The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรภาษาไทย-ป.5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Lanida Kdes, 2022-12-06 00:52:37

หลักสูตรภาษาไทย-ป.5

หลักสูตรภาษาไทย-ป.5

๕๐

๑. การอ่านออกเสียงเปน็ การอา่ นท่ผี ูอ้ ืน่ สามารถได้ยินและรูเ้ รอ่ื งราว ผู้อ่านจะตอ้ งอ่านออกเสยี ง
ให้ถูกต้อง ชัดเจนตามอักขระและออกเสียงตามอารมณ์ตัวละคร เน้นจังหวะหนักเบาเหมือนเสียงพูด
และอ่านใหค้ ลอ่ งแคล่ว จึงจะสามารถสือ่ สารไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ

๒. การอา่ นจับใจความ เปน็ การอ่านในใจผอู้ า่ นควรมีสมาธิ มสี ติในการอา่ น พจิ ารณา
จบั สาระสำคัญและขอ้ คิด ลำดับเหตกุ ารณ์ของเร่อื งท่ีอา่ น และนำไปเขียนเป็นแผนภาพโครงเร่อื งได้ นำไป
เล่าเรอื่ งได้

๓. การเรยี นรคู้ ำ นอกจากเรยี นร้เู พอื่ สอ่ื ความหมายแลว้ ยงั ต้องเรียนรู้ในดา้ นประเภทและชนดิ
ของคำ หน้าที่ของคำ และนำคำนน้ั ไปใชใ้ ห้ถูกต้องตามบรบิ ท

๔. คำราชาศัพท์ หมายถึง คำที่ใชก้ ับพระเจา้ แผนดิน พระบรมวงศานวุ งศ์ พระสงฆ์ และ
สภุ าพชนท่ัวไป ภาษาไทยมีลักษณะเฉพาะประการหน่ึง คอื มรี ะดับชั้นท่ีใช้เหมาะกบั ฐานะของบคุ คล ฉะน้ัน
การพูดกับพระสงฆ์ พูดกับผใู้ หญ่ คำทีใ่ ชต้ ้องเหมาะกบั บุคคล

๕. การใชพ้ จนานกุ รม เปน็ การศกึ ษาคำ คำอา่ น ความหมาย และชนิดของคำโดยต้องทำความ
เข้าใจหลกั ดังกล่าวอยา่ งถูกตอ้ งจงึ จะใชพ้ จนานุกรมได้อย่างมีประโยชน์

๖. การนำคำมาแตง่ ประโยคตอ้ งฝกึ ฝนและการจัดกระบวนการเรยี นรู้ทีใ่ ช้สถานการณจ์ รงิ จงึ จะ
ทำใหก้ ารแตง่ ประโยคไดด้ ี

๗. การใช้พจนานกุ รม เปน็ การศกึ ษาคำ คำอ่าน ความหมาย และชนิดของคำโดยตอ้ งทำความ
เขา้ ใจหลักดงั กล่าวอย่างถกู ต้องจงึ จะใชพ้ จนานกุ รมได้อย่างมปี ระโยชน์

๘. การนำคำมาแต่งประโยคตอ้ งฝกึ ฝนและการจัดกระบวนการเรยี นรู้ทีใ่ ชส้ ถานการณจ์ รงิ จงึ จะ
ทำใหก้ ารแตง่ ประโยคไดด้ ี
สาระการเรียนรู้/ความรู้

๑. การอา่ นบทร้อยกรอง
๒. การอ่านออกเสยี ง
๓. การอ่านบทอา่ นเสรมิ “พระมหากษัตริย์ไทย”
๔. อ่านเพ่มิ เติมความหมาย
๕. คำราชาศัพท์
๖. การใชพ้ จนานุกรม
๗. เพลงพระราชนพิ นธ์

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
๑. บอกความสำคญั ของบทร้อยกรองได้
๒. อ่านและบอกใจความของบทรอ้ ยกรองได้
๓. บอกคำคล้องจองได้
๔. อา่ นออกเสยี งเน้อื หาในบทเรียนได้
๕. สรุปเรอ่ื งราวท่ีอ่านได้
๖. บอกความหมายของคำยากในบทอ่านได้
๗. อา่ นและเก็บใจความสำคญั ของเรือ่ งได้
๘. คิด วิเคราะห์สรปุ เร่ืองราวท่ีอ่าน
๙. บอกความสำคญั ของพระมหากษตั ริย์ไทยได้


๕๑

๑๐. อ่าน เขยี นสะกดคำในบทเรยี นได้
๑๑. บอกความหมายของคำได้
๑๒. นำคำไปใชไ้ ด้ถูกต้องตามสถานการณ์

๑๓. บอกความหมายของคำราชาศพั ทไ์ ด้
๑๔. ใช้คำราชาศัพทไ์ ดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม
๑๕. หาความหมายของคำจากพจนานุกรมได้
๑๗. เรียงคำตามพจนานกุ รมได้
๑๘. บอกความหมายของบทเพลงพระราชนพิ นธไ์ ด้
๑๙. รอ้ งและแสดงทา่ ทางประกอบเพลงพระราชนพิ นธไ์ ด้

สอื่ การเรียนรู้

๑. หนังสือเรยี น
๒. แบบสังเกตพฤติกรรม

๓. ใบความรู้
๔. แบบทดสอบ / แบบฝกึ หดั
๕. หนงั สอื นทิ าน

๖. ใบกิจกรรมการอา่ น
๗. มุมหนงั สอื ในห้องเรยี น

๘. ป้ายนเิ ทศบริเวณโรงเรยี น
๙. สื่อวีดีทัศน์ คอมพวิ เตอร์ อนิ เทอร์เนต

ภาระงาน/ชนิ้ งาน แบบสังเกตการอ่าน
๑.
แบบสงั เกตการทำงานกลมุ่
๒. แบบประเมนิ การเขียน
๓. แบบฝกึ หัด
๔.
ร้องเพลงพระราชนิพนธ์
๕. สมุดเลม่ เล็กคำราชาศัพท์
๖.

การประเมนิ ผล
๑. สังเกตการอ่านออกเสยี งจากแบบบันทึกการสงั เกตการอ่าน

๒. สังเกตพฤตกิ รรมการฟงั การเขียน การพูด
๓. สงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมของนกั เรียน

๔. สังเกตการฝกึ ใชค้ ำราชาศัพท์
๕. ตรวจแบบฝกึ หดั /ใบงาน /แบบทดสอบ/งานกลุ่ม
๖. การตอบข้อซกั ถาม

๗. ตรวจสอบการเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง
๘. สังเกตมารยาท การพดู การฟัง การอ่าน การเขียน ของนักเรียน


๕๒

กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๘ เร่อื ง ก้าวให้ไกลไปให้ถงึ เวลา ๘ ชัว่ โมง

คำอธิบายประจำหน่วย

ฝึกปฏิบัติอ่านออกเสียง อ่านบทร้อยกรอง และอ่านเสริมบทเรียน จับใจความสำคัญ สามารถสรุป
สาระสำคัญของเรื่องท่ีอ่าน ศึกษาการส่งสาร การรับสาร การพูด การเขียนแสดงความคิดเห็น และการเขียน

บนั ทึกการอ่าน เพ่ือให้เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ ความคิด สรปุ ความ แสดงความคิดเหน็ ศึกษาค้นควา้ นำเสนอ
ผลงาน และนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวัน

โดยใช้กระบวนการอ่าน การคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น การเขียน

สร้างสรรค์ การคัดลายมือ กระบวนการใช้ภาษา กระบวนการกลุ่ม มีนิสัยรักการอ่าน การใช้คำถูกต้องตาม
หลักเกณฑท์ างภาษา

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๘ หนว่ ยการจัดการเรยี นรู้กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
รหสั วชิ า ท ๑๕๑๐๑ เรื่อง กา้ วใหไ้ กลไปใหถ้ งึ
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕
รายชอ่ื วชิ า ภาษาไทย
ระยะเวลาการสอน ๘ ชั่วโมง

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคดิ เพอื่ นำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ

ดำเนินชีวติ
ตวั ชีว้ ดั

๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถกู ตอ้ ง


๕๓

๒. ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยค และข้อความที่เป็นการบรรยายและ
พรรณนา

๔. ท ๑.๑ ป.๕/๔ แยกข้อเท็จจรงิ และขอ้ คดิ เห็นจากเร่อื งท่ีอา่ น
๕. ท ๑.๑ ป.๕/๕ วิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรือ่ งทีอ่ ่านเพือ่ นำไปใชใ้ นการ

ดำเนนิ ชวี ติ
๖. ท ๑.๑ ป.๕/๗ อ่านหนังสอื ท่ีมีคณุ ค่าตามความสนใจอย่างสมำ่ เสมอและแสดงความคดิ เห็น

เกี่ยวกบั เร่ืองทีอ่ า่ น
๗. ท ๑.๑ ป.๕/๘ มีมารยาทในการอ่าน
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ

ตา่ ง ๆ เขียนรายงาน เขยี นข้อมลู สารสนเท ศ และรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอย่างมี
ประสิทธิภาพ
ตวั ชี้วดั
๑. ท ๒.๑ ป.๕/๒ เขยี นส่อื สารโดยใชค้ ำไดถ้ กู ต้อง ชัดเจน และเหมาะสม
๒. ท ๒.๑ ป.๕/๓ เขียนแผนภาพโครงเรอ่ื งและแผนภาพความคิดเพ่ือใช้พฒั นางานเขยี น
๓. ท ๒.๑ ป.๕/๖ เขยี นแสดงความร้สู กึ และความคิดเหน็ ไดต้ รงตามเจตนา
๔. ท ๒.๑ ป.๕/๙ มีมารยาทในการเขียน
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดูอย่างมวี จิ ารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคดิ และ
ความรู้สกึ ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
ตัวช้วี ัด
๑. ท ๓.๑ ป.๕/๑ พดู แสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรสู้ กึ จากเรอื่ งท่ฟี งั และดู
๒. ท ๓.๑ ป.๕/๒. ต้งั คำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผลจากเรือ่ งท่ีฟงั และดู

๓. ท ๓.๑ ป.๕/๓ วิเคราะห์ความนา่ เชอื่ ถือจากเรื่อง ท่ีฟงั และดูอยา่ งมเี หตุผล

๔. ท ๓. ๑ ป.๕/๔ พูดรายงานเรื่อง หรอื ประเดน็ ทีศ่ ึกษาค้นควา้ จากการฟงั การดแู ละการสนทนา
๕. ท ๓.๑ ป.๕/๕ มีมารยาทในการฟัง การดแู ละการพูด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลังของภาษา

ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา
ตัวชว้ี ัด

๑. ท ๔.๑ ป.๕/๔ ใชค้ ำราชาศพั ท์
๒. ท ๔.๑ ป.๕/๖ แตง่ บทร้อยกรอง

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไท ยอย่างเห็นคุณค่า และ

นำมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวัน

ตวั ชวี้ ัด


๕๔

๑. ท ๕.๑ ป.๕/๑ สรุปเรอื่ งจากวรรณคดี หรอื วรรณกรรมทอี่ า่ น
๒. ท ๕.๑ ป.๕/๒ ระบุความรู้และข้อคิดจากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีสามารถ
นำไปใชใ้ นชีวติ จริง
๓. ท ๕.๑ ป.๕/๓ อธิบายคณุ คา่ ของวรรณคดี และวรรณกรรม

สาระสำคัญ

๑. บทร้อยกรองของไทยได้แทรกซมึ ไปในทุกวงการ ไมว่ า่ จะเปน็ การประกาศ
โฆษณา การตัง้ คำขวัญของจังหวดั การบนั ทึกข้อความ การเขียนคตเิ ตอื นใจ สำนวน ภาษิต ล้วนใชบ้ ท

ร้อยกรองท้ังส้ิน เนอ่ื งจากบทรอ้ ยกรองทำให้ผู้อา่ นหรือผ้ฟู ังเกิดความซาบซ้ึงประทบั ใจ และสามารถจดจำได้
เร็ว

๒. การอา่ นออกเสียงเป็นการอา่ นที่สามารถให้ผฟู้ ังเขา้ ใจในเร่อื งท่ีอา่ นควรอา่ นออกเสียงใหถ้ ูกต้อง

และชดั เจนและปฏบิ ตั ิตนในการอ่านใหถ้ กู ต้องตามหลักเกณฑ์จงึ จะทำให้อา่ นได้คล่องและมคี วามมนั่ ใจ
๓. การอา่ นเสรมิ บทเรยี นเปน็ การเพ่ิมประสบการณด์ า้ นการอา่ น ปลูกฝังให้ผเู้ รยี นรกั การอา่ นและ

ศึกษาหาความรู้เพ่ิมเตมิ ขยายขอบเขตการเรียนรใู้ ห้ผู้เรียนได้เปิดโลกทัศน์ทกี่ ว้างไกล ร้จู กั คดิ วเิ คราะห์เรอื่ งท่ี
อ่านและนำมาปรับใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้

๔. การเรยี นรู้คำ นอกจากเรียนรู้เพอื่ สอ่ื ความหมายแลว้ ยังตอ้ งเรยี นรใู้ นดา้ นประเภทและชนดิ ของ

คำ หน้าทข่ี องคำ และนำคำนน้ั ไปใชใ้ ห้ถูกตอ้ งตามบรบิ ท
๕. การส่ือสารหมายถึงการติดต่อกลุม่ คนหรือบคุ คลโดยมีจุดประสงคท์ ่ีจะเสนอเร่ืองราวต่างๆ อัน

ไดแ้ กข่ า่ วสารขอ้ มูล ความรสู้ ึกนึกคดิ ความต้องการตลอดจนความคิดความเห็นในเรือ่ งตา่ งๆให้บุคคลหรอื กลุ่ม
บุคคลรับรู้

๖. การพดู หรอื เขยี นแสดงความคดิ เห็นเชงิ วิเคราะห์ คอื การแยกขอ้ เทจ็ จริงของเร่ืองท่อี า่ นหรือฟงั

โดยใช้เหตผุ ลสนบั สนุนอย่างหนักแน่น หลีกเลีย่ งไมใ่ ห้เกิดการกระทบกระเทือนถงึ ตนเองและบคุ คลอนื่
๗. การเขยี นบันทึก ถอื เป็นหัวใจสำคญั ของการเรียนรปู้ ระเภทหนง่ึ เพราะการเขียนบนั ทกึ นอกจาก

จะใช้ภาษาเขียนในการส่ือสารแล้ว ยังทำให้ผู้บันทึกได้จดจำเรื่องราวตลอดจนเหตุการณ์ท่ีเราพบเห็นมา
บันทกึ ไว้เปน็ ลายลกั ษณ์อักษร

สาระการเรียนรู/้ ความรู้
๑. การอ่านบทรอ้ ยกรอง

๒. การอา่ นออกเสียง
๓. การอา่ นบทอ่านเสรมิ “ลูกยางเดนิ ทาง”
๔. อา่ นเพ่มิ เตมิ ความหมาย

๕. การส่งสาร รบั สาร
๖. การพดู และเขียนแสดงความคดิ เหน็

๗. การเขียนบนั ทกึ การอา่ น

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

๑. บอกความสำคญั ของบทร้อยกรองได้
๒. อ่านและบอกใจความของบทร้อยกรองได้


๕๕

๓. บอกคำคลอ้ งจองได้
๔. อ่านออกเสียงเน้ือหาในบทเรียนได้
๕. สรปุ เรื่องราวทอ่ี า่ นได้
๖. บอกความหมายของคำยากในบทอ่านได้
๗. อ่านและเกบ็ ใจความสำคญั ของเร่ืองได้
๘. คดิ วิเคราะหส์ รุปเร่อื งราวทีอ่ า่ น
๙. อ่าน เขยี นสะกดคำในบทเรยี นได้
๑๐. บอกความหมายของคำได้
๑๑. นำคำไปใช้ได้ถกู ต้องตามสถานการณ์
๑๒. บอกความหมายของการสื่อสารได้
๑๓. บอกความสำคัญของการสอ่ื สารได้
๑๔. บอกองคป์ ระกอบของการส่ือสารได้
๑๕. วิเคราะห์สารจากการฟงั หรอื อา่ นได้
๑๖. พดู หรือเขยี นแสดงความคดิ เห็นตอ่ เร่อื งที่ฟงั ดู หรืออา่ นได้
๑๗. บอกขนั้ ตอนการเขยี นบันทึกได้ เขียนบนั ทึกการอา่ นได้

สมรรถนะสำคัญ
๑. ความสามารถในการส่ือสาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓.ความสามารถในการแก้ปญั หา
๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
๕.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
๒. ซอ่ื สัตย์สุจรติ
๓. มวี ินัย
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อยู่อย่างพอเพยี ง
๖. มุง่ ม่ันในการทำงาน
๗. รกั ความเปน็ ไทย
๘. มจี ิตสาธารณะ

กจิ กรรมการเรยี นรู้
๑. ศกึ ษา ค้นควา้ ความสำคญั ของบทร้อยกรอง บอกใจความบทรอ้ ยกรอง
๒. บอกคำคล้องจองได้


๕๖

๓. ฝึกอา่ นออกเสยี ง
๔. บอกคำยากในบทเรียน สรปุ เรือ่ งราวท่อี า่ น สรปุ ใจความสำคัญ
๕. กระบวนการคิด วเิ คราะห์ เรื่องทีอ่ ่าน อ่านหนังสอื ทส่ี นใจในหอ้ งสมุด

๖. อา่ น เขยี น คำใหมใ่ นบทเรียน การนำคำไปใช้
๗. การบอกความหมาย ความสำคญั องค์ประกอบ ของการสอื่ สาร การฝกึ สื่อสารท่มี ีประสทิ ธภิ าพ
๘. การพดู หรือเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ต่อเรอ่ื งทีฟ่ ัง ดู หรอื อา่ น
๙. การเขียนบันทึกการอ่าน การอ่านหนงั สือดสี ำหรบั เยาวชน

สอื่ การเรยี นรู้
๑. หนังสอื เรยี น
๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม

๓. ใบความรู้
๔. แบบทดสอบ / แบบฝกึ หัด

๕. หนงั สอื นทิ าน
๖. ใบกจิ กรรมการอา่ น
๗. มุมหนงั สอื ในหอ้ งเรียน

๘. ป้ายนิเทศบริเวณโรงเรยี น
๙. ส่ือวีดที ศั น์ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เนต

๑๐. สมดุ บันทึกรกั การอ่าน

ภาระงาน/ชนิ้ งาน แบบสงั เกตการอ่าน
๑. แบบสังเกตการทำงานกลุม่
๒.
๓. แบบประเมนิ การเขียน
๔. แบบฝกึ หัด/ใบงาน/แบบทดสอบ
๕. สมดุ บันทึกรักการอ่าน

๖. งานกลุ่ม การพดู แสดงความคิดเหน็

การประเมนิ ผล
๑. สังเกตการอ่านออกเสยี งจากแบบบันทึกการสังเกตการอา่ น
๒. สงั เกตการพฤตกิ รรมการฟงั การเขยี น การพดู

๓. สังเกตการพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมของนักเรียน
๔. สงั เกตการฝกึ ใช้คำราชาศัพท์

๕. ตรวจแบบฝึกหดั /ใบงาน /แบบทดสอบ/งานกลุ่ม
๖. การตอบขอ้ ซกั ถาม
๗. ตรวจสอบการเขยี นแผนภาพโครงเร่อื ง

๘. สงั เกตมารยาท การพูด การฟัง การอ่าน การเขยี น ของนักเรียน


๕๗

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่อื ง ชีวิตมีค่า ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๙ เวลา ๘ ชว่ั โมง

คำอธิบายประจำหน่วย
ฝกึ ปฏิบตั ิการอา่ นออกเสียง อ่านบทร้อยกรอง และอ่านเสริมบทเรยี น จับใจความสำคัญ สามารถสรุป

สาระสำคัญของเรอื่ งที่อ่าน ศึกษาการใช้ถอ้ ยคำสุภาพ การใชค้ ำถามการเขยี นยอ่ เร่ือง การเขียนแผนภาพโครง
เรอ่ื ง การเขยี นจดหมาย การใชอ้ กั ษรย่อ และการเขยี นบรรยาย

โดยใช้กระบวนการอ่าน การคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น การเขียน
สร้างสรรค์ กระบวนการใช้ภาษา กระบวนการกลุ่ม มีนิสัยรักการอ่าน การใช้คำถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทาง
ภาษา

หนว่ ยการจัดการเรยี นรู้กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๙ เร่อื ง ชีวติ มีค่า

รหัสวชิ า ท ๑๕๑๐๑ รายช่อื วิชา ภาษาไทย

ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕ ระยะเวลาการสอน ๘ ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคดิ เพอื่ นำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ

ดำเนนิ ชีวิต


๕๘

ตวั ชว้ี ดั
๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง
๒. ท ๑.๑ ป.๕/๖ อ่านงานเขียนเชงิ อธิบาย คำส่งั ข้อแนะนำ และปฏบิ ัติตาม
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๗ อ่านหนังสอื ที่มีคณุ คา่ ตามความสนใจอยา่ งสม่ำเสมอและแสดงความคิดเห็น

เก่ยี วกบั เร่อื งทอี่ ่าน
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๘ มีมารยาทในการอ่าน

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอื่ งราวในรปู แบบ

ตา่ ง ๆ เขยี นรายงาน เขยี นขอ้ มลู สารสนเท ศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี
ประสทิ ธิภาพ
ตวั ชว้ี ัด
๑. ท ๒.๑ ป.๕/๒ เขียนส่ือสารโดยใชค้ ำได้ถกู ตอ้ ง ชัดเจน และเหมาะสม
๒. ท ๒.๑ ป.๕/๓ เขยี นแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพความคิดเพ่อื ใชพ้ ฒั นางานเขียน
๓. ท ๒.๑ ป.๕/๖ เขยี นแสดงความรู้สึก และความคิดเห็นไดต้ รงตามเจตนา
๔. ท ๒.๑ ป.๕/๙ มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมวี ิจารณญาณและพดู แสดงความรู้ ความคดิ และ
ความรสู้ กึ ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์
ตัวชี้วัด
๑. ท ๓.๑ ป.๕/๑ พดู แสดงความรู้ ความคดิ เห็น และความร้สู กึ จากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู

๒. ท ๓.๑ ป.๕/๒. ตง้ั คำถามและตอบคำถามเชิงเหตผุ ลจากเร่อื งทฟี่ ังและดู
๓. ท ๓.๑ ป.๕/๓ วิเคราะห์ความนา่ เชอื่ ถอื จากเรื่อง ที่ฟงั และดูอยา่ งมีเหตุผล

๔. ท ๓. ๑ ป.๕/๔ พูดรายงานเรือ่ ง หรือประเด็นท่ีศกึ ษาค้นคว้าจากการฟงั การดแู ละการสนทนา
๕. ท ๓.๑ ป.๕/๔ มีมารยาทในการฟงั การดูและการพดู

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไท ย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลังของ

ภาษาภมู ิปญั ญาทางภาษา

ตวั ชี้วดั
๑. ท ๔.๑ ป.๕/๒ จำแนกส่วนประกอบของประโยค

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไท ยอย่างเห็นคุณค่า และ

นำมาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวนั

ตัวชี้วัด สรปุ เร่อื งจากวรรณคดี หรอื วรรณกรรมทอ่ี า่ น
๑. ท ๕.๑ ป.๕/๑


๕๙

๒. ท ๕.๑ ป.๕/๒ ระบุความรู้และข้อคิดจากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมที่สามารถ
๓. ท ๕.๑ ป.๕/๓ นำไปใช้ในชวี ติ จรงิ
อธิบายคุณค่าของวรรณคดี และวรรณกรรม

สาระสำคญั
๑. บทร้อยกรองของไทยได้แทรกซึมไปในทุกวงการ ไม่วา่ จะเป็นการประกาศ โฆษณา การตงั้ คำ

ขวัญของจงั หวดั การบันทกึ ขอ้ ความ การเขียนคตเิ ตอื นใจ สำนวน ภาษิต ล้วนใชบ้ ทร้อยกรองทั้งสิ้น
เนื่องจากบทร้อยกรองทำให้ผอู้ ่านหรอื ผฟู้ งั เกิดความซาบซ้งึ ประทับใจ และสามารถจดจำไดเ้ รว็

๒. การอา่ นออกเสียงเปน็ การอ่านที่สามารถใหผ้ ู้ฟังเข้าใจในเรือ่ งทีอ่ า่ นควรอ่านออกเสียงใหถ้ กู ตอ้ ง
และชดั เจนและปฏิบัตติ นในการอ่านใหถ้ ูกต้องตามหลักเกณฑจ์ ึงจะทำให้อา่ นไดค้ ล่องและมีความมนั่ ใจ

๓. การอ่านเสริมบทเรียนเปน็ การเพม่ิ ประสบการณ์ดา้ นการอ่าน ปลูกฝงั ให้ผ้เู รยี นรกั การอา่ นและ
ศกึ ษาหาความรูเ้ พ่มิ เติม ขยายขอบเขตการเรียนรใู้ ห้ผู้เรียนได้เปดิ โลกทัศน์ทีก่ ว้างไกล ร้จู กั คดิ วิเคราะหเ์ รื่องที่
อ่านและนำมาปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้

๔. การเรียนร้คู ำ นอกจากเรียนรเู้ พื่อสอ่ื ความหมายแล้วยงั ต้องเรียนรู้ในด้าน
ประเภทและชนิดของคำ หน้าทีข่ องคำ และนำคำน้นั ไปใช้ใหถ้ กู ต้องตามบรบิ ท

๕. การเขยี นจดหมาย เปน็ การเขยี นเร่ืองราวเพอื่ บอกใหค้ นอื่นรบั รู้เร่ืองราว ว่าผเู้ ขียนตอ้ งการให้

ผ้อู ่านทราบเร่อื งอะไร และเพือ่ แจง้ เร่ืองราว ถามทกุ ข์สขุ หรอื เล่าเรอื่ งเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นการเขียนส่ือสาร

ชนิดหนง่ึ ทต่ี ้องใชภ้ าษาเขียนสอ่ื สารใหด้ ี และเป็นจึงจะสอื่ สารได้ตามเปา้ หมาย

๖. อกั ษรย่อและคาย่อ คือคาท่ีย่อใหส้ ัน้ ลงโดยใช้เครือ่ งหมายวรรคตอนคือมหัพภาคกากับ เพอ่ื ให้

การตดิ ตอ่ สอ่ื สารรวดเรว็ ข้นึ

๗. การเขยี นบรรยายคือลักษณะการเรยี บเรียงภาษาพดู หรือภาษาเขยี นเพอื่ เล่าเรื่องหรอื เหตุการณท์ ี่

เกิดข้ึน โวหารบรรยายมี ๒ รูปแบบ คอื การบรรยายแบบธรรมดา มีลักษณะเปน็ การเลา่ เรอ่ื งหรอื เหตุการณ์ไป

ตามลาดับเวลาทเี่ กดิ ขน้ึ และการบรรยายแบบมโี ครงเรื่องซง่ึ ไมจ่ าเปน็ ต้องเล่าเรือ่ งหรือเหตุการณต์ ามลาดับ

เวลา แตล่ าดับเนอื้ เรอื่ ง โดยใช้หลักวรรณศิลป์ให้สอดคลอ้ งกบั ลกั ษณะของโครงเร่อื ง (plot) และประเภทของ

เนอ้ื เรอื่ งตามที่ผ้เู ขยี นกาหนดไว้

สาระการเรียนร/ู้ ความรู้
๑. การอา่ นบทรอ้ ยกรอง

๒. การอา่ นออกเสยี ง

๓. การอ่านบทอ่านเสริม “กีสาโคตมีเถรี”

๔. อา่ นเพ่ิม เติมความหมาย

๕. การเขียนจดหมาย

๖. การใชอ้ ักษรยอ่

๗. การเขยี นบรรยาย

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้


๖๐

๑. บอกความสาคญั ของบทรอ้ ยกรองได้
๒. อา่ นและบอกใจความของบทร้อยกรองได้
๓. บอกคาคลอ้ งจองได้
๔. อ่านออกเสียงเนื้อหาในบทเรยี นได้
๕. สรปุ เรอ่ื งราวท่อี ่านได้
๖. บอกความหมายของคายากในบทอา่ นได้
๗. อ่านและเก็บใจความสาคญั ของเรื่องได้
๘. คิด วิเคราะหส์ รุปเร่อื งราวท่ีอ่าน
๙. อา่ น เขยี นสะกดคาในบทเรยี นได้
๑๐. บอกความหมายของคาได้
๑๑. นาคาไปใชไ้ ดถ้ ูกต้องตามสถานการณ์
๑๒. บอกหลักการเขียนจดมายได้
๑๓. บอกรูปแบบของจดหมายประเภทต่างๆได้
๑๔. เขยี นจดหมายได้
๑๕. บอกวิธใี ช้อักษรย่อและคาย่อได้ถกู ต้อง
๑๖. ใชอ้ ักษรยอ่ และคายอ่ ในการเขยี น แตง่ ประโยคไดถ้ กู ต้อง
๑๗. บอกลักษณะการเขยี นบรรยายได้
๑๘. เขียนประโยคบรรยายได้

สมรรถนะสำคญั
๑. ความสามารถในการส่ือสาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓.ความสามารถในการแก้ปัญหา
๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
๕.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์
๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๒. ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ
๓. มวี นิ ัย
๔. ใฝเ่ รียนรู้
๕. อย่อู ย่างพอเพยี ง
๖. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน


๖๑

๗. รักความเป็นไทย
๘. มจี ติ สาธารณะ

กิจกรรมการเรียนรู้
๑. ฝึกการอา่ นออกเสียง อา่ นบทรอ้ ยกรอง จบั ใจความสำคัญ เชิงคำถาม แสดงความคิดเหน็ จาก

เรื่องทอี่ ่าน อ่านพิจารณาบทเรียน อภปิ รายเก่ียวกับการวเิ คราะห์ โครงเรือ่ ง ลำดับเหตุการณข์ องเรอ่ื ง

๒. ฝกึ การเขยี นเรอ่ื งให้เป็นเรอื่ งราวที่มีรปู แบบถกู ตอ้ ง ตามลกั ษณะการเขียน
๓. การเขียนจดหมายส่วนตัว การเขียนจดหมายถึงผู้ปกครองและญาติ

๔. ฝกึ เขยี นเร่ืองจากจินตนาการ จากความคิดสรา้ งสรรคข์ องตนเอง และแตง่ เปน็ เรอื่ งราว
๕. การใชค้ ำแต่งประโยค การสร้างประโยค การขยายประโยค การเรยี บเรียงประโยค การนำ
สำนวนภาษามาแตง่ ประโยค

๖.การเขียนแผนผงั ความคดิ ของเรอื่ ง การวิเคราะหโ์ ครงเร่ืองตามลำดบั เหตกุ ารณ์
๗. การเขยี น การอ่าน อกั ษรยอ่

ส่ือการเรยี นรู้
๑. หนังสอื เรยี น

๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
๓. ใบความรู้

๔. แบบทดสอบ / แบบฝกึ หัด
๕. หนงั สือนทิ าน
๖. ใบกจิ กรรมการอ่าน

๗. มุมหนงั สือในห้องเรียน
๘. ป้ายนิเทศบริเวณโรงเรยี น

๙. ส่ือวีดีทัศน์ คอมพิวเตอร์ อนิ เทอร์เนต
๑๐. สมุดบันทึกรกั การอา่ น
๑๑. ตวั อยา่ งซองจดหมาย แผ่นภาพการเขยี นจดหมาย และเขยี นจดหมายถงึ ญาตผิ ูใ้ หญ่

ภาระงาน/ช้ินงาน แบบสงั เกตการอ่าน
แบบสงั เกตการทำงานกลุ่ม
๑. แบบประเมินการเขียน
๒.
๓. แบบฝึกหดั /ใบงาน/แบบทดสอบ
สมดุ บันทึกรกั การอา่ น
๔.
๕. งานกล่มุ การพูดแสดงความคดิ เห็น
เขยี นจดหมายถงึ ญาติผู้ใหญ่
๖.
๗.

การประเมินผล
๑. สงั เกตการอา่ นออกเสียงจากแบบบันทกึ การสงั เกตการอา่ น


๖๒

๒. สงั เกตการพฤติกรรมการฟัง การเขยี น การพูด

๓. สงั เกตการพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมของนักเรียน
๔. สังเกตการฝกึ ใช้คำราชาศพั ท์

๕. ตรวจแบบฝกึ หัด/ใบงาน /แบบทดสอบ/งานกลุ่ม
๖. การตอบข้อซักถาม
๗. ตรวจสอบการเขียนแผนภาพโครงเร่ือง

๘. สงั เกตมารยาท การพูด การฟงั การอ่าน การเขยี น ของนักเรยี น
๙. ตรวจการเขยี นจดหมายถงึ ญาติผใู้ หญ่

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑๐ เรือ่ ง ปลอดภัยไวก้ อ่ น เวลา ๘ ชวั่ โมง

คำอธิบายประจำหน่วย
ปฏิบัตกิ ารอา่ นออกเสยี ง อา่ นบทรอ้ ยกรอง อภปิ ราย สรุปข้อคิดในเรอ่ื งท่ีอ่าน และบอกขอ้ คิดท่ีได้จา

การอ่าน เขียนแผนภาพโครงเร่ือง เล่าเรอ่ื ง และเขียนเร่อื งจากแผนภาพโครงเรื่อง เขยี นและใชค้ ำใน การ
อา่ น การเขยี นและการพูด ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถิน่ การใช้ภาษาเขยี น และการพดู รายงาน

ใชก้ ระบวนการและทกั ษะทางภาษาในการอ่าน เขียน การพูด การฟัง การดู ทำให้มวี ินัย รกั การอ่าน

เห็นความสำคญั และสมารถใช้ภาษาไทยได้ถกู ต้อง

หน่วยการจดั การเรียนรู้กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๑๐ เรือ่ ง ปลอดภยั ไว้กอ่ น

รหสั วชิ า ท ๑๕๑๐๑ รายช่ือวิชา ภาษาไทย

ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ ระยะเวลาการสอน ๘ ชั่วโมง

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพอ่ื นำไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปัญหาในการ


๖๓

ดำเนินชวี ิต
ตวั ชี้วดั

๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้ถูกต้อง
๒. ท ๑.๑ ป.๕/๓ อธิบายความหมายโดยนัยจากเรือ่ งที่อ่านอยา่ งหลากหลาย
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๔ แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เหน็ จากเรอ่ื งท่ีอ่าน
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๕ วิเคราะห์และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับเรอ่ื งทอี่ ่านเพื่อนำไปใชใ้ นการ

ดำเนนิ ชวี ติ
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรือ่ งราวในรปู แบบ
ต่าง ๆ เขียนรายงาน เขียนข้อมูลสารสนเท ศ และรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
ตัวชวี้ ัด

๑. ท ๒.๑ ป.๕/๒ เขยี นสอ่ื สารโดยใชค้ ำไดถ้ กู ตอ้ งชดั แจนและเหมาะสม
๒. ท ๒.๑ ป.๕/๖ เขยี นแสดงความรู้สึกและความคดิ เหน็ ได้ตรงตามเจตนา
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณและพดู แสดงความรู้ ความคิดและ
ความรู้สกึ ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตัวชี้วดั
๑.ท ๓.๑ ป.๕/๑ พูดแสดงความรู้ ความคดิ เหน็ และความรูส้ กึ จากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู

๒.ท ๓.๑ ป.๕/๒. ตงั้ คำถามและตอบคำถามเชงิ เหตุผลจากเร่อื งทฟี่ งั และดู
๓. ท ๓.๑ ป.๕/๓ วเิ คราะห์ความนา่ เชอ่ื ถอื จากเรือ่ ง ทีฟ่ งั และดอู ยา่ งมเี หตุผล

๔. ท ๓. ๑ ป.๕/๔ พดู รายงานเร่ือง หรอื ประเด็นที่ศกึ ษาค้นคว้าจากการฟัง การดูและการสนทนา
๕. ท ๓.๑ ป.๕/๕ มมี ารยาทในการฟงั การดูและการพูด

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไท ย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษาภมู ปิ ญั ญาทางภาษา

ตวั ชี้วัด
๑. ท ๔.๑ ป.๕/๓ เปรยี บเทยี บภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถนิ่

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไท ยอย่างเห็นคุณค่า และ

นำมาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวัน

ตัวชี้วดั สรปุ เรอื่ งจากวรรณคดี หรอื วรรณกรรมทอ่ี ่าน
๑. ท ๕.๑ ป.๕/๑ ระบุความรู้และข้อคิดจากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมที่สามารถ
๒. ท ๕.๑ ป.๕/๒
นำไปใช้ในชวี ติ จรงิ
๓. ท ๕.๑ ป.๕/๓ อธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดี และวรรณกรรม


๖๔

สาระสำคัญ
๑. บทรอ้ ยกรองของไทยได้แทรกซึมไปในทกุ วงการ ไมว่ า่ จะเป็นการประกาศโฆษณา การตั้งคำ

ขวัญของจงั หวัด การบันทกึ ขอ้ ความ การเขยี นคตเิ ตอื นใจ สำนวน ภาษิต ล้วนใชบ้ ทรอ้ ยกรองท้ังส้ิน
เนอ่ื งจากบทร้อยกรองทำใหผ้ อู้ ่านหรอื ผฟู้ ังเกิดความซาบซงึ้ ประทับใจ และสามารถจดจำได้เรว็

๒. การอ่านออกเสียงเป็นการอา่ นท่สี ามารถใหผ้ ู้ฟังเข้าใจในเรอ่ื งทอ่ี ่านควรอา่ นออกเสียงใหถ้ กู ตอ้ ง
และชัดเจนและปฏบิ ตั ติ นในการอ่านให้ถกู ตอ้ งตามหลักเกณฑจ์ งึ จะทำให้อา่ นได้คลอ่ งและมีความม่ันใจ

๓. การอา่ นเสรมิ บทเรยี นเป็นการเพิ่มประสบการณ์ดา้ นการอา่ น ปลูกฝงั ให้ผูเ้ รยี นรกั การอา่ นและ
ศึกษาหาความรู้เพ่ิมเตมิ ขยายขอบเขตการเรยี นรู้ให้ผู้เรยี นไดเ้ ปิดโลกทศั น์ทก่ี วา้ งไกล รูจ้ กั คิดวิเคราะหเ์ รือ่ งที่
อา่ นและนำมาปรบั ใช้ในชวี ิตประจำวันได้

๔.การเรยี นรู้คำ นอกจากเรียนรู้เพ่ือสือ่ ความหมายแลว้ ยงั ตอ้ งเรยี นรูใ้ นด้าน
ประเภทและชนิดของคำ หนา้ ทขี่ องคำ และนำคำนั้นไปใชใ้ หถ้ กู ตอ้ งตามบริบท

๕. ภาษาทกุ ภาษาจะมีระดบั ของภาษา เราต้องเลือกใชต้ ามสถานการณ์ และบริบทของภาษา
ภาษาพูดเป็นการใช้ภาษาท่ีไม่เคร่งครัดด้านกฎเกณฑ์และไม่เป็นทางการส่วนภาษาเขียนเป็นภาษ าท่ีใช้อย่าง
เปน็ ทางการต้องเลอื กใช้ให้ถกู ตอ้ งตามกฎเกณฑ์ และคำนึงถึงวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา

๖. ภาษาถ่นิ หมายถึงภาษาที่ใช้พดู ตามท้องถิน่ ตา่ งๆในประเทศไทย เพ่อื ส่อื ความหมาย สร้าง
ความเขา้ ใจกันระหว่างคนในท้องถนิ่ ภาษาถ่นิ แบ่งออกเป็นภาษาถิ่นเหนือ ภาษาถ่นิ อสี าน ภาษาถ่ินใต้ และ
ภาษาถน่ิ กลาง

๗. การพูดเปน็ การส่ือสารทีม่ ีความสำคญั และเก่ยี วข้องกับชวี ติ ประจำวนั ของทุกคน แตล่ ะคน
สามารถพฒั นาการพดู ใหด้ ขี ้นึ ได้ ถา้ ได้ฝึกฝนตามหลกั เกณฑ์ และวธิ ีการทถ่ี ูกตอ้ ง

สาระการเรยี นรู้/ความรู้
๑. การอา่ นบทร้อยกรอง
๒. การอา่ นออกเสียง
๓. การอา่ นบทอ่านเสริม “ไม้ดอกในเมืองไทย”
๔. อา่ นเพ่มิ เตมิ ความหมาย
๕. ภาษาพดู ภาษาเขียน
๖. ภาษาถ่นิ
๗. การพดู รายงาน

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๑. บอกความสำคญั ของบทร้อยกรองได้
๒. อา่ นและบอกใจความของบทร้อยกรองได้
๓. บอกคำคล้องจองได้
๔. อา่ นออกเสยี งเน้อื หาในบทเรยี นได้
๕. สรปุ เร่ืองราวท่อี ่านได้
๖. บอกความหมายของคำยากในบทอ่านได้


๖๕

๗. อ่านและเกบ็ ใจความสำคญั ของเรอื่ งได้
๘. คดิ วิเคราะห์สรุปเร่ืองราวทีอ่ ่าน
๙. อา่ น เขียนสะกดคำในบทเรยี นได้
๑๐. บอกความหมายของคำได้
๑๑. นำคำไปใชไ้ ด้ถกู ตอ้ งตามสถานการณ์
๑๒. บอกสถานการณ์ทีใ่ ช้ภาษาพดู หรือภาษาเขียนได้
๑๓. ใช้ภาษาพูดและภาษาเขยี นได้ถูกต้องตามสถานการณ์
๑๔. บอกช่อื ภาษาถ่นิ ในภมู ภิ าคตา่ งๆของไทยได้
๑๕. เทยี บความหมายของภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถ่นิ ได้
๑๖. บอกหลักการพูดท่ีดีได้ และนักเรยี นพดู รายงานได้

สมรรถนะสำคัญ

๑. ความสามารถในการสื่อสาร

๒. ความสามารถในการคิด

๓.ความสามารถในการแก้ปัญหา

๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต

๕.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
๒. ซื่อสัตยส์ ุจริต
๓. มวี นิ ัย
๔. ใฝเ่ รยี นรู้
๕. อยู่อยา่ งพอเพียง
๖. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
๗. รักความเป็นไทย
๘. มจี ติ สาธารณะ

กจิ กรรมการเรยี นรู้
๑. ฝึกการอ่านออกเสียง อา่ นบทร้อยกรอง จบั ใจความสำคญั เชงิ คำถาม แสดงความคดิ เห็น จาก

เรอ่ื งท่ีอา่ น อ่านพิจารณาบทเรยี น อภปิ รายเกี่ยวกับการวเิ คราะห์ โครงเรอ่ื ง ลำดบั เหตุการณข์ องเร่ือง
๒. ฝกึ การอ่าน การเขยี นภาษาพูด ภาษาถ่นิ
๓. ฝึกการเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์ การเขยี นแสดงความคิดเหน็

๔. ฝกึ เขียนเร่อื งจากจินตนาการ จากความคิดสรา้ งสรรค์ของตนเอง และแต่งเป็นเร่อื งราว
๕. การใช้คำแต่งประโยค การสร้างประโยค การขยายประโยค การเรียบเรียงประโยค การนำ


๖๖

สำนวนภาษามาแตง่ ประโยค
๖.การเขยี นแผนผังความคิดของเรือ่ ง การวเิ คราะห์โครงเรอ่ื งตามลำดบั เหตกุ ารณ์
๗. การศึกษาค้นคว้า อ่านวรรณกรรมเยาวชน หนงั สือดีสำหรับเยาวชน และหนังสือทีส่ นใจ
๘. การอา่ นสารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน
๙. การพูดรายงาน

สอ่ื การเรียนรู้
๑. หนังสอื เรยี น
๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
๓. ใบความรู้
๔. แบบทดสอบ / แบบฝกึ หัด
๕. หนังสอื วรรณกรรมสำหรบั เยาวชน หนงั สอื นิทาน หนงั สือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน
๖. ใบกิจกรรมการอ่าน
๗. มมุ หนังสอื ในห้องเรียน
๘. ป้ายนิเทศบรเิ วณโรงเรียน
๙. ส่ือวีดที ศั น์ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เนต
๑๐. สมดุ บันทึกรกั การอ่าน

ภาระงาน/ชิน้ งาน
๑. แบบสังเกตการอา่ น
๒. แบบสังเกตการทำงานกลมุ่
๓. แบบประเมินการเขียน
๔. แบบฝึกหัด/ใบงาน/แบบทดสอบ
๕. สมดุ บนั ทึกรกั การอา่ น
๖. งานกลมุ่ การพูดแสดงความคดิ เหน็
๗. รายงานกลมุ่
๘. สมุดเล่มเลก็ ภาษาถนิ่

การประเมินผล
๑. สังเกตการอา่ นออกเสียงจากแบบบันทึกการสังเกตการอ่าน
๒. สังเกตการพฤตกิ รรมการฟัง การเขยี น การพดู
๓. สงั เกตการพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมของนักเรียน
๔. สงั เกตการฝกึ ใช้ภาษาถ่ิน
๕. ตรวจแบบฝกึ หดั /ใบงาน /แบบทดสอบ/งานกล่มุ
๖. การตอบข้อซกั ถาม
๗. ตรวจสอบการเขยี นแผนภาพโครงเรือ่ ง
๘. สังเกตมารยาท การพูด การฟัง การอา่ น การเขยี น ของนกั เรียน
๙. ตรวจทำรายงานกล่มุ


๖๗

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
เวลา ๘ ช่วั โมง
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑๑ เรอ่ื ง หนา้ ต่างที่เปิดกวา้ ง

คำอธิบายประจำหน่วย

ฝึกปฏิบัติการอ่านออกเสียงและบอกความหมายบทร้อยแก้ว บทร้อยกรอง อ่านบทร้อยกรองเป็น
ทำนองเสนาะ อ่านจับใจความสื่อต่าง ๆ อ่านหนังสือตามความสนใจ การเขียนเรื่องจากจินตนาการ การ
สรุปสาระสำคัญ การเลือกส่ือสารสนเทศ องค์ประกอบของโครงงาน และการสืบค้นข้อมูลด้วยอินเตอร์เน็ต
ระบุความรู้และข้อคิดที่ได้จากการอ่านวรรณคดีหรือวรรณกรรม และอธิบายคุณค่าของวรรณคดีหรือ
วรรณกรรม

เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ความคิด สรุปความ แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น แสดงความ
คดิ เห็น ศึกษาค้นคว้า นำเสนอผลงาน สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีมารยาทในการอ่าน การเขียน

การฟงั การพดู และการดู รักการอ่าน รักษ์ภาษาไทยซึ่งเปน็ ภาษาประจำชาติ


๖๘

หน่วยการจดั การเรียนรู้กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๑๑ เร่อื ง หนา้ ต่างทเ่ี ปดิ กวา้ ง

รหสั วชิ า ท ๑๐๑๐๑ รายชือ่ วชิ า ภาษาไทย

ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๕ ระยะเวลาการสอน ๘ ช่ัวโมง

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคิดเพอ่ื นำไปใช้ตดั สินใจ แก้ปญั หาในการ

ดำเนนิ ชีวติ และมีนสิ ยั รักการอา่ น
ตวั ชีว้ ัด

๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง

๒. ท ๑.๑ ป.๕/๔ แยกข้อเทจ็ จริง และข้อคิดเห็นจากเรอื่ งทอ่ี า่ น
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๕ วิเคราะห์และแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั เรอ่ื งทอ่ี า่ นเพ่อื นำไปใช้ในการ

ดำเนนิ ชวี ิต
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๗ อ่านหนงั สือที่มคี ุณคา่ ตามความสนใจอย่างสม่ำเสมอและแสดงความคดิ เห็น


๖๙

เก่ยี วกับเร่อื งที่อา่ น
๕. ท ๑.๑ ป.๕/๘ มมี ารยาทในการอ่าน
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ใช้กระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรือ่ งราวใน

รปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงาน เขยี นขอ้ มลู สารสนเทศ และรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ ง
มีประสิทธภิ าพ
ตวั ชว้ี ดั
๑. ท ๒.๑ ป.๕/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้คำไดถ้ ูกตอ้ งชดั เจนและเหมาะสม
๒. ท ๒.๑ ป.๕/๙ มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณและพดู แสดงความรู้ ความคิดและ
ความร้สู กึ ในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตวั ชว้ี ัด
๑. ท ๓.๑ ป.๕/๑ พูดแสดงความรู้ ความคดิ เหน็ และความรู้สึกจากเรื่องทฟี่ งั และดู

๒. ท ๓.๑ ป.๕/๒. ตั้งคำถามและตอบคำถามเชงิ เหตุผลจากเรื่องทีฟ่ ังและดู
๓. ท ๓.๑ ป.๕/๓ วเิ คราะหค์ วามน่าเชือ่ ถอื จากเรื่อง ทีฟ่ งั และดอู ยา่ งมีเหตุผล

๔. ท ๓. ๑ ป.๕/๔ พูดรายงานเรอื่ ง หรอื ประเดน็ ทีศ่ กึ ษาค้นควา้ จากการฟัง การดูและการสนทนา
๕. ท ๓.๑ ป.๕/๕ มีมารยาทในการฟัง การดูและการพดู
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษา และ

พลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ

ตัวชวี้ ัด
๑. ท ๔.๑ ป.๕/๖ แตง่ บทรอ้ ยกรอง (กาพยย์ านี ๑๑)

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคณุ ค่า

และนำมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจำวัน
ตวั ช้ีวดั

๑. ท ๕.๑ ป.๕/๑ สรปุ เร่อื งจากวรรณคดี หรอื วรรณกรรมท่ีอ่าน
๒. ท ๕.๑ ป.๕/๒ ระบุความรแู้ ละข้อคดิ จากการอา่ นวรรณคดีและวรรณกรรมท่สี ามารถ

นำไปใชใ้ นชีวิตจรงิ
๓. ท ๕.๑ ป.๕/๓ อธิบายคุณคา่ ของวรรณคดี และวรรณกรรม

สาระสำคญั
๑. การอา่ นออกเสยี งเปน็ การอ่านที่คนอื่นสามารถไดย้ นิ และรู้เรื่องสิ่งท่ีเราอา่ นได้ ดงั น้นั ควร

อา่ นออกเสยี งใหด้ ีถกู ตอ้ งตามหลักการอา่ น จึงจะสอ่ื สารไดด้ ี ไดป้ ระโยชน์ทงั้ ผอู้ ่านและผูฟ้ งั
๒. การอา่ นทำนองเสนาะ เปน็ การอ่านที่ตอ้ งคำนงึ ถึงการสัมผัสหรอื คำคลอ้ งจองในบท


๗๐

ร้อยกรอง เพราะการอา่ นถูกสัมผัสหรือเอื้อสัมผัส จะช่วยให้ได้รบั รสความไพเราะเกิดอรรถรสของภาษา และ
ควรอ่านให้ถูกตอ้ งตามหลักการอ่านทำนองเสนาะ อักขรวิธี เสียงดังฟังชัด ไม่ตะกกุ ตะกัก จงึ จะทำให้การ
สือ่ สารดว้ ยการอา่ นเป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เกิดประโยชนท์ ัง้ ผูอ้ ่านและผฟู้ ัง

๓. การอา่ นเพือ่ ที่จะเขา้ ใจและวิเคราะหเ์ ร่อื งราวที่อ่าน เปน็ การอ่านท่ีตอ้ งใชส้ มาธิ สตใิ นการอา่ น
อา่ นอย่างพินิจ พิจารณา คิดวิเคราะห์เร่ืองที่อ่าน จับใจความสำคัญของเรื่องท่ีอ่านให้ได้ จะทำให้สามารถ
แยกขอ้ เทจ็ จริง ขอ้ คิดเหน็ และแสดงความคดิ เห็นจากเร่ืองที่อ่านได้

๔. การเขียนเรอื่ งตามจนิ ตนาการ เปน็ การนำภาษาถ้อยคำมาเรียบเรยี งตดิ ต่อกนั ใหเ้ ปน็ เรือ่ งราว

สามารถสื่อความหมายได้อย่างละเอียดโดยเร่ืองที่จะเขียนเป็นเร่ืองท่ีเกิดจากความคิดจินตนาการ
ของนกั เรยี นเอง หรือเป็นความคดิ ท่ีพัฒนาสะสมมานานแลว้ นำมาถ่ายทอดเปน็ ตัวอกั ษรใหผ้ อู้ น่ื รบั ทราบ

๕. สารสนเทศ เป็นข้อมูลข่าวสาร ความร้แู ละเหตุการณต์ า่ ง ๆ ซึ่งรวบรวมไว้ และถ่ายทอดใน
รปู แบบตา่ ง ๆ การศกึ ษาข้อมลู ขา่ วสารท่ที ันสมัยและรวดเรว็ เราสามารถสืบค้นได้จากระบบสารสนเทศ

๖. การอา่ นวรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย ผ้อู ่านตอ้ งใชส้ มาธิในการอ่านอยา่ งพนิ ิจ พจิ ารณา
คิดวิเคราะห์เรื่องที่อ่าน จะทำให้สามารถสรุปเร่ืองที่อ่าน ได้ความรู้ ข้อคิด และสามารถอธิบายคุณค่าของ
วรรณคดี และวรรณกรรม

๗. การเขยี นโครงงานคอื การวางแผนงานและบริหารจัดการการเรียนรไู้ ปสกู่ ารลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ
ทดลองจริง จากสภาพความเป็นจริงเพื่อให้สามารถดำเนนิ งานทกุ ขนั้ ตอนให้ลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย เกิด
ผลสำเรจ็ ตามเปา้ หมายท่วี างไว้

๘. ในอนิ เตอร์เนต็ มีเวบ็ ไซตท์ ่ีเราเปิดข้อมูลข่าวสารไดจ้ ำนวนมาก การคน้ ข้อมูลที่ตอ้ งการ โดยเปดิ ดู
ทีละเว็บไซต์ คลกิ ดูลงิ ค์จากเวบ็ หนึง่ ไปยังอกี เวบ็ หน่ึงจะเปน็ การยงุ่ ยากผูส้ ืบคน้ ข้อมลู ต้องเรยี นร้วู ธิ กี ารค้น
ขอ้ มลู ในอนิ เตอรเ์ นต็ อย่างมีประสิทธิภาพเพือ่ ให้ไดข้ อ้ มูลที่ต้องการ โดยไมเ่ สยี เวลามากนัก

สาระการเรยี นร/ู้ ความรู้
๑. การอา่ นออกเสียงร้อยแก้วและร้อยกรอง
๒. การอา่ นทำนองเสนาะ
๓. การแยกข้อเท็จจรงิ และขอ้ คดิ เห็น วิเคราะหแ์ ละการแสดงความคิดเห็นจากเร่ืองท่อี ่าน
๔. การอา่ นจบั ใจความจากส่ือตา่ ง ๆ
- วรรณคดแี ละวรรณกรรมในบทเรยี น
- บทความ
- บทโฆษณา
- งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ
- ข่าวและเหตุการณ์ประจำวนั
๕. การอ่านบทอ่านเสรมิ “ข้าวงอก ข้าวกลอ้ งงอก นำ้ ขา้ วกลอ้ งงอก”
๖. อ่านเพ่ิม เติมความหมาย
๗. การเลือกอา่ นส่อื สารสนเทศ
๘. องคป์ ระกอบของโครงงาน
๙. การสืบคน้ ข้อมูลด้วยอนิ เตอร์เนต็


๗๑

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๑. บอกความสำคัญของบทรอ้ ยกรองได้

๒. อ่านและบอกใจความของบทรอ้ ยกรองได้
๓. บอกคำคลอ้ งจองได้
๔. อา่ นออกเสียงเน้ือหาในบทเรียนได้
๕. สรปุ เรือ่ งราวท่ีอา่ นได้
๖. บอกความหมายของคำยากในบทอ่านได้
๗. อา่ นและเก็บใจความสำคญั ของเร่ืองได้
๘. คดิ วิเคราะห์สรปุ เร่ืองราวทีอ่ า่ น
๙. อ่าน เขยี นสะกดคำในบทเรียนได้
๑๐. บอกความหมายของคำได้
๑๑. นำคำไปใชไ้ ด้ถกู ตอ้ งตามสถานการณ์
๑๒. เลือกอา่ น ชม ดู สือ่ ทมี่ ีประโยชน์ได้
๑๓. นำความรู้ที่ไดไ้ ปประยุกตใ์ ช้ให้เกิดประโยชน์
๑๔. บอกองคป์ ระกอบของโครงงานได้
๑๕. บอกขั้นตอนการเขยี นโครงงานได้
๑๖. เขียนโครงงานได้
๑๗. บอกขัน้ ตอนการใชอ้ นิ เตอร์เนต็ ได้
๑๘. สืบคน้ ขอ้ มลู ในอินเตอรเ์ น็ตได้

สมรรถนะสำคัญ
๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓.ความสามารถในการแกป้ ัญหา
๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
๕.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
๒. ซ่อื สัตยส์ ุจรติ
๓. มวี นิ ัย
๔. ใฝเ่ รยี นรู้
๕. อยู่อย่างพอเพยี ง
๖. มุ่งม่นั ในการทำงาน
๗. รกั ความเปน็ ไทย
๘. มจี ติ สาธารณะ


๗๒

กิจกรรมการเรียนรู้
๑. ฝกึ การอา่ นออกเสียง อา่ นบทรอ้ ยกรอง จบั ใจความสำคัญ เชงิ คำถาม แสดงความคดิ เหน็ จาก

เรอื่ งทอี่ า่ น อ่านพิจารณาบทเรยี น อภปิ รายเกีย่ วกับการวิเคราะห์ โครงเรื่อง ลำดับเหตุการณข์ องเรอื่ ง
๒. แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเหน็ วเิ คราะหแ์ ละการแสดงความคิดเห็นจากเรอื่ งทอ่ี า่ น
๓. ฝกึ การเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์ การเขียนแสดงความคิดเห็น
๔. ฝกึ เขียนเร่ืองจากจนิ ตนาการ จากความคิดสร้างสรรคข์ องตนเอง และแต่งเป็นเรื่องราว
๕. การใชค้ ำแตง่ ประโยค การสร้างประโยค การขยายประโยค การเรยี บเรยี งประโยค การนำ

สำนวนภาษามาแตง่ ประโยค
๖.การเขียนแผนผงั ความคดิ ของเรือ่ ง การวิเคราะหโ์ ครงเรื่องตามลำดบั เหตุการณ์
๗. การศึกษาค้นคว้า อ่านวรรณกรรมเยาวชน หนังสอื ดีสำหรบั เยาวชน และหนังสือท่สี นใจ
๘. การอ่านจบั ใจความจากสอ่ื ตา่ ง ๆ อา่ นวรรณคดแี ละวรรณกรรมในบทเรยี น บทความ

บทโฆษณา งานเขียนประเภทโนม้ น้าวใจ ข่าวและเหตกุ ารณ์ประจำวัน
๙.การเลือกอ่านสอ่ื สารสนเทศ
๑๐.ศกึ ษาค้นคว้า หาความรู้ เก่ียวกบั องคป์ ระกอบของโครงงาน

ส่อื การเรียนรู้
๑. หนังสือเรยี น
๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
๓. ใบความรู้
๔. แบบทดสอบ / แบบฝึกหดั
๕. หนังสอื วรรณกรรมสำหรับเยาวชน หนังสอื นทิ าน หนงั สอื สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน
๖. ใบกิจกรรมการอ่าน
๗. ปา้ ยนิเทศบรเิ วณโรงเรยี น
๘. สอ่ื วีดีทศั น์ คอมพวิ เตอร์ อนิ เทอรเ์ นต
๙. สมดุ บนั ทกึ รักการอ่าน

ภาระงาน/ช้ินงาน
๑. สังเกตการอ่าน
๒. แบบสังเกตการทำงานกลุ่ม
๓. แบบประเมินการเขยี น
๔. แบบฝึกหัด/ใบงาน/แบบทดสอบ
๕. สมุดบันทกึ รักการอ่าน
๖. งานกลมุ่ การพูดแสดงความคดิ เหน็
๗. รายงานกล่มุ
๘. โครงงาน
๙. บันทกึ รกั การอ่าน

การประเมนิ ผล


๗๓

๑. สงั เกตการอ่านออกเสยี งจากแบบบนั ทกึ การสงั เกตการอ่าน
๒. สงั เกตการพฤติกรรมการฟัง การเขียน การพดู
๓. สงั เกตการพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมของนกั เรยี น

๔. ตรวจโครงงาน
๕. ตรวจแบบฝึกหดั /ใบงาน /แบบทดสอบ/งานกลมุ่
๖. การตอบขอ้ ซกั ถาม
๗. ตรวจสอบการเขียนแผนภาพโครงเร่ือง
๘. สงั เกตมารยาท การพดู การฟงั การอ่าน การเขียน ของนักเรียน
๙. ตรวจทำรายงานกลมุ่

กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑๒ เร่ือง ภาษาจรรโลงใจ เวลา ๘ ชั่วโมง

________________________________________________________________________________

คำอธิบายประจำหนว่ ย

ฝึกปฏิบัตกิ ารอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว อ่านจับใจความส่ือต่าง ๆ อ่านปรศิ นาคำทาย อ่านเพม่ิ เติม

ความหมาย อ่านคำทีม่ าจากภาษาตา่ งประเทศ กลุ่มคำหรอื วี การอ่านหนงั สอื ตามความสนใจ คดั ลายมอื ตวั

ตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครง่ึ บรรทดั เขยี นส่อื สาร แตง่ กาพยย์ านี ๑๑ แตง่ กลอนแปด แตง่ ประโยคสามญั

ประโยครวม ประโยคซอ้ น ฝกึ การพูดลำดับข้นั ตอน ลำดบั เหตุการณก์ ารพูดโน้มน้าวใน สถานการณ์ต่าง ๆ

สรุปสาระสำคญั ระบุความรู้และข้อคดิ ท่ไี ดจ้ ากการอา่ นวรรณคดีหรอื วรรณกรรม และอธิบายคณุ คา่ ของ

วรรณคดหี รอื วรรณกรรม


๗๔

เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ความคิด สรุปความ แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น แสดง ความ
คดิ เห็น ศึกษาค้นคว้า นำเสนอผลงาน สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีมารยาทในการอ่าน การเขียน
การฟัง การพดู และการดู รักการอา่ น รักษ์ภาษาไทยซ่ึงเป็นภาษาประจำชาติ

หนว่ ยการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑๒ เร่ือง ภาษาจรรโลงใจ

รหัสวชิ า ท ๑๐๑๐๑ รายชื่อวชิ า ภาษาไทย

ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕ ระยะเวลาการสอน ๘ ชั่วโมง

สาระที่ ๑ การอา่ น

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพื่อนำไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ญั หาในการ
ดำเนนิ ชวี ิต และมีนสิ ยั รักการอ่าน

ตัวบง่ ชี้
๑.ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้ถกู ต้อง
๒.ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยคและขอ้ ความท่ีเปน็ การบรรยาย และการพรรณนา
๓.ท ๑.๑ ป.๕/๓ ๓. อธิบายความหมายโดยนัย จากเรื่องทีอ่ ่านอยา่ งหลากหลาย
๔.ท ๑.๑ ป.๕/๔ แยกข้อเทจ็ จริงและขอ้ คดิ เหน็ จากเร่อื งทอ่ี า่ น
๕.ท ๑.๑ ป.๕/๕ วิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับเรอื่ งที่อ่านเพื่อนำไปใชใ้ นการดำเนนิ ชีวติ
๖.ท ๑.๑ ป.๕/๖ อา่ นงานเขียนเชิงอธบิ าย คำส่ัง ข้อแนะนำ และปฏิบตั ติ าม
๗.ท ๑.๑ ป.๕/๗ อา่ นหนังสือทีม่ ีคุณค่าตามความสนใจอย่างสม่ำเสมอและแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกับเร่ืองท่ี

อ่าน
๘.ท ๑.๑ ป.๕/๘ มีมารยาทในการอ่าน

สาระท่ี ๒ การเขยี น

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นส่ือสาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรือ่ งราวใน
รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมี
ประสทิ ธิภาพ

ตัวบง่ ช้ี
๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ เขยี นส่อื สารโดยใช้คำได้ถกู ต้องชัดเจน และเหมาะสม
๒. ท ๑.๑ ป.๕/๒ เขียนสอ่ื สารโดยใช้คำไดถ้ กู ตอ้ งชดั เจน และเหมาะสม
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๓ เขียนแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพความคิดเพื่อใช้พัฒนางานเขยี น
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๔ เขียนย่อความจากเรอื่ งทีอ่ า่ น
๕. ท ๑.๑ ป.๕/๖ เขยี นแสดงความรู้สึกและความคดิ เหน็ ไดต้ รงตามเจตนา
๖. ท ๑.๑ ป.๕/๘ เขียนเร่อื งตามจินตนาการ
๗. ท ๑.๑ ป.๕/๙ มารยาทในการเขียน


๗๕

สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และความรู้สกึ ใน
โอกาสต่างๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์
ตัวบง่ ชี้

๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ พูดแสดงความรู้ ความคิดเหน็ และความรู้สกึ จากเรอื่ งทฟ่ี งั และดู
๒. ท ๑.๑ ป.๕/๒ ตัง้ คำถามและตอบคำถามเชงิ เหตุผลจากเรอ่ื งทฟ่ี ังและดู
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๓ วเิ คราะห์ความนา่ เช่ือถอื จากเรอ่ื ง ทีฟ่ งั และดอู ย่างมเี หตุผล
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๔ พูดรายงานเร่ืองหรอื ประเดน็ ท่ีศกึ ษาค้นควา้ จากการฟงั การดู และการ

สนทนา
๕. ท ๑.๑ ป.๕/๕ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด

สาระที่ ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย

มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ

ตวั บ่งชี้

๑. ท 4.๑ ป.๕/1 ระบุชนดิ และหนา้ ทข่ี องคาในประโยค

๒. ท 4.๑ ป.๕/3 เปรยี บเทยี บภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถ่นิ

๓. ท 4.๑ ป.๕/5 บอกคาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย

๔. ท 4.๑ ป.๕/6 แตง่ บทร้อยกรอง

สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคุณคา่ และ
นามาประยุกต์ใช้ในชีวติ จริง

๑. ท 5.๑ ป.๕/1 สรปุ เรอ่ื งจากวรรณคดีหรอื วรรณกรรมที่อา่ น

๒. ท 5.๑ ป.๕/2 ระบุความรู้และข้อคิดจากการอ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรมทีส่ ามารถ

นาไปใชใ้ นชีวิตจริง

๓. ท 5.๑ ป.๕/3 อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม

๔. ท 5.๑ ป.๕/4 ทอ่ งจาบทอาขยานตามทีก่ าหนดและบทร้อยกรองที่มคี ุณค่าตามความสนใจ

สาระสำคญั
๑. การอ่านออกเสยี งเปน็ การอ่านท่ีคนอนื่ สามารถไดย้ นิ และรูเ้ รอ่ื งสงิ่ ทีเ่ ราอ่านได้ ดงั น้นั ควร

อ่านออกเสยี งให้ดถี ูกตอ้ งตามหลักการอา่ น จงึ จะสื่อสารได้ดี ไดป้ ระโยชน์ทัง้ ผู้อ่านและผฟู้ งั
๒. การอ่านเพอื่ ที่จะเขา้ ใจและวิเคราะห์เรอ่ื งราวทอ่ี า่ น เป็นการอา่ นท่ตี อ้ งใชส้ มาธิ สติใน

การอ่าน อ่านอย่างพินิจ พจิ ารณา คิดวิเคราะห์เร่ืองทีอ่ ่าน จับใจความสำคัญของเร่ืองที่อ่านให้ได้ จะทำให้
สามารถแยกขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คิดเห็น และแสดงความคิดเหน็ จากเรือ่ งทอ่ี ่านได้


๗๖

๓. การคัดลายมือ ผูเ้ ขยี นจะศกึ ษาหลกั เกณฑก์ ารเขียนท่ีถูกต้อง สวยงาม เช่น ตวั ตรง หวั กลม
ชอ่ งไฟเทา่ กนั ตัวหนงั สือไมอ่ ้วนหรือผอมเกนิ ไป

๔. การอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมไทย ผ้อู า่ นตอ้ งใชส้ มาธใิ นการอา่ นอย่างพินจิ พิจารณา
คิดวิเคราะห์เรื่องที่อ่าน จะทำให้สามารถสรุปเร่ืองที่อ่าน ได้ความรู้ ข้อคิด และสามารถอธิบายคุณค่าของ
วรรณคดี และวรรณกรรม

๕. การเรียนร้ดู ว้ ยปรศิ นาคำทายเป็นกระบวนการที่สามารถกระตุ้นและเรา้ ให้ผ้เู รียนฝกึ คิดวิเคราะห์
หาคำตอบด้วยตนเองโดยใช้เหตุผลหลายๆอย่างช่วยในการคิดวิเคราะห์ เมื่อได้รับการฝึกประสบการณ์เป็น
ประจำจะทำให้ผู้เรียนเปน็ คนช่างคิดช่างวิเคราะหแ์ ละมเี หตุผล

๖. กาพยม์ าจากคำว่า กาวยฺ หรอื กาพยฺ และคำ กาวฺย หรือ กาพยฺ มาจากคำ กวี กวอี อกมาจากค
เดิม ในภาษาบาลี และสนั สกฤต กวิ แปลวา่ ผู้คงแกเ่ รยี น ผู้เฉลยี วฉลาด ผู้มปี ญั ญาเปร่อื งปราด ผ้ปู ระพันธ์
กาพย์กลอน และแปลอยา่ งอ่นื ไดอ้ กี คำ กวิ หรือ กวี มาจากรากศพั ทเ์ ดมิ คือ กุธาตุ แปลว่า เสยี ง ว่าทำให้
เกดิ เสยี ง วา่ ร้อง วา่ ร้องระงม ว่าคราง วา่ ร้องเหมอื นเสยี งนก หรือเสียงแมลงผง้ึ กาพย์ ตามความหมายเดมิ มี
ความหมายกวา้ งกวา่ ที่เข้าใจกนั ในภาษาไทย คอื บรรดาบทนิพนธ์ ทกี่ วีได้ รอ้ ยกรองขึน้ ไมว่ ่าจะเป็น โคลง
ฉนั ท์ กาพย์ หรือ ร่าย นับว่าเป็นกาพย์ ท้ังนน้ั แตไ่ ทยเรา หมายความ แคบ หรือหมายความถงึ คำประพันธ์
ชนดิ หน่งึ ของกวเี ทา่ นั้น

๗. กาพย์ยานี ๑๑ คอื การนำคำภาษาไทยมาร้อยเรยี งให้มคี ำสัมผัสคล้องจองตามลกั ษณะ
ฉันทลกั ษณ์ของกาพยย์ านี ๑๑

๘. การท่จี ะแตง่ กลอนแปดได้ดแี ละไพเราะนนั้ ตอ้ งแต่งตามกฎเกณฑ์และข้อบงั คับของลักษณะคำ
ประพันธ์ จึงจะทำให้กลอนแปดน้ันเกดิ ความสละสลวยนุ่มนวล ชวนอา่ นและสรา้ งความประทบั ใจแก่ผู้อา่ น

๙. การอ่านออกเสียงคำประพนั ธป์ ระเภทร้อยกรองผู้อ่านตอ้ งอ่านถูกตอ้ งทั้งดา้ นอักขระ การเวน้
วรรคตอน ระดบั สงู ตำ่ ของเสียงตามบริบทแห่งเนือ้ หา จงึ จะทำให้เกิดอรรถรสและเพิม่ คณุ คา่ เด่นชัดทางดา้ น
วรรณศลิ ป์

๑๐. คำท่ีมาจากภาษาตา่ งประเทศ เป็นคำทภี่ าษาไทยยมื ใช้ เช่น ภาษาองั กฤษ ภาษาจนี และใช้ทับ
ศพั ท์ได้

๑๑.วลี หรอื กลมุ่ คำ เปน็ การนำคำต้ังแต่สองคำขนึ้ ไปมาเรยี งต่อกันทำให้เกิดความหมายเพม่ิ ขนึ้ มี
ความหมายมาจากคำเดิมท่ีนำมารวมกนั แต่ไม่สมบรู ณ์เหมือนประโยค วลีส่วนใหญม่ ีคำกลางท่ีสำคัญหน่ึงคำที่
เปน็ ตัวบง่ บอกถงึ ประเภทของวลี คำนัน้ เรยี กวา่ เป็น "คำหลกั " ของวลี ดงั นั้นเราสามารถแบง่ ประเภทของวลี
ตามคำหลกั ของวลี

สาระการเรียนร/ู้ ความรู้
๑. การอ่านบทร้อยกรอง
๒. การอา่ นออกเสยี ง
๓. การคดั ลายมอื
๔. การอา่ นปริศนาคำทาย
๕. อ่านเพิม่ เติมความหมาย
๖. กาพยย์ านี ๑๑
๗. ศิลปะการแตง่ กลอนแปด
๘. คำทมี่ าจากภาษาต่างประเทศ


๗๗

๙. กลุ่มคำหรือวลี
๑๐.ประโยคสามัญ ประโยครวม ประโยคซอ้ น
๑๑.การพูดลำดับขน้ั ตอน ลำดับเหตุการณ์
๑๒.การพดู โนม้ น้าวในสถานการณ์ต่าง ๆ

จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. บอกความสำคัญของบทร้อยกรองได้
๒. อา่ นและบอกใจความของบทรอ้ ยกรองได้
๓. บอกคำคล้องจองได้
๔. อา่ นออกเสียงเนื้อหาในบทเรยี นได้
๕. สรุปเร่ืองราวทอ่ี ่านได้
๖. บอกความหมายของคำยากในบทอ่านได้
๗. บอกความหมายของปรศิ นาคำทายได้
๘. นกั เรียนเลน่ เกมปรศิ นาคำทายได้
๙. อ่าน เขยี นสะกดคำในบทเรียนได้
๑๐. บอกความหมายของคำได้
๑๑. นำคำไปใชไ้ ด้ถกู ต้องตามสถานการณ์
๑๒. บอกรูปแบบของกาพยย์ านี ๑๑ ได้
๑๓. อ่านกาพย์ยานี ๑๑ เปน็ ทำนองเสนาะได้
๑๔. บอกรูปแบบของกลอนแปดได้
๑๕. นักเรียนแตง่ กลอนแปดง่ายๆได้
๑๖. บอกหลักการอา่ นบทร้อยกรองประเภทต่างๆ
๑๗. อ่านบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะได้
๑๘. บอก อ่าน เขยี น กลุ่มคำ หรือวลีได้

สมรรถนะสำคัญ
๑. ความสามารถในการส่อื สาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓.ความสามารถในการแก้ปญั หา
๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
๕.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์
๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๒. ซอื่ สัตยส์ ุจริต
๓. มีวินัย


๗๘

๔. ใฝเ่ รยี นรู้
๕. อย่อู ยา่ งพอเพียง
๖. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
๗. รักความเปน็ ไทย
๘. มจี ิตสาธารณะ

กจิ กรรมการเรียนรู้
๑. ฝึกการอ่านออกเสียง อ่านบทร้อยกรอง จับใจความสำคัญ เชิงคำถาม แสดงความคิดเห็น จาก

เรื่องท่ีอ่าน อ่านพิจารณาบทเรียน อภิปรายเกี่ยวกับการวิเคราะห์ โครงเรื่อง ลำดับเหตุการณ์
ของเรอื่ ง

๒. แยกข้อเทจ็ จริงและข้อคิดเหน็ วเิ คราะหแ์ ละการแสดงความคิดเหน็ จากเรื่องที่อา่ น
๓. ฝกึ การเขยี นเชิงสรา้ งสรรค์ การเขยี นแสดงความคิดเหน็
๔. ฝึกเขยี นเร่อื งจากจนิ ตนาการ จากความคิดสร้างสรรคข์ องตนเอง และแตง่ เปน็ เรือ่ งราว

๕. การใช้คำแต่งประโยค ประโยคสามญั ประโยครวม ประโยคซ้อน การสรา้ งประโยค การขยา
ประโยค การเรียบเรียงประโยค การนำสำนวนภาษามาแตง่ ประโยค

๖.การเขยี นแผนผังความคดิ ของเรือ่ ง การวิเคราะหโ์ ครงเร่ืองตามลำดับเหตกุ ารณ์
๗. การศึกษาคน้ คว้า อ่านวรรณกรรมเยาวชน หนังสอื ดสี ำหรับเยาวชน และหนงั สอื ทสี่ นใจ
๘. การอ่านจบั ใจความจากสอ่ื ตา่ ง ๆ อา่ นวรรณคดแี ละวรรณกรรมในบทเรยี น บทความ

บทโฆษณา งานเขียนประเภทโน้มนา้ วใจ ข่าวและเหตกุ ารณ์ประจำวัน
๙.อา่ นกลอนแปด และกาพย์ยานี ๑๑ เป็นทำนองเสนาะ

๑๐.แตง่ กลอนแปดและกาพยย์ านี ๑๑ ท่ีถกู ตอ้ งตามฉันทลักษณ์
๑๑.การพูดลำดบั เหตุการณ์ การพูดโนม้ นา้ วใจ

ส่ือการเรียนรู้
๑. หนงั สอื เรียน
๒. แบบสังเกตพฤติกรรม
๓. ใบความรู้
๔. แบบทดสอบ / แบบฝึกหัด
๕. หนงั สือวรรณกรรมสำหรบั เยาวชน หนงั สอื นทิ าน หนังสอื สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน
๖. ใบกจิ กรรมการอา่ น
๘. ป้ายนิเทศบรเิ วณโรงเรียน
๙. สอ่ื วีดีทศั น์ คอมพวิ เตอร์ อินเทอรเ์ นต
๑๐. สมุดบนั ทกึ รักการอ่าน

ภาระงาน/ช้นิ งาน


๗๙

๑. สงั เกตการอ่าน
๒. แบบสงั เกตการทำงานกลมุ่
๓. แบบประเมนิ การเขียน
๔. แบบฝกึ หัด/ใบงาน/แบบทดสอบ
๕. สมดุ บันทกึ รกั การอา่ น
๖. งานกล่มุ การพูดแสดงความคิดเหน็
๗. รายงานกลมุ่
๘. แผนผังโครงสรา้ งกลอนแปด และกาพยย์ านี ๑๑
๙. บนั ทึกรกั การอ่าน

การประเมินผล
๑. สังเกตการอ่านออกเสียงจากแบบบันทกึ การสังเกตการอ่าน
๒. สงั เกตการพฤตกิ รรมการฟัง การเขยี น การพดู
๓. สงั เกตการพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมของนักเรยี น
๔. ตรวจโครงงาน
๕. ตรวจแบบฝกึ หัด/ใบงาน /แบบทดสอบ/งานกลุ่ม
๖. การตอบขอ้ ซักถาม
๗. ตรวจสอบการเขยี นโครงสรา้ งกลอนแปด กาพยย์ านี ๑๑
๘. สงั เกตมารยาท การพูด การฟัง การอา่ น การเขียน ของนกั เรียน

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๓ เรื่อง สายน้ำสายชวี ติ เวลา ๘ ชว่ั โมง

________________________________________________________________________________

คำอธบิ ายประจำหน่วย
ฝึกปฏิบตั กิ ารอา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ บทรอ้ ยร้อยกรอง อ่านและแต่งกลอนแปด อา่ นจับใจความส่อื

ต่าง ๆ อา่ นคดิ วิเคราะห์ อ่านเพ่มิ เติมเสริมความหมาย ฝกึ การตั้งคำถาม ตอบคำถาม สรุปสาระสำคัญ ระบุ
ความรูแ้ ละข้อคดิ ที่ไดจ้ ากการอ่านวรรณคดีหรอื วรรณกรรม และอธิบายคุณคา่ ของวรรณคดหี รือวรรณกรรม

ใช้กระบวนการสร้างความเข้าใจ ความคิด สรุปความ แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น แสดงความ
คิดเห็น ศึกษาค้นคว้า นำเสนอผลงาน สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีมารยาทในการอ่าน การเขียน

การฟัง การพูด และการดู รักการอ่าน รักษภ์ าษาไทยซงึ่ เปน็ ภาษาประจำชาติ


๘๐

หนว่ ยการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๑๓ เรื่อง สายน้ำสายชีวิต

รหสั วชิ า ท ๑๐๑๐๑ รายชอ่ื วิชา ภาษาไทย

ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๕ ระยะเวลาการสอน ๘ ชั่วโมง

สาระที่ ๑ การอา่ น

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรูแ้ ละความคิดเพื่อนำไปใชต้ ดั สินใจ แก้ปัญหาในการ
ดำเนนิ

ชวี ติ และมนี สิ ยั รักการอา่ น
ตัวบ่งชี้

๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถกู ตอ้ ง
๒. ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยคและขอ้ ความที่เปน็ การบรรยาย และการพรรณนา
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๔ แยกข้อเทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เห็นจากเรอื่ งทีอ่ ่าน
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๕ วเิ คราะห์และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเรอื่ งท่อี ่านเพ่ือนำไปใช้ ในการดำเนินชีวติ
๕. ท ๑.๑ ป.๕/๗ อา่ นหนงั สือทมี่ ีคุณค่าตามความสนใจอยา่ งสม่ำเสมอและแสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกบั

เรอื่ งท่ีอา่ น
๖. ท ๑.๑ ป.๕/๘ มมี ารยาทในการอ่าน

สาระท่ี ๒ การเขยี น

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสอื่ สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่อื งราวใน
รูปแบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ

ตัวบง่ ช้ี
๑. ท ๒.๑ ป.๕/๑ คัดลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั และครงึ่ บรรทัด

๒. ท ๒.๑ ป.๕/๒ เขียนสอ่ื สารโดยใชค้ ำไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน และเหมาะสม
๓. ท ๒.๑ ป.๕/๓ เขยี นแผนภาพโครงเรือ่ งและแผนภาพความคดิ เพือ่ ใช้พฒั นางานเขยี น
๔. ท ๒.๑ ป.๕/๔ เขียนยอ่ ความจากเรอ่ื งทีอ่ า่ น
๕. ท ๒.๑ ป.๕/๙ มารยาทในการเขียน


๘๑

สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพดู
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และความรู้สกึ ใน
โอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์
ตวั บง่ ช้ี

๑. ท ๓.๑ ป.๕/๑ พูดแสดงความรู้ ความคิดเหน็ และความรู้สึกจากเรอื่ งที่ฟงั และดู
๒. ท ๓.๑ ป.๕/๒ ตง้ั คำถามและตอบคำถามเชงิ เหตุผลจากเร่ืองทฟ่ี ังและดู
๓. ท ๓.๑ ป.๕/๓ วิเคราะห์ความน่าเชือ่ ถือจากเร่ือง ท่ีฟงั และดอู ยา่ งมีเหตุผล
๔. ท ๓.๑ ป.๕/๔ พดู รายงานเร่ืองหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา
๕.ท ๓.๑ ป.๕/๕ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด

สาระท่ี ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย

มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ

ตัวบง่ ชี้
๑. ท 4.๑ ป.๕/6 แตง่ บทร้อยกรอง

๒. ท 4.๑ ป.๕/7 ใช้สานวนได้ถูกต้อง

สาระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคณุ คา่ และ
นามาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ

๑. ท 5.๑ ป.๕/1 สรุปเรือ่ งจากวรรณคดีหรอื วรรณกรรมทอ่ี า่ น

๒. ท 5.๑ ป.๕/2 ระบุความรู้และข้อคิดจากการอ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีสามารถ

นาไปใช้ในชวี ิตจริง

๓. ท 5.๑ ป.๕/3 อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรม

๔. ท 5.๑ ป.๕/4 ทอ่ งจาบทอาขยานตามท่กี าหนดและบทรอ้ ยกรองท่มี ีคุณค่าตามความสนใจ

สาระสำคัญ
๑. การอ่านออกเสยี งเป็นการอ่านที่คนอืน่ สามารถได้ยินและรเู้ รือ่ งส่งิ ทเี่ ราอา่ นได้ ดงั นัน้ ควร

อา่ นออกเสียงใหด้ ีถูกต้องตามหลกั การอา่ น จึงจะส่ือสารไดด้ ี ไดป้ ระโยชน์ทง้ั ผู้อา่ นและผู้ฟัง
๒. การอ่านเพื่อทจ่ี ะเขา้ ใจและวเิ คราะหเ์ ร่อื งราวท่อี า่ น เป็นการอา่ นที่ต้องใช้สมาธิ สตใิ น

การอ่าน อ่านอย่างพินจิ พจิ ารณา คดิ วิเคราะห์เรื่องท่ีอ่าน จับใจความสำคัญของเรื่องท่ีอา่ นให้ได้ จะทำให้
สามารถแยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเหน็ และแสดงความคิดเหน็ จากเร่ืองที่อา่ นได้

๓. การคดั ลายมือ ผเู้ ขียนจะศกึ ษาหลักเกณฑ์การเขยี นท่ถี ูกต้อง สวยงาม เช่น ตัวตรง หัวกลม
ช่องไฟเท่ากัน ตวั หนงั สอื ไมอ่ ว้ นหรือผอมเกินไป

๔. การอ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย ผ้อู า่ นตอ้ งใชส้ มาธิในการอา่ นอยา่ งพนิ ิจ พจิ ารณา


๘๒

คดิ วิเคราะห์เร่ืองท่ีอ่าน จะทำให้สามารถสรุปเรื่องที่อ่าน ได้ความรู้ ข้อคิด และสามารถอธิบายคุณค่าของ
วรรณคดี และวรรณกรรม

๕. การเรียนรูด้ ว้ ยปริศนาคำทายเปน็ กระบวนการที่สามารถกระตนุ้ และเรา้ ให้ผูเ้ รียนฝกึ คดิ วเิ คราะห์
หาคำตอบด้วยตนเองโดยใช้เหตุผลหลายๆอย่างช่วยในการคิดวิเคราะห์ เม่ือได้รับการฝึกประสบการณ์เป็น
ประจำจะทำใหผ้ ูเ้ รยี นเปน็ คนชา่ งคิดช่างวเิ คราะหแ์ ละมเี หตุผล

๖. การท่จี ะแต่งกลอนแปดไดด้ แี ละไพเราะนน้ั ต้องแตง่ ตามกฎเกณฑแ์ ละขอ้ บังคับของลักษณะคำ
ประพนั ธ์ จงึ จะทำใหก้ ลอนแปดน้ันเกิดความสละสลวยนุ่มนวล ชวนอา่ นและสร้างความประทบั ใจแกผ่ ู้อ่าน

๗. กาพย์ยานี ๑๑ หนึง่ บทมสี องบาท หนง่ึ บาท มี 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์

วรรคหลัง 6 พยางค์บังคบั สมั ผัสระหว่างวรรคท่ี 1, 2 และ 3ตอ้ งเช่อื มสมั ผัสวรรคที่ 4 ตอนทา้ ยบท ไปยงั ทา้ ย
บาทแรกของบทต่อไป

๘. การอ่านออกเสยี งคำประพันธ์ประเภทรอ้ ยกรองผู้อ่านตอ้ งอา่ นถกู ตอ้ งท้ังด้านอักขระ การเว้นวรรค
ตอน ระดบั สูงต่ำของเสียงตามบริบทแหง่ เนอ้ื หา จงึ จะทำใหเ้ กิดอรรถรสและเพ่ิมคุณค่าเดน่ ชดั ทางด้าน
วรรณศลิ ป์
สาระการเรียนรู/้ ความรู้

๑. บทร้อยกรอง
๒. เรยี นรู้เรอ่ื งกลอนแปด
๓. การอา่ นทำนองเสนาะ
๔. การอา่ นคดิ วเิ คราะห์
๕. อ่านเพิ่ม เติมความหมาย
๖. บทอา่ นเสริม เร่ืองนำ้
๗. การต้ังคำถาม – ตอบคำถาม
๘. แหลง่ นำ้ ท่งี ดงาม ( บึงบอระเพ็ด )

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

๑. บอกความสำคัญของบทร้อยกรองได้
๒. อา่ นและบอกใจความของบทรอ้ ยกรองได้
๓. บอกคำคลอ้ งจองได้
๔. บอกลกั ษณะของกลอนแปดและกาพยย์ านี 11 ได้
๕. บอกคำสัมผัสคล้องจองในกลอนแปดและกาพยย์ านี 11 ได้
๖. เขียนผงั ภมู ขิ องกลอนแปดและกาพยย์ านี 11 ได้
๗. อ่านทำนองเสนาะกลอนแปดและกาพย์ยานี 11 ได้
๘. เกบ็ ใจความสำคญั ของบทรอ้ ยกรองท่ีอา่ นได้
๙. บอกเนอื้ หาสาระในบทเรียนได้
๑๐.วิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเหน็ ในบทเรียนได้
๑๑. นำข้อคดิ จากเรือ่ งมาใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้
๑๒. อ่าน เขียนสะกดคำในบทเรยี นได้


๘๓

๑๓. บอกความหมายของคำได้
๑๔. นำคำไปใช้ไดถ้ ูกตอ้ งตามสถานการณ์
๑๕. อ่านและเกบ็ ใจความสำคญั ของเร่อื งได้
๑๖. คดิ วิเคราะห์สรปุ เรอื่ งราวที่อ่านได้
๑๗. ต้งั คำถาม – ตอบคำถามเรอ่ื งทอ่ี ่านได้
๑๘. คดิ วิเคราะห์หาคำตอบจากคำถามได้
๑๙. บอกแหลง่ น้ำที่สำคญั ในประเทศไทยได้

๒๐. บอกรายละเอยี ดของบงึ บอระเพ็ดได้

สมรรถนะสำคัญ
๑. ความสามารถในการสื่อสาร
๒. ความสามารถในการคดิ
๓.ความสามารถในการแก้ปัญหา
๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
๕.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
๒. ซ่อื สัตย์สุจริต
๓. มีวินยั
๔. ใฝเ่ รยี นรู้
๕. อยอู่ ย่างพอเพยี ง
๖. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
๗. รักความเป็นไทย
๘. มีจิตสาธารณะ

กจิ กรรมการเรยี นรู้
๑.ฝึกการอ่านออกเสียง อ่านบทร้อยกรอง จับใจความสำคัญ เชิงคำถาม แสดงความคิดเห็น จาก

เรอ่ื งท่ีอา่ น อ่านพจิ ารณาบทเรยี น อภปิ รายเกีย่ วกบั การวิเคราะห์ โครงเรื่อง ลำดบั เหตกุ ารณข์ องเรอ่ื ง
๒. แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อคดิ เห็น วิเคราะหแ์ ละการแสดงความคิดเห็นจากเรื่องท่อี ่าน

๓. ฝึกการเขียนเชิงสรา้ งสรรค์ การเขียนแสดงความคดิ เห็น
๔. ฝกึ เขยี นเร่ืองจากจนิ ตนาการ จากความคิดสรา้ งสรรคข์ องตนเอง และแต่งเป็นเรอื่ งราว
๕. การใช้คำแต่งประโยค ประโยคสามัญ ประโยครวม ประโยคซ้อน การสร้างประโยค การขยาย

ประโยค การเรียบเรียงประโยค การนำสำนวนภาษามาแต่งประโยค
๖.การเขยี นแผนผังความคิดของเร่อื ง การวิเคราะห์โครงเร่อื งตามลำดบั เหตุการณ์


๘๔

๗. การศกึ ษาค้นคว้า อ่านวรรณกรรมเยาวชน หนงั สือดีสำหรับเยาวชน และหนงั สอื ทส่ี นใจ
๘. การอ่านจับใจความจากส่อื ตา่ ง ๆ อา่ นวรรณคดีและวรรณกรรมในบทเรยี น บทความ
บทโฆษณา งานเขียนประเภทโนม้ น้าวใจ ข่าวและเหตุการณ์ประจำวนั
๙. อ่านกลอนแปด และกาพย์ยานี ๑๑ เปน็ ทำนองเสนาะ
๑๐.การตงั้ คำถาม และตอบคำถาม

สือ่ การเรยี นรู้
๑. หนังสือเรยี น
๒. แบบสังเกตพฤตกิ รรม
๓. ใบความรู้
๔. แบบทดสอบ / แบบฝึกหัด
๕. หนงั สือวรรณกรรมสำหรับเยาวชน หนงั สือนทิ าน หนังสอื สารานุกรมไทยสำหรบั เยาวชน
๖. ใบกจิ กรรมการอ่าน
๗. ป้ายนิเทศบริเวณโรงเรยี น
๙. สื่อวีดที ัศน์ คอมพิวเตอร์ อินเทอรเ์ นต

ภาระงาน/ชน้ิ งาน
๑. แบบฝกึ หดั /ใบงาน/แบบทดสอบ
๒. สมุดบนั ทกึ รักการอ่าน
๓. งานกลมุ่ การพดู แสดงความคิดเหน็
๔. รายงานกลุม่
๕. แผนผงั โครงสร้างกลอนแปด และกาพย์ยานี ๑๑
๖. บันทกึ รักการอา่ น

การประเมินผล
๑. สงั เกตการอา่ นออกเสยี งจากแบบบนั ทกึ การสงั เกตการอ่าน
๒. สังเกตการพฤตกิ รรมการฟงั การเขียน การพูด
๓. สงั เกตการพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมของนกั เรียน
๔. . ตรวจแบบฝึกหดั /ใบงาน /แบบทดสอบ/งานกลุ่ม
๕. การตอบข้อซกั ถาม
๘. สังเกตมารยาท การพูด การฟงั การอ่าน การเขยี น ของนกั เรยี น


๘๕

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๕

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑๔ เรื่อง รไู้ วไ้ ด้ประโยชน์ เวลา ๑๔ ชั่วโมง

________________________________________________________________________________

คำอธบิ ายประจำหน่วย
ฝึกปฏบิ ตั ิการอา่ นออกเสียง อา่ นบทร้อยแกว้ อา่ นบทร้อยกรอง เปน็ ทำนองเสนาะ อ่านจับใจความสือ่

ตา่ ง ๆ อา่ นเพ่ิมเตมิ เสรมิ ความหมาย การเขยี นแนะนำ การกรอกแบบรายการ การเลือกใช้คำทถี่ ูกตอ้ งและ

เหมาะสมกบั สถานการณ์ สรุปสาระสำคัญ ระบุความรู้และขอ้ คดิ ทีไ่ ดจ้ ากการอา่ นวรรณคดีหรือวรรณกรรม
และอธิบายคณุ คา่ ของวรรณคดหี รือวรรณกรรม

โดยใช้กระบวนการอ่าน การคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น การเขียน
สร้างสรรค์ การคดั ลายมือ กระบวนการใช้ภาษา กระบวนการกลุ่ม มนี ิสัยรักการอ่าน การใช้คำถูกต้องตาม
หลกั เกณฑท์ างภาษา

หน่วยการจดั การเรยี นรู้กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย


หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๔ ๘๖
รหัสวิชา ท ๑๐๑๐๑
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๕ เรือ่ ง รูไ้ วไ้ ดป้ ระโยชน์
รายชือ่ วิชา ภาษาไทย
ระยะเวลาการสอน 7 ช่ัวโมง

สาระที่ ๑ การอ่าน

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นำไปใช้ตดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการ
ดำเนินชวี ิต และมนี ิสยั รกั การอา่ น

ตวั บ่งช้ี
๑.ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง
๒.ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยคและขอ้ ความท่ีเปน็ การบรรยาย และการพรรณนา
๓.ท ๑.๑ ป.๕/๕ วิเคราะห์และแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับเร่ืองท่ีอา่ นเพ่ือนำไปใช้ ในการดำเนนิ ชีวิต
๔.ท ๑.๑ ป.๕/๗ อา่ นหนงั สือทม่ี ีคุณค่าตามความสนใจอย่างสม่ำเสมอและแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับเร่ืองท่ี

อ่าน
๕.ท ๑.๑ ป.๕/๘ มมี ารยาทในการอ่าน

สาระท่ี ๒ การเขยี น

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นส่ือสาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเร่อื งราวใน
รูปแบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ

ตวั บง่ ช้ี
๑. ท ๑.๑ ป.๕/๒ เขียนสอื่ สารโดยใช้คำไดถ้ ูกตอ้ งชัดเจน และเหมาะสม
๒. ท ๑.๑ ป.๕/๓ เขยี นแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคิดเพอ่ื ใชพ้ ัฒนางานเขียน
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๔ เขียนยอ่ ความจากเรอื่ งที่อ่าน
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๖ เขียนแสดงความรสู้ ึกและความคดิ เหน็ ได้ตรงตามเจตนา
๕. ท ๑.๑ ป.๕/๗ กรอกแบบรายการตา่ งๆ
๖. ท ๑.๑ ป.๕/๙ มารยาทในการเขียน

สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมวี จิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรสู้ ึกใน
โอกาสต่างๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตวั บง่ ช้ี

๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ พดู แสดงความรู้ ความคดิ เหน็ และความรู้สึกจากเร่อื งที่ฟงั และดู
๒. ท ๑.๑ ป.๕/๒ ต้ังคำถามและตอบคำถามเชงิ เหตุผลจากเรือ่ งที่ฟงั และดู
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๓ วเิ คราะห์ความน่าเชอื่ ถือจากเรอ่ื ง ท่ฟี ังและดอู ย่างมีเหตุผล
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๔ พูดรายงานเร่ืองหรือประเดน็ ท่ศี ึกษาคน้ คว้าจากการฟัง การดู และการ


๘๗

สนทนา
๕. ท ๑.๑ ป.๕/๕ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู

สาระท่ี ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย

มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ

ตวั บง่ ช้ี
๑. ท 4.๑ ป.๕/1 ระบุชนิดและหนา้ ท่ีของคาในประโยค

สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ คา่ และ
นามาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง

๑. ท 5.๑ ป.๕/1 สรุปเรอ่ื งจากวรรณคดหี รือวรรณกรรมทีอ่ า่ น
๒. ท 5.๑ ป.๕/2 ระบคุ วามรูแ้ ละข้อคิดจากการอ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่สามารถ

นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ
๓. ท 5.๑ ป.๕/3 อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม
๔. ท 5.๑ ป.๕/4 ท่องจาบทอาขยานตามทก่ี าหนดและบทรอ้ ยกรองทม่ี ีคุณค่าตามความสนใจ
สาระสำคัญ
๑. การอ่านออกเสียงเป็นการอา่ นที่คนอืน่ สามารถไดย้ นิ และรู้เรือ่ งสงิ่ ทเ่ี ราอ่านได้ ดังน้นั ควร
อ่านออกเสยี งใหด้ ถี ูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น จึงจะสอ่ื สารไดด้ ี ไดป้ ระโยชนท์ ง้ั ผู้อ่านและผู้ฟงั
๒. การอ่านเพื่อท่จี ะเขา้ ใจและวเิ คราะหเ์ รือ่ งราวที่อ่าน เป็นการอ่านทีต่ ้องใชส้ มาธิ สตใิ น
การอ่าน อา่ นอย่างพินจิ พจิ ารณา คิดวิเคราะห์เรื่องท่ีอ่าน จับใจความสำคัญของเรื่องท่ีอา่ นใหไ้ ด้ จะทำให้
สามารถแยกขอ้ เท็จจรงิ ขอ้ คิดเห็น และแสดงความคิดเหน็ จากเรือ่ งท่อี ่านได้
๓. การอา่ นวรรณคดีและวรรณกรรมไทย ผอู้ ่านตอ้ งใช้สมาธิในการอา่ นอย่างพินจิ พจิ ารณา
คิดวิเคราะห์เรื่องที่อ่าน จะทำให้สามารถสรปุ เรื่องที่อ่าน ได้ความรู้ ข้อคิด และสามารถอธิบายคุณค่าของ
วรรณคดี และวรรณกรรม
๔. การกรอกแบบรายการ หมายถึงการเขียนกรอกรายละเอียดต่าง ๆ ลงในเอกสารแบบ
รายการ เพ่ือใหเ้ อกสาร นนั้ สมบรู ณถ์ กู ตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ ของผูจ้ ดั ทาแบบรายการ
๕. การเขยี นแนะนำ เปน็ การเขยี นแสดงความคิดเห็น ให้ขอ้ คดิ หรอื แนวทางปฏิบัตติ ่อผอู้ ืน่ โดยมี
หลักการเขียนแนะนำ คือใช้ภาษาเขียนที่กระชับ ได้ใจความ ชัดเจน ใช้ถ้อยคำท่ีถูกต้อง เหมาะสมในเชิง
แนะนำ ไม่บังคบั ขเู่ ขญ็ สุภาพ นุม่ นวล และไม่มีอคติโดยแสดงถึงความจริงใจ ให้กำลังใจ เพอ่ื ให้ผู้รบั คำแนะนำ
รสู้ ึกว่า สามารถนำไปปฏิบัติได้ มีการนำเสนอ แนะนำหลาย ๆ วิธี เพ่ือให้ผ่านมีทางเลือกในการนำไปปฏิบัติ
แสดงเหตุผลประกอบ หรือยกตวั อยา่ งเพ่ือให้เกดิ ความหนา้ เชือ่ ถือมากข้ึน

สาระการเรยี นรู/้ ความรู้
๑. การอา่ นบทรอ้ ยกรอง


๘๘

๒. การอา่ นออกเสยี ง
๓. การอ่านบทอา่ นเสรมิ “เกิดแล้วตอ้ งมีชื่อ”
๔. อ่านเพ่ิม เติมความหมาย
๕. การเขียนแนะนำ
๖. การกรอกแบบรายการ
๗. การเลือกใช้คำ
จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. บอกความสำคญั ของบทรอ้ ยกรองได้
๒. อา่ นและบอกใจความของบทร้อยกรองได้
๓. บอกคำคลอ้ งจองได้
๔. อ่านออกเสียงเน้อื หาในบทเรียนได้
๕. สรปุ เรื่องราวทอ่ี ่านได้
๖. บอกความหมายของคำยากในบทอ่านได้
๗. การเขยี นแนะนำสงิ่ ตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างถูกต้อง
๘. สามารถการกรอกแบบรายการได้ถูกตอ้ งและตรงตามวตั ถปุ ระสงคข์ องผ้อู อกแบบรายการ
๙. สามารถเลือกใช้คำได้ถูกตอ้ งตามสถานการณ์

สมรรถนะสำคัญ
๑. ความสามารถในการสื่อสาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓.ความสามารถในการแก้ปัญหา
๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
๕.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
๒. ซอ่ื สตั ย์สุจริต
๓. มีวนิ ัย
๔. ใฝเ่ รียนรู้
๕. อยู่อยา่ งพอเพียง
๖. มุง่ ม่ันในการทำงาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มีจิตสาธารณะ


๘๙

กิจกรรมการเรยี นรู้
๑. ฝกึ อา่ นคำศพั ท์ คำยาก และบอกความหมาย
๒. ฝึกการอ่านออกเสียง อ่านบทร้อยกรอง จับใจความสำคัญ เชิงคำถาม แสดงความคิดเห็น จาก
เรื่องท่ีอ่าน อ่านพิจารณาบทเรียน อภิปรายเก่ียวกับการวิเคราะห์ โครงเร่ือง ลำดับเหตุการณ์
ของเรือ่ ง
๓. แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็น วเิ คราะห์และการแสดงความคดิ เหน็ จากเรื่องท่อี ่าน
๔. การเขียนแนะนำสงิ่ ต่าง ๆ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง

๕. การกรอกแบบรายการไดถ้ กู ตอ้ งและตรงตามวตั ถปุ ระสงคข์ องผู้ออกแบบรายการ

๖. การเลอื กใช้คำได้ถกู ต้องตามสถานการณ์

สอ่ื การเรยี นรู้
๑. หนังสอื เรียน
๒. แบบสงั เกตพฤติกรรม
๓. ใบความรู้
๔. แบบทดสอบ / แบบฝกึ หดั
๕. หนงั สือวรรณกรรมสำหรบั เยาวชน หนังสอื ท่ีนา่ สนใจ
๖. ใบกิจกรรมการอ่าน
๗. ห้องสมุด
๘. ปา้ ยนเิ ทศบรเิ วณโรงเรยี น
๙. ส่อื วดี ที ัศน์ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เนต
๑๐. ตัวอย่างแบบรายการชนิดต่าง ๆ เช่น แบบรายการไปรษณีย์ ใบเบิก ถอนเงินธนาคาร ใบสมัคร

เปน็ ต้น
ภาระงาน/ชน้ิ งาน
๑. แบบฝึกหดั /ใบงาน/แบบทดสอบ
๒. สมุดบนั ทึกรกั การอา่ น
๓. งานกลุ่ม การเขยี นแนะนำสงิ่ ตา่ ง ๆ
๔. รายงานกลมุ่

การประเมนิ ผล
๑. สังเกตการอ่านออกเสียงจากแบบบนั ทึกการสงั เกตการอา่ น
๒. สงั เกตการพฤตกิ รรมการฟงั การเขียน การพดู
๓. สงั เกตการพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมของนกั เรียน
๕. ตรวจแบบฝกึ หัด/ใบงาน /แบบทดสอบ/งานกล่มุ
๖. การตอบขอ้ ซกั ถาม
๗. ตรวจสอบการเขียนแนะแนะ
๘. ตรวจสอบการเขียนแบบกรอกรายการ
๘. สังเกตมารยาท การพูด การฟงั การอ่าน การเขยี น ของนักเรียน


๙๐

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑๕ เร่ือง แรงกระทบ เวลา 8 ชวั่ โมง

________________________________________________________________________________

คำอธบิ ายประจำหน่วย
ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารอ่านคำศพั ท์ใหม่ การแต่งประโยค การออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว อา่ นจบั ใจความสือ่ ต่าง ๆ

อ่านเพิ่ม เตมิ เสริมความหมายความหมาย อ่าน กลมุ่ คำหรอื วลี การอา่ นหนงั สอื ตามความสนใจ คัดลายมอื ตวั
ตวั บรรจงเตม็ บรรทดั และคร่งึ บรรทัด การใช้สำนวนไทย สุภาษิต คำคม สรปุ สาระสำคัญ ระบุความรู้และ
ข้อคิดทไี่ ดจ้ ากการอา่ นวรรณคดหี รือวรรณกรรม และอธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดหี รอื วรรณกรรม


๙๑

ใช้กระบวนการสร้างความเข้าใจ ความคิด สรุปความ แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น แสดงความ
คดิ เห็น ศึกษาค้นคว้า นำเสนอผลงาน สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีมารยาทในการอ่าน การเขียน
การฟงั การพดู และการดู รกั การอ่าน รักษภ์ าษาไทยซ่ึงเป็นภาษาประจำชาติ

หนว่ ยการจดั การเรียนรู้กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑๕ เร่อื ง แรงกระทบ

รหสั วิชา ท ๑๐๑๐๑ รายชือ่ วิชา ภาษาไทย

ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ ระยะเวลาการสอน 8 ชว่ั โมง

สาระที่ ๑ การอ่าน

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพื่อนำไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปญั หาในการ
ดำเนินชีวติ และมีนสิ ยั รักการอา่ น

ตัวบ่งชี้
๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง
๒. ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยคและข้อความที่เปน็ การบรรยาย และการพรรณนา
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๔ แยกข้อเทจ็ จริงและขอ้ คิดเหน็ จากเร่ืองท่ีอา่ น
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๕ วิเคราะห์และแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั เร่อื งทีอ่ า่ นเพ่ือนำไปใช้ ในการดำเนินชีวิต
๕. ท ๑.๑ ป.๕/๗ อ่านหนังสือทมี่ ีคุณค่าตามความสนใจอย่างสมำ่ เสมอและแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั
เรื่องท่ีอา่ น
๖. ท ๑.๑ ป.๕/๘ มีมารยาทในการอ่าน

สาระที่ ๒ การเขยี น

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขยี นเร่อื งราวใน
รูปแบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ

ตัวบง่ ชี้
๑. ท ๒.๑ ป.๕/๑ คดั ลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทดั และครึง่ บรรทัด

๒. ท ๒.๑ ป.๕/๒ เขียนสอ่ื สารโดยใช้คำไดถ้ ูกต้องชัดเจน และเหมาะสม
๓. ท ๒.๑ ป.๕/๓ เขยี นแผนภาพโครงเร่อื งและแผนภาพความคิดเพ่ือใช้พฒั นางานเขยี น
๔. ท ๒.๑ ป.๕/๙ มารยาทในการเขียน


๙๒

สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพูด
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดอู ยา่ งมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สกึ ใน
โอกาสตา่ งๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตัวบง่ ชี้

๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ พูดแสดงความรู้ ความคิดเหน็ และความรูส้ กึ จากเร่ืองทฟี่ ังและดู
๒. ท ๑.๑ ป.๕/๒ ตัง้ คำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผลจากเรื่องท่ฟี งั และดู
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๓ วิเคราะห์ความน่าเช่ือถอื จากเร่ือง ทฟ่ี งั และดอู ย่างมีเหตุผล
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๔ พูดรายงานเรือ่ งหรือประเด็นท่ีศึกษาค้นคว้าจากการฟงั การดู และการสนทนา
๕.ท ๑.๑ ป.๕/๕ มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด

สาระท่ี ๔ หลกั การใชภ้ าษาไทย

มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ

ตวั บง่ ชี้
๑.ท 4.๑ ป.๕/1 ระบุชนดิ และหน้าท่ขี องคาในประโยค

๒.ท 4.๑ ป.๕/6 แตง่ บทรอ้ ยกรอง

๓.ท 4.๑ ป.๕/7 ใช้สานวนไดถ้ กู ตอ้ ง

สาระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ ค่าและ
นามาประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จริง

๑. ท 5.๑ ป.๕/1 สรปุ เรือ่ งจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมท่อี า่ น

๒. ท 5.๑ ป.๕/2 ระบคุ วามร้แู ละขอ้ คิดจากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีสามารถนาไปใช้ใน

ชวี ิตจริง

๓. ท 5.๑ ป.๕/3 อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรม

๔. ท 5.๑ ป.๕/4 ทอ่ งจาบทอาขยานตามท่กี าหนดและบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ

สาระสำคัญ
๑. การอา่ นออกเสยี งเป็นการอา่ นทีค่ นอื่นสามารถได้ยินและรูเ้ ร่ืองสง่ิ ทเี่ ราอ่านได้ ดังนั้นควร

อา่ นออกเสียงใหด้ ีถกู ต้องตามหลักการอา่ น จงึ จะสอ่ื สารได้ดี ไดป้ ระโยชนท์ งั้ ผูอ้ ่านและผฟู้ งั
๒. การอา่ นเพือ่ ทีจ่ ะเขา้ ใจและวิเคราะห์เร่ืองราวทอ่ี ่าน เป็นการอา่ นท่ีตอ้ งใชส้ มาธิ สติใน

การอ่าน อา่ นอย่างพินจิ พิจารณา คิดวิเคราะห์เรือ่ งท่ีอ่าน จบั ใจความสำคัญของเรื่องที่อ่านให้ได้ จะทำให้
สามารถแยกข้อเท็จจรงิ ขอ้ คดิ เหน็ และแสดงความคดิ เห็นจากเรือ่ งที่อ่านได้

๓. การคดั ลายมอื ผเู้ ขยี นจะศึกษาหลกั เกณฑก์ ารเขยี นทถ่ี ูกตอ้ ง สวยงาม เชน่ ตวั ตรง หัก
กลมช่องไฟเท่ากนั ตวั หนงั สอื ไม่อ้วนหรอื ผอมเกินไป

๔. การอา่ นวรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย ผ้อู า่ นตอ้ งใชส้ มาธิในการอา่ นอย่างพนิ ิจ พิจารณา


๙๓

คดิ วิเคราะห์เรื่องที่อ่าน จะทำให้สามารถสรปุ เรื่องที่อ่าน ได้ความรู้ ข้อคิด และสามารถอธิบายคุณค่าของ
วรรณคดี และวรรณกรรม

๕. การอ่านออกเสียงคำประพนั ธ์ประเภทร้อยกรองผู้อา่ นต้องอ่านถูกตอ้ งทงั้ ด้านอักขระ การ
เว้นวรรคตอน ระดบั สูงตำ่ ของเสียงตามบริบทแห่งเนื้อหา จึงจะทำใหเ้ กิดอรรถรสและเพ่มิ คณุ คา่ เด่นชัด
ทางดา้ นวรรณศลิ ป์

๖. สุภาษิต หมายถึง คำพูดทพ่ี ูดออกมา ไม่วา่ จะเป็นทำนอง สำนวนโวหาร ทีม่ คี วามหมายทด่ี ี
ส่วนใหญค่ นไทยเราจะหยบิ ยกคำสุภาษติ มาเป็นตัวอยา่ งในการอบรมสัง่ สอนลกู หลาน หรือบางครัง้ ใช้แสดง
เปรยี บเทยี บประกอบการสนทนา

๗. สำนวน หมายถึง โวหาร ทำนองพูด ถอ้ ยคำท่ีเรยี บเรียง เป็นลกั ษณะความหมายเชิงอปุ มา
เปรียบเทียบ ไมแ่ ปลความหมายตามตวั อกั ษร จงึ ฟงั แล้วมักจะไมไ่ ด้ความหมายของตวั มนั เอง ต้องนำไป
ประกอบกบั เร่อื ง หรอื เหตุการณ์จงึ จะได้ความหมายเปน็ คตเิ ตอื นใจ เชน่ เดยี วกบั คำทเี่ ป็นสุภาษิต

๘. คำพังเพย หมายถึง ถอ้ ยคำท่เี รยี บเรียงขน้ึ มาเป็นความหมายกลาง ๆ คือ ไม่เน้นการสัง่ สอน
แตก่ แ็ ฝงคตเิ ตือนใจหรือ ขอ้ คิดสะกดิ ใจใหน้ ำไปปฏบิ ัตไิ ด้ และ เนอ้ื หาของใจความนน้ั ก็ไมจ่ ำเปน็ วา่ จะตอ้ งเปน็
ความดี หรอื ความจรงิ แทแ้ นน่ อน เพ่ือให้ตีความเขา้ กับเร่อื ง มีความหมายลึกซงึ้ กว่าสำนวน มีลักษณะตชิ ม
หรือแสดงความเหน็ ในตวั แตย่ งั ไม่ได้วางหลกั ความจริงอนั เท่ียงแท้ และยังไมเ่ ป็นคำสอน เชน่ กระต่ายตืน่
ตมู ทำนาบนหลงั คน ถ่ีลอดตาชา้ ง ห่างลอดตาเลน็ เสยี นอ้ ยเสยี ยากเสยี มากเสียงา่ ย น้ำถงึ ไหนปลาถงึ นน้ั
เป็นต้น
สาระการเรยี นร้/ู ความรู้

๑. การอ่านในใจ
๒. การอ่านออกเสียง การอ่านรอ้ ยกรอง
๓. การอา่ นบทอ่านเสรมิ “คิดดี ทำด”ี
๔. อา่ นเพิ่ม เตมิ ความหมาย
๕. การใช้สำนวน สภุ าษิต คำพงั เพย คำคม
๖. การคัดลายมือ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

๑. บอกความสำคญั ของบทร้อยกรองได้
๒. อ่านและบอกใจความของบทร้อยกรองได้
๓. บอกคำคลอ้ งจองได้
๔. อา่ นออกเสยี งเนื้อหาในบทเรียนได้
๕. สรุปเร่ืองราวทอี่ า่ นได้
๖. บอกความหมายของคำยากในบทอ่านได้
. ๗. อ่าน เขยี นสะกดคำในบทเรยี นได้
๘. นำคำไปใชไ้ ด้ถกู ตอ้ งตามสถานการณ์
๙. คัดลายมอื คร่ึงบรรทดั เตม็ บรรทดั ไดอ้ ย่างสวยงาม


๙๔

๑๐. อา่ น บอก ความหมายของสำนวน สุภาษิต คำพังเพย ได้ และสามารถใช้ได้ในสถานการณ์ท่ี
ถูกต้อง

สมรรถนะสำคัญ
๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร
๒. ความสามารถในการคดิ
๓.ความสามารถในการแก้ปญั หา
๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
๕.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์
๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
๒. ซื่อสตั ยส์ ุจรติ
๓. มีวินยั
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อยอู่ ย่างพอเพียง
๖. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มจี ติ สาธารณะ

กิจกรรมการเรยี นรู้
๑. ฝึกการอ่านออกเสียง อ่านบทร้อยกรอง จับใจความสำคัญ เชิงคำถาม แสดงความคิดเห็น จาก
เร่ืองท่ีอ่าน อ่านพิจารณาบทเรียน อภิปรายเก่ียวกับการวิเคราะห์ โครงเรื่อง ลำดับเหตุการณ์
ของเรอ่ื ง
๒. แยกขอ้ เทจ็ จริงและข้อคดิ เหน็ วเิ คราะห์และการแสดงความคดิ เห็นจากเร่อื งที่อ่าน
๓. การเขียนแผนผังความคดิ ของเรอ่ื ง การวิเคราะห์โครงเรื่องตามลำดบั เหตุการณ์
๔. การศึกษาค้นควา้ อา่ นวรรณกรรมเยาวชน หนงั สือดสี ำหรบั เยาวชน และหนงั สือท่สี นใจ
๕. . ศึกษาคน้ ควา้ สำนวนไทย สุภาษติ คำพังเพย
๖. กระบวนการนำเสนอความรู้จากการศกึ ษาคน้ คว้า การนำเสนองาน
๗. กระบวนการกล่มุ

ส่ือการเรียนรู้
๑. หนงั สอื เรยี น
๒. แบบสังเกตพฤตกิ รรม
๓. ใบความรู้


๙๕

๔. แบบทดสอบ / แบบฝกึ หดั
๕. หนงั สือวรรณกรรมสำหรบั เยาวชน หนงั สอื สารานุกรม หนังสือในหอ้ งสมดุ
๖. ใบกจิ กรรมการอ่าน
๘. ป้ายนเิ ทศบรเิ วณโรงเรยี น
๙. ส่อื วีดีทศั น์ คอมพวิ เตอร์ อินเทอรเ์ นต
๑๐. สมดุ บนั ทึกรกั การอา่ น

ภาระงาน/ชิ้นงาน
๑. แบบฝกึ หัด/ใบงาน/แบบทดสอบ
๒. สมุดบนั ทึกรักการอ่าน
๓. งานกลุ่ม การพดู แสดงความคิดเห็น
๔. รายงานกล่มุ
๕. หนังสือเล่มเลก็ สภุ าษิต สำนวน และคำพังเพย
๖. บันทึกรกั การอา่ น

การประเมินผล
๑. สังเกตการอา่ นออกเสยี งจากแบบบันทึกการสงั เกตการอา่ น
๒. สังเกตการพฤตกิ รรมการฟัง การเขียน การพดู
๓. สังเกตการพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมของนกั เรยี น
๔. ตรวจหนงั สือเล่มเล็ก
๕. ตรวจแบบฝกึ หดั /ใบงาน /แบบทดสอบ/งานกลมุ่
๖. การตอบข้อซักถาม
๗. สงั เกตมารยาท การพูด การฟงั การอ่าน การเขียน ของนักเรียน

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕

หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑6 เร่ือง วถิ ชี ีวิตไทย เวลา ๘ ช่ัวโมง

________________________________________________________________________________

คำอธิบายประจำหนว่ ย
ฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้ว อา่ นจับใจความสอื่ ต่าง ๆ อา่ นเพ่ิม เติม

ความหมาย การอา่ นหนังสือตามความสนใจ ฝกึ การเขยี นส่ือสาร เชน่ คำขวัญ คำอวยพร คำแนะนำ คำอธิบาย
แสดงขน้ั ตอน สำนวนทเี่ ปน็ คำพังเพย และสุภาษติ บทอาขยานและบทรอ้ ยกรองที่มคี ณุ คา่ ระบคุ วามรู้และ
ข้อคิดท่ไี ด้จากการอา่ นวรรณคดหี รอื วรรณกรรม และอธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดีหรอื วรรณกรรม


๙๖

เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ความคิด สรุปความ แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็ น แสดงความ
คดิ เห็น ศึกษาค้นคว้า นำเสนอผลงาน สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีมารยาทในการอ่าน การเขียน
การฟงั การพูด และการดู รักการอ่าน รักษ์ภาษาไทยซง่ึ เปน็ ภาษาประจำชาติ

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑6 หนว่ ยการจัดการเรียนรู้กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
รหัสวิชา ท ๑๐๑๐๑ เร่อื ง วิถชี ีวิตไทย
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ รายช่อื วชิ า ภาษาไทย
ระยะเวลาการสอน 8 ชว่ั โมง

สาระที่ ๑ การอา่ น

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพ่ือนำไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปญั หาในการ
ดำเนินชีวิต และมีนสิ ัยรกั การอ่าน

ตัวบง่ ช้ี
๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง
๒. ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยคและข้อความทเ่ี ปน็ การบรรยาย และการพรรณนา
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๔ แยกขอ้ เท็จจริงและขอ้ คดิ เหน็ จากเรอ่ื งท่อี า่ น
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๕ วเิ คราะหแ์ ละแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเรื่องทอ่ี า่ นเพอื่ นำไปใช้ ในการดำเนินชีวิต
๕. ท ๑.๑ ป.๕/๗ อา่ นหนังสือทีม่ ีคุณค่าตามความสนใจอย่างสมำ่ เสมอและแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั เรือ่ ง
ทอี่ ่าน
๖. ท ๑.๑ ป.๕/๘ มีมารยาทในการอ่าน

สาระท่ี ๒ การเขียน

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นส่อื สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขยี นเร่อื งราวใน
รปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมี
ประสิทธิภาพ

ตวั บ่งชี้
1. ท ๑.๑ ป.๕/๒ เขยี นสื่อสารโดยใช้คำได้ถกู ตอ้ งชัดเจน และเหมาะสม
2. ท ๑.๑ ป.๕/๓ เขียนแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพความคิดเพื่อใช้พัฒนางานเขยี น
3. ท ๑.๑ ป.๕/๔ เขียนยอ่ ความจากเรอื่ งทอ่ี ่าน
4. ท ๑.๑ ป.๕/๖ เขยี นแสดงความรูส้ กึ และความคิดเหน็ ได้ตรงตามเจตนา
5. ท ๑.๑ ป.๕/๘ เขยี นเรอ่ื งตามจนิ ตนาการ
6. ท ๑.๑ ป.๕/๙ มารยาทในการเขียน

สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพูด
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดูอยา่ งมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และความรสู้ ึกใน


๙๗

โอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์
ตัวบ่งช้ี

๑. ท ๑.๑ ป.๕/๑ พดู แสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรู้สึกจากเร่ืองทฟี่ งั และดู
๒. ท ๑.๑ ป.๕/๒ ตง้ั คำถามและตอบคำถามเชงิ เหตุผลจากเร่อื งท่ฟี งั และดู
๓. ท ๑.๑ ป.๕/๓ วเิ คราะห์ความน่าเช่ือถือจากเรือ่ ง ท่ฟี ังและดูอยา่ งมีเหตผุ ล
๔. ท ๑.๑ ป.๕/๔ พดู รายงานเร่อื งหรอื ประเด็นท่ศี กึ ษาค้นควา้ จากการฟัง การดู และการ

สนทนา
๕. ท ๑.๑ ป.๕/๕ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด

สาระท่ี ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย

มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ

ตวั บง่ ช้ี
๑. ท 4.๑ ป.๕/7 ใช้สานวนได้ถกู ต้อง

สาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คณุ ค่าและ

นามาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตจรงิ
๑.ท 5.๑ ป.๕/2 ระบุความร้แู ละขอ้ คิดจากการอ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่สามารถนำไปใช้ใน

ชีวติ จริง
๒. ท 5.๑ ป.๕/4 ท่องจำบทอาขยานตามทก่ี ำหนดและบทรอ้ ยกรองทม่ี ีคุณค่าตามความสนใจ

สาระสำคญั
๑. การอ่านออกเสียงเป็นการอา่ นทคี่ นอ่ืนสามารถไดย้ ินและรเู้ ร่อื งสง่ิ ทีเ่ ราอ่านได้ ดังน้นั ควร

อ่านออกเสียงใหด้ ถี ูกต้องตามหลักการอา่ น จงึ จะสื่อสารได้ดี ได้ประโยชนท์ งั้ ผ้อู ่านและผฟู้ ัง
๒. การอา่ นเพื่อท่จี ะเขา้ ใจและวเิ คราะห์เรือ่ งราวท่อี า่ น เป็นการอา่ นทต่ี อ้ งใชส้ มาธิ สติใน

การอ่าน อา่ นอย่างพินจิ พจิ ารณา คดิ วิเคราะห์เรือ่ งท่ีอ่าน จบั ใจความสำคัญของเร่ืองที่อ่านให้ได้ จะทำให้
สามารถแยกข้อเทจ็ จรงิ ขอ้ คดิ เห็น และแสดงความคิดเหน็ จากเรอ่ื งที่อา่ นได้

๓. การอ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย ผอู้ า่ นต้องใชส้ มาธิในการอ่านอย่างพินจิ พิจารณา
คดิ วิเคราะห์เรื่องที่อ่าน จะทำให้สามารถสรปุ เร่ืองท่ีอ่าน ได้ความรู้ ข้อคิด และสามารถอธิบายคุณค่าของ
วรรณคดี และวรรณกรรม

4.การอ่านออกเสียงคำประพนั ธป์ ระเภทรอ้ ยกรองผู้อ่านต้องอา่ นถูกต้องท้ังดา้ นอกั ขระ การเว้นวรรค
ตอน ระดับสงู ต่ำของเสยี งตามบรบิ ทแห่งเนอ้ื หา จึงจะทำใหเ้ กดิ อรรถรสและเพิม่ คณุ คา่ เดน่ ชดั ทางด้าน
วรรณศิลป์

5.สภุ าษิต หมายถงึ คำพูดทีพ่ ดู ออกมา ไม่วา่ จะเป็นทำนอง สำนวนโวหาร ที่มคี วามหมายท่ีดี ส่วนใหญ่
คนไทยเราจะหยิบยกคำสุภาษติ มาเป็นตวั อยา่ งในการอบรมสง่ั สอนลกู หลาน หรือบางครงั้ ใช้แสดงเปรียบเทียบ
ประกอบการสนทนา


๙๘

6. สำนวน หมายถงึ โวหาร ทำนองพดู ถอ้ ยคำท่ีเรยี บเรียง เป็นลกั ษณะความหมายเชิงอุปมา
เปรยี บเทียบ ไม่แปลความหมายตามตัวอกั ษร จึงฟงั แล้วมักจะไม่ได้ความหมายของตัวมนั เอง ต้องนำไป
ประกอบกบั เร่อื ง หรือเหตุการณ์จึงจะได้ความหมายเปน็ คติเตือนใจ เช่นเดียวกับคำทเี่ ปน็ สุภาษิต

7. คำพงั เพย หมายถึง ถ้อยคำที่เรียบเรียงขน้ึ มาเปน็ ความหมายกลาง ๆ คือ ไมเ่ นน้ การสง่ั สอน แต่ก็
แฝงคตเิ ตือนใจหรือ ขอ้ คิดสะกดิ ใจใหน้ ำไปปฏิบัติได้ และ เนื้อหาของใจความนนั้ กไ็ มจ่ ำเป็นว่าจะตอ้ งเปน็
ความดี หรอื ความจรงิ แท้แน่นอน เพอ่ื ให้ตีความเขา้ กับเรอ่ื ง มคี วามหมายลกึ ซ้ึงกว่าสำนวน มลี กั ษณะตชิ ม
หรือแสดงความเหน็ ในตวั แต่ยังไมไ่ ด้วางหลกั ความจรงิ อนั เท่ยี งแท้ และยงั ไมเ่ ป็นคำสอน เช่น กระตา่ ยตื่น
ตูม ทำนาบนหลงั คน ถ่ีลอดตาชา้ ง ห่างลอดตาเลน็ เสยี นอ้ ยเสียยากเสียมากเสียงา่ ย นำ้ ถงึ ไหนปลาถงึ นัน้
เป็นตน้

8. การเขยี นส่ือสาร เช่นคำขวญั คำอวยพร เป็นการเขียนเชงิ สร้างสรรค์ เพือ่ ให้เกิดความเขา้ ใจอนั ดี
ตอ่ กัน และใชใ้ ห้เหมาะสมตามกาลเทศะ

9. คำแนะนำและคำอธิบาย เป็นการเขียนทอี่ ้างองิ ขอ้ เท็จจรงิ ให้ตรงตามวัตถปุ ระสงค์

สาระการเรียนรู้/ความรู้
๑. การเขยี นสอ่ื สาร เช่น คำขวัญ คำอวยพร
๒. คำแนะนำและคำอธิบายแสดงขัน้ ตอน
๓. สำนวนทเี่ ปน็ คำพังเพยและสภุ าษิต
๔.บทอาขยานและบทรอ้ ยกรองที่มคี ณุ ค่า

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๑. บอกความสำคัญของบทรอ้ ยกรอง อา่ นและบอกใจความของบทร้อยกรองได้
๒. บอกคำคลอ้ งจองได้ อ่านออกเสยี งเนอื้ หาในบทเรียนได้
๓. สรุปเรอื่ งราวทีอ่ า่ นได้
๔. บอกความหมายของคำยากในบทอ่านได้
๕. อา่ น เขยี นสะกดคำในบทเรียนได้
๖. เขียนสื่อสาร เช่น คำขวญั คำอวยพร ได้อย่างเหมาะสม
๗. เขยี นคำแนะนำและคำอธบิ ายแสดงขน้ั ตอนได้
๘. บอก อ่าน เขยี น สำนวนที่เปน็ คำพงั เพยและสุภาษิตได้
๙. ท่องบทอาขยานและบทรอ้ ยกรองท่ีมีคณุ ค่า เป็นร้อยกรอง และทำนองเสนาะได้

สมรรถนะสำคัญ
๑. ความสามารถในการส่ือสาร
๒. ความสามารถในการคิด


๙๙

๓.ความสามารถในการแกป้ ัญหา
๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
๕.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๒. ซอื่ สตั ยส์ ุจริต
๓. มีวินัย
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อยู่อยา่ งพอเพยี ง
๖. มุง่ มนั่ ในการทำงาน
๗. รักความเปน็ ไทย
๘. มีจติ สาธารณะ

กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. ฝึกการอ่านออกเสียง อ่านบทร้อยกรอง จับใจความสำคัญ เชิงคำถาม แสดงความคิดเห็น จาก
เรื่องที่อ่าน อ่านพิจารณาบทเรียน อภิปรายเกี่ยวกับการวิเคราะห์ โครงเร่ือง ลำดับเหตุการณ์
ของเรอ่ื ง
๒. แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็น วเิ คราะห์และการแสดงความคิดเหน็ จากเรอื่ งทอี่ ่าน
๓. ฝึกการเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์ การเขยี นแสดงความคดิ เหน็
๔. ฝกึ เขียนเรื่องจากจนิ ตนาการ จากความคิดสรา้ งสรรคข์ องตนเอง และแตง่ เปน็ เรอื่ งราว
๕. การเขยี นแผนผังความคิดของเรื่อง การวิเคราะหโ์ ครงเร่อื งตามลำดับเหตุการณ์
๗. การศกึ ษาคน้ คว้า อ่านวรรณกรรมเยาวชน หนงั สอื ดสี ำหรบั เยาวชน และหนังสือท่ีสนใจ
๘. กระบวนเขยี นสือ่ สาร เชน่ คำขวัญ คำอวยพร ได้อยา่ งเหมาะสม
๙. ฝกึ เขียนคำแนะนำและคำอธบิ ายแสดงขนั้ ตอนได้
10. บอก อ่าน เขยี น สำนวนทเ่ี ปน็ คำพงั เพยและสภุ าษิตได้
11. ฝกึ ทอ่ งบทอาขยานและบทรอ้ ยกรองทม่ี คี ณุ ค่า เป็นร้อยกรอง และทำนองเสนาะได้

ส่อื การเรยี นรู้
๑. หนงั สอื เรียน
๒. แบบสังเกตพฤติกรรม
๓. ใบความรู้
๔. แบบทดสอบ / แบบฝึกหัด
๕. หนังสอื วรรณกรรมสำหรบั เยาวชน หนังสือนิทาน หนงั สือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน
๖. ใบกจิ กรรมการอ่าน
๗. ปา้ ยนิเทศบรเิ วณโรงเรียน


Click to View FlipBook Version