แผนการจดั การเรียนรกู้ ลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ ( ภาษาองั กฤษ )
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง At work, at play เวลาเรยี น 17 ชว่ั โมง
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เร่อื ง Introduction เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง
สอนวนั ที่ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความร้สู ึกและความ
คิดเหน็ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลีย่ นข้อมูลเกยี่ วกบั ตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่าง ๆ
ในชีวติ ประจำวันอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองตา่ ง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ยี วกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวนั ประสบการณ์ และข่าว/
เหตุการณท์ ี่อยู่ในความสนใจของสงั คม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งภาษากับวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้
ได้อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา นำ้ เสยี ง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างการออกเสยี งประโยค
ชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ทงั้ ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาส่ือสารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณจ์ ำลองทเี่ กิดข้นึ ในหอ้ งเรียน
สถานศึกษา และชุมชน
2. สาระสำคญั
การพูดทกั ทาย แนะนำตนเอง แนะนำเพื่อน และสำนวนการตอบรบั เพื่อแลกเปลีย่ นขอ้ มูล
เก่ียวกับตนเองและ ผู้อ่นื เพื่อเป็นประโยชน์การส่ือสารในชีวิตประจำวัน
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกสำนวนที่ใช้ในการทักทาย แนะน าตนเอง แนะน าเพื่อน และการตอบรบั ได้(K)
2. พูดสนทนาโต้ตอบข้อมูลเกย่ี วกบั ตนเองและผู้อนื่ ได้อย่าง เหมาะสม (P)
3. นักเรียนมเี จตคติทีด่ ใี นการใช้ภาษาเพ่ือการสื่อสาร (A)
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า ฟงั เพ่ือหาข้อมูลเฉพาะ
Listening: พูดขอและให้ข้อมูลเกย่ี วกับเวลาและข้อมูลส่วนตัว,
Speaking: พดู ทักทายและแนะนำตวั
Writing: เขียนประโยค
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. มคี วามสามารถในการส่ือสาร (การพดู ทักทาย แนะน าตนเอง แนะน าผอู้ ่นื )
2. ความสามารถในการคิด (สรา้ งบทสนทนา)
3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต (โดยกระบวนการกลุ่ม)
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ซื่อสัตยส์ จุ รติ (ทำงานในทีมของตนไม่ลอกผลงานผู้อนื่ )
2. มวี นิ ัย (ทำงานใหเ้ สร็จตามเวลา)
3. ใฝเ่ รยี นร(ู้ ค้นควา้ หาข้อมลู จากแหล่งเรยี นรู)้
4. อย่อู ยา่ งพอเพียง (ฝึกใหน้ กั เรยี นไดม้ ีหลักคดิ ความสั้น-ยาว พอประมาณตามความสามารถของ
ผ้เู รยี น)
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. กิจกรรมนำสู่บทเรยี น( Warm up )
1. นำเขา้ สู่บทเรยี น โดยครโู ชวเ์ นอื้ เพลง Hello my friends. บนกระดาน และถามนักเรียนวา่
How many words that you can read? (พอประมาณ)
2. ครูโยงเขา้ สเู่ นอ้ื หาเก่ียวกับเนอื้ เพลง Hello my friends โดยถามค าถามกระต้นุ คดิ นกั เรยี น
ด้วยคำถาม What is the greeting word? Do you know the other words that use for greeting?
(เง่ือนไขความรู้)
3. นกั เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็นถึงความแตกต่างระหว่างค าท่ีใชใ้ นการทกั ทาย What are
differences between the greeting words? (ความมเี หตุผล มิตทิ างวัฒนธรรม)
2. ขนั้ นำเสนอ (Presentation)
1. ครูนำเสนอบทสนทนาเกย่ี วกับการทักทาย แนะนำตนเอง แนะนำผู้อน่ื และการตอบรับท่ีใช้ใน
ชีวติ ประจำวนั (เงื่อนไขความร)ู้
2. ครสู ุ่มนกั เรียนมาแสดงบทบาทสมมตุ ิเก่ยี วกบั บทสนทนา แนะนำตนเอง แนะนำผอู้ น่ื
3. ขนึ้ ฝกึ ปฏบิ ัติ (Practice)
1. ครแู บ่งกลมุ่ นกั เรียนโดยคละความสามารถ (เก่ง ปานกลาง อ่อน) กลุ่มละ 5-6 คน ให้นกั เรียนรว่ ม
วางแผนการทำงานเป็นทีม โดยมอบหมายให้แตล่ ะกลมุ่ คิดบทสนทนาท่ีใชใ้ นการทักทาย แนะนำตนเอง
แนะนำผูอ้ นื่ และ การตอบรับท่ีใช้ในชวี ิตประจำวัน (พอประมาณ, ภูมคิ มุ้ กันในตวั ท่ีดี)
2. ครใู ห้สมาชิกแตล่ ะกลุ่มออกมาน าเสนอหนา้ ช้ันเรยี น
3. ครูใหน้ กั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับบทสนทนาทีเพ่ือน ๆ นำเสนอ (ความมเี หตุ
มผี ล)
4. ครูให้นกั เรียนล้อมเปน็ วงกลมเพือ่ ฝึกการสนทนากบั ผู้อืน่ (มิติทางสังคม) ครูสังเกตความ
คล่องแคล่วและ ความถูกต้องของการสนทนาของนักเรยี น (ภมู คิ ุม้ กัน, มิตทิ างสังคม)
4. ขนั้ นำไปใช้ ( Production )
ครูใหน้ ักเรยี นจับคกู่ นั และเขียนบทสนทนาเกี่ยวกบั การแนะนำตนเอง แนะนำผ้อู นื่ ท่ีมีความ
หลากหลายและ แตกตา่ งจากบทสนทนาในห้องเรยี น แลว้ นำมาเสนอหน้าช้ันเรียนในคาบตอ่ ไป
5. ข้นั สรปุ ( Wrap up )
นักเรียนและครูสรปุ เนอื้ หาเกย่ี วกบั บทสนทนารว่ มกนั
7. สือ่ การเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้
1. เพลง Hello friends
2. การแสดงบทบาทสมมุติ
8. วิธกี ารวัดผลและประเมินผลการเรยี นรู้
เครื่องมอื วธิ กี าร เกณฑก์ ารประเมนิ
1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียน - สงั เกตการเข้าร่วมและความตง้ั ใจ 4 ระดบั ดีมาก - ดี - พอใช้
- ปรับปรุง
ในการทำกิจกรรม
แผนการจดั การเรียนรู้กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาตา่ งประเทศ ( ภาษาองั กฤษ )
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง At work, at play เวลาเรยี น 17 ชัว่ โมง
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 2 เรื่อง Starter 1 เวลาเรียน 1 ช่วั โมง
สอนวนั ที่ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชวี้ ดั
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรูส้ ึกและความ
คดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธิภาพ
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลี่ยนข้อมลู เกย่ี วกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่าง ๆ
ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรือ่ งต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเกย่ี วกบั ตนเอง กิจวตั รประจำวัน ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณ์ท่ีอยู่ในความสนใจของสงั คม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา นำ้ เสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษากับ
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสยี งประโยค
ชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทัง้ ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม
ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาส่อื สารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ ำลองทีเ่ กิดข้นึ ในห้องเรยี น
สถานศกึ ษา และชุมชน
2. สาระสำคญั
การทบทวนคำศัพท์ โครงสร้าง และสำนวนภาษาท่เี รียนมาแลว้ เป็นการฝึกฝนสงิ่ ทไ่ี ด้เรยี นรู้ เพ่ือให้
สามารถนำใชใ้ นการพดู /เขยี นสอ่ื สารได้
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. พูดทักทายและแนะนำตัวได้
2. พดู ขอและใหข้ ้อมูลเก่ียวกับเวลา และข้อมลู สว่ นตวั ได้
3. เขยี นใหข้ ้อมลู เก่ียวกบั ตนเองได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Parts of the body (hair, head, ear, eye, knee, foot, leg, hand,
arm, neck, mouth, nose)
Telling the time (half past, a quarter past, o’clock, a quarter
to, past, to)
Furniture & appliances (fireplace, washbasin, window, cooker,
pillow, sofa, bed, wardrobe, cupboard, curtain, chair, mirror,
table, bath, fridge)
Clothes (tie, jumper, skirt, trainers, coat, jeans, boots, hat,
socks, suit, belt, shirt, jacket, dress, shorts, gloves, sandals)
Grammar: verb to be, have got, plurals, this/these - that/those, there
is/there are, pronouns, possessive determiners, prepositions of
places, can (ability)
Functions: Telling the time
What time is it? It’s half past eight. It’s a quarter to one.
Greeting & introductions
Hello, my name is Samuel Jones.
It’s a pleasure to meet you.
Nice to meet you.
Ask for & give personal information
What’s your name? I’m Emma.
Where are you from? I’m from Brighton.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่ือหาข้อมูลเฉพาะ
Speaking: พดู ขอและให้ข้อมลู เก่ยี วกับเวลาและข้อมูลสว่ นตัว,
พูดทักทายและแนะนำตวั
Writing: เขียนประโยค
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการสื่อสาร
5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
ใฝ่เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
1. กจิ กรรมนำสู่บทเรยี น( Warm up )
1. ครูพดู ทกั ทายนักเรยี น และแนะนำตนเอง เช่น Good morning class. I’m Tida. I’m your
English teacher. แล้วครใู ห้นกั เรยี นพูดแนะนำตนเองทลี ะคน
2. ครูบอกนักเรียนว่า ชวั่ โมงนี้นักเรยี นจะได้ทบทวน verb to be, have got, plurals,
this/these - that/those, there is/there are, pronouns, possessive determiners, parts of the
body และการบอกเวลา
2. ขั้นนำเสนอ (Presentation)
1. ครูเขยี นหวั ข้อ Daily routines และ Free-time activities บนกระดาน แล้วใหน้ กั เรียนอ่าน
กจิ กรรมที่อยใู่ ตภ้ าพ 1-12 และช่วยกันระบุว่าแต่ละกจิ กรรมอยใู่ ต้หัวข้อใด ครูเขียนคำตอบของนกั เรยี นบน
กระดาน
2. ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกนั บอกโครงสรา้ งของ verb to be ในรูปบอกเลา่ ปฏเิ สธ และคำถาม แล้ว
ครูเขียนบนกระดาน จากนั้นสมุ่ เรยี กนักเรยี น 2-3 คน แตง่ ประโยคโดยใช้ verb to be
3. ขึน้ ฝึกปฏิบัติ (Practice)
1. ครทู บทวนการเปลี่ยนคำนามเอกพจนเ์ ปน็ พหูพจน์ โดยให้นักเรยี นชว่ ยกนั ยกตัวอย่าง
2. ครถู ามความหมายของ have got แล้วให้นักเรียนช่วยกนั บอกวา่ เราใช้ have got เพ่ืออะไร
จากนั้นครูขออาสามาสมัคร 3-4 คน แต่งประโยคโดยใช้ have got
3. ครูทบทวนการใช้ this/these - that/those โดยชี้ไปท่สี ง่ิ ของในชนั้ เรียนทง้ั ที่อยูไ่ กลและอยใู่ กล้
แล้วให้นักเรยี นพดู ประโยค
4. ครูทบทวนการใช้ there is/there are โดยยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน There is a book
on the desk. There are some pens on the desk. แล้วให้นกั เรยี นบอกว่าคำใดใช้กบั คำนามเอกพจน์ คำ
ใดใชก้ ับคำนามพหูพจน์ จากน้ันใหน้ กั เรียนอา่ นตารางในหนงั สือเรยี น หน้า 5 Ex. 8a แล้วชว่ ยกันคดิ ว่ามี
โครงสร้างลกั ษณะเชน่ นใี้ นภาษาไทยหรือไม่
5.หนงั สือเรยี น หนา้ 5 Ex. 8b นกั เรยี นเตมิ There is, There isn’t, There are, There aren’t ลง
ในประโยคใหถ้ ูกต้อง
6. ครทู บทวน pronouns และ possessive determiners โดยครเู ขียนตารางเหมอื นในหนงั สือ
เรยี น หนา้ 6 Ex. 10 บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรยี นออกมาเติมคำลงในตาราง จากน้ันให้นกั เรยี นชว่ ยกัน
อธบิ ายการใช้ pronouns และ possessive determiners
7. นกั เรยี นทบทวนคำศัพท์เก่ียวกบั อวยั วะในรา่ งกาย โดยใหน้ ักเรียน 1 คน ออกมายืนหนา้ ช้ัน แลว้
ครชู ไี้ ปที่อวัยวะส่วนต่างๆ ให้นักเรียนชว่ ยกันบอกคำศัพท์
8. หนังสือเรยี น หนา้ 6 Ex. 11 นักเรยี นเตมิ คำศัพทเ์ ก่ียวกับอวยั วะในร่างกายใหถ้ ูกตอ้ ง
4. ขนั้ นำไปใช้ ( Production )
ครูใหน้ ักเรียนจับคู่กับเพอื่ น ผลัดกันพดู บรรยายห้องนอนของตนเอง เพ่อื ใหเ้ พ่ือนวาดภาพตาม เมื่อ
เพื่อนวาดเสร็จใหน้ ักเรียนดวู ่าภาพท่ีเพ่ือนวาดถูกต้องตามท่ีบรรยายหรอื ไม่
5. ขนั้ สรปุ ( Wrap up )
1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ เหตผุ ลของนกั เรียนในชั้นโดยใช้ mind map
2. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดในหนงั สือเรยี น หนา้ 6 ใหถ้ ูกต้อง
7. ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้
1. หนังสือเรียน SPARK 2 ม. 2
2. เกม
8. วิธีการวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้
เครือ่ งมือ วธิ กี าร เกณฑ์การประเมิน
ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่า 60%
1. แบบฝึกหดั -ตรวจความถกู ต้องของแบบฝึกหัด
4 ระดับ ดมี าก - ดี - พอใช้
สมุด - ปรบั ปรงุ
2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียน - สงั เกตการเข้ารว่ มและความตัง้ ใจ
ในการทำกิจกรรม
แผนการจัดการเรยี นรกู้ ลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ ( ภาษาองั กฤษ )
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง At work, at play เวลาเรียน 17 ชัว่ โมง
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 3 เรอ่ื ง Starter 2 เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง
สอนวันท่ี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชีว้ ัด
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรูส้ ึกและความ
คิดเห็นอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลย่ี นข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ ัว และสถานการณ์ตา่ ง ๆ
ในชีวติ ประจำวันอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กจิ วัตรประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณท์ ่ีอย่ใู นความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งภาษากับวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้
ได้อยา่ งเหมาะสมกับกาลเทศะ
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา นำ้ เสียง และกิรยิ าท่าทางเหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ
ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ต 2.2 ม. 2/1 เปรยี บเทยี บและอธบิ ายความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยค
ชนดิ ตา่ ง ๆ และการลำดบั คำตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชมุ ชน และสังคม
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดข้นึ ในห้องเรียน
สถานศกึ ษา และชุมชน
2. สาระสำคัญ
การทบทวนคำศัพท์ โครงสรา้ ง และสำนวนภาษาทเ่ี รียนมาแล้ว เปน็ การฝึกฝนสิ่งท่ไี ดเ้ รยี นรู้ เพื่อให้
สามารถนำใชใ้ นการพดู /เขียนสือ่ สารได้
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. พดู ทักทายและแนะนำตัวได้
2. พดู ขอและใหข้ ้อมลู เกย่ี วกับเวลา และขอ้ มูลส่วนตวั ได้
3. เขยี นใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกับตนเองได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Parts of the body (hair, head, ear, eye, knee, foot, leg, hand,
arm, neck, mouth, nose)
Telling the time (half past, a quarter past, o’clock, a quarter
to, past, to)
Furniture & appliances (fireplace, washbasin, window, cooker,
pillow, sofa, bed, wardrobe, cupboard, curtain, chair, mirror,
table, bath, fridge)
Clothes (tie, jumper, skirt, trainers, coat, jeans, boots, hat,
socks, suit, belt, shirt, jacket, dress, shorts, gloves, sandals)
Grammar: verb to be, have got, plurals, this/these - that/those, there
is/there are, pronouns, possessive determiners, prepositions of
places, can (ability)
Functions: Telling the time
What time is it? It’s half past eight. It’s a quarter to one.
Greeting & introductions
Hello, my name is Samuel Jones.
It’s a pleasure to meet you.
Nice to meet you.
Ask for & give personal information
What’s your name? I’m Emma.
Where are you from? I’m from Brighton.
2) Language Skills
Listening: ฟงั เพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ
Speaking: พูดขอและใหข้ ้อมูลเกย่ี วกับเวลาและข้อมูลสว่ นตัว,
พูดทักทายและแนะนำตัว
Writing: เขียนประโยค
4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน
ความสามารถในการสื่อสาร
5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ใฝ่เรยี นรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
1. กจิ กรรมนำส่บู ทเรยี น( Warm up )
ครูบอกนักเรยี นว่า ชวั่ โมงน้นี ักเรียนจะไดท้ บทวน prepositions of places, can (ability),
clothes, การทักทายและแนะนำตวั และการขอและให้ขอ้ มลู สว่ นตัว
2. ขั้นนำเสนอ (Presentation)
1. ครทู บทวน prepositions of places (in, on, behind, in front of, opposite, under, next
to, between) โดยวาดภาพงา่ ย ๆ บนกระดาน และใหน้ ักเรยี นบอกคำศัพท์ครูใหน้ ักเรียนช่วยกันบอก
โครงสรา้ งของ verb to be ในรูปบอกเล่า ปฏเิ สธ และคำถาม แล้ว
2. ครทู บทวนการใช้ can บอกความสามารถ โดยครพู ูดบอกส่งิ ท่ตี นเองทำได้และทำไม่ได้ เช่น I
can ride a bicycle. I can’t swim. และเขยี นบนกระดาน ครูชใี้ ห้นกั เรยี นดวู า่ หลัง can และ can’t จะตาม
ดว้ ย infinitive
3. ครใู หน้ ักเรยี นอ่านคำกรยิ า/วลีในกรอบ แลว้ บอกความหมายหนงั สือเรยี น หนา้ 7 Ex. 13a
13b ครใู ห้นักเรยี นเขียนส่งิ ที่ตนเองทำได้และทำไม่ได้ โดยใชค้ ำกริยา/วลจี าก จากน้ันครูสมุ่ เรยี กนกั เรียน 3-4
คน บอกส่ิงทต่ี นเองทำไดแ้ ละทำไม่ได้
4. ครใู ห้นกั เรียนทบทวนคำศัพท์เกย่ี วกับเสื้อผา้ โดยดภู าพแล้วบอกคำศัพท์ จากน้นั ให้นกั เรียนเติม
คำศัพท์ในตารางอักษรไขว้ ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 7 Ex. 15
5. ครูทบทวนการแสดงความเปน็ เจ้าของโดยใช้ apostrophe (’) ด้วยการยกตัวอย่างบนกระดาน
เชน่ Jane’s skirt is beautiful. These are the girls’ hats. Children’s books are on the table. แล้ว
ให้นกั เรียนบอกหลักการใช้ apostrophe กับคำนาม
3. ข้ึนฝกึ ปฏบิ ัติ (Practice)
1. ครใู ห้นกั เรียนอ่านบทสนทนา แลว้ จบั คูก่ ับภาพทสี่ ัมพันธ์กนั ในหนงั สือเรยี น หนา้ 8 Ex. 17a
2. ครใู ห้นักเรียนจับกลมุ่ กลมุ่ ละ 3 คน ใหแ้ ต่ละกลมุ่ เลือกบทสนทนา 1 บท จาก Ex. 17a แลว้
ฝึกซ้อมพดู สนทนา
4. ขัน้ นำไปใช้ ( Production )
ครูใหน้ ักเรยี นจบั คู่ ผลัดกันพดู ถาม-ตอบข้อมลู สว่ นตวั โดยใช้คำถามจาก Ex. 18
5. ขั้นสรปุ ( Wrap up )
ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ เก่ียวกับเร่ืองตา่ งๆทเี่ รยี นมา
7. ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียน SPARK 2 ม. 2
2. เกม
8. วธิ กี ารวดั ผลและประเมินผลการเรยี นรู้
เคร่ืองมือ วิธีการ เกณฑก์ ารประเมิน
1. แบบฝกึ หดั -ตรวจความถูกต้องของแบบฝึกหัด ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่า 60%
สมดุ
2. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียน - สังเกตการเข้ารว่ มและความตัง้ ใจ 4 ระดบั ดมี าก - ดี - พอใช้
ในการทำกจิ กรรม - ปรับปรุง
แผนการจดั การเรยี นร้กู ลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ( ภาษาอังกฤษ )
ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง At work, at play เวลาเรียน 17 ชวั่ โมง
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 เรือ่ ง Daily routines เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง
สอนวนั ท่ี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องท่ฟี ังและอ่านจากสอื่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็นอยา่ ง
มีเหตุผล
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ข้อเร่อื ง ใจความสำคัญ บอกรายละเอยี ดสนบั สนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั เร่ืองท่ีฟังและอา่ นพร้อมทงั้ ให้เหตผุ ลและยกตัวอย่าง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสือ่ สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความร้สู กึ และความ
คิดเหน็ อย่างมีประสิทธิภาพ
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลย่ี นข้อมลู เกีย่ วกบั ตนเอง เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ ัว และสถานการณ์ต่าง ๆ
ในชวี ิตประจำวนั อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขียนเพอ่ื ขอและให้ข้อมลู บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับเรอื่ งท่ฟี ัง
หรอื อา่ นอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรอ่ื งตา่ ง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขียนบรรยายเกย่ี วกับตนเอง กจิ วตั รประจำวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณ์ท่ีอยู่ในความสนใจของสงั คม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้
ได้อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ต 2.1 ม. 2/1 ใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับ
ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยค
ชนดิ ตา่ ง ๆ และการลำดบั คำตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ ่าง ๆ ท้ังในสถานศึกษา ชมุ ชน และสังคม
ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาสือ่ สารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ ำลองทีเ่ กดิ ขน้ึ ในหอ้ งเรยี น
สถานศึกษา และชมุ ชน
2. สาระสำคัญ
การจับใจความสำคัญและรายละเอยี ดของข้อมลู ที่อา่ นและฟังเปน็ ความสามารถท่สี ำคญั ประการ
หน่งึ ของทกั ษะการรับสาร ซึ่งจะนำไปสู่การสรุปสารทร่ี ับได้ นอกจากนี้การมีความรู้เกย่ี วกับคำศัพท์และ
ประโยคตา่ ง ๆ ตามเนอื้ หา จะชว่ ยใหส้ ามารถนำสง่ิ ทีเ่ รยี นร้ไู ปใชใ้ นการพูด/เขียนส่ือสารได้อย่างถูกต้อง
ตลอดจนมคี วามเข้าใจในวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกรายละเอียดของเรอื่ งทอี่ ่านและฟัง และแสดงความคิดเห็นได้
2. สมั ภาษณ์และเขยี นบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับอาชีพของบุคคลในครอบครวั ได้
3. เขยี นบรรยายคุณสมบัตทิ ่ีจำเปน็ ของอาชพี ต่าง ๆ ได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Jobs (fashion designer, nurse, secretary, dentist, pilot, police
officer, hairdresser, shop assistant)
Job qualities (sociable, creative, caring, intelligent, calm,
cheerful, patient, fit, organised, brave)
Functions: Describing character
Fashion designers need to be intelligent, creative and
organised.
Talking about daily routines
I get up early, have a shower and get dressed.
Talking about free-time activities
I watch some TV programmes or listen to music.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่ือหาข้อมูลเฉพาะ
Speaking: สมั ภาษณ์เก่ียวกับอาชีพของบุคคลในครอบครัว
Reading: อ่านเพื่อหาข้อมลู เฉพาะ
Writing: เขยี นบรรยายคณุ สมบตั ทิ ีจ่ ำเปน็ ของอาชีพต่าง ๆ,
เขยี นบทสมั ภาษณเ์ ก่ยี วกับอาชีพของบุคคลในครอบครวั
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝเ่ รยี นรู้
2) มุง่ มั่นในการทำงาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
1. กิจกรรมนำส่บู ทเรียน( Warm up )
ครูใหน้ ักเรียนอา่ นช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ (At work, at Play) ในหนังสอื เรียน หน้า 9 แลว้ รว่ มกนั แสดง
ความคิดเห็นวา่ น่าจะเกี่ยวข้องกับอะไร
2. ขนั้ นำเสนอ (Presentation)
1. ครเู ขียนหวั ขอ้ Daily routines และ Free-time activities บนกระดาน แล้วใหน้ ักเรยี นอ่าน
กจิ กรรมที่อย่ใู ตภ้ าพ 1-12 และชว่ ยกนั ระบุวา่ แตล่ ะกจิ กรรมอยู่ใตห้ วั ข้อใด ครูเขยี นคำตอบของนกั เรยี นบน
กระดาน
2. ครูใหน้ ักเรียนฝึกออกเสียงตามพร้อมกันและทลี ะคน เสรจ็ แลว้ ชว่ ยกนั บอกความหมายโดยเดา
ความหมายจากภาพ
3. ครใู ห้นกั เรียนจับค่ผู ลัดกนั ถาม-ตอบเกยี่ วกบั กจิ วัตรประจำวันและกิจกรรมในเวลาวา่ ง โดยใช้
คำถามทีใ่ ห้มาและวลใี น Ex. 1 ครคู อยสงั เกต แลว้ สมุ่ เรียกนกั เรยี นบางคู่พดู ถาม-ตอบให้เพ่อื นฟงั
3. ขน้ึ ฝกึ ปฏิบัติ (Practice)
1. ครแู บง่ นกั เรยี นเปน็ กลุ่มย่อย แลว้ ให้นักเรียนอ่านประโยคข้อ 1-5 พร้อมกัน และบอกคำสำคัญ
ในแตล่ ะประโยค ครเู ขียนคำทนี่ กั เรียนบอกบนกระดาน จากน้นั ให้แตล่ ะกล่มุ ชว่ ยกนั เดาว่าประโยคแตล่ ะขอ้
เปน็ คุณลักษณะของอาชพี ใดระหว่าง Chocolate taster และ Magician’s assistant พร้อมทงั้ ใหเ้ หตผุ ล
2. นกั เรยี นอ่านออกเสียงคำศัพท์และวลีในกรอบ Check these words ถ้าคำใดอา่ นไม่ได้ให้อ่าน
ตามครู จากน้ันให้นกั เรยี นชว่ ยกนั บอกความหมายของคำศัพท์ ถา้ คำใดทไี่ มร่ ู้ ใหน้ ักเรยี นเปดิ หาความหมายใน
พจนานกุ รม
3. ครูให้นักเรียนอ่านบทอ่านไปดว้ ยกัน เมอ่ื อ่านจบครูถามนักเรียนวา่ คณุ ลักษณะ
ใดเป็นคุณลักษณะของอาชีพ Chocolate taster และคณุ ลักษณะใดเปน็ คุณลักษณะของอาชีพ Magician’s
assistant ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ตอบ
4. ขั้นนำไปใช้ ( Production )
ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มตอบคำถามทช่ี ว่ ยกนั ตั้งบนกระดาน จากนั้นครใู หต้ วั แทนแต่ละกลุ่ม
บอกคำตอบ
5. ข้นั สรปุ ( Wrap up )
4. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ อภิปรายร่วมกนั ว่าตอ้ งการทำอาชพี ใดและไมต่ ้องการทำอาชีพใด
ระหว่าง Chocolate taster และ Magician’s assistant พร้อมใหเ้ หตผุ ลแล้วเขยี นสรปุ จากนั้นให้แต่ละกลมุ่
อ่านให้เพอ่ื นกลุม่ อน่ื ฟงั เพ่ือจดบนั ทกึ เหตผุ ลท่ีต้องการทำและไม่ต้องการทำ
5. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปเหตผุ ลของนกั เรยี นในช้ันโดยใช้ mind map
6. แบบฝกึ หัด (Workbook) หนา้ 4 Exs. 1-2 ใหน้ ักเรียนทำเปน็ การบา้ น
7. ส่อื การเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี น SPARK 2 ม. 2
2. กระดาษ A4
3. บตั รคำศัพทอ์ าชีพ
8. วิธีการวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้
เครือ่ งมือ วธิ กี าร เกณฑ์การประเมิน
ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่า 60%
1. แบบฝึกหดั -ตรวจความถกู ต้องของแบบฝึกหัด
4 ระดับ ดมี าก - ดี - พอใช้
สมุด - ปรบั ปรงุ
2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียน - สงั เกตการเข้ารว่ มและความตัง้ ใจ
ในการทำกิจกรรม
แผนการจัดการเรียนรกู้ ลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ( ภาษาองั กฤษ )
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง At work, at play เวลาเรยี น 17 ชั่วโมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 เร่อื ง Job เวลาเรียน 1 ชั่วโมง
สอนวนั ท่ี ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่อื งท่ฟี งั และอ่านจากสือ่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ อยา่ ง
มเี หตผุ ล
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ข้อเร่ือง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนบั สนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั เร่ืองที่ฟังและอ่านพร้อมทัง้ ให้เหตุผลและยกตัวอยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรสู้ กึ และความ
คิดเห็นอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลีย่ นข้อมลู เก่ยี วกบั ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ ัว และสถานการณ์ตา่ ง ๆ
ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/4 พดู และเขยี นเพื่อขอและให้ข้อมลู บรรยาย และแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั เรื่องท่ีฟัง
หรืออา่ นอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเกย่ี วกบั ตนเอง กิจวัตรประจำวนั ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณท์ ่ีอย่ใู นความสนใจของสงั คม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธร์ ะหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้ำเสยี ง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษากบั
ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างการออกเสียงประโยค
ชนิดต่าง ๆ และการลำดบั คำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณต์ ่าง ๆ ท้งั ในสถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาสือ่ สารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ ำลองท่เี กดิ ขึ้นในหอ้ งเรียน
สถานศึกษา และชมุ ชน
2. สาระสำคัญ
การจับใจความสำคัญและรายละเอยี ดของข้อมลู ที่อา่ นและฟังเปน็ ความสามารถท่สี ำคญั ประการ
หน่งึ ของทกั ษะการรับสาร ซึ่งจะนำไปสู่การสรุปสารทร่ี ับได้ นอกจากนี้การมีความรู้เกย่ี วกับคำศัพท์และ
ประโยคตา่ ง ๆ ตามเนอื้ หา จะชว่ ยใหส้ ามารถนำสง่ิ ทีเ่ รยี นร้ไู ปใชใ้ นการพูด/เขียนส่ือสารได้อย่างถูกต้อง
ตลอดจนมคี วามเข้าใจในวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกรายละเอียดของเรอื่ งทอี่ ่านและฟัง และแสดงความคิดเห็นได้
2. สมั ภาษณ์และเขยี นบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับอาชีพของบุคคลในครอบครวั ได้
3. เขยี นบรรยายคุณสมบัตทิ ่ีจำเปน็ ของอาชพี ต่าง ๆ ได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Jobs (fashion designer, nurse, secretary, dentist, pilot, police
officer, hairdresser, shop assistant)
Job qualities (sociable, creative, caring, intelligent, calm,
cheerful, patient, fit, organised, brave)
Functions: Describing character
Fashion designers need to be intelligent, creative and
organised.
Talking about daily routines
I get up early, have a shower and get dressed.
Talking about free-time activities
I watch some TV programmes or listen to music.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่ือหาข้อมูลเฉพาะ
Speaking: สมั ภาษณ์เก่ียวกับอาชีพของบุคคลในครอบครัว
Reading: อ่านเพื่อหาข้อมลู เฉพาะ
Writing: เขยี นบรรยายคณุ สมบตั ทิ ีจ่ ำเปน็ ของอาชีพต่าง ๆ,
เขยี นบทสมั ภาษณเ์ ก่ยี วกับอาชีพของบุคคลในครอบครวั
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝเ่ รยี นรู้
2) มุง่ มั่นในการทำงาน
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
1. กจิ กรรมนำสูบ่ ทเรยี น( Warm up )
1. ครใู ห้นกั เรยี นเลน่ เกม Hangman เกย่ี วกบั คำศพั ท์ที่เรียนไปในชั่วโมงที่แลว้ ประมาณ 8-10 คำ
โดยแบง่ ทมี ตามแถว
2. นักเรียนอา่ นคำศัพท์และวลใี นกรอบ Check these words หนังสอื เรยี น หนา้ 10 พร้อมกัน
2. ข้นั นำเสนอ (Presentation)
1. ครแู สดงบัตรคำศพั ท์อาชพี fashion designer, nurse, secretary, dentist, pilot, police
officer, hairdresser, shop assistant ใหน้ กั เรยี นดู (หรือถ้ามีคอมพิวเตอร์ในหอ้ งเรียน ครอู าจจะพมิ พ์
คำศัพทใ์ หด้ ู) แล้วใหน้ กั เรยี นอ่านออกเสียงตามครู 2 คร้ัง และอ่านออกเสยี งพร้อมกัน
2. ครใู หน้ กั เรียนดูภาพอาชีพตา่ ง ๆ ในหนังสอื เรียน หน้า 11 และช่วยกนั บอกช่ืออาชีพตามภาพ
โดยครขู ึน้ ตน้ พยัญชนะตวั แรกให้
3. ครูแบ่งกลุ่มนักเรยี นเป็นกลุ่ม กล่มุ ละ 3-5 คน แลว้ ใหก้ ลุ่มเลขคู่อา่ นประโยคที่ 1-4 สว่ นกลมุ่ เลข
คอี่ า่ นประโยคท่ี 5-8 จากนน้ั ใหแ้ ต่ละกลมุ่ จบั คู่ประโยคกับภาพอาชีพภายในเวลา 2 นาที แล้วครสู มุ่ เรียก
ตวั แทนกลุ่มบอกคำตอบกลุ่มละ 1 ข้อ ใหน้ ักเรยี นตรวจคำตอบของกลุ่มตนและร่วมกันแกไ้ ขคำตอบท่ีไม่
ถูกต้อง
3. ขึ้นฝกึ ปฏิบตั ิ (Practice)
1. ครูให้นักเรยี นเขียนประโยคบรรยายคุณสมบัติของแตล่ ะอาชพี ใน Ex. 4 โดยใช้ adjectives จาก
Ex. 5a เสรจ็ แลว้ ครขู ออาสาสมัครอ่านประโยค
2. ครอู ธบิ ายนักเรียนวา่ จะได้ฟัง Nicky พูดเกย่ี วกบั ชวี ติ ของเขา ซ่ึงเป็น ชา่ งตัดผม ใหน้ ักเรียนฟงั
และจดบันทึกสงิ่ ที่ Nicky ชอบและไมช่ อบเก่ียวกบั กิจวัตรประจำวนั ของเขา และกิจกรรมที่ Nicky ทำเพ่ือผ่อน
คลาย ครูเขียนตารางบนกระดาน และให้นกั เรียนลอกลงในสมุดเพ่ือบันทกึ ข้อมูลจากนั้นครใู หน้ ักเรียนฟงั และ
จดบันทึกข้อมูลลงในตาราง
3. ครใู ห้นกั เรียนชว่ ยกนั บอกข้อมูล แลว้ ครเู ขยี นลงในตารางบนกระดาน จากนัน้ ครถู ามคำถาม
What does Nicky like about daily routine? What does he not like about daily routine? How
does he relax in the evening? ใหน้ กั เรยี นบอกคำตอบโดยใชข้ อ้ มลู จากตาราง
4. ขนั้ นำไปใช้ ( Production )
ครูอธิบายภาระงานว่าใหน้ กั เรียนไปสัมภาษณ์บุคคลในครอบครวั 1 คน โดยใชค้ ำถามท่ีกำหนดให้
(ครอู าจจะให้นักเรยี นถา่ ยคลปิ ขณะสัมภาษณ์ดว้ ย) แลว้ เขียนบทสัมภาษณ์มาสง่ ครูเมื่อนักเรียนเข้าใจสง่ิ ท่ีตอ้ ง
ทำแล้ว ครใู ห้นกั เรยี นอ่านคำถามท่ีกำหนดให้พรอ้ มกัน ครูอธิบายเพิ่มเตมิ สำหรบั คำถามท่ีนักเรียนไมเ่ ข้าใจ
5. ขั้นสรุป ( Wrap up )
1. นักเรยี นทำ Language Review 1a Exs. 1-2 ในหนงั สือเรยี น หน้า 105 รว่ มกนั ในชั้น
2. แบบฝึกหดั (Workbook) หน้า 4-5 Exs. 3-8 ให้นักเรียนทำเป็นการบ้าน
7. สอ่ื การเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้
1. หนังสือเรียน SPARK 2 ม. 2
2. เกม
8. วิธีการวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้
เครือ่ งมือ วธิ กี าร เกณฑ์การประเมิน
ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่า 60%
1. แบบฝึกหดั -ตรวจความถกู ต้องของแบบฝึกหัด
4 ระดับ ดมี าก - ดี - พอใช้
สมุด - ปรบั ปรงุ
2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียน - สงั เกตการเข้ารว่ มและความตัง้ ใจ
ในการทำกิจกรรม
แผนการจดั การเรยี นรูก้ ลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ ( ภาษาองั กฤษ )
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เรอื่ ง At work, at play เวลาเรยี น 17 ช่วั โมง
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 6 เรอ่ื ง Continuous tense เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง
สอนวันที่ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชวี้ ัด
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรสู้ กึ และความ
คดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปล่ียนข้อมูลเกยี่ วกับตนเอง เร่ืองต่าง ๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่าง ๆ
ในชวี ติ ประจำวันอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรอ่ื งตา่ ง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ยี วกบั ตนเอง กจิ วัตรประจำวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณท์ ี่อยใู่ นความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากบั
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ต 2.2 ม. 2/1 เปรยี บเทียบและอธบิ ายความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยค
ชนิดตา่ ง ๆ และการลำดบั คำตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณต์ ่าง ๆ ทัง้ ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม
ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาสือ่ สารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณ์จำลองท่ีเกดิ ขนึ้ ในหอ้ งเรยี น
สถานศกึ ษา และชุมชน
2. สาระสำคัญ
การเรยี นรูแ้ ละเข้าใจโครงสร้างทางภาษา จะช่วยให้สามารถพูดและเขยี นประโยคต่าง ๆ ได้ถูกต้อง
และเหมาะสมตามสถานการณ์ ตลอดจนเกดิ ความเข้าใจในความเหมือนและความตา่ งของภาษาองั กฤษและ
ภาษาไทย
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. สนทนาแลกเปลีย่ นข้อมลู ของบคุ คลอนื่ ได้
2. เปรยี บเทียบความเหมือนและความแตกต่างของคำวเิ ศษณ์ในภาษาองั กฤษและภาษาไทยได้
3. เขยี นให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Grammar: Present simple & Present continuous
Adverbs of frequency
-ing form & to-infinitive
Pronunciation: /s/, /z/, /Iz/
walks, eats, tidies, reads, watches, finishes
2) Language Skills
Speaking: สนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลของบคุ คลอน่ื
Writing: เขียนให้ข้อมูลเกย่ี วกบั ตนเอง
4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝเ่ รยี นรู้
2) มุ่งม่นั ในการทำงาน
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
1. กิจกรรมนำสูบ่ ทเรียน( Warm up )
1. ครูแบง่ นกั เรยี นเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 3-5 คน แลว้ แจกแถบประโยคให้กลุ่มละ 10 ประโยค ให้
นกั เรยี นเรยี งคำให้เป็นประโยคที่ถูกตอ้ ง โดยให้กลมุ่ เลขคู่ทำข้อคแู่ ละกลมุ่ เลขค่ที ำข้อค่ี
2. ครขู ออาสาสมัครเขยี นประโยคทเี่ รยี งคำใหม่แลว้ บนกระดาน กลุ่มละ 2 ประโยค จากน้นั ครู
และนักเรียนรว่ มกันตรวจคำตอบ และแก้ไขประโยคใหถ้ ูกต้อง เสร็จแลว้ ใหน้ ักเรียนอ่านประโยค
ท้ังหมดพร้อมกนั
2. ขั้นนำเสนอ (Presentation)
1. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั พิจารณาคำกรยิ าในแตล่ ะประโยค และอภิปรายรว่ มกนั ในกลุ่มว่า
คำกริยาทั้งหมดสามารถจัดกล่มุ ตามโครงสรา้ งไดก้ ่ีกลมุ่ แต่ละกลุ่มประกอบดว้ ยคำกริยาอะไรบ้าง จากนัน้ ครู
ส่มุ เรียกตัวแทนกลุ่ม 2-3 กลุ่ม นำเสนอผลการจดั กลุ่ม
2. ครูสรปุ ใหน้ ักเรียนฟังวา่ คำกริยาในประโยคเหลา่ นี้อยู่ในรูป Present simple และ
Present continuous
3. ครูอธิบาย stative verb ว่า มกั จะใชใ้ น Simple tense จะไม่ใชใ้ น Continuous tense
โดยมักเปน็ คำกริยาทีเ่ กยี่ วกบั ความรูส้ ึกนึกคดิ ประสาทสัมผัสท้งั หา้ เชน่ appear, agree, hate, hear, taste
4. ครใู หน้ ักเรียนแต่ละกล่มุ บอกความหมายของประโยคกลมุ่ ละ 2 ประโยค แลว้ นกั เรยี นร่วมกัน
สรุปโครงสร้างและการใช้ Present simple และ Present continuous
5. ครอู ธิบายการออกเสยี งคำกริยารูป third person singular โดยยกตัวอยา่ งคำกริยาบน
กระดาน เช่น gets, works, drives, runs, kisses, washes แล้วออกเสยี งให้นักเรยี นฟังทลี ะคำ ให้นักเรียน
ตง้ั ใจฟังเสยี งตัว s ทา้ ยคำ จากนนั้ ครถู ามนกั เรยี นว่าได้ยนิ ครูออกเสยี งท้ายคำกรยิ าเป็นเสียงอะไรบ้าง ให้
นกั เรียนชว่ ยกนั ตอบ แลว้ ครจู ึงสรุปใหฟ้ งั
3. ขึน้ ฝกึ ปฏบิ ัติ (Practice)
1. นกั เรยี นจบั คู่กนั พูดถาม-ตอบ โดยใช้คำถาม Yes/No question ครเู ดนิ สงั เกตและให้คำแนะนำ
หลังจากนนั้ ครสู ่มุ เรียกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบท่ีหนา้ ชั้น
2. นักเรยี นดภู าพและเตมิ คำกริยาลงในประโยค โดยเปลย่ี นใหอ้ ยใู่ นรปู Past continuous เสรจ็
แลว้ ครูขออาสาสมัครออกมาเขียนคำตอบบนกระดาน
3. ครูสุ่มเรยี กนกั เรียน 4 คน เปน็ ผู้ถามคำถามคนละ 1 ขอ้ แลว้ ให้นักเรียนเลอื กเพ่อื นท่จี ะเป็น
ผู้ตอบคำถาม โดยใหน้ ักเรียนท่ีเหลอื ตรวจวา่ เพ่ือนถามและตอบคำถามถูกต้องหรือไม่ ถ้าไมถ่ ูกใหช้ ว่ ยกนั แกไ้ ข
จากนน้ั ครูใหน้ ักเรียนสะกดรูป -ing ของคำกริยา
4. นักเรียนเติมประโยคด้วยคำกริยาในวงเล็บ โดยเปลีย่ นให้อยใู่ นรปู ทถ่ี กู ต้อง เสรจ็ แล้วครสู ุม่ เรียก
นักเรยี นเปน็ คใู่ ห้อ่านประโยคคู่ละ 1 ข้อ เพื่อตรวจคำตอบ แล้วให้นกั เรยี นช่วยกกันระบุว่าคำใดเป็น stative
verb
4. ข้ันนำไปใช้ ( Production )
ครูใหน้ กั เรยี นแตง่ บทสนทนาส้ัน ๆ เหมือนใน Ex. 7 มา 3 บทสนทนา โดยใหใ้ ช้คำกรยิ าทั้งรูป
Present simple และ Present continuous
5. ข้ันสรปุ ( Wrap up )
1. ครพู ดู คำกริยารปู -ing ให้นักเรยี นสะกดคำพร้อมกัน (sitting, walking, dying, eating,
sleeping, getting, chopping, playing, listening, raining)
2. ครูสมุ่ เรียกนักเรียน 3-4 คู่ ให้พดู ถาม-ตอบบทสนทนาสน้ั ๆ ทีน่ ักเรียนแตง่ ไว้เมื่อชั่วโมงที่
แลว้
3. แบบฝกึ หดั (Workbook) หนา้ 6 Exs. 1-3 ใหน้ ักเรยี นทำร่วมกันในช้ันเรียน
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หน้า 6-7 Exs. 4-5 ใหน้ ักเรียนทำเปน็ การบา้ น
7. ส่ือการเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้
1. หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
8. วธิ กี ารวดั ผลและประเมินผลการเรยี นรู้
เคร่อื งมือ วิธีการ เกณฑ์การประเมิน
ได้คะแนนไมน่ อ้ ยกวา่ 60%
1. แบบฝึกหัด -ตรวจความถกู ต้องของแบบฝึกหัด
สมุด 4 ระดบั ดีมาก - ดี - พอใช้
- ปรบั ปรุง
2. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี น - สังเกตการเข้าร่วมและความตัง้ ใจ
ในการทำกจิ กรรม
แผนการจดั การเรยี นร้กู ลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ ( ภาษาองั กฤษ )
ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่อง At work, at play เวลาเรียน 17 ชั่วโมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 เรอื่ ง Adverbs of frequency เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง
สอนวันที่ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวดั
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ และความ
คิดเหน็ อย่างมีประสทิ ธิภาพ
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลย่ี นข้อมูลเก่ยี วกับตนเอง เรื่องตา่ ง ๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่าง ๆ
ในชีวติ ประจำวนั อยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรอ่ื งตา่ ง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเกย่ี วกับตนเอง กจิ วัตรประจำวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณ์ท่ีอยู่ในความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับ
ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม
ต 2.2 ม. 2/1 เปรยี บเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสยี งประโยค
ชนิดตา่ ง ๆ และการลำดบั คำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ทง้ั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกดิ ข้ึนในหอ้ งเรียน
สถานศกึ ษา และชุมชน
2. สาระสำคัญ
การเรยี นรู้และเข้าใจโครงสรา้ งทางภาษา จะช่วยให้สามารถพูดและเขยี นประโยคต่าง ๆ ได้ถกู ต้อง
และเหมาะสมตามสถานการณ์ ตลอดจนเกิดความเข้าใจในความเหมอื นและความต่างของภาษาองั กฤษและ
ภาษาไทย
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
4. สนทนาแลกเปล่ียนข้อมลู ของบคุ คลอน่ื ได้
5. เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกตา่ งของคำวิเศษณ์ในภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้
6. เขยี นใหข้ ้อมลู เกีย่ วกบั ตนเองได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Grammar: Present simple & Present continuous
Adverbs of frequency
-ing form & to-infinitive
Pronunciation: /s/, /z/, /Iz/
walks, eats, tidies, reads, watches, finishes
2) Language Skills
Speaking: สนทนาแลกเปลีย่ นข้อมูลของบุคคลอืน่
Writing: เขยี นให้ข้อมูลเก่ียวกับตนเอง
4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรยี นรู้
2) มุ่งมั่นในการทำงาน
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. กิจกรรมนำสู่บทเรยี น( Warm up )
1. ครพู ูดคำกรยิ ารูป -ing ใหน้ ักเรียนสะกดคำพร้อมกัน (sitting, walking, dying, eating,
sleeping, getting, chopping, playing, listening, raining)
2. ครสู ุม่ เรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ให้พูดถาม-ตอบบทสนทนาสนั้ ๆ ทีน่ กั เรียนแตง่ ไวเ้ มอื่ ช่วั โมงท่ีแลว้
2. ขัน้ นำเสนอ (Presentation)
1. นักเรยี นอ่านประโยคพร้อมกัน แลว้ ขีดเสน้ ใตค้ ำกริยาในแต่ละประโยค ครสู มุ่ ถามนักเรยี นวา่
คำใดบา้ งทเี่ ป็นคำกริยา นกั เรียนตรวจคำตอบของตนเอง
2. ครใู หน้ ักเรยี นสังเกตคำทีพ่ ิมพ์ตัวหนาในแตล่ ะประโยคและอ่านออกเสยี งตามครพู ร้อมกัน
แล้วใหน้ กั เรยี นสังเกตสเ่ี หลย่ี มเลก็ ๆ ทา้ ยประโยคแตล่ ะประโยค ครถู ามนกั เรียนว่าส่เี หล่ยี มเลก็ ๆ น้ี
สมั พนั ธก์ บั คำท่พี ิมพ์ตวั หนาอย่างไร
3. ครูสรุปวา่ คำทพี่ ิมพ์ตัวหนาเหลา่ นีเ้ ปน็ คำทีใ่ ชบ้ อกความถข่ี องการกระทำ เรียกว่า adverb of
frequency
always = สมำ่ เสมอ usually = ปกติ
often = บ่อย ๆ, บ่อยครงั้ sometimes = บางครัง้
never = ไมเ่ คย
สำหรบั คำถามท่ใี ชถ้ ามความถ่ีของการกระทำ คือ How often
4. นกั เรยี นอ่านขอ้ ความในกรอบสฟี ้า และเติมข้อความให้ถกู ต้อง เสร็จแลว้ ครใู ห้นกั เรียนบอก
คำตอบพรอ้ ม ๆ กนั
5. ครสู ุม่ ถามนักเรยี น 4-5 คน ว่า How often do you go shopping? แลว้ ครเู ขียนคำตอบ
ของนักเรียน บนกระดาน เช่น I often go shopping. I always go shopping. ใหน้ ักเรยี นในชัน้
ชว่ ยกันตรวจว่าเพ่ือนใช้ adverb of frequency ในประโยคถูกต้องหรือไม่
6. ครสู มุ่ เรียกนักเรยี น 4-5 คน ให้ถามเพ่ือนดว้ ยคำถาม How often do you …? ครูเขยี น
คำตอบ บนกระดาน และใหน้ ักเรียนรว่ มกันตรวจคำตอบ เช่น
S1: How often do you watch a film?
S2: I often watch a film.
S3: How often do you cook dinner?
S4: I never cook dinner.
7. ครเู ขยี นคำวา่ now, every day, on Mondays, at the moment บนกระดาน และ
อธิบายวา่ คำเหล่านใ้ี ช้ขยายคำกรยิ า เพื่อบอกชว่ งเวลาในการกระทำ เรยี กว่า adverb of time เช่น I
go shopping on Sundays. I am doing homework now. โดยส่วนมากนิยมวาง adverb of
time ไวท้ ้ายประโยค ครยู ้ำว่า now และ at the moment จะใชก้ ับ Present continuous
8. ครูให้นักเรยี นจบั คชู่ ่วยกันปรับประโยคคำตอบท่ีครเู ขียนไว้บนกระดานใหม่ โดยใช้ adverb
of time จากนนั้ ครสู ุ่มเรยี กนักเรียนอ่านประโยคท่ปี รบั ใหม่ เช่น I go shopping on Mondays. I’m
cooking dinner at the moment.
9. ครูเขียนประโยคตามน้บี นกระดาน
- I always go shopping because I love shopping.
- I usually swim at weekends because I enjoy swimming.
ครขู ดี เสน้ ใต้ love shopping และ enjoy swimming แล้วถามความหมายจากนักเรียน
10. ครูใหน้ ักเรียนอา่ นข้อความในกรอบสีฟ้า แล้วครอู ธบิ ายว่าคำกริยาท่เี กี่ยวกบั ความร้สู ึก เชน่
รัก ชอบ ไม่ชอบ เกลยี ด รวมถึง go จะใช้กบั คำกริยา -ing สว่ นคำกรยิ า want จะตามด้วย to-
infinitive
3. ข้นึ ฝึกปฏบิ ัติ (Practice)
1. ครูใหน้ กั เรียนเขียนประโยคบอกความถี่ของการกระทำท่ีกำหนดให้ เสรจ็ แลว้ ครูส่มุ เรยี ก
นักเรยี นอา่ นประโยคคนละ 1 ประโยค
2. ครใู หน้ ักเรียนเขยี นประโยคโดยใช้ adverbs of frequency และ adverbs of time ท่ี
กำหนดให้ เสรจ็ แล้วครสู ุ่มเรยี กนกั เรียนอา่ นประโยค
3. นักเรยี นเติมคำกรยิ าในวงเล็บลงในประโยค โดยเปล่ียนให้อยู่ในรูป -ing หรือ to-infinitive
4. นกั เรียนร่วมกนั สรุปการใช้ adverbs of frequency, adverbs of time และการใช้ v-ing
5. นักเรียนร่วมกนั เปรียบเทียบตำแหน่งของคำวิเศษณ์บอกความถ่ีในประโยคภาษาไทยและ
ภาษาองั กฤษ รวมทง้ั เปรยี บเทยี บว่าในประโยคภาษาไทยมีการเปลีย่ นรปู คำกริยาเม่ือเป็นประโยคแสดง
ความรสู้ ึกหรือไม่ พรอ้ มท้ังยกตวั อยา่ ง
4. ขน้ั นำไปใช้ ( Production )
1. ครใู หน้ ักเรียนเขียนประโยคเกย่ี วกบั ตนเอง โดยใชค้ ำขนึ้ ต้นที่กำหนดให้
2. ครใู ห้นักเรียนเขียนประโยคเก่ยี วกับตนเอง 5 ประโยค โดยใช้ adverb of frequency
จากน้นั ครสู ุ่มเรยี กนักเรยี นอา่ นประโยค คนละ 1 ประโยค
5. ขนั้ สรปุ ( Wrap up )
1. นกั เรียนสรปุ การใช้ adverbs of frequency , -ing หรอื to-infinitive
2. นักเรยี นทำ Grammar Bank 1 ในแบบฝกึ หัด (Workbook) หน้า 69 Exs. 1-4, หนา้ 71
Exs. 5-9, หน้า 73 Exs. 10-14 ร่วมกนั ในชัน้
7. ส่ือการเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี น SPARK 2 ม. 2
8. วธิ ีการวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
เครื่องมือ วธิ ีการ เกณฑ์การประเมิน
ได้คะแนนไมน่ อ้ ยกว่า 60%
1. แบบฝึกหดั -ตรวจความถูกต้องของแบบฝึกหัด
4 ระดบั ดีมาก - ดี - พอใช้
สมุด - ปรับปรุง
2. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียน - สังเกตการเข้าร่วมและความต้งั ใจ
ในการทำกิจกรรม
แผนการจดั การเรียนรกู้ ลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ( ภาษาองั กฤษ )
ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เร่ือง At work, at play เวลาเรียน 17 ชั่วโมง
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 8 เรือ่ ง West Midland 1 เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง
สอนวนั ที่ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรอ่ื งท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่าง
มีเหตุผล
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ข้อเร่ือง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนับสนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั เรื่องที่ฟังและอ่านพร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเกยี่ วกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวัน ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตกุ ารณท์ ่ีอยูใ่ นความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธบิ ายความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างการออกเสยี งประโยค
ชนดิ ตา่ ง ๆ และการลำดบั คำตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ
ภาษาไทย
2. สาระสำคญั
การเรยี นรเู้ ก่ยี วกบั ใจความสำคญั ใจความสนบั สนุน และเข้าใจเกี่ยวกบั รปู แบบต่าง ๆ ในการเขยี น
จะชว่ ยใหส้ ามารถนำคำศัพท์และประโยคไปใชใ้ นการเขียนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งตามโครงสร้างของการเขียน
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกรายละเอยี ดของเรื่องทอี่ ่านได้
2. เปรียบเทียบข้อมลู ที่อ่านกับข้อมูลของไทยได้
3. เขยี นโฆษณา Safari หรือ Leisure Park ในประเทศไทยได้
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verb (adopt)
Nouns (amusement park, rides, attractions, ghost train,
experience, buddy, wildlife project)
Adjectives (rare, brave)
Functions: Talking about the leisure park
I’d like to see all the animals and go on the rides there.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ
Speaking: เปรียบเทียบ Safari และ Leisure Park ในประเทศไทยกบั West
Midland Safari and Leisure Park
Reading: อา่ นเพ่ือหาข้อมูลเฉพาะ
Writing: เขยี นโฆษณา
4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝเ่ รียนรู้
2) มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
1. กิจกรรมนำส่บู ทเรยี น( Warm up )
1. นักเรยี นดภู าพในหนังสือเรยี น หนา้ 14 แลว้ ครูถามว่า What animals can you see on this
page? Have you ever seen them?
2. ครเู ขยี น Safari and Leisure Park บนกระดาน ใหน้ ักเรียนอ่านพร้อมกนั
2. ขั้นนำเสนอ (Presentation)
1. ครูถามคำถาม What do you think a safari and leisure park is? ให้นักเรียนรว่ มกนั
แสดงความคดิ เหน็
2. นักเรียนอา่ นกจิ กรรมที่กำหนดให้พร้อมกัน แลว้ ครูแบง่ นักเรยี นเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน ให้
แตล่ ะกลุม่ พิจารณาว่ากิจกรรมใดทสี่ ามารถทำใน West Midland Safari and Leisure Park ได้
3. ครูบอกนกั เรียนว่าจะได้ฟงั เรอื่ ง Welcome to West Midland Safari and Leisure Park ให้
นักเรยี นฟังและจดบันทึกกจิ กรรมท่ีสามารถทำใน West Midland Safari and Leisure Park
4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ อภปิ รายรว่ มกนั เก่ยี วกับกิจกรรมท่ไี ด้ยิน จากนนั้ ครูส่มุ ถามแต่ละกลุ่ม และ
เขียนคำตอบบนกระดาน
5. ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นออกเสียงคำศพั ทใ์ นกรอบ Check these words และช่วยกนั บอก
ความหมาย ถา้ คำใดที่ ไม่ร้ใู ห้เปดิ พจนานกุ รมหาความหมาย
rare (adj) = not seen or found very often (ซึง่ หายาก)
ride (n) = a large machine that people ride on for fun at a fair (เครอื่ งเลน่
ในสวนสนกุ )
adopt (v) = to accept (รับ)
buddy (n) = a friend (เพ่ือน)
6. นักเรียนบอกช่อื สัตวท์ เ่ี ห็นในภาพ และสะกดคำศัพท์พร้อมกัน
3. ขึ้นฝึกปฏิบตั ิ (Practice)
1. ครอู ธิบายว่าให้นกั เรียนสมมติว่าต้องการไป West Midland Safari and Leisure Park แล้ว
เขยี นประโยคบอกเหตุผลท่ีต้องการไปตามความคดิ เห็นของตนเอง
2. ครสู ุ่มเรยี กนักเรยี น 3-4 คน อ่านประโยคให้เพอ่ื นฟงั ครเู ขยี นประโยคบนกระดาน จากน้นั ถาม
นักเรยี นในช้ันวา่ ใครมเี หตผุ ลตา่ งไปจากเพื่อน ใหน้ ักเรียนคนดังกล่าวบอกเหตผุ ลของตนเอง
4. ขั้นนำไปใช้ ( Production )
1. ครใู หน้ กั เรยี นช่วยกันบอกช่ือของ Safari และ Leisure Park ในประเทศไทย จากนน้ั ครใู ห้
นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ระดมสมองเกี่ยวกับสตั วแ์ ละกจิ กรรมท่ีมีใน Safari ในประเทศไทย และกิจกรรมที่
สามารถทำใน Leisure Park ใหแ้ ต่ละกลุ่มจดบนั ทึกข้อมูลทีไ่ ด้จากการระดมสมอง
2. ครูให้ตัวแทนกลุ่มแตล่ ะกลุม่ นำเสนอขอ้ มูลทไ่ี ดจ้ ากการระดมสมอง แลว้ ให้นกั เรียน
เปรยี บเทยี บข้อมูลของกลุ่มตนเองกับกลุ่มอน่ื และบันทึกข้อมลู เพิ่มเติมหากเห็นดว้ ยกับข้อมูลท่ีกลมุ่ อน่ื
นำเสนอ จากนนั้ ให้นักเรียนร่วมกนั เปรยี บเทียบ Safari และ Leisure Park ในประเทศไทยกบั West
Midland Safari and Leisure Park เก่ียวกบั สัตว์และกิจกรรมทส่ี ามารถทำได้
3. ครใู ห้แต่ละกล่มุ เกบ็ ข้อมลู ไวเ้ พอ่ื ทำกิจกรรมในชว่ั โมงหนา้
5. ขั้นสรุป ( Wrap up )
1. นกั เรียนบอกข้อมูลเกีย่ วกบั West Midland Safari and Leisure Park
2. นักเรยี นทำ Language Review 1c Ex. 3 ในหนังสือเรียน หนา้ 105 ร่วมกันในช้นั
7. สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้
1. หนังสือเรียน SPARK 2 ม. 2
8. วธิ กี ารวดั ผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้
เครอ่ื งมือ วธิ กี าร เกณฑก์ ารประเมิน
ไดค้ ะแนนไมน่ ้อยกว่า 60%
1. แบบฝึกหดั -ตรวจความถกู ต้องของแบบฝึกหดั
สมุด 4 ระดบั ดีมาก - ดี - พอใช้
- ปรบั ปรุง
2. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี น - สังเกตการเขา้ รว่ มและความต้งั ใจ
ในการทำกจิ กรรม
แผนการจดั การเรยี นรู้กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ ( ภาษาองั กฤษ )
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรือ่ ง At work, at play เวลาเรยี น 17 ชั่วโมง
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 9 เรอ่ื ง West Midland 2 เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง
สอนวนั ที่ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรือ่ งทฟ่ี งั และอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่าง
มีเหตุผล
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ข้อเรื่อง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนับสนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั เร่ืองท่ีฟังและอ่านพร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวัน ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตกุ ารณท์ ่ีอย่ใู นความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างการออกเสยี งประโยค
ชนดิ ตา่ ง ๆ และการลำดับคำตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ
ภาษาไทย
2. สาระสำคญั
การเรยี นรเู้ ก่ยี วกบั ใจความสำคญั ใจความสนบั สนนุ และเข้าใจเกี่ยวกบั รปู แบบต่าง ๆ ในการเขยี น
จะชว่ ยใหส้ ามารถนำคำศัพท์และประโยคไปใชใ้ นการเขียนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งตามโครงสร้างของการเขยี น
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกรายละเอยี ดของเรือ่ งที่อ่านได้
2. เปรียบเทียบข้อมลู ที่อ่านกบั ข้อมูลของไทยได้
3. เขยี นโฆษณา Safari หรือ Leisure Park ในประเทศไทยได้
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verb (adopt)
Nouns (amusement park, rides, attractions, ghost train,
experience, buddy, wildlife project)
Adjectives (rare, brave)
Functions: Talking about the leisure park
I’d like to see all the animals and go on the rides there.
2) Language Skills
Listening: ฟงั เพ่ือหาขอ้ มลู เฉพาะ
Speaking: เปรียบเทียบ Safari และ Leisure Park ในประเทศไทยกับ West
Midland Safari and Leisure Park
Reading: อา่ นเพ่ือหาข้อมูลเฉพาะ
Writing: เขยี นโฆษณา
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝเ่ รียนรู้
2) ม่งุ มั่นในการทำงาน
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
1. กจิ กรรมนำส่บู ทเรยี น( Warm up )
1. ครูใหน้ ักเรียนจบั กลุม่ เดิมจากชว่ั โมงทีแ่ ล้ว แลว้ ให้แตล่ ะกลุม่ บอกกจิ กรรมทีส่ ามารถทำใน
West Midland Safari and Leisure Park หรอื สัตวท์ อี่ ยใู่ น West Midland Safari and Leisure Park
มากลุม่ ละ 1 อยา่ ง และครเู ขียนข้อมลู บนกระดาน
2. ครูขออาสาสมคั รจากแตล่ ะกลุ่ม กลุ่มละ 1 คน พดู ประโยค I want to visit West Midland
Safari and Leisure Park because … โดยเลอื กเหตผุ ลจากข้อมลู ที่เขยี นบนกระดาน
2. ขน้ั นำเสนอ (Presentation)
1. ครใู ห้นักเรียนเปิดหนังสอื เรยี น หน้า 14 แลว้ อ่านออกเสยี ง
2. ครูสุ่มเรยี กนกั เรียน 2-3 คน อ่านเร่ือง Welcome to West Midland Safari and Leisure
Park สำหรับนักเรียนที่ยงั อา่ นออกเสยี งไม่ถูกต้องใหอ้ า่ นตามครู
3. ครูบอกนกั เรยี นวา่ เดก็ ผหู้ ญงิ ในภาพ คือ Martha แลว้ ให้นักเรยี นอ่านคำถามของ Martha เมื่อ
เขา้ ใจคำถามแล้วใหแ้ ต่ละกลุ่มอา่ นเรื่อง Welcome to West Midland Safari and Leisure Park อกี ครงั้
แล้วตอบคำถาม จากนัน้ ครขู ออาสาสมัครตอบคำถาม และตรวจคำตอบรว่ มกัน
4. ครสู นทนากับนกั เรียนเกีย่ วกบั ประเภทของข้อความที่อ่านว่าเป็นข้อความประเภทใด เช่น
บทความ จดหมาย บันทึก โฆษณา เป็นตน้ แลว้ ครสู รุปหลังจากนกั เรยี นแสดงความคิดเห็นว่า คอื บทความ
5. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ดรู ูปแบบการเขยี นของเร่ือง Welcome to West Midland Safari
and Leisure Park และสรุปร่วมกัน
3. ข้นึ ฝกึ ปฏิบัติ (Practice)
1. ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ปรบั เปล่ยี นกิจกรรมตา่ ง ๆ ในเรือ่ ง Welcome to West Midland
Safari and Leisure Park รวมทั้งตั้งชื่อ Safari and Leisure Park ใหม่
2. ครใู หน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ อา่ นข้อความทีป่ รบั ใหม่ โดยให้กลุ่มอื่นจดบนั ทกึ ว่าข้อความท่เี พอ่ื นอา่ น
นน้ั มีการปรบั กิจกรรมอะไรบ้าง
3. ครสู ุม่ เรยี กนกั เรยี น 3-4 กลุ่ม ให้บอกกจิ กรรมใหม่ของกลุม่ อื่นมา 1 กิจกรรม นกั เรยี นสามารถ
เลอื กข้อมลู ของกลุ่มใดมารายงานก็ได้ แล้วครูเขยี นกิจกรรมท่นี ักเรียนบอกบนกระดาน จากนนั้ ให้นกั เรียนอา่ น
กิจกรรมบนกระดานพร้อมกัน
4. ขั้นนำไปใช้ ( Production )
1. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั เขียนโฆษณา Safari หรอื Leisure Park ในประเทศไทย โดยใช้
ขอ้ มูลที่ได้จากการระดมสมองเมื่อชัว่ โมงทีแ่ ล้ว จากนั้นครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ อ่านโฆษณาของกลุ่ม
ตนเอง
2. ครูใหแ้ ตล่ ะกลุ่มนำโฆษณาท่ีเขียนในวนั น้ีไปทำเปน็ ชนิ้ งานโฆษณา โดยออกแบบและใส่
ภาพประกอบให้สวยงามและนา่ สนใจ โดยครูอาจจะเตรยี มตัวอยา่ งโฆษณาสถานที่ท่องเท่ยี ว 2-3 โฆษณา มา
ให้นักเรียนดเู ปน็ ตัวอย่าง
5. ข้นั สรปุ ( Wrap up )
1. นักเรียนบอกขอ้ มูลเกีย่ วกบั West Midland Safari and Leisure Park
2. นักเรียนทำ Language Review 1c Ex. 3 ในหนงั สอื เรยี น หน้า 105 รว่ มกนั ในชน้ั
7. สอ่ื การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียน SPARK 2 ม. 2
2. ตวั อย่างโฆษณาสถานท่ที ่องเทยี่ ว
8. วิธกี ารวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
เครอื่ งมือ วธิ ีการ เกณฑ์การประเมิน
ไดค้ ะแนนไมน่ อ้ ยกวา่ 60%
1. แบบฝกึ หัด -ตรวจความถูกต้องของแบบฝึกหัด
4 ระดับ ดมี าก - ดี - พอใช้
สมดุ - ปรบั ปรงุ
2. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี น - สงั เกตการเข้าร่วมและความต้งั ใจ
ในการทำกจิ กรรม
แผนการจดั การเรียนรกู้ ล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ ( ภาษาองั กฤษ )
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรอื่ ง At work, at play เวลาเรียน 17 ชว่ั โมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 10 เรอ่ื ง Making suggestions 1 เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง
สอนวันท่ี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชว้ี ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟ่ี ังและอา่ นจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็นอย่าง
มเี หตผุ ล
ต 1.1 ม. 2/2 อา่ นออกเสียงข้อความ ขา่ ว ประกาศ และบทร้อยกรองสน้ั ๆ ถกู ต้องตามหลักการอ่าน
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ข้อเรอื่ ง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกับเร่ืองท่ีฟงั และอ่านพร้อมทัง้ ให้เหตผุ ลและยกตวั อย่าง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ และ
ความคดิ เหน็ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลย่ี นข้อมูลเก่ียวกับตนเอง เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ ัว และสถานการณ์ตา่ ง ๆ
ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/2 ใชค้ ำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชแ้ี จง และคำอธบิ ายตามสถานการณ์
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้
ไดอ้ ย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ต 2.1 ม. 2/1 ใช้ภาษา นำ้ เสยี ง และกิรยิ าท่าทางเหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคม
และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณต์ ่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชมุ ชน และสังคม
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาส่อื สารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองท่เี กดิ ข้ึนในหอ้ งเรียน
สถานศกึ ษา และชมุ ชน
2. สาระสำคญั
การเรยี นรแู้ ละเขา้ ใจเก่ียวกบั เนือ้ หาทศี่ ึกษา จะชว่ ยให้สามารถนำคำศัพท์ ประโยคตา่ ง ๆ ไปใชใ้ น
การพดู /เขียนสอ่ื สารได้อย่างถกู ต้อง ตลอดจนมคี วามเข้าใจในวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อ่านออกเสยี งบทสนทนาถกู ต้องตามหลักการอา่ นได้
2. บอกใจความสำคญั และรายละเอียดของบทสนทนาท่ีฟังและอ่านได้
3. แตง่ บทสนทนาตามสถานการณท์ ี่กำหนดให้ได้
4. พูดสนทนาให้คำแนะนำตามสถานการณ์ทก่ี ำหนดใหไ้ ด้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Making suggestions (Why don’t we …?, How about …?, Do you
fancy …?, What time …?, Let’s meet at …, What do you think
…?)
Agreeing (Yes, that’s a good idea., That’s sounds great., I’d like
that., Why not?)
Disagreeing (I don’t think so., No, I don’t feel like it., That’s not
a good idea., I’d rather not.)
Functions: Making suggestions
Why don’t we go to the cinema?
How about having a picnic in the park?
Pronunciation: /eI/
playing, sailing, painting, Friday
2) Language Skills
Listening: ฟงั เพ่ือจบั ใจความสำคญั
Speaking: พูดให้คำแนะนำ ตอบรับและปฏิเสธคำแนะนำ
Reading: อา่ นเพ่ือหาข้อมูลเฉพาะ
Writing: แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ที่กำหนด
4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝเ่ รยี นรู้
2) มุง่ มนั่ ในการทำงาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
1. กิจกรรมนำสู่บทเรียน( Warm up )
1. ครูถามนกั เรยี นว่า What day is today? ครูเขียนคำตอบบนกระดาน แลว้ ถามตอ่ ว่า What
day do you like? ครเู ขียนคำตอบบนกระดาน จากนน้ั เขียนคำวา่ weekend และ weekday
2. ครถู ามนกั เรยี นว่า Do you come to school on weekend or weekday? Do you go to
the sea on weekday? Do your parents go to work on weekday?
3. ครถู ามความหมายของ weekend และ weekday นักเรยี นชว่ ยกันบอกความหมาย จากนัน้ ให้
นกั เรียนอา่ นออกเสียง weekend และ weekday พรอ้ มกัน
2. ข้นั นำเสนอ (Presentation)
1. ครเู ขยี นคำตอ่ ไปน้ีบนกระดาน say, snail, May, day, bay, faint บนกระดาน แล้วออกเสยี ง
ให้นักเรียนฟังทีละคำ ให้นักเรียนบอกว่าคำเหลา่ น้ีออกเสยี งสระอย่างไร (/eI/) จากน้ันครูใหน้ กั เรยี นอา่ น
ออกเสียงคำศพั ทบ์ นกระดาน 2 ครง้ั แล้วครสู มุ่ เรียกนักเรียนอ่านออกเสยี งทีละคน
2. ครอู า่ นใหน้ กั เรียนฟังประโยคและขดี เสน้ ใต้พยางคท์ ่ีออกเสียง /eI/ จากนั้นตรวจรว่ มกัน แลว้
ครอู ่านอีกครัง้ ใหน้ ักเรยี นฟงั และออกเสียงตาม
3. ครอู ่านโดยหยดุ ทีละประโยค ใหน้ กั เรยี นฟงั และขดี เส้นใต้พยางค์ทเี่ น้นเสียง แลว้ ครูอา่ นอีกคร้งั
ให้นักเรยี นออกเสียงตาม จากน้ันให้นักเรียนช่วยกนั ระบุพยางคท์ ี่เน้นเสียงในแต่ละประโยค
4. ครสู มุ่ เรยี กนักเรยี นอ่านออกเสียงคนละ 1 ประโยค โดยให้นักเรียนออกเสยี งเน้นหนกั ให้
ถูกต้อง
5. ครบู อกนักเรียนวา่ จะได้ฟงั บทสนทนาระหว่าง Tim และ Emily ใหน้ ักเรยี นปดิ หนังสอื
เรียน และต้ังใจฟังบทสนทนาว่าทั้ง 2 คนคยุ เก่ียวกับเรอ่ื งอะไร
6. ครใู ห้นักเรยี นฟังบทสนทนาอีกครัง้ โดยจดบนั ทึกประโยคทเี่ ป็นประโยคแนะนำ ถา้ นักเรียนฟัง
ไม่ทันครใู หฟ้ ังอีกครัง้ จากนั้นใหน้ กั เรยี นช่วยกนั บอกประโยคท่ีได้ยิน แล้วครเู ขยี นประโยคบนกระดาน
7. นักเรยี นเปดิ หนงั สือเรียน หนา้ 15 อา่ นออกเสยี งบทสนทนาพร้อมกัน เสรจ็ แล้วใหน้ กั เรียน
ตรวจประโยคบนกระดาน
3. ขน้ึ ฝึกปฏบิ ตั ิ (Practice)
1. ครูใหน้ กั เรียนอ่านคำถามท่กี ำหนดให้ ขดี เส้นใต้คำสำคัญ แล้วอ่านบทสนทนาเพอื่ หาส่วนที่
เกีย่ วข้องกับคำท่ีขดี เส้นใต้ จากนน้ั ให้นักเรยี นตอบคำถาม ครขู ออาสาสมคั รบอกคำตอบ แลว้ ให้นกั เรียนตรวจ
คำตอบของตนเอง
2. นกั เรียนฝกึ อ่านออกเสียงบทสนทนา โดยครูแบ่งนักเรียนเป็น 2 กลุ่ม ให้กลุ่มที่ 1 อ่านบทของ
Tim และกลุม่ ท่ี 2 อ่านบทของ Emily จากนน้ั สลับกนั
3. ครูส่มุ เลขท่เี พ่อื เรียกนกั เรยี นให้อ่านบทสนทนา 4-5 คู่
4. ข้นั นำไปใช้ ( Production )
นกั เรียนจับค่ฝู กึ สนทนาตามบทสนทนา โดยแสดงสีหน้า ท่าทาง และใช้นำ้ เสยี งใหเ้ ข้ากบั
สถานการณ์ ครูเดินสงั เกตรอบ ๆ ชน้ั เรียน จากนัน้ ครสู มุ่ เรยี กนกั เรยี น 3-4 คู่ แสดงบทบาทสมมติเป็น
Tim และ Emily แล้วครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นแต่ละคู่มาอ่านบทสนทนาใหค้ รูฟังนอกเวลาเรียน
5. ข้ันสรปุ ( Wrap up )
1. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคอู่ อกมาสนทนาที่หนา้ ช้นั เรียน โดยให้นักเรยี นใช้น้ำเสียงให้เหมาะสมกับ
สถานการณ์
2. นักเรียนอา่ นประโยคใน Ex. 1a อกี คร้งั พรอ้ มกัน แลว้ ชว่ ยกันบอกความหมายของประโยค
นกั เรยี นทำ Language Review 1d Ex. 4 ในหนงั สือเรียน หน้า 105 รว่ มกันในช้นั
7. สอื่ การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้
1. หนงั สอื เรียน SPARK 2 ม. 2
8. วธิ กี ารวดั ผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้
เครือ่ งมือ วิธกี าร เกณฑก์ ารประเมิน
ได้คะแนนไมน่ ้อยกวา่ 60%
1. แบบฝึกหดั -ตรวจความถกู ต้องของแบบฝึกหดั
4 ระดับ ดีมาก - ดี - พอใช้
สมดุ - ปรบั ปรุง
2. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี น - สังเกตการเขา้ รว่ มและความต้งั ใจ
ในการทำกิจกรรม
แผนการจดั การเรียนรู้กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ( ภาษาอังกฤษ )
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง At work, at play เวลาเรียน 17 ชว่ั โมง
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 11 เรื่อง Making suggestions 2 เวลาเรียน 1 ชั่วโมง
สอนวันที่ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองทีฟ่ งั และอา่ นจากสือ่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็นอย่าง
มีเหตุผล
ต 1.1 ม. 2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสน้ั ๆ ถกู ต้องตามหลักการอา่ น
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ข้อเรอื่ ง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนับสนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั เรื่องที่ฟังและอ่านพร้อมทั้งใหเ้ หตผุ ลและยกตัวอยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสือ่ สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความร้สู กึ และ
ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลีย่ นข้อมูลเกี่ยวกบั ตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่าง ๆ
ในชวี ติ ประจำวนั อย่างเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชแ้ี จง และคำอธิบายตามสถานการณ์
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสมั พันธ์ระหวา่ งภาษากบั วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคม
และวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทัง้ ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม
ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ ำลองท่เี กิดข้ึนในห้องเรยี น
สถานศกึ ษา และชมุ ชน
2. สาระสำคญั
การเรียนรู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั เนื้อหาทศี่ ึกษา จะช่วยใหส้ ามารถนำคำศัพท์ ประโยคต่าง ๆ ไปใชใ้ น
การพดู /เขยี นสื่อสารได้อยา่ งถูกต้อง ตลอดจนมีความเข้าใจในวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อา่ นออกเสยี งบทสนทนาถูกต้องตามหลักการอา่ นได้
2. บอกใจความสำคัญและรายละเอียดของบทสนทนาที่ฟงั และอา่ นได้
3. แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ที่กำหนดให้ได้
4. พดู สนทนาให้คำแนะนำตามสถานการณ์ที่กำหนดใหไ้ ด้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Making suggestions (Why don’t we …?, How about …?, Do you
fancy …?, What time …?, Let’s meet at …, What do you think
…?)
Agreeing (Yes, that’s a good idea., That’s sounds great., I’d like
that., Why not?)
Disagreeing (I don’t think so., No, I don’t feel like it., That’s not
a good idea., I’d rather not.)
Functions: Making suggestions
Why don’t we go to the cinema?
How about having a picnic in the park?
Pronunciation: /eI/
playing, sailing, painting, Friday
2) Language Skills
Listening: ฟังเพื่อจับใจความสำคัญ
Speaking: พดู ให้คำแนะนำ ตอบรับและปฏเิ สธคำแนะนำ
Reading: อ่านเพ่ือหาข้อมูลเฉพาะ
Writing: แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ทก่ี ำหนด
4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
1. กิจกรรมนำสู่บทเรียน( Warm up )
ครสู นทนากับนกั เรียนเกี่ยวกบั ประโยคแนะนำที่เรียนเมอื่ ช่วั โมงทแ่ี ล้ว และขออาสาสมัคร
ยกตวั อยา่ งประโยคแนะนำ 2-3 คน
2. ข้ันนำเสนอ (Presentation)
1. ครูใหน้ กั เรยี นเปิดหนังสอื เรียน หน้า 15 แล้วอ่านประโยคในกรอบสแี ดงพร้อมกัน ซ่ึงเปน็
ประโยคให้คำแนะนำ ตอบรับและปฏิเสธคำแนะนำ แล้วครยู กตวั อย่างประโยคแนะนำบนกระดาน เชน่
Why don’t we go to the cinema?
How about having a picnic in the park?
Do you fancy going out for dinner?
Let’s go shopping.
ใหน้ ักเรยี นสงั เกตคำท่ตี ามหลัง Why don’t we, How about, Do you fancy, Let’s แล้วบอกครู
ว่า วลีเหล่าน้ีตามด้วยคำประเภทใด จากน้ันครูสรุปให้ฟังอีกคร้ัง
Why don’t we + v 1
How about + v -ing
Do you fancy + v -ing
Let’s + v 1
2. ครบู อกนักเรียนวา่ ครูจะพดู ขึน้ ต้นประโยคแนะนำ และขออาสาสมัครต่อประโยคของครใู ห้
สมบรู ณ์ และเรียกเพื่อนอีก 1 คน ใหเ้ ปน็ ผตู้ อบ จะตอบรบั หรือปฏิเสธคำแนะนำกไ็ ด้ เช่น
T: How about …?
S1: How about having pizza?
S2: I’d rather not.
T: Why don’t we …?
S1: Why don’t we go to swimming pool?
S2: That sounds great.
ในขณะท่นี ักเรียนพูดถาม-ตอบ ครเู ขยี นประโยคของนักเรยี นบนกระดาน
3. ครแู บง่ นกั เรียนเป็น 2 กลมุ่ ให้กลมุ่ ที่ 1 อ่านประโยคแนะนำ และกลุม่ ท่ี 2 อา่ นประโยคคำตอบ
จากนน้ั สลับบทบาทกัน
3. ข้ึนฝกึ ปฏิบัติ (Practice)
1. ครูใหน้ ักเรียนจับคู่กันแต่งบทสนทนา โดยเปลยี่ นขอ้ มลู ในบทสนทนา Ex. 1b ทพ่ี ิมพ์ด้วยสีฟ้า
เป็นขอ้ มูลของนักเรยี นเองตามสถานการณท์ ่ีกำหนด ครใู ห้นกั เรยี นเลอื กใชค้ ำแนะนำ คำตอบรับและตอบ
ปฏเิ สธจากกรอบสีแดง ครเู ดินสงั เกตการทำงานของนักเรียนและคอยให้คำแนะนำ
2. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคูฝ่ ึกสนทนากนั ครเู ดินสังเกตการสนทนาของนกั เรยี น
4. ข้นั นำไปใช้ ( Production )
ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคู่ออกมาสนทนาท่หี นา้ ชน้ั เรยี น โดยให้นกั เรียนใชน้ ้ำเสยี งใหเ้ หมาะสมกับ
สถานการณ์
5. ข้นั สรุป ( Wrap up )
1. ครใู ห้นักเรยี นแต่ละคู่ออกมาสนทนาทหี่ นา้ ชั้นเรยี น โดยใหน้ กั เรยี นใช้นำ้ เสียงให้เหมาะสมกับ
สถานการณ์
2. นกั เรยี นอา่ นประโยคใน Ex. 1a อีกครงั้ พรอ้ มกัน แล้วช่วยกันบอกความหมายของประโยค
นกั เรยี นทำ Language Review 1d Ex. 4 ในหนังสือเรยี น หน้า 105 รว่ มกันในชน้ั
7. สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี น SPARK 2 ม. 2
8. วิธีการวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้
เครือ่ งมือ วธิ กี าร เกณฑ์การประเมิน
ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่า 60%
1. แบบฝึกหดั -ตรวจความถกู ต้องของแบบฝึกหัด
4 ระดับ ดมี าก - ดี - พอใช้
สมุด - ปรบั ปรงุ
2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียน - สงั เกตการเข้ารว่ มและความตัง้ ใจ
ในการทำกิจกรรม
แผนการจัดการเรียนรูก้ ลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ( ภาษาอังกฤษ )
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรื่อง At work, at play เวลาเรียน 17 ชวั่ โมง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 12 เร่ือง National Pastimes 1 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง
สอนวนั ท่ี ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่อื งทีฟ่ ังและอา่ นจากสอ่ื ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็นอย่าง
มเี หตผุ ล
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหวั ข้อเร่ือง ใจความสำคัญ บอกรายละเอยี ดสนบั สนนุ (supporting detail)
และแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับเร่อื งท่ีฟงั และอา่ นพร้อมทง้ั ใหเ้ หตุผลและยกตัวอย่าง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องตา่ ง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ยี วกับตนเอง กจิ วตั รประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณท์ ี่อยู่ในความสนใจของสังคม
2. สาระสำคญั
การเรยี นรเู้ ก่ียวกับใจความสำคญั ใจความเฉพาะ และเขา้ ใจเก่ียวกบั โครงสรา้ งของบทอ่าน จะช่วย
ใหส้ ามารถเขยี นขอ้ ความได้อยา่ งถูกต้อง
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกรายละเอยี ดของเรอ่ื งที่อ่านได้
2. เขียนเรียงความตามประเดน็ ท่ีกำหนดให้ได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (last, play against)
Nouns (team, competition, match, championship, field)
Functions: Adjectives (professional, diamond-shaped)
Phrases ((be) crazy about, all year round)
Describing sports teenagers play
Basketball is one of the most popular sports in Thailand and
many teenagers are crazy about it.
2) Language Skills
Reading: อ่านเพื่อหาข้อมลู เฉพาะ
Writing: เขียนเก่ยี วกบั กีฬาท่วี ัยรนุ่ ไทยนยิ มเลน่
3) Cultures กีฬาในทอ้ งถนิ่
4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝเ่ รียนรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
1. กจิ กรรมนำสบู่ ทเรยี น( Warm up )
1. ครูสนทนากบั นักเรียนเกี่ยวกบั กิจกรรมที่คนไทยสว่ นใหญ่ทำในเวลาวา่ ง
2. ครูถามนกั เรียนวา่ ใครบ้างทเ่ี ลน่ กีฬาในเวลาวา่ ง และส่วนใหญน่ ักเรียนเลน่ กีฬาอะไร
3. ครูถามนกั เรยี นวา่ กฬี าอะไรบา้ งท่ีเปน็ ทน่ี ยิ มของคนไทย
2. ขัน้ นำเสนอ (Presentation)
1. ครเู ขียนคำว่า National Pastimes บนกระดาน แล้วใหน้ กั เรยี นเดาว่าจากคำดังกลา่ วนักเรยี น
จะไดเ้ รยี นเกีย่ วกับอะไร
2. ครเู ขียนหวั ขอ้ “India: crazy about cricket” และ “USA: baseball nation” ครูถาม
นกั เรยี นว่า 2 หวั ขอ้ น้มี ีอะไรที่คล้ายกนั (ชอ่ื ประเทศ และชอ่ื กีฬา) จากนน้ั ใหน้ ักเรียนคาดเดาใหมว่ า่ จากทั้ง 2
หวั ขอ้ นักเรียนจะไดเ้ รียนเกย่ี วกบั อะไร
3. ครถู ามนักเรียนวา่ ใครชอบกีฬาคริกเกต็ และเบสบอลบา้ ง และใครเล่นกีฬาทั้ง 2 ชนิดนี้ได้ (ให้
นักเรียนยกมือ หากมนี กั เรยี นท่สี ามารถเล่นกีฬาดังกล่าวได้ ครูอาจจะให้นกั เรยี นสรปุ วธิ กี ารเลน่ ใหเ้ พื่อนใน
ห้องฟัง)
4. ครูแบง่ นักเรียนเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 4 คน แล้วแจก Worksheet 1 และ 2 (อยทู่ า้ ยแผน ฯ Across
cultures 1e) ให้ทุกกลมุ่ ซึง่ Worksheet 1 จะเป็นประโยคจากเรื่อง National Pastimes จำนวน 8
ประโยค ให้นักเรียนจัดกล่มุ ประโยคเป็น 2 กล่มุ ตามหัวข้อ “India: crazy about cricket” และ “USA:
baseball nation” ส่วน Worksheet 2 ให้นกั เรียนดปู ระโยคใน Worksheet 1 ซงึ่ คำศัพทบ์ างคำจะมี
หมายเลข 1-11 กำกับไว้ ให้นักเรยี นจบั คคู่ ำศพั ท์ดงั กล่าวกับความหมาย
5. นักเรยี นอา่ นออกเสยี งประโยคตามครทู ีละประโยคตั้งแต่ประโยคท่ี 1-8 แลว้ ครูสมุ่ เรยี กนกั เรยี น
ให้อา่ นทลี ะกลุม่ พรอ้ มกัน
6. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ จัดกลุ่มประโยค และจับคู่คำศัพท์กับความหมาย โดยครขู ดี เส้นใต้
คำศัพทแ์ ละใส่หมายเลขคำศัพทก์ ำกบั ในแถบประโยค เพื่อช่วยให้นักเรยี นเดาความหมายได้
7. ครูขออาสาสมัครจากแตล่ ะกลุม่ นำเสนอการจดั กลุม่ ประโยคและการจบั คู่คำศัพทก์ ับ
ความหมาย
3. ขึ้นฝึกปฏิบตั ิ (Practice)
1. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ฝกึ อ่านคำศัพท์และประโยค
2. ครสู ่มุ เรยี กนักเรียน 2-3 กล่มุ อ่านประโยคของหัวข้อ “India: crazy about cricket” และสุ่ม
เรียกอีก 2-3 กล่มุ อ่านประโยคของหัวข้อ “USA: baseball nation”
3. ครใู หน้ ักเรยี นอา่ นคำศัพทท์ ั้งหมดพร้อมกัน
4. ขั้นนำไปใช้ ( Production )
1. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ชว่ ยกันเขียนประโยค 5- 6 ประโยค เกย่ี วกับกีฬาทนี่ ักเรยี นรู้จกั มากลมุ่ ละ 1
ประเภท โดยดบู ทอ่านหวั ข้อ “India: crazy about cricket” หรือ “USA: baseball nation” เปน็ ตน้ แบบ
2. นกั เรียนแต่ละกลุม่ อา่ นประโยคของกลุม่ ตนเอง ครใู ห้กลมุ่ ทเ่ี ป็นผู้ฟังตรวจประโยคของกล่มุ ท่ี
นำเสนอ
5. ขั้นสรปุ ( Wrap up )
1. ครูให้นักเรยี นช่วยกันบอกวิธเี ล่นกฬี าครเิ ก็ตและเบสบอล
2. นักเรียนทำ Language Review 1d Ex. 4 ในหนงั สอื เรียน หน้า 105 ร่วมกันในชนั้
7. ส่ือการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี น SPARK 2 ม. 2
2. Worksheet 1 – 2
8. วิธกี ารวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
เครอื่ งมอื วธิ ีการ เกณฑ์การประเมนิ
ได้คะแนนไม่น้อยกว่า 60%
1. แบบฝึกหัด -ตรวจความถูกต้องของแบบฝึกหัด
4 ระดับ ดีมาก - ดี - พอใช้
สมุด - ปรับปรงุ
2. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี น - สงั เกตการเข้ารว่ มและความตั้งใจ
ในการทำกิจกรรม
แผนการจัดการเรียนรูก้ ลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ ( ภาษาอังกฤษ )
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรื่อง At work, at play เวลาเรียน 17 ชวั่ โมง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 13 เร่ือง National Pastimes 2 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง
สอนวนั ท่ี ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่อื งทีฟ่ ังและอา่ นจากส่อื ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็นอย่าง
มเี หตผุ ล
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหวั ข้อเร่ือง ใจความสำคัญ บอกรายละเอยี ดสนบั สนนุ (supporting detail)
และแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับเรอ่ื งที่ฟงั และอา่ นพร้อมทง้ั ใหเ้ หตุผลและยกตัวอย่าง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องตา่ ง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเกีย่ วกับตนเอง กจิ วัตรประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณท์ ี่อยู่ในความสนใจของสงั คม
2. สาระสำคญั
การเรยี นรเู้ ก่ียวกับใจความสำคญั ใจความเฉพาะ และเขา้ ใจเก่ียวกบั โครงสรา้ งของบทอ่าน จะช่วย
ใหส้ ามารถเขยี นขอ้ ความได้อยา่ งถูกต้อง
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกรายละเอยี ดของเรอ่ื งที่อ่านได้
2. เขียนเรียงความตามประเดน็ ท่ีกำหนดให้ได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (last, play against)
Nouns (team, competition, match, championship, field)
Functions: Adjectives (professional, diamond-shaped)
Phrases ((be) crazy about, all year round)
Describing sports teenagers play
Basketball is one of the most popular sports in Thailand and
many teenagers are crazy about it.
2) Language Skills
Reading: อ่านเพื่อหาข้อมลู เฉพาะ
Writing: เขียนเก่ยี วกบั กีฬาที่วัยรุน่ ไทยนยิ มเลน่
3) Cultures กีฬาในทอ้ งถนิ่
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งม่นั ในการทำงาน
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. กจิ กรรมนำสู่บทเรียน( Warm up )
1. ครใู หน้ กั เรยี นเลน่ เกม crossword เพื่อทบทวนคำศัพท์ท่เี รียนไปเมื่อชัว่ โมงทแ่ี ลว้ โดยครูถา่ ย
เอกสาร Worksheet 3 (ทา้ ยแผน ฯ Across cultures 1e) แจกให้นักเรยี นเลน่ เปน็ คหู่ รือกลมุ่ ครูใหเ้ วลา
นกั เรยี นเล่นเกม 5 นาที
2. ครูขออาสาสมัครอา่ นประโยคคนละ 1 ประโยค นักเรียนท่เี หลอื สะกดคำศัพทพ์ รอ้ มกนั และ
ตรวจคำศัพทใ์ นตาราง ทำเชน่ น้ที ลี ะข้อจนครบ
2. ขัน้ นำเสนอ (Presentation)
1. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาประโยคท่นี ักเรียนจัดกลมุ่ เมอื่ ช่ัวโมงท่แี ล้ว และพจิ ารณาวา่ ประโยคใดเป็น
ประโยคใจความสำคญั ของแต่ละเรอื่ ง ทำไมจงึ เลือกประโยคดงั กลา่ ว
2. ครูสุ่มเรียกตัวแทนกลุ่ม 2-3 กลุ่ม ให้บอกคำตอบ พร้อมบอกเหตผุ ล จากนน้ั ครูเฉลยคำตอบ
และอธบิ ายวา่ ประโยคใจความสำคัญ คือ ประโยคที่มใี จความครอบคลุมประโยคอ่นื ๆ ในข้อความ สว่ นใหญ่
ซ่ึงประโยคแรกในย่อหน้ามักจะเป็นประโยคใจความสำคัญ
3. ครอู ่านให้นักเรียนฟงั เรอ่ื ง “India: crazy about cricket” 1 ครั้ง แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มช่วยกนั
เรียงประโยคทจ่ี ดั กล่มุ แลว้ ตามทีไ่ ด้ฟัง จากน้ันนกั เรียนฟงั เร่อื ง “India: crazy about cricket” อีกคร้ัง และ
ตรวจประโยคทีเ่ รยี งไว้
4. ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ วา่ ประโยคท่ี 1 เป็นประโยคใจความสำคัญ ประโยคท่ี 2-3 เป็นประโยคท่ี
ขยายความ ส่วนประโยคสดุ ท้ายเปน็ ประโยคสรุปความ ดงั นั้น ในยอ่ หน้าหนง่ึ ๆ จะประกอบด้วยประโยค
ใจความสำคัญ ประโยคขยายความ และประโยคสรุปความ
3. ขึ้นฝกึ ปฏิบัติ (Practice)
1. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ช่วยกนั เรยี งประโยคจากเรื่อง “USA: baseball nation” โดยพจิ ารณาตาม
โครงสรา้ งท่คี รอู ธบิ าย เสร็จแล้วช่วยกนั บอกลำดับการเรยี งประโยค
2. ครเู ปดิ เรื่อง “USA: baseball nation” ใหน้ ักเรยี นฟัง แลว้ ตรวจการเรยี งประโยค
3. นกั เรยี นอา่ นประโยคทใี่ ห้มา และขดี เสน้ ใตค้ ำสำคญั ในแต่ละประโยค เสรจ็ แล้วใหอ้ า่ นบทอ่าน
เพ่อื มองหาคำพ้องความหมาย (synonym) คำทมี่ ีความหมายตรงกันข้าม (opposite) หรอื กลมุ่ คำ/วลี ทม่ี ี
ความหมายเหมือนกนั หรือต่างกันกับคำสำคัญทข่ี ดี เส้นใต้ไว้ จากน้นั ตอบคำถาม เสรจ็ แล้วตรวจคำตอบรว่ มกัน
4. ขัน้ นำไปใช้ ( Production )
1. นักเรยี นจับค่กู ันเขียนเรยี งความสน้ั ๆ เกี่ยวกับกีฬาที่วัยรุ่นไทยนิยมเลน่ พรอ้ มท้งั ต้ังชือ่ เร่ืองด้วย
2. ครสู มุ่ เรยี กนกั เรียน 3-4 คู่ อ่านเรื่องท่ีเขยี นใหเ้ พ่ือนฟัง
3. ครใู ห้นกั เรยี นนำเรอ่ื งท่เี ขียนไปออกแบบและหาภาพประกอบตกแต่งให้สวยงาม แล้วนำมาสง่ ใน
ชว่ั โมงต่อไป
5. ข้นั สรปุ ( Wrap up )
1. ครใู ห้นกั เรียนช่วยกนั บอกวธิ เี ล่นกฬี าคริเกต็ และเบสบอล
2. นกั เรียนทำ Language Review 1d Ex. 4 ในหนังสือเรียน หนา้ 105 ร่วมกันในช้นั
7. ส่ือการเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้
1. หนงั สือเรยี น SPARK 2 ม. 2
2. เกม
3. Worksheet 3
8. วธิ กี ารวดั ผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
เคร่ืองมอื วิธกี าร เกณฑ์การประเมิน
ไดค้ ะแนนไม่นอ้ ยกวา่ 60%
1. แบบฝึกหัด -ตรวจความถกู ต้องของแบบฝึกหดั
4 ระดับ ดีมาก - ดี - พอใช้
สมดุ - ปรับปรงุ
2. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี น - สังเกตการเข้าร่วมและความตัง้ ใจ
ในการทำกิจกรรม
แผนการจัดการเรียนรกู้ ลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ ( ภาษาองั กฤษ )
ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เร่อื ง At work, at play เวลาเรียน 17 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 14 เรื่อง Mary’s Blog 1 เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง
สอนวนั ที่ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรือ่ งทีฟ่ ังและอ่านจากสอ่ื ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่าง
มีเหตผุ ล
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ข้อเรื่อง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนบั สนนุ (supporting detail)
และแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับเรอื่ งท่ีฟังและอ่านพร้อมท้ังให้เหตุผลและยกตัวอยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่อื งตา่ ง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กจิ วัตรประจำวนั ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณ์ท่ีอยูใ่ นความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับ
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสยี งประโยค
ชนิดต่าง ๆ และการลำดบั คำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
2. สาระสำคญั
การเรียนรแู้ ละเข้าใจเก่ียวกบั การใช้ตวั อกั ษรพิมพ์ใหญ่ การใชเ้ คร่อื งหมายต่าง ๆ ในการเขยี น
ประโยค รวมทัง้ ความสามารถในการสะกดคำศพั ท์ การเรยี นรูเ้ ทคนคิ ในการตรวจงานเขียน และรูปแบบ
การเขยี นท้ังท่เี ปน็ ทางการและไม่เป็นทางการ จะช่วยใหส้ ามารถเขยี นสื่อสารได้ถกู ต้องและมีประสทิ ธภิ าพ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกรายละเอยี ดของเรอ่ื งที่อ่านหรอื ฟงั ได้
2. เปรียบเทียบความแตกต่างของโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้
3. เขยี น blog ในประเดน็ ที่กำหนดให้ได้
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (last, play against)
Nouns (team, competition, match, championship, field)
Adjectives (professional, diamond-shaped)
Phrases ((be) crazy about, all year round)
Functions: Describing sports teenagers play
Basketball is one of the most popular sports in Thailand and
many teenagers are crazy about it.
2) Language Skills
Reading: อา่ นเพื่อหาข้อมูลเฉพาะ
Writing: เขียนเกยี่ วกับกฬี าที่วยั รุ่นไทยนิยมเล่น
3) Cultures กฬี าในท้องถ่นิ
4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝเ่ รยี นรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. กิจกรรมนำสบู่ ทเรียน( Warm up )
1. ครใู หน้ ักเรียนเล่นเกม Funny weekend Happy weekday โดยพูดจบั คู่กจิ กรรมกับวนั หยุดสุด
สปั ดาห์ หรือวันธรรมดาใหถ้ ูกต้อง เช่น go to school, have lessons, go to the cinema, watch a DVD
2. ครอู ธบิ ายการเล่นเกม โดยแบง่ นกั เรยี นออกเปน็ 2 ทมี แตล่ ะทีมส่งตวั แทนออกมา 8 คน
ตวั แทนของแต่ละทมี จะพดู สลับกัน ระหว่างกิจกรรมกบั วันหยุดสดุ สปั ดาห์หรอื วันธรรมดา หากคนที่ 1
ของทมี A พดู กิจกรรม คนท่ี 1 ของทีม B ต้องพดู weekend หรอื weekday ให้สมั พันธ์กับกจิ กรรมนั้น
หลังจากน้ันสลบั ให้คนที่ 2 ของทีม B พูดก่อน หากคนที่ 2 ของทีม B พูด weekend คนที่ 2 ของทีม A
ตอ้ งพดู กจิ กรรมท่ีทำในวันหยุดสดุ สปั ดาห์มา 1 กิจกรรม จงึ จะได้คะแนน หากบอกกิจกรรมผดิ หรือพดู
weekend เหมือนทีม B ทมี A จะไม่ได้คะแนน แต่ทีม B จะได้คะแนนแทน
Team A S1: Go to school
Team B S1: Weekday
T: Team B gets 1 point.
Team B S2: Weekend
Team A S2: Have lessons
T: Wrong! Team B gets 1 point.
2. ขน้ั นำเสนอ (Presentation)
1. ครบู อกนักเรยี นว่า จะไดอ้ ่าน Mary’s Blog โดย Mary ตง้ั ชื่อหัวขอ้ blog ของตนเองว่า
Sundays are the best! ใหน้ กั เรียนคิดวา่ Mary ทำกจิ กรรมอะไรทุกวันอาทติ ย์
2. ครูเขยี นตารางในหนงั สือเรยี น หนา้ 17 Ex. 2 บนกระดาน ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั บอกกิจกรรมที่
คิดว่า Mary ทำในแตล่ ะช่วงเวลาของวัน แลว้ ครเู ขียนกจิ กรรมทีน่ ักเรียนบอกลงในตาราง
3. ครอู า่ นให้นักเรียนฟงั เรื่อง Mary’s Blog ก่อนอ่านครูบอกใหน้ ักเรียนตงั้ ใจฟงั ว่าแต่ละช่วงเวลาของ
วัน Mary ทำอะไรบา้ ง พร้อมทงั้ จดบนั ทึกขอ้ มูล เมื่อฟังจบให้นกั เรียนช่วยกนั ตรวจกจิ กรรมในตารางบน
กระดานและปรับแก้
4. นกั เรยี นอา่ น Mary’s Blog ในใจ และตรวจคำตอบในตารางอีกครง้ั
5. ครูสุ่มเรยี กนักเรียนพดู บอกกิจกรรมที่ Mary ทำ โดยใช้ขอ้ มูลจากตาราง ครูพูดขึ้นตน้ ประโยคว่า
On Sundays, Mary …
3. ข้นึ ฝึกปฏบิ ตั ิ (Practice)
1. ครใู หน้ ักเรยี นขีดเส้นใตค้ ำกรยิ าใน blog แลว้ ช่วยกนั ตอบว่ามีคำอะไรบ้าง และคำกริยาเหลา่ น้ี
เขยี นในรูปของ tense อะไรบ้าง
2. ครูเขียนประโยคด้านล่างนี้บนกระดาน (หรือพิมพใ์ สก่ ระดาษแจกนักเรียน) แล้วให้นกั เรียน
ทำงานคู่ชว่ ยกันแก้ไขประโยคให้ถกู ต้อง
1 My favourite day Sunday.
2 My mother always making delicious hamburgers.
3 In the picture, I am dance with my friends and my brother sings.
4 My uncle usually drive to my home on Sundays.
5 My mum and dad cook in the kitchen now.
6 We are wait for our lunch.
3. ครขู ออาสาสมัครอา่ นประโยคที่แก้ไขแลว้ คนละ 1 ประโยค พร้อมทงั้ อธิบายเหตุผล
4. ขน้ั นำไปใช้ ( Production )
1. นกั เรียนจับค่กู นั แตง่ ประโยคเกีย่ วกบั กจิ กรรมท่ที ำในวันหยุดสุดสัปดาหค์ ลู่ ะ 5 ประโยค เสรจ็ แลว้
ครใู ห้นกั เรียนแลกเปลีย่ นกนั ตรวจระหวา่ งคู่ ถ้าประโยคของเพือ่ นผิดให้นักเรียนปรับแกใ้ ห้เพ่อื น
2. ครูสุม่ ถามนกั เรียนท่ีเพ่ือนแก้ไขประโยคให้ โดยใหอ้ ่านประโยคเดิมและอ่านประโยคท่ีเพื่อนแก้ไข
ให้ แล้วนกั เรียนคนอื่น ๆ ชว่ ยกนั ตรวจว่าถูกต้องหรือไม่
3. ครใู หน้ ักเรยี นนำเร่ืองทีเ่ ขียนไปออกแบบและหาภาพประกอบตกแต่งให้สวยงาม แลว้ นำมาสง่ ใน
ชั่วโมงต่อไป
5. ขน้ั สรปุ ( Wrap up )
1. ครใู ห้นกั เรยี นสรปุ ลกั ษณะการเขยี นแบบไมเ่ ป็นทางการ
2. แบบฝึกหดั หน้า 11 Exs. 1-2a ใหน้ ักเรียนทำเป็นการบา้ น
7. สื่อการเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี น SPARK 2 ม. 2
2. เกม
8. วธิ กี ารวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้
เครื่องมอื วิธกี าร เกณฑ์การประเมิน
ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่า 60%
1. แบบฝึกหดั -ตรวจความถกู ต้องของแบบฝึกหดั
4 ระดบั ดมี าก - ดี - พอใช้
สมุด - ปรบั ปรงุ
2. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี น - สงั เกตการเขา้ ร่วมและความตง้ั ใจ
ในการทำกิจกรรม
แผนการจัดการเรียนรกู้ ลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ ( ภาษาองั กฤษ )
ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เร่อื ง At work, at play เวลาเรียน 17 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 15 เรื่อง Mary’s Blog 2 เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง
สอนวนั ที่ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2
__________________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรือ่ งทีฟ่ ังและอ่านจากสอ่ื ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่าง
มีเหตผุ ล
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ข้อเรื่อง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนบั สนนุ (supporting detail)
และแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับเรอ่ื งท่ีฟังและอ่านพร้อมท้ังให้เหตุผลและยกตัวอยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่อื งตา่ ง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กจิ วัตรประจำวนั ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณ์ท่ีอยูใ่ นความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับ
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสยี งประโยค
ชนิดต่าง ๆ และการลำดบั คำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
2. สาระสำคญั
การเรียนรแู้ ละเข้าใจเก่ียวกบั การใช้ตวั อกั ษรพิมพ์ใหญ่ การใชเ้ คร่อื งหมายต่าง ๆ ในการเขยี น
ประโยค รวมทัง้ ความสามารถในการสะกดคำศพั ท์ การเรยี นรูเ้ ทคนคิ ในการตรวจงานเขียน และรูปแบบ
การเขยี นท้ังท่เี ปน็ ทางการและไม่เป็นทางการ จะช่วยใหส้ ามารถเขยี นสื่อสารได้ถกู ต้องและมีประสทิ ธภิ าพ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกรายละเอยี ดของเรอ่ื งที่อ่านหรอื ฟงั ได้
2. เปรียบเทียบความแตกต่างของโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้
3. เขยี น blog ในประเดน็ ที่กำหนดให้ได้
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (last, play against)
Nouns (team, competition, match, championship, field)
Adjectives (professional, diamond-shaped)
Phrases ((be) crazy about, all year round)
Functions: Describing sports teenagers play
Basketball is one of the most popular sports in Thailand and
many teenagers are crazy about it.
2) Language Skills
Reading: อ่านเพ่ือหาข้อมลู เฉพาะ
Writing: เขียนเกี่ยวกับกีฬาทว่ี ยั รุ่นไทยนยิ มเลน่
3) Cultures กีฬาในทอ้ งถนิ่
4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุง่ มัน่ ในการทำงาน
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. กิจกรรมนำสู่บทเรียน( Warm up )
1. ครูสนทนากับนกั เรียนว่า ปัจจบุ นั นกั เรยี นสามารถส่อื สารกันด้วยชอ่ งทางใดบ้าง ในการส่อื สาร
กันนั้นนักเรียนมีคำศัพทเ์ ฉพาะท่ใี ชส้ ่อื สารกันในกลุ่มหรอื ไม่ มกี ารใช้คำย่ออะไรบ้าง มีการรวบคำเขา้ ดว้ ยกนั
หรือไม่ แล้วครูอธบิ ายว่าการสือ่ สารด้วยภาษาองั กฤษกม็ ีคำศพั ท์เฉพาะกลุ่มเช่นกนั รวมทั้งการใช้รปู ย่อ ซง่ึ
ผู้ใชจ้ ะใชใ้ นการส่อื สารทไ่ี มเ่ ป็นทางการ
2. ครูใหน้ กั เรยี นบอกคำย่อในภาษาอังกฤษและคำท่เี กดิ จากการรวบคำทนี่ ักเรยี นใช้ในการส่ือสาร
กนั บ่อย ๆ
2. ข้ันนำเสนอ (Presentation)
1. ครูอธิบายนักเรียนวา่ การเขยี นมี 2 แบบ คือ แบบเป็นทางการและแบบไม่เป็นทางการ ให้
นักเรยี นยกตัวอย่างการเขียนทเี่ ป็นทางการและไม่เปน็ ทางการ พร้อมทัง้ บอกเหตผุ ล
2. ครูใหน้ กั เรยี นอา่ น Mary’s Blog และพิจารณาว่าเป็นการเขยี นอย่างเป็นทางการหรือไมเ่ ป็น
ทางการ โดยพิจารณาว่ามีการเขียนแบบใช้รูปยอ่ ใช้ภาษาพูด หรอื มกี ารละคำสรรพนามหรือไม่
3. ครูถามนกั เรียนวา่ ในการเขียนนั้นนอกจากการคำนึงถงึ รูปแบบการเขยี นแลว้ นกั เรียนยงั ตอ้ ง
คำนึงถงึ อะไรอกี ให้นักเรียนชว่ ยกนั คดิ
4. ครใู หน้ กั เรยี นเขียนแก้ไขประโยคให้ถูกต้อง เสรจ็ แลว้ เปรียบเทยี บกบั เพื่อน จากน้นั ครขู อ
อาสาสมคั รอธบิ ายประเด็นการแก้ไขคนละ 1 ขอ้
5. ครอู ธบิ ายนกั เรยี นวา่ เพอ่ื ให้ข้อความท่ีเขยี นมีความถูกต้องมากที่สดุ ทุกคร้ังหลงั การเขยี น
นกั เรยี นต้องตรวจงานเขียนวา่ ยงั มีข้อบกพร่องหรือผิดพลาดอะไรบา้ ง และแก้ไข ซ่งึ การอ่านตรวจทานงาน
เขียนเรยี กวา่ proofread หลงั จากนนั้ ครูถามนกั เรยี นว่า ความผดิ พลาดที่มักเกิดขนึ้ ในการเขียนได้แก่อะไรบา้ ง
6. นักเรยี นอา่ น Study Skills และสรปุ รว่ มกัน จากน้ันครใู หน้ ักเรียนเปรียบเทียบว่าโครงสรา้ ง
ประโยคภาษาอังกฤษและภาษาไทยแตกต่างกนั อยา่ งไรบ้าง เชน่ การใชเ้ ครอื่ งหมายต่าง ๆ การใชต้ ัวอักษร
ตัวใหญ่ การผันคำกริยาตามประธาน