๔๘ เหตุการณ์ส าคัญ พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกาศใช้พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๒ โดยให้ยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวกับสหกรณ์ทั้งประกาศใช้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด ๔ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ ประกาศคณะปฏิบัติ ฉบับที่ ๑๔๐ (ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕) ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๔๗ (ลงวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕)พระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๒๔ ซึ่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ฉบับใหม่มีบทบัญญัติที่มีเนื้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์ เช่น ก าหนดให้มีคณะการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ และการ จัดตั้งกองทุนพัฒนาสหกรณ์ เป็นต้น พ.ศ. ๒๕๔๓ มีประกาศใช้กฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ ตามความใน พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๖๐ (๑) เกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลตามหุ้นที่ช าระแล้วของสหกรณ์แต่ละประเภทให้จ่ายได้ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ต่อปี พ.ศ.๒๕๔๘ มีประกาศใช้กฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกตามความในพระราชบัญญัติ สหกรณ์พ.ศ. ๒๕๔๒ ว่าด้วย การก าหนดประเภทของสหกรณ์ที่จะรับจดทะเบียนลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๘ ก าหนดใหม่มีสหกรณ์ ๗ ประเภท คือ ๑) สหกรณ์การเกษตร ๒) สหกรณ์ประมง ๓) สหกรณ์นิคม ๔) สหกรณ์ร้านค้า ๕) สหกรณ์บริการ ๖) สหกรณ์ออมทรัพย์ ๗) สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. ๒๕๕๐ มีการก าหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับการส่งเสริมและคุ้มครองระบบสหกรณ์ไว้ใน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘๔ “รัฐต้องด าเนินการตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ ดังต่อไปนี้ (๔) ส่งเสริมสนับสนุน และคุ้มครองระบบสหกรณ์ให้เป็นอิสระ และการรวมกลุ่มการประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพ ตลอดทั้ง การรวมกลุ่มของประชาชน เพื่อด าเนินกิจการด้านเศรษฐกิจ
๔๙ เหตุการณ์ส าคัญ พ.ศ. ๒๕๕๓ ประกาศใช้พระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๓ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ในการด าเนินงานของสหกรณ์และสันนิบาตสหกรณ์สหกรณ์แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๕ ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบงานสหกรณ์ของ ในประเทศในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิค ครั้งที่ ๙ ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ UNCCสหประชาชาติ กรุงเทพฯ มีรัฐมนตรีจาก ๑๔ ประเทศและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม ประชุมประมาณกว่า ๔๐๐ คน พ.ศ. ๒๕๕๙ มีบทบัญญัติในเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๙ เกี่ยวกับการสนับสนุนและคุ้มครอง ระบบสหกรณ์ในมาตรา ๗๕ “รัฐจึงส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครอง และสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบสหกรณ์ประเภทต่างๆ และกิจการวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาด กลางของประชุมและชุมชน” พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศใช้พระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๒ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ พระราชบัญญัตินี้มี บทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจ ากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับ มาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระท าได้ โดยอาศัยอ านาจตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผลและความจ าเป็นในการจ ากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตาม พระราชบัญญัตินี้ เพื่อการพัฒนาและการสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบสหกรณ์ และการคุ้มครอง สิทธิประโยชน์ของสหกรณ์ และสมาชิก ให้เป็นไปโดยมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันจะเกิดประโยชน์ต่อ ระบบสหกรณ์ของประเทศ ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
๕๐ บทที่ ๓ การจัดตั้งสหกรณ์โครงสร้างสหกรณ์ และการแบ่งประเภทสหกรณ์ การจัดตั้งสหกรณ์ ๑. เตรียมการเบื้องต้น ๑.๑ รวบรวมกลุ่มบุคคลที่ประสงค์จะจัดตั้งสหกรณ์ ๑.๒ เป็นบุคคลธรรมดา และบรรลุนิติภาวะ ๑.๓ มีปัญหาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจและสังคม ๑.๔ มีความสมัครใจ เสียสละ มีวินัย และซื่อสัตย์ ๒. ประสานงานและฝึกอบรม ๒.๑ ผู้แทนกลุ่มบุคคลประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อขอค าแนะน า ๒.๒ ให้การศึกษาอบรมแก่กลุ่มบุคคล โดยเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในพื้นที่ ไม่น้อยกว่า ๕ชั่วโมง ๒.๓ ก าหนดวันประชุมในขั้นตอนต่อไป ๓. ประชุมผู้ซึ่งประสงค์จะเป็นสมาชิก ๓.๑ ก าหนดชื่อสหกรณ์ ๓.๒ คัดเลือกคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ ไม่น้อยกว่า ๑๐ คน ๓.๓ เสนอความเห็นเกี่ยวกับการก าหนดประเภท วัตถุประสงค์ แผนด าเนินการ และร่างข้อบังคับ สหกรณ์ ๔. ประชุมคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ เพื่อ ๔.๑ จองชื่อสหกรณ์ผ่าน Website กรมส่งเสริมสหกรณ์ (www.cpd.go.th) หรือหน่วยงานในพื้นที่ ๔.๒ เลือกประเภทสหกรณ์ และก าหนดวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ ที่จะขอจัดตั้ง ๔.๓ จัดท าร่างข้อบังคับสหกรณ์ ๔.๔ จัดท าแผนด าเนินการเกี่ยวกับธุรกิจ หรือกิจกรรมของสหกรณ์ อย่างน้อย ๓ ปี ๔.๕ จัดท าบัญชีรายชื่อผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิก ๕. ประชุมผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิก ๕.๑ รับทราบชื่อสหกรณ์ ประเภท วัตถุประสงค์ และแผนด าเนินการ ๕.๒ พิจารณาร่างข้อบังคับ ๖. ยื่นเอกสารขอจดทะเบียนสหกรณ์ ๖.๑ คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ด าเนินการยื่นเอกสารขอจดทะเบียนสหกรณ์ ประกอบด้วย (๑) ค าขอจดทะเบียนสหกรณ์ จ านวน ๒ ชุด (๒) ส าเนารายงานการประชุมผู้ซึ่งประสงค์จะเป็นสมาชิก จ านวน ๒ ชุด (๓) ส าเนารายงานการประชุม คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ จ านวน ๒ ชุด ๗. พิจารณาจดทะเบียนสหกรณ์ ๗.๑ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในพื้นที่ตรวจสอบเอกสาร และวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเสนอความเห็นต่อ นายทะเบียนสหกรณ์ ๗.๒ นายทะเบียนสหกรณ์ พิจารณา (๑) รับจดทะเบียนสหกรณ์นายทะเบียนสหกรณ์ลงนามในใบส าคัญรับจดทะเบียนสหกรณ์ และ แจ้งให้สหกรณ์ทราบ
๕๑ คู่มือการจัดตั้งสหกรณ์ (ค าแนะน า) (การจัดตั้งสหกรณ์ง่ายนิดเดียว) การจัดตั้งสหกรณ์ การขอจดทะเบียนจัดตั้งสหกรณ์จะต้องปฏิบัติเป็นไปตามมาตรา ๓๓, ๓๔, ๓๕, ๓๖ และ ๓๗ แห่ง พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.๒๕๔๒ ประกอบระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ ว่าด้วยวิธีด าเนินการขอจัดตั้งสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๗ กล่าวคือ ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของบรรดาสมาชิก โดยวิธี ช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามหลักการสหกรณ์ มีความเป็นไปได้ทางธุรกิจ และปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน ถูกต้อง มิใช่จะพิจารณาแต่เฉพาะเอกสารประกอบการพิจารณาถูกต้องหรือไม่ อีกทั้งความพร้อมและความร่วมมือ ร่วมใจของสมาชิกถือเป็นปัจจัยแห่งความส าเร็จเบื้องต้น ที่จะก้าวไปสู่ความส าเร็จในการด าเนินงานของสหกรณ์ ต่อไป เพื่อให้ผู้ขอจัดตั้งสหกรณ์สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และได้มีการเตรียมการเบื้องต้นจึงได้ก าหนด แนวทางปฏิบัติหลักๆ ไว้ ๕ ขั้นตอน ในการด าเนินการขอจัดตั้งสหกรณ์ไว้ ดังนี้ ขั้นตอนที่ ๑ เตรียมการเบื้องต้น ๑.๑ รวบรวมกลุ่มบุคคลที่มีกิจการร่วมกันจ านวนไม่น้อยกว่าสิบคน บุคคลที่รวมกันนี้ต้องเป็นบุคคลธรรมดา และบรรลุนิติภาวะ ๑.๒ ก าหนดวัตถุประสงค์และกิจกรรมของสหกรณ์ที่จะจัดตั้งขึ้น เพื่อให้บริการและส่งเสริม ฐานะทาง เศรษฐกิจและสังคมของบรรดาสมาชิก ทั้งนี้ จะต้องเป็นไปตามหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการสหกรณ์ เพื่อเป็น แนวทางในการก าหนดประเภทสหกรณ์ ๑.๓ จัดท าร่างแผนด าเนินการเกี่ยวกับธุรกิจหรือกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ที่จะจัดตั้งขึ้นอย่าง คร่าวๆ อย่างน้อย ๑ - ๓ ปี ประกอบด้วย ธุรกิจที่จะให้บริการแก่สมาชิก การจัดจ้างเจ้าหน้าที่ แหล่งที่มาของเงินทุน รายได้และค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ และความเหมาะสมในการจัดตั้งสหกรณ์ เมื่อได้ด าเนินการตามข้อ ๑.๑ - ๑.๓ แล้ว หากผู้สนใจจะจัดตั้งสหกรณ์เห็นว่ามีความเป็นไปได้ในการขอจด ทะเบียนสหกรณ์ จึงด าเนินการในขั้นตอนที่ ๒ ต่อไป ขั้นตอนที่ ๒ ประสานงาน คณะบุคคลซึ่งประสงค์จะจัดตั้งสหกรณ์แต่งตั้งตัวแทนในการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ณ ส านักงานสหกรณ์จังหวัดหรือส านักงานส่งเสริมสหกรณ์ พื้นที่ 1, พื้นที่ ๒ ในพื้นที่ที่จะจัดตั้งสหกรณ์ ๒.๑ เพื่อด าเนินการประชุมและจัดให้มีการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการสหกรณ์ ไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง จาก ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือนักวิชาการ หรือผู้ที่มีประสบการณ์ด้านสหกรณ์ ๒.๒ ขอค าแนะน าในการจัดท าแผนด าเนินการเกี่ยวกับธุรกิจหรือกิจกรรมของสหกรณ์และอื่นๆ ๒.๓ ก าหนดวันประชุมในแต่ละครั้ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์เข้าร่วมประชุมชี้แจง และแนะน าการ ด าเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนที่ ๓ จัดประชุมผู้ซึ่งประสงค์จะเป็นสมาชิกสหกรณ์ เพื่อพิจารณา ๓.๑ ก าหนดชื่อสหกรณ์ที่จะขอจัดตั้งอย่างน้อย ๓ ชื่อ เรียงล าดับตามความต้องการ ๓.๒ คัดเลือกบุคคลในที่ประชุม จ านวนไม่น้อยกว่า ๑๐ คน เป็นผู้แทนเพื่อด าเนินการขอจดทะเบียนสหกรณ์ เรียกว่า “ คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์” แล้วให้คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์เลือกในระหว่างกันเอง เป็นประธาน รองประธาน เลขานุการ และเหรัญญิก
๕๒ ๓.๓ เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการก าหนดวัตถุประสงค์ ประเภทของสหกรณ์ ก าหนดแผนด าเนินการ เกี่ยวกับธุรกิจหรือกิจกรรมของสหกรณ์ และร่างข้อบังคับ (เฉพาะส่วนที่ส าคัญ) เพื่อให้คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ใช้ ประกอบการพิจารณาต่อไป ๓.๔ คณะผู้จัดตั้งจะต้องด าเนินการยื่นเรื่องขอจองชื่อสหกรณ์ ซึ่งสามารถด าเนินการได้ ๒ วิธี คือ (๑) จองชื่อสหกรณ์ผ่าน website ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ http://www.cpd.go.th/cpd_regisonline.html หรือ (๒) แจ้งชื่อสหกรณ์ให้ส านักงานสหกรณ์จังหวัด เพื่อด าเนินการจองชื่อสหกรณ์ ขั้นตอนที่ ๔ ประชุมคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ เพื่อพิจารณา ๔.๑ เลือกประเภทสหกรณ์ และก าหนดวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ที่จะจัดตั้ง ๔.๒ จัดท าแผนด าเนินการเกี่ยวกับธุรกิจหรือกิจกรรมของสหกรณ์ ๔.๓ จัดท าบัญชีรายชื่อผู้ซึ่งประสงค์จะเป็นสมาชิกสหกรณ์ตามใบสมัครที่รวบรวมได้ พร้อมทั้งก าหนดรูปแบบ การจัดท าทะเบียนสมาชิกและทะเบียนหุ้น ๔.๔ จัดท าร่างข้อบังคับสหกรณ์ ขั้นตอนที่ ๕ ประชุมผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิก เพื่อพิจารณา ๕.๑ รับทราบชื่อ การก าหนดประเภท และวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ ที่คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์เสนอ ๕.๒ แผนด าเนินการเกี่ยวกับธุรกิจหรือกิจกรรมของสหกรณ์ ๕.๓ ร่างข้อบังคับของสหกรณ์ ขั้นตอนที่ ๖ คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ยื่นค าขอจดทะเบียนสหกรณ์ พร้อมเอกสารประกอบที่ส านักงานสหกรณ์ จังหวัดหรือส านักงานส่งเสริมสหกรณ์ พื้นที่ ๑, พื้นที่ ๒ แห่งท้องที่ที่ตั้งส านักงานสหกรณ์ประกอบด้วย ๖.๑ ค าขอจดทะเบียนสหกรณ์ จ านวน ๒ ชุด ๖.๒ ส าเนารายงานการประชุมผู้ซึ่งประสงค์จะเป็นสมาชิกสหกรณ์ จ านวน ๒ ชุด ๖.๓ ส าเนารายงานการประชุมผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิกสหกรณ์ จ านวน ๒ ชุด ๖.๔ บัญชีรายชื่อผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิกสหกรณ์ จ านวน ๒ ชุด ๖.๕ แผนด าเนินการเกี่ยวกับธุรกิจหรือกิจกรรมของสหกรณ์ จ านวน ๒ ชุด ๖.๖ ข้อบังคับสหกรณ์ จ านวน 4 ชุด โครงสร้างสหกรณ์ โครงสร้างของสหกรณ์ตั้งอยู่บนรากฐานของประชาธิปไตย สมาชิกรวมตัวกันจัดตั้งสหกรณ์ขึ้น แต่เนื่องจาก สมาชิกทุกคนไม่สามารถร่วมกันบริหารงานสหกรณ์ได้จึงจ าเป็นต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง คณะกรรมการด าเนินการ สหกรณ์เพื่อท าหน้าที่บริหารงานสหกรณ์รวมถึงจัดจ้างผู้จัดการและเจ้าหน้าที่เพื่อ ปฏิบัติงานในสหกรณ์
๕๓ การจัดโครงสร้างสหกรณ์ตามแผนผังข้างต้นเป็นการจัดแบ่งส่วนงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ และจัดระบบ ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนงานต่างๆ ในสหกรณ์ ดังนี้ ๑. สมาชิก สมาชิกสหกรณ์ทุกคนมีสิทธิเสมอภาคกันในการด าเนินงานของสหกรณ์ โดยมี สิทธิ เข้าร่วมประชุมใหญ่เพื่อเสนอความคิดเห็น หรือออกเสียงเพื่อลงคะแนนในเรื่องต่างๆ หนึ่งคนต่อหนึ่งเสียง และ มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ มติและค าสั่งของสหกรณ์ รวมถึงสอดส่อง ดูแลกิจการสหกรณ์ ให้ พัฒนาและเจริญรุ่งเรืองโดยร่วมมือกับคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ ๒. ที่ประชุมใหญ่ คณะกรรมการด าเนินการของสหกรณ์จะเรียกประชุมใหญ่สามัญปีละ ๑ ครั้ง ภายใน ๑๕๐ วัน นับแต่วันสิ้นปีทางบัญชี ในการประชุมใหญ่ของสหกรณ์ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่ง หนึ่งของจ านวนสมาชิกทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คน ในกรณีเป็นการประชุมใหญ่โดยผู้แทนสมาชิกต้องมีผู้แทน สมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนผู้แทนสมาชิกทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คน จึงจะเป็นองค์ ประชุม ที่ประชุมใหญ่มีอ านาจหน้าที่พิจารณาวินิจฉัย ตัดสินใจ และลงมติเรื่องทั้งปวงที่เกี่ยวกับการด าเนินกิจการ ของสหกรณ์โดยถือเอามติเสียงข้างมากตามหลักประชาธิปไตย ๓. ผู้ตรวจสอบกิจการ ที่ประชุมใหญ่สหกรณ์เลือกตั้งสมาชิก หรือบุคคลภายนอกที่เป็นผู้มี คุณวุฒิความรู้ ความสามารถในด้านธุรกิจ การเงิน การบัญชีการเศรษฐกิจ หรือการสหกรณ์เพื่อเป็นผู้ตรวจสอบ กิจการ โดยมีอ านาจหน้าที่ตรวจสอบการด าเนินงานของสหกรณ์ แล้วเสนอรายงานผลการตรวจสอบประจ าเดือนต่อ ที่ประชุมคณะกรรมการด าเนินการ รวมถึงเสนอรายงานผลการตรวจสอบประจ าปีต่อที่ประชุมใหญ่สหกรณ์ ๔. คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ ที่ประชุมใหญ่สหกรณ์เลือกตั้งสมาชิกเป็น คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์โดยมีอ านาจ หน้าที่ด าเนินกิจการทั้งปวงของสหกรณ์ให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบมติและค าสั่งของสหกรณ์ รวมถึงก ากับ ดูแลและติดตามการปฏิบัติงานของผู้จัดการ ผู้ช่วย คณะกรรมการด าเนินการ ผู้จัดการ/ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายจัดการ เลือกตั้ง จัดจ้าง สมาชิก สมาชิก สมาชิก สมาชิก สมาชิก สมาชิก สมาชิก สมาชิก สมาชิก ที่ประชุมใหญ่ ผู้ตรวจสอบกิจการ
๕๔ ผู้จัดการ และเจ้าหน้าที่สหกรณ์เพื่อให้การ ด าเนินงานของสหกรณ์สามารถเอื้อประโยชน์แก่บรรดาสมาชิกและบรรลุ ตามวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ ๕. ผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการและเจ้าหน้าที่สหกรณ์ คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์อาจ พิจารณาคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้ง หรือจัดจ้างเป็น ผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการ โดยมีอ านาจหน้าที่ในการจัดการ ทั่วไป และรับผิดชอบเกี่ยวกับบรรดากิจการประจ า ของสหกรณ์ให้เป็นไปตามนโยบายและแผนการด าเนินงานที่ คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ก าหนด รวมถึง อาจพิจารณาจัดจ้างเจ้าหน้าที่อื่นๆ ตามความจ าเป็น ได้แก่ เจ้าหน้าที่สินเชื่อ เจ้าหน้าที่ตลาด เจ้าหน้าที่บัญชี เจ้าหน้าที่การเงิน เป็นต้น เพื่อปฏิบัติงานในสหกรณ์ภายใต้การ บังคับบัญชาของผู้จัดการสหกรณ์ การแบ่งประเภทสหกรณ์ในประเทศไทย ประเภทสหกรณ์ คือ กลุ่มสหกรณ์ที่มีความมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์หลักอย่างเดียวกัน เช่น กลุ่มสหกรณ์ การเกษตร กลุ่มสหกรณ์ประมง กลุ่มสหกรณ์ร้านค้า กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ ความหมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์หลัก ของสหกรณ์ คือความคาดหวังหรือสิ่งที่ต้องการที่มีนัยส าคัญในการด าเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิด ประโยชน์แก่สมาชิกสหกรณ์ เช่น วัตถุประสงค์หลักของสหกรณ์ออมทรัพย์ คือ การส่งเสริมการออมทรัพย์และให้ กู้ยืมเงินเพื่อการอันจ าเป็นหรือมีประโยชน์ วัตถุประสงค์รองได้แก่ การจัดให้มีสวัสดิการหรือการสงเคราะห์แก่ สมาชิก การส่งเสริมการศึกษาฝึกอบรมและวัฒนธรรม การด าเนินกิจกรรมเพื่อประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม วัตถุประสงค์รองของสหกรณ์นี้มุ่งไปในด้านกิจกรรมทางสังคม หรือมิติทางสังคมของสหกรณ์ ในขณะวัตถุประสงค์ หลักมุ่งไปในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจหรือมิติทางเศรษฐกิจ เหตุผลทั่วไปของการจัดประเภทสหกรณ์พอที่จะประมวลโดยสรุปได้ดังนี้ ๑. เพื่อประโยชน์ในการก าหนดนโยบายด้านสหกรณ์ของรัฐบาลว่าจะเน้นการส่งเสริมสหกรณ์ประเภท ใด ภายใต้ข้อจ ากัดของทรัพยากรด้านต่างๆ ๒. เพื่อประโยชน์แก่การรวมตัวของสหกรณ์ในแนวดิ่ง (Vertical integartion) คือ การตั้งชุมนุม สหกรณ์หรือสหพันธ์หรือสภาพสหกรณ์ในระดับภูมิภาคหรือระดับประเทศ ในกรณีชุมนุมสหกรณ์ซึ่งเป็นการรวมกัน ทางธุรกิจหรือวิสาหกิจ สมาชิกต้องเป็นสหกรณ์ประเภทเดียวกันเท่านั้น ๓. เพื่อประโยชน์แก่การจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลสถิติของสหกรณ์แต่ละประเภทอย่างเป็นระบบ เพื่อการศึกษา วิจัย และท ารายงานความก้าวหน้าของสหกรณ์แต่ละประเภทประจ าปีอันจะเป็นประโยชน์แก่การ วางแผนปรับปรุง และพัฒนาขบวนการสหกรณ์ในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสมและเป็นประโยชน์แก่ประชาชน ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างแท้จริง ๔. เพื่อประโยชน์แก่การส่งเสริมและพัฒนาขบวนการสหกรณ์ให้ตรงกับความต้องการของประชาชน และเหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การแบ่งประเภทสหกรณ์ในประเทศไทยนั้น เมื่อพิจารณาโดยสากลแล้วมีการแบ่งได้เป็น ๒ ลักษณะโดยมีชื่อ เรียกไว้เป็นการเฉพาะ กล่าวคือ ลักษณะที่ ๑ แบ่งตามลักษณะความรับผิดชอบในหนี้สิน ซึ่งเดิมก าหนดไว้ในบทบัญญัติของ กฎหมายตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ เรียกว่า “ชนิด” ของ สหกรณ์ ก าหนดให้มี ๒ ชนิด คือสหกรณ์จ ากัด และ สหกรณ์ไม่จ ากัด แต่ได้มีการตราพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.๒๕๔๒ ขึ้นใหม่และใช้ แทนกฎหมายเดิม ในบทบัญญัติของพระราชบัญญัติสหกรณ์พ.ศ.๒๕๔๒ ไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับสหกรณ์ไม่จ ากัด ทั้ง ยังก าหนดให้สหกรณ์ไม่จ ากัดที่มีอยู่ต้องขอจดทะเบียนใหม่เป็นสหกรณ์จ ากัด หรือต้องเลิกสหกรณ์ ในประเทศไทย จึงมีแต่สหกรณ์ จ ากัด เท่านั้น
๕๕ ลักษณะที่ ๒ ก าหนดการแบ่งประเภทสหกรณ์ไว้เป็นกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ การแบ่งประเภทสหกรณ์ตามลักษณะนี้เรียกว่า “ประเภทสหกรณ์” ซึ่ง เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๑๑ (เป็นการออกกฎกระทรวงภายหลังการออกกฎหมายสหกรณ์ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑) โดยกฎกระทรวงฉบับแรกก าหนดให้มี สหกรณ์ ๘ ประเภท คือ สหกรณ์ธนกิจ สหกรณ์การซื้อ สหกรณ์การขาย สหกรณ์การบริการ สหกรณ์การเช่าที่ดิน สหกรณ์การเช่าซื้อที่ดิน สหกรณ์นิคม สหกรณ์อเนกประสงค์ ออกไว้เมื่อ วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๑๖ ก าหนดให้มีสหกรณ์ ๕ ประเภท และในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้มีกฎกระทรวง ก าหนดให้มี สหกรณ์ประเภทที่ ๗ คือ สหกรณ์เครดิตยูเนียน อีกประเภทหนึ่ง แยกออกมาจากสหกรณ์ออมทรัพย์ ที่เดิมจัดไว้เป็น ประเภทเดียวกัน ดังนั้น ในปัจจุบันสหกรณ์ในประเทศไทย จึงสามารถจดทะเบียนได้ ๗ ประเภท คือ ๑. สหกรณ์การเกษตร (Agricultural Cooperatives) สหกรณ์การเกษตร คือ สหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นในหกลุ่มผู้ มีอาชีพทางการเกษตรได้รวมกันจัดตั้งขึ้น และจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่อนายทะเบียนสหกรณ์ โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อให้สมาชิกด าเนินกิจการร่วมกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพของ สมาชิก และช่วยยกฐานะความเป็นอยู่ของสมาชิกให้ดีขึ้น ความเป็นมา สหกรณ์การเกษตรแห่งแรกได้จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ชื่อว่า สหกรณ์วัดจันทร์ ไม่จ ากัดสินใช้ ในจังหวัด พิษณุโลก เป็นสหกรณ์การเกษตรชนิดไม่จ ากัด มีขนาดเล็กในระดับหมู่บ้านตั้งขึ้นในหมู่ เกษตรกรที่มีรายได้ต่ าและมีหนี้สินมากมีสมาชิกแรกตั้ง จ านวน ๑๖ คน ทุนด าเนินงาน จ านวน ๓,๐๐๐ บาท เป็น ค่าธรรมเนียมแรกเข้า จ านวน ๘๐ บาท และเป็นทุนจากการกู้แบงก์สยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน) จ านวน ๓,๐๐๐ บาท วัตถุประสงค์สหกรณ์การเกษตรด าเนินธุรกิจแบบอเนกประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกด าเนิน ธุรกิจร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และช่วยเหลือส่วนรวมโดยใช้หลักคุณธรรม จริยธรรมอันดีงามตามพื้นฐานของ มนุษย์ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สมาชิกและส่วนรวมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมตามที่ก าหนด ไว้ในข้อบังคับของสหกรณ์ กิจกรรมของสหกรณ์การเกษตร (๑) จัดหาเงินทุนให้สมาชิกกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ า ท าให้สมาชิกน าไปลงทุนในปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในครัวเรือน (๒) ส่งเสริมให้สมาชิกรู้จักการออมทรัพย์ โดยรับฝากเงินจากสมาชิกทั้งฝากประจ าและฝากสะสม จ าหน่ายแก่สมาชิกในราคายุติธรรม (๓) ช่วยเหลือสมาชิกในด้านการจัดหาวัสดุอุปกรณ์การเกษตร ตลอดจนสิ่งของอื่นๆ ที่จ าเป็นมาจ าหน่ายแก่ สมาชิกในราคายุติธรรม (๔) ช่วยเหลือสมาชิกในการจ าหน่ายผลิตผลของสมาชิกให้ได้ราคาดี ไม่ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง โดยการรวบรวม หรือแปรรูปผลิตผลที่สมาชิกแต่ละคนจะท าการจ าหน่ายเอง ทั้งยังให้ความเป็นธรรมในด้านการช่าง ตวง วัด และจัดคุณภาพผลิตผลของสมาชิกอีกด้วย (๕) ส่งเสริมและเผยแพร่วิชาการเกษตรแผนใหม่แก่สมาชิก ได้รับความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีใน การผลิต ตั้งแต่การใช้ พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ การใช้ปุ๋ย การใช้ยาปราบศัตรูพืชการเก็บรักษาผลผลิตอย่างมีคุณภาพ ผลิตผล ที่ได้จึงเป็นไปตามความต้องการของตลาด ส่งผลให้สหกรณ์และบุคคลในครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้ง ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และการอนามัย
๕๖ ๒. สหกรณ์ประมง (Fisheries Cooperatives) สหกรณ์ประมง คือ สหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นในหมู่ชาวประมง เพื่อ แก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการประกอบอาชีพจับสัตว์น้ า เพื่อช่วยให้ชาวประมงประกอบอาชีพได้มั่นคงยิ่งขึ้นทั้ง เป็นการส่งเสริมการเพาะรักษาและขยายพันธุ์สัตว์ในแหล่งนั้นๆ ความเป็นมา สหกรณ์ประมงแห่งแรกได้จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ชื่อว่าสหกรณ์ประมงพิษณุโลกจ ากัด ใน ท้องที่ล าคลอง กระบังโป่งนก อ าเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เป็นสหกรณ์ประมงประเภทญ้าจืด มีสมาชิกแรก ตั้ง จ านวน ๕๔ คนด าเนินการจัดสรรที่ท ากิน การจ าหน่าย การแปรรูป และขออนุญาตสัมปทานให้สมาชิกจับสัตว์ นาได้โดยสะดวก วัตถุประสงค์สหกรณ์ประสงด าเนินการให้ความรู้ทางด้านวิชาการในเรื่องการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสม และมีคุณภาพ ในการเพาะเลี้ยง การเก็บรักษาและการแปรรูปสัตว์น้ าแก่สมาชิกรวมทั้งให้ความช่วยเหลือทางด้าน ธุรกิจการประมง คือ การจัดหาเงินทุนให้สมาชิกกู้ไปลงทุนประกอบอาชีพ การจัดหาวัสดุการประมงมาจ าหน่ายการ จัดจ าหน่ายสัตว์น้ า และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ า การรับฝากเงินและสงเคราะห์สมาชิกเมื่อประสบภัยพิบัติ กิจกรรมของสหกรณ์ประมง (๑) รวบรวมสัตว์น้ า หรือ ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ าจากสมาชิกจัดการขาย หรือ แปรรูปออกขายเพื่อให้ได้ ราคาดี (๒) ซื้อสัตว์น้ า หรือ ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ าจากสหกรณ์อื่น หรือบุคคลอื่นมาจัดการขาย หรือแปรรูปออก ขายเท่าที่จ าเป็นแก่การด าเนินงานโดยประหยัด (๓) จัดหาสิ่งของ รวมทั้งการบริการที่ใช้ในการประมงและสิ่งอื่นๆ ซึ่งบรรดาสมาชิกมีความต้องการมา ขายแก่สมาชิก (๔) ให้เงินกู้ หรือ สินเชื่อแก่สมาชิก (๕) รับฝากเงินจากสมาชิก (๖) จัดหาทุนเพื่อกิจการตามวัตถุประสงค์ (๗) จัดให้มีหรืออ านวยความสะดวกร่วมกันเกี่ยวกับกิจการประมง และด าเนินการตั้งโรงงาน อุตสาหกรรมและคลังสินค้า (๘) เผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ และธุรกิจเกี่ยวกับการประมง สมาชิกจะได้รับการศึกษาอบรม เกี่ยวกับการประกอบอาชีพการประมง ตามหลักวิชาการแผนใหม่ให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและปริมาณตรง กับความต้องการของตลาด รวมถึงสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของทุกคนตามหลักการและวิธีการสหกรณ์ (๙) ส่งเสริมการประหยัดทรัพย์ การช่วยตัวเอง การร่วมมือช่วยเหลือกันในหมู่สมาชิก (๑๐) ร่วมมือส่งเสริมกิจการของสหกรณ์ด้วยกัน (๑๑)ให้การสงเคราะห์ตามสมควรแก่สมาชิกและครอบครัวที่ประสบภัยพิบัติเกี่ยวกับอาชีพ (๑๒) กระท าการต่างๆ ตามที่อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ ๓. สหกรณ์นิคม (Land Settlement Cooperatives) จัดตั้งขึ้นในบรรดาเกษตรกรซึ่งไม่มีที่ท ากินเป็นของ ตนเองหรือมีที่ดินไม่เพียงพอ ส าหรับการประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยรัฐบาลด าเนินการจัดหาที่ดินให้เกษตรกรได้ มีที่ท ากินพร้อมทั้งจัดบริการด้านสิ่งอ านวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน และด าเนินธุรกิจแบบอเนกประสงค์เช่นเดียวกับ สหกรณ์การเกษตร เช่น มีการให้สินเชื่อ การรวมกันซื้อ การรวมกันขาย การบ ารุงที่ดินและอื่นๆ ความเป็นมา สหกรณ์นิคมตั้งขึ้นเพื่อก้ไขปัญหาการถือครองที่ดิน การเช่าที่กิน ตลอดจนการบุกรุกเข้าท ากิน ในที่สาธารณะ หรือป่าสงวนแห่งชาติโดยพลการ ซึ่งมีแนวโน้มทวีจ านวนมากขึ้นเป็นปัญหาที่จะต้องแก้ไขโดยรีบด่วน เพราะเป็นการท าลายป่าไม้ และต้นน้ าล าธารอันเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่า ซึ่งเป็นผลอย่างมากต่อความสมบูรณ์
๕๗ ทางธรรมชาติในอนาคต สหกรณ์นิคมได้เริ่มด าเนินงานเป็นแห่งแรกที่อ าเภอล าลูกกา จังหวัดปทุมธานีเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๘ โดยด าเนินการจัดซื้อที่นาราชพัสดุ จากกระทรวงการคลัง เนื้อที่ ๔,๑๐๙ ไร่เศษ มาจัดสรรให้สมาชิก ๖๙ ครอบครัวในรูปของสหกรณ์การเช่า ซื้อที่ดิน ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้จัดตั้งนิคมสหกรณ์ในอ าเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ ๗,๙๑๓ ไร่ และได้จัด สหกรณ์การเช่าที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เสื่อมสภาพแล้ว ที่ อ าเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ วัตถุประสงค์ เพื่อการจัดนิคม คือ การจัดหาที่ดินมาจัดสรรให้แก่ราษฎรประกอบอาชีพทางการ เกษตรตลอดจนจัดบริการต่างๆ ให้เกิดความสะดวกในการใช้ที่ดินและที่อยู่อาศัย ด้านสาธารณูปโภค เช่น การจัดให้ มีถนนหนทาง จัดให้มีสถานีอนามัย การจัดการทรัพยากรน้ าให้เพาะปลูกหรือบริโภค เพื่อการจัดสหกรณ์ คือ การรวบรวมราษฎรที่ได้รับจัดสรรที่ดิน จัดตั้งขึ้นเป็นสหกรณ์ งานจัดนิคม งานจัดนิคม เป็นงานที่ดินท ากินให้ราษฎรโดยวิธีการสหกรณ์ มีขั้นตอนในการด าเนินการ ดังนี้ (๑) การจัดหาที่ดิน ๑.๑) สหกรณ์นิคมโดยอาศัยพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยกรม ส่งเสริมสหกรณ์ ขอรับที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติจ าแนกเป็นที่จัดสรรเพื่อการเกษตร น ามาจัดสรรให้ราษฎร เข้าครอบครองท าประโยชน์ และส่งเสริมให้จัดตั้งขึ้นเป็นสหกรณ์ ซึ่งเมื่อสมาชิกได้ปฏิบัติ ครบถ้วนตามข้อบังคับของสหกรณ์แล้วก็จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้รับจัดสรรนั้นในที่สุด ๑.๒) สหกรณ์การเช่าซื้อที่ดิน โดยอาศัยประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๘ และนโยบายของ รัฐบาลในเรื่องการจัดหาที่ดินให้ราษฎร กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงจัดซื้อที่ดินขององค์การ หรือเอกชนน ามาปรับปรุง จัดสรรให้รวบรวมกันจัดตั้งขึ้นเป็นสหกรณ์ซึ่งเมื่อสมาชิกได้ส่งช าระเงินค่าเช่าซื้อที่ดินและปฏิบัติการอื่นครบถ้วนตาม ข้อบังคับของสหกรณ์ แล้ว ก็จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้รับจัดสรรนั้นในที่สุด ๑.๓) สหกรณ์การเช่าที่ดิน กรมส่งเสริมสหกรณ์จะน าที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่เสื่อมโทรมแล้วมา จัดสรรให้ราษฎร และจัดตั้งขึ้นเป็นสหกรณ์สมาชิกจะมีสิทธิ์เข้าครอบครองท ากินในที่ดินที่ได้รับจัดสรรนั้นโดยเสียค่า เช่าในอัตราต่ า และที่ดินจะตกทอดทางมรดกไปยังลูกหลานได้ตลอดไปแต่ห้ามมิให้โอนกรรมสิทธิ์ สหกรณ์นิคมทั้ง ๓ รูปนี้ คงมีเพียง ๒ รูปแรกที่สมาชิกจะได้ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง ส่วนในรูปของสหกรณ์การเช่าที่ดินนั้นสมาชิก จะได้เพียงสิทธิการให้ที่ดินโดยการเช่า และสิทธิที่ตกทอดทางมรดกตลอดไปเท่านั้น (๒) การวางผังและปรับปรุงที่ดิน เมื่อได้รับที่ดินแปลงใดมาจัดสหกรณ์แล้วทางราชการจะส ารวจ รายละเอียด สภาพภูมิประเทศ ชนิดและลักษณะดิน ปริมาณน้ าฝน จากนั้นจะวางแผนผังการการใช้ที่ดิน ว่าควร ด าเนินการสร้าง บริการสาธารณูปโภคอย่างไรบ้าง เช่น ถนน การชลประทาน โรงเรียน สถานีอนามัย ฯลฯ (๓) การรับสมัคร และคัดเลือกบุคคลเพื่อรับการจัดสรรที่ดิน (๔) การอนุญาตให้เข้าท าประโยชน์ในที่ดิน (๕) การก าหนดเงื่อนไขการใช้ที่ดิน และการได้กรรมสิทธิ์ที่ดิน งานจัดสหกรณ์ เมื่อจัดราษฎรเข้า ครอบครองท าประโยชน์ในที่ดิน ที่จัดหามาเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไป คือ การรวบรวมราษฎร ที่ได้รับจัดสรรที่ดินนั้น จัดตั้งเป็นสหกรณ์ขึ้น และขอจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อให้เกษตรกรมีสถาบันของ ตนเอง ที่จะเป็นสื่อกลางในการอ านวยบริการด้านต่างๆ ส่วนการด าเนินธุรกิจของสหกรณ์จะมี ลักษณะเช่นเดียวกับ สหกรณ์การเกษตร
๕๘ กิจกรรมของสหกรณ์นิคม ท าให้สมาชิกสหกรณ์ สหกรณ์เป็นสถาบันที่เป็นสื่อกลางในการขอรับบริการต่างๆ จากรัฐบาลและเป็นสถาบัน ที่อ านวยความสะดวกในด้านการจัดหาสินเชื่อ การรวมกันซื้อ รวมกันขาย การนส่งเสริมการเกษตรและการฝึกอบรม ซึ่งเป็นการเสริมสร้างให้เกิดระบบที่ดีในการจัดหาการผลิตและการตชลาดโดยสมาชิก เพื่อสมาชิก ในการ ประกอบ อาชีพอย่างมั่นคงจนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ๔. สหกรณ์ร้านค้า (Cooperative Stores or Consumers Cooperatives) สหกรณ์ร้านค้า คือ สหกรณ์ที่มีผู้บริโภครวมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อจัดหาสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคมาจ าหน่ายแก่สมาชิกและบุคคลทั่วไป โดย จดทะเบียนตามกฎหมายสหกรณ์ในประเภทสหกรณ์ร้านค้า มีสภาพเป็นนิติบุคคลซึ่งสมาชิกผู้ถือหุ้นทุกคนเป็น เจ้าของ สมาชิกลงทุนร่วมกันในสหกรณ์ด้วยความสมัครใจเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนในการซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค และเพื่อผดุงฐานะทางเศรษฐกิจของตนและหมู่คณะ ความเป็นมา สหกรณ์ร้านค้า จัดตั้งขึ้นโดยชาวชนบท อ าเภอเสนา จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ในปีพ.ศ. ๒๔๔๐ และได้เลิกล้ม ไป ต่อมารัฐบาลได้ช่วยเหลือ มีนโยบายที่จะช่วยเหลือด้านการครองชีพให้กับประชาชนโดย การส่งเสริม และ สนับสนุนให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ร้านค้าขึ้น ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งสหกรณ์ร้านค้าที่ ตั้งขึ้นในเมืองที่ประชาชน หนาแน่นจะประสบความส าเร็จมากกว่าสหกรณ์ร้านค้าที่ตั้นในชนบท วัตถุประสงค์สหกรณ์ร้านค้าจะจัดหาสิ่งของและบริการที่สมาชิกมีความต้องการมาจ าหน่าย ช่วยจ าหน่าย ผลิตผล ผลิตภัณฑ์ของสมาชิก ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ทางด้านสหกรณ์ และด้านการค้าให้แก่สมาชิกสหกรณ์ ปลุก จิตส านึกให้ สมาชิกรู้จักประหยัด ช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วมมือและประสานงานกับสหกรณ์ และ หน่วยงานอื่นทั้งภายในและนอกประเทศ ในอันที่จะเกื้อกูลกันและกัน กิจกรรมของสหกรณ์ร้านค้า (๑) จัดหาสิ่งของและอ านวยบริการที่สมาชิกมีความต้องการมาจ าหน่ายท าให้สมาชิกมีสถานที่ซื้อขาย สินค้าจ าเป็นตามราคาตลาดในชุมชน ซึ่ง เป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ เที่ยงตรงใน การชั่ง ตวง วัด ตามความต้องการ ของสมาชิก (๒) ช่วยจ าหน่ายผลิตผล หรือ ผลิตภัณฑ์ของสมาชิก (๓) เมื่อสิ้นปีสหกรณ์มีก าไรสุทธิประจ าปี สมาชิกจะได้รับเงินปันผลตาม หุ้น และเงินเฉลี่ยคืนตามส่วน ที่ได้ท าธุรกิจกับสหกรณ์การซื้อขายด้วยเงินสดสินค้าจะมีราคาที่ถูกกว่าเงินผ่อน (๔) แนะน าส่งเสริมและอบรมความรู้ทางสหกรณ์ และการค้าแก่สมาชิก (๕) ส่งเสริมให้สมาชิกรู้จักการประหยัด การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และการช่วยเหลือตนเอง (๖) ร่วมมือกับสหกรณ์และสถาบันที่เกี่ยวกับการสหกรณ์ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในอันที่ จะช่วยเหลือ งกันและกัน (๗) ด าเนินการอย่างอื่นตามอนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ข้างต้น ๕) สหกรณ์บริการ (Services Cooperatives) สหกรณ์บริการ คือ สหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติสหกรณ์ โดยมีประชาชนไม่น้อยกว่า ๑๐ คน ที่มีอาชีพอย่างเดียวกัน เพื่อแก้ไขปัญหาความ เดือดร้อนในการประกอบอาชีพต่างๆ อาจจะจัดตั้งในกลุ่มบุคคลที่มีอาชีพเดียวกัน เช่น สหกรณ์แท็กซี่ สหกรณ์ หัตถกรรมหรือ อาจจะจัดตั้งในกลุ่มบุคคลที่มีอาชีพต่างกัน แต่มีความต้องการอย่างเดียวกัน และต้องการให้สหกรณ์ จัดหาบริการมาสนองความต้องการให้ เช่น สหกรณ์ไฟฟ้า สหกรณ์เคหะสถาน สหกรณ์ประปา เป็นต้น
๕๙ ความเป็นมา สหกรณ์บริการแห่งแรกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นการรวมตัวกันในกลุ่มผู้มีอาชีพท าร่ม ชื่อ สหกรณ์ผู้ท าร่มบ่อสร้าง จ ากัดสินใช้ อยู่ที่ต าบลต้นเปา อ าเภอสันก าแพง จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาในปีพ.ศ. ๒๔๙๖ ได้มีการจัดตั้ง สหกรณ์บริการไฟฟ้าหนองแขมจ ากัด อ าเภอหนองแขม กรุงเทพมหานคร เป็นสหกรณ์ที่ให้บริการ ด้านสาธรณูปโภค และในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ จัดตั้งสหกรณ์มีดอรัญญิกจ ากัด ที่ต าบลทุ่งช้าง อ าเภอนครหลวง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา และมีสหกรณ์บริการอีกหลายแบบตามมา เช่น สหกรณ์เคหสถาน สหกรณ์แท็กซี่ สหกรณ์ หัตถกรรมผลิตภัณฑ์ไม้ สหกรณ์บริการน้ าประปา สหกรณ์ผู้จัดหางาน แห่งประเทศไทย ฯลฯ วัตถุประสงค์เพื่อด าเนินธุรกิจด้านการบริการตามรูปแบบของสหกรณ์ ส่งเสริมสวัสดิการ แก่สมาชิกและ ครอบครัว ส่งเสริมการช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหมู่สมาชิก ร่วมมือกับสหกรณ์อื่นและ หน่วยงานอื่นเพื่อความก้าวหน้าของกิจการสหกรณ์ กิจกรรมของสหกรณ์บริการ (๑) ประกอบธุรกิจด้านบริหารตามที่ได้ระบุตามชนิดของสหกรณ์ เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาฝีมือการ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้มีคุณภาพได้มาตรฐานเป็นที่ต้องการของตลาด มีแหล่งรวมซื้อรวมขายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ใน การผลิตผลิตภัณฑ์ (๒) จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์อ านวยความสะดวกที่จ าเป็นในการให้บริการตามความมุ่งหมาย (๓) รับฝากเงินจากสมาชิกเพื่อใช้จ่ายเสริมการออมทรัพย์ (๔) ให้เงินกู้แก่สมาชิกเพื่อให้จ่ายเกี่ยวกับอาชีพ (๕) เมื่อสิ้นปีทางบัญชีถ้าสหกรณ์มีก าไรสุทธิประจ าปี สมาชิกสหกรณ์จะได้รับเงินปันผล ตามหุ้นและ เงิน เฉลี่ยคืนตามส่วนที่ท าธุรกิจกับสหกรณ์ (๖) จัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคมาจ าหน่ายแก่สมาชิก (๗) ช่วยเหลือสมาชิกด้านกฎหมายคดีความ ช่วยให้สมาชิกสหกรณ์ประกอบอาชีพได้ถูกต้องตาม ๖) สหกรณ์ออมทรัพย์ (Credit and Thrift Cooperatives or Savings Cooperstives) สหกรณ์ออม ทรัพย์ คือ สถาบันการเงินแบบหนึ่งที่มีสมาชิกเป็นบุคคลซึ่งมีอาชีพอย่างเดียวกันหรือที่อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกัน เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกรู้จักการออมทรัพย์ และให้กู้ยืมเมื่อเกิดความจ าเป็นหรือเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์งอกเงยและ ได้รับการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ สามารถกู้ยืมเงินได้เมื่อเกิดความจ าเป็นตามหลักการช่วยตนเอง และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความเป็นมา สหกรณ์ออมทรัพย์แห่งแรกในประเทศไทย จัดตั้งขึ้นในหมู่ข้าราชการสหกรณ์และพนักงาน ธนาคารเพื่อการสหกรณ์จดทะเบียนเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๔๙๒ คือ สหกรณ์ข้าราชการสหกรณ์ จ ากัดสินใช้ และ ได้แพร่หลายไปในหน่วยงานของรัฐและเอกชนทั่วประเทศ ส่วนสหกรณ์ออมทรัยพ์ในชุมชนแห่งแรก คือ สหกรณ์ เครดิตยูเนี่ยนแม่มูลจ ากัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๒ วัตถุประสงค์ (๑) เพื่อส่งเสริมการออมทรัพย์ โดยการรับฝากเงินอย่างสม่ าเสมอและให้ผลตอบแทน ในรูปของ ดอกเบี้ย และโดยการถือหุ้นหัก ณ ที่จ่าย เป็นรายเดือน แต่ไม่เกิน ๑ ใน ๕ ของหุ้นทั้งหมด เมื่อสิ้นปีทางบัญชีต้อง จ่ายเงินปันผลค่าหุ้นให้แก่สมาชิกในอัตราที่กฎหมายก าหนด รวมทั้งให้บริการด้านเงินกู้แก่สมาชิกตามความจ าเป็น (๒) จัดให้มีเงินกู้ส าหรับสมาชิกตามข้อก าหนดอันสมควร เช่น เพื่อช าระหนี้เก่าอันมีภาระหนักหรือเพื่อ การอันจ าเป็นหรือมีประโยชน์ กิจกรรมของสหกรณ์ออมทรัพย์
๖๐ (๑) ส่งเสริมให้สมาชิกออมทรัพย์โดยการถือหุ้น (๒) รับฝากเงินจากสมาชิก (๓) ให้สมาชิกกู้เงินตามความจ าเป็นหรือมีประโยชน์ (๔) กู้ยืมเงินเพื่อด าเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ (๕) ให้สหกรณ์อื่นกู้ยืมเงิน (๖) ร่วมมือกับทางราชการและสหกรณ์อื่น เพื่อส่งเสริมกิจการสหกรณ์ (๗) ส่งเสริมการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และช่วยตัวเองในหมู่สมาชิก (๘) กระท าการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ให้กระท าได้ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ สหกรณ์ ๗. สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน (Credit Union Cooperatives) สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คือ สหกรณ์อเนกประสงค์ ตั้งขึ้นโดยความสมัครใจของสมาชิกที่อยู่ในวงสัมพันธ์เดียวกัน เช่น อาศัยในชุมชนเดียวกัน ประกอบอาชีพเดียวกัน หรือในสถานที่เดียวกัน หรือมีกิจกรรมร่วมกันเพื่อการรู้จักช่วยเหลือตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นให้สมาชิก ประหยัดและออม เพื่อการรู้จักช่วยตนเองเป็นเบื้องต้นและเป็นพื้นฐานในการสร้างความมั่นคงแก่ตนเองและ ครอบครัว ความหมายของตราสัญลักษณ์เครดิตยูเนี่ยน สัญลักษณ์นี้เป็นเครื่องหมายแทนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ใน ทุกหนทุกแห่งทั่วโลก องค์ประกอบของสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึง ความหมายและความสัมพันธ์กับอุดมการณ์สหกรณ์เครดิตยู เนี่ยน ดังนี้ รูปโลก เป็นองค์ประกอบของสัญลักษณ์นี้ เพื่อแสดงให้เห็น ว่าสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เป็นองค์กรทางการเงินประเภทหนึ่งที่มี อยู่ทั่วโลก ภาพเงาคน ๔ คน แสดงถึงหน่วยสถาบันครอบครัวของ มนุษยชาติ ผู้อุทิศตนท างานเพื่อประโยชน์ร่วมกันโดยส่วนรวม เหตุที่แสดงเป็นภาพเงาก็เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของเครื่องแต่งกายประจ าชาติเพราะ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนนั้นรับใช้และบริการแก่คนทุกคนทั่วโลก ภาพมือคู่ แสดงถึงคุณลักษณะแห่งการช่วยเหลือ ตนเองของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เมื่อเราเป็นสมาชิก สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ก็เท่ากับเราเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของประชาชนผู้สะสมเงินร่วมกัน และให้บริการเงินกู้ซึ่ง กันและกันตามจ านวนเงินทุนที่มี ในฐานะที่เป็นสมาชิกเราก็คือเจ้าของกิจการและมีส่วนในการก ากับควบคุม นโยบายเพราะสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเป็นองค์กรของเรา มือ ครอบครัว และรูปโลก คือ เครื่องหมายของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เป็นสัญญาลักษณ์ ของการช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน จากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งทั่วโลก ตามหลักวิธีของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เมื่อน าองค์ประกอบทั้งหมดมารวมกัน จะเป็นสัญลักษณ์ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนต่าง ในทุกชาติทุกภาษา หัวใจส าคัญ คือ ความเป็นสากลและการแสดงภาพรวมของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ในลักษณะที่สามารถหลับตาเห็น ภาพรายละเอียดได้ทันที
๖๑ ความเป็นมา สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เครดิต แปลว่า ความเชื่อถือหรือไว้วางใจ ยูเนี่ยน แปลว่าความสามัคคีเป็น หนึ่งเดียวกัน เมื่อได้ค านิยามของสหกรณ์แล้วน าค าว่า “สหกรณ์” มาผสมกับค าว่า “เครดิตยูเนี่ยน” ซึ่งมีความหมาย ว่า กิจการรูปแบบหนึ่งซึ่งบุคคลหลายคนเข้าร่วมกัน โดยเอาความสมัครใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจมารวมเป็นอันหนึ่งอัน เดียวกันเป็นที่ตั้ง โดยมุ่งประโยชน์ที่จะให้เกิดความสุข ความเจริญในทางเศรษฐกิจและเป้าหมายสูงสุดคือ “การ พัฒนาคน” เป็นอีกสหกรณ์ประเภทหนึ่งตามประกาศกฎกระทรวงก าหนดประเภทของสหกรณ์ที่จะรับจดทะเบียน พ.ศ. ๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการรวมคน เพื่อท ากิจกรรมเรื่องการออม และพัฒนา คุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในประเทศไทยได้เริ่มจัดตั้งกลุ่มขึ้นแห่งแรกเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม 2508 กลุ่มเครดิตยูเนี่ย นแห่งศูนย์กลางเทวา” และได้แพร่ขยายการจัดตั้งสหกรณ์และกลุ่มเครดิตยูเนี่ยนทั่วประเทศไทยขึ้นเป็น จ านวนมาก ภายใต้ปรัชญาและอุดมการณ์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่มุ่งจะพัฒนาคนให้ช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกัน และกันตาม หลักการและวิธีการสหกรณ์ รวมทั้งเพื่อพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง กิจกรรมของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน (๑) การสะสม สมาชิกทุกคนจะสะสมเงินในสหกรณ์ตามก าลังความสามารถและสะสมอย่างสม่ าเสมอ ตามสัญญาที่ให้ไว้ เมื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์เงินที่สะสมนี้ ถือเป็นเงินสะสมค่าหุ้นที่สมาชิกจะถอนคืนได้ ต่อเมื่อลาออกจากการเป็นสมาชิก และทุกสิ้นปีสมาชิกจะได้รับเงินตอบแทนเป็นเงินปันผลค่าหุ้นตามอัตราเกินที่ กฎหมายสหกรณ์ก าหนดไว้ นอกจากนี้ ถ้าสมาชิกคนใดมีเงินเหลือใช้ก็สามารถฝากเงินไว้ในสหกรณ์ได้ ซึ่งถือเป็นการ สะสมเงินประเภท “เงินรับฝาก” สามารถถอนได้และจะได้รับดอกเบี้ยเช่นเดียวกับการฝากเงินในสถาบันการเงินอื่น (๒) การกู้ยืมเงิน เมื่อสมาชิกมีความจ าเป็น หรือมีความเดือดร้อนก็สามารถกู้ยืมเงินจากสหกรณ์ไปเพื่อ บรรเทาความเดือดร้อนหรือให้น าเงินไปลงทุนเพื่อก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น จ านวนเงินที่จะขอกู้ยืมได้นั้นขึ้นอยู่กับ ความจ าเป็น ความรับผิดชอบของการสะสมเงินและความสามารถในการช าระคืนของสมาชิกผู้กู้โดยทางสหกรณ์จะ คิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ธรรม เงินกู้สหกรณ์ที่ให้แก่สมาชิกมี ๓ ประเภท คือ I. เงินกู้ฉุกเฉิน คือเงินกู้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน เช่นอุบัติเหตุ ค่าพาหนะ ค่า รักษาพยาบาล เป็นต้น วงเงินกู้ที่ได้ตามแต่คณะกรรมการของสหกรณ์แต่ละแห่งจะก าหนดไว้ไม่ต้องค้ า ประกันและจะต้องส่งคืนในระยะเวลาที่ก าหนดตามระเบียบของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนโดยทั่วไปก าหนด ระยะเวลาส่งคืนเงินกู้ประเภทนี้ภายใน ๔๘ เดือน II. เงินกู้สามัญ เป็นการให้เงินกู้แก่สมาชิกเพื่อน าไปลงทุนในการประกอบอาชีพ ปลดเปลื้องหนี้สิน เพื่อ ซ่อมแซมดั้งเดิมที่อยู่อาศัยหรืออื่นๆ การกู้เงินประเภทนี้โดยทั่วไปก าหนดวงเงินกู้ไว้เป็นจ านวนเท่าของเงิน สะสมของสมาชิกผู้ขอกู้ ตามระเบียบของสหกรณ์ซึ่งต้องให้สมาชิกหรือใช้หลักทรัพย์ค้ าประกันเงินกู้ ส าหรับ ระยะเวลาการส่งคืนนั้นเป็นไปตามที่ก าหนดไว้ในระเบียบของสหกรณ์โดยทั่วไปก าหนดให้ส่งคืนภายใน ๔๘ III. เงินกู้พิเศษ ในกรณีที่สหกรณ์มีฐานะมั่นคงและมีเงินเหลือมากประกอบกับสมาชิกมีความต้องการกู้เงินใน วงเงินที่สูง สหกรณ์อาจเปิดบริการเงินกู้พิเศษขึ้นเพื่อให้สมาชิกน าไปลงทุนประกอบอาชีพจัดหาที่อยู่อาศัย หรือสร้างความมั่นคงให้แก่สมาชิก เงินกู้ประเภทนี้จะกู้ได้มากกว่าเงินกู้สามัญ แต่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ า ประกันเท่านั้น และระเบียบสหกรณ์ โดยทั่วไปจะก าหนดระยะเวลาช าระคืนมากกว่าเงินกู้สามัญ
๖๒ บทที่ ๔ กฎหมายที่เกี่ยวกับสหกรณ์ พระราชบัญญัติสหกรณ์ ฉบับสมบูรณ์ (รวมฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๔๒ ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๓ และฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๒) ------------------------------------------------------------- ( พระราชบัญญัติสหกรณ์ที่น าเสนอนี้เป็นพระราชบัญญัติสหกรณ์ฉบับสมบูรณ์ คือ ได้ผสานรวม (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๔๒ ผลจากการแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ และผลจากการแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งนี้ บทบัญญัติที่ใช้ตัวอักษรตัวเอนสีน ้ำเงิน คือส่วนที่มีกำรแก้ไขเพิ่มเติมในปีพ.ศ.๒๕๕๓ บทบัญญัติที่ใช้ตัวอักษรตัวเอนสีแดง คือส่วนที่มีกำรแก้ไขเพิ่มเติมในปีพ.ศ.๒๕๖๒ และข้อความตัวเอนที่มีเครื่องหมาย ** น าหน้า เป็นส่วนของการขยายความ พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ---------------------------- ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒ (เป็นปีที่ ๕๔ ในรัชกาลที่ ๔) --------------------------------------------------------- พระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ พระราชบัญญัติ สหกรณ์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
๖๓ เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ พระราชบัญญัติมีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจ ากัดสิทธิและเสรีภาพของ บุคคล ซึ่งมาตรา๒๖ ประกอบกับตามมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระท าได้ โดยอาศัยอ านาจตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมาย มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติสหกรณ์ ** (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดหกสิบวันนับแต่วันถัดจากวัน ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเป็นต้นไป ** (ฉบับแก้ไขปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒) มาตรา ๓ ให้ยกเลิก (๑) พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.๒๕๑๑ (๒) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๔๐ ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๕ (๓) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๔๗ ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๕ (๔) พระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๔ (๕) ความในบทนิยามค าว่า “สหกรณ์” ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน **(ใช้ความในบทนิยามฉบับแก้ไข พ.ศ. ๒๕๖๒ แทน) มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้ “สหกรณ์” หมายความว่า คณะบุคคลซึ่งร่วมกันด าเนินกิจการเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของ สมาชิกสหกรณ์ผู้มีสัญชาติไทย โดยช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ “สมาชิก” หมายความว่า สมาชิกของสหกรณ์ หรือสมาชิกกลุ่มเกษตรกร “พนักงาน เจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอ านาจ แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ กับออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ หมวด ๑ บททั่วไป มาตรา ๖ ถ้าสหกรณ์เกี่ยวข้องในกิจการใดที่กฎหมายก าหนดให้จดทะเบียนส าหรับการได้ มา การจ าหน่าย การยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ หรือการยึดหน่วงซึ่งกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิ อันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ การจดทะเบียนเช่นว่านั้น ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม มาตรา ๗ ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากสหกรณ์และสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ใช้ค าว่า “สหกรณ์” เป็นชื่อ หรือส่วนหนึ่งของชื่อในทางธุรกิจ มาตรา ๔ ทุนกลางของบรรดาสหกรณ์ไม่จ ากัดตามมาตรา ๖๑ (๒) แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.๒๕๑๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดการฝากไว้ที่ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จ ากัด (มหาชน) หรือธนาคารเพื่อ
๖๔ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือฝากไว้ที่สถาบันการเงินอื่นใด โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ พัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ หรือลงทุนตามระเบียบที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก าหนด ดอกผลที่เกิดขึ้นจากทุน กลางให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีอ านาจจ่ายขาดให้แก่ สันนิบาตสหกรณ์ แห่งประเทศไทย เพื่อใช้จ่ายใน กิจการตามที่ก าหนดไว้ในมาตรา ๑๑๐ หมวด ๒ การก ากับและส่งเสริมสหกรณ์ ส่วนที่ ๑ คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ มาตรา ๙ ให้มีคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ ประกอบด้วย รัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงกำรพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของ มนุษย์ ปลัดกระทรวงพำณิชย์ ปลัดกระทรวงศึกษำธิกำร ปลัดกระทรวงอุตสำหกรรม เลขำธิกำรคณะกรรมกำร พัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ผู้อ้ำนวยกำรส้ำนักงบประมำณ ผู้อ้ำนวยกำร ส้ำนักงำนเศรษฐกิจกำรคลัง ผู้จัดกำรใหญ่ธนำคำรเพื่อกำรเกษตรและสหกรณ์กำรเกษตร ประธำนกรรมกำรธนำคำร อิสลำมแห่งประเทศไทย ผู้แทนสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยซึ่งเป็นกรรมกำรด้ำเนินกำร ประธานกรรมการ ด าเนินการชุมนุมสหกรณ์ระดับประเทศประเภทละหนึ่งคน ประธานคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกร ระดับประเทศหนึ่งคน เป็นกรรมการโดยต าแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งไม่เกินห้าคนเป็นกรรมการ ให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้อ านวยการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ให้กรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ ซึ่งเป็นกรรมการโดยต าแหน่งคัดเลือกผู้ที่ มีความเชี่ยวชาญในด้านการเงิน การตลาด การเกษตร กฎหมาย หรือดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเสนอให้ รัฐมนตรีแต่งตั้ง มาตรา ๑๐ คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ มีอ านาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (๑) เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีในเรื่องนโยบายและแนวทางในการพัฒนาการสหกรณ์ ให้สอดคล้องกับ ภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ (๒) ก าหนดนโยบายและแผนพัฒนาการสหกรณ์ ให้สอดคล้องกับระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ (๓) ก าหนดแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนการขยายธุรกิจและกิจการของสหกรณ์ รวมทั้งการร่วมมือ กับภาคเอกชนให้มีส่วนในการพัฒนาการสหกรณ์ (๔) ก าหนดแนวทางในการประสานงานระหว่างส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจหรือภาคเอกชน เพื่อให้การส่งเสริม สนับสนุนกิจการของสหกรณ์ (๕) พิจารณาแก้ไขปัญหาและอุปสรรคตลอดจนข้อขัดข้องที่ท าให้นโยบายและแผนการพัฒนาการสหกรณ์ไม่ อาจบรรลุเป้าหมาย (๖) พิจารณาเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวกับสหกรณ์ตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย (๗) มีอ านาจและหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้
๖๕ มาตรา ๑๑ ให้กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในต าแหน่งคราวละสองปี ในกรณีมีการแต่งตั้งกรรมการในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในต าแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นการ แต่งตั้งเพิ่มขึ้นหรือแต่งตั้งซ่อม ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งนั้นอยู่ในต าแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการ ซึ่งได้แต่งตั้งไว้ แล้วนั้น มาตรา ๑๒ นอกจากการพ้นจากต าแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๑ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากต าแหน่ง เมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) รัฐมนตรีให้ออก (๔) เป็นบุคคลล้มละลาย (๕) เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๖) ได้รับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่เป็นโทษส าหรับความผิดที่ได้กระท าโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ มาตรา ๑๓ การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่ง หนึ่งของจ านวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ในการประชุมครั้งใดถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองประธานกรรมการ เป็นประธานในที่ประชุม ในกรณีที่ประธานกรรมการ และรองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติ หน้าที่ได้ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนน เสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงขาด ในกรณีที่ประธานออกเสียงชี้ขาด ต้องให้มีบันทึกเหตุผลทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย ให้มีการประชุมคณะกรรมการไม่น้อยกว่าปีละครั้ง มาตรา ๑๔ ให้คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาบุคลากร สหกรณ์ คณะอนุกรรมการการลงทุน และอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอื่นตามความจ าเป็น โดยค านึงถึงความ เชี่ยวชาญในแต่งละด้าน เพื่อพิจารณาหรือกระท าการใด ๆ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ มอบหมาย การประชุมของคณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งให้น ามาตรา ๑๓ มาใช้บังคับโดยอนุโลม คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการด ารงต าแหน่ง การพ้นจากต าแหน่ง และการด าเนินงานอื่นของ คณะอนุกรรมการให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติประกาศก าหนด ส่วนที่ ๒ นายทะเบียนสหกรณ์ มาตรา ๑๕ ให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นนายทะเบียนสหกรณ์ ให้นายทะเบียนสหกรณ์แต่งตั้งข้าราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีต าแหน่งไม่ต่ ากว่า ผู้อ านวยการกองหรือเทียบเท่าเป็นรองนายทะเบียน สหกรณ์ มีอ านาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่นายทะเบียนสหกรณ์มอบหมาย
๖๖ การแต่งตั้งตามวรรคสองให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๑๖ ให้นายทะเบียนสหกรณ์มีอ านาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) รับจดทะเบียน ส่งเสริม ช่วยเหลือ แนะน า และก ากับดูแลสหกรณ์ให้เป็นไปตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ และกฎหมายอื่น (๒) ก าหนดระบบบัญชี ตลอดจนสมุด และแบบรายงานต่าง ๆ ที่สหกรณ์ต้องยื่น ต่อนายทะเบียนสหกรณ์ รวมทั้งแบบพิมพ์อื่น ๆ ที่ต้องใช้ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ (๓) รัฐมนตรีให้ออก (๔) เป็นบุคคลล้มละลาย (๕) เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๖) ได้รับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่เป็นโทษส าหรับความผิดที่ได้กระท าโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ มาตรา ๑๓ การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่ง หนึ่งของจ านวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ในการประชุมครั้งใดถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองประธานกรรมการ เป็นประธานในที่ประชุม ในกรณีที่ประธานกรรมการ และรองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติ หน้าที่ได้ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนน เสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงขาด ในกรณีที่ประธานออกเสียงชี้ขาด ต้องให้มีบันทึกเหตุผลทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย ให้มีกำรประชุมคณะกรรมกำรไม่น้อยกว่ำปีละครั ง มาตรา ๑๔ ให้คณะกรรมกำรพัฒนำกำรสหกรณ์แห่งชำติแต่งตั งคณะอนุกรรมกำรเพื่อพิจำรณำบุคลำกร สหกรณ์ คณะอนุกรรมกำรกำรลงทุน และอำจแต่งตั งคณะอนุกรรมกำรอื่นตำมควำมจ้ำเป็น โดยค้ำนึงถึงควำม เชี่ยวชำญในแต่งละด้ำน เพื่อพิจำรณำหรือกระท้ำกำรใด ๆ ตำมที่คณะกรรมกำรพัฒนำกำรสหกรณ์แห่งชำติ มอบหมำย การประชุมของคณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งให้น ามาตรา ๑๓ มาใช้บังคับโดยอนุโลม คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ำม วำระกำรด้ำรงต้ำแหน่ง กำรพ้นจำกต้ำแหน่ง และกำรด้ำเนินงำนอื่นของ คณะอนุกรรมกำรให้เป็นไปตำมที่คณะกรรมกำรพัฒนำกำรสหกรณ์แห่งชำติประกำศก้ำหนด ส่วนที่๓ การก ากับดูแลสหกรณ์ มาตรา ๑๗ นายทะเบียนสหกรณ์ รองนายทะเบียนสหกรณ์ ผู้ตรวจการสหกรณ์ ผู้สอบบัญชี หรือ พนักงาน เจ้าหน้าที่ซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์มอบหมาย มีอ านาจออกค า สั่งเป็นหนังสือให้คณะกรรมการ ด าเนินการสหกรณ์ ผู้ ตรวจสอบกิจการ ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่หรือเชิญ สมำชิกของสหกรณ์มาชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับกิจกำรของ สหกรณ์ หรือให้ส่งเอกสารเกี่ยวกับการด าเนินงาน หรือรายงานการประชุมของสหกรณ์ได้ มาตรา ๑๘ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติให้นายทะเบียนสหกรณ์ รองนายทะเบียนสหกรณ์ผู้ตรวจการ สหกรณ์ ผู้สอบบัญชี หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์มอบหมาย มีอ านาจเข้าไป ตรวจสอบใน ส านักงานของสหกรณ์ในระหว่างเวลาท างานของสหกรณ์ได้ และให้ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องอ านวย ความสะดวกหรือช่วยเหลือ หรือให้ค าขี้แจงแก่ผู้ปฏิบัติการตามสมควร
๖๗ ให้ผู้ปฏิบัติการตามวรรคหนึ่งแสดงบัตรประจ าตัวต่อผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจ าตัวตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีก าหนด มาตรา๑๙ ให้ผู้ตู้รวจการสหกรณ์มีอ านาจหน้าที่ตรวจสอบกิจการและฐานะการเงินของสหกรณ์ ตามที่ นาย ทะเบียนสหกรณ์ก าหนด เมื่อตรวจสอบแล้วให้สนอรายงานการตรวจสอบต่อนายทะเบียนสหกรณ์ มาตรา ๒๐ ถ้าที่ประชุมใหญ่หรือที่ประชุมคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ลงมติอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบของสหกรณ์ ระเบียบหรือค าสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ ให้นายทะเบียนสหกรณ์หรือรองนาย ทะเบียนสหกรณ์มีอ านาจสั่งยับยั้งหรือเพิกถอนมตินั้นได้ มาตรา ๒๑ ในกรณีที่คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ กรรมการผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ หรือบุคคล ที่เกี่ยวข้อง ท าให้สหกรณ์เสียหาย ถ้าสหกรณ์ไม่ร้องทุกข์หรือฟ้องคดี ให้นายทะเบียนสหกรณ์หรือรองนายทะเบียน สหกรณ์ร้องทุกข์หรือฟ้องคดีแทนสหกรณ์ได้ โดยส่งเรื่องให้พนักงำนอัยกำรพิจำรณำรับว่ำต่ำงให้สหกรณ์และให้ สหกรณ์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการร้องทุกข์ ฟ้องคดีหรือการว่าต่างแก่นายทะเบียนสหกรณ์รองนายทะเบียน สหกรณ์ หรือพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณี มาตรา ๒๒ ในกรณีที่คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์กระท าการของตนอันอาจท าให้เสื่อมเสียผลประโยชน์ ของสหกรณ์หรือสมาชิกหรืองดเว้นกระท าการในการปฏิบัติหน้าที่หรือสหกรณ์มีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการเงิน การ บัญชี หรือกิจการหรือฐานะการเงิน ตามรายงานการสอบบัญชี หรือตามรายงานการตรวจสอบ ให้นายทะเบียน สหกรณ์มีอ านาจออกค าสั่งเป็นหนังสือให้ปฏิบัติการ ดังต่อไปนี้ (๑) ให้คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์แก้ไขข้อบกพร่องตามวิธีการและระยะเวลาที่นายทะเบียนสหกรณ์ ก าหนด (๒) ให้คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ระงับการปฏิบัติที่เป็นเหตุให้เกิดข้อบกพร่อง หรืออาจท า ให้เสื่อมเสียผลประโยชน์ของสหกรณ์หรือสมาชิก (๓) ให้คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการแก้ไขข้อบกพร่อง นั้นให้แล้วเสร็จ (๔) ให้คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์พ้นจากต าแหน่งทั้งคณะ หรือให้กรรมการซึ่งเกี่ยวข้องกับการนั้นพ้น จากต าแหน่งกรรมการ มาตรา ๒๓ สหกรณ์ใดจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นยังไม่เกินสามปีหรือมีผลการด าเนินงานขาดทุน ติดต่อกันเกินสอง ปี เมื่อสหกรณ์ร้องขอ หรือนายทะเบียนสหกรณ์ หรือคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติเห็นว่าจ าเป็นต้อง แก้ไข นายทะเบียนสหกรณ์จะสั่งให้ผู้ตรวจการสหกรณ์หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งนาย ทะเบียนสหกรณ์มอบหมาย เข้าช่วยเหลือด าเนินกิจการของสหกรณ์นั้นทั้งหมด หรือบางส่วนก็ได้ การช่วยเหลือด าเนินกิจการของสหกรณ์ให้เป็นไปตามระเบียบที่นายทะเบียนสหกรณ์ ก าหนด โดยความเห็น ของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ มาตรา ๒๓/๑ ในกรณีที่นำยทะเบียนสหกรณ์มีค้ำสั่งตำมมำตรำ ๒๒ (๓) ให้นำยทะเบียนสหกรณ์สั่งให้ ผู้ตรวจกำรสหกรณ์หรือพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ซึ่งนำยทะเบียนสหกรณ์มอบหมำยด้ำเนินกำรแทนคณะกรรมกำรเห็นชอบ ของคณะกรรมกำรพัฒนำกำรสหกรณ์แห่งชำติด้ำเนินกำรสหกรณ์เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องให้แล้วเสร็จ ตำมวิธีกำรและ ภำยในระยะเวลำที่นำยทะเบียนสหกรณ์ก้ำหนดและด้ำเนินกิจกำรแทนสหกรณ์นั น โดยให้ถือว่ำผู้ได้รับมอบหมำย ดังกล่ำวเป็นผู้แทนสหกรณ์ในกิจกำรอันเกี่ยวกับบุคคลภำยนอก จนกว่ำจะแก้ไขข้อบกพร่องนั นให้แล้วเสร็จโดยให้ ด้ำเนินกำรได้เท่ำที่จ้ำเป็น (๓) แต่งตั้งผู้สอบบัญชีตามมาตรา ๘๐ ผู้ตรวจการสหกรณ์ และผู้ช าระบัญชี
๖๘ (๔) ออกค าสั่งให้มีการตรวจสอบ หรือไต่สวนเกี่ยวกับการจัดตั้งการด าเนินงาน หรือฐานะการเงินของสหกรณ์ หรือให้จัดท าแผนปรับปรุงการด าเนินงานของสหกรณ์ (๕) สั่งให้ระงับการด าเนินงานทั้งหมด หรือบางส่วนของสหกรณ์ หรือให้เลิกสหกรณ์ ถ้าเห็นว่าสหกรณ์กระท า การ หรืองดเว้นกระท าการอันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์หรือสมาชิก (๖) ถอนชื่อสหกรณ์ออกจาก ทะเบียนสหกรณ์ (๗) จัดท ารายงานประจ าปีแยก ตามประเภทสหกรณ์เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ (๘) ออกระเบียบ หรือค าสั่ง เพื่อให้มีการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ และเพื่อประโยชน์ในการด าเนิน กิจการของสหกรณ์ (๙) กระท าการอื่นใดตามที่ พระราชบัญญัตินี้ก าหนดให้เป็นอ านาจหน้าที่ของนายทะเบียนสหกรณ์ หรือ ตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย บรรดาอ านาจของนายทะเบียนสหกรณ์ในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติหรือการด าเนินการอื่นใดตาม พระราชบัญญัตินี้ นายทะเบียนสหกรณ์อาจมอบอ านาจให้รองนายทะเบียนสหกรณ์ ผู้ตรวจการสหกรณ์ หรือ พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์มอบหมายให้ปฏิบัติการแทนได้ การมอบอ านาจตามวรรคสองให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๒๔ ในกรณีที่นายทะเบียนสหกรณ์สั่งให้คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์พ้นจากต าแหน่ง ทั้งคณะ ให้นายทะเบียนสหกรณ์ตั้งคณะกรรมการชั่วคราว มีอ านาจหน้าที่และสิทธิเช่นเดียวกับคณะกรรมการด าเนินการ สหกรณ์ และให้อยู่ในต าแหน่งไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่แต่งตั้ง ก่อนที่จะพ้นจากต าแหน่งให้คณะกรรมการชั่วคราวจัดให้มีการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกตั้งกรรมการขึ้นใหม่ทั้ง คณะตามวิธีการที่ก าหนดในข้อบังคับ มาตรา ๒๕ ในกรณีที่นายทะเบียนสหกรณ์สั่งให้กรรมการบางคนพ้นจากต าแหน่ง ให้คณะกรรมการ ส่วนที่ เหลือเรียกประชุมใหญ่เลือกตั้งผู้เป็นกรรมการแทนภายในเวลาสามสิบวัน นับแต่วันที่กรรมการพ้นจากต าแหน่ง ถ้า มิได้เลือกตั้งหรือเลือกตั้งผู้เป็นกรรมการไม่ได้ตามก าหนดเวลาให้นายทะเบียนสหกรณ์ตั้งสมาชิกเป็นกรรมการแทน ในการนี้ให้ผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งนั้นอยู่ในต าแหน่งกรรมารเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตน แทน ** ยกเลิกมาตรา ๒๖ ส่วนที่ ๔ กองทุนพัฒนาสหกรณ์ มาตรา ๒๗ ให้จัดตั้งกองทุนพัฒนาสหกรณ์ขึ้นในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียกโดยย่อว่า “กพส.” เพื่อ เป็นทุนส่งเสริมกิจการของสหกรณ์ ประกอบด้วยเงินและทรัพย์สินตามมาตรา ๒๘ มาตรา ๒๘ กพส. ประกอบด้วย (๑) เงินอุดหนุนที่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน (๒) เงินและทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้ (๓) เงินและทรัพย์สินที่ตกเป็นของ กพส. (๔) เงินที่ได้จากการจ าหน่ายทรัพย์สินที่ได้รับมาตาม (๒) และ (๓) (๕) ดอกผล รายได้ หรือประโยชน์อื่นใดของ กพส. เงินและทรัพย์สินของ กพส. ตามวรรคหนึ่งให้น าส่งเข้าบัญชี กพส. โดยไม่ต้องน าส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
๖๙ มาตรา ๒๙ การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์ การจัดการ และการจ าหน่าย ทรัพย์สินของ กพส. ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีก าหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพัฒนาการ สหกรณ์แห่งชาติ มาตรา ๓๐ ให้มีคณะกรรมการบริหาร กพส. ประกอบด้วย อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็น ประธานกรรมการ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมปศุสัตว์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้แทน กรมบัญชีกลาง ผู้แทนส านักงบประมาณ เป็นกรรมการโดยต าแหน่ง กรรมการอื่นซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้แทนของ สหกรณ์ประเภทละหนึ่งคนและผู้แทนกลุ่มเกษตรกรหนึ่งคน เป็นกรรมการ ให้รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ซึ่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์มอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ การเลือกผู้แทนของสหกรณ์และผู้แทนกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้รัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติก าหนด ให้คณะกรรมการบริหาร กพส. มีอ านาจหน้าที่บริหาร กพส. ตลอดจนตรวจสอบ ติดตามและประเมินผลงาน ของสหกรณ์ที่ได้รับการส่งเสริมกิจการจาก กพส. ตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดในระเบียบกรมส่งเสริมสหกรณ์ มาตรา ๓๑ ให้น าความในมาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ มาใช้บังคับแก่การด ารงต าแหน่งของกรรมการบริหาร กพส. ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้แทนของสหกรณ์และผู้แทนกลุ่มเกษตรกร โดยอนุโลม มาตรา ๓๒ ให้น าความในมาตรา ๑๓ มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะกรรมการบริหาร กพส. โดยอนุโลม หมวด ๓ สหกรณ์ ส่วนที่ ๑ การจัดตั้งและการจดทะเบียนสหกรณ์ มาตรา ๓๓ สหกรณ์จะตั้งขึ้นได้โดยการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้และต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของบรรดา สมาชิก โดยวิธีช่วยตนเองและช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันตามหลักการ สหกรณ์และต้อง (๑) มีกิจการร่วมกันตามประเภทของสหกรณ์ที่ขอจดทะเบียน (๒) มีสมาชิกเป็นบุคคลธรรมดาและบรรลุนิติภาวะ (๓) มีทุนซึ่งแบ่งเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่า ๆ กัน และสมาชิกแต่ละคนจะต้องถือหุ้นอย่างน้อยหนึ่งหุ้น แต่ไม่เกินหนึ่ง ในห้าของหุ้นที่ช าระแล้วทั้งหมด (๔) มีสมาชิกซึ่งมีคุณสมบัติตามที่ก าหนดในข้อบังคับภายใต้บทบัญญัติมาตรา ๔๓(๒) ประเภทของสหกรณ์ที่จะรับจดทะเบียนให้ก าหนดโดยกฎกระทรวง **ยกเลิก มาตรา ๓๓/๑ สหกรณ์ที่จะรับจดทะเบียนตามมาตรา ๓๓ แบ่งประเภทได้ดังต่อไปนี้ (๑) สหกรณ์การเกษตร (๒) สหกรณ์ประมง (๓) สหกรณ์นิคม (๔) สหกรณ์ร้านค้า (๕) สหกรณ์บริการ (๖) สหกรณ์ออมทรัพย์
๗๐ (๗) สหกรณ์เครดิตยูเนียน (๘) สหกรณ์อื่นตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง ลักษณะของสหกรณ์ที่จะรับจดทะเบียน วัตถุประสงค์และขอบเขตแห่งการด าเนินกิจการที่จะพึงด าเนินการได้ ของสหกรณ์แต่ละประเภทตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๓๔ ผู้ซึ่งประสงค์จะเป็นสมาชิกของสหกรณ์ที่จะขอจัดตั้งขึ้นต้องประชุมกันเพื่อ คัดเลือกผู้ที่มา ประชุมให้เป็นคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์จ านวนไม่น้อยกว่าสิบคน เพื่อด าเนินการจัดตั้งสหกรณ์ โดยให้คณะผู้จัดตั้ง สหกรณ์ด าเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) พิจารณาเลือกประเภทของสหกรณ์ที่จะจัดตั้งตามที่ก าหนดในกฎกระทรวงและพิจารณา ก าหนดวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ที่จะจัดตั้งนั้น (๒) ก าหนดแผนด าเนินการเกี่ยวกับธุรกิจหรือกิจกรรมของสหกรณ์ที่จะจัดตั้งขึ้นตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่นายทะเบียนสหกรณ์ก าหนด (๓) ท าบัญชีรายชื่อผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิกพร้อมด้วยจ านวนหุ้นที่แต่ละคนจะถือเมื่อจัดตั้งสหกรณ์แล้ว (๔) ด าเนินการร่างข้อบังคับภายใต้บังคับบทบัญญัติมาตรา ๔๓ และเสนอให้ที่ประชุมผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิก พิจารณาก าหนดเป็นข้อบังคับของสหกรณ์ ที่จะจัดตั้งขึ้น มาตรา ๓๕ การขอจดทะเบียนสหกรณ์ ให้คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ลงลายมือชื่อในค าขอจดทะเบียนตามแบบที่ นายทะเบียน สหกรณ์ก าหนด ยื่นต่อนายทะเบียนสหกรณ์พร้อมเอกสาร ดังต่อไปนี้ (๑) ส าเนารายงานการประชุมตามมาตรา ๓๔ จ านวนสองชุด (๒) แผนด าเนินการตามมาตรา ๓๔ (๒) จ านวนสองชุด (๓) บัญชีรายชื่อผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิกพร้อมลายมือชื่อและจ านวนหุ้นที่แต่ละคนจะถือเมื่อจัดตั้งสหกรณ์แล้ว จ านวนสองชุด (๔) ข้อบังคับตามมาตรา ๓๔(๔) จ านวนสี่ชุด มาตรา ๓๖ นายทะเบียนสหกรณ์ รองนายทะเบียนสหกรณ์ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์ มอบหมาย มีอ านาจออกค าสั่งเป็นหนังสือให้บุคคลใด ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง หรือให้ส่งเอกสารมาเพื่อ ประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการรับจดทะเบียนสหกรณ์ได้ ในการพิจารณารายการที่เกี่ยวกับค าขอ หรือรายการในข้อบังคับของสหกรณ์ที่จะจัดตั้งขึ้น ถ้านายทะเบียน สหกรณ์เห็นว่ารายการดังกล่าวไม่ถูกต้อง หรือยังมิได้ด าเนินการตามมาตรา ๓๔ นายทะเบียนสหกรณ์มีอ านาจสั่งให้ คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์แก้ไข หรือด าเนินการให้ถูกต้องได้ มาตรา ๓๗ เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า สหกรณ์ตามที่ขอจดทะเบียน มีวัตถุประสงค์ตาม มาตรา ๓๓ ค าขอจดทะเบียนมีเอกสารครบถ้วนถูกต้องตามมาตรา ๓๕ และการจัดตั้งสหกรณ์ตามที่ขอจดทะเบียน จะไม่เสียหายแก่ระบบสหกรณ์ให้นาย ทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียนและออกใบส าคัญรับจดทะเบียนให้แก่สหกรณ์ นั้น ให้สหกรณ์ที่ได้จดทะเบียนแล้วมีฐานะเป็นนิติบุคคล มาตรา ๓๘ ในกรณีที่นายทะเบียนสหกรณ์มีค าสั่งไม่รับจดทะเบียนให้แจ้งค าสั่งพร้อมด้วยเหตุผลเป็นหนังสือ ไปยังคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์โดยไม่ชักช้า คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์มีสิทธิยื่นค าอุทธรณ์ค าสั่งไม่รับจดทะเบียนต่อคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ โดยยื่นค าอุทธรณ์ต่อนายทะเบียนสหกรณ์ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งค าสั่ง ค าวินิจฉัยของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติให้เป็นที่สุด **ยกเลิก
๗๑ มาตรา ๓๙ เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียนสหกรณ์แล้ว ให้คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ มีอ านาจหน้าที่และ สิทธิเช่นเดียวกับคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์นั้นจนกว่าจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ตาม มาตรา ๔๐ ให้ผู้ซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้จะเป็นสมาชิกตามมาตรา ๓๔๓) เป็นสมาชิกสหกรณ์ตั้งแต่วันที่นายทะเบียน สหกรณ์รับจดทะเบียนสหกรณ์และได้ ช าระค่าหุ้นตามจ านวนที่จะถือครบถ้วนแล้ว ในกรณีที่มีผู้ขอเข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์ภายหลังวันที่นายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียนสหกรณ์ ให้ถือว่าเป็น สหกรณ์รับจดทะเบียนสหกรณ์และได้ ช าระค่าหุ้นตามจ านวนที่จะถือครบถ้วนแล้ว มาตรา ๔๐ ให้คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์นัดสมาชิกมาประชุมกันเป็นการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรก ภายในเก้าสิบ วันนับแต่วันที่จดทะเบียนสหกรณ์ เพื่อตั้งคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์และมอบหมายการทั้งปวงให้แก่ คณะกรรมการ ด าเนินการสหกรณ์ มาตรา ๔๑ ให้นายทะเบียนสหกรณ์ประกาศก าหนดประเภทของสหกรณ์ที่สหกรณ์ตามมาตรา ๓๓/๑ อาจ รับสมาชิกสมทบได้ สมาชิกสมทบต้องมีความสัมพันธ์กับสหกรณ์หรือสมาชิกสหกรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียนสหกรณ์ ประกาศก าหนด คุณสมบัติอื่น วิธีรับสมัคร และการขาดจากสมาชิกภาพ ตลอดจนสิทธิและหน้าที่ของสมาชิกสมทบ ให้เป็นไป ตามที่ก าหนดไว้ในข้อบังคับโดยความเห็นชอบของนายทะเบียนสหกรณ์ ห้ามมิให้สหกรณ์ให้สิทธิแก่สมาชิกสมทบในการนับชื่อของสมาชิกสมทบเข้าเป็นองค์ประชุมในการประชุม ใหญ่การออกเสียงในเรื่องใด ๆ หรือเป็นกรรมการด าเนินการ หรือกู้ยืมเงินเกินกว่าเงินฝากและทุนเรือนหุ้นของ ตนเองจากสหกรณ์ มาตรา ๔๒ ในการช าระค่าหุ้น สมาชิกจะน าค่าหุ้นหักกลบลบหนีกับสหกรณ์ไม่ได้และสมาชิกมีความรับผิด เพียง ไม่เกินจ านวนเงินค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าหุ้นที่ตนถือ ในระหว่างที่สมาชิกภาพของสมาชิกยังไม่สิ้นสุดลง ห้ามมิให้เจ้าหนี้ของสมาชิกใช้สิทธิเรียกร้องหรืออายัดค่า หุ้นของสมาชิกผู้นั้น และ เมื่อสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง สหกรณ์มีสิทธิ์น าเงินตามมูลค่าหุ้นที่สมาชิกมีอยู่มา หักกลบลบหนี้ที่สมาชิก ผูกพันต้องช าระหนี้แก่สหกรณ์ได้ และให้สหกรณ์มีสถานะเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิพิเศษเหนือ เงินค่าหุ้นนั้น มาตรา ๔๒/๑ เมื่อสมำชิกได้ท้ำควำมยินยอมเป็นหนังสือไว้กับสหกรณ์ ให้ผู้บังคับบัญชำในหน่วยงำนของรัฐ หรือนำยจ้ำงในสถำนประกอบกำร หรือหน่วยงำนอื่นใดที่สมำชิกปฏิบัติหน้ำที่อยู่หักเงินเดือนหรือค่ำจ้ำง หรือเงินอื่น ใด ที่ถึงก้ำหนดจ่ำยแก่สมำชิกนั น เพื่อช้ำระหนี หรือภำระผูกพันอื่นที่มีต่อสหกรณ์ ให้แก่สหกรณ์ตำมจ้ำนวนที่ สหกรณ์แจ้งไป ให้หน่วยงำนนั นหักเงินดังกล่ำวและส่งเงินที่หักไว้นั นให้แก่สมำชิกโดยพลัน กำรแสดงเจตนำยินยอมตำมวรรคหนึ่ง มิอำจจะถอนคืนได้ เว้นแต่สหกรณ์จะให้ควำมยินยอมกำร หักเงินตำม วรรคหนึ่ง ต้องหักให้สหกรณ์เป็นล้ำดับแรก ถัดจำกหนีภำษีอำกรและกำรหักเงินเข้ำกองทุนที่สมำชิกต้องถูกหักตำม กฎหมำยว่ำ ด้วยกองทุนบ้ำเหน็จบ้ำนำญข้ำรำชกำร กฎหมำยว่ำด้วยกองทุนส้ำรองเลี ยงชีพ กฎหมำยว่ำด้วยกำร คุ้มครองแรงงำน และกฎหมำยว่ำด้วยกำรประกันสังคม มาตรา ๔๒/๒ สมำชิกอำจท้ำหนังสือตั งบุคคลหนึ่งหรือหลำยคนเป็นผู้รับโอนประโยชน์ในเงินค่ำ หุ้น เงินฝำก หรือเงินอื่นใดจำกสหกรณ์เมื่อตนถึงแก่ควำมตำย โดยมอบไว้ให้แก่สหกรณ์เป็นหลักฐำน
๗๒ ส่วนที่ ๒ ข้อบังคับและการแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๔๓ ข้อบังคับของสหกรณ์อย่างน้อยต้องมีรายการ ดังต่อไปนี้ (๑) ชื่อสหกรณ์ ซึ่งต้องมีค าว่า “จ ากัด” อยู่ท้ายชื่อ (๒) ประเภทของสหกรณ์ (๓) วัตถุประสงค์ (๔) ที่ตั้งส านักงานใหญ่และที่ตั้งส านักงานสาขา (๕) ทุนซึ่งแบ่งเป็นหุ้น มูลค่าของหุ้น การช าระค่าหุ้นด้วยเงินหรือทรัพย์สินอื่น การขาย และการโอนหุ้น ตลอดจนการจ่ายคืนค่าหุ้น (๖) ข้อก าหนดเกี่ยวกับการด าเนินงาน การบัญชี และการเงินของสหกรณ์ (๗) คุณสมบัติของสมาชิก วิธีรับสมาชิก การขาดจากสมาชิกภาพ ตลอดจนสิทธิหน้าที่ของสมาชิก (๘) ข้อก าหนดเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ (๙) การเลือกตั้ง การด ารงต าแหน่ง การพ้นจากต าแหน่งและการประชุมของคณะกรรมการด าเนินการ สหกรณ์ (๑๐) การแต่งตั้ง การด ารงต าแหน่ง การพ้นจากต าแหน่ง การก าหนดอ านาจหน้าที่และความรับผิดชอบของ ผู้จัดการ มาตรา ๔๔ การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ จะกระท าได้ก็แต่โดยมติของที่ประชุมใหญ่ และต้องน าข้อบังคับที่ได้ แก้ไขเพิ่มเติมไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนสหกรณ์ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ เมื่อนาย ทะเบียนสหกรณ์ได้จดทะเบียนแล้ว ให้มีผลใช้บังคับได้ ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับโดยการเปลี่ยนชื่อสหกรณ์ ให้สหกรณ์คืนใบส าคัญรับจดทะเบียน และ ให้นายทะเบียนสหกรณ์ออกใบส าคัญรับจดทะเบียนการเปลี่ยนชื่อให้แก่สหกรณ์ ด้วย การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับและการเปลี่ยนชื่อของสหกรณ์นั้น ย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิ หรือความรับ ผิดใด ๆ ของสหกรณ์ ให้น าความในมาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๘ มาใช้บังคับแก่การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับโดยอนุโลม มาตรา ๔๕ ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการตีความในข้อบังคับ ให้สหกรณ์ขอค าวินิจฉัยจากนายทะเบียน สหกรณ์และให้สหกรณ์ถือปฏิบัติตามค าวินิจฉัยนั้น ส่วนที่ ๓ การด าเนินงานของสหกรณ์ มาตรา ๔๖ เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ให้สหกรณ์มีอ านาจกระท าการ ดังต่อไปนี้ได้ (๑) ด าเนินธุรกิจ การผลิต การค้า การบริการ และอุตสาหกรรม เพื่อประโยชน์ของสมาชิก (๒) ให้สวัสดิการหรือการสงเคราะห์ตามสมควรแก่สมาชิกและครอบครัว (๓) ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่สมาชิก (๔) ขอหรือรับความช่วยเหลือทางวิชาการจากทางราชการ หน่วยงานของต่างประเทศ หรือบุคคลอื่นใด
๗๓ (๕) รับฝากเงินประเภทออมทรัพย์หรือประเภทประจ าจากสมาชิกหรือสหกรณ์อื่น หรือสมาคมฌาปนกิจ สงเคราะห์ซึ่งมีสมาชิกของสมาคมนั้นไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ผู้รับฝากเงิน หรือนิติบุคคลซึ่งมี บุคลากรหรือลูกจ้างไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของนิติบุคคลนั้น เป็นสมาชิกของสหกรณ์ผู้รับฝากเงิน ทั้งนี้ตามระเบียบของ สหกรณ์ที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนสหกรณ์ (๖) ให้กู้ ให้สินเชื่อ ให้ยืม ให้เช่า ให้เช่าซื้อ โอน รับจ านองหรือรับจ าน า ซึ่งทรัพย์สินแก่สมาชิกหรือของ สมาชิก (๗) จัดให้ได้มา ซื้อ ถือกรรมสิทธิ์หรือทรัพยสิทธิ ครอบครอง กู้ยืม เช่า เช่าซื้อ รับโอนสิทธิการเช่าหรือสิทธิ การเช่าซื้อ จ านอง หรือจ าน า ขาย หรือจ าหน่ายด้วยวิธีอื่นใดซึ่งทรัพย์สิน (๘) ให้สหกรณ์อื่นกู้ยืมเงินได้ตามระเบียบของสหกรณ์ที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนสหกรณ์ (๙) ด าเนินกิจการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับ หรือเนื่องในการจัดให้ส าเร็จตามวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ มาตรา ๔๗ การกู้ยืมเงินหรือการค้ าประกันของสหกรณ์ จะต้องจ ากัดอยู่ภายในวงเงินที่นายทะเบียนสหกรณ์ เห็นชอบ มาตรา ๔๘ ให้สหกรณ์ด ารงสินทรัพย์สภาพคล่องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๔๙ การรับเงินอุดหนุน หรือทรัพย์สินจากทางราชการ หน่วยงานของต่างประเทศหรือบุคคลอื่นใด ถ้าการให้เงินอุดหนุนหรือทรัพย์สินนั้น ก าหนดไว้เพื่อการใดให้ใช้เพื่อการนั้น แต่ถ้ามิได้ก าหนดไว้ ให้จัดสรรเงิน อุดหนุนหรือทรัพย์สินนั้นเป็นทุนส ารองของสหกรณ์ มาตรา ๕๐ ให้สหกรณ์มีคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ ประกอบด้วย ประธานกรรมการหนึ่งคน และ กรรมการอื่นอีกไม่เกินสิบสี่คนซึ่งที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งจากสมาชิก คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ มีวาระอยู่ในต าแหน่งคราวละสองปีนับแต่วันเลือกตั้ง ในวาระเริ่มแรกเมื่อ ครบหนึ่งปีนับแต่วันเลือกตั้ง ให้กรรมการด าเนินการสหกรณ์ออกจากต าแหน่งเป็นจ านวนหนึ่งในสองของกรรมการ ด าเนินการสหกรณ์ทั้งหมดโดยวิธีจับฉลาก และให้ถือว่าเป็นการพ้นจากต าแหน่งตามวาระ กรรมการด าเนินการสหกรณ์ ซึ่งพ้นจากต าแหน่งอาจได้รับเลือกตั้งอีกได้ แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน ในกรณีที่มีการเลือกตั้งกรรมการด าเนินการสหกรณ์แทนต าแหน่งที่ว่างให้ กรรมการ ด าเนินการสหกรณ์ที่ ได้รับเลือกตั้งอยู่ในต าแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ที่ตนแทน มาตรา ๕๑ ให้คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์เป็นผู้ด าเนินกิจการ และเป็นผู้แทนสหกรณ์ในกิจการอัน เกี่ยวกับบุคคลภายนอก เพื่อการนี้คณะกรรมการต่าเนินการสหกรณ์จะมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่งหรือหลายคน หรือผู้จัดการท าการแทนก็ได้ มาตรา ๕๑/๑ ในการด าเนินกิจการของสหกรณ์ คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ กรรมการ หรือผู้จัดการ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ขอบเขตแห่งการด าเนินกิจการที่จะพึงด าเนินการได้ของ สหกรณ์ ข้อบังคับของสหกรณ์ และมติที่ประชุมใหญ่ ทั้งนี้ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ ของสหกรณ์หรือสมาชิก มาตรา ๕๑/๒ คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ กรรมการ หรือผู้จัดการ ต้องรับผิดร่วมกันในความเสียหาย ต่อสหกรณ์ในกรณีดังต่อไปนี้ (๑) แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ (๒) ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามค าสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ (๓) ด าเนินกิจการนอกขอบวัตถุประสงค์ หรือขอบเขตแห่งการด าเนินกิจการ ที่จะพึ่งด าเนินการได้ของ สหกรณ์
๗๔ เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ผู้ใดมีส่วนร่วมในการกระท าของคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ กรรมการ หรือ ผู้จัดการ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์ เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ผู้นั้นต้องรับผิดร่วมกันกับคณะกรรมการ ด าเนินการสหกรณ์ กรรมการ หรือผู้จัดการ ในความเสียหายต่อสหกรณ์ มาตรา ๕๑/๓ คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ กรรมการ หรือผู้จัดการ ไม่ต้องรับผิดตามมาตรา ๕๑/๒ใน กรณีดังต่อไปนี้ (๑) พิสูจน์ได้ว่าตนมิได้ร่วมกระท าการอันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์ (๒) ได้คัดค้านในที่ประชุมคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์โดยปรากฏในรายงานการประชุมหรือได้ท าค า คัดค้านเป็นหนังสือยื่นต่อประธานที่ประชุมภายในสามวันนับแต่สิ้นสุดการประชุม มาตรา ๕๒ ห้ามมิให้บุคคลซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นหรือท าหน้าที่กรรมการหรือผู้จัดการ (๑) เคยได้รับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่เป็นโทษส าหรับความผิดที่ได กระท าโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๒) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ องค์การหรือหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ฐานทุจริตต่อหน้าที่ (๓) เคยถูกให้พ้นจากต าแหน่งกรรมการหรือมีค าวินิจฉัยเป็นที่สุดให้พ้นจากต าแหน่งกรรมการตามมาตรา ๒๒ (๔) (๔) เคยถูกที่ประชุมใหญ่มีมติให้ถอดถอนออกจากต าแหน่งกรรมการเพราะเหตุทุจริตต่อหน้าที่ (๕) เคยถูกสั่งให้พ้นจากต าแหน่งกรรมการหรือผู้จัดการตามมาตรา ๘๔/๓ วรรคสอง (๖) เป็นกรรมการหรือผู้จัดการในสหกรณ์ที่ถูกสั่งเลิกตามมาตรา ๘๔/๓ วรรคสอง (๗) เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบที่นายทะเบียนสหกรณ์ก าหนด มาตรา ๕๓ ให้สหกรณ์มีผู้ตรวจสอบกิจการ ซึ่งที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งจากสมาชิกหรือบุคคลภายนอก เพื่อ ด าเนินการตรวจสอบกิจการของสหกรณ์แล้วท ารายงานเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ จ านวน คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วิธีการรับสมัคร และการขาดจากการเป็นผู้ตรวจสอบกิจการ ตลอดจนอ านาจหน้าที่ของผู้ตรวจสอบกิจการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่นายทะเบียนสหกรณ์ก าหนด โดยอาจก าหนดให้แตกต่างกันตามขนาดและประเภทของสหกรณ์ก็ได้ มาตรา ๕๔ ให้คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์เรียกประชุมใหญ่สามัญปีละหนึ่งครั้งภายในหนึ่งร้อยห้าสิบ วันนับแต่วันสิ้นปีทางบัญชีของสหกรณ์นั้น มาตรา ๕๖ สหกรณ์ใดมีสมาชิกเกินกว่าห้าร้อยคน จะก าหนดในข้อบังคับให้มีการประชุมใหญ่โดยผู้แทน สมาชิกก็ได้ จ านวนผู้แทนสมาชิกจะมีน้อยกว่าหนึ่งร้อยคนไม่ได้ วิธีการเลือกตั้งผู้แทนสมาชิก จ านวนผู้แทนสมาชิกและการด ารงต าแหน่งให้เป็นไปตามที่ก าหนดในข้อบังคับ มาตรา ๕๗ การประชุมใหญ่ของสหกรณ์ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวน สมาชิก ทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคนในกรณีเป็นการประชุมใหญ่โดยผู้แทน สมาชิก ต้องมีผู้แทนสมาชิกมาประชุมไม่ น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนผู้แทนสมาชิกทั้ง หมดหรือไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคน จึงจะเป็นองค์ประชุม ในการประชุมใหญ่ สมาชิกหรือผู้แทนสมาชิกจะมอบอ านาจให้ผู้อื่นมาประชุมแทนตนไม่ได้ มาตรา ๕๘ ในการประชุมใหญ่ของสหกรณ์ ถ้าสมาชิกหรือผู้แทนสมาชิกแล้วแต่กรณี มาประชุมไม่ครบองค์ ประชุม ให้นัดประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่งภายในสิบวันนับแต่วันที่นัดประชุมใหญ่ ครั้งแรก ในการประชุมครั้งหลังนี้ ถ้า มิใช่การประชุมใหญ่วิสามัญที่สมาชิกหรือผู้แทนสมาชิกร้องขอให้เรียก ประชุมแล้ว เมื่อมีสมาชิกหรือผู้แทนสมาชิก
๗๕ แล้วแต่กรณีมาประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจ านวนสมาชิกหรือผู้แทนสมาชิก ทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่าสามสิบ คนก็ให้ถือว่าเป็นองค์ประชุม มาตรา ๕๙ สมาชิกหรือผู้แทนสมาชิกคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมใหญ่ให้ถือเสียงข้าง มาก เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้ให้ถือเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจ านวนสมาชิกหรือผู้แทนสมาชิกซึ่งมาประชุม (๑) การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ (๒) การควบสหกรณ์ (๓) การแยกสหกรณ์ (๔) การเลิกสหกรณ์ (๕) การอื่นใดที่ข้อบังคับก าหนดให้ใช้เสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจ านวนสมาชิกหรือผู้แทนสมาชิกซึ่งมา ประชุม มาตรา ๖๐ ในการจัดสรรก าไรสุทธิประจ าปีของสหกรณ์ ให้จัดสรรเป็นทุนส ารองไม่น้อยกว่าร้อยละสิบของ ก าไรสุทธิและเป็นค่าบ ารุงสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยตามอัตราที่ก าหนดในกฎกระทรวง แต่ต้องไม่เกินร้อย ละห้าของก าไรสุทธิ ก าไรสุทธิประจ าปีที่เหลือจากการจัดสรรเป็นทุนส ารองและค่าบ ารุงสันนิบาต สหกรณ์แห่งประเทศไทย ที่ ประชุมใหญ่อาจจัดสรรได้ภายใต้ข้อบังคับ ดังต่อไปนี้ (๑)จ่ายเป็นเงินปันผลตามหุ้นที่ช าระแล้ว แต่ต้องไม่เกินอัตราที่ก าหนดในกฎกระทรวง ส าหรับสหกรณ์แต่ละ ประเภท (๒) จ่ายเป็นเงินเฉลี่ยคืนให้แก่สมาชิกตามส่วนธุรกิจที่สมาชิกได้ท าไว้กับสหกรณ์ในระหว่างปี (๓) จ่ายเป็นเงินโบนัสแก่กรรมการและเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ไม่เกินร้อยละสิบของก าไรสุทธิ (๔) จ่ายเป็นทุนสะสมไว้ เพื่อด าเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดของสหกรณ์ตามที่ก าหนดในข้อบังคับ มาตรา ๖๑ ทุนส ารองตามมาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง จะถอนจากบัญชีทุนส ารองได้เพื่อชดเชยการขาดทุนหรือ เพื่อจัดสรรเข้าบัญชีเงิน ส ารองให้แก่สหกรณ์ใหม่ที่ได้จดทะเบียนแบ่งแยกจากสหกรณ์เดิมตามมาตรา ๑๐๐ มาตรา ๖๒ เงินของสหกรณ์นั้น สหกรณ์อาจฝากหรือลงทุนได้ ดังต่อไปนี้ (๑) ฝากในชุมนุมสหกรณ์หรือสหกรณ์อื่น (๒) ฝากในธนาคาร หรือฝากในสถาบันการเงินที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สหกรณ์ (๓) ซื้อหลักทรัพย์ของรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ (๔) ซื้อหุ้นของธนาคารที่วัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สหกรณ์ (๕) ซื้อหุ้นของชุมนุมสหกรณ์หรือสหกรณ์อื่น (๖) ซื้อหุ้นของสถาบันที่ประกอบธุรกิจอันท าให้เกิดความสะดวกหรือส่งเสริมความเจริญแก่กิจการของ สหกรณ์โดยได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนสหกรณ์ (๗) ฝากหรือลงทุนอย่างอื่นตามที่คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติก าหนด มาตรา ๖๓ ให้สหกรณ์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการขายหรือแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรที่ สมาชิกผลิตขึ้น พิจารณาซื้อหรือรวบรวมผลิตผลจากสมาชิกก่อนผู้อื่น มาตรา ๖๔ ให้สหกรณ์จัดท าทะเบียน ดังต่อไปนี้ (๑) ทะเบียนสมาชิกซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายการ (ก) ชื่อ ประเภท และที่ตั้งส านักงานของสหกรณ์
๗๖ (ข) ชื่อ สัญชาติ และที่อยู่ของสมาชิก (ค) วันที่เข้าเป็นสมาชิก (๒) ทะเบียนหุ้นซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายการ (ก) ชื่อ ประเภท และที่ตั้งส านักงานของสหกรณ์ (ข) ชื่อของสมาชิก งถือหุ้น มูลค่าหุ้น จ านวนหุ้น และเงินค่าหุ้นที่ช าระแล้ว (ค) วันทีถือหุ้น ให้สหกรณ์เก็บรักษาทะเบียนตาม (๑) และ (๒) ไว้ที่ส านักงานของสหกรณ์และให้ส่งส าเนาทะเบียนนั้นแก่ นายทะเบียนสหกรณ์ภายใน เก้าสิบวันนับแต่วันที่จดทะเบียน ให้สหกรณ์รายงานการเปลี่ยนแปลงรายการในทะเบียนต่อนายทะเบียนสหกรณ์ภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้น ปีทางบัญชีของสหกรณ์ มาตรา ๖๕ ให้สหกรณ์จัดให้มีการท าบัญชีตามแบบและรายการที่นายทะเบียนสหกรณ์ก าหนดให้ถูกต้องตาม ความเป็นจริง และเก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ที่ส านักงานสหกรณ์ภายในระยะเวลาที่นาย ทะเบียนสหกรณ์ก าหนด เมื่อมีเหตุต้องบันทึกรายการในบัญชีเกี่ยวกับกระแสเงินสดของสหกรณ์ให้บันทึกรายการในวันที่เกิดเหตุนั้น ส าหรับเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกระแสเงินสด ให้บันทึกรายการในสมุดบัญชีภายในสามวันนับแต่วันที่มีเหตุอันจะต้อง บันทึกรายการนั้น การลงรายการบัญชีต้องมีเอกสารประกอบการลงบัญชีที่สมบูรณ์โดยครบถ้วน มาตรา ๖๖ ให้สหกรณ์จัดท างบดุลอย่างน้อยครั้งหนึ่งทุกรอบสิบสองเดือนอนัจดัว เป็นรอบปีทางบัญชีของ สหกรณ์ งบดุลนั้นต้องมีรายการแสดงสินทรัพย์หนี้สิน และทุนของสหกรณ์กับ ทั้งบัญชีก าไรขาดทุนตามแบบ ที่นาย ทะเบียนสหกรณ์ก าหนด งบดุลนั้นต้องท าให้แล้วเสร็จและให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้วน าเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ ของ สหกรณ์ภายในหนึ่งร้อยหกสิบวัน นับแต่วันสิ้นปีทาง บัญชี มาตรา ๖๗ ให้สหกรณ์จัดท ารายงานประจ าปีแสดงผลการด าเนินงานของสหกรณ์เสนอต่อที่ประชุมใหญ่ใน คราวที่เสนองบการเงินประจ าปี และให้ส่งส าเนารายงานประจ าปีกับงบการเงินประจ าปีไปยังนายทะเบียนสหกรณ์ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการประชุม มาตรา ๖๘ ให้สหกรณ์เก็บรักษารายงานประจ าปีแสดงผลการด าเนินงานของสหกรณ์และงบการเงินประจ าปี พร้อมทั้งข้อบังคับและกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ไว้ที่ส านักงานของสหกรณ์เพื่อให้ สมาชิกขอตรวจดูได้ ส่วนที่๔ การสอบบัญชี มาตรา ๖๙ ให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์เป็นผู้สอบบัญชีของสหกรณ์ ในการนี้ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์อาจ แต่งตั้งผู้สอบบัญชีรับอนุญาต หรือบุคคลอื่นเป็นผู้สอบบัญชีของสหกรณ์ ตามขนาดของสหกรณ์ก็ได้ ทั้งนี้ ตาม ระเบียบที่อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ก าหนด การสอบบัญชีนั้น ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการสอบบัญชีและตามระเบียบที่อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ก าหนด
๗๗ ส่วนที่ ๕ การเลิกสหกรณ์ มาตรา ๗๐ สหกรณ์ย่อมเลิกด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ดังต่อไปนี้ (๑) มีเหตุตามที่ก าหนดในข้อบังคับ (๒) สหกรณ์มีจ านวนสมาชิกน้อยกว่าสิบคน (๓) ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้เลิก (๔) ล้มละลาย (๕) นายทะเบียนสหกรณ์สั่งให้เลิกตามมาตรา ๗๑ ให้สหกรณ์ที่เลิกตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) แจ้งให้นายทะเบียนสหกรณ์ทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เลิก ให้นายทะเบียนสหกรณ์ปิดประกาศการเลิกสหกรณ์ไว้ที่ส านักงานของสหกรณ์ที่ท าการ สหกรณ์อ าเภอ หรือ หน่วยส่งเสริมสหกรณ์ และที่ว่าการอ าเภอหรือส านักงานเขตแห่งท้องที่ที่สหกรณ์นั้นตั้งอยู่ มาตรา ๗๑ นายทะเบียนสหกรณ์มีอ านาจสั่งเลิกสหกรณ์ได้เมื่อปรากฏว่า (๑) สหกรณ์ไม่เริ่มด าเนินกิจการภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่จดทะเบียน หรือหยุดด าเนินกิจการติดต่อกันเป็น เวลาสองปีนับแต่วันที่หยุดด าเนินกิจการ (๒) สหกรณ์ไม่ส่งส าเนารายงานประจ าปีกับงบการเงินประจ าปีต่อนายทะเบียนสหกรณ์เป็นเวลาสามปี ติดต่อกัน (๓) สหกรณ์ไม่อาจด าเนินกิจการให้เป็นผลดี หรือการด าเนินกิจการของสหกรณ์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ สหกรณ์ หรือประโยชน์ส่วนรวม มาตรา ๗๒ สหกรณ์ที่ถูกสั่งเลิกตามมาตรา ๗๑ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ โดยท าเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนสหกรณ์ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับค าสั่ง และให้นายทะเบียนสหกรณ์ ส่งค าอุทธรณ์ต่อไปยังคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่ง ชาติโดยไม่ชักช้า ค าวินิจฉัยของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติให้เป็นที่สุด **ยกเลิก มาตรา ๗๓ เมื่อสหกรณ์ได้เลิกไปด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๗๐ ให้จัดการช าระบัญชีตาม บทบัญญัติในหมวด ๔ ว่าด้วยการช าระบัญชี หมวด ๔ การช าระบัญชี มาตรา ๗๔ การช าระบัญชีสหกรณ์ที่ล้มละลายนั้น ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย มาตรา ๗๕ การช าระบัญชีสหกรณ์ที่เลิกเพราะเหตุอื่นนอกจากล้มละลาย ให้ที่ประชุมใหญ่ตั้งผู้ช าระบัญชี โดยได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนสหกรณ์ขึ้นท าการช าระบัญชีสหกรณ์ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่เลิก สหกรณ์ หรือนับแต่วันที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ มีค าสั่งให้ยกอุทธรณ์ แล้วแต่กรณี ในกรณีที่ที่ประชุมใหญ่ไม่เลือกตั้งผู้ช าระบัญชีภายในก าหนดเวลาดังกล่าว หรือนายทะเบียนสหกรณ์ ไม่ให้ ความเห็นชอบในการเลือกตั้งผู้ช าระบัญชี ให้นายทะเบียนสหกรณ์ตั้งผู้ช าระบัญชีขึ้นท าการช าระบัญชีสหกรณ์ได้ เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์เห็นสมควรหรือเมื่อสมาชิกมีจ านวนไม่น้อยกว่าสองในสาม ของสมาชิกทั้งหมดร้อง ขอต่อนายทะเบียนสหกรณ์ นายทะเบียนสหกรณ์จะแต่งตั้งผู้ช าระบัญชีคนใหม่แทนผู้ช าระบัญชีซึ่งได้รับ เลือกตั้ง หรือซึ่งได้ตั้งไว้ก็ได้
๗๘ ให้นายทะเบียนสหกรณ์จดทะเบียนผู้ช าระบัญชีซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์ให้ความเห็น ชอบตามวรรคหนึ่ง หรือ ผู้ช าระบัญชีซึ่งได้รับแต่งตั้งตามวรรคสองหรือวรรคสาม และให้ปิดประกาศชื่อผู้ช าระบัญชีไว้ที่ส านักงานของสหกรณ์ นั้น ส านักงานสหกรณ์อ าเภอหรือหน่วยส่งเสริมสหกรณ์ และที่ว่าการอ าเภอหรือส านักงานเขตแห่งท้องที่ที่สหกรณ์ นั้นตั้งอยู่ภายในสิบ สี่วันนับแต่วันที่จดทะเบียนผู้ช าระบัญชี ผู้ช าระบัญชีอาจได้รับค่าตอบแทนตามที่นายทะเบียนสหกรณ์ก าหนด มาตรา ๗๖ สหกรณ์นั้นแม้จะได้เลิกไปแล้วก็ให้ฟังถือว่ายังคงด ารงอยู่ตราบเท่าเวลาที่จ าเป็นเพื่อการช าระ บัญชี มาตรา ๗๗ ให้ผู้ช าระบัญชีมีหน้าที่ช าระสะสางกิจการของสหกรณ์ จัดการช าระหนี้และจ าหน่ายทรัพย์สิน ของสหกรณ์นั้นให้เสร็จไป มาตรา ๗๘ เมื่อสหกรณ์เลิก ให้คณะกรรมการด าาเนินการสหกรณ์และเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์มีหน้าที่จัดการ รักษา ทรัพย์สินทั้งหมดของสหกรณ์ไว้จนกว่าผู้ช าระบัญชีจะเรียกให้ส่งมอบ ผู้ช าระบัญชีจะเรียกให้คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์หรือเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ ส่งมอบทรัพย์สินตาม วรรคหนึ่งพร้อมด้วยสมุดบัญชี เอกสาร และสิ่งอื่นเมื่อใดก็ได้ มาตรา ๗๙ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนสหกรณ์จดทะเบียนผู้ช าระบัญชีให้ผู้ช าระบัญชีประกาศ โฆษณาทางหนังสือพิมพ์รายวันอย่างน้อยสองวันติดต่อกัน หรือประกาศโฆษณาทางอื่นว่าสหกรณ์ได้เลิกและแจ้งเป็น หนังสือไปยังเจ้าหนี้ทุกคน ซึ่งมีชื่อปรากฏในสมุดบัญชี เอกสารของสหกรณ์หรือปรากฏจากทางอื่นเพื่อให้ทราบว่า สหกรณ์นั้นเลิก และให้เจ้าหนี้ยื่นค าทวงหนี้แก่ผู้ช าระบัญชี มาตรา ๘๐ ผู้ช าระบัญชีต้องท างบการเงินของสหกรณ์ ณ วันที่เลิกสหกรณ์ โดยไม่ชักช้า และให้นายทะเบียน สหกรณ์ตั้งผู้สอบบัญชีเพื่อตรวจสอบงบการเงินนั้น เมื่อผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นต่องบการเงินแล้วให้ผู้ช าระบัญชีเสนองบการเงิน ต่อที่ประชุมใหญ่เพื่ออนุมัติ แล้วเสนองบการเงินนั้นต่อนายทะเบียนสหกรณ์ ในกรณีที่การประชุมใหญ่ไม่ครบองค์ประชุม ให้ผู้ช าระบัญชีเสนองบการเงิน ต่อนายทะเบียนสหกรณ์เพื่อ อนุมัติผู้ช าระบัญชีต้องท างบดุลของสหกรณ์โดยไม่ชักช้า และให้นายทะเบียนสหกรณ์ตั้งผู้สอบบัญชีเพื่อตรวจสอบงบ ดุลนั้น มาตรา ๘๑ ผู้ช าระบัญชีมีอ านาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) ด าเนินกิจการของสหกรณ์เท่าที่จ าเป็นเพื่อระวังรักษาผลประโยชน์ของสหกรณ์ในระหว่างที่ยังช าระบัญชี ไม่เสร็จ (๒) ด าเนินกิจการของสหกรณ์เท่าที่จ าเป็นเพื่อช าระสะสางกิจการให้เสร็จไปด้วยดี (๓) เรียกประชุมใหญ่ (๔) ด าเนินการทั้งปวงเกี่ยวกับคดีแพ่งหรือคดีอาญา และประนีประนอมยอมความในเรื่องใด ๆ ในนามของ สหกรณ์ (๕) จ าหน่ายทรัพย์สินของสหกรณ์ (๖) เรียกให้สมาชิกหรือทายาทของสมาชิกผู้ตายช าระค่าหุ้นที่ยังช าระไม่ครบมูลค่าของหุ้นทั้งหมด (๗) ร้องขอต่อศาลเพื่อสั่งให้สหกรณ์ล้มละลายในกรณีที่เงินค่าหุ้นหรือเงินลงทุน ได้ใช้เสร็จแล้วแต่ทรัพย์สินยัง ไม่เพียงพอแก่การช าระหนี้สิน (๘) ด าเนินการอย่างอื่นเท่าที่จ าเป็นเพื่อให้การช าระบัญชีเสร็จสิ้น
๗๙ มาตรา ๘๒ ข้อจ ากัดอ านาจของผู้ช าระบัญชีอย่างใด ๆ ห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก ผู้กระท า การโดยสุจริต มาตรา ๘๓ ค่าธรรมเนียม ค่าภาระติดพัน และค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียตามสมควรในการช าระบัญชีนั้น ผู้ช าระ บัญชีต้องจัดการชาระก่อนหนี้รายอื่น มาตรา ๘๔ ถ้าเจ้าหนี้คนใดมิได้ทวงถามให้ช าระหนี้ ผู้ช าระบัญชีต้องวางเงินส าหรับจ านวนหนี้นั้นไว้ต่อนาย ทะเบียนสหกรณ์เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ และให้ผู้ช าระบัญชีมีหนังสือแจ้งการที่ได้วางเงินไปยังเจ้าหนี้โดยไม่ชักช้า ถ้าเจ้าหนี้ไม่รับเงินไปจนพ้นก าหนดสองปีนับแต่วันที่ผู้ช าระบัญชีวางเงินไว้ ต่อนายทะเบียนสหกรณ์ เจ้าหนี้ ย่อมหมดสิทธิในเงินจ านวนนั้น และให้นายทะเบียนสหกรณ์จัดส่งเป็นรายได้ของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ให้ เสร็จภายในเวลาอันสมควร มาตรา ๘๕ ให้ผู้ช าระบัญชีเสนอรายงานต่อนายทะเบียนสหกรณ์ทุกระยะหกเดือนว่าได้จัดการไป อย่าง ใดบ้างและแสดงให้เห็นความเป็นไปของบัญชีที่ช าระอยู่นั้นรายงานดังกล่าว ให้ท าตามแบบที่นายทะเบียนสหกรณ์ ก าหนด รายงานตามวรรคหนึ่งให้สมาชิก ทายาทของสมาชิกผู้ตาย และเจ้าหนี้ทั้งหลายของสหกรณ์ตรวจดูได้โดยไม่ ต้องเสียค่าธรรมเนียม ถ้าปรากฏข้อบกพร่องในการช าระบัญชี นายทะเบียนสหกรณ์มีอ านาจสั่งให้ผู้ช าระบัญชีแก้ไขข้อบกพร่อง และรายงานต่อนายทะเบียนสหกรณ์ภายในเวลาที่ก าหนด มาตรา ๘๖ เมื่อได้ช าระหนี้ของสหกรณ์แล้ว ถ้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่เท่าใดให้ผู้ช าระบัญชีจ่ายตามล าดับ ดังต่อไปนี้ (๑) จ่ายคืนเงินค่าหุ้นให้แก่สมาชิกไม่เกินมูลค่าหุ้นที่ช าระแล้ว (๒) จ่ายเป็นเงินปันผลตามหุ้นที่ช าระแล้วแต่ต้องไม่เกินอัตราที่นายทะเบียน สหกรณ์ก าหนดตามความ เห็นชอบของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติส าหรับสหกรณ์ แต่ละประเภท (๓) จ่ายเป็นเงินเฉลี่ยคืนให้แก่สมาชิกตามส่วนธุรกิจที่สมาชิกได้ท าไว้กับสหกรณ์ในระหว่างปีตามที่ก าหนดใน ข้อบังคับ ถ้ายังมีทรัพย์สินเหลืออยู่อีก ให้ผู้ช าระบัญชีโอนให้แก่สหกรณ์อื่น หรือสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ตาม มติของที่ประชุมใหญ่ หรือด้วยความเห็นชอบของนายทะเบียนสหกรณ์ในกรณีที่ไม่อาจเรียกประชุมใหญ่ได้ ภายใน สามเดือนนับแต่วันที่ช าระบัญชีเสร็จ มาตรา ๘๗ เมื่อได้ช าระบัญชีกิจการของสหกรณ์เสร็จแล้ว ให้ผู้ช าระบัญชีท ารายงานการช าระบัญชีพร้อมทั้ง รายการย่อของบัญชีที่ช าระนั้น แสดงว่าได้ด าเนินการช าระบัญชีและจัดการทรัพย์สินของสหกรณ์ไปอย่างใด รวมทั้ง ค่าใช้จ่ายในการช าระบัญชี และจ านวนทรัพย์สินที่จ่ายตามมาตรา ๘๖ เสนอต่อผู้สอบบัญชี เมื่อผู้สอบบัญชีตรวจสอบและรับรองบัญชีที่ช าระนั้นแล้ว ให้ผู้ช าระบัญชีเสนอต่อนายทะเบียนสหกรณ์ภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่ผู้สอบบัญชีรับรองบัญชีที่ช าระนั้น เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์เห็นชอบด้วยแล้ว ให้ถือว่าเป็น ที่สุดแห่งการช าระบัญชี และให้นายทะเบียนสหกรณ์ถอนชื่อสหกรณ์ออกจากทะเบียน มาตรา ๘๘ เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์ให้ความเห็นชอบในการช าระบัญชีตามมาตรา ๘๗ แล้ว ให้ผู้ช าระบัญชี มอบบรรดาสมุดบัญชีและเอกสารทั้งหลายของสหกรณ์ที่ได้ช าระบัญชีเสร็จแล้วนั้นแก่นายทะเบียนสหกรณ์ภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนสหกรณ์ให้ความเห็นชอบ ให้นายทะเบียนสหกรณ์รักษาสมุดบัญชีและเอกสารเหล่านี้ไว้อีกสองปี นับแต่วันที่ถอนชื่อสหกรณ์นั้นออกจาก ทะเบียน
๘๐ สมุดบัญชีและเอกสารตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีส่วนได้เสียตรวจดูได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม มาตรา ๘๙ ในคดีฟ้องเรียกหนี้สินที่สหกรณ์ สมาชิก หรือผู้ช าระบัญชีเป็นลูกหนี้อยู่ในฐานะเช่นนั้น ห้ามมิให้ ฟ้องเมื่อพ้นก าหนดสองปีนับแต่วันที่นายทะเบียนสหกรณ์ถอนชื่อสหกรณ์ ออกจากทะเบียน การด าเนินงานและการก ากับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน มาตรา ๘๙/๑ เว้นแต่จะได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในหมวดนี้ ให้การด าเนินงาน และการก ากับดูแลสหกรณ์ ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเป็นไปตามบทบัญญัติในหมวดอื่นด้วย หมวด ๔/๑ มาตรา ๘๙/๒ การด าเนินงานและการก ากับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในเรื่อง ดังต่อไปนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ อาจก าหนดให้แตกต่างกันไป ตามขนาดของสหกรณ์ก็ได้ (๑) การก าหนดขนาดของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน (๒) การกาหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอื่นของกรรมการด าเนินการสหกรณ์ และผู้จัดการ (๓) การก าหนดอ านาจหน้าที่ของคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ (๔) การให้กู้และการให้สินเชื่อ (๕) การรับฝากเงิน การก่อหนี้ และการสร้างภาระผูกพัน ซึ่งรวมถึงการกู้ยืม หรือการค้ าประกัน (๖) การด ารงเงินกองทุน (๗) การบริหารสินทรัพย์และการด ารงสินทรัพย์สภาพคล่อง (๘) การฝากเงินหรือการลงทุน (๙) การก ากับดูแลด้านธรรมาภิบาล (๑๐) การจัดชั้นสินทรัพย์และการกันเงินส ารอง (๑๑) การจัดท าบัญชี การจัดท าและการเปิดเผยงบการเงิน การสอบบัญชี และการแต่งตั้งผู้สอบบัญชี (๑๒) การจัดเก็บและรายงานข้อมูล (๑๓) เรื่องอื่น ๆ ที่จ าเป็นต่อการก ากับดูแล ในการออกกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกระทรวงการคลังและ ธนาคารแห่งประเทศไทย มาตรา ๘๔/๓ ในกรณีที่นายทะเบียนสหกรณ์เห็นว่าคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ กรรมการ หรือ ผู้จัดการของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนียนใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามความใน มาตรา ๘๙/๒ ให้นายทะเบียนสหกรณ์มีอ านาจสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่อง หรือระงับการด าเนินการนั้นได้ ในกรณีที่นายทะเบียนสหกรณ์เห็นว่าการกระท าตามวรรคหนึ่งนั้นอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ต่อสหกรณ์หรือสมาชิก ให้นายทะเบียนสหกรณ์มีอ านาจสั่งให้คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ กรรมการ หรือ ผู้จัดการนั้น พ้นจากต าแหน่ง หรือสั่งให้เลิกสหกรณ์ดังกล่าวได้ แล้วแต่กรณี และให้น ามาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ และ มาตรา ๗๓ มาใช้บังคับโดยอนุโลม มาตรา ๘๙/๔ เพื่อประโยชน์ในการก ากับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนียน ให้มี คณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการที่ปรึกษาการท ากับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยู เนียม ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้รับมอบหมาย
๘๑ เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย และ ผู้แทนส านักงานคณะกรรมการก ากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นกรรมการ ให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์แต่งตั้งข้าราชการในสังกัดกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นเลขานุการ และ ผู้ช่วยเลขานุการ ให้คณะกรรมการที่ปรึกษาการก ากับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน มีอ านาจหน้าที่ให้ ค าปรึกษาแนะน า เสนอมาตรการแก้ไขปัญหา และเสนอให้ปรับปรุงระเบียบหรือค่าสั่ง เกี่ยวกับการก ากับดูแล สหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนียนแก่นายทะเบียนสหกรณ์ ให้น ามาตรา ๑๓ มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะกรรมการที่ปรึกษาการก ากับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และ สหกรณ์เครดิตยูเนียนโดยอนุโลม หมวด ๕ การควบสหกรณ์เข้ากัน มาตรา ๙๐ สหกรณ์ตั้งแต่สองสหกรณ์อาจควบเข้ากันเป็นสหกรณ์เดียวได้ โดยมติแห่งที่ประชุมใหญ่ของแต่ ละสหกรณ์ และต้องได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนสหกรณ์ ในการขอความเห็นชอบของนายทะเบียนสหกรณ์ให้ส่งส าเนารายงานการประชุมใหญ่ของสหกรณ์ที่ลงมติให้ ควบเข้ากันไปด้วย มาตรา ๙๑ เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์ให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๙๐ แล้ว ให้สหกรณ์แจ้งเป็นหนังสือไปยัง เจ้าหนี้ทั้งปวงของสหกรณ์เพื่อให้ทราบรายการ ที่ประสงค์จะควบสหกรณ์เข้ากัน และขอให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านใน การควบสหกรณ์เข้ากันนั้นส่งค าคัดค้านไป ยังสหกรณ์ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ถ้าไม่มีเจ้าหนี้คัดค้านภายในก าหนดเวลาดังกล่าวนั้น ให้ถือว่าไม่มีค าคัดค้าน ถ้ามีเจ้าหนี้คัดค้าน สหกรณ์จะควบเข้ากันมิได้ จนกว่าจะได้ช าระหนี้แล้วได้ให้ประกันเพื่อหนี้รายนั้น มาตรา ๙๒ ให้คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ของแต่ละสหกรณ์ที่ควบเข้ากันตั้งผู้แทนขึ้น สหกรณ์ละไม่ เกินสามคนเพื่อด าเนินการจดทะเบียนตามมาตรา ๙๓ มาตรา ๙๓ สหกรณ์ที่ตั้งขึ้นใหม่โดยควบเข้ากันนั้น ต้องจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ใหม่ โดยยื่นค าขอจดทะเบียน ต่อนายทะเบียนสหกรณ์ตามแบบที่นายทะเบียนสหกรณ์ก าหนด ในค าขอจดทะเบียนสหกรณ์ใหม่ ต้องมีผู้แทนของสหกรณ์ที่ควบเข้ากันลงลายมือชื่ออย่างน้อยสหกรณ์ละสอง คนทุกสหกรณ์ ค าขอจดทะเบียนสหกรณ์ใหม่ ต้องมีเอกสารดังต่อไปนี้ยื่นพร้อมกับค าขอด้วย (๑) หนังสือของทุกสหกรณ์ที่ควบเข้ากันนั้นรับรองว่าได้แจ้งไปยังเจ้าหนี้ทั้งปวง ตามมาตรา ๙๑ วรรคหนึ่ง และไม่มีเจ้าหนี้คัดค้านภายในก าหนด หรือในกรณีที่มีเจ้าหนี้คัดค้านสหกรณ์ได้ช าระหนี้ หรือได้ให้ประกันเพื่อหนี้ รายนั้นแล้ว (๒) ข้อบังคับของสหกรณ์ใหม่ ขอจดทะเบียน ฉบับ (๓) ส าเนารายงานการประชุมผู้แทนของสหกรณ์ที่ควบเข้ากันหนึ่งฉบับ เอกสารตาม (๒) และ (๓) นั้น ผู้แทนของสหกรณ์ต้องลงลายมือชื่อรับรองสองคน มาตรา ๙๔ เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียนสหกรณ์ที่ควบเข้ากันเป็นสหกรณ์ใหม่แล้วให้นาย ทะเบียนสหกรณ์ถอนชื่อสหกรณ์เดิมที่ได้ควบเข้ากันนั้นออกจากทะเบียน ให้ผู้แทนของสหกรณ์ที่ควบเข้ากันมีอ านาจหน้าที่และสิทธิเช่นเดียวกับคณะ กรรมการด าเนินการสหกรณ์ จนกว่าจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ตาม มาตรา ๔๐
๘๒ . มาตรา ๙๕ สหกรณ์ใหม่นี้ย่อมได้ไปทั้งทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิ และความรับผิดของสหกรณ์เดิมที่ได้ควบเข้า กันนั้นทั้งสิ้น หมวด ๖ การแยกสหกรณ์ มาตรา ๙๖ การแยกสหกรณ์จะกระท ามิได้ แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเขตการปกครองท้องที่ หรือแบ่ง หน่วยงาน หรือสถานประกอบการ จะแยกสหกรณ์ก็ได้หากมีความจ าเป็นหรือมีเหตุให้ไม่สะดวกแก่การด าเนินงาน การแยกสหกรณ์ตามวรรคหนึ่งจะกระท าได้โดยสมาชิกของสหกรณ์นั้นจ านวนไม่น้อยกว่า หนึ่งในห้าของ จ านวนสมาชิกทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่าห้าร้อยคนลงลายมือชื่อท าหนังสือร้องขอแยกสหกรณ์ต่อคณะ กรรมการ ด าเนินการสหกรณ์ ให้คณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์เรียกประชุมใหญ่ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับค าร้องขอตามวรรค สอง เพื่อพิจารณาเรื่องการแยกสหกรณ์ ถ้าที่ประชุมใหญ่ได้มีมติเห็นชอบให้แยกสหกรณ์ให้พิจารณาแบ่งแยก ทรัพย์สิน ทุน ทุนส ารอง หนี้สิน สิทธิ และความรับผิดของสหกรณ์ตามวิธีการที่นายทะเบียนสหกรณ์ก าหนด การวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องต่าง ๆ ของที่ประชุมใหญ่ตามวรรคสาม ให้ถือเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจ านวน สมาชิกหรือผู้แทนสมาชิกที่มาประชุม ถ้าคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ไม่เรียกประชุมใหญ่ภายในก าหนดเวลาตามวรรคสาม ให้นายทะเบียน สหกรณ์มีอ านาจเรียกประชุมใหญ่ภายในระยะเวลาตามที่เห็นสมควร มาตรา ๙๗ ในกรณีที่ที่ประชุมใหญ่ได้มีมติไม่เห็นชอบให้แยกสหกรณ์ ถ้าสมาชิกซึ่งลงลายมือชื่อ ท าหนังสือ ร้องขอแยกสหกรณ์ตามมาตรา ๙๖ วรรคสอง พิจารณาแล้วไม่เห็นด้วยกับมติที่ประชุมใหญ่นั้น ให้สมาชิกดังกล่าว ทุกคนลงลายมือชื่อท าหนังสือถึงนายทะเบียนสหกรณ์ภายในก าหนด เวลาสามสิบวัน นับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ เพื่อให้นายทะเบียนสหกรณ์พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดว่าสมควรแยกสหกรณ์หรือไม่ และเมื่อนายทะเบียนสหกรณ์ วินิจฉัยชี้ขาดเป็นอย่างไรแล้วให้แจ้งค าวินิจฉัย ให้สหกรณ์ทราบ ค าวินิจฉัยของนายทะเบียนสหกรณ์ให้เป็นที่สุด มาตรา ๙๘ เมื่อที่ประชุมใหญ่ได้มีมติเห็นชอบตามมาตรา ๙๖ หรือนายทะเบียนสหกรณ์วินิจฉัยชี้ขาดให้แยก สหกรณ์ตามมาตรา ๙๗ แล้ว ให้สหกรณ์แจ้งมติที่ประชุมใหญ่ หรือค าวินิจฉัยของนายทะเบียนสหกรณ์เป็นหนังสือ ไปยังเจ้าหนี้ทั้งปวงของ สหกรณ์ เพื่อให้ทราบรายการที่ประสงค์จะแยกสหกรณ์ และให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านในการ แยกสหกรณ์นั้นส่งค าคัดค้านไปยังสหกรณ์ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง มาตรา ๙๙ สหกรณ์ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่โดยการแยกจากสหกรณ์เดิมนั้น ให้น าบทบัญญัติในหมวด ๓ ส่วนที่ ๑ ว่าด้วยการจดทะเบียนสหกรณ์มาใช้บังคับโดยอนุโลม ค าขอจดทะเบียนสหกรณ์ใหม่ ต้องยื่นพร้อมเอกสาร ดังต่อไปนี้ (๑) ส าเนาหนังสือร้องขอแยกสหกรณ์ และส าเนารายงานการประชุมใหญ่ที่ได้มีมติเห็นชอบให้แยกสหกรณ์ ตามมาตรา ๙๖ วรรคสี่ หรือส าเนาหนังสือนายทะเบียนสหกรณ์ซึ่งวินิจฉัยชี้ขาดให้แยกสหกรณ์ตามมาตรา ๙๗ แล้วแต่กรณี (๒) ส าเนาหนังสือของสหกรณ์ทุกฉบับที่แจ้งไปยังเจ้าหนี้ทั้งปวงของสหกรณ์ตามมาตรา ๙๘ (๓) หนังสือของสหกรณ์ที่รับรองว่าไม่มีเจ้าหนี้คัดค้านภายในก าหนด หรือส าเนาค าคัดค้านของเจ้าหนี้พร้อม ทั้งหลักฐานที่แสดงว่าสหกรณ์ได้ช าระหนี้ หรือได้ให้ประกันเพื่อหนี้รายนั้นแล้ว
๘๓ มาตรา ๑๐๐ บรรดาทรัพย์สิน ทุน ทุนส ารอง หนี้สิน สิทธิ และความรับผิดของสหกรณ์เดิมที่ที่ประชุมใหญ่ได้ มีมติให้แบ่งแยกตามมาตรา ๙๖ หรือนายทะเบียนสหกรณ์ได้มีค าวินิจฉัยชี้ขาดให้แบ่งแยกตามมาตรา ๔๗ แล้วแต่ กรณี ย่อมโอนไปให้แก่สหกรณ์ใหม่ตั้งแต่วันที่นายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียน หมวด ๗ ชุมนุมสหกรณ์ มาตรา ๑๐๑ สหกรณ์ตั้งแต่ห้าสหกรณ์ขึ้นไปที่ประสงค์จะร่วมกันด าเนินกิจการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ตาม วัตถุประสงค์ของสหกรณ์ที่เข้าร่วมกันนั้น อาจรวมกันจัดตั้งเป็นชุมนุมสหกรณ์ได้ ชุมนุมสหกรณ์ใดจะมีฐานะเป็นชุมนุมสหกรณ์ระดับภูมิภาคหรือระดับประเทศ จะต้องตั้งขึ้นโดยมี วัตถุประสงค์เพื่ออ านวยประโยชน์แก่บรรดาสหกรณ์ในภูมิภาคหรือทั่วประเทศที่เป็นสหกรณ์ประเภทเดียวกัน หรือ ต่างประเภทกัน เพื่อประอบธุรกิจของสหกรณ์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์ แห่งชาติก าหนด . มาตรา ๑๐๒ การจัดตั้งชุมนุมสหกรณ์จะกระท าได้ต่อเมื่อที่ประชุมใหญ่ของสหกรณ์แต่ละสหกรณ์ได้มีมติให้ เข้าร่วมในการจัดตั้งชุมนุมสหกรณ์นั้นได้ มาตรา ๑๐๓ ในการด าเนินการจัดตั้งชุมนุมสหกรณ์ ให้คณะกรรมการด าเนินการของแต่ละสหกรณ์ตั้งผู้แทน ขึ้นสหกรณ์ละหนึ่งคน ประกอบเป็นคณะผู้จัดตั้งชุมนุมสหกรณ์เพื่อด าเนินการจัดตั้งชุมนุมสหกรณ์ การจัดตั้งและการจดทะเบียนชุมนุมสหกรณ์ให้น าบทบัญญัติในหมวด ๓ ว่าด้วยสหกรณ์มาใช้บังคับโดย อนุโลม มาตรา ๑๐๔ การขอจดทะเบียนชุมนุมสหกรณ์นั้น ให้คณะผู้จัดตั้งชุมนุมสหกรณ์อย่างน้อยห้าคนลงลายมือ ชื่อยื่นค าขอต่อนายทะเบียนสหกรณ์ มาตรา ๑๐๕ ให้ชุมนุมสหกรณ์ที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคลและเป็นสหกรณ์ตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ให้ชุมนุมสหกรณ์มีอ านาจกระท าการได้ตามมาตรา ๔๖ และตามที่ก าหนดไว้ใน กฎกระทรวง ให้น าบทบัญญัติในหมวด ๓ หมวด ๔ หมวด ๔/๑ หมวด ๕ และหมวด ๖ มาใช้บังคับกับชุมนุมสหกรณ์โดย อนุโลม มาตรา ๑๐๕/๑ เพื่อส่งเสริมระบบสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของสมาชิกสหกรณ์ ให้ชุมนุมสหกรณ์ ระดับประเทศมีอ านาจร่วมกับสหกรณ์สมาชิกของตน จัดสวัสดิการและการสงเคราะห์ของสมาชิกสหกรณ์และ ครอบครัวตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่นายทะเบียนสหกรณ์ก าหนด มาตรา ๑๐๖ การประชุมใหญ่ชุมนุมสหกรณ์ให้ประกอบด้วยผู้แทนสหกรณ์ที่เป็นสมาชิกของชุมนุมสหกรณ์ ซึ่งคณะกรรมการด าเนินการของแต่ละสหกรณ์เลือกตั้งขึ้นสหกรณ์ละหนึ่งคน ตามที่ก าหนดในข้อบังคับของชุมนุม สหกรณ์ ในการประชุมต้องมีผู้แทนสหกรณ์มาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนผู้แทน สหกรณ์ทั้งหมด หรือไม่ น้อยกว่าหนึ่งร้อยคนแล้วแต่กรณี จึงจะเป็นองค์ประชุม ผู้แทนสหกรณ์คนหนึ่งให้มีเสียงในการลงคะแนนหนึ่งเสียง หรือจะให้มีเสียงเพิ่มขึ้นตามระบบสัดส่วน ตามที่ ก าหนดในข้อบังคับของชุมนุมสหกรณ์นั้นก็ได้ มาตรา ๑๐๗ ในการเลือกตั้งคณะกรรมการด าเนินการชุมนุมสหกรณ์ให้ที่ประชุมใหญ่ชุมนุม สหกรณ์เลือกตั้ง จากผู้แทนสหกรณ์ที่เป็นสมาชิกของชุมนุมสหกรณ์เป็นกรรมการ ตามจ านวนหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก าหนดใน ข้อบังคับของชุมนุมสหกรณ์
๘๔ หมวด ๘ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย มาตรา ๑๐๘ ให้มี “สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย” ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสหกรณ์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมกิจการสหกรณ์ทุกประเภททั่วราชอาณาจักร ให้มีความเจริญก้าวหน้าอันมิใช่เป็นการหาผลก าไร หรือ รายได้มาแบ่งปันกัน มาตรา ๑๐๙ ให้สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยเป็นนิติบุคคลสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยมี ส านักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร และจะตั้งส านักงานสาขาขึ้น ณ ที่อื่นใดก็ได้ มาตรา ๑๑๐ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย มีอ านาจกระท าการต่าง ๆ ภายในขอบวัตถุประสงค์ตามที่ ระบุไว้ในมาตรา ๑๐๘ และอ านาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง (๑) ส่งเสริมและเผยแพร่กิจการสหกรณ์ ตลอดจนท าการวิจัยและรวบรวมสถิติเกี่ยวกับกิจการสหกรณ์ (๒) แนะน าช่วยเหลือทางวิชาการแก่สหกรณ์ และอ านวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานระหว่าง สหกรณ์กับส่วนราชการหรือบุคคลอื่น (๓) ให้การศึกษาฝึกอบรมวิชาการเกี่ยวกับกิจการของสหกรณ์ (๔) ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างสหกรณ์ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ หรือสันนิบาตสหกรณ์ของ ต่างประเทศ หรือองค์การต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์ท านองเดียวกัน (๕) ซื้อ จัดหา จ าหน่าย ถือกรรมสิทธิ์ ครอบครอง หรือท านิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินใด ๆ (๖) ส่งเสริมธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม หรือบริการของสหกรณ์ (๗) สนับสนุนและช่วยเหลือสหกรณ์เพื่อแก้ไขอุปสรรคข้อขัดข้องที่เกี่ยวกับกิจการของสหกรณ์ ซึ่งเป็นการ กระท าเพื่อประโยชน์ส่วนรวม (๘) เป็นตัวแทนของสหกรณ์เพื่อรักษาผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้จากการสนับสนุนของรัฐ องค์การระหว่าง ประเทศ หรือภาคเอกชนอื่นเป็นตัวแทนของสหกรณ์ (๙) ร่วมมือกับรัฐบาลในการส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่บรรดาสหกรณ์อย่างแท้จริง (๑๐) ด าเนินการอื่นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หรือตามที่คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ มอบหมาย มาตรา ๑๑๑ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยอาจมีรายได้ ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าบ ารุงสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (๒) เงินอุดหนุนจากรัฐบาล (๓) ดอกผลที่เกิดจากทุนกลางของสหกรณ์ไม่จ ากัดตามมาตรา 4 (๔) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ (๕) เงินหรือทรัพย์สินที่เหลือจากการช าระบัญชีสหกรณ์ตามมาตรา ๘๔ และมาตรา ๘๖ วรรคสอง (๖) เงินที่ได้จากการจ าหน่ายหนังสือวิชาการ เอกสาร หรือสิ่งอื่น (๗) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับเป็นค่าตอบแทนในการให้บริการ (๘) ผลประโยชน์ที่ได้จากทรัพย์สินของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย มาตรา ๑๑๒ ให้มีคณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ประกอบด้วย ประธาน ด าเนินการชุมนุม สหกรณ์ระดับประเทศประเภทละหนึ่งคน ในกรณีที่สหกรณ์ประเภทใดไม่มีชุมนุมสหกรณ์ ระดับประเทศ ให้มีผู้แทนสหกรณ์ประเภทนั้นจ านวนหนึ่งคน เป็นกรรมการโดยต าแหน่ง และกรรมการอื่นซึ่งที่
๘๕ ประชุมใหญ่ของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยเลือกตั้ง จากผู้แทนของสหกรณ์ซึ่งเป็นกรรมการด าเนินการ มี จ านวนเท่ากับกรรมการโดยต าแหน่ง เป็นกรรมการ ให้คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยเลือกตั้งกรรมการ เป็นประธานกรรมการคน หนึ่ง และรองประธานกรรมการคนหนึ่งหรือหลายคน ให้คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยแต่งตั้งผู้อ านวยการ สันนิบาตสหกรณ์แห่ง ประเทศไทย และให้ผู้อ านวยการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยเป็นเลขานุการของคณะกรรมการด าเนินการ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย หลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งผู้แทนสหกรณ์ที่ไม่มีชุมนุมสหกรณ์ระดับประเทศ ให้เป็นไปตามระเบียบของ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย . การก าหนดสัดส่วนผู้แทนสหกรณ์ที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการอื่นให้เป็นไปตามระเบียบในมาตรา ๑๑๓ (๓) ให้น าบทบัญญัติในมาตรา ๕๒ มาใช้บังคับแก่คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยและ ผู้อ านวยการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย โดยอนุโลม มาตรา ๑๑๓ ให้คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย มีหน้าที่บริหารกิจการ ตลอดจนมีอานาจออกระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามวัตถุประสงค์ของสันนิบาตสหกรณ์ แห่งประเทศไทย การออกระเบียบเกี่ยวกับเรื่องดังต่อไปนี้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของสันนิบาตสหกรณ์แห่ง ประเทศไทยก่อน จึงใช้บังคับได้ (๑) ระเบียบว่าด้วยการใช้จ่ายและการเก็บรักษาเงิน (๒) ระเบียบว่าด้วยการประชุมใหญ่ของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย และหลักเกณฑ์การจัดส่งผู้แทน ของสหกรณ์เข้าร่วมประชุมใหญ่ (๓) ระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้ง การประชุม และการด าเนินกิจการของคณะกรรมการด าเนินการสันนิบาต สหกรณ์แห่งประเทศไทย มาตรา ๑๑๔ ให้กรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยอยู่ในต าแหน่งคราวละสี่ปี เมื่อครบวาระดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการเลือกตั้งกรรมการขึ้นใหม่ ให้กรรมการซึ่งพ้นจาก ต าแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในต าแหน่งเพื่อด าเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ กรรมการซึ่งพ้นจากต าแหน่งอาจได้รับเลือกตั้งอีกได้ แต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน มาตรา ๑๑๕ นอกจากการพ้นจากต าแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๑๔ กรรมการสันนิบาตสหกรณ์แห่ง ประเทศไทยพ้นจากต าแหน่ง เมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) เป็นบุคคลล้มละลาย (๔) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๕) ได้รับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่เป็นโทษส าหรับความผิดที่ได้กระท าโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ (๖) พ้นจากการเป็นสมาชิกของสหกรณ์
๘๖ . ภายใต้บังคับตามวรรคหนึ่ง กรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยซึ่งที่ประชุมใหญ่เลือกตั้ง พ้นจากต าแหน่งเมื่อที่ประชุมใหญ่มีมติให้ถอดถอนออกจากต าแหน่งด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของ จ านวนผู้แทนสหกรณ์ซึ่งมาประชุม เมื่อมีกรณีตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้กรรมการเท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ และให้ถือว่า คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยประกอบด้วย กรรมการเท่าที่มีอยู่ เว้นแต่มีกรรมการ เหลืออยู่ไม่ถึงสองในสาม ในกรณีที่กรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยซึ่งที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งพ้นจากต าแหน่ง ก่อนวาระ ให้คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยเลือกตัวแทนของสหกรณ์เป็นกรรมการ แทน เว้นแต่วาระของกรรมการที่พ้นจากต าแหน่งเหลืออยู่ไม่ถึงเก้าสิบวันจะไม่ด าเนินการเลือกตั้งกรรมการแทน ต าแหน่งที่ว่างก็ได้ และให้ผู้ได้รับเลือกแทนนั้นอยู่ในต าแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน มาตรา ๑๑๖ ให้คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญปี ละหนึ่งครั้งภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีทางบัญชีของสันนิบาต สหกรณ์แห่งประเทศไทย เมื่อมีเหตุอันสมควร คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยจะเรียกประชุมใหญ่สามัญ เมื่อใดก็ได้ หรือเมื่อสมาชิกจ านวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจ านวนสมาชิกทั้งหมดท าหนังสือ ร้องขอต่อ คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยให้เรียกประชุม ใหญ่วิสามัญ ในหนังสือร้องขอนั้นต้อง ระบุว่าประสงค์ให้เรียกประชุมเพื่อการใด ในกรณีที่สมาชิกเป็นผู้ร้องขอให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญ ให้คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่ง ประเทศไทยเรียกประชุมใหญ่วิสามัญ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ ในกรณีที่คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยไม่เรียกประชุม ใหญ่วิสามัญตามวรรค สาม สมาชิกจ านวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจ านวนสมาชิกทั้งหมดอาจท าหนังสือร้องขอ ภายในหกสิบวันนับแต่วัน พ้นก าหนดเวลาตามวรรคสาม เพื่อให้รัฐมนตรีเรียกประชุมใหญ่วิสามัญได้ ในกรณีเช่นนี้ให้รัฐมนตรีเรียกประชุมใหญ่ วิสามัญภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ ได้รับหนังสือร้องขอ มาตรา ๑๑๗ ให้ผู้อ านวยการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยมีหน้าที่บริหารกิจการของ สันนิบาตสหกรณ์ แห่งประเทศไทยตามระเบียบและนโยบายที่คณะกรรมการด าเนินการ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยก าหนด และมีอ าานาจบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ในส่วนกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้ผู้อ านวยการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยเป็นตัวแทน สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เพื่อการผู้อ านวยการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยจะมอบอ านาจให้บุคคลใด กระท ากิจการเฉพาะอย่างแทนตามระเบียบที่คณะกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์ แห่งประเทศไทยก าหนดก็ ได้ มาตรา ๑๑๗/๑ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการด าเนินการของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ให้ประธาน ด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย หรือกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยจ านวนไม่ น้อยกว่าหนึ่งในสามของกรรมการด าเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย หรือสหกรณ์ที่เป็นสมาชิกไม่น้อย กว่าหนึ่งร้อยสหกรณ์ ร้องขอให้คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติวินิจฉัยได้ ค าวินิจฉัยของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติให้เป็นที่สุด . มาตรา ๑๑๘ ให้น าบทบัญญัติในหมวด ๓ ส่วนที่ ๔ ว่าด้วยการสอบบัญชีมาใช้บังคับแก่สันนิบาตสหกรณ์แห่ง ประเทศไทยโดยอนุโลม หมวด ๙
๘๗ กลุ่มเกษตรกร มาตรา ๑๑๙ ในกรณีที่คณะบุคคลผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งร่วมกันด าเนินกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ยังไม่อาจรวมกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ตาม พระราชบัญญัตินี้ได้ จะจัดตั้งเป็นกลุ่มเกษตรกรขึ้นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก าหนดโดยพระราชกฤษฎีกาก็ได้ พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่ง ให้ก าหนดการด าเนินการของกลุ่มเกษตรกร การก ากับกลุ่มเกษตรกร การ เลิกกลุ่มเกษตรกร และการควบกลุ่มเกษตรกรเข้ากัน ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมแก่ประเภทของกลุ่มเกษตรกรด้วย มาตรา ๑๒๐ กลุ่มเกษตรกรที่จัดตั้งขึ้นตามมาตรา ๑๑๙ ให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล มาตรา ๑๒๑ ให้นายทะเบียนสหกรณ์เป็นนายทะเบียนกลุ่มเกษตรกร และมีอ านาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัตินี้ และมีรองนายทะเบียนสหกรณ์เป็นผู้ช่วย มีอ านาจหน้าที่ตามที่นายทะเบียนสหกรณ์มอบหมาย . ให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัด เป็นนายทะเบียนกลุ่มเกษตรกรประจ าจังหวัดที่กลุ่มเกษตรกรตั้งอยู่ และมี อ านาจหน้าที่ตามระเบียบที่นายทะเบียนสหกรณ์ก าหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ส าหรับกรุงเทพมหานครให้นายทะเบียนสหกรณ์เป็นนายทะเบียนกลุ่มเกษตรกรกรุงเทพมหานคร ให้สหกรณ์จังหวัดเป็นนายทะเบียนกลุ่มเกษตรกรประจ าจังหวัดที่กลุ่มเกษตรกรตั้งอยู่ และมีอ านาจหน้าที่ ตามระเบียบที่นายทะเบียนสหกรณ์ก าหนด ส าหรับกรุงเทพมหานครให้ผู้อ านวยการส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ ๑ และผู้อ านวยการส่งเสริม สหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ ๒ เป็นนายทะเบียนกลุ่มเกษตรกรกรุงเทพมหานคร มาตรา ๑๒๒ ในกรณีที่กลุ่มเกษตรกร โดยมติของที่ประชุมใหญ่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนสมาชิกที่มา ประชุม แสดงความจ านงขอเปลี่ยนฐานะเป็นสหกรณ์ เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์พิจารณาเห็นว่าข้อบังคับของกลุ่ม เกษตรกรมีรายการถูก ต้องตามมาตรา ๔๓ ให้นายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียน และด าเนินการตาม พระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๑๒๓ เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียนกลุ่มเกษตรกรเป็นสหกรณ์ให้คณะ กรรมการกลุ่ม เกษตรกรมีฐานะเป็นคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์จนกว่าจะมีคณะกรรมการด าเนินการสหกรณ์ ซึ่งที่ประชุม ใหญ่ได้เลือกตั้งขึ้นใหม่ตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ สหกรณ์ตามวรรคหนึ่งย่อมได้ไปทั้งทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิ และความรับผิดของกลุ่มเกษตรกรเดิม มาตรา ๑๒๔ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นายทะเบียนกลุ่มเกษตรกร และพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่ง นายทะเบียนกลุ่มเกษตรกรมอบหมายมีอ านาจเข้าไปตรวจ สอบในส านักงานของกลุ่มเกษตรกรในเวลาท างานของ กลุ่มเกษตรกร ให้ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องอ านวยความสะดวก ช่วยเหลือ และให้ค าชี้แจงแก่ผู้เข้าไปตรวจสอบตามสมควร ให้ผู้เข้าไปตรวจสอบตามวรรคหนึ่ง แสดงบัตรประจ าตัวต่อผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจ าตัวตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีก าหนด . มาตรา ๑๒๕ ในคดีฟ้องเรียกหนี้ที่กลุ่มเกษตรกร สมาชิก หรือผู้ช าระบัญชีเป็นลูกหนี้อยู่ในฐานะเช่นนั้น ห้าม มิให้ฟ้องเมื่อพ้นก าหนดสองปีนับแต่วันที่นายทะเบียนกลุ่มเกษตรกรถอนชื่อ กลุ่มเกษตรกรออกจากทะเบียน มาตรา ๑๒๖ ถ้ากลุ่มเกษตรกรเกี่ยวข้องในกิจการใดที่กฎหมายก าหนดให้จดทะเบียนส าหรับการ ได้มา การ จ าหน่าย การยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ หรือการยึดหน่วง ซึ่งกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์ในการจดทะเบียนเช่นว่านั้นให้กลุ่มเกษตรกรได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม มาตรา ๑๒๗ ห้ามมิให้ผู้ใดใช้ค าว่า “กลุ่มเกษตรกร” เป็นชื่อหรือส่วนหนึ่งของชื่อในทางธุรกิจ เว้นแต่กลุ่ม เกษตรกรที่ได้จดทะเบียนตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา ๑๑๙
๘๘ มาตรา ๑๒๘ ให้นายทะเบียนกลุ่มเกษตรกรและพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งนายทะเบียนกลุ่มเกษตรกรมอบหมาย มีอ านาจออกค าสั่งเป็นหนังสือให้กรรมการ สมาชิกและเจ้าหน้าที่ของกลุ่มเกษตรกรมาชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ กิจการของ กลุ่มเกษตรกร หรือให้ส่งเอกสารเกี่ยวกับการด าเนินกิจการ หรือรายงานการประชุมของกลุ่มเกษตรกร หมวด ๙/๑ การพิจารณาอุทธรณ์ มาตรา ๑๒๘/๑ ให้มีคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่ง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมาย เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนส านักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนส านักงานปลัดกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคนหนึ่งใน คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติที่คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติมอบหมาย เป็นกรรมการ . ให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์แต่งตั้งข้าราชการในสังกัดกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นเลขานุการ และ ผู้ช่วยเลขานุการ มาตรา ๑๒๘/๒ ให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีอ านาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ค าสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ หรือรองนายทะเบียนสหกรณ์ที่อุทธรณ์ตาม มาตรา ๑๒๘/๔ (๒) มีหนังสือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยค าหรือสั่งให้บุคคลดังกล่าวส่งเอกสาร หรือหลักฐานอื่นที่ เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ (๓) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มอบหมาย มาตรา ๑๒๔/๓ ให้น ามาตรา ๑๓ มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์โดยอนุโลม มาตรา ๑๒๕/๔ ค าสั่งตามมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ (๓) และ (๔) มาตรา ๗๑ และมาตรา ๘๔/๓ วรรคสอง รวมถึงค าสั่งเลิกกลุ่มเกษตรกรตามพระราชกฤษฎีกาออกตามมาตรา๑๑๙ วรรคสอง ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ พิจารณาอุทธรณ์ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับค าสั่ง ค าสั่งไม่รับจดทะเบียนตามมาตรา ๓๘ และค าสั่งตามมาตรา ๔๔ ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณา อุทธรณ์ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับค าสั่ง การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งและวรรคสองไม่เป็นเหตุทุเลาการบังคับตามค าสั่ง เว้นแต่คณะกรรมการพิจารณา อุทธรณ์จะเห็นสมควรให้มีการทุเลาการบังคับตามค าสั่งนั้นไว้ชั่วคราว มาตรา ๑๒๘/๕ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการอุทธรณ์ และวิธีพิจารณาอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณา อุทธรณ์ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก าหนด ให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีค าวินิจฉัยอุทธรณ์ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ แล้วแจ้งค า วินิจฉัยอุทธรณ์พร้อมด้วยเหตุผลเป็นหนังสือไปยังผู้อุทธรณ์โดยไม่ชักช้า ค าวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด
๘๙ หมวด ๑๐ บทก าหนดโทษ มาตรา ๑๒๔ ผู้ใดใช้ค าว่า "สหกรณ์" หรือ "กลุ่มเกษตรกร" ประกอบกับชื่อหรือส่วนหนึ่งของชื่อในทางธุรกิจ โดยมิได้เป็นสหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรกรที่ได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกินห้าพันบาทจนกว่าจะได้เลิกใช้ มาตรา ๑๓๐ ผู้ใดไม่มาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือไม่ส่งเอกสารเกี่ยวกับการด าเนินงาน หรือรายงานการประชุม ของสหกรณ์หรือชุมนุมสหกรณ์ตามค าสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ รองนายทะเบียนสหกรณ์ ผู้ตรวจการสหกรณ์ ผู้สอบบัญชี หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์มอบหมายซึ่งสั่งการตามมาตรา ๑๗ หรือไม่มาชี้แจง ข้อเท็จจริงหรือไม่ส่งเอกสารเกี่ยวกับการด าเนินงานหรือรายงานประชุมของกลุ่มเกษตรกรตามค าสั่งของนาย ทะเบียนกลุ่มเกษตรกร หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งนายทะเบียนกลุ่มเกษตรกรมอบหมายตามมาตรา ๑๒๘ แล้วแต่ กรณีต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ มาตรา ๑๓๑ ผู้ใดขัดขวาง หรือไม่ให้ค าชี้แจงแก่นายทะเบียนสหกรณ์ รองนายทะเบียนสหกรณ์ ผู้ตรวจการ สหกรณ์ ผู้สอบบัญชี หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์มอบหมายตามมาตรา ๑๘ หรือขัดขวางหรือ ไม่ให้ค าชี้แจงแก่นายทะเบียน กลุ่มเกษตรกรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งนายทะเบียนกลุ่มเกษตรกรมอบหมายตาม มาตรา ๑๒๔ ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ มาตรา ๑๓๒ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามที่นายทะเบียนสหกรณ์สั่งการ ตามมาตรา ๒๒ ต้องระวางโทษ จ าคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ มาตรา ๑๓๓ กรรมการหรือผู้จัดการของสหกรณ์ผู้ใดด าเนินกิจการของสหกรณ์นอกขอบเขตแห่งการด าเนิน กิจการของสหกรณ์ที่จะฟังด าเนินการได้ตามกฎกระทรวงที่ออกตามความในมาตรา ๓๓/๑ วรรคสอง ต้องระวาง โทษจ าคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ มาตรา ๑๓๓/๑ กรรมการหรือผู้จัดการของสหกรณ์ผู้ใดด าเนินกิจการของสหกรณ์โดยผิดวัตถุประสงค์ของ สหกรณ์ และการด าเนินกิจการนั้นเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ ต้องระวาง โทษจ าคุกไม่เกินหน่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ มาตรา ๑๓๓/๒ ผู้ใดฝ่าฝืนไม่จัดการรักษาทรัพย์สินของสหกรณ์ หรือไม่ส่งมอบทรัพย์สิน สมุดบัญชี เอกสาร และสิ่งอื่นของสหกรณ์ให้แก่ผู้ช าระบัญชีตามมาตรา ๗๘ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท มาตรา ๑๓๓/๓ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามความในมาตรา ๘๙/๒ (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๑๐) (๑๑) (๑๒) หรือ (๑๓) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท มาตรา ๑๓๓/๔ ผู้ใดฝ่าฝืนไม่แก้ไขข้อบกพร่องหรือระงับการด าเนินการตามที่นายทะเบียนสหกรณ์สั่งการ ตามมาตรา ๘9/๓ ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ มาตรา ๑๓๓/๕ ในกรณีที่สหกรณ์กระท าความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ กรรมการหรือผู้จัดการสหกรณ์ซึ่งเป็น ผู้ลงมติให้สหกรณ์ด าเนินการหรืองดเว้นการด าเนินการ หรือเป็นผู้ด าเนินการ หรือรับผิดชอบในการด าเนินการนั้น ได้กระท าผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริต ต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับไม่เกินห้า แสนบาท (** เพิ่มเติม มาตรา ๓๓ - มาตรา ๔๐ ตามฉบับที่ ๓ ฉบับแก้ไข พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเสมือนเป็น บทเฉพาะกาล)
๙๐ ** มาตรา ๓๓ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติซึ่งด ารงต าแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ต้องด าเนินการแต่งตั้งให้แล้วเสร็จ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ** มาตรา ๓๔ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในกรณีที่ข้อบังคับของสหกรณ์ใดไม่เป็นไปตามที่ก าหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามความในมาตรา ๓๓/๑ วรรค ๒ แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้สหกรณ์นั้นแก้ไข ข้อบังคับของสหกรณ์ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงดังกล่าวภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่กฎกระทรวงใช้บังคับ ** มาตรา ๓๕ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้สหกรณ์แก้ไขข้อบังคับของสหกรณ์ที่เกี่ยวกับสมาชิกสมทบให้เป็นไปตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติ สหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ** มาตรา ๓๖ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๒ . สหกรณ์ที่มีสมาชิกซึ่งมิได้มีสัญชาติไทยอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้สหกรณ์ด าเนินการ ปรับปรุง แก้ไข ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ . ในการด าเนินการตามวรรคหนึ่ง หากสมาชิกผู้ใดมีนิติกรรมกับสหกรณ์ แต่ได้พ้นจากสมาชิก โดยฝ่ายใดฝ่าย หนึ่งมิได้บอกเลิกนิติกรรมนั้น ให้นิติกรรมนั้นยังคงมีอยู่ต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดไปตามเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่ตกลงกัน แต่จะท าการใดก่อผลผูกพันขึ้นใหม่มิได้ ** มาตรา ๓๗ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๒ . บรรดาค าอุทธรณ์ที่ได้ยื่นและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คณะกรรมการดังกล่าวมีอ านาจพิจารณาต่อไปตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะแล้วเสร็จ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับ แต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ** มาตรา ๓๘ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๒ . บรรดากฎหรือค าสั่งที่ออกตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีกฎหรือค าสั่งที่ออกตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่ง แก้ไขโดยพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ** มาตรา ๓๙ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๒
๙๑ ในการด าเนินการออกกฎกระทรวงและระเบียบ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ด าเนินการให้แล้วเสร็จภายในสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติใช้ บังคับ หากไม่สามารถด าเนินการได้ ให้รัฐมนตรีรายงานเหตุผลที่ไม่อาจด าเนินการได้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ** มาตรา ๔๐ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
๙๒ บทที่ ๕ การผสมผสานสหกรณ์ และ องค์การกลางต่างๆของสหกรณ์ การผสมผสานสหกรณ์ การผสมผสานสหกรณ์ หมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในสหกรณ์ หรือ ขบวนการสหกรณ์เพื่อ ประโยชน์ในการด าเนินธุรกิจหรือการให้บริการสมาชิก เมื่อสหกรณ์มีความมั่นคงขึ้นต้องการขยายตัว เพื่อให้มีผล การด าเนินกิจการที่ดีขึ้นถือเป็นพัฒนาการทางโครงสร้างทั่วไปเรียกว่าเป็นกลยุทธ์ (Strategy) แบบหนึ่งโดยการ เปลี่ยนแปลงที่กล่าวถึงนั้นจะเป็นไปในลักษณะที่สหกรณ์ตั้งแต่ ๒ สหกรณ์ขึ้นไปมารวมตัวกัน โดยทั่วไปแบบของการ ผสมผสานสหกรณ์ จะพบว่ามีอยู่ ๒ แบบ คือ ๑. การผสมผสานในแนวราบ (Horizontal Integration) เป็นการผสมผสานที่เกิดขึ้นในสหกรณ์ที่อยู่ระดับ เดียวกันและผลที่เกิดขึ้นจากการผสมผสานจะยังคงอยู่ในระดับเดิม โดยปกติมักเกิดขึ้นในกลุ่มสหกรณ์ขั้นปฐมเป็น ส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นสหกรณ์ส่วนใหญ่และมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วกว่าสหกรณ์ระดับอื่น การผสมผสานสหกรณ์ ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ๑.๑ การควบสหกรณ์ (Co-operative Amalgamation) หมายถึงการที่สหกรณ์ในระดับเดียวกันตั้งแต่ ๒ สหกรณ์ขึ้นไป รวมตัวเข้าด้วยกันเป็น สหกรณ์เดียวในระดับเดิม โดยสหกรณ์เดิมที่รวมตัวกันจะสิ้นสภาพไปเกิดเป็น สหกรณ์ใหม่ในระดับเดียวกับสหกรณ์เดิมแต่มีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นสหกรณ์เอกประสงค์ที่ท าหน้าที่เหมือนกันข้อดีที่ ชัดเจนของการควบสหกรณ์ก็คือ จะได้รับประโยชน์จากการประหยัดจากการเพิ่มขนาดการผลิต (Economies Of Scale) การประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการซื้อปัจจัยการผลิต การบริหารจัดการ ด้านการตลาด การวิจัยพัฒนา ผลิตภัณฑ์ ) และประโยชน์จากการครอบคลุมสินค้าบริการที่หลากหลาย (economy of Scope) ท าให้มีอ านาจ ต่อรองมากขึ้น อย่างไรก็ตามข้อจ ากัดที่เสินค้าน้อยลง การรวมแหล่งนี้จะเป็นประโยชน์เมื่อสหกรณ์ที่มารวมกลุ่มกัน มี สินค้าที่มีความแตกต่างกัน เพราะเท่ากับเป็นการเพิ่มชนิดของผลิตภัณฑ์ที่จะเสนอสู่ตลาดได้ โดยที่ สหกรณ์ของตน มิได้ผลิตสินค้าชนิดนั้น ข้อดีของระบบรวมแหล่งก็คือ เป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดแก่สหกรณ์ทุกแห่งที่ รวมกลุ่มกัน ซึ่งจะเป็นผลดีแก่สมาชิกโดยเฉพาะเมื่อสมาชิกอยู่ในฐานะผู้ผลิต ๑.๒ การจัดสหกรณ์อเนกประสงค์ (Multi-purpose Co-operative) สหกรณ์อเนกประสงค์เป็นอีกวิธี หนึ่งของการผสมผสานสหกรณ์ในแนวราบ เนื่องจากแนวความคิดดั้งเดิมทางสหกรณ์นั้นจะกล่าวถึงสหกรณ์ในรูป สหกรณ์เอกประสงค์เป็นหลัก คือ สหกรณ์แต่ละสหกรณ์จะท าหน้าที่เฉพาะอย่างเพียงหน้าที่เดียว เมื่อมีการขยายตัว ของขบวนการสหกรณ์ไปยังกลุ่มคนหลากหลายอาชีพ ความต้องการของมวลสมาชิกจึงมีความหลากหลายตามไป ด้วยในหลายๆ กรณีสมาชิกสหกรณ์มีความต้องการใช้บริการจากสหกรณ์มากกว่า ๑ อย่าง เช่น กรณีของเกษตรกร เป็นต้น) หากสหกรณ์ยังคงด าเนินธุรกิจแบบเอกประสงค์อยู่ผู้ที่จะเป็นสมาชิกก็จะต้องเป็นสมาชิกสหกรณ์เอก ประสงค์หลายสหกรณ์ (ที่ท าหน้าที่ต่างกัน) เพื่อให้สามารถใช้บริการได้ครบถ้วนตามต้องการ ด้วยเหตุนี้การน าเอา หน้าที่หลักๆ ของ สหกรณ์เอกประสงค์หลายๆ หน้าที่มารวมไว้ในสหกรณ์เดียว ให้เป็นสหกรณ์อเนกประสงค์ จึงเป็น ประโยชน์แก่สมาชิกอย่างมาก และช่วยเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นในชุมชน ความแข็งแกร่งทางธุรกิจ นอกจากนั้น หน้าที่ต่างๆ ในสหกรณ์อเนกประสงค์ยังอาจเสริมซึ่งกันและกันได้อีกด้วย สหกรณ์อเนกประสงค์ อาจเกิดจากการ เพิ่มหน้าที่ใหม่เข้าไปในสหกรณ์เดิม หรือจากการควบเข้ากันของสหกรณ์เอกประสงค์ที่ท าหน้าที่ต่างกันก็ได้ปกติมัก เกิดในสหกรณ์ขั้นปฐมเช่นกัน
๙๓ . ๑.๓ ระบบเชื่อมโยง (Link-up System) ระบบเชื่อมโยงมีลักษณะเป็นการท าข้อตกลงระหว่างสหกรณ์เอก ประสงค์ที่มีหน้าที่หลักต่างกัน ตั้งแต่ ๒ สหกรณ์ขึ้นไปที่จะเปิดโอกาสให้สมาชิกของตน สามารถใช้บริการของ สหกรณ์อื่นได้เช่นเดียวกับสมาชิกของสหกรณ์นั้น โดยที่สหกรณ์นั้นๆ ไม่มีความจ าเป็นต้องเพิ่มบริการใหม่(อาจจะ ด้วยเหตุผลที่ว่า มีปริมาณธุรกิจน้อยเกินไป หรือมีสมาชิกที่มีส่วนเกี่ยวข้องน้อยเกินไป) เป็นการพึ่งพากันทางธุรกิจ เพื่อให้ขอบข่ายการให้บริการแก่สมาชิกกว้างขวางขึ้น ปกติมักเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว (เช่น ตามฤดูกาล) และใน ขอบเขตหรือระยะเวลาที่จ ากัด ข้อดีประการหนึ่งของระบบเชื่อมโยงก็คือเป็นการสร้างความร่วมมือและเอื้ออาทรต่อ กัน ระหว่างสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ ในลักษณะที่มุ่งประโยชน์ที่สมาชิกผู้ใช้บริการเป็นเกณฑ์ และเป็นการได้ ประโยชน์ร่วมกัน ลดภาระในการท าหน้าที่ของสมาชิกลงได้อย่างมาก และสหกรณ์แต่ละแห่งที่เข้าสู่ระบบเชื่อมโยง ยังคงความเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ ๑.๔ การรวมแหล่งทางสหกรณ์ (Co-operative Consortium) เป็นอีกลักษณะของการผสมผสานใน แนวราบที่มีลักษณะเป็นการร่วมมือกันในการท า ธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการตลาด ในการที่จะวางระบบการ รวมแหล่งสินค้าที่มีอยู่ในกลุ่มทั้งหมด หรือบางอย่าง ส าหรับการน าเสนอสู่ตลาดร่วมกัน เพื่อให้สามารถหาตลาดได้ (คล้ายผู้ค้าส่ง ในระบบการค้าทั่วไปที่มีสินค้าหลายชนิด จากหลายผู้ผลิต เพื่อส่งให้ผู้ค้าปลีกได้ตามที่ผู้ค้าปลีก ต้องการ) วิธีการเช่นนี้จะท าให้ทุกสหกรณ์ในกลุ่มสามารถด าเนินการด้านการตลาดได้เต็มที่ โดยมีข้อจ ากัดด้านตัว สินค้าน้อยลง การรวมแหล่งนี้จะเป็นประโยชน์เมื่อสหกรณ์ที่มารวมกลุ่มกัน มี สินค้าที่มีความแตกต่างกัน เพราะ เท่ากับเป็นการเพิ่มชนิดของผลิตภัณฑ์ที่จะเสนอสู่ตลาดได้ โดยที่ สหกรณ์ของตนมิได้ผลิตสินค้าชนิดนั้น ข้อดีของ ระบบรวมแหล่งก็คือ เป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดแก่สหกรณ์ทุกแห่งที่ รวมกลุ่มกัน ซึ่งจะเป็นผลดีแก่สมาชิก โดยเฉพาะเมื่อสมาชิกอยู่ในฐานะผู้ผลิต ๒. การผสมผสานในแนวดิ่ง (Vertical Integration) เป็นการผสมผสานที่เกิดขึ้นในขบวนการสหกรณ์ที่ผล ของการผสมผสานสหกรณ์ที่เกี่ยวข้องกันอยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) โดยข้อดีของการผสมผสานในแนวดิ่ง ก็คือช่วยให้สหกรณ์สามารถควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบให้เป็นไปในแบบที่ต้องการได้อย่างดีอีกด้วย จึงท าให้ลด ความเสี่ยงที่เกิดจากสินค้าไม่ได้มาตรฐานลงไปได้ อีกทั้งก่อให้เกิดองค์การใหม่ที่มีระดับสูงขึ้นเป็นองค์การกลางของ สหกรณ์ ท าให้เกิดเครือข่ายขององค์การสหกรณ์ที่เรียกว่า ขบวนการสหกรณ์ (Co-operative Movement) ผลได้ แก่ โครงสร้างของการผสมผสานในแนวดิ่งนี้ยังท าให้เกิดลักษณะโครงสร้างของขบวนการสหกรณ์ในลักษณะต่างๆ แบบสหพันธ์สหกรณ์ (Federated Co-operative) โครงสร้างแบบรวมเข้าสู่จุดกลาง (Centralized Co-operative) โครงสร้างแบบผสม (Combined Type) ส าหรับข้อจ ากัดของวิธีผสมผสานแบบแนวดิ่งก็มีไม่น้อยเช่นเดียวกัน ซึ่ง ได้แก่กิจการอาจมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการลดลง กิจการอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในด้านปัจจัยการผลิตใน กรณีที่ปัจจัยการผลิตมีปัญหา รวมถึงกระบวนการและขั้นตอนที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น เนื่องจากต้องด าเนินการและควบคุม ทุกขั้นตอนในการบริหารจัดการ สุดท้ายวิธีการแบบ Vertical นั้นจ าเป็นที่จะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าที่กิจการที่ เกี่ยวข้องจะด าเนินการสหกรณ์ให้เอื้อประโยชน์ต่ออีกกิจการหนึ่งอย่างมีประสิทธิภาพ การผสมผสานสหกรณ์ในแนวดิ่ง เป็นการร่วมมือกันของสหกรณ์เพื่อก่อตั้งองค์การกลางขั้นสูงขึ้นไปใน ระบบสหกรณ์ ซึ่งจะก่อให้เกิดองค์การขั้นสูง ๒ ลักษณะ คือ องค์การขั้นสูงทางธุรกิจ (Business Organization)และ องค์ก ารขั้นสูงทั่ วไปห รือองค์ก ารขั้นสูงที่ท าหน้ าที่สนับสนุนสห กรณ์ (Non-business Organization / SupportOrganization) ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ ให้บริการแก่สมาชิก ตลอดจนการธ ารงรักษาขบวนการ สหกรณ์ให้มีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง ผลของการผสมผสานในแนวดิ่งจะกระทบต่อโครงสร้างของขบวนการสหกรณ์ ท าให้เกิดโครงสร้างขบวนการสหกรณ์ ๒ ลักษณะใหญ่ๆ คือ โครงสร้างแบบสหพันธ์สหกรณ์ และโครงสร้างแบบ รวมเข้าสู่จุดกลาง โดยพิจารณาจากขีดขั้นหรือระดับของการผสมผสานในแนวดิ่งซึ่งมีอยู่ ๒ ระดับ กล่าวคือ
๙๔ ๒.๑ สหกรณ์ขั้นปฐม อยู่ในฐานะตัวแทนในการด าเนินงานส่วนอ านาจการอ านวยการจะตกอยู่กับองค์การ กลางสหกรณ์ขั้นปฐมจะให้สิทธิในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งหมดแก่องค์การกลางฐานะตามกฎหมายของ สหกรณ์ขั้นปฐมก็จะเป็นเพียง “สาขา” ของสหกรณ์ที่เป็นองค์การกลาง หรือเป็นหน่วยบริการหนึ่ง ไม่อยู่ในฐานะ สหกรณ์อิสระ โครงสร้างขบวนการสหกรณ์แบบนี้เรียกว่า โครงสร้างแบบรวมเข้าสู่จุดกลาง ๒.๒ สหกรณ์กลางหรือองค์การขั้นสูง เป็นเพียงหุ้นส่วนทางธุรกิจ หรือ กิจกรรมของสหกรณ์ขั้นปฐม โดย อ านาจต่างๆ ของสหกรณ์ขั้นปฐมแต่ละสหกรณ์ยังคงความเป็นอิสระโดยสิ้นเชิงจากสหกรณ์อื่นๆ และ สหกรณ์กลาง ลักษณะเช่นนี้จะเป็นโครงสร้างขบวนการสหกรณ์แบบสหพันธ์สหกรณ์ การผสมผสานในแนวดิ่งที่สะท้อนอยู่ในโครงสร้างของขบวนการสหกรณ์ จะสะท้อนให้เห็นถึงระดับของ การผสมผสานในแนวดิ่งว่ามีอยู่มากน้อยเพียงใด หรือถึงระดับใด เช่น การผสมผสาน ๒ ระดับ จะมีสหกรณ์เกิดขึ้น ๒ ระดับ เช่น ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ระดับ ภาค ระดับจังหวัด ระดับชาติ - การผสมผสาน ๓ ระดับ จะมีสหกรณ์เกิดขึ้น ๓ ระดับ เช่น ระดับท้องถิ่น ระดับภาค ระดับชาติระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับชาติ - การผสมผสาน ๔ ระดับ จะมีสหกรณ์เกิดขึ้น ๔ ระดับ เช่น ระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด ระดับ ภาค ระดับชาติ องค์การกลางทางธุรกิจของสหกรณ์ (Business Organisation) และ องค์การกลางทั่วไป หรือ องค์การ สนับสนุน (Support Organisation) เป็นองค์การกลางของสหกรณ์สมาชิกหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นสหกรณ์ของ สหกรณ์ มักมีชื่อเรียกที่ใช้กัน เช่น สหพันธ์สหกรณ์ (Co-operative Federation) มักเป็นองค์การขั้นสูงที่ท าหน้าที่ เดียวกับสหกรณ์สมาชิก เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจนั้น ๆ ๑. สัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ (The International Co-operative Alliance: ICA) สัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ (ICA) เป็น องค์การกลางที่ไม่แสวงหาก าไร จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๓๘๘ เพื่อ ส่งเสริมการสหกรณ์ โดยท าหน้าที่เป็นองค์การกลางของสหกรณ์ทั่วโลกปัจจุบันมีสมาชิกที่เป็นองค์การกลาง หน่วยงานรัฐ และ สหกรณ์ในประเทศต่าง ๆ ๒๕๔องค์การใน ๙๕ ประเทศมีสมาชิก ปัจเจกบุคคล กว่าหนึ่งพันล้าน คน (ICA, ๒๕๕๘) ICA ท างานร่วมกับรัฐบาลประเทศต่างๆ ทั้งระดับโลก และระดับภูมิภาค เพื่อจัดให้มีกฎหมายใน การส่งเสริมสหกรณ์ การส่งเสริมให้ประชาคมโลกเห็น ความส าคัญในคุณค่าของตัวแบบสหกรณ์ ICA ได้จัดท า ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการพัฒนาสหกรณ์ให้เติบโตมากที่สุด ในปี ๒๕๖๓ ภายใต้พิมพ์เขียวส าหรับทศวรรษ แห่งการสหกรณ์ โดยสถิติล่าสุดชี้ให้เห็นว่าสหกรณ์ชั้นน า ๓๐๐ แห่ง มีมูลค่าธุรกิจ ๒.๒ ล้านล้าน US) มีการจ้างงาน ๒๕๐ ล้านต าแหน่ง ๑.๑ โครงสร้างการด าเนินงานของ ICA มีส านักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และมี ส านักงานภูมิภาค ๔ สาขา ได้แก่ ๑) ยุโรป อยู่ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ๒) อเมริกา อยู่ที่ประเทศคอสตาริกา ๓) อาฟริกา อยู่ที่ประเทศแทนซาเนีย ๔) เอเชียแปซิฟิค อยู่ที่กรุงนิวเดลีประเทศอินเดีย ๑.๒ ICA แบ่งส่วนงานในความรับผิดชอบเป็น ๔ องค์การ ได้แก่ ๑) ด้าน Banking มี International Co-operative Banking Association (ICBA) เป็นองค์การ ที่ มีวัตถุประสงค์ส าคัญ ๔ ประการ ได้แก่
๙๕ - การส่งเสริมให้สหกรณ์เครดิตน้อมน าเอาคุณค่าสหกรณ์ไปใช้ประโยชน์ในธุรกิจด้านเครดิต (ธนาคาร) - ให้การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันเพื่อร่วมมือกันในการแก้ปัญหา - ให้การสนับสนุนแก่คณะกรรมการระดับภูมิภาคและสมาชิกเพื่อความร่วมมือในเรื่องส าคัญ ต่างๆ - ผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างสหกรณ์ประเภทต่างๆ และองค์การภายใน ICA ๒) ด้านการเกษตร มี International Co-operative Agricultural Organization (ICAO) เป็น องค์การที่ท าหน้าที่ช่วยเหลือองค์การสมาชิกทั้งในด้านการวิจัย การส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในสหกรณ์ การเกษตร และสหกรณ์ประเทศอื่นๆ โดยมีวัตถุประสงค์ที่ส าคัญ ดังนี้ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านกลไกการสัมมนาและประชุมเชิงปฏิบัติการ การส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์การเกษตรในประเทศก าลังพัฒนา เพื่อท าหน้าที่เป็น ผู้น าในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร เพื่อปรับปรุงการกระจายสินค้าและผลิตภัณฑ์การเกษตร เพื่อขับเคลื่อนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสหกรณ์การเกษตรในประเทศก าลังพัฒนาที่ร้องขอความช่วยเหลือ เพื่อศึกษาและส ารวจปัญหาของสหกรณ์การเกษตรในประเทศต่างๆ ในการจัดท าข้อเสนอเชิง นโยบายในการพัฒนา ๓) ด้านผู้บริโภค มี Consumer Co-operatives Worldwide (CCW) เป็นองค์การภายใต้ ICA ที่ จัดให้มียุทธศาสตร์ระดับโลกและประสานงานด าเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ ๔ ประการ ได้แก่ - ให้บริการสมาชิกในเรื่องข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ - ให้บริการจัดการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและแนวปฏิบัติที่ดีในกลุ่มสมาชิก - ให้บริการระหว่างสมาชิกเพื่อยกระดับศักยภาพในเชิงธุรกิจ ๔) ด้านประมง มี International Co-operative Fisheries Organization (ICFO) เป็นองค์การ ภายใต้ ICA ที่มีจุดมุ่งหมาย ๔ ประการ ได้แก่ - การสร้างสรรค์ตัวแบบสหกรณ์ประมงรูปแบบใหม่ - การส่งเสริมการฝึกอบรมและให้การศึกษาตลอดจนสื่อเรียนรู้ - การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในขบวนการสหกรณ์ระดับโลก - การร่วมมือกันระหว่างองค์กรภายใต้ICA และสหกรณ์สมาชิกในภูมิภาคต่างๆ ๕) ด้านสุขภาพมี International Health Co-operative Organization (IHCO) เป็นองค์การ ภายใต้ ICA ในการท าหน้าที่ด้านการดูแลสุขภาพ โดยมีจุดมุ่งหมาย ๔ ประการ ได้แก่ - การจัดประชุมในการอภิปรายระดมความคิดและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสมาชิก - การให้บริการข้อมูลแก่องค์การสหประชาชาติรัฐบาลประเทศต่างๆ และสาธารณะเกี่ยวกับ บทบาทของสหกรณ์เพื่อสุขภาพ - ส่งเสริมการพัฒนาสหกรณ์เพื่อสุขภาพ - การร่วมมือกับองค์การภายใต้ ICA อื่นๆ และคณะกรรมการ ICA ๖) ด้านเคหสถานมีองค์การ Co-operative Housing International (ICA Housing) ท าหน้าที่ใน จุดมุ่งหมายส าคัญ ๓ เรื่อง ได้แก่
๙๖ - การจัดให้มีสหกรณ์และองค์การพึ่งพาตนเองในประชาคมโลกผ่านกลไกสมาชิก ICA Housing - เพื่อท าหน้าที่เป็นตัวแทนสหกรณ์และองค์การพึ่งพาตนเองที่ท าหน้าที่ด้านขบวนการเคหสถาน สนับสนุนแก่สมาชิกในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับโลก - เพื่อให้บริการสมาชิกในการจัดประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ๗) ด้านการประกันภัยมีInternational Co-operative and Mutual Insurance Federation(ICMIF) เป็นองค์การภายใต้ ICA ที่มีจุดมุ่งหมายส าคัญ ๓ ประการ ได้แก่ - การส่งเสริมสหกรณ์และองค์การพึ่งพาตนเองด้านการประกันภัยในระดับโลก - เป็นผู้น าในการให้ข้อมูลข่าวสารและ บริการสมาชิก - เป็นตัวแทนสหกรณ์และการประกันภัยในระดับโลก ๘ ) ด้ าน อุ ต ส าห ก ร รม บ ริ ก า ร แ ล ะ ส ห ก รณ์ ผู้ ผ ลิ ต มีInternational Organization of Industrial,Artisanal and Service Producers Co-operatives (CICOPA) เป็นหน่วยงานภายใต้ ICA ที่ท าหน้าที่ บริการแก่สหกรณ์แรงงานและผู้ผลิต การค้า การก่อสร้าง ขนส่ง ศิลปะ และช่างฝีมือ โดยการด าเนินการ ที่ส าคัญ ๓ ประการได้แก่ - การส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์ในหมู่คนงานและการผลิต - การส่งเสริมให้คนงานเป็นเจ้าของธุรกิจ และองค์การของผู้ใช้แรงงาน - เพื่อส่งเสริมขบวนการสหกรณ์ในภาคอุตสาหกรรม ช่างฝีมือ และการบริการ ๑.๓ คณะกรรมการ ICA และเครือข่าย ICA มีคณะกรรมการที่ท าหน้าที่ประสานงานสร้างเครือข่ายความ ร่วมมือในขบวนการสหกรณ์ที่ส าคัญ ได้แก่ ๑) คณะกรรมการสร้างความเท่าเทียมในบทบาทชายหญิง (Gender Equity Committee: ICA GEC) ๒) คณะกรรมการด้านการวิจัย (Research Committee: ICA CCR) ๓) คณะกรรมการด้านกฎหมายสหกรณ์ (Co-operative Law Committee) ๔) คณะกรรมการเครือข่ายเยาวชน (Youth Network) ๕) คณะกรรมการด้านการสื่อสาร (Communications Committee: ICACC) ๑.๔ กรอบแนวทางการด าเนินงานของ ICA ๑) วิสัยทัศน์: สัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ มีจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมการสหกรณ์ให้ มีประสิทธิผลในระดับโลกและจัดประชุมในการให้ความรู้ประสบการณ์ และประสานความร่วมมือระหว่างสหกรณ์ (๒) ภารกิจ: สัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ เป็นหน่วยงานระดับโลกที่ท า หน้าที่ในการเผยแพร่คุณค่าและหลักการสหกรณ์เพื่อให้ตัวแบบธุรกิจสหกรณ์เป็นกลไกสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ ปัจเจกบุคคล และชุมชนในการพึ่งพาตนเองและร่วมมือกัน การรณรงค์ให้ประชาคมโลกสนใจในความส าเร็จของ สหกรณ์ ด้วยการเผยแพร่แนวปฏิบัติที่ดีในสหกรณ์การสร้างความเจริญก้าวหน้าในขบวนการสหกรณ์ ๑.๕ กรอบยุทธศาสตร์ของ ICA ระหว่างปี ๒๕๕๓-๒๕๖๓ ICA ได้วางกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาสหกรณ์ เพื่อเชื่อมโยงในระหว่างภาคส่วนเศรษฐกิจ และภูมิภาค โดยมีจุดมุ่งหมายส าคัญ ๓ ประการ ได้แก่ (๑) การส่งเสริมผู้น าสหกรณ์ ในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ในแนวทางการ พัฒนาที่ยั่งยืน (๒) เป็นองค์การธุรกิจที่ประชาชนเลือก
๙๗ (๓) เป็นองค์การธุรกิจที่เติบโตมากที่สุดในปี ๒๕๖๓ โดยพิมพ์เขียวการพัฒนาสหกรณ์ใน ทศวรรษหรือรู้จักกันในนามของ ICA Blueprint ประกอบด้วย เสาหลักยุทธศาสตร์ที่ส าคัญ ๕ เสาหลัก สู่การบรรลุ วิสัยทัศน์ได้แก่ (๑) การมีส่วนร่วม โดยการยกระดับการมีส่วนร่วมของสมาชิกและธรรมาภิบาลในสหกรณ์ให้มากขึ้น (๒) การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการวางต าแหน่งสหกรณ์ในฐานะผู้สร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน (๓) นิยาม โดยการจัดให้มีการสื่อสารท าความเข้าใจในอัตลักษณ์ของสหกรณ์ (๔) กรอบกฎหมาย โดยการจัดให้มีกรอบของกฎหมายเพื่อการพัฒนาสหกรณ์ให้ก้าวไกล (๕) เงินทุน โดยการส่งเสริมให้สหกรณ์มีเงินทุนที่มั่นคงและอยู่ภายใต้การควบคุมของสมาชิก ๒. สันนิบาตสหกรณ์ (Co-operative League) เป็นองค์การขั้นสูงที่ท าหน้าที่ในการให้การสนับสนุนขบวนการ สหกรณ์ และปกติจะไม่ใช่องค์การกลางทางธุรกิจ ปกติถ้าเป็นองค์การกลางที่อยู่ในระดับเดียวกันแล้วองค์การกลาง ทั่วไปหรือองค์การกลางที่ท าหน้าที่ให้การสนับสนุนจะมีฐานะที่สูงกว่าองค์การกลางทางธุรกิจ เนื่องจากองค์การ กลางทางธุรกิจที่ต้องพึ่งพาหรือต้องได้รับการสนุนจากองค์การกลางทั่วไปเช่นกัน โลโก้ของสันนิบาตสหกรณ์มี ลักษณะเป็นเกลียวเชือก คือสัญลักษณ์ของ “การรวมตัวกันเพื่อหลักในการสร้างประโยชน์ร่วมกัน” สีรุ้งมีความ หมายถึงหลักสหกรณ์สากลทั้ง ๒ ข้อ กรอบแนวทางการด าเนินงานของสันนิบาตสหกรณ์ วิสัยทัศน์สันนิบาตสหกรณ์ฯ เป็นองค์กร และท าหน้าที่ส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์โดย มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถให้แก่สหกรณ์ไทย พันธกิจ ก าหนดพันธกิจเพื่อการส่งเสริมพัฒนาสหกรณ์ และองค์กรไว้ ๕ ด้าน (๑) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสหกรณ์ (๒) การพัฒนาระบบการบริหารจัดการสหกรณ์ (๓) การพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ (๔) การพัฒนาขบวนการสหกรณ์ (๕) การพัฒนาสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย บทบาทหน้าที่ พระราชบัญญัติสหกรณ์ฯ พ.ศ.๒๕๔๒ ก าหนดให้สันนิบาตสหกรณ์ฯ มี บทบาทหน้าที่ดังต่อไปนี้ - ส่งเสริมเผยแพร่กิจการสหกรณ์ การจัดท าวิจัย และสถิติเกี่ยวกับกิจการสหกรณ์ - แนะน าช่วยเหลือทางวิชาการแก่สหกรณ์ และอ านวยความสะดวกในการติดต่อประสานงาน ระหว่างสหกรณ์กับส่วนราชการหรือบุคคลอื่น - ให้การศึกษาอบรมแก่สหกรณ์สมาชิก - ส่งเสริมสัมพันธ์ภาพระหว่างสหกรณ์ทั้งในและต่างประเทศ - ซื้อ จัดหา จ าหน่าย ถือกรรมสิทธิ์ครอบครอง กระท านิติกรรมต่าง - ส่งเสริมธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม หรือบริการของสหกรณ์ - สนับสนุน ช่วยเหลือสหกรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคและข้อขัดข้องต่างๆ - เป็นตัวแทนของสหกรณ์ในการพิทักษ์และรักษาผลประโยชน์ให้แก่สหกรณ์ - ร่วมมือกับภาครัฐในการส่งเสริมสหกรณ์ - ด าเนินการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติมอบหมาย การบริหารงาน ด าเนินการโดยคณะกรรมการด าเนินการ ที่เลือกตั้งมาจากผู้แทน