กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรยี นบ้านขนุ ฝาง
อาเภอเมือง จังหวดั อุตรดติ ถ์
นางสาวศภุ ลักษณ์ ใบสนธ์ิ
สาขาวทิ ยาศาสตรท์ วั่ ไป รหัสประจาตวั 62031050125
ชน้ั ปีท่ี 3 ปีการศึกษา 2564 ภาคเรยี นท่ี 2
คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุตรดติ ถ์
โรงเรยี นบ้านขุนฝาง ตาบลขนุ ฝาง อาเภอเมือง จงั หวดั อุตรดิตถ์
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5 สิ่งมีชีวติ 11 ชั่วโมง
รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา 15101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เรือ่ ง ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของพชื เวลา 1 ช่ัวโมง
ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 5
วนั ที่ 15 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ผสู้ อน นางสาว ศภุ ลกั ษณ์ ใบสนธิ์
โรงเรียนบ้านขุนฝาง ตำบล ขุนฝาง อำเภอ เมือง จังหวัด อตุ รดติ ถ์ คะแนนเก็บ 10 คะแนน
1. มาตรฐานการเรียนรู้ /ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้
มาตรฐานการเรียนรู้ / ผลการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพนั ธุกรรม
การเปลยี่ นแปลงทางพันธุกรรมทีม่ ผี ลตอ่ สิ่งมีชวี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพและววิ ัฒนาการของสิง่ มีชวี ิต
รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั
ป.5/1 อธิบายลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีมกี ารถา่ ยทอดจากพ่อแม่สู่ลกู ของพืช สัตว์และมนุษย์
ป.5/2 แสดงความอยากรู้อยากเหน็ โดยการถามคำถามเกยี่ วกับลักษณะที่คล้ายคลึงกันของตนเอง
กับพ่อแม่
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของพชื (K)
2. เขียนแผนผงั ความคิดลกั ษณะทางพันธุกรรมของพชื (P)
3. มีความม่งุ มั่นในการทำงาน (A)
3. สาระสำคัญ
สิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์เมื่อโตเต็มที่จะมีการสืบพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนและดำรงพันธุ์ โดยลูกท่ี
เกิดมาจะได้รับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม
4. สาระการเรยี นรู้
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของพืช
5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีจติ วทิ ยาศาสตร์
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยแสดงความรู้)
1) ใบงานลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของพชื
8. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำเข้าสบู่ ทเรยี น
1) ครแู นะนำตนเองแลว้ ให้นกั เรยี นในห้องเรยี นแนะนำตนเองทุกคน
2) ครูอาจให้นักเรียนแนะนำทีละกลุ่มตัวอักษร หรือตามลำดับหมายเลขประจำตัว หรือตามแถวที่นง่ั
ตามความเหมาะสม
ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
จัดกจิ กรรมการเรยี นรูโ้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ข้นั ตอนดังน้ี
1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
1) ครูนำเข้าสบู่ ทเรยี นโดยทบทวนความรเู้ ดมิ เกย่ี วกับลักษณะทางพันธกุ รรมของพืชดว้ ย
คำถามดงั ตอ่ ไปน้ี
1.1) พืชมีการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมหรือไม่ (นกั เรียนตอบตาม ความเขา้ ใจของตนเอง)
1.2) ถา้ พชื มีการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม จะถ่ายทอดอย่างไร (นักเรยี น ตอบตามความ
เขา้ ใจของตนเอง)
1.3) ถา้ ต้องการร้วู ่าต้นพชื ชนดิ ใดเปน็ ต้นพ่อ ตน้ แม่ หรือต้นลูก จะสงั เกตได้ จากอะไร (นักเรยี น
ตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
2) ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration)
1) ครูนำรูปพชื ต้นใหญท่ ่ีเป็นตน้ พอ่ หรือต้นแม่ และต้นลกู ที่มีลกั ษณะใบคลา้ ยกนั มาใหน้ ักเรยี น
สงั เกตพร้อมทั้งร่วมกันอภิปรายลักษณะทางพนั ธุกรรมของพืช
2) ครูใหน้ กั เรยี นสงั เกตต้นไม้หนา้ อาคารและให้นักเรยี นบนั ทึกรปู ร่างลกั ษณะของต้นไมท้ ี่นักเรียน
สนใจพร้อมกับนำเสนอลกั ษณะของพชื หน้าชน้ั เรียน
3) นักเรียนศึกษาเน้อื หาในหนังสือหนา้ 82 พร้อมกับทำใบงาน
3) ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
1) ครูให้นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายจนได้ข้อสรปุ ว่า แนวคำตอบ พชื เม่ือเจริญเติบโตเต็มท่จี ะมีการสบื พันธุ์
เพือ่ เพ่ิมจำนวนและดำรงพนั ธ์ุ โดยลูกทเ่ี กดิ มาจะไดร้ บั การถ่ายทอด ลักษณะทางพันธกุ รรมจากตน้ พ่อและต้น
แม่ ทำใหม้ ีลักษณะทางพันธุกรรมที่ เฉพาะแตกต่างจากสิ่งมชี วี ิตชนดิ อนื่ ลกั ษณะทางพันธุกรรมของพชื เช่น
ลักษณะของใบ สดี อก สีใบ
4) ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
1) ถามนักเรียนเพ่ิมเตมิ (5 นาที )
- พชื ที่นักเรียนนำมาศกึ ษามีลักษณะทางพันธกุ รรมอยา่ งไรบา้ ง
5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
1) ครูใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนพิจารณาว่าจากหัวข้อทีเ่ รยี นมาและการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม มีจุดใดบ้างท่ียังไม่
เข้าใจหรอื ยงั มขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพม่ิ เตมิ ให้นักเรียนเข้าใจ
2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลมุ่ ว่ามปี ัญหาหรืออุปสรรคใด และไดแ้ ก้ไขอยา่ งไร
3) นักเรียนและครูร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม
และการนำความรู้ทีไ่ ดไ้ ปใช้ประโยชน์
9. สอื่ การสอน
1) หนงั สือวทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 5 เล่ม 2
2) Power Point เรอ่ื งลกั ษณะทางพันธุกรรมของพชื
10. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวัด เครอ่ื งมืดวดั เกณฑ์การประเมิน
-การตอบคำถาม -คำถาม -ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ในชนั้ เรยี น 60 ผ่านเกณฑ์
- แบบประเมนิ -ไดค้ ะแนนรูบริคส์ต้ังแต่
1. อธิบายลกั ษณะทาง แผนผงั ความคดิ - แผนผังความคิด
พันธุกรรมของพชื (K) 2 ขนึ้ ไป
-สังเกต -แบบสงั เกต
2. เขยี นแผนผงั ความคิด -ได้คะแนนรบู ริคส์ตัง้ แต่
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของพืช 2 ข้นึ ไป
(P)
4. มีความมุง่ มันในทำงาน (A)
เกณฑก์ ารประเมินผลรูบรคิ ส์ 4 (ดมี าก) ระดับคุณภาพ 1 (ปรับปรงุ )
3 (ดี) 2 (พอใช้)
ประเดน็ การประเมิน - มีคุณสมบตั ิ 4 - มีคุณสมบตั ิ 1
ใน 4 ของระดบั ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ข้ึนไป ใน 4 ของระดบั
1. อธบิ ายลกั ษณะทาง คณุ ภาพ คณุ ภาพ
พันธกุ รรมของพชื (K) - มคี ุณสมบตั ิ 3 - มคี ณุ สมบัติ 2
2. เขยี นแผนผงั ความคิด - มีคุณสมบตั ิ 4 - มีคณุ สมบัติ 1
ลกั ษณะทางพันธุกรรมของพืช ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั
(P) คณุ ภาพ คณุ ภาพ
คณุ ภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ
1. การพูดคล่องแคล่ว
2. ออกเสยี งชัดเจน - มคี ุณสมบตั ิ 3 - มคี ณุ สมบตั ิ 2
3. มีไหวพรบิ ในการสงั เกต
4. เขยี นสะกดคำได้ถกู ต้อง ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั
3. มคี วามม่งุ มน่ั ในการทำงาน
(A) คณุ ภาพ คณุ ภาพ
คุณภาพ
1. มรี ว่ มในการเรยี นรู้
2. ต้ังใจทำงาน
3. ส่งงานครบตามเวลา
กำหนด
4. รับผดิ ชอบตอ่ งานที่ไดร้ ับ
มอบหมาย
เกณฑใ์ นการตดั สนิ ระดับคุณภาพนักเรียนจากคะแนนรวมท้งั หมด
กำหนดระดับคณุ ภาพผลการเรยี นรรู้ ว่ มกนั ทุกด้านเป็น 4 ระดบั คือ ดมี าก ดี พอใช้ และปรบั ปรุง
กำหนดเกณฑใ์ นการประเมินดังน้ี
ระดบั คุณภาพดมี าก 17 – 18 คะแนน
ระดับคุณภาพดี 14 – 16 คะแนน
ระดบั คุณภาพพอใช้ 10 – 13 คะแนน
ระดบั คณุ ภาพปรับปรุง นอ้ ยกวา่ 10 คะแนน
เกณฑใ์ นการตัดสนิ ระดับคณุ ภาพนกั เรยี นจากคะแนนรวมทั้งหมด
กำหนดระดับคุณภาพผลการเรยี นรรู้ ว่ มกนั ทกุ ดา้ นเปน็ 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรบั ปรงุ
กำหนดเกณฑ์ในการประเมนิ ดงั น้ี
ระดับคุณภาพดีมาก 17 – 18 คะแนน
ระดับคุณภาพดี 14 – 16 คะแนน
ระดบั คุณภาพพอใช้ 10 – 13 คะแนน
ระดบั คุณภาพปรับปรงุ น้อยกว่า 10 คะแนน
บนั ทึกความคิดเห็นของผู้ตรวจแผนการเรียนรู้
ความคิดเหน็ ของครพู ่ีเลยี้ ง
( ) ใชส้ อนได้
( ) ควรปรบั ปรงุ
………………………………………..…………………………………..…………………………………………………..……………….……….
….…………..…………………………………………………..…………………………………..………………………………………………….
.…………………………………..…………………………………………………..…………………………………..……….……………………
ลงชอ่ื ..................................................... ครพู ี่เลี้ยง
(นางสาวเกยี รตสิ ุดา ชยั พงษ์ )
………/……………………../…………
ความคดิ เหน็ ของหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
………………………………………..…………………………………..…………………………………………………..……………….……….
….…………..…………………………………………………..…………………………………..………………………………………………….
.…………………………………..…………………………………………………..…………………………………..……….……………………
ลงชอ่ื ....................................................... ผู้ตรวจ
(.....................................................)
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 สิ่งมีชีวิต 11 ชวั่ โมง
รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า 15101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เรอ่ื ง ลักษณะทางพนั ธุกรรมของสตั ว์ เวลา 1 ช่ัวโมง
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5
วันที่ 17 เดอื น พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2564 ผู้สอน นางสาว ศภุ ลกั ษณ์ ใบสนธิ์
โรงเรยี นบา้ นขุนฝาง ตำบล ขนุ ฝาง อำเภอ เมือง จังหวัด อุตรดติ ถ์ คะแนนเกบ็ 10 คะแนน
1. มาตรฐานการเรียนรู้ /ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้
มาตรฐานการเรียนรู้ / ผลการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพนั ธุกรรม
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ช้วี ัด
ป.5/1 อธบิ ายลักษณะทางพันธุกรรมท่มี ีการถา่ ยทอดจากพอ่ แม่สลู่ กู ของพชื สตั ว์และมนุษย์
ป.5/2 แสดงความอยากรู้อยากเห็น โดยการถามคำถามเกี่ยวกับลักษณะที่คล้ายคลึงกันของตนเอง
กับพอ่ แม่
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายลักษณะทางพันธุกรรมของสตั ว์ (K)
2. เขยี นแผนผังความคิดลักษณะทางพนั ธุกรรมของสัตว์ (P)
3. มคี วามมุ่งม่นั ในการทำงาน (A)
3. สาระสำคญั
สิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์เมื่อโตเต็มที่จะมีการสืบพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนและดำรงพันธุ์ โดยลูกท่ี
เกิดมาจะได้รับการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม
4. สาระการเรียนรู้
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของสัตว์
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุง่ มนั่ ในการทำงาน
7. ช้ินงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยแสดงความรู)้
1) ใบงานเรอ่ื งลักษณะพันธกุ รรมของสตั ว์
8. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำเข้าสบู่ ทเรียน
1) ครตู รวจสอบความรู้เดมิ เกี่ยวกบั ลักษณะทางพันธกุ รรมของพชื โดยใช้เกมคำถามทายลกั ษณะของ
พืชโดยใช้คำถามเกยี่ วพืชลักษณะของพืช
ขัน้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ข้นั ตอนดงั นี้
1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับลักษณะทางพันธุกรรมของพืชด้วย
คำถามดงั ต่อไปน้ี
1.1) สตั ว์มีการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมหรอื ไม่ (นกั เรยี นตอบตาม ความเขา้ ใจของตนเอง)
1.2) ถ้าสัตว์มีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม จะถ่ายทอดอย่างไร (นักเรียน ตอบตามความ
เข้าใจของตนเอง)
1.3) ถ้าต้องการรู้ว่าสัตว์ชนิดใดเป็นต้นพ่อ ต้นแม่ หรือลูก จะสังเกตได้ จากอะไร (นักเรียนตอบ
ตามความเข้าใจของตนเอง)
2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1) ครูวาดภาพครอบครัวสัตว์ที่เป็นพ่อหรือแม่ และลูกที่มีลักษณะคล้ายกัน มาให้นักเรียนสังเกต
พรอ้ มทั้งรว่ มกันอภิปรายลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสตั ว์
2) ครูให้นักเรียนวาดภาพครอบครวั ของสตั วต์ ามทตี่ นเองสนใจ
3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1) เม่อื ทำเสรจ็ แลว้ ครูครูสุ่มนักเรียนออกมายกตวั อยา่ งเก่ยี วกับลกั ษณะพันธุกรรมของสัตว์
2) ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายและจนได้ข้อสรุปว่า ลักษณะทส่ี ามารถถ่ายทอดจากสัตว์รุ่นพ่อ
แม่ไปยังรุ่นลกู ได้เช่นเดียวกบั ลักษณะทางพนั ธุกรรมของพชื ลกั ษณะเหลา่ นั้นเป็นลกั ษณะของสตั ว์ชนดิ เดียวกัน
ที่แตกต่างไปจากสัตวอ์ ื่น ๆ เช่น สุนัขพันธุ์เดยี วกันจะมีรูปร่างลักษณะของร่างกาย หัว ดวงตา หู หาง ขนหรือ
ขา ท่ีคล้ายคลงึ กัน แต่ลกั ษณะเหลา่ นน้ั จะแตกต่างไปจากสัตว์ชนดิ อืน่ ๆ รวมถงึ สนุ ขั พนั ธุ์อ่ืน ๆ
4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นยกตัวอยา่ งและช่วยกันตอบคำถาม
2) ครูสรุปให้นักเรยี นฟังว่า ลกั ษณะท่ีสามารถถา่ ยทอดจากสัตว์รุ่นพ่อแม่ไปยังรุ่นลูกได้เช่นเดียวกับ
ลักษณะทางพันธุกรรมของพืช ลักษณะเหล่านั้นเป็นลักษณะของสัตว์ชนิดเดียวกันที่แตกต่างไปจากสัตว์อื่น ๆ
เช่น สุนขั พันธเุ์ ดยี วกนั จะมีรปู รา่ งลักษณะของรา่ งกาย หัว ดวงตา หู หาง ขนหรอื ขา ท่คี ลา้ ยคลึงกัน
5) ข้นั ประเมิน (Evaluation)
1) ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาว่าจากหวั ข้อทีเ่ รยี นมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่
เขา้ ใจหรือยังมขี ้อสงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ
2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใด และไดแ้ ก้ไขอย่างไร
3) นักเรียนและครูร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม
และการนำความรู้ท่ไี ดไ้ ปใช้ประโยชน์
9. ส่อื การสอน
1) หนงั สอื วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 เล่ม 2
2) PowerPoint เรือ่ งลักษณะพันธุกรรมของสตั ว์
10. การวดั และประเมนิ ผล
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการวัด เครอ่ื งมดื วัด เกณฑก์ ารประเมิน
-คำถาม
1. อธบิ ายลักษณะทาง -การตอบคำถาม ในชัน้ เรียน -ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ
60 ผ่านเกณฑ์
พันธุกรรมของสตั ว์ (K) - แผนผังความคดิ
-ไดค้ ะแนนรูบริคส์ตง้ั แต่
2. เขียนแผนผังความคิดลักษณะ - แบบประเมิน -แบบสงั เกต 2 ขึ้นไป
ทางพนั ธกุ รรมของสัตว์ (P) แผนผงั ความคิด -ได้คะแนนรบู ริคส์ต้งั แต่
2 ขนึ้ ไป
4. มีความมงุ่ มันในทำงาน (A) -สงั เกต
เกณฑ์การประเมนิ ผลรบู รคิ ส์ 4 (ดมี าก) ระดับคุณภาพ 1 (ปรบั ปรงุ )
3 (ดี) 2 (พอใช้)
ประเด็นการประเมนิ - มคี ุณสมบตั ิ 4 - มคี ุณสมบัติ 1
ใน 4 ของระดับ ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70 ขึ้นไป ใน 4 ของระดับ
1. อธบิ ายลักษณะทาง คุณภาพ คุณภาพ
พนั ธกุ รรมของสตั ว์ (K)) - มคี ุณสมบัติ 3 - มคี ุณสมบตั ิ 2
2. เขียนแผนผงั ความคดิ - มคี ุณสมบตั ิ 4 - มคี ณุ สมบัติ 1
ลกั ษณะทางพันธุกรรมของ ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั
สตั ว์ (P) คุณภาพ คุณภาพ
คณุ ภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ
1. การพดู คล่องแคล่ว
2. ออกเสียงชดั เจน - มีคุณสมบัติ 3 - มคี ณุ สมบัติ 2
3. มีไหวพรบิ ในการสังเกต
4. เขยี นสะกดคำได้ถกู ต้อง ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั
3. มคี วามมงุ่ ม่นั ในการทำงาน
(A) คุณภาพ คณุ ภาพ
คณุ ภาพ
1. มรี ว่ มในการเรยี นรู้
2. ต้งั ใจทำงาน
3. สง่ งานครบตามเวลา
กำหนด
4. รบั ผดิ ชอบต่องานที่ได้รบั
มอบหมาย
เกณฑใ์ นการตดั สนิ ระดับคุณภาพนักเรียนจากคะแนนรวมท้งั หมด
กำหนดระดับคณุ ภาพผลการเรยี นรรู้ ว่ มกนั ทุกด้านเป็น 4 ระดบั คือ ดมี าก ดี พอใช้ และปรบั ปรุง
กำหนดเกณฑใ์ นการประเมินดังน้ี
ระดบั คุณภาพดมี าก 17 – 18 คะแนน
ระดับคุณภาพดี 14 – 16 คะแนน
ระดบั คุณภาพพอใช้ 10 – 13 คะแนน
ระดบั คณุ ภาพปรับปรุง นอ้ ยกวา่ 10 คะแนน
เกณฑใ์ นการตัดสนิ ระดับคณุ ภาพนกั เรยี นจากคะแนนรวมทั้งหมด
กำหนดระดับคุณภาพผลการเรยี นรรู้ ่วมกนั ทกุ ดา้ นเปน็ 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรบั ปรงุ
กำหนดเกณฑ์ในการประเมนิ ดงั น้ี
ระดับคุณภาพดีมาก 17 – 18 คะแนน
ระดับคุณภาพดี 14 – 16 คะแนน
ระดบั คุณภาพพอใช้ 10 – 13 คะแนน
ระดบั คุณภาพปรับปรงุ น้อยกว่า 10 คะแนน
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 5 ส่ิงมีชีวิต 11 ชั่วโมง
รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา 15101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เรือ่ ง ลักษณะทางพันธุกรรมของมนษุ ย์ เวลา 1 ชั่วโมง
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 5
วนั ที่ 19 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ผสู้ อน นางสาว ศภุ ลักษณ์ ใบสนธิ์
โรงเรียนบ้านขุนฝาง ตำบล ขุนฝาง อำเภอ เมือง จังหวดั อตุ รดิตถ์ คะแนนเก็บ 10 คะแนน
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ /ตวั ช้วี ดั /ผลการเรียนรู้
มาตรฐานการเรยี นรู้ / ผลการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพนั ธุกรรม
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วัด
ป.5/1 อธิบายลกั ษณะทางพันธกุ รรมทมี่ กี ารถ่ายทอดจากพอ่ แมส่ ลู่ ูกของพืช สัตว์และมนษุ ย์
ป.5/2 แสดงความอยากรู้อยากเห็น โดยการถามคำถามเกี่ยวกับลักษณะที่คล้ายคลึงกันของตนเอง
กบั พอ่ แม่
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายลักษณะทางพนั ธุกรรมของมนุษย์ (K)
2. เขียนแผนผงั ความคิดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของมนษุ ย์ (P)
3. มคี วามมงุ่ มั่นในการทำงาน (A)
3. สาระสำคัญ
มนุษย์มีลักษณะบางลักษณะคล้ายกับคนในครอบครวั ซึ่งเป็นลักษณะที่ได้รับการถ่ายทอดจาก พ่อ
แม่ เรยี กวา่ ลักษณะทางพันธุกรรม
4. สาระการเรียนรู้
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของมนุษย์
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. มจี ิตวิทยาศาสตร์
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในการทำงาน
7. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ่ งรอยแสดงความรู้)
1) ใบงานเรื่องลักษณะทางพันธกุ รรมของมนุษย์
8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรยี น
1) ครูให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถามเกี่ยวกับลักษณะทางพันธุ์กรรมของมนุษย์ เช่น เรามีตาสองช้ัน
เหมือนใคร มลี ักย้มิ เหมือนใคร
ขัน้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้
จัดกิจกรรมการเรียนร้โู ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ขัน้ ตอนดงั น้ี
1) ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement)
1) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์ด้วย คำถาม
ดังตอ่ ไปนี้
1.1) มนุษย์มีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมหรือไม่ (นักเรียนตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง)
1.2) ถ้ามนุษย์มีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม จะถ่ายทอดอย่างไร (นักเรียน ตอบตามความ
เขา้ ใจของตนเอง)
1.3) ถ้าต้องการรู้ว่าลูกท่ีเกิดมีลักษณะทางพันธกุ รรมเหมอื น พ่อ แม่ จะสังเกตได้ จากอะไร
แนวคำตอบ(ลกั ยม้ิ ห่อลนิ้ ได้ หอ่ ลนิ้ ไม่ได้)
2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1) ครูนำรปู ครอบครัวท่ีมพี ่อหรือแม่ และลกู ที่มลี ักษณะคล้ายกัน มาใหน้ ักเรียนสงั เกตและร่วมกัน
อภปิ รายลักษณะทางพันธกุ รรมของมนุษย์
2) ให้นักเรียนแต่ละคนลองสังเกตและเปรียบเทียบลักษณะของตนเองกับพ่อแม่โดยสังเกต
ลกั ษณะติ่งหู ชัน้ ของตา ลักยม้ิ และอ่นื ๆ
3) ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
1) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่า แนวคำตอบ มนุษย์สามารถถ่ายทอดลักษณะ
ทางพันธุกรรมได้เช่นเดียวกับพืชและสัตว์ ลักษณะที่สามารถถ่ายทอดจากมนุษย์รุ่นพ่อแม่ไปยังรุ่งลูกได้ เช่น
รูปร่างลักษณะ ศีรษะ รูปหน้า เส้นผม จมูก ปาก ลิ้น ความสูง ลักษณะเหล่านี้ ทำให้มนุษย์มีความแตกต่างไป
จากสัตว์ชนิดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม มนุษย์มีความหลากหลายด้านชนชาติ มนุษย์แต่ละชาติจึงมีลักษณะทาง
พันธกุ รรมทีแ่ ตกตา่ งหลากหลายดว้ ยเชน่ กนั
4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
1) ให้นักเรียนออกมานำเสนอเปรียบเทียบและยกตวั อยา่ งส่ิงท่ีคลา้ ยพ่อกบั แม่
2) ครูถามคำถามนักเรยี นเพิม่ เตมิ วา่ ครอบครัวทนี่ กั เรยี นเลอื กมีลักษณะทางพนั ธกุ รรมอะไรบ้าง
5) ข้นั ประเมนิ (Evaluation)
1) ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคนรว่ มอภิปรายและลงขอ้ สรปุ
2) ครูให้นักเรียนเตรียมประเด็นคำถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม เพื่อนำมาอภิปราย
ร่วมกนั ในหอ้ งเรียนครั้งต่อไป
9. ส่อื การสอน
1) หนังสอื วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 เลม่ 2
2) Power Point เร่อื งลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของมนุษย์
10. การวัดและประเมินผล
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการวดั เครื่องมืดวัด เกณฑก์ ารประเมนิ
-คำถาม
1. อธบิ ายลักษณะทาง -การตอบคำถาม ในชัน้ เรียน -ได้คะแนนรอ้ ยละ
60 ผ่านเกณฑ์
พันธุกรรมของมนุษย์ (K) - แผนผังความคดิ
-ได้คะแนนรูบริคส์ต้ังแต่
2. เขียนแผนผังความคดิ ลักษณะ - แบบประเมนิ -แบบสงั เกต 2 ข้นึ ไป
ทางพนั ธกุ รรมของมนุษย์ (P) แผนผังความคดิ -ไดค้ ะแนนรบู ริคส์ตง้ั แต่
2 ขึ้นไป
4. มีความมงุ่ มนั ในทำงาน (A) -สังเกต
เกณฑ์การประเมินผลรูบริคส์
ประเด็นการประเมิน 4 (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรับปรุง)
3 (ด)ี 2 (พอใช้)
1. อธบิ ายลกั ษณะทาง ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 70 ข้นึ ไป
พนั ธกุ รรมของมนุษย์ (K)
2. เขยี นแผนผังความคิด - มคี ุณสมบตั ิ 4 - มคี ณุ สมบัติ 3 - มีคุณสมบตั ิ 2 - มีคณุ สมบตั ิ 1
ลักษณะทางพนั ธุกรรมของ ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ
มนษุ ย์ (P) คุณภาพ คุณภาพ คุณภาพ คุณภาพ
คุณภาพ
1. การพูดคล่องแคล่ว
2. ออกเสียงชดั เจน
3. มีไหวพริบในการสงั เกต
4. เขยี นสะกดคำได้ถกู ต้อง
3. มคี วามมุ่งมนั่ ในการทำงาน - มีคุณสมบัติ 4 - มคี ุณสมบตั ิ 3 - มีคณุ สมบตั ิ 2 - มคี ณุ สมบตั ิ 1
(A) ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั
คณุ ภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ
1. มีร่วมในการเรียนรู้
2. ต้ังใจทำงาน
3. สง่ งานครบตามเวลา
กำหนด
4. รบั ผดิ ชอบต่องานที่ได้รบั
มอบหมาย
เกณฑใ์ นการตดั สนิ ระดับคุณภาพนกั เรียนจากคะแนนรวมท้ังหมด
กำหนดระดบั คณุ ภาพผลการเรียนรู้ร่วมกันทุกดา้ นเปน็ 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรับปรุง
กำหนดเกณฑ์ในการประเมินดังน้ี
ระดบั คุณภาพดีมาก 17 – 18 คะแนน
ระดับคุณภาพดี 14 – 16 คะแนน
ระดบั คุณภาพพอใช้ 10 – 13 คะแนน
ระดบั คณุ ภาพปรบั ปรงุ น้อยกว่า 10 คะแนน
เกณฑใ์ นการตัดสนิ ระดับคณุ ภาพนกั เรยี นจากคะแนนรวมทั้งหมด
กำหนดระดับคุณภาพผลการเรยี นรรู้ ่วมกนั ทกุ ดา้ นเปน็ 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรบั ปรงุ
กำหนดเกณฑ์ในการประเมนิ ดงั น้ี
ระดับคุณภาพดีมาก 17 – 18 คะแนน
ระดับคุณภาพดี 14 – 16 คะแนน
ระดับคุณภาพพอใช้ 10 – 13 คะแนน
ระดับคุณภาพปรับปรงุ น้อยกว่า 10 คะแนน
11.
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 สิ่งมีชีวติ 11 ชัว่ โมง
รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า 15101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เรอื่ ง ลกั ษณะทค่ี ล้ายคลึงกนั ของตัวเองกบั พ่อแม่ เวลา 1 ชั่วโมง
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 5
วนั ท่ี 22 เดือน พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2564 ผูส้ อน นางสาว ศุภลักษณ์ ใบสนธิ์
โรงเรยี นบา้ นขุนฝาง ตำบล ขุนฝาง อำเภอ เมือง จังหวัด อุตรดติ ถ์ คะแนนเกบ็ 10 คะแนน
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ /ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้
มาตรฐานการเรยี นรู้ / ผลการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
รวมทัง้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ตัวช้วี ดั
ป.5/1 อธิบายลักษณะทางพันธุกรรมที่มกี ารถ่ายทอดจากพอ่ แม่สู่ลกู ของพชื สัตว์และมนุษย์
ป.5/2 แสดงความอยากรู้อยากเห็น โดยการถามคำถามเกี่ยวกับลักษณะที่คล้ายคลึงกันของตนเอง
กับพอ่ แม่
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายลกั ษณะทางพันธุกรรมของมนษุ ย์ (K)
2. เขียนแผนผงั ความคดิ ลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์ (P)
3. มคี วามมุง่ ม่นั ในการทำงาน (A)
3. สาระสำคัญ
มนุษย์มีลักษณะบางลักษณะคล้ายกับคนในครอบครัว ซึ่งเป็นลักษณะที่ได้รับการถ่ายทอดจาก
พ่อแม่ เรยี กวา่ ลักษณะทางพนั ธุกรรม
4. สาระการเรยี นรู้
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของมนษุ ย์
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มจี ิตวิทยาศาสตร์
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุง่ มัน่ ในการทำงาน
7. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยแสดงความรู้)
– ใบงานลักษณะท่คี ล้ายคลึงพ่อแม่
8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ นำเข้าส่บู ทเรยี น
1) ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับลักษณะทางพันธ์ุกรรมของมนุษย์ เช่น เรามีตาสองชั้นเหมือนใคร
มลี ักยม้ิ เหมือนใคร
ขั้นจดั กิจกรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ข้ันตอนดังนี้
1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1) ครูให้นักเรียนดูรูปครอบครัวของดารา นักร้องที่นักเรียนสนใจ จากนั้นครูถามคำถาม นักเรียน
1.1) บุคคลในรปู มคี วามสัมพนั ธก์ ันหรอื ไม่ รูไ้ ดอ้ ย่างไร (เป็น เพราะมหี น้าตาคลา้ ยกนั )
1.2) บุคคลในรูปมีลักษณะอะไรบา้ งทีเ่ หมือนกัน (นักเรยี นตอบตามที่สังเกตได้)
1.3) เพราะเหตุใด บุคคลในรปู มีลกั ษณะเหมอื นกัน (นกั เรยี นตอบตามความ เขา้ ใจของตนเอง)
2) ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration)
1) ครูนำรูปครอบครัวดาราที่มีพ่อหรือแม่ และลูกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน มาให้นักเรียนสังเกต
พร้อมทง้ั ร่วมกันอภิปรายลกั ษณะท่คี ล้ายคลึงกนั ของตัวเองกับพ่อแม่
2) นกั เรียนศึกษาเนือ้ หาในหนังสอื พรอ้ มกบั ทำใบงาน
3) ขนั้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่า เมื่อมนุษย์เติบโตเต็มที่จะมีการสืบพันธุ์เพื่อเพ่ิม
จำนวนและดำรงพันธุ์ โดยลูกที่เกิดมาจะได้รับการ ถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมจากพ่อแม่ ทำให้มีลักษณะ
ทางพนั ธกุ รรมทเ่ี ฉพาะแตกต่างจากสิ่งมีชวี ติ ชนิดอนื่ ลักษณะทางพนั ธุกรรมของมนุษย์ เช่น เชิงผมที่หน้าผาก
การมีลกั ย้มิ ชัน้ หนงั ตา การหอ่ ล้นิ การมตี ิง่ หู
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูถามนักเรียนเพิ่มเติม ลักษณะทางพันธุ์หมายถึงอะไร แนวคำตอบ ลักษณะที่มีการถ่ายทอดจาก
พ่อแม่ไปสู่ลกู
5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
1) ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคนพิจารณาว่าจากหวั ข้อทเ่ี รียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มจี ดุ ใดบ้างท่ียังไม่
เขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรยี นเข้าใจ
2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้แก้ไข
อยา่ งไรบ้าง
3) นักเรียนและครูร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม
และการนำความรู้ทไ่ี ด้ไปใช้ประโยชน์
9. สอื่ การสอน
1. หนังสอื วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 5 เล่ม 2
2. Powerpoint เรือ่ งลกั ษณะที่คลา้ ยคลึงพ่อแม่
10. การวัดและประเมนิ ผล
จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวัด เครอื่ งมืดวัด เกณฑ์การประเมนิ
1. อธิบายลกั ษณะทาง -การตอบคำถาม -คำถาม -ได้คะแนนรอ้ ยละ
พนั ธุกรรมของมนุษย์ (K) ในช้ันเรียน 60 ผา่ นเกณฑ์
2. เขยี นแผนผังความคิด - แบบประเมิน - แผนผงั ความคิด -ไดค้ ะแนนรบู ริคสต์ ้งั แต่
ลักษณะทางพนั ธุกรรมของ แผนผงั ความคดิ 2 ขึ้นไป
มนุษย์ (P)
4. มคี วามมงุ่ มนั ในทำงาน (A) -สงั เกต -แบบสงั เกต -ได้คะแนนรูบรคิ สต์ ัง้ แต่
2 ขึน้ ไป
เกณฑ์การประเมนิ ผลรูบรคิ ส์
ประเดน็ การประเมนิ 4 (ดมี าก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรบั ปรงุ )
3 (ด)ี 2 (พอใช)้
1. อธิบายลักษณะทาง ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 70 ขนึ้ ไป
พันธกุ รรมของมนุษย์ (K)
2. เขยี นแผนผงั ความคดิ - มีคุณสมบัติ 4 - มคี ณุ สมบตั ิ 3 - มคี ุณสมบตั ิ 2 - มคี ุณสมบตั ิ 1
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของ ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั
มนษุ ย์ (P) คุณภาพ คณุ ภาพ คุณภาพ คณุ ภาพ
คณุ ภาพ
1. การพดู คล่องแคลว่
2. ออกเสยี งชดั เจน
3. มีไหวพรบิ ในการสังเกต
4. เขียนสะกดคำได้ถกู ต้อง
3. มคี วามมุ่งมน่ั ในการทำงาน - มีคณุ สมบัติ 4 - มคี ณุ สมบัติ 3 - มคี ุณสมบตั ิ 2 - มีคุณสมบตั ิ 1
(A) ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั
คณุ ภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ คุณภาพ
1. มรี ว่ มในการเรียนรู้
2. ตัง้ ใจทำงาน
3. ส่งงานครบตามเวลา
กำหนด
4. รับผิดชอบต่องานที่ไดร้ บั
มอบหมาย
เกณฑใ์ นการตดั สนิ ระดบั คุณภาพนกั เรยี นจากคะแนนรวมท้ังหมด
กำหนดระดับคณุ ภาพผลการเรียนรู้รว่ มกนั ทกุ ด้านเป็น 4 ระดับคือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรับปรงุ
กำหนดเกณฑใ์ นการประเมินดังน้ี
ระดบั คุณภาพดมี าก 17 – 18 คะแนน
ระดับคุณภาพดี 14 – 16 คะแนน
ระดับคุณภาพพอใช้ 10 – 13 คะแนน
ระดบั คุณภาพปรบั ปรุง นอ้ ยกว่า 10 คะแนน
เกณฑใ์ นการตัดสนิ ระดับคณุ ภาพนกั เรยี นจากคะแนนรวมทั้งหมด
กำหนดระดับคุณภาพผลการเรยี นรรู้ ว่ มกนั ทกุ ดา้ นเปน็ 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรบั ปรงุ
กำหนดเกณฑ์ในการประเมนิ ดงั น้ี
ระดับคุณภาพดีมาก 17 – 18 คะแนน
ระดับคุณภาพดี 14 – 16 คะแนน
ระดับคุณภาพพอใช้ 10 – 13 คะแนน
ระดบั คุณภาพปรับปรงุ น้อยกว่า 10 คะแนน
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 ส่ิงมีชีวิต 11 ชว่ั โมง
รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า 15101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เร่อื ง โครงสรา้ งและลกั ษณะของส่ิงมีชวี ิต (1) เวลา 1 ชั่วโมง
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 5
วันที่ 24 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ผสู้ อน นางสาว ศภุ ลักษณ์ ใบสนธ์ิ
โรงเรียนบา้ นขุนฝาง ตำบล ขนุ ฝาง อำเภอ เมือง จังหวดั อตุ รดติ ถ์ คะแนนเก็บ 10 คะแนน
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ /ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้
มาตรฐานการเรียนรู้ / ผลการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับ
สิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงาน
การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายขอ งประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มแนวทางในการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาส่งิ แวดล้อม
รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วดั
ว 1.3 ป.5/1 บรรยายโครงสร้างและลักษณะของส่ิงมีชวี ิตท่ีเหมาะสมกับการดำรงชวี ิต ซึง่ เปน็ ผลมา
จากการปรับตัวของสง่ิ มีชวี ิตในแต่ละแหล่งท่ีอยู่
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักเรียนสามารถอธิบายโครงสร้างหรือลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต
ในแหล่งทอี่ ยไู่ ด้ (K)
2. นกั เรียนสามารถเขียนลกั ษณะของส่งิ มชี ีวิตได้เหมาะสมกบั สง่ิ แวดล้อม (P)
3. มีความมุ่งมัน่ ในการทำงาน (A)
3. สาระสำคญั
สง่ิ มชี วี ิตท้ังพชื และสตั วม์ โี ครงสร้างและลกั ษณะทเ่ี หมาะสมในแตล่ ะแหลง่ ท่ีอยู่ ซ่ึงเปน็ ผลมาจากการ
ปรับตวั ของส่ิงมีชีวิตเพ่อื ดำรงชวี ติ และอยรู่ อดได้ในแต่ละแหล่งที่อยู่
4. สาระการเรียนรู้
1. ลักษณะของสิง่ มชี ีวิตที่เหมาะสมกับสง่ิ แวดลอ้ ม
2. โครงสร้างของพชื ท่เี หมาะสมต่อการดำรงชวี ิตในแหล่งท่ีอยู่
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
7. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2
2) ใบงานท่ี1 เรื่อง โครงสรา้ งของพชื ท่ีเหมาะสมต่อการดำรงชวี ติ ในแหล่งท่อี ยู่
8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นำเข้าส่บู ทเรยี น
1) ครูและนักเรียนกล่าวทักทายกันและเล่นเกมเพ่อื เรยี กสมาธิกอ่ นเร่มิ เรยี น
ข้ันจัดกิจกรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ข้นั ตอนดังน้ี
1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
1) นำเขา้ สู่บทเรียนโดยให้นักเรยี นดภู าพและสงั เกตสิ่งมชี วี ิตต่างๆ
2) นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด “จากภาพ ส่ิงใดเป็นส่งิ มีชีวิต ส่งิ ใดเป็นสิง่ ไม่มีชวี ิต”
3) ถามต่อ “สงิ่ มชี ีวติ ในภาพ มคี วามสัมพันธ์กบั สงิ่ ไมม่ ีชีวิตอยา่ งไรบา้ ง จงยกตัวอย่างประกอบ”
4) อธิบายเพ่มิ เตมิ ว่า มคี วามสมั พันธ์ทีห่ ลากหลาย เชน่ ทอี่ ย่อู าศัย ใชด้ ำรงชีวติ ใช้สืบพันธุ์
2) ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1) นักเรียนอ่านสาระสำคัญและดูภาพ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.6 เล่ม 2 จากนั้นถาม
นกั เรยี นว่า “จากภาพสิง่ มีชีวิตมลี กั ษณะอย่างไรในแตล่ ะแหล่งท่ีอยู่อาศัย”
2) อาสาสมคั รตอบคนละ 1 ภาพ ว่ามคี วามสัมพันธ์อยา่ งไร พร้อมกับครอู ธิบายเพม่ิ เติม
3) นักเรียนวาดภาพพืชพร้อมกับแหละที่อยู่ที่เหมาะสม ที่นักเรียนรู้จัก 2 ภาพ ใบงานที่1 เรื่อง
โครงสรา้ งของพืชท่ีเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตในแหลง่ ท่ีอยู่ พรอ้ มอธบิ ายเหตุผลประกอบ 10 นาที
3) ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
1) ขออาสาสมัคร 2 คนมานำเสนอภาพของตัวเอง พร้อมอธิบาย และ นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์
และอภปิ ราย ภาพของเพื่อนหน้าช้ันเรียน
2) นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายเกี่ยวกับผลการทำกจิ กรรม
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
1) อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกบั โครงสร้างของพืชที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตในแหล่งท่ีอยู่ พร้อมทั้ง
ยกตัวอยา่ งประกอบ
2) นักเรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายและสรุปองคค์ วามรู้จากการปฏิบัติกจิ กรรม
5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
1) อาสาสมัครยกตัวอย่างโครงสร้างของพืชที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตในแหล่งที่
อยู่ทนี่ อกเหนือจากในหนงั สอื วิทยาศาสตร์ ป.6 เลม่ 2
2) เก็บรวบรวมใบงานของนักเรียน เพื่อนำไปตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบในกิจกรรมและ
บนั ทกึ คะแนน
9. สื่อการสอน
1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป. 6 เล่ม 2
2) PowerPoint เรื่อง โครงสรา้ งของพชื ทเ่ี หมาะสมต่อการดำรงชวี ติ ในแหล่งทอ่ี ยู่
10. การวดั และประเมินผล วธิ กี ารวดั เครื่องมืดวดั เกณฑ์การประเมนิ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ -ปฏิบตั ิตาม - ใบงานท1ี่ - ทำใบกิจกรรมได้
ถูกต้องร้อยละ 80
1. นักเรียนสามารถอธิบาย ใบงาน - คำถาม - ตอบคำถามได้
โครงสรา้ งหรอื ลักษณะของ ถกู ต้อง
สิง่ มีชีวติ ทเ่ี หมาะสมตอ่ การ -ตอบคำถาม
ดำรงชวี ิตในแหล่งท่อี ยู่ได้ (K)
2. นักเรียนสามารถยกตัวอยา่ ง
พืชกับสงิ่ แวดล้อมได้อย่าง
เหมาะสม (K)
2นกั เรยี นสามารถเขยี นลักษณะ - ผลงาน - แบบประเมนิ ผล -ไดค้ ะแนนรบู ริคส์
ของสิง่ มีชีวติ ไดเ้ หมาะสมกับ -สังเกต งาน ต้งั แต่ 2 ข้ึนไป
ส่ิงแวดล้อม (P)
-แบบสงั เกต -ไดค้ ะแนนรบู รคิ ส์
4. มคี วามมงุ่ มนั ในทำงาน (A) ตั้งแต่ 2 ขึ้นไป
เกณฑก์ ารประเมินผลรบู รคิ ส์ 4 (ดมี าก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรบั ปรงุ )
3 (ด)ี 2 (พอใช้)
ประเด็นการประเมนิ
ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ข้ึนไป
1) นกั เรยี นสามารถอธิบาย
โครงสรา้ งหรอื ลักษณะของ
สงิ่ มชี วี ติ ท่ีเหมาะสมตอ่ การ
ดำรงชีวติ ในแหล่งทอี่ ยู่ได้ (K)
2) นักเรยี นสามารถเขียน - มีคุณสมบตั ิ 4 - มีคณุ สมบัติ 3 - มคี ณุ สมบตั ิ 2 - มีคณุ สมบัติ 1
ลักษณะของส่ิงมีชีวิตได้ ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั
เหมาะสมกับสิง่ แวดล้อม (P) คุณภาพ คุณภาพ คุณภาพ คุณภาพ
คณุ ภาพ
1. การพูดคล่องแคลว่ - มีคุณสมบัติ 4 - มีคุณสมบัติ 3 - มีคณุ สมบตั ิ 2 - มคี ณุ สมบตั ิ 1
2. ออกเสยี งชดั เจน ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดับ
3. มีไหวพรบิ ในการสังเกต คุณภาพ คุณภาพ คุณภาพ คณุ ภาพ
4. เขียนสะกดคำได้ถูกต้อง
3) มีความมุ่งมั่นในการทำงาน
(A)
คุณภาพ
1. มีร่วมในการเรียนรู้
2. ต้งั ใจทำงาน
เกณฑใ์ นการตัดสนิ ระดับคณุ ภาพนกั เรยี นจากคะแนนรวมทั้งหมด
กำหนดระดับคุณภาพผลการเรยี นรรู้ ว่ มกนั ทกุ ดา้ นเปน็ 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรบั ปรงุ
กำหนดเกณฑ์ในการประเมนิ ดงั น้ี
ระดับคุณภาพดีมาก 17 – 18 คะแนน
ระดับคุณภาพดี 14 – 16 คะแนน
ระดบั คุณภาพพอใช้ 10 – 13 คะแนน
ระดบั คุณภาพปรับปรงุ น้อยกว่า 10 คะแนน