ี
ทงั้ ในมติ ิท่เี ป็น “ปมความกลัว“ ”ความอ่อนแอ” สงิ่
ท่ีเป็นความรู้สึกเชิงลบที่ฝังใจ หรือแม้แต่
ประสบการณ์เชงิ บวกท่ีมตี ่อตนเอง และมุมมองที่มี
ต่อผู้คนและสังคมได้อย่างทคี่ รูคาดไม่ถึง เช่น การ
พบว่าผู้เรียนต่างมีประสบการณ์การถูกกลั่นแกล้ง
ในวัยเด็กแบบต่าง ๆ การมีประสบการณ์ความ
เหงาโดดเดยี ว มมี ุมมองตอ่ สงั คมทตี่ ัง้ คาถามใหม่ ๆ
เป็นต้น


Click to View FlipBook Version