ก
คำนำ
แบบฝึกเสรมิ ความรหู้ ลักการใช้ภาษาไทย เรอ่ื ง คาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย รหสั ท23102 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 เล่มท่ี 2 คาภาษาบาลี
จัดทาข้ึนเพ่ือใช้ในการเสริมความรู้เรื่องหลักการใช้ภาษาไทยให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีท่ี 3 ซ่ึงจะเน้นให้นักเรียนรู้ความเป็นมา ลักษณะ หลักการสังเกตและการจาแนก
คาภาษาบาลีที่เข้ามาใช้ในภาษาไทย โดยใช้เน้ือหาวรรณคดี วรรณกรรม บทความ ข่าว
โฆษณา เพลงและบทประพันธ์ มาเป็นแนวทางในการสร้างแบบฝึกเสริมความรู้และนักเรียน
มีความสุขกับการทาแบบฝึกเสริมความรู้ ส่งผลให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียน
วชิ าภาษาไทย
แบบฝึกเสริมความรู้เล่มน้ีประกอบด้วย แบบทดสอบก่อนเรียน ใบความรู้ แบบฝึก
และแบบทดสอบหลังเรียน นักเรียนได้ปฏิบัติตามข้ันตอนอย่างเป็นระบบ ทาให้นักเรียน
มีความรู้เพ่มิ มากขึน้ ตามขัน้ ตอนของกจิ กรรมการเรียน
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า แบบฝึกเสริมความรู้น้ีจะช่วยให้นักเรียนมีความรู้
ความเขา้ ใจในเรอื่ งคาภาษาบาลีท่เี ข้ามาใชใ้ นภาษาไทยมากย่ิงข้นึ
จีรนันท์ พักนา
ข
สำรบัญ
เรอื่ ง หน้ำ
คานา..................................................................................................................... ก
สารบญั .................................................................................................................. ข
คาชแ้ี จงสาหรับครู................................................................................................. ค
คาชี้แจงสาหรับนักเรยี น......................................................................................... จ
มาตรฐาน/ตวั ช้วี ัด/จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ .............................................................. ช
แบบทดสอบก่อนเรยี น........................................................................................... ๑
ใบความร้ทู ่ี ๑ เรื่อง ประวัติความเปน็ มาและพัฒนาการของภาษาบาลี................... ๖
แบบฝกึ เสริมความรทู้ ่ี ๒.๑ บาลมี คี ่าลา้ บันทึกคาในพระไตรปิฎก................... 12
ใบความรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง สาเหตขุ องคาภาษาบาลีทเี่ ขา้ มาปะปนในภาษาไทย ................ 14
แบบฝึกเสรมิ ความรู้ท่ี ๒.๒ อ่านเขยี นเรียนสนุก ............................................ ๑6
ใบความรทู้ ่ี ๓ เร่อื ง ประโยชนข์ องคาภาษาบาลี..................................................... 18
แบบฝึกเสริมความรู้ท่ี ๒.๓ ประโยชนม์ ากมีบาลีหลากหลาย ......................... ๒3
ใบความรูท้ ่ี ๔ เรอ่ื ง คาท่มี าจากภาษาบาลี ............................................................. ๒5
แบบฝึกเสริมความรทู้ ี่ ๒.๔ ถกู ผิดคดิ ให้จานามาใช้........................................ 28
ใบความร้ทู ี่ ๕ เรอื่ ง ตัวอย่างคาภาษาบาลี.............................................................. ๓0
แบบฝกึ เสรมิ ความรูท้ ี่ ๒.๕ หลากความหมาย หลายคาศัพท์ ......................... 31
แบบฝกึ เสรมิ ความรทู้ ี่ ๒.๖ ต่อเตมิ เสริมประโยค ........................................... ๓2
แบบทดสอบหลังเรยี น ........................................................................................... 33
ภาคผนวก ............................................................................................................. 37
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน.......................................................................... 38
แบบฝกึ เสริมความร้ทู ี่ ๒.๑ บาลีมคี ่าลา้ บันทกึ คาในพระไตรปิฎก................... 39
แบบฝึกเสริมความรทู้ ่ี ๒.๒ อ่านเขยี นเรียนสนกุ ............................................ 40
แบบฝกึ เสริมความรู้ที่ ๒.๓ ประโยชน์มากมบี าลหี ลากหลาย ......................... 41
แบบฝึกเสรมิ ความรู้ท่ี ๒.๔ ถูกผิดคิดใหจ้ านามาใช้........................................ 42
แบบฝกึ เสรมิ ความรู้ที่ ๒.๕ หลากความหมาย หลายคาศัพท์ ......................... 43
แบบฝึกเสรมิ ความรู้ที่ ๒.๖ ต่อเตมิ เสริมประโยค ........................................... 44
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น .......................................................................... 45
บรรณานกุ รม......................................................................................................... 46
ค
คำชแี้ จงสำหรบั ครู
แบบฝึกเสริมความรู้หลักการใช้ภาษาไทย เร่ือง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย รหัสวิชา ท๒๓๑๐๒ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จดั ทาขึ้นเพ่ือเป็น
สอื่ ประกอบแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อฝกึ ให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
หลักการใช้ภาษาไทย เรื่อง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย แบบฝกึ เสริมความรู้มีจานวน
๙ เล่ม ดงั นี้
เล่มที่ ๑ สาเหตุของคาภาษาตา่ งประเทศทเี่ ขา้ มาปะปนในภาษาไทย
เลม่ ที่ ๒ คาภาษาบาลี
เล่มท่ี ๓ คาภาษาสันสกฤต
เลม่ ท่ี ๔ คาภาษาเขมร
เล่มที่ ๕ คาภาษาจนี
เล่มที่ ๖ คาภาษาชวา
เลม่ ที่ ๗ คาภาษามลายู
เล่มที่ ๘ คาภาษาองั กฤษ
เล่มที่ ๙ คาภาษาอ่นื ๆ
สาหรบั เล่มนีเ้ ป็นแบบฝกึ เสรมิ ความรู้เลม่ ท่ี 2 คาภาษาบาลี ซ่ึงมีแบบฝึกท้ังหมด
จานวน 6 แบบฝึก โดยเริ่มจากแบบฝึกท่ี 2.1 – 2.6
ง
ขั้นตอนกำรใช้แบบฝกึ เสริมควำมรสู้ ำหรบั ครู
1. ครูควรศึกษาแบบฝึกเสริมความรู้หลักการใช้ภาษาไทย เร่ือง คาภาษาต่างประเทศ
ในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๓๑๐๒ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เล่มท่ี 2
คาภาษาบาลี ใหเ้ ขา้ ใจอย่างละเอยี ดรอบคอบ
2. ครดู าเนนิ การจดั กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการในแผนการจัดการเรียนรู้ ดงั นี้
2.๑ แจกแบบฝกึ เสริมความรู้ เรือ่ ง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย เล่มท่ี 2
คาภาษาบาลี
2.2 ขณะที่นักเรยี นทาแบบฝึกเสริมความรู้ ครูคอยดูแล และให้คาแนะนา
สาหรับนกั เรียนทมี่ ปี ัญหาข้อสงสัย
3. ครูจดั เตรียมการวดั ผลประเมนิ ผลโดยใช้แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรยี น
จานวน ๑๐ ขอ้
4. ครูควรสนับสนุนส่งเสริมให้ผเู้ รียนไดใ้ ชส้ ือ่ และแหลง่ เรียนรดู้ ว้ ยตนเอง คือ
แบบฝึกเสรมิ ความรู้ เรื่อง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย เล่มที่ 2 คาภาษาบาลี
5. ครแู นะนาให้นักเรยี นปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนของการใช้แบบฝึกเสริมความรู้
เรอื่ ง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย เล่มท่ี 2 คาภาษาบาลี
จ
คำชแี้ จงสำหรบั นกั เรียน
แบบฝึกเสริมความรู้หลักการใช้ภาษาไทย เรื่อง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๓๑๐๒ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ จัดทาขน้ึ เพื่อเป็น
สอื่ ประกอบแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือฝกึ ให้นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกับ
หลักการใช้ภาษาไทย เรื่อง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย แบบฝึกเสริมความรู้มีจานวน
๙ เล่ม ดงั นี้
เล่มที่ ๑ สาเหตุของคาภาษาตา่ งประเทศที่เขา้ มาปะปนในภาษาไทย
เล่มท่ี ๒ คาภาษาบาลี
เลม่ ที่ ๓ คาภาษาสนั สกฤต
เล่มที่ ๔ คาภาษาเขมร
เล่มท่ี ๕ คาภาษาจีน
เลม่ ท่ี ๖ คาภาษาชวา
เล่มที่ ๗ คาภาษามลายู
เล่มที่ ๘ คาภาษาอังกฤษ
เลม่ ที่ ๙ คาภาษาอน่ื ๆ
สาหรบั เลม่ นี้เป็นแบบฝกึ เสริมความรเู้ ล่มที่ 2 คาภาษาบาลี ซ่ึงมแี บบฝึกทั้งหมด
จานวน 6 แบบฝกึ โดยเร่ิมจากแบบฝึกที่ 2.1 – 2.6
ฉ
ข้นั ตอนกำรใชแ้ บบฝึกเสริมควำมรู้สำหรบั นกั เรียน
1. นักเรยี นอา่ นจุดประสงค์การเรยี นรูก้ ่อนลงมือศึกษาแบบฝึกเสริมความรู้
2. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน จานวน ๑๐ ขอ้
3. นักเรียนต้องปฏบิ ัติตามคาช้ีแจงสาหรบั นักเรียนในแบบฝกึ เสริมความรู้
4. นักเรียนห้ามขีดเขียนข้อความใดๆ ลงในแบบฝกึ เสรมิ ความรู้
5. นกั เรียนทุกคนทางานด้วยความต้งั ใจ มีความซ่อื สัตย์ ไมค่ วรดูเฉลยกอ่ นตอบ
6. นักเรียนศกึ ษาแบบฝกึ เสริมความรู้ เร่อื ง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
เล่มที่ 2 คาภาษาบาลี ตามลาดับ โดยไม่ตอ้ งรบี รอ้ น เมอ่ื เข้าใจแลว้ ให้ทาแบบฝึก
7. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น จานวน ๑๐ ขอ้
9. นักเรยี นเก็บแบบฝึกเสรมิ ความรสู้ ง่ ครูให้เรยี บรอ้ ยหลงั เรียนเสรจ็
อำ่ นคำชี้แจงแลว้ ปฏิบัติตำมขัน้ ตอนนะคะ
ช
สวสั ดีคะ่ แบบฝกึ เสรมิ ควำมรู้
เลม่ ที่ 2 คำภำษำบำลี มีอะไรบ้ำง มำดกู นั ค่ะ
สำระ/มำตรฐำนกำรเรียนร้/ู ตวั ชว้ี ดั
แบบฝึกเสริมควำมรู้ เร่อื ง คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย
เลม่ ท่ี 2 คำภำษำบำลี
สำระที่ ๔ หลกั การใชภ้ าษาไทย
มำตรฐำน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย
การเปลยี่ นแปลงของภาษา และพลังของภาษา
ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทย
ไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ
ตัวช้วี ดั ม.๓/๑ จาแนกคาในภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย
ซ
สำระสำคญั /จดุ ประสงค์
สำระสำคัญ
ภาษาต่างประเทศท่ีเข้ามาปะปนในภาษาไทยด้วยสาเหตุต่าง ๆ มีอิทธิพลต่อ
ภาษาไทย คือ ทาให้ลักษณะของภาษาไทยเปล่ยี นไปจากเดมิ ภาษาตา่ งประเทศที่มใี ช้ใน
ภาษาไทยเป็นจานวนมาก คือ ภาษาบาลี สันสกฤต เขมร จีน อังกฤษและภาษาอื่น ๆ
ในภาษาไทย โดยเฉพาะภาษาบาลี สันสกฤต เขมร จีน คนไทยนามาใช้และมีการเปลี่ยนแปลง
รูปคาจนดกู ลมกลนื กับภาษาไทยแทบจาแนกไม่ได้วา่ เป็นคาท่มี าจากภาษาอ่ืน
ดังนั้น การศึกษาเรื่องคาภาษาบาลีจากวรรณคดี วรรณกรรม บทความ ข่าว
โฆษณา เพลงและบทประพันธ์อ่ืน ๆ จะช่วยให้จาแนกและใช้คาภาษาบาลีในภาษาไทย
ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้
๑. บอกประวัตคิ วามเป็นมาของคาภาษาบาลใี นภาษาไทยได้
๒. บอกหลักการสงั เกตคาภาษาบาลีในภาษาไทยได้
๓. จาแนกคาภาษาบาลใี นภาษาไทยได้
กำรประเมินผล
แบบทดสอบกอ่ นเรียน แบบฝึกเสรมิ ความรู้ที่ 2.1 - 2.6
และแบบทดสอบหลังเรยี น เกณฑ์การผ่านรอ้ ยละ ๘๐
อ่ำนจุดประสงค์แล้วลองทำแบบทดสอบ
ก่อนเรยี นหนำ้ ต่อไปนะคะ
1
แบบทดสอบก่อนเรียน
เลม่ ท่ี 2 คำภำษำบำลี
กล่มุ สำระกำรเรยี นร้ภู ำษำไทย รหสั วชิ ำ ท2310๒ ชน้ั มัธยมศึกษำปที ี่ 3
คำช้ีแจง เลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สดุ เพียงข้อเดยี ว แล้วทาเครื่องหมายกากบาท (X)
ลงในกระดาษคาตอบหน้าที่ ๔ (จานวน ๑๐ ขอ้ ๑๐ คะแนน)
๑. ภำษำบำลเี ปน็ ภำษำประจำศำสนำพทุ ธนกิ ำยใด
ก. เถรวาท
ข. วัชรยาน
ค. มหายาน
ง. อาจริยวาท
๒. ข้อใดมีภำษำบำลมี ำกทีส่ ดุ
ก. วิชาศิลปะเป็นทั้งศาสตร์แห่งปญั ญา
ข. เยาวชนหลงใหลความเจริญทางวตั ถุมาก
ค. บุญบารมีท่ีสร้างเป็นหนทางแห่งสวรรค์
ง. ปัจจุบันรัฐบาลมอบอานาจสู่ประชาชน
๓. คำในขอ้ ใดเปน็ คำทมี่ ำจำกภำษำบำลี
ก. บปุ ผา
ข. พศิ วาส
ค. ประดษิ ฐ์
ง. อธษิ ฐาน
2
๔. ข้อใดไมใ่ ช่สระในภำษำบำลี
ก. อิ อี
ข. อุ อู
ค. อะ อา
ง. เอะ แอ
๕ . ในภำษำบำลี ข้อใดหมำยถงึ “ดอกไม”้
ก. อปั ษร
ข. บปุ ผา
ค. บุษบก
ง. กญั ญา
๖. ข้อใดเปน็ คำทีม่ ำจำกภำษำบำลที กุ คำ
ก. อมตะ กีฬา วัตถุ
ข. ภักดี นิมติ มัธยม
ค. พสิ ดาร ปจั ฉมิ ธัญบรุ ี
ง. ถาวร นพิ พาน นิตยสาร
๗. ภำษำบำลปี รำกฏเปน็ หลกั ฐำนครงั้ แรกในจำรกึ ของใคร
ก. พระเจา้ พมิ พสิ ารสาทร
ข. พระเจา้ อโศกมหาราช
ค. พระโสณเถระ
ง. พระอุตรเถระ
3
๘. ข้อใดเปน็ คำท่มี ำจำกภำษำบำลี
ก. ฤาษี
ข. เมาลี
ค. จักษุ
ง. ไพบูลย์
๙. ข้อใดเปน็ ภำษำบำลี
ก. ริษยา
ข. หรรษา
ค. บุษบา
ง. บปุ ผา
๑๐. ขอ้ ใดเปน็ คำทม่ี ำจำกภำษำบำลี
ก. บรรยงก์
ข. อาชญา
ค. กัญญา
ง. มิตร
เพอ่ื น ๆ ตัง้ ใจทำแบบทดสอบนะคะ
4
กระดำษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียน
เลม่ ที่ 2 คำภำษำบำลี
กลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย รหัสวชิ ำ ท2310๒ ช้ันมัธยมศกึ ษำปที ่ี 3
ข้อ ก ข ค ง
๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๗.
๘.
๙.
10.
5
ใบควำมรทู้ ี่ ๑
แบบฝกึ เสริมควำมรทู้ ี่ 2.๑
6
ใบควำมรู้ที่ ๑
เร่อื ง ประวัติควำมเป็นมำของภำษำบำลี
ประวัติควำมเป็นมำและพฒั นำกำรของภำษำบำลี
คาว่า บาลี มาจากคาว่า ปาลี (Pali) “ปาลี” สาเร็จรูปมาจากศัพท์ว่า “ปาล”
ธาตุ แปลว่า “รักษา” ลง ณี ปัจจัยในนามกิตก์ ปัจจัยท่เี น่ืองด้วย ณ ให้ลบ ณ ท้ิงเสีย
เม่ือประกอบกันจึงมีรูปเป็น “ปาลี” หรือคาไทย เรียกว่า “บาลี” หมายถึง ภาษาที่
รักษาพระพุทธพจน์เอาไว้ ซ่ึงมีรูปวิเคราะห์ว่า “พุทฺธวจน ปาเลตีติ ปาลี” แปลว่า
ภาษาใดยอ่ มรักษาไว้ ซ่งึ พระพทุ ธพจนเ์ หตนุ น้ั ภาษาน้นั ช่ือว่า “ปาลี”
7
ภาษาบาลีเป็นภาษาท่ีเก่าแก่ภาษาหน่ึง ในตระกูลอินเดีย-ยุโรป (อินโด-ยูโรเปียน)
ในสาขาย่อย อินเดีย-อิหร่าน (อินโด-อิเรเนียน) ซ่ึงจัดเป็นภาษาปรากฤตภาษาหน่ึง
เปน็ ทรี่ ู้จกั กันดีในฐานะเปน็ ภาษาที่ใช้บันทกึ คมั ภรี ์ในพระพทุ ธศาสนานกิ าย เถรวาท เช่น
พระไตรปิฎก เป็นต้น โดยมีลักษณะทางไวยากรณ์และคาศัพท์ท่ีคล้ายคลึงกับ
ภาษาสันสกฤต ไม่มีอักษรชนิดใดสาหรับใช้เขียนภาษาบาลีโดยเฉพาะ มีหลักฐานจารึก
ภาษาบาลีด้วยอกั ษรตา่ ง ๆ มากมายในตระกลู อักษรอนิ เดีย เช่น อักษรพราหมี อักษรเทวนาครี
จนถึงอักษรล้านนา อักษรขอม อักษรไทย อักษรมอญ แม้กระทั่งอักษรโรมัน (โดยมีการ
เพิม่ เคร่อื งหมายเล็กน้อย) ก็สามารถใชเ้ ขยี นภาษาบาลีได้
ภาษาบาลีมีลักษณะเฉพาะตัว คือ คาทุกคา (ยกเว้นจาพวกอพั ยยศัพท์) ไม่ว่าจะเป็น
คานามหรือคากริยา ล้วนแต่มีรากศัพท์หรือผ่านการประกอบรูปศัพท์ท้ังส้ิน ไม่ใช่จะสาเร็จ
เป็นคาศัพท์เลยทีเดียว และเม่ือจะนาไปใช้จะต้องมีการแจกรูปเสียก่อน เพื่อทาหน้าท่ี
ตา่ ง ๆ ในประโยคเช่น เป็นประธาน เป็นกรรม เป็นตน้
ภาษาไทย แม้จะเปน็ ภาษาคนละตระกูลกับภาษาบาลีและสันสกฤต แต่ก็รับเอา
คาบาลีและสันสกฤตมาใช้ในภาษาไทยไม่น้อย อาจกล่าวได้ว่ามากกว่าภาษาอ่ืน ๆ ท่ีนามาใช้
ในภาษาไทยในปัจจุบัน เช่น ภาษาอังกฤษแต่เมื่อนามาใช้ในภาษาไทยแลว้ กม็ ีการเปล่ียนรูป
เปลี่ยนเสียง เปล่ียนความหมาย ฯลฯ หรือที่เรียกว่าการกลายรูป กลายเสียง กลายความหมาย
ฯลฯ นัน่ เอง
กำเนิดและควำมเป็นมำของภำษำบำลี
พระพุทธศาสนาอุบัติข้ึนในประเทศอินเดีย ท่ามกลางเจ้าลัทธิท้ังหลาย ในสมัยน้ัน
ภาษาท่ีประชาชนใช้เป็นส่ือในการสื่อสารในสมัยน้ันก็มีมาก พระองค์ทรงเลือกภาษา
ที่ประชาชนส่วนมากใช้ในการประกาศพระพุทธศาสนา มีหลายคนต้ังข้อสังเกตว่า
พระพุทธเจ้าทรงใช้ภาษาอะไรกันแน่ในการประกาศพระพุทธศาสนา ในหมู่ชาวพุทธ
บางส่วนให้ทัศนะว่าภาษาบาลีมีถ่ินกาเนิดจากแคว้นมคธในชมพูทวีป (ประเทศอินเดีย)
และเรียกว่า ภาษามคธ หรือ ภาษามาคธี นักภาษาศาสตร์บางท่านมีความเห็นว่า ภาษาบาลี
(มาคธ)ี เป็นภาษาทางภาคใตข้ องอินเดยี
8
บางท่านเห็นว่า เป็นภาษาทางตะวันตกของอินเดีย และเป็นคนละภาษากับ
ภาษาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช ส่วน Mr. T.W. Rhys Davids ประธานสมาคม
บาลีปกรณ์ให้ทัศนะว่าภาษาบาลีน่าจะมีรากฐานมาจากภาษาของชาวโกศล โดยให้
เหตุผลว่า สถานท่ีประสูติของพระพุทธเจ้าอยู่ท่ีแคว้นโกศล ภาษาแม่ของพระพุทธเจ้าก็คือ
ภาษาของชาวโกศล
จึงสรุปได้ว่าภาษาบาลี ไม่ปรากฏที่มาที่ชัดเจน และเป็นท่ีถกเถียงเรื่อยมาโดย
ไม่มีข้อสรุป พระพุทธโฆสาจารย์พระอรรถกถาจารย์ผู้มีชีวิตอยู่ในพุทธศตวรรษที่ ๒๐
อธิบายว่าภาษาบาลีเป็น “สกานิรุตติ” คือภาษาที่พระพุทธเจ้าตรัส พระพุทธเจ้าทรง
แสดงธรรมด้วยภาษาบาลี เพราะในสมัยน้ัน ประเทศอินเดียมีภาษาหลักอยู่ ๒ ตระกูล
คือ ภาษาปรากฤต และ ภาษาสันสกฤต
ภำษำปรำกฤต แบ่งย่อยออกเปน็ ๖ ภำษำ คือ
ภำษำมำคธี ภาษาทใ่ี ช้พดู กนั อยูใ่ นแคว้นมคธ
ภำษำมหำรำษฎรี ภาษาทใี่ ช้พูดกันอยใู่ นแคว้นมหาราษฎร์
ภำษำอรรถมำคธี ภาษาก่งึ มาคธี เรียกอีกอย่างหนง่ึ วา่ ภาษาอารษปรากฤต
ภำษำเศำรนี ภาษาท่ีใช้พดู กนั อยูใ่ นแควน้ ศรู เสน
ภำษำไปศำจี ภาษีปศี าจ หรือภาษาชนั้ ต่า
ภำษำอปภรังศ ภาษาปรากฤตรนุ่ หลังท่ีไวยากรณ์ไดเ้ ปลี่ยนไปเกอื บหมดแล้ว
ภาษาบาลี ใช้ถ่ายทอดเผยแผ่และบันทึกพุทธพจน์เรื่อยมา จนกลายเป็นภาษา
ท่ใี ช้เปน็ หลักในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท มพี ระไตรปิฎก เป็นตน้ ในการเขียนภาษาบาลี
ไม่มีอักษรชนิดใด สาหรับใช้เขียนโดยเฉพาะสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นอักษรมาคธี แต่สามารถ
ประยุกต์ใช้กับภาษาของประเทศน้ัน ๆ ที่พระพุทธศาสนาเผยแผ่ถึง เช่น พระพุทธศาสนา
เผยแผ่ถึงประเทศไทยกใ็ ช้อกั ษรไทย เป็นตน้
9
พฒั นำกำรของภำษำบำลี
สาหรับภาษาบาลีมีวิวัฒนาการมายาวนาน มีการใช้ภาษาบาลีเพ่ือบันทึกคัมภีร์
ในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็นจานวนมาก Wilhem Geiger นักปราชญ์บาลีชาวเยอรมัน
ได้เขยี นหนังสอื ในสมัยศตวรรษท่ี ๒๙ คือ Pali Literatur โดยแบง่ วิวฒั นาการรูปลักษณะของ
ภาษาบาลีไว้ ๔ ยคุ คือ
ยุคคำถำ (Gatha Language)
บาลที ่ีใช้ในยุคน้ี ไดแ้ ก่ ภาษาท่ที ่านประพันธ์เป็นคาภา หรือร้อยกรอง คาศัพท์มี
ลักษณะเหมือนภาษาอินเดียโบราณ เพราะการใช้คายังเก่ียวข้องกับภาษาไวทิกะท่ีใช้
บันทึกคัมภรี พ์ ระเวท
ยุครอ้ ยแก้ว (Prose Language)
ได้แก่ ภาษาร้อยแก้วท่ีมีในพระไตรปิฎกดังที่ทราบกันแล้วว่า พระธรรมเทศนา
ของพระพุทธเจ้า ส่วนมากเป็นประเภทร้อยกรองและคติพจน์สั้นๆ ซึ่งเป็นลักษณะของ
รอ้ ยกรอง นักปราชญ์ส่วนมากมีความเห็นว่า บทร้อยแก้วในพระไตรปิฎกนั้นเติมเข้ามา
ในภายหลัง เพราะรูปแบบเป็นภาษาอินโดอารยันสมัยกลางแตกต่างจากสันสกฤตแบบพระเวท
อยา่ งส้ินเชงิ ดว้ ยเหตนุ ้ี ภาษาในพระไตรปิฎกจึงเขียนในยคุ น้ี
ยคุ รอ้ ยแกว้ ระยะหลงั (Post-canonical Prose Language)
เรยี กช่ืออีกอย่างว่า “ร้อยแก้วรุ่นอรรถกถา” ได้แก่ บทร้อยแกว้ ท่ีแตง่ ขึ้นทีหลัง
โดยพระอรรถกถาจารย์ต่าง ๆ นับว่าเป็นช่วงระยะเวลาหลังพระไตรปิฎก ราวศตวรรษที่ ๕
เป็นต้นไป ดงั ตวั อย่างในคัมภรี ์ เนตติปกรณ์ มิลนิ ทปัญหา วิมตุ ตมิ รรคและวิสุทธมิ รรค เปน็ ตน้
ยุครอ้ ยกรองประดษิ ฐ์ (Artificial Poetry)
ภาษาท่ีใช้ในยุคนี้เป็นการผสม ผสานระห่วงภาษาเก่าและภาษาใหม่ กล่าวคือ
คนแต่งสร้างคาใหม่ๆ ขึ้นใช้เพ่ือให้ไพเราะดูและสวยงามและเหมาะสมกับการเวลา
ในชว่ งนัน้ ๆ
10
สำเหตทุ เ่ี ปล่ียนช่อื จำกภำษำมำคธี เปน็ ภำษำบำลี
ภาษามาคธี หรือ ภาษามคธ เป็นภาษาท่ีพระพุทธเจ้าทรงใช้ส่ังสอนประชาชน
คร้ันต่อมาพระพุทธศาสนาได้มาเจริญแพร่หลายท่ีประเทศศรีลังกา ภาษามาคธีได้ถูก
นักปราชญ์แก้ไขดัดแปลงรูปแบบไวยากรณ์ให้กะทัดรัดย่ิงข้ึน จึงมีชื่อใหม่ว่า “ปาลี”
หรือ ภาษาบาลี เปน็ ภาษาจารกึ พระไตรปิฎกดังท่ีเราเห็นอยู่ในปัจจบุ นั เป็นธรรมดาของภาษา
ท่ีมีวิวัฒนาการไปตามกาลเวลา ทาให้ภาษามีการเปล่ียนแปลง ภาษาบาลีก็เป็นเช่นเดียวกัน
มีการวเิ คราะห์ถงึ สาเหตุที่ “ภาษามาคธี” กลายชือ่ เป็น “ภาษาบาลี” ไวด้ ังนี้
๑. ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมานานถึง ๒,๕๐๐ ปี หลักภาษาและถ้อยคาสานวน
ของภาษามาคธีหรือภาษาของชาวมคธสมัยพุทธกาล ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
กลายเป็นภาษามาคธีในยุคใหม่ ทาให้ภาษามาคธีที่ใช้ในวัฒนธรรมบาลีกลายเป็นภาษา
โบราณไป การจะถือว่าบาลีใช้ภาษามาคธีก็ไม่ถูกต้องนัก จึงเรียกเสียใหม่ว่า “ภาษาบาลี”
เพ่อื ตัดปัญหาความเขา้ ใจผิดท่ีจะนาภาษาบาลไี ปเปรียบเทียบกับภาษามาคธีสมยั ใหม่
๒. เนื่องด้วยพระพุทธเจ้าทรงใช้ภาษาสุทธมาคธีเป็นหลักในการประกาศ
พระพุทธศาสนา ให้เข้าถึงชนทุกชั้นวรรณะ ท่านได้ทรงปรับปรุงแก้ไขภาษาสุทธมาคธี
ซง่ึ ช้ันเดิมเป็นภาษาปรากฤตใหด้ ีขน้ึ เม่อื เป็นภาษามาคธที ่ีดแี ละไพเราะขึ้นด้วยอานุภาพ
ของพระพทุ ธเจ้าแล้ว ภาษามาคธกี ็มชี อ่ื เรยี กอีกอยา่ งหนึง่ วา่ “บาล“ี ซ่ึงแปลว่า “แบบแผน”
ใน ปั จ จุ บั น นี้ ภ าษ าบ าลี มี ก ารศึ ก ษ าอ ย่ างก ว้ างข วางใน ป ระเท ศ ที่ นั บ ถื อ
พระพุทธศาสนา เถรวาท เช่น ไทย พม่า เป็นต้น แม้กระท่ังในต่างประเทศ เช่น ประเทศองั กฤษ
ก็มีผู้สนใจในพระพุทธศาสนา โดยการจัดตั้งสมาคมบาลปี กรณ์ (Pali Text Society) ขึ้น
ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เม่ือปี พ.ศ.๒๔๒๔ เฉพาะในประเทศไทย ได้มีการศึกษา
ภาษาบาลีมาช้านานแล้ว โดยเปิดสอนตั้งแต่ระดบั ไวยากรณ์ถงึ เปรียญธรรม ๙ ประโยค
มโี รงเรียนสอนภาษาบาลี ให้กบั ภิกษสุ ามเณรท่วั ประเทศไทย เป็นต้น
โรงเรียนพระปริยัตธิ รรมมเี ปดิ สอนในลักษณะหลกั สตู รเร่งรัดทีม่ หาวิทยาลยั สงฆ์
ท้ังสองแห่งดังกล่าว คือ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยเฉพาะที่
มหามกุฏราชวิทยาลัยนั้น ได้ดาเนินการเรียนการสอนภาษาบาลี ให้บรรดาแม่ชี ซึ่งแบ่งเป็น
๙ ชั้น เรียกว่า บ.ศ.(บาลีศึกษา) ๒-๙ มาเป็นเวลาช้านาน และปัจจุบันนี้ก็มีแม่ชีสาเร็จ
การศกึ ษาเปรียญ ๙ ตามระบบนี้เพม่ิ จานวนมากข้ึนเรื่อย ๆ
11
ท่มี า : ประโยชนข์ องคำภำษำบำลีและสนั สกฤต. ออนไลน์. แหล่งทม่ี า : http://www.dmc.tv. สบื คน้ เมอื่ วันที่ ๑๘
เมษายน ๒๕๕๖.
เพือ่ น ๆ ศกึ ษำใบควำมรเู้ ขำ้ ใจแลว้ ทำ
แบบฝกึ เสริมควำมรหู้ นำ้ ต่อไปเลยนะคะ
12
แบบฝึกเสริมควำมรู้ท่ี 2.1
บำลีมคี ำ่ ลำ้ บันทกึ คำในพระไตรปิฎก
คำชี้แจง เขียนเคร่ืองหมายถูก ✓ หนา้ ขอ้ ทีถ่ กู ต้อง และทาเคร่ืองหมาย X หน้าขอ้ ท่ผี ดิ
(๑๐ คะแนน)
ตวั อยำ่ ง ✓ ๑. พระปริยตั ธิ รรมมีเปดิ สอนในลกั ษณะหลกั สูตรเร่งรดั
1. ภาษาบาลีที่มวี ิวฒั นาการมาจากภาษาพระเวท
๒. ภาษาบาลปี รากฏเปน็ หลักฐานครั้งแรกในสมัยพระเจ้าพมิ พิสาร
๓. ภาษาบาลีถูกนามาใช้ในการบนั ทกึ พทุ ธวจนะ
๔. ภาษาประจาถ่นิ คอื ปรากฤต
๕. ภาษาบาลี คอื ภาษาท่เี กิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
๖. ภาษาประจาพุทธศาสนานิกายมหายาน คอื ภาษาบาลี
๗. นาภาษาบาลมี าใช้เปน็ ลายลักษณ์อกั ษรเม่อื ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓
๘. พระพทุ ธเจา้ ทรงใช้ภาษาบาลีประกาศพระศาสนาของพระองค์
๙. ภาษาบาลีใชเ้ ปน็ ภาษาเขียนในพระไตรปฎิ กของพุทธศาสนาเท่าน้ัน
๑๐. ปัจจุบนั ใช้ภาษาบาลีในการพูดและใช้เขียนในชีวิตประจาวัน
เกณฑก์ ำรให้คะแนน
ตอบได้ถกู ต้อง ขอ้ ละ ๑ คะแนน
ตอบผิดหรอื ไมต่ อบ ขอ้ ละ ๐ คะแนน
13
ใบควำมรทู้ ี่ 2
แบบฝกึ เสริมควำมรทู้ ี่ 2.2
14
ใบควำมรู้ท่ี 2
เรอื่ ง สำเหตุท่คี ำภำษำบำลเี ขำ้ มำปะปนในประเทศไทย
สำเหตุท่คี ำภำษำบำลีเขำ้ มำปะปนในภำษำไทย
เมือ่ พระพุทธศาสนาไดแ้ พร่เขา้ มาในสู่ประเทศไทยและคนไทยได้ยอมรับนบั ถอื ศาสนาพุทธ
เปน็ ศาสนาประจาชาติ คนไทยจึงจาเปน็ ต้องเรยี นภาษาบาลี คาสอนทางศาสนาเป็นภาษาบาลี
และสนั สกฤต ดังนน้ั จึงได้เกิดคาภาษาบาลแี ละสันสกฤตใชใ้ นภาษาไทยมากข้ึน นอกจาก
การรับนับถือศาสนาพุทธแล้ว ไทยยังได้รับเอาความเช่ือ ขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรม
ต่าง ๆ รวมท้ังวรรณคดีบาลีและสันสกฤตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย ซ่ึงเป็น
สว่ นทาให้เรารับคาภาษาบาลีและสันสกฤตซ่ึงเป็นคาที่เก่ียวเนื่องกับส่ิงต่าง ๆ เหล่านั้นเข้ามาใช้
ในภาษาไทย
สธุ วิ งศ์ พงษบ์ ูลย์ (๒๕๒๓ : ๕) ได้กล่าวถงึ เหตุที่คาภาษาบาลีและสันสกฤตเข้ามาปน
อยูใ่ นภาษาไทยว่าเนื่องมาจากเหตผุ ลหลายประการ สรุปได้ดงั น้ี
๑. ควำมสมั พันธ์ทำงด้ำนศำสนำ
เมื่อศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธเผยแพร่เข้ามาสู่ประเทศไทยศาสนาพราหมณ์
ใช้ภาษาสันสกฤตและศาสนาพุทธใชภ้ าษาบาลีในการเผยแผ่ศาสนา ไทยไดร้ ับศาสนาพุทธ
เป็นศาสนาประจาชาติและรับคติของศาสนาพราหมณ์มาปฏิบัติในชีวิตประจาวัน
โดยเฉพาะในลัทธิธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ เราจึงรับคาในลัทธิทั้งสองเข้ามาใช้ใน
ลักษณะของศพั ท์ทางศาสนาและใช้เป็นศัพทส์ ามญั ทว่ั ไปในชีวติ ประจาวัน
15
๒. ควำมสมั พนั ธท์ ำงด้ำนประเพณี
เม่ือชนชาติอินเดียได้เข้ามาตง้ั รกรากในประเทศไทย ก็นาเอาประเพณีของตนเขา้ มา
ปฏิบัติทาให้มีคาที่เน่ืองด้วยประเพณีเข้ามาปะปนในภาษาไทยและนานเข้ากไ็ ด้กลายเป็น
คาที่เก่ียวข้องกับชีวิตประจาวันของคนไทย เช่น ตรียัมปวาย มาฆบูชา ตักบาตรเทโว ดิถี
กระยาสารท เทศนม์ หาชาติ กฐิน จรดพระนงั คัลแรกนาขวัญ ฉตั รมงคล พืชมงคล เป็นตน้
๓. ควำมสมั พนั ธ์ทำงด้ำนวัฒนธรรม
อินเดียเป็นประเทศท่ีเจริญทางด้านวัฒนธรรมมานาน อิทธิพลทางด้านวัฒนธรรม
ของอินเดียมีต่อนานาประเทศทางภาคพื้นตะวันออกก่อนที่วัฒนธรรมตะวันตกจะเข้ามา
ไทยไดร้ ับอทิ ธิพลของอนิ เดยี ทุกสาขา เชน่
๓.๑ ศิลปะ ศิลปะไทยได้รับอิทธิพลจากอินเดียทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม
เช่น ทางดนตรีและนาฏศิลป์ ภาษาที่ใช้เนื่องด้วยเป็นศิลปะจึงเข้ามาปะปนในภาษาไทย
เชน่ มโหรี ดนตรี ปพี่ าทย์
๓.๒ ดำรำศำสตร์ อินเดียมีความเจริญทางด้านดาราศาสตร์มาช้านานจนมี
ตาราเรียนกัน เมื่อวิชาน้ีแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย ทาให้คาต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องเกิดข้ึน
เปน็ จานวนมาก เชน่ สรุ ยิ คติ จนั ทรคติ จนั ทรคราส
๓.๓ กำรแต่งกำย ศัพท์ทางด้านวัฒนธรรมการแต่งกายที่ได้รับมาส่วนใหญ่
เปน็ เครือ่ งทรงของพระมหากษัตริย์ เชน่ มงกุฎ ชฎา สังวาล
๔. ควำมสมั พนั ธท์ ำงด้ำนวิชำกำร
เน่ืองจากวิทยาศาสตร์และวิทยาการเจริญกว้างขวางข้ึนทาให้คาท่ีเราใช้อยู่เดิมแคบเข้า
จึงจาเป็นต้องรับคาบาลี สันสกฤต เข้ามาใช้ เพ่ือความเจริญและความสะดวก เช่น วิทยุ
โทรทัศน์ แพทย์ เภสชั ฯลฯ
๕. ควำมสัมพันธท์ ำงดำ้ นวรรณคดี
วรรณคดีอินเดียมีอิทธิพลต่อวรรณคดีไทยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งวรรณคดีสันสกฤตและ
วรรณคดีท่ีเนื่องมาจากชาดกในพระพุทธศาสนาเมื่อเรารับเอาวรรณคดีเหล่าน้ีเข้ามาจึงมี
ศพั ทต์ า่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วกับวรรณคดเี หลา่ นีเ้ ขา้ มามากมาย เชน่ ครฑุ สุเมรู หมิ พานต์
ท่ีมา : จริ วฒั น์ เพชรรัตน์ และ อัมพร ทองใบ. ภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย : เหตุที่คำบำลีสันสกฤตเขำ้ มำปะปน
ในภำษำไทย. 2556, หน้า ๑๑๒ – ๑๑๓.
16
แบบฝกึ เสริมควำมรู้ที่ 2.2
อ่ำนเขียนเรียนสนกุ
คำช้แี จง เขียนแผนผังความคิด เรื่อง สาเหตทุ ค่ี าภาษาบาลเี ข้ามาปะปนในภาษาไทย
(๕ คะแนน)
แผนผังควำมคิดเรอ่ื ง สำเหตุของคำภำษำบำลที เี่ ข้ำมำปะปนในภำษำไทย
สำเหตขุ องคำภำษำบำลี
ที่เขำ้ มำปะปนในภำษำไทย
เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน อยู่ทดี่ ลุ ยพนิ ิจของครผู ู้สอน
17
ใบควำมรทู้ ี่ 3
แบบฝกึ เสริมควำมรทู้ ี่ 2.3
18
ใบควำมรู้ท่ี 3
เรือ่ ง ประโยชนข์ องคำภำษำบำลี
ประโยชน์ของภำษำบำลที มี่ ีต่อภำษำไทย
บาลีเป็นภาษาในตระกูลเดียวกัน คือ ตระกูลอินโด-ยุโรป (Indo-European) ภาษา
ในกลุ่มน้ีเป็นภาษาที่มีวิภัตติปัจจัย หมายความว่า คาทุกคา (ยกเว้นจาพวกทับศัพท์) ไม่ว่า
จะเป็นคานามหรือคากริยา ล้วนแล้วแต่มีรากศัพท์ หรือผ่านการประกอบรูปศัพท์ทั้งสิ้น
ไมใ่ ชจ่ ะสาเร็จเป็นคาเป็นศพั ทเ์ ลยทเี ดียว และเมอื่ จะนาไปใช้จะต้องมีการแจกรูปเสียกอ่ น
เพอื่ ทาหน้าทตี่ า่ ง ๆ ในประโยคเชน่ เปน็ ประธาน เปน็ กรรม เปน็ ตน้
ภาษาไทยแม้จะเป็นภาษาคนละตระกูลกับภาษาบาลี แต่ก็รับเอาคาบาลีมาใช้ใน
ภาษาไทยไม่น้อย อาจกล่าวได้ว่ามากกว่าภาษาอื่น ๆ ท่ีนามาใช้ในภาษาไทยในปัจจุบัน เช่น
ภาษาองั กฤษแต่เม่ือนามาใช้ในภาษาไทยแล้ว ก็มีการเปลี่ยนรูป เปลยี่ นเสียง เปลยี่ นความหมาย
ฯลฯ หรอื ท่เี รียกว่าการกลายรปู กลายเสยี ง กลายความหมาย ฯลฯ น่ันเอง
ปัจจุบันภาษาบาลีมีอิทธิพลต่อภาษาไทยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะภาษาไทยรับเอาคาภาษา
ท้ังสองน้ีมาใช้เป็นจานวนมากดังกล่าวแล้วข้างต้น ซ่ึงแน่นอนว่าการจะศึกษาภาษาไทย
ให้ได้ดีนั้นจาเป็นจะต้องศึกษาภาษาน้ีอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ การเข้าใจภาษาบาลีนี้อย่างดี
จนสิ้นข้อเคลือบแคลงสงสัยย่อมเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาภาษาไทยอย่างมากมายมหาศาล
ดังนั้น หากจะประมวลโดยสรุปถึงประโยชน์ของภาษาบาลีแล้ว อาจจะสรปุ เปน็ ข้อ ๆ ได้ดังน้ี
๑. ทำให้เขำ้ ใจควำมหมำยของคำตำ่ ง ๆ ได้เปน็ อยำ่ งดี
๑.๑ คำรำชำศพั ท์ ในภาษาไทยเรามคี าราชาศัพท์ทเ่ี ปน็ คาบาลีจานวนไมน่ ้อย เช่น
พระเนตร หมายถงึ ดวงตา (บาลี เนตตฺ )
พระกรรณ หมายถงึ หู (บาลี กณณฺ )
พระทนต์ หมายถงึ ฟนั (บาลี ทนฺต)
พระบาท หมายถึง เทา้ (บาลี ปาท)
พระพาหา หมายถงึ แขน (บาลี พาหา)
พระเศียร หมายถงึ หวั (บาลี สิร,)
19
๑.๒ ชื่อจังหวัด อำเภอ ฯลฯ ในประเทศไทย เช่น สุรินทร์ แปลว่า จอมผกู้ ลา้ ,
จอมเทวดา
- แยกเปน็ สุร (กล้า, เทวดา) + อินทร (จอม, ผู้เปน็ ใหญ่) แต่คาว่า สุรนิ ทร์ น้ี
บางคนแปลว่า จอมสรุ า โดยแยกเปน็ สรุ า (สุรา, เหล้า) + อนิ ทร์ (จอม, ผูเ้ ปน็ ใหญ)่
นัยหลงั นี้แปลไม่เหมาะและทาใหภ้ าพพจนข์ องจังหวัดสุรนิ ทรเ์ สียไป
- อุบลราชธานี แปลวา่ เมอื งดอกบวั หลวง แยกเป็น อุบล (ดอกบัว) + ราช
(พระราชา, หลวง) + ธานี (เมือง)
- บุรรี มั ย์ แปลวา่ เมอื งที่นา่ ยนิ ดี แยกเปน็ บุรี (เมือง) + รมั ย์ (นา่ ยนิ ดี,
อนั เขาพึงยินดี)
- ปทุมธานี แปลว่า เมอื งแห่งดอกบวั แยกเป็น ปทุม (ดอกบวั ) + ธานี (เมือง)
- สมุทรปราการ แปลวา่ กาแพงแห่งทะเล แยกเป็น สมุทร (ทะเล) +
ปราการ (กาแพง)
- สรุ าษฎร์ธานี แปลว่า เมืองคนดี แยกเป็น สุ (ดี) + ราษฎร์ (ราษฎร,
แควน้ ) + ธานี (เมอื ง)
- ชัยนาท แปลวา่ เสยี งบรรลือแห่งความชนะ แยกเป็น ชยั (ความชนะ) +
นาท (เสยี งบรรลือ)
- วานรนวิ าส แปลว่า ที่อยูข่ องลิง แยกเป็น วานร (ลงิ ) + นิวาส (ที่อยู่)
- เศลภมู ิ แปลวา่ แผน่ ดนิ ท่ีมีภูเขา แยกเป็น เศล (ภูเขา) + ภูมิ (แผน่ ดิน)
๑.๓ ช่ือ - นำมสกลุ ของคน เช่น
- ทกั ษิณ แปลวา่ ทศิ ใต้, ด้านขวา (บาลี ทกฺขิณ, สนั สกฤต ทกษฺ ิณ)
- กุลสตรี แปลวา่ สตรขี องตระกลู แยกเปน็ กุล (ตระกลู , สกุล) + สตรี
(สตร,ี ผหู้ ญิง)
- กัญญารตั น์ แปลว่า นางแกว้ , แก้ว คือ หญิงสาว แยกเปน็ กัญญา
(หญงิ สาว) + รตั น์ (แก้ว, รตั นะ)
- ตงุ คมณี แปลว่า มณชี ้นั สูง แยกเปน็ ตุงค (สูง, สงู ส่ง) + มณี (มณี)
- เศวตศิลา แปลวา่ หินสขี าว แยกเป็น เศวต (ขาว) + ศิลา (หิน)
๑.๔ ชื่อมหำวิทยำลัย สถำนที่ วัด เช่น
- ศลิ ปากร แปลว่า บ่อเกิดแหง่ ศิลปะ แยกเปน็ ศลิ ป (ศลิ ปะ) + อากร
- เทพหัสดิน แปลว่า ช้างของเทพ (หรอื เทพแห่งช้าง) แยกเป็น เทพ (เทพ) +
หสั ดิน (ช้าง)
20
- ราชมังคลากฬี าสถาน แปลว่า ทสี่ าหรับเล่นอันเปน็ มงคลของพระราชา
แยกเป็น ราช (พระราชา) + มังคลา (เป็นมงคล) + กฬี า (กฬี า, การเลน่ ) + สถาน (สถาน, ที่)
- เศวตฉัตร (ช่อื วัด) แปลวา่ ฉัตรสีขาว แยกเปน็ เศวต (ขาว) + ฉัตร (ฉัตร, ร่ม)
๑.๕ ชอ่ื เดอื นทง้ั ๑๒ เชน่
- มกราคม แปลว่า (เดือน) เปน็ ทมี่ าของกลมุ่ ดาวที่มรี ปู รา่ งคล้ายมงั กร
แยกเปน็ มกร (มังกร) + อาคม (เปน็ ท่มี า)
- กมุ ภาพันธ์ แปลว่า (เดือน) ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับกลมุ่ ดาวทมี่ รี ูปร่างคลา้ ยหม้อ
แยกเปน็ กมุ ภ (หมอ้ ) + อาพนั ธ์ (เกยี่ วขอ้ ง)
- มนี าคม แปลว่า (เดอื น) เปน็ ทม่ี าของกล่มุ ดาวที่มรี ูปร่างคล้ายปลา
แยกเปน็ มีน (ปลา) + อาคม (เปน็ ที่มา)
- กรกฎาคม แปลวา่ (เดอื น) เป็นทมี่ าของกลุ่มดาวท่ีมรี ูปร่างคล้ายปู
แยกเป็น กรกฎ (ปู) + อาคม (เป็นที่มา)
- พฤศจิกายน แปลว่า (เดือน) เป็นท่ีมาของกลุ่มดาวท่มี ีรปู ร่างคล้ายแมงป่อง
แยกเปน็ พฤศจิก (แมงป่อง) + อยน (เป็นท่มี า)
๑.๖ คำท่ีใช้ในบทร้อยกรอง (โคลง ฉนั ท์ กำพย์ กลอน) เชน่
พฤษภกาสร อีกกญุ ชรอนั ปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สาคญั หมายในกายมี
นรชาติทว่ี างวาย มลายสนิ้ ทง้ั อนิ ทรีย์
สถิตทว่ั แต่ช่ัวดี ประดับไวใ้ นโลกา ฯ
(สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส : กฤษณาสอนน้องคาฉนั ท)์
๑.๗ คำทัว่ ไป เชน่
- บรรพต แปลวา่ ภูเขา (บาลี ปพฺพต, สนั สกฤต ปรวฺ ต)
- ราตรี แปลวา่ กลางคืน (บาลี รตตฺ ิ, สนั สกฤต ราตฺริ,ราตรฺ ี)
- ไปรณษี ย์ แปลวา่ ของท่ีควรส่งไป (บาลี เปสนยี , สันสกฤต ไปฺรษณีย)
- เกษยี ร แปลวา่ น้านม (บาลี ขีร, สันสกฤต กฺษรี )
- เกษียณ แปลวา่ สิน้ ไป (บาลี ขณี , สันสกฤต กฺษณี )
21
๒. ใช้หรือประกอบคำภำษำบำลีได้ถกู ตอ้ ง
- โกวทิ แปลวา่ ผ้รู ู้, ผู้ฉลาด (บาลี โกวทิ , สนั สกฤต โกวทิ ) ผทู้ ่ีไม่รอู้ าจใชผ้ ิด
เปน็ โกวทิ ย์ เพราะไปเทียบผดิ กับคาวา่ วทิ ย์, วทิ ยา ซึ่งในภาษาบาลแี ละสันสกฤตไม่มี
คาว่า โกวิชฺช หรือ โกวทิ ยฺ )
- ญาติ แปลวา่ คนทีร่ จู้ กั กนั , ญาตพิ ่ีน้อง (บาลี ญาติ, สนั สกฤต ชญฺ าต)ิ
- อนญุ าต แปลวา่ ยินยอม, รตู้ ามแลว้ (บาลี อนญุ ฺญาต, สนั สกฤต อนุชญฺ าต)
ผทู้ ี่ไม่ร้อู าจใช้ผดิ เป็น
- อนุญาติ เพราะไปเทยี บผิดกับคาว่า ญาติ (ญาติพี่น้อง) ซึ่งคาท้ังสองน้ลี งปจั จัย
ต่างกนั (คือ ติ กับ ต ปัจจัย)
- อานสิ งส์ แปลว่า ผลหรอื ประโยชน์ที่ได้ (บาลี อานิสส, (สันสกฤต อาจประกอบ
เป็น อานิศส)) ผทู้ ไี่ ม่รอู้ าจใชผ้ ดิ เปน็ อานสิ งฆ์ เพราะไปเทยี บผิดกบั คาว่า สงฆ์ (พระสงฆ์)
- เกษยี รสมทุ ร แปลวา่ ทะเลนา้ นม แยกเป็น เกษียร (นา้ นม) + สมุทร (ทะเล)
(ดขู อ้ ๑.๗)
- เกษียณอายุ แปลวา่ ส้ินหรือหมดอายุ (ราชการ) แยกเป็น เกษยี ณ (สนิ้ ไป) +
อายุ (ดูขอ้ ๑.๗)
- เกษยี นหนังสอื แปลว่า เขยี นหนังสือ แยกเปน็ เกษยี น (เขยี น) + หนังสอื
(คาแผลงในภาษาไทย)
๓. ช่วยให้เรียนภำษำไทยหรือไวยำกรณไ์ ทยไดง้ ำ่ ย
โดยเฉพาะผทู้ ี่เรียนภาษาบาลี (และสันสกฤต) มาก่อนน้ัน เม่อื ไปศกึ ษาภาษาไทย
จะช่วยให้เรียนรู้ได้ง่าย เช่น เมื่อไปพบคาศัพท์และลักษณะไวยากรณ์ต่าง ๆ เช่น นาม
คุณศัพท์ สรรพนาม บุรุษสรรพนาม วิเศษณสรรพนาม อุปสรรค นิบาต ปัจจัย สมาส
ตัทธิต สนธิ ประธาน กริยา เป็นต้น เหล่าน้ีก็คือ นาม (นาม-นาม) คุณนาม สัพพนาม
ปุริสสัพพนาม วิเสสนสัพพนาม อุปสัค ฯลฯ ในภาษาบาลีนั่นเอง ซึ่งมีความหมายและ
ลักษณะทางไวยากรณ์เป็นอยา่ งไรนั้น นับวา่ ไม่ต้องพูดถึงเลยทีเดียวเพราะเขา้ ใจดีอยแู่ ล้ว
นนั่ เอง
22
๔. ชว่ ยใหส้ ำมำรถใชค้ ำภำษำบำลไี ด้อย่ำงไพเรำะสละสลวย
ท้ังในบทร้อยกรองและร้อยแก้ว ข้อนี้เราสังเกตเห็นว่าในการแต่งร้อยกรองและ
เขียนร้อยแก้วก็ตาม ถ้าเราใช้คาภาษาบาลีและสันกฤตแล้ว จะมีความไพเราะสละสลวย
มากกว่าทจ่ี ะใช้คาในภาษาไทย เชน่
อนั ววั ควาย ตายเหลือ เนอื้ หนงั เขา
ชา้ งตายเนา่ เหลอื อยู่ งาคู่สอง
มนุษย์เรา ตายลง เหมือนผงกอง
เหลือส่ิงของ ดีชัว่ ตดิ ตวั ไป
บทร้อยกรองข้างต้น ถ้าเราแต่งว่า อันวัวควาย ตายไป เหลือเขาหนัง ช้างตายยัง
เหลืองา เป็นศักด์ิศรี อย่างน้ีก็ได้ แต่ดูเหมือนไม่ค่อยไพเราะสละสลวยในด้านคาศัพท์
(ขาดศัพทาลงั การ) แม้ในบทร้อยแกว้ ทวั่ ๆ ไปก็เช่นเดียวกนั ถา้ หากขาดคาภาษาบาลีและ
สันสกฤตแล้วก็ดูเหมือนว่าจะทาให้ภาษาไทยขาดรสชาติ ขาดความหนักแน่น ไม่สละสลวย
และไมก่ ระชับรัดกุม
ทม่ี า : ภำษำบำลแี ละสนั สกฤตมีควำมสำคญั อยำ่ งไร : ประโยชนข์ องคำภำษำบำลีและสันสกฤต. ออนไลน์.
แหลง่ ทีม่ า : http://www.dmc.tv สืบค้นเม่อื วันท่ี 10 ตลุ าคม ๒๕๕๖.
เข้ำใจแล้วใช่ไหมคะเพื่อน ๆ
เรำไปทำแบบฝกึ เสริมควำมรู้ที่ 2.3
ในหน้ำตอ่ ไปไดเ้ ลยคะ่
23
แบบฝกึ เสริมควำมรู้ท่ี 2.3
โยงเส้นจับคูร่ ู้ภาษา
คำช้แี จง เขียนประโยชน์ของคาภาษาบาลีท่ีนาเข้ามาใชใ้ นภาษาไทย (๕ คะแนน)
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………..………………………………...........................
.................…………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………..………………………………...........................
.................…………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………...
เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน อยู่ท่ดี ลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน
24
ใบควำมรทู้ ี่ 4
แบบฝกึ เสริมควำมรทู้ ี่ 2.4
25
ใบควำมรู้ที่ 4
เร่ือง คำที่มำจำกภำษำบำลี
ภาษาบาลีเป็นภาษาในตระกูลอินโด-ยุโรเปียน รูปลักษณะภาษาเป็นภาษามีวิภัตติปัจจัย
คือ จะต้องเปลี่ยนรปู คาตามเพศ พจนห์ รอื กาล ภาษาบาลมี ีถ่ินกาเนดิ ในแคว้นมคธ ประเทศ
อินเดีย บางทีจึงเรียกว่า ภาษามคธ เข้ามาปะปนอยู่ในภาษาไทยเพราะสาเหตุจากการยอมรับ
นับถอื ศาสนาพทุ ธของคนไทยเป็นสาคญั
หนว่ ยภาษาบาลี แบง่ เปน็ หนว่ ยเสยี งสระ และหนว่ ยเสียงพยัญชนะ ดงั นี้
- หน่วยเสยี งสระ มีด้วยกัน ๘ ตวั หรือ ๘ หนว่ ยเสียง ไดแ้ ก่ อะ อา อิ อี เอ อุ อู โอ
- หน่วยเสยี งพยัญชนะ มีดว้ ยกนั ๓๓ ตวั หรอื ๓๓ หน่วยเสียง (ในภาษาสนั สกฤต
มี ๓๔ หนว่ ยเสยี ง) โดยแบ่งเปน็ พยญั ชนะวรรค ๒๕ ตัว และพยญั ชนะอวรรค ๘ ตวั
หลักกำรสงั เกตคำภำษำบำลีในภำษำไทย
๑. สระมี ๘ ตัว คอื อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ
๒. มพี ยญั ชนะ ๓๓ ตัว (พยญั ชนะวรรค)
๓. มีตัวสะกดตัวตำมแน่นอน เช่น กัญญา จักขุ ทักขิณะ ปุจฉา อัณณพ คัมภีร์ เป็นต้น
ซง่ึ สงั เกตได้ ดงั น้ี
๓.๑ สังเกตจำกพยัญชนะตวั สะกดและตัวตำม
ตัวสะกด คือ พยัญชนะประกอบอยู่ข้างทา้ ยสระประสมกับสระและพยัญชนะต้น
เชน่ ทุกข์ = ตวั สะกด
ตัวตำม คอื ตวั ท่ีตามหลงั ตัวสะกด เชน่ สตั ย สจั จ ทกุ ข เปน็ ตน้
26
คาในภาษาบ าลีจะต้องมีตัวสะกดและตัวตามเสมอโดยดูจากพยัญชนะ บ าลี
มี 33 ตวั แบง่ ออกเป็นวรรค ดงั นี้
แถวที่ ๑๒๓๔๕
วรรค กะ ก ข ค ฆ ง
วรรค จะ จ ฉ ช ฌ ญ
วรรค ฏะ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
วรรค ตะ ต ถ ท ธ น
วรรค ปะ ป ผ พ ถ ม
เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อัง
มีหลกั สงั เกตดงั นี้
ก. พยญั ชนะตัวที่ ๑,๓,๕ เป็นตัวสะกดได้เท่าน้ัน
ข. ถา้ พยัญชนะตวั ท่ี 1 สะกด ตัวท่ี 1 หรือตวั ท่ี 2 เป็นตวั ตามได้ เชน่ สักกะ
ทกุ ข สจั จ สัตต หัตถ บปุ ผา เป็นตน้
ค. ถา้ พยญั ชนะตัวท่ี ๓ สะกด ตัวท่ี ๓ หรอื ๔ เป็นตัวตามได้ในวรรคเดยี วกนั
เช่น อคั คี พยคั ฆ์ วชิ ชา อัชฌา พุทธ คพภ (ครรภ)์
ง. ถา้ พยญั ชนะตวั ที่ ๕ สะกดทุกตัวในวรรคเดียวกนั ตามได้ เชน่ องค์ สงฆ์
สัมปทาน สมั ผัส สมั พันธ์ สมภาร เป็นต้น
จ. พยัญชนะภาษาบาลี ตัวสะกดตัวตามจะอย่ใู นวรรคเดียวกนั เท่าน้นั จะข้าม
ไปวรรคอ่นื ไมไ่ ด้
๓.๒ สงั เกตจำกตัวตำมในภำษำบำลี
จะมาเป็นตัวสะกดในภาษาไทยโดยเฉพาะวรรค ฏ และวรรคอ่ืน ๆ บางตัว
จะตัดตวั สะกดออกเหลือแต่ตัวตามเมือ่ นามาใชใ้ นภาษาไทย เช่น
บาลี ไทย บาลี ไทย
รฎั ฐ รฐั อฎั ฐิ อฐั ิ
ทิฎฐิ ทฐิ ิ วฑั ฒนะ วัฒนะ
ปญุ ญ บุญ วิชชา วขิ า
สตั ต สตั เวชช เวช
กจิ จ กิจ เขตต เขต
นิสสิต นิสิต นสิ สยั นิสยั
นยิ มใช้ ฬ เชน่ กีฬา จฬุ า ครฬุ อาสาฬห์ วิฬาร์ โอฬาร์ เปน็ ต้น (จาว่า กฬี า-บาลี)
27
๔. ไมน่ ยิ มควบกลำ้ และอกั ษร เชน่ ปฐม มจั ฉา สามี มิต ฐาน ปทุม ถาวร เปม กริ ิยา
เปน็ ตน้
๕. นิยมใช้ "ร"ิ เช่น ภรยิ า จริยา อจั ฉรยิ ะ เป็นต้น
๖. นิยมใช้ ณ นำหน้ำวรรค ฏะ เชน่ มณฑล ภัณฑ์
หรือ ณ นำหน้ำ ห เช่น กัณหา ตณั หา
ที่มา : จงชัย เจนหัตถการกจิ . หลักภำษำไทย. กรงุ เทพฯ : ธนาเพรส, ๒๕๔๘.
เข้ำใจแล้วใช่ไหมคะเพ่อื น ๆ
เรำไปทำแบบฝกึ เสริมควำมรู้ท่ี 2.4
ในหนำ้ ต่อไปไดเ้ ลยคะ
28
แบบฝกึ เสริมควำมรู้ที่ 2.4
ถูกผิดคิดให้จำนำมำใช้
คำช้แี จง เขียนเคร่อื งหมายถูก ✓ หน้าข้อท่ีถกู ต้อง และทาเครื่องหมาย X หน้าขอ้ ที่ผิด
(๑๐ คะแนน)
ตัวอย่ำง ✓ ๑. นยิ มใช้ ฬ เชน่ กฬี ำ จุฬำ ครุฬ อำสำฬห์ วิฬำร์ โอฬำร์ เป็นตน้
๑. สระในภาษาบาลมี ที ง้ั หมด ๘ ตัว คือ อะ อา อี อุ อู เอะ เอ โอ
๒. พยัญชนะภาษาบาลมี ที ั้งหมด ๓๕ ตัว
๓. เศษวรรคในภาษาบาลี คอื ย ร ล ว ส ห ฬ ˚(อัง)
๔. ภาษาบาลไี ม่นยิ มคาควบกลา้ และอกั ษรนา
๕. ภาษาบาลีนยิ มใช้พยญั ชนะ “ฑ” เท่านน้ั
๖. พยัญชนะภาษาบาลจี ะมตี ัวสะกดและตัวตามอยูในวรรคเดียวกนั เท่านนั้
จะขา้ มไปวรรคอืน่ ไม่ได้
๗. พยญั ชนะวรรคในภาษาบาลมี พี ยญั ชนะตัว ศ ษ ด้วย
๘. ภาษาบาลนี ิยมใช้ “ริ” เช่น วริ ยิ ะ อัจฉริยะ ภรยิ า เป็นตน้
๙. พยัญชนะวรรค ตะ ประกอบดว้ ย ต ถ ท ธ น
๑๐. พยญั ชนะวรรคในภาษาบาลี ถ้าพยญั ชนะตัวที่ ๕ เปน็ ตัวสะกด
ทกุ ตวั ในวรรคเดยี วกนั เปน็ ตวั ตาม เช่น สมั ปทาน สมั พันธ์
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ตอบไดถ้ ูกตอ้ ง ข้อละ ๑ คะแนน
ตอบผดิ หรอื ไม่ตอบ ข้อละ ๐ คะแนน
29
ใบควำมร้ทู ่ี 5
แบบฝึกเสริมควำมรู้ที่
2.5-2.6
30
ใบควำมรู้ที่ 5
เรือ่ ง ตวั อย่ำงคำภำษำบำลี
ตัวอย่ำงคำบำลใี นภำษำไทย
บาป บุญ ปญั ญา พยากรณ์
ปฏกิ ิริยา ปฏกิ ูล พยาบาท พายุ
ปฏิบตั ิ ปจั จยั พิพาท ภาคี
มงคล มติ มจิ ฉาชพี รถ
รส รังสี รูป ลัทธิ
ลาภ โลก โลหิต วัฏสงสาร
วาจา วชิ า สงสัย สติ
สนทนา สบาย สงั เขป สนั ติ
สาหสั สุข สสุ าน หทัย
เหมนั ต์ อคติ อดีต อนุมตั ิ
อนุสรณ์ อเนจอนาถ อวสาน มิจฉา
กิเลส กีฬา ขมา คิมหนั ต์
บุปผา เมรยั อชั ฌาสัย มโน
วิตถาร ปฐพี ชวิ หา อริยะ
ฉัททันต์ เสมหะ จุติ ทพั พี
โบกขรณี เมตตา สัจจะ อรัญ
กติ ติ ขณะ โลมา มหันต์
ทิฐิ ปกติ นจิ การ วิญญาณ
ปจั จัย วฒุ ิ ดิรัจฉาน ภริยา
กริ ยิ า นิพพาน ดถิ ี รัตนา
อัคคี ปัญหา วัตถุ วฏั ฏะ
สิริ มัสสุ จฬุ า มัจฉา
จติ ขันธ์ วสิ าขะ ปฏิทนิ
31
แบบฝึกเสริมควำมรู้ท่ี 2.5
หลำกควำมหมำย หลำยคำศพั ท์
คำชแี้ จง นาคาศัพท์ภาษาบาลีทกี่ าหนดให้มาเตมิ ลงในชอ่ งวา่ งท่มี ีความสัมพันธก์ ัน
กบั คาท่ีขดี เส้นใต้ในบทกลอน (๑๐ คะแนน)
ตัวอย่ำง พำหนะของพระนำรำยณ์
พำหนะ ครฑุ
รุกข์ กริช อัศวะ มหรรณพ วนำลี ปกั ษำ พฤกษ์
พระขรรค์ อำชำ วำรี พงศ์ไพร สกณุ ำ วำนร บษุ บำ
พลำย ธำษตรี วอก สมุ ำลี กญุ ชร ธรณี
ลงิ ค่ำงบำ่ งชะนกี ระโดดย่อง ฝงู นกรอ้ งถลำเลน่ ลม
ดอกไม้สวยสะพรง่ั พรม ป่ำอดุ มพืชพนั ธน์ ิรนั ดรม์ ำ
เล้ยี งช้ำงเลี้ยงมำ้ อยคู่ ู่แผน่ ดนิ ประโยชน์สนิ้ ตน้ ไมน้ ำนำ
เปรยี บเสมือนอำวธุ ดจุ ลำ้ คำ่ เชิญท่ำนมำรกั ปำ่ รกั ษำนำ้ เอย
1. ลงิ 6. มำ้
2. นก 7. แผน่ ดนิ
3. ดอกไม้ 8. ตน้ ไม้
4. ปำ่ 9. อำวธุ
5. ช้ำง 10. นำ้
เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน
ตอบไดถ้ ูกตอ้ ง ข้อละ ๑ คะแนน
ตอบผิดหรอื ไม่ตอบ ข้อละ ๐ คะแนน
32
แบบฝึกเสริมควำมรู้ที่ 2.6
ต่อเติมเสริมประโยค
คำชแ้ี จง เตมิ คาภาษาบาลีในภาษาไทยลงในช่องวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยคทถี่ กู ตอ้ งสมบูรณ์
(๑๐ คะแนน)
ตัวอยำ่ ง ๑. พอ่ ถวาย ปจั จัย แดพ่ ระสงฆ์จานวน ๙ รปู เนอื่ งในวันทาบญุ ขึ้นบ้านใหม่
๑. เขาตั้ง......................อธิษฐานของพรจากพระ
๒. คณะกรรมการนกั เรยี นทาหนังสอื ยื่นต่อผู้อานวยการ
เพือ่ ขอ......................จดั งานกีฬาสีประจาปี
๓. เคร่ืองเบญจรงค์เก่าแก่เป็นโบราณ......................ทม่ี ีค่าย่ิง
๔. เขาเขยี นเรยี งความเกยี่ วกับเหตกุ ารณ์บ้านเมืองจากอดตี ถึง......................
๕. เตรียม......................ต่าง ๆ ใสก่ ระเปา๋ ให้เรียบรอ้ ยก่อนออกเดินทาง
๖. สงิ่ ท่เี รายึดถอื เปน็ แนวปฏบิ ัตใิ นการดาเนินชีวติ เรียกวา่ ......................
๗. งาน......................พระพุทธบาทประจาปีนี้มใี นราวเดือนสามข้นึ ค่าไปจนแรมคา่
๘. นกั เรียนสว่ นมากมกั มี......................ไม่ดตี อ่ วิชาภาษาไทย
๙. เขามกั นอนหลับเวลาทางานจนกลายเป็น......................ทไ่ี ม่ดี
๑๐. นกั เรยี นกล่าวคา......................ตนตอ่ หนา้ ผูอ้ านวยการโรงเรยี น
เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน
นาคาไปเติมในประโยคและส่อื ความหมายได้ถูกต้องสมบูรณ์ ขอ้ ละ ๑ คะแนน
นาคาไปเตมิ ในประโยคและสอ่ื ความหมายไม่ถกู ตอ้ ง ขอ้ ละ ๐ คะแนน
33
แบบทดสอบหลังเรียน
เล่มที่ 2 คำภำษำบำลี
กลุม่ สำระกำรเรียนรูภ้ ำษำไทย รหสั วชิ ำ ท2310๒ ชัน้ มัธยมศึกษำปีท่ี 3
คำช้ีแจง เลอื กคาตอบท่ถี ูกตอ้ งท่สี ดุ เพียงขอ้ เดยี ว แลว้ ทาเครอื่ งหมายกากบาท (X)
ลงในกระดาษคาตอบหน้าที่ 36 (จานวน ๑๐ ขอ้ ๑๐ คะแนน)
๑. คำในขอ้ ใดเปน็ คำทม่ี ำจำกภำษำบำลี
ก. เบญจะ
ข. ไพฑรู ย์
ค. ไมตรี
ง. ไศล
๒. คำในขอ้ ใดเปน็ คำทม่ี ำจำกภำษำบำลี
ก. ประดิษฐ์
ข. อธษิ ฐาน
ค. พิศวาส
ง. บุปผา
๓. ข้อใดมีคำภำษำบำลมี ำกที่สดุ
ก. ปัจจุบันรัฐบาลมอบอานาจสู่ประชาชน
ข. บุญบารมีที่สร้างเป็นหนทางแห่งสวรรค์
ค. เยาวชนหลงใหลความเจรญิ ทางวัตถุมาก
ง. วิชาศิลปะเป็นทัง้ ศาสตร์แห่งปัญญา
34
๔. ข้อใดเปน็ คำทีม่ ำจำกภำษำบำลี
ก. บรรยงก์
ข. กญั ญา
ค. มติ ร
ง. บญุ
๕. ข้อใดเปน็ คำทม่ี ำจำกภำษำบำลที กุ คำ
ก. อมตะ กฬี า วัตถุ
ข. ถาวร นิพพาน ทฐิ ิ
ค. ภักดี นมิ ิต มัธยม
ง. พสิ ดาร ปัจฉมิ ธัญบรุ ี
6 . ในภำษำบำลี ขอ้ ใดหมำยถงึ “ดอกไม”้
ก. อปั ษร
ข. บปุ ผา
ค. บษุ บก
ง. กญั ญา
๗. ข้อใดไมใ่ ช่สระในภำษำบำลี
ก. เอะ แอ
ข. อะ อา
ค. อุ อู
ง. อิ อี
35
๘. ภำษำบำลปี รำกฏเปน็ หลกั ฐำนคร้ังแรกในจำรกึ ของใคร
ก. พระเจา้ พิมพสิ ารสาทร
ข. พระเจา้ อโศกมหาราช
ค. พระโสณเถระ
ง. พระอตุ รเถระ
๙. ภำษำบำลีเปน็ ภำษำประจำศำสนำพทุ ธนกิ ำยใด
ก. เถรวาท
ข. วัชรยาน
ค. มหายาน
ง. อาจรยิ วาท
๑๐. ข้อใดเปน็ ภำษำบำลี
ก. ริษยา
ข. หรรษา
ค. บุษบา
ง. บปุ ผา
ไม่ยำกเลยใชไ่ หมคะเพื่อน ๆ
36
กระดำษคำตอบแบบทดสอบหลังเรยี น
เล่มท่ี 2 คำภำษำบำลี
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย รหสั วชิ ำ ท2310๒ ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 3
ขอ้ ก ข ค ง
๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๗.
๘.
๙.
10.
37
ภำคผนวก
38
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
เล่มท่ี 2 คำภำษำบำลี
กล่มุ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย รหัสวชิ ำ ท2310๒ ช้ันมธั ยมศึกษำปที ี่ 3
ข้อ ก ข ค ง
๑. X
๒. X
๓. X
๔. X
๕. X
๖. X
๗. X
๘. X
๙. X
10. X
39
เฉลยแบบฝกึ เสริมควำมรู้ที่ 2.1
บำลีมีคำ่ ลำ้ บนั ทกึ คำในพระไตรปฎิ ก
คำช้แี จง เขยี นเคร่ืองหมายถกู ✓ หนา้ ข้อท่ีถูกตอ้ ง และทาเคร่อื งหมาย X หน้าขอ้ ทีผ่ ดิ
(๑๐ คะแนน)
ตัวอย่ำง ✓ ๑. พระปริยตั ิธรรมมเี ปดิ สอนในลกั ษณะหลกั สตู รเร่งรดั
✓ 1. ภาษาบาลีท่มี ีววิ ัฒนาการมาจากภาษาพระเวท
๒. ภาษาบาลปี รากฏเปน็ หลักฐานคร้ังแรกในสมัยพระเจ้าพมิ พิสาร
✓ ๓. ภาษาบาลีถูกนามาใช้ในการบันทกึ พทุ ธวจนะ
✓ ๔. ภาษาประจาถน่ิ คือ ปรากฤต
๕. ภาษาบาลี คอื ภาษาทเี่ กดิ ข้ึนเองตามธรรมชาติ
✓ ๖. ภาษาประจาพุทธศาสนานกิ ายมหายาน คอื ภาษาบาลี
✓ ๗. นาภาษาบาลีมาใช้เป็นลายลักษณ์อักษรเม่อื ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓
✓ ๘. พระพทุ ธเจ้าทรงใช้ภาษาบาลีประกาศพระศาสนาของพระองค์
✓ ๙. ภาษาบาลีใชเ้ ป็นภาษาเขยี นในพระไตรปิฎกของพทุ ธศาสนาเทา่ นัน้
๑๐. ปัจจุบนั ใชภ้ าษาบาลีในการพดู และใช้เขียนในชวี ติ ประจาวนั
40
เฉลยแบบฝึกเสรมิ ควำมรู้ที่ 2.2
อำ่ นเขียนเรยี นสนกุ
คำชี้แจง เขยี นแผนผงั ความคดิ เรอ่ื ง สาเหตุทคี่ าภาษาบาลเี ข้ามาปะปนในภาษาไทย
(๕ คะแนน)
แผนผงั ควำมคิดเรอ่ื ง สำเหตุของคำภำษำบำลีทเ่ี ขำ้ มำปะปนในภำษำไทย
ควำมสัมพนั ธ์ ควำมสัมพนั ธ์
ทำงดำ้ นศำสนำ ทำงดำ้ นประเพณี
สำเหตขุ องคำภำษำบำลี
ทเ่ี ขำ้ มำปะปนในภำษำไทย
ควำมสัมพนั ธ์ ควำมสมั พนั ธ์
ทำงดำ้ นวรรณคดี ทำงด้ำนวชิ ำกำร
ควำมสัมพนั ธ์
ทำงด้ำนวฒั นธรรม
41
เฉลยแบบฝึกเสริมควำมรู้ที่ 2.3
โยงเส้นจบั คู่รภู้ าษา
คำช้แี จง เขยี นประโยชน์ของคาภาษาบาลีท่ีนาเขา้ มาใช้ในภาษาไทย (๕ คะแนน)
- คำรำชำศัพท์
- ชอ่ื - นำมสกลุ ของคน
- ชอ่ื มหำวิทยำลยั สถำนท่ี วดั
- ช่อื เดอื นทัง้ ๑๒
- คำที่ใช้ในบทรอ้ ยกรอง (โคลง ฉนั ท์ กำพย์ กลอน)
- ใชห้ รอื ประกอบคำภำษำบำลีไดถ้ กู ตอ้ ง
- ชว่ ยให้เรียนภำษำไทยหรอื ไวยำกรณไ์ ทยได้ง่ำย
- ชว่ ยให้สำมำรถใชค้ ำภำษำบำลไี ด้อยำ่ งไพเรำะสละสลวย