โครงงาน
เร่อื ง การศกึ ษาตอ่ ในระดับอดุ มศึกษาของ
นกั เรียนระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายโรงเรียนราชวินติ บางแกว้
จัดทาโดย
นายจริ าวฒั น์ รอดแก้ว เลขที่ 7
นายชัยภณั ฑ์ จนั ทรเ์ ตม็ เลขที่ 8
นางสาวเกตติกา ภูมริ ินทร์ เลขท่ี 28
นางสาวลกั ษณน์ ี วณิชลักษมี เลขที่ 38
ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5/8
เสนอ
คุณครูวชริ าวุธ สอนโสภา
รายงานเลม่ น้ีเป็นส่วนหนึง่ ของรายวชิ า I30202
การศกึ ษาค้นควา้ และสรา้ งองค์ความรู้
ปกี ารศึกษา 2564
โรงเรียนราชวนิ ิตบางแกว้ อาเภอบางพลี จังหวัดสมทุ รปราการ
สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษาสมุทรปราการเขต 6
โครงงาน
เร่อื ง การศกึ ษาตอ่ ในระดับอดุ มศกึ ษาของ
นกั เรียนระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายโรงเรยี นราชวินติ บางแกว้
จัดทาโดย
นายจริ าวฒั น์ รอดแก้ว เลขท่ี 7
นายชัยภณั ฑ์ จนั ทรเ์ ตม็ เลขท่ี 8
นางสาวเกตติกา ภูมริ ินทร์ เลขที่ 28
นางสาวลกั ษณน์ ี วณิชลักษมี เลขที่ 38
ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5/8
เสนอ
คุณครูวชริ าวุธ สอนโสภา
รายงานเลม่ น้ีเป็นส่วนหนึง่ ของรายวชิ า I30202
การศกึ ษาค้นควา้ และสรา้ งองคค์ วามรู้
ปกี ารศึกษา 2564
โรงเรียนราชวนิ ิตบางแกว้ อาเภอบางพลี จงั หวัดสมทุ รปราการ
สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษาสมุทรปราการเขต 6
ก
บทคดั ยอ่
การศึกษาครง้ั น้ีมจี ุดประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการและปัจจัยที่ส่งผลตอ่ การตัดสินใจเลือก
ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนระดับชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนราชวินติ บางแกว้
โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบถาม
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 1-16 โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จานวน 245 คน จาก
นักเรียนทั้งหมด 629 คน โดยใช้ Google Forms เพื่อหาค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐานจากการศกึ ษาพบวา่ นักเรียนสว่ นใหญ่ต้องการศกึ ษาต่อในระดบั อุดมศึกษา โดยเรียงลาดับ
ความสนใจคอื จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
โดยมีคณะที่ต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา 3 อันดับแรกคือ อันดับที่ 1 คณะอื่น ๆ
นอกเหนือจากตัวเลอื ก อันดับที่ 2 คณะนิเทศศาสตร์/วารสารศาสตร์ อันดับที่ 3 คณะแพทยศาสตร์
และคณะวิศกรรมศาสตร์ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ประกอบด้วย ปัจจัย 3 ด้านได้แก่ ปัจจัยด้าน
องคป์ ระกอบสถานศึกษา ปัจจยั ดา้ นสถานที่และทาเลท่ีตัง้ ของสถานศึกษา และปจั จัยด้านครอบครัว
โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1) ปัจจัยด้านองค์ประกอบสถานศึกษาประกอบด้วย 5 ประเด็นคือ ชื่อเสียง
ของมหาวิทยาลัย คุณภาพทางการศึกษาของมหาวิทยาลัย หลักสูตรที่เปิดสอนเป็นที่เหมาะสมและ
น่าสนใจ มหาวิทยาลัยเป็นที่ยอมรับของสังคม และเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป 2) ปัจจัยด้านสถานที่
และทาเลที่ตั้งของสถานศึกษา ประกอบด้วย 5 ประเด็นคือ สถานศึกษาที่อยู่ใกล้บา้ น สะดวกในการ
เดินทาง มีบรรยากาศและสิ่งอานวยความสะดวกดี มีสิ่งอานวยความสะดวกในการเรียนรู้นอก
ห้องเรียน และเปน็ ท่ีรูจ้ กั ของบคุ คลท่ัวไป 3) ปจั จัยด้านครอบครัว ประกอบดว้ ย 5 ประเดน็ คือ บุคคล
ในครอบครัวต้องการให้ศึกษาต่อ ปัจจัยรายได้ของครอบครัว บุคคลในครอบครัวสารมารถส่งเสียให้
เรยี นได้ ได้คาแนะนามาจากบุคคลในครอบครวั และเปน็ สถานศึกษาท่ีบุคคลในครอบครัวเคยศกึ ษา
ข
กติ ติกรรมประกาศ
การศึกษาวิจัยในหัวข้อ “การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนระดับชั้น
มัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว” สาเร็จลุล่วงได้ด้วยความอนุเคราะห์
ช่วยเหลือจากคุณครูวชิราวุธ สอนโสภา ผู้ให้ความกรุณารับเป็นคุณครูที่ปรึกษาให้
คาแนะนา ข้อหัวและให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูล แนวทางการจัดทาที่ถูกต้องตาม
ระเบียบวิธี จึงทาให้งานวิจัย ฉบับนี้เสร็จสมบูรณ์ไปได้ด้วยดี คณะผู้ทา วิจัยจึง
ขอขอบพระคณุ เปน็ อยา่ งสงู
สาหรับการทาวิจัยครั้งนี้ขอขอบพระคุณผู้ตอบแบบสอบถาม นักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ ทั้ง
9 แผนการเรียน ได้แก่ แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ (SMIP) แผนการเรียน
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เทคโนโลยี (SMT) แผนการเรียนวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ (Pre-
Cadet) แผนการเรยี นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ แผนการเรียนภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์
แผนการเรียนภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น แผนการเรียนห้องเรียนพิเศษภาษาจีน แผนการเรียน
ดนตรีไทย-สากลแผนการเรียนกีฬาท่ใี ห้ข้อมูลสาคัญสาหรับการทาวิจัยในครงั้ นี้
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณครอบครัวของผู้วิจัยที่คอยช่วยเหลือและเป็นกาลังใจ
ตลอดจนขอขอบคุณคณะผู้จดั ทาทุกคนทค่ี อยให้ความชว่ ยเหลอื ซึ่งกันและกันให้คาแนะนา
และเปน็ กาลงั ใจเสมอมา ทาให้การศึกษาวิจัยในคร้ังน้ี สาเรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยดี
คณะผู้จดั ทา
สารบญั ค
บทคัดยอ่ หน้า
กติ ตกิ รรมประกาศ
สารบญั ก
สารบญั ตาราง ข
สารบญั ภาพ ค
บทท่ี 1 บทนา ฉ
ช
1.1 ทมี่ าและความสาคญั 1
1.2 วตั ถปุ ระสงค์ของโครงงาน 1
1.3 ขอบเขตของโครงงาน 2
1.4 ประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั 2
บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี เอกสารและงานวิจัยที่เกยี่ วข้อง 2
2.1. ความรู้เกีย่ วกับการศกึ ษา 3
4
- ความหมายของการศึกษา 4
- ความสาคัญของการศึกษา 4
- ประโยชน์ของการศกึ ษา 4
2.2. การศึกษาต่อ 5
- ความสาคัญการศึกษาต่อ 5
- ปจั จัยท่สี ่งผลต่อการตัดสินใจในการศกึ ษาตอ่ 5
2.3. สถาบันอดุ มศึกษา 5
- สถาบนั อดุ มศึกษาภาครฐั 5
- สถาบนั อุดมศึกษาภาคเอกชน 9
2.4. หลักสตู รทเี่ ปิดสอน 12
2.5. งานวิจัยทเี่ กี่ยวขอ้ ง 17
2.6. กรอบแนวคิด 18
ง
สารบัญ (ตอ่ ) หน้า
บทท่ี 3 วธิ ีการดาเนนิ งาน 19
3.1 วิธกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 19
- ประชากร 19
- กลุ่มตวั อย่าง 19
- สถติ ิในการสารวจ 20
3.2 เครอื่ งมอื ในการดาเนนิ งาน 21
3.3 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 22
3.4 การวเิ คราะห์ข้อมลู 22
3.5 ขัน้ ตอนวิธีการสรา้ งขอ้ มูล 22
23
บทท่ี 4 ผลการดาเนินการศึกษาคน้ คว้า 23
4.1. ข้อมูลส่วนบุคคล
4.2. ความต้องการในการศกึ ษาตอ่ ในระดับอุดมศึกษา 25
ของนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินติ บางแก้ว 27
4.3. ปจั จัยท่ีมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การตดั สนิ ใจเลือกศึกษาในระดับอดุ มศกึ ษา
30
บทท่ี 5 สรุปผลการวจิ ยั อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
30
5.1 สรุปผลการวจิ ยั 30
- ขอ้ มูลส่วนบุคคล
- ความต้องการในการศึกษาตอ่ ในระดับอุดมศึกษาของ 31
นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรยี นราชวินิตบางแกว้ 32
จังหวดั สมุทรปราการ 33
- ปจั จัยท่มี ีอทิ ธพิ ลต่อการตดั สินใจเลอื กศึกษาในระดบั อุดมศึกษา 34
5.2 อภิปรายผล
5.3 ข้อเสนอแนะ
สารบัญ (ตอ่ ) จ
บรรณานุกรม หน้า
ภาคผนวก 35
39
ฉ
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ 1 ข้อมูลทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม 23
ตารางที่ 2 แสดงจานวนและรอ้ ยละของสถาบันการศึกษาทต่ี ้องการเข้าศึกษา 25
ตารางท่ี 3 แสดงจานวนและร้อยละของระดับท่ตี ้องการศึกษาต่อ 26
ตารางที่ 4 แสดงจานวนและร้อยละของคณะทต่ี อ้ งการศกึ ษาต่อ 26
ตารางที่ 5 คา่ เฉลย่ี และความเบ่ยี งเบนมาตรฐานทีส่ ่งผล
ต่อปัจจัยท่มี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การตดั สนิ ใจเลือกศึกษาในระดับอดุ มศึกษาดา้ นสถานศกึ ษา 27
ตารางท่ี 6 ค่าเฉลีย่ และความเบีย่ งเบนมาตรฐานท่ีส่งผลต่อปัจจยั ที่มีอิทธิพล
ตอ่ การตัดสนิ ใจเลอื กศึกษาในระดับอุดมศึกษาด้านสถานท่แี ละทาเลทีต่ ้งั 28
ของสถานศึกษา
ตารางที่ 7 ค่าเฉลยี่ และความเบ่ยี งเบนมาตรฐานท่สี ง่ ผลตอ่ ปจั จยั ทมี่ ีอิทธิพล 29
ต่อการตดั สนิ ใจเลอื กศึกษาในระดับอุดมศึกษาดา้ นครอบครวั
สารบัญภาพ ช
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
หน้า
18
1
บทท่ี 1
บทนา
1.1 ทีม่ าและความสาคญั
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้วเป็นนักเรียนที่มีความรู้
ความ สามารถ แตย่ งั ไม่ทราบถึงความชอบของตนเอง และยังไม่สามารถตัดสนิ ใจในการการศึกษาต่อ
ในระดับอุดมศกึ ษาได้ ซง่ึ อาจจะเปน็ ปัญหามากเกี่ยวกับแนวทางการศกึ ษาต่อในระดับอุดมศึกษาของ
นกั เรยี นระดบั ช้นั มัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรยี นราชวนิ ติ บางแก้ว
เนื่องจากสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จงึ เป็นปญั หาอยา่ งย่งิ เพราะนักเรียน
ไม่สามารถออกไปเรยี นรู้จากประสบการณ์โดยตรงได้ ถ้าหากอยากจะประกอบอาชพี น้จี ะตอ้ งศึกษาใน
ระดับอุดมศึกษาคณะใด และสถาบันอุดมศึกษาที่ใด ซึ่งในปัจจุบันนี้สถาบันทางการศึกษาใน
ระดับอดุ มศกึ ษามีมาก โดยมีสถาบนั ทางการศึกษาของท้ังทางภาครัฐและภาคเอกชน แต่ละสถาบันก็มี
การรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในวธิ ีที่แตกต่างกันไปในแต่ละสถาบัน มีคณะเปิดให้
เรยี นให้ศึกษาท่แี ตกต่างกันไป ตลอดไปจนช่ือเสียงและความโดดเด่นในคณะสาขาของในแต่ละสถาบัน
ที่มีความแตกต่างกันออกไปอีกด้วย สาหรับคณะสาขาที่เปดิ รับของในแต่ละสถาบันในปัจจบุ ันก็มีมา
เพม่ิ ขึ้น คณะที่แปลกใหมก่ ็เกิดขึน้ ในบางสถาบัน
คณะผู้จัดทาได้มองเห็นปัญหานี้เป็นปัญหาทีม่ ีความสาคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นคณะผู้จัดทา
ได้จัดทาเรอ่ื ง การศึกษาต่อในระดับอุดมศกึ ษาของนักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิต
บางแก้ว เพื่อต้องการให้นกั เรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้วทีส่ นใจได้
ศกึ ษาถึงสถาบันหรือมหาวิทยาลยั ที่ตนเองต้องการทจ่ี ะเรยี นและสนใจในคณะสาขาต่าง ๆ ที่ตนใฝ่ฝัน
ไว้ในอนาคต และเป็นแนวทางให้นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลายมีชอ่ งทางหรอื เลือกคณะท่ี
จะศกึ ษาและสถาบันอดุ มศึกษา โดยผ่านแบบสารวจออนไลนท์ ี่ไดจ้ ัดทาขึ้น
2
1.2 วัตถุประสงคข์ องโครงงาน
1.2.1 เพื่อศึกษาการทาโครงงานเรื่องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนช้ัน
มธั ยมศกึ ษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแกว้
1.2.2 เพื่อสารวจการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรยี นราชวนิ ติ บางแกว้
1.2.3 เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนช้ัน
มธั ยมศึกษาตอนปลายโรงเรยี นราชวินติ บางแก้ว
1.3 ขอบเขตของโครงงาน
1.3.1 เปน็ โครงงานเรอื่ งการศกึ ษาต่อในระดบั อุดมศกึ ษาของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาตอน
ปลายโรงเรยี นราชวินิตบางแกว้
1.3.2 ขอบเขตเนื้อหาของโครงงานแบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 หวั ข้อ ดังน้ี
1.3.2.1 ความหมายของการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ตอนปลายโรงเรียนราชวินติ บางแกว้
1.3.2.2 ศึกษาคณะต่าง ๆ ของสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย
1.3.2.3 ประโยชน์ของการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้น มธั ยมศกึ ษา
ตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว
1.3.2.4 วิธีการทาของสารวจการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้น
มธั ยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวนิ ติ บางแกว้
1.3.2.5 สรุปผลสารวจการศกึ ษาต่อในระดับอุดมศกึ ษาของนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษา
ตอนปลายโรงเรยี นราชวนิ ิตบางแก้ว
1.4 ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั
1.4.1 ไดศ้ กึ ษาการทาโครงงานเรือ่ งการศกึ ษาตอ่ ในระดบั อดุ มศกึ ษาของนกั เรียนชั้น
มัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรยี นราชวนิ ิตบางแก้ว
1.4.2 ไดส้ ารวจการศกึ ษาต่อในระดบั อุดมศึกษาของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรียนราชวนิ ติ บางแกว้
1.4.3 ได้เปน็ แนวทางในการตัดสนิ ใจในการศึกษาตอ่ ในระดับอดุ มศกึ ษาของนักเรียนชั้น
มธั ยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินติ บางแกว้
3
บทที่ 2
แนวคดิ ทฤษฎี เอกสารและงานวิจยั ที่เก่ยี วขอ้ ง
ในการศึกษาครงั้ นค้ี ณะผู้จดั ทาศึกษาความต้องการศกึ ษาต่อของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาตอน
ปลายโรงเรียนราชวินิตบางแกว้ คณะผ้จู ัดทาได้ศกึ ษาแนวคิดและงานวิจัยทีเ่ ก่ียวขอ้ งดงั นี้
2.1 ความรเู้ ก่ียวกับการศึกษา
- ความหมายของการศกึ ษา
- ความสาคญั ของการศึกษา
- ประโยชน์ของการศึกษา
2.2 การศกึ ษาต่อ
- ความสาคัญการศกึ ษาต่อ
- ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจในการศกึ ษาตอ่
2.3 สถาบันอดุ มศึกษา
- สถาบนั อดุ มศึกษาภาครฐั
- สถาบันอุดมศึกษาภาคเอกชน
2.4 หลักสูตรทเี่ ปดิ สอน
2.5 งานวจิ ยั ท่ีเก่ยี วข้อง
2.6 กรอบแนวคดิ
ในการศึกษาเรื่องแนวทางการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ผู้จัดทาโครงการได้รวบรวม
แนวคิดทฤษฎีและหลกั การตา่ งๆจากเอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ งดังตอ่ ไปน้ี
การศึกษาเป็นสิง่ ที่มคี วามสาคญั ตอ่ เยาวชนของชาตินับตง้ั แต่อดตี จนถึงปัจจุบนั ดงั นั้นรฐั บาล
จึงมุ่งให้การสนับสนุนการศึกษาโดยการจัดตั้งให้มีสถาบันทางการศึกษาขึ้นเพื่อรองรับกับความ
ต้องการของประชากรที่มุ่งจะเข้าศึกษาต่อเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยเหตุนี้ทาให้ในปัจจุบันนี้ได้มี
สถาบันทางการศึกษาเกิดขึ้นอย่างมากมายจนทาให้ระบบการศึกษาต้องเข้าสู่ ความเป็นธุรกิจอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ กอ่ ให้เกิดการแข่งขันกันสงู เพ่อื จูงใจให้กลุ่มเป้าหมายเลอื กท่ีจะเข้าศึกษาในสถาบันของ
ตน และนับเป็นความโชคดีแก่เยาวชน เพราะการที่มีสถาบันการศึกษาจานวนมาก ทาให้เยาวชนมี
โอกาสเลือกในสิง่ ทด่ี ีทีส่ ดุ ให้กับตนเอง
จากแนวความคิดที่ว่า“มหาวิทยาลัย” คือองค์กรทางความรู้ที่สามารถผลิตความรู้และผลิต
ปัญญาให้แก่เยาวชนของประเทศชาติให้เติบโตไปเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ ดังนั้นบทบาทของ
มหาวิทยาลัยจึงต้องบ่งบอกได้ว่าการเข้ามาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยนั้น กลุ่มเป้าหมายคาดหวังจะ
4
ได้รับอะไรจากมหาวิทยาลัยบ้างและสามารถเป็นแหล่งปัญญาของสังคมได้อย่างไรด้วยเหตุน้ี
มหาวิทยาลัยจึงมีความจาเป็นที่จะต้องสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายได้ทราบว่าสถาบันของตนสามารถให้
ความรอู้ ะไรไดส้ าขาไหนเหมาะท่จี ะเรยี นพรอ้ มทัง้ เสนอแนะบางสาขาทีม่ ใี หม่ใหน้ กั เรียนได้รบั ทราบจะ
ทาให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าใจและมองเห็นภาพของสถาบันที่เขาต้องการเรียนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ก่อให้เกิดทัศนคติทีด่ ี เพือ่ เปน็ ตวั กระตนุ้ ใหเ้ กิดความสนใจและมผี ลต่อการตดั สินใจในการเข้าศึกษาต่อ
อีกทางหนึ่ง ด้วยเหตุนี้หลาย ๆ มหาวิทยาลัยจึงงัดเอากลยทุ ธ์ตา่ งๆมาใช้ เพื่อมุ่งสนับสนุนความโดด
เด่นของสถาบันการศึกษาตนให้เป็นที่รู้จักและน่าสนใจเพื่อจูงใจนักเรียนให้เข้ามาเรียนโดยจะ
ครอบคลุมเป้าหมายหลักคอื นักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลายและเป้าหมายรองคือผู้ปกครองนั่นเอง
โดยสิ่งสาคัญที่แต่ละมหาวิทยาลัยเน้นในการประชาสัมพันธ์ คือ การสร้างคุณภาพทางการศึกษาให้
เป็นท่ีประจักษแ์ ละเปน็ ทยี่ อมรับแก่กลมุ่ เป้าหมาย
2.1 ความรูเ้ กย่ี วกบั การศึกษา
ความรูเ้ กีย่ วกบั การศึกษาตอ้ งสามารถนาไปใช้และประยคุ ในสภาพสงั คมปัจจุบนั และสามารถ
พัฒนาตอ่ ไปได้หรือนาไปตอ่ ยอดให้มปี ระโยชนส์ งู สดุ จะถอื ว่าการศึกษาน้ันมีคุณภาพและทาให้ผไู้ ด้รับ
การศกึ ษาน้นั เปน็ คนทม่ี คี ณุ ภาพในสังคม
- ความหมายของการศึกษา
คือ “กระบวนการเรียนรู้” ของคนและสงั คม คนทกุ คนทม่ี ารวมกนั เปน็ สงั คมมนษุ ย์
ต้องเรยี นร้ไู ปดว้ ยกนั ถึงจะสรา้ งความเจริญกา้ วหนา้ ให้กบั สังคมและประเทศชาติ
สถานศึกษาซง่ึ เปน็ หนว่ ยงานที่ให้บรกิ ารการเรียนรแู้ ก่ผเู้ รยี นโดยตรง จงึ มภี ารกิจมีบทบาท
และความสาคญั ในฐานะหนว่ ยงานทีจ่ ัดกระบวนการเรยี นรู้ให้กับ “คน” และ “สงั คม”
- ความสาคญั ของการศึกษา
คือ การศกึ ษามีความสาคญั กับชวี ติ ทุกชีวติ ในชวี ิตประจาวนั ของคนเรา มีการเรียน
รูอ้ ยู่ตลอดเวลา และไมห่ ยดุ น่ิง ไมม่ ใี ครแก่เกินเรยี น เพราะรากฐานของตกึ คอื อฐิ รากฐาน
ของชีวติ คอื การศึกษา
- ประโยชนข์ องการศกึ ษา
ทาให้ผ้ทู ่ีศกึ ษาได้รับความรู้และสามารถนาไปตอ่ ยอดได้ในอนาคต หรือพฒั นาตอ่
ดงั นัน้ จงึ เรียกวา่ ประโยชนข์ องการศกึ ษา
5
2.2 การศกึ ษาตอ่
คอื การศกึ ษาที่จดั ข้ึนเพอ่ื สนองความต้องการและความจาเปน็ ของบุคคลตอ่ เน่ืองจาก
ฐานความรู้เดมิ ในรูปของกิจกรรมการเรยี นรูห้ รอื หลกั สตู รการเรียนรู้ ประเภทมหี น่วยกิตและไมม่ ี
หนว่ ยกิตซ่งึ มใิ ช่การศึกษาตามระบบปกติ การศึกษาตอ่ เน่อื ง เป็นไดท้ ั้งการฝึกอบรมดา้ นอาชีพ การ
ยกระดับฝมี ือในการทางาน รวมท้ังหลักสตู รการพัฒนา
- ความสาคัญการศึกษาตอ่
สง่ ผลให้เกดิ ความรู้ ความรูน้ ้ันสามารถนามาใช้พัฒนาคนให้มคี วามสามารถท่จี ะใช้
ประกอบอาชพี และเอาตวั รอดได้ รวมท้ังช่วยขัดเกลาคนใหม้ ีจติ สานกึ และคุณธรรม เปน็ ผู้
เจริญทางปัญญาและจิตใจ ซึง่ คนเหล่านน้ี อกจากจะสามารถพัฒนาตนเองแลว้ ยงั ส่งผลต่อ
สังคมและประเทศชาติให้เจรญิ ร่งุ เรอื ง
- ปัจจยั ทส่ี ่งผลตอ่ การตดั สินใจในการศกึ ษาตอ่
ปัจจยั ทางดา้ นบคุ คล
ปจั จยั ทางด้านการเงิน
ปจั จัยดา้ นหลักสูตร
ปัจจัยทางด้านสถาบันการศึกษา
ปจั จัยด้านครอบครวั
ปัจจัยดา้ นสังคม
2.3. สถาบันอุดมศกึ ษา
1. สถาบนั อดุ มศึกษาภาครฐั
1.1 มหาวิทยาลัยของรฐั
1.1.1 มหาวทิ ยาลัยกาฬสินธ์ุ
1.1.2 มหาวทิ ยาลัยนครพนม
1.1.3 มหาวิทยาลยั นราธวิ าสราชนครนิ ทร์
1.1.4 มหาวทิ ยาลัยนเรศวร
1.1.5 มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม
1.1.6 มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ้
1.1.7 มหาวิทยาลัยรามคาแหง
1.1.8 มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์
1.1.9 มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
1.1.10 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
6
1.2 มหาวิทยาลยั ในกากบั ของรฐั
1.2.1 จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย
1.2.2 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
1.2.3 มหาวิทยาลัยขอนแกน่
1.2.4 มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่
1.2.5 มหาวทิ ยาลยั ทักษณิ
1.2.6 มหาวิทยาลยั นวมนิ ทราธริ าช
1.2.7 มหาวทิ ยาลัยบูรพา
1.2.8 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
1.2.9 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนอื
1.2.10 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีสุรนารี
1.2.11 มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์
1.2.12 มหาวิทยาลยั พะเยา
1.2.13 มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย
1.2.14 มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั
1.2.15 มหาวิทยาลัยมหดิ ล
1.2.16 มหาวิทยาลัยแมฟ่ า้ หลวง
1.2.17 มหาวิทยาลัยวลยั ลกั ษณ์
1.2.18 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ
1.2.19 มหาวิทยาลยั ศิลปากร
1.2.20 มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ิต
1.3 มหาวทิ ยาลัยราชภัฏ
1.3.1 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั กาญจนบุรี
1.3.2 มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏกาแพงเพชร
1.3.3 มหาวิทยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม
1.3.4 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ
1.3.5 มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เชยี งราย
1.3.6 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่
1.3.7 มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเทพสตรี
1.3.8 มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏธนบุรี
1.3.9 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม
7
1.3.10 มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครราชสมี า
1.3.11 มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครศรีธรรมราช
1.3.12 มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
1.3.13 มหาวทิ ยาลัยราชภัฏบ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา
1.3.14 มหาวิทยาลัยราชภฏั บรุ ีรัมย์
1.3.15 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนคร
1.3.16 มหาวทิ ยาลัยราชภฏั พระนครศรอี ยธุ ยา
1.3.17 มหาวิทยาลยั ราชภัฏพิบูลสงคราม
1.3.18 มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบุรี
1.3.19 มหาวิทยาลัยราชภฏั เพชรบูรณ์
1.3.20 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ภูเกต็
1.3.21 มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
1.3.22 มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏยะลา
1.3.23 มหาวทิ ยาลัยราชภฏั รอ้ ยเอ็ด
1.3.24 มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์
1.3.25 มหาวิทยาลยั ราชภฏั ราไพพรรณี
1.3.26 มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏลาปาง
1.3.27 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เลย
1.3.28 มหาวิทยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถมั ภ์
1.3.29 มหาวทิ ยาลัยราชภัฏศรสี ะเกษ
1.3.30 มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร
1.3.31 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สงขลา
1.3.32 มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสุนันทา
1.3.33 มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สุราษฎร์ธานี
1.3.34 มหาวิทยาลัยราชภฏั สุรินทร์
1.3.35 มหาวทิ ยาลัยราชภัฏหมูบ่ ้านจอมบึง
1.3.36 มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุดรธานี
1.3.37 มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อตุ รดิตถ์
1.3.38 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุบลราชธานี
8
1.4 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
1.4.1 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ
1.4.2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลตะวันออก
1.4.3 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี
1.4.4 มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
1.4.5 มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์
1.4.6 มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
1.4.7 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
1.4.8 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ
1.4.9 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน
1.5 สถาบนั อุดมศกึ ษาในกากบั ของรัฐ
1.5.1 สถาบันดนตรกี ัลยาณิวฒั นา
1.5.2 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ เจ้าคุณทหารลาดกระบงั
1.6 สถาบันอดุ มศึกษาของรัฐ
1.6.1 สถาบันการบนิ พลเรือน
1.6.2 สถาบันการพลศึกษา
1.6.3 สถาบันเทคโนโลยีปทมุ วนั
1.6.4 สถาบันบัณฑติ พัฒนบริหารศาสตร์
1.6.5 สถาบนั บัณฑติ พัฒนศิลป์
1.6.6 สถาบันพระบรมราชชนก
1.7 วทิ ยาลัย
1.7.1 วิทยาลัยพยาบาลกองทพั บก
1.7.2 วิทยาลัยพยาบาลกองทพั เรอื
1.7.3 วิทยาลัยพยาบาลตารวจ
1.7.4 วิทยาลยั พยาบาลทหารอากาศ
1.7.5 วิทยาลยั พยาบาลสภากาชาดไทย
1.7.6 วิทยาลยั แพทยศาสตรพ์ ระมงกุฎเกลา้
1.7.7 ศนู ย์ฝกึ พาณิชยน์ าวี
1.8 วิทยาลยั ในกากับของรฐั
1.8.1 ราชวทิ ยาลยั จฬุ าภรณ์
9
1.9 โรงเรียนนายทหารและนายตารวจสญั ญาบัตร
1.9.1 โรงเรยี นนายร้อยตารวจ
1.9.2 โรงเรียนนายร้อยพระจลุ จอมเกลา้
1.9.3 โรงเรยี นนายเรอื
1.9.4 โรงเรยี นนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธริ าช
2. สถาบันอดุ มศกึ ษาภาคเอกชน
2.1 มหาวทิ ยาลยั เอกชน
2.1.1 มหาวทิ ยาลัยกรงุ เทพ
2.1.2 มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพธนบุรี
2.1.3 มหาวทิ ยาลัยกรงุ เทพสวุ รรณภมู ิ
2.1.4 มหาวิทยาลัยการจดั การและเทคโนโลยีอสี เทริ น์
2.1.5 มหาวิทยาลัยเกรกิ
2.1.6 มหาวทิ ยาลยั เกษมบณั ฑิต
2.1.7 มหาวทิ ยาลัยคริสเตียน
2.1.8 มหาวทิ ยาลยั เฉลิมกาญจนา
2.1.9 มหาวิทยาลัยตาปี
2.1.10 มหาวิทยาลัยเจา้ พระยา
2.1.11 มหาวิทยาลัยชินวตั ร
2.1.12 มหาวิทยาลัยเซนตจ์ อห์น
2.1.13 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีมหานคร
2.1.14 มหาวิทยาลยั ธนบุรี
2.1.15 มหาวิทยาลัยธรุ กจิ บัณฑิตย์
2.1.16 มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
2.1.17 มหาวทิ ยาลยั นอรท์ -เชียงใหม่
2.1.18 มหาวทิ ยาลยั นานาชาตแิ สตมฟอรด์
2.1.19 มหาวิทยาลัยนานาชาติเอเชีย-แปซฟิ กิ
2.1.20 มหาวิทยาลัยเนช่ัน
2.1.21 มหาวิทยาลยั ปทมุ ธานี
2.1.22 มหาวทิ ยาลัยพายัพ
2.1.23 มหาวทิ ยาลัยพษิ ณุโลก
10
2.1.24 มหาวทิ ยาลยั ฟารอ์ สี เทอรน์
2.1.25 มหาวทิ ยาลัยภาคกลาง
2.1.26 มหาวทิ ยาลัยภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื
2.1.27 มหาวทิ ยาลยั รงั สิต
2.1.28 มหาวทิ ยาลยั รัตนบณั ฑิต
2.1.29 มหาวทิ ยาลัยราชธานี
2.1.30 มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์
2.1.31 มหาวทิ ยาลัยวงษช์ วลติ กลุ
2.1.32 มหาวิทยาลยั เวบสเตอร์ (ประเทศไทย)
2.1.33 มหาวทิ ยาลัยเวสเทริ น์
2.1.34 มหาวทิ ยาลัยศรีปทมุ
2.1.35 มหาวทิ ยาลยั สยาม
2.1.36 มหาวิทยาลยั หอการค้าไทย
2.1.37 มหาวทิ ยาลัยหวั เฉียวเฉลมิ พระเกยี รติ
2.1.38 มหาวทิ ยาลยั หาดใหญ่
2.1.39 มหาวทิ ยาลยั อสั สมั ชญั
2.1.40 มหาวทิ ยาลยั ฟาฏอนี
2.1.41 มหาวทิ ยาลยั อสี เทริ น์ เอเชยี
2.1.42 มหาวิทยาลยั เอเชยี น
2.1.43 มหาวิทยาลยั เอเชียอาคเนย์
2.2 สถาบันเอกชน
2.2.1 สถาบันกนั ตนา
2.2.2 สถาบนั การจัดการปญั ญาภวิ ัฒน์
2.2.3 สถาบันวิทยาการจดั การแห่งแปซิฟคิ
2.2.4 สถาบันการเรยี นร้เู พือ่ ปวงชน
2.2.5 สถาบนั เทคโนโลยีไทย-ญปี่ นุ่
2.2.6 สถาบนั เทคโนโลยแี ห่งอโยธยา
2.2.7 สถาบนั เทคโนโลยแี หง่ เอเชยี
2.2.8 สถาบนั เทคโนโลยียานยนตม์ หาชยั
2.2.9 สถาบันรัชตภ์ าคย์
2.2.10 สถาบันวิทยสิริเมธี
11
2.2.11 สถาบนั อาศรมศิลป์
2.2.12 สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภมู ิ
2.3 วิทยาลัยเอกชน
2.3.1 วทิ ยาลัยเชยี งราย
2.3.2 วิทยาลัยเซนตห์ ลุยส์
2.3.3 วิทยาลยั เซาธ์อีสบางกอก
2.3.4 วทิ ยาลัยดุสิตธานี
2.3.5 วทิ ยาลัยทองสขุ
2.3.6 วิทยาลยั เทคโนโลยีจิตรลดา
2.3.7 วิทยาลัยเทคโนโลยพี นมวนั ท์
2.3.8 วิทยาลัยเทคโนโลยภี าคใต้
2.3.9 วิทยาลัยเทคโนโลยสี ยาม
2.3.10 วิทยาลยั นครราชสมี า
2.3.11 วิทยาลยั นานาชาติเซนต์เทเรซา
2.3.12 วิทยาลัยบัณฑิตเอเชยี
2.3.13 วิทยาลัยพิชญบณั ฑิต
2.3.14 วิทยาลยั พทุ ธศาสนานานาชาติ
2.3.15 วิทยาลยั นอร์ทเทริ น์
2.3.16 วทิ ยาลยั สันตพล
2.3.17 วทิ ยาลัยแสงธรรม
2.3.18 วทิ ยาลยั อนิ เตอรเ์ ทคลาปาง
12
2.4 หลกั สูตรทีเ่ ปิดสอน
ปจั จุบันนีส้ ถาบันทางการศึกษาในระดบั อุดมศกึ ษาของไทยมีมากมายถงึ 169 สถาบัน ซึ่งจะ
จัดแยกกลุ่มตามสถาบันทางการศึกษาของทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชน แต่ละสถาบันก็มีการรับ
นักเรียนเขา้ ศึกษาตอ่ ในระดับอุดมศึกษาในวธิ ที ีแ่ ตกต่างกันไปในแต่ละสถาบนั มีคณะเปิดให้เรียนให้
ศกึ ษาที่แตกตา่ งกันไป ตลอดไปจนถึงความโด่งดงั และความโดดเดน่ ในคณะสาขาของในแต่ละสถาบัน
ที่มีความแตกต่างกันออกไปอีกด้วย สาหรับคณะสาขาที่เปดิ รบั ของในแต่ละสถาบันในปัจจบุ ันกม็ ีมา
เพิ่มขึ้น คณะที่แปลกๆใหม่ๆก็เกิดขึ้นในบางสถาบัน และมีวิธีการเปิดรับนักเรียนนักศึกษาไทยที่
แตกต่างและใหม่ๆเกดิ ข้ึน
1. ระดบั บณั ฑติ
1.1 คณะแพทยศาสตร์
1.2 คณะทันตแพทยศาสตร์
1.3 คณะสตั วแพทยศาสตร์
1.4 คณะสหเวชศาสตร/์ เทคนิคการแพทย์
1.4.1 สาขาเทคนิคการแพทย์
1.4.2 สาขากายภาพบาบดั
1.4.3 สาขารงั สีเทคนิค
1.4.4 สาขากจิ กรรมบาบดั
1.5 คณะพยาบาลศาสตร์
1.6 คณะเภสชั ศาสตร์
1.7 คณะวทิ ยาศาสตร์
1.7.1 สาขาวิชาคณติ ศาสตร์
1.7.2 สาขาวิชาวิทยาการคอมพวิ เตอร์
1.7.3 สาขาวิชาเคมี
4.1.7.4 สาขาวิชาฟิสิกส์
4.1.7.5 สาขาวิชาชีววิทยา
4.1.7.6 สาขาวิชาสัตววิทยา
4.1.7.7 สาขาวิชาพฤกษศาสตร์
4.1.7.8 สาขาวิชาพันธุศาสตร์
4.1.7.9 สาขาวชิ าเคมวี ศิ วกรรม
4.1.7.10 สาขาวิชาธรณีวิทยา
13
4.1.7.11 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป
4.1.7.12 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล
4.1.7.13 สาขาวิชาชีวะเคมี
4.1.7.14 สาขาวิชาวัสดุศาสตร์
4.1.7.15 สาขาวิชาจุลชีววิทยา
4.1.7.16 สาขาวิชาวิทยาศาสตรท์ างภายถา่ ยและ เทคโนโลยที างการพิมพ์
4.1.7.17 สาขาวิชาเทคโนโลยีทางอาหาร
4.1.7.18 สาขาวิชาสถิติ
4.1.7.19 สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ
4.1.7.20 สาขาวิชาเทคโนโลยีชนบท
4.1.7.21 สาขาวิชารังสีประยกุ ต์และไอโซโทป
1.8 คณะสาธารณสุขศาสตร์
1.9 คณะวศิ กรรมศาสตร์
1.9.1 สาขาวิชาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์
1.9.2 สาขาวศิ วกรรมเคมี
1.9.3 สาขาวิศวกรรมเครอ่ื งกล
1.9.4 สาขาวิศวกรรมเรือ
1.9.5 สาขาวิศวกรรมยานยนต์
1.9.6 สาขาวศิ วกรรมไฟฟ้า
1.9.7 สาขาวิศวกรรมโยธา
1.9.8 สาขาวิศวกรรมโลหการ
1.9.9 สาขาวิศวกรรมส่งิ แวดล้อม
1.9.10 สาขาวิศวกรรมสารวจ
1.9.11 สาขาวศิ วกรรมเหมอื งแร่
1.9.12 สาขาวศิ วกรรมปโิ ตรเลียม
1.9.13 สาขาวศิ วกรรมอตุ สาหกรรม
1.9.14 สาขาวศิ วกรรมวสั ดุ
1.9.15 สาขาวิศวกรรมการบินและอากาศยาน
1.9.16 สาขาวศิ วกรรมการอาหาร
1.9.17 สาขาวศิ วกรรมเกษตร
1.9.18 สาขาวศิ วกรรมชลประทาน
14
1.9.19 สาขาวิศวกรรมทรพั ยากรน้า
1.10 คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์
1.10.1 สาขาวิชาสถาปัตยกรรม
1.10.2 สาขาวิชาสถาปัตยกรรมไทย
1.10.3 สาขาวชิ าสถาปตั ยกรรมภายใน
1.10.4 สาขาวชิ าการออกแบบอตุ สาหกรรม
1.10.5สาขาวชิ าภมู ิสถาปัตยกรรม
1.11 คณะครุศาสตร์/ศกึ ษาศาสตร์
1.11.1 สาขาการศึกษาปฐมวัย
1.11.2 สาขาประถมศึกษา
1.11.3 สาขามธั ยมศึกษา
1.11.4 สาขาการสอนวชิ าเฉพาะ
1.11.5 สาขาการศึกษานอกระบบโรงเรียน
1.12 คณะนิเทศศาสตร์/วารสารศาสตร์
1.12.1 สาขาวิชาวารสารสนเทศ
1.12.2 สาขาวิชาวิทยแุ ละโทรทัศน์
1.12.3 สาขาวิชาภาพยนตแ์ ละภาพนิ่ง
1.12.4 สาขาวิชาโฆษณา
1.12.5 สาขาวชิ าประชาสมั พันธ์
1.13 คณะนิตศิ าสตร์
1.14 คณะเศรษฐศาสตร์
1.15 คณะรัฐศาสตร์
1.15.1 สาขาวิชาการเมืองการปกครอง
1.15.2 สาขาบรหิ ารรัฐกิจ สาขารัฐประศาสนศาสตร์
1.15.3 สาขาการระหว่างประเทศ
1.15.4 สาขาวิชาสงั คมวทิ ยาและมานษุ ยวิทยา
1.16 คณะพานชิ ยศาสตร์ และการบัญชี/คณะบริหารธุรกจิ
1.16.1 หลกั สูตรบัญชบี ัณฑิต ประกอบดว้ ย 3 สาขาวิชา ดังนี้
1.16.1.1สาขาวิชาการบัญชี
1.16.1.2 สาขาวิชาการต้นทุน
1.16.1.3 สาขาวิชาระบบสารสนเทศทางการบัญชี
15
1.16.2 หลักสูตรบริหารธรุ กิจบัณฑติ ประกอบด้วย 8 สาขาวิชา ดงั น้ี
1.16.2.1 สาขาวิชาการธนาคารและการเงิน
1.16.2.2 สาขาวิชาระบบสารสนเทศทางการจดั การ
1.16.2.3 สาขาวิชาการจดั การองค์การและทรัพยากรมนุษย ์์
1.16.2.4 สาขาวิชาการบริหารอุตสาหกรรมเดินทาง
1.16.2.5 สาขาวิชาการจดั การด้านการผลิตและการดาเนินงาน
1.16.2.6 สาขาวิชาการจดั การขนส่งระหว่างประเทศ
1.16.2.7 สาขาวิชาการตลาด
1.16.2.8 สาขาวิชาการจดั การธุรกิจระหว่างประเทศ
1.16.3 หลักสูตรสถิติศาสตรบณั ฑติ ประกอบด้วย 4 สาขาวชิ า ดงั นี้
1.16.3.1 สาขาวิชาสถิติประยุกต์
1.16.3.2 สาขาวิชาประกนั ภัย
1.16.3.3 สาขาวิชาสถิติคณิตศาสตร์
1.16.3.4 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อธุรกิจ
1.17 คณะอกั ษรศาสตร/์ คณะศลิ ปศาสตร/์ คณะมนษุ ยศาสตร์
1.17.1 สาขาวิชาประวัติศาสตร์
1.17.2 สาขาวชิ าภมู ศิ าสตร์
1.17.3 สาขาวิชาสารสนเทศศึกษา
1.17.4 สาขาวิชาสารสนเทศศกึ ษา
1.17.5 สาขาวิชาศิลปการละคร
1.17.6 สาขาวชิ าภาษาไทย
1.17.7 สาขาวิชาภาษาบาลี และสันสกฤต
1.18 คณะศลิ ปกรรมศาสตร์/จิตรกรรม ประตมิ ากรรม ภาพพมิ พ์
1.19 คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์
1.19.1 ภาควิชาการพัฒนาชุมชน
1.19.2 ภาควชิ าสังคมสงเคราะห์
1.19.2.1 สาขาสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์
1.19.2.2 สาขาสังคมสงเคราะหท์ างการแพทย์
1.19.2.3 สาขาสังคมสงเคราะหท์ างการศึกษา
1.19.2.4 สาขาสังคมสงเคราะหใ์ นกรบวนการยุตธิ รรม
16
1.19.2.5 สาขาพฒั นาแรงงานและสวสั ดิการ
1.20 คณะคณะสงั คมวทิ ยาและมานษุ ยวทิ ยา
1.21 คณะสังคมวทิ ยาและมานษุ ยวทิ ยา
1.21.1 สาขาทรัพยากรปา่ ไม้
1.21.2 วศิ วกรรมป่าไม้
1.21.3 วนศาสตร์ชุมชน
2 หลักสตู รประกาศนียบตั รวิชาชพี ชัน้ สงู (ปวส.)
2.1 อตุ สาหกรรม
2.2 บรหิ ารธรุ กจิ
2.3 ศลิ ปกรรม
2.4 คหกรรม
2.5 เกษตรกรรม
2.6 อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
2.7 อตุ สาหกรรมสงิ่ ทอ
2.8 เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร
3 หลกั สูตรปริญญาตรสี ายเทคโนโลยหี รอื สายปฏบิ ตั ิการ
3.1 อตุ สาหกรรม
3.1.1เทคโนโลยยี านยนต์
3.1.2 เทคโนโลยีไฟฟา้
3.1.3เทคโนโลยีอิเล็กทรอนกิ ส์
3.2 บริหารธุรกจิ
3.2.1 การตลาด
3.2.2 บัญชี
3.2.3 คอมพวิ เตอร์ธรุ กิจ
17
2.5 งานวจิ ัยทีเ่ กีย่ วข้อง
น้าฝน ลูกคา (2555) ได้ทาการวิจัยเรื่องความต้องการและความคาดหวังของนักเรียน
มัธยมศึกษาตอนปลายต่อการเลือกศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เพื่อศึกษาความ
ต้องการและความคาดหวงั ของนักเรียนมธั ยมศกึ ษาตอนปลายตอ่ การศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยราชภัฏ
สวนสุนันทา พบว่า โดยภาพรวมทั้งหมดนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายมีความต้องการและความ
คาดหวังที่จะศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาตามความต้องการของครอบครัวและการงานที่มั่นคงใน
อนาคต
จุฑามาศ ชูจินดา, กติ ิยานภา ภตู่ ระกลู และ ณภทั ร โชคธนินกุล (2555) ได้ทาการวิจัยเร่ือง
แรงจูงใจในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อศึกษาแรงจูงใจใน
การศกึ ษาต่อระดับอดุ มศึกษาของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 และประกาศนียบัตรวชิ าชีพ ปีท่ี 3 ใน
เขตจังหวัดนนทบุรี และเปรียบเทียบแรงจูงใจในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 6 และประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปีที่ 3 ในการสารวจพบว่าแรงจูงใจที่แตกต่างกัน
ข้ึนอยกู่ ับเกรดเฉลี่ยทีส่ ะสมท่ตี า่ งกันจึงมแี รงจงู ใจและความต้องการทแี่ ตกตา่ งกัน
รณชยั คงกะพันธ์ (2553) ไดท้ าการวจิ ัยเรอื่ งปจั จัยท่มี ผี ลต่อการเลอื กเรียนสถาบันอดุ มศึกษา
ของนักเรียนสายอาชีวศึกษาใน จังหวัดภูเก็ตและพังงา เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกเรียน
สถาบนั อุดมศกึ ษาของนักเรยี นสายอาชีวศกึ ษาในจัดหวัดภเู ก็ตและพงั งา และ เปรียบเทียบปัจจัย ที่มี
ผลต่อการเลือกเรียนสถาบนั อุดมศึกษาในจังหวัดภูเก็ตและพังงา พบว่านักเรียนท่ีบดิ ามารดามีระดับ
การศึกษาสูง กว่าปริญญาตรีและประกอบอาชีพรับราชการและนักธุรกิจ จะมีการตัดสินใจศึกษาต่อ
มากกว่านักเรียนทีบ่ ิดามารดามีระดับการศึกษาต่อและประกอบอาชีพอื่น เนื่องจากบิดามารดาเปน็
ต้นแบบที่ดีส่งผลต่อ แรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์การคาดหวังในการศึกษาต่อในระดับสูงของนักเรียนและ
พบว่านักเรยี นที่ครอบครัวมสี ถานภาพทางเศรษฐกิจดี จะมีการตัดสินใจศึกษาต่อมากกว่านักเรียนท่ี
ครอบครัวมีสถานภาพทางเศรษฐกจิ ตา่ ซ่งึ เศรษฐกิจเปน็ ตวั กาหนดโอกาสทางการศึกษาโดยการศึกษา
ในระดบั อดุ มศึกษา
ไกรสิงห์ สดุ สงวน (2560) ไดท้ าการวจิ ยั เรอ่ื งการศึกษาปัจจัยทมี่ ีผลตอ่ การตัดสินใจศึกษาต่อ
ในระดับอุดมศึกษาของนักเรียน มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร เพ่ือ
ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการ ตัดสินใจศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรยี นสาธิตมหาวิทยาลยั ศิลปากร พบว่าการตดั สนิ ใจเลอื กเรยี นตอ่ ในระดับอดุ มศึกษาเพราะปัจจัย
ดา้ นความก้าวหน้าและความม่ันคงในอาชีพ นักเรียนได้ให้ความสาคญั ในการตัดสนิ ใจเข้าศึกษาต่อใน
ระดับอุดมศึกษาในด้านเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากนักเรียนได้เห็นความสาคัญในการศึกษาต่อใน
ระดับอุดมศึกษา เม่ือสาเร็จการศกึ ษาไปสกู่ ารประกอบอาชพี หรือการศกึ ษาต่อในระดบั ที่สงู ข้ึน
18
ธันยากร ช่วยทุกข์เพื่อน (2559) ได้ทาวิจัยเรื่องการศึกษาปัจจัยที่มผี ลต่อการเลือกเรียนใน
ระดบั อุดมศกึ ษาที่มหาวิทยาลยั ธรุ กิจบัณฑิตย์ ของนกั ศกึ ษาระดับปริญญาตรี เพ่ือศึกษาความคิดเห็น
ของนกั ศึกษาเกี่ยวกบั ปจั จัยที่มีผลต่อ การเลอื กเรียนในระดบั อดุ มศกึ ษา และเปรียบเทียบปจั จัยท่ีมีผล
ต่อการเลือกเรียนในระดับอุดมศึกษา พบวา่ ปจั จยั ที่มผี ลต่อการตัดสนิ ใจคือปัจจัยในด้านช่ือเสียงของ
สถานศึกษาปัจจัยด้านหลักสูตร ปัจจัยด้านอาจารย์ผู้สอน ปัจจัยการมีบรรยากาศ สิ่งอานวยความ
สะดวกที่ดี และ ปัจจัยด้านสวัสดิการและการบริการหน่วยงานที่เก่ียวข้องกับการรบั สมัครนักศึกษา
ใหม่ สามารถนาปัจจยั นีเ้ ปน็ ขอ้ มูลเบือ้ งตน้ ในการจัดโครงการแนะแนวนักเรียน ในการตัดสนิ ใจเลอื ก
เขา้ ศึกษา และเปน็ แนวทางในการจดั การเกี่ยวกบั การรับนกั ศกึ ษาในปกี ารศกึ ษาตอ่ ไปได้
2.6 กรอบแนวคดิ
ตวั แปรอสิ ระ ขอ้ มลู ส่วนบคุ คล
- เพศ
- ระดบั ชัน้
- แผนการ
เรียน
ตวั แปรตาม ปัจจัยการศึกษาของนักเรียน
ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย
ความต้องการในการศึกษาต่อ โรงเรียนราชวนิ ติ บางแก้ว
ข อ ง น ั ก เ ร ี ย น ร ะ ด ั บ ช้ั น
มัธยมศึกษา ตอนปลายโรงเรียน - ความถนดั
ราชวินิตบางแก้ว - ความสนใจ
- ความชอบ
19
บทท่ี 3
วิธีการดาเนนิ งาน
ในการทาโครงงานครั้งนี้คณะผู้จัดทา ได้มีการมุ่งศึกษาความต้องการในการศึกษาต่อของ
นักเรยี นโรงเรยี นราชวินิตบางแกว้ จังหวดั สมทุ รปราการ ซึง่ ผดู้ าเนนิ งานได้นาเสนอวิธีการดาเนินการ
ตามหวั ขอ้ ดังนี้
3.1 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
3.1.1 ประชากร คือ นกั เรียนระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 หอ้ ง 1-16
โรงเรยี นราชวนิ ติ บางแกว้ จานวน 629 คน
3.1.2 กลมุ่ ตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 หอ้ ง 1-16
โรงเรียนราชวินิตบางแกว้ จานวน 245 คน
โดยการกาหนด กลุ่มตวั อยา่ งตามวิธีการของยามาเน่ (Yamane, 1973)
ที่ระดบั ความเชอ่ื มนั่ 95% โดยใช้ความคลาดเคลื่อนในการสุ่ม 5% ดงั น้ี
=
1+ ⅇ2
เมื่อ คือ ขนาดของกลมุ่ ตวั อยา่ ง
คือ ขนาดประชากร
ⅇ คอื ความคลาดเคล่ือนทีเ่ กิดขึ้นจาก
การสุ่มตวั อยา่ งโดยกาหนดเป็น .05
สามารถคานวณขนาดกลมุ่ ตัวอย่างได้ ดงั น้ี
= 629
1+629(0.05)2
= 629 = 629
1+629(0.0025)
0.5
= 245
ดังนัน้ สามารถเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอยา่ งข้นั ตา่ 245 คน
20
3.1.3 สถติ ิในการสารวจ
1. ร้อยละ (Percentage) ใชในการวิเคราห์ขอมูล จากแบบสารวจความ
พึง-พอใจ เป็นสถิติที่นิยมใชกันมาก โดยเป็นการเปรียบเทียบความถี่หรือ
จานวนที่ตองการกับความถี่หรือจานวนทั้งหมดที่เทียบเป น100จะ หาค่า
รอ้ ยละจากสตู รตอไปนี้
= x 100
เมอื่ คือ ค่าร้อยละ
คือ ความถ่ีท่ีต้องการแปลงเปน็ ร้อยละ
คอื จานวนความถีท่ ้ังหมด
คารอยละจะแสดงความหมายของคาและสามารถนาคาท่ไี ดไปเปรียบเทียบได
2. คาเฉลี่ย (Mean) ใชในการวิเคราะหขอมูลจากแบบสารวจความพึง
พอใจ หาคาเฉลีย่ จากสตู รตอไปน้ี
∑ คือ ค่าเฉล่ีย
̅ =
เม่ือ ̅
∑ คือ ผลรวมของคะแนนทัง้ หมด
คือ จานวนความถ่ีทั้งหมด
3. สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ใชในการวิเคราะห
ข้อมูลจากแบบสารวจความพึงพอใจหาสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน จากสูตรต
อไปน้ี . . = √ ∑ (2 − −(∑1) ̅)2
เม่อื . . คอื สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
คือ คะแนนแตละตวั
̅ คือ ค่าเฉลี่ย
คอื จานวนคะแนนในกลมุ่
∑ คอื ผลรวม
21
3.2 เคร่ืองมือในการดาเนนิ งาน
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ คือ แบบสอบถาม เพื่อเก็บรวบรวม
ข้อมูล จากนกั เรยี นระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ห้อง 1-16 โรงเรียนราชวินติ บางแกว้ จังหวัด
สมุทรปราการ ซึ่งแบ่งแบบสอบถามเปน็ 3 ข้นั ตอน
ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ประกอบด้วยขอ้ คาถามเกีย่ วกับ เพศ แผนการเรยี น เกรดเฉล่ยี
ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความต้องการในการศึกษาต่อใน
ระดับอุดมศึกษาของนักเรียนระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 1-16 โรงเรียนราช
วินิตบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ 3 ด้าน คือสถาบันที่อยากเรียน ระดับความ
ต้องการ-ศึกษาต่อ คณะและสาขาที่อยากเรียน
ตอนที่ 3 เป็นแบบสอบถามปัจจัยท่ีมีอิทธพิ ลต่อความตอ้ งการการศึกษาต่อ
ของนักเรยี นระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 หอ้ ง 1-16 โรงเรยี นราชวนิ ิตบางแกว้
ลักษณะของเกณฑใ์ นการให้คะแนน ดงั น้ี
คะแนน 5 หมายถึง ระดับปัจจยั ท่สี ่งผลมากที่สุด
คะแนน 4 หมายถงึ ระดับปัจจยั ทีส่ ง่ ผลมาก
คะแนน 3 หมายถงึ ระดับปัจจัยท่สี ง่ ผลปานกลาง
คะแนน 2 หมายถึง ระดับปัจจัยทสี่ ง่ ผลน้อย
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั ปจั จยั ที่สง่ ผลน้อยทส่ี ดุ
การแปลความหมายของคา่ เฉลี่ยได้ ดังน้ี
ค่าเฉลี่ย 4.51-5.00 หมายถงึ ระดับปจั จยั ที่ส่งผลมากทีส่ ดุ
ค่าเฉลี่ย 3.51-4.50 หมายถงึ ระดบั ปัจจัยที่ส่งผลมาก
คา่ เฉลีย่ 2.51-3.50 หมายถึง ระดับปัจจยั ทส่ี ง่ ผลปานกลาง
ค่าเฉล่ยี 1.51-2.50 หมายถึง ระดบั ปจั จัยทส่ี ่งผลน้อย
คา่ เฉลี่ย 1.00-1.50 หมายถงึ ระดับปัจจยั ที่สง่ ผลน้อยท่ีสุด
22
3.3.การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
ในการศกึ ษาคร้งั นผี้ ู้วิจยั ได้ใชข้ อ้ มูล 2 ประเภท คอื
1) ขอ้ มูลทตุ ิยภูมิ (Secondary Data) ได้จากการเก็บรวบรวมเอกสาร จาก
บทความและงานวิจยั ที่เก่ียวข้องกับพฤตกิ รรมและการศึกษาต่อในระดับอดุ มศึกษา
2) แหลง่ ปฐมภูมิ (Primary Data) ทาการแจกแบบสอบถามกับนักเรียนช้ัน
มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ห้อง 1-16 โรงเรียนราชวินติ บางแก้ว
3.4. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล
ในการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้คณะผู้จัดทาใช้โปรแกรมสาเร็จรูปทาง
คอมพิวเตอร์ โดยวิเคราะห์ข้อมลู ดงั น้ี
1) วิเคราะห์ขอ้ มูลท่ัวไปของผตู้ อบแบบสอบถามและความตอ้ งการ
ในการศึกษาต่อ โดยการหาค่าความถี่ และค่าร้อยละ (Frequency and
Percentage) เพื่อใช้อธิบายขอ้ มลู ของผูต้ อบแบบสอบถาม และนาเสนอใน
รปู แบบของตารางประกอบคาอธิบาย
2) หาค่าเฉลี่ย (x) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard
Deviation) เพื่อวิเคราะหป์ จั จัยในการศกึ ษาต่อในระดบั อุดมศึกษาของชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 1-16 โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จังหวัด
สมทุ รปราการ และนาเสนอในรูปแบบตารางประกอบคาอธิบาย
3.5. ขัน้ ตอนวิธกี ารสร้างขอ้ มลู
1) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี ข้อมูลจากเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับ
พฤติกรรมและการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เพื่อเป็นแนวทางในการสร้าง
แบบสอบถาม
2) นาข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาสร้างแบบสอบถาม โดยการศึกษางานวิจัยที่
เกย่ี วข้อง
3) นาแบบสอบถามท่ีสรา้ งขน้ึ ตอ่ อาจารยท์ ี่ปรึกษา เพ่ือตรวจสอบความถูกต้อง
4) นาแบบสอบถามที่แก้ไขและตรวจสอบความถูกต้องไปทดลองใช้ (Try out) กับ
กลุ่มตัวอย่างจานวน 30 ชุด แล้วนาผลที่ได้ไปวิเคราะห์หาค่าความเชื่อมั่น ด้วยคา่
สัมประสทิ ธแ์ิ อลฟาของครอนบาค มคี ่าเท่ากบั .777
5) ปรบั ปรงุ แบบสอบถามแลว้ นาเสนออาจารย์ทปี่ รกึ ษาเพ่ือให้ไดเ้ ครอื่ งมอื ที่สมบูรณ์
สาหรบั การเกบ็ ข้อมูลครั้งต่อไป
23
บทที่ 4
ผลการดาเนินการศกึ ษาคน้ คว้า
การทาโครงงานครั้งนี้คณะผู้จัดทา ได้มุ่งศึกษาความต้องการในการศึกษาต่อใน
ระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จังหวัด
สมุทรปราการ ซึ่งผู้ศึกษานาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบของตารางและการบรรยาย
ตามลาดับน้ี
4.1 ขอ้ มลู สว่ นบุคคล
4.2 ความตอ้ งการในการศึกษาต่อในระดบั อดุ มศกึ ษาของนักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
โรงเรยี นราชวนิ ติ บางแก้ว จงั หวดั สมุทรปราการ
4.3 ปัจจยั ท่มี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การตัดสินใจเลอื กศึกษาในระดบั อุดมศกึ ษา
4.1 ขอ้ มูลส่วนบคุ คล
จากการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรียนราชวินิตบางแกว้ จงั หวัดสมทุ รปราการ จานวน 245 คน ผวู้ จิ ยั นาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ ดงั น้ี
ตารางท่ี 1 ขอ้ มูลทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม จานวน ร้อยละ
ขอ้ มลู ส่วนบคุ คล 117 47.76
เพศ 128 52.24
ชาย 64 26.12
หญิง 25 10.20
แผนการเรยี น 11 4.49
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ 42 17.14
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์(SMIP) 49 20.00
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตรเ์ ทคโนโลยี(SMT) 24 9.80
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร(์ Pre-Cadet) 9 3.67
ภาษาองั กฤษ คณติ ศาสตร์
ภาษาอังกฤษ ญี่ปนุ่
หอ้ งเรยี นพิเศษภาษาจีน
24
ข้อมูลส่วนบุคคล จานวน ร้อยละ
แผนการเรียน
ดนตรีไทย-สากล 11 4.49
กีฬา 10 4.08
เกรดเฉล่ีย
ตา่ กว่า 2.00 1 0.41
2.00 - 2.50 3 1.22
2.51 - 3.00 20 8.16
3.01 – 3.50 69 28.16
3.51 ข้ึนไป 152 62.04
จากตารางที่ 1 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรยี นราชวินิตบางแก้ว เป็นเพศชายจานวน 117 คน คิดเป็นร้อยละ 47.76 เพศหญิงจานวน 128
คน คิดเป็นร้อยละ 52.24 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ จานวน 64 คน คิดเป็นร้อยละ
26.12 แผนการเรยี นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร(์ SMIP) จานวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 10.20 แผนการ
เรียนวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เทคโนโลยี(SMT) จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 4.49 แผนการเรยี น
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์(Pre-Cadet) จานวน 42 คน คิดเป็นร้อยละ 17.14 แผนการเรียน
ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ จานวน 49 คน คิดเป็นร้อยละ 20 แผนการเรียนภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น
จานวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 9.80 แผนการเรยี นห้องเรียนพิเศษภาษาจนี จานวน 9 คน คิดเปน็ ร้อย
ละ 3.67 แผนการเรียนดนตรีไทย-สากล จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 4.49 แผนการเรียนกีฬา
จานวน 10 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 4.08 เกรดเฉลีย่ สะสม 3.51 ขึน้ ไป จานวน 152 คน คิดเป็นร้อยละ 62
.04 เกรดเฉลี่ย 3.01-3.50 จานวน 69 คน คิดเป็นร้อยละ 28.16 เกรดเฉลี่ย 2.51-3.00 จานวน 20
คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 8.16 เกรดเฉลีย่ 2.00-2.50 จานวน 3 คน คดิ เป็นร้อยละ 1.22 เกรดเฉล่ียต่ากว่า
2.00 จานวน 1 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 0.41
25
4.2 ความต้องการในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรียนราชวนิ ิตบางแกว้ จังหวัดสมทุ รปราการ
จากการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความต้องการในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียน
ช้ันมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรยี นราชวนิ ิตบางแก้ว จังหวดั สมทุ รปราการ จานวน 245 คน ผู้วิจัยนา
ข้อมูลท่ีได้มาวิเคราะห์ ดงั นี้
ตารางที่ 2 แสดงจานวนและร้อยละของสถาบนั การศกึ ษาทีต่ ้องการเข้าศกึ ษา
สถาบนั การศึกษาท่ีต้องการเข้าศกึ ษาตอ่ มากทสี่ ุด จานวน รอ้ ยละ
มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล 29.00 11.84
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั 65.00 26.53
มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ 10.00 4.08
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ 42.00 17.14
มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 6.00 2.45
มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ 12.00 4.90
มหาวิทยาลัยขอนแกน่ 11.00 4.49
มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี 11.00 4.49
มหาวิทยาลัยบรู พา 15.00 6.12
มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ 18.00 7.35
อ่ืนๆ 26.00 10.61
จากตารางที่ 2 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรียนราชวนิ ิตบางแกว้ ตอ้ งการเข้าศึกษาตอ่ ในมหาวิทยาลัยมหิดล จานวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ
11.84 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จานวน 65 คน ร้อยละ 26.53 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จานวน 10
คน ร้อยละ 4.08 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จานวน 42 คน ร้อยละ 17.14 มหาวิทยาลัยสงขลา -
นครินทร์ จานวน 6 คน ร้อยละ 2.45 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จานวน 12 คน ร้อยละ 4.90
มหาวิทยาลัยขอนแก่น จานวน 11 คน ร้อยละ 4.49 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
จานวน 10 คน ร้อยละ 4.49 มหาวิทยาลัยบูรพา จานวน 15 คน ร้อยละ 6.12 มหาวิทยาลัย-
ศรีนครินทรวิโรฒ จานวน 18 คน ร้อยละ 7.35 มหาวิทยาลัยอื่นๆ จานวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ
10.61
26
ตารางที่ 3 แสดงจานวนและร้อยละของระดบั ท่ีตอ้ งการศกึ ษาต่อ
ระดบั ท่ตี อ้ งการศึกษาตอ่ จานวน รอ้ ยละ
ปรญิ ญาตรี 4 ปี 180 73.47
ปรญิ ญาตรี 5 ปี 21 8.57
ปริญญาตรี 6 ปี 44 17.96
จากตารางที่ 3 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรยี นราชวินิตบางแกว้ ต้องการศกึ ษาต่อในระดบั อุดมศกึ ษา ปรญิ ญาตรี 4 ปี จานวน 180 คน คิด
เปน็ รอ้ ยละ 73.47 ปริญญาตรี 5 ปี จานวน 21 คน คดิ เป็นร้อยละ 8.57 ปรญิ ญาตรี 6 ปี จานวน 44
คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 17.96
ตารางที่ 4 แสดงจานวนและรอ้ ยละของคณะที่ต้องการศึกษาต่อ
คณะทีต่ ้องการศกึ ษาตอ่ จานวน รอ้ ยละ
คณะแพทยศาสตร์ 30 12.24
คณะทนั ตแพทยศาสตร์ 14 5.71
คณะสัตวแพทยศาสตร์ 5 2.04
คณะสหเวชศาสตร/์ เทคนิคการแพทย์ 11 4.49
คณะพยาบาลศาสตร์ 1 0.41
คณะเภสัชศาสตร์ 11 4.49
คณะวทิ ยาศาสตร์ 3 1.22
คณะสาธารณสุขศาสตร์ 3 1.22
คณะวศิ กรรมศาสตร์ 30 12.24
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 10 4.08
คณะครศุ าสตร/์ ศกึ ษาศาสตร์ 26 10.61
คณะนิเทศศาสตร/์ วารสารศาสตร์ 32 13.06
คณะนติ ศิ าสตร์ 13 5.31
คณะเศรษฐศาสตร์ 4 1.63
คณะรฐั ศาสตร์ 3 1.22
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี 9 3.67
อืน่ ๆ 40 16.33
27
จากตารางที่ 4 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรยี นราชวินิตบางแก้ว ตอ้ งการศกึ ษาต่อในระดับอดุ มศึกษาคณะแพทยศาสตร์ จานวน 30 คน คิด
เป็นร้อยละ 12.24 คณะทันตแพทยศาสตร์ จานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 5.71 คณะสัตว
แพทยศาสตร์ จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.04 คณะสหเวชศาสตร์/เทคนิคการแพทย์ จานวน 11
คน คิดเป็นร้อยละ 4.49 คณะพยาบาลศาสตร์ จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.41 คณะเภสัชศาสตร์
จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 4.49 คณะวิทยาศาสตร์ จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.22 คณะ
สาธารณสุขศาสตร์ จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.22 คณะวิศกรรมศาสตร์ จานวน 30 คน คิดเป็น
ร้อยละ 12.24 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 4.08 คณะครุศาสตร์/
ศกึ ษาศาสตร์ จานวน 26 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 10.61 คณะนเิ ทศศาสตร/์ วารสารศาสตร์ จานวน 32 คน
คิดเป็นร้อยละ 13.06 คณะนิติศาสตร์ จานวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 5.31 คณะเศรษฐศาสตร์
จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.63 คณะรัฐศาสตร์ จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.22 คณะ
พาณิชยศาสตร์และการบัญชี จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 3.67 คณะอื่นๆ จานวน 40 คน คิดเป็น
ร้อยละ 16.33
4.3 ปจั จยั ท่มี อี ิทธพิ ลต่อการตัดสนิ ใจเลือกศึกษาในระดบั อดุ มศกึ ษา
จากการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาใน
ระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จังหวัด
สมทุ รปราการ จานวน 245 คน ผูว้ ิจัยนาขอ้ มลู ท่ไี ด้มาวิเคราะห์ ดังน้ี
ตารางที่ 5 ค่าเฉลย่ี และความเบ่ียงเบนมาตรฐานท่ีส่งผลต่อปัจจัยท่ีมอี ิทธพิ ลต่อการตัดสินใจเลือก
ศึกษาในระดับอดุ มศึกษาด้านสถานศกึ ษา
ดา้ นสถานศึกษา ̅ S.D. ความหมาย
ชื่อเสียงของมหาวทิ ยาลยั 4.26 0.87 มาก
คณุ ภาพทางการศกึ ษาของมหาวทิ ยาลยั 4.60 0.64 มากที่สดุ
หลักสูตรท่เี ปิดสอนเปน็ ทเ่ี หมาะสมและน่าสนใจ 4.62 0.61 มากที่สุด
มหาวิทยาลัยเป็นทีย่ อมรบั ของสงั คม 4.45 0.81 มาก
เป็นทีร่ ้จู กั ของบุคคลท่ัวไป 4.34 0.93 มาก
ภาพรวม 4.45 0.77 มาก
28
จากตารางที่ 5 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรยี นราชวินิตบางแกว้ ความคิดเหน็ ท่มี ีตอ่ ด้านสถานศึกษาในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( ̅ = 4.45
, S.D. = 0.77) ชอื่ เสียงของมหาวิทยาลัยอย่ใู นระดบั มาก ( ̅ = 4.45 , S.D. = 0.77) คุณภาพทางการ
ศึกษาของมหาวิทยาลัยอยู่ในระดับมากที่สุด ( ̅ = 4.60 , S.D. = 0.64) หลักสูตรที่เปิดสอนเป็นท่ี
เหมาะสมและน่าสนใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( ̅ = 4.62 , S.D. = 0.61) มหาวิทยาลัยเป็นที่ยอมรับ
ของสงั คมอยูใ่ นระดับมาก ( ̅ = 4.45 , S.D. = 0.81)เปน็ ทีร่ ู้จักของบุคคลทว่ั ไปอยูใ่ นระดับมาก ( ̅ =
4.34 , S.D. = 0.93)
ตารางท่ี 6 ค่าเฉลย่ี และความเบ่ียงเบนมาตรฐานที่สง่ ผลต่อปจั จยั ทมี่ อี ิทธพิ ลตอ่ การ
ตัดสนิ ใจเลือกศกึ ษาในระดับอดุ มศึกษาดา้ นสถานทแี่ ละทาเลทตี่ ้ังของสถานศกึ ษา
ด้านสถานที่และทาเลท่ีตัง้ ของสถานศึกษา ̅ S.D. ความหมาย
สถานศึกษาทอ่ี ยู่ใกลบ้ ้าน 3.58 1.30 มาก
สะดวกในการเดินทาง 3.91 1.11 มาก
มีบรรยากาศและส่ิงอานวยความสะดวกดี 4.52 0.73 มากที่สุด
มีสงิ่ อานวยความสะดวกในการเรียนรนู้ อกห้องเรยี น 4.53 0.72 มากท่ีสุด
0.94 มาก
เป็นที่รจู้ กั ของบคุ คลท่วั ไป 4.33
ภาพรวม 4.17 0.96 มาก
จากตารางที่ 6 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรยี นราชวินติ บางแกว้ ความคดิ เหน็ ท่มี ตี อ่ ดา้ นสถานทแี่ ละทาเลที่ตั้งของสถานศกึ ษาในภาพรวมอยู่
ในระดับมาก ( ̅ = 4.17 , S.D. = 0.96) สถานศกึ ษาทอี่ ยู่ใกล้บ้านอยู่ในระดับมาก ( ̅ = 3.58 , S.D.
= 1.30) สะดวกในการเดินทางอยใู่ นระดบั มาก ( ̅ = 3.91 , S.D. = 1.11) มบี รรยากาศและส่ิงอานวย
ความสะดวกดอี ยู่ในระดบั มากท่ีสุด ( ̅ = 4.52 , S.D. = 0.73) มีสิ่งอานวยความสะดวกในการเรียนรู้
นอกห้องเรยี นอย่ใู นระดับมากท่ีสุด ( ̅ = 4.53 , S.D. = 0.72) เปน็ ท่ีรจู้ ักของบคุ คลทัว่ ไปอยู่ในระดับ
มาก ( ̅ = 4.33 , S.D. = 0.94)
29
ตารางที่ 7 คา่ เฉล่ยี และความเบ่ยี งเบนมาตรฐานท่สี ง่ ผลต่อปจั จยั ทม่ี ีอทิ ธิพลตอ่ การตดั สนิ ใจเลอื ก
ศกึ ษาในระดับอุดมศกึ ษาดา้ นครอบครัว
ดา้ นครอบครัว ̅ S.D. ความหมาย
บุคคลในครอบครัวต้องการใหศ้ กึ ษาต่อ 4.07 1.21 มาก
ปจั จัยรายไดข้ องครอบครวั 4.00 1.15 มาก
บุคคลในครอบครัวสารมารถส่งเสยี ให้เรียนได้ 4.35 0.93 มาก
ได้คาแนะนามาจากบุคคลในครอบครัว 3.66 1.37 มาก
เป็นสถานศกึ ษาท่ีบุคคลในครอบครวั เคยศกึ ษา 3.10 1.66 ปานกลาง
ภาพรวม 3.84 1.26 มาก
พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินติ
บางแก้ว ความคิดเห็นที่มีตอ่ ด้านสถานศึกษาในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( ̅ = 3.84 , S.D. = 1.26)
บุคคลในครอบครัวต้องการใหศ้ ึกษาตอ่ อยู่ในระดับมาก ( ̅ = 4.07 , S.D. = 1.21) ปัจจัยรายได้ของ
ครอบครัวอยู่ในระดับมาก ( ̅ = 4.00 , S.D. = 1.15) บุคคลในครอบครวั สารมารถสง่ เสียให้เรียนได้
อยู่ในระดับมาก ( ̅ = 4.35 , S.D. = 0.93) ได้คาแนะนามาจากบุคคลในครอบครัวอยู่ในระดับมาก
( ̅ = 3.66 , S.D. = 1.37) เป็นสถานศึกษาทีบ่ คุ คลในครอบครวั เคยศกึ ษาอยใู่ นระดบั ปานกลาง ( ̅ =
3.10 , S.D. = 1.66)
30
บทที่ 5
สรุปผลการวิจยั อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยที่มุ่งเน้นศึกษาความต้องการการศึกษาต่อของนักเรียนระดับชัน้
มัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ซึ่งผลการศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดาเนินการศึกษา
วิเคราะหข์ ้อมูลต่าง ๆ ซ่งึ มลี าดบั เนอ้ื หาดงั นี้
5.1 สรุปผลการวิจยั
5.1.1 ขอ้ มลู สว่ นตัว
5.1.2 ความตอ้ งการในการศกึ ษาตอ่ ในระดับอุดมศึกษาของนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษา
ตอนปลายโรงเรยี นราชวินติ บางแกว้ จงั หวัดสมทุ รปราการ
5.1.3 ปัจจยั ท่ีมีอิทธพิ ลตอ่ การตัดสินใจเลอื กศึกษาในระดับอุดมศกึ ษา
5.2 อภปิ รายผล
5.3 ขอ้ เสนอแนะ
5.1. สรุปผลการวิจยั
ผลการศึกษาวิจัยความต้องการการศกึ ษาตอ่ ของนกั เรียนโรงเรียนมธั ยมดา่ นขุนทด แบ่ง
ออกเป็น 3 ประเดน็ ดังตอ่ ไปนี้
5.1.1 ขอ้ มลู ส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว
จังหวัดสมุทรปราการ จานวน 245 คน ผู้วิจัยนาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ ดังนี้ พบว่าผู้ตอบ
แบบสอบถามซึง่ เป็นนักเรียนระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรยี นราชวินิตบางแก้ว เป็น
เพศชายจานวน 117 คน คิดเป็นร้อยละ 47.76 เพศหญิงจานวน 128 คน คิดเป็นร้อยละ
52.24 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ จานวน 64 คน คิดเป็นร้อยละ 26.12
แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์(SMIP) จานวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 10.20
แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เทคโนโลยี(SMT) จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ
4.49 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์(Pre-Cadet) จานวน 42 คน คิดเป็นร้อยละ
17.14 แผนการเรยี นภาษาอังกฤษ คณติ ศาสตร์ จานวน 49 คน คิดเป็นร้อยละ 20 แผนการ
เรียนภาษาอังกฤษ ญ่ปี นุ่ จานวน 24 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 9.80 แผนการเรียนห้องเรียนพิเศษ
31
ภาษาจีน จานวน 9 คน คิดเปน็ ร้อยละ 3.67 แผนการเรยี นดนตรีไทย-สากล จานวน 11 คน
คดิ เป็นรอ้ ยละ 4.49 แผนการเรยี นกฬี า จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 4.08 เกรดเฉล่ียสะสม
3.51 ขึ้นไป จานวน 152 คน คิดเป็นร้อยละ 62.04 เกรดเฉลี่ย 3.01-3.50 จานวน 69 คน
คิดเป็นรอ้ ยละ 28.16 เกรดเฉล่ีย 2.51-3.00 จานวน 20 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 8.16 เกรดเฉล่ีย
2.00-2.50 จานวน 3 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 1.22 เกรดเฉลย่ี ต่ากว่า2.00 จานวน 1 คน คิดเป็น
รอ้ ยละ 0.41
5.1.2 ความตอ้ งการในการศึกษาต่อในระดบั อุดมศกึ ษาของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาตอน
ปลายโรงเรียนราชวินติ บางแกว้ จังหวดั สมุทรปราการ
ผตู้ อบแบบสอบถามซง่ึ เป็นนักเรยี นระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิต
บางแก้ว ต้องการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหิดล จานวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 11.84
จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย จานวน 65 คน รอ้ ยละ 26.53 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จานวน 10
คน ร้อยละ 4.08 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จานวน 42 คน ร้อยละ 17.14 มหาวิทยาลัย
สงขลา -นครินทร์ จานวน 6 คน ร้อยละ 2.45 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จานวน 12 คน
ร้อยละ 4.90 มหาวิทยาลัยขอนแก่น จานวน 11 คน ร้อยละ 4.49 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
พระจอมเกล้าธนบุรี จานวน 10 คน ร้อยละ 4.49 มหาวิทยาลัยบูรพา จานวน 15 คน ร้อย
ละ 6.12 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จานวน 18 คน ร้อยละ 7.35 มหาวิทยาลัยอื่นๆ
จานวน 26 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 10.61 ตอ้ งการศกึ ษาตอ่ ในระดับอุดมศกึ ษา ปริญญาตรี 4 ปี
จานวน 180 คน คดิ เป็นร้อยละ 73.47 ปริญญาตรี 5 ปี จานวน 21 คน คดิ เป็นร้อยละ 8.57
ปรญิ ญาตรี 6 ปี จานวน 44 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 17.96 ตอ้ งการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
คณะแพทยศาสตร์ จานวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 12.24 คณะทันตแพทยศาสตร์ จานวน
14 คน คิดเป็นร้อยละ 5.71 คณะสัตวแพทยศาสตร์ จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.04
คณะสหเวชศาสตร์/เทคนิคการแพทย์ จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 4.49 คณะพยาบาล
ศาสตร์ จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.41 คณะเภสัชศาสตร์ จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ
4.49 คณะวิทยาศาสตร์ จานวน 3 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 1.22 คณะสาธารณสุขศาสตร์ จานวน
3 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 1.22 คณะวศิ กรรมศาสตร์ จานวน 30 คน คิดเปน็ ร้อยละ 12.24 คณะ
สถาปัตยกรรมศาสตร์ จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 4.08 คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
จานวน 26 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 10.61 คณะนิเทศศาสตร/์ วารสารศาสตร์ จานวน 32 คน คิด
เป็นร้อยละ 13.06 คณะนิติศาสตร์ จานวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 5.31 คณะเศรษฐศาสตร์
32
จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.63 คณะรฐั ศาสตร์ จานวน 3 คน คดิ เป็นร้อยละ 1.22 คณะ
พาณิชยศาสตร์และการบญั ชี จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 3.67 คณะอื่นๆ จานวน 40 คน
คิดเปน็ ร้อยละ 16.33
5.1.3 ปัจจัยทีม่ ีอิทธิพลต่อการตัดสนิ ใจเลือกศกึ ษาในระดบั อุดมศกึ ษา
1. ด้านสถานศกึ ษา
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ จานวน 245 คน
ประกอบด้วยปัจจัยยอ่ ยเรียงลาดับความสาคัญในแต่ละประเด็นย่อยในดา้ นสถานศึกษา คือ
หลักสูตรที่เปิดสอนเป็นที่เหมาะสมและน่าสนใจ คุณภาพทางการศึกษาของมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลยั เป็นท่ียอมรบั ของสงั คม เป็นท่ีรจู้ กั ของบคุ คลทวั่ ไป ช่อื เสยี งของมหาวิทยาลัย
2. ด้านสถานท่แี ละทาเลทตี่ ั้งของสถานศกึ ษา
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ จานวน 245 คน
ประกอบด้วยปัจจัยยอ่ ยเรยี งลาดับความสาคญั ในแต่ละประเด็นย่อยในดา้ นสถานท่ีและทาเล
ที่ตั้งของสถานศึกษา คือ มีสิ่งอานวยความสะดวกในการเรียนรูน้ อกห้องเรียน มีบรรยากาศ
และสิ่งอานวยความสะดวกดี เป็นท่ีรจู้ กั ของบุคคลทัว่ ไป สะดวกในการเดินทาง สถานศึกษาที่
อย่ใู กล้บ้าน
3. ดา้ นครอบครัว
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ จานวน 245 คน
ประกอบด้วยปัจจัยย่อยเรียงลาดับความสาคัญในแต่ละประเด็นย่อยในด้านครอบครัว คือ
บคุ คลในครอบครวั สารมารถส่งเสียให้เรียนได้ บุคคลในครอบครวั ต้องการให้ศกึ ษาตอ่ ปัจจัย
รายได้ของครอบครัว ได้คาแนะนามาจากบุคคลในครอบครัว เป็นสถานศึกษาที่บุคคลใน
ครอบครัวเคยศกึ ษา
33
5.2 อภปิ รายผล
จากการวิเคราะห์ข้อมูลการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา
ตอนปลายโรงเรยี นราชวินิตบางแก้ว ผลอภิปรายดังนี้
ด้านสถานศึกษาในส่วนของช่ือเสียงมหาวิทยาลัย พบว่า นักเรียนระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอน
ปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว มีความสาคัญเรื่องชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยอยู่ในระดับมาก ซึ่ง
สอดคล้องกับงานวิจยั ของ ธันยากร ชว่ ยทุกขเ์ พื่อน (2559) ที่ได้ศกึ ษาปัจจัยท่ีมีผลต่อการเลือกเรียน
ในระดับอุดมศึกษาทมี่ หาวทิ ยาลัยธุรกิจบัณฑติ ย์ ของนักศกึ ษาระดับปรญิ ญาตรีพบวา่ ปจั จยั ที่มีผลต่อ
การตดั สินใจคอื ปัจจยั ในดา้ นชอื่ เสียงของสถานศกึ ษา ที่ทาให้นักศกึ ษาเลือกเรียนเป็นจานวนมาก
ด้านสถานที่และทาเลที่ตั้งของสถานศึกษา พบว่า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรียนราชวินติ บางแก้ว มีความสาคัญเรื่องมีบรรยากาศและสิ่งอานวยความสะดวกดีมากที่สุด ซึ่ง
สอดคล้องกับงานวิจัยของ ธันยากร ช่วยทุกข์เพื่อน (2559) พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจคือ
ปัจจัยในด้านชื่อเสียงของสถานศึกษาปัจจัยด้านหลักสูตร ปัจจัยด้านอาจารย์ผู้สอน ปัจจัยการมี
บรรยากาศ ส่งิ อานวยความสะดวกท่ดี ี และ ปัจจยั ดา้ นสวสั ดกิ าร
ด้านครอบครัว พบว่า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว มี
ความสาคัญเรื่อง การศกึ ษาตอ่ เพราะเปน็ ความตอ้ งการของครอบครวั อยใู่ นระดับมากและเพราะเป็น
สถานศึกษาที่บุคคลในครอบครัวเคยศกึ ษาอยู่ในระดบั ปานกลาง ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจยั ของ น้าฝน
ลูกคา (2555) ได้ทาการวจิ ยั เรื่องความตอ้ งการและความคาดหวังของนกั เรยี นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
ต่อการเลือกศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา พบว่า โดยภาพรวมทั้งหมดนักเรียน
มัธยมศึกษาตอนปลายมคี วามต้องการและความคาดหวงั ที่จะศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาตามความ
ต้องการของครอบครัวและการงานทีม่ ัน่ คงในอนาคต
34
5.3 ขอ้ เสนอแนะ
5.3.1 ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวิจัยไปใชป้ ระโยชน์
1. นักเรียนสามารถนาผลข้อมูลการวิเคราะห์มาใช้ประกอบการแนะแนวใน
การศึกษาต่อใหกับนักเรียนโรงเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อให้ผู้บริหาร คณะครู
อาจารย์ในโรงเรียนมขี ้อมลู เพ่อื ไวใ้ ชใ้ นการแนะแนวกบั นกั เรียนเพื่อการศึกษาตอ่ ในอนาคต
2. การประชาสัมพันธ์ในเรื่องของชื่อเสียงมหาวิทยาลัย หลักสูตรที่เปิดสอน
สภาพแวดล้อมและสิ่งอานวยความสะดวกของมหาวิทยาลัยเป็นปัจจัยหนึ่งที่สาคัญในการ
เลือกศึกษาต่อของนักเรียน ดังนั้นควรมีการระบุไว้ในสื่อที่จะใช้ในการประชาสัมพันธ์ให้
ชัดเจน
3. สถานศึกษาสามารถจัดทาการประชาสัมพันธ์หลักสูตรและสาขาวิชาที่เปิดสอน
ผ่านทางเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนเป้าหมาย โดยเฉพะในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
เนื่องจากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยและระยะทางจากบ้านถึง
สถานศึกษา มผี ลต่อการตดั สินใจในการเลอื กศึกษาต่อ
5.3.2 ข้อเสนอแนะในการทาวจิ ยั ครงั้ ตอ่ ไป
1. ควรศึกษาข้อมูลที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัดนครราชสีมา หรือภูมิภาคเพื่อให้
ทราบถึงข้อมูลความต้องการและปัจจัยที่ส่งผลต่อความต้องการในการศึกษาต่อในวงกว้าง
มากข้ึน
2. ควรใชว้ ิธกี ารวิจยั เชงิ คุณภาพทเ่ี ปน็ การวจิ ัยเชงิ ลึกโดยวธิ กี ารสัมภาษณ์เชิงลึกการ
สนทนากลุ่ม การวิเคราะห์เชิงคุณภาพรวมไปถึงการเขียนรายงานวิจัยเชิงคุณภาพเพื่อใหไ้ ด้
ข้อมูลท่ีมคี วามละเอียดมากข้นึ
35
บรรณานกุ รม
เกรียงศักดิ์ เจรญิ วงศศ์ กั ดิ.์ ทศิ ทางการศึกษาต่ออดุ มศกึ ษา. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก
: http://www.kriengsak.com/node/41. (วนั ท่ีค้นขอ้ มลู : 22 สิงหาคม 2564)
เอกกวรี ์ พิทักษธ์ นัชกุล. การศึกษาในโลกยุคปัจจบุ นั . [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก :
http://www.stou.ac.th/study/sumrit/1-58(500)/page9-158(500).html. (ว ั น ท ี ่ ค้ น
ขอ้ มลู : 23 พฤศจิกายน 2564)
โยณภา คา้ ศร.ี การศึกษาคอื บันไดกา้ วแรกสคู่ วามสาเรจ็ . [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก
: http://www.educatorroundtable.org/2-2/. (วนั ทีค่ ้นข้อมูล : 9 กนั ยายน2564)
กล่มุ สาระสนเทศ สนผ. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน. ขอ้ มูลนกั เรยี น โรงเรียนราช
วินิตบางแกว้
ป ี ก า ร ศ ึ ก ษ า 2564. [อ อ น ไ ล น ์ ] . เ ข ้ า ถ ึ ง ไ ด ้ จ า ก : https://data.bopp-
obec.info/emis/schooldata-
view_student.php?School_ID=1011570161&Area_CODE2=110001&fbclid=IwAR
1FHzXe-uC_hgCqQLZkO-9icXU5r-yijVftu4QifC8Ha_K4i4E7GWObrhk (วันที่ค้นข้อมูล
: 28 สิงหาคม 2564)
ก่ิงแก้ว อารรี ักษ์. ความสาคัญของแหลง่ การเรียนรู้. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก :
http://punaoy.blogspot.com/2009/11/blog-post_8617.html.
(วนั ทีค่ ้นขอ้ มลู : 15 สิงหาคม 2564)
ค ร ู บ ้ า น น อ ก . ค อ ม . ค ุ ณ ภ า พ ก า ร ศ ึ ก ษ า . [อ อ น ไ ล น ์ ] . เ ข ้ า ถ ึ ง ไ ด ้ จ า ก :
https://www.kroobannok.com/35476
(วนั ที่ค้นข้อมูล : 1 กนั ยายน 2564)
จุฑามาศ ชูจินดา, กิติยานภา ภู่ตระกูล และ ณภัทร โชคธนินกุล. แรงจูงใจในการศึกษาต่อ
ระดบั อุดมศึกษาของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 3 ในเขตจังหวัด
น น ท บ ุ ร ี . [อ อ น ไ ล น ์ ] . เ ข ้ า ถ ึ ง ไ ด ้ จ า ก :
http://ejournals.swu.ac.th/index.php/jre/article/view/6619.
(วันทีค่ น้ ข้อมูล : 7 ตุลาคม 2564)
นนั ทพงศ์ ปณุ ขนั ธ.์ การศกึ ษาคืออะไร. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :
https://sites.google.com/site/nanthphngs/kar-suksa. (วันที่ค้นข้อมูล : 23 ตุลาคม
2564)
36
บรรณานุกรม (ต่อ)
น้าฝน ลูกคา. ความต้องการและความคาดหวังของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ต่อการเลือก
ศึกษาตอ่ ใน
ม ห า ว ิ ท ย า ล ั ย ร า ช ภ ั ฏ ส ว น ส ุ น ั น ท า . [อ อ น ไ ล น ์ ] . เ ข ้ า ถ ึ ง ไ ด ้ จ า ก :
http://ssruir.ssru.ac.th/bitstream/ssruir/707/1/110-55.pdf (วันที่ค้นข้อมูล : 28
สิงหาคม 2564)
ปัญญาโฟร์ย.ู ประโยชน์ของการศึกษาและความสาคญั ของการศึกษา. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก :
http://www.panya4u.com. (วนั ท่ีค้นข้อมูล : 29 สงิ หาคม 2564)
ป ั ท ม า ม ี เ อ ี ่ ย ม . ค ว า ม ส า ค ั ญ ข อ ง ก า ร ศ ึ ก ษ า . [อ อ น ไ ล น ์ ] . เ ข ้ า ถ ึ ง ไ ด ้ จ า ก :
https://chaianan2.wikispaces.com
(วันทค่ี น้ ข้อมลู : 23 พฤศจกิ ายน 2564)
พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ. การศึกษา. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก :
https://www.im2market.com/2016/01/30/2808. (วนั ทคี่ น้ ข้อมูล : 6 กนั ยายน 2564)
ภทั รวี เทพพิทกั ษ.์ คณุ คา่ ทางการศกึ ษา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
http://th.kumonglobal.com/page.jsp?id=2713. (วันที่ค้นข้อมูล : 20 พฤศจิกายน
2564)
มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน. ข้อมลู หลกั สูตรทีเ่ ปดิ สอน. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก :
https://www.rmuti.ac.th. (วนั ท่ีคน้ ขอ้ มลู : 23 พฤศจิกายน 2564)
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสมี า. (2560). ข้อมูลหลักสูตรทเี่ ปดิ สอน. [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก :
www.nrru.ac.th. (วันทคี่ น้ ข้อมลู : 13 ตลุ าคม 2564)
มูฮ ามัด ฟาอิส มอลอ. จุดมุ่งหมายขอ งการศึกษา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://www.gotoknow. org
/posts/284541 (วนั ท่คี ้นขอ้ มลู : 29 สิงหาคม 2564)
ยุวดี มาพทุ ธ. ทาไมควรเรียนต่อในระดบั บณั ฑิตศึกษา. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :
https://teen.mthai.com/education/91114.html. (วันทค่ี น้ ขอ้ มลู : 6 กนั ยายน 2564)
รณกร ยายิรัมย์. ค่านิยมในการเลือกคณะเรียนต่อ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://sites.google.com/
site/m61g5cmu/home/thima (วนั ท่คี น้ ข้อมูล : 28 สงิ หาคม 2564)
37
บรรณานกุ รม (ตอ่ )
วิไลรัตน์ ลลี าคหกิจ. การศึกษา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
http://www.km.skn.go.th/?name=research&file=readresearch&id=17.
(วนั ที่ค้นขอ้ มูล : 23 พฤศจกิ ายน2564)
วิทยาลัยอาชีวะนครราชสีมา. ข้อมูลหลักสูตรที่เปิดสอน. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.nvc-
korat.ac.th.
(วนั ท่ีค้นขอ้ มูล : 23 ตุลาคม 2564)
ศนู ย์บริการวชิ าการ สถาบันส่งเสรมิ การวิจยั และพัฒนานวตั กรรม. วธิ ีการของยามาเน.่ [ออนไลน์].
เขา้ ถึงได้จาก : http://www.fsh.mi.th/km/wp-content/uploads/2014/04/resch.pdf
(วนั ทคี่ น้ ขอ้ มูล : 3 กนั ยายน 2564)
สมพล แก้วแทน. ปัจจยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ การศึกษาต่อ. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก :
http://www.hu.ac.th/conference/conference2016.
(วนั ทีค่ น้ ข้อมูล : 29 สิงหาคม 2564)
สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน. การศึกษา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
http://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=12&chap=2&page=t12-
2- infodetail04.html. (วันทีค่ ้นข้อมูล : 7 ตุลาคม 2564)
สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน. ความหมายของการศกึ ษาต่อ. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก :
http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=12&chap=2&page=t
12-2-infodetail05.html. (วันทค่ี ้นข้อมูล : 3 กนั ยายน 2564)
สานกั ขา่ วไทยพับลิก้า. วกิ ฤตการศกึ ษาไทย. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก :
https://thaipublica.org/investigations/critical-study-of-thailand/.
(วันที่คน้ ข้อมลู : 15 สิงหาคม 2564)
องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลหมนื่ ไวย. สวนเบยี่ งเบนมาตรฐาน. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก :
http://www.saomeaunwai.go.th/pdf/14998256891.pdf (วันท่ีค้นข้อมลู : 3 กันยายน
2564)
38
บรรณานกุ รม (ตอ่ )
Chakkham. แบบฟอรม์ เขยี นโครงรา่ งโครงงาน. [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก :
http://www.chakkham. ac.th/workjob/work/kruoun/0 8 - 1 1 -
2017_%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B887%E0%B8%87%E0%B8
% B2 % E0 % B8 % 9 9 % E0 % B8 % 8 4 % E0 % B8 % AD%E0 % B8 % A1 % E0
%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E
0%B8%A3 %E0%B9%8C %2031-44-46 (วันทคี่ ้นขอ้ มลู : 19 สิงหาคม 2564)
Mediathailand. การศกึ ษาตอ่ เน่ือง. [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก :
https://www.mediathailand.org /2012/05 /blog-post_8756.html
(วันท่ีคน้ ข้อมลู : 29 สิงหาคม 2564)
Organization name. หลักสูตรทเ่ี ปิดสอน. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก :
https://sites.google.com/site/karsuksatxxudmsuksa/services
(วันทีค่ ้นขอ้ มลู : 28 สิงหาคม 2564)
Wbi.msu. ร้อยละ/ค่าเฉลี่ย. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :
http://www.wbi.msu.ac.th/file/1349/doc_41218.658969907456.pdf
(วันทคี่ ้นข้อมูล : 3 กนั ยายน 2564)
Wikipedia. รายช่อื สถาบันอดุ มศกึ ษาในประเทศไทย. [ออนไลน]์ . เข้าถึงได้จาก :
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%
8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8
%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B
8%94%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%
B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%
B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2 (วันที่
คน้ ข้อมูล : 27สงิ หาคม 2564)
39
ภาคผนวก
40
แบบสอบถาม
เร่อื ง การศึกษาตอ่ ในระดบั อุดมศกึ ษาของนกั เรยี น
ระดับช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนราชวนิ ิตบางแก้ว
คาชี้แจง แบบสอบถามน้จี ัดทาข้นึ เพ่อื ศึกษาความตอ้ งการในการศึกษาต่อในนกั เรียน
ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลายโรงเรียนราชวนิ ิตบางแก้ว
ตอนที่ 1 ข้อมลู ทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
ใหท้ าเครื่องหมาย ที่ตรงกับขอ้ มลู ของท่าน
1. เพศ
ชาย หญงิ
2. แผนการเรยี น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์(Pre-Cadet)
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาองั กฤษ ญีป่ ุ่น
ภาษาองั กฤษ คณติ ศาสตร์ อ่นื ๆ (โปรดระบุ)......................
กฬี า
3. เกรดเฉล่ยี 2.00 - 2.50 2.51 - 3.00
ต่ากวา่ 2.00 3.51 ขนึ้ ไป
3.01 – 3.50